(รีไรท์)Mpreg โซ่รัก(คล้อง)หัวใจนาย EP.39อาจารย์กัน รู้ความจริงแล้ว
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (รีไรท์)Mpreg โซ่รัก(คล้อง)หัวใจนาย EP.39อาจารย์กัน รู้ความจริงแล้ว  (อ่าน 1148 ครั้ง)

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
   
EP.19 บีมต้องคลอดน้องแล้ว
   
                      Part’ s กันต์ธีย์ ผมนอนสะลึมสะลืออยู่ในห้องพักคนไข้ อาการปวดเริ่มดีขึ้นแล้ว ตอนแรกผมนึกว่าผมจะตายซะแล้ว ปวดเหมือนถูกหักกระดูกทั้งตัว เป็นความเจ็บปวดเทียบเท่าตนโดนรถชนแล้วกระดูกหักสักสามสิบท่อนเห็นจได้และผมเพิ่งจะเข้าใจวันนี้เองว่า ก่อนจะเป็นแม่คน ต้องผ่านความเจ็บปวดที่แสนสาหัสนี้ไปก่อน และนี่ผมก็ยิ่งคิดถึงแม่ผมเอง

         “บีม พี่ฉีดยาระงับการคลอดให้เราไปก่อนน่ะ และฉีดยากระตุ้นปอดน้องแล้วด้วย “พี่หมอภีมปภพพูดกับผม

    “พี่ว่าเราต้องเข้าห้องผ่าคลอดพรุ่งนี้หรือมะรืนนี้” พี่หมอภีมบอกผม ผมมองหน้าพี่หมอภีม ตอนนี้อะไรก็ได้แล้วแหละ

   “อันที่จริงอยากให้รอถึง 37 สัปดาห์แต่ดูท่าลูกเราคงไม่อยากรอ”

   “และพรุ่งนี้ก็ครบ36 วีคแล้ว น้ำหนักเด็กก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ทีดี พี่ว่าน่าจะโอเคน่ะ ถ้าน้องอยากจะออกมาลืมตาดูในตอนนี้ “พี่หมอพูดปนหัวเราะ และคนที่เดินตามเข้ามาคืออาจารย์กันตภณ เขาเดินมาเอามือลูบหัวผมเบาๆ

   “ยาแก้ปวดนี้จะอยู่ได้นานแค่ไหน อะภีม”

   “ก็ต้องดูก่อนว่าบีมปวดมากแค่ไหน ถ้าปวดมากก็จะให้อีก แต่ถ้าปวดถี่เลย ก็คงต้องทำอะไรสักอย่าง และตอนนี้เด็กพร้อมจะออกมาแล้ว และดีที่เกิน34สัปดาห์ไปแล้ว แต่ได้ฉีดยากระตุ้นปอดให้น้องไปแล้ว น่าจะโอเคถ้าจะผ่าคลอดพรุ่งนี้หรือมะรืนนี้เลย” พี่หมอภีมพูดกับอาจารย์กันตภณ

   “จะได้เห็นเจ้าตัวน้อยแล้วน่ะ”

   “จะจ้างพยาบาลเข้ามาดูแลเราน่ะ เอาคนที่มีประสบการณ์เพื่อมาคอยให้คำแนะนำเรา “อาจารย์กันตภณพูด ผมก็เงยหน้าขึ้น ไม่อยากให้สิ้นเปลืองเงินทองเปล่าๆ เลย

   “เอาน่ะ คุณพ่อคุณแม่มือใหม่จะได้ไม่เครียด มีคนคอยแนะนำ” พี่หมอภีมปภพพูดก่อนจะหันไปมองหน้าอาจารย์กันตภณ

   “โอ๊ย!!” ผมรู้สึกว่าเจ็บจี้ดเลย และก้มลงมองท้องของผม ที่เป็นคลื้นจากการดิ้นของลูกโซ่

   “บีม” อาจารย์กันตภณรีบก้มลงแต่ผมก็ต้องเอามือป้องทำท่าจะอาเจียนทันที และอาจารย์กันตภณก็ตอ้งชะงักเท้าที่จะเข้ามาหาผม

   “บีม ยังไม่ยอมให้พี่เข้าใกล้อีกเหรอ” อาจารย์กันตภณถามผม ด้วยน้ำเสียงปนความน้อยใจ

   “คือผมขอโทษนะครับพี่กัน ผมไม่ได้อยากเป็นแบบนี้ อึก อึก” และผมก็ต้องค่อยๆ ดันตัวเองขึ้นนั่งและรีบคว้าที่รองอาเจียนมาถือเอาไว้

   “มีคนไข้ คนหนึ่งน่ะ เหม็นกินสามีตอนท้อง ห้ามเข้าใกล้กันเลยแหละจนคลอดเลยน่ะมึง แตะตัวก็ยังไม่ได้ ต้องอยู่ห่างๆ สงสัยมึงจะได้สิทธิ์นั้นว่ะกัน “พี่หมอภีมปภพพูดปนหัวเราะกับอาจารย์กันตภณ และเพื่อนๆ ของผมก็กรูกันเข้ามา และมายืนล้อมผมกันหมด

   “บีมเป็นไงบ้าง” ฟิล์มถามผมพร้อมกับกุมมือผมเอาไว้

   “นึกว่ามาถึงเห็นหน้าหลานเลยเนี๊ยะ อุตส่าห์แต่งหน้ามารอเลย จะถ่ายรูปลงโซเชียลกับหลานสักหน่อย” มะนาวพูด

   “ที่พวกกูมาช้าน่ะ ก็รอ คุณอาเห่อหลานอยู่นี้แหละ” ใบชาพูดก่อนจะโบ้ยปากไปทางมะนาว

   “กลัวหลานเห็นหน้าแล้วตกใจ เลยต้องแต่งสวยๆ ไว้ก่อน” มะนาวพูด

   “กูน่ะกลัวหลานตกใจหลังจากที่มึงล้างหน้าแล้วมากกว่า อันนี้เรียกว่าถึงขั้นช๊อก” ใบชาพูด

   “ใบชา!”

   “เอาล่ะ ไม่ต้องทะเลาะกันครับ พรุ่งนี้ครับได้เห็นแน่นอน หน้าหลานน่ะ เพราะว่าพรุ่งนี้พี่หมอนัดผ่าเลยครับ” พี่หมอภีมภพพูดบอกทุกคน

   “บีมแม่มึงโทรเข้าหากูว่ะ และเขาบอกว่าเขามาไทยกับแฟนเขา เขาว่าจะมาหาแกน่ะ แต่กูบอกเขาไปว่ามึงไปโรงพยาบาลแล้วคลอดวันนี้ “ฟิล์มบอกผม

   “แล้วแม่บอกว่าจะหากูไหมฟิล์ม” ผมรีบถามฟิล์มทันที

   “เขาบอกว่ายังไม่รู้แต่กูให้ที่อยู่โรงพยาบาลไปแล้วว่ะ หวังว่าเขาจะมาน่ะมึง “ฟิล์มบอกผม ผมรุ้ว่าอาจารย์กันตภณเขามองการสนทนาของผมกับฟิล์มอยู่ ก่อนจะแตะทีแขนผมเบาๆ

   “คืนนี้พวกผมเฝ้าบีมกันได้ไหมครับ พี่หมอ” เป็กซ์เอ่ยถามพี่หมอภีมปภพ

   “ไม่เป็นไรหรอกมีพยาบาลดูแลน่ะ พวกมึงเรียนกันก็เหนื่อยแล้ว” ผมบอกเพื่อนๆ ของผม

   “ไม่ได้หรอกเพื่อนกัน จะได้เป็นกำลังใจให้แกไงบีม พวกเราไม่ทิ้งกันอยู่แล้ว “ใบชาพูด

   “ได้ครับแต่อย่าส่งเสียงดังกันน่ะ “พี่หมอภีมพูด

   “ครับ” “ค่ะ” และทุกคนก็รับปากรับคำกันอย่างดี

   “พรุ่งนี้พี่มีนัดเด็กสอบเก็บคะแนนน่ะซิ ถ้าเสร็จเร็วพี่จะรีบมาเลยน่ะบีม” อาจารย์กันตภณพูดกับผม ผมพยักหน้า ผมเองก็ไม่อยากให้อาจารย์ต้องมาเสียเวลาเอาชั่วโมงสอนมาคลุกกับผมเช่นกัน

   “บีมรู้สึกว่าปวดบีบถี่มากไหมตอนนี้ “พีหมอภีมถามผม

   “คือมาแล้วก็หายไปพักๆ หนึ่งอ่ะครับ พี่หมอ” ผมบอกพี่หมอภีม

   “เดี๋ยวพี่จะให้พยาบาลเอายาแก้ปวดมาให้น่ะบีม อาจจะต้องฉีดยากระตุ้นปอดเด้กอีกสักเข็มน่ะ “พี่หมอภีมปภพบอกผม ผมหันมามองเพื่อนๆ ที่พากันนั่งลง เหลือแต่อาจารย์กันตภณที่ยืนอยู่ข้างเตียงคนไข้กับผม

   “ผมขอโทษนะครับพี่กัน ทีผมทำให้ทุกคนเข้าใจพี่ผิด ผมขอโทษ” ผมพูดกับอาจารย์กันตภณ

   “ไม่เป็นไร แม้ในใจของพี่ พี่อยากให้เขาเป็นลูกของพี่จริงๆ น่ะบีม พี่รักบีม” ผมก็ต้องอึ้ง

   “ใจพี่อยากมีลูกแต่… พี่…มี..ไม่ได้ “อาจารย์กันตภณบอกผม

   “โอ้วว “ผมชักมือออกมาแทบไม่ทันทีมันเจ็บจี้ดขั้นมาทันที

   “บีม!!” เสียงเพื่อนผมลุกพรวดขึ้นและตรงมาหาผมทันที ผมก็พยายามทำตามที่หมอภีมปภพบอกผมเอาไว้ ถ้าเกิดอาการท้องแข็งให้ผมหายใจเข้าลึกและหายใจออกยาวๆ

   “บีมเจ็บท้องอีกแล้วเหรอ” อาจารย์กันตภณถามผม ผมพยักหน้า รอบนี้มันปวดแบบเหมือนมีใครมาบีบอวัยวะภายในผมไว้เลย

   “โอ๊ย!!! อืมมมมม โอ๊ย!!!”

   “พี่ไปเรียกไอ้หมอน่ะ ให้มันเอายามาให้เราน่ะบีม ตอนนี้เลย” อาจารย์กันตภณรีบวิ่งออกไปทันที เพื่อนๆ ผมหันไปมองอาจารย์กันตภณก่อนจะหันกลับมามองผม จู่ๆ ผมก็ผมก็รู้สึกว่าดีขึ้นมาทันที

   “ดีขึ้นแล้วเหรอบีม” ผมก็พยักหน้าแบบไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน

   “กูถามจริงๆ กูสังเกตมาพักใหญ่แล้วน่ะ เวลาอาจารย์เขาจะเข้าใกล้มึงน่ะ ลูกมึงแสดงอาการไม่ชอบหน้าเขาเลยอ่ะ ทำให้มึงคลื่นไส้เขาบ้าง มันเหมือนกับว่า ไม่อยากให้อาจารย์แกเข้าใกล้มึงเลยว่ะ ไม่ใช่มึงน่ะ ลูกมึงว่ะ ” เป็กซ์พูด ผมก็รู้สึกผิดทันที

   “ก็ลูกไอ้บีม ไม่ใช่ลูกอาจารย์นี่หว่า เด็กมันยังเลือกพ่อถูกเลย” เป็กซ์พูด ผมสะบัดหน้าหันไปมอง ผมเองยังจำหน้าพ่อเด็กไม่ได้เลยน่ะ ลูกผมเขารู้ได้ไงว่ะ ผมนึกในใจ

   “อย่าว่าเลยน่ะดูจากรูปสามมิติที่อัลตราซาวน์ล่าสุดน่ะ หน้าไม่ไปทางอาจารย์กันตภพเท่าไหร่น่ะมีแค่จมูกที่โด่งอย่างเดียว” มะนาวพูด ก่อนที่อาจารย์จะกลับเข้ามาพร้อมกับพี่หมอภีมปภพและทุกคนก็หยุดการสนทนา พยาบาลก็ตามเข้ามาอีกสองสามคน มีเครื่องวัดการเต้นหัวใจลูกผมและเครื่องตรงนับการหดเกร็งของมดลูกของผม

   “บีมปวดมากเลยว่ะไอ้หมอ” อาจารย์กันตภณพูด และพี่พยาบาลก็เอาสายรัดมารัดที่พุงกลมของผมมีเรื่องวัดการเต้นหัวใจลูกผมอยู่ และมีที่วัดกราฟการบีบตัวของมดลูก ผมก็ต้องกดฟันอีกที

               “โอ้วววว โอ้ววว “ผมปวดจี้ดขึ้นมาอีก จนต้องกุมผ้าปูที่นอนแน่น

   “บีม!!” เพื่อนของผมร้องเรียกผมเสียงหลง

   “บีม” อาจารย์กันตภพเข้ามาจับต้นแขนผม สีหน้าที่เหยเกของผม เพราะความเจ็บปวดที่จู่ๆ ก็แล่นจี้ดขึ้นมาถีๆ แบบไม่ทันตั้งตัว จนผมต้องพ่นลมหายใจเข้าออกถี่ๆ และเส้นกราฟที่ขีดเขียนจากเครื่องก็ถี่ยิบขึ้นมาทุกที ผมเองก็พ่นลมหายใจถี่ตาม

   “โอ๊ย!!!”

   “ไม่ทันพรุ่งนี้แล้ว เตรียมห้องผ่าตัดเลยครับพี่หมอน” พี่หมอภีมพูด

   “ไม่รอให้ถึงสามสิบหกสัปดาห์เหรอ ไอ้หมอ” อาจารย์กันตภณหันไปถามพี่หมอภีมปภพ

   “ก็เด็กเขาไม่รอแล้วนิดูซิ บีบถี่หยิบขนาดนี้ รอไม่ได้น่ะ เพราะว่ามดลูกอาจจะแตกได้ อันตรายกว่าอีก คราวนี้ทั้งแม่และน้องเลยน่ะ ผ่าเลย” หมอภีมปภพพูด มะนาวเดินมาจับมือผมและ ทำท่าทางหายถี่ๆ และพ่นลมออกถี่ เหมือนผม ผมก็หันมามองมะนาว

   “ดีขึ้นไหมอ่ะบีม” มะนาวถามผม ผมส่ายหัวว่าไม่เลย มันบีบมากขึ้นอีก

   “ฟูๆๆๆๆ “มะนาวก็ช่วยผมเต็มที่

   “พอเถอะมะนาว มึงน่ะทำให้บีมมันแย่ลง” ฟิล์มพูด

   “ก็อยากช่วยเพื่อน” มะนาวพูด แต่ผมน่ะ หันไปซ้ายหันขวา เพราะว่ามันปวดทรมานที่สุด อาจารย์กันตภณเข้ามากุมมือผม อีกข้าง สีหน้าและแววตาที่ดูเป็นห่วงผมมันทำให้ผม เสียดายสิ่งที่ผมควรจะให้คนที่ควรกลับไปตกอยู่กับคนที่ไม่เห็นค่า มันจะรู้ไหมว่าผม โอ๊ย!!! กูทรมารแค่ไหนเนี๊ยะไอ้เชี้ย ผมแอบด่าในใจไอ้คนที่ทำผมวันนั้น

   “โอ๊ย!!!” ผมร้องออกมาดัง และประตูห้องนอนผมก็ถูกเปิดออก มี่เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล และพยาบาลหลายคนเลย เข้ามเพื่อนย้ายผมไปห้องผ่าตัดด่วน

   “ต้องวางยาสลบเราน่ะบีม เพราะนี้คือผ่าคลอดฉุกเฉิน” พี่หมอภีมปภพบอกผม เพื่อนๆ ผมแต่ล่ะคนยืนเกาะกลุ่มกันหมด ผมเองก็ไม่เคยเข้าห้องผ่าตัดมาก่อนเลย ผมเริ่มกลัว ผมกลัวมากตอนนี้ ตัวผมเริ่มสั่นสะท้านไปหมด ที่ผมกลัวคือ ผมกลัวจะไม่ได้ตื่นมาเจอคนที่ผมเฝ้ารอ คนที่ผมรัก ผมก็ไม่รู้ทำไมผมถึงกลัวได้มากมายขนาดนี้

   “ทำใจให้สบายน่ะครับบีม พี่จะรออยู่ที่นี้ ตรงนี้ และพี่เชื่อใจหมอภีมน่ะ หมอภีมน่ะเป็นเพื่อนของพี่ตั้งแต่มัธยมและเป็นเพื่อนที่สนิทกับพี่มากที่สุด พี่เชื่อว่าบีมจะปลอดภัยทั้งบีมและลูก” อาจารย์กันตภณบอกผม

   “ทำไมคนที่เป็นพ่อของลูกผมไม่ใช่พี่น่ะ พี่กัน” ผมพูดก่อนจะค่อยๆ ปล่อยมืออาจารย์กันตภณไป

   “ถ้ามีพรที่พี่จะขอได้ พี่ก็อยากเป็นพ่อของเด็กคนนั้น บีมของลูกบีม” อาจารย์กันตภณบอกผม

   “แต่ในความจริง พี่ก็ทำไม่ได้ แต่พี่สัญญาว่าพี่จะรักเขาให้เหมือนกับว่าเขาคือลูกของพี่” ผมได้ยินแต่ว่ามันเบามาก และผมก็ถูกเข็นไปเรื่อย ในหัวผมคิดสิ่งที่ผมได้ยินจากอาจารย์กันตภณ “แต่ในความจริงพี่ก็ทำไม่ได้ “มันคืออะไร ผมไม่เข้าใจ และตอนนี้ร่างผมถูกเข็นเข้าไปในห้องหนึ่ง ตัวผมสั่นเทามาก ผมกลัวเหลือเกิน จนกระทั่งถูกนำมาไว้อีกห้อง ผมไม่รุ้ว่าเกิดอะไรขึ้น บ้างเพราะว่าทุกอย่างมันรวดเร็วมาก จนผมตั้งตัวไม่ทันที

   “คนไข้ค่ะ เราจะให้คนไข้ดมยาสลบแล้วนะคะ สูดหายใจเข้าลึกๆ นะคะ และคิดแต่สิ่งที่ดีดีเข้าไว้นะคะ คิดแต่สิ่งที่ทำให้คนไข้มีความสุขนะคะ ทำใจให้สบายนะคะ สูดหายใจค่ะ เก่งมากเลยค่ะคนไข้ นึกแต่สิ่งที่ดีดีเข้าไว้นะคะ ตื่นมาจะได้เจอน้องแล้วนะคะ”

   ผมได้ยินเสียงนั้นตอนนี้มีบางสิ่งมาครอบปากและจมูกของผม ผมก็หายใจเข้าออกตามที่ผู้หญิงคนนั้นบอก และความสุขของผมคืออะไรกัน ตั้งแต่เกิดมาผมเองก็มีแค่แด้ดและแม่ แต่ความสุขของผมเริ่มหายไปตั้งแต่พอเสียและผมก็ถูกส่งมาอยู่ที่ไทยตามลำพังตอนแรกก็อยู่กับยาย แต่พอยายเสียก็ต้องออกมาอยู่คอนโดของแม่ เวลาผ่านไปได้สักสิบนาทีหนังตาเริ่มหนักลง สิ่งที่ผมเห็นไม่ใช่หลอดไฟนีออน แต่เป็นภาพผู้ชายคนหนึ่งที่กำลัวอุ้มเด็กน้อยน่ารัก หน้าหวานๆ ดูเขามีความสุขมาก เขาหัวเราะกันสองคน ผมเองก็นั่งดู และอมยิ้มไปด้วย ผู้ชายคนนี้ใครกันน่ะ เขารักลูกเขามากขนาดนี้เลยเหรอ แล้วพ่อผมล่ะเขาจะรักผมได้แบบผู้ชายคนนี้ไหม

   “ป๋า มี้ “เด็กน้อยคนนั้นสะกิดกับผู้ชายที่หันหลังอยู่ให้เขาหันมามองผม และเด็กน้อยนั้นก็เรียกผมว่ามี้ มี้ของเขาอย่างนั้นเหรอ เด็กคนนั้นเหมือนลูกชายผมเลยน่ะ และผู้ชายคนที่ยืนหันหลังก็หันหลังมามองผมช้า ๆ ช้าๆ ช้า ๆ ผมก็ต้องตกใจเพราะว่าเขาคือคนที่สร้างตราบาปไว้กับผมนั้นเอง เธียรวิชย์ ไอ้ ….ไอ้ ….เธียร ไอ้เชี้ย!!!  อันนี้มันไม่ใช่ความสุขที่ผมต้องการจะนึกถึง!!!

   “ม๊าครับ” เขาเรียกผมว่าม๊า ทำหน้าตาหล่อเชียวแต่ว่าสิ่งที่มันทำกับผมเอาไว้ ผมจะไม่มีวันให้อภัยเด็ดขาดและจะไม่ยอมเป็นเมียให้มันด้วย ไม่มีทาง ที่ผมคิดตอนนี้ ผมรู้สึกว่ามือผมกำอะไรบางอย่างแน่แต่ จู่ๆก็คลายลงเพราะว่ามีมือใครมาสัมผัสกับมือของผม เหมือนเขากำลังจะทำให้ผมคลายทุกอย่าง

    “อย่ากังวลนะครับ พี่จะทำหน้าที่ของพี่ให้ดีที่สุด พี่สัญญา พี่จะดูแลคนรักของคนที่พี่รักให้ดีที่สุด กันรักเราน่ะบีม “ผมได้ยินแต่ผมก็ลืมตาไม่ได้ที่จะบอกว่า ผมเองก็คงรับรักจากพี่เขาไม่ได้เช่นกัน”

   TBC...

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
         
 
EP.20 บีมเจอน้องแล้ว

              Part's กันต์ธีย์ หลังจากที่ผมโดนวางยาสลบผมก็หลับไม่รู้เรื่องเลย ผมตื่นขึ้นมาพร้อมกับความเจ็บปวด ปวดแผลและพี่หมอภีมก็โทรมาสั่งยาฉีดให้ผม แถมตามมาด้วยอาการคลื่นไส้ อยากจะอาเจียนตลอดเวลา ซึ่งมันคือผลข้างเคียงจากยาสลบ จนพยาบาลต้องเอายาฉีดลดอาการคลื่นไส้มาให้ผมนั่นแหละถึงได้ดีขึ้น และยาแก้ปวดมาให้ผมทาน แต่ผมยังไม่ได้เจอลูกชายผมเลย พวกเพื่อนๆ ผมบอกว่า น้องเข้าตู้อบเพราะว่าหายใจเร็ว แต่หมอเด็กบอกว่าน้องแข็งแรงดี น้ำหนักตัว 2540 กรัม ไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไป ทุกคนอยากแวะไปดูแต่น้องอยู่ในตู้อบเลยยังไม่มีใครเห็นสักคน ส่วนอาจารย์กันตภณเพิ่งจะกลับไปตอนเช้าตรู่ เขาอยู่เฝ้าดูผมทั้งคืน มันทำให้น้ำตาผมไหลออกมาในทันที ทำไมผู้ชายคนนี้ดีกับผมเหลือเกิน ตอนแรกผมคิดว่าผมไม่ควรเลือกเขา หรือว่าผมควรจะมีเขากับลูกผม ผมยังคงคิดทบทวนอยู่ แต่คิดอีกทีเอาไว้ก่อนดีกว่า ขอใช้เวลากับลูกผมก่อนดีกว่า

   “โอ๊ยย!” ผมขยับตัวแต่เพื่อนผมพากันลุกขึ้นนั่งและคิดว่าผมควรจะไปหาลูกผมได้แล้ว

   “ไอ้บีมมึงมึงจะไปไหนวะ” ฟิล์มลุกมาถามผมทันที

   “อยากไปหาลูก” ผมหันไปบอกเพื่อนๆ ของผม

   “อย่าเพิ่งเลย มึงยังลุกเดินยังไม่ค่อยไหวเลยและทางเดินน่ะมันไกลเกินไป หมอภีมบอกว่าต้องรอให้เปิดแผลก่อน คงจะพรุ่งนี้น่ะ” ฟิล์มบอกผม

   “พวกกูก็ยังไม่เห็นหน้าหลานเลยบีม” เป็กซ์บอกผม ผมหันมามองทุกคน

   “มึงยังอ่อนเพลียอยู่เลยน่ะ นอนพักก่อนเถอะ เพราะหลังจากนี้ มึงอาจจะไม่ได้หลับไม่ได้นอน บีม” ฟิล์มพูด ผมหันไปมองหน้ามันทำไมอ่ะ

   “ดูท่าลูกมึงจะไม่ธรรมดา สั่งพิเศษมาแน่ๆ ” ผมหันมามองเพื่อนรักของผม ไอ้ฟิล์มพูด

   “กูเห็นพี่สาวกูน่ะ ตอนเลี้ยงหลานน่ะ มึงนอนเอาแรงเถอะมึงและกูว่าเด็กผู้ชายคงได้แสบซ่าเหมือนกันว่ะ “ฟิล์มพูด

   “นี้ ตอนมะนาวเห็นบีมเจ็บท้องน่ะ ไม่อยากท้องเลยอ่ะเพราะว่ามะนาวยังไม่รู้ว่าจะทนได้เท่าบีมมัน “มะนาวพูด

   “แต่ลูกก็อยากมีน่ะ เด็กมันน่ารักอ่ะ ตอนเดินผ่านห้องเด็กอ่ะ กระจองอแงกันเป็นแถว แต่ไม่อยากอุ้มท้องและคลอดเองอ่ะ”

   “บีม อุ้มท้องให้มะนาวคนหนึ่งน่ะ “มะนาวพูดผมสะบัดหน้าไปมอง จะให้ผมอุ้มท้องอีกเหรอ ไม่เอาอ่ะ ผมสั่นหัวไปมาทันที แค่รอบนี้ก็เจ็บจะตายอยู่แล้ว

   “อยากมีก็อุ้มเองซิ มีมดลูกเป็นของตัวเองซะเปล่า “ใบชาพูด

   “หาผัวก่อนเถอะมึงอ่ะ” ฟิล์มพูด ผมก็มองเพื่อนๆ ผม จะว่าไปขีวิตของผมก็ไม่ได้โชคร้ายไปซะทุกอย่าง มีเพื่อนที่รักและมีอาจารย์ที่รักและห่วงใยผมมากขนาดนี้

   “ขออนุญาตนะคะ “พี่พยาบาลเข้ามาในห้องผม พร้อมอุปกรณ์วัดไข้ วัดความดัน พี่เขาเข้ามาวัดความดัน วัดอุณหภูมิให้ผมและเช็กน้ำเกลือ

   “คุณหมอจะเข้ามาตอนสิบเอ็ดโมงนะคะ” คุณพยาบาลบอกผม

   “ทานอาหารอ่อนๆ ไปก่อนนะคะ” พี่พยาบาลบอกผม ก่อนจะหันมาหาผมและชูเข็มเล็กๆ ผมก็สะดุ้งทันที

   “พี่ขอฉีดยาที่หน้าขาคนไข้ก่อนนะคะ อันนี้คุณหมอภีมให้คนไข้ฉีดทุกวันนะคะ จนกว่าจะออกจากโรงพยาบาล อันนี้คือยาลดการอุดตั้นเส้นเลือดค่ะ ซึ่งมักจะเกิดกับคนไข้หลังผ่าตัดค่ะ “พี่พยาบาลบอกผม พร้อมกับเปิดผ้าคลุมออก ผมสวมชุดคนไข้อยู่ เป็นชุดกระโปรง

   “คือว่ามันสวมง่ายนะคะ แต่ถ้าคนไข้จะเปลี่ยนเป็นชุดผู้ชายก็ได้นะคะ แต่คงจะเป็นพรุ่งนี้นะคะ วันนี้ใส่ชุดนี้ไปก่อนเนอะ และพรุ่งนี้ก็เปิดผ้าพันแผลแล้วนะคะ” พี่พยาบาลบอกผมก่อนจะเข็มลงที่หน้าขาของผม เข็มเล็กแต่เจ็บมาก มากจนผมต้องกำมือกับผ้าปูที่นอนทันที แต่พอหันมามองเพื่อนผมพวกมันหนักกว่าผมอีก มะนาวนี้กุมมือใบชาแน่นเลย

   “อีกนาว กูเจ็บน่ะมึง”

   “แม้แค่จับมือแค่นี้น่ะเจ็บ” มะนาวถามใบชา

   “ไม่ใช่ แต่เป็นเท้ามึงน่ะ เหยียบกูเต็มๆ และน้ำหนักน่ะมันไม่ได้มาแค่เท้า มันมาทั้งตัว อีบ้า” ใบชาพูดก่อนจะผลักมะนาวออก

   “พี่ครับ ผมอยากเจอลูกน่ะครับ ได้ไหมครับ” ผมถามพี่พยาบาล พี่เขาเงยหน้าขึ้นมองหน้าผม

   “เออ อ้อ ต้องรอให้คุณหมอเด็กตรวจก่อนค่ะ แต่น้องแข็งแรงดีค่ะ น่าจะออกจากตู้อบได้แล้ว เพราะว่าน้องหายใจได้เองตามปกติแล้วค่ะ คุณแม่ ลูกชายของคุณแม่เก่งมากๆ เลยนะคะ แต่กวนเพื่อนๆ ไปหน่อยค่ะ” พี่พยาบาลชมลูกชายแต่บอกว่ากวนเพื่อนไปหน่อย ผมมามองไอ้ฟิล์มเพื่อนผม มันหยักไหล่ ยังไม่ทันได้กลับไปอยู่ด้วยกันที่บ้านเลย

   “มีอะไรกดเรียกพี่ได้ตลอดเลยนะคะ เพราะว่าคุณหมอภีมให้พี่ดูแลเรา พี่ชื่อพี่ฝนนะคะ” พี่พยาบาลหันมาบอกผมพร้อมรอยยิ้ม โรงพยาบาลเอกชน เขาบริการดีขนาดนี้

   “ขอบคุณครับพี่ฝน” ผมบอกพี่พยาบาลทีทำหน้าที่ดูแลผมในวันนี้ นี้ผมก็อยู่โรงพยาบาลม



   “ถ้าน้องจะลุกขึ้นนั่ง จับที่จับนี้นะคะเพื่อพยุงตัวขึ้น จะได้ไม่กระเทือนแผล คอยๆ ลุกก่อนนะคะ วันนี้น่าจะเดินได้คล่องนิดหน่อย ฝึกเดินบ่อยๆ หน่อยนะคะ เพื่อป้องกันการเกิดพังผืดภายในนะและจะทำให้คุณแม่หลังคลอดพักฟื้นได้เร็วด้วยนะคะ “พี่ฝนหันมาบอกผมพร้อมรอยยิ้ม

   และไม่นานอาหารเช้ามือแรกของผมก็มาถึง ข้าวต้มหมู เพราะว่าผมต้องทานอาหารอ่อนๆ เพื่อนๆ ผมรีบจัดการลากเอาโต๊ะอาหารคนไข้มาให้ผม และเข้ามาช่วยผม ปรับเตียงให้สูงขึ้นจนผมสามารถที่จะจับที่จับที่ห้อยลงมาได้ เพื่อยกตัวขึ้นนั่งโดยมีเพื่อนผมประคองอยู่

   “อ่ะบีม ทานเยอะๆ น่ะ จะได้ฟื้นตัวเร็ว และไปดูลูกมึง” ฟิล์มบอกผม เห็นมันพูดกับผมแบบนี้ ฟิล์มโคตรเป็นห่วงผมเลย และผมก็นั่งทานอาหาร แต่ใจผมก็คิดถึงลูกไปด้วย ผมเห็นของใช้เด็กอ่อนที่มาวางไว้

   “มะนาวไปเอามา เพราะว่าเดี๋ยวบีมก็ต้องใช้” มะนาวบอกผม ผมพยักหน้า

   “นี้ไงจะเอาไปให้แม่เขาอยู่ “เสียงเอะอะดังมาจากด้านนอก

   “แล้วไม่ออกมาจากตู้อบแล้วเหรอ” ผมได้ยินเสียงคุยกันถึงกับต้องวางช้อนก่อนเลยเพื่อจะได้ฟัง

   “หมอเด็กมาดู บอกว่า ปอดน้องแข็งแรงมาก ร้องลั่นขนาดนี้ ไม่ต้องแล้วจร๊าแต่รอหมอภีมปภพมายืนยันอีกทีน่ะแต่ยังไงก็ต้องพาไปหาแม่ก่อน ไม่ไหวจะเคลียร์” ผมได้ยินเสียงพยาบาลคุยกันอยู่ตรงหน้าห้องพักของผม

   “แหว๊ๆๆๆๆ” พร้อมกับเสียงอันแสบแก้วหูดังตามมาจนกระทั่งประตูเปิดออก และสิ่งที่ผมต้องตกใจคือพยาบาลเข็นเตียงแก้วของเด็กอ่อนเข้ามาในห้อง พร้อมกับเสียงเด็กร้องอยู่ในนั้น มีบางสิ่งที่ดิ้นยกแขนยกวุ่นวายไปหมด

   “คุณแม่ทานอาหารเสร็จหรือยังคะ!” พยาบาลรีบถามผมทันที แต่ว่าผมเพิ่งจะตักทานไปได้สองสามคำเอง

“มีอะไรเหรอครับพี่” ผมถามพี่พยาบาลกลับ

“น้องร้องค่ะ ร้องปรี้ดมาพักใหญ่แล้วค่ะ ให้นมขวดก็ไม่เอา และพอดีมีแม่ที่ลูกเขาส่องไฟอยู่นะคะ เขามาป้อนลูกเขาจากเต้า กะว่าจะให้ป้อนน้องไปด้วย แต่น้องก็ไม่เอาค่ะ ทั้งผลักทั้งถีบเลยค่ะ ถีบนมแม่เขาใหญ่เลยค่ะ” พี่พยาบาลพูด

   “อู้ยย!!” เพื่อนๆ ผม

   “คงต้องเป็นเต้าของคุณแม่เองแล้วแหละค่ะ คุณแม่ต้องให้น้องดูดแล้วค่ะ” ผมถึงกับก้มลงมองหน้าอกแบนๆ ผมนี่น่ะ

   “ต้องลองแล้วค่ะไม่อย่างนั้นร้องไม่หยุดค่ะ” พี่พยาบาลพูด

   “แหว๊ๆๆๆ” เสียงที่ดังมากจนเพื่อนๆ ผมไปยืนกองที่จุดเดียวกันหมด

   “เฮ้ยย!! ทำไมเสียงขนาดนี้ว่ะ” ไอ้เป็กซ์มันพูด

   “อนาคตนักร้องนำแน่ๆ เลย ตั้งชื่อวงรอเลยดีไหม” ใบชาพูดและพี่เขาก็อุ้มน้องขึ้นมา ตัวแดงๆ เชียว ผ้าที่เขาพันไว้ก็หลุดลุ่ยกระจัดกระจายไปหมด และลูกชายผมก็ดิ้นไปร้องไห้ไปด้วยไม่ลืมหูลืมตา ผมก็ค่อยอ้าแขนรับน้องเข้ามา พอเขาได้สัมผัสกับแขนผมเขาก็หยุดดิ้นเหมือนถูกกดปุ่มสต๊อป และค่อยๆ หรี่ตาขึ้นมองผม ปากก็ดูดอากาศ นั้นแปลว่าเขากำลังหิวแน่เลย

   “สงสัยจะหิวค่ะ คุณแม่เอาน้องเข้าเต้าก่อนเถอะค่ะ” พี่พยาบาลรีบพูด แต่ผมจำได้พี่หมอภีมเคยบอกว่า ผู้ชายก็มีต่อมน้ำนมเหมือนผู้หญิง ถ้าถูกกระตุ้นก็มีน้ำนมได้ ลองดูว่ะ

   “แต่ผมไม่รู้ว่าผมจะมีน้ำนมน่ะครับพี่” ผมบอกพี่พยาบาล

   “ลองดูค่ะ “พี่พยาบาลบอกผม ผมก็ต้องปลดเลือกที่ผูก และพี่เขาก็ช่วยแหวกเสื้อของผมลงมาจนเห็นเต้านมแบนๆ ของผม พี่พยาบาลมาช่วยจัดท่าให้ผม ผมก็อุ้มลูกแบบเกๆ กังๆ คิดแล้วผมจะรอดไหม คุณแม่มือใหม่มาก พี่เขาก็หันไปจะหยิบเอาหมอนมาวางให้ผมบนตัก

   “พี่ค่ะ หนูเอฟหมอนป้อนนมน้องมาให้ขุ่นแม่เขาด้วยนะคะ ใช้อันนี้ดีกว่าไหมคะ “มะนาวหันไปหยิบหมอนที่เหมือนตัวซี หยิบขึ้นมาและชูให้พี่ฝนดู ผมสะบัดหน้าไปมอง เอฟมาด้วยเหรอ ผมยังไม่คิดเลยว่าผมจะได้สิทธิ์นั้น

   “พอดีไปเอฟเสื้อผ้าหลานน่ะ และเห็นอันนี้มันน่ารักดีเลยเอฟมาด้วย ไม่ชอบเหรอ” มะนาวพูด ทุกคนหันไปมองหน้ามะนาวพร้อมกัน

   “ดีเลยค่ะ! “พี่พยาบาลพูดก่อนหันไปรับหมอนรูปตัวซีมาและเอามาคาดที่เอวผม ผมก็หันไปมองมะนาว

   “เตรียมพร้อมมาก พร้อมให้เพื่อนป้อนนมลูก” มะนาวพูด

   “ความคิดมึงน่ะดีวันนี้แหละมะนาว” ใบชาพูด และผมก็ยกเจ้าลูกโซ่ลอยขั้นให้พี่เขาจัดผมให้เรียบร้อยซะก่อน แต่แปลกน่ะเขามองหน้าผมตาแป๋วเลย ผมก็มองร่างน้อยๆ ผ้าที่ห่อนี้หลุดไปหมด คงจะดิ้นน่าดูซิท่า

   “ขอพี่อุ้มน้องก่อนนะคะ พี่จะได้จัดท่าให้ใหม่” พี่ฝนบอกผม ผมก็ส่งเจ้าลูกโซ่ของผมคืนไป

   “แหง๊ๆๆๆๆ” ร้องอีกแล้ว เพื่อนๆ ของผมก็พากันเอามืดอุดหู

   “จ๊าพ่อคุณ!!! ไม่เอามาก็ได้แม่อุ้มไว้ก่อนก่อนเลยนะคะ “พี่ฝนเลยไม่กล้าอุ้มน้องไปจากแขนของผมอีก ผมนี้ก้มลงมอง น้ำใสๆ ของผมมันไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว ผมไม่เคยเลยว่าทั้งชีวิตของผมจะมีวันนี้ วันทีที่ต้องทำหน้าที่เหมือนคุณแม่ แม้จะมาจากความไม่พร้อมก็ตาม

   พี่ฝนจัดการจับแขนผมวางให้สันหลังของน้องอยู่บนท้องแขนของผมและหัวศีรษะน้องอยู่ที่ฝ่ามือ ศีรษะน้อยๆ นั้น มีผมที่ดกดำเงางามอยู่ พี่ฝนก็จับฝ่ามือผมจับที่ระหว่างช่วงคอของน้องเพื่อประคองก่อนจะพลิกน้องให้นอนตะแคง เพื่อให้ริมฝีปากน้อยๆ ตรงกับจุกเล็กๆ ของผม ผมเองก็ยังนึกไม่ออกเลยน่ะว่าเจ้าจะดูดเอาอะไร และทันทีที่ริมฝีปากนั้นสัมผัสกับฐานก็รีบไล่งับหาจุดเล็กของผมทันที ก่อนจะอ้าปากงับเข้าไป ผมนี่เกร็งจนเริ่มจะปวดแผล

   “คุณแม่นั่งสบายๆ นะคะ อย่าเกร็งค่ะ “พี่พยาบาลบกอผม ผมก็ค่อยผ่อนคลายลง

   “จ๊วบๆ” ดูดเสียงดังมากแต่ว่ามันจะมีน้ำนมเหรอลูก

   “สงสัยจะชอบแบน เนอะ เมื่อกี้คุณแม่เขาอยากให้นมเพราะว่านมเขาคัด นมใหญ่ยังกับฟักแฟงแตงไทย แต่น้องไม่เอาเลยค่ะ และขวดก็ไม่เอาใหญ่เลย “พี่ฝนพูด

   “แสดงว่า ปีนี้เทรน อกแบนๆ มาแรง แซงนมโต” ใบชาพูดก่อนจะแอนอกแบนขึ้นสู้กับมะนาว ส่วนก่อนที่มะนาวจะก้มลงมองหน้าอกที่อวบๆ ของตัวเองและเบ้ปาก

   “มึงเอาอะไรมาวัดใบชา” มะนาวพูดแน่ละของมะนาวมันก็ไม่เบา แอ่นสู้ด้วย

   “ดูจากที่หลานเลือกไงมึง “ใบชาพูด ผมก้มลงมองคนที่ดูดเอาดูดเอา ไม่รู้ว่าดูดนี้เพื่ออิ่มหรือเพื่อความบันเทิงเพราะว่ามันไม่มีน่ะน้ำนมน่ะ ดูไม่ยอมปล่อยแถมหน้าก็ซุกไซ้ไปด้วย

   “พี่ว่าน้องมีน้ำนมน่ะ ดูซิ ดูจากรอยบุ๋มที่ตรงแก้มน้องนี้แสดงว่าน้องดูดนมได้ค่ะ” พี่ฝนพูดและชี้ให้ผมดู

   “ก็ต้อง.ดูก่อนน่ะกัน ดูว่า น้องเขาน่ะมีน้ำนมไหม ถ้าไม่มีก็นมกระป๋องก็ได้อยู่หรือไม่ก็มีนมแม่ที่บริจาค มีหลายคนเลย และโรงพยาบาลนี่เขาตรวจทุกอย่างก่อนแล้วค่อยให้เขาบริจาคมาน่ะ” เสียงคุยกันของพี่หมอดังเข้ามาก่อนที่ประตูจะเปิดเข้ามา และผมก็ต้องหนีบเจ้าลูกโซ่ปิดหน้าอกแบนๆ ของผมเอาไว้ ผมไม่เคยทำแบบนี้ต่อหน้าอาจารย์กันตภณมาก่อน อาจารย์เขาก็หันหลังออกทันที ไม่รู้ว่าใครเขินใครกันแน่แต่ผมน่ะอายมากกว่า ส่วนพี่หมอภีมน่ะยืนมองผมก่อนจะหันไปมองพี่ฝน ประมาณว่าลูกผมมายังไง ทั้งที่ควรจะอยู่ในตู้อบก่อน

   “พี่ฝนเด็กออกมาจากตู้อบแล้วเหรอครับ” หมอภีมปภพถามพี่ฝน

“คุณหมอเจตณรงค์ หมอเด็กนะคะมาดูแลบอกว่า น้องไม่ต้องอยู่ในตู้อบแล้วค่ะ น้องพร้อมแล้วค่ะ” พี่ฝนพูดกับหมอภีมปภพ เขาพยักหน้า

   “และน้องก็ร้องมากเลยค่ะคุณหมอ ขวดนมก็ไม่เอาค่ะ เต้านมแม่ที่เขามาป้อนลูกเขาที่ห้องเด็กก็ไม่ยอมดูด ขนาดนมเขาอันใหญ่มหึมาเลยนะคะ น้องก็ไม่เอาค่ะ แต่จะเอาเต้านี้อย่างเดียวคะคุณหมอ” พี่ฝนหันไปรายงานพี่หมอภีม พี่หมอภีมปภพมองผมด้วยสีหน้าแปลกใจ ผมก็ยิ้มแหยๆ ให้ผมก็แปลกใจไม่แพ้กัน

   “เดี๋ยว กูเข้ามาใหม่น่ะ ภีม” อาจารย์กันตภณเป็นฝ่ายขอเดินออกไปจากห้องคนไข้แทน

   “สงสัยจะเขินแทน” พี่หมอภีมหันมาพูด ผมก็ยิ้มแหยๆ

   “แหง๋!!!” เสียงเจ้าตัวเล็กปล่อยจุกนมผม ผมสังเกตที่มุมปากมีคราบน้ำสีขาวๆ ไม่ข้นอยู่ หลับหูหลับตาร้องใหญ่เลย

   “แสดงว่าเรามีน้ำนมน่ะบีมแต่คงไม่พอ อย่างมากก็ห้าซี่หรือสิบซีซีได้ เอาอย่างนี้น่ะ พี่มีตัวช่วย”

   “ขอน้ำนมจากแม่ที่เขามีนมเยอะๆ แล้วลูกดูดไม่ทันน่ะครับ มาให้น้องเขาหน่อย ใส่หลอดและก็เอาพลาสติกครอบที่มีที่ต่อกับสายยางต่อกับหลอดอีกทีและก็ส่งผ่านเข้าไปให้น้องดูดจากเต้าไปเลย น่าจะพอช่วยได้และใช้สลับกับขวดนมบ้าง “พี่หมอภีมปภพหันไปบอกพี่พยาบาล ตอนนี้พี่เขากำลังเปลี่ยนไปอีกข้างให้ผมแทน

   “อีมะนาวไปเถอะ” ใบชาบอกมะนาว

   “กูอยากดู” มะนาวพูด ผมหันไปมองอยากดูลูกดูดเต้าผมนี่น่ะ

   “ไปเถอะ เอาไว้มึงก็ได้ให้แต่ลูกมึงแทนน่ะนมมึงน่ะ” ใบชาเรียกๆ เพื่อนผมออกไปก่อน พี่พยาบาลเขาวิ่งออกไป จากห้อง ผมเหลือบตาขึ้นมองพี่หมอภีม

   “เรานี้โชคดีน่ะ พี่ไม่เคยเห็นพี่กันเขาห่วงใครมากเท่านี้มาก่อน ขนาดผู้หญิงที่มันแต่งงานด้วยยังไม่เคยห่วงเขาเท่านี้เลยน่ะ แสดงว่าเรานี้พิเศษจริงๆ” ผมเงยหน้าขึ้นมองพี่หมอภีมปภพทันที อาจารย์กันตภณ แต่งงานแล้วเหรอ

   “เราไม่รู้เหรอว่าพี่กันเขาเคยแต่งงานมาก่อน? “ผมส่ายหัวไปมาว่าไม่รู้ พี่หมอก็มองผมอย่างรู้สึกผิดที่หลุดพูดออกมา

   “แต่ว่าเขาหย่าขาดกันไปแล้วเมื่อห้าปีที่แล้วน่ะบีม “พี่หมอภีมปภพรีบบอกผมทันที ผมพยักหน้าเบาๆ

   “อย่าไปคิดมากเรื่องมันจบไปแล้ว พี่เชื่อว่าพี่กันเขาอยากจะมีคนที่มันรักสักคนได้แล้ว” พี่หมอภีมบอกกับผม ผมพยักหน้าเบาๆ และพี่ฝนก็วิ่งกลับมาพร้อมกับหลอดที่มีน้ำสีขาวๆ น่าจะเป็นน้ำนมใส่ถาดมาพร้อมกับอุปกรณ์สองสามชิ้น

   “เดี๋ยวพี่เข้ามาใหม่น่ะ พี่อยากบอกว่าเราทำหน้าที่แม่ได้ดีมากบีมทั้งที่เราเป็นผู้ชาย พี่นี่นับถือเลย” พี่หมอภีมพูดชมผม ผมนี่มีกำลังใจขึ้นมาเป็นร้อยเปอร์เซ็นต์เลย ผมก้มลงมองลูกชาย ต่อให้ไม่มีอีกคนเราก็อยู่กันได้น่ะ ลูกโซ่

   “ผู้หญิงบางคนยังทำไม่ดีเท่าเราเลย บางคนไม่มีความพยายามเลยสักนิดที่จะให้ลูกดูดนมจากเต้าตัวเองเลยด้วยซ้ำ บางคนพยายามแต่ก็ทำไม่ได้เพราะว่าสรีระร่างกายแต่คนไม่เหมือนกัน “พี่หมอภีมปภพบอกกับผมก่อนจะเดินออกไปเหลือไว้แค่ผมกับพี่ฝนที่ช่วยกันต่อนั้นต่อนี้เพื่อให้นมเจ้าหนูจอมหิวคนนี้ จนสำเร็จ

   “น้องบีมรู้ไหมว่า การเป็นแม่คนน่ะที่ยากที่สุด ไม่ใช่ว่าจะสำเร็จกันทุกคน คือการให้นมลูกจากเต้า แต่หนูก็ทำได้ดีจริงๆ น่ะ “พี่ฝนพูดชมผม

   “ขอบคุณครับพี่ฝน”

   “เอาล่ะพี่จะกลับมาดูนะคะ สักสิบนาที “พี่ฝนบอกผม ผมพยักหน้าพร้อมกับก้มหน้าลงมองคนที่ดูดน้ำนมจากเต้าผม ถึงแม้จะไม่ใช้น้ำนมของผมเองก็ตาม แต่ดูเขาดื่มกินอย่างมีความสุข มือน้อยๆ นั้นก็จับหน้าอกผม มือผมก็ลูกหัวทุนๆ นั้นอย่างเบามือ เส้นผมที่พลิ้วไหว แม้ว่าจะสัมผัสได้ว่าค่อนข้างเส้นใหญ่ไปหน่อยก็ตาม

      “มี้รักเจ้าเท่าชีวัน” ผมบอกลูกชายของผม

   “ลูกโซ่ เจ้าคือโซ่ทองของมี้นะรู้ไหม” ผมพูดแค่นี้ น้ำตาผมก็ไหลออกมา ผมค่อยๆ ปาดมันออก แต่ว่าน้ำตานี้คือน้ำตาความดีใจ

   ตอนนี้เจ้าลูกโซ่ คงเริ่มอิ่มแล้ว เขาเริ่มปล่อยปากเล็กๆ นั้นจากจุกนมของผม และน้ำนมก็หมดพอดีด้วย พี่เขาเอามาแค่สิบซีซีเองและเจ้าตัวน้อยก็ผล็อยหลับไปทันที ผมก้มลงมองเส้นผมที่ยาวและหนา แถมยังดกดำอีกต่างหาก ปลายจมูกที่โด่งรั้นนี้ ใบหน้าเรียว คิวก็หนา ตาก็โต แถมหูก็กาง ตกลงนี้เจ้าไม่เอาอะไรจากมี้มาเลยเหรอลูก แต่ตาโตน่ะผมก็ได้อยู่ จมูกผมโด่งแต่ของผมมันเรียวกว่า แต่ไอ้หูกางๆ นี้ มี้ไม่มีน่ะลูกโซ่ ส่วนริมฝีปากบางๆ นี้น่าจะใช่จากผม นี่มี้อุ้มเจ้ามาตั้งเก้าเดือน เอาของมี้มาแค่นี้เหรอ และใบหน้านี้มันช่าง ละม้ายคล้ายกับคนที่ผมฝันถึงไม่มีผิดเพี้ยนเลย

   TBC....

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.20.1 คนที่สองที่ฝากรักไว้กับอาจารย์กันตภณ

      Part’ s กันต์ธีร์ ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูห้องทำให้ผมหลุดจากภวังค์ ผมต้องละสายตาจากเจ้าวุ่นวายหันไปมองที่ตรงประตูแทน ประตูถูกเปิดเข้ามาอีกครั้งและคนที่เข้ามาคือพี่หมอภีมและอาจารย์กันตภณ พร้อมกับเพื่อนๆ ของผม ที่พากันกลับเข้ามาแล้ว

   “พี่เดินไปคุยกับหมอเด็กที่ดูแลแผนกเด็กแรกเกิด เขาบอกพี่ว่าน้องลูกโซ่ ไม่ต้องอยู่ในตู้อบแล้ว น้องแข็งแรงดีและปอดน้องก็แข็งแรงมาก” พี่หมอภีมบอกผมก่อนจะก้มลงมองเจ้าวุ่นวายที่ผมกอดเอาไว้แนบอก จะวางก็กลัวจะตื่น

   “หมดฤทธิ์ซะแล้ว เห็นพี่พยาบาลห้องเด็กบอกว่า ร้องจนเพื่อนๆ ตื่นกันทั้งห้อง แสดงว่าปอดแข็งแรงดี” พี่หมอภีมบอกผม ผมก็ยิ้มให้พี่หมอ ส่วนเพื่อนผมโดยเฉพาะมะนาว เข้ามายืนเอามือประสานกันมองเจ้าลูกโซ่

   “หลับก็หล่อค่ะลูก” มะนาวพูด

   “พี่จะขอดูแผลเราหน่อยน่ะบีม” พี่หมอภีมปภพพูด แต่ว่าผมยังอุ้มเจ้าลูกโซ่ที่หลับปุ๋ยอยู่เลย

   “ใครใจกล้า เข้ามาอุ้มน้องแทนบีมให้พี่หมอหน่อยครับ เร็วครับ” พี่หมอภีมปภพพูดปนหัวเราะ

   “ไม่ดีกว่าครับ ตั้งแต่เกิดมาผมก็ไม่เคยอุ้มเด็ก กลัวทำตกครับ” ใบชารีบพูด

   “และทำใช้ไม่เป็นด้วยครับ” ไอ้ใบชาพูด

   “มะนาวก็ยังไม่กล้าค่ะ น้องตัวเล็กเกินค่ะ ยิ่งเทียบกับมะนาวด้วยแล้ว น้องยังกับเม็ดก๋วยจี้นะคะ” มะนาวพูดแถมเปรียบลูกชายผมวะน่ารักเลยน่ะ

   “ผมก็เคยอุ้มหลานแต่ ห้าหกเดือนแล้วอ่ะครับแต่นี่ผมก็ไม่กล้าครับ เออ ..” ไอ้ฟิล์มพูด คราวนี้ทุกหันไปมองเพื่อนผมอีกคนที่เหลืออยู่ ผมก็หันไปมองเป็กซ์เช่นกัน

   “อย่ามองกูเลย กูกลัว กลัวลูกมึงกระโดดกัดหู เห็นตั้งแต่ดิ้นมาในกล่องแก้วนั้นแล้ว กูละกลัวน้องเขากระโดดขึ้นมากัดหูพี่พยาบาลฉิบหาย!! “ไอ้เป็กซ์พูด นี้มันดูหนังมากไปไหม

   “หลานน่ะไม่ใช่เอเลี่ยนน่ะ อีเป็กซ์ “ใบชาพูด

   “ถ้าอย่างนั้นก็ต้องพี่กันแล้วแหละเพราะว่าพี่กันเขามีหลานหลายคน ก็น่าจะอุ้มบ้าง และควรจะหัดทำหน้าที่นี้ได้แล้ว” พี่หมอภีมปภพพูด อาจารย์กันตภณก็เดินเข้ามาหาผม พร้อมกับค่อยๆ ช้อนมืออุ้มเจ้าลูกโซ่อย่างเบามือ นี้แสดงว่าเขาอุ้มเป็น ผมเงยหน้ามองด้วยความประหลาดใจ

   “อาจารย์ ถ้าบอกว่าเคยเป็นคุณพ่อนี้มะนาวเชื่อเลยนะคะ” มะนาวพูด ผมเห็นอาจารย์กันตภณ อุ้มเจ้าลูกโซ่อย่างทะนุถนอม แถมยังโยกเบาๆ อย่างคนที่เคยมีประสบการณ์ พี่หมอภีมก็เดินมารูดผ้าม่านปิดก่อนจะเข้ามาดูแผลให้ผม

   “แผลดูดีน่ะ และพี่จะให้ยาแก้ปวดเราถี่หน่อยน่ะ เพื่อนๆ จะอยู่ช่วยเราได้หรือเปล่า หรือว่าจะให้พี่จ้างพยาบาลพิเศษมาดูแล เพราะว่าน้องคงต้องป้อนนมถี่หน่อย ถ้าเขาไม่เอานมผงเลยน่ะ” พี่หมอภีมปภพพูด

   “แต่แบบนี้ก็ดีน่ะ มันทำให้น้องได้ใกล้ชิดกับบีมมากที่สุด” พี่หมอภีมปภพบอกผม ผมก็แต่งตัวให้เรียบร้อย

“นมผงจะอยู่ได้นานกว่าจะใช้เวลาย่อยก็ต้องสี่ชั่วโมงขึ้นไปน่ะ แต่นมแม่นี้จะใช้ระยะเวลาสั้นกว่าดังนั้นน้องจะหิวบ่อยหน่อย และกว่าเราจะเข้าที่ก็คงพรุ่งนี้มะรืนนี้น่ะบีม “พี่หมอภีมปภพบอกผม ผมพยักหน้า

   “ปู้ดดด!!!!!” เสียงดังมากจนผมก็ตกใจ แต่ไม่ใช่ผมน่ะ พี่หมอภีมปภพเปิดผ้าม่านออกทันที ผมก็มองที่อาจารย์กันตภณ ดูจากสีหน้า เหมือนกระอักกระอ่วนใจยังไงก็ไม่รู้ และบรรดาเพื่อนๆ ของผมก็พากันเอานิ้วบี้จมูกกันเป็นแถว ผมก้มลงมองไปที่มืออาจารย์ มืออาจาย์กันตภณเขาประคองก้นเจ้าลูกโซ่อยู่

   “เฮ้ยย!! ได้แจ็คพ๊อตเหรอว่ะไอ้กัน ฮาๆ “พี่หมอภีมปภพพูดพร้อมกับหัวเราะเสียงดัง ผมก็เพ่งพิจารณามองดีดี ลูกผมอุจจาระรดอาจารย์กันตภณเข้าแล้วไง

   “ที่บ้าน เรียกฝากรักค่ะอาจารย์” มะนาวพูดยิ้มๆ

   “อาจารย์ว่าฝากเป็นอย่างอื่นจะดีกว่าน่ะ อันนี้อาจารย์ว่า มันพิสดารไปหน่อย “อาจารย์กันตภณพูด และพี่ฝนเดินเข้ามาพอดีพร้อมกับของใช้น้อง มีถุงแพมเพิสน้องด้วย พี่ฝนมองหน้าทุกคน

   “พี่ฝน พี่ไม่ได้ใส่แพมเพิสให้น้องเหรอครับ” พี่หมอภีมปภพถามพี่ฝน พี่พยาบาล

   “อุ้ยตายแล้ว!! พี่ลืมค่ะคุณหมอ น้องน่ะถ่ายไปก่อนที่พี่ฝนจะพามาด้วยค่ะ และพอถ่ายเสร็จก็ร้องซะห้องเด็กจะแตกเอา เลยรีบพามาหาแม่น้องเขาแทบไม่ทันค่ะ และพี่ฝนก็ลืมใส่กลับเข้าไปด้วยอีกค่ะ” พี่ฝนพูด

   “น้องถ่ายอีกเหรอคะ” พี่ฝนถามขึ้น

   “ผมว่าน่าจะใช่ครับ เพราะว่ามันเต็มมือผมเลยครับ คุณพยาบาล” อาจารย์กันตภณพูด ผมนี้รู้สึกผิดเลยอ่ะ โธ่ เจ้าลูกโซ่

   “กูเดาว่า ลูกโซ่นี้หวงแม่แน่ๆ เลย ตั้งแต่แม่มันท้องแล้ว แอนตี้อาจารย์แกออกนอกหน้ามากและนี้ยังขี้รดเขาอีก ไม่ธรรมดานะน่ะแก” เสียงใบชากระซิบกับมะนาว เพราะว่าใบชาอยู่ข้างๆ ผมเลย

   “งั้น พี่เอาน้องไปเช็ดทำความสะอาดเองนะคะ ขอโทษทีค่ะ” พี่ฝนก็เอาผ้าขนหนูมารองรับเอาเจ้าลูกโซ่ไปจากอาจารย์กันตภณ เสื้อผ้าอาจารย์ก็เลอะเทอะไปด้วยอึเจ้าลูกโซ่

   “นี้เป็นประสบการณ์เด็กอึรดพี่ครั้งที่สองเลยน่ะบีม และห่างกันเกือบยี่สิบกว่าปีได้ “อาจารย์กันตถณพูดปนหัวเราะ

   “ใครอ่ะ หลานกันเหรอ” พี่หมอภีมถามอาจารย์กันตภณ อาจารย์เขาพยักหน้าว่าใช่

   “ลูกคนเล็กเฮียเกริกไง ตอนนี้โตเป็นหนุ่มแล้ว ตอนนั้นหัดอุ้มครั้งแรก ได้เรื่องเหมือนกันเลย แบบนี้เลยแต่ว่าเล่นเอากลัวไม่กล้าอุ้มอีกเลย “อาจารย์กันตภณหันไปพูดกับพี่หมอภีมปภพ อาจารย์กันตภณ เข้าไปชำระล้างในห้องน้ำในห้องพักคนไข้ ผมนี้มองตามอย่างรู้สึกผิดมากและอาจารย์ก็ออกมาแต่ก็ยังเลอะอยู่ดี

   “เอาอย่างนี้ไปเปลี่ยนเสื้อที่ห้องพักแพทย์ภีมก่อนแล้วกัน มีเสื้อสำรองอยู่ใส่ไปก่อน มีกุญแจห้องไม่ใช่เหรอ “พี่หมอภีมปภพบอกอาจารย์กันตภณ เขาพยักหน้า ก่อนจะหันมายิ้มให้ผม ผมได้แต่มองตามอาจารย์กันตภณเดินออกไปพร้อมกับพี่หมอภีมปภพ

   “ไอ้บีม ลูกมึงเขาไม่ชอบอาจารย์ออกนอกหน้าไปไหม ถึงได้ขี้รดเขาขนาดนี้น่ะ” เป็กซ์พูด ผมหันมามองหน้ามัน ลูกหนอลูก รู้ไหมเนี๊ยะว่าเขาดีกับเราขนาดไหน แสบจริงๆ เลย และฟิล์มมันก็หันไปหยิบอาหารมาให้ผมทานต่อ

   “ทานหน่อยว่ะบีม มึงต้องมีนมให้ลูกกินน่ะ และคราวนี้พวกกูคงไม่ต้องบังคับมึงอีกแล้วเพราะลูกมึงน่ะโคตรน่ารักขนาดนี้ มึงรู้ใช่ไหมว่ามึงต้องทำยังไงและมึงต้องดูเขาด้วย เพราะว่าเขามีแค่มึงแล้วตอนนี้ ที่อาจจะต้องเป็นได้ทั้งพ่อและแม่ว่ะ” ฟิล์มบอกผม และพี่ฝนก็เข็นน้องที่นอนหลับปุ๋ยอยู่ในเปลแก้วมาให้ผม

   “น้องไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วงแล้วค่ะ คุณหมอเลยให้มาอยู่กับคุณแม่ในห้องเลยค่ะ” พี่ฝนบอกผม ผมก้มลงมองเด็กน้อย ที่ห่อผ้ามาน่ารักเชียว หลับปุ๋ยเลย

   “ตอนหมดฤทธิ์นี้น่ารักเชียว คราวนี้เลยมาอย่างหล่อเลย แต่เมื่อกี้น่ะ โอ๊ย ถุงมือ ถุงเท้ากระเด็นไปคนละทิศคนละทางเลยค่ะ เอาเรื่องเหมือนกันเนอะ แต่ก็ยังน่ารักสำหรับคุณแม่อยู่ดี มีอะไรเรียกพี่ฝนนะคะ พี่ฝนออนคอลค่ะ” พี่ฝนบอกผม

   “ขอบคุณครับพี่คนสวย” พวกเพื่อนๆ ผม ผมก็ก้มลงมองเด็กน้อยที่นอนหลับ

   “อ้ายย!!” เสียงมะนาวร้องออกมา

   “อะไรมะนาว”

   “หลานยิ้มค่ะมึง “ผมก็รีบก้มลงมองดูแม้จะตึงๆ แผลไปสักหน่อย ใช่จริงด้วยนอนยิ่มโดยไม่รู้ตัว และมีคนถ่ายภาพเอาไว้ได้ทันนั้นคือเป็กซ์ เพื่อนของผม

   “ยิ้มแรกของ บีมน้อยๆ “เป็กซ์พูดแต่ผมว่าจะบอกมันห้ามลงโซเชียล

   “ไอ้เป็กซ์อย่าเพิ่งลงเฟสบุ๊ค ฟิล์มรีบทักท้วงเป็กซ์เอาไว้

   “ทำไมว่ะ” เป็กซ์หันไปถาม

   “ไอ้เชี้ย!! ก็วันที่ไอ้บีมมันเจ็บท้อง อาจารย์ภันตภณเขาอุ้มมัน ใครก็มองว่าบีมมันท้องกับอาจารย์กันหมดและมึงโพสต์อีก กูว่าคนจะเอาไปตั้งประเด็นในเว๊ปมหา’ลัยเอาดิ” ผมก็ต้องกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอมไปทันที ใช่ซิวันนั้นน่ะ มีแต่คนมองผมกับอาจารย์เพียบเลย

   “กูลืมว่ะ กูขอโทษว่ะเพื่อนๆ กูขอโทษน่ะบีม” เป็กซ์มันรีบขอโทษผมทันที ผมหันไปมองคนที่เดินเข้ามาด้วยเสื้อเชิ้ตตัวใหม่ อาจารย์กันตภณ พร้อมกับคุยโทรศัพท์เข้ามา

   (เฮีย ก็รู้ความจริงดีนี้ครับ ว่าผมเป็นยังไง และที่ผมให้การช่วยเหลือเพราะว่าเขาคือลูกศิษย์ของผม ผมยอมรับเฮีย เอาไว้ผมเข้าไปหาเฮียที่บ้านดีกว่า ขอบคุณครับเฮียที่ไม่บอกม๊าว่าเกิดอะไรขึ้น ครับ ผมทราบครับ ครับ บายครับ) อาจารย์กันตภณวางสายก่อนจะเดินมาหยุดมองเจ้าลูกโซ่ที่นอนหลับปุ๋ยไปแล้ว

   “ฝากรักไว้แบบนี้น่าจับหอมแก้มซะจริงๆ” อาจารย์กันตภพพูดก่อนจะเอามือจับที่ขอบเปลเด็กอ่อน

   “ถ้าอย่างนั้นพวกผมขอตัวไปหาอะไรทานก่อนนะครับ และไม่อยากเป็นกขคง ด้วย” ใบชาพูดก่อนจะพยักหน้ากับเพื่อนๆ ผมและทุกคนก็เดินออกไป เหลือแค่ผมกับอาจารย์กันตภณ แต่ละคนหันมาพยักหน้ากับผม พวกเขาตั้งใจให้ผมกับอาจารย์กันตภณได้คุยกัน

   “ผมขอโทษนะครับพี่กัน” ผมพูด ผมรู้สึกผิดมากที่สุด

   “เรื่องอะไรเหรอบีม” อาจารย์กันตภณเงยหน้าถามผม

   “เรื่องที่เกิดขึ้น ทุกเรื่อง ผมทำให้พี่กันเสื่อมเสีย ฮึกๆ” ผมพูดน้ำใสๆ มันไหลรินง่ายไม่รู้เพราะอะไร หรือว่าเพราะผมกำลังอ่อนแอ้ ให้กับสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวผมตอนนี้

   “ช่างมันเถอะบีม เราไปห้ามความคิดเขาไม่ได้นี่ครับ และนี้คือความจริงในสังคมแบบนี้ ที่ต้องมีทั้งคนรักและคนชังเป็นเรื่องธรรมดา ต่อให้เราดีแค่ไหน ก็ยังคงเป็นคนไม่ดีให้พวกชอบพูดชอบนินทาเราอยู่ดี” อาจารย์กันตภณพูด

   “หูเราน่ะเลือกได้น่ะที่ฟังหรือไม่ฟัง ถ้าเราเลือกที่จะไม่ฟังเรื่องที่ทำให้เราไม่สบายใจ มันก็เป็นแค่สายลมที่พัดมาและผ่านไปแค่นั้นบีม” อาจารย์กันตภณบอกผม ผมพยักหน้าว่าผมจะจำเอาไว้

   “แล้วม๊าของพี่ละครับ” ผมถามถึงม๊าของพี่เขาด้วย

   “ม๊าของพี่น่ะอายุเยอะแล้ว และท่านไม่ค่อยตามติดเรื่องพวกนี้ ตั้งแต่ป๊าของพี่เสียไปได้ห้าปีกว่าแล้ว ม๊าพี่ก็เงียบๆ ซึมๆ ไปและยิ่งหลานๆ ลูกพี่ชาย ลูกพี่สาวพี่โตกันหมด” อาจารย์กันตภณพูด ผมพยักหน้า

   “แต่พี่ชายคนโตของพี่ที่ดูแลกิจการโรงเรียนที่พ่อพี่ก่อตั้งมา เฮียเขาก็บอกกับพี่ว่าจะไม่ให้ม๊าพี่รู้เหมือนกัน เพราะว่าเฮียพี่เขารู้แล้ว มีคนโทรไปบอกน่ะ พี่เองก็ไม่รู้ว่าใคร แต่ม๊าพี่น่ะไม่สนใจตรงนี้หรอก ม๊าพี่เขาเลือกจะฟังคนในครอบครัวก่อน ม๊าพี่ก็สอนมาเช่นกัน “อาจารย์กันตภณพูด ก่อนจะจับมือผม ผมมองหน้าอาจารย์กัน "แต่พี่โอเค "

   “ม๊าพี่น่ะ เขามีหลานชายที่ม๊าพี่เลี้ยงมาตั้งแต่แบเบาะ แต่ตอนนี้มันไปอยู่เมืองนอก ไม่กลับมาสักที พี่ชายก็เลยไม่อยากให้เรื่องอื่นๆ ไปกระทบจิตใจม๊าพี่เพิ่มอีก” อาจารย์กันตภณพูด ผมพยักหน้า

   “พอเจ้าตัวน้อยเริ่มรู้เรื่องพี่จะพาไปให้ม๊าพี่ดูน่ะ ม๊าพี่รักเด็ก ยิ่งเห็นเจ้าตัวดีนี้คงรักน่าดู” อาจารย์กันตภณพูด ผมยอมรับว่าผมเดาความหมายของมันได้ดี นั้นแปลว่าเขาจะพาผมเข้าบ้านไปไหว้ม๊าของเขา แต่ว่าผมควรจะให้คนที่ไม่ได้ทำมารับผิดชอบจริงๆ อย่างนั้นหรือ

   “พี่จะอยู่ข้างๆ บีม เราจะผ่านเรื่องพวกนี้ไปด้วยกันน่ะครับ” พี่กันตภณพูด จัหงวะนันประตูถูกเปิดเข้าอีกครั้ง ผู้หญิงที่สวมแว่นตาอันใหญ่เดินหนีบกระเป๋าหลุยส์เข้ามา ผมไม่เจอนานแต่ผมก็จำได้ดีจนติดตา คนนั้นคือแม่ของผมเอง

   “ใช่!! ฉันจะโทรหาคุณหลังจากที่ฉันเสร็จธุระน่ะ ก็นอนให้เขานวดไปก่อนซิ ชอบไม่ใช่เหรอ บาย “แม่มาหาผม ผมดีใจที่สุด แม่ผมเข้ามายืน ก่อนจะเงยหน้ามองอาจารย์กันตภณ อาจารย์กันตภณยกมือไหว้แม่ของผม แม่ผมน่ะสี่สิบห้าแล้ว

   “คนนี้พ่อเด็กเหรอ บีม” แม่ของผมเอ่ยถามผมก่อนจะชี้นิ้วมาที่อาจารย์กันตภณ

   “แม่ไม่ใช่ครับ เขาคืออาจารย์ของผม “ผมรีบตอบแม่ของผม

   “สวัสดีครับคุณแม่” อาจารย์กันตภณทักทายแม่ของผม นี้คือครั้งแรกที่อาจารย์กันตภณเจอแม่ผมจังๆ แม่ผมถอดแว่นตาสีดำออก สายตาแม่ผมมองพิจารณาอาจารย์ แต่ไม่ได้มองอย่างไม่มีมารยาทแค่มองดูเฉยๆ ผมคิดว่าแม่กำลังใช้ความคิดเขาอยู่

   “ถ้าอย่างนั้น อาจารย์กลับก่อนนะ มีอะไรโทรหาอาจารย์ได้เลยนะครับบีม” อาจารย์กลับเป็นฝ่ายขอตัวกลับก่อนทันที

   “ผมลาก่อนนะครับคุณแม่ ผมมีธุระนะครับ” อาจารย์กันตภณพูดก่อนจะปลีกตัวออกไป แม่เดินมามองเด็กน้อยที่หลับปุ๋ย

   “เป็นไงบ้างล่ะ คลอดลูกน่ะ มันไม่สนุกเลยใช่ไหมบีม” แม่พูดขึ้นและมองหลานชายอีกครั้ง ผมยอมรับเลย มันเจ็บจน เข้าใจคำว่าเจ็บใกล้จะตายเป็นยังไง

   “แม่ ผมรู้แต่ผมก็กลับไปแก้ไขมันไม่ได้แล้วอ่ะแม่” ผมพูดกับแม่ของผม ผมหันมามองเจ้าโซ่ทองของผม ที่นอนตะแคงหลับปุ๋ย

   “ฉันมาทำธุระกับฟิลิปส์น่ะและนี่ก็ขอเขามาหาเราแต่ฉันไม่ได้บอกว่าเรานอนโรงพยาบาลนะบีม ถ้าบอกเขาก็คงต้องมาเยี่ยมตามมารยาท เลยเลือกที่จะไม่บอกจะดีกว่า “แม่ของผมพูด

   “แล้วนี่แกจะมีนมให้ลูกกินเหรอบีม” แม่ผมถามผม ผมก้มลงมองแบนขนาดนี้จะมีได้ยังไง

   “มีครับแต่น้อยมากเพราะว่าผมเป็นผู้ชายนี้ครับแม่” ผมบอกแม่ผม

   “นอกจากมีมดลูกแล้วแกยังมีน้ำนมด้วยเหรอบีม ฉันจะบ้าตาย!!” แม่ผมตกใจที่ผมบอกแม่ไปอีก

   “แม่” ผมเรียกแม่เบาๆ แม่ก้มลงมองเด็กน้อยอย่างเพ่งพิจารณาใบหน้าของเขา

   “และดูลูกแกซิ ไม่มีอะไรมาจากแกเลยสักนิด มีแค่ริมฝีปาก ที่เหลือมันถอดพ่อมันมาหมดเลยมั้งเนี๊ยะ ห๊ะ!” แม่ผมพูดก่อนจะเอียงคอมองผม

   “ไปตามหาพ่อมันเลยน่ะ น่าเหมือนกันขนาดนี้ ถ้ามันบอกไม่ใช่ ฉันจะมาจัดการมันแทนแกเอง” แม่ผมพูด

   “ผมเองก็ยังไม่รู้เลยว่าเขาคือใครแม่ ผมจะไปตามหาที่ไหนล่ะ” ผมบอกแม่

   “หน้าเหมือนพ่อมันแบบนี้ ทำไมจะหาไม่ได้ และฉันจะบอกให้น่ะ การเป็นพ่อเลี้ยงเดียว หรือแม่เลี้ยงเดียวน่ะ มันไม่ใช่เรื่องที่สนุกน่ะบีมน่ะ มันยากน่ะ เหนื่อยสารพัดอย่างนะบีม “แม่พูดกับผม ก่อนจะหันไปมองทางอื่นแทน ผมรู้ว่าแม่พยายามเป็นแม่เลี้ยงเดียวมาพักหนึ่งก่อนจะตัดสินใจไปแต่งงานกับฟิลิปส์

   “พอพ่อแกเสียฉันถึงได้ต้องจำทน ไปแต่งงานกับไอ้แก่ตัณหากลับนั้น เพื่อนำเงินมาเลี้ยงแก” แม่พูด

   “และยิ่งเวลาแกพาลูกออกไปไหนมาไหน เวลาลูกแกมองคนอื่นที่มีครบน่ะ แกจะทนได้เหรอ บีม” แม่หันมาถามผม

   “และ ต่อให้ไอ้คนที่มันมาดูแกน่ะ เขาจะอยากทำหน้าที่พ่อแทน มันก็ไม่เหมือนกัน ไม่มีใครรักลูกเท่ากับพ่อแม่จริงๆ หรอกบีม” แม่ผมพูด

   “แม่ พี่เขาเป็นอาจารย์ของผม” ผมพูด

   “ฉันดูมันออกและก็ดูออกว่านั้นไม่ใช่พ่อเด็กเหมือนกัน แต่ดูเขาคงอยากทำหน้าที่พ่อเด็กแทนซิน่ะ “แม่ผมพูด

   “แม่ ผม ฮือๆ”

   “เอาล่ะ ฉันไม่อยากจะพูดอะไรทำร้ายจิตใจแกมากหรอกน่ะ เราพึ่งจะคลอดลูก “แม่พูดก่อนจะหันหน้าหนี

   “ฉันว่าจะไปจ่ายค่าห้องแต่เขาบอกว่ามีคนดูแลทั้งหมดแล้ว คนนั้นใช่ไหม อาจารย์แกน่ะที่เป็นคนดูแลค่าใช้จ่ายให้เราน่ะบีม” แม่ถามผม ผมก็ต้องทำสีหน้ากระอักกระอ่วนใจ ทำไมอาจารย์ต้องทำแบบนี้น่ะ

   “อ่ะนี้ เอาไว้ใช้ เอาไว้ซื้อนมซื้ออะไรที่ต้องใช้ ยังไงนี้ก็หลานฉัน บีม และแกก็ลูกฉัน “แม่ผมส่งซองที่มีเงินจำนวนมากพอสมควรมาให้ผม

   “เงินนี้ฉันแอบฟิลิบป์เอาไว้ เลยเอามาเป็นเงินสดแทนแลกมาให้เรียบร้อยแล้ว “แม่ผมพูด ผมพยักหน้า ผมยกมือไหว้ขอบคุณแม่ผม

   “แกรู้ไหมทำไมฉันให้แกมาอยู่ลำพังบีม เพราะว่าไอ้ฟิลิปส์น่ะมันไม่ได้มองแกเหมือนลูกมัน ฉันกลัวมันจะทำอะไรแก แกคงเข้าใจฉันน่ะ” แม่พูด ผมก็เห็นเหมือนกัน ดังนั้นเวลามาแม่จะให้เหตุผลว่าคอนโดของผมมีแค่ห้องนอนเดียว มาพักไม่ได้ไปพักที่อื่นแทน

   “และทำตามที่ฉันบอก ไปตามหาพ่อเด็กซะ อย่างน้อยลูกจะได้มีครบเหมือนคนอื่นเขา” แม่ผมพูด ก่อนจะหันหลัง

   “แม่ไปน่ะบีม ดูแลตัวเองดีดีล่ะ มีอะไรเดือดร้อนก็โทรหาฉันน่ะ ฉันจะช่วยเหลือเท่าที่ฉันจะช่วยได้บีม “แม่ผมเดินออกไป ผมก็ปาดน้ำตาที่ไหลริน ผมก้มลงมองเงินจำนวนหนึ่งในซองสีขาวนั้น น้ำใสๆ ไหลหยดลงที่ซอง เงินจำนวนมากมายแต่แลกมาด้วยการที่ผมอยู่ใกล้แม่ไม่ได้ และมันก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ที่แม่แต่งงานใหม่แล้ว ผมไม่อยากได้เงิน ผมอยากได้แม่อยากอยู่กับแม่ ฮือๆ และนี้มันก็ทำให้ผมจะไม่ยอมทิ้งเจ้าไปให้ใครเด็ดขาด ลูกโซ่

   TBC…

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.21  ผู้ชายที่แสนดี

       Part’ s กันต์ธีย์ ผมเริ่มลุกเดินได้หลายวันแล้วหลังจากที่พยาบาลถอดทุกอย่างที่ใส่ไว้ให้ผมออก ตอนนี้ก็เหลือแต่พาสเตอร์ปิดแผลแบบกันน้ำเอาไว้ให้ เพื่อยังต้องยืดให้แผลประสานกันอยู่ ผมลุกเดินได้คล่องมากแต่ก็ยังไม่ได้อาบน้ำลูกเองอยู่ดีมีแต่พยาบาลทำให้ และวันนี้ผมเลยขอทำเอง พยาบาลเลยส่งผมมาเรียนรู้การอาบน้ำเด็กแรกเกิดกับพี่พยาบาลที่ดูแลเด็กอ่อนอีกที ผมยอมรับว่าโรงพยาบาลของพี่หมอภีมดีมาก พยาบาลน่ารัก เขาบริการด้วยใจจริงๆ ไม่เคยโกรธหรือโมโห ถ้าเราต้องการความช่วยเหลือ เพราะว่าบางที่เจ้าลูกโซ่ของผมก็งอแงไม่ยอมนอน เพราะว่าท้องอืด มีลมในท้อง ผมเองก็ยังไม่ค่อยเก่ง จับน้องเรอไม่ค่อยเป็น อุ้มนานมากน้องก็ไม่ยอมเรอสักที และบางคืนเจ้าตัวดีไม่นอนเลยพยาบาลมาพากล่อมแทบทุกคืน ผมพึ่งรู้น่ะว่าเป็นแม่นะง่ายน่ะแต่จะดูแลเลี้ยงลูกเองน่ะมันยาก

      “คุณแม่นั่งรอก่อนนะคะ ขอพยาบาลเตรียมน้ำไว้ให้น้องก่อนค่ะ “พี่หัวหน้าพยาบาลหันมาบอกผม และผมก็เห็นผู้หญิงคนนหนึ่งอุ้มลูกเดินเข้ามาเช่นกัน เขาเห็นผมก็ยิ้มให้ ผมทันที

      “มาอาบน้ำลูกเหรอคะ” พี่เขาถามผม
   
      “ใช่ครับ วันแรกเลยครับ พี่ล่ะครับ”

      “ก็วันแรกเหมือนกันค่ะ แต่พี่มาคลอดได้หลายวันแล้วค่ะ น้องตัวเหลืองเลยต้องเข้าตู้อบค่ะพี่ก็เลยยังไม่ได้กลับบ้าน” พี่เขาพูดก่อนจะก้มลงมองลูกโซ่ตัวแสบ ที่นอนแผ่หลาแขนขากางอยู่บนตักของผม ผมก็ต้องก้มลงจัดท่านอนให้ดูสุภาพนิดนึง ผมเองก็ห่อตัวลูกไม่ค่อยเป็นไง เลยดูเหมือนก้อนขยุกขยุยอะไรสักอย่าง อายพี่เขาจริงๆ และที่เป็นแบบนี้เพราะว่าเจ้าวุ่นวายนี้แหละดีดดิ้นกระจัดกระจายไปหมด น่าจะเรียกเจ้าวุ่นวายแทน ลูกโซ่

      “เด็กคนนี้เองอ่ะ เมื่อวันก่อนพี่พยายามให้ทานนมจากเต้าพี่ เขาไม่ยอมทานเลย ทั้งที่หิวน่ะ” พี่เขาจำลูกชายผมได้

      “พี่แบ่งนมให้ลูกผมทุกวันใช่ไหมครับ” ผมถามพี่เขากลับ

      “น่าจะใช่ เพราะว่าพยาบาลเขามาขอพี่น่ะ เขาบอกว่ามีคุณแม่ไม่มีนมให้ลูกทานและลูกก็ไม่เอานมขวด น่าจะใช่น้องนั่นแหละ” พี่เขาบอกผม ผมก็พยักหน้าพร้อมกับยิ้มให้เป็นการขอบคุณความใจดีของพี่เขา ทั้งที่เราไม่รู้จักกันมาก่อน แค่มาเป็นแม่ในช่วงเวลาเดียวกัน และลูกพี่เขาก็น่ารักไม่แพ้กัน

      “ผมไม่มีนม แบบ พี่อ่ะครับ มีแต่น้อยมาก มีแค่ห้าซีซีเอง” ผมพูด

      “ของพี่ปั๊มเยอะมาก เมื่อคืนได้สามขวด ขวดล่ะหกออนซ์ค่ะ ไม่ปั๊มก็ไม่ได้ ปวดระบบมาก มีเยอะไปก็ไม่ดีอีก “พี่เขาบอกผม

      “เออ..พี่ชื่อรินทร์ค่ะ น้องชื่ออะไรคะ” พี่เขาถามผม

      “ผมชื่อบีมครับพี่รินทร์” ผมพูด

      “น้องน่ารักมากเลยค่ะน้องบีม” พี่เขาพูด

      “นี่ถ้ากลับบ้านแล้ว บีมจะให้น้องทานนมแม่ต่อ บอกพี่น่ะบีม พี่ตั้งใจว่าจะให้ลูกทานสักหกเดือนและจะกลับไปทำงาน และนี้พี่ก็จะสต๊อกน้ำนมเอาไว้ด้วย ถ้าบีมต้องการ พี่แบ่งให้ได้นะคะ” พี่รินทร์บอกผม ผมยิ้มดีใจที่สุด

      “เราแลกไลน์กันน่ะ และมาเอาที่บ้านพี่ได้นะคะ บ้านพี่อยู่แถวมหาวิทยาลัยXXX” พี่เขาพูด นั้นมหาวิทยาลัยของผม

      “ขอบคุณครับพี่รินผมขอบคุณจริงๆ ครับ” ผมบอกพี่เขา ดีใจเหลือเกิน เจ้าลูกโซ่ของพ่อจะมีนมเอาไว้ดื่มแล้ว

      “พี่เข้าใจ หัวอกคนเป็นแม่เหมือนกัน ช่วยๆ กันน่ะ” พี่รินทร์พูด และพยาบาลก็มาเรียกผมกับพี่รินทร์ไป เพื่อจะเอาตัวเล็กไปอาบน้ำ ผมเห็นแฟนพี่เขาเดินเข้ามา น่าจะมาช่วยพี่รินทร์อาบน้ำน้อง ลูกของพี่รินทร์ตัวเล็กกว่าลูกผมอีก ผมก็มองเจ้าลูกโซ่ ตื่นมาอาบน้ำได้แล้วมี้อยากจับเจ้าอาบน้ำ ยังอีก ยังหลับอีก

      “ลูกโซ่ อาบน้ำนะครับ” ผมสะกิดแก้มนิ่มๆ นั้น เอามือปัดมือผมออกด้วย

      “อู้ย! แม้หลับสนิทเลยเหรอคะคุณแม่ เลี้ยงง่ายใช่ไหมคะ” พี่หัวหน้าพยาบาลถามผม

      “ร้องมาตั้งแต่ตีสามแล้วครับพี่” ผมเงยหน้าตอบ

      “อู้ยย!! เด็กผู้ชายมั้งค่ะ แต่พอปรับตัวได้น่าจะดีขึ้นค่ะคุณแม่” พี่พยาบาลบอกผม

      “ผมหวังอย่างนั้นครับพี่ เพราะตั้งแต่ตื่นมาร้องก็เพิ่งจะได้นอนสักพักนี้แหละครับ สงสัยท้องอืดอ่ะครับ” ผมพูด

       “พอหลับแล้วน่ารักเชียวน่ะ พ่อรูปหล่อ หล่อเหมือนพ่อแน่เลย “พยาบาลพูดชมลูกผม ผมก็ยิ้มแหยๆ พ่อมันหน้าตายังไงผมยังไม่รู้เลย และผมก็หันไปทำตาม พยาบาลเขาสาธิตข้ั้นตอนการอาบน้ำเด็กตั้งแต่ต้นจนจบและกว่าพ่อตัวดีของผมจะตื่นก็ตอนลงไปจุ่มในอ่างน้ำแล้วนั่นแหละ ร้องลั่นเลยครับท่านผู้ชม ร้องจนพ่อแม่ข้างๆ ผมหันมามองผมกับเจ้าลูกโซ่เป็นตาเดียวกันหมด และนั่นแหละผมเลยต้องรีบๆ อาบและเอาขึ้นทันทีและก็รีบเช็ดตัวให้เร็วที่สุด พอเอาขึ้นมาวางก็ดิ้นกระจัดการจาย ประสบการณ์การพาลูกอาบน้ำของผมมันช่างทุลักทุเลมาก

      “คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องใช้แป้งโรยตัวน้องนะคะ เพราะน้องไม่จำเป็นต้องใช้แป้งค่ะ และน้องอาจจะสูดเอาเศษแป้งเข้าปอดไปได้นะคะ และนี้จะทำให้น้องป่วย อาจจะเป็นโรคปอดติดเชื้อได้ค่ะ แต่ถ้าผิวน้องแห้งมาก ใช้เป็นโลชั่นทาผิวเด็กอ่อนเอาค่ะ บร้าๆ “ผมแต่งตัวลูกโซ่ ด้วยชุดที่น่ารักมา อาจารย์กันตภณ เป็นคนซื่อมาให้ ผมเดาจากทุกอย่างที่เขาทำให้ผม เขาอยากมีลูกแต่ทำไมเขาพูดเหมือนกับว่าเขาไม่สามารถที่จะมีลูกได้ และที่พี่หมอภีมบอกผมว่าอาจารย์เคยแต่งงานแต่เลิกรากันไปแล้วเมื่อห้าปีที่แล้ว นั้นคือก่อนที่พี่เขาจะเจอผม

             “วันนี้น้องบีมน่าจะกลับบ้านได้เลยนะคะ “พี่พยาบาลที่ดูแลผม เขาเดินมาหาผม ขณะที่ผมอุ้มเจ้าลูกโซ่ ที่ลืมตาขึ้นมา หันซ้ายแลขวานี้คือจะมองหาเต้าซิน่ะ ไม่ใช่เต้าใครเต้าผมนี่แหละ กลายเป็นของเล่นชิ้นโปรดลูกโซ่ไปแล้ว

      “จริงเหรอครับ” ผมถามด้วยความดีใจ อยากกลับบ้านแล้ว

      “จริงค่ะแต่รอหมอเด็กมาตรวจน้องอีกทีนะคะ “พี่ฝนบอกผม ก่อนจะก้มลงมองเด็กน้อยที่ซุกไซ้จะเอาเต้าแบนของผมให้ได้

      “พี่ฝนผมขอนมใส่หลอดให้น้องได้ไหมครับ เพราะว่าน้องเพิ่งดูดนมผมไป โรงงานผลิตนมอันน้อยนิดของผมคงยังไม่เปิดทำการอ่ะครับ” ผมบอกพี่ฝน พี่ฝนก็มองเด็กน้อยที่ทำท่าจะแหวกไปหาอกแบนของผมให้ได้

      “อ่ะ อ่ะ อ่ะ” ดูส่งเสียงใหญ่เลย

      “ได้ค่ะ งั้นน้องบีมไปรอพี่ที่ห้องเลยนะคะ คุณแม่คุณลูก” พี่ฝนบอกผม ผมก็รีบลุกขึ้นและพาเด็กน้อยกลับห้องพักผมทันที เดินไปอย่างทุลักทุเล

      “ลูกโซ่ รอให้ถึงห้องก่อนซิ จะหิวอะไรขนาดนี้เนี๊ยะ” ผมถามลูกตัวดี พอผมกลับมาถึงห้องพัก ผมก็รีบวางลูกโซ่ใส่เปลเด็กก่อนจะหันไปหยิบเอาผ้ากันเปื้อนมารอง

      “แกร๊ง!!” เสียงแหวนที่คนที่ทำให้ผมต้องเป็นแบบนี้ ร่วงหล่นลงมาจากกระเป๋าใส่ของใช้เด็ก ผมหยิบขึ้นมาดู เธียรวิชย์ ด. ว่าแต่มันมาอยู่ในกระเป๋าใส่ของใช้เด็กอ่อนได้ยังไง ผมเองก็ไม่รู้ว่าใครจัดกระเป๋าให้ผมด้วยซ้ำ ก็ผมคลอดเร็วไปจัดไม่ทัน

      “แหง๋ๆๆๆๆ” และผมก็ต้องหยิบแหวนนั้นยัดลงกระเป๋าไปก่อน พี่พยาบาลก็เดินเข้ามาพร้อมนมที่ผมจะใช้ป้อนตัวแสบ ผมรับมาจัดการตัวเองอย่างชำนาญ ก่อนจะอุ้มตัวแสบผมขึ้นอย่างทะมัดทะแมง ผมสังเกตุเห็นหมอภีมทำก็เลยครูพักลักจำมา

      “เก่งขึ้นแล้วน่ะเราน่ะ เป็นคุณแม่มืออาชีพได้แล้ว” พี่ฝนพูดชมผม ผมอุ้มเด็กน้อยให้ทานนม ดูดนมใหญ่เลย และถึงมันจะเหมือนกันจัดฉากเอาพาสติกมาครอบหัวนมผมเอาไว้ และมีท่อสายยางที่ต่อจากไซริงค์อีกที แต่มันก็ทำให้ผมรู้สึกเหมือนกับว่าผมป้อนเขาจากนมตัวเอง

      ก๊อก ก๊อก ก๊อก ผมเงยหน้ามองคนที่มาเคาะประตูก่อนจะเปิดเข้ามา และผมก็ต้องหันหนี อาจารย์กันตภณอีกแล้ว อาจารย์เขาก็ยกมือขอตัวออกไปก่อนเหมือนเดิม ทำไมมันทำให้ผมอายเขาได้มากขนาดนี้น่ะ ผมป้อนนมตัวแสบจนหมดหลอดและลูกโซ่ก็หลับคาอกผมไปทันที ผมปลดทุกอย่างออกก่อนจะอุ้มเจ้าลูกโซ่พาดขึ้นบนบ่าของผม ผมพยายามให้เขาเรอ แต่มันก็ยากสำหรับผมอยู่ดี จนกระทั่งอาจารย์กลับเข้ามาอีกที

      “ขอโทษทีน่ะ “อาจารย์กันตภณบอกผม ผมพยักหน้าเบาๆ อาจารย์เห็นผมยังเก้ๆ กังๆ กับการอุ้มลูกให้เรอให้ได้ อาจารย์เดินมาและแบมือขอลูกโซ่ไปอุ้ม ผมก็ต้องยกให้ อาจารย์กันตภณอุ้มลูกโซ่ ก่อนจะหาที่นั่งและจับลูกโซ่นั่งที่ตักพร้อมกับเอามือประคองที่ใต้คาง อย่างเบามือและใช้มือตบไล่ลมเบาๆ ไม่นาน

      “เอิ้ก!!” เสียงดังมากเลย จนผมกลั้นหัวเราะลูกตัวเองแทบจะไม่ได้

      “พี่สาวพี่น่ะ พี่เห็นเขาทำให้ลูกเขา พี่เลยจำมา” อาจารย์กันตภณพูดก่อนจะอุ้มลูกโซ่มาวางไว้ในเปลเด็ก

      “วันนี้หมอภีมบอกพี่ว่าเรากลับบ้านได้แล้วนิบีม” อาจารย์กันตภณบอกผม ผมพยักหน้าว่าใช่

      “ครับพี่กัน ได้กลับซะทีผมเบื่อโรงพยาบาล” ผมพูดกับอาจารย์กันตภณ อาจารย์หันมามองผม และผมก็ทำท่าจะลุกขึ้นเพื่อจะไปเก็บของจะได้เตรียมตัวกลับบ้าน

      “บีม ไปนั่งนิ่งๆ เลย พี่ทำเอง” อาจารย์กันตภณบอกผม

      “ไม่เอาอ่ะ บีมทำด้วยดีกว่าครับพี่กัน” ผมบอกอาจารย์เขาด้วยความเกรงใจ

      “บีม พี่ทำให้ และเราไปนั่งเถอะ นะครับ อย่าดื้อ” อาจารย์กันตภณพูด พร้อมกับทำหน้าดุใส่ผม ผมก็ต้องถอยหลังไปนั่ง และมองอาจารย์กันตภณ เก็บทุกอย่างแทนผม

      “พี่เข้าไปเก็บของใช้ในห้องน้ำให้ก่อนนะครับ” อาจารย์กันตถณบอกผม ผมนั่งอมยิ้ม ไม่อยากคิดเลยว่าถ้าผู้ชายคนนี้มีภรรยาเขาจะรักและดูแลภรรยาของเขาดีขนาดนี้ไหม แต่พี่หมอภีมบอกว่าอาจารย์กันตภณเคยแต่งงานและยังดูแลผมดีกว่าอดีตภรรยาเขาเลย

      ประตูห้องพักผมเปิดเข้ามาพร้อมกับคุณหมอคนสวย เขาเป็นคุณหมอเด็กที่เข้ามาดูเจ้าลูกโซ่ทุกวันและวันนี้คงเป็นสุดท้าย เพราะว่าผมต้องออกจากโรงพยาบาลแล้ว คุณหมอคนสวยเดินมาหยุดมองลูกโซ่ก่อนจะส่งยิ้มให้

      “วันนี้จะได้กลับบ้านแล้วน่ะ ดีใจไหมคะ “คุณหมอคนสวยถามผม ผมดูจากป้ายชื่อ พญ.สายป่าน

      “ดีใจครับ เพราะว่านั่งๆ นอนๆ อยู่โรงพยาบาลเบื่อนะครับ” ผมตอบคุณหมอ

      “พยาบาลสอนเรื่องการทำความสะอาดสะดือของน้องให้แล้วใช่ไหมคะ” คุณสายป่านถามผม ผมพยักหน้าว่าใช่ครับ

      “ถ้าน้องมีอาการผิดปกติอะไรกลับมาหาหมอนะคะ เช่น ตัวเหลือง ทานนมได้น้อย ร้องไห้งอแงมากผิดปกติ ก็พามาหาหมอทันทีไม่ต้องรอจนหมอนัดนะคะ แต่ถ้าทุกอย่างปกติดี มาตามหมอนัดได้เลยค่ะ” หมอสายป่านพูด เขาหันมาจดหยิกลงชาร์จคนไข้

      “กลับไปบ้านก็ดีนะคะ จะได้ให้คนรักช่วยดูแล” คุณหมอสายป่านพูด เขาหันมามองหน้าผมและหันไปมองลูกโซ่

      “ผมไม่มีหรอกครับคนรักมีแต่เพื่อนและ…” ผมพูด คุณหมอเขาหันมามองหน้าผม ขมวดคิ้วที่โก้งโค้งเข้ารูปนั้น ย่นเข้ามาหากันทันที

      “ปีก” จังหวะนั้นอาจารย์กันตภณเปิดประตูออกมาจากห้องน้ำ คุณหมอคนสวยหันไปมองก็ต้องตกใจ และอาจารย์เองก็ตกใจเช่นกัน

      “พี่กัน”

      “สวัสดีครับ น้องหมอสายป่าน” อาจารย์กันตภณทักทาย

      “นี้ลูกพี่เหรอคะ พี่กัน!!!” หมอสายป่านถามอาจารย์กันตภณด้วยน้ำเสียงที่แปลกใจมากเป็นพิเศษ

      “เออ คือ” อาจารย์กันตภณ อีกอักที่จะตอบ

      “ไม่ใช่ครับ เขาเป็นอาจารย์ของผมครับคุณหมอ” ผมรีบตอบแทน ผมเห็นสีหน้าคุณหมอดูตกใจมาก ก่อนจะหันมามองเด็กน้อยที่นอนอยู่และหันกลับไปมองหน้าอาจารย์กันตภณ

      “แม้นึกว่า ลูกพี่จริงๆ ป่านจะได้แสดงความดีใจด้วยนะคะ เพราะว่าที่ผ่านมาพี่เหมือนไม่อยากมีลูกนะตะ” อันนี้ผมหันไปมองอาจารย์กันตภณกับหมอสายป่าน

      “เออ คือ “อาจารย์กันตภณ

      “ถ้าอย่างนั้น มาตามที่หมอนัดนะคะ น้องกลับบ้านได้เลย เพราะเท่าที่หมอตรวจดู ทุกอย่างน้องแข็งแรงปกติ และนี่ก็ผ่านการตรวจการได้ยินแล้ว ผมก็ปกติดีนะคะเหลือแค่ผลการตรวจเลือดที่ทำการตรวจคัดกรองโรคเอ๋อ น่าจะอาทิตย์หนึ่งพอดีค่ะแต่ดูจากพัฒนาการน้องปกติดี แข็งแรงดีค่ะ หมอไปก่อนนะคะ “คุณหมอพูดก่อนจะส่งยิ้มให้ผมและหันหลังจะเดินออกทันทีแต่จังหวะนั้นอาจารย์กันตภณ เดินตามคุณหมอคนสวยออกไปเช่นกัน เออ คนนี้หรือเปล่าน่ะภรรยาเก่าของอาจารย์กันตภณ สวยมาเลยน่ะ ผมหันมาดูเจ้าลูกโซ่แทน ว่าแต่ผมจะหอเจ้าลูกโซ่ยังไงล่ะ ผมก็พยายามจะห่อตัวเจ้าลูกโซ่

      “หมับ” มีคนเดินมาจับเปลเด็กอ่อน ผมเงยหน้าขึ้นมองคนนั้นคืออาจารย์กันตภณ อาจารย์กันตภณ เป็นคนทำหน้าที่ห่อตัวเจ้าลูกโซ่แทนผม อย่างชำนาญการ

      “พี่เห็นหมอภีมเขาทำน่ะ และพี่ก็เคยเห็นม๊าพี่เขาทำให้หลานพี่” อาจารย์กันตภณหันมาบอกผม ผมก็พยักหน้าเบาๆ อาจารย์คงเดาสายตาของผมที่มองเขาอยู่ ว่าผมแปลกใจทำไมอาจารย์ถึงได้ทั้งที่ไม่เคยมีลูกมาก่อน

      “พี่กันไม่ต้องไปส่งผมก็ได้นะครับ ผมว่าให้ผมนั่งแท็กซี่กลับเองดีกว่า” จู่ๆ ผมก็บอกอาจารย์กันตภณแบบนั้น อาจารย์กันตภณก้มลงมองหน้าผม

      “เพราะว่าคุณหมอคนนั้นน่ะเหรอครับ” อาจารย์กันตภณหันมาถามผม

      “ไม่ใช่ครับ คือ ผม “ไปไม่ถูกเลยดิไอ้บีมเอ๊ย!!

      “ฟู่” เสียงพ่นลมหายใจออกมายาวๆ ของอาจารย์กันตภณ ผมเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าหล่อๆ นั้น ที่นิ่งเงียบ

      “เขาเป็น น้องสาว ภรรยาเก่าพี่น่ะ” อาจารย์กันตภณพูด

      “อ้อครับ” ผมพยักหน้าเบาๆ

      “พี่เคยแต่งงาน แต่ที่พี่แต่งเพราะว่าป๊าพี่ ให้พี่แต่งครับ ป๊าเป็นคนทาบทามผู้หญิงคนนั้นมาให้พี่ เพราะว่าพี่ไม่เคยมีแฟน ป๊าพี่เขายังรับไม่ได้เรื่อง เกย์อะไรแบบนี้ไม่ได้ และพี่ก็แต่ง อยู่ด้วยกันห้าปี แต่ก็ไม่บุตรด้วย จนภรรยาเก่าพี่น่ะเขาอยากมีลูก เราก็พยายามน่ะ หลายวิธีก็ไม่มี ผลสุดท้ายคือพี่เองที่เป็นหมัน เพราะว่ามีปัญหาเรื่องต่อมลูกหมากตั้งแต่เด็ก” อาจารย์กันตภณพูด ผมนี้ตกใจมากตรงที่อาจารย์เป็นหมันนี่แหละ

      “และเขาก็ขอหย่ากับพี่ พี่ก็ยอมหย่าให้เพราะว่าพี่ไม่ได้รักเขาเพื่อให้เขาไปเจอคนที่เขารักและจะได้มีลูกด้วยกันสมดังที่เขาต้องการ”

      “พี่ขอโทษนะครับ ที่พี่ไม่ได้บอกเรื่องนี้ เพราะว่าพี่คิดว่ามัน”

      “ผมไม่ได้คิดเรื่องนี้อ่ะครับพี่กัน แต่ผมคิดว่ามัน มันทำให้พี่ถูกมองไม่ดี และพี่ไม่ใช่คนทำให้ผมเป็นแบบนี้ พี่ควรจะได้เจอคนที่ดีกว่าผม”

      “บีม อะไรคือตัววัดว่ามีคนที่ดีกว่าบีมเหรอ อะไรล่ะ”

      “ผม ไม่รู้อ่ะครับ” ผมตอบด้วยน้ำเสียงที่เบามาก และก้มหน้าลง ผมไม่กล้าสบตากับอาจารย์กันตภณเลย ใช่ผมยังอยากให้ลูกผมหาพ่อของเขาจริงๆ มันดูโง่มากใช่ไหม

      “ฮึก ฮึก ฮึก” น้ำใสๆ มันไหลรินออกมา

      “ทำไมเหรอบีม บีมอึดอัดเรื่องพี่เหรอครับ”

      “ผม ขอโทษครับ ผมแค่อยากจะหาคนที่เป็นพ่อของลูกผมจริงๆ ซะก่อนนะครับ ผม”

      “พี่แทนเขาไม่ได้เหรอ บีมรักคนนั้นเหรอ”

      “ผมไม่รู้และไม่น่าจะใช่ว่ารักเพราะว่าผมเองก็เหมือนมีอะไรกับคนที่ไม่รู้ มันจะกลายเป็นรักได้ยังไงใช่ไหมครับ แต่ว่าผมอยากให้เขารู้ว่าเขามีลูกและนี้คือผลของการกระทำของเขาแค่นั้นเอง”

      “ถ้าเขาไม่รับ พี่รับได้ไหม พี่รู้สึกรักเขามาก ยังไงไม่รู้” อาจารย์กันตภณพูด ผมก็มองหน้าอาจารย์เขา แววตาที่มั่นคงนั้น

      “ครับขอผมพยายามก่อนได้ไหมอ่ะครับ”

      “พี่จะรอน่ะ แต่ระหว่างนี้ให้พี่ดูแลไปก่อนได้ไหม”

      “ขอทำคะแนนก่อน” อาจารย์กันณภณพูด ผมพยักหน้าเบาๆ อีกครั้ง ทำมาขนาดนี้แล้วคงห้ามไม่อยู่แล้วแหละ ของทุกอย่างถูกแพคอย่างดี โดยอาจารย์กันตภณ

      “คุณหมอสายป่านเขาต่อว่าอะไรพี่หรือเปล่าครับ” ผมถามอาจารย์กันตภณ

      “ไม่น่ะ เขาแค่แปลกใจเพราะว่าเขารู้ว่าพี่ไม่สามารถมีลูกได้แต่ทำไม เราถึงมีได้และเขาก็คิดว่าพี่กับเราคือพ่อแม่ของเด็กน้อยนี้” อาจารย์กันตภณลุกขึ้นมาบอกผม

      “พี่บอกว่าพี่ไม่ใช่พ่อแท้ๆ แต่พี่ก็รักเขาเหมือนลูกของพี่แท้ๆ” อาจารย์กันตภณบอกผม ผมพยักหน้าเบาๆ

      “ถ้าพี่บอกว่าใช่ เขาคงไปบอกพี่สาวเขาน่ะ แต่พี่กับพี่สาวของเขา เราก็จบกันไปนานแล้ว หลินเองก็แต่งงานใหม่และมีลูกทันทีหลังจากนั้นน่ะ จะว่าไปพี่กับหลินเราก็น่าจะเป็นเพื่อนกันได้ “อาจารย์กันตภณพูด

      “แต่พอพ่อแม่หลินพาลูกสาวเขากลับไปอยู่บ้าน พี่ก็ไม่เคยติดต่อหลินอีกเลย จนถึงตอนนี้แต่พี่ก็รู้เรื่องของหลินตลอด เพราะ..... “อาจารย์กันตภณพูด

      ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูห้องคนไข้ พี่หมอภีมปภพ เดินเข้ามาพร้อม กระเช้าของขวัญ เป็นชุดของใช้เด็กอ่อนทั้งนัน ผมก็มองและยิ้มให้

      “พี่หมอไม่น่าจะต้องซื้อมาให้ผมเลย”

      “ไม่ได้ครับ เพราะว่าถ้าพี่ไม่ให้อะไรเป็นของขวัญเราบ้างน่ะ ไอ้เพื่อนรักคนนี้ของพี่มันจะโกรธพี่เอา ต้องให้กันหน่อย”

      “ขอบคุณนะครับ” ผมก็รับกระเช้ามาวาง มีแต่ชุดเด็กน่ารักและของใช้ที่จำเป็นทั้งนั้นเลย

      “ว่างๆ นี้ก็พาหลานมาทานอาหารเย็นที่บ้านบ้างนะกัน” พี่หมอภีมภพหันไปบอกอาจารย์กันตภณ

      “อืมม จะบอกอีกทีน่ะ รอให้บีมเขาแข็งแรงมากกว่านี้หน่อย”อาจารย์กันตภณพูด

      “ถึงยังไงก็ต้องมา หาหมอเด็กอยู่ดีใช่ไหม “อาจารย์กันตภณพูด

      “หมอเด็กคนไหนอ่ะและนี่เขาทำใบนัดให้เลยไหม” พี่หมอภีมปภพถามอาจารย์กันตภณ

      “หมอสายป่านไง” อาจารย์กันตภณตอบ

      “อ้าวจริงดิ แล้วได้เจอมึงไหม แล้วเขาไม่คาบข่าวไปบอกหลินเหรอว่ามึง มีน้ำยาน่ะ มีลูกกับเขาแล้ว” หมอภีมภพพูดเหมือนเป็นเรื่องขำๆ แต่ผมว่าอาจารย์กันตภณไม่ค่อยขำด้วยเท่าไหร่

      “ภีมส่งเขามาเองหรือเปล่าละ” อาจารย์กันตภณหันมาถามพี่หมอภีมปภพ

      “ไม่ได้ส่ง และใครจะไปรู้ล่ะ เพราะว่าหมอโรงพยาบาลน่ะ ก็เยอะแยะ จำชื่อไม่หมดหรอกและจะไปรู้ได้ยังไงว่าจะแจ๊คพอตขนาดนี้” หมอภีมปภพพูดปนหัวเราะ แต่อาจารย์กันตภณแอบค้อนให้หนึ่งทีก่อนจะหันไปถอนหายใจ ผมว่าน่าจะจบไม่ค่อยสวยระหว่างอาจารย์กันตภณกับภรรยาเก่า

      “บีม พาสเตอร์ที่พี่ปิดแผลให้นั้นกันน้ำได้น่ะ อาบน้ำตามปกติ รอให้แผลแห้งก่อนแล้ว สักเจ็ดวันค่อยลอกออกน่ะ และพี่หมอให้ผ้ารัดหน้าท้องไปด้วยนะครับ เพื่อพยุงกล้ามเนื้อหลังจะได้เดินเหินสะดวกขึ้น ทานอาหารตามปกติได้เลยแต่ลดของหมักดองไว้ก่อนนะครับ “พี่หมอแนะนำผมสารพัดเลย

      “และอีกเรื่องอย่าเพิ่งยกของหนัก 3 เดือนนี้น่ะ งานบ้านด้วยมีคนทำแทนให้เขาทำน่ะ แผลจะได้ประสานกันและจะได้ฟื้นตัวเร็วขึ้น “พี่หมอภีมปภพบอกผม

      “พี่จะหาคนทำความสะอาดมาให้น่ะบีม “อาจารย์กันตภณหันมาพูด ผมก็ทำท่าจะค้าน แต่

      “เอาตามที่กันบอกเถอะบีมเพราะว่าผ่าคลอดก็คือผ่าตัดใหญ่น่ะ ระหว่างนี้บีมจะได้ดูแลน้องอย่างใกล้ชิด ช่วงสามเดือนแรกนี้สำคัญไม่แพ้กัน” พี่หมอภีมปภพพูดอีกคน ผมเลยค้านไม่ลงเลย

      “เอาล่ะ โชคดีนะครับว่าที่คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ มีปัญหาอะไรโทรมาได้เลยน่ะ ยินดีให้คำปรึกษาว่ะคุณพ่อ” พี่หมอภีมปภพพูดก่อนจะตบไหล่อาจารย์กันตภณ และรถเข็นก็เข้ามา ผมยกมือไหว้ของคุณพี่หมอภีมปภพ ถ้าไม่ได้พี่หมอผมคงแย่ ดูแลดีทุกอย่าง แถมยังช่วยผมหลายเรื่องเหมือนกัน อาจารย์กันตภณ พยุงผมลงไปนั่งที่รถเข็นก่อนจะหันมาอุ้มเจ้าลูกโซ่ ส่งมาให้ผม ผมก็อุ้มเจ้าลูกโซ่ของผมที่ยังหลับสนิท

      “กลับบ้านแล้วน่ะครับลูกโซ่ “ผมพูดกับเด็กน้อยที่หลับปุ๋ยอยู่ในอ้อมแขนของผม ระหว่างที่เดินผ่านเคาน์เตอร์พยาบาล เขาก็พากันเดินมาโบกมือบาย บายให้ลูกโซ่กันทั้งนั้น แน่ล่ะ วันแรกก็ร้องกรี้ดปรีดปราดจนวุ่นวายไปทั้ง ห้องเด็กแรกเกิดขนาดนั้น

      “น้องบีมค่ะ” เสียงพี่ฝนเรียกชื่อผม ขณะที่ยืนรอลิฟต์อยู่ พี่เขาถือกล่องคล้ายๆ กับกล่องโฟมแช่เย็นมาหาผม เป็นกล่องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ไม่ใหญ่มาก

      “คุณแม่ที่แบ่งนมให้น้องทานนะคะ เขาเพิ่งจะกลับบ้านไป เขาฝากนมให้น้องลูกโซ่ค่ะ”

      “ขอบคุณครับพี่ฝน”

      “ไม่เป็นไรค่ะ แวะมาโรงพยาบาล ถ้าพี่ขึ้นเวรจะลงมาดูน่ะ คิดถึงพ่อสุดหล่อ อยู่ด้วยกันหลายวันใจหายเลยอ่ะ” พี่ฝนพูดก่อนจะก้มลงเอามือลูบหัวเจ้าลูกโซ่เบาๆ

      “ขอบคุณนะครับ” อาจารย์กันตภณพูดขอบคุณพี่ฝนเช่นกัน

      “ไม่เป็นไรค่ะยินดีค่ะ เดินทางปลอดภัยนะคะ คุณพ่อคุณแม่” ผมเงยหน้ามองอาจารย์กันตภณ คำนี้มันทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นในหัวใจผมเหลือเกิน ผมเงยหน้าขึ้นมองผู้ชายคนนี้ ที่หวังดีกับผมตั้งแต่วันแรกที่ผมได้เรียนวิชาที่พี่เขาสอน จนถึงตอนนี้พี่เขาก็ยังดูแลผมได้ดี แต่ผมซิ ผมควรจะเลือกทางไหนดี มันดูโง่มากไหมที่ผมอยากจะหาพ่อจริงๆ ของลูกผม หรือมันจะเป็นแค่ข้ออ้างที่ผมไม่อยากเลือกผูกมัดอาจารย์เขาเอาไว้กันแน่

      TBC….
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-05-2024 17:35:50 โดย PFlove »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
      
EP.22 เธียรวิชญ์เห็นข่าวเจ๊กกัน

                    Part’ s เธียรวิชญ์ ช่วงนี้เขาเรียนหนักเพราะว่าต้องเก็บหลายวิชาเลยเพื่อจะได้จบภายในเทอมนี้ให้ได้ แพรวาก็ไม่ได้มาเพราะว่าเธอต้องไปฝึกงาย เธอบ่ายเบี่ยงที่จะไม่อยากฝึกมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ปีนี้เลยต้องฝึกไม่อย่านั้นเธอก็มีปัญหา น่าแปลกน่ะ เธอไม่ได้ขยันมากแต่ได้เข้าไปคัดเลือกเกียรตินิยมอันดับสองกับเขาด้วย ผมยืนชงกาแกก่อนจะออกไปเรียนตามปกติ

       “นี่เราไม่ได้ฝันมาหลายวันแล้วน่ะ หายไปไหนละ หรือว่าไปเกิดแล้ว” ผมพูดลอยๆ ก่อนจะดื่มกาแฟ พอไม่ได้ฝันถึงกลับคิดถึงขึ้นมาเฉยเลยผม แต่จะว่าไป เด็กคนนั้นตัวขาวจั๊ว เหมือนก้อนเต้าหู้เลย ผมชอบทานเต้าหูน่ะ เป็นอาหารที่ผมชอบมาตั้งแต่เด็ก อาม่าทำให้ทานจนมาติดพาสต้านั้นแหละ อาม่าเริ่มงอนไม่ค่อยอยากทำให้ทาน

       ตื้ด!! ข้อความเข้ามือถือของผม ผมหยิบมาดู

       (คุณเธียรวิชย์ ผมผิดหวังในวิทยานิพนของคุณมาก คุณนำไปแก้ไขให้ผมใหม่ ผมให้เวลาคุณแค่สามเดือนเข้าใจไหม ไม่อย่างนั้นผมจะส่งเรื่องให้คุณว่าคุณไม่ผ่านและรอบหน้า ทำยังไงก็ได้ให้ผมอ่านแล้วร้องว้าว!! ไม่ใช่อยากโยนมันทิ้งลงถึงขยะแบบนี้) ผมถึงกับกุมหน้าผากทันที อาจารย์ขาโหด ที่ไม่เคยปราณีลูกศิษย์คนไหนเลย ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น รู้อย่างนี้ผมเรียนที่ประเทศไทยดีกว่า ขนาดแพรวาไม่เก่งยังจบได้ง่ายกว่าผมอีก

       ตึ้ง!! ข้อความจากแพรวา

       (พี่เธียร พี่รู้หรือยังว่าลูกเจ๊กกันกับนักศึกษาคลอดแล้วน่ะ) แพรวาบอกผม

       (ห๊ะ!! ไร้สาระนะแพรวา) ผมส่งข้อความไปหาเธอ ผมรู้ว่าตอนนี้เธอน่าจะนั่งทำหน้าที่เด็กฝึกงานอยู่เลยทำได้แค่ส่งข้อความหาผม

      ตึ้ง!! มาอีกแล้วแต่ว่าเป็นไฟล์ภาพที่ส่งมาให้ ผมเปิดดู เป็นผู้ชายที่สวมเสื้อเชิ้ต ผมดูจากแผ่นหลัง คุ้นๆ ตาผมเหมือนกันแต่ว่ารถน่ะชัดเจนมาก ภาพมันเบลอๆ นิดหน่อยแต่พอดูออก นี้มันรถเจ๊กกัน เขากำลังอุ้มใครสักคนที่ผมไม่เห็นหน้าเห็นแต่ขา เข้าไปในรถคันนั้น

      (มีคนถ่ายมาค่ะพี่เธียร เขาแชร์กันให้ว่อนเลยค่ะที่มหาวิทยาลัยนะคะ) แพรวาบอกผม

      (แพรวาก็ควรจะแชร์ตามเขาเหรอครับ พี่ว่าไม่สมควรครับและนั้นเจ๊กพี่น่ะแพรวา)

      (พี่เธียรว่าแพรวาเหรอค่ะ!!!!) ผมรู้เลยว่าถ้าเธอโทรมาคงเสียงแหลมแสบแก้วหูผมแน่ๆ

      (พี่เตือนด้วยความหวังดีครับ) ผมส่งข้อความบอกเธอ

       (ก็มันจริงนี่ค่ะพี่เธียรและมันก็ไม่ใช่แค่แพรวาคนเดียวน่ะ ที่มองว่านี้คือสิ่งที่น่ารังเกียจ) แพรวาพูด ผมพ่นลมออกมาทันที ความเห็นอกเห็นใจใครไม่เคยมีเลยจากผู้หญิงคนนี้

       (แพรวายังเสนอว่า ถ้าจะให้แพรวาช่วยค่านมให้เพื่อตอบแทนที่เขาโดดตัดออกไปและแพรวาเข้ามาแทน แพรวาก็ยินดีน่ะพี่เธียร ใจดีไหมคะ) แพรวาพูด

       (เดี๋ยวแพรวา! เธอจะบอกว่าเธอได้มาเพราะเด็กคนนี้เหรอ เพราะว่าเขาท้องเหรอ แสดงว่าเขาเรียนดีกว่าเธอซิ) ผมถามเธอกลับทันที

       (พี่เธียร!! พี่ห้ามชมคนอื่นนอกจากแพรวานะคะ!) แพรวาปรี้ดใส่ผมอีกแล้ว เพราะว่าแบบนี้ไงถึงคุยกันได้ไม่นาน เธอเอาแต่เสียงสูงใส่คนที่ไม่เห็นด้วยกับเธอแบบนี้

      (ก็มันไม่สมควรจะได้นี่ค่ะ) แพรวาตอบผม

       (พี่ต้องไปแล้วแพรวา แค่นี้ก่อนนะคะ พี่รีบค่ะ บายค่ะ) ผมบอกเธอและใส่สถานะออฟไลน์ทันที

                    ผมต่อว่าเธอทันที ไม่รู้ว่าเธอคิดจะแชร์ตามที่เขาแชร์กันมาและนั้นก็เจ๊กผมอีก ผมรู้ว่าแพรวาว่านะเป็นคนที่ไม่ค่อยคิดให้รอบครอบก่อนทำอะไร ม๊ากับอาม่าผมพูดเรื่องนี้กับเธอเสมอแต่เธอก็เบ้ปากใส่ทุกรอบ เพราะแบบนี้ไง ผมถึงหนีเธอ ผมเลือกเธอให้มาวุ่นวายกับครอบครัวผมไม่ได้หรอก แต่เธอก็ไม่ฟัง เอาแต่ใจและยิ่งลุงธรรมรัตน์ไม่ค่อยฟังคนอื่นด้วยเลยตามใจเธอผิดๆ มาตั้งแต่อากงเธอแล้วด้วย

               ผมเปิดดูรูปที่แพรวาส่งมาให้อีกครั้ง เจ๊กอุ้มเด็กคนนี้ สายตาที่บ่งบอกว่าเจ๊กผมรักเขาน่ะ หรือว่าผมจะมีลูกพี่ลูกน้องจริงๆ อาม่าคงมีความสุขน่ะถ้ามีเด็กเล็กๆ อยู่ในบ้านแบบนี้ ผมหันไปเก็บทุกอย่างใส่เครื่องล้างจาน วันนี้แม่บ้านจะขึ้นมาทำความสะอาดห้องของผม ผมหันไปหยิบเอาทุกอย่างที่ต้องใช้ในการเรียนของผม

         (ถ้านายรักใครสักคนจริงๆ ต่อให้มีอุปสรรคมากแค่ไหนและนายอาจจะต้องพยายามหลายเท่าเพื่อให้เขาอยู่กับนาย นายจะรู้ว่ามันมีค่ามากแค่ไหน และคนคนนั้นต้องสำคัญกับนายจริงๆ จนนายจะไม่ยอมเสียเขาไป หากต้องแลกกับทุกสิ่งที่นายมี นายก็จะยอม)



         ผมหวนไปคิดถึงคำพูดของอัลเบิร์ตที่พยายามเรื่องวีซ่าของนาตาลี เพราะว่าอัลเบิร์ตรักเธอ ถ้าเขาจะหาผู้หญิงที่นี้ก็ได้น่ะ มันง่ายจะตายไปแต่นี้เขาเลือกเธอโดยไม่สนความลำบากและยากมากของการเดินเรื่องวีซ่าให้เธอ แล้วผมละจะทำได้ไหม ถ้าผมจะมีใครสักคนแต่ต้องฝ่ากับอุปสรรคแบบนั้น

         ขณะที่ผมเดินออกมาจากห้องของผม ที่ผมอยู่นี่ยังไม่ได้หรูหราที่สุด ของป๊าผมกับม๊านั้นหรูมากแต่ผมเลือกที่นี้เพราะว่าใกล้มหาวิทยาลัยและใกล้แหล่งท่องเที่ยวยามราตรี ดังนั้น ชนชั้นกลางก็เอื้อมถึง แต่ผมตกแต่งห้องหรูเชียวแหละถ้าขายก็ได้กำไรพอสมควร แต่ผมไม่คิดน่ะ ผมคิดว่าอาจจะได้อยู่ยาวจนตอนนี้ผมเริ่มคิดอะไรได้มากขึ้น

        “ขอบคุณนะครับ ถ้ายังไงผมจะติดต่อกลับมานะครับ” ผมเดินออกมา เห็นสองสามีภรรยา พี่ผู้หญิงเขาเป็นคนไทย แต่ผมน่ะไม่ค่อยได้เจอเธอหรอก เธอไม่ได้อยู่ที่นี้แค่มาเที่ยวแต่เธอก็มีลูกกับฝรั่งคนนี้แล้ว ลูกน่าจะขวบหนึ่งหรือสองขวบนี่แหละ

        “สวัสดีครับ “คนผู้ชายเขาทักทายผม เขาอายุราวๆ ห้าสิบปีได้แล้ว น่าจะรุ่นพ่อผมด้วยซ้ำ แต่ว่าลูกนี่อายุแค่สองขวบได้

        “จะย้ายออกเหรอครับ” ผมถามเขา

         “ครับ ผมว่าจะย้ายไปอยู่ประเทศไทย ผมรักประเทศไทย” เขาบอกผม ผมพยักหน้า

         “ที่สำคัญคือ ค่าครองชีพที่นี้สูงเกิน ทำงานได้เงินเยอะกี่เท่าก็ไม่พอ ไปอยู่เมืองไทยดีกว่า” เขาบอกผมผม

         “และอีกสาเหตุหนึ่งที่ผมย้ายคือ แฟนผมเขาโดนปฏิเสธวีซ่าและผมเองก็ไม่อยากอยู่ห่างจากลูกและภรรยา เลยตัดสินใจย้ายทุกอย่างไปเริ่มต้นใหม่ที่นั้น “เขาบอกผม ผมพยักหน้า ดูสีหน้าเขากังวล แน่ล่ะ มาเริ่มต้นใหม่ตอนห้าสิบต้นๆ แบบนี้

         “ย้ายเมื่อไหร่เหรอครับ” ผมถามเขา

         “เมื่อทุกอย่างพร้อมครับ” เขาบอกผม มิน่าละ เขาถึงประกาศขายห้องของเขา

         “ผมขอให้คุณโชคดีนะครับ” ผมพูด

         “คุณนะโชคดีน่ะที่เกิดในประเทศไทย ต่อให้ประเทศไทยจะไม่ทันสมัยเหมือนที่นี้แต่ว่าประเทศไทยก็มีอะไรที่ที่นี้คนที่มีรายได้น้อยก็หาไม่ได้จากที่นี้ แต่ประเทศของคุณได้น่ะ ผมเลยคิดว่าย้ายดีกว่าครับ” เขาบอกผม ผมพยักหน้าเบาแต่ใครหลายคนรวมทั้งผมกลับอยากมาอยู่ที่นี้

         “เศรษฐกิจมันต่างกันนะครับ” ผมพูด เขาก็ยิ้มๆ

         “ผมขอตัวนะครับ ผมจะไปสถานทูตเพื่อเดินเรื่องของลูกชายผมที่จะย้ายไปที่นั้นเช่นกัน “เขาบอกผม ผมก็มองเด็กน้อยที่ดูท่าจะซนน่าดู ไม่อยู่นิ่งเลย แม่ก็พยายามห้าม ผมก็มองเด็กนั้น มองแล้วยิ่งพาให้ผมขนลุกยังไงก็ไม่รู้ ผมเองที่ต้องเป็นฝ่ายรีบเดินออกไปทันที

            Rrrrr มือถือผมดังขึ้น เบอร์ที่ไม่คุ้นเคย ผมกดรับสายทันที เพื่อว่าจะเป็นเบอร์สำคัญ ช่วงนี้มีแต่คนติดต่อผมเรื่องที่ผมควรจะเรียนให้จบได้แล้ว

        (สวัสดีครับ ผมเป็นเลขาฯของดอกเตอร์ภรัณญูครับ ดอกเตอร์ให้ผมโทรมาแจ้งคุณว่า ดอกเตอร์ไม่สามารถเข้าไปที่มหาวิทยาลัยวันนี้ได้แต่ดอกเตอร์อยากให้คุณมาพบเขาเลย ตอนนี้ก่อนจะเข้าประชุมในอีกครึ่งชั่วโมง) ผมก็ต้อง ตกใจ เพราะว่ากว่าจะไปถึงก็เกือบยี่สิบนาทีได้แล้ว ภายในครึ่งชั่วโมงนี้ด้วย

       (คุณไม่ติดตัดอะไรใช่ไหมครับ เพราะถ้าอย่างนั้นก็ยาวเลย คุณคงไม่ได้เจอดอกเตอร์จนกว่าจะเดือนหน้า) ผมพ่นลมอออกมาทันที

       (ผมไปตอนนี้ครับ) ผมบอกคนปลายสาย ก่อนจะรีบไปที่จอดรถส่วนบุคคคล ผมเข้าไปในรถหรูได้ก็ขับออกไปทันที ผมต้องทำเวลาเพื่อจะได้ไปถึงที่โรงแรมหรูนั้นให้ได้ตามเวลา เรียกได้ว่าแทบจะแซงซ้ายแซงขวากันเลยทีเดียว โชคดีที่เธียรวิชญ์เป็นนักแข่งรถฟอร์มูล่า มาก่อน เรื่องแบบนี้จิ๊บๆ ผมชอบกีฬาความเร็วมากและนี้ถึงทำให้ป๊าและม๊าพยายามให้ผมเลือกทางเดินที่อากงทำเอาไว้ให้เพราะว่าอาชีพนักแข่งมันเสี่ยงตลอดเวลาเหมือนกัน ผมเคยขับรถตีรังมาแล้วแต่ไม่เป็นอะไรเลย ตอนนั้นผมกำลังจบมหาวิทยาลัยพอดี ผมเป็นนักแข่งให้เฮียธันมาตั้งแต่อายุแปด ผมเข้าวงการนักแข่งตามรอยเฮียธันผม

              ผมรีบนำรถเข้าจอดทันที ผมเห็นป้ายแล้วแหละว่าจอดได้แค่ไม่เกินสี่สิบห้านาที ผมว่าน่าจะทันอยู่เลยจอดไปก่อนและวิ่งไปด้านในทันที โรงแรมหรูทันที ผมเห็นผู้หญิงคนนั้นยืนอยู่ เขาคือพนักงานของโรงแรมวันก่อน เขาเดินมาหาผมทันที

        “เชิญด้านนี้เลยค่ะ คุณต๊ะรอคุณเธียรวิชญ์อยู่แล้วค่ะ คุณเขามีประชุมใหญ่วันนี้ค่ะ” เธอเดินมาหาผมก่อนจะรีบพาผมเดินตามไป ไปยังห้องหนึ่ง ที่เหมือนห้องทำงานของบอสมาก เขาต้องใส่รหัสก่อนจะได้เข้าห้องบอส เอะหรือว่าอริเยอะกันแน่ ผมแอบคิดในใจ

        “เชิญค่ะ” เธอผายมือให้ผมเดินเข้าไป ผมเข้าไปถึงก็ต้องหันหลังก่อนเพราะว่าเขาอยู่กับผู้ชายคนหนึ่งตัวเล็กๆ สูงไม่มาก ตัวขาวๆ เขากำลังก้มหน้าดูเอกสารให้กันอยู่อย่างใกล้ชิด ผมว่าขนาดนี้ แฟนหรือไม่ก็ที่สนิทมากๆ

         “เชิญครับคุณเธียรวิชย์ ผมมีเวลาคุยกับคุณแค่ไม่ถึงสิบห้านาที” เขาพูดกับผม ก่อนจะพยักหน้ากับคนสนิท เขาหันมายิ้มให้ผม ก่อนจะเดินออกไป ผมหันไปยิ้มให้เช่นกัน ก่อนจะเดินไปนั่งตามที่ดอกเตอร์ผายมือให้ผม

         “วิทยานิพนธ์ของคุณ ดูแย่มากน่ะ ผมเดาว่าคุณไม่ได้มีความรู้สึกรักกับสิ่งที่คุณเรียนรู้เลยด้วยซ้ำ มันเลยออกมาได้ยอดแย่มาก” เขาชมผมซะผมนี่เขินไปเลย

         “คุณมีปัญหาอะไรหรือเปล่าเธียรวิชญ์” เขาถามผม ผมก็พ่นลมหายใจออกมาทันที ดอกเตอร์นั่งเอามือประสานกันมองหน้าผม

         “เอาจริงๆ ผมต้องเรียนเพราะว่าป๊าผม เขามีโรงเรียนและเขาต้องการให้ผมไปบริหารมัน ผมไม่ชอบ แต่ผมรู้ว่านี้คือธุรกิจครอบครัวที่อากงผมก่อตั้งขึ้นมาแต่ว่าผมไม่รักงานด้านนี้เลยครับ” ผมพูด ดอกเตอร์มองหน้าผม

         “ผมเองก็ไม่ได้บอกว่าผมชอบธุรกิจที่ผมมีมาตั้งแต่รุ่นพ่อของผมเช่น มันก็ไม่ได้เป็นงานที่รัก แต่ผมก็ต้องทำเพราะว่ามันเป็นธุรกิจของที่บ้านเหมือนคุณ” ผมก็แปลกใจมาเลย ผมเงยหน้ามองหน้าเขา

         “จะมีสักกี่คนที่ได้ทำสิ่งที่ตัวเองรัก มันเลือกยากน่ะคุณเธียรและบางคนก็ไม่มีสิทธิ์จะได้เลือกสิ่งที่ดีดีเลยด้วยซ้ำ ไม่ต้องถามหาสิ่งที่ที่สุดหรอก แม้แต่สิ่งที่รักเขาก็เลือกไม่ได้” ดอกเตอร์พูด

         “บางคนก็ต้องเลือกสิ่งที่จะทำเงินให้ได้ก่อนที่จะเลือกสิ่งที่รัก ทำงานมีเงินก่อนแล้วค่อยไปทำสิ่งที่รักเมื่อมีโอกาส” คนที่นั่งตรงข้ามผมพูด

         “และที่คุณบอกว่าคุณไม่อยากไปสานต่อธุรกิจชองอากงของคุณ คุณเคยคิดไหมว่า คนที่ก่อตั้งขึ้นมากับคนที่ทำหน้าที่ดูแลต่อ ใครเหนื่อยกว่ากัน” ดอกเตอร์ถามผม

         “คนที่ดำเนินธุรกิจมาตั้งแต่ยังไม่มีอะไรเลยกับคนที่มาทำต่อหลังจากที่มีทุกอย่างแล้ว อันไหนยากกว่ากัน” ดอกเตอร์ถามผม ผมนี้กลืนน้ำลายลงคอไปทันที

         “ไม่มีใครได้ทำทุกอย่างที่ตัวเองรักทั้งหมดหรอกครับ ทุกคนล้วนแล้วแต่ได้ทำตามหน้าที่กันทั้งนั้น ดูจากพนักงานผมซิ บางคนก็ไม่ได้ชอบงานบริการแต่เขาต้องทำน่ะและเขาก็ต้องรู้ว่าทำยังไงให้เขายังมีงานทำ ถ้าเขาทำไม่ดี ผมก็ไล่ออก รับคนใหม่แค่นั้น “ดอกเตอร์พูดและมองหน้าผม

        “ผมต้องไปประชุมแล้วครับคุณเธียร “ดอกเตอร์บอกผมก่อนจะส่งเอกสารตั้งเบอเล้อมาคืนผม

        “คุณลองไปหาคนที่เขาเข้าใจในงานนี้ มาทำวิทยานิพนธ์ส่งผมน่ะ ถ้าเขาทำได้ นั้นแปลว่าเขารู้จักและเข้าใจงานนี้มากกว่าคุณ ถ้าคุณหาได้ ผมว่าคุณควรจะให้เขาเป็นผู้ช่วยคุณได้เลยน่ะ ในฐานะที่เข้าใจงานบริหารมากกว่าคุณ” ดอกเตอร์ภรัณญูพูดก่อนจะลุกขึ้น ผมพยักหน้าและรับเอกสารทั้งหมดคืนมา แล้วผมจะไปหาใครที่ไหนมารับให้ผมล่ะ ผมคงต้องโทรไปหาเจ๊กกันแล้วแหละงานนี้

      “รีบๆ หน่อยนะก็ดีน่ะครับคุณเธียรวิชญ์ คุณจะได้จบเสียทีและผมจะได้สรุปของคุณ ได้แล้ว” ดอกเตอร์บอกผม ผมพยักหน้า ผมเดินออกไป ตอนนี้ความคิดของผมคือ ตอนอากงคงลำบากมากกว่าจะเดินเรื่องขอเปิดโรงเรียนและเงินทุนมากมายที่ลงไปทั้งที่ไม่รู้ว่าจะไปได้หรือไม่ ถ้าเป็นผม จะส่งลูกเรียนโรงเรียนโนเนมกันไหม คงไม่กล้าเสี่ยงและกว่าอากงจะทำชื่อเสียงมาให้ตระกูลเดชาวชิรภังกรกุลขนาดนี้ ต้องใช้เวลากี่สิบปี แถมป๊าก็มารับช่วงต่อ การศึกษาทีไม่เคยหยุดนิ่ง อีก ผมยืนพ่นลมหายใจออกมา ผมควรจะตั้งใจเรียนได้แล้วใช่ไหม

         “ปึก” ผมเดินมาชนใครสักคนก่อนจะทำ วิทยานิพนธ์ผมตกลงไป คนที่ผมชนเขาก็ก้มลงเก็บให้ผม ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองหน้าผมและเขาก็ทำเหมื่อนอ่านแต่ก็รีบส่งให้ผม เขายิ้มให้ผม

         “นามสกุลของคุณเหรอ เดชาวชิรภังกุญชรน่ะ” เขาอ่านนามสกุลภาษาอังกฤษผมได้คล่องแคล่วในเวลาไม่กี่วินาที ผมพยักหน้า พี่เขายิ้มให้ผม

         “เป็นอะไรกับธีรภพ “เขาภามผม ยิ้มๆ อีก จะว่าไปหน้าพี่เขาคุ้นๆ น่ะเหมือนดาราแต่ผมไม่ค่อยติดตามดารา ผมว่าผมหล่อกว่าดาราหลายคนเลย

        “เป็นน้องชายคนเล็กครับ” ผมตอบ

         “อืมม” พี่เขาพยักหน้ากับผม ก่อนจะหันไปควักมือเรียกเด็กผู้ชายสองคน อายุน่าจะสิไม่เกินสิบขวบ เขาเดินเข้ามา หาและพากันเดินออกไป ผมก็ยังงงและสงสัยว่าเขารู้จักเฮียธีผมได้ยังไง แต่ก็ช่างเถอะ เฮียคงเคยมาพักที่นี้มั้ง ผู้ชายคนที่ผมพูดคุยด้วยนั้นก็เดินไปหา ดอกเตอร์ภรัณญู สวมกอดกันเหมือนรู้จักมาก่อนและเด็กสองคนนั้นก็กอดกันด้วย หรือว่าแฟนเขาว่ะ มีลูกด้วยกัน แตก็ไม่แปลกน่ะ คู่เกย์เขามีลูกด้วยกันเยอะที่นี้น่ะ แต่ในประเทศไทยยังหาดูยากอยู่ ผมหยักไหล่ก่อนจะเดินออกมาที่รถหรูของผม ผมก็ยืนมอง อะไรมันเลือกๆ เหมือนล๊อกล้อรถผมอยู่ ผมหันซ้ายแลขวา รถยกมาแล้วด้วย ลูกรักของเธียรวิชย์คงได้ไปนอนเล่นที่เก็บรถที่ทำผิดจราจรอีกแล้วซิน่ะ ไม่ใช่ครั้งแรก ผมมีประวัติจนหักแต้มจะหมดอยู่แล้ว ผมใบขับรถที่นี่ด้วย พวกผมได้กรีนการ์ดกันหมดทั้งบ้าน



   TBC….
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-05-2024 22:25:40 โดย PFlove »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
   
EP.23  แหวนวงค์นั้นช่างคล้ายกัน ครึ่งแรก   
               Part’ s กันต์ธีย์ ผ่านไปเกือบสามเดือนที่ผ่านมา ที่ผมกลายเป็นแม่ลูกอ่อน วุ่นวายกับเจ้าลูกโซ่และโชคดีที่เพื่อนๆ ผมที่รอบริษัทเรียกตัวอยู่ เลยมีเวลามาคลุกอยู่กับผมพักหนึ่ง แต่ทว่าเดือนนี้ซิ คงเป็นผมคนเดียวแล้วก็เพื่อนๆ ของผม ได้งานกันหมดแล้วเหลือแต่ผมที่ยังต้องอยู่บ้านดูแลเจ้าลูกโซ่ โดยมีแม่ของผมคอยส่งเงินมาให้ใช้ทุกเดือน และแม่ก็บอกว่าช่วงนี้ทะเลาะกันกับแฟนใหม่ เรื่องที่ยังคงส่งเงินให้ผมอีกทั้งที่ผมเพิ่งเรียนจบใหม่ๆ ก็อย่างที่บอกฝรั่งเขาไม่ส่งเงินให้ลูกแล้วถ้าโตพอจะหางานทำเองได้ ผมเองก็เกรงใจแม่ผมแย่แล้วเหมือนกัน จะหางานทำใครล่ะที่จะดูลูกให้ผม

      //บีม มะนาวไปหานะตอนเย็นน่ะ จะซื้อส้มตำไปทานกัน พวกไอ้ฟิล์มมันก็จะเข้าไปมันคิดถึงอยากฟัดหลาน// มะนาวส่งข้อความมาหาผม เป็นมือแรกที่ผมสามารถแตะส้มตำได้แล้วแผลแห้งดีแล้ว ผมหันไปมองคนที่เปิดประตูเข้ามาพร้อมกับของข้างมากมายที่หิวมาให้ ผมก็รีบวิ่งไปช่วยอาจารย์กันตภณถือทันที ส่วนเจ้าลูกโซ่น่ะ พลิกคว้ำพลิกง่ายเล่นที่พวกเพื่อนๆ ของผมช่วยกันซื้อมาให้ มันเป็นเพลย์ยิมสำหรับฝึกของเด็กกำลังหัดคว้ำ

      (แล้วตกลงเราเหลืออีกกี่ตัวถึงจะจบล่ะ) อาจารย์กันตภณคุยกับคนปลายสาย

      (เหลือทำThesist อย่างเดียว จะให้อานี่น่ะหาคนทำให้เหรอ) ผมได้ยินเช่นนั้น ผมหันมามองหน้าอาจารย์ทันที อาจารย์ก็มองหน้าผม เลิกคิ้วสูง ผมก็ชี้ตัวผมเอง ผมทำได้น่ะ ผมอยากมีรายได้เข้ามาบ้าง

      (จะให้หาให้แต่นายต้องจ้างเขานะ)

      “เราจะรับทำให้เขาเหรอบีม” อาจารย์กันตภณถามผมโดยใช้ฝ่ามือป้องโทรศัพท์เอาไว้เพื่อหันมาคุยกับผมก่อน

      “ผมทำได้ครับ ผมว่าง และผมควรจะมีรายได้บ้าง ผมเกรงใจที่จะต้อง” ผมพูด

      “แต่ว่า” พี่กันตภณทำท่าจะค้าน

      “ตอนลูกโซ่หลับผมก็ว่างเยอะอยู่นะครับ พี่กัน นะครับ” ผมพูดจาอ้อนอาจารย์กันตภณ อาจารย์เขายิ้มให้ผม คงเห็นหน้าผมเหมือนลูกแมวขี้อ้อนแน่ๆ อาจารย์เขาเลยพยักหน้ากับผม

      (ก็ได้ ส่งรายละเอียดมาให้อาทางอิเมลเข้าใจไหม ตอนนี้เจ๊กก็ยุ่งมาก ได้แค่นี้ก่อนแล้วกันน่ะ ที่ช่วยเพราะว่าป๊าเราน่ะบ่นว่าเจ๊กทุกวัน เขารอให้นายมาดูแลโรงเรียนที่อากงเขาอุตส่าห์ก่อตั้งไว้ให้ลูกหลานแต่นายยังเกเรอยู่เลย อืม ไม่บ่นก็ได้ ส่งมาเลยน่ะ )อาจารย์กันตภณวางสายไป

      เขาก็มองหน้าผม ที่กำลังเก็บของที่อาจารย์ซื้อมาให้ผม มีผ้าอ้อม และนมกระป๋อง อาจารย์เขาซื้อนมแพะให้เจ้าลูกโซ่ทาน อันนี้ผมก็เกรงใจหนักเข้าไปอีก นมแพะแพงน่ะสำหรับผมคนที่ไม่มีรายได้ ผมได้นมจากพี่รินทร์สำหรับเจ้าลูกโซ่ สองเดือนเต็มๆ ผมก็เกรงใจพี่เขาเลยต้องหัดลูกโซ่ทานนมผงแทน และตอนนี้พี่รินทร์ก็ยุ่งมาก เพราะว่าลูกเขาตรวจผมว่าเป็นโรคหัวใจต้องเข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาลบ่อยมาก ผมก็บอกกับพี่รินทร์ว่ามีอะไรให้ผมช่วย ผมยินดีที่จะช่วยเท่าที่ผมจะช่วยได้

      “บีม” ผมหันมามองคนที่เรียกชื่อผมอย่างรวดเร็ว โดยไม่ทันตั้งตัว ผมเลยเสียหลักเล็กน้อยจนเกือบจะล้ม แต่ก็ไม่ล้มเพราะว่ามีคนมาประคองเอวผมเอาไว้ได้ทัน สายตาผมประสานกันกับสายตาคู่นั้น ที่ดูอบอุ่นสำหรับผมเสมอ อาจารย์กันตภณ ใบหน้าของอาจารย์อยู่ใกล้ชิดกับผมมาก จนผมรับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ที่พ่นออกมาจากปลายจมูกโด่งรั้นนั้น ริมฝีปากที่ขยับเม้มเข้าหากัน ก่อนจะค่อยๆ เข้ามาใกล้ผมทุก เข้ามาใกล้ผมมากจนเกือบจะประกบริมฝีปากบางๆ ของผม ผมกลับเมมริมฝีปากตัวเองอัตโนมัติ

      “แหง๋!” เสียงร้องจ๋าของเจ้าลูกโซ่ ทำให้ผมต้องผลักอาจารย์กันตภณกระเด็นออกไป และผมก็หันไปมองหาเจ้าลูกโซ่ น้องไม่ได้อยู่ที่ตรงเพลย์ยิมแล้ว ผมก็ย่อตัวลงมองหาว่าไปไหน

      “ลูกโซ่!!” ผมเรียกหาทันที และผมก็พบว่าน้องกลิ้งไปติดที่แคบ

      “กลิ้งไปยังไงของเราน่ะลูกโซ่” ผมพูดปนหัวเราะก่อนจะคลานเข่าเข้าไปดึงเจ้าลูกชายตัวดีออกมา พอผมอุ้มก็กอดผมหมับ ใบหน้าที่ก็ซุกไซ้จะหาแต่ผมแบนๆ ของผม

      “ไม่เอาแล้วครับลูกโซ่ ลูกโซ่ต้องดื่มจากขวดนมน่ะครับ เพราะว่ามี้ให้ลูกโซ่ดูดนมมี้ไม่ได้นะครับ” ผมบอกลูกชาย สีหน้าผิดหวัง แต่ผมก็ต้องขัดใจ ไม่อย่างนั้น ผมต้องคอยใส่เสื้อในและต้องมีที่ซับน้ำนมที่ไหลซึมออกมาตลอดเวลา พอผมบอกไม่ได้ทำหน้างอทันที ลูกโซ่เป็นเด็กฉลาดมาก พูดอะไรไปก็รู้เรื่องไปซะหมด ผมหันมามองอาจารย์กันตภณ

      Rrrrr มือถือของอาจารย์กันตภณ ดังขึ้น ซะก่อนที่อาจารย์จะเดินมาหาผมเขาจึงต้องเลือกเดินกลับไปกดรับสาย ส่วนผมเหลือบมองนาฬิกาตั้งโต๊ะ ตอนนี้ได้เวลาลูกโซ่ต้องดื่มนมแล้ว และดูท่าจะง่วงนอนแล้วด้วย ผมจับเจ้าลูกโซ่ไปนอนเล่นในเปลเด็กก่อน เป็นแปลแบบพับได้ และมีโมบายแขวน สำหรับให้ลูกโซ่ดู แต่ว่าลูกโซ่ของผมกลับไม่ได้ใช้แค่ตาดูครับ ใช้เท้าอันทรงพลังเตะหมุนไปมาได้ (ปกติเด็กน้อยเขาจะมองกันเพื่อความบันเทิงแต่เจ้าลูกโซ่ของผมยกเท้าขึ้นมาหมุนโมบายแขวนเล่นซะเพลินเชียว บันเทิงไปอีกอย่าง)

      “บีม พี่ต้องกลับก่อนนะครับ บีมอยู่ได้หรือเปล่า” พี่กันตภณเดินมาบอกผม ผมหันมามองอาจาย์ ผมพยักหน้าว่าผมอยู่ได้

      “ม๊าพี่น่ะ เขาล้มพี่ต้องรีบไปนะครับ พี่…”

      “ไปเถอะครับพี่กัน เพราะว่าม๊าพี่สำคัญนะครับ พี่ไปดูม๊าพี่เถอะน่ะครับ “ผมพูดกับอาจารย์กันตภณ

      “มีอะไรโทรหาพี่ได้ตลอดนะครับ “อาจารย์กันตภณพูดก่อนจะเข้ามาหอมที่หน้าผากของผม ก่อนจะหันไปเอื้อมหยิบกุญแจรถยนต์ ผมหันไปเห็นแหวนที่นิ้วนางข้างขวา แหวนพลอยแดงเหมือนกับแหวนที่ผมได้มาคืนนั้นไม่มีผิดเพี้ยนเลย

      “บีม มีอะไรครับ” ผมคงเพ้งมองแหวนวงนั้นนานไปหน่อย

      “แหวนสวยนะครับ ผมไม่เคยเห็นพี่สวมแหวนวงนี้มาก่อน”

      “ก็สวมบ้างแต่บางทีก็ลืมอ่ะครับ นี่เป็นแหวนวงศ์ตระกูลพี่ครับ จะมีชื่อและนามสกุลอยู่ด้วยครับ” อาจารย์กันตภณพูด ผมเงยหน้ามอง แหวนวงศ์ตระกูลอย่างนั้นเหรอ แต่ว่าไอ้แหวนวงนั้นมันแค่ ด.เด็กตัวเดียว ตระกูลไอ้นั่นมันคงจะด้วนไปน่ะ มีแค่ดอเด็กตัวเดียว

      “ม๊าพี่เคยพูดกับพี่น่ะ ถ้าเจอคนที่ใช่ ให้ใช้แหวนวงนี้ หมั้นคนนั้น เพราะว่าแหวนวงนี้ป๊าพี่เป็นคนออกแบบเพื่อให้ ลูกชายและหลานชายของวงตระกูลใส่เท่านั้น” อาจารย์กันตภณบอกผม ผมก็ต้องยิ้ม ผมแอบคิดว่าอาจจะมีคนแอบก๊อบปี้ก็ได้มั้ง

      “แหง๋ๆๆ” เสียงร้องปรีดของลูกโซ่ ทำให้ผมต้องรีบหันไปชงนมทันที ตายแล้วผมลืมชงนมให้ลูกไปเลย

      “พี่กันรีบไม่ใช่เหรอครับ” ผมหันมาถามอาจารย์กันตภณ

      “เออ ครับ พี่ไปก่อนน่ะ” อาจารย์กันตภณบอกผม ก่อนจะเดินออกไป ผมก็รีบเดินไปควักเอาเจ้าลูกโซ่ที่ดิ้นกระจัดกระจายอยู่เปลเด็ก ผมอุ้มมาป้อนนมก่อน ผมไม่ปล่อยให้ลูกนอนกินนมในเปล คือถ้าลูกสำลักเราจะไม่รู้เลย ผมเลยเป็นห่วงตรงนี้มาก ผมป้อนจนตัวแสบหลับปุ๋ยไปแล้ว และนั้นถึงได้อุ้มขึ้นมาพาดบ่าผมก่อนจะวางลงนอนในเปลเด็กอีกครั้ง



****

         Part’ s เธียรวิชย์ ตอนนี้ผมแทบจะไม่มีเวลาออกไปเที่ยวเลย ก็เพราะว่าพ่อผมขีดเส้นตายเอาไว้แล้วว่าภายในสามเดือนนี้ต้องจบปริญญาโทและบินกลับทันที และงาน Thesist ที่ผมดองไว้ ก็ต้องมาเร่งทำเอาตอนนี้เลยทำไม่ทัน นี้ผมต้องส่งข้อมูลทุกอย่างให้เจ๊กกัน หาคนทำให้ ผมทำเองแล้ว ดอกเตอร์ภรัณญูบอกว่ายังไม่ร้องว้าว!! เลยให้ผมทำใหม่ ผมลองแล้วลองอีกก็ยังไม่ผ่าน จนผมต้องหาคนช่วยนี่แหละ

      //ฮัลโหล เจ๊กกัน//

      // ว่าไงเธียร เจ๊จะไปหาอาม่าของเราน่ะ”

      //เจ๊กกัน อาม่าเป็นอะไรไปครับ//

      //เด็กที่บ้านโทรมาบอกอาว่าอาม่าเราน่ะล้ม และโกวหงส์ พามาส่งโรงพยาบาลแล้ว เธียร//

      //แล้วนี่เรานะตั้งใจเรียนให้มันจบซะที่ซิ อาม่าก็คิดถึงเราน่ะ นี้บ่นหาทุกวัน//

      //ก็รอให้ผมทำThesisส่ง ผมก็กลับแล้วเจ๊ก//

      //เจ๊กคุยกับเขาให้แล้ว เขาโอเค ดังนั้นเราก็จ้างเขาแล้วกันน่ะ เขายังไม่มีงานทำ เขารออยู่ ดังนั้นเงินค่าจ้างเขาจะได้เอาไปใช้จ่ายช่วงระหว่างรอกลับไปทำงานเธียร//ผมบอกหลานชายผม

      //และคนนี้เขาเป็นคนเก่ง ทำงานละเอียดเรียบร้อยดี ไว้ใจได้ //ผมการันตีบีมอีกเสียง

      //นาทีนี้ ผมไม่เลือกแล้วเจ๊ก เพราะว่าถ้าผมไม่จบ ป๊าบอกให้ผมหางานทำที่นี้ไปเลยไม่ต้องกลับแล้วอ่ะ//

      //กลัวขึ้นมาหรือไงล่ะ//

      //ถ้าให้ผมไปทำงานตามบริษัทที่นี้ก็เป็นลูกจ้างดิเจ๊ก งั้นผมเลือกกลับไปช่วยป๊าดีกว่า เพราะว่ามันยากกว่า //ผมพูด

      //กว่าจะคิดได้น่ะนายนี้ เอาล่ะ ส่งอิเมลรายงานที่นายต้องการมาให้เจ็ก และเจ๊กจะดูหนังสือที่ต้องใช้ประกอบให้กับกันต์ธีย์เขาทำให้//

      // โอนเงินให้เขาเองด้วยน่ะ เจ๊กจะส่งเลขที่บัญชีไปให้ นะเธียร//

      //แค่นี้ก่อนน่ะเธียร เจ๊จะเข้าไปดูอาม่าแล้ว //

      //ครับเจ๊ก // ผมกดวางสายจากมือถือากันก่อนจะหันไปสแกนรายวิชาที่ผมต้องการให้ คนที่เจ๊กจ้างมาทำรายงานให้ผม แต่ชื่อกันต์ธีย์ ชื่อแปลกดีน่ะ และเจ๊กยังบอกว่าเด็กคนนี้เพิ่งจบแต่ไม่มีงานทำ แต่ผมก็ไม่ได้ถามว่าเขารับทำเท่าไหร่ ผมนั่งนึก ผมเคยจ้างเขาทำอยู่ที่ สองหมื่นห้า เอาว่ะ จ่ายตามนี้แล้วกัน

      // ฮัลโหล //เฮียธันรับสายผม พี่ชายคนที่อายุห่างจากผมแค่หนึ่งปีเอง พี่ธีนน่ะถูกส่งมาเรียนเหมือนผมเช่นกันจบและกลับไปก่อนผมปีหนึ่ง

      //เฮีย// ผมเรียกเฮียธัน

      //ว่าไงว่ะ เธียร // น้ำเสียงที่กำลังหงุดหงิดเพราะถูกขัดจังหวะแน่ๆ ฮั้นแน่ หนีป๊ามาหาเด็กเฮียน่ะซิ

      //ทำไมทำเสียงแบบนั้นล่ะเฮีย ขัดจังหวะเฮียเหรอครับ//

      //มีอะไรรีบพูดมาเลย เฮียรีบ เพราะว่าต้องรีบกลับบ้าน ไปกินข้าวบ้าน //

      //เฮียอยู่ไหนอ่ะ//

      //อยู่คอนโดดิ มีอะไร//

      //มาคอนโดเฮียเหรอ //

      // ไม่ใช่คอนโดเฮีย คอนโด… //เฮียธันพูด แสดงว่าไปคอนโดสาว เพราะถ้าเฮียไม่ชอบจริงๆ จะยังไม่พาไปที่บ้านหรือคนโดตัวเอง

      //ไปฟันเขาถึงที่เลยนะเฮีย//ผมชมเฮียผม

      //กูไม่ใช่มึงครับไอ้เธียร ถ้าเป็นแฟนกูก่อนแล้วกูค่อยขอเขา มึงน่ะเจอปั๊บฟันปุ๊ปทิ้งขว้างทันที และนี่มีอะไรว่ามาเฮียจะรีบไปอาบน้ำแล้วต้องกลับไปหาม๊า ช่วงนี้ม๊าน้อยใจอยากให้อยู่ทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตาอยู่ ขาดแต่มึงนี่แหละ ตี๋น้อย//

      //เฮียโอนเงินให้หน่อย ผมจ้างเขาทำThesis ให้น่ะเฮีย สองหมื่นห้าพันบาท เฮีย //ผมบอกเฮียเพราะว่าจะโอนเป็นเงินไทย ให้เฮียโอนดีกว่าจะได้ไม่ต้องเสียค่าโอนแพง

      //เอาเลขที่บัญชีมา // เฮียธันบอกผมโดยไม่ต้องคิดมากทันที

      //เดี๋ยวส่งให้เลยเฮีย//

      //อืมงั้นแค่นี้น่ะ เฮียรีบ//

      //ปั่ม ปั๊ม สาวเหรอเฮีย//

      //รู้อีกแค่นี้แหละ // และเฮียธันก็วางสายจากผม ผมก็รีบ forward เลขที่บัญชี คนที่เจ๊กกันให้ผมมา เป็นเลขที่บัญชีของผมจ้างให้ทำThesis ผมรีบโอนก่อนเลยน้องจะได้ไม่เปลี่ยนใจ ถ้าเพิ่งจบก็ต้องอ่อนกว่าผมสองสามปี เพราะว่าแพรวาก็จบปีนี้ ยังอ่อนกว่าผมสามปีเลย


      TBC….

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.24 เกริกพ่อของเธียรคิดหนัก

       Part’s เกริก (ป๊าของเธียรวิชญ์) วันนี้เกริกมีนัดตีกอล์ฟกับเพื่อนๆที่เคยเรียนโรงเรียนนายร้อยด้วยกันมา ถึงเขาจะเรียนไม่จบเพราะว่าเลือกที่จะลาออกไปก่อน เขาเห็นว่าตอนนั้น คนที่เข้ามามีบทบาทเริ่มใช่อำนาจใจทางที่ผิด เขาไม่เห็นด้วยและอุดมคติที่ตรงกันข้าม เลยทำให้เขาเลือกหันหลังและกลับไปเรียนเมืองนอกทันทีตามที่ป๊าของสนับสนุน พอกลับมาก็แต่งงานทันทีกับผู้หญิงที่แอบมองมานานและสานต่อกิจการของป๊าเขา

                “วันนี้คุณหญิงคุณนายมากันเยอะน่ะม๊ามีเพื่อนเยอะเลยซิน่ะ หึๆ” เกริกถามภรรยาของเขากัญญารัตน์ไม่ได้ชอบสังคมจอมปลอมแบบนี้เลยคณหญิงเหล่านี้มีเพชรพลอยมาอวดกันทุกครั้งที่ได้เจอหน้ากันและพยายามสร้างภาพว่าครอบครับอบอุ่นเช่นกัน
                “คุณรัตน์คุณเกริกสวัดดีค่ะ” คนนี้ชื่อคุณประภัสสร เธอแต่งงานกับเพื่อนของเฮียเกริกเช่นกันตอนนีเป็นผู้บังคับบัญชาเรียบร้อยแล้ว เธอมีบุตรสาวสองคนและพี่บุตรชายหนึ่งคนเห็นว่าลูกชายคนเดียวพึ่งจะจบและเข้าประจำการหน่วยรบพิเศษแถมเธอยัเงป็นเพื่อนกับหงส์หยกน้องเฮียเกริกตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมด้วยกัน
                “ไงเกริก” เพื่อนรักของเขากิตติชัย ทักทายเกริก “ไปออกรอบกันดีกว่าปล่อยให้ผู้หญิงเขาเม้าส์กันไป” กิตติชัยบอกเพื่อนรักของเขา วันนี้เพื่อรักของเขามากันหลายคนเลยเธอหันไปเห็นธรรมรัตน์เขามากับคุณหญิงนิดาและลูกสาว กัญญารัตน์อยากจะหลบหน้าสักพักเบื่อคำถามที่ถามถึงลูกชายคนเล็กแย่แล้ว
                “คุณปภัสสรค่ะดิฉันจะขอตัวไปดูเครื่องดื่มก่อนนะคะ” ธัญญารัตน์รีบลุกขึ้นทันทีแต่ช้าไปเสียแล้ว
                “คุณแม่ค่ะ สวัสดีค่ะ” แพรวาทักทายเธอแต่วันนี้แปลกเรียกเธอว่าแม่เฉยเลย เธอหันมามองหน้า
                “เรียกน้าเหมือนเดิมดีกว่าน่ะแพรวา” เธอหันมาทักทวงเบาๆแต่ก็ยังยิ้มให้อยู่
                “เรียกแม่ก็ได้มั้งหัดเอาไว้ รัตน์” คุณนิดาพูด
                “ไม่ซิต้องเรียกม๊าใช่ไหมคะ” แพรวาถามธรรมรัตน์กลับ เธอมีสีหน้ากะอักกะอวนใจอย่างมาก 
                “แล้วนี่จะไปไหนกันเหรอคะ” นิดาถามกัญญารัตน์
                “จะไปดูเครื่อมดื่มสักหน่อยน่ะ” เธอตอบ
                “งั้นก็ไปด้วยกันเลยซิคุณธรรมรัตน์น่ะจะไปออกรอบกับบรรดาคุณผู้ชาย เราก็ไปหาอะไรมานั่งดื่มกันดีกว่า” คุณนิดาพูด
                “แม่ค่ะแพรวาอยากได้ค็อกเทลนะคะ” แพรวาพูด
                “ไม่ได้ค่ะแพรวาคุณพ่อสั่งห้ามค่ะ” นิดาหันไปบอกลูกสาวทันที
                “ทำไมถึงไม่ได้คะแม่!!” สิ่งที่ทำให้ธัญญารัตน์และคนอื่นๆตกใจเธอตะค็อกเสียงดังใส่แม่ของเธอ ทำเอาคนข้างยกมือขึ้นมาทาบอกตกใจอย่างมาก
                “ไม่เอานะคะลูกดื่มอะไรที่เบาๆค่ะ เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพนะคะ” นิดาเธอก็พยายามใช้น้ำเย็นเข้าลูบแพรวา ช่วงนี้เธออารมณ์ฉุนเฉียวมาก
                “ไม่ค่ะ! แพรวาจะดื่มค็อกเทลค่ะ!!”เธอบอกแม่ของเธอก่อนจะเดินออกไปทันที
                “พอดีช่วงนี้แพรวาเขาเครียดนะคะเขาต้องฝึกงานนะคะเขากังวลเรื่องเกียรตินิยมแต่ว่าเขาได้แน่ๆค่ะ “คุณนิดาพูดยิ้มให้ทุกคนจนมาหยุดที่กัญญารัตน์เธอเป็นคนเดียวที่รู้ว่าแพรวาไม่ค่อยปกติแต่พ่อแม่ก็ไม่เชื่อกัญญารัตน์ก็ยิ้มให้แค่นั้น นิดาก็รีบเดินไปหาลูกสาวทันที
                “แพรวาเขาไปฝึกงานกับพ่อของเขาใช่ไหมค่ะคุณรัตน์” คุณหญิงกมลรัตน์หันมาถามเธอเป็นภรรยาของอธิการบดี มหาวิทยาลัยที่กันตภณเป็นอาจารย์สอนที่นั้นเธอมีแต่ลูกสาวแต่งงานกันหมดแล้ว
                “ใช่ค่ะ” ธัญญารัตน์ตอบ“ฉันได้ยินเด็กที่ทำงานที่นั้นบอกว่าลูกสาวคุณธรรมรัตน์ ทำอะไรไม่เป็นสักอย่างเดียวแต่ว่าได้เข้ามาฝึกงานเพราะว่าเธอได้เกียรตินิยมดับสองเร็วๆนี้ ฉันนี่แปลกใจจริงๆ เด็กคนนี้ได้มาได้ยังไง “คุณหญิงพูดขึ้นธัญญารัตน์เองก็รู้สึกแปลกใจ ทำไมภรรยาอธิการบดีมหาวิทยาลัยถึงได้แปลกใจทั้งที่สามีของเธอก็น่าจะทราบตรงนี้ดีอยู่แล้ว
                “และอีกอย่างที่เขาพูดกันหนาหูมากแต่ห้ามไปพูดต่อหน้าคุณธรรมรัตน์น่ะว่า ลูกสาวเขาน่ะโมโหร้ายมันไม่ใช่คนปกติเขาทำกันคะคุณรัตน์” ธัญญารัตน์ทำได้แค่ยิ้มๆพยักหน้าไปเท่านั้นเธอนี้เห็นใจนิดาและลูกสาวมากน่ะคุณธรรมรัตน์รู้ว่าลูกสาวควรได้รับการรักษาแต่ไม่ยอมรับความจริง
                “ใครขัดใจไม่ได้เลยค่ะแถมสัมมาคาราวะ ไม่มีสักนิดเลย ดูซิ มานี้ไหว้แต่คุณหญิงพวกอิฉันนี้นั่งหัวหงอกอยู่นี้ ไม่ยกมือไหว้ แม่ก็ไม่ยอมบอกลูกสาวบางเลย” คุณหญิงเขาพูด ธัญญารัตน์ก็ทำได้แค่ยิ้มเจื่อนๆ         
                ขณะที่เกริกกำลังตีกอล์ฟเป็นกีฬาที่ทำให้เขาได้มีสังคมกับเพื่อนๆรุ่นเดียวกันแต่เกริกจะแตกต่างจากเพื่อนหลายคนเพราะว่าเขาถูกสอนมาในครอบครัวที่ยืดหลักให้เกียรติภรรยารักและซื้อสัตย์ต่อภรรยาของเขาแต่เพื่อนเขานี้แต่ล่ะคนมีบ้านเล็กบ้านน้อยกันทั้งนั้น มีพิเชษฐ์อีกคนที่ไม่คิดจะมีเช่นกัน
                “เกริกผมเองก็เสียดายอาจารย์กันตภณน่ะ เขาเก่งทีเดียว เป็นคนมีความรู้ความสามารถมากผมอยากให้เขาเป็นอาจารย์เพื่อทำประโยชน์ต่อ” อธิการบดีพูดเกริกหันหน้ามามองเขาที่กำลังเหวี่ยงวงสะวิงอยู่ในสนามกอล์ฟ
                “แต่ผมอยากจะให้นายเตือนน้องชายสักหน่อยนะครับเป็นไปได้อย่าไปยุ่งกับงานของดอกเตอร์เปรมสินีย์เขา” อธิการบดีพูดกับเกริก
       “คุณเปรมสินีย์นี้เป็นเด็กฝากของคุณธรรมรัตน์เขานะเกริก เพื่อนกันไม่ใช่เหรอ เกรงใจกันหน่อยก็ดีน่ะ” อธิการบดีพูดก่อนจะเดินไปสะวิงจุดอื่น เขาหันไปมองธรรมรัตน์ที่ยืนคุยกับเพื่อนๆคนอื่นที่เป็นนายทหาร เกริกคิดว่าถ้าเป็นเด็กฝากธรรมดาธรรมรัตน์คงไม่ออกมาเตือนเขาเช่นนี่ สงสัยจะไม่ใช่เด็กฝากธรรมแล้ว
                “เกริก วันไหนว่างๆไปเที่ยวกันไหม คุณธรรมรัตน์น่ะเขามีของดี” เกิรกหันไปมองเขาเข้าใจคำว่าของดีแต่ว่าเขาไม่สนอยู่แล้ว
                “ไม่ละอั๋วะไม่ชอบกินอาหารจั้งฟู้ด “เกริกพูดพิเชษฐ์หันมามองพร้อมกับพยักหน้าว่าเห็นด้วย พวกเขาเห็นว่าได้เวลาอันสมควรที่จะกลับบ้านแล้ว
                “ชอบกลับไปทานฝีมีอเมียลื้อที่บ้าน” พิเชษฐ์ถามเกริก เขาหันไปยิ้มแค่นั้น
                “แน่ล่ะ คุณรัตน์น่ะทำอาหารอร่อยมากน่ะ“ธรรมรัตน์พูดเพราะว่าเขาเคยไปชิมฝีมือธัญญารัตน์เมื่อครั้งที่ไปความรู้จักกับอแต่ว่าเตี่ยและม๊าเธอกลับยกให้เกริกแทนเขา
                “เกริกไปไหนหรือเปล่า” ธรรมรัตน์หันมาถามเกริก เพื่อว่าเขาชวนเองแล้วเกริกจะยอมไป
                “ผมมีนัดทานอาหารที่บ้านกับลูกๆนะครับเฮียผมขอตัวนะเฮีย ผมไม่ค่อยสะดวกจริงๆช่วงนี้เพราะว่าวันหยุดก็พาคุณรัตน์ไปพักผ่อนที่เขาใหญ่และไหนจะไปอยู่กับม๊าผมบ้างเลยไม่ค่อยว่าง และครอบครัวของผมคือสิ่งสำคัญ” เกริกพูดจังหวะที่เขาเดินเข้ามาด้านใน เขาเห็นแพรวากำลังโวยวายกับพนักงานที่เอาของที่เธอสั่งมาให้ไม่ถูกใจ
                “ไปทำมาให้ฉันใหม่เดี๋ยวนี้!!” ดูแพรวาเธอโมโหร้ายจนแม่ของเธอเองก็ห้ามไม่อยู่“แพรวา ใจเย็นๆซิลูก”คุณหญิงนิดาพูดห้ามลูกสาว
                “แกทำไม่ได้ ก็ใส่หัวออกไปลาออกไป “แพรวาพูดเสียงดังใส่พนักงานจนธรรมรัตน์เดินเข้ามาและมองหน้านิดาทำไมไม่ห้ามลูกสาว
                “นี่แล้วทำไมเธอไม่ฟังลูกฉันให้ดีดีละว่าเขาจะเอาอะไรทำเป็นไหมเธอน่ะ” นิดาที่ไม่เคยโทษลูกสาวตัวเองเลยหันมาชักสีหน้าไม่พอใจใส่พนักงาน
                “เกิดอะไรขึ้นคุณ” ธรรมรัตน์ถามภรรยาและลูกสาวเขา
                “อีนี้ทำเครื่องดื่มค็อกเทลมาให้หนูผิดค่ะพ่อ” แพรวาพูดกระแทกเสียง
                “พ่อบอกว่าห้ามดื่มไงแพรวา” ธรรมรัตน์พูดแต่เขามองหน้าคุณหญิงนิดา ถ้าเป็นที่บ้านเธอคงโดนไปแล้ว
                “ไม่ค่ะหนูจะดื่มค่ะพ่อ!!” แพรวาพูดเสียงดังใส่ธรรมรัตน์
                “เอาอย่างนี้อยากดื่มไปดื่มที่บ้าน “ธรรมรัตน์ตัดบทและเขาก็กำลังหาเรื่องให้ทั้งคู่กลับบ้านอยู่เหมือนกัน
                “พาลูกกลับบ้านไปและให้คนขับรถกลับมารับผมทีหลัง” ธรรมรัตน์บอกนิดา เธอก็ทำได้แต่พยักหน้าก่อนจะดึงรั้งแพรวาออกไปแต่ล่ะคนยืนมองด้วยสีหน้าตกใจกันทั้งหมด
                “ผมก็จะกลับแล้วเหมือนกันพี่พุฒิ” เกริกหันบอกธรรมรัตน์ ชื่อนี้คือชื่อเก่าของเขาตั้งแต่สมัยเด็กๆพูฒิพงษ์แต่จู่ๆเขาก็มาเปลี่ยนทีหลัง
                “คุณกลับกันหรือยังละ” ภรรยาของอธิการบดี เขาเองพึ่งจะพูดกับเกริกอยู่ว่า ธรรมรัตน์เขามีของดี
                “คุณกลับก่อนแล้วผมมีเรื่องต้องคุยกับเพื่อนเก่าหน่อย “อธิการบดีบอกภรรยาถึงเธอจะไม่ค่อยพอใจแต่ก็ต้องเลือกหยิบกระเป๋าและลุกเดินออกไปอย่างไม่สบอารมณ์หนัก
                “คุณรัตน์ ฉันฝากหลานสาวฉันเข้าทำงานด้วยสักคนซิค่ะพึ่งจบใหม่นะคะ สวยและเก่ง ได้ไหมคะ” คุณหญิงแฟนอธิการบดีหันมาถามธัญญารัตน์ก่อนจะเดินออกไป
                “ได้ซิ พอดีเลยธุรการเขาจะลาหยุดไม่รับเงินเดือนสามเดือน เขาจะไปเมืองนอกกับแฟนน่ะให้หลานสาวเข้ามาเขียนใบสมัครเอาไว้เลยน่ะ” ธัญญารัตน์บอกภรรยาอธิการบดีเธอพยักหน้าก่อนจะหันไปค้อนสามีตัวเอง และเธอก็เดินออกไปทันที
                “ถ้าอย่างนั้นอั๊วะกับเกริกกลับเลยแล้วกันน่ะ” พิเชษฐ์พูดพร้อมกับหันไปพยักหน้าเรียกภรรยาของเขาเช่นกัน
                “เกริกรอบหน้าชวนวิทย์มาด้วยซิ อะไรกันให้แต่งงานกับน้องสาวแต่ไม่ให้ออกมาเที่ยวบ้างเลย” อธิการบดีพูดเขากำลังสนใจที่ทาบทามวิทย์น้องเขยเกริก เพื่อความสะดวกสบายของพวกเขา
                “ก็โทรไปชวนเองเลยซิแต่ไอ้วิทย์น่ะมันยุ่งมากน่ะ ขนาดว่าอั๊วะนี้เป็นพี่เขยยังไม่ค่อยได้เจอเลย “เกริกพูดก่อนจะหันไปพยักหน้ากับธัญญารัตน์ เกริกหยิบกระเป๋าถือของภรรยาเขาไม่แคร์หรอกที่ใครบอกว่าเขากลัวเมียที่จะถือกระเป๋าให้ภรรยาของเขาระหว่างที่ทั้งคู่เดินออกเขาเห็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาเธอดูมีอายุแต่ก็ไม่มากเท่าไหร่เธอเดินผ่านเกริกและธัญญารัตน์เข้าไปด้านในแสดงว่าเธอมาเพื่อนๆของเกริกที่ยังไม่กลับกัน
                “คุณเปรมสินีเชิญครับ” เกริกและธัญญารัตน์ได้ยินชื่อนี้คือเปรมสินีย์แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
                “เดี๋ยวคุณรอผมสักครูน่ะ” พิเชษฐ์บอกกับภรรยาของเขาก่อนจะพยักหน้ากับเกริกให้ไปหาที่คุยกันสักครู่
                “คุณเห็นผู้หญิงคนนั้นไหมคะคุณธัญญารัตน์” ภรรยาของพิเชษฐ์เอ่ยถามเธอ
                “เห็นค่ะ” เธอตอบ
                “ภรรยายาน้อยคุณธรรมรัตน์ค่ะ” ภรรยาของพิเชษฐ์พูด ทำให้ธัญญารัตน์ที่ไม่ได้ติดตามข่าวพวกนี้ถึงกับตกใจไม่น้อย
                “คุณนิดาเธอไม่รู้หรอกค่ะ” ภรรยาของพิเชษฐ์พูด
                “ขอบใจลื้อมากน่ะ “เกริกพูดกับพิเชษฐ์ก่อนจะแยกกันไปขึ้นรถธัญญารัตน์เหลือบไปมองเวลาขณะที่จวนจะได้เวลาที่ลูกๆจะพากันมาทานข้าวที่บ้านธีบอกว่าจะพามิวมาทานข้าวที่บ้านด้วย ธามและธันก็จะมาด้วยเช่นกันมันทำให้เธอคิดถึงลูกชายคนเล็กเหลือเกิน ไม่ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันเลย
                Rrrrrจู่ๆมือถือเธอก็มีสายเข้าจากลูกชายคนเล็ก
                “ป๊า เธียรวิชย์” ธัญญารัตน์พูดก่อนจะกดรับสาย ตอนนี้เธออยู่บนรถสีดำประจำตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดเกริกหันมามองภรรยาของเขา
                “เธียร ว่าไงลูก” ธัญญารัตน์ทักทายเธียรวิชญ์
                “ม๊า ผมจบแล้วนะม๊า” เธียรวิชญ์พูด
                “จริงเหรอเธียร! ม๊าดีใจด้วยน่ะ จบซะที กลับเลยไหมเราน่ะ”เกริกหันมามองภรรยาของเขาที่ดีใจมากที่ลูกชายคนเล็กเรียนจบซะที
                “ขอเวลาหน่อยม๊าขอเที่ยวอีกสองเดือนนะม๊า” เธียรวิชญ์พูด คนทีนั่งส่ายหัวไปมาคือป๊าเขาเอง
                “จะรออะไรอีกตอนนี้ทางนี้ยุ่ง เธียร!!!” ป๊าของเขาพูดแต่ว่าม๊าของเขาหันมาทำสีหน้าให้ใจเย็นๆก่อน
                “รอทำไมละเธียรกลับเถอะลูก” ม๊าของเธอถามลูกชาย
                “พอดีว่าเพื่อนผมนะเขาพึ่งจะขอสาวแต่งงานอาจจะมีปาร์ตี้งานหมั้น ผมจะขออยู่ต่อนะม๊า” เธียรวิชย์ม๊าของเขาและนี้คือเหตุผลว่าทำไมเขาโทรมาบอกม๊าก่อนที่จะบอกป๊าของเอง
                “เสร็จแล้วกลับมาเลยนะเธียรม๊าคิดถึงและอาม่าด้วย”
                “ครับม๊าแค่นี้ก่อนนะครับม๊า” เธียรวิชย์
                “ม๊าอย่าพึ่งบอกแพรวานะว่าผมเรียนจบแล้ว ผมกลัวเธอบินมาหาผมอีก” เธียรวิชญ์พูด
                “น้องเคยบินไปหาเราที่นั้นด้วยเหรอเธียร” ม๊าของเขาถามด้วยน้ำเสียงตกใจ
                “เคยม๊าแต่ว่าลุงธรรมรัตน์เขาโทรให้แพรวากลับไปที่โรงแรมและผมก็ไปทานข้าวกับเขามาแค่นั้นม๊าส่วนแพรวาก็กลับไปกับพ่อเขาเพราะว่าต้องไปฝึกงานเธอไม่ยอมฝึกตามที่มหาวิทยาลัยสั่งแต่เธอมาฝึกทีหลัง” เธียรวิชญ์พูด
                “ระวังตัวด้วยน่ะเรื่องแพรวาน่ะ” ธัญญารัตน์บอกลูกชายแต่ไม่ได้เล่าสิ่งที่เธอเห็นวันนี้ให้เธียรฟัง
                “ได้ครับม๊า ผมรักม๊าน่ะฝากบอกป๊าด้วยว่าเธียรก็รักป๊า”
                “นั่งอยู่ข้างๆม๊านี้ไงพูดไปซิ บอกรักป๊ายังต้องมาฝากบอกอีก น่าจริงๆเลยเรานิ” ม๊าของเธียรวิชย์ พูดป๊าของเขาหันมามองที่หน้าจอ ลูกชายคนเล็ก
                “ป๊า เธียรจบแล้วเลิกบ่นเธียรสักวันน่ะป๊า” เธียรวิชย์พูดกับป๊าของเขา
                “จะให้เลิกบ่นกลับมาดูแลกิจการของอากงถ้าคิดว่าไม่กลับให้บอกป๊าจะให้เจ๊กเขาออกมาดูแลแทนและเราก็ไปทำหน้าที่ธุการเลยตอนนี้ธุรการขอลาออก” เกริกพูด
                “เรียนจบปริญญาโทมาป๊าให้ทำงานธุรการนี่น่ะป๊า” เธียรวิชญ์พูด
                “ก็เราไม่คิดจะกลับมาดูแลจริงๆจังๆจะให้ฝากทำหน้าอื่นได้ยังไง ไม่รู้ กลับมาก็ทำหน้าที่ธุการไปเลย “ป๊าของเขาพูดม๊าหันมามองหน้า คนทำหน้าเคร่งขรึม
                “งั้นแค่นี้ก่อนนะม๊าเพื่อนโทรมาตามแล้ววันนี้มีเลี้ยงฉลองม๊า บายครับม๊า” เธียรวิชญ์บอกม๊าของเขาก่อนจะว่างสายไปธัญญารัตน์หันมามองสามีของเขา
                “เอาน่ะป๊ายังไงเธียรก็จบแล้ว เขาต้องกลับมาช่วยงานอยู่แล้วป๊า” ธัญญารัตน์พูดกับสามีเกริกหันมามองภรรยาของเขา เธอเป็นคนเดียวที่ทำให้เขาใจเย็นลงเกริกพยักหน้าธัญญารัตน์ได้สั่งให้แม่บ้านทำอาหารที่ลูกๆชอบเอาไว้วันนี้แค่สามกุมารก็ยังดี
                “รอให้เธียรมาช่วยงานป๊าจะได้พาม๊าไปเที่ยวได้แล้ว อยากเที่ยวไหนนี้คิดเอาไว้เลยน่ะ” เกริกถามภรรยาของเขา          “ฉันนี่โชคดีจริงๆเลยน่ะที่ได้เฮียเป็นคู่ชีวิตของฉันน่ะ”ธัญญารัตน์พูด
                “เห็นชุดที่มาวันนี้ไหมป๊าฉันว่าแต่ล่ะคนนี้ มีปมกันทั้งนั้น ยกเว้นป๊ากับเฮียพิเชษฐ์น่ะ “ธัญญารัตน์พูด
                “ยอมรับน่ะว่ารู้ว่าเขาเป็นยังไงแต่ป๊าเชื่อว่าม๊ารู้ว่าไม่ทำแบบนั้นด้วยใช่ไหม “เกริกถามภรรยาของเขา ภรรยาเขาพยักหน้าว่าเชื่อ
                “ป๊าทำหน้าไม่ค่อยสบายใจเลยมีอะไรหรือเปล่า” ธัญญารัตน์ถาม
                “อธิการบดีเขาบอกให้ป๊าเตือนเจ้ากันว่าไม่ให้ไปยุ่งกับเปรมสินีย์ น่าจะเป็นผู้หญิงทีเดินส่วนเราเข้าไปนะม๊าอธิการบดีบอกว่าเธอเป็นเด็กฝากจากธรรมรัตน์ ให้ป๊าเกรงใจธรรมรัตน์บ้างก็ดี “เกริกบอกภรรยาของเขา
                “ฝากขนาดนี้คงมากกว่าเด็กฝากแล้วแหละป๊า” ธัญญารัตน์พูด เกริกหันมาภรรยาของเขา
                “แล้วเฮียพิเชษฐ์ละป๊า” ธัญญารัตน์ถามเกริก
                “เขาบอกว่ามีคนจะทาบทามวิทย์เพราะคนนี้กำลังจะทำบางสิ่งที่ผิดกฎหมายแต่จะยื่นข้อเสนอให้วิทย์ด้วยเฮียเลยฝากให้ป๊าเตือนวิทย์ ว่าอย่าหลงกล มันไม่คุ้มกัน” เกริกบอกกับภรรยาของเขาธัญญารัตน์พยักหน้า      ตอนนี้รถแลนด์เข้ามาในบ้านแล้วได้เวลาอาหารเย็นพอดีเกริกก็ไม่ลืมที่จะหันมายื่นมือให้ภรรยาของเขาจับและเดินลงจากรถหน้าที่นี้เขาทำทุกครั้งไม่เคยขาด สองคนเดินเคียงคู่กันเข้าบ้านนานแค่ไหนแล้วทีเดินคู่กันแบบนี้ ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะเบื่อ
                 “ไม่เอาอ่ะเจ๊มิวว่ามันดูอลังการไปและที่สำคัญ มันโป้ด้วยอ่ะ เฮียไม่ให้หรอก” มิวคุยกับธามเรื่องเลือกชุดแต่งงาน ถึงจะเลื่อนมาแต่ก็แพลนว่าจะแต่งกันอยู่ดี
                “ทำอะไรกันน่ะ” ม๊าเดินเข้ามาพอดีเลย
                “เรียกเฮียซิอย่าเรียกเจ๊!!” ธามลูกชายคนที่สองหันไปเอ็ดมิวพี่สะใภ้แต่อายุอ่อนกว่า
                “ป๊าหวัดดีครับ” ธามยกมือไหว้ป๊าของเขาทำเสียงแมนด้วย ป๊าเขาหันมามองและชี้นิ้วด้วย (ถามว่าป๊ารู้ไหม รู้ตลอดแต่ม๊าก็ห้ามไว้ทุกที)
                “ธีกับธันไปไหนละจะได้มาทานอาหารเย็นด้วยกัน” ม๊าถามสองคนเขาก็ชี้ไปที่ห้องนั่งเล่นที่เขาสองคนนั่งดูแข่งฟอร์มูล่าด้วยกัน
                “มิวไปตามให้นะคะม๊า” มิวบอกกับว่าที่แม่สามีเธอ ก่อนจะรีบเดินไปเรียกคนรักและน้องชายคนรักมิวรุ่นเดียวกับเธียรวิชย์ ม๊าเดินเข้าไปด้านในห้องอาหารกับเกริกก่อนตอนนี้อาหารถูกจัดเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
                “มล บุ้งเขากลับมาหรือยัง” ธัญญารัตน์ถามคนใช่ในบ้าน
                “ยังค่ะเห็นบอกว่าแม่ของบุ้งเขาอาจจะอยู่ไม่ถึงคืนนี้ค่ะ “มลรายงานนายหญิงของบ้าน
                “ตายจริง เป็นเยอะเหรอมล” ธัญญารัตน์ถามมล มลพยักหน้า
                “งั้นก็บอกบุ้งน่ะว่ามีอะไรให้ฉันช่วยบอกได้เลยรู้ไหม “ธัญญารัตน์พูด
“ป๊าโอนเงินเดือนให้บุ้งไปก่อนเลยน่ะเพื่อว่าบุ้งต้องใช้น่ะป๊า” นายหญิงหันไปบอกสามีเธอทันที เกริกพยักหน้าว่าได้ เกริกหันมามองภรรยาของเขาที่ทำหน้าที่แม่ใหญ่ของบ้านได้ดีตอนนี้ลูกๆเดินมานั่งพร้อมหน้ากันแต่ก็ขาดเธียรวิชญ์ไปหนึ่งคน
                “ป๊าไอ้เธียรมันเรียนจบแล้วนิป๊าให้มันบินกลับพรุ่งนี้เลยไหมครับป๊า” ธามถามป๊าของเขา ทำเสียงเข้มๆหน่อย
                “กลับเลยซะที่ไหนล่ะขอม๊าเราเที่ยวต่ออีกสองเดือนนั้นแหละ” ป๊าพูดพร้อมกับหันมามองม๊า
                “ทำไมมองม๊าแบบนั้นล่ะป๊าก็ได้ยินพร้อมๆกับม๊า ทำไมไม่ค้านลูกละ มาโทษม๊าอีก” ม๊าของพวกผมพูด
                “อะไรอ่ะป๊า มันจะเที่ยวโดยไม่สนโลกแบบนี้ไม่ได้นะป๊า“ธามพูดก่อนจะหันมามองน้องชายคนที่สาม ที่หันไปแตะมือกับตั่วเฮียคนโตเขาพนันกันแล้วเธียรมันต้องหาเรื่องอยู่ต่อ
                “มาทานกันได้แล้วน่ะป๊าเขาเหนื่อยวันนี้ ไปออกรอบมา จะได้เข้านอนเร็วหน่อย“ม๊าของพวกเขาพูดก่อนจะหันมาตักที่เกริกชอบสตูเนื้อที่ใส่เครื่องตุ๋นไว้นานถึงแปดชั่วโมง อาหารที่เกริกชอบมาก ลูกๆของพวกเขาเห็นภาพที่ป๊าและม๊าดูแลกันมันทำให้พวกเขาหันมามองหน้ากันและยิ้มมีความสุขมาก โดยเฉพาะธีเขาเลือกผู้หญิงคนนี้แล้ว ถึงที่ผ่านมาเขาจะเดินทางหลงไปบ้าง ธีเคยมีแฟนเป็นผู้ชายไปอยู่ด้วยกันแล้วแต่อุปสรรคมันทำให้เขาทั้งคู่ตัดสินใจยุติ จนกระทั้งธีกับมาไทยเขาก็มาเจอมิว แรกก็แค่คุยกัน มิวมีอะไรที่ธีอยากค้นหาและที่สำคัญ อาม่าชอบมิวธีเลยเดินสานสัมพันธ์หน้าจนทั้งคู่ใกล้จะเข้าสู่ประตูวิวาห์กันเร็วๆนี้
                “ม๊าป๊าไปส่งอิเมลก่อนนะป๊าลืม” เกริกบอกธัญญารัตน์ก่อนจะเดินออกไป
                “มิวจะไปเที่ยวที่ไหนเหรอ”
                “มิวจะไปนิวซีแลนด์ค่ะพี่ที่ทำงานเคยไปเที่ยวกับครอบครัว มิวว่าบรรยากาศดีมากค่ะเสียดายเฮียไปไม่ได้อ่ะ” มิวพูดและหันมามองธีแฟนหนุ่ม
                “อยากไปแต่รอให้ตี๋น้อยกลับมาก่อนจะได้ไปกันมั้ง “เฮียธีพูดกับมิว
                “อยากไปมั้งอ่ะไอ้ตี๋น่ะไอ้ตี๋ มันตีหิตจริงๆ เลยไม่ยอมกลับ” ธามพูด
                “เพี๊ยะ!” จากม๊าของเขาเพราะว่าม๊าเขาก็แปลออกอยู่น่ะ
                “ไปว่าน้อง เดี๋ยวจะโดน” ม๊าเขาพูด
        “เจ๊ธามเอาอะไรดีอ่ะของฝาก” มิงถามธาม
  “เจ๊ก็ขอเอคเซนเซอรี่เหมืแนเดิมน่ะ
  “มิวรู้ไม่ใช่เหรอว่าเจ๊นะชอบอะไร
“ธามพูดและยิ้มให้มิว
   "แล้วเฮียธีรู้ไหมอ่ะเจ๊ธามว่าเจ๊ชอบอะไร"มิวถามน้องชายของธี
        "รู้แต่ไม่กล้าซื้อกลัวคดีพลิกป๊าหันมาเตะเฮียแทน ในฐานะที่เป็นคนซื้อมาฝาก" เฮียธีรีบพูดแก้ตัวทันที
                “ฝากมิวซื้ออีกแล้วที่มีนี้ก็ใส่ไม่หมดแล้วน่ะแถมยังไปฝากม๊าเก็บเอาไว้อีก ป๊าเขาถามม๊าแล้วเนี๊ยะไม่ใช่ว่ากลัวเปลือกงน่ะแต่ถามเพราะว่า มันคนละสไตล์กับม๊าเลย” ม๊าหันมาบอกลูกชาย
                “งั้นธามซื้อตู้เพิ่มแล้วกันนะม๊าจะเอาแบบสำหรับใส่เอคเซนเซอร์รี่โดยเฉพาะนะม๊า…” ธามพูดแต่ว่าป๊าเขาเดินกลับมาพอดี ทำให้มีคนกระทุ้งเขาเป็นการส่งสัญญาณเตือนก่อน
                “ม๊า…ภรรยาอธิการบดีเขาจะฝากหลานสาวเขาให้เข้ามาทำใช่ไหมม๊า” เสียงเข้มเต็มรสชาติมาทันที
                “ถ้าใช่ให้เข้ามาเรียนรู้งานเลยนะม๊าก่อนที่คนเก่าจะออก” ป๊าบอกม๊า ป๊ามองทุกคน
                “มีอะไรกันเหรอ” ป๊าถามทุกคน
                “ธามเขาจะให้ม๊าซื้อ….” ธันรีบดึงแขนม๊าเอาไว้ว่าอย่าพึ่งพูดเลย
                “ซื้อตู้ให้หน่อยนะม๊าธามจะเอาไว้ไปใส่รองเท้า รองเท้านักฟุตบอลม๊า” เจ๊ธามพูดทำเอาทั้งหมดที่ได้ยินหัวเราะกันคิกๆทันที
                “รองเท้าส้นสูงก็บอกมาเถอะเฮีย” ธันไม่วายที่จะแกล้งพี่ชายคนที่สอง
                (ส้นสูงบ้านแกซิ)ธามพูดพร้อมกับส่งนิ้วให้กันและกัน ใต้โต๊ะ
                “ตกลงให้ม๊าเขาซื้ออะไรธาม” ป๊าของเขาถามลูกชาย เขากอดอกมองธาม
                “ซื้อตู้ใส่รองเท้าเพิ่มอ่ะป๊าผมจะเอาไว้เก็บรองเท้าฟุตบอล ช่วงนี้อยากเตะบอลป๊า งานฟุตบอลประเพณีของโรงเรียนเราปีนี้ธามจะเตะโชว์ป๊าเลย “ธามพูด เก็กทำเสี่ยงหล่อด้วย ก่อนตะแอบชูนิ้วกลางธัน
                “มีด้วยหรอรองเท้านักฟุตบอล เฮียไม่ยักรู้ ไปซื้อมาตอนไหนอ่ะ” ธีไม่วายรีบแซวน้องชายที่ไม่เชิงว่าจะเป็นน้องชายหรือน้องสาวมันทีธามค่อยๆหันไปมองตั่วเฮีย ประมาณว่ากินหัวได้เหมือนกันน่ะเฮียธีรีบทำนิ้วว่าไม่พูดแล้ว รูดซิปปาก
                “แล้วไม่เป็นเชียร์รีดเดอร์แล้วเหรอ” ธันถาม ธามหันไปมองทันที อย่าพูดถึบงเพราะว่าปีที่แล้ว ธามแต่งเป็นมาดอนน่าค่ะป๊ายังจำไม่ได้เลย
                “ปีที่แล้วป๊าถามหามาดอนน่าจะให้รางวัลอ่ะ ในฐานะที่แต่งเหมือนจนนึกว่ามาดอนน่ามาเองตกลงเฮียตามหาเจอหรือยัง” ธันถามธาม
                “ออกไปแล้ว” ธามพูดด้วยน้ำเสียงแอบควันออกหูเล็กน้อย
                “แล้วนี่คุณลินดาเขาเข้าไปช่วยเราเครียมเอกสารหมดแล้วใช่ไหม” เกริกถามลูกๆของเขา
                “ของผมเรียบร้อยแล้วป๊ามาเร็วเครมเร็ซเลย ใช้เวลาแค่อาทิตย์เดียวเอง” เฮียธีพูด ก่อนจะหันมามองธัน
                “ของผมน่าจะใกล้แล้วป๊าธันพูด
                “ใกล้เสร็จเหรอกูว่าเสร็จไปแล้วมั้ง คุณลินดาอะไรเนี๊ยะแต่งานประเมิณมึงน่ะยังค่ะ!!” ธามพูด ป๊าสะบัดหน้าไปมองธัน ธันหันมายิ้มให้เจ๊ธามพูดทำไมเนี๊ยะ
                “แล้วธามละ” ป๊าถามธาม
     “ก็คุณลินดาอะไรนี่กระโดดข้ามธามไปตรวจไอ้ธันอ่ะป๊า จะสองอาทิตย์แล้ว ยังไม่ยอมมาหาธามเลยป๊าไม่รู้ติดอะไร แต่ที่แน่ ไอ้คนที่ติดน่ะจะเป็นไอ้นี้แหละ ติดเหมือนไอ้เธียรเลย” ธามพูด หันมาชี้ธันเลย
                “เบาๆหน่อยน่ะอย่าให้มีเรื่องไม่ดีย้อนกลับมาละ ถ้ามีนี้จัดการกันเองน่ะเพราะว่านี้ให้ตำแหน่งผู้บริหารแล้ว ภาพลักษณ์ก็สำคัญ” ป๊าพูด
                “ที่เขากระโดดไปเพราะว่าเขากลัวเฮียอ่ะ” ธันหันมาบอกเจ๊ธาม ผู้ไม่เป็นรองใครเรื่องปาก
                “มากลัวกูทำไมธัน” ธามถามน้องชาย
                “ใครก็รู้ป่ะว่าปากเฮียน่ะ…. อย่างนี้เลย!”ธันพูดพร้อมภาพประกอบยกนิ้วโป้งให้เฮียธามเขาทันที 
                “ปึก” อะไรสักอย่างที่ใกล้ๆลอยไปหาทันที
                “มือก็ไว้ด้วย “ธันพูด
                “เท้าก็ไวลองไหมละ” ธามพูด
                “พอได้แล้ว!!โตจนเป็นผู้บริหารยังมาตีกันอีก อายมิวเขาบ้างซิ” ม๊าต้องเป็นคนห้ามทัพแทน และทั้งหมดก็กลับมาสนทนากันอย่างมีความสุชเหมือนเช่นทุกครั้งแต่ว่าขาดไปแค่เธียรวิชญ์ธัญญารัตน์ภาวนาขอให้เธียรวิชย์เปลี่ยนใจกลับบ้านก่อนกำหนดเธอหวั่งว่าลูกชายคนเล็กจะไม่เลื่อนออกไปอีกน่ะ
                TBC


ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.23 บีมเจอพ่อสามีแล้วแต่ยังไม่รู้ตัว

      Part’ s กันต์ธีย์ วันนี้ผมแต่งตัวหล่อเป็นพิเศษเพราะว่าผมกำลังจะไปคุยกับพี่ชายคนโตของอาจารย์กันตภณ ผมเองก็ไม่อยากใช้เส้นสายเข้างานแต่ก็อย่างว่า ถ้าไม่มีก็ไม่มีงานทำ งานก็หายากมาก ดังนั้นการที่ผมจะได้เกียรตินิยมหรือไม่ คงไม่ไม่จำเป็นแล้วเพราะว่าเงินเดือนก็เท่าเดิม วันนี้ผมเอาเจ้าลูกโซ่ไปฝากพี่ฟ้า พี่สาวของฟิล์ม ผมยังโชคดีที่มีเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนคอยซัปพอร์ตผม พี่ฟ้าน่ะพยายามช่วยผมน่ะแต่ผมก็เกรงใจ แม่ฟิล์มก็อยากจะช่วยแต่แม่ของฟิล์มก็ยังต้องทำงานอยู่ ฟิล์มเองก็ได้งานที่ต้องทำกะกลางคืนอีก

         RRR เบอร์มือถืออาจารย์กันตภณ

         // ครับพี่กัน//

         //บีมครับ พี่มาถึงหน้าบ้านพี่สาวของฟิล์มแล้วนะครับ// อาจารย์กันตภณบอกผม

         //ครับ ผมจะรีบออกไปเลยครับ// ผมบอกอาจารย์กันตภณก่อนจะกดวางสาย

         “พี่ฟ้าผมไปก่อนนะครับแล้วผมจะรีบกลับครับ” ผมกระซิบบอกพี่ฟ้าก่อนจะหันไปมองเจ้าลูกโซ่ ที่กำลังวุ่นวายกับของเล่นของพี่เฟิร์น ไม่รู้ว่าจะทำของพี่เฟริ์นเขาพังหรือเปล่าและนั้นมันก็ของเด็กผู้หญิงเขาเล่นกัน พี่ฟ้าพยักหน้าว่าเขาจะดูให้เอง ผมยิ้มให้พี่ฟ้า ผมรีบเดินออกไปที่หน้าบ้านของพี่ฟ้า บ้านทาวน์เฮาส์ ใกล้แหล่งช๊อปปิ้งและมีคาเฟ่มากมาย มันทำให้พี่ฟ้ามีรายได้จากการทำขนมเค้กส่ง

         “ปึก” ผมเดินไปเปิดประตูรถเก๋งคันหรูของอาจารย์กันตภณ

         “สวัสดีครับพี่กัน” ผมยกมือไหว้อาจารย์กันตภณ

         “ใส่ได้พอดีเลยน่ะ “อาจารย์กันตภณทักผมทันที ที่เห็นผมสวมเสื้อเชิ้ตที่อาจารย์เขาซื้อให้ผม แบรนด์เนมซะด้วย แถมซื้อมาได้พอดีตัวผมอีก สีฟ้าอ่อนๆ

         “ขอบคุณนะครับ” ผมบอกอาจารย์กันตภณ เขายิ้มให้ผมก่อนจะออกรถไป

         “วันนี้หลานๆ ซึ่งเป็นลูกชายของเฮียเกริกพี่เขามาร่วมประชุมกันด้วยน่ะ” อาจารย์กันตภณบอกผม ผมพยักหน้า

         “ไม่ต้องกังวล พี่น่ะเกริ่นกับเฮียพี่เอาไว้แล้ว ว่าให้หยวนๆ ให้น้องสะใภ้หน่อย “อาจารย์กันตภณพูด ยังมาบอกว่าน้องสะใภ้อีก ผมหันมามองหน้าอาจารย์ตภณทันที

         “ทำไมละบีม หรือว่าพี่ยังไม่ผ่านโปรอีกละครับ โปรเป็นแฟนนะครับ” อาจารย์กันตภณพูด ผมนี้เกรงใจเหลือเกิน ที่จะได้สิทธิ์คำนั้น ทำไมหลังจากที่ผมมีลูกโซ่ผมแทบไม่ได้คิดถึงสถานะของผมกับอาจารย์      กันตภณเลย ผมดูใจร้ายไปใช่ไหม

         “บีม สาขานี้จะมีธุรการสองคนน่ะ ปกติมีคนเดียวแต่นี้ได้คนใหม่เข้ามาก่อนบีมและดูเขาจะยังใหม่ พี่ชายพี่เลยให้เอาบีมเพิ่มอีกตำแหน่งน่ะ จะได้ช่วยๆ กัน” อาจารย์กันตภณบอกผม ผมพยักหน้า

         “และพี่จะคุยกับเฮียพี่ให้เรื่องสวัสดิการ ฝากเจ้าลูกโซ่เข้าเนอสเซอรี่เด็กอ่อนซึ่งปกติจะให้สวัสดิการเฉพาะคนที่ทำงานถึงหนึ่งปีแล้วแต่นี่เขาต้องการให้บีมช่วยทำงานพี่ว่าเฮียพี่น่าจะอนุโรมให้ได้น่ะ “อาจารย์กันตภณบอกผม โรงเรียนสาขาของพี่ชายอาจารย์กันตภ ก็อยู่ไม่ไกลจากคอนโดของผมเท่าไหร่

         // บีม ขอให้ได้งานน่ะ ถ้าได้เลยบอกด้วย จะได้ทำจิ้มจุ่มฉลองกัน อยากกินอ่ะ// มะนาวส่งข้อความหาผมในไลน์กลุ่ม

         //อีอ้วนมึงอยากกินก็พูดมา // ใบชาพูด

         //เป็กซ์ทำงานหรือเปล่า” ผมถามในกลุ่ม ช่วงนี้ไม่ได้เจอเป็กซ์เลย ไม่รู้เป็นไงบ้าง

         //ฟิล์ม มึงเข้ากะไหนบอกด้วย!!// มะนาวถามฟิล์ม

         // กะบ่ายเลิกตอนหนึ่งทุ่มอ่ะ//ฟิล์มส่งข้อความมาก

         // หนี่งทุ่มก็มาได้น่ะ พวกกูรอฟิล์ม เพราะว่าช่วงนี้ไม่ค่อยได้เจอมึงเลยอ่ะ// ผมบอกฟิล์ม

         //เออ ก็ได้ งั้นเจอกัน// ผมพิมพ์ข้อความคุยกันจนกระทั่งรถของอาจารย์กันตภณเข้ามาจอดที่ลานจอดรถของโรงเรียน

         “ด้านหน้าเขาจะเอาไว้ให้ผู้ปกครองมาจอดรับเด็กนักเรียนกลับบ้านครับ” อาจารย์กันตภณบอกผม ผมพยักหน้า

                ผมก้าวเท้าลงมาจากรถเก๋งคันหรูของอาจารย์กันตภณ ผมถึงกับอึ่ง โรงเรียนดูไม่ใหญ่แต่บรรยากาศคือโรงเรียนนานาชาติ เหมือนผมเรียนอยู่ที่ประเทศอังกฤษเลย อันที่จริงๆ ผมควรจะเรียนนานาชาติแต่แม่อยากให้ผมเรียนรู้ภาษาไทยให้เร็วขึ้นเลยส่งเรียนโรงเรียนรัฐบาล ได้ผลภาษาไทยผมเร็วมากจากที่ไม่ค่อยได้ใช้ ได้ใช้ทุกวันแต่ภาษาอังกฤษผมยังได้เรียนอยู่ เรียนพิเศษด้วยเพราะแม่ก็ไม่อยากให้ทิ้งเช่นกัน

         “สาขานี้เป็นสาขาล่าสุดและเป็นสาขาเดียวที่มีเนสเซอรี่เด็กเล็กด้วย” อาจารย์กันตภณบอกผม ผมรู้สึกว่าผมชอบบรรยากาศมาก ดูร่มรื่น ผมว่าอากงและพี่ชายของอาจารย์เขาเก่งมากเลยทีเดียว

         “ยังมีเวลาเหลือนะบีม ก่อนจะขึ้นประชุม พี่จะพาเราไปดูห้องเนสเซอร์รี่เด็กก่อนแล้วกันน่ะบีม” อาจารย์กันบอกผม ผมพยักหน้าเพราะว่าผมอยากจะดูที่ผมจะพาลูกโซ่มาฝากเลี้ยงที่นี้ ผมก็อยากเห็นสภาพความเป็นอยู่ ผมเคยไปอยู่เดย์แคร์ที่ประเทศอังกฤษมาก่อนและพรีสกูล พรีสกูลหรือศูนย์เด็กเล็กก่อนวัยเรียนมาก่อนเพราะว่าแม่ผมก็ต้องทำงานไปด้วยช่วงนั้น

         “บีม นี้ไงศูนย์เด็กเล็ก” อาจารย์กันตภณบอกผม แต่ว่ามันประตูปิดและต้องใส่รหัสเข้าออก

         “ครูและพี่เลี้ยงเท่านั้นจะมีรหัสผ่านและก็ผู้ปกครองที่ต้องมารับเด็กที่เขานำมาฝาก “อาจารย์กันตภณบอกผม

         “พี่ไม่มีครับต้องถามเฮียพี่ครับ” อาจารย์กันตภณบอกผม ผมพยักหน้า

            “แต่รับรองว่าที่นี้เขาจะดูแลลูกโซ่อย่างดีเพราะว่าพี่เลี้ยงที่นี้เขาผ่านการอบรมดูแลเด็กเล็กมาด้วยครับบีม” อาจารย์กันตภณบอกผม ผมพยักหน้า

         “พี่ว่าเราขึ้นห้องประชุมกันดีกว่านะครับ” อาจารย์กันตภบอกผม ผมนี่เสียดายมากอยากเข้าไปดูข้างใน แต่ว่าผมน่าจะได้ทำงานที่นี้อยู่แล้วและผมควรจะเชื่อใจอาจารย์กันตภณเช่นกันเพราะว่าเขารู้จักที่นี้มาก่อนผม

         “บีม นี้ห้องธุรการที่บีมต้องมาทำงานครับ” ขณะที่ผมกำลังเดินผ่านห้องธุรการ ห้องนี้จะมีประตูเปิดเข้าไปและมีห้องติดต่อประสานงาน เขาติดป้ายเอาไว้ว่าประชาสัมพันธ์และธุรการ

         Rrrrr โทรศัพท์มือถือขออาจารย์กันตภณดังขึ้นพอดี อาจารย์เขาขอตัวไปรับสายก่อน ผมยืนมองอ่านบอร์ดที่ถูกตกแต่งเอาไว้ ผมยืนมองผมจะได้นั่งทำงานในนี้เหรอ ผมเห็นมีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งแต่งหน้าอยู่ เธอคงยุ่งตอนเช้าผมคิดในใจ ผมยืนอ่านอะไรเพลินๆแต่จู่ๆ

         “ปึก” ก็มีผู้หญิงเดินออกมา ผมหันไปยิ้มให้เขาเพราะว่าผมต้องมาทำงานกับเขาน่าจะเป็นวันจันทร์

         “มาติดต่อเรื่องอะไรเหรอ” เธอถามผมแต่น่าแปลกเป็นคำถามที่ห้วนมากไม่มีคำลงทายให้ฟังดูแล้วว่าเธอกำลังพยายามพูดจาสุภาพกับคนมาติดต่องาน เธอเหลือบมองเวลาก่อนจะเงยหน้ามองหน้าผมอย่างไม่สบอารมณ์

         “บังเอิญว่าเป็นเวลาเบรก มาติดต่อใหม่น่ะ” เธอพูดแค่นั้นและเดินออกไปทันที

         (ค่ะคุณแม่ หนูเอฟกระเป๋ามาไงคะ ไม่เท่าไหร่เอง แค่ห้าหมื่นเอง ก็จ่ายให้หนูไปก่อนซิคะ ก็ไปยื่นป้าเหมือนทุกทีซิคะ หนูอยากสะพายมาทำงานค่ะ….) ผมยืนมองเธอจนเธอเดินหายลงไป นี้ผมต้องมาทำงานกับผู้หญิงคนนี้จริงๆ เหรอ โรงเรียนก็ดูมีมาตรฐานน่ะแต่ทำไมพนักงานถึงดูไม่เหมือนมืออาชีพขนาดนี้

         “บีม ไปครับไปที่ห้องประชุมกันดีกว่า ตอนนี้หลานๆ ของพี่ไปถึงแล้ว” อาจารย์กันตภณบอกผม ผมหันไปยิ้มกับอาจารย์

         “มีอะไรเหรอบีม” อาจารย์ตภณถามผม ผมสั่นหัวไปมาว่าไม่มีอะไร แต่ก็แอบคิดหนั ผมเองไม่ชอบที่จะมาสู้รบตบมือกับคนแบบนี้เหมือนกัน แต่เอาว่ะทำเพื่อลูก ผมเดินตามอาจารย์กันตภณไป ไปที่ห้องประชุม อาจารย์เขาเดินเข้าไปก่อนแต่ว่าห้องประชุมก็ยังไม่ได้เตรียมอะไรไว้ ผมเองก็เคยฝึกงานกับทางมหาวิทยาลัย เคยไปช่วยพี่ๆ เขาจัดห้องประชุม เลยรู้ว่ามืออาชีพนี้เขาทำงานแบบไหนกัน ผมหันมามองอาจารย์กันตภณ

         “เธอเป็นพนักงานใหม่เหมือนกัน เธอพึ่งจะมาทำงานก่อนหน้าเราได้อาทิตย์หนึ่งเอง” อาจารย์กันตภณบอกผม ผมพยักหน้า

         “เจอแล้วหรือยังคนที่อยู่ในห้องธุรการน่ะ” อาจารย์กันตภณถามผม ผมสั่นหัวว่าไม่เจอแต่จริงๆ เจอแล้วด้วย

         “เธอเป็นเด็กฝากน่ะ” อาจารย์กันตภณพูด ผมเดินไปช่วยอาจารย์เขาเตรียมห้องเพื่อจะได้ประชุม ผมเองคิดในใจผมก็เด็กฝากน่ะแต่ผมคงไม่กล้าบอกหรอก ไม่อยากให้อาจารย์เขาเสียไปกับผมอีก ที่มหาวิทยาลัยก็แย่แล้ว

         “เดี๋ยวพี่มาน่ะบีม พี่จะไปดูซิว่าเขาจัดของว่างเอาไว้หรือเปล่า เรานั่งรอในห้องนี่น่ะ” อาจารย์กันตภณบอกผม ผมพยักหน้าก่อนจะหาที่นั่ง มีโต๊ะตั้งเยอะ ผมเลือกไปนั่งท้ายๆ แล้วกัน

         “ช่วงนี้ป๊าเรียกประชุมบ่อยไปน่ะเฮีย สาขาที่ผมดูแลไกลจากนี้ตั้งเยอะอ่ะเฮีย” เสียงบ่นดังเข้ามาในห้องประชุมเล็กของโรงเรียน ผมหันไปมองคนที่เปิดประตูเข้ามา เป็นสามหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา ผมได้ยินเขาเรียกใครสักคนว่าเฮีย แต่หน้าตาเขาทั้งสามคนไม่ได้บ่งบอกเลยว่ามีเชื้อจีน ก็แต่ล่ะคนมีจมูกที่โด่งรั้นกันทุกคน ไม่ได้ตาตี่ ชั้นเดียว ตาสองชั้นกันหมด สูงยาวเขาดี แต่ล่ะคนก็หุ่นมาตรฐานชายไทยทั้งนั้น แต่ทำไมมองรวมๆ แล้วมันหน้าคุ้นๆ ว่ะ เหมือนเคยเจอที่ไหนสักที่ แม้จะสลัวไปหน่อยก็เถอะ แต่ว่ามันก็ริบหรี่เต็มทีน่ะ จนกระทั่ง

         “เพี๊ยะ!!” เสียงดีดนิ้วเรียวๆ เพื่อเรียกสติผมกลับคืนทันที

         “เห็นมองผมสามคนนานแล้ว สงสัยว่าหน้าพวกผมจะมี ความหล่อติดอยู่” คนที่ดูกวนที่สุดถามผมขึ้น

         “สวัสดีครับ” ผมรีบยกมือไหว้ ทันที

         “ไอ้ธัน มึงอย่าไปกวนน้องเขา น้องพึ่งจะเข้ามาทำหน้าที่ธุรการคนใหม่และถ้ามึงกวนเขาแบบนี้เดี๋ยวเขาก็เปลี่ยนใจไม่ทำและมึงก็ต้องมาทำเองจากที่บ่นว่าไกลมึงจะเลิกบ่นไปเลย” คนที่กวนผมหน่อยชื่อพี่ธัน ส่วนพี่อีกคนที่พูดและหันมายิ้มให้ผม ผมก็ไม่แน่ใจ ผมก็ยิ้มตอบไป

         “มาเป็นธุรการคนใหม่เหรอครับ ชื่ออะไรครับ พี่ชื่อธันครับ พี่เป็นหนุ่มหล่อที่สุดในตระกูลเดชาวชิรภังกุลชรครับผม” ผมก็ยิ้มแหยๆ ก็หล่อเท่าๆ กันหมดน่ะ

         “ช่างกล้าเปิดตัว หนุ่มหล่อและกะล่อนที่สุดในตระกูลด้วยซิครับธันครับ “อีกคนก็พูดขัดทันที ผมก็ต้องนั่งตัวรีบทันที ผมชะเง้อมองหาอาจารย์กันไปไหนเนี๊ยะ

         “ผมยังเป็นรองไอ้น้องชายคนโปรดของเฮียน่ะ เฮียธี” พี่เขาหันไปบอกพี่อีกคนดูท่าจะคนโตที่สุด

         “เหรอ!! เฮียได้ยินมาว่าทุกผลงานนี้ก็ผ่านมึงมาหมดแล้วน่ะครับ” พี่อีกคนเขาพูดขึ้น นี้ยังมีน้องชายอีกคนเหรอ

         “สวัสดีครับ พี่ชื่อธามนะครับ ยินดีที่รู้จักครับ “พี่อีกคนแนะนำตัวเอง

         “คนนี้พี่คนโตพวกพี่ ชื่อเฮียธี ดุมาก” ผมก็สะบัดหน้าไปมองก่อนจะรีบยกมือไหว้อีกที

         “อันนี้ใส่ร้ายเฮียน่ะธาม!” พี่เขาพูด แต่หน้านิ่งๆ พี่เขาดุจริงๆ ผมก็หนีบขาเข้าไปอีก

         “พี่จองตั๋วให้ไอ้น้องชายสุดที่รักพี่ยังอ่ะ” พี่ธามหันไปถามพี่คนโตสุด คุณธี

         “ส่งไปแล้ว และกูจองชั้นประหยัดให้มันด้วย และมันก็ต้องรอต่อเครื่องนานโคตรเลยว่า กว่าจะถึง พรุ่งนี้เลย ฮาๆ” พี่เขาคุยกัน

         “เข้าใจเอาคืนน่ะเฮีย” พี่เขาคุยกัน ผมได้แต่นั่งฟังเพราะว่าผมก็ไม่รู้ว่าเขาคุยกันเรื่องอะไรของใครกัน

         “อะแฮม” เสียงกระแอมที่ทำลายบทสนาดังขึ้น ผมหันไปมองคนที่เดินเข้ามาพร้อมกับอาจารย์กันตภณ อาจารย์เขาหันมายิ้มให้ผม และชี้ไปทีหนุ่มใหญ่ รูปหล่อและเคล้าหน้าก็มาทางสามคนที่นั่งนี้ทั้งหมด แต่ก็มีความคล้ายคลึงกับอาจารย์กันตภณนิดหน่อย ผมเดาว่าอาจารย์เขาน่าจะเหมือนม๊าของเขามากกว่า

         “บีม นี้เฮียของพี่ครับเป็นพี่ชายคนโตของพี่และก็เป็นผู้บริหารระดับสูงสุด” อาจารย์กันตภณบอกผม ผมรีบยกมือขึ้นไหว้แทบจะไม่ทันที ดูจากชื่อบอร์ดผู้บริหารระดับสูงสุด ชื่อเกริกเกียรติ เดชาวชิรภังกุลชร

         “น้องเขายังเกรงกลัวเลย แต่ไอ้คนน้องคนเล็กของเฮียน่ะ มันไม่ค่อยกลัวป๊าเราเลยน่ะ ถ้ากลัวมันคงกลับมานานแล้วเฮีย” มีคนกระซิบ ผมยิ่งนั่งนิ่งและตัวลีบเข้าไปอีก

         “อะแฮม!!” เสียงแอมอีกครั้ง ก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบๆ และอาจารย์กันตภณก็เดินมานั่งข้างๆ ผม

         “เราชื่อกันต์ธีย์ใช่ไหม ที่ว่าจะมาทำงานแทนธุรการที่เพิ่งจะออกไปน่ะ “คนที่นั่งลงที่เก้าอี้ประธานหันมาถามผม ผมพยักหน้าเบาๆ ไม่กล้าหือไม่กล้าอือเลย

         “คะ… ครับ” ผมตอบท่านประธานไป ไม่กล้าสบตาด้วย

         “อันที่จริงก็ได้มาแล้วหนึ่งคนแต่ว่าดูแล้ว งานคงจะเยอะเกินไปและเขาก็ไม่เคยมีประสบการณ์ตรงนี้มาก่อน เลยอยากได้มาเพิ่มอีกสักคน นั้นคือเราตอนนี้ เราโอเคไหม” ทานประธานเขาถามผม ผมเงยหน้าขึ้นมองท่านตรงๆ

         "ไม่เคยมีประสบการณ์ในการทำงานอะไรเลยหรือเปล่าครับ ท่านประธาน ถึงได้ไม่รู้ว่า ควรจะสั่งอาหารว่างมาด้วยเวลามีประชุมแบบนี้" พี่คนที่ชื่อธามพูด ผมก็ว่าแปลกอยู่น่ะ ไม่มีอาหารว่างให้ทุกคนเลย ตอนแรกผมก็คิดว่าคงประชุมเล็กๆเลยไม่มีหรือเปล่า

         "เอาน่ะเขาไม่มีประสบการณ์และยังเรียนรู้งานอยู่" ท่านประธานใหญ่ยกมือห้ามพี่ธามก่อนจะหันมามองผมเช่นกัน

         “คือ ผม ผมก็มีประสบการณ์จากที่ไปฝึกงานมานะครับแต่ผมก็ยังเป็นแค่ผู้ช่วยพี่เขาอยู่ดีนะครับ” ผมพูดไป มือผมนี้ประสานกันจนรู้ได้ถึงความเปียกชื้นจากเหงื่อในอุ้งมือของผม

         “เฮียอย่าดุหนักซิ น้องเขาสั่นหมดแล้ว และน้องคนนี้น่ะ ทำงานดี ละเอียดรอบคอบมากน่ะ ผมเลยแนะนำมา” อาจารย์กันตภรหันไปบอกพี่ชายเขา ผมไม่กล้าสบตาเลย

         “เด็กเจ๊กกันหรือเปล่าว่ะ” เสียงที่คุยกัน ทำให้ท่านประธานหันไปมอง แค่นั้นก็เงียบกันหมด

         “ก็ไม่ได้ว่าอะไรนิ และเริ่มงานได้เมื่อไหร่ล่ะ วันนี้จันทร์เลยได้ไหม เพราะว่างานเอกสารเยอะมากคนเก่าทำเอาไว้เละเลย “ท่านประธานพูด

         “เฮีย อีกเรื่องน่ะคือน้องเขามีลูกเล็กด้วยนะครับ จะให้น้องเขาเอาลูกมาฝากเลี้ยงที่นี้โดยใช้สวัสดิการพนักงานก่อนได้ไหมเฮีย เพราะว่าสวัสดิการนี้ปกติให้คนที่ทำงานมาแล้วปีหนึ่งแต่นี้น้องเขาไม่มีคนดูจริงๆ “อาจารย์กันตภณบอกกับพี่ชายของเขา

         “ห๊ะ!! มีลูกแล้ว” พี่ๆ ทั้งสามคนแสดงอาการตกใจพร้อมกัน ก่อนจะหันมามองหน้าผม

         “อายุน้องเท่าไหร่ครับ มีแล้ว รีบเหรอ พวกพี่จะสามสิบยังไม่รีบเลย “พี่คนที่กวนๆ ผมที่ชื่อธามหันมาถามผม

         “ผมเออ ผม ไม่ได้รีบแต่มันมาแล้วอ่ะครับ และผมจบมหาวิทยาลัยแล้วด้วยครับ” ผมเงยหน้าขึ้นตอบ ท่านประธานอำนวยกันหันมามองผมก่อนจะหันไปมองอาจารย์กันตภณ

         “ลูกอายุกี่เดือนแล้วล่ะและแม่เด็กไม่เลี้ยงเหรอ” ท่านประธานหันมาถามผม ผมก็หันมามองหน้าอาจารย์กันตภณ เอาไงดี ผมนี้แหละแม่เด็ก

         “เออ เขาเลิกกันแล้วน่ะครับเฮีย ตอนนี้น้องอายุ หกเดือน เลี้ยงง่าย น่ารักเชียว “อาจารย์กันตภณหันไปบอกท่านประธาน ผมไม่ได้พูดอะไรต่อ แม่เด็กน่ะผมส่วนพ่อเด็กก็คงต้องเป็นผมเช่นกัน ผมคิดในใจ

         “แม้รู้ละเอียดจริงนะเจ๊กกัน หรือว่า…. “พี่ธันทำท่าแซวอาจารย์กันตภณแต่ว่าเจอสายตาท่านประธานใหญ่เลยไม่กล้าแซวต่อทันที ผมนี้ก็นั่งสั่นไปทั้งตัวแล้วเมื่อไหร่จะเสร็จน่ะ

         “เอาก็ได้ ถือว่าเห็นแกที่ตอนนี้เราต้องการธุรการด่วน และผมอยากให้ คุณทำหน้าที่เลขานุการเพิ่มอีกตำแหน่ง ผมจะให้เงินเดือนเพิ่ม เพราะลูกชายคนเล็กของผมที่เพิ่งจะจบกำลังจะมารับตำแหน่งผู้บริหารงานของโรงเรียนสาขานี้ อยากให้ช่วยจัดการเรื่องเอกสารที่ต้องเซ็นต์แต่ล่ะวันให้หน่อย จะเพิ่มจากเงินเดือนให้อีกเดือนล่ะห้าพันและไม่เก็บค่าดูแลลูกของเรา ถือเป็นสวัสดิการ ซึ่งปกติให้เฉพาะพนักงานที่ทำงานกับเรา หนึ่งปีแล้วเท่านั้น ถ้าไม่ถึงต้องจ่ายเองไปก่อน”

         “ครับ “ผมตอบตกลงด้วยน้ำเสียงที่เบานิดหน่อย

         “ถ้าอย่างนั้น เฮียกลับก่อนน่ะ เพราะว่าวันนี้ อาซ้อเราน่ะมีนัด หมอนัดน่ะกัน” ท่านประธานใหญ่หันมาบอกอาจารย์กันตภณ ผมก็ลุกขึ้น คงต้องรีบเข้าห้องน้ำก่อน

         “ผมขอตัวไปห้องน้ำก่อนนะครับ “ผมพูดและลุกขึ้นทันที

         “หึๆ สงสัยจะกลัวท่านประธานใหญ่จนฉี่ราดแน่ๆ เลย “พี่เขาหัวเราะตามหลังผมทันที ผมรีบเข้าห้องน้ำและทำธุรส่วนตัว พอเสร็จธุระ ผมก็ต้องรีบโทรหาพี่ฟ้า พี่สาวไอ้ฟิล์ม วันนี้พี่ฟ้าเขารับเลี้ยงเจ้าลูกโซ่ให้ผมก่อน

         //สวัสดีครับพี่ฟ้า//

         // บีมโทรมาพอดีเลย พี่ว่าจะโทรหาเราอยู่ พอดีเลย พี่ต้องพาลูกชายคนโตไปหาหมอฟัน หมอนัดตอนบ่ายสามน่ะ แล้วนี่เราเสร็จ

หรือยังบีม// พี่ฟ้าบอกผม

         // เสร็จแล้วพี่ฟ้า ถ้าอย่างนั้นผมไปรับเลยครับ //ผมบอกพี่ฟ้า พร้อมกับรีบกดวางสาย ผมต้องไปบอกพี่กันก่อนว่าผมต้องรีบไปรับเจ้าลูกโซ่ของผมก่อน ตอนนี้ผมไม่เรียกอาจารย์กันตภณแล้วเพราะว่าผมจบแล้วนิ และอาจารย์ก็ไม่ใช่อาจารย์ผมแล้ว

         //อะไรน่ะ แล้วหมอส่ายป่านเขาจะเอาประวัติการรักษากูไปทำไม แต่ถ้าเขาจะเอาไปก็เรื่องของเขาดิ ภีม พอเถอะ ไม่อยากยุ่งแล้วไง อย่าทำให้มันแย่ไปกว่านี้เลยภีม แล้วคิดว่ากูควรให้อภัยอีกเหรอ เออ แค่นี้น่ะภีม จะไปส่งบีมก่อน อืม บาย // ผมเดินออกมาก็เจอพี่กันตภณยืนคุยโทรศัพท์อยู่ ดูสีหน้าไม่ค่อยดี

         “พี่ทะเลาะอะไรกับพี่หมอภีมเหรอครับ” ผมถามอาจารย์กันตภณ

         “ไม่มีอะไรหรอก แค่เรื่องไม่เป็นเรื่อง มันชอบง่องแง่งใส่พี่น่ะเห็นหมอภีมตัวโตโตแบบนี้ใจมันยังกับปลาซิว ว่าแต่เราเถอะจะรีบกลับเลยไหมพี่ว่าจะชวนไปหาอะไรทานสักหน่อย” พี่กันตภณพูดปนหัวเราะกลบเกลื่อนทั้งที่สีหน้าดูแล้วน่าจะมีเรื่องกวนใจพี่เขาอยู่แต่ผมก็ไม่กล้าถาม ผมก็ยิ้มตอบให้เหมือนเคย ผมก็มองเสื้อตัวนี้ ผมไม่ได้เห็นพี่กันตภณใส่นานแล้วน่ะ ตั้งแต่วันนั้น งานเลี้ยงอำลา อาจารย์บัญชีที่เกษียณอายุ เป็นอาจารย์แม่ที่พวกผมเคารพ วันนั้นพวกผมเลยไปช่วยอาจารย์ของคณะ และวันนั้นพี่กันตภณใส่มันไป เสื้อตัวนี้ผมเป็นคนซื้อให้อาจารย์ เมื่อสองปีที่แล้วนี่เอง

         “มองเสื้อพี่นี้ คิดอะไรหรือเปล่า” พี่กันตภณถามผม พี่เขาจำไม่ได้หรือเปล่าน่ะว่าเสื้อตัวนี้ผมซื้อให้

         “คุ้นๆ เนอะ” ผมพูด

         “อ้อเสื้อตัวนี้พี่เอามาจากห้องไอ้ภีมไง ที่วันนั้นเจ้าลูกโซ่อึรดพี่น่ะ และพี่เห็นว่าสีมันสวยดีพี่เลยเอามาใส่อีก “ผมพยักหน้าก่อนจะยิ้มจางๆ ใช่มันสีเดียวกันเลย

         “เจ๊กกัน อาโกวหงส์โทรมาบอกป๊า ว่าจะให้อากันพาอาม่าไปเอกซเรย์ข้อเท้าแทนทีนะวันนี้น่ะ โกวหงส์ไปด้วยไม่ได้และเขานัดอาม่า เอ็กซ์เรย์อีกรอบเพื่อให้แน่ใจว่าไม่กระดูกแตกเพิ่ม”

         “อ้าววันนี้เหรอ” พี่กันหันไปถามหลานชายพี่เขาที่วิ่งมาบอกพี่กันตภณ

         “งั้นบีมไปกับพี่ก่อนน่ะ”

         “ไม่ได้ครับพี่กัน เพราะว่าผมต้องไปรับลูกนะครับ พี่ฟ้าเขามีธุระนะครับ” ผมรีบปฏิเสธทันที

         “ให้ผมนั่งแท็กซี่ไปดีกว่าครับ และพี่กันไปดูม๊าพี่เถอะครับ อันนั้นสำคัญกว่านะครับ ให้ผมนั่งแท็กซี่กลับเองดีกว่า” ผมพูด

         “บ้านเพื่อนน้องอยู่ตรงไหนอ่ะครับ” พี่ธามถามผม

         “อยู่ตรงเพชรบุรีตัดใหม่ครับ” ผมตอบ

         “พี่ต้องไปเอาเอกสารให้ป๊า ที่อโศกเลยครับ” พี่ธามพูด ก่อนจะยิ้มให้ผม ผมก็พยักหน้าเข้าใจ อโศกกับบ้านพี่ฟ้าโคตรห่างกันเลยแถมรถติดหนักมากด้วย

         “เฮีย เฮียไปรับมิวไม่ใช่เหรอ ที่ตรงอนุสาวรีย์ชัยน่ะ เฮียไปส่งน้องเขาหน่อยดิ” พี่ธามหันไปเรียก พี่ธี พี่ธีหันมามองผมกับพี่กันตภณ ผมนี่ไม่กล้าเงยหน้า เฮียเขาดูดุดุน่ะผมว่า คงเพราะค่อนข้างเหมือนท่านประธานใหญ่มากที่สุด

         “อากันต้องไปดูอาม่าเพราะว่า อาม่าเขามีนัดพบวันนี้” พี่ธามเขาหันไปบอกพี่ชายคนโตเขา

         “เออ ได้ดิ ให้น้องเขาไปกับผมก็ได้เจ๊กกัน” พี่เขาบอกอาจารย์กันตภณ

         “แล้วเราจะกลับมาคอนโดยังไง” พี่กันตภณหันมาถามผมอีก ผู้ชายคนนี้หวงผมไปทุกเรื่องเลย

         “ก็แท็กซี่ไงครับ” ผมตอบอีก

         “แล้วคอนโดน้องอยู่ไหนเหรอครับ” พี่ธีถามผม

         “ก็ไม่ไกลจากนี้หรอกแค่สามป้ายรถเมย์นะธี” พี่กันตภณเป็นคนตอบแทน

         “งั้นพี่ขับกลับมาส่งให้แล้วกันเพราะว่าแฟนพี่เขาจะมาเอาของที่บ้านแม่เขาด้วยนะครับน้องบีม บ้านว่าที่แม่ยายพี่ ทางผ่านอยู่น่ะ เพราะว่าไม่ไกลจากนี้แค่สี่ห้าป้ายรถเมย์เหมือนกัน” พี่ธีพูด ยิ้มๆ ผมก็เงยหน้าขึ้น มุมปากผมค่อยปรากฏขึ้นเป็นยิ้มได้หน่อย แต่ตอนที่อยู่ในห้องประชุมนี้พี่แกขรึมน่าดู

         “งั้นไปกับธีน่ะ และให้ธีขับมาส่งที่คอนโดเรา ห้ามกลับเอง พี่เป็นห่วง “พี่กันตภณพูด

         “เจ๊กผมมาส่งให้น่ะ น้องไม่หายไปไหนหรอก รับรอง “พี่ธีพูด

         “แต่ถ้าเฮียธีหายน้องเขาก็หายไปด้วยนะเจ๊ก” พี่ธามพูด ผมทำปากยู่ทันทีแต่อาจารย์กันตภณสะบัดหน้ามามองพี่ธามทันที

         “เฮ้ย ไม่กล้า!!!” พี่ธีรีบปฏิเสธทันที

         “ไม่ทำหรอกเจ๊ก เกรงใจเจ๊ก ของเจ๊กธีไม่ยุ่ง” พี่ธีเขาพูด เจ๊กนี้ชิ้นิ้วทันที

         “งั้นอาฝากด้วยน่ะ ธี ขอบใจมาก” อาจารย์กันตภณพูด

         “บีมพรุ่งนี้พี่ไปรับเราน่ะและจะได้มาทำงานวันแรก พี่อยากมาส่ง” พี่กันตภณบอกผม ผมพยักหน้า

               ก่อนจะเดินตามพี่ธีไป พี่ธีก็คุยโทรศัพท์กับแฟนเขาไปด้วย ผมไม่เห็นพี่ธีสวมแหวนที่นิ้วนางนั้นแปลว่าแต่งงานแล้วอย่างนั้นหรือ เพราะว่าที่นิ้วพี่ธีเขาไม่มีแหวนเหมือนที่พี่กันสวมแหวนเอาไว้ที่เขาเรียกว่าแหวนประจำวงค์ตระกูล แต่ผมสังเกตพี่ธามและพี่ธันเขายังสวมอยู่เลยอ่ะ แหวนที่พี่กันบอกกับผม มันจะจริงใช่ไหมถ้าเจอใครที่ชอบให้มอบแหวนวงนั้นไป แปลกดีน่ะ แต่แหวนคืนนั้นน่ะ มันคงไม่ได้มอบเพราะมีคำสั่งจากวงค์ตระกูลมันมาเหมือนกันแน่ๆ แหวนพร้อมกับเงินสดห้าพัน ถุ้ย! ไอ้เชี้ยเธียร!!

         “พี่มีคู่หมั้นแล้วครับ “ผมก็สะดุ้ง ผมคงมองนิ้วพี่เขานานไปหน่อย

         “ทราบครับ” ผมเงยหน้าตอบพี่เขา

         “พี่รักว่าที่ภรรยาพี่ครับ เพราะว่าว่าที่ภรรยาพี่โคตรดุเลย” พี่ธีพูด ผมพยักหน้าว่าน่าจะใช่น่ะ คนของผมเองก็โคตรดุเลย ไปไหนมีคนมองผมไม่ได้น้องพร้อมบวกกับเขาตลอด เจ้าลูกโซ่ผมนี่แหละ

            TBC...........

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.24 เฮียธีเจอหลานแต่ยังไม่รู้ ครึ่งแรก

                  Part’ s กันต์ธีน์ ผมเดินออกมายืนรอพี่ธีที่ด้านหน้าตึก พี่เขาขอตัวไปเอารถของเขาออกมาก่อน ไม่นานผมก็เห็นรถคันหรูแพงมาก ผมนี้ยืนมองแถวจะร้องว้าวเลย!!! รถสวยมาและคงจะแพงมากเช่นกัน พี่ธีเขาเดินไปขับรถคันหรูมารับผม รถพี่ธีสวยและหรูมากดูท่าเป็นรถนำเข้าและน่าจะไม่ถึงเดือนด้วยซ้ำ แต่ก็หรูพอพอกับรถของพี่กันตภณนั่นแหละ ต่างแค่ว่าคนล่ะรุ่น ของพี่กันตภณน่ะรุ่นก่อนหน้านี้หลายปีอยู่และดูคลาสสิคกว่า ผมเข้าไปนั่งข้างๆ พี่ธีที่ทำหน้าที่ขับรถ ผมนั่งเกร็งเลยเพราะว่ารถหรูเกินไป

      “นั่งเกร็งทำไมละครับน้องบีมครับ รถพี่รุ่งนี้นั่งสบายมากนะครั” พี่ธีเขาถามผม ผมหันไปยิ้มเจื่อนๆ

      “หรือว่านั่งแล้วไม่สบาย พี่จะได้เอาไปคืนโชว์รูมเพราะว่าพี่พึ่งจะซื้อมาได้ไม่ถึงเดือนเองครับและพี่จะได้ไปต่อว่ากับทางบริษัทนำเข้าด้วยนะครับ” พี่ธีพูด ผมหันไปมองหน้าพี่ธี

      “ไม่เลยครับ รถพี่หรูและนั่งสบายครับ สบายมากจริงๆ แต่ผมแค่เกรงใจ รถพี่แพงเกิน” ผมพูดพร้อมกับหันไปแอบกลืนน้ำลาย ถ้าคันนี้นั่งไม่สบาย คันที่ถูกกว่านี้ก็คงลำบากกว่าแน่ๆ

      “งั้นก็นั่งแบบสบายน่ะครับ ไม่ต้องเกร็งครับ เล่นเอาพี่เกร็งไปด้วยเลยนะครับ “พี่ธีพูด ผมก็ขยับให้ผมนั่งได้เต็มก้นมากขึ้น

      “ขอที่อยู่ด้วยครับน้องบีมพี่จะได้ตั้ง จีพีเอส ไม่อย่างนั้น หลงแน่ๆ “พี่ธีพูด ผมก็ส่งที่อยู่ให้ และพี่ธีก็ตั้งจากหน้าจอแบบสัมผัสในการสั่งการ ผมเงยหน้าขึ้นมามอง ผมเห็นหูพี่ธีเออมันเหมือนหู ไอ้เจ้าลูกโซ่ผมเลย หูกางและจังหวะนั้นพี่ธีหันมาพอดี

      “จะว่าพี่หูกางเหรอครับ” พี่ธีพูดพร้อมกับกุมหูหัวเอง ผมรีบสั่นหัวทันที ใครจะกล้าว่าลูกท่านประธานใหญ่ละครับ อาจจะตกงานได้

      “ไม่! ไม่ใช่ครับ"ผมทำท่าจะปฏิเสธเพราะว่านี้มีันเสียมารยาทมากเลยน่ะกันต์ธีร์ แต่พี่ธีก็มองผมยิ้มๆ เขารู้ว่าผมกำลังโกหกเขาอยู่ "แต่ก็กางนะครับ อุ้ย! พี่ผมขอโทษครับ” กันต์ธีร์พูดพร้อมกับรีบขอโทษพี่เขาทันที

      “นี้แหละจุดขายบ้านพี่ หูกางทุกคน “พี่ธีพูดปนหัวเราะ อ้อไม่โกรธค่อยยังชั่วหน่อย เอาจริงๆ พี่เขาก็ไม่ดุเหมือนตอนที่นั่งอยู่ในห้องประชุมกับท่านประธานใหญ่เลยน่ะ ผมนั่งคุยไปเรื่อยเปื่อย จนกระทั่ง มาถึงอนุสาวรีย์ชัย พี่เขาตรงเข้าไปจอดด้านหลังร้านขายยาแห่งหนึ่ง ร้านใหญ่มาก

      “พี่เข้าไปรับแฟนก่อนนะครับ แฟนพี่เป็นเภสัชกรน่ะครับ และนี้ร้านยาแฟนพี่ครับ “พี่ธีบอก ผมพยักหน้าก่อนจะปลดเข็มขัด แฟนเขามาผมก็ต้องไปนั่งหลังซิ ผมรีบขยับตัวออกมาและไปนั่งด้านหลังทันที ไม่นานพี่เขาก็เดินคุยมาด้วยกันผมหันไปเห็นก็ยิ่งมองเพราะว่ามัน ดูน่ารักดี

      “อุ้ย!!” แฟนพี่เขาเปิดประตูด้านหลังที่ผมนั่งอยู่ แฟนพี่เขาน่ารักมากเลย สวมเสื้อกาวสีขาว ตรงเหนือกระเป๋าปักไว้ว่า ภก.พิมลวรรณ

      “อ้าวไปนั่งด้านหลังตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะบีม” พี่ธีถามผม

      “น้องเขากลัวเฮียน่ะซิ เลยกระโดดมานั่งหลังเลย ใช่ไหมคะ เพราะว่าเฮียแกหน้าดุ แต่จริงๆ น่ะ ติ้งต้อง” แฟนคนสวยของพี่ธีพูด ขำ ขำ กับเฮียธีที่ยืนเกาหัวตัวเอง ก่อนจะเอาฝ่ามือแตะที่หัวผู้หญิงคนนั้น ไม่ได้โกรธแต่เอ็นดู มันน่ารักไปอีกแบบน่ะ

      “เฮียไม่โหดน่า จะโหดก็ตอนนั่งกับป๊าอย่างเดียว” พี่ธีพูดตอนที่เข้ามานั่งในรถแล้ว และแฟนพี่เขาก็เข้ามานั่ง เขาก็คุยกันกะหนุงกะหนิง คนเป็นแฟนกันอะนะ และมันก็ดูน่ารักดี

      “บีมนี้พี่มิวครับ ว่าที่ภรรยาพี่ครับ พี่กำลังจะแต่งงานกันปลายปีนี้ครับ” พี่ธีบอกผม

      “ยินดีที่รู้จักนะคะ ว่าแต่ยังไงถึงได้มานั่งรถเฮียได้คะเนี๊ยะ!” แฟนพี่ธีหันมาถามผม

      “เด็กเจ๊กกันเขา เขาฝากไปส่งบ้านให้หน่อย “พี่ธีพูด แหมเรียกผมว่าเด็กพี่กันตภณอีก

      “มิวว่า เจ๊กกันน่ะฝากผิดคนหรือเปล่า “แฟนพี่เขาแซวพี่ธีทันที

      “พี่บอกน้องเขาไปแล้วพี่น่ะเกรงใจว่าที่ภรรยาเพราะว่าดุครับ เห็นพี่โหดแต่พี่เกียมัวน่ะครับ “พี่ธีพูด และพี่มิวหันมาพยักพเยิดให้ผม

      “และน้องเขาว่าจะไปเอาของด้วย ใช่ไหมครับ ที่ตรงเพชรบุรีตัดใหม่น่ะครับ” ผมหันมามองพี่ธี พี่เขาเรียกลูกผมว่าของเลยเหรอ

      “ผมไปรับลูกน่ะครับพี่ธี” ผมบอกพี่ธี

      “เออ พี่ขอโทษที ไปรับลูกเนอะ” พี่ธีรีบขอโทษผมทันที

      “ห๊ะ!! มีลูกแล้วเหรอ ดูยังเด็กอยู่เลยอ่ะบีม” แฟนพี่ธีร้องเสียงหลงเลย

      “น้องอายุเท่าไหร่แล้วค่ะ” พี่เขาถามถึงผมแน่ๆ เพราะว่าพอผมชี้ตัวเองพี่เขาพยักหน้าหงึกๆ ก่อน

      “ผมเพิ่งจบปริญญาตรีครับ ผมยี่สิบเอ็ดปีแล้วครับ” ผมบอกพี่มิวแฟนพี่ธี

      “เด็กกว่าพี่สามสี่ปีได้ แต่เฮียน่ะคงแก่กว่าจะครึ่งรอบได้เลยมั้ง” แฟนพี่ธีแซวพี่ธีทันที

      “หนูว่าเฮียแก่เหรอ เจ็บน่ะคำนี้น่ะ” เฮียธีพูด ผมก็ต้องเหลือบตามอง ทำไมไม่เจอแบบนี้บ้างว่ะน่ารักอ่ะ ผมแอบคิดในใจ แต่ทำไมผมถึงชอบนึกถ้าไอ้พ่อของลูกโซ่มันรู้จักมาง้อผมบ้างก็คงดี แต่ใครจะมาง้อคนที่มีอะไรคืนเดียวแล้วท้องเลยว่ะ

      “และนี่ก็ตามน้องเขาไม่ทันแล้วเฮีย” พี่มิวก็หันมาบอกพี่ธี

      “ก็บอกให้แต่งตั้งแต่ต้นปีแล้วนี่” พี่ธีพูด

      “ก็จะลดน้ำหนักก่อน”

      “กินขนมเค้กอีกแล้ว จะลดหรือจะเพิ่มจ๊ะหนู” ผมบอกตามตรงน่ะว่าพี่เขาน่ารักจริงๆ คู่นี้ พี่ธีดูท่าทีเหมือนจะเจ้าชู้แต่ไม่เจ้าชู้เลย ผมนั่งดูเขาสองคนหยอกล้อกันจนรถแล่นมาจนถึงบ้านพี่ฟ้า ผมก็รีบเปิดประตูทันทีเพราะว่าคิดถึงเจ้าลูกโซ่แย่แล้ว

      “พี่จะกลับเลยก็ได้นะครับ ผมนั่งแท็กซี่ไปเองได้นะครับพี่ธี” ผมบอกพี่ธีด้วยความเกรงใจพี่เขาสองคน

      “ไม่ได้ครับ เพราะว่าเจ๊กกันเขาฝากพี่ครับ และเราไปนานเหรอครับ” พี่ธีถามผม

      “ไม่นานครับแค่ไปรับและก็กลับเลยครับ” ผมบอกพี่เขา

      “พี่รอได้ครับบีม ไปเถอะครับ และพี่ว่าช่วยแฟนกินขนมก่อน ให้กินคนเดียว เดี๋ยวชุดแต่งงานต้องตัดใหม่” พี่ธีบอกผม ผมพยักหน้า

           ผมหันไปเห็นพี่ธีกับพี่มิวเขาหยอกกันเล่น ป้อนขนมกันด้วย ผมเห็นแบบนี้แล้ว อิจฉามาก ตั้งแต่อยู่ในรถแล้ว ทำไมเขาเป็นผู้ชายที่น่ารักขนาดนี้ ผมชอบมองคู่รักที่ทำอะไรให้กันแบบนี้ แล้วผมล่ะจะมีบ้างไหมน่ะ แต่มันแปลกเวลาที่พี่กันตภณทำให้ผม ทำไมผมรู้สึกเหมือนเขาคือญาติผู้ใหญ่ที่ทำอะไรให้ผมไม่เคยมองในฐานะคนรักที่ทำให้กันแบบพี่ธีกับพี่มิวเลยก็ไม่รู้ หรือว่าในหัวผมคิดแต่เรื่องไอ้คนที่ทำให้ผมท้องกันแน่ ผมเดินเข้ามาก็เปิดประตูเข้าไปทันที ผมเห็นเจ้าลูกโซ่ของผมนั่งรื้อของออกจากกระเป๋าใส่ของใช้เด็กอ่อน รื้อจนเพลินเลยน่ะ

         “มัม มัม มัม” ไม่รู้ว่าเรียกหรือว่าแค่บ่นน่ะ ทันทีที่เขาหันมาเจอผม และรีบคลานมาหาผมทันทีเช่นกัน ผมก็ตรงปรี่ไปหาเจ้าลูกโซ่ เช่นกันด้วยความคิดถึง

         “บอกว่าให้เรียกมี้ ไม่ใช่มัม มัม มัม” ผมย่อตัวลงบอกเจ้าลูกโซ่ พร้อมกับเอานิ้วชี้จิ้มไปที่ปลายจมูกโด่งรั้นนี้ โด่งกว่าผมมากมาย ขนาดว่าผมเป็นลูกครึ่งน่ะ ยังโด่งน้อยกว่าเลย แต่แปลกที่ผมกลับเป็นลูกครึ่งที่มีเชื้อไทยมากกว่า แต่ก็ดูรู้แหละว่าไม่ใช่คนไทยร้อยเปอร์เซ็นต์

         “อ้าวบีมมาแล้วเหรอ พี่จับอาบน้ำให้แล้วน่ะ ร้องกรี้ดจนแสบแก้วหูเชียวเวลาอาบน้ำน่ะ” พี่ฟ้าพูดปนหัวเราะ ส่วนคนที่ถูกพูดถึงก็เอียงคอมอง รู้เรื่องทันทีเลยน่ะ

         “อาบีม” ลูกสาวพี่ฟ้าคนที่สอง สองขวบกว่าแล้ว พูดเก่งแล้วซิและเขาก็วิ่งมากอดผม ผมมาที่บ้านนี้บ่อยเมื่อก่อน เพราะว่าผมสนิทกับฟิล์มมาก นัดกันมาทำรายงานที่บ้านฟิล์มบ่อยๆ

         “น้องน่ารัก” น้องเพิร์นบอกผมชมเจ้าลูกโซ่ของผมแต่คนถูกชมกับเงยหน้าขึ้นเม้มปาก จนน้องเฟิร์นต้องหลบหลังผมแทน

         “น้องน่ากลัว” อ้าว! ผมเหลียวหลังกลับมามองเฟิร์น เมื่อกี้ยังน่ารักอยู่เลย และผมก็อดกลั้นหัวเราะไม่ได้กับคนที่แอบน้องอยู่ด้านหลังผม

         “แล้วนี่เริ่มงานเมื่อไหร่ล่ะบีม และใครจะดูเวลาเราไปทำงานน่ะบีม” พี่ฟ้าถามผม

         “ผมเริ่มทำงานพรุ่งนี้ครับ แต่ว่าที่ทำงานผมน่ะ เขาเปิดรับเลี้ยงเด็กเล็กด้วยครับพี่ฟ้า และผมก็ใช้สวัสดิการ เขาให้ฝากดูแลฟรีครับ ในช่วงเวลางานครับพี่ฟ้า”

         “ดีจังเลยอ่ะ มีงานดีดีแบบนี้ เอาไว้ให้มั่นเลยน่ะ นี้ไอ้ฟิล์มน่ะได้งานที่ต้องมีกะกลางคืนด้วย มันโคตรเหนื่อยเลย มันบอกเรียนมาก็ยากกว่าจะจบ แต่พอจบมาแล้วได้งานทำ ก็เหนื่อยว่าทำการบ้านอีก มันบ่นกับพี่ทุกวันเลยบีม” พี่ฟ้าพูด ผมก็ยิ้มๆ เพราะว่าผมเองก็ยังไม่รู้เลยว่างานจะเหนื่อยไหม

         “พี่ฟ้า ผมไปก่อนนะครับ”

         “และนี่พี่ที่เป็นลูกท่านประธานใหญ่เขามาส่งผมนะครับและเขาก็รอไปส่งผมที่คอนโดอีกที ผมเกรงใจเขานะครับ” ผมบอกพี่ฟ้าก่อนจะคว้าเอาทุกอย่างขึ้นมาสะพายกระเป๋าขึ้นบนบ่าก่อนจะหันไปอุ้มเจ้าลูกโซ่ขึ้นมาหนีบเอวผมไว้ พออุ้มขึ้นมาได้ก็คว้าเสื้อผมจะแหวกหาอกแบนๆของผมอีก

         “อือออ” ผมส่ายหน้าว่าไม่ได้ ก็ยังจะแหวกอีก จนพี่ฟ้าหลุดขำผมทันที

         “ที่ของพี่ตูมๆ ไม่จับหรอก” พี่ฟ้าพูดปนหัวเราะกับเจ้าโซ่ที่ติดอกแบนๆ ของผมน่าดู

         “อาบีมไปก่อนนะครับ น้องเฟิร์น เอาไว้อาพาน้องมาเล่นด้วยใหม่น่ะครับ” ผมบอกน้องเฟิร์นลูกสาวพี่ฟ้า

         “น้องน่ากลัวแต่เฟิร์นก็ชอบน้องน่ะอาบีม” เฟิร์นกระซิบข้างหูผม

         “เอาน่ะน้องฟันกำลังจะขึ้นน่ะ เลยอยากขยำอะไรสักอย่าง “พี่ฟ้าบอกลูกสาว ผมก็คิดว่าน่าจะฟันกำลังขึ้น เห็นโผ่มานิตๆ แล้วด้วย ตอนนี้ก็ทานอาหารบดอยู่ และผมก็รีบกระเตงลูกออกมาอย่างรวดเร็ว เกรงใจคนที่รอ

******

         Part’ s เฮียธี หรือธีรภพ เป็นตั่วเฮียของน้องๆ ตระกูล4ธ ของเดชาวชิรภังกุลชร เป็นเจ้าของโรงเรียนสามภาษา ที่ก่อตั้งโดยอากงของเขา ตอนนี้คนที่เป็นท่านประธานใหญ่ตอนนี้ ธีมีแฟนสาวชื่อมิว คบกันสามปีตั้งแต่มิวเรียนเภสัชกรปีที่ห้าและตอนนี้มิวเรียนจบแล้วและกำลังดูแลร้านยาและก็เป็นเภสัชกรพาร์ทไทม์ให้กับโรงพยาบาลเช่นกัน

         วันนี้เฮียธีมาส่งบีมเด็กที่เจ๊กกันของเขาฝากมาทำงานตำแหน่งธุรการ สาขาที่5 เป็นสาขาที่เปิดใหม่ รักเรียนไม่เยอะเหมือนสาขาอื่นแต่มีเนอสเซอรี่ดูแลเด็กเล็กเข้ามาเพิ่ม รับตั้งแต่แรกเกิด แต่ว่าส่วนใหญ่ 3 เดือนขึ้นที่จะนำมาฝากแต่น้อยมาก มีไม่กี่คนส่วนใหญ่จะหกเดือนไปแล้วเพราะน้องเริ่มโต ตอนนี้เขานั่งดูธีมที่จะมาทำเป็นฉากหลังในงานแต่งของเขากับมิว งานแต่งลูกชายคนโต ป๊ากับม๊าเขาก็บอกว่าอาจจะต้องเชิญคนมากหน่อยน่ะ มิวก็ไม่อยากได้งานใหญ่แต่ แต่แม่ของมิวบอกว่ายิ่งใหญ่ยิ่งดีเพราะว่าเขามีลูกสาวคนเดียว อีกคนก็ลูกชายแม็ช กำลังจะเรียนจบชั้นมัธยมปีที่หก มิวกำลังส่งน้องชายเขาเรียนด้วย ธีก็อาสาเขามาช่วยส่งเช่นกัน

         “เฮียว่าอันนี้สวยไหมอ่ะ” มิวถามเฮียธี

         “แล้วแต่เมียเฮียเลยครับ อันไหนเมียชอบเฮียก็ชอบเพราะว่าเฮียเคารพการตัดสินใจเมียเฮีย และไม่คัดค้านการตัดสินใจของเมียด้วย” ธีพูด

         “เฮียอ่ะ พูดแบบนี้ ไม่กล้าไปรักคนอื่นเลยน่ะ” มิวพูด

         “ก็ดีแล้วไง ถ้าเมียตัดสินใจไปรักคนอืนอันนี้เฮียจะค้านละครับ” ธีพูดหยอกคนรักในรถจนกระทั่ง เขาเห็นบีมหอบกระเป๋าและเด็กน้อยที่หนีบเข้าเอวมาด้วย เขาจึงรีบลงจากรถก่อนจะเดินไปเปิดประตูให้บีม
                        TBC....
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-05-2024 10:03:10 โดย PFlove »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
 
EP.24.1 เฮียธีเจอหลานแต่ยังไม่รู้ ครึ่งหลัง

                Part’ s เฮียธี ธียืนมองเด็กน้อยตัวขาวๆ ที่หนีบเอวบีมมาด้วยความสงสัย ทำไมพอเพ้งมองใกล้ๆ เขาก็ยิ่งเห็นว่าใบหน้าเด็กน้อยนั้นดูคุ้นเคย จะว่าเหมือนอากันตภณเหรอ ไม่น่าจะใช่น่ะแต่นี่มันลูกของน้องบีมเขานิแต่แม่น้องน่ะใครก็ไม่ได้ถามอีก

           “สวัสดีครับก่อนซิลูกโซ่ “บีมบอกให้ลูกชายเขาสวัสดีครับ ธีเป็นคนชอบเด็กเขาอยากมีลูกทันทีที่แต่งงาน พอเขาเห็นเด็กน่ารักตาหวานขนาดนี้ เขาจึงยื่นใบหน้าหล่อๆ ของเขาเข้าไปใกล้แต่ผลที่ได้คือ

          “โอ๊ยย!!” ธีร้องเสียงหลงทันที เพราะว่าเด็กน้อยบีบปลายจมูกโด่งรั้นของเขาทันควันเช่นกัน
 
          “ลูกโซ่!!!” บีมรีบห้ามปรามลูกชายตัวแสบพร้อมกับพยายามจับมือลูกโซ่ให้ปล่อยปลายจมูกโด่งๆ นั้นให้เป็นอิสระ และทันทีที่เด็กน้อยปล่อยจมูกของธีเป็นอิสระ เขาก็รีบถอยหลังออกและหันมาจับและสำรวจปลายจมูกตัวเอง คนที่เปิดกระจกมองอยู่คือแฟนสาวของเขา

           “พี่ธี ผมขอโทษครับ “บีมรีบกล่าวขอโทษธีแทนเจ้าลูกโซ่ทันที ลูกหนอลูกจะทำให้มี้ตกงานน่ะลูกโซ่ ไปทำลูกชายคนโตท่านประธานใหญ่ทำไมลูก

           “พี่ธี เป็นอะไรไปน่ะ” มิวแฟนสาวรีบถามแฟนหนุ่มทันที

          “เด็กบีบจมูกเฮีย ดุน่ะเนี๊ยะ ตัวแค่เนี๊ยะ!” ธีหันไปบอกแฟนสาว ที่นั่งมองเขาและยังขำเขาอีก ส่วนบีมก็ยืนมองด้วยสายตาที่รู้สึกผิดแทนลูกชายจริงๆ

           “มองหน้าก็ไม่ได้เหรอครับ ลูกชายบีมน่ะครับ” พี่ธีถามบีมก่อนจะหันมาช่วยหยิบกระเป๋าใส่ไว้ในรถ พร้อมกับสายตาเด็กน้อยที่จับจ้องที่เขาอย่างไม่วางตา

            “แสดงว่าน้องเขาไม่ชอบจมูกโด่งๆ ของเฮียแน่ๆ เลย ฮาๆ “แฟนสาวรีบแซวแฟนหนุ่มทันที และธีก็รอให้บีมเข้าไปนั่งในรถซะก่อน เพื่อจะได้ปิดประตูให้ แอบจับปลายจมูกตัวเองอีกครั้งเมื่อกี้น่าจะเรียกว่าหยิกดีกว่าจับน่ะ เพราะว่ามันเจ็บมาก ธีคิดในใจ ก่อนจะเข้ามานั่งทำหน้าที่คนขับรถและปรับกระจกมองตัวแสบที่นั่งอยู่บนตักของบีม มองไปรอบรถเก๋งคันหรู ราวกับกำลังสำรวจโลกกว้าง สายตาที่มองเหมือนอยากจะหาอะไรทำ ก่อนที่ธีจะออกรถ เด็กน้อยก็หันไปเห็นฟิกเกอร์ของธีที่เขาไปซื้อมาสะสมไว้ ราคาตอนนั้นก็เกือบสองหมื่นบาทต่อชิ้น เพราะว่าทำได้หน้าตาเหมือนตัวแสดงในเรื่องซูเปอร์ฮีโร่ไม่มีผิด แต่ว่าเด็กน้อยหันไปดึกปืดเดียวหลุดมาทันทีทั้งแผง ผมนี้ร้องไม่ออกครับ

            “เว้ยย!!! ลูกโซ่”

           “มิว ตัวนั้นโทนี่สตาร์ค พี่ซื้อมาหนึ่งหมื่นเก้าพันบาท “ธีพูดกับมิวด้วยน้ำเสียงที่เบามาก และ

            “ปึก “หัวไอรอนแมนกระเด็นมาตกที่ด้านหน้าของรถ มันมาแต่หัวด้วย

           “มิวคิดว่า ฟิกเกอร์ไอรอนแมนเฮียน่ะ ถึงแก่ชีวิตไปแล้วแหละ” มิวพูดพร้อมกับคีบหัวฟิกเกอร์ที่กระเด็นขึ้นมาให้แฟนหนุ่มดู น้ำตาแทบไหลแต่เด็กน้อยก็มองตัวฟิกเกอร์ที่ไร้หัวก่อนจะโยนทิ้งไป

         “พี่ธี ผมขอโทษครับพี่ธี “ส่วนบีมก็รีบขอโทษขอโพยทันทีกับผลงานลูกชายตัวแสบ

          “ไม่เป็นไรครับบีม พี่ก็ว่าจะถอดออกและเก็บไว้บ้านอยู่แล้วแต่พี่ไม่คิดว่าน้องจะช่วยพี่ถอดแบบ เออ ออกมาเป็นชิ้นๆ แบบนี้” ธีหยิบเอาหัวฟิกเกอร์ไอรอนแมนมาดู ก่อนจะมองเด็กน้อยที่ทำหน้าตาอินโนเซ้นท์ ใสซื่อจนเฮียธีโกรธไม่ลง ก่อนจะตัดใจออกรถจะดีกว่า

         “บีมนี้ลูกบีมเหรอคะ น่ารักมากเลยอ่ะ หล่อด้วยอ่ะ น้องอายุเท่าไหร่แล้วค่ะ” มิวหันไปถามบีม

         “น้องอายุ 6 เดือนครับ แต่ว่าน้องคลอดก่อนกำหนด คลอดตอนอายุครรภ์ที่35สัปดาห์กับอีกหกวันนะครับ” บีมตอบ

         “เป็นคุณพ่อที่ใส่ใจมากจริงๆ ค่ะ “แฟนสาวของธีพูดด้วยความประหลาดใจ ส่วนบีมก็มองแฟนสาวของธี

        “คือว่าปกติ คนที่เป็นพ่อมาซื้อยาน่ะ ลูกเกิดเมื่อไหร่ยังไม่รู้เลยจำไม่ได้แต่นี่จำได้แม้กระทั่งอายุครรภ์ก่อนจะคลอดเลยอ่ะ เก่งมากเลยบีม” มิวกล่าวชมบีมทันที

         “ผม เออ ผม” บีมก็ยิ้มเจือนให้แทนคำขอบคุณ

          “น้องน่ารักอ่ะเฮีย” แฟนสาวหันมาอ่อนธีกำลังขับรถออกมาได้สักระยะ

          “อยากได้เหรอ นั้นลูกเขาน่ะ ถ้าอยากได้ต้องไปทำเอา” เฮียธีบอกแฟนสาว

         “อยากได้และอยากได้แบบนี้ด้วยอ่ะ น่ารักแบบนี้อ่ะเฮีย “แฟนสาวของธีพูดก่อนจะหันมามองเด็กน้อยที่นั่งมือไม่สุขตลอด ยุกยิกกับบีมไปด้วยจนบีมต้องจับมือให้อยู่นิ่งๆ และทันทีที่แฟนสาวขอบธีหันมามองเต็ม เขากลับเห็นบางสิ่งที่แปลกและประหลาดใจ จนต้องหันมามองแฟนหนุ่มที่ขับรถอยู่ สลับไปมา จนแฟนหนุ่มหันมาสะกิดแฟนสาวตัวเอง

         “เป็นอะไรน่ะมิว”

        “เฮีย หนูคิดมากไปไหมอ่ะ หน้าตาเด็กน้อยน่ะ มีส่วนคล้ายเฮียอ่ะ” มิวกระซิบกับเฮียธี

        “เฮ้ย!! เฮียมีหนูคนเดียว ไม่เหมือนไอ้ น้องคนเล็กเฮียนี่” เฮียธีคิดไปไกล คิดว่ามิวจะหมายถึงเฮียธีไปปล่อยสเปิร์มทิ้งๆ ขว้างๆ เหมือนเจ้าเธียรวิชญ์ซิน่ะ

        “หนูเห็นอ่ะเฮีย ดูที่คิ้วดิ หนาเหมือนเฮียเลย “แฟนสาวบอกกับแฟนหนุ่ม ทำให้เขาต้องดึงกระจกมามองคิ้วตัวเองระหว่างรอติดไฟแดง เออคิ้วเขาหน้าจริงแต่ไม่ได้หนาอยู่คนเดียวน่ะ หนาทั้งบ้าน จนถึงป๊าของเขาด้วย

        “เฮีย ดูจมูกดิ โด่งเหมือนเฮียเลย แต่ว่าพ่อน้อง น้องบีมน่ะเขาจมูกก็โด่งน่ะ แต่ไม่โด่งรั้นเหมือนน้องเลยน่ะ คือโด่งแบบสวยๆ อ่ะ ของน้องบีมน่ะ หรือว่าแม่ของลูกเขาโด่งก็ไม่รู้น่ะเฮีย “แฟนสาวพูดทำให้แฟนหนุ่มมองจมูกตัวเองก่อนจะหันไปมองเด็กน้อย

          “เฮีย!!”

          “อะไรอีกล่ะหนู! “เฮียมักจะแทนการเรียกแฟนสาวว่าหนู

          “ตาอ่ะ เหมือนเฮียน่ะ โตแต่ว่าหางตาชี้ขึ้นนิดๆ” ของเฮียไม่ค่อยชี้อ่ะ

           “ตาแบบนี้ตาเอาเรื่อง อาม่าพี่บอกไว้ ตาไอ้ตัวแสบน้องชายเฮียไง ไอ้ตี๋น้อยอ่ะ” คนที่ธีพูดถึงคือเธียรวิชย์

           “และผมน้องเขาก็หนาเหมือนเฮียเลยอ่ะ”

          “เออ ที่หนูพูดมานี้จะให้เขาเป็นลูกเฮียให้ได้ใช่ไหมครับ จะให้ขอน้องเขาไปอยู่กับเฮียเลยไหม ในฐานะที่เกิดมาก๊อบปี้ความหล่อเฮียน่ะ” เฮียธีบอกกับมิว

         “ไม่ใช่ หนูแค่แปลกใจ ทำไมเหมือนกันขนาดนี้ เหมือนแบบนี้มันคนในครอบครัวเอียแล้ว “แฟนสาวของธีหันมาบอกธี ก่อนจะหันไปมองเด็กน้อยอีกที ระหว่างที่บีมกำลังโทรหาเพื่อนให้ลงมารับ เพราะเพื่อนๆ มาหาที่คอนโดกันหมดแล้ว ธีและแฟนก็หันไปมองเด็กน้อยเป็นระยะ ธีก็เห็นเหมือนที่แฟนสาวเห็นเหมือนกันน่ะ

           “หูก็กางด้วยน่ะเฮีย” แฟนสาวพูดและสะกิดธี ทำให้แฟนหนุ่มปรับกระจกมองอีกครั้ง

           “จริงด้วย “ธีพูดขึ้น จังหวะที่บีมหันมามองพอดี บีมทำหน้าสงสัยทันทีเช่นกัน

          “อ้อน้องน่ารักนะคะ” มิวรีบพูดแก้เขินที่ทั้งคู่มองเพ่งพิจารณาลูกของบีมเพลินไปหน่อย

          “พี่เขาบอกว่าน้องโตขึ้นน่าจะหล่อเหมือนพี่แน่นอนน่ะครับ แฟนพี่คอนเฟิร์ม” ธีรีบบอกบีมทันที บีมถึงกลับต้องก้มลงน้องเจ้าลูกโซ่ นอกจากจะไม่ค่อยเหมือนมี้แล้วยังไปเหมือนคนอื่นอีกเหรอ มันยังไงกันว่ะ บีมแอบคิดในใจ เจ้าลูกโซ่ที่เอียงคอมองบีม ทำตากะพริบๆ และกระดิกหูกางนิดๆ

           “แหวะ! ใครพูดแบบนั้นล่ะเฮีย หนูไม่ได้พูดว่าน้องจะหล่อเหมือนเฮียแต่หนูบอกว่าน้องน่ะน่าจะหล่อกว่าเฮีย” แฟนสาวของธีพูด

            “อ้าวทิ้งกันซะงั้นน่ะหนู หนูมากับเฮีย อย่าทิ้งเฮียแบบนี้ซิ “ธีรีบหันมาบอกแฟนสาวทันที

            “พี่ครับเลี้ยวซอยข้างหน้าครับ “บีมลืมชี้ว่าต้องเหลียวแล้ว

            “เอี้ยด!!!!” เสียงรถเบรก ธีที่เหยียบเบรกกะทันหัน โชคดีที่ไม่มีรถตามมาในระยะประชิด และบีมก็รีบคว้าลูกมากอดแนบอกไว้ได้ทันโดยไม่หวงตัวเอง มันยิ่งทำให้แฟนสาวของธี หันมามองด้วยความแปลกใจอีกครั้ง พฤติกรรมของบีมมันไม่ได้บ่งบอกว่าเป็นแค่พ่อแต่เหมือนกับเขาเป็นแม่ซะมากกว่า

             “เจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ พี่ขอโทษทีนะครับ บีม” ธีรีบกล่าวขอโทษบีมทันที

             “ไม่เป็นไรครับ ผมต่างหากที่ไม่บอกพี่ธีล่วงหน้านะครับ ผมขอโทษครับ” บีมพูดอย่างรู้สึกผิดและรถเก๋งคันหรูก็เลี้ยวเข้ามาจอดที่ด้านหน้าคอนโด ธีเลือกที่จะไปจอดที่ร่มๆ ให้บีม จังหวะนั้นมะนาวเดินลงมาพอดี เธอสวมชุดยูนิฟอร์มทำงาน เดินตรงมาที่รถที่จอดอยู่

             “เฮียนี้ใช่แม่เด็กไหมอ่ะ แต่ว่าไม่มีส่วนไหนที่จะบอกว่าใช่เลยอ่ะ ไม่ว่าจะเป็นตา ตามองเขาเล็กกว่า จมูกน้องเขาไม่โด่งเท่าน้องลูกโซ่น่ะ แต่พ่อก็โด่งอ่ะ แต่โด่งคนละแบบ ปากนี้ก็ไม่เหมือน หูก็ไม่กางและที่สำคัญ ลูกของบีมนี้ขาวมาก เรียกว่าขาวโอโม้เลยดีกว่า “แฟนสาวของธีพูด ทำให้แฟนหนุ่มต้องลดกระจกมองและทุกอย่างที่แฟนเขาบรรยามามันใช่หมดเลย ธีก็เพ่งพิจารณาจนกระทั่งผู้หญิงคนนั้นเดินเข้ามาก่อนจะจะมาหยุดที่ตรงช่องกระจกของธี เธอมองธีก่อนจะยิ้มให้

           “สวัสดีค่ะ” มะนาวกล่าวทักทายแต่ตาน่ะไม่ได้มองมิวสักเท่าไหร่ มองแต่แฟนหนุ่มของเธอ

            “สวัสดีค่ะ แม่น้องลูกโซ่เหรอคะ” มิวเอ่ยถามมะนาวทันที

            “ห๊ะ!” มะนาวทำสีหน้าตกใจ ก่อนจะตอบไปว่า “ไม่ใช่แม่ค่ะ ยังไม่มีผัวค่ะ” มะนาวรีบตอบทันที

           “อ้าวเหรอ ยังไม่มีผัว เฮอะๆ ตรงไปไหมอ่ะเฮีย น้องเขาอ่ะ เฮอๆ” มิวแฟนสาวของธีทวนที่มะนาวพูดก่อนจะยิ้มแหยๆ ไปให้คนข้าง ว่าน้องเขาบอกเฮียอ่ะ มะนาวที่ส่งสายตาที่พรุ้งพริ้งไปให้ธี ส่วนธีรีบสั่นศีรษะบอกให้แฟนสาวรู้ว่าเขา ไม่เอาแบบนี้ (เขาชอบสาวผอมบางตัวเล็ก)

            “ช่วยเพื่อนถือของก่อนนะคะ พี่ชายหล่อเนอะ “มะนาวถามแฟนของธีและชี้นิ้วไปที่ธี มิวหันมายิ้มให้แฟนหนุ่ม พี่ชายอืมม แฟนหนุ่มแถมเข้าใจว่าพี่ชายอีกต่างหาก เธอก็ยิ้มแหยๆ มะนาวรีบเข้าไปรับของจากบีมทันที

            “ขอบคุณนะครับพี่ธี ขอบคุณนะครับพี่มิว” บีมรีบกล่าวขอบคุณทั้งคู่เป็นการใหญ่ ส่วนเด็กน้อยที่คลานอยู่บนเบาะ จับนั้นล้วงนี้

            “ลูกโซ่ ไปได้แล้วลูก “บีมเรียกลูกชายแต่ว่าโซ่แค่หันมามองแต่ไม่ยอมไปจากรถ (คุณลุงที่ยังไม่รู้ตัว)

           “ลูกโซ่ ไปได้แล้ว” บีมเรียกลูกชายอีกครั้งแต่ก็ไม่ยอมไปอยู่ดี แถมสะบัดแขนจากบีมออกไม่อยากลงจากรถซะงั้น

           “ไปเถอะลูกโซ่!” บีมดึงลูกชายที่ดึงรั้งเบาะคนขับด้านหลังธีไว้แน่น

           “ไม่ธรรมดาน่ะลูก ร้องอยากได้รถหรูตั้งแต่ยังเดินไม่ได้เลย คันนี้ลุงพึ่งจะถอยมาจากโชว์รูมเลยลูก สิบล้านต้นๆ เองและมันก็ยังไม่ถึงเดือนด้วย ขอลูกขับสีกปีได้ไหมลูก แล้วลุงจะขายต่อให้น่ะ” ธีพูดหันบอกเด็กน้อย บีมรีบหันมายิ้มไม่แพงเลย แพงมาก มี้จะทำงานสักกี่สิบปีล่ะลูกโซ่ ขึ้นไปเล่นรถของเล่นบนห้องโน้น บีมแอบคิดในใจ เด็กน้อยก็ยังไม่ยอมยังหันไปปีนป่ายจนขึ้นที่กล่องใส่ของระหว่างคนขับจนได้ เด็กน้อยหันหน้าไปมองธีพร้อมกับเม้มปากแน่น และพยายามจะจับจมูกของลุงธีอีกครั้ง แน่นอนเขาเพิ่งจะโดนไปรีบเอามือกุมปลายจมูกตัวเองเอาไว้ก่อน

           “ฮันแน่! คิดว่าจะได้ทำแบบเดิมเหรอ มุขมันเก่าแล้ว” ธีชี้นิ้ว

           “โอ๊ยย!!!” ใช่มุขมันเก่าหลานเลยดึงหูลุงที่กางแทนลุงก็ร้องเสียงหลงไปทันที
             ” เฮีย!!!” มิวแฟนสาวร้องเสียงหลงเพราะไม่คิดว่าเด็กน้อยจะกล้าดึงหูเฮียธี

           “พี่ธี!!” บีมรีบพยายามดึงเจ้าลูกโซ่ ไปทำเขาทำไมลูกโซ่ ส่วนลุงธีเองก็ไม่กล้าขัดขืนดึงหูกลับเพราะเกรงว่าจะเหลือหูไว้แค่ข้างเดียว มีสองหูจะดีกว่าธีคิดในใจ เลยต้องรอให้เด็กน้อยปล่อยเอง เจ็บแต่ต้องไม่ร้องอายเด็กมันครับ และหูที่กางนี้คือเอกลักษณ์ประจำบ้านของเขาเลย ท่านชายหูกางที่เพื่อนๆ ของเขาตั้งให้ แถมกางทั้งบ้านอีกด้วย

          “ลูกโซ่!! ปล่อยหูลุงเดี๋ยวนี้น่ะ ไม่งั้นมี้จะตีแล้วน่ะ!!” และนี้ก็ทำให้ทั้งคู่หันมามองบีมกันหมดเพราะว่าเขาแทนตัวเองว่ามี้ และนั้นเด็กน้อยถึงได้ยอมปล่อย แถมทำหน้าเสียใจที่โดนดุอีกต่างหาก และบีมก็ดึงเจ้าลูกโซ่ถอยออกไปจนได้

           “บีม บีม ไอ้บีม “มะนาวเห็นว่าทั้งธีและมิวที่อ้าปากหวอเพราะว่ากำลังตกใจที่ได้ยินบีมแทนตัวเองว่ามี้ มะนาวเลยต้องสะกิดเรียกเพื่อนทันที และมะนาวคงเดาได้ว่าทั้งคู่นั้นกำลังคิดอะไรอยู่ (เป็นใครก็คิดเรียกมี้ขนาดนั้น) มะนาวคิดในใจ

          “บีมออกมาเถอะ “มะนาวกัดฟันเรียกเพื่อนทันทีและบีมที่พยายามลากเจ้าลูกโซ่ออกไปอย่างทุลักทุเล

          “นิกเนมนะคะ มี้ น่ารักดีเนอะ เฮอะๆ “มะนาวรีบแก้ตัวแทนเพื่อนรัก ก่อนจะรีบโบกมือลาและหันไปช่วยเพื่อนรักถือของ เพราะมี้บีมกำลังวุ่นวายอุ้มเจ้าลูกโซ่ จากอาการคือไม่อยากลงจากรถคันหรูของคุณลุงเลยว่างั้น และบีมก็ต้องแบกเจ้าลูกโซ่ขึ้นบ่าแทนและพากันเข้าไปในคอนโดทันที ทิ้งไว้ซึ่งความงงให้กับ คู่รักเป็นอย่างยิ่ง

           “เฮีย เฮียได้ยินเหมือนหนูไหมอ่ะ เขาแทนตัวเองว่ามี้กับลูกอ่ะ”

           “ได้ยินครับ น่ารักเนอะ!” เฮียธีพูดกับแฟนสาว พร้อมกับทำน้ำเสียงล้อเลียนเพื่อนของบีมด้วย

           “ก็น้องคนที่อวบๆ ระยะสุดท้ายนั้นน่ะเขาทำให้พี่ดูอ่ะ และเขาก็บอกว่านิกเนม คงรู้กันแค่เพื่อนๆ น่ะมิว” ธีบอกกับแฟนสาวทันที ก่อนจะดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาด

           “ไปกันเถอะเพราะว่าถ้าไปช้า ม๊าพี่บ่นแน่ๆ เพราะม๊าพี่ซีเรียสเรื่องทานอาหารไม่ตรงเวลามิว” ธีหันมาบอกมิวก่อนจะรีบขับรถออกไปทันที และเขาต้องแวะไปเอาของนั้นคือการ์ดแต่งงานที่สั่งพิมพ์ไว้แล้วเพื่อเอามาตรวจเช็กรายชื่อแขกที่เขาเลือกเชิญมาในงานสำคัญของเขาทั้งคู่ การ์ดแต่งงานที่ถูกแก้ไขเพราะว่าต้องเลื่อนวันออกไป ถูกจัดพิมพ์เอาไว้แล้ว

              “เฮีย รอในรถไหม มิวรีบเข้าไปเอาจะได้รีบไปกันเดี๋ยวสาย” มิวบอกเฮียธี เขาพยักหน้าก็ดีเลย มิวรีบเดินเข้าไปในบ้าน มิวใช้เวลาไม่นานก็เดินออกมาพร้อมกล่องใส่การ์ดแต่งงาน การ์ดจำนวนกันกว่าใบ เขาเชิญแต่แขกคนสำคัญเท่านั้นไม่ได้เชิญทั้งหมดเพราะว่าเกรงว่าสถานที่จะรองรับไม่ได้ทั้งหมด

             “ธี” เฮียธีตกใจก่อนจะหันไปมองแม่ของมิว ธียกมือไหว้ทันที

            “ธีทำไมสั่งการ์ดมาแค่พันกว่าเองละ แม่ว่าม๊ากับป๊าเราน่ะมีคนรู้จักเยอะน่าจะสองพันน่ะธี” แม่ของมิวพูด

            “ม๊ากับป๊าบอกไม่ได้เชิญทั้งหมดนะครับแม่เอาแต่คนสำคัญๆนะครับ ก็น่าจะพันหนึ่งได้แล้วนะครับแม่ ” ธีบอกแม่ของมิว

            “นี้แม่ก็จะเชิญเพื่อนรุ่นที่เรียนด้วยกันมาทั้งหมดน่ะ ดังนั้นแม่อยากให้ธีไปบอกม๊าว่าเชิญแขกทั้งหมดที่ม๊ากับป๊าเขารู้จักเลยได้ไหม แม่มีลูกสาวคนเดียวน่ะธี” แม่ของมิวพูด

            “แม่ ไม่เอาเพราะว่าสถานที่อาจจะแน่นเกินไป” มิวพูด

             “ก็เปลี่ยนซิมิว มีที่เยอะแยะ ทำไมอ่ะ แม่มีลูกสาวคนเดียวนิ จัดให้มันใหญ่กว่านี้ อย่างนี้มันไม่สมกับที่เป็นลูกสะใภ้เจ้าของโรงเรียนเลยน่ะ ” แม่ของมิวพูดและมองเฮียธี

             "อีกอย่างแม่ว่าของชำร่วยน่ะ มันดู ไม่ค่อยสมราคาเท่าไหร่ เอาดีกว่านี้หน่อยได้ธีและแม่ก็ชวนเพื่อนสมัยเรียนมาเกือบหมดน่ะและไหนจะเพื่อนที่ทำงานเก่าแม่อีก ถึงเกษียณอายุมาก็ยังติดต่อกันอยู่น่ะธี " แม่ของมิวพูด ธีก็ยิ้มเจื่อนๆเพราะว่าของชำร่วยพวกมันก็ราคาสูงพอสมควรแล้วถ้าเทียบกับแขกจำนวนไม่น้อย

             “ได้ครับ ผมไปคุยกับป๊าและม๊าก่อนนะครับแม่และยังไง ผมกับมิวก็ต้องรอให้คุณพ่อแข็งแรงดีก่อนดีกว่าครับ เรายังมีเวลาตัดสินใจครับ” ธีบอกแม่ของมิว

          “แม่ว่าไม่ต้องรอหรอก ถ้าเขาไปไม่ได้ แม่คนเดียวก็พอมั้งธี “แม่ของมิวพูด

          "แม่ค่ะ!!"มิวเรียกแม่เธอ แม่ของมิวมองหน้ามิวเหมือนไม่พอใจแต่ก็เปลี่ยนกิริยาได้เร็ว

           "แม่เลี้ยงลูกแม่มาอย่างดี ส่งเรียนจนจบเภสัชกรขนาดนี้ มีหนุ่มมาชอบมากมายแม่ก็ห่วงน่ะธีแต่กับธี แม่ชอบธี ดังนั้นแม่คิดว่าทำแค่นี้เพื่อนแม่ ธีคงไม่ขัดข้องนะะจ๊ะ" แม่ของมิวพูด ธีเข้ารู้ว่าค่าใช้จ่ายในการส่งมิวเรียนไม่ใช่น้อย น่าจะพอพอกับส่งไปเรียนหมอก็ว่าได้ ธีพยักหน้ากับแม่ของมิวว่าเข้าใจ

            “แม่ค่ะ เฮียธีเขารีบนะคะ นัดม๊ากับป๊าทานข้าวที่บ้านอาม่า มิวขอตัวนะคะแม่” มิวพูด มิวหันมามองธี เธอรู้ว่าแม่เธอแคร์เรื่องหน้าตามากที่สุด มิวพยักหน้ากับแฟนหนุ่มว่าให้ออกรถได้แล้ว พอรถแล่นออกมาได้ มิวก็พ่นลมหายใจออกมาทันที เธอไม่รู้จะอธิบายยังไงให้แม่เธอเข้าใจดี

             “มิว เอาน่ะ เฮียเข้าใจ มิวเป็นลูกสาวคนเดียว แม่ของมิวก็อยากให้ออกมาดีที่สุด” เฮียธีพูด

              “แม่อยากให้ดูของชำร่วยใหม่ด้วยแต่มิวว่ามันก็โอเคแล้วน่ะแต่แม่จะให้ดูที่แพงกว่านี้อีกเพราะว่าเพื่อนแม่เขาที่ลูกสาวพึ่งแต่งงานไป ของชำร่วยเขาดีกว่าของเราสองคนแต่ว่าเขามีแขกน้อยกว่าเราเยอะเลย มันได้ไงเฮีย” มิวพูด

             “เอาน่ะ เรายังมีเวลา ค่อยๆ ดูไปน่ะ อย่าทำหน้าแบบนี้ซิ เดี๋ยวริ้วรอยถามหาก่อนได้แต่งงานน่ะ “เฮียธีพูดทำเอามิวหันมามอง แอบค้อนแฟนหนุ่มหลายรอบเลย หาว่าเดี๋ยวหน้าแก่ก่อนได้สวมชุดเจ้าสาวอีก

                      เธอก็เปิดดูการ์ดแต่งงานที่เธอกับธีออกแบบเอาไว้ เป็นการ์ดสีแดงแต่งขอบสีทอง ยกขันมากเช้าแบบพิธีไทยและยกน้ำชาแบบจีนแถมยังมีเข้าโบสถ์แบบคริสต์ด้วยเพราะว่าเฮียธีเขาเป็นคริสต์ มิวก็เป็นคริสต์ตามพ่อของเขา ส่วนแม่ของเขานั้นยังเป็นพุทธอยู่ และยังมีเฉลิมฉลองมงคลสมรสตอนเย็นอีก แค่คิดมิวก็บอกว่าเหนื่อยรอได้เลย มิวหันมาผู้ชายที่อยู่ข้างๆ ของเธอ มิวกับธีอยู่กันก่อนแต่งงาน แม่เธอสนับสนุนให้เธอกับธีร์คบกัน ขนาดว่าจะเลิกๆ กันเพราะต่างคนต่างปรับตัวเข้าหากันไม่ได้ช่วงแรก ธีเคยชอบผู้ชายมาก่อนแต่แม่เธอก็พยายามช่วยให้ทั้งคู่กลับมาปรับตัวเข้าหากันใหม่ เพราะว่าแม่ขอบมิวไม่อยากให้มิวกลับไปหาแฟนเก่าที่พึ่งย้ายไปอยู่ต่างประเทศทั้งที่แม่ของมิวเคยสัญญาว่าจะให้มิวแต่งงานกับคนนี้ทันทีที่เรียนจบแต่พอเจอธีแม่ของเธอตัดช่องทางการติดต่อเขาทุกอย่าง

                TBC....

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.25 เธียรวิชญ์กลับมาแล้ว

         Part’ s เธียรวิชย์ ตอนนี้ผมจบแล้ว วิทยานิพนธ์ของผมผ่านแล้ว กว่าจะผ่านมาได้เลือดตาแทบกระเด็นและผมใช้เวลานานกว่ากว่าเพื่อนของผม ผมเลยกำหนดมาปีหนึ่งผมเลยไม่ขอเข้ารับปริญญาบัตรเพราะว่าปริญญาตรี นั้นผมได้ถ่ายรูปกับครอบครัวไปแล้วและผมคิดว่ามันลำบากมากถ้าจะให้ครอบครัวผมพากันบินมาเพื่อปริญญาใบเดียว

      //พี่เธียรค่ะ ตกลงพี่บินสิ้นเดือนนี้นะคะ แพรวาจะได้จัดเซอไพรส์ไปรอรับพี่เธียรที่สนามบินเลยค่ะ เจอกันนะคะ แพรวารักพี่เธียรค่ะ//ข้อความที่ส่งเข้ามือถือของผม ผมก็ต้องนั่งเอานิ้วเคาะโต๊ะ ผมกำลังจะเข้าไปเลือกว่าจะบินไฟว์เพื่อให้เฮียธีจ้องตั๋วเครื่องบินให้ผม แต่พอข้อความจากแพรวาเข้ามา ทำเอาผมต้องพับโน้ตบุ๊คลง ผมโคตรอึดอัด เพราะผมไม่ได้ชอบแพรวาแถมเธอบอกว่าเธอจะได้เกียรตินิยมด้วย เธอจะรอรางวัลใหญ่จากผมอีก ผมนี่คิดหนักเลย

            วันนี้แสนจะเหนื่อยเพราะว่าผมต้องเดินเรื่องเอกสารเตรียมจบปริญญาโท ผมยังรอผลอีกตัวของอีกวิชา วิชานี้โคตรยากเลย หินมาก ผมทำThesis ไม่ผ่านสักที เลยต้องจ้างเขาทำและผมก็ได้อิเมลตอบกลับจากอาจารย์คนดังกล่าว ว่าThesis ของผมผ่านรอบนี้ ค่อยโล่งอกหน่อย อาจารย์มหาหินที่ใครก็ยกนิ้วให้เลย แถมเขายังบอกอีกว่า รอบนี้ร้องว้าวเลย ภาษาก็สละสลวยดี (ดีกว่าตอนผมทำอีก) ผมว่าจะบอกเจ๊กกันว่า ถ้าเจอน้องเขาจะพาไปเลี้ยงข้าวสักมือ ตอนนี้ผมก็ปิดไฟเตรียมตัวนอน จะได้พักยาวสักสองสามวัน ไปไหนดีน่ะ พรุ่งนี้ค่อยโทรหาเพื่อนๆ ของผมแล้วกัน ผมข่มตานอนไม่นานก็หลับสนิท

               ผมยืนอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ เหมือนจะเป็นสนามเด็กเล่น ผมเห็นผู้หญิงที่อุ้มเด็กอยู่ นี้ภรรยาผมแน่ๆ ดูจากชุดที่ใส่ นมนี้โตเต็มมือทีเดียว ผมถึงกับเลียริมฝีปาก หิวนมทันทีว่างั้น

      “ป๊า” มีเด็กวิ่งมากระตุกแขนผม ผมก็ก้มลงมอง

      “เรียกผิดคนเปล่า” ผมก้มลงบอกเด็กน้อย เด็กน้อยนั้นยืนเอามือกอดอกหน้าคุ้นๆ เนอะ ผมก็มองภรรยานมโตของผมหันมาสักทีซิ

      “ป๊า มี้บอกเข้าบ้าน!”

      “มี้ไหน” ผมถามเด็กน้อยกลับ

      “มี้ ที่เป็นเมียป๊าอ่ะ อยู่โน่นน่ะ”

      “ห๊ะ!! ไม่ใช่คนนั้นเหรอ” ผมถามเด็กผู้ชายที่มาเรียกผมว่าป๊า และชี้ไปที่สาวนมโตที่นั่งอุ้มเด็กอยู่ ป๊าอยากได้แบบนั้นน่ะ แต่เด็กน้อยคนนี้ดูท่าจะโตหน่อยน่าจะหลายขวบแล้ว เขาก็ชี้สวนไปที่ด้านหลังของผม ผมจึงต้องหันหลังกลับไปมองตาม เท่านั้นแหละผมถึงกับต้องสะดุ้งสุดตัว เพราะว่าคนที่เดินสับเท้าพร้อมกับกระเตงลูกเข้าเอวมา หน้าตาเหมือนผมไปเผาบ้านเขามาเลยก็ว่าได้ และดูก็รู้ว่านั้นน่ะผู้ชาย นมก็ไม่มี มีก้นก็แบน หุ่นก็เพรียวบาง ชนิดว่าลมอาจจะหอบไปไหนต่อไหนได้เลย

      “นั่งมองนมอยู่ได้ นี้ลูกเอาไป เปลี่ยนผ้าอ้อม และคนนี้เอาไปเปลี่ยนชุดด้วย และนั้นเอาไปป้อนอาหาร และนี่อีกคนเอาไปนั้น ไปนี้ บร้าๆๆ จนผมเองก็ต้องยืนนับเด็กมันกี่คนแล้วเนี๊ยะ

      “สิบสองคน จะบ้าเหรอ ใครจะมีลูกเยอะขนาดนี้เนี๊ยะ!!” ผมถามคนที่ผมยืนอยู่

      “เถียงเหรอ เพี๋ยะ!!” ฝ่ามือนั้นง้างจะฟาดลงมาที่ผม แต่ผมรีบรับมือนั้นไว้ได้ทัน ก่อนจะยกสองมือขึ้นมาประกบเพื่อร้องขอชีวิตผู้เป็นเมีย (หรือสามีว่ะนี่มันผู้ชาย)

      “ไปเลยน่ะ เอาลูกไปเดี๋ยวนี้เลยน่ะ” ชี้นิ้วแหลมสั่งมาทันที

      “จะไปดีดีหรือจะไปด้วยน้ำตา”

      “ม๊า ช่วยเธียรด้วยม๊า”

      “ซ่าหนัก เลี้ยงเข้าไปเลยมีกี่คนเลี้ยงเอง ม๊าจะไปทำผมสวยเย็นนี้ป๊าจะพาม๊าไปเที่ยว งดเลี้ยงหลานช่วงนี้ “ม๊าของผมก็สะบัดหน้าเดินหนีผมอีก

      “อาม่า ช่วยเธียรด้วย” ผมหันไปร้องขออาม่าที่รักเธียรที่สุด

      “เรื่องของมึงเลยอาสีเทียน สอนไม่จำ เป็นผัวที่ลีต้องช่วยเมีย เลี้ยงลูก “อาม่าก็ทิ้งผมไปอีกคน ทั้งที่อาม่าไม่เคยเลย เธียรคนนี้หลานที่อาม่าตามใจที่สุดไงอาม่า กลับมาก่อน

      “ป๊า! ป๊า! ป๊า! ป๊า!” แต่ละคนพากันลุมเรียกผมกันทั้งนั้น ผมก็หันซ้ายหันขวา หันหน้าหันหลัง เด็กแต่ละคนหน้าตาเหมือนกันหมดเลย

      “เว้ยย ไม่ ไม่!!” เสียงผมตะโกน

      ผมผวาตื่นมาพร้อมกับเหงื่อที่แตกผลักๆ ผมเหลือบมองเวลา ตอนนี้เกือบจะตีสามอีกแล้วเวลาเดิมทุกที ขนาดหายไปพักหนึ่งได้แล้วน่ะแต่นี่มาอีกแล้วแถมหนักกว่าเดิมอีก ผมลืมตามองไปรอบๆ ห้องก่อนจะเปิดไฟให้สว่างผ่านมือถือของผม เพราะว่าห้องของผมเป็นแบบสมาร์ตรูม ผมเริ่มหลอนอีกครั้ง แต่ว่าครั้งนี้มาเป็นขโย่งแบบนี้ แพรวาก็แพรวาเถอะ เธียรวิชย์เลือกที่จะ กลับครับ

      // ฮัลโหลเฮีย// ผมกดโทรหาเฮียอีกแล้ว เวลาเดิม ๆ เพิ่มเติมคือความน่ากลัวมากวันนี้

      //อะไรของมึงเธียร //เฮียธีของผม

      //จองตั๋วให้หน่อย เอาเช้านี้เลยเฮีย //

      //มาไม้ไหนของมึงอีกไอ้เธียร//

      //จะกลับแล้วเฮีย อยู่ไม่ได้แล้ว ซื้อให้เลยน่ะเฮียวันนี้เลยเฮีย//

      //เดี๋ยวดูให้และส่งเมลไปให้น่ะ มึงนี้ทำเอากูไม่เป็นอันต้องทำงานทำการ เช็กตั๋วเดินทางให้มึงเนี๊ยะไอ้เธียรวิชย์ เพราะว่าเดี๋ยวกลับเดี๋ยวไม่กลับ //

      //แล้วนี่จะรีบกลับทำไมว่ะ มีอะไร//

      // ผมฝันอ่ะเฮีย ผมฝันเห็นเด็กมาสิบกว่าเดือนแล้ว และคืนนี้มันหนักสุดเลยอ่ะเฮีย มาเป็นทีมฟุตบอลเลยเฮีย//

      //มึงไปทำใคราท้องมาหรือเปล่าไอ้เธียร!! และถ้าป๊ารู้น่ะมึงโดนแน่เพราะว่าเรื่องนี่เรื่องเดียวที่ป๊าบอกมึงว่าอย่าทำและถ้าทำขึ้นมาป๊าไม่เอามึงไว้แน่ คือทำใครท้องก่อนวัยอันควร//

      // ผมป้องกันตัวเองอย่างดีเฮีย ไม่ปล่อยให้ท้องแน่นอน ใส่เกาะ แต่มี “ผมก็ต้องชงัก ผมบอกเฮียไม่ได้ว่าผมมีอะไรกับผู้ชาย

      //มึงมีอะไรกับใครโดยไม่ป้องกันด้วยเหรอไอ้เธียร!!”

      //ไม่มีเฮีย!!! //ผมพูดด้วยเสียงสูง

      //แค่นี้จะได้รีบดูตั๋วให้ // เฮียธีพูดก่อนจะวางสายไปจากผม ผมโทรทางไกลไป ผมลุกขึ้นนั่ง เหงื่อหมดทั้งใบหน้า แม้กระทั่งแผ่นหลับที่เปียกโชกราวกับว่าผมเพิ่งจะอาบน้ำมาและไม่ได้เช็ดตัวให้แห้ง ผมเดินก้าวเท้าออกมาจากห้องนอนตัวเอง เพื่อเดินไปหาน้ำดื่มแก้กระหาย กลับมาฝันอีกแล้วเหรอว่ะไอ้เธียร

      “กริ้ง!!” เสียงกริงหน้าห้องผมดังขึ้น ใครกันว่ะนี่มันตีสาม หนังสือพิมพ์อะไรจะมาส่งแต่เช้ามืดแบบนี้ ผมก็วางแก้วน้ำลงก่อนจะเดินไป

      “กริ้งๆๆๆๆ” รัวๆ เลยทีนี้ ผมก็ต้องจั้มอ้าว ผมว่าคงได้มีต่อยใครสักคนกันบ้างล่ะงานนี้ ผมรีบเปิดโดยไม่ได้มองมอนิเตอร์ว่าใครช่างกล้ากับผมแบบนี้ และสิ่งที่ทำให้ผมต้องผงะคือ รถเข็นเด็กที่มาอยู่หน้าห้องผม และเด็กน้อยหัวทอง ที่ยืนเอามือกดกริงหน้าห้องผมเล่นแบบรัวๆ

      “เว้ยยยย” ผมร้องออกมาดังลั่น

      “ปิ๊กกะบู้!! “เด็กน้อยปิดหน้าและเปิดหน้าเล่นกับผมอีก จ๊ะเอ๋ไง แต่ผมไม่เล่นด้วยครับ

      “ไม่ขำโว้ยเฮ้ย!!” ผมพูดไทยส่งไปทันที

      “อุ้ย! พี่ขอโทษทีค่ะ สงสัยรถมันไหลไปหน้าห้องนะคะ ไปลูก จะได้ไปขึ้นเครื่องบินกลับไปหายาย “มีผู้หญิงคนไทยเดินจับรถเข็นเด็ก ก่อนจะขอโทษผม และรีบเข็นรถเข็นนั้นออกไปทันที กระเป๋าเดินทางมากมาย เขาบอกผมแล้วแหละว่าจะย้ายไปอยู่ไทย ส่งสัยว่าจะไปจริงๆ แบบถาวรเลย สามีต่างชาติที่เดินออกมาจากห้องเขาก็หันมาโบกมือให้ผม ผมก็โบกมือกลับ และผมรีบปิดประตูลง เอามือกุมหน้าอก ไม่ได้แล้วน่ะ ไม่ไหวแล้วต้องกลับแล้วเธียรวิชย์อยู่ไม่ได้ หลอนมาก ไม่รู้ว่าเป็นที่ห้องหรือตัวผมเอง กลับไปถึงจะชวนอาม่าไปไหว้พระที่วัดดีกว่า ไหว้หลายๆ วัดเลย

      //เฮียได้ยังอ่ะ จะได้แพ็กกระเป๋าเดินทางรอเลย// ผมส่งข้อความไปหาเฮียธีพี่ชายคนโตของผม

      //จองแล้วกำลังส่งไปให้ และป๊าบอกให้มึงนั่งชั้นประหยัดพอ //

      //เฮีย ทำไมไม่บอกม๊าอ่ะ // เพราะว่าม๊าคงไม่ให้ลูกชายคนเล็กนั่งแบบลำบากแน่นอน

      //แต่เฮียอัพเกรดให้เธียร//

      //เป็นชั้นธุรกิจเหรอเฮีย//

      //ชั้นประหยัดพรีเมี่ยมว่ะ ดีขึ้นมาหน่อย//

      //เฮีย!! //เธียรวิชย์ร้องไห้แป๊บ เคยแต่นั่งชั้นหนึ่งน่ะ ชั้นเฟริส์คลาสน่ะแต่นี่ชั้นประหยัดแม้จะดีขึ้นมานิดนึงก็เถอะ

      //ตอนเขาให้กลับดีดีไม่กลับนี่ และเครื่องน่ะบินบ่ายสามโมงน่ะ พักเครื่องด้วยแต่ เฮียไม่ได้หาที่พักให้ นอนในสนามบินรอต่อเครื่องแล้วกันน่ะ สิบห้าชั่วโมง //

      //เฮียแกล้งกันเปล่าเนี๊ยะ!!”

      //เอาคืนไงที่ตอนเด็กๆ อาม่าตามใจมึงเยอะไง ฮาๆ //

      //แค่นี้น่ะเฮีย ผมจะไปเก็บของแล้ว เดี๋ยวไม่ทัน เจอกันเฮีย อ้ออย่าลืมมารับด้วยน่ะ//

      //เดินทางปลอดภัยน่ะ// เฮียธีบอกผม ผมก็รีบวางมือถือลง วิ่งเข้าวิ่งออก จัดกระเป๋าอย่างรีบด่วน ก่อนจะหันมาส่งอิเมลล่ำลาเพื่อนๆ แน่นอนมันคงยังไม่ได้อ่านกันหรอก เพื่อนๆ ที่เรียนที่นี้ และบรรดาสาวๆ ที่ผมซั่มเอาไว้ด้วย และส่งข้อความไปหาอาจารย์ของผมว่าให้ติดต่อผมทางอิเมลได้เลยผมไม่อยู่ที่นี้แล้ว ให้เหตุผลว่าต้องกลับด่วน ทางบ้านมีปัญหาแต่จริงๆ ผมหนีครับ อยู่ไม่ได้ห้องนี้แม่งต้องมีอะไรแน่ๆ แต่อยู่มาตั้งนานทำไมพึ่งจะมาเกิดเอาตอนนี้ว่ะ และความฝันนี้ก็มาตั้งแต่ผมกลับไทยรอบล่าสุด ผมต้องไปตามหาไอ้เด็กคนนั้นอีก เพราะอยากรู้ว่าที่ผมฝันนี้น่ะมันคืออะไร



         ผมเขาใช้เวลาเดินทางโคตรยาวนานเลย ยาวนานคือรอต่อเครื่องนี้แหละ ทำให้เธียนวิชย์มาถึงเกือบบ่ายสามโมง เธียรวิชย์โทรไปบอกเฮียธันพี่ชายคนที่สามให้มารับหน่อย เพราะเฮียธีไปรับแฟน ส่วนเฮียธาม คนนี้สาวแตกเวลาอยู่นอกบ้าน และด่าเธียรไฟแล๊ป เธียรเลยเลือกพี่ชายคนที่สามจะดีกว่า (เธียรคิดในใจว่าเขาควรเรียกเฮียธามว่าอาเจ๊ซะมากกว่าเรียกเฮีย) เธียรวิชญ์ยืนรอพี่ชายอยู่ที่ตรงช่องผู้โดยสารขาเข้าเที่ยวบินระหว่างประเทศ

   (ไปส์ กูมาถึงไทยแล้วว่ะ มึงว่างกันไหม ไปที่ผับนั้นกับกูหน่อยดิ) ผมส่งข้อความหาไปส์ทันที ผมจะไปที่ผับนั้นอีกเพื่อว่าเจอน้องคนนั้น จะได้คุยเจรจาหรือถ้าน้องเขาไม่เอาความ ผมก็ขอซื้อแหวนคืนและจะให้เงินเท่าๆ กับราคาแหวนเลยด้วย ก็นั้นมันแหวนวงตระกูลผม

   (มึงจะไปทำไม ไอ้น้องคนนั้นไม่มาแล้ว ไอ้ผู้จัดการก็หายหัวไปแล้วด้วย กูโทรหาที่ผับ มันหายไปแบบลึกลับเลย ไม่รู้ไปแอบทำงานที่ผับไหน) ไปส์บอกผม

   (กูอยากหาน้องเขาและหาแหวนกูด้วยไปส์!!)

   (กูว่าน่ะมาให้ม๊ากูทำให้ดีกว่า กูจะไม่บอกป๊ากับม๊ามึงหรอกว่า มึงทำแหวนประจำวงศ์ตระกูลหายไป) ไอ้ไปส์พูด มันนี้หาทางออกให้ผมได้ จนผมอยากจะ อึยยยยย!!! แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีเลย

   (แล้วนี่มึงมา มึงไม่ได้บอกแพรวาใช่ไหมวะ) ไปส์ถามผม

   (ไม่ล่ะ แต่กูขอน่ะ อย่าบอกนางนะไปส์ กูยังไม่อยากกลับแต่ว่ากูอยู่ต่อไม่ได้ กูหลอนหนักมากช่วงนี้ ดังนั้นกูต้องหาน้องคนนั้นให้เจอด่วนที่สุด” ผมพูดกับไอ้ไปส์เพื่อนของผม ผมยืนชะเง้อคอมองหาว่ารถของเฮียผมมาถึงหรือยัง จนผมหันไปเจอรถซูเปอร์คาร์ โชคดีที่เธียรไม่ได้แพ๊คอะไรมาเลยมีแค่ของที่เป็นของฝากเล็กๆ น้อยๆ กระเป๋าผมนี้ถือขึ้นเครื่องได้เลยเพราะไม่ถึงเจ็ดกิโล ผมยืนมองรถคันหรูมาเข้าจอดเทียบ

   (แค่นี้ก่อนน่ะไอ้ไปส์ เฮียกูเอาซูเปอร์คาร์มารับกูแล้ว) ผมบอกไอ้ไปส์ก่อนจะกดวางสาย ผมมาถึงนี้ก็บ่ายสี่โมงเข้าแล้ว

   “ไงครับคุณชายเธียรวิชย์ “เสียงทักทายจากพี่ชายคนที่สาม เขาหันมามองน้องชายคนเล็กที่เดินเหมือนคนไม่ได้หลับไม่ได้นอน พร้อมลากกระเป๋าหลุยส์ราคาแสนแพงมาด้วย ใบเล็กนิดเดียว ไม่ต้องถามหรอกว่าของฝากจะมีเยอะไหม

   “มึงโทรหาเฮียทำไมว่ะ และทำไมไม่โทรไปหาน้องแพรวาล่ะ น้องเขาจะได้จัดขบวนขันหมากมารับมึงกลับบ้าน” เธียรวิชย์แค่หันไปมองหน้าพี่ชาย ก่อนจะยักไหล่ว่าไม่มีอารมณ์โต้คารมด้วย และพยักพเยิดให้เปิดหลังรถเพื่อนำกระเป๋าเดินทางใส่ลงไป

   “น่าจะให้คนขับรถเอารถโรงเรียนมารับมึงนะไอ้เธียร รถกูป๊าเพิ่งซื้อให้ “ธีนหันมาเอ็ดน้องชายตัวดีทันที

   “ก็ให้เป็นรอยสักหน่อย และไปงอแงให้ป๊าซื้อคันใหม่ดิเฮีย” เธียรวิชย์พูดอย่างคนหัวเสีย

   “ไปกินรังแตนที่ไหนมามึง” ธันเดินมาถามน้องชายคนเล็ก เพราะว่าปกติหยอกแรงๆ ไม่โกรธแต่นี้โกรธหรืองอนเลยน่ะ

   “เฮียธีอะดิ รู้ไหมว่าอีคอนนะมี่คลาสน่ะคือชั้นประหยัดแต่เฮียอัพให้เป็นพรีเมี่ยมขึั้นมาหน่อย และเฮียรู้ไหมชั้นที่ผมนั่งมาน่ะ ผมต้องเจออะไรบ้าง” เธียรวิชย์หันมาพูดกับพี่ชายคนที่สองทันที ก่อนจะยกกระเป๋าขึ้นรถเก๋งคันหรูไป เสื้อผ้าไม่เยอะหรอก ที่เหลือเก็บไว้ที่นั่นเพื่อนกลับไปอีก

   “เจออะไรวะ แอร์สวยๆ หรือเปล่าว่ะ” เฮียธันถามผม

   “เจอเด็กร้องไห้ทั้งคืน แถมนั่งข้างผมด้วย กรีดร้องจนไม่ได้หลับไม่ได้นอน และมันทำให้ผมหลอนตลอดการเดินทางเฮีย “เธียรวิชย์พูดก่อนจะปิดลงและเดินอ้อมไปนั่งข้างคนขับทันที ส่วนธันก็ยักไหล่ให้น้องชายก่อนจะตามเข้าไปนั่ง ธันยกข้อมือที่คาดนาฬิกาสุดหรูเอาไว้ ขึ้นมาดู นาฬิกาโรเล็กซ์ที่ป๊าซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดและได้กันคนละเรือนแถมรุ่นอัลลิมิเต็ดซะด้วย

   “ม๊าบอกว่าอาม่าจะไปทานข้าวด้วยที่บ้าน” เฮียธันพูด

   “อืมม” เธียรวิชย์แค่พยักหน้าตอบแค่นั้น

   “ทำหน้าตาเหมือนไม่ได้นอนเลยว่ะ ไปทำอะไรก่อนมาว่ะ” เฮียธันถามผมอีก

   “ไม่ได้ทำอะไรเฮีย ที่ไม่ได้นอนก็เพราะว่าฝันบ้าฝันบอกอะไรก็ไม่รู้ ฝันเห็นเด็ก “เธียรวิชย์หันมาบอกพี่ชายคนที่สาม ธันถึงกับหันมามองน้องชายก่อนจะกลั้นหัวเราะ

   “กูว่ามึงไปทำใครท้องไว้แน่ๆ มึงโดนป๊าด่าแน่ๆ ฮาๆ” เฮียธันพูด

   “เฮีย!! สมน้ำหน้ารอเลยเหรอ” ผมหันมาชำเลืองตามองเฮียธัน

   “เฮีย เจอเจ๊กกันมั้งไหม” ผมถามเฮียธัน

   “เจ๊กกันเหรอ เจอวันที่ป๊าเรียกประชุมอ่ะ เขาพาเด็กที่พึ่งจบใหม่มาฝากงานทำงานธุรการ แต่หลังจากนั้นไม่เจอเลยเพราะว่าเฮียก็ไม่ได้ไปสาขานั้นและเหมือนเจ๊กกันจะยุ่งๆ ว่ะ อาม่ายังบ่นเลยว่าเจ๊กกันทำงานเยอะ สอนเยอะ กลับบ้านดึกเกือบทุกวัน” เฮียธันบอกผม ผมนี้แปลกใจ จนหันไปมองเฮียธัน สอนจนดึกเลยเหรอ เฮียธันยิ้มให้ผมแปลว่าไม่ใช่สอนหนังสือดึก

   “ถามหาเจ๊กกันมีอะไรอีกล่ะ” เฮียธันถามผมกลับ

   “เมื่อหลายเดือนก่อน แพรวาส่งรูปเจ๊กกันที่เขาแชร์กันในมหาวิทยาลัย ว่าเจ๊กไปทำนักศึกษาในมหาวิทยาลัยท้องและภาพที่แพรวาส่งมาให้ดู เจ๊กกันอุ้มใครสักคนแพรวาบอกว่า ลูกนักศึกษาคนนั้นคลอดแล้วด้วย” เธียรวิชย์เอ่ยถามพี่ชายทันที ธันถึงกับต้องทำท่าคิด

   “อ้อ รู้แล้วมีคนโทรมาบอกป๊าเราว่ะ แต่มึงอย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกอาม่านะ” เฮียธันมาทำหน้าซีเรียสบอกผม

   “ทำไมอะเฮีย อาม่าจะเสียใจเหรอ” ผมถามเฮียกลับ

   “อาม่าน่ะจะเสียใจ อาม่าจะหัวเราะจนฟันปลอมกระเด็นซิไม่ว่า ใครจะไปเชื่อว่าเจ๊กกันทำใครท้องว่ะเธียร”

   “ทำไมอ่ะ” เธียรวิชย์หันมาถามพี่ชายทันที

   “เจ๊กกันน่ะเคยแต่งงานกับซิ่มหลิน อยู่ด้วยกันมาตั้งห้าปี ยังไม่ท้องเลยจนซิ่มหลินมาขอหย่ากับเจ๊กกันและไปแต่งงานใหม่ ตอนนี้ซิ่มหลินน่ะมีลูกตั้งหลายคนแล้ว” เฮียธันบอกผม ตั้งแต่เจ๊กกันแต่งงานผมก็ติดเพื่อนด้วยพวกไอ้ไปส์เลยไม่ได้สนิทกับเจ๊กกันเหมือนก่อน

   “ผมรู้ว่าหย่ากันแต่ไม่รู้เหตุผลว่ะเฮีย” ผมบอกเฮียธัน

   “เหตุผลที่งี่เง่าที่สุด คือ เขาตรวจเจอว่าเจ๊กกันน่ะ เป็นหมัน แถมทำทุกวิถีทางแล้วก็ไม่ท้องซะที อาหลินเลยยอมถอยดีกว่าไง” เฮียธันพูด

   “เฮ้ย!!! จริงดิเฮีย” เธียรค่อนข้างตกใจเพราะว่าเขาไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนเลย

   “ก็จริงอะดิ ฉะนั้น พอมีคนเอาเรื่องนี้มาบอกป๊า ป๊าโบกมือเลย ใครจะไปเชื่อและเด็กนั้นอาจจะท้องไม่มีพอและให้อากันรับผิดชอบก็ได้มั้ง” เฮียธันพูด

   “แล้วเด็กคนนั้นคือใครอ่ะเฮีย” เธียรวิชญ์ถาม

   “ไม่รู้ว่ะ เขาไม่ได้บอกละเอียดซะด้วยว่ะ และทางเราก็ไม่ได้สนใจเลย เงียบไปเองมั้ง” เฮียธันพูด

   “เออ แล้วแพรวาเขายังแอบไปหามึงที่นั่นไหมว่ะ เธียร” เธียธันถามผม

   “ไปมา แต่ว่าพ่อแม่ของเขาตามไปหาที่นั่นพอดี ผมเลยโชคดีไปเฮีย” ผมพูด เฮียธันหันมามองหน้ผมแว๊ปหนึ่ง

   “แพรวานี้ มันเอาแต่ใจไม่เลิกนี่มันยี่สิบกว่าแล้วนะมึง เอาแต่ใจจนไม่มีใครอยากเล่นด้วย ขนาดรุ่นเดียวกันอาหลิวยังไม่ส่ายหน้าเลย” เฮียธันพูด ผมพยักหน้าว่าใช่

   “ทำไมแพรวามันไม่ร้องอยากได้เฮียบ้างว่ะ” เธียรวิชย์หันมาถามพี่ชายตัวเอง คนพี่ถึงกับหันขวับมามองและโบกมือปฏิเสธ ใช่พี่ๆ เขารู้เห็นพฤติกรรมของแพรวามาตั้งแต่เด็ก และเธอทำให้ทุกคนแสนจะสยองพองขน แถมยิ่งกับเฮียธาม พี่ชายคนสองของเขานี้ จิกกัดเรียกว่า อยู่มุมเดียวกันไม่ได้ เพราะเฮียธามเป็นแรงทั้งต่อหน้าและลับหลัง แต่ยกเว้นต่อหน้าป๊า (เพราะว่าเฮียธามแกไม่แมนครับผม)

   “ป๊าบอกว่ามึงต้องเริ่มงานเลยน่ะไอ้เธียร โรงเรียนสาขาXXXXX ป๊าให้มึงไปดูแล เพราะว่าพวกกูน่ะ เหนื่อยนะโว้ย มาช่วยกันเลย” ธันหันมาบอกน้องชายคนเล็ก

   “เมื่อไหร่ล่ะ “เธียรวิชย์ถามพี่ชายคนที่สองกลับ

   “ก็วันจันทร์นี้เลยว่ะเธียร” เฮียบอกผม

   “อยากพักสักเดือนไมได้เหรอ” ผมพูด

   “ไม่ได้ พวกกูงานล้นมือ” เฮียธันหันมาบอกผม

   “ไม่คุยแล้วน่ะเฮีย นอนแล้วเซ้ง ถึงบ้านปลุกด้วย” เธียรวิชย์ปรับเบาะให้เอนนอนทันที

   “อ้าวไอ้นี่ มุขง่วงนอนเมื่อไหร่จะเลิกว่ะ กูเป็นเฮียน่ะไม่ใช่คนขับรถส่วนบุคคล” ตกลงนี้มาถึงให้ทำงานเลยเหรอ เธียรวิชย์คิดในใจ เขาควรจะชวนเพื่อนๆ ไปที่ผับเดิมไหม เพื่อว่าจะเจอนายคนนั้น แต่ถ้าเจอผมจะทำหน้ายังไงวะ ไม่รู้ว่าผมทำอะไรลงไปบ้างโดยไม่รู้ตัว ผมเองไม่อยากจะคิดเลย และทั้งหมดนี้เพื่อนผมเองที่ผิด และวันนั้นผมเองก็เพิ่งโดนป๊าด่าไปชุดใหญ่ เขาเลยเสียใจน้อยใจป๊าและหงุดหงิดอีกที่ต้องกระเตงแพรวาไปด้วยคืนนั้น

   “เธียร ถึงบ้านแล้ว นั้นป๊ากับม๊ามาถึงพอดีเลย” เธียรวิชญ์ค่อยๆ ลืมตาตื่นก่อนจะบิดขี้เกียจ เขามองออกไปเห็นม๊าของเขา เธียรรีบลงจากรถตรงไปหาม๊าของเขาทันที

   “ม๊า!!” เธียรตรงเข้าไปกอดม๊าและหอมแก้มม๊าด้วยความคิดถึง การที่เธียรไม่เลือกแพรวาเพราะว่า ผู้หญิงในอุดมคติของเขาคือต้องเหมือนม๊าของเขา แพรวาน่ะยังห่างไกลหนัก

   “มาซะที วันนี้ม๊าทำของโปรเอาไว้ให้น่ะ” ม๊าบอกผม

   “พาสต้าเหรอม๊า” ผมถามม๊า

   “เธียร!! “ม๊าเรียกชื่อผม

   “เธียรล้อเล่นนะม๊า เธียรทานเบื่อแล้วพาสต้าน่ะ วันนี้อยากทานฝีมือม๊าเพราะว่าเธียรคิดถึงอาหารฝีมือม๊ามากที่สุด” ผมบอกม๊าของผม

   “กลับซะทีนะเธียร” ป๊าพูด ผมยกมือไหว้ป๊าของผม

   “สองวันนี้ ไปอ่านคู่มือและหน้าที่ของเราด้วยน่ะ วันจันทร์ไปเริ่มงานจะได้รู้ว่าต้องทำอะไรบ้าง” ป๊าผมพูด

   “ใครบอกว่าผมจะเริ่มงานให้ป๊าเลย ผมน่ะจองทริปเที่ยวหนึ่งเดือนเต็มเอาไว้แล้วป๊า กะว่าบินพรุ่งนี้เลย” ผมพูด ป๊าสะบัดหน้าหันมามองหน้าผม

   “ไอ้เธียร!!!” นั้นไง

   “เธียร!! “ม๊าผมอีกคน

   “ไอ้เธียรวิชญ์!!!” เฮียธันผมเอง

   “ล้อเล่นน่ะป๊า ผมไม่ได้จองทริปอะไรทั้งนั้นเพราะว่ารีบกลับมาจะไปแพลนอะไรได้ “ผมพูด ป๊าหันมามองหน้าผมและมองม๊าผมอีกคน

   “เรานี่จริงๆ เลย ไปแกล้วป๊าเขา “ม๊าผมพูด

   “ไอ้เธียร! กูนึกว่ามึงพูดจริงน่ะและถ้าใช่กูนี่แหละที่จะเป็นคนไปตามมึงกลับจากทริปของมึงเอง” เฮียธันพูด ผมหันไปมองรถประจำตำแหน่งของป๊า คนขับรถของป๊านำรถเข้ามาจอด ผมตรงไปหาคนที่ผมคิดถึงมากที่สุด รักมากที่สุดในหัวใจของเธียร รักได้เท่าๆ กับป๊าและม๊าของเธียรเลย นั้นคืออาม่า ผมตรงไปกอดอาม่าก่อนเลย

   “อาเธียร มาแล้วเหรอ มาให้อาม่า…” อาม่าพูด ผมตรงไปหากางแขนจะกอดแต่ว่า

   “โป๊ก!!” อาม่าเค้กกะบาลผมเข้าให้หนึ่งที

   “อาม่าตีเธียรทำไมอ่ะ?” ผมถามอาม่า

   “ตีซิ ลื้อมันร้ายกาจ ไหนไปเอาลูกเอาเมียมาให้อั๊วะดูเดี๋ยวนี้เลย!!” อาม่าพูด

   “อาม่า!! เธียรยังไม่มีเมียนะอาม่า!” เธียรวิชญ์พูด

   “ลื้อยังไม่ยอมพามาอีกเหรอ?” อาม่าถามเธียรวิชญ์

   “แล้วให้เธียรไปพามาจากไหนอ่ะ “เธียรวิชญ์ถามอาม่าก่อนจะหันมามองป๊าและม๊าของเขา ม๊าส่ายหัวไปและคนที่เข้าไปรับอาม่าเขาคือป๊าเขาเอง

   “ช่วงนี้ความจำอาม่าไม่ค่อยดี บางที่ก็จำผิดจำถูกนะเธียร” ม๊าบอกเขา เขาก็พยักหน้า ป๊าเขาเป็นคนพยุงอาม่าและพาเข้าบ้านไป เขาหันมามองเฮียธัน มันทำให้เขาคิดถึงเรื่องที่เขาฝัน เห็นเด็กและนั้นอาม่าก็อยู่ในความฝัน ม๊าก็อยู่น่ะ หรือว่ามันเป็นลางบอกอะไรผมสักอย่างหรือเปล่า ยิ่งคืนนั้นผมเองก็ไม่ได้ป้องกันแต่ว่า นั้นมันเด็กผู้ชาย เธียรวิชญ์ส่ายหัวไปมาและพาตัวเองเดินเข้าไปบ้านไป ทางเดียวคือต้องไปตามหาน้องในคืนนั้นให้เจอเขา ถ้าน้องคนนั้นไม่ได้ท้องจริงๆ เขาจะได้สบายใจหน่อย

   TBC…

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
            
  EP.26 เจอกันแล้ว (ครึ่งแรก)

                  Part's เธียรวิชญ์ สุดท้ายแล้วเธียรวิชญ์ก็ต้องมาดูแลโรงเรียนที่อากงของเขาก่อตั้งเอาไว้แต่สาขานี้พ่อเขาเป็นคนสร้างขึ้นมาเป็นสาขาล่าสุด ทั้งที่ตั้งใจจะให้เจ๊กกันแต่เจ๊กกันไม่เอา ก็คงต้องเป็นผมดูแล แต่ว่าตำแหน่งที่ป๊าผมให้คือผู้อำนวยการฝึกหัด ผมมาทำงานเป็นเด็กฝึกงานในโรงเรียนของป๊าผมเอง และถ้าไม่ผ่านโปรสามเดือน นั้นป๊าจะไม่ยกให้ผม มันเหมือนบังคับผมไปในตัวให้ผมต้องเรียนรู้งานภายในสามเดือน ปีหนึ่งผมเรียนรู้ได้หรือเปล่ายังไม่รู้เลย นี่ให้แค่สามเดือนเท่านั้น

      ผมยืนนิ่งคิดอะไรเยอะแยะไปหมดอยู่ในหัว เขาเองไม่เคยชอบงานบริหารกว่าจะทนเรียนจบก็แทบตาย แถมใช้เวลาเรียนนานกว่าพี่ชายทั้งสามคนอีก วันนี้เขาต้องสวมสูทผูกไทมาทำงานในวันแรก ในตำแหน่งผู้บริหารแต่ห้อยท้ายมาด้วยคำว่า Training

         โรงเรียนนานาชาติสาขาที่ห้าเป็นสาขาเปิดใหม่และจากการระบายนักเรียนมาจากสาขาอื่นๆ มาเรียนที่นี้ บางคนย้ายมาเพราะว่าย้ายบ้าน ย้ายที่ทำงาน บางคนก็ย้ายมาเพราะว่าอยากให้ลูกหลานเรีนแบบไม่อึดอัด โดยคัดเลือกเอาเฉพาะที่ผู้ปกครองเต็มใจ ดังนั้นนักเรียนจึงยังไม่เยอะ และสาขานี้ป๊าบอกกับผมว่า ต้องการให้มีนักเรียนแค่ห้องละเจ็ดคน แถมยังเปิดศูนย์เนอสเซอรี่ ดูแลเด็กเล็กตั้งแต่สามเดือนขึ้นไปจนถึง5ขวบ ถึงจะไปเข้าเรียนชั้นอนุบาล แต่ว่าจะแยกโซนกันชัดเจน ผมรู้แค่นี้ ที่เหลือป๊าให้ผมมาศึกษาเอาเองตามคู่มือที่มีในห้องผู้อำนวยการ ตอนนี้ผมกำลังจะทิ้งก้นบุหรี่ลงที่พื้นแต่ว่า ป้ายห้ามทิ้งขยะลงพื้นอยู่ตรงหน้า และถังขยะก็ต้องเดินย้อนไปประมาณ หนึ่งร้อยเมตรได้ ผมควรจะเลือกโยนไว้ตรงนี้หรือเดินไปดีน่ะ ไม่เอาอะ ทิ้งตรงนี้ดีกว่า

      “ลุงนิสัยไม่ดี ทิ้งไม่ลงถังขยะ” โชคดีที่ยังไม่ลงพื้น ผมหันมามองเด็กน่ารัก จะเตะก็ไม่ได้เพราะว่า ผู้ปกครองจ่ายค่าเทอมมาเรียน และค่าเทอมนั้นคือรายได้ของครอบครัวผม

      “ไม่ทิ้งลูกไม่ทิ้งน่ะ แค่ลองเฉย ดูซิว่าใครจะเห็นบ้างเอ่ย” ผมหันมาพูดกับเด็กๆ สายตานับสิบคู่เหล่านั้น มองมาผมไม่กะพริบกันขนาดนี้ ผมคิดว่าเห็นทั้งหมดนั่นแหละ และแต่ละคนไม่มีใครหลงกลเชื่อผมสักนิด

      “ลุงนิสัยไม่ดีอีกแล้ว โกหก!!” อ้าว!! เด็กยุค DHA สูงปรี้ดก็จะฉลาดกันแบบนี้ใช่ไหม เด็กมันยังดูออกเลยเธียรวิชย์ ผมมองหน้าเด็กน้อย ผมว่าผมควรจะย้ายเด็กเล็กไปอยู่สาขาเดิมและเปลี่ยนโรงเรียนนี้เป็นเด็กมัธยมแทนดีกว่าไหม จะได้เสมอกัน แต่ผมก็ยิ้มจนกระทั่ง

      “สวัสดีค่ะ” เสียงหวานๆ ของคุณครูผู้รักเด็ก

      “สวัสดีครับ ผมเธียรวิชย์ครับ ผู้บริหารงานคนใหม่ครับ “ผมหันไปบอก และครูที่อยู่ตรงหน้าตกใจก่อนจะเอามือขึ้นทาบอก

      “สวัสดีค่ะคุณเธียรวิชย์” ครูเขาอ่านป้ายชื่อผม

      “ห้องทำงานผมอยู่ตรงไหนครับ รบกวนพาผมไปทีได้ไหมครับ “ผมถามคุณครู ใช่ครับ ห้องทำงานตัวเองยังไม่รู้เลย

      “เฮอะๆ “ครูคนสวยหัวเราะผม ผมก็มองหน้าคุณครูแต่ดูแล้วคุณครูคงยุ่งเหมือนจับปูใส่กระดงและเด็กที่พากันเล่นสนุกสนาน และดูท่าครูจะวุ่นวายเหมือนนกกระจอกตีกัน ผมเลยยกมือเบรกก่อน

      “ลองไปถามน้องธุรการดูก่อนดีไหมคะ คือว่าดิฉันต้องไปห้ามทัพเด็กๆ ก่อนนะคะ มีน้อยคนแต่ก็ปวดหัวเหมือนกันคะ คุณผู้บริหารงานคนใหม่ และฝึกงาน” ผมก็พยักหน้าว่าครูควรจะไปเถอะครับก่อนจะยกพวกตีกันมากไปกว่านี้

         ผมก็หันหลังเดินออก และมองไปตามป้าย ว่าผมควรจะเดินไปทางไหน ผมเดินไปตามทาง จนไปเจอทางเดินที่จะเดินขึ้นไป แต่ผมหันไปเห็นป้ายชี้ไปที่ทางเดิน ดูแล้วน่าจะอีกโซนที่แยกออกจากโรงเรียนชั้นประถม เรียกว่า Early learning Centre ผมดูจากป้าย มี baby room ,Toddlers room and preschool room. ผมยืนมอง ผมเองก็ยังไม่เคยเห็นโรงเรียนสาขานี้มาก่อนเลย นี้เป็นครั้งแรก แต่ว่าผมรู้สึกเหมือนมีบางสิ่งที่อยากจะให้ผมเดินเข้าไปดูแต่ และจู่ๆ มือถือผมก็ดังขึ้น เบอร์คนที่ผมไม่อยากรับแต่ก็ต้องรับ ไม่อย่างนั้นนางก็จะพยายามจนผมต้องรับให้ได้ แพรวา



      //พี่เธียร กลับมาเร็วกว่ากำหนดทำไมไม่บอกแพรวาเป็นคนแรกค่ะ!!! // เสียงที่ดังจนแสบแก้วหู ทำให้ผมต้องยกมือถือออกห่างจากรูหูผมทันที ก่อนจะกลับมาหนาบที่หูอีกครั้ง เมื่อทุกอย่างสงบลง

      //พอดีว่าพี่รีบนะคะ// ผมกลั้นใจตอบแพรวาไป

      //รีบจนบอกแพรวาไม่ได้เลยเหรอคะ!!//

      // ก็พี่ต้องรีบเรียนรู้งานของพี่ด้วยไง พ่อพี่ให้พี่เข้าทำหน้าที่ผู้บริหารแล้วครับ//

      // ดีจังเลยค่ะ ถ้าอย่างนั้นแพรวาไปหาคุณผู้บริหารได้ไหมนะคะ แพรวาคิดถึงนะคะ แพรวาอยากเอาดอกไม้ไปให้นะคะ//

      // เออพี่ว่าแพรวารอให้พี่เลิกงานดีกว่าไหมคะ และนี้แพรวาไม่ทำงานเหรอคะ ได้ยินว่าไปทำงานกับคุณพ่อ//

      // ก็ไม่มีอะไรมากนี้ค่ะ นั่งๆ นอนๆ สบายจะตายไปค่ะ และจะออกไปหาพี่เธียรก็ยังได้ แค่บอกออกไปธุระใครก็ไม่กล้าหือกับแพรวาแล้วค่ะพี่เธียร เพราะว่าแพรวาเป็นลูกของหัวหน้าพวกนี้ เขาต้องเกรงใจแพรวาเหมือนกันค่ะ//แพรวาพูด มีแบบนี้ด้วยเหรอ แต่ก็น่ะนี่แพรวาใครก็รู้จักเธอกันทุกคน

      //นะคะ แพรวาอยากเจอพี่เธียรค่ะ อย่าขัดใจแพรวานะคะ แพรวาไม่ชอบ! // ผมถึงกับต้องเหลือกตาขึ้นบนก่อนจะ

      //ตามใจค่ะแพรวา แค่นี้ก่อนนะคะ พี่ต้องเข้าห้องทำงานค่ะ บายค่ะ//ผมรีบพูดและกดวางสายไปทันที

            ผมรีบเดินไปตามป้าย ป้ายชี้บอกทาง เพื่อไปห้องธุรการ ระหว่างที่ผมกำลังเดินชมนกชมไม้ไปเรื่อย เดินผ่านครูก็ยิ้มทักทาย ผมต้องสวมบัตรห้อยคอมีชื่อและนามสกุลตัวเองไปด้วย พอคุณครูเห็นก็หันมาทักทายกันหมดแต่มันจะดีมากถ้าไม่พ่วงมาด้วยคำว่า Training คงจะดีกว่านี้น่ะเธียรวิชย์ ด้วยความที่ยิ้มไปเรื่อย ก็เลยยิ้มให้หนุ่มน้อยคนหนึ่งเขาก็ยิ้มให้ผมก่อนจะ

            เอี้อด!!!” ยังกับติดเบรกเอบีเอสเอาไว้ที่เท้า ชื่อคุ้นๆ น่ะ กันต์ธีย์ ผมเหลียวหลังไปมองคนที่ติดเบรกไม่ต่างจากผม เขาก็เหลียวหลังมามองผมเช่นกัน (บีม ก็คิดว่าชื่อมันคุ้นๆ น่ะ ไอ้เธียรวิชย์ ก่อนจะเหลียวหลังมามองเช่นกัน) และผมก็ค่อยๆ ก้าวถอยหลัง ถอยมาสองสามก้าวจนกระทั่งเรามายืนเสมอกัน นักศึกษาฝึกงานหรือเปล่าว่ะ ผมยิ้มไว้ก่อน ผมหรี่ตาอ่านชื่ออีกครั้ง กันต์ธีย์ ชัดเจนมาก

         “สวัสดีครับ ใช้น้องกันต์ธีย์ไหมครับ “ผมถามคนตรงหน้า เขาก็เงยหน้ามองผม ก่อนจะยื่นใบหน้านั้นเข้ามาแนบชิด นี้สายตาสั้นหรือว่าไงแต่ถ้าอ่านได้แนบชิดขนาดนี้ สั้นมากเกินไปแน่ๆ คือว่าเขายื่นหน้าเข้ามาติดจนแทบจะแหนบหน้าอยู่ที่อกผมแล้ว

      “ผมชื่อเธียรวิชญ์ครับ เธียรวิชญ์ เดชาวชิรภังกุลชร” ผมก้มลงบอกคนตรงหน้า เขาก็ค่อยๆ ถอยหลังก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองผม อ้อเขาน่าจะอ่านนามสกุลผมอยู่ นาสสกุลยาวเลยพิมพ์ตัวเล็กไปหน่อย

      “หลานอาจารย์กันตภณใช่ไหมครับ” น้องเขาถามผม

         “ใช่ครับ ใช่เลย แล้วน้องใช่คนที่ทำThesis ให้พี่หรือเปล่าครับ” ผมรีบถามน้องเขาทันที ด้วยความดีใจเพราะว่าคนที่สั่งให้ผมทำนั้นเขาบอกว่าขอคนที่ทำให้เขาอ่านแล้วร้องว้าว! และน้องคนนี้แหละที่ทำได้จริงๆ นั้นแปลว่าเขาเข้าใจงานบริหารมากกว่าผมซะอีก

         “เออ ใช่ครับ “น้องเขาตอบผม

         “แม้เจอซะที ขอบคุณนะครับ” แต่น้องเขาก็ยังมองป้ายชื่อผมอยู่

         “มีอะไรหรือเปล่าครับ เห็นมองป้ายชื่อพี่ หรือว่าชื่อพี่ เออ มันแปลก หรือว่ามันตลก ไปนะครับ” ผมถามน้องตรงหน้า ผมเห็นบัตรเขาเขียนว่าTraining เหมือน

         “เออ ไม่มีอะไรครับ แค่คิดว่า เออ ชื่อมันซ้ำกับ ใครบางคนน่ะครับ “น้องเขาพูด ผมพยักหน้าเบาๆ

         “แฟนเหรอครับ” ผมถามเขา

         “ไม่ใช่ครับ ไม่ใช่แน่นอน “น้ำเสียงที่ฟังดูแล้ว น้องเขาดูท่าจะโกรธไอ้คนนั้นมากถึงขั้นอยากจะฆ่ามันได้เลย และชื่อมีเป็นพัน พันทำไมต้องมาตั้งชื่อซ้ำกับคนดีดี อย่างผมว่ะ

         “สงสัยจะอริเก่าแน่ๆ เฮอๆ “ผมพูด ก่อนจะกลืนน้ำลายลงคอ ผมควรจะไปเปลี่ยนชื่อใหม่เพื่อน้องเขาไหมว่ะ

         “ไม่ใช่หรอกครับ” น้องเขาตอบ

         “งั้นก็แล้วไปครับ” ผมพูด

         “เจ้ากรรมนายเวรดีกว่า อยากจะสาปแช่งว่าขออย่าได้เจอะเจอกันอีกในชาตินี้และชาติหน้านะครับ “น้องตอบผม แต่ทำไมผมเหงื่อแตก หรือว่าผมกลัวแทนคนนั้น น้องเขาสาปแช่งขนาดนี้

         “หึ? ” ผมถึงกับต้องถลึงตา

         “แม่งเห็นแก่ตัวด้วย ไม่มีความรับผิดชอบ ทำเชี้ย!! อะไรไว้แล้วแม่งไม่รับผิดชอบอ่ะ ผมนี้กรวดน้ำคว่ำขันให้มันทุกวันเลย ทั้งที่ผมไม่ใช่คนอาฆาตน่ะ” ผมถึงกับอ้าปากค้าง น้องไม่อาฆาตแต่น้องจำแม่นมาก ท่าทางจะแค้นฝังรากฝังโคนแน่ๆ ซวยไปน่ะไอ้คนนั้นน่ะ

         “อุ้ย!! ผมขอโทษนะครับ งั้นผมขอตัวนะครับ ผมต้องไปส่งแฟกซ์ให้พี่ธีนะครับ ไปก่อนนะครับ คุณผู้บริหารงานคนใหม่และเออ Training ด้วยเหรอ ไม่เคยรู้มาก่อนเลย แต่ก็ยินดีที่รู้จักครับ” น้องเขาพูดฉอดๆ พร้อมกับอ่านบัตรผมอีกครั้งทุกตัวอักษรแม้กระทั่ง Training ก่อนจะวิ่งไปอ้าวออกไป

         “ยังไม่ได้ชวนเลยว่าจะพาไปเลี้ยงข้าว” ผมยืนโบกมืออยู่คนเดียว ก่อนจะหันมาเจอ สาวสวยในชุดกระโปรงสั้น เขามองผมตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ก่อนจะ

         “ใช่คุณเธียรวิชย์ไหมคะ” เธอถามผม เธอยืนแอ่นอกเด้งของเธอโชว์ผมด้วย

      “ใช่ครับ “ผมตอบเธอ

      “สวัสดีค่ะ” เข้าย่อตัวลงไหว้ผมอย่างสวยงาม ราวกับผ่านเวทีประกวดนางงามมาหลายเวที

      “อดีตเทพีบ้านโค้กค่ะ” ผมพยักหน้ามาไกลมากครับ

   “ดิฉันชื่อปลายฟ้าค่ะ เป็นเจ้าหน้าที่ธุรการค่ะ เออ คุณเธียรวิชย์มีอะไรให้ปลายฟ้าดูแล บอกได้เลยนะคะ” ปลายฟ้าพูด ผมก็มองคนนี้แต่งตัวได้อยู่น่ะเลขาฯ ใส่สั้นจู๋ กระโปรงผ่าแทบจะเห็นไปถึงไหนๆ เสื้อที่รัดอวดทรวดทรงขนาดนี้

      “ว่าไงค่ะ คุณเธียรค่ะ มีอะไรให้ปลายฟ้า…ดูแลค่ะ” เธอโน้มตัวลงมาถามผม คงเห็นว่าผมมองสองเต้ากลมๆ ของเธอนานไปหน่อย ผมเลยต้องถอยหลังออกเพราะว่านี้มันในโรงเรียนครับ

      “คือผมหาห้องทำงานไม่เจอนะครับ” ผมบอกเธอ

      “หุๆ “ปิดปากหัวเราะอย่างน่ารัก “เรื่องแค่นี้เอง ปลายฟ้าพาไปค่ะ พาไปให้ถึงห้องเลยค่ะ” ผมก็พยักหน้า ใจดีเนอะ รองเท้าส้นสูงและสั้นกระโปรงสั้นมาก เดินนำหน้าผมแบบซ้ายขวาซ้าย ใช่ถามว่าผมมองลึกลงไปเลยไปมองครับตามประสาชายหนุ่มแต่เรื่องที่คิดจะทำอย่างนั้นน่ะ ไม่มีในโรงเรียนพ่อผมแน่ๆ ป๊าเอาผมตายครับ เพราะก่อนมาสั่งผมเป็นหนักหนาอยู่แล้ว ไอ้ที่จะไม่ผ่านโปร ก็คือถ้ามีเรื่องชู้สาวในที่ทำงานนี่แหละ ไม่อยากโดนตัดออกจากกองมรดก

      “นี่ค่ะห้องทำงานของผู้บริหารงานระดับสูงสุด “ปลายฟ้าบอกผม

      “ผมยังฝึกงานอยู่เลยครับ” ผมหยิบบัตรที่ห้อยคอโชว์ให้เธอดู

      “ไม่เป็นไรค่ะ ปลายฟ้า เทรนให้เองค่ะ เทรนให้หมดทุกยก เอ๊ย ทุกเรื่องค่ะ “ผมพยักหน้าและเธอก็เปิดประตูเข้าไปทันที ผมเดินเข้าไปด้านในห้องทำงานจริงๆ ที่มีแต่แฟ้มเอกสารแถมยังวางเต็มไปหมดอีกต่างหาก

      “เดี๋ยวปลายฟ้าช่วยเก็บให้นะคะ” ปลายฟ้าพูดก่อนจะค่อยๆ ย่อตัวลงเก็บแน่นอนกระโปรงสั้นขนาดนั้น ผมก็ต้องเห็นไปถึงไหนๆ แต่ผมเลือกที่หันไปมองทางอื่น มันไม่สุภาพครับผม ถ้าเป็นที่อื่นคงได้แต่ที่นี้ไม่ได้ โรงเรียนป๊าผม

      “ปึก” เสียงเตะประตูเข้ามาและคนที่ทำเช่นนั้นได้ก็คือ แพรวา เธอถึงกับถอดแว่นตาหนาๆ นั้นออก และหันไปมองคนที่กำลังอ่อยผมอยู่ด้วยท่าเก็บแฟ้มเอกสาร ไม่ต่างอะไรกับท่าเก็บสบู่

      “นี้มันกล้ามาให้ท่าพี่ในห้องนี้เลยเหรอ พี่เธียร!!” แพรวาพูดก่อนจะลงไปกระชากผมคนที่ก้งโค้งอยู่และดึงหันไปพร้อมกับฟาดฝ่ามือจตบหน้าสวยๆ นั้นไปหนึ่งที่ “ฉาด!!”

      “ว้าย!!”

      “แพรวา แพรวา ทำอะไรน่ะ หยุด!” ผมก็พยายามห้าม

      “อะไรกันคะ คุณเธียร นี้เขามาตบปลายฟ้าทำไมกันคะ โอ๊ย เจ็บค่ะ” ปลายฟ้าบอกผม พร้อมกับกุมใบหน้าของเธอที่โดนไปไม่รู้กี่ฉาด

      “เจ็บมากหนักใช่ไหม? ....ได้ “แพรวาพูดก่อนจะปรีเข้าไปอีกและก็

      “ฉาด! ฉาด! ฉาด!” สามที่ติดจนปลายฟ้ากระเด็นไปอยู่นอกห้อง และแพรวาก็ลงไปนั่งคร่อมพร้อมกับตบอีกหลายฉาด แน่นอน แต่ล่ะห้องเรียนพากันเปิดประตูออกมาดูและบรรดาครูก็ดันนักเรียนเข้าไปเพื่อไม่ให้เห็นภาพอุจาดลูกตาแบบนี้

      “แพรวาพี่บอกให้หยุดไง!! “ผมพยายามห้ามเธอแต่เธอก็ไม่ฟังผมเลย

      “ไม่หยุด แพรวาจะตบสังสอนอีหน้าด้านนี้ค่ะ “แพรวาพูด

      “ฉาด!!” ยังไปซ้ำเขาอีก

      “อ้ายยย” เสียงกรี้ดร้อง และฝ่ามือที่ปะทะลงไปไม่ยังจนใบหน้าบวมปูด และแน่นอนรปภ วิ่งกรูกันขึ้นมาทันที ผมก็ยืนถอยหลังก่อน ให้เขาจัดการเองแล้วกัน

      “หยุดครับคุณครับ ที่นี้โรงเรียนนะครับ” รปภ ที่ขึ้นมาพยายามห้ามทั้งคู่ ห้ามไม่อยู่ก็รีบเข้ามาจับแยก จนกระทั่งแพรวาหยุดชะงักก่อนจะหันมามองหน้าผม พร้อมกับปาดเหงื่อที่แตก ยิ่งกว่าทำคาร์ดิโอคออกกำลังกายซะอีก

      “พี่เธียร นี้อะไรคะ!” แพรวาหันมาถามผม

      “เขาเป็นเจ้าหน้าที่ธุรการของพี่และเขาก็พาพี่มาห้องทำงานแพรวา “ผมบอกเธอ ก่อนจะหันไปมองสาวธุรการที่สภาพดูแล้วสะบักสะบอมเหมือนโดนหมาเป็นฝูงฟัดมาไม่ผิดเพี้ยนเลย

      “โอ๊ย เจ็บ โอ๊ยเจ็บค่ะ “คุณเจ้าหน้าที่ที่โดนแพรวาตบก็ร้องโอดโอยไปตามระเบียบ

      “พี่ครับ ผมว่าพาเขาไปโรงพยาบาลทีเถอะครับ” ผมบอกพี่รปภ ก่อนจะหันมามองแพรวาก่อนจะพยักหน้าและพยุงธุรการคนสวยออกไป

      “พี่ต้องไล่นังนี้ออกนะคะ แพรวาไม่ยอม!!!!” แพรวาพูดกรอกหูผมอีกครั้ง และมันไม่ใช่ครั้งแรกซะด้วย

      RRR เสียงโทรศัพท์ไอโฟนรุ่นใหม่ของผมดังขึ้น เบอร์จากเฮียธี ผมยกมือห้ามแพรวาไว้ก่อน

      “ว่าไงเฮีย” ผมถามเฮียธี

      “เป็นไงมึง มีปัญหาอะไรไหม “เหมือนเฮียจะมีร่างทรงเลยน่ะ ผมหันมามองแพรวา

      “ถ้ามีเรื่องน่ะมึง ป๊าจะให้มึงฝึกงานต่อไปอีกสามเดือนหรือไม่ก็ให้มึงออกไปสร้างตัวเองพร้อมบอกลาตำแหน่งผู้บริหารได้เลย” ผมก็ต้องใช้มือป้องโทรศัพท์เอาไว้ก่อนจะหันมามองตัวต้นเหตุ

      “ไม่มีเฮีย ทุกอย่างเงียบมาก เงียบสนิท!!” ผมตอบเฮียธีไป ก่อนจะหันมาจุ๊ปากไม่ให้แพรวาส่งเสียงใดๆ ทั้งสิ้น

      “ก็ดีน่ะ และนี้เฮียจะบอกว่า วันนี้มีตัวแทนโรงเรียนที่ประเทศอังกฤษน่ะเขาเป็นกลุ่มนักวิชาการ เขาจะขอเข้าไปเยี่ยมชมโรงเรียนเราน่ะ เพราะว่าโรงเรียนเราติดอันดับ โรงเรียนที่ผู้ปกครองสนใจส่งบุตรหลานมาเรียนมากที่สุด” เฮียธีบอกกับผม ผมก็หันไปมองรอบ บรรดาครูประจำแต่ล่ะห้องที่ออกมายืนกอดอกมองมาทางผมกันทุกห้อง ผมว่าสงสัยเราจะต้องเปลี่ยนใหม่แล้วมั้งเฮีย อาจจะตกอันดับก็วันนี้

      “แล้วเฮียจะให้ผมทำยังไงอ่ะ” ผมถามเฮียธีกลับ

      “มึงก็พาเขาเดินสำรวจเพราะว่ามึงต้องคุยภาษาอังกฤษกับเขา” เฮียธีบอกผม

      “คุยน่ะมันคุยได้เฮีย ผมอยู่อังกฤษมาก่อนเฮียแต่ เรื่องในโรงเรียนผมไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลยน่ะ” ผมบอกเฮียธี

      “งั้นไปถามเลขามึงดิ” เฮียธีบอกผม เลขาคนไหนอ่ะ อย่างบอกน่ะว่าที่โดนแพรวาฟันซะหน้าบวบจนต้องไปโรงพยาบาลแล้วเนี๊ยะ

      “เลขา คนไหนอ่ะ” ผมถามเฮียธีกลับ

      “เลขาน่ะ ป๊าเขาให้คนที่ทำงานที่แผนกธุรการ ขวบตำแหน่งเลขามึงไปด้วย ไปถามเอาและนี้เขาใกล้จะถึงแล้วอีกสามสิบนาที “เฮียธีบอกผมและมีเวลาเตรียมตัวแค่ สามสิบนาทีเองด้วย

      “และอย่าทำให้ป๊าผิดหวังนะมึงน่ะ งานนี้สำคัญมาก โชคดีไอ้ตี๋น้อย!” เฮียธีพูดก่อนจะรีบวางสายไป ผมหันมามองแพรวา อย่างเหลืออด ในความเอาแต่ใจและไร้เหตุผลของเธอ นี้เธอดูซีรีส์เกาหลีที่มีคุณหนูเอาแต่ใจมากไปหรือเปล่า

      “แพรวา แพรวาจะทำให้พี่ต้องยืดเวลาฝึกงานออกไปอีก แพรวารู้ตัวไหมครับ” ผมหันมาต่อว่าเธอทันที

      “ก็นางนั้น มันเข้ามาอ่อยพี่เธียรของแพรวานี่ค่ะ!!” แพรวาพูด

      “แพรวา พี่จะบอกอีกอย่างน่ะ แพรวาจะมาทำกิริยาแบบนี้ในโรงเรียนไม่ได้ นี้ไม่ใช่ที่ผับที่แพรวาทำได้นะครับ “ผมพูด เธอก็กอดอกเหมือนกับที่ผมพูดไปทั้งหมดน่ะ เข้าหูซ้ายทะลุหูขวาซะมากกว่า

      “แพรวา พี่ต้องไปทำงานก่อนนะคะ พี่คิดว่าแพรวาควรจะกลับไปทำงานกับคุณพ่อก่อนนะคะ” ผมบอกเธอเพราะว่าถ้าเธอยังอยู่ตรงนี้ ผมคงพังตั้งแต่วันแรกแน่ๆ

      “ทำไมละคะ!!” แพรวากระแทกเสียงถามผม

      “พี่ให้แพรวามานั่งกับพี่ไม่ได้จริงๆ ค่ะ พี่ขอล่ะ แต่ถ้าเลิกงานได้” ผมหันมาบอกเธอแต่ก็ยังอุตส่าห์บอกเธอว่าให้เธอมาหลังเลิกงานแทน

      “ก็ได้ค่ะ พี่เธียร ว่าแต่คืนนี้ไปเที่ยวกันได้ไหมคะ แพรวาอยากจะดิ้งกับพี่เธียร นะคะ” แพรวาบอกผม

      “วันนี้อาม่าให้พี่เข้าไปหาพี่ไปไม่ได้ค่ะแพรวา” ผมบอกแพรวา อาม่าให้ผมไปทานข้าวที่บ้านบ่อยๆ เป็นการชดเชยอีก

      “อะไรกัน พี่ควรจะไปกับแพรวาก่อนซิคะ แพรวาก็ไม่ได้เจอพี่ตั้งหลายเดือนแล้ว เกือบจะปีหนึ่งด้วยซ้ำ แพรวาไม่ยอมค่ะ แพรวาจะไม่ยอมนะคะ แพรวาต้องสำคัญกับพี่ในตอนนี้ค่ะ พี่เธียร!!!” นี่ก็ทำให้ผมต้องหันซ้ายแลขวามก่อนจะยกมือเบรก อย่างเหลืออด

      “งั้นตอนเย็นแพรวาแวะมารับนะคะ “แพรวาพูด ผมพยักหน้าแบบขอไปที ก่อนจะจับเนกไทให้เข้าที่ เข้าทาง

      “พี่เธียรค่ะ แหวนพี่เธียรไปไหนคะ” แพรวาถามผม ก่อนจะจ้องมองที่มือผม

      “แหวน? ” ผมถามเธอกลับ

      “แหวนประจำ วงค์ตระกูลของพี่นะคะ” แพรวาพูด

      “แหวน อ้อ พี่ทำหายน่ะตั้งนานแล้ว” ผมบอกเธอ

      “แน่นะคะ ไม่ได้ไปให้ใครนะคะ เพราะว่าแพรวาไม่ยอม!!” แพรวาพูด ผมนี่อยากจะบ้าตาย

      “หายค่ะ พี่ทำหายค่ะ “ผมตอบเธอไปแต่จริงๆ มันไม่ได้หายเพราะว่าผมได้ให้เด็กผู้ชายคนนั้นไป

      “แล้วพี่จะเอาแหวนที่ไหนมาหมั้นแพรวาล่ะ เพราะว่าพี่เคยบอกแพรวาเอาไว้ว่าอากงให้ไว้หมั้นสาวที่พี่ชอบไม่ใช่เหรอคะ” ผมก็ต้องสะบัดหน้ามามอง ผมลืมเรื่องนี้ไปซะสนิทเลย แต่ผมให้เด็กคนนั้นไปแล้ว

      “แพรวา พี่ไม่เคยบอกแพรวาเลยน่ะว่าพี่จะหมั้นกับแพรวาน่ะ” ผมบอกเธอ

      “อะไรน่ะ ไม่ได้พี่ต้องหมั้นกับแพรวา คนเดียวเท่านั้น แพรวาจะไม่ยอม และแพรวาจะให้พ่อไปคุยกับพ่อของพี่เร็วๆ นี้ พี่จะต้องหมั้นกับแพรวาให้เร็วที่สุด!! “แพรวาพูด สายตาเธอแข้งกร้าวจนผมเองก็กลัวเธอ เธอดูน่ากลัวว่าทุกครั้งอีก ผมเองยังกลืนน้ำลายลงคอเลย นี้ผมไม่ควรจะกลับมาใช่หรือเปล่า ผมว่าผมอยู่ที่อังกฤษจะปลอดภัยกว่าไหม ยอมฝันร้ายแทน

      “แพรวา” ผมเรียกแพรวา แต่ว่าสายตาผมเหลือบไปเห็นรถตู้ มาจอดอยู่สองคัน อย่าบอกน่ะว่าที่เฮียธีบอกผมว่าจะมาเยี่ยมชมโรงเรียนน่ะ”

      “แพรวาพี่ไปก่อนน่ะพี่มีงานด่วน “ผมพูดและรีบชิ้งหนีแพรวาทันที

      “พี่เธียร!!” ผมก็รีบลงบันไดและวิ่งตรงไปตามป้ายที่บอกว่าไปที่ห้องธุรการก่อน ทันที ตายแน่เลย เธียรวิชย์เอ๊ย

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
       
           
  EP.26.1 เจอกันแล้ว (ครึ่งหลัง)
                    Part's เธียรวิชญ์ ผมก็รีบลงบันไดและวิ่งตรงไปตามป้ายที่บอกว่าไปที่ห้องธุรการก่อน ทันที ตายแน่เลย เธียรวิชย์เอ๊ย ผมวิ่งไปหยุดที่หน้าห้องธุรการตามป้ายก่อนจะรีบเปิดประตูเข้าไป และคนที่ผมเจอระหว่างทางเดินก่อนจะไปห้องธุรการ ทำไมมันทำให้ผมยิ้มออกเฉยเลยจากที่คิ้วขมวดเรื่องแพรวาก่อนจะลงมา

           “คุณกันต์ธีย์ครับ” เสียงเขาฟังแล้วละมุนหูผมมาก

          “อ้าวคุณนั้นเอง เออ มีอะไรให้ผมช่วยครับ” เขาถามผมกลับ

          “ผมต้องการให้ช่วย คือ ผมต้องพาคณะที่มาเยี่ยมโรงเรียนเรานะครับ คุณช่วยไปเดินให้ข้อมูลโรงเรียนนี้กับผมหน่อยได้ไหมครับ “ผมถามหนุ่มน้อยหน้ามน

          “ผมจะไปได้ยังไงล่ะครับ นี้พี่คนที่ทำธุรการกับผมก็ไปโดยอะไรฟัดมาก็ไม่รู้ ต้องไปโรงพยาบาลนะครับคุณเธียรวิชย์” เขาบอกผม ธุรการ น้องปลายฟ้านั้นเอง เวรแล้วผม

          “เออ อ้อ คนสวยๆ “ผมก็ต้องหันหลังไปมองที่รูปเจ้าหน้าที่ที่ประจำการมีรูปเธออยู่ ที่โดนแพรวาตบไป เวรจริงๆ เลยผม

          “นี้ผมอยู่คนเดียว งานยุ่งมากเลย มีสายโทรเข้ามาตลอดจากผู้ปกครองอ่ะครับ และผมก็ต้องคอยเช็กตารางงานอีก และไหนผมจะต้องไปป้อนนม…” ผมฟังคุณธุรการร่ายยาวจนมาหยุดที่ ป้อนนมนี้แหละ ผมหันขวับมาทันทีก่อนจะเลิกคิ้วสูง

           “ป้อนนม นม เออ ไม่ใช่ ไม่ใช่ เอานมไปให้ที่แผนกเด็กเล็กนะครับ” คุณกันต์ธีย์ตอบผม

          “อ้อ แม้ตกใจนึกว่ามีลูกแล้ว” ผมพูด

         “เออ เฮอๆ “อีกคนก็หัวเราะเช่นกัน

          “ถ้าอย่างนั้น คุณเธียรวิชย์เอาแฟ้มไปเปิดดูได้ไหมครับ ผมก็ดูมาจากในนี้แหละครับ” หนุ่มน้อยส่งแฟ้มเอกสารมาให้ผมแทน แฟ้มใหญ่ขนาดนี้ให้ไปกางดูเลยเหรอ

          “ผมช่วยได้แค่นี้จริงๆ ครับ คุณเธียรวิชย์” กันต์ธีย์พูดกับผมและยังคงคอยรับสายตลอดเวลาจริงๆ ผมก็เหลือบไปมองเห็นกลุ่มคณะที่มาเยี่ยมชมเดินมาที่ห้องธุรการกันก่อนเพื่อนเลย ผมหันไปมองก่อนจะส่งยิ้มให้

           "สวัสดีครับ ผมเธียรวิชญ์ครับ “ผมแนะนำตัว

            “สวัสดีคุณเธียรวิชญ์ พวกเราเป็นนักวิชาการที่จะมาเยี่ยมชมโรงเรียนนานาชาติของคุณนะคะ “หนึ่งในทีมบอกผมเขาเป็นคนไทยน่าจะเป็นล่ามและคนดูแล แต่ล่ะคนก็ยกมือไหว้ผม ไม่ได้ไหว้สวยแบบคนไทยแท้ ผมก็ต้องรีบรับไหว้ทันที แถมบางคนก็แก่กว่าผมซะอีก

            “เชิญครับ วันนี้ผมจะพาไปทัวร์เองเลยนะครับ” ผมพูดก่อนจะหันกลับไปมองหนุ่มน้อยที่สารวนกับการรับโทรศัพท์อย่างไม่ขาดสาย ดูท่าจะยุ่งจริงๆ และผมก็เดินออกมาเพื่อพูดคุยแนะนำตัวเอง

            “ถ้าอย่างงั้นที่แรกเลยนะครับที่ผมจะพาไป เออ ห้องโสตทัศนศึกษาก่อนเลยครับ” ผมพูดแต่ว่าห้องโสตทัศนศึกษามันอยู่ตรงไหนวะ ผมจะหันมาถามกันต์ธีย์ ดูแล้วก็คงยาวเหมือนกัน เลยยืนเปิดแฟ้มดู ไล่หาไปเรื่อยๆ คนที่รอก็ยืนรอไปแล้วกันน่ะ ผมเปิดอยู่ประมาณสิบห้านาที เจอซะที

           “เดินลงบันไดไปเลยนะครับ “ผมหันมาบอกเจ้าหน้าที่วิชาการจากประเทศอังกฤษ เขาก็หันมามองหน้ากัน ก่อนจะมองป้ายของผม วันนี้ผมสวมเสื้อสีชมพูอ่อนกับเนกไทสีรุ่งเลย ผมเดินไปตามทางเดินแนะนำบร้าๆ ถูกบ้างผิดบ้างเปิดดูเอาจากในแฟ้ม แต่ล่ะอันมีดินสอเขียนกำกับเอาไว้ อธิบายเอาไว้ด้วย ใครกันน่ะ ลายมือช่างสวยงามเหลือเกิน ก่อนจะมาหยุดที่ห้องคอมพิวเตอร์

           “คุณเธียรวิชย์ ขอพวกเราเข้าไปดู เนอสเซอร์รี่และpreschoolของคุณหน่อยได้ไหมคะ น่าสนใจค่ะ ไม่บ่อยเลยที่จะเห็นว่ามีรับดูแลเด็กเล็กที่นี้ด้วยนะคะ” นักวิชาการท่านหนึ่งชี้ไปที่ด้านหลังของผม เป็นทางเดินไปป้ายบอกว่านี่คือ Early learning Centre

           “เออ ได้ครับ ผมพาไปแล้วกันนะครับ” ผมบอกก่อนจะเดินนำนักวิชาทั้งหลายไป ผมก็เปิดหาแต่ว่าไม่เจอข้อมูลเลยจะแนะนำยังไงหว่าแต่มีเขียนเอาไว้ด้วยว่า ต้องใช้บัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ที่มีรหัสรูดก่อนจะเข้าไป เพื่อความปลอดภัยของเด็กๆ ผมก็ทำตามขั้นต้อนโดยใช้บัตรผู้บริหารงานTraining นี้แหละ



             ผมก็เชิญชุดคณะวิชาการเข้าไปก่อน ผมเดินพาเข้าไปหยุดที่หน้าห้องเด็กทารก เพราะว่ามีป้ายติดไว้ว่าBaby room ผมหันมามองนักวิชาการที่พากันมองส่องเด็กน้อยด้านใน ผมรีบเปิดหาก่อน มีไหมว่ะข้อมูล ขอให้มีทีเถอะ ถ้าเขาถามขึ้นมาว่าเบบีรูมนี้มีเด็กอายุเท่าไหร่จะตอบยังไง ผมก็เปิด เปิด และก็เปิด จนกระทั่ง เจอแต่เป็นลายมือที่ถูกเขียนไว้ด้วยความบรรจง ว่าเบบี๋รูม รับเด็กตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไปถึงหนึ่งขวบ และบร้าๆ ผมต้องดูข้อมูลก่อนค่อยหันไปอธิบายและค่อยพาไปชมไปเรื่อยๆ

           “ว้าย!! คุณเธียรเบบี๋ค่ะ”

           “ครับผมทราบครับ ว่าห้องนี้เบบี๋ครับ ผมกำลังหาให้อยู่ครับว่าเบบี๋ที่ห้องนี้เขารับดูแลอายุเท่าไหร่บ้าง”

           “คุณเธียรค่ะ เบบี๋ค่ะ ตรงขาคุณนะคะ” ผมก็เงยหน้ามองเบบี๋ตรงขาผมเหรอ ผมก็รู้สึกว่ามีคนมาดึงขากางเกงผมอยู่น่ะ ผมก็ก้มลงมองเกือบรอดใต้ระหว่างขาของผม และสิ่งที่ผมเห็นคือเด็กน้อยที่ชะโงกหัวขึ้นมามองผม เด็กน้อยคนนี้หน้าคุ้นๆ น่ะ มันมาอีกแล้วเหรอ ไอ้เด็กที่ผมฝันถึงน่ะ ใครซื้อตั๋วให้มันมา บินตามผมกลับมาไทยด้วย!! และผมก็ใช้นิ้วจิ้มที่หัวที่ดกดำไปด้วยเส้นผม ไม่ใช่ฝัน มาแบบตัวเป็นๆ เลยคราวนี้

              “ว๊าก!!” ผมก็กระโดดโหยงเหยงเลยซิ ตกใจเด็กและก็กลัวเหยียบเด็กอีก เพราะว่าเล่นคล้านไปมารอบๆ ผมแบบนี้ คณะนักวิชาการก็พากันตกใจกลัวผมจะเหยียบเด็กแน่ๆ ผมก็มองหาไปรอบๆ ด้วย ไปไหนวะเนี๊ยะ จนกระทั่ง

              “ปะ ปะ ปะ “เด็กน้อยควานมาหยุดตรงหน้าผม เขานั่งลงกับพื้นก่อนจะยื่นมือขึ้นมา ทำมือเรียกผมเข้าไปหา ผมนี้ต้องก้มลงจนเกือบถึงพื้นก็ว่าได้ ว่าแต่เด็กนี้ออกมาได้ยังไงกัน และแน่นอนนักวิชาการได้ขวัญหนีดีฝ่อกันไปหมด และผมก็มองเด็กน้อยที่มองผมตาแป๋ว ผมเลยเลือกที่จะอุ้มเด็กน้อยขึ้นมาไว้ก่อน

              “ลูกคุณหรือเปล่าครับ” หนึ่งในนั้นเอ่ยถามผมและชี้ที่เด็กน้อยที่ผมอุ้มเอาไว้ ว่านี้ลูกผมไหม แน่นอนผมรีบหันไปตอบแบบไม่ลังเล

             “ไม่ใช่ครับ” ผมตอบทันที ทำไมช่วงนี้ใครก็ทักว่าเธียรจะมีลูกกันทั้งนั้น

            “แน่ใจเหรอคะ” นักวิชาการอีกคนถามผม เหมือนยังไม่เชื่อที่ผมบอก

               “ไม่ใช่ครับผมยังไม่มีลูกครับ” ผมบอกทุกคนแต่สีหน้าทุกคนคือขมวดคิ้วมองผมกันหมด นี้เขาไม่เชื่อผมกันขนาดนั้นเลยเหรอ

               “แต่หน้าเหมือนคุณเธียรมากเลยนะคะ” ผมก็ต้องหันมามองคนที่บอกว่าเด็กคนนี้หน้าเหมือนผม และผมก็หันมาเหล่ตามองคนที่ผมอุ้มไว้อยู่เช่นกัน ก่อนจะไปมองรอบๆ จนมาหยุดที่ กระจกเงานูนรูปวงกลมที่เอาไว้มองหัวมุมตึก ผมก็ต้องถลึงตามองด้วยความประหลาดใจ เพราะสิ่งที่ผมสัมผัสได้คือใบหน้าเด็กน้อยกับใบหน้าของผมที่แนบชิดกันมาก และนั้นมันเหมือนคนเดียวกันเลย

                “เว้ยย!!!” ผมร้องซิครับรออะไรก่อนจะหันมามองเด็กน้อย

                “ปะ ปะ ปะ” เด็กน้อยส่งเสียงพร้อมตบมือไปด้วย

                 “จะไปไหนเล่า แล้วนี่ เราออกมาได้ยังไง” ผมถามเด็กน้อยที่ผมอุ้ม ก่อนจะหันมามองกลุ่มนักวิชาการพร้อมกับรอยยิ้ม ที่ส่งไปให้ อย่าไปเขียนวิจารณ์ผมนะครับ ป๊าของผมเอาผมตายแน่ๆ ไอ้เธียรเอ๊ย! ผมก็อุ้มเด็กน้อยและมองหาว่าพอจะมีใครให้ข้อมูลเรื่องนี้ได้บ้าง ผมสังเกตจากชุดที่ใส่มีปักชื่ออยู่ว่า  “ลูกโซ่  “

               “สงสัยว่าแม่เราคงจะชื่อแม่กุญแจล่ะซิท่า ถึงได้ตั้งชื่อลูกว่าลูกโซ่ “ผมถามเด็กน้อย ก่อนจะหันมาเจอบรรดาสายตาของนักวิชาการที่มาจากแดนไกล ใช่ซินี้อาจจะทำให้เขามองว่านี้คือความประมาทก็ได้น่ะ

                “ผมขอพาน้องกลับเข้าไปก่อนนะครับ รอผมสักครูนะครับ “ผมหันมาบอกนักวิชาการทุกคน

               “แล้วน้องออกมายังไงคะ คุณ” คำถามที่ผมเองก็ต้องไปหาคำตอบให้ได้ มันคือความไม่ปลอดภัยอย่างแรง

               “ผมคิดว่าน่าจะมีอะไรผิดพลาดทางเทคนิคนะครับ ผมจัดการให้ครับเพราะว่าผมเป็นผู้บริหารครับผม” ผมพูดก่อนจะหันไปมองหาทางเข้า

                “Training!!” ใช่ครับมันตลกมาก ผู้บริหารฝึกงาน ป๊าเข้าใจตั้งให้ผมน่ะ ผมก็ยิ้มตอบคนที่อ่านป้ายให้ผมฟัง ก่อนจะรีบอุ้มเจ้าลูกโซ่ ตามชื่อที่ติดเอาไว้ก่อนจะพยายามมองหาเจ้าหน้าที่ ผมก็รู้สึกได้ว่าเสียงดังมาที่ตรงอกของผม

                “แจ๊ปๆ” ผมก็ก้มลงมองเด็กน้อยที่กำลังเคี้ยวเนกไทลายสีรุ่งของผมอย่างเมามัน

                 “อร่อยไหมลูก” ผมถามเด็กคนนั้น ทั้งดูดทั้งกัดทั้งดึง จนเรียกว่าเปียกแฉะ จะทั้งผืนแล้วอยู่แล้ว ผมหันซ้ายแลขวาอีกที จนมีครูเดินมาและเขาก็ทำท่าตกใจสิ่งที่ผมอุ้มเด็กน้อยอยู่

                 “น้องลูกโซ่!!! “

                 “คุณเป็นพี่เลี้ยงเด็กห้องเบบี๋รูมนี้ใช่ไหมครับ” ผมถามคนตรงหน้า

                  “ใช่ค่ะ คุณเป็นพ่อเด็กเหรอคะ” ผมหันมามองคนที่ถามผม ก่อนจะพลิกป้ายชื่อให้เชาดูว่าผมเป็นใครครับ จู่ๆ ก็หาว่าผมเป็นพ่อเด็ก

                 “ชื่อ คุณเธียรวิชย์ เดชาวชิรภังกุลชร “เขาอ่านชื่อและนามสกุลของผมได้ถูกต้อง

                 “เอะนามสกุลคุ้นๆ นะคะ” ยังอีก!!

                 “เหมือนท่านประธานใหญ่เลยไหมครับ” ผมถามเขากลับ

                “เหมือนมากเลยค่ะ “เขาเงยหน้าขึ้นมองหน้าผม ก่อนจะทำท่าคิด

                ” หรือว่าเขาคือ” คุณครูพี่เลี้ยงถามขึ้นก่อนจะค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมามองหน้าผม

                 “ใช่ครับ ผมคือผู้บริหารคนใหม่ครับ และผมคือลูกชายท่านประธานใหญ่ครับคุณพี่เลี้ยงครับ!!” ผมตอบเธอด้วยสี่หน้าที่จริงจังจนเรียกว่าพยายามระงับความโกรธไปด้วย

                 “อู้ยย!! ขอโทษค่ะ สวัสดีค่ะท่าน เอ๊ย คุณเธียรวิชย์ค่ะ” กราบงามๆ กลับมาให้ผมทันที

                   “ตอนแรกดิฉันนึกว่าพ่อน้องลูกโซ่ซะอีก เห็นหน้าเหมือนกัน “ยังมีหน้ามาบอกว่าผมคือพ่อเด็กอีก และเด็กน้อยก็แทะเนกไทผมโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้นอีก ผมก็ก้มลงมองและพยายามจะดึงออกแต่

                  “อ้า …เพี๊ยะ!!”

                 “เฮ้ยย!! “ตีมือผมด้วยทั้งนี้มันเนกไทผมครับ เหลือกตาขึ้นมองค้อนผมอีกต่างหาก และทำการกัดแทะมันต่อไป ผมเลยต้องละสายตาขึ้นมามองคุณครูที่ยืนด้วยท่าทางเกรงกลัว กลัวว่าจะตกงานแน่ๆ

                 “นี้คุณ คุณดูเด็กยังไง ถึงปล่อยให้เด็กออกไปอยู่นอกห้องนี่มันคือความไม่ปลอดภัยคุณรู้ไหม! และถ้าพ่อแม่เด็กเขารู้เข้าล่ะคุณ “ผมถามคนตรงหน้า

                    “ดิฉันไม่รู้จริงๆ ค่ะว่าน้องออกมายังไงนะคะ เพราะว่าประตูก็ปิดหมดนะคะ เหลือแต่ประตู แต่ไม่น่าจะใช้น่าจะปิดค่ะ” ครูพี่เลี้ยงพูดก่อนจะทำท่าคิดทบทวน

                   “แล้วคิดว่าน้องเขาออกมายังไงละครับ ถ้าไม่ใช่ความบกพร่องของคุณ หรือว่าน้องเขาท่องคาถาผ่าทะลุประตูออกมาได้ล่ะครับคุณพี่เลี้ยง!!” ผมตะคอกถามเสียงดังแต่ไม่ดังจนเกินไป และระหว่างที่ผมสนทนากับพี่เลี้ยงอยู่ เจ้าตัวเล็กที่ผมอุ้มอยู่ มือไม้ก็อยู่ไม่สุข ผมต้องคอยจับมือที่หยุดหยิกจับนั้นจับนี้สำรวจไปหมด ตกลงนี้เขาจบการสำรวจโลกมาหรือไง สำรวจไปจนถึงหูผมด้วย ผมก็ต้องจับมือเล็กนั้นรวบไว้ก่อน (ถ้าเป็นสาวๆ จะไม่ห้ามเลยลวนลามกับแบบนี้)

                  “ดิฉันขอโทษค่ะคุณเธียรวิชญ์ แต่ดิฉันเช็กน้องเขาแล้วค่ะ น้องเขายังนั่งเล่นอยู่ในคอกลูกบอลอยู่เลยค่ะ” ผมก็เลิกคิ้วสูง แล้วออกมาด้านนอกได้ไง ออกมาเก็บลูกบอลอย่างนั้นหรือ

                  “แต่พอดีทางบ้านดิฉันนะคะโทรมาเลยเผลอไปรับสาย และแค่แป๊บเดียวจริงๆ ค่ะ และดิฉันขอโทษค่ะ จะไม่ทำอีกค่ะ อย่าไล่ดิฉันออกเลยนะคะ งานหายากค่ะ” คนตรงหน้าผมใช้น้ำตามาต่อรองอีกแล้ว

                   “ก็ได้ ผมจะให้คุณแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว ต่อไปคุณต้องระวังมากกว่านี้ เพราะการดูแลเด็ก ยิ่งเด็กเล็กๆ คุณต้องโฟกัสที่งานมากกว่าเรื่องส่วนตัวแต่ถ้าพักหรือเลิกงานแล้ว ผมจะไม่ว่าคุณเลย” ผมพูดบอกคนตรงหน้า

                 “ถ้าอย่างนั้น ขอเอาน้องไปทานนมก่อนนะคะ “คนตรงหน้าบอกผม

                   “มันก็ควรจะเป็นอย่างนั้นครับคุณสายฝน “ผมเพิ่งสังเกตเห็นป้ายชื่อ

                  “เพราะว่าน้องเขาพยายามจะกินเนกไทผมไปทั้งอันอยู่แล้วครับ และนี้ก็แปลว่าเขาหิวแล้ว ไปครับ” ผมพูดและรีบส่งเด็กน้อยคืนไป พี่เลี้ยงก็รับไปจากมือผมทันที แล้วผมจะยืนรออะไรล่ะ ผมต้องไปอธิบายยาวเลยถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ผมรีบหันเพื่อจะเดินออก

                 “ปึก” ไปไม่ได้เพราะว่า เนกไทยังติดที่มือเด็กอยู่ และมันก็คล้องคอผมไว้ด้วย ผมต้องถอยหลังกลับมาแทบจะไม่ทัน

                “ว้าย!! ลูกโซ่ ปล่อยเนกไทเขาค่ะลูก” ผมหันมามองคนที่กำเนกไทผมแน่นและยังคงอมดูดอย่างกับมันคือของลูกอมก็ว่าได้ แค่สีมันหวานไปหน่อยเท่านั้นเอง

                “ขอโทษนะคะ คุณเธียร “พี่เลี้ยงกล่าวขอโทษผมอีกครั้งก่อนจะพยายามดึงเนกไทผมออกมาให้ได้

                “หมับ” ยังอีก ยังเอี้ยวตัวมาคว้ากลับไปอีก นี่ถ้าผมมีสำรองไว้ ผมก็จะยกให้ไปเลย สงสัยอยากผูกเนกไทบ้างแน่ๆ

                “ลูกโซ่ ไปกินนมดีกว่านะลูกน่ะ เนกไทกินไม่ได้นะคะ ไปค่ะไป พี่ฝนพาไปกินนมค่ะลูก “พี่เลี้ยงก็รีบพาเด็กที่ดูท่าจะหิวจนตาลาย ถึงได้อมดูดเนกไทผมได้เปียกแฉะขนาดนี้ ผมต้องค่อยๆ บิดน้ำลายออกจากเนกไทลายสีรุ้งออก หรือว่ามันมีกลิ่นลูกกวาดอยู่ด้วยเด็กน้อยนั้นถึงได้อมดูดสนุกสนาน ผมค่อยๆ ใช้นิ้วมือคีบขึ้นมาดมดู

                  “อ้วก!!” ถึงกับเกิดอาการคล้ายจะแพ้ท้อง เพราะกลิ่นน้ำลายของเด็กน้อย แล้วเนกไทเส้นนี้ก็ต้องติดตัวผมไปจนผมเลิกงานแถมพร้อมกับกลิ่นนี้ด้วย ผมถึงกับส่ายหัวไปมาขณะที่ผมกำลังสับเท้าเดินจนออกมาถึงข้างนอก แต่ก็ไม่พบแล้วชุดนักวิชาการของผม ผมว่างานเข้าแล้วแหละเธียรวิชย์ เมื่อเช้ามึงก้าวเท้าไหนออกมาว่ะ

                  TBC....

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
      
EP.27(เธียรXกันต์ธีร์)ทั้งคู่จำกันไม่ได้

                 Part's เธียรวิชย์ ผมเดินกลับไปที่ห้องธุรการอีกครั้ง ทันทีที่ผมเปิดประตูเข้าไปก็เจอหนุ่มน้อยที่กำลังวุ่นวายกับการอธิบายอะไรสักอย่างให้ผู้ปกครองที่มาติดต่อฟัง นี้ขนาดเทรนเนอร์เหมือนผมแต่ดูจากการทำงาน ชำนาญการมากกว่าอีก สงสัยประสบการณ์แน่น ผมยืนรอจนผู้ปกครองเดินออกไป แต่ก่อนจะเดินผ่านผมเขาก็อ่านป้ายที่ห้อยคอเอาไว้ด้วยว่า ผู้บริหารงาน (Training) พออ่านป้ายเสร็จก็ยิ้มให้ผม ไม่เคยเจอใช่ไหมครับคุณผู้ปกครอง ผู้บริหารก็มีช่วงฝึกงานที่ต้องผ่านโปรให้ได้ซะก่อนเช่นกัน

      “คุณเธียรวิชย์ผมว่าจะเดินไปบอกอยู่นะครับว่า…. “เสียงที่ดังรอดออกมาเพื่อถามผม ผมก็ก้มลงลอดมองผ่านช่องสนทนาเล็ก ๆ จะบอกว่าอะไรเอ่ย ทำไมใบหน้าหนุ่มคนนี้ทำให้ผมเผลอยิ้มออกมาเฉยเลย

      “วันนี้คุณเธียรวิชญ์มีประชุมกับคุณครูนะครับ แต่ครูไม่กี่ท่านนะครับ” ทันทีที่หนุ่มน้อยตรงหน้าบอกผม เธียรวิชญ์ถึงกับขมวดคิ้ว วันแรกก็ประชุมเลยเหรอ

      “หลังอาหารเที่ยงครับ 12.30 นาที” กันต์ธีร์เขาบอกผม

      “หลังอาหารเที่ยง นี่เขาให้ผมพักแค่สามสิบนาทีเองเหรอครับคุณกันต์ธีร์” ผมถามหนุ่มธุรการทันที ใจร้ายไปป่ะ ผมแอบคิดในใจ

      “ครับ เขาแจ้งผมมาแบบนี้น่ะครับ “เขาบอกผมด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วนใจเช่นกัน ผมพยักหน้าเข้าใจไม่ใช่ความคิดของเขาหรอก ป๊าผมแน่ๆ

      “Oh my goodness!!!” ผมสบถออกมาเบาๆ

      “แล้วเนกไทคุณไปโดนอะไรมาน่ะครับ ทำไมมันเปียกไปครึ่งอันแบบนั้นล่ะครับ” พอคนตรงหน้าถามผม ผมก็ต้องใช้นิ้วคีบส่วนปลายขึ้นมาให้ดูด้วย

      “พอดีผมเจอเด็ก” กันต์ธีถึงกับขมวดคิ้ว

      “เด็กเล็กนะครับ ผมพากลุ่มนักวิชาการไปดู บังเอิญเจอเด็กออกมาเรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ๆ นอกห้องผมเลยต้องอุ้มกลับเข้าห้องไปนะครับ” ผมบอกคนตรงหน้า

      “และเขาก็เห็นว่า เนกไทของผมมันคล้ายลูกกวาดสีรุ้งนะครับคุณกันต์ธีย์ อมดูดจนสนุกสนาน ก็เลยเปียกแบบที่นี้เห็นนี้แหละครับ แถมกลิ่นนี้ ไม่ต้องให้บรรยาย เพราะจะพาให้กินข้าวไม่ลง” ผมพูดกับหนุ่มน้อยตรงหน้า เขาเงยหน้าขึ้นมามองแอบยิ้มเล็ก

      “จะว่าไปหน้าคุ้นๆ น่ะ” ผมพูดขึ้นก่อนจะเอามือเท้าคางมองคนภายในห้องธุรการ เขาเงยหน้าขึ้นมามองผมแว๊ปเดียว ก่อนจะก้มลงจัดการกับคำขอที่มายืนเข้าที่ให้เรียบร้อย

      “แล้วนี่ คุณเธียรวิชญ์สำรองไหมอ่ะครับ เพราะว่าคุณต้องเข้าห้องประชุมนะครับ” กันตธีร์เขาถามผม

      “ไม่มีครับ มีอันเดียว ใครจะไปคิดว่าจะมีอุบัติเหตุแบบนี้ด้วยล่ะครับ” ผมพูดเกาหัวตัวเองไปด้วย

      “เอาอย่างนี้ไหมครับ ผมจะเอาไปซักให้ มีห้องซักผ้าสำหรับซักของใช้เด็กน่ะครับ ผมไปใช้ประจำ เวลาเสื้อผ้าเจ้าลูกโซ่ของผมไม่พอนะครับ” น้องเขาพูด ผมขมวดคิ้วทันที

      “ใครนะครับคุณกันต์ธีร์” ผมถามกันต์ธีย์กลับ

      “ลูกโซ่ “หนุ่มหน้าบอกผม ใช่เด็กคนที่อมเนกไทผมหรือเปล่าน่ะ

      “คุณขึ้นไปทานอาหารก่อนดีกว่าไหมครับ เพราะว่าจะเที่ยงแล้ว เดี๋ยวเวลาพักก็จะไม่ถึงสามสิบนาทีเอานะครับ” ผมหันมามองคุณธุรการ ก่อนจะพยักหน้า และรีบถอดเนกไทส่งไปให้ และก่อนจะเดินออกไป ผมหันมามองเขาอีกครั้ง ลูกโซ่ เด็กคนนั้น หรืออาจจะแค่แฟนคลับก็ได้มั้ง แม้เด็กตัวแค่นี้มีแฟนคลับด้วยเหรอ ผมหันมายิ้มให้หนุ่มธุรการก่อนจะเดินออกไป

           ผมตรงไปห้องทำงานของผม พอก้าวเท้าเข้าห้องได้ผมก็นั่งแผ่หลาทันที พาเดินเกือบรอบตึก และแค่ตึกเดียวเอง เธียรยังเหนื่อยขนาดนี้ โชคดีที่พากันเพ่นกลับไปซะก่อน ผมรู้สึกง่วงๆ อาหารก็ยังไม่มา ของีบก่อนแล้วกันน่ะ ดังนั้นจึงหมุนเก้าอี้สำหรับแขก มาไว้ตรงข้ามเก้าอี้ของผม พร้อมกับเอนหลังพิงพนักและยกเท้าขั้นมาวาง ค่อยยังชั่วหน่อย ผมค่อยๆ หลับตาลงช้าๆ จะว่าไปหนุ่มธุรการก็หน้าตาคุ้นๆ อยู่น่ะ คุ้นว่าเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน แต่ที่แน่ๆ รอยยิ้มนั้นมันทำให้ผมรู้สึกดี

      “กึก” เสียงเหมือนบางสิ่งถูกวางลงบนโต๊ะ ผมค่อยลืมตาขึ้นก่อนจะหันไปมอง ภาพที่เลือนรางจนกว่าจะกลับมาชัดเจนอีกครั้ง คนนั้นคือหนุ่มน้อยในห้องธุรการนั้นเอง

      “อาหารเที่ยงครับคุณเธียรวิชย์ “เขาบอกผม

      “ขอบคุณครับ แม้ยกมาให้ผมเองเลยเหรอครับ” ผมพูดก่อนจะกระดกตัวขึ้นนั่ง

      “ก็ผมเป็นเลขาคุณด้วยนี่ครับ” หนุ่มน้อยคนนั้นบอกผมว่าเขาเป็นเลขาของผม ผมพึ่งนึกขึ้นได้ที่เฮียธีบอกผมเอาไว้

      “อ้าวคุณเหรอ ตอนแรกผมนึกว่าผู้หญิงคนเมื่อเช้า” ผมพูดด้วยความแปลกใจ

      “คุณพ่อคุณเขาบอกให้ผมทำหน้าที่สองตำแหน่งน่ะครับ “หนุ่มน้อยคนนี้หันมาบอกผม

      “อย่าลืมเข้าประชุมเที่ยงครึ่งน่ะครับ ผมวางแฟ้มเอกสารไว้ที่ห้องประชุมแล้วครับ “หนุ่มน้อยคนนั้นหันมาบอกผม ผมยิ้มให้ เขาดูเป็นคนมีระเบียบรอบคอบมากจน ผมอดนึกถึงม๊าผมไม่ได้ ม๊าเป็นผู้หญิงที่ดีพร้อมของป๊า ม๊าดูแลป๊าทุกเรื่อง ทุกอย่างจะถูกจัดเตรียมไว้หมด ไม่ต้องเอ่ยปากร้องขอเลยและผมก็อยากได้ผู้หญิงอย่างม๊ามาเป็นภรรยาของผม ผมไม่อยากได้ผู้หญิงอย่างแพรวา ที่วันวันเอาแต่ชี้นิ้วสั่งคนใช้ แถมยังไม่เคยพูดดีกับเขาสักนิด ผมลุกขึ้นก่อนจะเหลือบไปเห็นเนกไทที่วางอยู่ถูกพับมาอย่างเรียบร้อย อันนี้ยิ่งทำให้ผมอดแปลกใจไม่ได้ ทำไมเขาเป็นคนมีระเบียบขนาดนี้น่ะ

      “คุณกันต์ธีนี่เนกไทผมใช่ไหมครับ” ผมถามเขา

      “ใช่ครับ ผมไปสักอบแห้งและรีดมาให้เรียบร้อยแล้วครับ” กันต์ธีร์เขาบอกผม

      “ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวน่ะครับ “กันต์ธีร์เขาบอกผม

      “รบกวนผูกให้หน่อยได้ไหมครับ ผมผูกไม่สวยอ่ะ และเมื่อเช้าม๊าผูกให้ครับ” ผมเอ่ยปากร้องขอหนุ่มน้อยคนนั้น เขาหันมามองผม ก่อนจะเดินมาหยิบเนกไทขึ้นมาคลี่และเดินตรงมาหาผม เขาหยุดตรงหน้าผม ก่อนจะค่อยๆ เขย่งเท้าขึ้นคล้องเนกไทให้ผม ทำไมแววตาคู่นี้มันเหมือนใครสักคนที่ผมเพิ่งจะเจอมาไม่นานนี้เลยน่ะ ขนตาที่งอนยาวนั้น ก็ช่างเหมือน ผมเพ่งมองคนที่ผูกเนกไทจนเพลิน

      “เสร็จแล้วครับ “กันต์ธีย์เอ่ยปากบอกเขา ก่อนจะก้าวถอยหลังออก ผมก้มลงมองเนกไทที่ถูกผูกไว้อย่างเรียบร้อยไม่มีที่ติ ถ้าเป็นผู้หญิงผมคงจีบทันทีแต่ว่านี้

      “ผมไปก่อนนะครับ” ผมเองก็เออ พยักหน้าแต่ใจก็อยากให้นั่งตรงนี้นานๆ แต่คิดอีกทีแพรวาขึ้นมาคงจะทำร้ายเขาเหมือนปลายฟ้าแน่ๆ ไม่เอาดีกว่า ถ้าคนนี้เจ็บไปอีกคนเธียรวิชญ์ตายแน่ๆ จังหวะที่น้องเขากำลังเดินหันหลังออกไป

      “น้องครับ พี่ว่าจะชวนไปทานข้าวนะครับ” ผมเอ่ยปากชวนคนที่กำลังเดินหันหลังออก

      “อะไรนะครับ” เขาหันมาถามผมอีกครั้ง

      “ชวนไปทานข้าวนะครับ พี่อยากเลี้ยงข้าวนะครับ” ผมบอกเขา

      “เนื่องในโอกาสอะไรเหรอครับ” เนื่องในโอกาสอะไรด้วย

      “ขอบคุณเรื่องที่ทำวิทยานิพนธ์ให้พี่นะครับ คือมันยอดเยี่ยมมากเลยครับ พี่ทำเองยังไม่ผ่านเลยครับ “ผมบอกเขา

      “อ้อเรื่องนั้นเองนะครับ ผมเองก็รับเงินค่าจ้างมาแล้วนี่ครับ คุณจ้างผม ผมก็ทำงานให้ดีสมกับค่าจ้างนะครับ” น้องเขาบอกผม

      “แต่ก็อยากเลี้ยงตอบแทนนะครับ” ผมพูด

      “ไม่ได้เลยครับ ผมยุ่งมากจริงๆ และคงไม่รู้อีกเมื่อไหร่ นานเลยครับ” น้องเขาตอบผม มันเหมือนฟ้าผ่ากลางใจเธียรวิชญ์

      “คิวเหรอครับ น้องฮอทขนาดนี้เลยเหรอครับ” ผมถามน้องเขากลับ

      “ผมวุ่นวายกับลูกน่ะครับ ผมไปไม่ได้หรอกครับ ไม่ต้องถามว่ามีคิวเยอะไหม มีแค่คิวเดียวก็จะแย่แล้วครับ ผมไปน่ะครับ “ผมก็ต้องยืนอึ้งกิมกี่ ไปตามระเบียบ ลูก ลูกหมาหรือเปล่าว่ะ เพราะว่าดูยังเด็กอยู่เลยน่ะ ถ้ามีแล้วนี่พี่อายเลยน่ะครับน้องครับ

          ผมเดินออกมาจากห้องผู้อำนวยการฝึกงาน แต่น่าขำตรงที่มีคำห้อยท้ายว่าฝึกงานด้วย ไม่เคยเจอมาก่อนเลยและที่น่าแปลกเขาเป็นลูกเจ้าของโรงเรียนยังต้องมาอยู่ในช่วงที่จะผ่านโปรไม่ผ่านโปรด้วยเหรอ แต่จะว่าไปเขาก็มีรอยยิ้มที่ละม้ายคล้ายกับพี่กันตภพณอยู่ไม่น้อยและสุภาพพอๆ กันเลย แต่เสียที่ชื่อเธียรวิชญ์ แต่ก็คนล่ะคนกันกับ ไอ้คนในคืนนั้นมัน มัน มัน

      “แกร็บ!!!” เสียงบีบกระดาษในมือของผม

      “โอ๊ยย อีบ้า ตบหน้าฉันพังหมด อีโรคจิต อีจิตวิปริต กูเกือบจะได้ผู้อำนวยการเป็นผัวอยู่แล้ว “เสียงคนเดินบ่นเข้ามาในห้องทำงาน ผมหันไปมองพี่ปลายฟ้านั้นเอง

      “พี่กลับมาแล้วเหรอครับ” ผมถามเธอ อันที่จริงก็อายุมากกว่าผมแค่ปีเดียวเอง

      “แหกตาดูซิ” พี่เขาบอกผม ผมไม่เข้าใจเลยจริงๆ ที่เธอบอกว่าป้าเธอเป็นถึงคุณหญิงและเป็นเพื่อนรักกับภรรยาท่านประธานใหญ่แต่ทำไมเธอไม่ได้ความเป็นผู้ดีมาจากคุณหญิงป้าเธอบ้างเลย

      “นี้ทำงานเสร็จหรือยังที่ฉันบอกน่ะ” เธอถามผม

      “ผมกำลังทำอยู่ครับเพราะว่ามีผู้ปกครองโทรมาสอบถามเรื่องกิจกรรมงานวันคริสต์มาสกันครับ เขาไม่เข้าในที่พี่ปลายฟ้า ลงประกาศนะครับ” ผมบอกเธอ

      “ไม่เข้าใจ!! อ่านหนังสือไม่แตกนะซิ นี้ต้องให้ฉันแปลกไทยเป็นไทยหรือไง” เธอพูดกับผมพร้อมกับเอามือนี้ประคองใบหน้าเธอไปด้วย

      “โอ้ยย!! อย่าให้ฉันพูดมากได้ไหมฉันเจ็บ” เธอพูดกับผม ผมก็เลยหันหลังไปทำงานต่ออีกว่า

      “นี้ทำให้เสร็จเลยน่ะ” เธอพูดย้ำกับผม

      “พี่ครับ พี่ก็เป็นธุรการเหมือนผมน่ะ” ผมหันไปบอกเธอเพื่อว่าเธอจะลืม

      “แต่ฉันน่ะเด็กฝากย๊ะ!! มันคนละเกรดกับเธอ หันเจียมกะลาหัวไว้บ้างน่ะ ฉันนี้หลานสาวเพื่อนสนิท เธอล่ะเป็นใครเหรอ แค่เด็กที่เขาเรียกมาทำงานแต่ฉันนี้เขาเชิญมา!” เธอบอกผม ผมพยักหน้าเบาๆ

      “มิน่าล่ะ เขาถึงได้บอกกับผมว่า ให้ผมมาช่วยๆ กันเพราะว่าคนใหม่ ไม่มีประสบการณ์อะไรเลย ผมเชื่อแล้วครับว่านั้นคือเรื่องจริงๆ คุณไม่มีประสบการณ์ในการทำงานและไม่มีประสบการณ์ในการทำงานร่วมกับผู้อื่นเลย ถึงได้แสดงพฤติกรรมแบบนี้ออกมา “ผมพูดอย่างเหลืออด

      “นี่!! แกจะให้ฉันบอกเพื่อนของป้าฉันไหมว่าแกไม่ให้เกียรติฉัน ฉันจะบอกให้เขาไล่แกออก!!” เธอบอกผม

      “ผมยอมออกน่ะถ้าเขาคิดว่าคนอย่างคุณถูก ผมยอมครับ นั้นแปลว่าเขาเข้าข้างคนที่เขารู้อยู่แก่ใจว่า ทำงานไม่เป็นนะครับ” ผมพูด

      “นี่แก!!” เธอทำท่าจะเข้ามาตบผม

      “หยุด!!” จู่ๆ ครูประทีปก็เดินเข้ามาพอดี

      “เธอจะทำอะไรกันต์ธีร์เขาน่ะ” ครูประทีปถามปลายฟ้า

      “ปากดีไง ก็แค่จะสั่งสอน” เธอหันไปพูด

      “เธอไม่มีสิทธิ์สั่งสอนใครถ้าเธอยังสอนตัวเธอเองไม่ได้” ครูประทีปพูด

      “นี้กล้าดียังไงมาด่าฉัน” เธอหันไปถามครูประทีป

      “ฉันทำงานมาจะยี่สิบปีแล้วที่นี้ เป็นครูสอนมายี่สิบปีแล้ว ไม่เคยเจอเจ้าหน้าที่ธุรการคนไหนเหมือนเธอเลยและนี้เธอยังมาทำกิริยาไม่ดีกับเพื่อนร่วมงานอีก ฉันนี้แหละที่จะรายงานผู้อำนวยการสูงสุด ดูซิว่า เขาจะฟังเธอหรือฉัน” ครูประทีปพูด ปลายฟ้าเธอมองหน้าครูประทีปก่อนจะลุกขึ้น

      “ฉันลาครึ่งวันตามสิทธิ์ ลาป่วย” เธอบอกผม ผมก็ต้องมองบน กับเอกสารบิลที่ผมปริ้นซ์ออกมาเพื่อมาเข้าแฟ้ม ค่าเทอมที่ผู้ปกครองจ่ายมาแถมผมยังรับโทรศัพท์ที่เธอโพสต์ถึงกิจกรรมวันคริสต์มาสแบบงงๆ ผมเองยังงงเลย ใครจะเข้าใจบ้างคงไม่มีแล้ว

      “พรุ่งนี้ฉันเข้ามา งานต้องเสร็จน่ะ ไม่เสร็จไม่ต้องกลับ “เธอกันมาบอกผม ผมหันไปมองหน้าเธอ

      “อยากให้เสร็จทัน ก็อยู่ช่วยกันทำซิคะคุณ” ครูประทีปบอกเธอ

      “ไม่!!.....ฉันป่วย ไม่เห็นเหรอคะ คุณครู!!” เธอพูดก่อนจะเดินออกไปทันที เหลือแค่ผมกับครูประทีป ครูเขาส่ายหัวไปมา ผมหันมาพยักหน้าว่าผมโอเค ผมจะอดทนเพื่อพี่กันที่เป็นคนฝากผมเข้ามาทำงาน แต่ผมก็ไม่เคยเบ่งเหมือนเธอน่ะที่ว่าผมเป็นเด็กฝากเหมือนกัน ผมนั่งทำงานได้สักพักก็หันไปมองเวลา ตอนนี้คุณเธียรวิชญ์คงยังอยู่ในห้องประชุม ผมขึ้นไปเก็บทำความสะอาดให้ก่อนดีกว่าจะได้รีบไปรับเจ้าลูกโซ่ ไม่อยากไปเกินเวลาเกรงใจพี่ฝนเขา

                TBC...

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.28 (เธียรXกันต์ธีร์)คลาดกัน

                        Part’ s เธียรวิชญ์ ผมเข้าประชุมต่อทันทีหลังจากทานอาหารเที่ยงเสร็จ บรรยากาศในห้องประชุมเล็กๆ กะทัดรัดมีครูแค่ไม่กี่ท่านอย่างที่กันต์ธีย์บอกผมไว้ไม่มีผิด วาระการประชุมก็คือการมอบหมายงานประเมินการศึกษา กฎระเบียบบังคับครู และจิปาถะ ผมนั่งมองไปด้วยและฟังครูที่เข้ามาประชุมดูแต่ละคนก็หัวกะทิทั้งนั้น และที่ผมคิดน่ะ นี้ไม่น่าจะเรียกประชุมแต่น่าจะเรียกการตั้งโต๊ะโต้วาทีกันมากกว่า โต้เถียงกันมันมากแต่ผมนี้ นั่งเอาปากกาจิ้มขมับตัวเองและฟังไปด้วย ผมเข้าใจป๊าผมทันที ที่อยากจะกระจายงานให้ลูกๆ บ้าง กว่าจะเถียงกันเสร็จ ก็ปาเข้าไปเกือบจะบ่ายสามครึ้งแล้ว จบซะทีซิน่ะ

         “ตึ้ง!! “เสียงข้อความเข้ามือถือผม ทำให้ทุกอย่างกลับมาสู้โหมดความเงียบ ผมก็ก้มลงอ่าน

         //พี่เธียรค่ะ แพรวา จะไปรับแล้วนะคะ เตรียมพร้อมสำหรับอาหารค่ำที่แสนโรแมนติกของเราสองคนหรือยังคะ” ผมก็ต้องกุมขมับ ก่อนจะ

         //ถ้าพวกคุณได้ข้อสรุปกันแล้วก็ขอจบการโต้วาที เอ๊ย การประชุมไว้เพียงเท่านี้น่ะครับ เชิญครับ//ผมพูดก่อนจะลุกขึ้น เหลือกตาขึ้นบนเล็กน้อย ใจอยากกลับไปเริ่มต้นเรียนมหา’ลัยใหม่ ทำไมทำงานมันคนละเรื่องกันเลยว่ะ เธียรวิชย์ ผมก็รีบเดินกลับห้องทำงานของผู้อำนวยการ เพื่อไปเก็บของบนโต๊ะแต่พอผมเข้ามาในห้อง ทุกอย่างถูกเก็บเข้าที่เรียบร้อยเหลือแต่พนักงานทำความสะอาดที่จะเข้ามาทำหลังเลิกเรียน

         “สวัสดีครับ มาเก็บห้องให้ผมเหรอครับ คุณป้า” ผมถามคนทำความสะอาด เขาหันมามองหน้าผม

         “ไม่ใช่ค่ะ คุณเจ้าหน้าที่ห้องธุรการนะคะ เขาเข้ามาทำให้ค่ะ ป้าแค่มาดูดฝุ่น ปัดกวาดเช็ดถูให้เฉยๆ ค่ะ” ป้าคนที่ทำความสะอาดบอกผม ผมก็รีบเก็บทุกอย่างก่อน ว่าจะลงไปขอบคุณและถ้าพรุ่งนี้ว่างจะชวนไปทานข้าวแน่นอน แต่พอ ผมเดินลงมาก็ไม่เจอเขาแล้ว ห้องธุรการปิดล๊อกเรียบร้อย ทำไมกลับเร็วจังน่ะ ผมก็ต้องเดินลงมายังชั้นล่างสุด หันซ้ายหันขวาเผื่อว่าจะเจอ และผมก็เห็นเขาหลังไวไว กำลังเดินจั้มอ้าว ไปทางโซน เนอสเซอรี่แคร์ ไปทำไมล่ะนั้นน่ะ และนี่มันก็นอกเวลางานแล้วไม่ใช่เหรอ ผมเลยเดินตามไปดูดีกว่า

         “หมับ!!!” มีคนมาดึงรั้งแขนผมเอาไว้ผมซะก่อน ผมหันมามอง แพรวา เธอมาพร้อมกับชุดสวยและทรงผมที่ไปทำมาอย่างดี นี้เธอไม่ได้กลับไปทำงานกับพ่อเธอเหรอ

         “แพรวาพร้อมมากค่ะ เดทของเรา” แพรวาพูด

         “แพรวา พี่แค่พาเราไปนั่งทานร้านอาหารสักแห่งที่ในห้างครับ ไม่ได้จะพาไปร้านอาหารหรู และพี่ก็ต้องไป” ผมบอกเธอ

         “ไม่ได้!! ต้องไปกับแพรวา เท่านั้น!!” แพรวาตะคอกใส่ผม

         “พี่ต้องอยู่กับแพรวาชดเชยให้แพรวา อยู่จนกว่าแพรวาจะพอใจค่ะ ไม่อย่างนั้นแพรวาจะโทรบอกพ่อแพรวาว่าพี่ต้องย้ายไปอยู่บ้านเดียวกันกับแพรวาค่ะ” แพราวาพูด ผมนี้อยากจะบ้าตาย

         “แพรวา มันเกินไปแล้วน่ะ และพี่จะไปหาอาม่าพี่น่ะแพรวา พี่เริ่มจะไม่ไหวแล้วน่ะ แพรวาเอาแต่ใจเกินไปแล้ว” ผมพูดกับเธอ

         “ไม่รู้แหละพี่เธียรต้องไปกับแพรวา และวันนี้ห้ามใครมากวน ถ้ามากวนเจอดีกับแพรวาแน่!!” แพรวาพูด

         “หมับ” แพรวาควงแขนผมทันที “ไปขึ้นรถกับแพรวานะคะ รถของพี่ให้คนขับรถขับไปจอดที่บ้านพี่เลยนะคะ “แพรวาบอกผม

         “แพรวามีเซอไพรส์ค่ะ” แพรวาหันมาบอกผม ก่อนจะทำตาประกายแวววาว ผมเหลือบมองเวลา แล้วจะไปหาอาม่าได้ไหมว่ะเนี๊ยะ

         “พี่เธียร ยืนอยู่ตรงนี้นะคะ หันหลังด้วยนะคะ แพรวาจะเข้าไปเอาเซอไพรส์มาหมอบให้ค่ะ “แพรวาบอกผมให้ยืนเว้นระยะห่างจากรถเอาไว้และหันหลัง

         “ยืนเซ่ออะไรล่ะ รอถ่ายซิ ถ่ายดีดีน่ะ เอาสวยๆ ด้วย ไม่สวยน่ะโดนไล่ออก” ผมได้ยินเธอสั่งคนที่มาดูแลเธอ และสิ่งที่ผมเห็นกำลังตรงมาหาผม คือรถลัมโบร์กินี่รุ่นตัวท๊อปใหม่ล่าสุด ก่อนจะดริฟรถตีโค้งมาจอดตรงข้างหน้าผมพอดิบพอดี พร้อมกับประตูปีกนกที่เปิดออก เฮียธาม ชะโงกหัวมองผม

         “ขึ้นรถ” เฮียบอกผม แต่ว่าผมชี้ไปข้างหลังผมล่ะ

         “ขึ้นมา!! “ผมหันไปมองก่อนจะวิ่งเข้าไปในรถเฮียธามและประตูก็ปิดลงพร้อมกับเสียงเบิ้นเครื่องจนยางไหม้ และควันโขม้งไปหมด ควันดำๆ ซะด้วยและเฮียแกตั้งใจมากเบิ้นใส่แพรวามันขนาดนั้น ก่อนจะออกรถที่แรงเต็มพิกัดของเฮียธามไป ผมหันไปมองจนกระทั่งควันเริ่มจางหายไปเหลือไว้แค่เด็กผู้หญิงที่ยืนถือช่อดอกไม้ เอามือปัดควันไปมา

         “ว๊าก!! เฮีย แพรวามันด่าเฮียแน่” ผมร้องบอกเฮียธาม เพราะว่าดูจากสภาพนางแล้ว ไอ้ควันดำดำนั้นคงทำให้เธอดูเหมือนไปคลุกกับดินหม้อมาแน่ๆ เฮียธามแค่หันมายักคิ้วให้ผม แต่ก็ดีที่เฮียมาช่วยชีวิตผมได้ทัน

         “อาม่าให้มารับมึงไปหา ถ้ามึงไม่ไป เป็นเรื่องแน่ เพราะว่าวันนี้รวมญาติให้ตี๋น้อย” เฮียธามหันมาพูด ผมพยักหน้าก่อนจะหันไปดึงเข็มขัดนิรภัยมาขาดไว้ก่อย รถเฮียยิ่งแรงๆ อยู่ และจังหวะนั้นผมก็เห็นรถอากันตภณ ขับสวนเข้ามา

         “เฮียรถเจ๊กกันอ่ะมาทำไมอ่ะ มาหาผมหรือเปล่าเฮีย” ผมถามเฮียธามทันที

         “ไหนวะ ไม่ได้มาหามึงหรอก มาหาเด็กเขา เด็กเขาทำงานที่นี้ วันก่อนเขาพามาฝากกับป๊าอ่ะ ไม่เจอหรือไง” เฮียธามมองตามที่ผมชี้ ก่อนจะขับรถออกไปทันทีเช่นกัน อากันตภณมีเด็กเหรอ คนไหนวะ พรุ่งนี้ต้องไปตามสืบดู

            ผมหันมามองเฮีย แต่คิดในใจว่า ควรจะเรียกเจ๊มากกว่าเฮียน่ะ เอสเซสเซอรี่เต็มหัวไปหมดฟรุ่งฟริ้งกระดิ่งแมวมาก แถมต่างหูก็เป็นแพรเชียว การแต่งตัวทั้งหมดนี้ ป๊าผมไม่เคยจับเฮียธามได้เลย ใช่ครับพี่ชายคนที่สองผมออกแนวสาวมากกว่า และก่อนเฮียจะเข้าบ้านทุกอย่างจะถูกถอดเก็บจนหมดแม้กระทั่งผมที่ยาวเหมือนบ๊อบก็จะถูกรวบขึ้นไป เฮียแกไถด้านในและพอมัดก็จะเหมือนทรงผมผู้ชายทั่วไป ถ้าปล่อยลงจะออกแนวสาวๆ หน่อย ผมนั่งมองแล้วผมก็อยากจะบอกเฮียว่า บอกป๊าไปเถอะ จะได้ไม่ต้องเหนื่อยเปลี่ยนบุคลิกภาพ เดี๋ยวแมนเดี๋ยวแต๋วแบบนี้



*****

            Part’ s กันต์ธีย์ ผมเดินไปหาลูกชายหลังจากที่ผมจัดการเก็บทุกอย่างในห้องทำงานเรียบร้อยและขึ้นไปทำห้องทำงานให้กับผู้บริหารคนใหม่ ที่เป็นลูกชายคนเล็กของทานประธานใหญ่ แต่ที่ทำให้ผมแปลกใจคือ ชื่อเธียรวิชย์ มันช่างเหมือนกับไอ้คนที่เอาแหวนเอาไว้ให้ผม แต่นามสกุลน่ะมันมีแค่ดอเด็กตัวเดียว แล้วผมจะรู้ไหมว่านามสกุลเต็มมันคืออะไร หรือแค่ดอเด็กด้วนๆ กันแน่ ไอ้ตอนแรกผมก็นึกว่าคนเดียวกัน แต่เพราะว่าความสุภาพของเขามันทำให้ผม สั่นหัว ก็ไอ้คนนั้นน่ะ มันทำสีหน้าไม่พอใจผมตั้งแต่ที่ผมทำเหล้าหกใส่เสื้อมันแล้วนิ แต่คนนี้กลับไม่ใช่ เขาสุภาพ จนผมคิดว่าไม่ใช่คนเดียวกันแน่ๆ



   “น้องบีม มาแล้วเหรอคะ “พี่สายฝน พี่คนที่ดูแลแซบซ่าให้ผม เจ้าลูกโซ่ ตอนนี้หกเดือนกับอีกสิบวัน พรุ่งนี้ต้องไปรับวัคซีนด้วยซิ ผมน่ะเขียนใบลาส่งไปให้พี่ธีแล้ว ผมกะจะลาแค่ครึ่งวัน

   “มะ มะ มะ “ดูเรียกผมซิ

   “บอกว่าเรียกมี้ ไม่ใช่ มะ มะ “ผมพูดกับตัวเล็ก ก่อนจะอุ้มขึ้นมา ยิ่งนับวันเขาก็ยิ่งทำให้ผมรักเขาและความโกรธแค้นที่เคยมีกับไอ้คนที่ทำให้ผมท้อง มันเริ่มจางหายไป เพราะแต่ผมได้ความรักจากเด็กคนนี้มาแทน ผมอุ้มเขาขึ้นมา สบตาที่ใส่ซื่อนั้น ฝ่ามือเล็กๆ จับที่ใบหน้าของผม

   “มะ มะ มะ “ยักเรียกผมว่ามะมะ อีก สักวันคงได้กลายเป็นมาม่ากันบ้างล่ะ ผมแอบคิดในใจ ก่อนจะหันไปหยิบกระเป๋าเด็กน้อยขึ้นมาสะพายไว้

   “พี่น้ำสายฝนครับ พรุ่งนี้ น้องไม่ได้มานะครับ เพราะว่าผมจะพาไปฉีดวัคซีนหกเดือดน่ะครับ “ผมบอกพี่สายฝน

   “ค่ะน้องบีม” พี่สายฝนพูดก่อนจะหันมามองลูกโซ่

   “วันนี้เกือบทำพี่ฝนตกงานแล้วค่ะ น้องบีม” ผมหันไปมอง ก่อนจะหันมามองพ่อตัวดีของผมเช่นกัน

   “ทำไมเหรอครับ” ผมถามพี่ฝนก่อนจะมองเจ้าลูกโซ่ ไปรับงานอะไรให้พี่ฝนเขา

   “ก็น้องเขาคงเบื่อบรรยากาศภายใน เลยออกไปนั่งนอกห้องแทน และน่าจะออกไปตอนที่คุณครูเขาเปิดประตูแล้วไม่เห็นนะคะ ไวมากเลยน้องค่ะน้องบีมลูกชายน้องบีมเนี๊ยะ!” ผมถึงกับถลึงตาขึ้น มีแบบนี้ด้วยเหรอ ลูกผมนี้น่ะ

   “และโชคก็เหมือนจะดี แต่ก็ยังร้ายสำหรับพี่ค่ะ คนที่มาเจอน้องคือ ผู้บริหารงานคนใหม่ เขาว่าพี่ใหญ่เลยค่ะ พี่นี้คิดว่าโดนแน่ๆ ไล่ออก” พี่ฝนพูดผมหันมาทำหน้าดุใส่เจ้าลูกโซ่

   “ผมขอโทษแทนเจ้าลูกโซ่ด้วยนะครับพี่ฝน” ผมพูดขอโทษพี่ฝน

   “ไม่เป็นไรค่ะ และนี่พี่ก็กำชับกับพี่เลี้ยงว่าให้ปิดตูทุกครั้ง อย่าคิดว่าแป๊บเดียวจะไม่เกิดอะไรขึ้น เพราะไม่อย่างนั้นได้กลับบ้านนอกแน่ๆ ค่ะ “พี่สายฝนพูด ผมหันมามองเจ้าลูกโซ่ เจ้าลูกโซ่ ชะโงกหัวไปมองหาใครสักคนจากด้านหลังของผม

   “ถ้าอย่างนั้นผมกลับก่อนนะครับพี่ฝน” ผมรีบบอกพี่สายฝน พี่เลี้ยงเจ้าตัววุ่นวายของผม ผมหันหลังไปมองคนที่เดินมาถึงก็ก้มลงหยิบกระเป๋าเจ้าลูกโซ่ขึ้นมาถือให้ พี่กันตภณคนเดิม เพิ่มเติมคือความหล่อขึ้นทุกวัน แต่ผมกลับยังไม่เคยมองเขาเป็นเช่นคนรักเช่นเคย ผมมีเหตุผลครับและผมจะบอกเมื่อผมมั่นใจว่าเหตุผลนั้นถูกต้อง

   “วันนี้สร้างวีรกรรมอะไรกับพี่เลี้ยงอีกไหมครับลูกโซ่” พี่กันตภณถามเจ้าลูกโซ่ ของผม พร้อมกับใช้นิ้วจิ้มที่จมูกโด่งรั้น และเจ้าลูกโซ่ก็ไล่จับไม่อยากให้จับปลายจมูกของเขา แต่ทว่าผมกลับเห็นปลายจมูกของอีกคน คนที่ผมผูกเนกไทให้วันนี้ ผมอยู่ใกล้ชิดเขามาก ผู้ชายที่สาวๆ ในโรงเรียนพูดถึงกันทั้งโรงเรียน นั้นคือคุณเธียรวิชย์

   “บีม บีม บีม!!” ผมสะดุ้งสุดตัว เมื่อมีมือมาแตะที่แขนผม พี่กันตภณ

   “ไม่มีอะไรครับพี่กัน” ผมถามพี่กันกลับทันที

   “พี่กางมือรอรับจะเอาเจ้าลูกโซ่ใส่ในคาร์ซีทอยู่น่ะครับ แต่ว่าวันนี้บีมเหม่อไปน่ะ งานเยอะไปหรือเปล่า หรือว่าเครียดเรื่องอะไรอยู่น่ะ” ผมส่งเจ้าลูกโซ๋ให้พี่กันตภณรับไปและน้ำเจ้าตัวดีใส่ในคาร์ซีทเหมือนเช่นทุกวัน

   “ผมว่าจะเอารถผมมาขับได้แล้วครับ พี่กัน” ผมบอกพี่กันตภณ

   “ทำไมล่ะ ไม่อยากให้พี่มารับมาส่งแล้วเหรอ “พี่กันตภณถามผม

   “ผมเกรงใจนะครับ และพี่ต้องขับรถย้อนไปย้อนมาอีก ไหนจะมารับผม ไหนจะไปส่งผม และไหนจะต้องขับรถกลับบ้าน ไม่เหนื่อยแย่เหรอครับ นี้ยังไม่รวมที่พี่ต้องขับไปมหาวิทยาลัยอีกนะครับ พี่กัน” ผมพูดกับคนตรงหน้า พี่กันเปิดประตูให้ผมเข้าไปนั่ง ผมก็ต้องเข้าไปนั่งตามที่พี่เขาพยักพเยิดบอกผม

   “พี่เต็มใจครับ” พี่กันตภณบอกผมก่อนที่จะจับสายนิรภัยมาคาดให้ผม

   “แต่ผม เออ ผม คิดว่า พี่ “ผมกำลังจะพูด แต่ก็ไม่แน่ใจว่าควรจะพูดหรือถามพี่กันตภณดีไหม พี่เขามองหน้าผม เหมือนกำลังสงสัยในสิ่งที่ผมกำลังจะเอ่ยปาก

   “มีอะไรครับบีม” พี่กันตภณเขาถามผม

   “ไม่มีอะไรครับพี่กัน กลับบ้านเถอะครับ ผมอยากจะพาเจ้าโซ่ไปอาบน้ำแย่แล้ว” ผมบอกพี่กันตภณ พี่เขาก็ปิดประตูลง ก่อนเดินมาขึ้นอีกฝังแทน ผมหันไปมองพี่กันตภณ จังหวะที่พี่กันกำลังจะเลี้ยวรถออก ผมเหลือบไปมองมือถือที่วางในกล่องใส่ของ ผมเห็นมีข้อความถูกส่งเข้ามาในมือถือพี่กันตภณ

   // กัน ทำไมไม่รับสาย รับสายภีมหน่อย เราจะได้คุยกัน นะกัน ภีมขอร้อง // ผมอ่านข้อความนั้นแต่พี่กันตภณเขายังไม่ได้เปิดอ่านเลย

   “พี่กัน ผมต้องพาน้องลูกโซ่ไปฉีดวัคซีนนะครับ” ผมบอกพี่กันตภณ

   “หมอสายป่านหรือเปล่า” พี่กันตภณเขาถามผม

   “ครับพี่กัน” ผมตอบ ดูสีหน้าพี่กันตภณเป็นกังวลขึ้นมาทันที

   “งั้นพี่ไปส่งน่ะ” พี่กันตภณบอกผม

   “ก็ได้ครับและผมจะกลับมาทำงานกันเพื่อนๆ ผมจะอยู่เลี้ยงเจ้าลูกโซ่ตอนบ่ายให้นะครับ” ผมบอกพี่กันตภณ

   “เราจะกลับมาทำงานอย่างนั้นนะหรือ” พี่กันตภณถามผม

   “ครับเพราะว่าผมยังมีงานค้างอยู่นะครับ” ผมตอบเบาๆ

   “พอดีเลยพี่ต้องมาที่นี้ด้วย เรามาพร้อมกันเลยไหมเพราะว่าพี่ชายพี่เขาจะนัดคุยเรื่องหุ้นกับเจ๊พี่ด้วยกันที่นี้ และเรื่องที่จะให้หลานชายพี่มาเป็นผู้บริหารที่นี้อีก “พี่กันตภณบอกผม

   “เจอกันหรือยัง ไอ้เจ้าเธียรวิชย์ที่พี่ให้เราทำรายงาน Thesis ให้มันน่ะ มันชมเราน่ะว่าเราทำได้ละเอียดและดีมากนี่มันว่าจะชวนเราไปทานข้าวด้วย แต่พี่บอกเรายุ่งน่ะ”

   “อ้อเจอกันแล้วครับ ผมไม่แปลกใจเลยว่าเขาจะเป็นหลานพี่กัน เพราะว่าเขาดูสุภาพไม่ต่างจากพี่กันมากแต่น่าจะกวนๆ มากกว่าน่ะครับ ด้วยวัยด้วยมั้งครับ” ผมหันมาพูดกับพี่กันตภณ

   “ไอ้เจ้าเธียรนี้น่ะ แม่พี่เอาไปเลี้ยงตั้งแต่เกิดเลย” อาจารย์กันตภณบอกผม คนนี้หรือเปล่าที่อาจารย์กันตภณพูดถึงกับพี่หมอภีมบ่อยๆ

   “พี่ไม่ค่อยรู้อะไรมากเพราะว่าตอนนั้นพี่ก็เพิ่งจะสิบเอ็ดสิบสองปีเอง พี่รู้แค่ว่า หมอตรวจเจอบางสิ่งที่ผิดปกติ เลยต้องผ่าเอาเจ้าเธียรออกมาก่อนกำหนด น่าจะ36 วีคได้ และอาซ้อต้องไปเข้ารับการรักษาตัวต่อจากนั้น ส่วนเจ้าเธียรก็อยู่ในตู้อบอาทิตย์หรือสองอาทิตย์นี้แหละ และพอกลับบ้านม๊าพี่ก็รับไปดูแลเอง” อาจารย์กันตภณพูด ผมนี้รู้สึกเศร้าขึ้นมาทันที ทำไมจู่ผมก็รู้สึกใจหายแปลกๆ ที่ได้ยินแบบนี้ แม่ที่คลอดลูกออกมาแต่ว่าไม่สามารถจะอยู่ใกล้ๆ กันกับลูกน้อยได้

   “เธียรเนี๊ยะ มันแสบที่สุดในบรรดาหลานที่พี่มีเลยน่ะ มันร้ายมากและยังมีม๊าพี่ที่ตามใจมันมาก เมื่อก่อนน่ะ “พี่กันตภณพูดถึงคุณเธียรวิชย์ ผมก็ต้องขมวดคิ้ว ก็ไม่มากน่ะ ผมคุยกันไปเรื่อยเปื่อยจนกระทั่งถึงบ้าน จะว่าไปดูพี่กันตภณเขาสนิทกับหลานคนเล็กเขามากเลยน่ะและพฤติกรรมที่เขาเล่ามามันก็เกือบจะเหมือนเจ้าลูกโซ่ผมทั้งหมดและมันก็ทำให้ผมอดแปลกใจไม่ได้เช่นกัน

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
      
EP.29 อาม่าเจอลูกโซ่ ครั้งแรก(แต่ยังไม่รู้)

              Part’ s กันต์ธีย์ วันนี้ผมพาเจ้าลูกโซ่มาฉีดวัคซีนหกเดือนตามนัด แต่เลยมาหน่อย เพราะว่าเจ้าโซ่เกิดก่อนกำหนด หมอส่ายป่านเลยนับวัคซีนให้เลยไปสักหน่อยแต่ไม่มากหนัก ตอนแรกพี่กันตภพว่าจะมาส่งผม แต่จู่ๆ ก็มีสายเรียกตัวประชุมที่กองมหาวิทยาลัยด่วน ผมเลยนั่งแท็กซี่มาแทน พี่กันตภณบอกว่าจะมารับผมและไปส่งน้องลูกโซ่ที่คอนโดก่อนจะไปที่โรงเรียนที่ผมทำงานด้วยกัน พี่กันต้องไปประชุมกับพี่ชายคนโต พี่สาวและหลานๆ จะว่าไป คุณเธียรวิชย์นี้เขายิ้มเหมือนพี่กันตภณไม่มีผิดเพี่ยนแต่นี่กับเป็นสิ่งเดียวที่เจ้าลูกโซ่มีเหมือนกับพี่กันตภณ แปลกไหมน่ะ แปลกน่ะ หรือว่าที่เขาบอกว่าเด็กน่ะอยู่กับใครที่เลี้ยงดูเขาก็จะหน้าเปลี่ยนไปตามนั้น แต่ว่าไม่ได้มาจากสายเลือดจะเหมือนกันได้จริงๆ เหรอ

   “สวัสดีค่ะ วันนี้มีนัดฉีดวัคซีนของน้องนะคะ แต่ว่าคุณหมอสายป่านติดธุระด่วนค่ะ คุณหมอสายป่านได้ฝากเรื่องให้คุณหมอภีมปภพเป็นคนฉีดให้น้องค่ะและตรวจสุขภาพด้วยค่ะ” ผมพยักหน้าก่อนจะอุ้มเจ้าลูกโซ่ขึ้นมา

   “เดี๋ยวตามน้องผู้ช่วยไปเลยนะคะ “ผมพยักหน้าก่อนจะเดินตามไป และเจ้าลูกโซ่ก็หมุดหน้าเข้ากับอกแบนๆ ของผม เหมือนจะเดาได้ว่าผมพาเขามาทำอะไร ไม่ซ่าเลยน่ะวันนี้น่ะ ผมเดินมานั่งรอที่หน้าห้องหมอภีมปภพ แทน ห้องที่มีแต่คนท้องและส่วนใหญ่จะเป็นคนไข้ผู้หญิงทั้งนั้น ก็หมอภีมปภพเขาเป็นหมอสูตินรีแพทย์ ผมเองก็ไม่รู้ว่าทำไมหมอสายป่านให้หมอภีมปภพเป็นคนดูแลแทน แต่กลับไม่ใช่ให้หมอเด็กคนอื่น ผมนั่งที่ตรงเก้าอี้ ส่วนเจ้าโซ่ก็ดีดดิ้นอยากจะลงไปคลานที่พื้นอีก

   “ฉันอยู่ที่โรงพยาบาลแล้วเฮียเกริก นี้รอหมอภีมอยู่ เพื่อนของกันเขาไงล่ะที่เป็นหมอที่อาม่าหาประจำ เอะอะอะไรก็ต้องขอเป็นหมอภีม เห็นหมอภีมบอกว่าจะสั่งฮอร์โมนให้ม๊าไปทาน จะได้ไม่หงุดหงิดง่าย จะกลับแล้วเฮีย ก็เจ้ากันมันบอกว่าติดประชุมอยู่นี้ ไม่ได้คุยหรอก แค่นี้ก่อนน่ะเฮีย ฉันต้องไปคุยกับพยาบาลก่อน เดี๋ยวเจอกันหลังจากพาม๊ากลับบ้านแล้วกันเฮีย”

   RRRR เสียงโทรศัพท์ผมดังขึ้น เป็นเบอร์ของพี่กันตภณ ผมรีบรับสายทันที ก่อนจะปล่อยเจ้าลูกโซ่ ลงไปนั่งเล่นที่พื้นก่อน

   //ครับพี่กัน//

   //พี่กำลังจะออกไปแล้วน่ะบีม//

   //ได้ครับ ผมยังนั่งรอพี่หมอภีมอยู่ครับพี่กัน//

   //ไม่ใช่หมอสายป่านเหรอบีม ที่นัดเจ้าลูกโซ่น่ะวันนี้//

   //ไม่ใช่ครับ แต่ผมไม่รู้ว่าทำไม เขาให้เป็นหมอภีมปภพครับวันนี้” ผมบอกพี่กันตภณ

   // ไม่เป็นไรหรอก หมอภีมก็ดีน่ะ พี่กำลังจะออกรถคงไม่เกินยี่สิบนาทีครับ “พี่กันตภณบอกผม ผมก็กดวางสายก้อนจะหันไปเห็นไอ้เจ้าลูกโซ่ที่คลานไปเกาะรถเข็นคนไข้ อาม่าคนหนึ่งเข้าแถมยังเอียงคอมองซ้ายขวา และยื่นมือไปทำท่าจะจับ

   “อัยย๊า! อาตี๋น้อยๆ อ่าห์ “ผมได้ยินเสียงเรียกเด็กน้อยและผมก้มลงจะอุ้มเจ้าลูกโซ่ที่นั่งลงตรงระหว่างขาผมแต่ทว่า ไม่มี ผมหันไปมอง ลูกชายตัวดีของผม คลานไปตอนไหนก็ไม่รู้ ไปปืนเกาะอยู่ที่ตรงขาของอาม่าที่นั่งอยู่บนรถเข็นที่อยู่ไม่ไกลมากหนัก ผมก็รีบลุกไปจับเจ้าลูกโซ่ทันที

   “อาหงส์ อาตี๋น้อยๆ อยากเล่นกับอั้วะน่า” อาม่าพูดพร้อมกับเอาฝ่ามือลูบหัวเจ้าลูกโซ่อย่างเอ็นดู

   “ขอโทษนะครับ” ผมรีบขอโทษขอโพยใหญ่เลย

   “แม้หน้าตาน่ารักน่าชังซะด้วย ลูกชายเหรอคะ” ผู้หญิงคนหนึ่งที่ยืนข้างๆ อาม่า ผมเดาได้ว่าเป็นลูกสาวของอาม่า เขาและเด็กผู้หญิงอีกคน หน้าตาหมวยๆ น่ารักคงจะหลานสาวแน่ๆ

   “ครับ ผมพามาฉีดวัคซีนน่ะครับ” ผมบอกเขา

   “อืมมม “เจ้าลูกโซ่ พยายามจะเอนตัวลงจากผมจะไปเล่นกับอาม่าอีก (ภาษาไทยเรายังไม่ค่อยแข็งแรงดีจะไปสื่อสารภาษาจีนได้เหรอ เจ้าลูกโซ่ แอบคิดในใจ)

   “ไปครับลูกโซ่ไปนั่งกับมี้ดีกว่านะครับ ไม่ดื้อนะครับ” ผมบอกเด็กน้อยก่อนจะอุ้มขึ้น

   “หน้าตาอาตี๋น้อยๆ มันคุ้นๆ น่ะนี่มันลูกไอ้เธียรหรือเปล่าอ่ะ อาหงส์” ผมหันไปมองอาม่า ไอ้เธียรไหนอ่ะอาม่า

   “อาม่าอาเธียรยังไม่มีเมีย “ลูกสาวของอาม่ารีบพูดก่อนจะยิ้มเจื่อนๆ มาให้ผม

   “เธียรไหนเหรอครับ “ผมรีบหันไปถามอาม่าทันที

   “ไอ้สีเทียนอ้า หลานอั๋วะหน่า หน้ามันยังนี้เลยน่า อั๋วนี้เลี้ยงมันมากับมือ ทำไมอั๊วจะจำไม่ได้ ไอ้ตาเฉียวๆ เอาเรื่องแบบนี้เลยน่า” ผมก็พยักหน้าเบาๆ เพราะว่าคนละเธียรกัน ก็เลยยิ้มแหยๆ ไป และไอ้นั่นมันไอ้เธียรวิชย์ ดอ และไม่ใช่เธียรวิชย์ เดชาวชิรภังกุลชรหลานอากันอีก ผมว่าเลิกหาดีกว่าไอ้เธียรวิชย์อะไรเนี๊ยะ รู้สึกว่าจะหลายเธียรแล้วเนี๊ยะ!

   “อาตี๋น้อยๆ “อาม่าเรียกลูกชายผม เจ้าลูกโซ่ก็พยายามยืนแขนอันสั้นนิดเดียว ไปหาเขาอีกด้วยอยากเล่นกับเขาขึ้นมาอีก

   “โทษทีน่ะ ม๊าพี่น่ะแก่มากแล้ว หลงๆ ลืมๆ อย่าถือสาน่ะหนูน่ะ “พี่ผู้หญิงที่เป็นลูกสาวของอาม่าพูด ผมพยักหน้าว่าไม่เป็นไร และพยาบาลก็ออกมาเข็นอาม่าไป ก่อนจะไปหันมาโบกมือให้เจ้าลูกโซ๋ของผม

   “กลายเป็นอาตี๋ไปแล้วหรือไง” ผมถามเจ้าลูกโซ่ของผม ก่อนจะกลับมานั่งลง เพื่อรอเข้าห้องตรวจ ผมเหลือบมองมือถือของผม

   มะนาว//แกจะกินอะไรไหมจะได้ซื้อเข้าไปกินกัน//

   บีม// “ซื้อมาเลยน่ะมะนาว บีมต้องกลับไปทำงานไง//

   มะนาว//เออ ลืมว่ะ//

   ใบชา//วันนี้ ทำชาบูกินกันดีกว่าอยากกินอ่ะ//

   เป็กซ์//ดีเลย//

   ฟิล์ม//กูต้องแบกหม้อชาบูพี่ฟ้าไปอีกแล้วใช่ไหมไอ้เชี้ย! ///

   ผมนั่งคุยแชทไลน์กับเพื่อนๆ พอผมเงยหน้าขึ้นมองไปรอบๆ ก่อนจะหันไปสะดุดที่ผู้หญิงคนหนึ่งที่ยืนอยู่ ตรงหัวมุม เขามองผมอยู่ก่อนจะเดินออกไปอย่างรวดเร็ว เหมือนกับว่าเขายืนมองผมมาพักใหญ่แล้ว ใครกันน่ะ เขาคือใครอ่ะ จะให้ผมตามก็คงไม่ได้ มีทั้งเจ้าลูกโซ่และกระเป๋าเด็กอีก

   “เด็กชายกีรติกรค่ะ “พี่พยาบาลเดินเข้ามาเรียกชื่อลูกชายผมและผมก็ลุกขึ้นพร้อมกับเดินตามเขาเข้าไปทันที ผมยังหันกลับมามองหาผู้หญิงคนนั้นแต่ว่าไม่เจอแล้ว เขาเดินหายไปกับกลุ่มคนที่เดินทางเข้าออก หรือว่าผมเข้าใจผิดไปเองน่ะ จนกระทั่งผมเข้าไปนั่งในห้องพี่หมอภีม

   “สวัสดีครับลูกโซ่” พี่หมอภีมปภพหันมาทักทายเจ้าลูกโซ่ก่อนจะผลักเก้าอี้เลื่อนออกมาอยู่ตรงหน้าและยื่นหน้าหล่อๆ มามองลูกโซ่แบบใกล้ชิด แต่แปลกน่ะ ที่อย่างนี้ไม่อยากจับจมูกเขา แต่วันก่อนกับพี่ธี ที่เป็นลูกเจ้าท่านประธานล่ะจับและบีบเขาติดมือเลยน่ะ

   “เป็นไงบ้าง หกเดือนครึ้งแล้วซิ และนี่น้องเลี้ยงง่ายไหมบีม” พี่หมอภีมพูดก่อนจะหยิบเอาของเล่นมาให้เจ้าลูกโซ่ถือพร้อมกับฟังปอดลูกโซ่ไปด้วย

   “ก็ยากบ้างง่ายบ้างอ่ะครับพี่หมอ เพราะว่าผมเองเป็นคุณแม่มือใหม่มาก “ผมบอกพี่หมอภีมปภพ

   “ยังยากอีกเหรอครับ ขนาดว่ามือโปรไปดูแลทุกวันขนาดนี้” พี่หมอภีมปภพพูดปนหัวเราะ

   “พี่หมายถึงพี่กันนะเหรอครับ” ”

   “ก็ใช่ซิครับ จะเป็นใครไปไม่ได้ “พี่หมอภีมปภพพูดก่อนจะลงบันทึกในสมุดให้เจ้าลูกโซ่ พี่หมอภีมเงยหน้ามองผม ผมก็ยิ้มให้

   “ทำไมไม่ใจอ่อนให้กันมันสักทีล่ะ บีม มันก็อยากมีลูก แต่แค่มีไม่ได้ และกันมันก็เป็นคนดีน่ะ พี่ยืนยันได้” พี่หมอภีมปภพพูด ก่อนจะหันไปพยักหน้าบอกพยายาบาลให้เตรียมยาฉีดให้ลูกโซ่

   “คุณหมอคะ เดี๋ยวไปเอาวัคซีนที่เบิกเอาไว้ที่ห้องยาก่อนนะคะ “พี่พยาบาลหันมาบอกพี่หมอภีมปภพก่อนจะเดินออกไป

   “พี่หมอคิดว่าผมควรจะให้พี่กันทำหน้าที่ที่พี่เขาไม่ได้ทำเหรอครับ” ผมถามพี่หมอภีมปภพ พี่เขาหันมามองหน้าผมเหมือนจะไม่เข้าที่ผมพูด

   “ก็ถ้า เขาดีพอสำหรับหน้าที่นี้ “พี่หมอภีมปภพพูด

   “แต่ผมไม่ได้คิดแบบนั้นน่ะซิครับ ผมควรจะเก็บกันไว้แค่เพราะว่าเขาทำหน้าที่พ่อที่ดีได้เหรอครับ มันดูจะเห็นแก่ตัวไปหน่อยไหมอ่ะครับพี่หมอ และมันจะปิดโอกาสที่ดีของพี่กันไหมครับ เพราะอาจจะมีคนที่รักพี่กันมากกว่าผมก็ได้น่ะครับ” ผมพูด พี่หมอภีมมองหน้าผม พี่เขาแอบกลืนน้ำลายลงคอด้วย

   “ถามว่าผมเคยคิดว่าเขาคือพ่อที่ดีของลูกไหม ผมคิดครับแต่ จนกระทั่งผมได้เจอกับบางสิ่ง” ผมพูดขึ้น

   “ผมเลยไม่คิดว่าผมควรจะทำอย่างนั้น มันคือการเห็นแก่ตัวที่สุด” ผมพูด

   “บีมพูดเรื่องอะไรครับ” พี่หมอภีมถามผม

   “เสื้อเชิ้ตที่พี่กันไปเปลี่ยนที่ห้องพี่วันที่ลูกโซ่อึรดนะครับ เสื้อเชิ้ตตัวนั้นผมซื้อให้พี่กันผมจำแบบและแบรนด์เนมได้ ผมซื้อให้เป็นของขวัญ และพี่กันก็ใส่มันมาวันเลี้ยงส่งอาจารย์ในคณะที่เกษียณอายุ และคืนนั้นผมเองก็ต้องอยู่ช่วยเพื่อนๆ พี่กันขอกลับก่อนเพราะว่ามีนัด”

   “และผมก็บังเอิญเดินออกมาโทรศัพท์ ผมเห็นรถที่มารับพี่กันไป รถเก๋งคันนัน ผมเดาได้ว่าคือรถพี่หมอ ผมเคยเห็นรถพี่หมอตอนที่ผมไปขึ้นรถพี่กันกลับจากโรงพยาบาล ผมเห็นรถคันนั้น ผมจำได้ดี รถที่จอดตรงป้ายที่เขียนเอาไว้ว่าเป็นที่จอดรถคุณหมอภีมปภพ” ผมบอกพี่หมอภีม เขาหันมามองหน้าผม ค่อนข้างตกใจ

   “และผมก็ไม่เห็นพี่กันใส่เสื้อตัวนั้นอีกเลย จนกระทั่ง วันนั่นแหละครับ นั้นแปลว่าพี่กันมาค้างกับพี่หมอถูกต้องไหมครับ” พี่หมอภีมปภพมองหน้าผม ผมสังเกตการณ์ลงปากกาซ้ำๆ ที่จุดเดียวกัน

   “และนั้นทำให้ผมบอกกับพี่กันว่า ผมอยากจะตามหาพ่อเจ้าลูกโซ่แต่ความจริงผมไม่รู้หรอกว่าผมจะตามเจอไหมเพราะตอนนี้ผมคิดว่าผมดูแลเขาได้ด้วยตัวผมเอง” ผมพูด

   “ส่วนพี่กันผมเองก็ไม่อยากกักเขาเอาไว้ต่อให้เขาทำดีกับผมมากแค่ไหน แต่ถ้าเขามีคนที่รักเขามากกว่าผม ผมยินดีที่จะให้เขาไปเจอคนที่ดีกว่า"ผมพูดกับพี่หมอภีมตรงๆ

   “และผมก็รู้ว่าพี่รักพี่กัน ผมดูจากที่พี่รู้ทุกอย่างของพี่กัน มันไม่ใช่แค่ว่าเพื่อนสนิท มันน่าจะมากกว่านั้นถูกต้องไหมครับ”

   “เออ บีม” พี่หมอภีมปภพทำท่าอึกอักที่จะพูด

   “ผมไม่รู้ว่าเรื่องระหว่างพี่กับพี่กันมันเริ่มมาตั้งแต่ตอนไหน แต่ผมเดาว่าพี่ยังไม่อยากให้มันจบแบบนี้ถูกต้องไหมครับ”

   “พี่กับพี่กันเป็นแฟนกันมาก่อนครับ คบกันหลายปี” พี่หมอภีมปภพพูด ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองผม

   “และพี่เองที่ทำให้กันมันถูกป๊ามันจับแต่งงาน พี่คบกับพี่กันตั้งแต่กำลังเรียนมหาวิทยาลัยด้วยกัน แต่พี่รู้จักกันมาตั้งแต่มัธยมปลายแล้วน่ะ “พี่หมอภีมปภพบอกผม มุมปากที่กระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้มบางๆ

   “ป๊าของกันไม่ชอบความารักแบบนี้ และพี่ก็ทำอะไรไม่ได้” พี่กันพูดขึ้นด้วยแววตาที่รู้สึกผิดที่เขาเองก็อาจจะมีส่วนผิดเช่นกัน

   “เจ็บมากไหมครับพี่หมอ” ผมถามพี่หมอ

   “เจ็บครับ ห้าปีที่ทนน่ะเจ็บมาก แต่พอกันเขาหย่ากับภรรยาเขาได้ และแทนที่พี่กับกันควรจะได้กลับมาคบกัน แต่กลับเป็นพี่เองที่ทำผิดจนกันเขาไม่ยอมกลับมาหาพี่”

   “พี่ไปมีอะไรกับผู้หญิงครับ และกันมันก็ไม่ขอกลับมาหาพี่อย่างคนรักอีก” พี่หมอภีมปภพพูด

   “เป็นผมก็คงทำใจลำบากล่ะครับพี่หมอ” ผมพูด และจังหวะนั้น พี่พยาบาลเดินเข้ามาพอดี และพี่หมอภีมปภพก็หันไปหยิบหลอนฉีดยามาส่งให้พี่หมอถือไว้

   “แหง๋ๆๆ” ผมก็ก้มลงมอง เขายังไม่ฉีดเลย แค่หยิบมาดู

   “อืมมม” ทำนิ้วว่าไม่เอาด้วย

   “ไม่เจ็บครับ ลุงหมอฉีดเบาๆ ครับ” พี่หมอภีมปภพูดก่อนจะหันมาและผมก็ยึดล๊อกตัวเจ้าลูกโซ่ที่ดิ้นกระจุยกระจาย จนเอาไม่อยู่ และพี่พยาบาลต้องเข้ามาช่วยผมยืดแทน ตัวแค่นี้ดิ้นแข็งแรงมาก จนผมยืดไม่อยู่ และทันทีเข็มจิ้มลงไปผมก็หลับตาปี๋เช่นกันใครจะทนดูอยู่ได้ ส่วนเจ้าลูกโซ่นี้ก็กรี้ดเต็มเสียง

“เดี๋ยวลุงหมอปิดพาสเตอร์ให้น่ะครับ ไม่เจ็บแล้วลูก” พี่หมอภีมปภพบอกเจ้าลูกโซ่ ที่นั่งปากล่างจะครอบปากบนอยู่แล้ว นี้แปลว่างอนอยู่เหลือกตาขึ้นมองลุงหมออีก พี่หมอภีมพยายามเล่นด้วยเพื่อไถ่โทษ แต่เจ้าลูกโซ่ก็หมุนตัวหนี ไม่ยอม ผมนึกแปลกใจยังไม่หนึ่งขวบเลยน่ะรู้จักงอนแล้ว

“แต่ถ้ากันเขาเลือกเรา พี่ยินดีน่ะ พี่ดีใจด้วย “พี่หมอภีมปภพพูด ก่อนจะลุกขึ้น เพราะว่าผมก็ต้องกลับกันแล้วเช่นกัน ผมอุ้มเจ้าลูกโซ่ขึ้น พี่หมอภีมลุกขึ้นมาหยิบก็หยิบกระเป๋าเพื่อจะเดินออกไปส่งผม

   “พี่ขอโทษนะครับ ที่พี่ไม่ได้บอกทั้งหมดวันที่พี่บอกว่าไอ้กันมันเคยแต่งงาน “ผมหันมายิ้มให้พี่หมอภีม

   “พี่ไม่ได้คุยกับกันเขามาพักใหญ่แล้ว มีคุยบ้างเวลาที่กันพาแม่เขามาหาหมอ แต่น้อยมาก และพี่กลับมาคุยกับกันอีกครั้ง ก็ตอนที่เขามาขอให้ พี่ดูแลเราและลูก นี้แหละพี่คุยกับเขาบ่อยขึ้น”

   “พี่เคยแอบคิดเข้าข้างตัวเองน่ะพี่อาจจะได้เขากลับคืน แต่มันก็แค่คิด เพราะเขาเลือกเรา “พี่หมอภีมปภพพูด ก่อนจะใช้นิ้วมือแตะที่ปลายจมูกโด่งรั้นของเจ้าลูกโซ่

   “แต่อย่างน้อยก็ทำให้พี่รู้ว่ากันยังไม่ได้ตัดพี่ออกไปซะทีเดียว ยังคงอยู่แม้จะในฐานะเพื่อน” พี่หมอภีมปภพพูด และจังหวะนันพี่กันตภณเดินเข้ามาพอดี

   “ผมจะไม่บอกพี่กันว่าพี่หมอบอกผมทุกอย่างแล้วโอเคนะครับ” ผมหันไปบอกพี่หมอภีมปภพ

   “ขอบคุณครับ” พี่หมอภีมปภพพูด และหันไปมองหนุ่มใหญ่ คือพี่กันตภณ สีหน้าและแววตาที่ถูกปรับให้พยายามมองอย่างคนที่ไม่ได้คิดอะไรเกินเพื่อนกับพี่กันของหมอภีมปภพ มันทำให้ผมรู้สึกปวดใจแทนยังไงก็ไม่รู้

   “กัน ม๊าเขามากับเจ๊หงส์น่ะมาเพราะว่าจำวันนัดผิด” พี่หมอภีมปภพบอกพี่กันตภณ

   “จริงดิ นี่ไม่ได้เปิดเครื่องเลยว่ะ เจ๊หงส์เลยไม่ได้โทรบอกด้วย “พี่กันตภณพูด ก่อนจะแบมือไปรับกระเป๋าใส่ของใช้เด็กไปสะพายให้ผม ผมเห็นสายตาพี่หมอภีมปภพมองพี่กันแล้ว ผมก็ไม่อยากให้พี่กันตภณถือให้เลย แต่ถ้าทำแบบนั้น พี่กันจะรู้ว่าผมรู้เรื่องทุกอย่างแล้ว และพี่หมอภีมปภพกับพี่กันอาจจะมองหน้ากันไม่ติดรวมถึงผมอีกคน ผมเลยต้องทำให้เหมือนทุกอย่างเป็นปกติที่สุด

   “พี่ไปส่งเราที่คอนโดก่อนและเราค่อยไปโรงเรียนกันนะครับบีม” พี่กันตภณบอกผม ผมหันไปมองพี่หมอภีมปภพ

   “พี่หมอครับ ช่วงนี้ไม่ค่อยอยากทานอาหารปั่นแล้วอ่ะครับ” ผมถามพี่หมอภีมปภพ

   “ฟันน่าจะขึ้นน่ะบีม ลองไปศึกษาเกี่ยวกับ Baby Led Weaning ดูน่ะคือการฝึกให้เด็กน้อยลองใช้มือหยิบอาหารทานเองดู เลือกแบบอาหารนุ่มๆ เคี้ยวง่ายๆ ทานเอง บางทีเขาอาจจะเบื่ออาหารเหลวนะครับบีม” พี่หมอบอกผม.

   “ลองไปศึกษาดูก่อน ถ้าไม่เข้าใจ กลับมาหาพี่น่ะพี่จะให้คุณหมอที่เชี่ยวชาญด้านนี้แนะนำอีกที “พี่หมอภีมปภพพูด

   “ได้ครับ ถ้าอย่างนั้นต้องรบกวนพี่กันพาผมมาทีน่ะครับ “ผมหันไปมองพี่กันตภณ พี่เขาก็พยักหน้า

   “งั้นให้กันโทรมานัดแล้วกัน “พี่หมอภีมปภพพูดก่อนจะหันหลังเดินกลับเข้าห้องตรวจไป และผมก็พยักหน้ากับพี่กันตภณ ว่าผมจะต้องเอาเจ้าลูกโซ่ไปส่งแล้ว และคงต้องป้อนยาก่อนไปทำงาน เพื่อนๆ ผมน่ะมือใหม่เดี๋ยวจะไม่รู้ว่าต้องทำยังไงถ้าลูกโซ่มีไข้ขึ้นมาเดี๋ยวจะทำอะไรกันไม่ถูก

   พี่กันตภณขับรถพาผมกับลูกโซ่กลับไปที่คอนโดของผม ผมหันมามองพี่กันตภณเป็นระยะๆ ผมควรจะเข้ามาทำลายความรักทั้งคู่จริงๆ เหรอ ทั้งที่ผมเองก็ยังไม่ได้รู้สึกรักผู้ชายคนนี้แต่เขาเป็นผู้ชายที่ดีพร้อมแค่นี้เหรอ ผมว่ามันไม่ใช่ ต่อให้ผมจะหาเขาคนนั้นไม่เจอ ผมก็ต้องอยู่ให้ได้กับลูกโซ่

   “พี่กันครับ ผมตัดสินใจแล้วนะครับ ว่าผมจะเอารถผมไปขับบ้าง นะครับ “ผมพูดกับพี่กันตภณ พี่กันหันมามองหน้าผม

   “เพื่อว่าผมต้องการจะออกไปไหนกันตามลำพัง ผมจะได้พาลูกโซ่ไปได้นะครับ” ผมบอกพี่กันตภณ

   “เอารถพี่ไว้ใช่น่ะ รถเราน่ะมันเก่ามากแล้วน่ะ” พี่กันตภณพูด ผมหันมามองเขาอีก ด้วยความหนักใจ แค่ให้มารับก็หนักใจแล้วแต่นี้เอารถมาให้ใช่อีก

   “ไม่ดีกว่าครับ ผมขอร้องล่ะ” ผมพูด ตอนนี้รถเข้ามาจอดที่หน้าคอนโดของผมแล้ว พี่กันตภณมองหน้าผม เหมือนเขาอยากรู้ว่าทำไม

   “ผมคิดว่าผม เลือกที่จะอยู่กับลูกผม ผมยังไม่ได้รู้สึกกับพี่กันอย่างคนรักอ่ะครับ แต่พี่ดีมาก ดีมากจนผมเองก็ไม่กล้าคิดอะไรแบบนั้น ยิ่งพี่ไม่ใช่คนทำให้ผมเป็นแบบนี้ด้วย ผมยิ่งรู้สึกแย่” ผมพูด ก่อนจะหันไปมองพี่กันตภณ เขามองหน้าผม จังหวะนั้นเพื่อนผมเดินมาเปิดประตูพอดี คงเห็นว่าผมนั้นยังไม่ลงจากรถสักที

   “อุ้ย!! กำลังจู๋จี๋กันอยู่เหรอคะ อาจารย์” มะนาวถาม ผมหันไปมองมะนาว อยากจะหาอะไรปาใส่มะนาวจริงๆ

   “งั้นมะนาวพาหลายขึ้นห้องก่อนดีกว่านะคะ จะได้…กันต่อ” มะนาวพูดพร้อมกับรีบไปอุ้มเจ้าลูกโซ่ที่หลับปุ้ยไปแล้วในคาร์ซีทและฟิล์มบอกว่าลงเวรดึกมาเลยได้หยุดหนี่งวัน ฟิล์มมาช่วยถือกระเป๋าใส่ของใช้เด็กสะพายไป ฟิล์มมองหน้าผม มันคงเห็นสีหน้าผมกังวลแต่ก็ไม่ได้ถามอะไร ได้แต่ทำมือว่าจะโทรหา ผมพยักหน้า ทุกคนเดินกลับขึ้นคอนโดไปแล้ว ผมหันมามองพี่กันตภณ ผมรู้สึกผิดมาก

   “พี่อยากช่วยเราต่อน่ะ ถ้าบีม คิดว่าพี่ยังดีไม่พอไม่เป็นไรน่ะ พี่ก็ยังทำหน้าที่พี่ชายให้เราต่อ พี่อยากช่วย “พั่กันตภณพูด ผมหันไปมองผมควรจะบอกเขาดีไหมว่าผมรู้เรื่องเขากับพี่หมอภีมแล้ว แต่ก็ต้องเงียบเอาไว้แทน พี่กันตภณออกรถเพื่อจะได้ไปส่งผมที่โรงเรียนและพี่เขาจะได้ขึ้นไปประชุม



******

            Part’ s เธียรวิชย์ เป็นอีกวันที่ผมมาเป็นผู้บริหารฝึกหัด ฟังแล้วเจ็บชะมัดเลย ป๊าน่ะป๊า ผมกำลังเดินเข้าในอาคาร นักเรียนน่าจะเข้าห้องเรียนกันหมดแล้ว ถ้าไม่มีเรื่องด่วนผมเข้าสายได้ถึงเก้าโมงเช้าแต่ว่าวันนี้ผมไปกับป๊าและม๊า ไปที่โรงเรียนอีกสาขาวันนี้เขามีนิทรรศการและผมก็รีบกลับมาก่อนป๊ากับม๊าบอกจะไปหาอาม่าก่อนถึงจะมาที่นี้ ก็วันนี้มีนัดประชุมแค่คนวงในของผมเรื่องเกี่ยวกับหุ้นส่วน

   ผมเดินไปหยุดและหันไปมอง แผนกเด็กเล็ก ทำไมผมถึงได้คิดถึงใบหน้าเด็กน้อยคนนั้นหนักน่ะ ผมเลือกเดินไปที่แผนกเนอสเซอรี่ เดินไปหยุดที่ห้องBaby room ผมกำลังจะหมุนลูกบิดประตูเข้าไป

   “อุ้ย! ขอโทษค่ะ คุณผู้บริหาร” ครูคนเมื่อวานที่ผมเม้งแตกไปนั้นเอง

   “สวัสดีครับ คุณสายฝน เรียกผมว่าเธียรวิชย์ก็ได้ครับ”

   “สวัสดีค่ะ คุณเธียรวิชย์ ว่าแต่มามีอะไรหรือเปล่าคะ” คุณครูพี่เลี้ยงถามผม ผมก็เดินเข้าไปในห้องเด็ก ผมมองไปรอบๆ แต่ในห้องเด็กนี้ มีเปลเด็กเล็ก อุปกรณ์เสริมพัฒนาการเด็ก มีของเล่นที่เหมาะสมกับวัยและมีครูพี่เลี้ยงที่ผ่านการอบรมเป็นอย่างดีเกี่ยวกับการดูแลเด็กเล็ก มีพี่เลี้ยงดูแลเด็กสามคนต่อพี่เลี้ยงหนึ่งคน และนี้ก็มีเด็กเล็กสิบห้าคน ผมกวาดสายตามองไปรอบๆ แต่ก็ไม่เห็นเด็กคนนั้น

   “เออ คุณฝนครับ น้องที่ชื่อลูกโซ่ละครับ”

   “วันนี้ไม่มาค่ะ คุณมี้เขาพาไปฉีดวัคซีนค่ะ”

   “อ้อครับ “ผมพยักหน้า ผมก้มลงมองเวลาตอนนี้บ่ายโมงแล้ว ขึ้นไปบนห้องทำงานก่อน บ่ายโมงครึ้ง ถึงจะเข้าประชุม

   “ถ้าอย่างนั้นผมไปก่อนนะครับ และถ้ามีอันไหนไม่ปลอดภัยกับเด็กๆ นี้รายงานให้ผมทราบทันทีนะครับ “ผมบอกกับพี่เลี้ยงก่อนจะเดินออก ผมคิดถึงชื่อนี้ ลูกโซ่ ผมจำได้ว่าผมได้ยินกันต์ธีย์เขาพูดว่าลูกโซ่ของผม และก่อนที่ผมจะเดินผ่านห้องธุรการ ผมก็ยืนคิดก่อนจะเลือกเดินเข้าไป

   “สวัสดีครับคุณปลายฟ้า” ผมทักผู้หญิงที่พยายามหันมามองผม เธอสวมซอร์ฟคอลาร์อยู่ นี้เธอเป็นหนักเลยเหรอ ที่โดนแพรวาตบไปเมื่อวาน

   “สวัสดีค่ะ คุณเธียรวิชย์” เธอค่อยๆ หันมาหาผมช้าๆ ด้วยความยากลำบาก

   “สวัสดีครับคุณปลายฟ้า นี้คุณเป็นหนักเลยเหรอครับ”

   “หนักค่ะ หนักมากค่ะ” เธอทำน้ำเสียงออดอ้อนผมน่าดู

   “แล้วนี่ เออ กันต์ธีย์เขาไปไหนเหรอครับ “นี้แหละที่ผมตั้งใจมาหา

   “เออ ไม่อยู่ค่ะ ลาครึ่งวันค่ะ แต่ป่านนี้ยังไม่มาเลยค่ะ ส่งสัยจะไม่มาแล้วค่ะ ไม่ดีเลยนะคะ ไม่มีความรับผิดชอบ ลาครึ่งวันแต่หายไปทั้งวันแบบนี้” ปลายฟ้าบอกผม เธอทำสีหน้าหงุดหงิดเหมือนกำลังคีย์ข้อมุลอะไรสักอย่างลงคอมพิวเตอร์

   “เขาลาป่วยเหรอครับ” ผมถามปลายฟ้า

   “เห็นบอกว่าพาลูกไปฉีดวัคซีนนะคะ น้องเขาไม่โสดค่ะ แต่ปลายฟ้าน่ะโสดนะคะ คุณเธียร” ผมก็ต้องถึงกับเกาหัว ไม่ได้ถามเลย ว่าคุณโสดไม่โสดเลย

   “หมอนัดอีกไหมครับคุณปลายฟ้า” ผมถามเธอกลับ

   “ไม่นัดค่ะ แต่จริงๆ ก็อยากให้นัดค่ะ เพื่อว่าคุณเธียรจะไปส่งค่ะ” ปลายฟ้าพูด

   “ผมคงไปส่งเองไม่ได้หรอกครับ ถ้านัดอีกผมก็จะให้คนขับรถนั่นแหละครับพาไป เหมือนเมื่อวาน” ผมพูดก่อนจะเดินหันหลังออก น้องเขามีลูกแล้วจริงๆ เหรอ ไม่อยากเชื่อเลย ผมก็ลืมถามเลย แต่ไม่ถามดีกว่าเพราะดูแล้ว ปลายฟ้าอะไรนี้ไม่รู้อะไรสักอย่าง

   “อาเธียร” ผมหันมาเจอโกวหงส์ (น้าผู้หญิง นางสาวของพ่อผมแต่เป็นพี่สาวของอากัน)

   “สวัสดีครับโกว “ผมยกมือไหว้โกวหงส์ โกวหงส์มากับลูกสาวคนโต รุ่นเดียวกับแพรวา แต่นางกลับไม่ค่อยสุงสิงกับแพรวาด้วยทั้งที่วัยเดียวกัน เป็นผู้หญิงเหมือนกัน มันช่างแปลกมาก มาหามาเล่นที่บ้าน เหมยไม่ยอมเข้าใกล้เลยหรือพูดคุยด้วยเลย แต่แพรวาก็ไม่ทำเช่นนั้นเหมือนกัน

   “สวัสดีค่ะเฮียเธียร” อาหลิวยกมือไหว้ผม

   “สวัสดีคีค่ะอาหลิว เป็นไงบ้างเรียนจบแล้วซิ”

   “ม๊าให้เหมยต่อโทเลยอ่ะ เฮีย”

   “ก็ตอนนี้จะได้เรียนและอยู่ช่วยดูอาม่าด้วย ช่วงนี้ม๊าต้องช่วยพ่อเรานิเหมย และไหนจะต้องตามรับตามส่งอาหมวยเล็กอีกล่ะ หลิวน่ะ “โกวหงส์หันไปพูดกับเหมย

   “อาม่าไม่ดีขึ้นเหรอครับโกว” ผมถามน้าผู้หญิง ระหว่างที่เดินขึ้นไปที่ห้องประชุมเล็ก

   “ไม่เลยเธียร นี้อาม่าก็ถามหาแต่เธียร ว่าเลิกเรียนหรือยัง อาม่ายังจับได้ว่าเธียรน่ะยังเล็กอยู่เลย” ผมก็ต้องกุมขมับตัวเอง นี้ผมต้องแบ่งเวลาไปอยู่กับอาม่าบ้าง เพราะว่าอาม่าก็เลี้ยงดูผมมาตั้งแต่แบเบาะ

   “แต่อาม่าน่ะ ไปเจอเด็กคนหนึ่งอ่ะเฮีย ที่โรงพยาบาลเพื่อนอากัน อาม่าบอกว่าหน้าเหมือนเฮียเลยอ่ะ และยังบอกอีกว่าเป็นลูกเฮียด้วย” อาเหมยพูด ผมหันมามองจริงดิ ทำไมช่วงนี้มีแต่คนทักผมว่าเรื่องมีลูกบ่อยน่ะ ผมว่ามันยังไงแล้วแหละ

   “โกวครับ เดี๋ยวผมมาน่ะครับ ผมว่าจะไปดูเอกสารที่ห้องทำงานแป๊บหนึ่งครับ” ผมบอกโกวหงส์ โกวกับอาเหมยเดินเข้าไปนั่งในห้องประชุมที่เปิดแอร์ไว้รอแล้ว ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและโทรหาเพื่อนผมไอ้พีชก่อนไอ้นี่งานมันไม่ค่อยมีอะไรมาก

   //ว่าไงว่ะมึง// ไอ้พีชทักผม

   //คืนนี้ไปที่ผับที่กูไปกลับมึงล่าสุดอ่ะ //ผมจะไปที่ผับนั้น เพื่อไปถามหาน้องคนนั้น เพื่อว่าเขาจะกลับไปทำงานที่นั่นอีก

   //ผับที่มึงไปปีกแลนด์มาร์คมึงเอาไว้ใช่ไหมวะเธียร แล้วมึงจะไปทำไม มึงก็เพ่นออกมาหลังจากปักเสร็จไปแล้ว” ไอ้พีชมันถามผม ผมนี้อยากจะเตะมันจริงๆ

   //ไอ้พีช และวันนั้นน่ะเพราะว่าพวกมึงน่ะ ถึงได้ทำให้กูทำแบบนั้นลงไป!!” ผมพูด

   //ว่าแต่จะไปทำไมว่ะ//ไอ้พีชมันถามผม

   //ไปเถอะน่ะ และอย่าเสือกหลุดบอกแพรวาน่ะว่าจะไป กูจะไปทำธุระที่นั่น ถ้ามีแพรวาไปด้วย กูไม่ได้ข้อมูลอะไรแน่ๆ // ผมบอกไอ้พีช

   //โทรบอกทุกคนด้วย//ผมบอกไอ้พีช

   //ทุกคนเลยเหรอ//ไอ้พีชมันยถามผม

   //ใช่แต่ยกเว้นแพรวา!! กูขอล่ะ// ผมพูดบอกคนปลายสายก่อนเดินเข้าไปในห้องทำงานผมกดวางสายลงทันที ผมเห็นมีเอกสารวางเอาไว้ พร้อมกับใบลาของกันต์ธีย์ ผมก็หยิบมาดู มันคือจดหมายลา เขาระบุว่าเขาต้องพาลูกไปฉีดวัคซีนจริงๆ ด้วยระบุว่าลาแค่ครึ่งวัน อะไรวะ ไม่น่าเชื่อเลยว่า น้องเขามีลูกมีเมียแล้ว ผมก็วางไว้ก่อน และหันมาเซนต์อันอื่นแทน (แอบเศร้าทำไมว่ะ น้องเขาเป็นผู้ชายไงไอ้เธียรผมเถียงกับตัวเองในใจ มีลูกมีเมียจะแปลกตรงไหนวะ)

   TBC....

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.30 อากับหลานกำลังรักผู้ชายคนเดียวกัน

      Part’ s กันตภณ ผมขับรถไปรับบีมที่โรงพยาบาลของหมอภีมปภพ บีมเขาพาเจ้าลูกโซ่ไปฉีดวัคซีนตามนัดมาแต่แปลกที่หมอสายป่านกลับส่งให้หมอภีมปภพทำหน้าที่ฉีดให้แทน และนี้เจ้าลูกโซ่ก็เลยหงอยไปทันที ไม่ค่อยร่าเริงสงสัยจะปวดแขนและบีมก็ให้ทานยาลดไข้แก้ปวดก่อนจะออกมาเช่นกัน เห็นแล้วก็อดสงสารไม่ได้ แต่สิ่งที่ผิดปกติไปจากเดิมคือบีม รู้สึกว่าเขาเงียบไป ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหนื่อยหรือเปล่า

      “บีม เป็นอะไรหรือเปล่า ดูเราเงียบๆ ไปน่ะ” ผมถามบีมขณะที่เลี้ยวรถเข้ามาจอดที่จอดรถสำหรับแขกที่มาติดต่อ อันที่จริงผมเอาไปจอดไว้ที่จอดสำหรับผู้บริหารก็ได้

   “บีม” ผมเรียกบีมอีกครั้ง บีมหันมามองหน้าผม เขายิ้มจางๆ

   “เป็นอะไรไปน่ะทำไมเงียบวันนี้” ผมถามบีม

   “ไม่มีอะไรครับพี่กัน “บีมบอกผม

   “บีม ดูเหนื่อยน่ะ วันนี้กลับพร้อมพี่เลยแล้วกันน่ะ “ผมบอกบีม

   “ครับ” บีมพูดแค่นั้น ก่อนจะเปิดประตูออกไป

   “สวัสดีครับเจ๊กกัน” หลานชายผมอีกสามคน เดินตามหลังมา ผมหันไปยกมือรับไหว้ บีมก็หันไปยกมือไหว้ตามปกติ เพราะว่าทั้งสามคนแก่กว่าบีมหลายปีอยู่

   “สวัสดีครับน้องบีม เป็นไงบ้างครับ เหนื่อยไหมครับ ที่ต้องดูแลไอ้ตี๋เล็กของพี่” ธันยิ่งคำถามแรกถามบีมทันที บีมหันไปยิ้มให้

   “ไม่นี้ครับ แต่ไม่ได้ช่วยอะไรคุณเธียรมากนะครับเพราะว่าบีมยุ่งมากจริงๆ เมื่อวานนะครับ” บีมพูด ผมหันมามองบีม มิน่าล่ะดูไม่ค่อยสดชื่นเลย

   “วันนี้เลิกเร็วได้เลยน่ะ เพื่อว่าคืนนี้เจ้าตัวเล็กมีไข้น่ะบีม” ผมบอกบีม

   “ลูกเป็นไงบ้างบีม เห็นเราแฟ็กซ์ใบลาไปให้พี่น่ะ” ธีหลานชายคนโตของผมถามบีม

   “ไม่เป็นไรแล้วครับ แต่ก็ร้องเอาเรื่องอยู่ตอนโดนฉีดยาอ่ะครับ พยาบาลต้องมาช่วยผมจับ “บีมพูด

   “"แย่เลยเนอะเป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวแบบนี้ " พี่ธีพูด ผมหันไปมองพี่ธี ก่อนจะหันมามองบีม ผมไม่ได้บอกความจริงกับทุก ว่าจริงๆ บีมน่ะคือแม่เลี้ยงเดี่ยวไม่ใช่พ่อเลี้ยงเดี่ยวอย่างที่ทุกคนเข้าใจกัน

   “น่ารักไหมอ่ะอ่ะพี่ธี” ธามหันไปถามธี

   “น่ารักน่ะ แต่ดุชะมัด บีมจมูกผมนี้ติดมือเลยน่ะอากัน” ธีหลานชายของผมพูดถึงเจ้าลูกโซ่ ผมเดาว่าธี น่าจะรักเด็กและคงอยากจะมีลูกทันทีที่แต่งงานเลย

   “พี่กันครับ ผมขอตัวไปทำงานก่อนนะครับ” บีมพูดก่อนจะแยกตัวไปห้องทำงาน ผมเห็นเขาเงียบๆ แบบนี้แล้วก็อดเป็นกังวลใจไม่ได้

   “ป๊ามาถึงแล้วครับ อาหลิวส่งข้อความมาบอกผมแล้วครับเจ๊กกัน” ธันหันมาบอกผม ว่าพี่ชายคนโตของผมมาถึงแล้ว

   “เดี๋ยวเจ๊กตามขึ้นไปน่ะ “ผมบอกหลานๆ ของผม ผมว่าจะถามอะไรบีมสักอย่างแต่พอ ผมเปิดประตูเข้าไป

   “ทำไมพึ่งจะมาเนี๊ยะ! ยังฝึกงานแท้ๆ รู้จักเวล่ำเวลาหน่อยซิ ว่าควรจะเข้างานกี่โมง ไม่ใช่เข้าตามใจฉันแบบนี้ ฉันไม่รู้ว่าคุณเขาเลือกให้ไปเป็นเลขาคุณเธียรได้ยังไง ใครฝากมาล่ะ ถึงได้ทำงานเช้าชามเย็นชามแบบนี้ “ผมได้ยินเสียงผู้หญิงที่ต่อว่าใครสักคน และผมก็คิดว่าเป็นบีม

   “และนี้!” ผมยืนมองเธอจากด้านนอก เธอปาเอกสารใส่หน้าบีม

   “ฉันบอกว่าไง คีย์ไม่เสร็จ ห้ามกลับบ้าน ไม่เข้าใจเหรอ!!”เสียงเธอตะคอกเสียงดังใสบีม

   “ผมก็ควรจะเลิกงานตามเวลาไม่ใช่เหรอครับ ส่วนคุณน่ะเลิกก่อนเวลาอีก” บีมพูด

   “แกกับฉันมันต่างกัน ฉันน่ะเด็กฝากและป้าฉันน่ะเป็นเพื่อนสนิทกับแฟนท่านประธานใหญ่ ดังนั้นฉันจะเลิกกี่โมงมันก็เลือกของฉัน อย่าสะเหล่อ!!” ผมยืนก่อนจะเหลือบมองเวลาที่ข้อมือ เพราะแบบนี้หรือเปล่า

   “นี้คีย์ข้อมูลลงไปให้หมดเลยน่ะ ไม่หมดก็ไม่ต้องกลับอีก” ผมถึงกลับยืนผ่อนลมหายใจเข้าออกก่อนจะ

   “ก๊อก ก๊อก ก๊อก” ผมเคาะกระจกที่กันไว้

   “สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่ามีอะไรให้ช่วยค่ะ” น้ำเสียงที่แตกต่างจากเมื่อสักครู่ที่เขาคุยกับกันต์ธีร์

   “คุณชื่ออะไรครับ” ผมถามเธอ เธอหันไปมองบีมก่อนจะหันมายิ้มให้ผม

   “ปลายฟ้าค่ะ เป็นหัวหน้าธุรการที่นี้ค่ะ” เธอแนะนำว่าเธอเป็นหัวหน้าธุรการ ผมหันไปมองบีม บีมส่ายหัวไปมา

   “ยืนทำไมละคะ ทำงานตามที่หัวหน้าสั่งซิคะ” เธอหันไปบอกบีม ก่อนจะหันมายิ้มให้ผม

   “ที่นี้ยังไม่มีหัวหน้าธุรการไม่ใช่เหรอครับ เพราะว่าพี่ชายผมคุณเกริกน่ะครับ เขาบอกว่ายังไม่ได้แต่งตั้งแต่รอดูว่าใครจะผ่านโปรและไม่ผ่านโปร “ผมถามคนที่ยืนมองหน้าเธออยู่ที่ด้าน เธอชักสีหน้าด้วยความแปลกใจแปลกใจแต่บีมไม่กล้าเงยหน้ามองผม

   “ไม่ต้องแปลกใจหรอกน่ะ ผมนี้แหละน้องชายคุณเกริก” ผมพูดก่อนจะยื่นบัตรที่แสดงตัวว่าผมก็เหมือนบอร์ดผู้บริหารเหมือนกัน คนที่ยืนอยู่รับไปดูก่อนจะทำสีหน้าตกใจ

   “สวัสดีค่ะคุณกันตภณ แม้ปลายฟ้าตาไม่ถึง ว่าแต่คุณกันตภณมีธุระอะไรเหรอคะ” เธอถามผม

   “ผมไม่ได้มีธุระกับคุณ แต่อีกสักครู่คุณคงได้มีธุรกับคุณเกริกแทน และผมจะบอกให้ว่า บีมเขาน่ะพาลูกไปฉีดยา เขาได้ส่งใบลาให้กับพี่ชายผมแล้ว และคุณก็ไม่มีสิทธิ์มาขึ้นเสียงใส่ใครแบบที่คุณทำเมื่อสักครู่ คุณปลายฟ้า เพราะว่าคุณยังไม่ใช่หัวหน้าครับ" ผมพูด

   “เออ ปลายฟ้าไม่ได้” เธอทำท่าจะปฏิเสธ

   “ผมได้ยินทุกคำพูดของคุณและที่สำคัญ คุณไม่ใช่หัวหน้าที่จะมาสั่งว่าเขาต้องคีย์ข้อมูลให้เสร็จ ไม่เสร็จไม่ต้องกลับ คุณไม่ควรจะพูด เพราะว่าคุณก็คือพนักงานคนหนึ่งเช่นกัน คุณนั่นแหละที่ต้องทำไม่ใช่นั่งแต่งหน้า กินของจุกจิก แต่งานไม่ทำ คุณนั่นแหละครับที่ต้องทำจนกว่าจะเสร็จและห้ามกลับ” ผมพูด

   “และงานพวกนี้ คุณควรจะนั่งทำก่อนที่น้องเขาจะมาบ้างไม่ใช่นั่งนิ่งๆ ส่องกระจกไปวัน วัน คุณปลายฟ้า”

   “แต่” เธอทำท่าจะเถียงผมอีก

   “คุณรอคุยกับคุณเกริกแล้วกัน” ผมพูดแค่นั้น ก่อนนะหันไปมองบีม

   “และถ้าผมยังได้ยินคุณพูดจาไม่ดีกับบีม คุณเตรียมเก็บข้าวของของคุณได้เลย ผมจะเชิญออก” ผมพูดก่อนจะเดินออกไปทันทีเช่นกัน

   “พี่กัน” บีมวิ่งตามผมออกมาทันที เขาไม่เคยเห็นผมแสดงอาการไม่พอใจใครขนาดนี้

   “พี่กัน ไม่เอาน่ะ และผมก็ผิด ผมลาแค่ครึ่งวันแต่นี้ผมมาช้าไปด้วย พี่เขาก็คงเหนื่อยนะครับ พี่กัน” บีมพยายามพูดขอร้องผม

   “บีมได้ยินที่เขาว่าเราไหม ทั้งที่เขาไม่ได้วิเศษวิโสไปกว่าเราเลย และที่พี่ชายพี่ให้พี่หาเรามาทำงานเพราะว่านางทำงานไม่เป็น แต่คนรู้จักเขาฝากมาเฉยๆ “ผมหันมาพูดกับบีม

   “พี่จัดการเองนะบีม และถ้าเขาว่าอะไรบีมอีกบอกพี่” ผมพูดและเดินขึ้นไปทันทีเช่นกัน ผมตรงไปที่ห้องประชุมเล็ก ห้องที่ใช้ประชุมสำหรับครอบครัว ผมเปิดประตูเข้าไป ผมเป็นคนสุดท้ายพอดี ผมนั่งลงข้างพี่เกริก

   “สวัสดีครับเฮีย สวัสดีครับอาซ้อ” ผมหันไปยกมือไหว้เฮียเกริกและพี่สะใภ้ของผม

   “สวัสดีครับเจ๊หงส์”

   “เป็นอะไรไปน่ะกัน ทำไมหน้าเหมือนใครทำอะไรให้เราโกรธ” พี่เกริกเอ่ยถามผมทันทีที่หันมาเห็นหน้าผมเข้า ผมหันมามองพี่เกริกเช่นกัน

   “ผมจะคุยกับเฮียหลังจากประชุมแล้วกันน่ะ เกี่ยวกับพนักงานที่ทำงานกับบีม ลูกศิษย์ของผม ที่ผมเอามาฝากกับเฮียน่ะ” ผมหันมาบอกพี่ชายคนโตของผม

   “เรื่องปลายฟ้าอีกแล้วเหรอกัน” เฮียเกริกถามผม

   “พี่รู้” ผมขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจ

   “เมื่อสักครู่ไอ้เธียรมันเพิ่งบอกพี่เองว่า ชอบว่าเด็กของเราน่ะ เธียรมันได้ยิน พูดจาไม่ค่อยดี คือประมาณว่าพูดให้ตัวเองดูดี ทั้งที่ตัวเองทำงานไม่เป็นเลย นี้ไอ้เจ้าเธียรต้องโทรไปสั่งเครื่องดื่มจากคาเฟ่ใกล้ๆ ให้มาส่งแทน เพราะว่าบีมเขาลาครึ่งวันและเธอก็ไม่รู้ว่าต้องมีของว่าง” พี่เกริกพูดด้วยน้ำเสียงฟังดูก็รู้ว่าเอื่อมระอา

   “เมื่อวานมีประชุมกับอาจารย์ บีมเขายังรู้เลยและเตรียมกาแฟและของว่างเอาไว้ให้เลยโดยไม่ต้องบอก” พี่เกริกหันมาบอกผม ผมพยักหน้า

   " บีมน่ะ เขาขอไปฝึกงานตั้งแต่ปีสามเทอมสองแล้วครับเฮีย เขาเลยพอจะรู้งานมาบ้างนะ"ผมบอกพี่เกริก

   “พี่ว่าจะคุยกับคนที่ฝากงานมา เขาเป็นเพื่อนรักกับอาซ้อเราด้วย เขาทำงานไม่ค่อยเป็นพี่ไม่ว่าหรอก คนเราเรียนรู้กันได้แต่เรื่องเดียวที่พี่มองข้ามไม่ได้คือกับเพื่อนร่วมงาน” พี่เกริกหันมาบอกผม ผมพยักหน้า ไอ้เจ้าเธียรเดินเข้ามาและมานั่งข้างๆ ผมทันที

   “เจ๊กสวัสดีครับ” เธียรยกมือไหว้ผม ผมหันไปรับไหว้

   “เอาล่ะในเมื่อมากันครบแล้วก็ขอเริ่มประชุมเลยน่ะ ก่อนอื่นขอพูดเรื่องที่ให้เธียรวิชย์ มาทำหน้าที่ผู้บริหารก่อนแต่ยังอยู่ในช่วงทดลองงาน” เฮียเกริกพูด ผมหันไปมองเฮียก่อนจะหันมามองหลานรักผม เขาพยักหน้าว่าใช่

   “เฮีย มีอย่างนี้ด้วยเหรอ ไหน ไหนก็ให้ลูกทำแล้ว มาอยู่ช่วงทดลองงานได้ยังไงล่ะเฮีย” เจ๊หงส์รีบถามพี่เกริกทันที ผมหันมามองหน้าไอ้หลานชายของผม ผมก้มลงมองบัตรที่เธียรวิชย์ห้อยคอไว้เหมือนเช่นคนอื่นๆ

   “เวลาเดินผ่านคุณครูนี้ผมอายเขามากเลยเจ๊ก และพอใครมาติดต่อเขาก็ก้มลงมองบัตรผมทุกคน ผู้บริหารฝึกงานน่ะอา “ไอ้เจ้าเธียรวิชย์บ่นให้ผมฟังทันที

   “ก็มันยังไม่เคยทำให้ฉันที่เป็นป๊าของมันเองไว้ใจ ดังนั้น ถ้ามันบริหารไม่ดี ก็ไม่ผ่านและถ้ามันทำให้ทุกอย่างเละเทะล่ะก็ ฉันจะยกคืนให้เจ๊กกันไปแทน” ผมหันไปมองพี่ชายคนโตของผม ก่อนจะหันมามองหลายชายตัวดีของผม พี่ชายผมคงอยากให้เธียรวิชย์เปลี่ยนแปลงตัวเองแต่ผมรู้ว่าทำไม

   “ทำไมล่ะเธียรนี่มันเป็นมรดกมาจากอากงเลยน่ะเธียร” ผมหันมาถามหลายชายของผม

   “เจ๊กก็รู้ว่าผมไม่ได้ชอบสายบริหารตั้งแต่แรกแล้ว” เธียรวิชย์พูดกับผม ผมพยักหน้าว่าผมรู้

   “มีอะไรก็ปรึกษาเจ๊กซิและนี้คือมรดกตกทอดมาจากรุ่นสู่รู่น และเพื่อว่าเรามีลูกมีหลาย จะได้สานต่อได้ “ผมหันมาพูดกับเธียรวิชย์

   “และเรื่องหุ้น อันนี้ก็เหมือนกันเธียร ถ้าเราดูแลที่มอบหมายให้ไปไม่ได้ หุ้นก็จะไม่ให้เช่นกัน” เฮียเกริกพูด ผมหันมามองเธียรวิชย์ถึงกับกุมขมับตัวเอง ผมว่าพี่ชายผมต้องการให้เรียนปรับปรุงตัวเองด่วนแค่นั้น

   “เอาน่ะ ป๊าคงขู่ไปงั้นแหละ “เจ๊หงส์รีบหันมาปลอบหลานชายทันที

   “อันนี้พูดจริง เพราะว่ามันทำตัวเหลวไหลมากกว่าคนอื่น สร้างปัญหามาก็เยอะแยะ ตามแก้ไม่หวาดไม่ไหว ดังน้ั้น! ถ้าปีนี้ไม่ปรับปรุงตัวน่ะ ก็จะเหลือแต่ชื่อ ดูซิ จะมีผู้หญิงคนไหนมาเกาะอีกบ้าง “พี่ชายผมหันมาชี้นิ้วทางเธียรวิชย์ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องการประชุม ไปพูดถึงเรื่องอื่นๆ ต่อ

   ตื้ดๆๆ โทรศัพท์ผมสั่น ผมก็หยิบขึ้นมาดู ข้อความจากบีม

   //พี่กันผมต้องกลับบ้านก่อนครับ ลูกโซ่ตัวร้อนครับ ผมบอกพี่ปลายฟ้าไว้แล้วครับ // หลังจากที่ผมอ่านข้อความ ผมก็ยกมือขอตัวออกไปด้านนอกทันที ผมรีบกดโทรออกไปหาบีม

   “บีมเกิดอะไรขึ้น”

   “มะนาวโทรมาหาผม บอกว่าลูกโซ่มีไข้ครับพี่กัน ตอนนี้ผมนั่งรถแท็กซี่แล้วครับ”

   “เดี๋ยวพี่เลิกประชุมแล้วพี่ไปหาน่ะ เพื่อว่าเป็นเยอะจะได้ไปโรงพยาบาล”

   “ครับพี่กัน”

   “มีอะไรโทรหาพี่ทันทีน่ะบีม” ผมพูด ก่อนจะเดินกลับเข้ามา เจ๊หงส์กับอาหลิว ออกไปแล้ว ผมกับเห็นปลายฟ้า ผู้หญิงที่ผมต่อว่าเขาเรื่องที่เขาพูดจาไม่ดีกับบีม พี่เกริกเรียกเขาขึ้นมาคุย ผมเดินกลับเข้าไปด้านในทันที

   “ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ น้องเขาวิ่งออกไปเลยค่ะ ไม่พูดไม่จากไม่บอกอะไรฟ้าเลยค่ะ นี้มาถึงก็สายกว่าที่บอกเอาไว้นะคะว่าจะลาแค่ครึ่งวันและงานเมื่อวานที่น้องบอกว่าจะคีย์ข้อมูลให้เสร็จก็ไม่ได้ทำเลยค่ะ ทิ้งเอาไว้ให้ปลายฟ้าทำคนเดียวนะคะ” ผมเข้ามาได้ยินเข้าพอดีเลย

   “อ้าวจริงเหรอ” พี่เกริกพูดก่อนจะหันมามองหน้าคนอื่น และผมก็เข้ามาอยู่ในช่วงนี้พอดี

   “คุณหมายถึงกันต์ธีร์หรือเปล่าคุณปลายฟ้า” ผมถามปลายฟ้า เธอหันมามองหน้าผมก่อนจะฉีกยิ้มที่เหมือนจะสวย

   “ใช่ค่ะ จะใครละคะ มาก็สาย เอาลูกมาอ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้ค่ะ” ปลายฟ้าพูด

   “ลูกเขามีไข้ครับคุณปลายฟ้า คุณน่าจะรู้จักเห็นอกเห็นใจเพื่อนร่วมงานสักนิดน่ะคุณปลายฟ้า และเขาก็บอกกับผมว่า เขาบอกคุณไว้แล้ว ว่าเขาจะรีบกลับบ้านไปดูลูกเขาด่วน ทำไมคุณถึงได้โกหก เพื่อให้ตัวเองดูดีครับปลายฟ้า เพื่ออะไรครับ” ผมพูดตอกใส่หน้าเธอทันที ปลายฟ้าหันมามองผม

   “เจ๊กกัน” ธีรีบลุกขึ้นคว้าแขนผมเอาไว้ซะก่อน

   “ไม่เคยเห็นเจ๊กกันของขึ้นมาก่อนเลยว่ะ “เสียงกระซิบหลานๆ ผม ใช่ผมเป็นคนที่จัดการอารมณ์ตัวเองได้ค่อนข้างดีแต่ครั้งนี้ผมเกือบทนไม่ไหว

   “จริงหรือเปล่าคุณปลายฟ้า” เฮียเกริกหันมาถามเธอ เธอมีท่าทีเลิกลัก

   “คือเออ หนูคงลืมบอกไปค่ะว่าน้องเขา” เธอพูด

   “ผมก็ได้ยินเต็มสองรู้หูนะครับว่าคุณบอกว่าน้องเขาวิ่งออกไปเฉยๆ ไม่ได้บอกอะไรคุณ ลืมบอกกับตั้งใจไม่บอกนี้มันคนละเรื่องกันเลยนะครับคุณปลายฟ้า “ธามพูดขึ้นพร้อมกับช้อนตาขึ้นมองคนที่ยืนหน้าซีด

   “ได้ยินผิดไปไหมคะ ท่านประธาน” ปลายฟ้าพูดด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ

   “ไม่ผิดครับ ผมก็ได้ยินครับ คุณปลายฟ้า คุณไม่ได้พูดว่าน้องเขาบอกคุณเลย แต่ความจริงแล้ว น้องเขาบอกคุณก่อนจะไปถูกต้องไหมครับ” เธียรวิชย์ถามเธอกลับ

   "และคุณกลับโกหกและนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่คุณพูดไม่ดีใส่น้องเขาน่ะ เพราะว่าคุณก็พูดให้ผมฟังตอนที่ผมลงไปถามหาน้องเขาด้วย เป็นผมก็ไม่อยากทำงานร่วมกับคนใจแคบอย่างคุณน่ะ คุณปลายฟ้า" เธียรวิชย์ไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยเขายังไม่ทนเลย และ ทุกคนหันมามองที่เธอกันหมดแม้กระทั่งอาซ้อแม่ของหลานๆ ผมก็เช่นกัน ผมรู้ว่าเด็กคนนี้เป็นลูกสาวของเพื่อนอาซ้อ พี่สะใภ้ผมเอง อาซ้อคงกระอักกระอ่วนใจพอสมควร ก่อนจะหันมาพยักหน้ากับพี่ชายผมว่าเอาตามที่พี่ชายผมเห็นสมควร

   “ถ้าอย่างนั้นก็ นับแต่วันนี้เป็นต้นไป คุณพ้นสภาพการเป็นเจ้าหน้าที่ธุรการที่นี้ เรื่องทำงานไม่เป็นผมยังพออภัยแต่เรื่องใส่ร้ายพนักงานด้วยกัน ผมรับไม่ได้ เชิญครับคุณปลายฟ้า” เฮียเกริกผมพูด

   “เดี๋ยวนะคะ จะไล่ปลายฟ้าออก ก็ได้นะคะคุณลุงลุงป้าค่ะ แต่ต้องจ่ายค่าทำขวัญปลายฟ้ามาก่อนค่ะ” เธอบอกพี่ชายกับพี่สะใภ้ผม

   “ค่าทำขวัญอะไรคุณ ทำขวัญที่เชิญพนักงานยอดแย่อย่างคุณออกเหรอครับ คิดได้ยังไง คุณคนสวยแต่ไร้สมอง” ธามหลานชายของผมพูดพร้อมกับเอียงคอมองผู้หญิงที่ยืนอยู่แต่อันนี้ทำให้ธันหันมาสะกิดและพยักพเยิดไปที่พี่เกริก

   “ไม่ใช่ค่ะ แต่เป็นค่าทำขวัญที่เมื่อก่อน แฟนคุณเธียรวิชย์ มาตบหน้าปลายฟ้าค่ะ ดูซิคะ บวมจนจะข้ามวันเลยค่ะ ห้าหมื่นบาทและทำให้ปลายฟ้าอับอายทุกคนในตึกที่ออกมายืนมองปลายฟ้ากันหมด และยังรู้สึกหวาดระแวงด้วยนะคะ” ปลายฟ้าพูด

   “เฮ้ย!!!” เธียรวิชย์หลานชายผม ผมหันไปมองไม่ใช่แค่ผมทุกสายตาก็ว่าได้

   “ไอ้เธียร!!”

   “ไอ้เธียร ไหนมึงบอกว่าเมื่อวานเงียบมากไง” ธีหลานชายคนโตผมหันมาถามน้องชายคนเล็กทันที

   “ไอ้เธียรวิชย์!!!” เฮียเกริกหันเรียกลูกชายคนเล็กอย่างเหลืออดเช่นกัน ผมว่างานนี้ คงยาวแน่ๆ ผมก็เลยลุกขึ้น

   “เฮียเกริก ผมขอตัวนะ ผมมีธุระด่วน” ผมพูดก่อนจะลุกขึ้น ธุระด่วนที่ว่าคือผมต้องไปดูบีมกับลูกก่อน เธียรวิชย์ทำท่าจะถามอะไรผม แต่ผมยกมือเอาไว้ก่อน ผมรีบเดินลงและตรงไปที่ลานจอดรถทันที และรีบออกรถและตรงไปที่คอนโดของบีมทันที

   TBC….

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
      
EP.31 อาจารย์แอบไปหาคำตอบ

                Part’ s กันต์ธีย์ ผมรีบกลับบ้านทันที ที่มะนาวโทรไปหาผม ผมวิ่งลงมาเรียกรถแท็กซี่โดยยังไม่ได้โทรไปหาพี่กันตภร ผมไม่อยากให้พี่กันต้องทิ้งทุกอย่างและมากับผม เพราะว่าอันนี้ก็สำคัญกับพี่เขา ผมมาถึงก็เดินตรงไปที่ห้องนั่งเล่น ผมเห็นมะนาวกำลังอุ้มเจ้าลูกโซ่ ที่ร้องงอแง ผมเห็นพี่ฟ้า พี่สาวของฟิล์มก็มาอยู่ที่นี้ด้วย

   “ฟิล์มโทรหาพี่น่ะบีม พี่เลยมาช่วบดูให้ “พี่ฟ้าพูด พี่ฟ้าเขามีประสบการณ์มากกว่าผมอีก

   “ขอบคุณนะครับพี่ฟ้า”ผมพูด

   “ลูกโซ่” ผมรีบวางของทิ้งทุกอย่างตรงเข้าไปหาเจ้าตัววุ่นวายของผม ผมกอดเจ้าลูกโซ่

   “ฮือๆๆ” ร้องไห้ใหญ่เลย ใจหายเลยครับผม

   “ตัวร้อนเดี๋ยวให้น้องทานยาอีกรอบน่ะบีม” พี่ฟ้าบอกผม ผมพยักหน้าก่อนจะใช้ผ้าขนหนูที่ชุบน้ำมาคอยเช็ดหน้าเช็ดตา และเช็ดตามรักแร้ ตามขาหนีบ เจ้าตัววุ่นวายก็ไม่ยอมให้เช็ด ผมก็อุ้มโอ๋เดินไปรอบห้องเลย ใจผมจะขาดที่เห็นลูกเป็นแบบนี้

   “มะ มะ มะ “เจ้าวุ่นวายร้องไห้และจับหน้าผม ผมว่าเขาคงไม่สบายตัวเอามากๆ กอดผมและซบหน้ากับอกของผมตลอด

   “พี่วัดไข้แล้วบีม น้องมีไข้ 38 น่ะบีม” พี่ฟ้าบอกผม

   “เดี๋ยวให้น้องทานนูโรเฟ่นแล้วกันน่ะ เพราะว่าที่น้องมีไข้คงเพราะว่าปวดแขนน่ะบีม” พี่ฟ้าบอกผม

   “พี่ต้องไปรับลูกชายที่โรงเรียนแล้วน่ะ ถ้าน้องงอแงมากจนผิดปกติ พาไปโรงพยาบาลเลยน่ะบีม” พี่ฟ้าบอกผม ผมพยักหน้า ผมแอบน้ำตาไหล สงสารลูก มะนาวเดินไปหยิบขวดยามาอ่านและป้อนตามที่ระบุเอาไว้ข้างขวด และอีกอย่างเจ้าโซ่ป้อนยายากมากจริงๆ มักจะอาเจียนออกตลอด และพี่ฝนพยาบาลห้องเด็กแนะนำผมให้มีไซริงค์ที่ใส่น้ำไว้หนึ่งหลอดค่อยสลับหยอดกับยาไปด้วย

   “ปึก” เสียงประตูเปิดเข้ามาโดยพี่กันตภณ ผมหันไปมอง พี่เขาเดินตรงมาหาเจ้าลูกโซ่ก่อนเลย มาถึงก็เอาหลังมืออังที่หน้าผากลูกโซ่

   “ตัวร้อนน่ะบีม ได้วัดไข้หรือยัง” พี่กันตภรถามผม ผมปาดน้ำตาไปด้วยความสงสารลูก ผมพยักหน้าเบาๆ ผมเครียดมากเวลาลูกป่วย ผมกลัว

   “บีมไปเตรียมยาน่ะ พี่อุ้มเองบีม” พี่กันคงเห็นว่าผมเริ่มมีความกังวลมากเกินไป ผมเลยต้องส่งเจ้าลูกโซ่ให้พี่กันตภณเอาไปอุ้มแทน ผมหันมามองเพื่อนๆ แต่ละคนก็ทำสีหน้าเครียดกันหมดที่เห็นเจ้าลูกโซ่ป่วยแบบนี้

   “สงสารหลานว่ะ” เป็กซ์พูด ผมก็จัดการดูดยาจากขวดยาตามปริมาณที่เภสัชกรคำนวณมาให้ ก่อนจะหันไปมองเจ้าลูกโซ่ที่สะอึกสะอื้นน่าดู ผมเห็นพี่กันตภณอุ้มเจ้าโซ่ พยายามปลอบโยนด้วยความรัก แต่ความรู้สึกของผมนั้นผมเห็นภาพความรักที่เหมือนเจ้าโซ่คือหลานของพี่กันตภณมากกว่า

   “ป้อนยานะครับ” ผมบอกพี่กันตภณ พี่เขาก็อุ้มลูกโซ่ในท่านอนให้หัวสูงขึ้นมา เพื่อว่าผมจะได้ป้อนยาใส่กระพุ้งแก้มนั้น ผมเองไม่อยากทำแบบนี้เลยแต่ผมต้องป้อน

   “อืมมม” พอเห็นหลอดยาเท่านั้นแหละ คนนี้ส่ายหัวทันที ผมเห็นอาจารย์กันตภณมองเจ้าโซ่แอบยิ้มกริ่ม และผมก็ต้องค่อยป้อนลูกโซทีละนิด ละนิด โดยมีเพื่อนของผมหลอกล้อแม้จะไม่ค่อยสำเร็จรอบนี้ แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี

   “บีม พวกฉันลงไปซื้ออะไรมากินกันน่ะและพวกฉันจะอยู่เป็นเพื่อนแกเองคืนนี้น่ะ เพื่อว่ามีอะไรจะได้ช่วยๆ กัน” มะนาวบอกผมและเพื่อนก็พากันออกไป เหลือไว้แค่ผมกับพี่กันและเจ้าลูกโซ่ ที่งอมแงมเพราะว่าพิษไข้

   “บีม พี่ชายพี่เขาเชิญปลายฟ้าออกแล้วน่ะ” พี่กันตภพบอกผม ผมเงยหน้ามอง

   “พี่กันอ่ะ ทำไมทำแบบนี้ล่ะ และถ้าคนอื่นรู้ว่าเป็นเพราะผมเขาจะกล้ามาทำงานกับผมเหรอ”

   “ก็เขาพูดจาไม่ดีกับเรา” พี่กันตภณพูด

   “ก็แค่คำพูดเองพี่กัน และมันก็มีทุกทีแหละครับพี่กัน” ผมบอกพี่กันตภณ

   “ไม่ได้ครับ คนเราต้องให้เกียรติกันในการทำงาน ไม่ใช่มาก่อนข่มคนมาทีหลังและนี้คือการตัดสินใจของพี่ชายพี่ครับ เพราะว่าเธียรวิชย์เขาก็บอกกับพี่ชายพี่ว่าเขาก็ได้ยินปลายฟ้าถึงเราไม่ดีเหมือนกัน เขาก็ไม่พอใจเช่นกัน เขาเลยบอกว่าไม่อยากทำงานร่วมกับปลายฟ้าเหมือนกัน ดังนั้นไม่ใช่แค่พี่คนเดียวไงบีม หลายคนเห็นเหมือนกันว่า เธอไม่ควรจะทำงานกับบีมต่อ” ผมก็ต้องแปลกใจ แต่ทำไมมุมปากผมกลับกระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้มน่ะ ที่ผมรู้สึกว่าเขาใส่ใจผมยังไงก็ไม่รู้

   “พี่กันครับ ผมรบกวนหยิบที่วัดไข้ในกระเป๋าเด็กให้หน่อยครับ” ผมบอกพี่กันตภณ พี่เขาก็เดินไปเปิดกระเป๋า Nappy bag เพื่อหาที่วัดไข้ ผมรู้ว่าตัวเจ้าลูกโซ่น่ะ เย็นลงมาหน่อยแล้วแต่วัดไข้เพื่อจะได้มั่นใจว่าลงแล้วจริงๆ ผมหันไปมอง พี่กันเปิดดูเหมือนเขาเจออะไรบางอย่าง ในกระเป๋านั้น

   พี่กันครับ เจอไหมครับ” ผมถามพี่กันตภณ เขาพยักหน้าพร้อมกับหยิบที่วัดไข้มาให้ผม ผมก็จับเจ้าลูกโซ่นอนลงและทำการวัดไข้จากใต้รักแร้ ตัวแสบของผมดิ้นเพราะว่าจั๊กจี๋แน่ๆเลย ผมก็แกล้งลูกชายไปด้วย พอใครลงมาหน่อยก็หัวเราะได้เบาๆ ผมหันไปมองพี่กันตภณ เขามองกระเป๋าใบหน้าอยู่

   “ไข้ลดลงแล้วครับพี่กัน” ผบอกพี่กันตภณ พี่เขาหันมามองผมก่อนจะพยักหน้าและรับเอาปรอดวัดไข้คืนไป  พี่กันตภณมองหน้าผมยิ้มๆ ก่อนจะเดินกลับมาหาผมสองคน

   “พี่จะอยู่เป็นเพื่อนบีมก่อนแล้วกันน่ะ เพื่อว่าบีมต้องการพี่บ้าง” พี่กันตภณบอกผม ผมเงยหน้าขึ้นมองพี่กันตภณ ผมเองก็รู้สึกผิดแต่ว่าผมก็ไม่อยากทำลายความรักของใคร ถ้ามันยังสวยงามอยู่ ก็อยากให้เขาเก็บมันเอาไว้ พี่กันอยู่ด้วยกันกับผมและคอยโทรถามหมอภีมให้ผมตลอด ส่วนลูกโซ่ก็เล่นบ้าง งอแงบ้าง แต่ไม่ได้น่าเป็นห่วงอะไรมากพี่หมอภีมบอกว่าถ้ายังมีไข้ให้พาไปให้หมอภีมดูอีกทีเพื่อยว่าลูกโซ่จะแพ้วัคซีที่ฉีดให้

*****

             Part’s อารจารย์กันตภณ ผมเปิดกระเป๋าที่ใส่ของเด็กที่ผมซื้อให้บีม เขาเอาไว้ใส่ของจำเป็นเวลาพาลูกโซ่ไปหาหมอหรือไปไหน พกพาสะดวกมาก รถเข็นผมก็ว่าจะซื้อให้แต่บีมบอกว่าพี่สาวของฟิล์มให้มาแล้ว ผมเลยไม่ได้ซื้อให้ ใจของผมอยากดูแลเขาเหมือนคนรัก เหมือนผมคือพ่อของเด็กแต่ว่าสิ่งทีผมเห็นในกระเป๋าบีม แหวนประจำตระกูลของผมแต่มันอยู่ในกระเป๋าของบีม ผมแอบได้ยินบีมคุยกับเพื่อนเรื่องที่คนที่สร้างตราบาปเอาไว้ให้ เขาให้แหวนบีมเอาไว้ด้วย ผมเห็นชื่อในแหวนนั้น

                               “หมับ” ผมกำพวงมาลัยรถแน่นมาก ตอนนี้ผมมาจอดอยู่ที่ตรงหน้าผับที่ผมมาวันก่อนแต่ไม่เจอผู้จัดการร้าน คนทีบีมบอกว่าเขาจะเป็นคนที่สอนงานบีม ผมว่าเขาน่าจะรู้เรื่อง ผมก้าวเท้าลงจากรถ

               Rrrr จู่ๆมือถือผมก็ดังขึ้น เบอร์ของหมอภีมปภพ ผมกดรับสายเขาเพราะว่าเขาเป็นห่วงอาการลูกโซ่มากเช่นกัน

               (ว่าไงภีม)ผมถามภีมปพภพ

               (กัน ลูกโซ่เป็นยังไงบ้าง) หมอภีมถามผม

               (ไข้ลงแล้วแต่ก็ยังงอแงอยู่น่ะ) ผมพูด

               (กันอยู่ไหนอ่ะ) หมอภีมถามผม

               (กำลังจะกลับบ้าน มีอะไรหรือเปล่า กันขับรถอยุ่อ่ะ) ผมพูด

               (กำลังจะกลับบ้านเหรอ)หมอภีมถามผม

               (ใช่กำลังจะกลับบ้าน แค่นี้ก่อนน่ะ กันขับรถ มันอันตรายด้วย เอาไว้กันโทรหา) ผมบอกคนปลายสาย ก่อนจะรีบกดวางสายไป ผมเดินเข้าไปด้านหน้าผับ การ์ดของที่นี้ดูเหมือนอดีตบุคคลในเครื่องแบบมาก่อนและดูการตรวจค้นคนที่เข้าผับ การวางตัวเหมือนเป็นผู้มีอำนาจ

               “สวัสดีครับคุณเป็นเมมเบอร์การ์ดไหมครับ” คนดูแลด้านหน้าเขาถามผม

               “ผมไม่มีครับ ผมขอเข้าไปหาใครสักคนได้ไหมครับ” ผมถามเขา

               “มาหาอีกแล้ว วันนี้จะมาให้ผู้จัดการร้านคนเก่าใช่ไหมเนี๊ยะ มันไม่อยู่แล้ว มันหายไปแล้ว ไปไหนไม่มีใครรู้ สงสัยมันจะหนีความผิดนะคุณ” เขาบอกผม ไอ้ผู้จัดการร้านมันหนีอย่างนั้นเหรอ

               “จะเข้าไหมครับคุณ” เขาถามผม ผมหันไปมองรอบๆ

               “ถ้าคุณอยากเข้าไปด้านในต้องไปสมัครเมมเบอร์ก่อนนะครับ” เขาบอกผมพร้อมกับแจกบัตรและขั้นตอนการสมัคร นั้นคือคุณต้องมีเครดิตดีด้วยว่างั้น ผมรับมาก่อนจะหันหลังเดินออก ผมเดินมาที่รถที่ผมจอดเอาไว้ ไอ้ผู้จัดการร้านคนนั้นมันออกไปแล้วอย่างนั้นเหรอ มันหายไปไหนละ

               “กัน”ผมสะดุ้งเฮือกก่อนจะหันไป ผมก็เจอหมอภีมปภพ

               “มาทำไมที่นี้กัน” หมอภีมถามผม ผมกันมามองหมอภีมเช่นกัน

               “ภีมเห็นโลเคชั่นเลยเป็นห่วง กลัวว่ากันจะ” หมอภีมพูด ผมหันมามองหน้าเขา

               “กันไม่ใช่คนที่ทำตัวแบบนั้น กินจนเมาไม่ได้สติน่ะภีม” ผมพูด ภีมมองหน้าผม เขาดื่มจนไม่ได้สติและสุดท้ายเขาไปได้เสียกับน้องสาวต่างมารดากับหลิน ภรรยาของผม นั้นคือหมอสายป่าน

               “ภีมผิดครั้งเดียว กันจำไปจนตายเลยใช่ไหม” หมอภีมปภพถามผม

               “ว่าแต่กันเถอะ มาทำไม ที่นี้” หมอภีมถามผม

               “กันมาตามหาคน” ผมพูด

               “บีมเคยทำงานที่ผับนี้คืนนั้น คืนที่ทำให้ชีวิตเขาต้องมาเจอเรื่องวุ่นวายอะไรพวกนี้และที่กันมาเพื่อจะมาตามหาคนที่ทำงานในคืนนั้น กันแค่อยากรู้ว่าใครกันที่กับบีมแบบนั้น “ ผมพูด ทั้งทีผมก็รู้อยู่เกือบห้าสิบเปอร์เซ็นต์แล้วว่าใคร

               “แล้วเขาไม่ให้เข้าเหรอ” หมอภีมถามผม ผมพยักหน้า

               “เพื่อนภีมมีเมมเบอร์การ์ดเพราะว่าเขาพาหมอมาเที่ยวบ้างแต่ไม่บ่อยหรอก” หมอภีมพูด ผมรู้สึกแปลกใจมากว่าจริเหรอ

               “ภีมก็เคยมากับเขาน่ะ” หมอภีมพูด

               “ที่นี้ไม่เหมาะกับกันหรอก อย่าเข้าไปเลยน่ะ ในนี้มีอะไรที่ ไม่น่าดู อยู่ภายใน ” หมอภีมพูด  ผมหันไปมองหน้าภีม

               “กันมาหาอะไรในนี้เหรอ” หมอภีมถามผม

               “บีมเขามาทำงานที่นี้ในวันส่งท้ายปีเก่าและเขาก็โดน…”ผมพูดแต่ก็ไม่อยากพูดไปทั้งหมดแต่ผมเดาว่าหมอภีมเข้าใจ หมอภีมพยักหน้า

               “กันเลยจะมาหาคำตอบที่นี้ว่าคนนั้นคือใครอย่างนั้นเหรอ “หมอภีมพูด ผมหันไปมองทางอื่นผมคิดในใจขออย่าให้ใช่เลย อย่าเป็นหลานรักผมเองเลย ผมไม่ได้สังเกตว่าแหวนยังอยู่ทีนิ้วของเธียรวิชย์ไหม

               “ดูจากสีหน้าของกัน ภีมเดาว่ากันมีคำตอบอยู่แล้ว” หมอภีมพูด ผมหันมามองหน้าเขา

               “แล้วนี้ตามมาทำไม” ผมเปลี่ยนเรื่องถามหมอภีม

               “ตอนที่ภีมโทรหากัน ภีมยังตั้งโลเคชั่นเอาไว้อยู่น่ะและมันก็บอกว่ากันอยู่ที่นี้ ภีมเป็นห่วง ภีมเลยขับมาดูและมันก็ไม่ไกลไปจากบ้านของภีมด้วย” หมอภีมพูด ผมพยักหน้า

               “จะกลับแล้ว” ผมพูด

               “หมับ” หมอภีมชับต้นแขนของผมเอาไว้

               “กัน ….ถ้าคำตอบที่กันกำลังตามมาหามันทำร้ายใจกันเอง กันจะตามหาทำไม”ภีมถามผม

               “ตอนที่กันแต่งงาน ภีมมีสิทธิ์จะคัดค้านน่ะแต่ภีมไม่ทำเพราะว่าภีมเคารพในการตัดสินใจของกันแต่ว่าภีมเลือกที่จะรอ ถ้าหัวใจดวงนั้นมันยังเป็นของภีม ภีมก็จะยังรอน่ะ” ภีมบอกผม ผมหันมามองหน้าเขาแต่จังหวะนั้น ผมเห็นรถอาจารย์เปรมสินีขับเข้ามาพอดี ถ้าเขาเห็นผมมาที่นี้ เขาคงไปตั้งประเด็นอีกแน่ๆ เขาจอดรถไม่ไกลจากผมและถ้าเข้าเดินเข้าไปด้านใน เขาก็ต้องผ่านตรงที่ผมยืนคุยกับหมอภีม

               “ภีม” ผมเรียกภีมและดึงตัวเขามาบังผมเอาไว้

               “ใครอ่ะ”ภีมเข้ามายืนประชิดกับผม

               “อาจารย์ที่มหา’ลัยอ่ะ เขาเป็นคนปลดกันออกจากคณะกรรมการตัดสินเกียรตินิยมให้กับนักศึกษา” ผมบอกภีม ภีมเขาพยายามจะหันหลังไปมองแต่ผมจับหน้าภีมเอาไว้ ถ้าหันไปเขาก็ต้องมองมา ตอนนี้เขากำลังจะเดินผ่านผมสองคนไป

               “เร็วๆน่ะ ช่วงนี้ไม่อยากมีใครเอาฉันไปตั้งเป็นประเด็น ตอนนี้ฉันกำลังจะขึ้นแทนหัวหน้าอาจารย์ภาค ฉันกำลังจะเขี่ยเขาลงจากคู่แข่งอยู่ ตำแหน่งสำคัญกว่าถึงอยากได้เขามากแค่ไหนฉันก็เห็นแก่หน้าที่การงานมากกว่า กำลังหาให้อยู่ แล้วนี้อยู่ไหน ไปทำไม แค่นี่แหละ ฉันจะเข้าไปด้านในแล้ว “ระหว่างที่เธอเดินผ่านผมไป ผมก็หยิบมือมากดถ่ายรูปเธอเอาไว้แต่ว่าผมทำมือถือหลุดมือไป

               “ปึก!”เธอหยุดชะหงักและค่อยๆหันมามอง

               “อืมม” ภีมจับหน้าผมและประกบปากจูบ มันทำให้บดบังใบหน้าผมไปได้มิดชิด

               “อี้!! น่าขยะแขยง” เสียงทีผมได้ยินแค่นั้นและอาจารย์เปรมสินีก็เดินออกไปทันที โดยไม่ได้หันมามองผมสองคน อาจารย์เปรมสินีเดินหายไปแล้วแต่คนที่จูบผมอยู่ยังไม่ยอมปล่อยเลย

               “ปึด” ผมหยิกเข้าที่พุงของหมอภีมเพราะว่าเขาไม่ได้สวมเสื้อสูทแพทย์เลยหยิกโดนเนื้อเต็มๆ

               “โอ้ยย!! กัน” หมอภีมร้องนั้นแหละผมถึงได้ผลักเขาออกไปได้

               “เขาไปแล้ว” ผมพูดก่อนจะก้มลงเก็บมือถือของผมทีได้ภาพอาจารย์เปรมสินีแต่เป็นด้านข้างและด้านหลัง มันไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่

               “ถ้าเขาหันมาเจอว่าเป็นอาจารย์กันตภณ คงได้เป็นข่าวดังอีกแล้วแน่ๆและข่าวนี้คงกลบข่าวลือที่ว่าทำนักศึกษาท้อง” หมอภีมปภพพูดปนหัวเราะ

               “กลับบ้านเถอะกัน” หมอภีมบอกผม ผมหันไปมองแล้วผมก็อยากจะเข้าไปน่ะแต่ว่า

               “ไม่คุ้มกันกับสิ่งที่กันกำลังเอามาลงทุนด้วยเพราะว่ากันก็รู้คำตอบดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ จะเข้าไปหาอะไรอีก นอกเสียจากว่ากัน จะยอมรับคำตอบนั้นไม่ได้เอง” หมอภีมบอกผม ผมจำใจต้องเดินออกไป ผมหันมามองหมอภีมก่อนจะเดินไปขึ้นรถของผมเอง ผมเข้าไปนั่งแล้วแต่ว่าหมอภีมจับประตูเอาไว้ 

               “ไปหาอะไรทานกันก่อนไหม กลับไปก็ไม่ทันอาหารเย็นแล้ว เป็นค่าตอบแทนที่ช่วยไม่ให้คู่อริหันมาเจอ” หมอภีมกระซิบกับผม ผมเหลือบมองเวลานี้เกือบจะทุ่มหนึ่งแล้ว

               “ไปร้านเดิมที่ภีมเคยไปกับกันอ่ะ มันไม่ไกลจากบ้านกันด้วย “ หมอภีมบอกผม ผมพยักหน้ากับภีม

               “ภีมขับตามไปน่ะ” ภีมบอกผม ผมพยักหน้าก็ต้องอย่างนั้นแล้วแหละ ผมขับรถนำหน้าไปก่อน หมอภีมขึ้นรถและขับตามผมออกมาติด ๆ ผมยังคิดอยู่เลยว่ะเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ คนที่อยู่เบื้องหลังคืออาจารย์เปรมสินีย์ใช่ไหมหรือว่ามันมีอะไรมากกว่านั้นอีก

   TBC…

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.32 เธียรวิชญ์ตามหาผู้จัดการร้าน

      Part’ s เธียรวิชย์ ผมเพิ่งจะรู้วันนี้เองว่าน้องที่ชื่อกันต์ธีย์ คือคนที่เจ๊กกันฝากพ่อผมมาทำงานและอากันก็มาตามรับตามส่งอีกด้วย ผมไม่รู้แต่ผมรู้สึก มันบอกไม่ถูก วุ่นวายไปหมด เขาดูน่ารัก และด้วยความที่เขาเป็นมีระเบียบ เรียบร้อยเรียกว่าผู้หญิงบางคนก็ไม่เท่ากับเขา เช่นแพรวา ผมไม่ได้อยากเปรียบเทียบน่ะมันเป็นแบบนั้นจริงๆ

   “เธียร” ผมมาถึงที่ผับนี้ก่อนเวลา วันนี้ผมขอป๊ากับม๊ามา ผมตั้งใจจะมาสอบถามเกี่ยวกับน้องคนนั้น มันคางคาในใจผมมาก ตั้งแต่อยู่ที่อังกฤษ วันนั้น ผมไม่ได้หนีแต่ที่ผมต้องรีบกลับเพราะว่าผมมีสอบเก็บคะแนนจากศาสตราจารย์วิชาสำคัญของผมถ้าผมไม่ไป ผมต้องรอปีหน้าเลย ผมหันไปเห็นเพื่อนๆ ของผมเดินตรงมาหาผม มีพีช ไอ้ราเชน และไอ้ณัฐ พวกมันนั่งลงก่อนจะหันไปโบกมือเรียกคนมารับออเดอร์

   “พวกมึงบอกแพรวากันไหมว่ะว่ากูมาที่นี้” ผมถามเพื่อนๆ ผม พวกมันสั่นหัวกันเป็นแถว

   “แต่กูเดาว่าคงไม่ได้ออกมาว่ะ เพราะว่าป๊ากับม๊ากูไปคุยกับพ่อแม่แพรวาแล้ววันนี้”

   “ว่าจะขอน้องเขาให้มึงเหรอว่ะ” ไอ้ราเชน ผมหันมาชูนิ้วกลาง

   “ป๊ากับม๊าไปคุยเพราะว่าแพรวาน่ะตบธุรการที่ทำงานที่โรงเรียนพ่อกูและเขาดันทำให้พ่อกูไล่ออกอีกวันนี้ เขาก็ให้พ่อกูจ่ายค่าทำขวัญไปตั้งห้าหมื่นบาท ในฐานะที่แพรวามันลากไปตบที่หน้าห้องจนบรรดาครูนักเรียนแห่กันออกมาดู” ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่เซ็งสุดๆ และนี้อาจจะยิ่งทำให้พ่อไม่ไว้ใจอะไรเขาอีก

   “แพรวานี้มันเอาแต่ใจ จนกูไม่อยากมีน้องสาวเลยน่ะ และดีที่พ่อแม่กูตัดสินใจ มีแค่กูคนเดียว” ไอ้ณัฐ ไอ้ไอโซ รูปหล่อ

   “มึงเรียกผู้จัดการร้านมาคุยดิ กูจะถามเรื่องคืนวันที่เคาท์ดาวน์ที่นี้น่ะ” ผมบอกเพื่อนๆ ของผม พวกมันมองหน้าผมกันหมด

   “กูมีบางสิ่งที่คาใจกูอยากรู้ว่าน้องคนนั้นน่ะคือใคร” ผมพูด

   “น้องเขาชื่ออะไรล่ะ มึงจำได้ไหมล่ะเพราะว่ามึงเอาเขาครับ คุณเธียรวิชย์ครับ” ไอ้พีชมันถามผม ผมสั่นหัว

   “ต้องถามไอ้ไปส์ว่ะ เพราะว่ามันนั่งจีบน้องเขาอยู่พักหนึ่งแล้วก่อนที่มึงกับแพรวาจะเข้ามาในผับอ่ะ” เรเชนพูด

   “แล้วไอ้ไปส์มันไม่มาเหรอว่ะ” ผมถามพวกมัน

   “ไม่รู้ว่า กูโทรติดต่อมันไม่ได้ว่ะ “พีชหันมาบอกผม ไอ้เวรเลย ผมก็รีบหยิบมือถือขึ้นมากดโทรหาทันทีแต่ว่าฝากข้อความตลอด ผมโทรออกอยู่สี่ห้าครั้ง แสดงว่ามันอาจจะไม่อยู่ที่ไทยอาจจะไปจีนกับพ่อแม่มันแน่ๆ

   “มึงไปคุยกับผู้จัดการให้กูหน่อยดิไอ้เชน กูอยากรู้จริงๆ ว่ะ” ผมหันไปบอกราเชนเพื่อนผม มันก็พยักหน้าก่อนเดินหายออกไป ผมก็นั่งคุยกัน ไม่นานเหล้าก็มาเสิร์ฟพร้อมกับเด็กชงเหล้าให้ ผมก็ไม่ได้หันไปสนใจ เพราะว่าผมพวกผมไม่ได้มาเพื่อสิ่งนี้ จนกระทั่งไอ้ราเชนมันกลับมาพร้อมกับผู้หญิงคนหนึ่ง มีป้ายบอกว่าเป็นผู้จัดการ ผมเงยหน้ามอง ก็ตกใจ เธอสวยจริงๆ เธอยิ้มให้เพื่อนผมทุกคน และแน่นอนเพื่อนผมนี้ตาวาวทันที จนเขามาหยุดที่ผม

   “สวัสดีค่ะดิฉันนิน่าค่ะ เป็นผู้จัดการร้านนี้ค่ะ”

   “สวัสดีครับ ผมเธียรวิชย์ครับ” ผมบอกผู้หญิงคนนั้น เธอยิ้มสวยมาก แต่ผมกลับไม่รู้สึกตื่นเต้นเหมือนเช่นทุกครั้ง เธอมองหน้าผมก่อนจะหันไปมองคนที่ไปพาเธอมา

   “ขอเพื่อนผมคุยด้วยสักครูได้ไหมครับ” ราเชนมันชี้มาที่ผม ผมก็ชี้ตัวเอง และราเชนก็ขยิบตาให้ผม ผมก็หันไปยิ้มให้นิน่า เขาก็เดินมานั่งข้างๆ ผมทันที

   “เห็นคุณราเชนบอกว่าคุณมีเรื่องจะสอบถามเกี่ยวกับผู้จัดการคนเก่าเหรอคะ”

   “เออ ใช่ครับ คือว่า เมื่อตอนเคาท์ดาวน์ปีใหม่ปีที่แล้วน่ะครับ ผมมากับเพื่อนๆ ที่นี้นะครับและไอ้คนที่ไปตามมานะครับ” ผมพูดก่อนจะชี้ไปที่ไอ้ราเชน มันก็ชี้ตัวเองอีก

   “เอาเงินให้ผู้จัดการร้านคนเก่า เพื่อพาเด็กมาชงเหล้าและมาดื่มด้วยกัน และเด็กคนนั้นน่าจะเป็นเด็กใหม่ เพราะว่าคออ่อน ดื่มไม่ค่อยเก่งและเขาก็ “ผมก็พูดก่อนจะหันไปมองเพื่อนเอาไงดีว่ะ

   “น้องเขาขโมยของอันมีค่าเพื่อนผมไปครับ และของชิ้นนี้สำคัญมากครับ แหวนต้นตระกูล และแหวนวงพี่เขาจะเอาไว้หมั้นสาวนะครับ ถ้าไม่มีแหวนพ่อบอกห้ามแต่ง” ไอ้ณัฐมันพูดให้ผม ผมหันมามองหน้ามันอยากจะถีบมันจริงๆ แต่งเรื่องอะไรแบบนี้ว่ะ

   “ตอนนี้มันเกิดอยากจะใช้หมั้นสาวนะครับ รบกวนขอข้อมูลให้ไอ้เพื่อนรักพี่ทีนะครับ มันอยากมีเมีย” ไอ้ราเชนช่วยผมมาก จนผมอยากจะหันมาแจกของสมน้ำหน้ามันจริงๆ

   “จริงเหรอคะ แม้น่าสนใจนะคะ อยากมีโมเม้นโดนขอแต่งงานเหมือนกัน” เข้าทางคนที่นั่งข้างๆ ผมทันที

   “ว่าแต่เรื่องเกิดวันที่เคาท์ดาวน์ปีใหม่นะคะ นิน่าต้องไปถามพี่คนเก่าๆ ให้นะคะ เพราะว่านิน่าก็เพิ่งจะมาได้ไม่กี่เดือนเองค่ะ พี่ผู้จัดการคนเก่าจู่ๆ ก็หายไป แต่คนที่นี้บอกว่าเขามีหนี้สินนอกระบบเยอะนะคะ” นิน่าหันมาบอกผม ผมแค่พยักหน้าคือไม่อยากรู้เรื่องอื่นอยากรู้เรื่องเด็กคนนั้ันเท่านั้น

   “นิน่าจะช่วยนะคะ” ผมพยักหน้าและยิ้มให้ ก่อนที่นิน่าจะเดินออกไป

   “กูเห็นเขายืนมองมึงนานแล้วไอ้เธียร และท่าทางเขาจะชอบมึง และที่สำคัญเขาคือผู้จัดการร้านด้วยว่ะ”

   “แต่กู”

   “เอาน่ะ จีบไว้” ไอ้ราเชนพูด ผมก็นั่งขนเหล้าเล่นไปเรื่อยเปื่อย ทำไมวันนี้รู้สึก หงุดหงิดยังไงก็ไม่รู้ ไม่อยากจะนั่งอยู่ตรงนี้เลย อยากจะกลับบ้านมากกว่ามันรู้สึกกระวนกระวายแปลก คือตั้งแต่ที่รู้ว่ากันต์ธีย์มีลูกมีเมียแล้ว และกันต์ธีย์คือเด็กที่อากันมาฝากอีก มันสบสนตีกันวุ่นวายไปหมด ตกลงหมอนี้ยังไงแน่ เป็นไบเหรอว่ะ จนกระทั่งคุณนิน่ามาถึงเขาก็มานั่งข้างผมทันที

               “นิน่าไปถามมาให้แล้วนะคะ “นิน่าบอกผมก่อนจะหันมายิ้มให้ผม

   “ขอบคุณครับ”

   “อย่าเพิ่งค่ะ ขอแลกเป็นไลน์ได้ไหมคะ แล้วนิน่าจะบอกให้” ผมหันมามองหน้าเพื่อน แต่ยังไม่ทันได้ตอบอะไร ไอ้ราเชนมันก็หยิบมือถือผมมาและเปิดเพื่อจะได้แลกไลน์กันไป จนนิน่าได้ไลน์ผมไปสมใจ พอเขาเข้าไปโปรไฟล์ของผม เขาก็เงยหน้าขึ้นมองผมพร้อมกับขมวดคิ้ว

   “นี้คุณเป็นลูกชายมหาเศรษฐีเลยนะคะ”

   “ก็ไม่เชิงหรอกครับ เพราะนั้นคือเงินครอบครัวผมครับ ไม่ใช่เงินของผมเองคนเดียว เออว่าแต่นิน่าจะบอกผมได้หรือยังล่ะครับ ผมอยากรู้ครับ” ผมหันมาบอกเธอ ให้เธอรีบบอกผมมาซะทีซิ

   “ถ้าบอกแล้ว ชวนนิน่าไปทานข้าวด้วยได้ไหมคะ เพิ่มอีกอย่างหนึ่งค่ะ” ข้อต่อรองเริ่มเพิ่มมาเรื่อยๆ เลยน่ะ

   “เออ คือผมยุ่งนะครับ”

   “งั้นนิน่าก็ ไม่อยากบอกค่ะเพราะว่ามันเสียงมากที่จะโดนไล่ออกค่ะ” เธอพูดก่อนทำท่าจะเดินออกไป แต่ผมดึงแขนเธอไว้ เธอรีบเซถลามาหาผมทันที แถมกอดผมด้วย

   “ขอโทษนะคะ นิน่าเสียหลักนะคะ”

               “ครับ ไม่เป็นไร ผมจะชวนไปทานข้าวแล้วกันนะครับแต่รบกวนบอกผมที เรื่องนี้สำคัญกับผมจริงๆ ครับคุณนิน่า” ผมพูดจาอ้อนวอนกับเธอ

   “ก็ได้ค่ะ บอกก็ได้ค่ะ ขอนั่งใกล้ๆ นะคะ” นิน่าพูด ผมพยักหน้าให้ นาทีนี้อะไรก็ต้องยอมว่ะ

   “นิน่าพอรู้มาบ้างนะคะแต่นี้ไปถามคนด้านในมาให้ มีคนที่ทำงานในวันที่เคาท์ดาวน์ด้วยนะคะ เขาบอกนิน่ามาว่า ที่วันนั้นที่คุณบอกว่ามีคนชงเหล้าคนใหม่ เขาบอกไม่มีคนใหม่ค่ะ คนชงเหล้าหรือนั่งดริ้งนะคะ ส่วนใหญ่จะเป็นเด็กคนเดิมๆ แต่วันนั้นที่มีคนใหม่นะคะ เขาจะมาเป็นผู้จัดการร้านคนใหม่ค่ และมาเรียนงานกับพี่คนเก่าค่ะชื่อคงหรือคงกระพันค่ะ” น้องเขาบอกชื่อมาให้เสร็จสรรพ

   “แต่สงสัยว่าจะไม่ได้คงกะพันตามชื่อนะคะเพราะว่าหายไปได้หลายเดือนแล้วค่ะ ไม่มีใครรู้เลยค่ะว่าหายไปไหน ยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่าก็ไม่รู้นะคะ” ผมหันไปมองนิน่าว่าแน่ใจแล้วเหรอว่าไม่มีเด็กใหม่มาชงเหล้าน่ะ

   “แน่ใจเหรอว่าไม่มีเด็กชงเหล้าคนใหม่”ผมถามย้ำอีกครั้ง

   “จริงค่ะ ไม่มีคนใหม่”

   “แล้วผู้จัดการคนใหม่คนนั้น คือใครชื่ออะไรรู้ไหมครับ” ผมถามนินา

   “เขาลืมกันไปหมดแล้วค่ะ เพราะว่ามันนานแล้วและน้องเขาก็มาวันเดียวเองค่ะ ก็หายไปเลยไม่มาอีกและทุกคนก็ไม่มีใครรู้เรื่องที่เกิดขึ้นด้วยค่ะ เขาเลยไม่สามารถจะบอกกับนิน่าได้อีกค่ะ ทำไมเหรอคะ หรือว่าคุณชอบผู้ชายคะ “นิน่าพูดก่อนจะขยับเข้ามาแนบชิดเอาคางเกินไหล่ผม ผมก็หันไปมอง

   “คุณทำแบบนี้เขาไม่ว่าเอาเหรอครับ” ผมถามเธอกลับเพราะว่าเธออ่อยผมจนเกินงามจริงๆ

   “ก็นิน่าคือผู้จัดการร้านนี้ค่ะ “นิน่าพูด ผมก็หันไปมองหน้าเพื่อนผม ไม่เห็นจะได้อะไรเลย และจู่ๆ โทรศัพท์ผมก็ดังขึ้น

   //พี่เธียร!! พี่ให้ป๊ากับม๊าพี่มาบอกกับพ่อและแม่ของแพรวาแบบนี้ได้ยังไงแพรวาไม่ยอม!!! ตอนนี้พี่อยู่ไหนแพรวาจะไปหาพี่เดี๋ยวนี้เลย” เสียงแพรวาแพดดังมาในมือถือของผม ผมหันมามองเพื่อนๆ

   “แพรวา”

   “พี่อยู่ไหน!!!”

   “พี่จะกลับแล้วค่ะ พี่แค่มาคุยธุระแพรวา”

   “แพรวาจะไปหาพี่เดี๋ยวนี้!!! “และแพรวาก็วางสายไป ผมก็หยิบมือถือมาดู แพรวาจะมาได้ยังไง และผมก็เห็นว่ามันโชว์โลเคชั่นได้ ใครตั้งว่ะนี้ ผมก็ลุกพรวดขึ้นมาทันที

   “พวกมึงรอนี้น่ะ แพรวามาแล้วพากลับบ้านด้วย “ผมพูดและทุกคนก็ตกใจไม่แพ้กับผม

   “ไอ้เชี้ยเธียร!! มึงทิ้งระเบิดให้พวกกูกู้เหรอไอ้สัส!!” เสียงด่าผมทันที จากไอ้พีช

   “คุณเธียร คุณจะไปไหนคะ ไหนคุณบอกว่าถ้าฉันบอกสิ่งที่คุณต้องการแล้วคุณจ่ะ”

   “ผม ต้องรีบไป แล้วผมจะโทรไปบอกน่ะว่าเมื่อไหร่ที่เราตกลงกันน่ะคุณผู้จัดการ บายครับ” ผมพูด เขาคงไม่รู้ว่าผมบันทึกการสนทนาของผมกับเขาเอาไว้ด้วย ไม่ได้แอมผมหรอกแม่คุณคนสวย!! ที่เมืองไทยผมไม่ทำเพราะว่าผู้หญิงไทยต้องการผูกมัดแต่ที่เมืองนอกเราเท่าเที่ยมกัน ผมทำเขามีความสุขเขาก็ทำให้ผมมีความสุข เซ็กส์เฟรนด์

    Part’s ผมรีบวิ่งอ่าวออกจากมาผับทันที ผมรีบไปบอกเด็กฝากรถให้เอารถไปให้ผม เวรกรรมจริงๆ ผม นี้ป๊ากับม๊าไปคุยกันยังไงเนี๊ยะ! ที่แน่ๆ ไม่กล้ากลับบ้าน ไปนอนบ้านอาม่าดีกว่าคืนนี้ คืนนี้ผมออกไปเสียเที่ยวเลย ไม่เจอไอ้ผู้จัดการร้านคนนั้น ยังไงก็ต้องตามหาให้เจอให้ได้และคนที่รู้เรื่องดีที่ที่สุดก็ดันไม่มาอีก ไอ้ไปส์ ผมก็รีบโทรหาเจ๊กกันก่อน ผมไม่มีกุญแจบ้านอาม่า เดี๋ยวเจ๊กปิดประตูบ้านเสียก่อน

   //ฮัลโหล //เจ๊กกันตภณกดรับสายของผมทันทีเช่นกัน

   //ว่าไงเธียร//

   //เจ๊กกัน ผมจะไปนอนบ้านอาม่าคืนนี้อ่ะ นี้ผมกำลังจะออกจากผับครับเจ๊ก//

   //ไปเที่ยวผับอีกแล้วเธียร นายเพิ่งจะโดนพ่อด่าไปไม่ใช่เหรอว่าอย่าเหลวไหลน่ะ//อากันถามผม

   //พอดีผมออกมาทำธุระน่ะครับอา ผมมาคุยธุระกับเพื่อนจริงๆ ครับอาและผมกลับไปบ้านไม่ได้ แพรวาตามหาผมอีก ผมจะบ้าตายแล้วอา//

   //ก็อยากหล่อช่วยไม่ได้//

   //เจ๊กจะกลับบ้านแล้วเธียร //อากันตภณบอกผม

   (บีมน้องลูกโซ่ไข้ลงแล้วใช่ไหมครับ และแน่ใจน่ะว่าอยู่ได้) ผมได้ยินเสียงอาคุยกับใครสักคน น้องลูกโซ่เหรอ จะใช้คนที่อยู่ที่โรงเรียนผมคนนั้นไหมน่ะ แต่ว่าบีมนี้ชื่อนี้คุ้นมากๆ

   //อาผมไปที่บ้านเลยน่ะบ้านเลยนะครับ ผมกำลังจะขับรถออกไปครับ”

   //โอเคเธียร// ผมก็กดวางสายของอากันตภณ ผมเข้าไปนั่งในรถ ผมรีบส่งข้อความหาไอ้ไปส์ก่อนเลย

   // ไอ้ไปส์ ถ้าว่างโทรหากูด้วย กูมีเรื่องจะถามเกี่ยวกับเด็กที่ชงเหล้าวันเคาดาวน์ว่ะ กูอยากรู้เรื่องน้องในคืนนั้น // ผมส่งข้อความหาไอ้ไปส์ เพราะว่ามันน่าจะรู้เรื่องน้องคนนั้น ก็ตอนที่ผมคุยกับไปส์มัน มันบอกว่ามันกลับมาที่นี้อีกและมันก็เอาเงินอุดเพื่อว่าถ้าน้องเขามาถามหาผม โดยที่ผมเองก็ไม่ได้บอกให้มันทำ แต่ผมเข้าใจมันน่ะ มันคงไม่อยากให้น้องเขาเอาเรื่องผม มันรู้ว่าพ่อไม่เข้าข้างผมแน่ๆ แต่แปลกว่าทำไมน้องเขากลับไม่ตามหาผมเพื่อให้ผมมารับผิดชอบหรือเรียกร้องเงินจากผมเลย นี้ก็เงียบไปเฉยๆ อีก กลับต้องมาเป็นผมเองที่มาตามหาเขา

   //ฮัลโหลม๊า//ผมโทรหาม๊าของผม

   //เธียรเจอแพรวาหรือยัง//

   // ผมคิดว่าเธอคงไปเจอเพื่อนๆ ผมแทนนะครับ เพราะว่าผมออกมาแล้วครับม๊า//

   // ม๊า ผมไปค้างบ้านอาม่าน่ะ ม๊าไม่ต้องบอกเขาน่ะว่าผมไปนอนที่นั่นน่ะ ผมไม่อยากประสาทกินและพาให้นอนไม่หลับม๊า//

   //ม๊าว่าจะโทรบอกว่า ป๊าจะส่งเราไปอบรมน่ะ เรื่องการบริหารงานระบบการศึกษาน่ะ ไปกับเฮีนธามเขาน่ะ พรุ่งนี้ //

   //ไปกี่วันครับม๊า//

   //สามวัน ม๊าแพ็คกระเป๋าให้และพรุ่งนี้เฮียธามไปรับล่ะที่บ้าอาม่าน่ะ//

   //ครับม๊า เธียรรักม๊าน่ะ//

   // ม๊าก็รักเธียร ดื้อกับป๊าให้น้อยลงหน่อยจะดีมากเธียร และแค่นี้น่ะเธียร // ม๊าบอกผม ก่อนจะวางสายไป ผมขับรถมาถึงบ้านอาม่าแล้วขณะที่ผมกำลังจะถึงหน้าประตูรั่วบ้านของอาม่า

    ผมเห็นรถเก๋งคันหรูของอากันตภณจอดอยู่โดยมีรถเก๋งอีกคันจอดต่ออยู่เช่นกัน แต่ผมเลือกที่จะขับผ่านไปเอารถเข้าบ้านก่อน ผมใช้รีโหมดทีมีกันทุกคน กดเปิดประตูรั่วบ้าน ผมออกมาจากรถ เห็นผมแหงนหน้าขึ้น ผมเห็นไฟในบ้านยังเปิดอยู่ อาม่าคงยังไม่นอน ผมเลือกเดินย้อนออกมาและเห็นว่าอากันคุยกับใครอยู่ ดูสีหน้าจากไฟสลัวๆ ที่ส่องมา สีหน้าอากันดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ และอีกคนก็หน้าคุ้นๆ คุ้นตาผมมาก

   “อ้าวเธียร” เจ๊กกันหันเห็นผมเดินออกมาพอดี

   “สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้อากันและอีกคนผมไม่แน่ใจว่าเขาคือใครกันแต่ก็ยกมือไหว้เอาไว้ก่อน

   “ไอ้เจ้าเธียรไง” เจ๊กกันบอกคนที่ยืนอยู่ตรงข้าม เขาก็ทำท่าคิดก่อนจะ

   “ลูกชายพี่เกริกคนเล็ก คนที่ ตอนที่กันไปรับที่เรียนพิเศษและกันไปรับสายเลยเวลาเลยทำให้โมโหหิวและยังงอแงจะกินพาสต้าด้วยใช่คนนั้นไหมล่ะ” ผมก็ขมวดคิ้ว พี่เขารู้ได้ไง ใช่เมื่อก่อนอากันต้องคอยตามรับตามส่งผมตอนไปเรียนพิเศษและเหตุการณ์นี้ก็ถูกต้องซะด้วย

   “อืมม มันนี้แหละ ไอ้หลานเอาแต่ใจในตอนนั้นน่ะ” อากันพูดก่อนจะหันมามองผม

   “โตเป็นหนุ่มแล้วน่ะเนี๊ยะ เห็นแบบนี้รู้สึกตัวเองแกไปเลยน่ะ” พี่เขาพูด

   “พี่ภีมไงเธียร ตอนนี้เป็นคุณหมอภีมปภพไปแล้ว “อากันบอกผม ผมพยักหน้า

   “อ้อผมจำได้แล้วครับ ผมไม่เจอพี่นานมากเลยน่ะครับ “ผมพูดก่อนจะมองไปที่รถเก๋งของอากัน แต่แปลกน่ะทำไมไม่เข้าไปคุยกันในบ้าน

   “แล้วนี่ทำไมมาหาอาม่าดึกจังล่ะเธียร อาม่านะเข้านอนแล้ว อาม่าเขาทานยา ยามันก็ทำให้อาม่าง่วงเลยต้องเข้านอนเร็วน่ะ “อากันบอกกับผม

   “ผมมานอนนี้ครับเจ๊ก”

   “หนีสาวมาอีกแล้ว “เจ๊กกันดักคอไว้ทันที

   “เออ กัน ถ้าอย่างนั้น ภีมกลับก่อนน่ะ” หมอภีมปภพบอกเจ๊กกัน

   “อืมม กลับเถอะภีม ขอบใจน่ะ “อากันบอกพี่ภีมปภพ ผมก็ยกมือไหว้ พี่เขากันมารับไหว้ผมก่อนจะหันมามองหน้าอากันเหมือนเขายังมีเรื่องค้างคาที่จะพูดกันอยู่

   “เข้าบ้านไปก่อน อาจะเอารถเข้าไปเก็บน่ะเธียร “อากันบอกผม ผมก็พยักหน้าก่อนจะเดินเข้าไปแต่ก็หันมามองพี่หมอ พี่หมอเขามองอากันแปลกๆ จะว่าไปตั้งแต่อากันแต่งงานกับอาหลิน ผมก็ไม่เห็นพี่เขามาหาอากันอีกเลย ส่วนผมน่ะ พอเข้ามหาวิทยาลัย เป็นหนุ่มเนื้อหอมมาก แทบไม่ได้เจออากัน อากันหย่ากับภรรยาตอนไหนผมเองยังไม่รู้เลย และยิ่งไปเรียนที่เมืองนอกผมก็มีแค่โทรคุยกับอาบ้างแค่นั้นเอง โทรมาปรึกษาเรื่องเรียนนี้แหละ

   ผมเดินเข้ามาก็เห็นอาม่าเดินออกมาจากห้องพัก อาม่าพักชั้นล่าง เพราะว่าอาม่าเดินขั้นเดินลงไม่ไหว แต่ห้องนอนอาม๊าพ่อผมทำให้อย่างดี สะดวกสบายมาก

   “อาเธียร หรือมาทำไมดึกๆ ดื่นๆ ฮะ” อาม่าถามผม ผมตรงเข้าไปกอดอาม่า

   “ไม่ต้องมากองเลย ที่ดีดีไม่มา พอมีเรื่องล่ะ มาเชียวน่ะมึงน่ะ และนี้มึงมีเรื่องมาอีกแล้วซิ ไอ้สีเทียน! “อาม่ารู้ทันเธียรตลอดเลย

   “แล้วนี่มาคนเดียวเหรอ ลูกเมียไปไหนล่ะ” ผมถึงกับเงยหน้ามองอาม่า

   “อาม่า ผมยังไม่มีเมีย” ผมบอกอาม่า

   “ซี้ซั้วต่างนะมึงน่ะ อาม่าเห็นอยู่ หน้าเหมือนมึงเลยไอ้สีเทียน และอาก๋งสอนว่าอย่าโกหก จำไม่ร่ายหรือไง ไอ้สีเทียน” อาม่าพูด เรียกชื่อเพี้ยนอีกต่างหากอาม่า

   “อาม่า ผมชื่อเธียรวิชย์ไม่ใช่สีเทียน”

   “เธียรวิชย์อั๋วตั้งเองทำไมจะไม่รู้ แปลว่านักปรารญ แต่มึงน่ะ ไม่ต่างอะไรกับสีเทียน ไม่ได้เรื่อง”อาม่าพูด อาม่ายังว่าผมเลย ไม่ต้องถามถึงป๊าผมเลย

   “อาม่าพอแล้วป๊าด่าทุกวันแล้ว นะอาม่านะ อย่าด่าเธียรเพิ่มเลยน่ะ” ผมกอดอ้อนอาม่า

   “อาม่าล่ะเบื่อเราจริงๆ เล๊ย!! “อาม่าพูดก่อนจะถอนหายใจออกยาวๆ และอากันก็เข้ามาพอดีเลย

   “อ้อนอะไรอาม่าอีกล่ะเธียร” อากันถามผมปนหัวเราะ

   “ตกลงนี้มาทำไมเนี๊ยะฮะ” อาม่าถามผมอีก

   “มันหนีสาวมานอนที่นี้ไงม๊า” เจ๊กกันตอบแทนผม

   “พี่โสน เดี๋ยวขึ้นไปจัดห้องรับแขกข้างบนให้หลานผมหน่อยนะครับพี่” อากันบอกกับคนรับใช้ในบ้าน

   “ม๊า ทำไมยังไม่นอนอีกล่ะ” เจ๊กกันถามอาม่า

   “ก็ได้ยินเสียงเราคุยกับใครอ่ะ ใช่อาภีมหรือเปล่าอ่ะ ม๊าจำเสียงได้”อาม่าถามเจ๊ก

   “เออ ไม่มีม๊า ผมไม่ได้คุยกับใครหรอกม๊าและภีมก็ ไม่ได้มา ภีมมันทำงานที่โรงพยาบาล ม๊าก็เจอไม่ใช่เหรอวันนี้น่ะ” อากันตอบอาม่าว่าไม่ได้คุยกับใครทั้งที่อากันยืนคุยกับพี่หมอภีมนี่น่ะ ผมหันไปมองเจ๊กกันแต่เจ๊กกันส่ายหน้ากับผม

   "ก็เจอไง เจอลูกไอ้เธียรด้วย " อาม่าบอกเจ๊กกัน เจ๊กกันถึงกับสะบัดหน้ามามองอาม่า ผมหันไปพยักพเยิดกับเจ๊กกันเหมือนกัน

   "ม๊า ไอ้เธียรมันยังไม่มีครอบครัวเลยมันจะมีลูกได้ไงม๊า"เจ๊กกันพูดและอาม่าก็หันขวับไปทันที

   "พวกลื้อนี้หาว่าอั๊วแก่แล้ว ซี้ซั้วเหรอ" อาม่าพูด พร้อมกับทำท่าหงุดหงิดด้วย

   "โอเคม๊า มีก็มี " อากันยกมือขึ้น ก่อนที่อาม่าจะโมโหมากไปกว่านี้ ส่วนผมนี่หันไปมองอากันทำท่าจะค้านแต่ เจ๊กทำนิ้วจุ๊ปากว่าไม่ให้ผมพูดต่อ

   “เธียรว่าอาม่า เข้านอนเถอะน่ะเธียรพาไปเอง และผมจะขึ้นไปอาบน้ำแล้ว พรุ่งนี้เจ๊ธามมารับแต่เช้าอาม่า” ผมบอกกับอาม่า

   “ลื้อมีพี่สาวด้วยเหรออาเธียร” เวรแล้วผม อาม่าหันมาถามผมทันที อากันก็หันมามองผมด้วย (ถ้าเจ๊ธามรู้เธียรตายอีก ไอ้เธียรเอ๊ย)

   “ไม่มีอาม่า”

   “มึงบอกเจ๊ธามมึง เฮียมึงมันแปลงเพศแล้วเหรอ เดี๋ยวอาม่าจะไปวีดีโอคอลหาป๊ามึงอ่ะ” อาม่าไม่พูดเปล่าทำท่าจะลุกไปแถมยังจะวีโอคอลเลยเหรอม่า

   “เดี๋ยวอาม่า!! “ผมรีบถึงแขนอาม่าไว้ก่อน

   "วีดีโอคอลเลยเหรออาม่า"

   "เห็งหน้าไง คุยแล้วเห็งหน้าอ่ะ มึงไม่เคยเหรอ แม้ที่อย่างนี้โลวเทคนะมึงน่ะ" อาม่าหันมาบอกผมอีก ผมต้องเกาที่ท้ายถอยตัวเอง

   "ผมรู้จักน่ะอาม่า เธียรโทรหาม๊าบ่อยตอนขอเงินอ่ะ แต่กับป๊าไม่กล้าน่ะ ฝากข้อความตลอดกลัวป๊าด่า และตอนนี้มันก็ดึกแล้วด้วยอาม่า และป๊ากับม๊าก็นอนแล้ว อย่าโทรเลย กวนเขาเปล่าๆ " ผมบอกอาม่า ถ้าให้โทรไปนี้คงไม่มีใครได้นอนแน่ๆ

   “อาม่า ผมเรียกเฮียธาม ไม่ใช่เจ๊ธาม อาม่าได้ยินผิดไปแล้วน่ะ สงสัยอาม่าจะง่วง ไป ผมพาไปนอนน่ะอาม่าน่ะ” ผมรีบบอกอาม่า เอาหัวไถอาม่าออดอ้อนหน่อย

   “งั้นผมขึ้นห้องก่อนน่ะม๊า “อากันบอกก่อนจะเดินขึ้นไปบนชั้นสองของบ้าน ผมหันไปดูรูปวงศ์ตระกูล ผมยังเรียนชั้นมัธยมปลายอยู่เลยเฮียธีเรียนจบแล้ว ส่วนเฮียคนอื่นก็ยังเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ และ อากันก็เพิ่งแต่งงานใหม่ กับอาหลิน ภาพนี้อาก๋งยิ้มมีความสุขมากที่ลูกๆ หลายอยู่กันพร้อมหน้า ลูกสาวของอี๊หงส์ก็ยังเรียนมัธยมปลายกับประถมอยู่ ผมคิดถึงอาก๋งน่ะ

   “อาม่าก็คิดถึงอาก๋งน่ะเธียร อาม่ายังคิดถึงตอนที่เรายังเด็กเล็กนิดเดียวอยู่เลย “อาม่าพูดขึ้น

   “แล้วทำไมวันนี้ไม่พาลูกพาเมียมาด้วย” อาม่าถามผมอีกแล้ว ผมต้องเอาฝ่ามือแตะหน้าผากตัวเอง

   “ไปนอนดีกว่าอาม่า ผมจะขึ้นนอนแล้วน่ะ ผมว่าอาม่าง่วงนอนแล้วแหละเนี๊ยะ”

   “ทะเลาะกับเมียมาหรือไง รู้ไหมคนในบ้านน่ะสำคัญมากๆ อาก๋งน่ะสอนป๊าเราตลอดเห็นไหม ป๊าเรานะรักม๊าเราแค่ไหน รักและให้เกียรติคนที่เรียกว่าภรรยา คนที่เป็นแม่ของลูกอ่ะ คนที่ร่วมทุกข์ร่วมสุข เราก็ต้องทำอย่างป๊าเขาน่ะเธียรน่ะ ขนาดม๊าเราน่ะ อาก๋งเป็นคนเลือกให้ป๊าเราไม่ได้เลือกเองน่ะ แต่ป๊าก็รักม๊าเรามากน่ะทั้งที่ไม่ได้เลือกเอง และนี้เราได้เลือกเองไม่ต้องมีใครมาเลือกให้เหมือนเจ๊กกันเขาด้วย ได้เลือกเขามาแล้วก็ต้องดูแลเขาดีดีน่ะเธียรน่ะ และยิ่งเขาต้องเป็นแม่ของลูกเราด้วยน่ะ ต้องเอาใจเขามากๆ ผิดนิดผิดหน่อยให้อภัยกัน รู้ไหมเธียร” อาม่าบอกผมแววตาที่มองอย่างเอ็นดู ผมเห็นมาตั้งแต่ผมจำความไม่ได้ เพราะว่าม๊าป่วยในตอนนั้น

   "อาม่า ถ้าผมได้เลือกใครสักคนมาโดยที่ไม่ได้เลือกเพราะรักแต่ต้องเลือกเพราะว่าผมต้องรับผิดชอบล่ะอาม่า "ผมถามอาม่า อาม่ามองหน้าผมอีกครั้ง

   " จะด้วยเหตุผลอะไรมันก็ไม่สำคัญหรอกอาเธียร แต่มันสำคัญหลังจากหลังจากนั้นน่ะ จะร่วมทุกข์ร่วมสุขกันได้ไหม เขาเป็นแม่ของลูกลื้อได้ไหม แม่น่ะ เป็นง่ายน่ะเป็นได้ทุกคนแหละแต่แม่ที่ดีน่ะหายาก ลื้อมีแม่ที่ดี ลื้อน่าจะรู้น่าอาเธียร และขนาดคนรักกัน รักกันมากปานจะกลืนกลิ่น เลิกกันก็เยอะแยะไป ไปหาซุบซิบดารามาอ่านไป๊" อาม่าบอกผม ผมต้องเกาหัวเล็กน้อยตรงที่อาม่าให้ผมไปหาหนังสือซุบซิบดารามาอ่านนี้แหละ

   “ครับอาม่า งั้นอาม่าเข้านอนดีกว่าน่ะ ดึกแล้วอาม่า เธียรรักอาม่าน่ะ งั้นเธียรไปนอนก่อนน่ะอาม่า ฟ๊อด!!” ผมบอกอาม่า อาม่ายกฝ่ามือลูบบนหัวผมเบาๆ และพี่คนใช้ที่ดูแลอาม่าก็เข้ามาประคองอาม่าเข้าไป ผมยืนมองอาม่า ก่อนจะปิดประตูลง ขนาดอาม่าไม่ค่อยได้ออกไปไหน อาม่ายังบอกว่าเธียรวิชย์น่ะมีลูกมีเมียแล้วเลย ตั้งแต่ที่อยู่อังกฤษแล้วน่ะ ผมต้องตามหาเด็กคนนั้นให้เจอให้ได้ ผมกำลังเดินขึ้นไปบนห้องนอนแต่จะว่าไปผมก็ไม่ได้เอาอะไรติดตัวมาเลย ผมไม่ได้มานอนบ้านอาม่าหลายปีแล้วด้วย ห้าปีได้แล้วมั้ง เสื้อผ้าก็ไม่มี ไปดูห้องอากันดีกว่า เพราะว่าอากันก็ไม่ใช่คนตัวใหญ่ไปกว่าผม ความสูงก็ไล่ๆ กัน

   ก๊อก ก๊อก ก๊อก ผมเคาะห้องนอนอากัน แต่ว่าไม่มีการตอบรับ ผมเลยเลือกที่จะเปิดประตูเข้าไปเลย อากันไม่ได้ อยู่ในห้องนอน ผมกวาดตามองไปรอบๆ ห้อง ผมก็เห็นประตูริมระเบียง หน้าห้องนอนอากันเปิดแง้มเอาไว้ สงสัยอากันจะออกไปยืนรับลงด้านนอกแน่ๆ

   //อะไรน่ะ เป็นไปไม่ได้หรอกภีม ที่ลูกของบีมจะหน้าเหมือนเธียรวิชย์ ตาฝาดไปหรือเปล่า อาจจะมองไม่ชัดก็ได้น่ะ เพราะว่ามันมืดและไม่ค่อยสว่างด้วย //

   ก๊อก ก๊อก ก๊อก ผมเลยเคาะกระจกก่อน อากันหันมามองหน้าผม ผมดูจากชุดที่อากันสวมอยู่นั้นแปลว่าอากันอาบน้ำเรียบร้อยแล้ว

   “ว่าไงเธียร” อากันหันมาถามผม

   “เจ๊กผมไม่มีเสื้อผ้าเลยอ่ะ”

   “ดูในห้องเสื้อผ้าของอาน่ะ เลือกเอาเลยเธียร อามีชุดใหม่ๆ อยู่หลายชุด และชุดชั้นในใหม่ๆ ก็มี เลือกเอาเลยเธียร” อากันบอกผม ผมก็ยกนิ้วโป้งให้ ว่าไม่กวนแล้ว แต่มันทำให้ผมคิดน่ะว่า ใครอีกน่ะบีมและลูกเขาหน้าเธียรวิชย์ ใช่ผมหรือเปล่าว่ะ หรือว่ามีใครที่ชื่อซ้ำกับผมอีก ชื่อโหลไหมว่ะ ขนาดกันต์ธี เขายังมีคนที่เขาไม่ชอบขี้หน้าก็ชื่อเดียวกับผมอีก แต่จะว่าไป ผมยังไม่เคยถามกันต์ธีเลยน่ะว่า เขาชื่อเล่นว่าอะไร เรียกแต่ชื่อเต็มๆ มาตลอด

        TBC...

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
      
EP.33 เธียรวิชญ์รู้ความจริงแล้ว

               Part’ sเธียรวิชย์ ผมหลบหน้าหลบตาแพรวาไปสองสามวัน และนิน่าก็คอยส่งข้อความมาหาผมจะให้ผมพาไปทานข้าวอีก เพราะว่าเขาได้เอาความลับมาบอกกับผม ผมก็ปฏิเสธตลอด ผมบอกว่าผมยุ่งอยู่ และถ้าว่างจะโทรไปบอก แต่นางก็ขยันส่งข้อความมาหาและพยายามจะโทรหาผมผ่านไลน์แต่ผมก็ไม่ยอมรับ จนผมส่งข้อความไปบอกเธอว่าผมมีคลิปเสียงที่เธอนำความลับภายในที่ทำงานมาบอกผม ผมจะส่งให้เจ้าของผับ เท่านั้นแหละนางก็เงียบไปเลย



      พอกลับมาถึงก็ต้องออกไปประชุมกับทีมผู้บริหารของแต่สาขา และผมก็เป็นหนึ่งในนั้น พี่ธี พี่ธามและพี่ธันก็ไป พอประชุมเหมือนกัน พอเสร็จปุ๊ปผมก็รีบกลับมาโรงเรียนของทันทีโดยยังไม่ได้คุยอะไรกับเฮียเลย รู้สึกแปลกๆ ที่ไม่ได้เจอกันต์ธีย์มาสองวัน และที่แปลกไปอีกอย่างคือผมก็เลือกเดินเข้ามาทางเนอส์เซอรี่แทน ผมหลือบไปมองเวลาที่นาฬิกาเรือนสีทองที่ข้อมือผมตอนนี้เป็นเวลาสิบเอ็ดโมงเช้า จะว่าไปผมก็ยังนึกถึงเด็กตัวขาวๆ ราวกับก้อนเต้าหู้ ดวงตากลมโตนั้น คิ้วนี้หนามากแต่กลับโค้งสวยรับกับปลายจมูกโด่งรั้นนั้นขนตาที่งอนราวกับตุ๊กตาบาร์บี้ แล้วนี่ผมจะมาเดินผ่านแผนกเด็กอ่อนทำไมน่ะ

   “ปึก” ผมก็ต้องชะงักเท้า ก่อนจะหันไปมอง คนที่อยู่ด้านหลังกระจกใส่ ไม่ใช่ใครอื่นเจ้าลูกโซ่ เด็กที่ผมบรรยายอยู่นี้แหละ และคือคนที่พยายามจะกินเนกไทผมวันก่อน ผมถอยหลังกลับมามอง เด็กน้อยเกาะกระจกยืน และยิ้มตาหยี เหมือนเขากำลังอวดฟันที่กำลังโผ่ออกมาให้ผมดู ทำไมน่ะเด็กคนนี้ถึงทำให้ผมยิ้มได้ทุกที รอยยิ้มนี้มันคุ้นเคยเหมือนผมเคยเห็นในกระจก ผมก็ย่อตัวลงมองเด็กน้อยนั้น เขาเคาะกระจกตอบ ทำปากจู๋กับกระจกบานใหญ่ ราวกับเขาคือเจ้าปลาดูดกระจก ผมก้มลงมองนาฬิกาข้อมืออีกครั้ง ก่อนจะลุกขึ้นและเดินไปที่ประตู



      ผมเปิดประตูเข้าไปทันที ครูพี่เลี้ยงทุกคนหันมามองผมกันหมด ผมก็หันไปมองตำแหน่งที่ผมเห็นเป็นก้อนขาวๆ เพราะว่าตัวขาวจั้วะ ผมเดินตรงไปหยุดมอง (ผมแอบแปลกใจตัวเอง ผมไม่ชอบเด็กมาก่อน ไม่เคยอยากอยู่ใกล้เด็กเพราะว่ายังไม่เคยมีหลานแต่ทำไมเด็กคนนี้ถึงได้ทำให้ผมรู้สึกอยากรู้จักอยากมาหา ทั้งที่วันแรกก็ฝากน้ำลายไว้เป็นที่ระลึกขนาดนั้น แต่มันก็ทำให้ผมรู้ว่ามีคนที่เพียบพร้อมเหมือนม๊าของผมบนโลกนี้อีกคนไปพร้อมๆ กันแต่เขากลับเป็นผู้ชายนั้นก็คือกันต์ธีร์ เนกไทนั้นกลิ่นน้ำยาที่เขาใช้ซักยังหอมติดปลายจมูกผมอยู่เลย)

   “ปะ ปะ ปะ” พอเงยหน้าขึ้นมาก็ยื่นมือมาบนอากาศ เหมือนเรียกผมเลย ผมก็ย่อตัวลง นั่งยองๆ เด็กน้อยยึดเกาะขาผมขึ้น ผมก็ใช้มือประคองอัตโนมัติเพราะว่ากลัวเจ้าก้อนขาวๆ นี้จะล้มลงไป

   “ไม่เจอกันสามวัน ทำไมคิดถึงเหรอ” ผมถามเด็กน้อย เขากำลังมองหาเนกไทของผมแน่ๆ

   “วันนี้ไม่ได้ใส่มาก เพราะว่าไม่มีคนผูกให้ “ผมพูดกับคนตรงหน้า ไม่รู้เข้าใจไหมแต่ก็ยิ้มตาหยีมาให้ผม ดีที่ตาโตเลยยังเห็นตาดำกับเขาบ้าง ที่ไม่ผูกไทมาเพราะว่าม๊าของผมไปกับป๊าไม่อยู่ ไปไหนก็ไม่รู้แต่เช้า และผมเองก็เพิ่งจะกลับมาพร้อมกับเฮียธามตอนดึกแล้ว เลยไม่ได้เข้าไปถามก่อน แต่ไม่ผูกวันหนึ่งคงไม่เป็นไร

   “คุณเธียรค่ะ” ครูพี่เลี้ยงเดินมาหาผม ผมหันไปมองเธอก่อนจะลุกขึ้น แต่ลืมไปว่าเจ้าก้อนขาวๆ นี้พิงผมอยู่ ผมก็รีบคว้าลอยติดมือขึ้นมาอุ้มไว้ได้ทัน ไม่อย่างนั้นคงได้ลงไปกลิ้งให้เจ็บตัวอยู่บนพื้นแน่ๆ แต่ว่ามันทำให้สายตาสายคู่ของบรรดาครูพี่เลี้ยงพากันหันมามองผมกับเจ้าก้อนเต้าหู้กันหมด

   “มีอะไรเหรอครับ” ผมถามทุกคน ทุกคนมองผมกับเจ้าลูกโซ่สลับกันไปมา

   “ผมถามว่ามีอะไรกันหรือเปล่าครับ” ผมถามทุกคนย้ำอีกครั้ง

   “ไม่มีค่ะ!! “เสียงประสานกันก่อนจะหันไปหาอะไรทำทันที ผมหันมามองครูที่มาเรียกผม เขาก็มองผมกับลูกโซ่สลับกันไปมา

   “บังเอิญไปไหมคะ “ครูพี่เลี้ยงถามผมแบบกล้าๆ กลัว”

   “บังเอิญอะไรเหรอครับ คุณครูพี่เลี้ยงครับ” ผมถามครูพี่เลี้ยงกลับ

   “ใบหน้าน้องเขากับใบหน้าของคุณเธียรวิชญ์นะคะ เหมือนกันมากจนแยกไม่ออก แต่ไม่น่าจะใช่ค่ะ เพราะว่าน้องเขาก็มีพ่อของเขานะคะ “ครูพี่เลี้ยงบอกผม ผมก็ขมวดคิ้ว ก่อนจะหันมาเหล่มองเด็กน้อยก่อนจะหันหน้ามาครูพี่เลี้ยงอีกที

   “แต่ตั้งแต่น้องมาอยู่ที่นี้เกือบอาทิตย์ ไม่เคยเห็นคุณแม่น้องมาเลยนะคะ มีแต่คุณพ่อนะคะ” ผมถึงกับขมวดคิ้ว ก็เป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวเหรอนี่ ถ้าอย่างนั้น กับเจ๊กกันล่ะ ยังไงกันว่ะ ผมนี่งง

   “อ้อมีอีกคนที่มารับมาส่งประจำค่ะ คือคุณกันตภณค่ะ ไม่รู้ว่าเป็นแฟนกันไหมนะคะ” อันนี้ทำให้ผมต้องขมวดคิ้ว ตกลงพ่อของเจ้าหมอนี้เป็นอะไรกันแน่ มีเมียหรือมีสามีกันแน่ ผมกลับมามองเจ้าก้อนเต้าหู้ที่ผมอุ้มอยู่ (ขาวขนาดนี้เปลี่ยนชื่อเถอะผมคิดในใจ)

   “คุณเธียรค่ะ!! มีคนมาขอพบค่ะ เขาบอกมีธุระด่วนมากค่ะ และโหวกเหวกโวยวายจะพบคุณเธียรวิชญ์ให้ได้ค่ะ ห้ามก็ไม่ฟังค่ะ ขนาดบอกว่าคุณเธียรไปประชุมก็ไม่ฟังค่ะ” ผมหันไปมองคนที่วิ่งมาบอกผม เขาเป็นคนทำงานธุรการที่ส่งมาช่วยคุณกันต์ธีร์แทนปลายฟ้า

   “ใครเหรอครับ” ผมถามกลับทันที

   “ไม่ได้บอกค่ะแต่เป็นผู้หญิงค่ะ และดูน่าจะอ่อนกว่าคุณหลายปีอยู่ วีนเหวี่ยงเหมือนเด็กไม่ได้ของเล่นเลยค่ะ” ผมไม่ต้องเดาแล้วว่าใคร ผมสูดลมหายใจเขาอย่างเอือมระอา

   “เขาอยู่ที่ไหนครับ” ผมถามเขากลับ

   “หน้าห้องทำงานคุณเธียรค่ะ” เขาตอบผม นี้ขนาดป๊าโทรไปบอกพ่อของแพรวาแล้วน่ะว่า ห้ามเข้ามาก่อความไม่สงบในโรงเรียนของผม นี้เธอก็ยังไม่ฟังเลย

   “ครับผมจะไปเดี๋ยวนี้” ผมบอกคนที่มาหาผม แปลกน่ะเขารู้ได้ยังไงว่าผมมาที่นี้ แผนกเด็กอ่อนแบบนี้ด้วย ผมก็ต้องเอาเจ้าก้อนขาวๆ ส่งไปให้ครูพี่เลี้ยงไปอุ้มทันที แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็บังเกิด เมื่อเจ้าก้อนขาวๆ หันมากอดผมหมับและใบหน้านั้นมันก็ตรงพิกัดสองจุดที่ซ้อนอยู่ในเสื้อกรามผม ขนาดซ้อนแล้วน่ะ เด็กน้อยอ้าปากงับทันควันเช่นกัน

   “เฮ้ยยย “ผมร้องด้วยความตกใจ พร้อมกับใช้ฝ่ามือดันออกแต่ไม่กล้าออกแรงมากเดี๋ยวเกิดงับติดปากไปล่ะตายเลยผมไม่มีจุกสำรอง แถมยังเอามือกำเสื้อผมแน่นติดมือ ครูพี่เลี้ยงก็พยายามอุ้มดึงออก

   “น้องลูกโซ่!! ปล่อยคุณเธียรวิชย์ค่ะลูก!!” ครูพี่เลี้ยงพยาบาลบอกเจ้าก้อนเต้าหู้ และบรรดาสายตาครูพี่เลี้ยงคนอื่นๆ ที่มองผมเหมือนถูกกดปุ่มค้างเอาไว้เช่นกัน ทันทีที่ครูพี่เลี้ยงเจ้าก้อนขาวๆ ออกไปได้ ผมก็ต้องก้มลงสำรวจ รอยเปียกเป็นวงกลมรอบๆ จุดเล็กที่ติดกับอกแบนๆ ของผม เจ้าลูกโซ่นี้มันอกชายแท้ นี่หิวจนตาลายหรือไง ผมอยากจะ อืม แต่เด็กน้อยหาได้สำนึกไม่ ยังเอียงคอมองอีกน่ะ และทำปากจ๊วบๆ อีกด้วย และพยายามยื่นมือคว้าผมอีก จนครูพี่เลี้ยงต้องรวบมือไว้ด้วยกัน

   “คุณเธียรค่ะขอโทษนะคะ น้องคง…”

   “แยกแยะไม่ออกเหรอครับว่าอันไหนเต้านมแม่เขากับเต้านมผมน่ะครับ มันต่างกันน่ะครับเนี๊ยะ และของผมมันก็แบนมาตรฐานชายไทยครับ “ผมพูดกับครูพี่เลี้ยงที่ยืนมองผมพร้อมยิ้มเจือนมาให้ผมแทน ผมเลยเลือกเดินออกทันที

   “เจ้าก้อนเต้าหู้เอ๊ย!! อุตส่าห์มาเล่นด้วย เล่นแบบนี้ เดินไปนี้อายเขาไหม” ผมบ่นพึมพำออกไปทันทีและหยิบเอาผ้าเช็ดหน้าขึ้นมากดซับไปด้วย และพอผมเงยหน้าขึ้นมา ผมก็เจอกับ คุณครูที่พาเด็กๆ เดินออกไปสำรวจนอกห้องเรียน เด็กน้อยน่าจะชั้นประถมปีที่หนึ่ง แต่ละคนมองที่เสื้อเชิ้ตสีฟ้าและตอนนี้มันก็เปียกเป็นวงอยู่ตรงหน้าอกผม แถมพิกัดชัดเจนมากเจ้าก้อนเต้าหู้สร้างแลนด์มาร์คพอดิบพอดีเลย

   “สวัส ดี ค่ะ คุณ เออ คุณ เธียร วิชย์” คุณครูที่ทักทายผม ยังมองเลย มองส่วนนั้นของผมนั่นแหละ

   “พอดีผมทำน้ำหกใส่ตัวเองนะครับ”

   “อ้อค่ะ เป็นวงเลยนะคะ”

   “อุ้ย! ขอโทษทีค่ะ ไปค่ะลูกไปดูสวนผักกันดีกว่าค่ะ ทางนี้ค่ะ” คุณครูรีบพาเด็กๆ ออกไปอีกทางทันที

   “เหมือนแม่เลย แม่ให้น้องกินนม เปียกแบบนี้เลย แม่บอกนมมันไหล่ ลุงมีน้ำนมด้วยเหรอ?” เด็กน้อยชี้มาที่ผมพร้อมคำถามที่เล่นเอาผมยืนกุมขมับแทน วันก่อนต้องถึงกับถอดเอาเนกไทไปซัก วันนี้เธียรวิชญ์ต้องถอดเสื้อไปซักด้วยใช่ไหม

   “ไม่มีลูกไม่มีครับเพราะว่าลุงเป็นผู้ชายครับ!!! “ผมบอกเด็กน้อยที่ยืนเอียงคอ เหมือนคำตอบที่ได้ยังไม่ถูกใจ แต่ยอมรับว่านี้คือน้ำจริงๆ แต่นี่น้ำลายเจ้าคนเดิมที่ทำกับเนกไทของผมไว้ เด็กคนนั้นมองผมแบบยังไม่ปักใจเชื่อ ตอนที่รับสมัครเด็กเข้าเรียนที่นี้ เขาวัดจากระดับไอคิวใช่ไหมเนี๊ยะ! ถึงได้หลอกยากจริงๆ ผมยิ้มให้ประมาณว่าไม่ตามครูไปเหรอลูก และคุณครูก็หันมาดันเด็กๆ ให้เดินต่อไปยังแปลงปลูกผัก ผมก็รีบจั้มอ้าวเดินขึ้นบันไดไปทันที ผมเห็นที่ตรงหน้าห้องธุรการ บรรดาครูที่ยืนอยู่สามสี่คน เขากำลังคุยกับกันต์ธีย์ ผมก็รีบเดินเข้าไปหาทันทีเช่นกัน

   “อ้าวคุณเธียรวิชย์มาแล้วนี่ไง” ครูหนึ่งในนั้นเดินมาเห็นผมเข้าก็ชี้นิ้วมาที่ผมทันที

   “เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ” ผมถามทุกคน ก่อนจะหันไปเห็นที่บอร์ด มีการนำภาพถ่ายมาติดไว้หลายภาพเลย คนที่อุ้มเด็ก หอมเด็ก มันดูน่ารักมากน่ะ แต่ว่าสีหน้าแต่ละคนดูเป็นกังวล

   “นี้บอร์ดวันพ่อเหรอครับ จัดเร็วไปไหมครับ ผมถามกลับ เพราะว่านี้เพิ่งจะมีนาคมเอง” ผมถามบรรดาครูที่ยืนมองผม

   “คุณเธียรวิชญ์ค่ะ คนที่เอามาติดน่ะเขาด่าว่าน้องธุรการค่ะ นี้ค่ะ ว่าเสียๆ หายๆ เลยค่ะและนี้คือการ บูลลี่กันชัดๆ เลยนะคะ และมาทำแบบนี้ในโรงเรียนแบบนี้ด้วย เด็กๆ มาเห็นเข้าจะไม่เอาตามอย่างเหรอคะ” ครูหนึ่งในนั้นหันมาพูดกับผม ผมก็เดินมาดู จริงๆ ด้วย ข้อความที่เขียนว่าไว้ต่างๆ นานา เรียกว่าไอ้ตุ๊ด เรียกว่าพวกโรคจิต ไปขอลูกใครมาเลี้ยงบ้าง ผมหันมามองคนนั้นที่อยู่ในภาพ คือคนเดียวกับกันต์ธีร์ไม่มีผิดเพี้ยน

   “เขาว่าคุณเหรอกันต์ธีย์” ผมถามกันต์ธีร์ เขาหันมามองผม น้ำใสๆ มันเริ่มปริ่มที่ตรงขอบตาจนใกล้จะเอ่อล้นออกมา เขาคงเสียใจมาก แต่เป็นใครก็เสียใจและโกรธ แต่ใครกันถึงได้กล้ามาทำแบบนี้ในโรงเรียนแบบนี้อีกด้วย

   “ขึ้นไปคุยกับผมในห้องทำงานผมดีกว่าน่ะครับ ส่วนใครทำผมจะตามหามาจัดการให้แน่นนอนครับ” ผมบอกเขา เขาก็เดินตามผมเข้าไป

   “ครูครับ ผมรบกวนดึงออกให้หน่อยนะครับ ขอบคุณครับ” ผมบอกบรรดาครูที่ยืนดูอยู่ ผมหันมามองกันต์ธีร์ก่อนจะส่งผ้าเช็ดหน้าไปให้ เขาซับน้ำตา

   “คุณรู้ไหมว่าใครทำแบบนี้น่ะ”

   “ผมไม่รู้ครับ ผมมาถึงก็เห็นแล้วอ่ะครับและวันนี้ผมมาถึงสายเพราะว่าผมพาลูกชายผมไป หาหมออีกครั้งตอนเช้าครับ” กันต์ธีร์พูด

   “เขาไม่สบายเพราะว่าผมพาเขาไปฉีดวัคซีนมาวันก่อนและการที่เขามีไข้เขาอาจจะแพ้วัคซีนเลยต้องไปตรวจอีกครั้ง และน้องน่ะคลอดก่อนกำหนดหลายสัปดาห์ด้วยครับ น้องคลอดตอน35 ย่าง 36วีคนะครับ และผมก็ไม่ได้ไปขอลูกใครมาเลี้ยงอย่างที่เขาว่าผมแบบนั้น “กันต์ธีร์ตอบผม ผมหันมามองหน้าเขา ผมเองก็พูดไม่ออกจุกแทนไปเลย ใครกันน่ะ แต่ผมเดาว่าปลายฟ้าแน่ๆ

“คุณบอกเรื่องนี้กับเจ๊กกันผมหรือยัง” ผมถามกันต์ธีร์

   “ยังครับ คุณเธียรวิชญ์อย่าบอกได้ไหมครับ เพราะว่าผม เออ ผมไม่อยากให้พี่กันต้องมาเดือดร้อนเพราะผมอีก “กันต์ธีร์พูด ผมเอามือล้วงกระเป๋ากางเกง

   “แต่นายกับเจ๊กกันเป็นแฟนกันไม่ใช่เหรอ เรื่องแบบนี้ แฟนกันก็ต้องช่วยกันซิ” ผมพูดแต่ว่ามันฟังแล้วผมเจ็บเองยังไงก็ไม่รู้ ผมมองหน้ากันต์ธีย์ เขาก็เงยหน้าขึ้นมองหน้าผม จังหวะที่ผมกันธีย์กำลังเดินไปที่ห้องทำงาน ห้องประชุมเล็กถูกเปิดออก บรรดาครูที่เข้าประชุมพาเดินออกมา และแต่ล่ะคนก็หันมามองกันต์ธีย์กัน ทุกคนคงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่บอร์ดแล้ว

   “พี่เธียร!!” เสียงที่แหลมจนแสบแก้วหู ดังมาแต่ไกลไม่ใช่ใครอื่น แพรวา เธอเดินสับเท้าที่สูงปรี้ดมาหาผมทันที

   “พี่เธียรไปที่นั่นมาอีกแล้วใช่ไหม ที่ผับนั้น ตั้งแต่วันที่พี่ไปที่ผับที่พี่ไปเคาท์ดาวน์ปีใหม่อ่ะปีที่แล้วอ่ะ ไหนพี่บอกว่าไม่ชอบไงไปทำไมไปอีกอ่ะและแอบไปไม่บอกแพรวาแบบนี้ นี่พี่นัดใครไว้ที่นั่นหรือเปล่าพี่เธียรและแพรวาโทรหาพี่ไปส์ เขาก็บอกว่าเขาไม่ได้ไปกับพี่ด้วย พี่ไปกับใครคะ!!!” แพรวาพูดและอาละวาดใส่ผมอีก

   “พี่ไปกับใครและพี่หิ้วใครออกไปหรือเปล่าคะ แพรวาไม่ยอมนะคะ แพรวาไม่ยอมค่ะ!!!”

   “แพรวานี่มันที่โรงเรียน พูดอะไรให้เกียรติพี่บ้างซิ คนมองกันหมดแล้ว พี่เป็นผู้บริหารนะแพรวา ทำอะไรคิดหน่อยได้ไหม และพี่ไปก็แค่ไปนั่งดื่มกับเพื่อนพี่ไปคุยธุระ “ผมพูดก่อนจะหันมามองหน้ากันต์ธีร์เขามีสีหน้าตกใจและมองป้ายชื่อผมใหม่อีกครั้ง

   “คุณไปที่นั่น เมื่อปีที่แล้ววันเคาท์ดาวน์ใช่ไหมครับ คุณเธียรวิชญ์!!” กันต์ธีร์เขาถามผม ผมหันมามองก่อนจะพยักหน้าไปและผมก็สะบัดหน้ากลับมามองเขาอีกที สีหน้าแววตาที่เปลี่ยนไป

   “แพรวาพี่ขอคุยธุระกับเจ้าหน้าที่ก่อนได้ไหมครับ แพรวาไปหาที่นั่งรอที่ห้องรับแขกก็ได้น่ะ พี่คงคุยกันยาวหน่อย” ผมหันมาบอกแพรวา

   “ผมว่า ผมไม่คุยดีกว่าครับ ผมว่ามันไม่จำเป็นหรอกครับ” ผมหันมามองคนที่กำลังจะหันหลังออก น้ำเสียงที่เปลี่ยนไป มันทำให้ผมต้องตกใจมิใช่น้อย เขาสะบัดมือผมออกทันที

   “กันต์ธีร์ เป็นอะไร เข้าไปคุยกับผมก่อน ผมจะได้ช่วย” ผมพูด

   “อย่าเลยครับ ผมว่าคุณช่วยตัวเองเถอะ” ผมขมวดคิ้วทันที ทำไมพฤติกรรมมันแตกกต่างกันกับตอนแรกโดยสิ้นเชิง

   “คุณ!!”

   “พี่เธียรค่ะ นี้คนที่ทำงานธุรการพี่เหรอคะ” แพรวาถามผมและชี้ไปที่กันต์ธีร์ ผมพยักหน้าว่าใช่

   “กันต์ธีร์ เราควรจะคุยกันก่อนน่ะ” ผมพูด

   “ผมไม่มีอะไรจะคุยกับคุณเธียรวิชย์! และผมก็จะไม่ทำงานที่นี้แล้ว หาคนใหม่ได้เลย ผมลาออก “ผมก็ต้องตกใจหนักเข้าไปอีก

   “เกิดอะไรขึ้นครับกันต์ธีร์ อธิบายให้ผมฟังก่อนครับ ผมไม่เข้าใจ “ผมพูดกับกันต์ธีร์ สีหน้าเขานิ่งมาก

   “ผมลาออกครับ คุณเธียรวิชญ์!!” กันต์ธีร์พูด กระแทกน้ำเสียงใส่ผมด้วยความไม่พอใจ

   “ลาออก ง้อตายล่ะ ไปเลย และแกควรจะมาขอโทษพี่เธียรของฉันก่อนนะ ไอ้พนักงานต๊อกต๋อย ไม่มีเงินยังทำเป็นอวดดี เงินเดือนแกน่ะ ขนหน้าแข้งพี่เธียรชั้นไม่ร่วงหรอกน่ะจะบอกให้ “แพรวายืนกอดอกต่อว่ากันต์ธีร์ ผมก็จับแขนเธอผมส่ายหน้าไปมาให้พอ ผมว่าต้องมีเรื่องเข้าใจผิดอะไรแน่ๆ ผมทำท่าจะเดินไปแต่ว่าแพรวาจับแขนผมหมับ แต่จู่ๆ เธอก็ปลอยแขนผมและเดินก้าวเท้าออกไปเพื่อนไปหากันต์ธีร์

   “แต่เดียวน่ะ!! นี้นายหันมานี้ซิ ฉันคุณๆ หน้าแกน่ะ” แพรวาออกคำสั่งกับกันต์ธีร์ที่กำลังเดินหันหลังออกไป ผมหันมามองแพรวา

   “แพรวา!!” ผมพยายามร้องห้ามเธอ

   “ก็ฉันบอกให้หันมาไงล่ะ ฉันสั่งน่ะ หูแตกเหรอ หันมา!!!” แพรวาเดินไปกระชากคนที่หันหลังอยู่ให้หันมา

   “นายนี่เองอ่ะ คนที่ท้องในมหา’ลัย ทำเป็นอวดดี ลูกคลอดแล้วหรือไง แล้วใครเลี้ยงลูกล่ะห๊ะ ตอนแรกฉันว่าจะช่วยค่านมตอบแทน เห็นว่าท้องไม่มีพ่อ ปากดีเลยต้องมาทำงานเลยสมน้ำหน้า! “แพรวาพูดว่ากันต์ธีร์คือคนที่ ท้องในมหา’ลัย แต่ว่าเขาคือผู้ชายน่ะ น้ำเสียงแพรวาไม่ใช่เบาๆ เหมือนตะโกนมากกว่า บรรดาครูที่ยืนรอลิฟต์ หันมามองกันต์ธีร์กันหมด

   “ลูกกี่เดือนแล้วล่ะ คงหลายเดือนแล้วล่ะซิ “ผมเห็นที่ยืนเขากำมือแน่นก่อนจะหันมามองหน้าผม

   “ตกลง หาได้หรือยังว่าใครทำแกท้อง ไปทำงานที่ผับจนโดนแขกทำให้ท้องและนี้ยังมาให้อาจารย์กันตภณเขารับแทนอีก อยากสบายทางลัดใช่ไหม “แพรวาพูด ผมยืนงงกับสิ่งที่แพรววาพูด ผู้หญิงคนี้ท้องได้ อย่างนั้นเหรอ

   “ผมผิดหวัง…คนที่ผมคิดว่าดี แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ มึงแม่งเชี้ยที่สุด!!” กันต์ธีย์พูดพร้อมกับเดินหลังออกทันที

   “อ้าวไอ้นี่ มึงมาว่าพี่เธียรกูทำไม มานี้เลยน่ะ ไอ้ท้องไม่มีพ่อ!!”

   “แพรวา!! หยุด!!”

   “พี่เธียรไม่ได้ยินเหรอว่าเขาว่าพี่น่ะ แพรวาจะไปตบมันค่ะ” แพรวาพูด ผมองผู้หญิงคนนี้ เธอไม่มีความรู้สึกเห็นอกเห็นใจใครเลยสักนิด

   “หยุด!! เข้าห้องไปเดี๋ยวนี้!! แพรวา!!” ผมไม่เคยขึ้นเสียงดังใส่แพรวาแบบนั้นมาก่อน ผมยืนพยายามระงับอารมณ์โกรธของผมเอง จนกระทั่ง มือถือผมดังขึ้น เบอร์ไอ้ไปส์

   “ว่าไงไปส์” ผมถามมันทันที

   “น้ำเสียงคุสาดเลยครับ กูมาหามึงอ่ะ ที่โรงเรียนพ่อมึง กูอยู่ชั้นล่างแล้ว” ไอ้ไปส์มาหาผมพอดีเลย

   “ขึ้นมาบนห้องทำงานกูเลย เดินตามป้ายมากูรอ” ผมพูดก่อนจะเดินเข้าไปในห้องทำงานผม ผมเห็นแพรวาที่นั่งตัวสั่นตกใจที่ผมโกรธเธอมากในวันนี้

   “แพรวา!! เธอคิดว่าที่เธอพูดประจานคนอื่นน่ะ มันทำให้เธอดูดีขึ้นเหรอพี่ถามหน่อย!!” ผมถามแพรวาเสียงดัง

   “ก็มัน” แพรวาทำท่าจะเถียงเพื่อเอาชนะแต่ผมชี้หน้าเธอ เธอก็หดเพราะว่านี้คือครั้งแรกจริงๆ ที่ผมทำแบบนี้กับเธอ

   “ต่อให้มันคือเรื่องจริง เธอก็ไม่ควร!!” ผมพูด

   “พี่เขาข้างมันเหรอ พี่ห้าม…” แพรวาทำท่าจะพูดผมหันมาชี้นิ้วให้เธอเลิกพูดคำนั้นได้แล้วเพราะว่าเธอโตแล้ว

   “หยุด พูดคำว่าแพรวาไม่ยอมซะที!! แพรวาใช้คำนี้กับคนอื่น มาตั้งแต่แพรวายังเด็ก และตอนนั้น อาจจะได้เพราะว่าเธอคือเด็กผู้หญิงคนเดียวที่เข้ามาวิ่งเล่นกับพวกพี่ๆ แต่นี่เธอโตแล้วแพรวา!!” ผมพูดและจังหวะนั้นเอง ผมหันไปเห็นคนที่เปิดประตูเข้ามา สีหน้ามันตกใจเหมือนเจออะไรมา อย่าบอกน่ะว่ามันเดินไปเจอบอร์ดอะไรนั้นอีก แสดงว่ายังไม่มีใครเอาออก

   “เป็นอะไรของมึงไปส์” ผมถามไอ้ไปส์เพื่อนผม มันเดินตรงมาหาผมพร้อมกระซิบกับผม

   “กูมีเรื่องต้องคุยกับมึงไอ้เธียร”

   “กู” ผมชี้ตัวเอง

   “เออ” มันตอบ และแพรวาที่นั่งมองผมสองคน

   “ก็คุยดิ” ผมพูด

   “ข้างนอกเถอะว่ะ” ไอ้ไปส์กระซิบบอกกับผม ผมหันมามองแพรวาที่นั่งมองผมกับไปส์สลับกันไปมา ก่อนจะเปลี่ยนท่าเป็นนั่งกอดอกแทน

   “พี่จะไปไหน คุยตรงนี้เลยทุกเรื่องแพรวาต้องรู้ค่ะ รู้ทุกเรื่อง ห้ามปิดแพรวา!!!” แพรวาพูด ผมหันมามองไอ้ไปส์

   “เรื่องเด็กที่มึงหาตัวน่ะ” ไอ้ไปส์กระซิบกับผม ผมเข้าใจได้ทันทีว่าไม่ควรคุยตรงนี้

   “พี่จะคุยธุระส่วนตัวแพรวา “ผมหันมาบอกแพรวาทันที

   “ไม่ได้แพรวา”

   “แพรวา อย่าทำให้ป๊าพี่ต้องใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด คือแพรวาจะไม่มีสิทธิ์เข้ามาในนี้อีก ป๊าบอกกับพ่อของแพรวาไปแล้วไม่ใช่เหรอคะ “ผมพูด ก่อนจะพยักพเยิดให้เข้าไปในห้องส่วนตัวอีกห้องหนึ่ง ผมกดปิดประตูทันที ห้องนี้เอาไว้คุยกับผู้ปกครองที่กำลังโมโห เป็นห้องเก็บเสียงได้ดี ไอ้ไปส์มันมองหน้าผม

   “ไอ้พีชมันโทรบอกกูเมื่อเช้าว่ามึงไปตามหาน้องที่ชื่อบีม ที่มึงมีอะไรด้วย ที่ผับ” ไปส์มันบอกผม

   “เออ ใช่ กูรู้สึกว่าที่กูฝันน่ะ มันแปลกๆ” ผมพูด

   “มึงไม่ต้องหาแล้ว” ไอ้ไปส์พูด ผมยืนกอดอกมองหน้ามัน

   “ทำไมว่ะ” ผมถามไอ้ไปส์

   “กูเพิ่งจะเดินสวนกับน้องเขาเมื่อกี้ เขาทำงานที่นี้กับมึง น้องเขาชื่อบีมนั่นแหละชื่อที่ผู้จัดการคนนั้นมันให้กูมาและกูจำหน้าเขาได้ดีเลย “ไอ้ไปส์พูด ก็ต้องตกใจ นั้นแปลว่ากันต์ธีร์คือคนเดียวกับคนนั้นเหรอ และที่แพรวาพูดว่าเขาท้องไม่มีพ่อล่ะ คืออะไร

   “มีป้ายว่าธุรการและฝึกงานอยู่ใช่ไหมว่ะ” ผมถามไอ้ไปส์

   “ก็ใช่ไง น้องคนนี้แหละ เพราะว่ากูไปขอประวัติน้องเขามาจากไอ้ผู้จัดการนั้น และมันบอกกูว่า น้องเขาโดนเจ้าของบอกเลิกจ้างเช้าวันรุ่งขึ้นเลย และน้องเขาก็ไม่ได้กลับไปอีกจนสามเดือนให้หลังนั่นแหละ น้องเขาถึงได้ไป เพื่อตามหามึงอ่ะและวันนั้นกูก็ไปน่ะแต่ไม่เจอน้องเขา คลาดกัน!!” ไอ้ไปส์บอกผม มันทำให้ผมนึกถึงคำพูดนั้น “พี่ใส่ถุงด้วย ผมอาจจะท้อง”

   “เชี้ยเอ๊ย!!!” ผมสบถออกมา

   “มึงจะทำยังไงวะ น้องเขาจำมึงไม่ได้เหรอว่ะเธียร” ไปส์มันถามผม ผมก็มองหน้ามัน ภาพที่เขาอุ้มเด็กที่ถูกติดประจานไว้ที่บอร์ดน่ะ มันติดตาผมมาก

   “แม่น่ะใครก็เป็นก็ได้ แต่แม่ที่ดีน่ะมันหายนะเธียรน่า แม่หรือน่ะเป็นแม่ที่ดีแค่ไหน ลื้อน่าจะเข้าใจ!!” อาม่าบอกกับผมวันก่อน ผมเปิดประตูออกมาก็เห็นแพรวากำลังนั่งกรีดอายไลน์เนอร์ เสริมสวยตลอดเวลา

   “มึงช่วยกูหน่อย กันน้องแพรวาให้กูที กูต้องคุยกับน้องเขา กูว่า ที่เขาพูดกับกูนะมันคือเรื่องจริงว่ะ” ผมหันมาบอกไอ้ไปส์

   “นี้มึงให้กูเฝ้าร๊อตไวเลอร์ดีดีนี้เองน่ะไอ้เธียร!” ไอ้ไปส์มันกระซิบกับหูผม มันเปรียบเปรยน้องแพรวาไม่ต่างกับร๊อตไวเลอร์เลย

   “และมึงเชื่อเหรอว่า ว่าเรื่องที่เขาบอกว่าเขาอาจจะท้องได้น่ะ” ไอ้ไปส์ถามผม

   “ใช่ มันคือเรื่องจริงว่ะ” ผมพูดก่อนจะเดินไปหาแพรวา

   “แพรวาพี่มีเรื่องด่วนนะครับ แพรวารอพี่ที่นี้นะ พอดีพี่ต้องไปเช็ดห้องน้ำ เออ มัน เออ อุดตันครับ ราดไม่ลง เด็กจะเข้าห้องน้ำไม่ได้” ผมกับแพรวาด้วยน้ำเสียงที่นิ่งที่สุดเย็นที่สุด และผมก็กำลังโกหกแพรวา เธอละสายตาจากระจกมามองผมทำท่าขนลุกขนพองทันที

   “อี๋!!! น่ารังเกียจ แล้วทำไมพี่ต้องไปเองอ่ะ ให้คนอื่นไปไม่ได้เหรอ “แพรวาถามผม

   “พี่ต้องไปดูเองค่ะแพรวา เพราะว่า นี้โรงเรียนนี้ของพ่อพี่ค่ะและเด็กๆ จะไม่มีห้องน้ำใช้ค่ะ” ผมพูดโกหกแพรวา

   “ก็เรื่องของเด็กๆ ซิคะ ให้ครูพาไปหาห้องน้ำอื่นก็ได้นี้ค่ะ ไม่เห็นต้องลงไปเลย ลูกของพี่ก็ไม่ใช่ เป็นแพรวาไม่ไปหรอกค่ะ แพรวาพูด มันยิ่งทำให้ผมเห็นภาพที่อาม่าบอกผมไม่มีผิดเลย

   “แพรวา นี้โรงเรียนพี่ค่ะ แพรวารอที่นี้นะคะ ไอ้ไปส์มันก็อยู่ “ผมพูดก่อนจะหันมาหยักหน้ากับไอ้ไปส์ ก่อนจะเดินลงไปอย่างรวดเร็ว

   “นี้แกได้ยินที่แฟนคุณเธียรพูดไหม ฉันก็ว่าน่ะ คนอะไรรักลูกจนเหมือนอุ้มท้องมาเองเลยอ่ะ” ผมได้ยินแต่คนซุบซิบกันตลอดทาง ผมก็เดินลงไปจนถึงห้องธุรการ และเข้าไปในห้องนั้นทันทีผมกวาดสายตามองไปรอบๆ แต่ไม่เจอคนที่ผมต้องการ ทำไมเขาอยู่ใกล้ผมแค่นี้เอง ผมแม่งไม่เคยเอะใจอะไรเลย

   TBC....

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
      
EP.33 แค่เอาไว้แสดงสิทธิ์เพื่อปกป้องคนสำคัญ

            Part's เธียรวิชย์ หลังจากที่ผมรู้ความจริงว่ากันต์ธีย์ คือคนเดียวกับเด็กที่ผมมีอะไรด้วย ในวันนั้น ก็เพื่อนม่รู้ดันใส่ยาปลุกเซ็กส์ไว้ในแก้วแชมเปญที่ผมยกไปดื่ม และที่สำคัญแพรวายืนยันแล้วว่ากันต์ธีย์คือเด็กตั้งท้องในมหาวิทยาลัยอีกด้วยอีก และที่ผมมั่นใจว่าลูกผม เพราะว่าอากันตภณเป็นหมัน นั้นก็แปลว่าลูกผมแน่นอน ผมต้องคุยกับเขา ตอนนี้ผมก็เดินสับเท้าลงไปจนถึงห้องธุรการ รีบเปิดประตูเข้าไปในห้องนั้นทันที มีคนนั่งทำงานอยู่แต่ไม่มี กันต์ธีย์ และผมก็ยกมือขึ้นมาเคาะกระจกเพื่อเรียกคนด้านใน

   “สวัสดีค่ะคุณเธียรวิชย์ มีเรื่องอะไรเหรอคะ” เจ้าหน้าที่ที่ป๊าผมส่งมาช่วยงานกันต์ธีร์ชั่วคราวและเขาคือคนที่ไปเรียกผมว่าแพรวามาหาผม เขาเดินออกมาถามผม ผมมองไปรอบภายในห้องก่อนจะเอ่ยปากถาม

   “กันต์ธีย์ไม่อยู่เหรอครับ” ผมถาม

   “เขาลาออกแล้วค่ะ นี้เพิ่งจะเก็บของและออกไปเลยค่ะ ไม่ทราบว่ามีปัญหาอะไรกันหรือเปล่านะคะ ดูเขารีบร้อนออกไป สีหน้าไม่ค่อยดีเลยค่ะคุณเธียร” เจ้าหน้าที่ธุรการคนพูด

   “ไปไหนเหรอครับ” ผมถามเขา

   “เขาคงจะลงไปรับลูกเขาค่ะ ลูกเขาชื่อลูกโซ่นะคะและเขาก็จะไม่ส่งลูกเขามาอยู่ที่นี้แล้วด้วยค่ะ เขาได้แจ้งดิฉันให้แจ้งเรื่องไปที่สาขาใหญ่ด้วยค่ะ” เจ้าหน้าที่คนนี้รายงานผม ผมพยักนห้า

   “ลูกเขาชื่อลูกโซ่” ผมถามย้ำอีกครั้ง เจ้าหน้าที่ธุรการก็พยักหน้าว่าใช่ ผมนิ่งไปพักหนึ่งผมน่าจะเอะใจตั้งแต่โดนทักว่าหน้าเขาเหมือนผมแล้ว ไอ้เซ้อไอ้เธียรวิชย์!! ทำไมคิดไม่ได้ตั้งแต่คำพูดครูพี่เลี้ยงที่พูดว่าเขาหน้าเหมือนผม ผมก็รีบหันหลังวิ่งออกไปจากห้องทันทีเช่นกัน มือถือผมสั่นสะท้านไปด้วย ผมไม่หยิบมาดูว่าเป็นของใคร ผมวิ่งไปจนถึงทางเดินที่จะไปห้องเด็ก ผมตรงไปที่ห้องเด็กอ่อนทันที ผมเปิดประตูพรวดพล้าดเข้าไปพร้อมกับอาการหอบเหนื่อย

   “ครูครับ ครู เออ ผม แฮกๆ “ผมพูดไปก็พยายามหายใจไปด้วย

   “คุณเธียรวิชย์มีอะไรหรือเปล่าคะ” ครูที่ดูแลลูกโซ่เขาถามผมด้วยสีหน้าตกใจ

   “ลูกโซ่ยังอยู่ไหมครับ” ผมถามครูพี่เลี้ยงทันที

   “น้องไปแล้วค่ะ เห็นคุณพ่อบอกว่าจะไม่ทำงานที่นี่แล้วด้วยค่ะ เพิ่งออกไปได้สิบนาทีนี้เองค่ะ” ผมเงยหน้าขึ้นมอง ก่อนจะวิ่งออก แต่ว่าเขาจะไปทางไหนน่ะ ผมยืนคิด

   “มีสายเขาในมือถือผม อากันตภณ ผมารีบกดรับสายทันทีเช่นกัน

   //เธียร เกิดอะไรขึ้น ทำไมบีมเขาบอกเจ๊กว่าเขาลาออก นายไปทำอะไรให้เขาโกรธ//เจ๊กกันถามผม

   //เจ๊กต่างหาก ทำไมไม่บอกผมว่ากันต์ธีร์เขามีลูกได้ เขาท้องได้ และกันต์ธีร์เขาชื่อเล่นว่าบีม เจ๊กไม่บอกผมเลย//

   // เธียร เธียรรู้ได้ไงเรื่องนี้น่ะ //

   //ลูกที่บีมอุ้มท้องอยู่น่ะ ลูกผมเจ๊ก!!! //

   //ไอ้เธียร!! //

   //และนี้ผมคงยกให้เจ๊กไม่ได้ ผมจะเอาลูกเมียผมคืน// ผมพูดกับคนในสาย ถึงเขาจะเป็นเจ๊กที่ผมรักมากก็ตาม ผมกดวางสายจากเจ๊คกันตภณ จังหวะนั้นผมเห็นคนทำสวนในโรงเรียน เขาเดินสวนมาพอดี

   “ขอโทษนะครับ เห็นคนที่อุ้มเด็กเดินผ่านไปด้านหน้าไหมครับ” ผมถามคนสวนของโรงเรียน เขาก็ยืนนิ่งคิดสักครู่

   “เห็นครับ เป็นคนทำงานที่นี้นี่ครับ ผมเขาเห็นเดินออกไปอุ้มลูกตากแดดไปโน่นน่ะครับ แดดก็ร้อน ร้อน สงสารเด็กนะครับ “คนทำสวนตอบผมพร้อมกับชี้นิ้วไปทางที่บีมเพิ่งเดินออกไป ผมก็วิ่งตามออกไปทันทีเช่นกัน ผมวิ่งไปทั้งอากาศร้อนๆ ขนาดผมเองยังรู้ร้อนขนาดนี้แล้วเด็กล่ะ เสื้อผ้าที่เริ่มมีเหงื่อไหลซึมออกมา และสิ่งที่ผมเห็นคือ หนุ่มคนนั้นอุ้มเด็กน้อยเดินออกไป เขากำลังจะไปรอเรียกรถแท็กซี่แน่ๆ

   “บีม!!” ผมเรียกชื่อเขา เขาหันมามองผมพร้อมกับเด็กคนนั้น เจ้าก้อนขาวๆ ของผม แต่บีมกำลังหันหลังเดินออกต่อ

   “บีม!! หยุด” ผมเรียกเขาอีกครั้ง ก่อนจะวิ่งไปถึงบีม ผมรีบคว้าตัวเขาเอาไว้ บีมดิ้นสะบัดโดยไม่หันมามองหน้าผม

   “บีม “ผมเรียกเขาอีกครั้ง บีมหันมามองหน้าผม น้ำใสๆ ไหลรินออกมา

   “ผมเคยคิดว่าคุณไม่ใช่ ไม่ใช่ไอ้คนที่มันฝากเรื่องแย่ๆ ไว้กับผม ผมมองคุณผิดมาตลอด ไปให้พ้นเลย ไปเลย” บีมค่อยๆ หันหน้ามามองผม ดวงตาที่แดงก่ำคู่นั้น

   “มึงก็ได้แล้วมึงก็ทิ้งแล้ว มึงจะเอาอะไรอีก ไอ้เชี้ย ฮือๆ” คนตรงหน้าผม ผมก็ดันเขาให้เข้ามาในร่มก่อน ผมไม่รู้ว่าผมควรจะพูดคำไหนเพราะว่าทั้งหมดมันคือความผิดของผม ที่ผมทิ้งเขาไว้กับเรื่องร้ายๆ แบบนี้ เป็นความผิดที่ผมต้องยอมรับแต่โดยดี ผมมองคนตรงหน้าที่ยืนนิ่งพร้อมกับพยายามระงับอารมณ์โกรธตัวเองไปด้วย และเด็กน้อยที่ไร้เดียงสาที่มองผม เริ่มเอานิ้วมือใส่ปาก

   “มะ มะ มะ “เด็กน้อยเรียกบีมไม่ชัด เรียกมะ มะ มะ บีมยืนปาดน้ำตาตัวเอง

   //ฮัลโหล พี่ครับ ผมขอรถด่วน ผมต้องการรถตอนนี้ครับ // ผมโทรบอกคนขับรถที่ขับรถให้ทั้งที่บ้านและที่โรงเรียน ก่อนจะหันมามองบีมที่ทำท่าจะเดินหนีผม ผมก็มองเจ้าก้อนขาวๆ ทื่มองผมกับบีมสลับกันไปมาอีก

   “ไปกับพี่เดี๋ยวนี้” ผมบอกบีม

   “กูไม่ไปกับมึง กูไม่ไปไหนกับมึงทั้งนั้น ไปให้พ้นจากกูสองคนเลยและมึงทิ้งกูไว้แบบนี้แหละ” บีมพูดด้วยความโมโห ผมไม่โต้ตอบอะไรบีมทั้งนั้น เพราะว่าทั้งหมดคือความผิดของผมเอง ผมก็ยืนคิดว่าถ้าผมพูดไปบีมที่ยังคงโกรธผมอยู่คงไม่ยอมฟังอะไรจากผมแน่นอน ผมเลยคว้าเจ้าลูกโซ่มาอุ้มไว้ เรียกว่าแย่งอุ้มไปเลยจะดีกว่า ผมแย่งลูกมาจากบีมทันที ผมแหงนขึ้นไปมองบนตึก ผมเห็นแพรวากำลังเดินออกมาจะมาตามผม ผมก็วิ่งไปพร้อมกับลูกของผม และบีมก็วิ่งตามผมทันทีเช่นกัน

   “เอาลูกผมคืนมาน่ะ คุณจะเอาเขาไปจากผมไม่ได้ เขาเป็นลูกผมแค่คนเดียว “ผมได้ยินแต่ผมก็วิ่งทันที ผมก็วิ่งไปที่เพื่อไปที่จอดรถ ถ้ารอให้มารับคงไม่ทัน จังหวะนั้นแพรวาก็มองลงมาที่ผม

   “พี่เธียร!!!” เสียงเรียกชื่อผมดังมาจากตัวอาคาร ผมก็แหงนขึ้นไปมองบนตึกน้ั้นอีกครั้ง และบีมที่หยุดเท้าเงยหน้าขึ้นไปมองแพรวาเหมือนผม ก่อนจะหันมามองหน้าผม ผมส่ายหัวไปมาว่าไม่ใช่อย่างที่เห็น

   “เร็วซิ! “ผมหันมาเร่งบีมทันที

   “ไม่ ไม่ไป เอาลูกผมคืนมาเดี๋ยวนี้น่ะ เขาไม่ใช่ลูกคุณ” บีมพูดและพยายามดึงลูกชายเขากลับ

   “หน้าเหมือนขนาดนี้ ไปหลอกเด็กอนุบาลเถอะบีม” ผมพูดกับบีม

   “และจะให้ใครเป็นพ่อเด็กล่ะ เจ๊กของผมเหรอบีม ผมไม่ให้หรอกน่ะ นี้ลูกผม” ผมบอกบีม เขามองหน้าผม

   “แล้วจะมาอยากเป็นพ่ออะไรตอนนี้ ไอ้คนไม่มีความรับผิดชอบ แต่ถ้ามึงมีความรับผิดชอบจริง มึงจะทิ้งให้กูเผชิญกับมันคนเดียวแบบนี้เหรอ ไอ้เชี้ยเธียร!! กูต้องเจออะไรบ้าง กูโดนอะไรบ้าง มึงอยู่ข้างกูไหม มึงดีแต่ทำกูท้อง มึงเคยหันมามองกูไหม ฮือๆ” บีมพูดไปพร้อมกับปาดน้ำตาไปด้วย และจังหวะนั้นรถแล่นมาพอดีรถที่ผมโทรไปแจ้งไว้ วันนี้ผมไม่ได้ขับรถมาเอง ให้รถที่บ้านมาส่ง ผมรีบโบกรถไว้ก่อนและคนขับรถก็วิ่งลงมาเปิดประตูพร้อมกับมองหน้าผมและมองเด็กน้อยที่ผมอุ้มอยู่

   “ด่าจบหรือยังบีม” ผมถามบีม เขาเงยหน้าขึ้นมองผม

   “ขึ้นรถและไม่ได้จะเอาไปแค่เด็ก เอาไปทั้งแม่และลูกนี่แหละ” ผมพูดบอกบีม ผมเห็นแพรวาวิ่งลงมาแล้ว แม้ว่าไอ้ไปส์มันจะพยายามดึงรั้งไว้ก็ตาม

   “ขึ้นรถซิ!!!” ผมตะคอกเสียงดังใส่บีมเพราะว่าแพรวากำลังวิ่งลงมาแล้ว แต่คนที่วิ่งไปขึ้นรถไปกลับเป็นคนขับรถของผมซะเอง

   “พี่ครับ พี่ขึ้นไปทำไมอ่ะครับ” ผมถามพี่คนขับรถ

   “อ้าวคุณเธียรสั่งนี้ครับ” คนขับรถบอกผม ผมนี้ต้องแตะหน้าผากตัวเอง

   “ผมสั่งเมียผม ไม่ได้สั่งพี่ครับ” ผมบอกคนขับรถ บีมสะบัดหน้าหันมามองผม

   “ไม่ใช่ผมเหรอครับ” พี่คนขับรถถามผม ผมก็มองกลัวแพรวาจะมาถึง

   “พี่เป็นคนขับและพี่ต้องปิดประตูนี้ครับ” ผมบอกพี่คนขับรถ ก่อนจะดันบีมขึ้นไป แต่เขาก็ขึ้นไปตามแรงดันของผม และผมก็เข้าไปนั่งทันที พี่คนขับรถรีบวิ่งลงไปปิดประตูก่อนจะวิ่งกลับขึ้นมา

   “ออกรถเลยครับ เดี๋ยวนี้!!” ผมออกคำสั่ง

   “จะให้ดีล๊อกรถก่อนด้วยครับ “ผมบอกคนขับรถทันทีที่ก่อนที่แพรวาจะวิ่งมาถึงและคนขับรถก็ล๊อกรถได้ทัน และขับรถออกทันที แพรวาก็ทำท่าจะวิ่งตามผม แต่คงยากเพราะว่าเธอสวมรองเท้าส้นแหลมขนาดนั้น ผมก็ต้องเอามือกุมหน้าอกตัวเอง แต่เจ้าลูกโซ่ที่ผมอุ้มไว้กอดไว้ เขาหันมามองหน้าผม

   “แล้วนี่เราจะไปไหนกันดีครับคุณเธียร” คนขับรถหันมาถามผมผ่านกระจกมองหลังเพราะว่ารถแล่นออกมาได้สักพักแล้ว

   “ไปโรงพยาบาลครับ” ผมบอกคนขับรถ

   “ไปทำไม!!” คนข้างๆ หันขวับมาถามผมทันที

   “ไปส่งผมที่โรงพยาบาลเอกชนสักที เอาดีดีหน่อย ผมจะไปตรวจดีเอ็นเอ” ผมพูดสายตาผมมองคนที่นั่งหน้างออยู่ข้างๆ

   “ถ้าไม่มั่นใจว่าเป็นลูกมึง ก็แค่ไม่ต้องรับ เอาลูกกูคืนมา” คนข้างผมทำท่าจะคว้าลูกคืนแค่ผมไม่คืนให้

   “ถ้ากลัวว่านี้ไม่ใช่ลูกตัวเองก็ไม่ต้อง กูอยู่กันได้” บีมพูด

   “แต่ผมค่อนข้างมั่นใจครับ ว่าลูกคุณเธียร หน้าเหมือนกันราวกับแกะออกมาจากพิมพ์เดียวกันขนาดนี้ครับ” คนขับรถพูดขณะที่ติดไฟแดง ผมก็หันไปมองพี่เขา

   “ขอโทษครับ เพื่อจะช่วยในการตัดสินใจ อู้ย!! ไม่น่าเลยกู” คนขับรถของผม

   “ไปโรงพยาบาลครับ “ผมบอกคนขับอีกครั้ง

   “ผมไม่ไป จอดเลยผมจะลง” คนข้างผมพูด

   “ผมบอกไปและไม่ต้องจอด ผมไม่ให้ใครลงทั้งนั้น” ผมหันไปพูด

   “ผมบอกไม่ไปผมจะลง” บีมพูด

   “ก็บอกไม่ให้ลง” ผมคัดค้านไม่ยอมให้บีมลง

   “เออ ขอประทานโทษนะครับ ไปหรือไม่ไปครับ ตัดสินใจทีเถอะครับ ตอนนี้รถคันหลังๆ บีมแตรไล่ทั้งถนนแล้วครับ ผมเองก็ตัดสินใจให้ไม่ถูกครับ ไปหรือไม่ไปครับแต่ถ้ายังไม่ไปกันอีก เห็นทีคงจะเป็นผมน่ะครับที่ได้ไปก่อน แต่ไปโรงพักน่ะครับผม ตำรวจคงมาเขียนใบสั่งแน่ๆ ข้อหากีดขวางจราจรและทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนกันไปทั้งถนนครับคุณครับ” พี่คนขับรถพูด

   "....."ผมกับบีมหันมามองหน้ากัน

   “ผมตัดสินใจได้ในตอนนี้ ผมเป็นผู้บริหารแม้จะฝึกงาน สั่งให้ไป ถ้าไม่ไป ผมสีสิทธิ์ไล่คุณออก คุณคนขับรถที่ขัดใจนาย” ผมพูดเท่านั้นแหละรถแล่นออกไปทันที ผมหันมามองบีมเป็นไงละ ตำแหน่งผมใหญ่ที่สุดตอนนี้ถึงจะมีคำว่าฝึกหัดตามมาด้วยก็ตาม รถแล่นออกไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ไฟเขียวจะเปลี่ยนเป็นไฟเหลืองแทนอย่างหวุดหวิด ผมยังไม่ได้รับสายใครทั้งนั้นและนี้ก็กระหน่ำโทรกันจัง แพรวานี้หนักที่สุดโทรมาเกือบจะห้าสิบสายได้เลย ส่วนบรรดาเฮียก็คนล่ะสี่ห้าสายก็พักแล้วแต่นี้แพรวาเธอไม่พักเลย แต่ผมก็เลือกที่จะไม่รับสายเธอ

   “พี่รู้ว่านี้ลูกพี่แต่พี่ต้องตรวจ เพราะว่ามันมีอะไรมากกว่านั้น เข้าใจไหมบีม เห็นพี่แบบนี้พี่ไม่ยอมให้ลูกและ…”ผมพูด

   “เมียพี่ไปลำบาก” ผมพูด บีมมองหน้าผมก่อนจะปาดน้ำตา ผมส่งผ้าเช็ดหน้าให้แทนแต่เขาไม่รับ ส่วนเจ้าลูกโซ่เป็นคนยื่นมือมารับผ้าเช็ดหน้าจากมือผมไปแทนและเอี้ยวตัวไปเช็ดให้บีมแทนผม ผมมองเด็กน้อยคนนี้ ทำไมฉลาดหนัก

   “มะ มะ มะ “เขาเรียกบีมเหมือน เขาจะเรียกม๊ามากกว่าน่ะ

   “คืนลูกผมได้หรือยัง” บีมหันมาถามผมด้วยน้ำเสียงที่เย็นลงแล้ว ผมพยักหน้าก่อนจะส่งเจ้าก้อนเต้าหู้คืนไปให้บีม ผมหันมากดรับสายบรรดาเฮียที่กระหน่ำโทรหาผมก่อน ผมกดเรียกว่าชุมสาย

   //ไอ้เธียร เกิดอะไรขึ้น// เฮียธีถามผมก่อนคนอื่น

   //ผมยังพูดตอนนี้ไม่ได้เฮีย ไปเจอกันที่บ้านเย็นนี้เฮียและผมจะพูดพร้อมกันทีเดียว ทั้งป๊าและม๊าด้วย //ผมบอกกับเฮียธี

   //เรื่องใหญ่เหรอว่ะไอ้ตี๋น้อย// เฮียธีถาม ผมรู้ว่าเฮียรักผมน่ะ ฟังจากน้ำเสียงเป็นห่วงและดูออก ถึงจะบ่นมากหน่อยก็เถอะ

   //อืมม// ผมตอบเบาๆ ก่อนจะเอามือลูบหัวเจ้าก้อนเต้าหู้เบาๆ

   //มึงไม่ใช่ไอ้ตี๋น้อยแล้วไอ้เธียร มึงน่ะ เยอะ!! เยอะทุกเรื่องไอ้ตี๋เรื่องเยอะ!! // เฮียธามพูด ผมน่ะกดวิดีโอคอลอยู่ ก่อนเบนกล้องไปที่สองคนที่กอดกันกลม เฮียธันก็เข้ามาชุมสายพอดี

   //เฮ้ยลูกมึงเหรอว่ะ ไอ้เธียร// ประโยคแรกของเธียธันที่ได้เห็นหน้าเจ้าลูกโซ่

   //เฮียว่าแล้วเชียว มิวก็บอกเฮียวันนั้นแต่ไม่คิดว่าจะเป็นจริง…//เฮียธีทำท่าจะพูดแต่คงเห็นหน้าบีมเลยเลือกที่จะไม่พูดดีกว่า

   //อู้ยตายแล้วหลานสาวของโกว// เฮียธามพูดพร้อมทำตาวิ้งใส่หลานเพราะว่าเฮียแกขับรถอยู่คนเดียว ไม่มีป๊ากับม๊าอยู่ด้วยไง เลยกล้าทำ

   //หลายชายเฮีย!! // ผมบอกเฮียธาม บีมสะบัดหน้ามามองเฮียธามทันทีเช่นกัน ใช่ครับไม่มีใครเชื่อ แต่ก็ต้องเชื่อว่าเฮียผมนี้แหละ สาวแตก ผมเงยหน้ามองพี่คนขับรถ เขาก็ตกใจไม่แพ้กัน ขนาดคนขับรถบ้านผมที่ขับรถรับส่งเวลาที่ไม่อยากขับรถเอง ยังไม่รู้เรื่องนี้เลย ผมทำนิ้วจุปาก พี่เขาน่าจะเข้าใจแล้วว่า อย่าพูดให้ป๊าผมฟังแน่นอน

   //เฮ้ย!! ป๊าอยู่ในสายด้วยเฮีย//เฮียธันพูด

   //เฮ้ยฉิบหายแล้วกู หลายชายของแปะ!! // เปลี่ยนทันทีเลยน่ะเฮียธามของผม

   //กูไม่เคยดึงป๊าเข้ามาไอ้เชี้ยธัน// พี่ธีพูด

   //เฮียแค่นี้น่ะ นี่เฮียขับรถกลับกันเลยใช่ไหม//ผมถามเฮียของผม

   //นี่มึงจะไปไหนอีกล่ะ// เฮียธามถามผม

   //พาไปตรวจดีเอ็นเออ่ะ//

   //มึงยังกล้าโผ่หน้าไปขอเขาตรวจดีเอ็นเออีกเหรอ เขาจะไม่ด่ามึงให้เหรอไอ้ตี๋น้อย เปลืองทรัพยากรแรงงานโดยใช่เหตุ//เฮียธันพูด

   //เพราะว่าผลดีเอ็นเอของมึงกับหลานกูน่ะ อยู่บนหน้ามึงแล้วครับ //เฮียธามพูด ผมหันมามองคนข้าง

   //ก็รู้ว่าดีเอ็นเอผมแรงเว้อ แต่ผมต้องใช้เฮียและมันก็จำเป็นมากจริงๆ เพื่อปกป้องลูกเมียผม //ผมพูดกับบรรดาเฮีย บีมหันมามองหน้าผม ผมพยักหน้าประมาณว่าจะอธิบายทีหลัง ส่วนเฮียน่ะเหมือนจะเข้าใจว่าผมหมายถึงอะไร

   //เฮียรู้แล้วว่าทำไม เธียร//เฮียธีพูดขึ้น

   //แค่นี้ก่อนน่ะ เฮียจะวางสายก่อนเพราะป๊าโทรมา มึงให้เฮียบอกป๊าว่าไง เธียร //เฮียธีถามผมก่อนจะวางสาย

   //บอกว่าไปเจอกันที่บ้าน ผมมีเรื่องจะบอกแค่นั้นแหละเฮีย//ผมพูดกับเฮียธีและเฮียธีก็กดวางสายไปเช่นกัน

   //งั้นเจอกันที่บ้านเลยตี๋น้อย เรื่องมึงนี้เยอะไม่สมกับตำแหน่งตี๋น้อยๆ ของอาม่าเลยว่ะ //เฮียธามอีกคนแต่ผมรู้ว่าเฮียธามรักผมไม่แพ้เฮียคนอื่นและเฮียธันก็แค่แร๊พโย๊ะมาให้ผมก่อนจะวางสายกันไป



         ผมหันมามองเจ้าก้อนเต้าหู้ของผม (ผมเป็นคนที่ชอบทานเต้าหู้มากอาม่าทำให้ผมทานบ่อยและเจ้าโซ่ก็ขาวๆ อวบๆ เหมือนกัน) ตอนนี้เขาได้เอาหน้าหล่อๆเหมือนผม ซบลงที่หน้าอกของบีบและหลับปุ๋ยไปแล้ว ผมก็กดโทรศัพท์มือถือเสิร์ซหาดูว่าโรงพยาบาลไหนที่รับตรวจดีเอ็นเอ ดีที่สุดรวดเร็วและแม่นยำ จนผมไปเจอที่หนึ่ง เป็นโรงพยาบาลเอกชน ผมก็ส่งให้คนขับรถรับมือถือของผมไป เขาก็พยักหน้าตามนั้น ผมรับมือถือคืนกลับมาและกดปิดเครื่องทันที ไม่อยากรับรู้อะไรในตอนนี้ ผมหันมามองบีม ผมเห็นว่าเขาอุ้มนานแล้ว ผมก็แบมือแต่เขากลับมองผม

   “ไม่มีสิทธิ์อุ้มบ้างหรือไง” ผมถามบีมกลับ เขาก็ส่งเจ้าก้อนเต้าหู้มาให้ผมรับมาอุ้มตัวนุ่มนิ่ม

   “หิวหรือยังเพราะว่านี้ก็บ่ายโมงแล้วบีม” ผมถามบีม เขานิ่งไม่หันมามองหน้าผม

   “บีม ผมรู้ว่าผมผิดพลาดในวันนั้น เออ แต่วันนี้ ผมไม่อยากจะแก้ตัวน่ะ แต่ผม” ผมพูดกับบีม

   “คุณไม่ได้ตั้งใจและผมแค่ซวยใช่ไหม” บีมหันมาพูดก่อนจะหันหน้าออกไปมองด้านนอก ที่ตรงหน้าต่าง

   “พี่รู้ว่า วันนั้นมันแย่มาก พี่ตกใจกับสิ่งที่พี่ทำลงไปบีม “ผมพูด ผมไม่กล้าสบตากับบีมเลย

   “แหวนที่พี่ให้ไว้ล่ะ อยู่ไหนบีม วันนั้นพี่วางไว้ให้น่ะ” ผมถามบีม บีมหันมามองหน้าผม

   “พร้อมกับเงินห้าพันบาท มึงคิดว่ามันคุ้มไหมอ่ะ กับที่กูต้องเกือบเรียนไม่จบ ถ้าไม่ได้อาจารย์กันตภณช่วยพูดให้ และไหนกูต้องแบกท้องโต โตไปเรียนให้จบเพื่อจะได้เลี้ยงลูกเอง และมึงก็น่าจะได้ยินที่แฟนมึงพูดน่ะ กูโดนแบบนั้น ทุกวันมึงรู้ไหม” บีมพูด ผมหันมามองบีม ผมคว้ามือบีบขึ้นมา

   “จะทำอะไรน่ะ” บีมถามผมเสียงหลง

   “ตบติ ตบพี่เลย พี่รู้ว่าบีบเจ็บกว่าพี่เยอะ ตบดิพี่จะได้เจ็บบ้างไงบีม “ผมพูดแต่บีมมองหน้าผมนิ่งมาก เขากัดปากตัวเองแน่น ผมก็ยังจับขอมือของบีมเขาตั้งเอาไว้ ผมยื่นแก้มไปใกล้ๆ เพื่อให้เขาตบหน้าผม เพื่อว่าจะลดความโกรธแค้นจะได้เบาลงแต่บีมกับเลือกที่จะลดมือลง

   “กูอยากต่อยมึงมากตั้งแต่รู้ว่าท้องแล้ว กูอยากจะ ฮึก” บีมพูดก่อนจะหันหน้าหนีไปอีกทาง ผมรู้ว่าเขาอาจจะอยากทำมากกว่านั้นถ้าเขาใจแข็งพอ

   “แต่พอได้เจอหน้าลูก ได้อยู่กับลูก มันหายไปหมดแล้วอ่ะ ฮึกๆ “บีมพูดไปสะอื้นไปด้วย

   “ความโกรธเชี้ยๆ อะไรพวกนั้นน่ะ ฮืกๆ” บีมพูดพร้อมกับปาดน้ำตาตัวเอง ผมเอามือจับคางนั้น แต่ข้างผมพยายามขืนตัวเองไว้ ไม่ยอมทำตามผม ผมเลยต้องออกแรงหน่อยไม่แรงมาก ผมใช้ผ้าเช็ดหน้าที่มีในกระเป๋าซับน้ำตานั้นอย่างเบามือ

   “ตกลงแหวนบีมยังเก็บไว้ใช่ไหม” ผมถามบีมอีกครั้ง

   “จะเอาคืนเหรอ” บีมหันมาถามผม

   “อยู่ไหนล่ะ” ผมถามบีม บีมเขาก็ดึงสร้อยออกมาจากคอเขา เขาใช้ห้อยแหวนเอาไว้ตลอด รอยยิ้มพูดขึ้นที่มุมปากของผมเล็กน้อย ก่อนจะยื่นมือไปจับสร้อยเสร็จนั้น บีมทำท่าจะถอดมันออก

   “ไม่ต้องถอดออกหรอก” ผมบอกบีม

   “ทำไมไม่เอาคืนไปล่ะ แหวนวงศ์ตระกูลไม่ใช่เหรอ” บีมหันมาถามผม

   “ใช่และมันมีมากกว่าคำว่าแหวนประจำวงค์ตระกูลน่ะ เก็บมันไว้ให้ดีที่สุด เก็บไว้ให้ถึงรุ่นลูกโซ่เลย” ผมพูดแค่นั้น   ไม่นานรถก็แล่นมาจอดที่ตรงโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง สำหรับตรวจดีเอ็นเอโดยเฉพาะ และคนขับรถก็รีบเดินลงมาเปิดประตู ผมเดินลงไปก่อนพร้อมอุ้มเจ้าลูกโซ่ลงไปด้วย ผมหันมาหาคนขับรถประจำที่พ่อผมจ้างเอาไว้

   “ถ้ามีใครโทรหาหรือสอบถามอะไรเกี่ยวกับผมตอนนี้ รบกวนอย่าเพิ่งให้ข้อมูล ว่าผมอยู่ที่ไหน แม้กระทั่งป๊ากับม๊าผม หรือว่าเจ๊กกันตภณ นะครับ ผมขอร้อง” ผมบอกคนขับรถ เขาพยักหน้ากับผม

   “หากเกิดอะไรขั้นผมรับผิดชอบเอง “ผมบอกคนขับรถเพราะดูจากสีหน้าเขากังวลว่าเขาอาจจะโดนไปด้วย แต่เขาก็พยักหน้ารับ ผมหันไป พยักหน้าให้บีมเดินเข้าไปกับผม บีมเลือกหยิบเอาบางอย่างใส่กระเป๋าเป้ไปให้ลูกด้วยเช่นกัน ผมเดินนำบีมเข้าไปพร้อมอุ้มคนที่หลับปุ๋ยคาอกผมไปด้วย มีแต่คนหันมามองผมกัน

   “หล่ออ่ะ แก “คำชมที่มองให้

   “มีลูกแล้ว แต่ไม่เห็นมีแม่มาด้วยเลย สมัครเลยไหม" ผมเดินยิ้มให้คนที่แซวผมพร้อมโบกมือทักทาย และบีมที่เดินตามเข้ามาพอดี และคนที่ยืนจะยื่นใบสมัครผมก็หันมามองหน้ากัน ผมว่าเขาคงขย้ำใบสมัครทิ้งก็ตรงนี้แหละ ผมเองไม่ใช่คนเจ้าชู้น่ะถ้าผมเจอคนที่เรียกว่าแฟนแล้ว แต่ที่ผ่านมายอมรับว่า เซ็กส์โซนมาตลอด เพราะว่าผมรอคนที่เหมือนม๊าของผมเท่านั้น

   “สวัสดีครับ ผมมาติดต่อขอเข้ารับการตรวจดีเอ็นเอครับ” ผมบอกเจ้าหน้าที่ เขาก็มองหน้าผมและหันไปมองบีมก่อนจะก้มลงมองเจ้าก้อนเต้าหู้ที่ผมอุ้มให้หลับอยู่กับอกของผม

   “ตรวจแบบไหนดีคะ”

   “ตรวจหาความเป็นพ่อลูกครับ”

   “คุณหรือว่าเขาค่ะ “พยาบาลถามผม ก่อนจะชี้ไปที่บีม

   “ทั้งคู่ครับ” ผมตอบ บีมหันมามองหน้าผม

   “ดิฉันว่าผลมันออกมาแล้วมั้งคะ ดูหน้าเด็กกับหน้าคุณน่ะ น่าจะพ่อลูกกันเกือบ 99 % เลยนะคะ” พยาบาลบอกผม

   “ผมจำเป็นต้องใช้เอกสารครับคุณพยาบาล “ผมกัดฟันบอกคุณพยาบาลไป

   “ส่วนลูกผมน่ะจำได้ครับ ว่าผมทำใครท้อง “ผมหันมามองคนที่ยืนเบ้ปากและมองบน

   “ตกลงตรวจทั้งคู่นะคะ” คุณพยาบาลถามผม ผมพยักหน้าทันที

   “รอนานไหมครับ ภรรยาผมยังไม่ได้ทานอะไรเลย” ผมบอกคนที่ทำหน้าที่อยู่”

   “แล้วนี่จะตรวจภรรยาคุณด้วยไหมคะ” เขาถามผม ก่อนจะชี้ไปที่บีม

   “ตรวจซิครับผมก็บอกไปแล้วว่าผมตรวจทั้งคู่” ผมพูดและชี้ไปที่บีม พยาบาลถึงกับสะบัดบ๊อบไปทางบีมทันที สองทีติด

   “นี้คือภรรยาคุณเหรอคะ” เขาถามผม

   “ครับ คุณบีมคือภรรยาผมครับ” ผมพูดชัดเจน

   “ไม่ใช่ครับผมไม่ใช่ภรรยาของเขา ผมไม่ได้แต่งงาน” บีมพูดก่อนจะหันมามองผม “กับเขา” บีมพูด

   “มีลูกก่อนแต่งนะครับ” ผมรีบบอกคุณพยาบาล

   “ผมไม่ได้เต็มใจ” ผมหันมามองคนข้างๆ ขนาดไม่เต็มใจน่ะ ได้มาแล้วหนึ่งเลย

   “แต่ผมตั้งใจทำ ภูมิใจนำเสนอด้วยครับ นี้ไงครับ” ผมพูดและโชว์ผลงานคุณพยาบาล เขาก็ก้มลงมอง

   “พี่ว่าผลแม่นยำว่าเป็นพ่อลูกกัน ดูแค่หน้า เจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์แล้วแหละค่ะว่าพ่อลูกกันแน่ๆ ”

   “ถึงยังไงผมก็ไม่ต้องการ ให้เขาเป็นพ่อของลูกผมอยู่ดี” กันต์ธีย์พูด ก่อนจะหันหน้าหนี ผมก็ยิ้มๆ ให้พยาบาล เขาก็มองผมกับบีมสลับกันไปมา

   “แต่นี้มันลูกผม คุณหนีความจริงไม่พ้นคุณกันต์ธีย์” ผมหันไปพูดกับบีม บีมหันขวับมามองผม

   “ใช่ผมหนีไม่พ้นแต่ผมก็ไม่ยอม ที่จะ…”

   “พอ พอเถอะค่ะ” คุณพยาบาลยกมือห้ามผมสองคนทันที ผมหันไปมองคนรอบๆ ที่หันมามองผมสองคนเถียงกันไปมา

   “พอทั้งคู่ค่ะนะคะ จะเต็มใจหรือตั้งใจเดี๋ยวรู้ผลค่ะที่นี้ดีเอ็นเอแม่นยำ 99 % ค่ะ ไม่ต้องเถียงกันนะคะ และเห็นเถียงๆ กันแบบนี้น่ะ เดี๋ยวมาอีกคน “คุณพยาบาลพูดผม และมีแอบแซวเล็กน้อยก่อนจะยิ้มกริ่มให้ผมกับคนข้างๆ แต่ข้างๆ นี่ซิ เอาแต่ยืนกอดอกเหลือกตาขึ้นบนใส่ผมทันที

   “และเอาเป็นว่า ตรวจทั้งคู่นะคะ น่าจะตกลงกันก่อนจะลงจากรถมานะคะ เชิญนั่งเลยค่ะ “พยาบาลถามผมสองคนด้วยน้ำเสียงดุๆ ใส่ผมทั้งคู่

   “เออ เดี๋ยวนะคะ ใครพ่อใครแม่ค่ะ” คุณพยาบาลหันมาถามผมกับบีม

   “ผมพ่อ นี้แม่ครับ” ผมรีบตอบทันที คนที่ยืนข้างๆ ผมหันถลึงตาใส่ผมทันที

   “โอเคค่ะ นั่งรอนะคะ คุณพ่อรูปหล่อ และคุณแม่น่ารัก รบกวนนั้งกันเงียบๆ อย่าตีกันนะคะ เพราะว่านี้คือสถานพยาบาลงดใช้เสียงและความรุ่นแรงนะคะ “คณพยาบาลพูดพร้อมกับยิ้มให้ผมและคนที่เดินหน้าคว่ำไปพร้อมๆ กับผม และเจ้าก้อนเต้าหู้ก็ตื่นพอดี เขามองหน้าผม และมองไปรอบๆ ก่อนจะหันมามองผมอีกที

   “แหง๋!!!!! เอาร้องขึ้นมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยเลย แถมยังดิ้นไปด้วย ดิ้นจนแทบจะตกจากแขนผมไปอยู่ที่พรมอยู่แล้ว ผมก็กอดไว้ ส่วนบีมเองก็ตกใจหันหน้าเข้ามาหาทันทีทั้งที่ก่อนหน้าหนี เอาแต่หันหน้าออก เจ้าก้อนเต้าหู้นี้ก็รีบดีดตัวขึ้นนั่งมานั่งและยืน มองซ้ายมองขวา กอดคอผมแน่นมาก

   “เป็นอะไรไปล่ะ” ผมถาม

   “เขาไม่ชอบโรงพยาบาลน่ะร้องทุกทีที่เข้ามา” บีมพูดกับผม ผมก้มลงมองเจ้าลูกโซ่ (ผมเองก็เป็น ไม่ชอบกลิ่นไม่ชอบอะไรหลายๆ อย่าง ร้องไม่อยากมาจนผมโต พอรู้เรื่องนั่นแหละถึงได้ดีขึ้น) และบีมก็แบมือเรียกให้ลูกชายเข้าไปหา และเจ้าลูกโซ่ก็หันไปหาบีมทันที และพยาบาลก็เดินมาเรียกผมสามคนไปยังห้องตรวจ เพื่อเข้าไปคุยกับหมอก่อน ผมเข้าไปพร้อมกันทั้งสามคน ก่อนจะก้าวเท้าเข้าไปในห้อง บีมชะงักเท้า

   “บีม เชื่อใจพี่ไหม พี่ไม่ได้ต้องการรู้ว่าเขาคือลูกพี่จริงไหม เพราะว่าพี่เชื่อว่าเขาใช่ แต่พี่ต้องการเอกสาร ยืนยัน กับใครบางคน พี่รู้ว่าปัญหามันจะตามมาชุดใหญ่แต่พี่ จะไม่ให้ใครมาทำร้ายบีมกับลูกได้อีก พี่จะดูแลปกป้องด้วยตัวพี่เอง “ผมพูดกับบีม บีมพยักหน้ากับผมเบาๆ ผมหันไปยิ้มให้เขา

         ผมนึกถึงคำพูดของอาม่า เมื่อสามวันก่อน จู่ๆ ผมถามอาม่าว่าถ้าวันหนึ่งผมต้องเลือกคนที่ผมต้องรับผิดชอบ แต่อาม่าบอกกับผมว่ามันไม่สำคัญ เพราะว่ามันสำคัญหลังจากนั้น และมันก็จริง เพราะว่าลูกผมต้องการแม่ และผมก็เชื่อว่าไม่มีใครทำหน้าที่ได้ดีไปกว่าแม่ที่แท้จริงๆ ถึงแม่คนนี้จะเป็นผู้ชายก็ตาม



         ผมเดินเข้าไปนั่งคุยกับหมอ เขาก็ถามผมถึงจุดประสงค์ว่าทำไม ผมก็บอกไปตามจริง จนกระทั่งถึงขั้นตอนในการทำการเก็บดีเอ็นเอจากกระพุ้งแก้ม แต่ก็ยากสำหรับเจ้าลูกโซ่หน่อยเพราะบีมบอกว่าเขากินยายากมาก (เหมือนผม ผมกินยายากมาก ร้องไห้บ้านจะแตก และพอโตขึ้นมาแอบเอายาทิ้งก็บ่อย จนม๊าต้องนั่งจ้องว่าให้กินและกลืนให้ดู) ไม่นานทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี ระหว่างที่นั่งคุยกับหมอที่ดูแล และเจ้าหน้าที่ ผมสังเกตเห็นว่าเขาก็มองหน้าผมกับลูกโซ่สลับกันไปมา ผมรู้ว่าหน้าตาเหมือนกันขนาดนี้ต้องเป็นลูกผมแน่ๆ แม้มันดูตลกมากหรือไง เวลาไม่นานทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เหลือแต่พาเข้าบ้านซิน่ะ

         TBC

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.34 พาลูกเมียเข้าบ้าน (ครึ่งแรก)

          Part’ s เธียรวิชญ์ หลังจากที่ทำผมพาลูกโซ่ บีมและตัวผมเองเข้ารับการเก็บเนื้อเยื่อที่กระพุ้งแก้มเพื่อตรวจหาดีเอ็นเอเรียบร้อยแล้ว ผมก็พาบีมไปหาอะไรทานกันก่อน พาไปหาร้านอาหารที่มีสนามเด็กเล่น และมือถือผมก็สั่นตลอดเวลา คราวนี้เป็นเบอร์แพรวาเอง ผมก็ไม่ยอมรับสายเธอ ผมนั่งมองบีม เขาลูกโซ่ไปนั่งชิงช้าเล่นในสนามเด็กเล่น

   // พี่เธียร รับสายแพรวาเดี๋ยวนี้นะคะ พี่ควรจะรู้ว่าถ้าพี่ไม่รับสาย ใครจะเดือดร้อน และพี่ควรจะรู้ว่า พี่เป็นของแพรวาคนเดียวเท่านั้น // แพรวาส่งข้อความหาผม

   //เธียร ม๊ากับป๊าจะถึงบ้านแล้วน่ะลูก มีอะไรเข้ามาคุยกันน่ะ ป๊าเขาก็พร้อมจะรับฟังน่ะเธียร ถึงป๊าจะดุเราบ้างแต่ม๊าเชื่อว่าป๊ารักเธียรและพร้อมจะอยู่ข้างๆ เธียร// ม๊าส่งข้อความมาหาผมเช่นกัน เป็นข้อความที่ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นเยอะเลย

   “บีมกลับกันหรือยังครับ “ผมเดินไปหาบีม ดูเจ้าลูกโซ่ยังเล่นสนุกอยู่เลย บีมหันมามองหน้าผมก่อนจะพยักหน้ากับผมกลับได้แล้ว ผมพาทั้งคู่เดินไปขึ้นรถ ผมไม่รู้ว่าจะเจออะไรบ้าง แต่ผมจะไม่ยอมให้ลูกและคนที่เป็นแม่ของลูกผมต้องไปอยู่ตามลำพังเด็ดขาด ผมเดินขึ้นไปนั่งในรถ

   “กลับบ้านเลยครับพี่สิงห์” ผมบอกพี่คนขับรถที่โรงเรียนของผม บีมหันมามองหน้าผม

   “ไม่ไปส่งผมกับลูกก่อนเหรอคุณ” บีมหันมาถามผมคงหมายถึงเขากับลูก

   “ไม่ครับ ไปอยู่บ้านกับพี่ เพราะว่านี้ลูกพี่ “ผมชี้ไปที่เจ้าลูกโซ่

   “ส่วนบีมก็คือแม่ของลูกพี่ พี่ไม่ทิ้งเช่นกัน “ผมพูดบอกบีมก่อนจะจับสายเข็มขัดนิรภัยมาคาดให้บีม บีมอุ้มเจ้าลูกโซ่เอาไว้

         ผมก็คาดเข็มขัดนิรภัยของผมเช่นกัน ผมนั่งเงียบไปตลอดทางจนถึงบ้านคฤหาสน์หลังใหญ่ของผม ผมไม่เห็นบีมจะตื่นเต้นกับบ้านหลังใหญ่ของผมเหมือนกับ นิน่า ที่เขามาดูโปรไฟล์ของผมและทำท่าตื่นเต้นจนออกนอกหน้า รถฟอร์จูนเนอร์เข้ามาจอดด้านใน ผมคิดว่ายังไม่มีใครมาถึงเช่นกัน เพราะผมก็ยังไม่เห็นรถใครเข้ามาจอด ผมลงมาก่อน และหันไปมองบีมที่นั่งกอดลูกชาย เจ้าลูกโซ่มองผม

   “บีม ลงมาซิครับ พี่เลือกที่จะรับผิดชอบสิ่งที่พี่ทำ” ผมบอกบีม

   “ไม่จำเป็นก็ได้มั้ง ที่จะต้องเอาทั้งชีวิตของพี่มาอยู่กับผม คนที่พี่ไม่ได้รัก” บีมบอกผม ผมรู้ว่ายังไม่ถึงขั้นรักแต่ผมรู้สึกดีกับเขาตั้งแต่ที่เขามาดูแลผมวันที่ผมไปทำงานและมีเขาเป็นเลขาฯของผมแล้ว

   “พี่รู้ว่ายังไม่ถึงขั้นรักแต่พี่เลือกคนที่สำคัญกับลูกพี่ เพราะคำว่าแม่ ไม่ใช่ว่าใครจะมาแทนก็ได้ ดังนั้น พี่เลือกลูกและบีม ลงมาซิครับ” ผมพูด บีมหันมามองหน้าผม ส่วนลูกโซ่ก็มองผม ผมกางมือออก เขาเงยหน้ามองบีม และสุดท้ายบีมก็เรื่องที่จะเดินลงมา

   “แต่ว่าผมไม่ได้เอาของใช้ลูกมาด้วย” บีมพูด

   “ซื้อใหม่ก็ได้นี้” ผมพูด

   “แต่” บีมเงยหน้าขึ้นมองผม

   “ไม่อยากซื้อใหม่ก็ไปขนมาไว้ที่นี้เลยแต่ว่าคืนนี้นอนนี้นะครับบีม พี่อยากให้ป๊ากับม๊าเจอหลาน “ผมบอกบีม เขาหันมามองหน้าผม และคนใช้เดินออกมาก็มีสีหน้าที่ตกใจกับสิ่งที่เห็น จังหวะนั้น ก็มีรถแล่นเข้ามาอย่างรวดเร็ว ผมเดาได้ว่ารถอากันตภณ ผมหันไปมองก่อน ใช่จริงๆ ด้วย ผมเห็นอาก้าวลงจากรถมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเดินตรงมาที่ผมยืนอยู่

   “นี้มันอะไรกันเธียร” เจ๊กกันตภณเดินปรี่ออกมาจากรถเก๋งคันหรูทันที พร้อมกับยิงคำถามใส่ผมทันทีเช่นกัน ก่อนจะหันไปมองบีมที่ยืนกอดลูกชายอยู่

   “บีมคือเมียผม และเด็กนั้นคือลูกผมครับเจ๊ก” ผมตอบเจ๊กกัน

   “บีม ไม่จริงใช่ไหม บีมบอกพี่ซิ “เจ๊กกันตภณถามบีม ผมหันไปมองหน้าบีม เขายืนหันหลังให้เจ๊กกันอยู่ บีมเขากอดเจ้าลูกโซ่ ที่เหลือกตาขึ้นมองผมทีและเจ๊กกันที

   “บีม” เจ๊กกันเดินมาจับแขนของบีม

   “เจ๊ก นี้เมียผม นี้ลูกผม “เดินมาจับมือเจ๊กกันเอาไว้

   “แต่นายไม่ได้ดูแลเขา!! “เจ๊กกันหันมาขึ้นเสียงดังใส่ผม สายตาเจ๊กกันมองประสานสายตาของผม และคนใช้ในบ้านผมเริ่มออกมายืนมองกันหมด

   “ก็ผมไม่รู้มาก่อนนิครับเจ๊ก” ผมพูด

   “แล้วทำไม ไม่คิดจะตามหาตั้งแต่ทีแรกเธียร” เจ๊คกันตภณพูด เขามองหน้าผม

   “ผมก็พยายามตามหาบีม ให้เพื่อนผมไปหา ส่วนผมก็ต้องกลับไปเรียนให้จบ” ผมพูดเจ๊กกันมองหน้าผม

   “ผมว่าเจ๊คคงเดาอะไรออกบ้าง เพราะเจ๊กคือคนที่อยู่ใกล้ชิดผมเท่าๆ กับอาม่า แต่เจ็คไม่เคยคิดจะพูดหรือถามผมสักนิด” ผมพูดและมองหน้ากันตภณและหันไปมองบีม

   “เพราะเจ๊กดูแลเขามาตลอด ทั้งที่ผมกำลังตามหาเขาอยู่เจ๊ก” ผมพูด เจ๊กกันมองหน้าผมก่อนจะหันไปมองบีมอีกครั้ง

   “และผมเองไม่เคยรู้ว่าบีมจะท้องได้จริงๆ ถึงแม้ว่าเขาบอกผมวันนั้น วันที่ผม ..” ผมกำลังจะพูดว่าวันที่ผมมีอะไรกับบีมครั้งแรก

   “วันที่ผมมีอะไรกับเขาและแม้ว่าครั้งนั้นผมจะทำไปเพราะว่าผมไม่มีสติ แต่ว่าวันนี้ผมมีสติพอที่จะกล้ายอมรับผิดในสิ่งที่ผมทำกับเจ๊ค” ผมพูดกับอากันตภณ อามองหน้าผม

   “แต่เจ๊กรักบีม” เจ็กกันตภณพูดกับผม

   “ผมก็รัก….ลูกผมน่ะเจ๊ก และลูกผมก็ไม่อยากเสียแม่เขาไปครับเจ๊ค ผมต้องเก็บทั้งคู่เอาไว้กับผม ผมให้เจ๊กไม่ได้ทั้งคู่” ผมพูดก่อนจะดันบีมเข้าบ้าน

   “หมับ” อากันตภณจับแขนบีม

   “เจ๊ค “ผมจับแขนเจ๊กกันเช่นกัน สายตาที่ประสานกัน เจ๊กที่เคยเป็นคนที่ผมรักและไว้ใจในทุกเรื่อง วันนี้มันกลับกลายมาเป็นศัตรูหัวใจกันและกันอย่างนั้นหรือ

   “เจ๊คไม่ยอมให้นายที่ยังดูแลตัวเองไม่ได้ ดูแลบีม” เจ๊คกันตภณพูด

   “ใช่วันนี้ผมยังเหมือน ผมยังดูแลใครไม่ได้แม้แต่ตัวเอง แต่ผมเชื่อว่าผมต้องทำได้เจ๊ค” ผมพูด

   “บีมกลับบ้าน” เจ๊กกันตภณพยายามดึงแขนบีมเอาไว้ แต่ผมก็ดึงรั้งบีมและลูกไว้เช่นกันจนกระทั่งรถแล่นเข้ามาจอดติดๆ กันหลายคัน และคนที่ลงมาจากรถก่อนคือม๊าของผม

   “อากันอะไรกันน่ะ อากัน อาเธียร” ม๊ารีบตรงมาเพื่อจะมาห้ามทัพของผมกับอากันตภณ

   “เกิดอะไรขึ้น เธียร กัน” ป๊าเดินมาถามผมก่อนจะหันไปมองหน้าเจ๊กกันเช่นกัน รถบรรดาเฮียที่เข้ามาจอด ต่างก็พากันเดินลงมาจากรถตัวเองมองหน้าผมและเจ๊กกัน ที่กำลังยื้อแย่งคนคนเดียวกัน

   “เข้าไปคุยกันบ้าน เดี๋ยวนี้!! “ป๊าพูดก่อนจะหันไปมองรถอีกคันที่แล่นเข้ามาจอดจนฝุ่นตลบอบอวลไปหมด และคนที่ก้าวเท้าลงมาอย่างรวดเร็วคือแพรวา เธอเดินปรี่มาหาผมเช่นกัน

   “พี่เธียร!! พี่ขับรถหนีแพรวาแบบนี้ไม่ได้นะคะ!!” แพรวาพูดก่อนจะมองคนที่ยืนหันหลังอยู่

   “แพรวาเห็นพี่เอาไอ้เด็กที่ท้องไม่มีพ่อขึ้นรถมา ทำไมคะ!! พี่ไปเอามันมาขึ้นรถทำไมค่ะ!!” แพรวาพูด แต่สิ่งที่เธอพูดออกมา มันทำให้ทุกคนในครอบครัวผมหันไปมองเธอกันหมดแม้กระทั่งอาโกวหงส์ น้องสาวของพ่อผมที่เพิ่งจะมาถึงเช่นกัน

   “เข้าไปคุยกันในบ้าน” ป๊าพูดออกคำสั่งและแพรวาที่รีบเดินแทรกทุกคนขึ้นมาหาผมก่อน

   “หมับ” เธอจับแขนผมแน่นๆ และหันไปมองบีม ที่ยืนนิ่งไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น ส่วนลูกโซ่ก็กอดบีมไว้แน่นเช่นกัน

“นี้มันอะไรกันค่ะพี่เธียร” แพรวาถามผม ผมหันมามองหน้าเธอก่อนจะค่อยๆ แกะมือเธอออกและผมก็จับแขนบีมแทน

   “เขาบ้านนะบีม “ผมบอกบีม บีมหันมามองหน้าผมและหันไปมองแพรวา

   “พี่บอกแล้วไง ว่าพี่เลือกคนที่จะเป็นแม่ของลูกพี่ เพราะว่าลูกพี่สำคัญ แล้วบีมล่ะ เลือกใคร คนที่บีมคิดว่าสำคัญกับลูกชายของบีม พี่รู้ว่าพี่ผิดแต่นี่ลูกของพี่ และลูกพี่ก็ต้องการบีม พี่พร้อมจะทำตัวเองให้ดีกว่าที่ผ่านมาก แค่ขอโอกาสจากบีม “ผมถามบีม บีมหันมองหน้าผมก่อนจะ เลือกก้าวเท้าเดินขึ้นไป เจ๊กกันตภณกลับเป็นฝ่ายปล่อยแขนจากบีม ส่วนผมก็เลือกแกะมือแพรวาออกและหันไปจับแขนบีม ผมยิ้มให้เขา แต่บีมเขานิ่งมาก

   “พี่เธียร!! พี่พูดอะไรของพี่น่ะ ปล่อยมันเดี๋ยวนี้น่ะ!” แพรวาพยายามกระชากแขนผม ผมก็เลือกที่จะแกมือเธอให้ออกและหันมาโอบพาบีมเข้าบ้านของพ่อแม่ของผม ผมหันไปเห็นเฮียธี ที่ยืนมองผมอยู่ เฮียยกนิ้วโป้งให้ผม แต่แพรวาพยายามจะมาดึงแขนผมให้ออกจากบีม

   “แพรวาปล่อยพี่ครับ” ผมหันไปบอกแพรวา

   “มันเป็นอะไรกับพี่!!” แพรวาถามผม

   “แม่ของลูกพี่” ผมหันมาตอบ แพรวามองหน้าผมก่อนจะหันไปมองหน้าเด็กที่บีมอุ้มอยู่ เธอคงเห็นได้ชัดเจนว่าเขาคือลูกของผมจริงๆ

   “ไม่จริงอ่ะ ไม่จริง! แพรวาไม่ยอม แพรวาไม่ยอม!!!” แพรวาเธอกรี้ดร้องไม่ยอมอีกแล้ว

   “โอ๊ย!!! แพรวา เธออายุเท่าไหร่แล้ว กรีดร้องเพลงหนูไม่ยอม หนูไม่ยอมมากี่ปีแล้วเนี๊ยะ! เปลี่ยนเพลงได้แล้วมั้ง ฉันทนฟังมาตั้งแต่หลอนเริ่มพูดได้จนตอนนี้ตีนกามาเป็นขบวน ยังไม่เลิกอีกเหรอ” พี่ธามพี่ชายคนที่สองที่อดรนทนไม่ไหว จนต้องพูดออกมา ผมหันไปมองป๊ากับม๊า และโกวหงส์ ที่ยืนอยู่ข้างๆ เจ๊กกันก็เช่นกันโกวหงส์จับแขนเจ๊กกันเอาไว้ ผมรู้ว่าเจ๊กกันคงเสียใจหรือไม่ก็โกรธผมมากๆแต่นี่เลือดเนื้อของผม ผมเหมือนคนไม่มีความรับผิดชอบในสายตาใครหลายคนแต่ผมคงยอมให้คนอื่นมาทำหน้าที่นี้แทนผมแน่นอน

      ผมเดินตามหลังบีมเข้าไปในบ้าน ทุกคนมองบีมและลูกโซ่กันหมด ป๊า ม๊าและโกวหงส์หันมามองหน้ากัน ก่อนจะพยักหน้าและหันไปคุยกัน พี่ๆ ผมเดินตามเข้ามาเช่นกัน อาหลิวก็มองบีมและลูกโซ่

   “อาหลิวจำได้ พี่ที่อาม่าบอกว่านี่ลูกเฮียเธียรอ่ะ วันก่อนที่พี่บอกว่าพาน้องไปฉีดวัคซีนวันก่อนนะคะ” อาหลิวพูด บีมแค่หันไปยิ้มพยักหน้าเบาๆ

   “พี่เธียร! พี่จะไปประคองมันทำไมค่ะ พี่ต้องมาอยู่ข้างๆ แพรวาซิ “แพรวาพูดและจะเข้ามาหาผมแต่พี่ธามยืนขวางเอาไว้

   “นี่เธอ ยืนเองไม่เป็นเหรอ ตัวโตซะเปล่าและนี้ไอ้เธียรมันก็ควรจะอยู่ข้างลูกข้างเมีย เธอน่ะเป็นอะไรกับมันล่ะ " พี่ธามพูด "สมองน่ะคิดเยอะๆ หน่อย ก่อนที่มันจะฝ่อ” เฮียธามพูดต่อ

   “นี่เป็นพี่ก็ไม่ได้แปลว่าต้องยุ่งไปทุกเรื่องน่ะ อันนี้เรียกว่าเสือก!!” แพรวาหันไปบอกพี่ธาม พี่ธามคงโมโหจนเกือบจะกางมือออก ผมหันไปมองพี่ธีก็ยืนสั่นหัวทันที

   “อีนี่ปากดีนะมึง เดี๋ยวได้เจออะไรที่มันดีกว่าปากมึงแน่ ฝ่ามือกูนี้!!” เฮียธามทำท่าจะกางมือแปขึ้นมารอทันทีและแพรวาเองก็ไม่กล้ากับเฮียธามอยู่แล้ว นางถึงกับชะงักเท้าเอาไว้แต่ว่ามีมือใครบางคนจับมือเฮียธามห้ามเอาไว้

   “อย่าเฮีย อย่าไปทำแบบนั้น เดี๋ยวป๊าก็ได้รู้หรอก “เฮียธันกระซิบบอกเฮียธาม

   “รู้ว่า” เฮียถามถามกลับ”

   “ป๊าน่ะเสียลูกชายไปนานแล้ว เล่นกางมือแปรอตบเขาซะขนาดนี้ นี่มันลูกสาวเขาทำกัน! “เฮียธันพูดกระซิบกับเฮียธาม

   " อู้ยส์!!! เจ๊ลืมตัว"

   "เว้ย!!!"เฮียธีร้องเพราะว่าเจ๊ะผมยังไม่กลับมาเป็นเพศเดิมทั้งหมด

   "เออ เฮียลืมตัว" เฮียแกเลยต้องชักมือลง "ฟู่" เสียงพ่นลมหายใจพวกผม โชคดีที่ป๊าผมยังคุยปรึกษากันอยู่ ผมหันไปมองพี่ธาม ผมสั่นหัวเบาๆ ว่าอย่าเลยเฮีย ส่วนเฮียธีน่ะเอามือกุมหน้าอกตัวเองคงลุ้นน่าดู ทุกวันนี้ที่ช่วยปิดก็แย่แล้วน่ะ ยังไม่เก็บอาการอีกเวลาป๊าอยู่ และจังหวะที่ป๊า ม๊า และอาโกว เดินเข้ามาพอดี

   “นั่งลงซิบีม” ป๊าบอกบีมให้นั่งลง ผมก็รีบจับบีมไปนั่งแต่แพรวารีบเข้ามาดึงรั้งผมอีก

   “แพรวา นั่งลงก่อน เธออย่าทำให้ภาพลักษณ์เธอดูแย่ไปกว่านี้เลยน่ะ ดูบีมซิ เขานิ่งกว่าเธอ เขาดูมีราคากว่าเธออีก เธอเป็นผู้หญิงแท้ๆ สำรวมหน่อยซิ” โกวหงส์ถึงกับต้องเอ่ยปากพูด เพราะโกวหงส์คงทนไม่ไหวจริงๆ เช่นกัน แพรวาถึงกับชักสีหน้าด้วยความไม่พอใจทันที ผมยอมรับเลยว่าบีมนิ่งมาก นี้แหละวางมาดได้เหมือนม๊าของผมจริงๆ

   “และฟังอะไรให้มันเรียบร้อยซะก่อน ไม่ใช่เอาแต่ร้องแลกแหกกะเชิง มันดูไม่สมกับที่เธอเป็นถึงลูกท่านรัฐมนตรี” โกวหงส์พูด

   “นั่งลงซะแพรวา “ม๊าพูดด้วยน้ำเสียงที่นิ่มนวล ผมหันไปมองเธอและพยักหน้าให้เธอปล่อยแขนผมซะ ผมเดินไปนั่งข้างๆ บีมทันที และทุกคนก็หาที่นั่ง แต่แพรวามัวแต่มองผมเลยได้ไปนั่งที่ไกลออกไป เธอคงไม่อยากโดนอี๊ผมว่าเธอ เธอเลยต้องนั่งลงอย่างเงียบๆ

   “เอาล่ะ เธียร เกิดอะไรขึ้น บอกป๊า บอกม๊าและอาโกวมา “ป๊าถามขึ้น ผมหันมามองหน้าบีม ส่วนเจ้าลูกโซ่ที่กอดบีมตัวสั่นเล็กน้อย

   “โธ่ถังพ่อคุณ ไม่ต้องกลัวลูก “โกวหงส์ผมเอามือลูกหลังเจ้าลูกโซ่ของผมเพราะว่าอาโกวหงส์นั่งใกล้ๆ กับบีม

   “ป๊า ผมทำบีมเขาท้อง” ผมพูด ทุกอย่างเงียบลงทันทีแต่

   “อ้ายยยย!!” แพรวากรีด นี้บรรดาเฮียผมถึงกับหยิบเอาแอร์พอตมาอุดหูไว้ทันที

   “แพรวา เธอจะกรี้ดทำไมอีก “โกวหงส์หันไปถามแพรวา

   “หนูรับไม่ได้ค่ะ” แพรวาลุกขึ้นพูด

   “แพรวาครับ เขาก็ไม่ได้ให้แพรวารับครับ แต่เขาให้ไอ้เธียรมันรับครับเพราะว่ามันเป็นคนทำเขาท้องครับ” เฮียธันหันไปพูด

   “แพรวาหมายถึงแพรวารับไม่ได้ค่ะ และพี่เธียรไปทำไอ้นี่มันท้องได้ยังไงกันค่ะ พี่ทำมันท้องตอนไหน “แพรวาลุกขึ้น อาโกวผมถึงกับส่ายหัวและหันไปมองป๊าผม ส่วนบีมที่ยังนิ่งและกอดเจ้าลูกโซ่เอาไว้

   “แพรวาครับ แพรวาต้องการให้ไอ้เธียรนี้มันบรรยายตั้งแต่เริ่มแรกเลยเหรอครับ พี่ว่ามันใช้เวลานานอยู่น่ะ” ธามพูด ทุกคนหันไปมองพี่ธามกันหมด ไม่เว้นแม้แต่บีมและลูกโซ่ ให้ผมบรรยายเลยเหรอ ผมหันไปมองเจ๊ธาม

   “ไม่ต้องค่ะแพรวาไม่อยากฟัง มันเสนียดหูแพรวา ที่ต้องมาทนฟังอีตุ๊ดนี้ค่ะ” แพรวาพูดและชี้ไปที่บีม

   “น้องแพรวาครับ น้องน่ะเป็นผู้หญิงที่โชคดีนะครับ เกิดมาก็มีสมบัติพ่อ สมบัติแม่แถมมีเยอะอยู่น่ะ” พี่ธามพูด แพรวาลอยหน้าลอยหน้าทันที

   “แต่น้องแพรวาไม่มีสมบัติผู้ดีเลยนะครับ” เฮียธามพูด

   “ฮึก!!” เฮียธี เฮียธันและอาหลิว กลั้นหัวเราะทันที ส่วนแพรวาน่ะยืนมือไม้สั่น

   “นั้นซิแพรวา เธอจะมาชี้หน้าด่าว่าคนอื่นเขาแบบนี้ไม่ได้น่ะ แม่เธอก็เป็นคุณหญิงน่ะ เขาจะหาว่าแม่เธอไม่สังสอนได้นะ” อาโกวหงส์พูด

   “แต่พี่ไม่แปลกใจน่ะที่เธอจะอยากรู้ว่าเธียรมันไปทำเขาท้องได้ยังไง เพราะว่าเธอทำนิสัยแบบนี้ไง ชาตินี้ก็คงไม่รู้หรอกว่าเขาทำกันยังไงถึงได้ท้อง และพี่เองก็ยังไม่เห็นจะมีใครหน้าไหน ยอมเป็นหน่วยกล้าตายให้เธอสักคน” เฮียธามหันไปพูด

   “ขนาดไอ้เธียรเอง มันยังไม่กล้าเลย มันหนีเธอหัวซุกหัวซุน ยังคิดว่าเธียรมันรักและดูไม่ออกอีกเหรอครับ " เฮียธามคนเดิม ผมสะบัดหันไปมองหน้าเฮีย อย่าโยนมาหาผม และม๊าก็หันมามองเอียธามทันที

   "ครับม๊าผมจะนั่งเงียบๆ "เธียธามพูด

   "เฮีย!! นี้เฮียกล้าว่าแพรวาเหรอคะ" ส่วนแพรวาที่ดูท่าจะไม่ยอมหยุดง่ายๆ เช่นกัน

   “แพรวา ฟังเธียรพูดให้จบก่อนแพรวา น้าขอล่ะ และธามก็หยุด! ม๊าขอ “ม๊าของผมเป็นคนพูดก่อนจะหันไปมองป๊าผม แต่แพรวาก็ยังไม่ยอมอยู่ดี"เธอยังยืนยันจะไม่ยอมฟังผมพูด

   “ถ้าเงียบแบบคนอื่นเขาไม่ได้ จะให้ยืมตะกร้อเอาไหม” เฮียธามพูดลอยๆ

   "ตะกร้ออะไร!" แพรวากระแทกถามเฮียธามทันที

   " มันเหมาะกับน้องแพรวาของพี่มากเพราะว่ามันคือตะกร้อครอบปากสุนัข เห็นมันว่างอยู่อันหนึ่งน่ะ เอาไหมครับ และพี่จะได้ให้แม่บ้านเขาไปหยิบเอามาให้” พี่ธามหันไปบอกแพรวาพร้อมรอยยิ้ม แต่ม๊าผมหันมามองเฮียธามอีกที เหมือนกำลังพยายามจะรับหนึ่งถึงสิบอยู่น่ะ

   “ธาม!!” ม๊าหันมาเอ็ดพี่ชายผมทันที

   “พี่ธาม แพรวาไม่ใช่หมานะคะ” แพรวาหันขวับมาพูด

   “พี่ไม่ได้ว่าแพรวาเป็นหมานี่ครับ แต่แพรวาแค่ปากหมานะครับ” พี่ธามพูดต่อและหันไปยิ้ม

   “ไอ้ธาม พอ!!” ป๊าหันมาปรามเฮียธามอีกคน ปกติป๊าผมเป็นคนพูดน้อย

   “เออ ตกลงเอาไหมคะ ตะกร้อนะคะ ที่เอาไว้ครอบปากสุนัข พี่มลจะได้ไปหยิบมาให้ค่ะ เคยมีอยู่นะคะคุณธาม เหลือแต่ตะกร้อค่ะเพราะว่าน้องหมากลับไปสู่ดาวหมานานแล้วค่ะ เหลือไว้แต่ที่ครอบค่ะ "พี่มลพูด  คนใช้บ้านผมเอาน้ำมาเสิร์ฟพอดีเลย ทำให้ม๊ากับป๊าผมหันไปมองพร้อมกันทันทีคนใช้บ้านผม"

   “เฮ้ยย!!” ผมกับเฮียธีและเฮียธันร้องออกมาพร้อมกันเลย

   "พี่มลเก็บเอาไว้ให้คุณแพรวาเหรอครับ" พี่ธามถามพี่มล

   "ใช่ค่ะ เฮ้ยย ไม่ใช่ค่ะ" พี่มลพูดก่อนจะรีบสะบัดหน้าไปมองพี่ธาม

   “ถ้าอย่างนั้นก็เอามาเลยครับพี่มล ตอนนี้มีคนต้องรีบใช้หนึ่งอัตตรา” พี่ธามรีบตอบทันทีเช่นกัน

   “ไม่เอาจ๊ะมล! วางแก้วน้ำให้แขกและเข้าไปเตรียมทำอาหารเย็นได้แล้ว ขอบใจมาก ที่ช่วยกันได้ดีจริงๆ” ม๊าของผมบอกคนใช้ ทุกคนหันมาหน้ากัน ก่อนจะหันไปมองพี่ชายคนที่สอง ขยันใส่ไฟนางเหลือเกิน

   "ค่ะ"พี่มลตอบก่อนจะหยิบถาดและถือกลับไป

   “ตกลง คนที่พามานี้ ลูกเมียเราใช่ไหมเธียร” โกวหงส์หันมาถามผม ผมหันไปพยักหน้าตอบโกวหงส์

   “หนูใช่คนที่ทำงานตำแหน่งธุรการหรือเปล่าลูก” โกวหงส์หันมาถามบีม

   “ใช่ครับ ผมทำงานตำแหน่งธุรการครับ” บีมพูดพร้อมกับกอดเจ้าลูกโซ่เอาไว้ และผมก็เห็นว่าบีมอุ้มนานแล้ว ผมแบมือไปขออุ้มลูกแทนบ้าง บีมหันมามองผมเขาส่งลูกมาให้ผมอุ้ม แต่ครั้งนี้มันง่ายขึ้น

   “แล้วพี่แน่ใจได้ยังไงว่าเด็กนี้ลูกพี่น่ะ พี่เธียร เพื่อว่ามันอาจจะไปนอนกับใครต่อใครมาก็ได้ และที่มหา’ลัยน่ะ ใครก็พูดกันว่ามันไปคลุกอยู่กับเจ๊กกัน และเจ๊กก็รับมันอยู่ เจ๊กอาจจะเป็นผัวมันไปแล้วก็ได้นะคะ” แพรวาลุกขึ้นมาพูด ผมหันไปมองเจ๊กกันว่าเขาจะพูดยังไงกับเรื่องนี้ ถ้าเขาพูดว่ามันคือเรื่องจริงนี้เขาก็ทำร้ายบีมทางอ้อมเช่นกัน

        TBC...

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.34.1 พาลูกเมียเข้าบ้าน (ครึ่งหลัง)

        Part's เธียรวิชญ์  แพรวาถามผมต่อหน้าทุกคน ผมหันไปมองหน้าเธอ เธอนี้นิสัยเสียไม่เปลียนเแปลงเรื่องชอบหักหน้าคนอื่นแบบนี้ แต่ผมคิดว่าคนที่จะให้คำตอบไ้ด้ดีที่สุดในตอนนี้คือเจ๊กกันของผม ผมหันไปมองเจ๊กกันว่าเขาจะพูดยังไงกับเรื่องนี้ ถ้าเขาพูดว่ามันคือเรื่องจริงนี้เขาก็ทำร้ายบีมทางอ้อมเช่นกัน

“ว่าไงล่ะ กัน ที่แพรวาพูดน่ะ เรื่องจริงหรือ? “ป๊าผมหันไปถามอากันตภณทันที

   “ใช่ครับเฮีย มีคนในมหาวิทยาลัยพูดกันแบบที่แพรวาพูด แต่ว่าบีมเขารับทำวิทยานิพนธ์ครับ และผมก็เป็นคนแนะนำเขาทำรายงานเพื่อหาค่าเรียนหนังสือเขาเลยมาปรึกษาผม” เจ๊กกันพูดกับป๊าของผม

   “บีมเขาทำงานส่งตัวเองเรียนครับ” เจ๊กกันพูด ผมหันมามองบีม

   “และคงไม่มีใครกล้าทำเรื่องน่าอับอายเพื่อประจานตัวเองในห้องที่มีอาจารย์นับสิบคนแบบนั้นหรอกมั้งแพรวา “เจ๊กกันพูด แพรวาหันไปมองหน้าเจ๊กกัน เธอยืนกำหมัดแน่น

   “และทุกครั้งที่บีมมาหาผม เขาก็มาในเวลาที่มีอาจารย์เขานั่งกันอยู่ตลอด” อากันพูด ตอนแรกแพรวาก็ยิ้มเยอะแต่ก็ต้องหุบยิ้มแทบไม่ทัน

   “นี้เราทำงานส่งตัวเองเรียนเหรอลูก แล้วพ่อแม่ล่ะบีม” ม๊าผมถามบีม

   “พ่อผมเสียไปตั้งแต่ผมอายุได้เจ็ดขวบครับ และพ่อผมเป็นคนอังกฤษครับ พอแม่ผมแต่งงานใหม่ ท่านก็ส่งผมมาอยู่ที่ไทยกับยาย แต่พอยายผมเสีย ผมก็ไปอยู่คอนโดที่แม่ผมซื้อเอาไว้สำหรับมาพักผ่อนครับ ผมต้องอยู่กับพี่ข้างห้องเขาช่วยดูแลผมอยู่หลายปีครับ” บีมตอบ ผมไม่เคยรู้เรื่องนี้ของบีมมาก่อนเลย บีมหันมามองหน้าผม ผมคว้ามือบีมมาบีบไว้ ผมรู้สึกผิดในคืนนั้นมากจริงๆ ที่ผม พูดไม่ดีใส่บีมด้วยตอนแรก บีมหันมามองหน้าผมก่อนจะค่อยๆ ดึงมือเขาออก

   “ผมเองก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าตัวเองจะเป็นแบบนี้ แม่เพิ่งจะบอกกับผมว่า เรื่องทั้งหมดเป็นเพราะว่าพ่อผมที่เป็นนักวิทยาศาสตร์แต่เขาทำอะไรกับผมบ้าง ผมไม่เคยรู้หรอกครับจนกระทั่ง ..” บีมพูดก่อนจะหันมามองผมกับเจ้าลูกโซ่

   “แกจะบอกว่าแกท้องและพี่เธียรต้องรับผิดชอบแกอย่างนั้นเหรอ “แพรวาลุกขึ้นอีกครั้ง ทุกคนหันไปมองเธออย่างเอือมระอา

   “แพรวาใจเย็นนั่งลงก่อนได้ไหมแพรวา “ม๊าของผมพยายามใช้น้ำเย็นเข้าลูบเพื่อให้แพรวาใจเย็นลง แต่ผมว่าน้ำอะไรก็เอาแพรวาไม่อยู่แล้วแหละ เธอเอาแต่ใจจนใครๆ ก็เอือมระอาไปหมด

   “ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องไปรับผิดชอบเลย ก็แค่ท้องในคืนเดียวและที่ได้กับพี่เธียรน่ะ เขาวางยาพี่เธียรหรือเปล่า ทำเหมือนในละครน่ะ ใช่ไหม แกทำแบบนั้นใช่ไหม” แพรวาพูดแต่บีมน่ะหันมามองหน้าผม

   “ผมโดนวางยาจริง “ผมพูด

   “นั้นไง มึง…มึงกล้าวางยาพี่เธียรของฉันเหรอ” แพรวารีบพูดต่อทันทีและทำท่าจะเข้ามาทำร้ายบีมแต่ อาโกวหงส์หันไปยิ่งสายตาที่บ่งบอกว่าจะเริ่มหมดความอดทนแล้วน่ะ ป๊ากับม๊าถึงกับออกอาการตกใจทันทีได้ยินว่าผมโดนวางยา

   “แต่ไม่ใช่บีมเป็นคนวางยาผม แต่บีมก็โดนเช่นกัน ผมยอมรับว่าผมทำลงไปทั้งที่ไม่มีสติในตอนนั้น ไม่ใช่แค่ผมทั้งคู่ แต่สิ่งที่ผมคืนนัน ทำให้บีมต้องพบเจออะไรต่างๆ มากมาย ที่เข้ามาทำร้ายจิตใจบีมและผมเองที่ไม่รู้และไม่ได้อยู่ดูแลบีม จนบีมคลอด” ผมพูด บีมหันมามองหน้าผม

   “และเหตุการณ์วันนั้น ผมเองที่ขี้ขลาด ตอนนั้นผมตกใจและขี้ขลาดเกินไปจะยอมรับใส่สิ่งที่ตัวเองทำลงไป จนกระทั่งผมได้เห็น ลูกผมอ่ะป๊า ผมเลย…” ผมพูด

   “ถ้าอย่างนั้น เราจะทำยังไงกับเรื่องนี้เธียร” ป๊าถามผม ผมหันไปมองบีม

   “ผมจะรับผิดชอบบีมและลูก” ผมพูด

   “มันก็แค่ท้องอ่ะ พี่ต้องรับผิดชอบมันเลยเหรอ ทำไมเหรอคะ ไม่เห็นจะต้องรับผิดชอบเลย พี่แค่เอาเงินโยนให้มันไปสักแสนสองแสนแค่นี้เอง ง่ายจะตาย” แพรวาลุกขึ้นพูดอีกครั้ง ป๊าผมลุกขึ้นเช่นกันและเดินออกไปผมไม่รู้ว่าไปไหน

   “แกจะเอาเท่าไหร่นังบีม บอกฉันมา พ่อฉันรวย ฉันให้แกเอง ออกไปจากชีวิตพี่เธียรซะ “แพรวาพูดแต่บีมที่นั่งเฉยมากก่อนจะหันไปมองแพรวา

   “เขาเป็นคนพาผมเข้ามานะครับ ผมไม่ได้เดินเข้ามาเองนะครับคุณแพรวา” นี้คือคำพูดแรกที่บีมหันไปพูดกับแพรวา

   “ผมไม่ได้เสนอตัวเข้ามาเพื่อมาเรียกร้องอะไร ผมว่าคุณเข้าใจผิดแล้วนะครับ” บีมพูดโดยไม่ได้มองหน้าแพรวา

   “ฉันไม่เชื่อ!! “แพรวาพูด

   “พี่เธียรอย่าไปรับผิดชอบมันน่ะ พี่เธียร แพรวารักพี่มากนะคะ แพรวามาก่อนมันนะคะ พี่เธียร ถ้าพี่อยากมีลูกแพรวาก็มีให้ได้นะคะ เอาให้น่ารักกว่ามันอีกนะคะพี่เธียร “แพรวาหันมาอ้อนผมแทน ผมหันไปมองเธอ ผมมองภาพแพรวาที่จะเป็นแม่ไม่ออกเลยจริงๆ

   “แพรวา ที่เธอพูดมันก็ไม่ถูกน่ะ ลองคิดกลับกันดูบ้างซิ ถ้ามีคนมาทำให้เธอท้องเหมือนบีมและแทนที่จะรับผิดชอบกลับบอกว่าเธอก็แค่ท้องล่ะ พูดว่าไม่เห็นจะต้องรับผิดชอบเธอเหมือนกัน เธอจะรู้สึกยังไงล่ะแพรวา และนี่เธียรเขาก็ตัดสินใจของเขาแล้วว่าจะรับผิดในสิ่งที่เขาทำลงไป เธอควรจะยอมรับน่ะ” โกวหงส์พูด

   “แต่พี่เธียรคือของแพรวา!! แพรวาคนเดียวเท่านั้น!! “แพรวาพูด

   “พี่ไม่เคยบอกว่าพี่เป็นของแพรวาครับ” ผมหันไปบอกเธอ บีมหันมามองผมด้วยเช่นกัน แพรวามองผมก่อนจะหันไปมองรอบๆ

   “คุณน้าค่ะ คุณน้องต้องบอกพี่เธียรว่าไม่เอานังนี้มาเป็นสะใภ้นะคะ ตำแหน่งสะใภ้ต้องแพรวาค่ะ” แพรวาพูด ผมหันไปมองหน้าเธอ แต่ล่ะคนส่ายหัวกันหมดแล้ว

   “คุณน้าจะให้พี่เธียรตัดสินใจแบบนี้ไม่ได้นะคะเพราะว่าพ่อแพรวาไม่ยอมแน่ๆ และที่สำคัญ คุณน้ากับคุณอาคงลืมไปว่าตระกูลของแพรวาเคยช่วยตระกูลคุณน้ามาก่อน และอากงของแพรวากับอากงของพี่เธียรก็เคยบอกว่าพี่เธียรต้องแต่งงานกับแพรวาเหมือนกัน “แพรวาขุดเอาเรื่องนี้มาพูดทันที โกวหงส์นี้กุมขมับทันที

   “ฉันก็คงทำแบบนั้นไม่ได้หรอกแพรวาเพราะว่าฉันเป็นแม่ ให้ฉันไปบังคับเขาแบบนั้นก็คงไม่ได้ ถ้าเขาไม่ได้ต้องการจะเลือกเธอน่ะ ฉันเป็นแม่ที่เลี้ยงลูกได้แค่ตัวแต่หัวใจนี้คือของเขาแพรวา เขาจะให้ใครมันก็เป็นสิทธิ์ของเขา “ม๊าหันมาพูดกับแพรวา ทั้งที่ไม่เคยพูดแบบนี้มาก่อน พ่อผมเดินกลับมาพอดี

   “เท่าที่พี่จำได้นะแพรวา อากงน่ะพูดตั้งแต่ตอนที่เธอพึ่งจะห้าขวบได้มั้ง ไว้ไปหน่อยนะ ที่อยากจะมีผัวตั้งแต่อายุห้าขวบนะครับ” เฮียธามพูด

   “เฮีย ม๊ามอง” เฮียธันสะกิดเฮียธาม เฮียธามหันไปมองม๊า ที่มองพร้อมกับควันที่กำลังพวยพุ้งออกมา

   “แพรวา ไอ้เธียรนะมันไม่ใช่สัตว์เลี้ยงของเธอน่ะ พี่ว่าเธอควรจะไปทำตัวเองให้เป็นผู้ใหญ่มากกว่านี้จะดีกว่า พูดมาได้ยังไง ว่าเธียรคือของแพรวา ทั้งที่มันไม่เคยบอกเธอเลยน่ะว่า มันอยากเป็นอย่างที่เธอนั่งฝันกลางวันเอาเอง หรือที่เขาเรียกกันว่าโรคมโน คิดเองเออเองอยู่คนเดียว ไปปรับทัศนคติมาใหม่นะครับคุณน้อง!! “พี่ธามพูดก่อนลุกขึ้นและเดินออกไปเป็นคนแรก คงเบื่อที่จะฟังความงี่เง่าของแพรวา ผมก้มลงมองเจ้าลูกโซ่เห็นเงียบๆ เหลือกตาขึ้นมองผมและหันไปมองแพรวาก่อนจะรีบหันมาซุกอกผม ส่ายหัวด้วยไม่ว่ารำคาญเหมือนกันหรือว่ากลัวกันแน่ บีมมองลูกโซ่ก่อนจะปล่อยให้เขามาผม

   “งั้นผมพาบีมกับลูกขึ้นห้องผมก่อนนะครับม๊า เพราะว่าลูกโซ่ดูท่าจะง่วงแล้ว” ผมเองก็เบื่อที่จะพูดกับคนไม่รู้เรื่องอย่างแพรวา ผมพยักหน้ากับบีม บีมก็ทำท่าจะลุกเช่นกัน ผมอุ้มลูกโซ่ขึ้นพร้อมกับพยักหน้ากับบีมว่าไปพักดีกว่า

   “ไม่ได้น่ะ พี่จะไปกับมันไม่ได้พี่จะให้มันนอนบ้านเดียวกับพี่ไม่ได้ ไม่ได้ ไม่ได้!!!!” แพรวากรีดร้องอย่างคนเสียสติ

   “ได้ครับแพรวา เพราะว่าบีมคือว่าที่ภรรยาของพี่ “ผมพูด บีมหันมามองหน้าผม

   “และพี่ก็.... เอาแหวนของพี่ให้บีมไปแล้ว” ผมหันไปบอกแพรวา

   “อ้าว! ถ้าอย่างนั้นเราก็ขอบีมเขาแต่งงานไปแล้วซิ แหวนวงศ์ตระกูลน่ะ ถ้าให้ใครนั้นแปลว่า เราเลือกบีมแล้วใช่ไหม” โกวหงส์พูด ผมหันไปพยักหน้าว่าผมเลือกบีม ผมใช้ฝ่ามือผมสอดเข้าไปและกุมมือบีมเพื่อจะพากันขึ้นบ้านผม

   “ไม่จริงอ่ะ! พี่บอกว่าพี่ทำหายไม่ใช่เหรอคะ” แพรวาถามผม

   “พี่โกหกแพรวา “ผมหันไปบอกแพรวา

   “บีมเอาแหวนออกมาซิ “ผมบอกบีม บีมมองหน้าผม

   “แหวนน่ะบีม” ผมกระซิบอีก เขาก็พึ่งจะนึกขึ้นมาได้เลยหยิบออกมาจากสร้อยคอที่ห้อยอยู่

   “ชัดเลย! ยินดีด้วยครับคุณได้สิทธิ์นั้นเดี๋ยวนี้” พี่ธันพูดพร้อมกับชี้นิ้วมาที่บีม

   “ไม่จริง!! นั้นมันต้องเป็นของฉัน เอาคืนมาน่ะ” แพรวาทำท่าจะก้าวเท้ามาหาบีมแต่ผมก็ต้องกันบีมออก และจู่ๆ แพรวาก็ล้มลงเพราะสะดุดเท้าอาหลิงลงไปกอง

   “เออ โทษน่ะ ไม่ตั้งใจน่ะ” อาหลิวพูดแต่ผมรู้ว่าเธอตั้งใจ แพรวาลุกขึ้นมาได้ ก็หันไปมองอาหลิวด้วยสายตาที่แสดงความพอใจ แต่อาหลิวก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ป๊าผมเดินออกมาพอดี ป๊ามองผมและพยักหน้ากับผมนั้นคือให้ขึ้นบ้านไปก่อน ป๊ากระซิบกับม๊า

   “พอ พอ พอได้แล้ว! “ม๊าผมลุกพรวดขึ้นยกมือห้าม

   “พ่อแม่เธอจะมารับแล้วแพรวา กลับไปตั้งสติตัวเองให้ดีดี ไม่ใช่เอาแต่โวยวายแบบนี้ เธอไม่ใช่เด็กสองสามขวบแล้วน่ะ ที่โวยวายแล้วจะได้ทุกอย่างที่เธอร้องจะเอาและก็ไม่ใช่สิ่งที่เธอจะมาร้องอยากได้เหมือนเด็กๆ เหมือนกันนะแพรวา” ม๊าผมพูด

   “และที่เมื่อก่อนเธอทำได้เพราะว่า เธอน่ะคลุกคลีกับครอบครัวน้ามาตั้งแต่เด็ก เมื่อก่อนก็วิ่งตามพี่เธียร และน้าก็เห็นว่าเราน่ะ เป็นลูกคนเดียว ส่วนเธียรก็ไม่อยากให้เธอเอาแต่ร้องไห้งอแง ก็เลยยอมแต่นี้เธอโตแล้วแพรวา เธอควรจะรู้ได้แล้วว่า สิ่งที่เธอทำน่ะ มันใช้ไม่ได้แล้วน่ะที่ เธอควรจะรู้ได้แล้วว่าสิ่งที่เธอทำอยู่ตอนนี้มันสมควรหรือไม่สมควร แพรวา!! “ม๊าผมพูด ปกติม๊าผมเป็นผู้หญิงเรียบร้อย ไพเราะอ่อนหวาน ม๊าเป็นคนที่เก็บอาการโมโหได้ดีมากมาตลอด แต่วันนี้เล่นเอาพวกผมแม้กระทั่งป๊าผมเองก็ยืนอึ้งไปตามๆ กัน

   “ม๊า” ป๊าผมเองยังไม่อยากจะเชื่อเลย โกวหงส์ก็ยังงงเลยที่เห็นมาผม ของขึ้นกับเขาเหมือนกัน

   “อุ้ยตาย!! ขอโทษนะป๊า” ม๊าผมพูด

   “ใครทำม๊าเราเปลี่ยนไป” เฮียธีพูด

   “ไม่รู้แต่ที่แน่ๆ ชอบ…กดไลฟ์” เฮียธีพูดต่อ

   “มันใช่เลย งั้นกดแชร์” เฮียธันอีกคน ม๊าหันขวับไปมองพี่ชายสองคนของผม ถึงกับหดเป็นแถว

   “เธียรพาบีมและลูกไปพักเถอะ โกวจะกลับแล้ว ไปอาหลิว เดี๋ยวไม่ได้กลับกันพอดีมืดค่ำซะก่อน” โกวหงส์พูดก่อนจะลุกขึ้นเช่นกัน

   “ธีไปรับมิวหรือยังล่ะจะได้มาทานอาหารเย็นด้วยกันเลย “ม๊าหันไปมองเฮียธี เฮียธีพยักหน้าว่าไปดีกว่า

         “ไปฟิตร่างกายดีกว่าจะได้เล่นกับหลาน” เฮียธันพูด ลุกขึ้นมาแตะหัวเจ้าลูกโซ่เบาๆ

   “ไม่แพรวาจะไม่กลับ แพรวาจะอยู่ทีนี้!! ไอ้นี่อยู่ได้แพรวาก็อยู่ได้ ให้มันรู้ไปว่าใครด้านกว่ากัน” แพรวาพูด เธอทำท่าจะไม่ยอมกลับ พฤติกรรมแบบนี้เธอเป็นมานานแล้วและทุกครั้ง แม่ของเธอมักจะเป็นคนขอร้องให้ยอมเธอหน่อยเพราะว่าตอนเด็กๆ เธอสุขภาพไม่ค่อบแข็งแรงและเธอเป็นลูกคนเดียว ที่ทำให้น้านิดาต้องคอยตามใจเธอมากเป็นพิเศษ จนถึงตอนนี้


ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.35 ถ้าผมทำไม่ได้ให้คืนเจ๊กกันไป

      Part’ s เธียรวิชญ์ ผมหันหลังไปมองแพรวา ผู้หญิงที่โหวกเหวกโวยวาย ไม่ยอมเหมือนเด็กๆ ภาพนี้มันทำให้ภาพในอดีตที่ผ่านมา เด็กผู้หญิงน่ารักที่เคยวิ่งตามผมเล่นกับผม ต้องเล่นกับผมคนเดียวเท่านั้น ไม่น่าเชื่อว่าตอนนี้เธอช่างดูน่ากลัว ผมหันมาเอาแขนไปดันบีมที่หันไปมองแพรวาให้เดินออก ผมรู้ว่าเขารู้สึกผิดแต่คนที่ผมอุ้มอยู่นี้ก็สำคัญกับผมมากเช่นกัน ผมเอามือลูบหัวเบาๆ และนี้ผมเลือกแล้วผมเดินออกโดยไม่สนใจเสียงโวยวายของเธอ

    “งั้นเรากลับกันเถอะม๊า ป๊าโทรมาถามแล้วและที่สำคัญ เราไม่ด้านพอค่ะม๊า” อาหลิวพูด

   “พี่เธียร!!! พี่ลงมาเดี๋ยวนี้น่ะ แพรวาไม่ยอม!! ฮือๆ พี่เธียร!!!” แพรวาจะเข้ามาหา ผมเองก็ไม่ได้หันกลับไปมองเธอ ผมต้องยอมใจร้ายบ้างแล้วเพื่อไม่ให้เสียสิ่งที่สิ่งที่สำคัญกับผม นั้นคือลูกและอีกคนที่ควรค่ากับคำว่าแม่ของลูกมากกว่าแพรวา

   "กูนี่อยากรู้ว่าใครมันจะโตเร็วกว่ากันระหว่างหลานกูกับแพรวา"ผมหันไปมองเจ๊ธามของผม

   "ตัวเหรอ" ผมถาม ผมหมายถึงตัวโต

   "สมองค่ะมึง แต่ดูดูจากอาการแล้ว กูว่าหลานกูยังมีความคิดมากกว่านางอีก "เจ๊ธามพูดก่อนจะเดินแซงผมไปเพื่อจะกลับห้องตัวเอง ไม่มีอยากอยู่ตรงนั้นเลยสักคน

      “แพรวา” เสียงแม่ของแพรวาเรียกเธอ

      “คุณแม่คุณพ่อ แพรวาไม่ยอมนะคะ แพรวาไม่ยอม พี่เธียรทำแบบนี้กับแพรวาไม่ได้ ฮือๆ คุณแม่คุณพ่อ ทำอะไรสักอย่างซิคะ แพรวาไม่ยอมให้พี่เธียรกับไอ้บ้านั้น ต้องเป็นแพรวาคนเดียว ฮือๆ ” ผมสั่นหัวให้บีมว่าอย่าไปฟังและผมก็ปล่อยให้พ่อแม่ของเธอจัดการกับลูกสาวของเขาเองและผมก็เชื่อว่าป๊ากับม๊าผมจะจัดการมันได้ดีกว่าผมแน่นอน อย่างน้อยพ่อของแพรวาก็น่าจะเกรงใจป๊าผมบ้าง ผมอุ้มเจ้าลูกโซ่ ที่ดูท่าจะง่วงแต่ไม่ยอมนอน ชี้นั้นชี้นี้ใหญ่เลย

      "อะ อะ อะ " นั้นชี้จะเอาของสะสมของผมแต่ว่ามันชิ้นเล็กไปผมกลัวติดต่อลูก

     "ไม่ได้ลูกโซ่ เอาไว้โตก่อนน่ะ ป๊าจะให้นะครับ" ผมบอกลูกโซ่ ผมหันมาเห็นสายตาบีมทีเผลอมองผมอยู่และนานไปหน่อย พอผมหันไปมองบีมแต่เขากับหันหนีหน้าหนีผมซะนี่

     “มี๊เขาเขินป๊า ดูซิหันหน้าหนีป๊าด้วย” ผมบอกเจ้าลูกโซ่ บีมสะบัดหน้ามองผมทันทีและทำท่าจะอ้าปากด่าผมแน่ๆ

     “มะ มะ มะ” ลูกโซ่ควักมือเรียกบีมเข้ามาหาผม ผมค่อยๆ ดึงแขนบีมเข้ามา ภาพเราสามคนที่สะท้อนกระจกเงาในห้องนอนของผม มันคือสามคนพ่อแม่ลูก ผมมองบีมผมยิ้มให้บีมแต่เขาก็ไม่ได้ยิ้มตอบผม ผมรู้ว่ามันอาจจะต้องใช้เวลา

            ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูห้องนอนที่เข้ามาขัดจังหวะผมสามคน ผมเดินย้อนไปเปิดพร้อมกับลุ้นว่าใครกันน่ะ อย่าบอกน่ะว่าแพรวาตามขึ้นมาน่ะ และตอนนี้ผมก็อุ้มลูกโซ่ติดมือไปด้วย พอเปิดประตูออกไป คนนั้นคือเฮียธี ผมนี้ค่อยโล่งอกไปหน่อย แต่ว่าไอ้เจ้าลูกโซ่กับยื่นมือไปจะจับปลายจมูกเฮียธีทันทีเช่นกัน แต่เฮียก็ไวกว่า รีบคว้านจับมือหลานเอาไว้ซะก่อน

     “แม้มุกเดิมๆ “เฮียธีพูดและยังทำท่าจะงับมือหลานเล่น

     “เอิ้กๆ “เจ้าลูกโซ่หัวเราะชอบใจใหญ่เลย ผมรู้ว่าพี่ธีชอบเล่นกับเด็กๆ เห็นเด็กไม่ได้ต้องเข้าไปหยอกเล่น

   “เฮียจะไปรับแฟนเฮียน่ะ พี่มิวนะครับบีม เฮียบอกมิวว่า เรามีหลานแล้วมิวตื่นเต้นน่าดู และมิวก็เดาถูกซะด้วยว่าลูกน้องบีม “เฮียธีพูด ผมถึงกับต้องทำสีหน้าแปลกใจ

   “ก็พอดีวันนั้นพี่ไปส่งน้องบีมเขาที่ไปรับเจ้าแสบ มิวเขาทักพี่ตลอดทางเลยว่าหน้าคุ้นๆ เหมือนคนในครอบครัวเฮียแน่ๆ ที่ไหนได้เป็นหนุ่มหล่อของบ้านเรานี้เอง “เฮียธีพูด

   “บีมจะเอาอะไรไหม พี่มิวเขาเป็นร้านขายยาน่ะ พี่มิวจะได้เอามาให้” ผมหันไปถามบีม

   “คงต้องเป็นขวดนมน่ะครับพี่ธี” บีมพูด

   “เรียกเฮียเหมือนเธียรวิชญ์ได้แล้วน่ะมาเป็นน้องสะใภ้เฮียแล้วน่ะ” เฮียธีพูด บีมหันมามองผม ผมพยักหน้าว่าเรียกเฮียธี

   “ครับเฮียธี” บีมพูด

   “และอีกอย่าง นมผงครับ ผมให้น้องทานนมแพะอยู่ครับ และก็แพมเพิสเด็กน่ะครับ ไซส์ 3 ครับ” บีมหันไปบอกกับเฮียธี

   “จัดให้ครับ “เฮียธีพูดก่อนจะหันมาจับปลายจมูกหลานแทน

   “เฮีย…แพรวากลับไปยัง” ผมถามเฮียธี

   “ไปแล้ว แต่กว่านางจะยอมไปได้น่ะ ร้องไห้สะอึกสะอื้นร่ำไห้ใจจะขาด และพ่อเขาดูท่าจะไม่พอใจป๊าด้วยว่ะ อันนี้เริ่มซีเรียสว่ะ เพราะว่าป๊ากับลุงธรรมรัตน์น่ะไม่เคยผิดใจกันมาก่อนเลยน่ะ “ผมพยักหน้ากับเฮีย แบบเซ็งๆ และหนักใจไปพร้อมๆ กัน

   “งั้นเฮียไปน่ะ จะรีบไปรับมิวก่อน รอนานเดี๋ยวนางเหวี่ยง และที่เหวี่ยงไม่ใช่ว่าเหวี่ยงกูไปรับช้าน่ะเพราะว่าจะรีบมาดูลูกมึงนี้แหละ” เฮียธีพูดก่อนจะปิดประตูลง ผมหันมามองบีม ผมเดินเข้ามามองเขา

   “อาบน้ำก่อนไหมบีม” ผมถามบีม บีมนั่งลงบนเตียงนอนของผม บีมมองหน้าผม เหมือนเขากำลังใช้ความคิดอยู่

   “พี่ให้ผมอยู่ในฐานะอะไรอ่ะ แค่แม่ของลูกพี่หรือเปล่า” บีมถามผม

   “เออ คือ พี่ พี่ยอมรับว่าใช่ในตอนนี้ แต่มันอาจจะมีมากกว่านั้นก็ได้น่ะ พี่เชื่อที่อาม่าของพี่ ที่บอกกับพี่ว่า บางที่ไม่จำเป็นต้องรักกันมาก่อนแต่ถ้าหลังจากนี้ไปแล้ว ถ้าบีมพร้อมจะเริ่มต้นใหม่กับพี่ พี่ยินดีที่จะปรับปรุงตัวเองน่ะ และพี่เชื่อว่า “ผมพูด บีมมองหน้าผมแบบไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่

   “บีมคือคนที่พี่รอ “ผมพูด

   “พี่เชื่อจากอะไรอ่ะ ในเมื่อวันแรกที่ผมเจอพี่น่ะ พี่ยังไม่พอใจผมที่ผมทำเหล้าหกใส่พี่เลย” บีมพูด ผมเดินมาหยุดตรงหน้าบีมและวางเจ้าโซ่ลงบนตักบีม ก่อนจะย่อตัวลง แววตาที่ใส่ซื่อของบีมและลูกโซ่มองมาที่ผม นั้นแปลว่าลูกโซ่ได้วงตาสวยงามนี้มาจากบีม มันช่างเหมือนกันจริงๆ

   “พี่ขอโทษ เออ คือ คือว่าวันนั้นน่ะ พี่โดนป๊าพี่ด่าน่ะ ด่าเยอะที่สุดพี่เลยหงุดหงิด และพี่ก็เห็นเรา พี่ก็คิดว่าเป็นพวกนั่งดิ้งทำเพื่อเงิน อยากได้แต่เงินอะไรแบบนี้ พี่ขอโทษ พี่รู้สึกผิดตอนตลอดน่ะ พี่ถึงได้พยายามให้ไปส์ไปตามหาที่ผับนั้นแต่ว่าผู้จัดการไม่ยอมบอกอะไรเลย “ผมพูด กับบีม

   “แต่จริงผมไม่ใช่เด็กนั่งดิ้งน่ะ” บีมพูด ผมเงยหน้าขั้นมองบีม ผมขมวดคิ้วจนเป็นปม

         ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูห้องนอนของผมอีกครั้ง ผมหันไปก่อนจะเปิดประตู ผมเปิดประตู คนที่มาคือม๊าของผมเอง ม๊าเดินมาพร้อมกับถือกล่องมาหนึ่งกล่อง ก่อนจะเดินเข้ามาในห้อง

   “ม๊าไปค้นเอาเสื้อผ้าเจ้าเธียรในตู้มาน่ะ ตั้งแต่ตอนเล็กๆ ม๊ายังเก็บเอาไว้ บางชุดยังใหม่อยู่เลยน่ะพอจะใส่ไปก่อนได้ไหมล่ะบีม “ม๊าผมพูดก่อนจะวางกล่องนั้นลง บีมเปิดดูและหยิบเสื้อผ้าชุดเด็กเล็กมาดู ม๊ามองเจ้าลูกโซ่ที่กำลังช่วยบีมรื้อเสื้อผ้าในกล่องออกมาดูเอง เขาหันมาเอียงคอมองม๊าผมแถมยังหลับตาข้างหนึ่ง เอียงคออีกทีและหลับตาอีกข้างสลับกันแบบนี้จน

   “หึๆ ทะเล้นนะเราน่ะ ทะเล้นเหมือนป๊าเราไม่มีผิดเลยน่าและที่แน่ๆ อาม่านี้แหละจะหลงเจ้าคนแรก” ม๊าผมพูดปนหัวเราะ

   “เธียร ป๊าเรียกไปคุยที่ห้องทำงานน่ะ และอย่าเถียงป๊าล่ะเพราะว่าป๊าเขาอาบน้ำร้อนมาก่อน เข้าใจไหมเธียร ป๊าแนะนำอะไรก็ฟังเอาไว้น่ะเธียรน่ะ “ม๊าหันมาบอกกับผม ผมยอมรับว่าผมเป็นลูกชายคนที่สี่ ที่ดื้อที่สุดของป๊าเลยก็ว่าได้ ผมหันไปพยักหน้าเบาๆ กับม๊า ถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะเดินออกไปและก่อนที่ผมจะปิดประตูผมได้ยินเสียงคุยกันของแม่ผมกับบีมแม่ผมอยากมีหลานแต่ด้วยความที่บ้านของผมยุ่งมากพี่ๆ เลยยังไม่พร้อม และผมก็ปล่อยให้แม่สามีกับลูกสะใภ้เขาคุยกันตามลำพัง เพื่อบางทีแม่ผมกับบีมอาจจะคุยกันเข้าใจมากกว่าผม

      ก๊อก ก๊อก ก๊อก ผมเคาะประตูห้องทำงานของป๊า ผมจับลูกบิดก็พบว่าประตูไม่ได้ล๊อกนั้นแปลว่า ป๊าคงนั่งรอบ่นผมอยู่แล้วแน่ๆ เลย ผมเปิดประตูเข้าไปทันที ป๊านั่งลงอยู่ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองผม สายตาของป๊า ที่ไม่เคยภูมิใจในตัวลูกชายคนเล็กคนนี้เลยสักนิด มีแต่เรื่องมาให้ป๊า

   “นั่งลงซิเธียร” ป๊าพูดผมก็นั่งลง

   “แล้วทำไมถึงได้ปล่อยให้มันนานแบบนี้ ละเธียร” ป๊าถามผม

   “ผมไม่รู้ว่าเขาจะท้อง และถึงตอนนั้นผมจะไม่ตั้งใจแต่ตอนนี้ผมตั้งใจป๊า ตั้งใจที่จะรับผิดชอบเขาน่ะป๊า” ผมพูด ป๊าก็วางปากกาลงพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองหน้าผม

   “จะรับผิดชอบเขา ดูเราซิ จะดูแลเขาได้ไหม ยังเหลวไหลอยู่เลยน่ะเธียร”

   “และเด็กคนนี้เจ๊กกันของเรา มันก็เป็นคนเอามาฝาก ป๊าดูก็รู้ว่ากันมันต้องคิดอะไรด้วย ไม่อย่างนั้นกันมันจะไปทำหน้าที่ดูแลเขาหรอกเธียร” ป๊าผมพูด ผมทำได้แค่หลุบตาลง

   “แถมเด็กที่มันอุตส่าห์ดูแลมา ก็ดันเป็นลูกหลานชายมันอีกเองอีก “ป๊าผมพูด ผมรู้ว่าป๊าก็รักน้องชายของป๊าน่ะ

   “แล้วป๊าคิดว่าผมควรจะยกลูกเมียผม ให้กับเจ๊กตัวเองเหรอครับ เพราะว่าเขาดูแลได้ดีกว่า ทั้งที่ผมยังไม่ได้ลองเลยป๊า” ผมถามป๊าผม

   “ก็ถ้าอยากดูแลเขา ก็ทำให้ป๊าและม๊าเห็นว่าเราจะดูแลเขาได้ การจะเป็นหัวหน้าครอบครัว ที่ต้องแบกรับภาระต่างๆ มันไม่ง่ายน่ะเธียร “ผมหลุยตาลง

   “ถ้าอย่างนั้นก็ดูแลโรงเรียนที่ป๊าให้แกทำตอนนี้ให้ดี ถ้าแกทำได้นั้นก็แปลว่าแกพร้อมจะดูแลเขา แต่ถ้าทำไม่ได้ ก็ต้องคืนอากันเขาไปทั้งหมด” ป๊าพูดก่อนจะ โบกมือให้ผมออกไปได้แล้ว ป๊าจะทำงานต่อ

   “ป๊า ป๊าเคยถามเธียรไหม ว่าเธียรอยากเรียนอะไร” ผมเงยหน้าขึ้นถามคนตรงหน้า

   “ป๊ารู้ รู้ว่าเธียรอยากเรียนอะไร ไม่อย่างนั้น มึงจะหนีกวดวิชาไปเรียนวาดภาพแทนเหรอ และแอบไปเรียนจนอาก๋งจับได้ และสุดท้าย ไอ้กันที่มันตามรับตามส่งเรา น่ะโดนอาก่งด่าแทน “ป๊าพูด ผมยอมว่าจริงๆ

   “ผมไม่อยากทำงานด้านการบริหารอ่ะป๊า กว่าผมจะเรียนสิ่งที่ผมไม่ชอบจนจบอ่ะป๊า มันยากมาเลยน่ะป๊า” ผมพูดป๊าหันมามองหน้าผม

   “แต่นี้มันธุรกิจบ้านเราเธียร!! ธุรกิจที่อาก๋งพยายามทำมาเพื่อเป็นสมบัติของครอบครัวเราและมันก็เป็นมรดกตกทอดมา”

   “และตอนนี้เราก็ไม่มีแค่ตัวคนเดียวแล้วเธียร เรามีลูกเพิ่มมาอีก และมีแม่ของลูกอีก ถ้าไม่ทำอันนี้จะไปทำอะไรเธียร!! “ป๊าถามผม

   “ป๊าก็ยังคิดเสมอว่าผม ไม่เคยเป็นลูกที่เอาไหน ไม่เก่งเหมือนลูกทุกคนที่ป๊ามีอยู่ดี” ผมพูดก่อนจะลุกขั้นด้วยน้ำเสียงที่น้อยใจป๊า

   “ก็ทำให้ป๊าเห็นซิเธียร ว่าเธียรยืนได้ด้วยลำแข้งตัวเองได้และถ้านายทำได้นั่นแหละ มันจะเป็นความภาคภูมิใจของเธียรเองไม่ใช่แค่ป๊ากับม๊า และลูกเราที่จะมองเราคือแบบอย่างในอนาคตเธียร “ป๊าพูดแค่นั้น ก่อนจะก้มลงเซนต์เอกสารต่อ

TBC...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-05-2024 20:55:59 โดย PFlove »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
 
EP.36 เธียนวิชญ์X กันต์ธีร์  ข้อตกลง

      Part’ s กันต์ธีย์ หลังจานทานอาหารเย็นเสร็จแล้ว ผมก็อุ้มเจ้าตัวเล็กไปส่งอาม่าของพี่เธียร ผมรู้ว่าใครหลายคนอาจจะมองว่าผมใจร้าย ที่เลือกพี่เธียรวิชย์ เหตุผลมันมากมายเหลือเกิน แต่ที่ผมเลือกเหตุผลหลักๆ คือ เขาคือพ่อของลูกผม และเขาขอโอกาสเพื่อจะได้ทำหน้าที่พ่อให้ลูกชายของผมกับเขา ผมยอมรับว่าผมเริ่มใจอ่อน เมื่อได้เห็นใบหน้าเจ้าลูกโซ่ที่มองเขาราวกับว่าผูกพันมานาน นี้ใช่ไหมที่เขาเรียกว่าสายใยแห่งรัก เส้นตายที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็นแต่สัมผัสได้ด้วยใจ แต่ผมยังมีอีกเหตุผลที่สำคัญมากๆ ผมว่าเหตุผลนี้มันควรจะเป็นอาจารย์กันตภณเท่านั้นที่รู้ ว่าทำไมผมไม่เลือกเขาที่ดีพร้อมมากกว่า

   “เอาไว้อาม่ามาเยี่ยมอีกน่ะ” อาม่าบอกผม

   “มาอีกเมื่อไหร่อ่ะอาม่า” เฮียธันถาม

   “พรุ่งนี้” อาม่าพูด

   “อาม่า!!”

   “ก็มาเยี่ยมอีกไง พรุ่งนี้อ่ะ” อาม่าพูด

   “ม๊า ยิ่งเดินไม่ค่อยจะไหวอยู่ วันหยุดให้อาเธียรพาไปที่บ้านอาม่าแล้วกัน “ม๊าบอกอาม่า

   “พาไปนะ ไม่พาไปน่ะ มึงโดน ไอ้เธียร!!” อาม่าพูด ก่อนจะขึ้นรถเฮียธีไป เฮียธีจะไปส่งพี่มิว แฟนสาวของเขาและกลับคอนโดตัวเองด้วย พี่ธีเขานอนคอนโดตัวเอง เพราะว่าใกล้ที่โรงเรียนที่พี่เขาดูแลที่สุด ส่วนพี่ธันก็นอนบ้างไม่นอนบ้าง พี่ธามจะนอนคอนโดเฉพาะคืนวันศุกร์เสาร์และอาทิตย์ถึงพฤหัสบดี นอนบ้านกัน

   “พาลูกไปนอนได้แล้วเธียร ดูซิ ตาปรือแล้ว” ม๊าหันมาบอกพี่เธียร

   “ครับม๊า” พี่เธียรหันไปบอกม๊าก่อนจะหันมาพยักหน้ากับผม คนใช้ก็โบกมือโบกมือไม้ให้เจ้าลูกโซ่กันใหญ่ ผมยอมรับว่าอาม่าทำให้ผมคิดถึงยายของผมมาก ท่านรักและเป็นห่วงผม แต่แปลกที่ญาติพี่น้องแม่ผมเขาไม่อยากรับผมเลยสักคน อาจจะเป็นเพราะว่าพ่อผมไม่ค่อยช่วยเหลือทางการเงินเหมือนครอบครัวคนอื่นที่เขาได้สามีเป็นคนต่างชาติและมีบ้านใหญ่โต เหมือนคนอื่นๆ ที่ได้แต่งงานกับสามีต่างชาติ

   “บีมอาบน้ำก่อนไหม พี่ดูลูกให้ก่อน” พี่เธียรบอกผม ผมพยักหน้า และพี่เธียรเขาก็ส่งชุดนอนของเขามาให้ผม

   “ชุดใหม่ครับ” พี่เธียรพูด

   “ไม่ได้ว่าอะไรนี่ “ผมพูดและแอบอมยิ้ม

   “บีม เดี๋ยวพี่มาน่ะพี่ไปคุยกับเฮียธันแป๊บหนึ่ง” พี่เธียรพูดก่อนจะอุ้มเจ้าลูกโซ่ไปด้วย ผมหันไปเห็นภาพที่เหมือนจะคล้ายกันแต่กลับให้ความรู้สึกที่ต่างกั้น คือภาพที่พี่กันตภณอุ้มเจ้าลูกโซ่กับพี่เธียรวิชย์ผู้ชายที่ทำให้ผมมีลูกโซ่ มันต่างกันอย่างเห็นได้ชัดตรงรอยยิ้มของลูกโซ่ที่ดูมีความสุข

   “ไปเราไปหาแปะธันดีกว่า ไปอ้อนแปะธันซื้อรถแข่งให้ดีกว่า” พี่เธียรเขาบอกลูกชายเขา ผมคิดว่าผมควรจะเลือกได้แล้ว ผมนึกในใจถ้าผมเลือกผิดล่ะแต่ว่ารอยยิ้มของลูกโซ่ที่มีให้พี่เธียรวิชย์ มันทำให้ผมตัดสินใจ

   //ฮัลโหลครับน้องบีม//ผมกดโทรหาพี่หมอภีมปภพ ผมมีเบอร์เขาแต่ผมมักจะให้พี่กันเป็นคนโทรทุกครั้ง

   //พี่หมอครับ ผม”

   // พ่อลูกเขาเจอกันแล้วเหรอครับ//

   //พี่หมอรู้ได้ยังไงครับ//

   //พี่ไปหากันมาเมื่อสามวันก่อน พี่เจอหลานของกันเขาเข้า คนที่ชื่อเธียรวิชย์น่ะ และพี่ก็ยอมรับว่าพี่ตกใจที่เห็นใบหน้าของเขาและสิ่งที่พี่นึกถึงคือลูกโซ่ //

   //ครับพี่หมอ แต่ผมไม่รู้มาก่อน //

   //แล้วกันล่ะ //

   //พี่กันเขาออกไปแล้วครับ แต่ผมได้ยินอาม่า ม๊าของพี่กันบอกว่าพี่กันไม่ได้กลับบ้าน ผมอยาก….///

   //พี่ดูแลเอง พี่รู้ว่ากันมันไปไหน//

   //ขอบคุณนะครับพี่หมอ//

   //พี่เข้าใจเหตุผลของบีมน่ะ//

   //แค่นี้ก่อนนะครับ //

   //โอเคบีม มีอะไรปรึกษาพี่ได้น่ะ พี่ยินดี และอย่าลืมพาเจ้าลูกโซ่มาฉีดวัคซีน 8 เดือนด้วยน่ะ //

   //ครับพี่หมอ ขอบคุณครับ// ผมกดวางสายจากพี่หมอภีมปภพ ก่อนจะรีบเข้าห้องน้ำอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ผมเอาเสื้อผ้าพี่เธียรวิชย์มาใส่ มันก็จะหลวมโครงไปสักหน่อย พอผมเดินออกมาจากห้องน้ำ ก็เห็นเจ้าลูกโซ่ที่พี่เธียรวิชย์อุ้มมา น้ำตาเอ่อมาด้วย

   “พี่ไม่รู้ เล่นกับเฮียธันอยู่ดีดี ก็ร้องไห้จ้าเลย พี่ปลอบเท่าไหร่ก็ไม่ยอมเงียบเนี๊ยะบีม” พี่เธียรวิชย์พูดด้วยสีหน้ากังวลที่เห็นเจ้าลูกโซ่ร้องไห้ ที่สะอึกสะอื้น

   “ฮือๆๆ”

   “เป็นอะไรล่ะบอกป๊าซิ ป๊าไม่รู้ หึ เจ้าก้อนเต้าหู้ของป๊า” พี่เธียรวิขย์พยายามปลอบโยนและเรียกลูกผมว่าก้อนเต้าหู้อีก ผมหันไปเหล่ตามอง

   “พี่ชอบทานเต้าหู้มาก และลูกพี่ก็ขาวจั๋วเหมือนก้อนเต้าหู้เชียว” พี่เธียรวิขย์พูด ผมเหลือกตาขึ้นมองบนทีหนึ่ง เหมือนตรงไหน???

   “น้องน่าจะหิวนมน่ะพี่เธียร เดี๋ยวผมจะลงไปชงนมให้น่ะครับ “ผมพูดและรีบเดินลงไปชั้นล่างทันที ผมเดินไปจัดการประกอบขวดนมที่ผมล้างและใส่เครื่องนึ่งขวดนมที่พี่มิวเอามาให้ ปกติผมใช้ที่นึ่งใส่ไมโครเวฟเอา แต่อันนี้สะดวกกว่า ผมรีบประกอบขวดนมแข่งกับเสียงร้องเจ้าลูกโซ่ที่ร้องไห้ เพราะว่าหิวนม ดูท่าแล้วพี่เธียรจะเอาไม่อยู่ บทจะหิวก็หิว ผมก็รีบวิ่งขึ้นมาบนบ้านทันที ภาพที่ผมเห็นมันทำให้ผมรู้ว่าผมคิดถูกแล้วที่เลือกคนที่นี้ ทั้งป๊าและม๊าของพี่เธียร พี่ชายของพี่เธียรก็พากันออกมา ช่วยปลอบโยน ช่วยหลอกล้อ ให้หยุดร้อง

   “ร้องทำไมละลูก มาเล่นกับ…” พี่ธามพูดแต่ว่าหันไปชำเลืองมองป๊าของพี่เธียร

   “แปะลูก เรียกน่ะแปะนะลูกน่ะ” พี่ธามพูด

   “แหง๋ๆ” ยังคงร้องไห้จ๋าเลย นมก็ยังอุ่นเกินไป ผมวิ่งเข้าไปเปิดน้ำเพื่อจะได้คลายความร้อนออกไปบ้าง ผมได้ยินเสียง ทุกคนกำลังพยายามหลอกล้อลูกโซ่

   “มาหาอาม่าลูก ร้องทำไมลูก ไม่ร้องลูกน่ะ นี่ๆ ดูนี่ อากงลูก อากงก็อยู่ลูก ไม่ร้องลูก” ม๊าของพี่เธียรอุ้มอยู่ ผมเดินมาหยุดมอง แต่พอหันมาเห็นขวดนมนี้รีบกางมือมาทันที

   “หิวนม!!” บรรดาลุงๆ พูดออกมาพร้อมกัน และเจ้าลูกโซ่ก็รีบรับขวดนมไปจากผมทันที

   “เอาล่ะเข้าห้องได้แล้วมั้ง หลานจะได้นอน ร้องแบบนี้ง่วงมากแล้ว” ม๊าพูดและส่งเจ้าลูกโซ่มาให้ผม

   “แต่ก็ดีน่ะ บ้านเงียบมานานน่ะป๊าตั้งแต่ ลูกๆ เราโตกันหมดน่ะ” ม๊าพูดก่อนจะหันมายิ้มให้ผม และผมก็พาเจ้าลูกโซ่ที่หิวน่าดูแลประกอบกับง่วงนอนมากด้วย เข้าไปในห้องนอน ผมรีบเอาขวดนมจ่อปากเจ้าลูกโซ่ทันที

   “พี่อาบน้ำก่อนน่ะ ม๊า” พี่เธียรวิชย์บอกผม ผมหันไปมองคนที่กำลังถอดแหวนถอดนาฬิกาออกและกำลังปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตแต่ว่าผมรู้สึกแปลกๆ ตรงที่เขาเรียกผมว่าม๊า มันแอบรู้สึกดี เหมือนเวลาที่แด้ดแทนตัวเองว่าแด้ดและเรียกแม่ผมว่ามัม

   “ก็ไปอาบซิ “ผมพูดและพยายามไม่มองคนที่กำลังถอดเสื้อเชิ้ตออก มันเผยให้เห็นผิวขาว รูปร่างที่ดูสมส่วนแม้จะไม่มีมวลมัดกล้ามเหมือนหนุ่มเล่นกล้ามก็ตาม

   “เพื่อว่าลูกหลับจะแอบเข้ามาดูพี่ก็ได้น่ะและพี่ไม่ชอบล๊อกประตูห้องน้ำ” และคนที่ถอดทุกอย่างออกหมดแต่โชคดีที่เอาผ้าขนหนูมาพันกายไว้แบบหมิ่นๆ

   “จ้างให้ก็ไม่ไปดูต่อให้เปิดประตูเอาไว้ก็เถอะ!” ผมพูดโดยไม่ได้มองหน้า แอบค้อนด้วย และแอบคิดจะไปดูทำไมไม่ได้เป็นอะไรกันซะหน่อยแค่แม่ของลูกชิส์! ผมป้อนนมเจ้าลูกโซ่จนหมดขวดแต่ก็ยังไม่ยอมหลับ แถมยังแหวกเสื้อผมเพื่อจะหาเต้าแบนๆ อีกแล้ว ผมก็หันซ้ายแลขวา คงจะไม่มีใครเปิดประตูเข้ามาน่ะ

   “จริงอ่ะ” ผมถามลูกโซ่ เจ้าก้อนเต้าหู้ที่ป๊าเขาเรียก ก็เงยหน้าขึ้นมองหน้าผมทำตาปริบๆ อีก

   “ทำแบบนี้มี้ใจอ่อนอ่ะดิ’ ’ ผมบอกเจ้าลูกโซ่ ก่อนจะมองคนที่อยู่ในห้องน้ำ คงยังไม่เสร็จหรอกมั้ง เอาว่ะเดี๋ยวลูกไม่หลับ และผมก็จัดการถลกชายเสื้อขึ้นไป หนึ่งข้างและเจ้าลูกโซ่ก็รีบหมุดหัวเข้าไปอ้าปากงับจุดสี่ชมพูดเรือๆ ของผมดูดอย่างเมามันอีกครั้ง และทำตาปรือเหมือนจะหลับแต่จู่ๆ ประตูห้องน้ำก็ถูกเปิดออก พี่เธี่ยรวิชญ์ และคนที่ตกใจก็คือพี่เธียรวิชญ์

   “เฮ้ยยย!!!” ถึงกับผงะไปทันที ผมแค่หันไปชำเลืองตามองพร้อมกับทำนิ้วจุ๊ปากด้วยว่าอย่าเสียงดัง พี่เขาก็ปิดปาก และคนที่นอนมุดหน้ากับอกแบนๆ ของผมที่ตอนแรกกำลังตาปรือเลยเชียว ก็ตาโพลงขึ้นมาอีกและหันไปเอียงคอมอง ป๊าตัวเอง

   “เอาจริงดิ” พี่เธียรวิชญ์เขาชี้มาที่เจ้าลูกโซ่ ก่อนจะเดินมานั่งบนเตียงอีกฝั่งตรงข้ามกับผม

   “ก็ใช่ไง ไม่อย่างนั้นเขาไม่นอน “ผมหันไปบอกคนข้างๆ

   “เออ มี เออ มี “ยังทำมือชี้ตรงอกแบนๆ ของผมด้วยน่ะ

   “ไม่มีแล้ว เมื่อก่อนมี แต่มีนิดเดียว และใช้ผมเป็นผู้ชายที่ให้พยายามให้นมลูกไง “ผมตอบผมเข้าใจว่าพี่เขาคงหมายถึงน้ำนมละซิ

   “ก็เห็นอยู่น่ะว่ามี นิดเดียว” คนข้างๆ ผมพูดและชี้มาที่อกแบนๆ ของผม

   “ผมหมายถึงน้ำนมน่ะมีนิดเดียว “ผมหันมาพูดและถลึงตาใส่คนพูดด้วย

   “แม้ทำเป็นผู้หญิงไปได้ พอบอกนมเล็ก ทำหน้างอนเชียว” พี่เธียรพูดปนหัวเราะ ผมหันมาค้อน ก่อนจะหันมาตบก้นเจ้าลูกโซ่ จะได้หลับ ว่าแต่ผมจะนอนยังไง จะนอนเตียงเดียวกันอย่างนั้นเหรอ ไม่ดีมั้ง ผมคิดว่าจะลงไปนอนพื้นดีกว่าและพื้นก็มีพรมหนาอยู่ ส่วนเจ้าลูกโซ่ให้นอนบนนี้แหละ ผมเอามือลูกใบหน้าหล่อๆ นั้น ขนตาที่งอนยาว และเสียงดูดเต้าผมดังจ๊วบๆ ไปด้วยก่อนจะหันมาเจอสายตาคนที่ชะโงกหัวมอง เต้าผมแบบใกล้ชิด

   “เฮ้ย!! มองอะไรน่ะ” ผมรีบหนีบเจ้าลูกโซ่ เข้าหาอกของผมทันที

   “ก็มองลูกดูดไง”

   “ไม่เคยเห็นหรือไง”

   “เคยเห็นแต่เต้ากลมๆ นมเด็งๆ แต่อันนี้ไม่เคยอ่ะ แบนแต่ดูเร้าใจน่ะ “คนที่พูดก็ยังชะเง้อคอมองอยู่นั่นแหละ ส่วนเจ้าลูกโซ่ก็ดูดไม่ปล่อยเลย จนผมเองต้องดันหน้าป๊าจอมหื่นนี่ออก

   “มีสองข้างเนอะ” คนข้างๆ ผมพูด “หึ??? “ผมหันมามองคนที่พูด

   “แล้วใครมีข้างเดียวล่ะ ถามแปลกๆ” ผมหันมาถามยังชะเง้อมองอีก

   “ต้องดูดแบบนี้ด้วยเหรอ ถึงจะหลับอ่ะ” พี่เธียรถามผม ผมพยักหน้าและก้มลงมองเจ้าลูกโซ่ที่หลับแต่ยังดูดไม่ยอมปล่อย

   “มีตั้งสองข้างอ่ะ แบ่งมาสักข้างได้ไหมอ่ะ นอนไม่หลับเหมือนกัน” ผมหันมามองคนข้างๆ กี่ขวบแล้ว เขาก็มองผมทำหน้าตาออดอ้อน

   “ก็แค่ถามดู และพี่รู้สึกช่วงนี้พักผ่อนน้อย นอนไม่ค่อยหลับไง เลยอยากมีตัวช่วยบ้าง “คนข้างผมพูด ผมหันไปมอง

   “ตลกบริโภคแล้ว นอนไปเลย “ผมหันมาชี้หน้า

   “แค่นี้ก็ดุด้วยอ่ะ”

   “นอนไปเลย ทะลึ่งจริงๆ เพี๊ยะ!”

   “เอ้าท์” ร้องเสียงหลงเลยผมตีที่ต้นแขนคนข้างๆ พี่เขาก็ค่อยๆ เอนตัวลงนอน ส่วนเจ้าลูกโซ่ ก็อ้าปากปล่อยจุกสีชมพูเรือของผม ผมก็รีบเอาชายเสื้อลงทันที ผมหันมาเห็นพี่เธียรวิชย์เขานอนดูทีวีอยู่ ผมก็เลยหยิบหมอนลงไปวางไว้ที่พื้น ผมขอแม่บ้านเอาไว้ คือผ้าห่มพื้นเล็กๆ พี่เขาก็เลยเอามา เขาคงคิดว่าผมเอาไว้ให้น้องลูกโซ่

   “ทำอะไรน่ะบีม” พี่เธียรวิชย์ถามผม

   “ผมก็นอนไง”

   “ทำไมไม่นอนบนนี้ด้วยกันล่ะบีม”

   “เราไม่ได้เป็นอะไรกัน ทำไมผมต้องนอนบนนั้นกับพี่ ผมให้ลูกนอนคนเดียวพอแล้ว” ผมพูดก่อนจะเอนตัวลงนอน แต่คนบนเตียงก็ไม่ได้พูดอะไร

         ผมขอหมอนมาเพิ่มหลายใบอยู่เพื่อกันไม่ให้เจ้าลูกโซ่ดิ้นลงมา แต่ดิ้นมาก็เจอผมอยู่ดี เสียงทีวีเงียบไปแล้ว พี่เธียรเขาปิดทีวีเรียบร้อยแล้วเตรียมเข้านอน ตอนนี้บรรยากาศภายในห้องเงียบสงัด ผมก็ทำได้แค่ชะเง้อคอไปดูเจ้าลูกโซ่ที่นอน หลับปุ๋ย และพี่เธียรวิชญ์ก็หลับแล้ว ผมทิ้งตัวลงนอน ผมเองก็พยายามข่มตาให้หลับ จะด้วยแปลกทีก็ใช่ แล้วเราจะอยู่กับด้วยสถานะอะไร แค่พ่อแม่ของลูกใช่ไหม ผมเห็นสีหน้าแววตาของผู้หญิงคนนั้น เขาดูเสียใจ เป็นใครก็เสียใจ ที่มีคนมาฉกเอาของรักของหวงไปแบบนี้ ผมนอนตะแคง คิดอะไรเพลิน จู่ๆ ก็มีคนลงมานอนข้างหลังผม

   “เฮ้ย!!” ผมหันมามองคนที่ลงมานอนแทรกระหว่างผมกับที่นอน

   “พี่ลงมาทำไมอ่ะ” ผมถามพี่เธียร

   “ก็ไม่ยอมขึ้นไปนอนด้วยนิ “พี่เธียรพูด

   “ไม่อ่ะ ขึ้นไปนอนเลยน่ะ “ผมพูดและหันหน้าหนี ผมพยายามขยับหนีแต่โดนดึงรั้งเอาไว้

   “หมับ” เขากอดผมจากด้านหลัง ผมพลิกตัวหันมามอง มาไม้ไหนอีกเนี๊ยะ!

   “ก็อยากรู้”

   “อยากรู้ว่า” ผมพลิกตัวหันมาถามคนข้างหลัง

   “วันนั้นพี่ทำยังไง “ยังมีหน้ามาถามอีกเหรอว่าทำยังไง

   “เฮ้ย!” ผมร้องออกมาเบา เพราะคนที่นอนตะแคงรวบเอวผมโดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัว ริมฝีปากอวบอิ่มครอบลงที่ริมฝีปากบางๆ ของผม ผมก็พยายามทุบหน้าอกให้หยุด แต่ก็ไม่กล้าส่งเสียงร้องดังเพราะกลัวเจ้าลูกโซ่จะตื่น ถ้าตื่นมานี้ร้องยาวเลย และคนที่จูบผมก็ไม่ยอมหยุดซะด้วยน่ะ มือไม้ก็ลูบไล้ไปเรื่อย ผมต้องปล่อยให้ทำไปสักพัก ผมหยุดดิ้น คนที่จูบผมก็เริ่มได้ใจ เริ่มได้ใจบดขยี้ริมฝีปากอย่างเมามัน

   “เห็นลูกดูดอ่ะ ขอมั้งดิ” ไม่พูดเปล่าถลกชายเสื้อขึ้นมาและทำท่าจะครอบปากลงที่สองจุดสีชมพู ผมก็ช้อนตามอง หน้าคนหื่นคงได้ใจคิดว่าผมคงอ่อนระทวยไม่ยอมดิ้นต่อต้านใช่ไหม

   “ผลัก!” ผมตีเข่าเข้าตรงพิกัดนั้นเต็ม

   “โอ้ววว โอ๊ยย อู้ด บีม”

   “ชู้!!” เดี๋ยวลูกก็ตื่นหรอก ผมทำหน้าดุ “อย่าร้องดัง เดี๋ยวลูกตื่น” ผมพูดและทำหน้าดุใส่ คนที่นอนดิ้นกุมเจ้าโลกเอาไว้ไปมา

   “ก็ตีเข่า ใส่ ลูกคนโต พี่ทำไมอ่ะ โอ๊ยยย เจ็บ”

   “ทะลึ่งหนักนิ และหื่นกามไม่รู้เวลาล่ำเวลาเลย “ผมดันตัวเองขึ้นนั่งมองคนที่นอนตัวงอ

   “รู้ไหมว่าพี่เคยผ่าไส้เลื่อนตอนเด็กๆ น่ะบีม” พี่เธียรพูด ผมก็ตกใจซิ

   “จริงอ่ะ เฮ้ย! ผมขอโทษ “กลายเป็นผมเองที่ รู้สึกผิด ผมพูดและคนที่นอนตัวงอหรี่ตามองผม ผมเข้าไปสะกิดว่าเป็นไงบ้างล่ะ

   “เจ็บมากไหมอ่ะ ผมไม่ตั้งใจอ่ะ “ผมพูดอย่างคนที่รู้สึกผิดจริงๆ

   “นี้ขนาดไม่ตั้งใจน่ะ ยังเข้ามาเต็มประตูขนาดนี้ โอ๊ยย! จุกเลยเนี๊ย” พี่เธียรวิชย์พูด

   “แล้วใครให้ลงมาล่ะ หื่นนี่ ผมมานอนเพราะลูกน่ะ ไม่ได้มานอนเป็นตัวช่วยบรรเทาอารมณ์หื่นกามของพี่น่ะ” ผมพูด

   “ก็ทำหน้าที่ พ่อของลูกไง” ยังมาแถอีก

   “ก็นอนกับลูกไปซินั่นแหละหน้าที่พ่อของลูก” ผมพูดและโบ้ยปากไปที่ลูกโซ่ที่นอนกางแขนกางขายึดที่นอนอยู่นั้น

   “ลูกหลับแล้ว หน้าที่พ่อของลูกก็คือสามี สามีเขาก็ต้องเล่นจ้ำจี้กับภรรยาไม่ใช่เหรอ” พี่เธียรพูด ยิ้มกริ่มให้ผมด้วยแสดงว่าดีขึ้นแล้วและไม่ได้เจ็บอะไรมาก

   “ไม่ ไม่ และก็ไม่ ขึ้นไปเดี๋ยวนี้เลย” ผมชี้นนิ้วไล่คนที่นอนตะแคงหันมามองผม

   “ใจร้ายจังเลยอ่ะ “คนที่นอนแผ่ข้างๆ มองผม ผมเหลือกตาขึ้นมองบนก่อนจะหลุบตาลงมองคนข้างๆ

   “พี่ผิดมากเลยเหรอครับจนบีมให้อภัยพี่ไม่ได้ และนี้พี่ยอมรับผิดแล้วอ่ะ บีม” เบื่อจริงๆ มิน่าล่ะลูกโซ่มันได้ระบบขี้อ้อนนี้มาจากใคร พ่อมันนี้เอง ผมแอบคิดในใจ

   “ก็ลงมานอนพื้นทำไมอ่ะ รังเกียจพี่เหรอ” พี่เธียรเขาถามผม

   “ไม่ได้รังเกียจแต่แค่ ผมยังไม่เคลียร์หลายเรื่องอ่ะ เลย ยัง” ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่นิ่งที่สุด

   “เรื่องอะไรบ้างล่ะ” พี่เขานอนตะแคงและเอามือมายันศีรษะมองผม

   “หนึ่งเรื่องสถานะเพราะว่าเรายังไม่ได้รักกัน” ผมพูด

   “พี่ต้องพยายามทำให้บีมรักพี่อย่างนั้นเหรอ” พี่เธียรวิชญ์ถามผม ผมหันไปมองพี่เขา

   “มันก็ควรจะเป็นอย่างนั้นน่ะ “ผมพูด

   “สอง เรื่องผู้หญิงของพี่ “ผมพูด พี่เธียรวิชญ์เปลี่ยนท่ามาเป็นนอนตะแคง

   “แพรวานะเหรอ? นี่หึงพี่เหรอ” พี่เธียรวิชย์ถาม มุมปากนั้นกระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้ม แต่ผมหันมากอดอกมอง

   “ไม่หึงก็ไม่หึง” พี่เธียรพูด

   “เวลาทำตาดุนี้น่ากลัวเหมือนกันเลยน่ะ แม่กับลูกนี่” พี่เธียรพูดและแอบหันไปมองเจ้าลูกโซ่

   “พี่น่ะไม่เคยคิดอะไรกับแพรวาเกินไปกว่าน้องสาว ส่วนแพรวาก็เป็นเด็กเอาแต่ใจเพราะว่าเป็นลูกคนเดียวของเพื่อนพ่อพี่อีกที ครอบครัวของแพรวากับครอบครัวพี่สนิทกันมาตั้งแต่รุ่นอากงแล้ว เรียกได้ว่าก่อตั้งโรงเรียนมาด้วยกันแต่จู่ๆ อากงของแพรวาก็ถอนตัวและถอนหุ้นออกไปแต่ก็ยังเป็นเพื่อนกัน “พี่เธียรพูด

   “อากงแพรวาเขาเสียชีวิตก่อนอากงของพี่ห้าปี ส่วนอากงพี่น่ะเสียชีวิตไป” พี่เธียรพูด

   “เมื่อห้าปีที่แล้ว” ผมตอบ พี่เธียรมองผมด้วยแววตาแปลกใจ

   “ผมรู้ว่าพี่กันตภณเขาหย่าขาดกับภรรยาเขาหลังจากนั้นเมื่อห้าปีทีแล้วเช่นกัน” ผมพูด พี่เธียรพยักหน้า

   “และแพรวาเธอโดนตามใจจนมาก ชนิดที่เรียกได้ว่า เธอไม่เคยไม่ได้สิ่งที่เธออยากได้ ส่วนพี่ก็ไม่อยากทำให้พ่อของพี่ต้องขัดใจกับพ่อเธอและส่วนมากแม่เธอจะเป็นคนขอน่ะเพราะว่าเขารักลูกสาวเขามาก ขอให้พี่ยอมให้เธอตามพี่จนเธอเหลิงได้ใจ ตอนนี้พี่รู้ว่าที่ผ่านมาพี่คิดผิดที่ยอมเธอมากเกินไป” พี่เธียรวิชญ์พูด ผมพยักหน้า

   “ผมเองก็ไม่อยากมานั่งทำสงครามกับผู้หญิงเพราะว่าคนที่ดูไม่ดีคือผมและยิ่งผมมีลูกผมจะไม่ทำตัวอย่างแบบนั้นให้ลูกดู เพราะนั้นอาจจะทำให้เขาคิดว่าการทำร้ายผู้หญิง คือเรื่องปกติ พี่เข้าใจไหมครับ” ผมพูด พี่เธียรวิชญ์พยักหน้าเบาๆ

   “ดังนั้นข้อนี้พี่ก็ต้องจัดการให้ผม เพราะว่าถ้าข้อนี้ไม่ผ่าน ไม่ต้องถามถึงข้อแรกว่าพี่จะได้ไหม” ผมพูด คนที่ตอนฟังถึงกับหน้าเสียไปทันที

   “ข้อแรกพี่ทำได้แต่ข้อสองอ่ะ ยากน่ะ เพราะว่าพี่ก็ทำมาตั้งนานแล้ว ไม่รู้จะหาวิธีไหนแล้ว ยังไม่ได้ผลเลย จนป๊าให้พี่เลือกไปเรียนต่อเมืองนอก นางยังไม่ยอมปล่อยพี่เลยอ่ะ”

   “ถ้าอย่างนั้น ผมว่าผมเลือกไปข้อสามเลยดีกว่าพี่จะได้ไม่ต้องเหนื่อย” ผมหันไปพูดกับพี่เธียรวิชย์ยิ้มเลยละซิ

   “ข้อสามอะไรล่ะ” พี่เธียรวิชญ์ถามผม

   “และสามคือพี่กันตภณเพราะว่าที่ผ่านมาพี่กันตภณเขาดูแลและทำหน้าที่แทนพี่มาตลอด ดูแลผมดูแลเจ้าลูกโซ่ ตั้งแต่อยู่ในท้องด้วยซ้ำ ส่วนพี่น่ะไปหมุดหัวอยู่ตรงไหนผมยังไม่รู้เลย” ผมพูดก่อนจะหันมามองหน้าพี่เธียรวิชญ์ดันตัวเองขึ้นนั่งทันที

   “ขนาดตอนคลอดพี่กันยังนั่งเฝ้าผมเลย คนดีขนาดนี้ ผมควรจะทิ้งเขามาหาพี่ไหมล่ะ! “ผมถามพี่เธียรวิชญ์

   “แล้วบีมคิดว่าอากันเขาควรทำหน้าที่ได้ดีกว่าพี่หรือเปล่า ทั้งที่พี่ยังไม่ได้ลองเลยน่ะบีมและพี่ก็เป็นพ่อแท้เจ้าลูกโซ่น่ะ อากันไม่ใช่พ่อเด็กซะหน่อย และอากันเขาก็เป็นหมัน” พี่เธียรวิชญ์พูด ทำหน้าเหมือนเด็กน้อยขึ้นมาทันทีเลยน่ะ

   “ดังนั้น กว่าเฮียธีจะแต่งงาน ผมยังมีเวลาคิดและตัดสินใจทำให้ผมเห็นว่า ผมกับลูกโซ่ควรฝากชีวิตไว้กับพี่ได้ไหม ถ้าไม่ผมก็ต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูก “ผมพูดกับพี่เธียรวิชย์

   “และพี่คงรู้น่ะว่า หนึ่งในสามข้อนี้ ข้อไหนที่พี่ควรจะจัดการก่อน “ผมพูดพร้อมกับกอดอกมอง

   “สงสัยต้องข้อสองแน่ๆ เพราะเล่นบอกถ้าข้อสอบไม่ผ่านไม่ต้องถามถึงข้อหนึ่งและถ้าสองข้อแรกไม่ได้ ข้อที่สามน่ากลัวกว่า จะทิ้งพี่ไปหาคนอื่นอีกอ่ะ พี่ไม่ยอมอ่ะ “พี่เธียรวิชญ์พูดและทำท่าจะเข้ามากอดผมแต่ผมดันเอาไว้ ชี้หน้าด้วย

   “แล้วจะมานอนแยกแบบนี้ได้ยังไงอ่ะ เดี๋ยวลูกขาดความอบอุ่น ไม่ครบพ่อแม่ลูกน่ะ” คนงอแงพูด

   “ผมไม่ขึ้น พี่นั้นและขึ้นไปนอนเลย ไปนอนกับลูกนั่นแหละ” ผมพูดและพยายามดันพี่เธียรวิชญ์ให้ขึ้นไปแต่จู่ๆ

   “ก๊อก ก๊อก ก๊อก “เสียงเคาะประตูห้องนอน ก็ดังขึ้น ผมก็หยุดส่งเสียงเพื่อฟัง

   “ก๊อก ก๊อก ก๊อก “เสียงเคาะอีกสามทีไม่ดังมาก

   “เธียร นอนหรือยัง” เสียงม๊าของพี่เธียรวิชย์

   “ม๊ามา ถ้าม๊าเห็นบีมนอนบนพื้นแบบนี้ม๊าว่าพี่แน่ พี่โดนป๊าว่ามาแล้วน่ะ จะให้โดนม๊าว่าพี่อีกคนเหรอ” พี่เธียรวิชญ์พูด ผมก็รีบลุกและเก็บทุกอย่างก่อนจะรีบขึ้นไปบนเตียงนอน พี่เธียรวิชญ์เดินไปเปิดประตู

   “ป๊าให้ม๊าเดินมาดูว่าตกลงนอนกันได้ไหม เพราะกลัวจะแคบไปน่ะเตียงเราน่ะ และจะดิ้นไปทับลูกเอา ป๊าเขาเป็นห่วง “ม๊าเดินมาถามพี่เธียรวิชย์

   “เป็นห่วงผมเหรอม๊า”

   “เป็นห่วงหลาน!!” ม๊าพูดชัดเจนมาก ผมแอบสมน้ำหน้า

   “นอนได้ม๊า หมอนั้นน่ะหลับปุ๋ยไปแล้วม๊า”

   “เอาไว้ซื้อเตียงใหม่หรือไม่ก็ซื้อเตียงเด็กไว้ในห้องนอนแล้วกัน และโตหน่อยค่อยแยกห้อง” ม๊าบอกพี่เธียรวิชญ์

   “นึกว่าเดินมาดูกลัวลูกสะใภ้ลงไปนอนพื้นซะอีก”

   “แล้วกล้าทำแบบนั้นหรือเปล่าล่ะ”

   “ถ้าทำม๊าคงได้”

   “แน่ล่ะ ห้ามให้เมียลงไปนอนพื้นล่ะ ไม่งั้นเราน่ะโดนแน่ๆ เอาไปนอนได้แล้ว และพรุ่งนี้เลิกเร็วได้ป๊าบอก พากันไปซื้อของใช้ลูกชายเราด้วยล่ะ “ม๊าพูด

   “อีกอย่างน่ะเธียร อย่าเปิดแอร์จนเย็นจัดล่ะ ลูกจะไม่สบายเอา เราน่ะเปิดแอร์จนเย็นม๊าเดินมาปิดให้ทุกคืน เข้าใจไหมเธียร ลูกยังเล็กหนัก” คำสั่งม๊าที่บอกพี่เธียร นี้แค่คืนแรกที่เจ้าลูกโซ่ได้เข้ามาอยู่ในบ้านนี้ เขายังรักเจ้าขนาดนี้

   ผมนอนหลับตาปี๋แต่แอบฟัง ผมไม่รู้ว่าม๊าไปตอนไหน แต่ที่นอนตรงข้ามผมยุบลงเบาๆ ผมลืมตามองคนที่กำลังจะหอมแก้มแต่เป็นแก้มเจ้าลูกโซ่ พี่เธียรวิชย์ ไม่น่าเชื่อว่าผู้ชายคนนี้คือคนเดียวกับคนในคืนนั้น พฤติกรรมที่ต่างกันราวกับฟ้ากับดินหรือนี่คือสัญญาณของความเป็นพ่อ ผมค่อยๆ หลับตาลงอีกครั้ง โดยไม่กล้าลืมตาต่อผมนอนใช้ความคิดมากมายในหัว พ่อของลูกสำคัญกว่าคนที่เคยทำหน้าที่ดูแลลูกผมจริงหรือ???

   “ป๊าบอกกับพี่ว่า ถ้าพี่ทำได้ไม่ดีพอ ก็ให้คืนให้เจ๊กกันไป หรือบีมคิดว่าพี่ควรจะทำแบบนั้นจริงๆ แต่พี่รักลูกน่ะ และพี่เชื่อว่าลูกพี่รักบีมมาก ดังนั้นคนที่เป็นแม่เขา คนอื่นก็แทนไม่ได้ พี่ไม่อยากเสียใครไปทั้งนั้น ทั้งบีมและลูกโซ่ พี่ขอโอกาสก่อนได้ไหมครับ ให้พี่ได้ลองก่อน “เสียงที่ดังอยู่ข้างหูผม ไม่รู้ว่านี้คือการตัดพอหรือว่าแค่แอบน้อยใจกันแน่ แต่จะให้ผมยอมเลยมันคงง่ายไปน่ะ เธียรวิชญ์

   TBC....

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
 
EP.37( กันต์ธีร์) ยอมเพื่อลูกใช่ไหม

        Part's กันต์ธีย์ ตอนแรกผมว่าจะนอนพื้นแต่สุดท้ายก็ต้องขึ้นมานอนกับพี่เธียรวิขย์บนเตียง เพราะว่าม๊าของพี่เขาเข้ามาและผมเองก็ไม่อยากให้ม๊ากับป๊าต่อว่าพี่เธียรผมเลยยอมนอนด้วยทั้งคืน แต่ก็แอบระแวงเหมือนกัน ก็คืนนั้น ผมมีสติบ้างไม่มีสติบ้าง มันยังเอาผมไม่ยังเลย แต่ที่ไหนได้ พี่เธียรวิชญ์ไม่ได้ล่วงเกินผมเลย และผมยังรู้สึกว่า มีคนมาห่มผ้าห่มให้ผมอีกด้วย ผมแค่ลืมตาขึ้นมามองก็เห็นหลังไวๆ เดินอ้อมไปซะแล้วและผมก็หลับต่อจนเกือบสว่าง ผมรู้สึกว่าปลายจมูกแหลมนั้นมาใกล้แก้มผม เจ้าลูกโซ่ของมี้ ผมก็รีบหอมแก้มนุ่มนั้นทันที

   “เขาเรียกมอร์นิ่งคิสใช่ไหม” เสียงที่ทำให้ผมต้องลืมตาโพลงเพื่อมองดูคนที่ผมหอมแก้มอยู่ ปลายจมูกโด่งนั้นไม่ใช่ของลูกชายผมแน่นอนเพราะว่าของเจ้าลูกโซ่ยังเล็กอยู่เลยแต่นี้ มันใหญ่กว่าและมันก็เป็นของป๊าลูกชายของผมเอง พี่เธียรวิชญ์!!!

   “เฮ้ย!!!” ผมรีบกระโดดขึ้นนั่งทันที แล้วเจ้าลูกโซ่ล่ะ ของผมล่ะไปไหน ผมหันไปเห็นเจ้าลูกโซ่ผมนอนดิ้นไปอยู่เกือบปลายเตียงแล้ว ผมรีบไปคว้าเอาลูกโซ่กลับมา

   “ตื่นแต่เช้าเลย” พี่เขาถามผม

   “จะลงไปทำอาหารเช้าให้ลูกทาน” ผมบอกคนที่นอนอยู่

   “ลูกยังไม่ตื่นเลยน่ะ เอาลูกมานอนก่อน กอดแม่ไม่ได้กอดลูกก็ยังดี “พี่เธียนวิชย์พูดพร้อมกับกางแขนมา ผมก็เอาเจ้าลูกโซ่ขี้เซานอนลงข้างๆ พี่เธียรวิชย์ ก่อนจะเดินเข้าไปจัดการตัวเองและออกมาอีกทีก็เห็นหนุ่มน้อยกับหนุ่มใหญ่ที่นอนหลับในท่าเดียวกันเป๊ะ หน้าตาก็คล้ายคลึงกันจนเกือบเป็นคนเดียวกัน ผมเดินตรงไปยังห้องครัว รีบไปเปิดตู้เย็นและหยิบนั้นหยิบนี้ออกมา ล้างและหันและก็ต้มลงในหม้อผมทำด้วยความรักจริงๆ จนกระทั่ง

   “ว้าย!!!” เสียงร้องตกใจดังขึ้น ขณะที่ไฟตรงกลางห้องครัวถูกกดเปิดจนสว่างและคนที่เข้ามาก็คือคนใช้ของบ้านนี้ ที่มาทำอาหารเช้าให้ทุกคนทานกันแต่ผมเองยังไม่ชินที่จะมีคนทำให้

   “คุณบีม!!” เสียงเรียกชื่อผมด้วยความตกใจ

   “ขอโทษครับ “ผมรีบหันไปขอโทษพี่ๆ ทันที แต่ล่ะคนก็เอามือกุมหน้าอกตกใจกันหมด

   “มาทำอะไรแต่เช้าค่ะ” พี่มลเอ่ยปากถามผมก่อนเพื่อน

   “มาทำอาหารให้น้องลูกโซ่ครับ “ผมบอกคนใช้ของที่บ้านนี้

   “คุณบีมค่ะ บอกพวกเราก็ได้ค่ะ ลุกมาทำเองทำไมค่ะ” พี่มลคนใช้ในบ้านบอกผม

   “ก็ผมเกรงใจน่ะครับ” ผมพูด

   “พวกพี่เข้าใจค่ะว่าเกรงใจ แต่คุณบีมควรจะเกรงอีกอย่างดีกว่านะคะ” คนใช้ในบ้านพูดขึ้น

   “เกรงอะไรเหรอครับ” ผมหันมาถาม

   “เกรงว่าพวกพี่จะโดนไล่ออกกันนะคะ งานยิ่งหายากๆอยู่นะคะคุณบีม” พวกพี่เขาพูดออกมาพร้อมกันทันที ผมก็ต้องเกาหัวตัวเอง พี่ๆ เขาเดินมาดู

   “คุณบีมทำอะไรให้น้องทานค่ะ หอมเชียว” พี่บุ้งถามผม

   “น้องชอบทานพวกตุ๋นๆ น่ะครับ” ผมหันไปบอกพร้อมกับคนอาหารในหม้อไปด้วย

   “แล้วน้องชอบทานสปาเกตตีไหมคะ” พี่บุ้งถามผมอีก

   “ชอบครับ ชอบมากเลยครับ ผมทำแบบอาหารของเด็กน่ะครับ” ผมหันบอก

   “เหมือนคุณเธียรวิชญ์เลยค่ะชอบทานสปาเกตตีมากค่ะ บางมือต้องทำให้ทานหรือไม่ก็ต้องโทรสั่งมาให้ค่ะ” เสียงแม่บ้านคุยกับผม ผมก็คุยว่าน้องทานอะไรบ้างๆ ไม่ทานอะไรบ้าง อะไรที่เปรี้ยว ลูกโซ่ก็ไม่ชอบ หวานไปก็ไม่ชอบ ผมยืนฟังจนเพลิน

   “คุณนายลงมาแล้ว!!” เสียงพี่เขาตะโกนบอกว่ามา คุณนายนี้คือม๊าของพี่เธียรวิชย์แน่ๆ

   “คุณบีมไปนั่งค่ะ” ผมถูกแย่งทัพพีไปคนอาหารแทนผมและมีคนลากเก้าอี้มาให้ผม

   “นั่งเถอะคุณบีม” และผมก็ถูกดันให้ไปนั่งทันที และแต่ละคนดูวุ่นวาย ทำนั้นทำนี้จนกระทั่ง ม๊าเดินข้ามา

   “อ้าวบีม มาทำอะไรแต่เช้าล่ะลูก” ม๊าเดินเข้ามา พอเห็นผมก็ถามผม

   “คุณบีมลงมาบอกว่าจะทำอาหารเช้า ให้นายน้อยทานค่ะ” พี่มลพี่คนใช้ของบ้านนี้

   “อืมม ดูท่าจะยุ่งกันน่าดูน่ะเพราะว่าคงยืนมองกันยุ่งเลยซิ” ม๊าพูดและมองทุกคน

   “ก็ยุ่งนิดหน่อยค่ะคุณนาย”

   “จากที่ดูน่ะ ฉันเดาว่าพวกเธอน่ะยืนดูบีมเขาทำมากกว่ามั้ง” ม๊าพูดแล่ะก่อนจะมองมาที่

   “คุณนายรู้ได้ยังไงคะ” พี่คนใช้อีกคนถามม๊า

   “ดูจากผ้ากันเปื้อนที่คุณบีมเขาใส่อยู่ไงและพวกเรานี้ก็คงพึ่งจะเข้ามาซิน่ะ “ม๊าพูดผมก็ก้มลงมองดู จริงด้วย แต่ล่ะคนหันมายิ้มแหยๆ กันหมด ม๊าพูดไปก็ส่ายหัวไปด้วย แต่ไม่ได้โกรธหรอก

   “คือผมลงมาทำเองไม่ได้บอกพี่ๆ เขานะครับม๊า “ผมพูด

   “ก็ไม่ได้ว่าอะไรและคอยดูไว้ว่าคุณบีมเขาทำอะไรให้หลานฉันทานและจะได้ช่วยทำได้ เข้าใจไหม” ม๊าพูด ผมลุกขึ้นเดินไปชะเง้อมอง

   “ผมขอตุ๋นต่อสักสิบนาทีพอนะครับ “ผมบอกพี่แม่บ้าน

   “ค่ะคุณบีม “พี่เขาบอกกับผม ผมพยักหน้าก่อนจะเดินออกไปหาม๊า

   “สองพ่อลูกนั้นคงยังไม่ตื่นใช่ไหมล่ะบีม” ม๊าถามผม ผมหันไปยิ้มกับม๊า พยักหน้าเบาๆ

   “ผมขึ้นไปดูก่อนนะครับ ผมคิดว่าลูกโซ่น่าจะตื่นแล้ว ปกติน้องเขาตื่นแต่เช้าทุกวันนะครับ เพราะว่าผมต้องพาน้องไปเดย์แคร์ด้วยครับม๊า” ผมบอกกับม๊า พร้อมกับเดินขึ้นไปบนบ้านทันที และพอผมเปิดประตูเข้าไปผมก็ไม่เห็นลูกอยู่ในห้อง และพี่เธียรวิชย์ก็ยังไม่อยู่ในห้องเช่นกัน แต่ผมได้ยินเสียงหัวเราะกันคิกคัก อยู่ในห้องน้ำผมเดินเข้าไปดูและสิ่งที่ผมเห็นคือพ่อลูกเขาอาบน้ำอยู่ในอ่างอาบน้ำ นี้เขาเอาลูกผมไปอาบน้ำแต่เช้าเลยเหรอ

   “นี้พี่เล่นอะไรของพี่น่ะ” ผมถามพี่เธียรวิชย์

   “ก็พาลูกมาเล่นน้ำไงครับ” พี่เธียรวิชย์พูด ผมยืนกอดอกและดูเจ้าลูกโซ่สนุกน่าดู

   “ไปครับมี้มารับแล้ว ป๊าต้องไปเตรียมตัวไปทำงานแล้วครับ” พี่เธียรวิชย์พูดก่อนจะส่งเจ้าลูกโซ่มาให้ผม ผมก็อุ้มเจ้าลูกโซ่ขึ้นมาและหันไปคว้าเอาผ้าขนหนูที่วางอยู่ มาห่อตัวเจ้าลูกโซ่เอาไว้ ผมได้ยินเสียงน้ำหยดก่อนที่ผมจะหันกลับไปมอง คนที่ลุกขึ้นยืนแถมยังโป้อีกด้วย ผมถึงกับอายหน้าแดงและรีบยกตัวเจ้าลูกโซ่ ขึ้นมาบังทันที ไม่กล้ามองแต่เห็นไปหมดแล้วแหละฮาๆ

   “พี่เธียร!!”

   “อ้าวร้องทำไมล่ะ” ยังมีหน้ามาถามผมอีก

   “ก็พี่โป้อ่ะ น่าจะรอให้ผมออกไปก่อนค่อยลุกขึ้นมา” ผมพูด

   “ว่าของพี่โป้ดูไม่ได้แล้วของลูกล่ะ แนบชิดเลยน่ะ และของลูกมันเล็กไปดูไม่เต็มตาหรอกครับ” พี่เธียรวิชญ์พูด ผมก็ลืมตามอง จริงด้วย หนอนน้อยของเจ้าลูกโซ่มันอยู่ตรงหน้าผมพอดีเลย แถมพอตัวดีก็ดิ้นแด้วๆ อยู่บนอากาศที่ผมยกตัวลอยเอาไว้ และผมก็ค่อยๆ ลดเจ้าลูกโซ่ลง

   พี่เธียรวิชญ์ออกมายืนโดยมีผ้าขนหนูพันเอาไว้เรียบร้อยแล้ว และผมก็พาเจ้าลูกโซ่เดินออกมา หันไปหยิบเสื้อผ้าที่ม๊าของพี่เธียรวิชย์เอามาให้ เสื้อผ้าสมัยพี่เธียรวิชญ์ยังเด็กมันก็น่าจะยี่สิบกว่าปีแล้ว แต่ว่ายังอยู่ในสภาพที่ใหม่อยู่เลย และพี่เธียรเขาก็ออกมาแต่งตัวแล้วด้วย

   “พอดีพี่ตื่นมาและเจ้าลูกโซ่ อึเต็มแพมเพิร์สเลย พี่ไม่รู้จะทำยังไงเลยเอาไปล้างในอ่างอาบน้ำน่ะ และดิ้นกระจายก็เลยเปียกปอนกันไปหมด พี่เลยจับอาบน้ำซะเลย” พี่เธียรวิชย์พูด

   “ไม่เหม็นอึเจ้าลูกโซ่หรือไง” ผมถามพี่เธียรวิชญ์

   “เหม็นดิ แต่เอาตัวหนีบ หนีบจมูกเอาไว้ไง และพี่อยากทำแทนบีมบ้าง “พี่เธียรวิชญ์พูด ผมแต่งตัวเจ้าลูกโซ่เสร็จแล้ว พี่เธียรวิชญ์หันมามองเจ้าลูกโซ่ตอนนี้หล่อแล้ว พี่เธียรวิชญ์เขาก็ยิ้มและหันไปแต่งตัวต่อ

   “บีม ผูกเนกไทให้พี่หน่อยซิครับ “พี่เธียรวิชญ์ถามผม ผมหันมามองพี่เธียรวิชย์ เขาส่งเนกไทมาให้ผม พี่เธียรวิชย์อุ้มลูกโซ่ขึ้นมาผมก็ต้องหันไปทำการผูกเนกไทให้ ผมสังเกตการณ์หัวเราะและอากัปกิริยาท่าทางต่างๆ ของสองคนพ่อลูกที่มีความคล้ายกันจน ผมมองเพลินไปหน่อย

   “มะ มะ มะ “เจ้าลูกโซ่แตะที่แก้มผมนั่นแหละผมถึงได้สติ

   “บีมจะไปเอาของใช้ที่ห้องพักของบีมหรือเปล่า “พี่เธียรวิชย์ถามผม

   “ครับ พี่เธียร” ผมพูด

   “ขับรถได้ไม่ใช่เหรอครับ” พี่เธียรถามผม

   “ครับผมขับได้ แต่ไม่ได้ขับมาตั้งแต่คลอด เจ้าลูกโซ่แล้ว” ผมพูด

   “เอารถพี่ไปซิ ไปเอาของ แต่อันที่จริงพี่อยากซื้อใหม่เลยน่ะ” พี่เธียรพูด

   “ผมเสียดายอ่ะ พี่กันอุตส่าห์ซื้อให้” ผมพูด

   “ซื้อใหม่ได้ไหมอ่ะ” พี่เธียรหันมาทำหน้าอ้อนผม อ้อนแบบมีเรศนัยด้วย

   “ทำไมล่ะ” ผมช้อนตาขึ้นไปมอง

   “ฟังแล้วเจ็บ” พี่เธียรพูด

   “เว้อไปแล้วและพี่กันก็อาของพี่ไม่ใช่เหรอ เขาซื้อให้ในฐานะหลาน” ผมพูด ตอนนี้ผูกเนกไทเสร็จแล้ว

   “เสร็จแล้วครับพี่เธียร” ผมพูดและยืนมองเจ้าลูกโซ่ ส่วนพี่เธียรวิชย์น่ะก้มลงมองเนกไทตัวเอง

   “ขอบคุณมี้ให้ป๊าหน่อยเร็ว ผูกสวยเชียว สมกับเป็นลูกสะใภ้อาม่าเราเลยน่ะ” พี่เธียรวิชย์พูดและ

   “หมับ” เจ้าลูกโซ่โผ่เอามือมาจับหัวผมแถมยัง “จ๊วบ ๆ” ที่หน้าผากผมหลายทีเลย

   “พอแล้ว เปียกไปหมดแล้วเนี๊๊ยะ!!” ผมพูดให้โซ่หยุดดูดหน้าผากผมได้แล้ว และผมก็กางแขนรออุ้มเจ้าลูกโซ่ พี่เธียรวิชญ์มองผม ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ รอยยิ้มเจ้าเหล่มาแบบนี้ เหมือนจะเข้ามา หอมผมเลย ผมก็หลับตาปี๋

   “ฟ้อดๆๆ” เสียงหอมหลายทีติดกัน “คิก คิก คิก” เสียงหัวเราะร่วนและคนที่ผมอุ้มอยู่ก็ดิ้นกระจายเลย ป๊ามันหอมลูกมันนี้เอง ตกใจหมดเลยผม ผมลืมตาขึ้นมาก็เห็นพี่เธียรวิชย์ฟัดเจ้าลูกโซ่ใหญ่เลย

   “ป๊าไปทำงานแล้วน่ะ อย่าดื้อกับมี้ล่ะรู้ไหม ป๊าจะรีบกลับ “สั่งลูกใหญ่เลย ผมน่ะหันไปมองทางอื่น

   “มีอะไรเหรอม๊า!!” ผมได้ยินเสียงพี่เธียรเรียกม๊าผมเลยรีบหันไปดูที่หน้าประตู

   “ฟ้อด!!” เสียงหอมแก้มผมฟ้อดใหญ่เลย เพราะว่าผมกันแก้มมาชนปากพี่เธียรวิชย์เอง

   “เฮ้ย!!” ผมยกมือลูบแก้มตัวเองไปมา และคนที่ผมอุ้มก็หัวเราะชอบใจ

   “ไปทานข้าวกันครับ มี้ทำของโปรดไว้ให้น่ะวันนี้น่ะ “ผมบอกเจ้าลูกโซ่ ผมเดินลงมาที่ชั้นล่างกับพี่เธียรวิชญ์ ตรงไปยังห้องอาหาร เห็นม๊ากับป๊าของพี่เธียรวิชญ์นั่งทานอาหารอยู่ พี่ของพี่เธียรวิชญ์ก็นั่งทานอยู่ด้วยกัน ทุกคนหันมามองเจ้าลูกโซ่กัน

   “ป๊าดูชุดนี้ซิ มีรูปที่เจ้าเธียรใส่ชุดนี้ด้วยน่ะ “ม๊าของพี่เธียรวิชย์พูด ผมหันไปมองพี่เธียรวิชญ์ พี่เธียรวิชญ์ยักคิ้วให้ผม เจ้าลูกโซ่หันไปมองป๊าเขาและพยายามละเลียนแบบยักคิ้วตาม

   “ดูท่าจะร้ายไม่เบาน่ะหลานอากงน่ะ” ม๊าหันมาแซวป๊าของพี่เธียรวิชย์ทันที ผมก็มองเจ้าลูกโซ่ ผมป้อนลูกโซ่ด้วยอาหารที่ผมตุ๋นเอาไว้ให้ ป้อนให้ทานดูท่านอย่างเอร็ดอร่อย แถมพยายามอยากจะตักทานเองด้วยน่ะ ปกติผมให้ทานเองที่บ้าน ตักเละเทะไปหมดแต่นี่ผมยังไม่กล้าเกรงใจคนทำความสะอาด

   “ปกติเขาตักอาหารทานเองหรือเปล่าบีม” ม๊าถามผม

   “ครับใช่ครับ ผมเลี้ยงเขาโดยใช้ระบบ Baby led weaning น่ะครับม๊า คือาการให้เด็กหยิบจับอาหารทานเอง ไม่ต้องป้อนนะครับ แต่อาหารก็ต้องปลอดภัยกับวัยของเขาเช่นกันครับม๊า” ผมพูด พี่เธียนวิชญ์มองผม

   “เอาล่ะ งั้นป๊าไปน่ะม๊า แล้วนี่จะอยู่กับบีมเขาก่อนใช่ไหมหึ?” ป๊าของพี่เธียรวิชย์ถามม๊า

   “ใช่แล้วป๊า เพื่อว่าจะได้จัดที่จัดทางให้เจ้าลูกโซ่ไง วันนี้ป๊าไม่มีอะไรมากไม่ใช่เหรอ ถ้าเลิกเร็วได้ก็ดีน่ะ จะได้มาเล่นกับหลาน “ม๊าหันไปบอกป๊า ป๊าลุกขึ้นและเตรียมจะออกไป แต่ก่อนจะออกไปเขาหันมามองเจ้าลูกโซ่ ที่ยืมชูมือเหมือนจะบาย บาย ป๊าของพี่เธียรวิชญ์เดินอ้อมกลับมาหาและเอาฝ่ามือแตะที่หัวเจ้าลูกโซ่เบาๆ ก่อนจะเดินออกไปก่อน

   “ขอลุงหอมก่อนเร็วลุงไปแล้ว “พี่ธันเดินมาหาเจ้าลูกโซ่ ผมก็ส่งให้พี่ธันรับไปอุ้ม พี่ธันพยายามจะหอมแต่เจ้าลูกโซ่หมุดหนี แถมก้นโด่งอีกต่างหาก

   “ไม่เอาก้น จะหอมแก้ม เร็วๆ เอาแก้มมาเร็ว ให้หอมดีดีเดี๋ยวซื้อของเล่นให้เร็ว” พี่ธันพูดโดยเอาของเล่นมาล่อใจเจ้าลูกโซ่ และพี่ธามก็เดินเข้ามา แถมยังชะเง้อมองคนข้างนอกด้วยน่ะ

   “ธาม!!”

   “ม๊าอะ” พี่ธาม ผมเห็นบางทีตุ้งติ้งจนผมเองก็แปลกใจ

   “มาให้โกวหอมมั้งเร็ว” พี่ธามพูด ผมหันไปมองจริงอ่ะ

   “อ้าวป๊า ลืมของเหรอ” เสียงเฮียธันพูด

   “อย่าเรียกโกว เรียกแปะลูก “พี่ธามรีบเปลี่ยนทันที ก่อนจะหันไปที่ตรงประตู แต่ไม่มีใครเข้ามาหรอก

   “ไอ้.. ธัน เดี๋ยวมึงโดนกูแน่ไม่ต้องรอป๊าหรอก “พี่ธามพูด ก่อนจะหันไปทำท่าวิ่งไล่จะเตะ ทั้งที่อุ้มเจ้าลูกโซ่อยู่ด้วย

   “เอิ้กๆๆ” เจ้าลูกโซ่หัวเราะชอบใจใหญ่เลย

   “ไปได้แล้วเดี๋ยวป๊าก็เข้ามาตามจริงๆ หรอก” ม๊าพูด ผมเห็นคนข้างๆ ผมกำลังลุกขึ้น เขาหันมามองผม ผมลุกขึ้นเดินไปอุ้มเจ้าลูกโซ่กลับมา ผมหันมามองพี่เธียรวิชย์

   “ป๊าไปน่ะ อย่าดื้อกับมาม๊าน่ะรู้ไหม “พี่เธียรวิชย์พูด

   “ปะ ปะ ปะ” เจ้าลูกโซ่ที่ทำมือเหมือนจะไปด้วย

   “ไม่ได้ อยู่บ้าน ป๊ารีบกลับนะครับ “พี่เธียรวิชย์พูดก่อนจะก้มลงหอมเจ้าลูกโซ่ ผมก็หันไปมองทางอื่น ผมคิดว่ามันยังเร็วเกินไปสำหรับสถานะของผมกับเขาในตอนนี้

   “คุณนายค่ะ โทรศัพท์ค่ะ” จังหวะนั้นพี่มลเดินมาเรียกม๊าไปรับโทรศัพท์บ้านพอดี และพี่ก็เดินออกกันไปแล้ว ผมหันมามองคนที่มองผมกับเจ้าลูกโซ่อยู่

   “ไม่ไปทำงานล่ะ เดี๋ยวก็สายหรอก คุณผู้บริหารฝึกงาน” ผมถามพี่เธียรวิชย์ พี่เธียรวิชย์พยักหน้าก่อนจะหันไปหยิบของที่ต้องนำไปด้วย พี่เธียรวิชย์หันมามองผมกับลูกโซ่อีก ก็หอมกันแล้วจะเอาอะไรเนี๊ยะ

   “มีอะไร” ผมถามพี่เธียรวิชญ์

   “ก็เวลาก่อนไปทำงานเมื่อก่อนป๊าต้องหอมแก้มม๊าอ่ะ”

   “ก็ใช่ไหง คนเป็นสามีภรรยากันก็ควรจะทำอย่างนั้นไม่ใช่เหรอ” ผมพูด

   “ควรจะทำเนอะ” คนตรงหน้าผมพูด

   “ฟ๊อด!!” เสียงมากและไม่ใช่แก้มเจ้าลูกโซ่ด้วยแต่นี้มันแก้มผมนี่แหละ หอมแบบเต็มๆ เลย

   “เอิ้กๆๆ” คนที่ผมอยู่นี้ก็หัวเราะชอบใจใหญ่เลย ตบมือด้วย ผมก็มองเจ้าก้อนเต้าหู้ของพี่เธียรวิชญ์ อยู่ข้างใครเนี๊ยะ!

   “มะ มะ มะ” กลับข้างทันทีเลยน่ะ และคนที่หอมแก้มผมก็เดินออกไปแล้ว ไปทำงาน ผมยืนกอดเจ้าลูกโซ่ มองไปจนลับตา

   “บีม” ผมสะดุ้งเพราะว่าเสียงม๊า

   “มันยากใช่ไหมบีม เพราะว่าบีมกับเธียรวิชย์ ไม่ได้รักกันมาก่อน “ม๊าถามผม ก่อนจะแบมืออุ้มเจ้าลูกโซ่ไป เพื่อให้ผมได้นั่งทานอาหารเช้า

   “ผมยอมรับครับม๊า” ผมตอบ

   “ม๊าก็ถูกให้แต่งกับป๊าเขาโดยไม่รู้จักกันมาก่อน ไม่ได้รักได้ชอบพอกันมาก่อน เป็นการเลือกให้ของผู้ใหญ่ พ่อแม่ของม๊าน่ะ โดยมีแม่สื่อชักนำให้เขามาเลือกม๊าอีกที และพ่อแม่ของม๊าก็เห็นแล้วว่า ป๊าน่ะ จะเป็นผู้นำครอบครัวที่ดี เป็นพ่อที่ดีได้ ม๊าเองก็ยังไม่เคยมีแฟน ด้วยความที่ไม่อยากขัดใจพ่อแม่ ก็เลยยอมแต่ง” ม๊าพูด

   “แต่ม๊ามารู้ทีหลังน่ะว่า ป๊าน่ะแอบไปดูว่าม๊าอะไรบ้าง เป็นคนยังไง อยู่หลายครั้งแล้ว จนเขาส่งคนมาขอม๊าแบบจริงๆ จังๆ”

   “และม๊ากับป๊าก็อยู่ด้วยกันมาจนถึงทุกวันนี้ อยู่กันด้วยความเข้าใจกัน ปากเสียงไม่เคยมีเลย ป๊าให้เกียรติม๊ามาก เรื่องผู้หญิงไม่เคยมีมาให้กวนใจ เพราะว่าเขารักและให้เกียรติภรรยาเป็นที่หนึ่ง” ม๊าบอกผม

   “และม๊าก็เชื่อว่าลูกๆ ของม๊าน่ะ จะทำตามแบบที่ป๊าเขาทำให้ดูนะบีม” ม๊าพูดกับผม ผมพยักหน้าเบาๆ

   “เธียรไม่ใช่เด็กเกเรแต่เขามีความคิดที่เป็นของตัวเอง ที่บางครั้ง ดูจะขัดกับป๊าเขามากกว่าพี่ๆ คนอื่น และม๊าก็เชื่อว่าเธียรจะเปลี่ยนแปลงมันได้เพื่อ ลูกและบีมที่เป็นแม่ของลูกเขา “ม๊าบอกผม ผมพยักหน้าผมยอมรับว่าผมเห็นรอยยิ้ม

   “แต่ม๊าก็สังเกตเห็นบางสิ่งที่เธียรเปลี่ยนไปน่ะ ปกติเขาไม่ค่อยชอบเอาใจใคร เอาใจใครไม่เป็น แม้กระทั่งแพรวาที่ตามติดเธียรก็เฉยๆ แต่เมื่อวานเห็นเอาใจเราน่าดู บางทีมันอาจจะแค่กระจกบางๆ กันเรากับเธียรเอาไว้ ม๊าคิดว่าสักวันกระจกนั้นมันคงหายไปเอง “ม๊าพูดพร้อมกับก้มลงมองเจ้าลูกโซ่ ผมเดาว่าม๊าหมายถึงคนที่จะทำลายกระจกนั้นให้ผมกับพี่เธียรวิชญ์คือเจ้าลูกโซ่คนนี้ ม๊าก็ลุกขึ้น

   “ทานไปก่อนน่ะ ม๊าจะไปค้นรูปเจ้าเธียรตอนเด็กๆ มาให้ดู ว่าเขาสองคนเหมือนกันมากแค่ไหน “ม๊าบอกผม พร้อมกับอุ้มเจ้าลูกโซ่ไปด้วย กระจกที่ว่านี้มันคือความกลัวที่ผมเป็นตั้ง มันขึ้นมาเอง ตั้งแต่วันแรกที่ได้เจอเขา และวันนี้เขาคนนั้นเปลี่ยนไป เหมือนไม่ใช่คนเดียวกันกลับคืนนั้น และวันนี้เขาคือพ่อของลูกผม เขาบอกว่าเขาเชื่อที่อาม่าของเขาพูด ชีวิตก่อนแต่งงานกับชีวิตหลังแต่งงานมันต่างกันมาก คู่ชีวิตจะอยู่คู่กันได้ไหมนั้น ขึ้นอยู่กับว่าเราประคับประคองยังไง และยิ่งมีสิ่งที่เรียกว่าลูกแล้วด้วย หลายสิ่งต้องถูกไตร่ตรองหลายๆ รอบก่อนจะตัดสินใจ หรือว่านี่ผมควรจะลดการ์ดของผมเองลงมาบ้างและยอมเพื่อให้ลูกผมได้อยู่กับคนที่เรียกว่าพ่อของเขาแท้ๆ

   TBC ....

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
 EP.38(หมอภีมXอาจารย์กัน) ภีมยังรักกันอยู่

           Part’ s หมอภีมปภพ หลังจากที่ผมวางสายจากบีม ผมก็รีบลุกจากที่นอน ตอนแรกว่าจะเข้านอนเร็วหน่อย ผมมีขึ้นเวรแต่เช้าถึงจะเป็นโรงพยาบาลพ่อผมเองก็ตามแต่ถ้าไปสายก็โดนว่าเหมือนกัน ผมถึงได้มาซื้อบ้านอยู่ใกล้ๆ กับโรงพยาบาล พ่อผมซื้อเอาไว้ให้ผมนานแล้วและบ้านหลังนี้มันก็มีความหมายกับผมและกันมาก ผมตั้งใจเอาไว้เป็นเรือนหอของผมกับกัน แต่ผมก็ยังเก็บเอาไว้รอกัน

           ผมรีบแต่งตัวก่อนจะรีบลงมาที่โรงจอดรถของผม ผมก็รีบขับรถเก๋งไปที่ผับแห่งหนึ่ง ผับนี้ผมเคยสะกดรอยตามกันมา เขาขับมาที่เพื่อจะมาตามหาคนที่ทำให้บีมตั้งต้องมีมลทินแต่ผมก็เดาได้ว่ากันรู้คำตอบและยิ่งผมไปเจอเธียรวิชญ์ ผมยิ่งมั่นใจว่ากันรู้อยู่แล้วว่าลูกของบีมคือลูกชายเธียรวิชญ์ ผมคิดว่ากันตภณยังคงไปที่นั่นแน่นอน ผมน่ะตั้ง find my เอาไว้ที่โทรศัพท์ของผม มันก็โชว์ตำแหน่งที่ตรงผับนั้นจริงๆด้วย

       ผมขับรถไปจอดที่ตรงด้านหน้าผับ จริงๆ แล้วผมก็มีเมมเบอร์การ์ดที่นั่น ผมไม่ได้บอกกันตภณ ผมไม่อยากให้เขาเข้าไป ผมหยิบมันออกมาจากกล่องเก็บของในรถของผม บัตรเมมเบอร์การ์ดที่ผมทำไว้ตอนที่มากับเพื่อนหมอด้วยกันแต่ว่าผมไม่เคยใช้และไม่ไม่คิดจะใช้ ผมรีบเดินออกมาไปทันที เดินที่ด้านหน้า พนักงานตรวจสอบเอกสารอย่างละเอียด

   “เชิญครับ” พอเขาตรวจบัตรก็ปล่อยให้ผมเดินเข้าไปด้านใน ผมยอมรับว่าผับนี้ดูมีเลศนัยแปลกๆ เมมเบอร์ก็แพง ผมคิดว่าผมกำลังจะยกเลิกเมมเบอร์แล้วแต่ก็ลืมทุกทีจนตอนนี้กลับได้ใช้จริงๆ แต่ผมคงจะเตือนกันอีกทีว่าไม่ให้มาอีกและนี้เข้ามาได้ยังไง ลงทุนไปทำเมมเบอร์การ์ดมาด้วยหรือไง ผมยืนมองไปรอบๆ พนักงานกำลังวุ่นวายในการเอาใจดูแลลูกค้า

   “ขอโทษนะครับ ผมมาตามหาเพื่อนนะครับ เขาน่าจะมาที่ผับนี้ และผมเดาว่าคงดื่มหนักจนกลับไม่ไหวนะครับ” ผมเดินไปถามพนักงานในร้านที่ยืนอยู่ เขาหันมามองหน้าผม ผมก็รีบหยิบมือถือมาเปิดรูปกันตภณส่งให้เขาดู เขามองหน้าผมตกใจหน้าซีดเผือดทันที

   “รอสักครูนะคะ เดี๋ยวไปตามผู้จัดการร้านให้ค่ะ” ผู้หญิงคนนั้นบอกผมแสดงว่าเขาเห็นกันตภณจริงๆ

   “พี่ พี่เห็นพี่หน่อยหน่าไหมคะ พอดีมีเพื่อนลูกค้าเขาบอกเพื่อนเขามาเมาที่นี้ค่ะ” น้องคนนั้นเดินไปถามพนักงานอีกคน

   “เขาชื่อพี่นิน่า อย่าไปเรียกชื่อเก่าเขา เขาจะกินกะบาลแกเอา” ผมได้ยินก็พยักหน้า มีชื่อเก่าชื่อใหม่ด้วย

   “เออ พี่นิน่า ก็พี่นิน่า ว่าแต่อยู่ไหนอ่ะ “เธอถามพนักงานคนนั้น

   “พี่นิน่าคุยกับลูกค้าค่ะ เห็นนั่งคุยกันพักหนึ่งแล้ว ที่เข้ามาถามหาผู้จัดการคนเก่าที่ลาออกไปได้สามเดือนแล้วอ่ะ เห็นบอกว่าถ้าไม่บอกอาจจะโดนเพราะลูกศิษย์เขาอ่ะมาทำงานที่นี้แล้วมีคนมอมยาเขา พี่นิน่าเลยพาไปคุยที่อื่น” ผมเดาว่าคนที่เขาพูดถึงคือกันตภณแน่ๆ

   “พี่นิน่าเขาบอกว่า ถ้าไม่มีอะไรเร่งด่วนไม่ต้องไปเรียกเขาน่ะ พี่เขาไม่ว่างน่ะแถมยังบอกว่าเตรียมตัวเลี้ยงฉลองได้เลย พี่เขาได้สามีรวยแน่วันนี้ พี่นิน่าบอกว่าถ้าจะไม่ได้คุยกันอย่างเดียว น่าจะได้อย่างอื่นด้วย” คนนั้นกระซิบบอกผู้หญิงคนนั้น ผมได้ยินเพราะว่าผมยืนไม่ไกลมาก

   “โต๊ะไหนครับ คนนั้นแหละเพื่อนผม “ผมตรงเข้าไปถามเธอทันที ผู้หญิงคนสองที่คนแรกเข้ามาถาม หันมามองหน้าผมตกใจและทำท่าจะเดินหนีแต่ผมรีบกระชากแขนเธอเอาไว้ก่อน

   “เออ คือ “เธอมองผมด้วยสายตาที่แปลกใจว่าผมเป็นใครกัน

   “ผมถามว่าโต๊ะไหนครับ” ผมเธอย้ำอีกครั้ง เธอหันไปมองหน้าเพื่อนๆ ที่ยืนอยู่

   “ถ้าไม่ตอบผม มีปัญหาแน่ เพราะว่าเพื่อนผมนี้ พี่ชายเขาเป็นเจ้าของโรงเรียนที่มีชื่อเสียงนะครับและเขายังเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยชื่อดัง” ผมถามเธอ ผมมองจ้องหน้าเธอ เพื่อให้เธอรับรู้ว่าผมเอาจริงนะ

   “ว่าไงครับ!” ผมเริ่มตะคอกเสียงดังใส่เธอ คนที่ผมถามถึงกับสะดุ้งสุดตัวทันที สีหน้าเธอสลดลงจากเมื่อสักครู่ทันที

   “ว่าไงครับคุณ เขาเป็นเพื่อนผม ผมรู้จักนิสัยเขาดี ผมว่าเขาไม่ทำอย่างที่คุณพูดแน่ถ้าเขามีสติสัมปชัญญะครบถ้วน แต่ผมคิดว่าผู้จัดการคุณน่ะ ต้องทำอะไรสักอย่างกับเขาแน่ๆ บอกผมมา และผมจะไม่เอาผิดคุณ โทษฐานสมรู้ร่วมคิด โทษหนักอยู่นะคุณ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่พยายามระงับอารมณ์โกรธสุดๆ

   “เออ หนู เห็นพี่นิน่าหรือชื่อจริงๆ ชื่อพี่หน่อยหน่านะคะ เขากำลังจะพาไปพักนะคะเพราะว่า เขาเมามากค่ะ แต่น่าแปลกน่ะมาดื่มไม่เยอะแต่เมาเร็วมากค่ะ” ผมก็พยักหน้า เพราะว่ามันเป็นไปไม่ได้ว่ากันตภณจะดื่มจนเมาไม่ได้สติ ถ้าไม่โดนอะไรสักอย่าง

   “ไปที่ไหนแล้วครับ” ผมถามเขา เขามีสีหน้าอึกอักที่จะบอกผม

   “ถ้าไม่บอกผม ผมจะเรียกตำรวจเดี๋ยวนี้ ลุงผมเป็นผู้บังคับบัญชาสน. ใกล้ๆ นี้ซะด้วย เพื่อว่าบุคคลในเครื่องแบบมาแล้วคุณอาจจะตอบคำถามท่านได้ดีกว่าตอบผม แต่หลังจากนี้ก็หาเงินประกันตัวเองแล้วกัน” ผมไม่พูดเปล่ารีบหยิบมือถือขึ้นมาทันที

   “บอก บอก บอก แล้วค่ะ อย่าแจ้งตำรวจเลยนะคะ “ได้ผลเธอรีบปริปากบอกผมทันทีจากที่ยืนอ้ำอึ้งอยู่พักหนึ่ง

   “พี่หน่อยหน่าเขากำลังจะพาไปที่ห้องพักสำหรับแขกวีไอพีค่ะ แต่หนูไม่รู้นะคะว่าพี่เขาดื่มไปเยอะหรือว่าโดนอะไร แต่พี่เขาอยู่ในสภาพมึนเมาจริงๆ ค่ะ “น้องคนนั้นตอบผม

   “พาผมไปเดี๋ยวนี้!!” ผมบอกเธอเชิงออกคำสั่ง เพื่อนๆ ของเธอพยักหน้าให้เธอพาผมไป เธอก็รีบนำหน้าผมทันที ผมเดินตามเธอเข้าด้านใน ดูแล้วน่าจะมีห้องพักที่สำหรับคนที่ต้องการพักเพื่อทำกิจกรรมอย่างว่า ผมมาหยุดที่หน้าห้องหนึ่ง ผมหันมาพยักหน้ากับเธอให้เธอเคาะประตู

      ก๊อก ก๊อก ก๊อก ผมยืนกอดอกรออยู่สักสิบนาทีได้ ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกมาด้วยสีหน้าหงุดหงิดดูจากสภาพเสื้อผ้าของเธอ ผมยืนมองหน้าเธอ กรามขบเข้าหากันจนเป็นสันนูน ถ้าไม่ติดว่าเป็นผู้หญิงผมคงกระชากคอเสื้อมาต่อยแล้ว เธอหันมามองหน้าผม แววตาชวนให้สงสัยว่าผมคือใครกัน ก่อนจะหันมามองผู้หญิงที่ยืนหลุบตาลงมองพื้น

   “มีปัญหาอะไร กูกำลังจะได้ผู้ชายมาเป็นผัว” เธอพูดตะคอกเสียงใส่ลูกน้องของเธอ

   “พี่คนนี้เขาเป็นเพื่อนของคนที่พี่มาพาน่ะพี่นิน่า เขามาตามเพื่อนเขาและเขาขู่จะแจ้งตำรวจด้วยพี่” น้องเขาบอกผู้จัดการร้าน เธอถึงกับชักสีหน้าตกใจ ผมยืนมองเธอนิ่ง

   “เปิดประตูเดี๋ยวนี้!! ถ้าไม่เปิดคุณมีเรื่องกับผมแน่” ผมพูดและคนตรงหน้าก็ยอมให้ผมเปิดประตูเข้าไป และสิ่งที่ผมเห็น มันทำให้ผมต้องผมหันกลับมามองหน้าผู้หญิงที่ร่านมาก เขากำลังถอดเสื้อผ้ากันตภพณออก

   “คุณนี้มัน!!” ผมหันมามองเธอด้วยแววตาโกรธเกรี้ยวมาก แต่ว่าน้องผู้หญิงเขารีบเดินมาห้ามผมทันที

   “พี่ค่ะ อย่าเลยนะคะ อย่ามีเรื่องเลยค่ะ เพราะว่าถ้าพี่มีเรื่องพวกหนูโดนพักงานแน่ๆ ค่ะ” น้องคนนั้นรีบขอร้องผมทันที

   “ทำไม เมียมันเหรอ สงสัยตระกูลนี้คงเป็นทั้งหมดล่ะซิ วันก่อนก็มาถามหาไอ้ที่มาเป็นเรียนงานผู้จัดการแต่ดันอัพยากับลูกค้า จนเจ้าของร้านจับได้ หามันเจอหรือยังล่ะ ป่านนี้ไปเป็นเมียใครต่อใครแล้วมั้ง” ผมยืนมองหน้าเธอ พร้อมกับสูดลมหายใจออกยาวๆ ไม่อย่างนั้นหมัดผมคงได้ปล่อยตรงไปที่หน้าสวยๆ ของเธอแน่ๆ

   “พี่หน่อยหน่าไปเถอะ เดี๋ยวก็มีปัญหาถึงคุณอรรณพหรอกพี่” ผู้หญิงที่ห้ามผมเธอรีบดึงรั้ง ผู้จัดการไร้ยางอายนั้นออกไป ผมก็เข้าไปแต่งตัวให้กันตภณแบบลวก ผมเอามือลูบใบหน้านั้น ผมสัมผัสได้ถึงการเต้นหัวในที่เร็วแต่ไม่ได้อันตรายมาก นั้นแปลว่าเขาโดยวางยาในเครื่องดื่ม ผมหันไปมองรอบๆ ห้อง มีการตั้งกล้องเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ทำไมช่างไร้ยางอายได้ขนาดนี้

   “หมับ” มือของกันตภณจับที่ข้อมือผม

   “บีม ทำไมบีมต้องเลือกหลานพี่ทั้งที่ไอ้เธียรมันทำให้บีมต้องมีมลทินแบบนั้น “ผมได้ยินเสียงกระซิบที่เบาแต่มันดังก้องในหัวผม

   “พี่คิดว่าบีมจะไม่ทำให้พี่เสียใจเหมือน….” ผมนิ่งไปพักหนี่ง ผมดูจากอาการผมเดาได้ว่ากันตภพณ โดนแค่ยาหลอนประสาทที่ทำให้มึนงงและเหมือนคนเมาเหล้า ผมก็ต้องแบกกันขึ้นมา ก่อนจะพยุงพาร่างของกันตภณออกมา พอผมออกมาถึงหน้าประตู ผมก็เจอผู้ชายแต่งตัวดีคนหนึ่งมายืนพร้อมพนักงานที่ผมเข้าไปสอบถามตอนแรก

   “ขอโทษครับ ผมกฤษณ์นะครับ ผมเป็นเจ้าของผับนี้ครับ และพอดีพนักงานผมแจ้งว่าคุณเป็นเพื่อนกับลูกค้าของผมและน้องเขาก็บอกว่าลูกค้มผมอยู่ในห้องพักนะครับ”

   “ใช่ครับ ผมชื่อหมอภีมปภพ เกียรติบดินเดชากุล “ผมบอกคนที่ยืนตรงหน้า ใครก็เคยได้ยินชื่อและนามสกุลพ่อผมทั้งนั้น เป็นคุณหมอที่มีชื่อเสียงและมีโรงพยาบาลบดินเดชากุล ที่มีตั้งสามสาขาในกรุงเทพแถมเป็นโรงพยาบาลทีมีชื่อเสียงอีกต่างหาก และคนตรงหน้าผมชักสีหน้าด้วยความตกใจทันที ที่ได้ยินนามสกุลของผม

   “คุณควรจะไปอบรมผู้จัดการดูแลผับคุณหน่อยนะครับ ไม่ใช่มอมยาแขกแล้วพาเขามาทำอะไรแบบนี้ เป็นผู้หญิงซะเปล่าไร้ยางอายที่สุด”

   “และผับที่ดูไฮโซแต่คุณปล่อยให้พนักงานของคุณทำแบบนี้ได้ด้วยเหรอครับ หรือว่าคุณสนับสนุนให้พนักงานของคุณเป็นมิจฉาชีพซะเอง “ผมพูดตอกใส่หน้าเจ้าของผับไป ก่อนที่ผมจะพยุงกันตภณออกไปทันทีเช่นกัน

         ผมเดินออกไปจนถึงด้านหน้า ผมหันไปบอกเด็กที่มารับรถไปจอด เขาก็นำรถคันหรูของผมออกมาส่งให้ ผมรีบพาร่างกันตภณเข้าไปไว้ในรถของผมก่อน ผมรู้สึกว่าโทรศัพท์ของกันตภณ สั่นอยู่ในกระเป๋ากางเกงสแลกเข้ารูป ผมก็ใช้มือของผมล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของกันตภณและหยิบออกมาดู เป็นสายของอาม่าที่พยายามโทรหากัน ผมรู้ว่าอาม่าน่ะอายุเยอะแล้ว และถ้าผมบอกว่ากันตภณโดนอะไรนี้ อาม่าคงจะเป็นห่วง ผมเดินเข้ามาในรถ ผมรีบกดส่งข้อความไปหาเฮียเกริกแทน

   //เฮียผมไม่กลับบ้านน่ะ ผมจะไปหาเพื่อนนะครับ ฝากบอกม๊าด้วยครับ ไม่ต้องเป็นห่วง // ผมกดส่งข้อไปหาเฮียเกริกแทน ก่อนจะรีบขับรถออกทันที ผมหันมามองกันตภณ ที่หลับใหลไม่ได้สติ ผมดึงมือนั้น มือที่ผมเคยกุมเอาไว้มากุมไว้อีกครั้ง

   ผมจำได้ดี วันที่ผมรู้จักกันตภณ ในห้องอาหารของโรงเรียน ผมรู้ว่าเขาเป็นเหมือนผม อยู่ในกลุ่มชายรักชาย แต่ผมก็ยังไม่กล้าบอกความในใจกับกันในตอนนั้น ผมเลือกไปเรียนพิเศษที่เดียวกับกันตลอดจนเริ่มสนิทกันมากขึ้น ผมรู้ว่าป๊าเขาดุมากมีรถมารับมาส่งเขาตลอด และกันก็ต้องเรียนหนักมาก ขนาดผมเองถูกแพลนไว้ว่าต้องเป็นหมอยังไม่หนักเท่ากันตภณเลย เห็นเขาเรียนพิเศษทุกวัน ทั้งที่กันตภณเป็นคนเรียนเก่งอยู่แล้ว ผมแอบชอบกันมานานมาก ผมพยายามสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่กันตภณสอบติด และพอเข้ามหาวิทยาลัยเดียวกันก็ได้มาอยู่หอในนั่นแหละผมถึงได้มีโอกาส ได้บอกความในใจกับกัน และนั้นคือการเริ่มต้นความรักของผมกับกัน

   เราคบกันนานหลายปี แบบหลบๆ ซ้อนๆ จนกระทั่ง กันจบมหาวิทยาลัยและกันตภณก็ไปเรียนปริญญาโทต่อจนจบผมก็เพิ่งจะจบแพทย์ และผมกำลังจะขอกันแต่งงาน แต่ความลับมันก็ไม่มีในโลก เมื่อป๊าของกันตภณจับได้ เขารับไม่ได้กับความสัมพันธ์ของผมกับกัน และนั้นเขาเลยไปทาบทามผู้หญิงที่ชื่อหลิน เธอทำงานอยู่ที่คุรุสภาเธอเป็นรุ่นน้องกันตภณสามปี และกันก็ต้องแต่งงานตามคำสั่งป๊าของเขา

   วันที่ผมเสียใจที่สุดคือผมต้องทนดูคนที่ตัวเองรักไปแต่งงานกับคนอื่น ไปนอนกับคนอื่น แถมยังมาหาผมเพื่อปรึกษาเรื่องการมีบุตรกับผมอีก ถามว่าผมเจ็บไหม ผมเจ็บมาก แต่หลังจากห้าปีผ่านไป ป๊าของกันก็เสีย และกันก็ขอหย่ากับหลินเพราะว่าเขาทั้งคู่ที่พยายามจะมีบุตรด้วยกันแต่ก็ไม่สามารถจนกระทั่ง กันมาตรวจกับผมอย่างละเอียดอีกทีนั่นแหละถึงได้รู้ว่า กันตภณเป็นหมันมานานแล้ว ผมกลับยิ้มดีใจผมกลัวเหลือเกิน ผมกลัวว่าถ้าหลินจะมีลูกกับกันและเรื่องระหว่างกันกับผมคงต้องจบ และช่วงนั้นผมกับกันตภณแอบมาคุยกันและนัดเจอกันบ้างแต่น้อยมาก ผมรักกันมากต่อให้เขาแต่งงานแล้วผมก็ตัดใจจากกันไม่ได้ เจ็บมากที่ต้องทำหน้าที่ได้แค่เพื่อนที่คอยมองเวลาเขาพาหลินมาเพื่อตรวจและหาวิธีที่จะมีลูกด้วยกัน

   จนกระทั่งวันที่กันได้หย่าขาดกับหลิน ทุกอย่างควรจะเป็นไปได้ด้วยดีถ้าไม่มี ผู้หญิงคนนั้นเข้ามา ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอคือน้องสาวของหลินและคืนที่ผมไม่ได้ตั้งใจมันเปลี่ยนทุกอย่างไปหมด กันตภณตัดขาดการติดต่อจากผมปีกว่าแต่ก็ยังคุยกันแบบไม่ให้ม๊าไม่สบายใจทุกครั้งที่ม๊าเขามาโรงพยาบาล พูดคุยกันแค่ในสถานะของเพื่อน จนถึงวันทีเขาโทรมาหาผมอีกครั้ง เขาบอกว่ามีเด็กที่เป็นลูกศิษย์ ของเขาตั้งครรภ์ ต้องการให้ผมดูแลน้ำเสียงที่ดูเป็นห่วงนั้น มันทำให้ผมเจ็บมากว่าตอนที่เขามีหลินซะอีก แต่ผมกลับไม่โกรธบีม ผมเห็นบีมแบบนี้แล้วผมสงสารบีมมากกว่าโกรธแค้น

   ผมพยุงกันตภณออกมาจากรถเก๋งของผมที่นำเข้ามาจอดในโรงจอดรถเรียบร้อยแล้ว โชคดีที่มีห้องรับแขกอยู่ชั้นล่าง ผมคงต้องให้กันนอนห้องนี้ก่อน ถามว่าเวลานี้คือโอกาสทองแต่ทำไมผมไม่ทำ เพราะผมรู้จักกันตภณดี ถ้าเขาไม่ให้ นั้นคือไม่ให้ ผมก็ปล่อยร่างนั้นนอนลงบนที่นอน



   “ภีมยังรักกันอยู่น่ะ ต่อให้กันจะบอกว่าเราไม่มีทางกลับมาเป็นเหมือนเดิมแต่ภีมก็ยังรักและยังรอกันอยู่ และจะรอตลอดไป ต่อให้ต้องรอ” ผมพูดกับคนที่ยังคงไม่รู้สึกตัว ผมค่อยๆ ถอดเสื้อผ้าของกันภณออกจนหมดและผมก็เดินไปหยิบภาชนะมาใส่น้ำเพื่อเช็ดทำความสะอาดร่างกายให้กัน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมทำแบบนี้ ผมดูแลกันมาตลอดตั้งแต่เป็นแฟนกัน ตอนกันเป็นไข้ไม่สบายก็ดูแลอย่างใกล้ชิดแบบนี้ ก่อนที่ผมจะลุกขึ้นไป ผมห่มผ้าห่มให้กัน ผมก้มลงจูบเบาๆ ที่หน้าผากของคนที่นอนหลับสนิท

      Part’ s กันตภณ ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับผมเมื่อคืน เหมือนกับความทรงจำผมขาดหายไปช่วงขณะหนึ่ง ที่ผมพอจะจำได้คร่าวๆ คือผมไปที่ผับนั้นอีกครั้ง ผมสมัครเมมเบอร์เพื่อจะได้เข้าไปที่นั้น ผมจะไปถามหาไอ้ผู้จัดการนั้นให้ได้ ผมเองยังไม่อยากเชื่อว่าเธียรวิชญ์ ผมไปนั่งดื่มเพื่อรอพบกับไอ้ผู้จัดการร้านคนเก่า แต่ผมดันไปเจอผู้หญิงคนหนึ่งเธอบอกว่าเธอเป็นผู้จัดการร้าน เธอก็พยายามชวนผมคุย แต่ผมหาได้สนใจเธอไม่ ผมดื่มแต่ไม่ถึงกับหนักและตั้งใจว่าจะกลับแต่ผมกลับรู้สึกมึนงงขึ้นมากะทันหัน และเริ่มควบคุมสติตัวเองไม่ได้ และผมก็จำได้แค่นั้น มารู้สึกอีกทีภาพที่เลือนรางของคนที่คุ้นเคยที่เข้ามาพยุงผมพาผมออกจากตรงนั้นและนั้นภาพมันก็ตัดไปเลย จนตอนนี้

   “โอ๊ย!!” ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นด้วยความยากลำบาก หนังตาที่หนักอึ้งจนเหมือนมีก้อนหินมาทับอยู่ ผมค่อยๆ ยกฝ่ามือขึ้นมากุมขมับตัวเองเอาไว้ ก่อนจะฝืนลืมตาขึ้นอีกครั้ง ผมมองเห็นฝ้าเพดานที่ไม่เหมือนห้องนอนของผมสักนิดแต่มันคุ้นเคยมาก ก่อนจะพลิกมองไปรอบด้าน ผมรู้ได้ทันทีว่าผมอยู่ที่ไหน โชคดีที่ผมไม่ได้ตื่นมาแล้วตัวเองนอนอยู่ในโรงแรมล่ะ ผมไม่เคยพลาดเรื่องแบบนี้เลยแต่ครั้งนี้ผมพลาดมาก ผมก้มลงมองลำตัวที่มีผ้าห่มปิดอยู่ครึ้งท่อน ไม่ต้องเปิดดูก็รู้ว่าไม่มีเสื้อผ้าอาภรณ์ใดๆ ปิดกายอยู่เลย

   “กัน” ผมสะดุ้งสุดตัว คนที่มาเรียกผมคนนั้นคือ หมอภีมปภพ เขาเดินถือถาดมาด้วย ผมหันไปมองเขาก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง

   “ทำไมต้องไปที่นั้นอีกละกัน ภีมบอกว่าที่นั้นมีอะไรที่ไม่ดี ถ้าภีมไปไม่ทันละกัน “หมอภีมปภพพูดกับผมก่อนจะส่งเม็ดยามาพร้อมกับแก้วน้ำมาให้

   “กินซะ ภีมรู้ว่ากันปวดหัวแน่ๆ “หมอภีมบอกผมก่อนจะส่งยามาให้ผม

   “และโชคดีแค่ไหนที่ภีมไปพาตัวกันออกมาซะก่อนที่จะโดนชะนีลากไป “ผมเงยหน้าขึ้นมองหน้าภีมปภพ

   “คิดว่าจะเหมือนที่ภีมทำกับกันเหรอ” ผมถามคนตรงหน้า

   “กัน เรื่องมันผ่านมาแล้วน่ะ ภีมรู้ว่าภีมผิด และภีมก็ไม่รู้ว่าเขาต้องการจะทำให้กันเจ็บ แต่มันไม่ใช่ว่ากันเจ็บคนเดียวน่ะ ภีมก็เจ็บน่ะ เจ็บไม่แพ้กันเลยน่ะกัน “ภีมปภพพูดก่อนจะนั่งลง

   “แล้วมันควรไหม ที่จะนอกกายแถมยังไปนอกกายกับน้องสาวของหลิน ทั้งที่หลินก็รู้เรื่องภีมกับกัน เขารู้เรื่องนี้ดีและรู้มานานแล้วด้วยและหลินเลือกที่จะไม่พูด” ผมพูดพร้อมกับหันไปมองทางอื่นแทน

   “กัน ภีมขอโทษ ภีมไม่รู้ ว่าหมอสายป่านคือน้องสาวของหลิน และคืนนั้น ภีมก็ไม่รู้ตัวว่าตัวเองทำอะไรลงไป”

   “มันแค่ครั้งเดียวเองน่ะกัน ภีมเจ็บพอแล้วกัน” ภีมปภพพูดก่อนจะพยายามดึงผมเข้าไปกอด แต่ผมก็พยายามดันหมอภีมออก ผมพ่นลมหายใจออกยาวๆ

   “พอแล้ว จะกลับบ้านแล้ว ป่านนี้ม๊าเป็นห่วงแย่แล้ว “ผมพูด ผมพยายามจะไม่มองสายตาคู่นั้น มันอ้อนผมตลอดเวลา

   “เมื่อวานภีมส่งข้อความหาพี่เกริกแล้ว แต่บอกว่าภีมไปค้างบ้านเพื่อน ไม่ได้บอกว่าเมื่อคืนกันเมา” หมอภีมปภพบอกผม และเขายามาจ่อไว้ที่ปากของผม

   “กัน กินยาก่อนได้ไหมอย่าดื้อ กินซะ “และนั้นทำให้ผมต้องรีบรับเม็ดยามาทานเอง ก่อนจะหันไปรับแก้วน้ำกระดกน้ำไป

   “แล้วรู้ได้ยังไง ว่ากันไปที่นั้น” ผมหันมาถามหมอภีมปภพ เขาแค่หันมาชำเลืองตามองผม

   “ดูจากแอพพลิกเคชั่น คนห้า ภีมตั้งเอาไว้นานแล้วแสดงว่ากันยังใช้แอคเคท์เดิม” หมอภีมปภพบอกผม

   “อันที่จริง ภีมเดาว่า กันรู้ตั้งแต่นาทีแรกที่เห็นหน้าเจ้าลูกโซ่แล้ว ใช่ไหม ว่าใครคือพ่อเด็กตัวจริง “หมอภีมปภพพูด ผมเงยหน้ามองหน้าเขา ก่อนจะหลุบตาลง มองลอดเข้าไปในผ้าห่ม

   “ยอมรับว่ากระทำการอันอุกอาจแก้ผ้าออก ทั้งที่ยังไม่อนุญาตให้ภีมถูกเนื้อต้องตัวของกัน เพราะว่าเราไม่ใช่แฟนกันเหมือนเมื่อก่อน” หมอภีมปภพูดกับผม

   “เสื้อผ้าล่ะ อยู่ไหน “ผมหันมาถามหมอภีมปภพ

   “แขวนเอาไว้ให้แล้ว ซักรีดให้กันแล้วด้วยน่ะ “หมอภีมปภพพูด ผมรีบลุกขึ้น ผมยอมรับว่าผมกับหมอภีมปภพ ไม่ใช่แค่เพื่อนสนิทกันมาก่อน แต่มันมีหลายสิ่งที่ทำให้ผมไม่อยากจะดึงภีมกลับมาอยู่ในวังวนเดิมๆ เมื่อก่อนป๊าผมไม่ชอบความรักแบบนี้ พ่อของภีมก็ไม่ชอบแต่ด้วยความที่ภีมเป็นลูกชายคนเดียว ถึงเขาไม่ต้องพูดหรือว่าแสดงอาการชัดเจนเหมือนป๊าผม ผมก็เดาได้จากสายตาทุกครั้งที่ผมไปบ้านเขา ว่าเขาอยากให้ลูกเขามีครอบครัวที่ปกติเหมือนคนทั่วไป

   “หมับ” หมอภีมปภพ คว้าข้อมือผมเข้าไว้และเข้ามากอดผม เรือนร่างที่เปลือยเปล่าไม่มีเสื้อผ้าสวมใส่สักชิ้น

   “ภีม ปล่อย “ผมพูดก่อนจะพยายามสูดลมหายใจเข้า ผมเองก็ไม่อยากใช่กำลังกับคนที่เคยรัก รักมากแต่ก็เจ็บมาก

   “ภีมปล่อย บอกให้ปล่อยไง!” ผมพูด พร้อมกับใช้แขนผมดันผลักแขนหมอภีมที่กอดผมเอาไว้จนหลุดออก ผมหันมามองหน้าภีม และหันหลังจะเดินออกจริงๆ

   “กัน น้องเขารู้เรื่องกันกับภีมแล้ว” หมอภีมปภพพูด ผมหยุดชงัก ก่อนจะหันไปมองหน้าเขา

   “เมื่อไหร่!” ผมถามหมอภีมปภพ

   “วันที่เขาพาเจ้าลูกโซ่ไปฉีดวัคซีนภีมบอกเขาเอง แต่ว่าบีมเขารู้ตั้งแต่ ที่เห็นเสื้อเชิ้ตที่กันสวมในวันที่ไปเปลี่ยนที่ห้องพักแพทย์ของภีม “ผมก็นิ่งไปพักหนึ่ง วันต่อมาผมสวมใส่มันอีกและบีมทักผมว่าเสื้อตัวนั้นหน้าตาคุ้นๆ ผมสะบัดแขนหมอภีมให้เขาปล่อยผม

   “กัน เขาบอกว่าเสื้อตัวนั้น เขาก็เป็นคนซื้อให้กันและกันก็ใส่มันวันที่มีงานเลี้ยงส่งอาจารย์ที่เกษียณอายุ น่าจะเมื่อสองปีก่อน “หมอภีมปภพพูด “วันนั้นภีมไปรับกันออกมาจากงานและเราก็มาค้างกันที่โรงพยาบาล เพราะว่าภีมมีเครสด่วน “หมอภีมปภพพูด ใช่และผมทำแบบนั้นจริง และนั้นคืออารมณ์ที่เผลอไปของผมทั้งที่ผมเลิกกับภีมปภพไปได้สองสามปีแล้ว และนั้นก็แค่ครั้งเดียวของผมกับภีมจริงๆ

   “กันไปหาไอ้ผู้จัดการคนเก่าทำไมล่ะ ในเมื่อกันก็รู้ความจริงตั้งแต่วันที่กันไปพบมันแล้วไม่ใช่เหรอ” หมอภีมปภพถามผม ผมหันไปมองหน้า

   “ใช่ ภีมตามกันไป และภีมก็คิดว่ากันรู้ก่อนที่บีมจะคลอดซะอีก กันรู้ว่าใครคือพ่อเด็กจริงๆ “ผมนิ่งเงียบใช้รู้มาตลอดมาคืนนั้นคนที่ไปทำแบบนั้นคือหลานผมเอง

   “ใช่ไหมกัน”

   “ใช่!! กันรู้ ว่าคนที่ทำกับบีมคืนนั้นคือหลานของกันเอง และคนที่หลานกันมันทำคือคนที่ กันรัก!! “ผมหันไปบอกหมอภีมปภพ เขายืนมองผมด้วยสีหน้าและแววตา ที่เจ็บปวดแต่ผมเจ็บมากกว่านี้อีก วันที่ผมมาหาเขาและเปิดประตูมาเจอเขานอนอยู่กับผู้หญิงคนนั้น

   “แต่กันไม่ใช่พ่อของเด็ก แล้วกันจะเอาน้องเขามาทำไม กันก็ควรจะให้คนที่เป็นพ่อเด็กเขาดูแลซิกัน” ผมหันไปมองหมอภีมปภพ

   “ทำไมล่ะกัน และนั้นก็หลานกันไม่ใช่เหรอ เธียรวิชย์น่ะ”

   “ใช่หลานกันเอง แต่ว่า”

   “กันรักบีม และกันก็คิดว่าบีมจะไม่ทำเหมือนที่ ภีมทำไงและนี้ ก็ไม่ใช่ความผิดของบีมเขา ถ้าวันนั้นกูห้ามเขาไม่ให้เขาไปทำงาน เรื่องพวกนี้ก็ไม่เกิดขึ้นไหมว่ะ” ผมพูด ผมมองหน้าหมอภีมปภพ

   “ปล่อย….จะกลับบ้าน “ผมพูดและสะบัดและรอบนี้ผมสะบัดจนหลุดมาได้

   “กัน ภีมยังรักกันอยู่น่ะ และวันนั้น ภีมก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะไปมีอะไรกับเขา เขาแค่ต้องการมาทำให้กันกับภีมมีปัญหากัน แค่นั้น “หมอภีมปภพพูด

   “เรื่องทั้งหมดมันเกิดจากเพราะภีมเองไม่ใช่เหรอที่ไม่รู้จักพอไงภีม” ผมพูดก่อนจะรีบเดินเข้าห้องน้ำไปทันที ไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนจะรีบออกไปทันทีเช่นกัน ผมดูใจร้ายแต่การที่คนรักนอกกายมันเจ็บมากกว่า และการเสียชีวิตของป๊าผมมันก็มาจากที่ผมกลับไปมีสัมพันธ์กับภีมอีกครั้งจนป๊าเครียด แต่ผลที่ผมได้รับหลังจากนั้นคือคนรักนอกกายไปนอนกับคนอื่น ผมรีบเดินลงมาชั้นล่าง และสิ่งที่ทำให้ผมแปลกใจคือรถผมมาจอดที่หน้าบ้านภีมปภพ ผมรีบเข้าไปในรถคันหรูของผม

   //รองศาสตราจารย์ค่ะ มีประชุมด่วนค่ะ รบกวนอาจารย์เข้ามาที่คณะได้ไหมคะ//

   //ได้ครับผมจะเข้าไปเดี๋ยวนี้// ผมกดวางสายผ่านบลูทูธก่อนจะเดินรีบขับรถออกไป และขับตรงไปที่มหาวิทยาลัยทันทีทั้งที่วันนี้ผมไม่มีสอน


   TBC...

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
           
EP.39อาจารย์กัน รู้ความจริงแล้ว

               Part’ s กันตภณ ผมพูดก่อนจะรีบเดินเข้าห้องน้ำไปทันที ไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนจะรีบออกไปทันทีเช่นกัน ผมดูใจร้ายแต่การที่คนรักนอกกายมันเจ็บมากกว่า และการเสียชีวิตของป๊าผมมันก็มาจากที่ผมกลับไปมีสัมพันธ์กับภีมอีกครั้งจนป๊าเครียด แต่ผลที่ผมได้รับหลังจากนั้นคือคนรักนอกกายไปนอนกับคนอื่นอันนี้เจ็บยิ่งกว่าหลายเท่า เจ็บจนไม่อยากกลับไป ผมรีบเดินลงมาชั้นล่าง และสิ่งที่ทำให้ผมแปลกใจคือรถผมมาจอดที่หน้าบ้านภีมปภพ ผมรีบเข้าไปในรถคันหรูของผม

         //รองศาสตราจารย์ค่ะ มีประชุมด่วนค่ะ รบกวนอาจารย์เข้ามาที่คณะได้ไหมคะ//เสียงเจ้าหน้าที่ที่ดูแลคณะของผมโทรมาบอกผมด้วยน้ำเสียงที่ร้อนรน

         //ได้ครับผมจะเข้าไปเดี๋ยวนี้// ผมกดวางสายผ่านบลูทูธก่อนจะเดินไปขึ้นรถและรีบขับรถออกไป 

      ผมขับตรงไปที่มหาวิทยาลัยทันทีทั้งที่วันนี้ผมไม่มีสอน น่าจะเป็นเรื่องด่วนมาก ผมใช้เวลาไม่นานก็มาถึงมหาวิทยาลัย ผมรีบเดินตรงไปยังห้องประชุมของคณะทันที ระหว่างที่ผมกำลังเดินตรงผ่านไป ผมเห็นแพรวากำลังยืนคุยกับอาจารย์เปรมสินี ผมเลือกที่จะหยุดเดิน ผมไม่เคยเสียมารยาทในการแอบฟังคนอื่นมาก่อนแต่ว่าครั้งผมจำเป็น แต่ผมคิดว่าเธอไม่ได้มาดีแน่ๆ สังเกตจากที่แพรวาจ้องมองบีมเมื่อเห็นเธียรพาบีมขึ้นบนบ้านในฐานะ ภรรยาของเขาที่ไม่ใช่เธอที่ตามเธียรวิชย์มาตั้งแต่เด็ก สายตาคู่นั้นจ้องมองด้วยความเกลียดชัง

      “แต่เราไม่มีระเบียบข้อนี้น่ะแพรวา ที่จะไม่ให้คนที่ท้องและคลอดลูกแล้วมารับปริญญาบัตรได้ และกันต์ธีย์เขาก็เรียบจบตามที่มหาวิทยาลัยกำหนดทุกอย่าง”

      “แต่หนูไม่ต้องการให้มันเข้ารับปริญญาอะไรทั้งนั้น!”

      “เธอก็ได้ไปแล้วนี่ เกียรตินิยมรองอันดับสองน่ะ แทนเขาไปแล้วแพรวา!”

      “ตอนนั้นหนูแค่อยากได้เพื่อไปเอารางวัลจากคนที่หนูรักแต่นี้ มันดันมาแย้งของรักหนูไป ก็ถือว่ามันช่วยไม่ได้ อาจารย์ต้องช่วยหนูจัดการเรื่องนี้ ไหน ไหน เราก็เล่นเกมด้วยกันมาพักใหญ่แล้ว”

      “เธอขอมากไปแล้วน่ะ แพรวา”

      “แล้วตำแหน่งรองศาสตราจารย์ละคะ ขอมากไปไหมคะ ทั้งที่ความสามารถไม่ถึง ถ้าหนูเอาคลิปทีอาจารย์คุยกับหนูไปประจาน อาจารย์จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนคะ ถ้าทุกคนรู้ความจริง ว่าอาจารย์ไต่เต้าเร็วเพราะอะไร” แพรวาพูด

      “แพรวา!!”

      "ไหนอาจารย์บอกว่าจะส่งนางบีมนี้ไปให้ใคร ไม่ส่งไปละคะ เพื่อว่าคนนั้นจะสนองความอยากมันและมันจะได้ไปจากพี่เธียรของแพรวา" แพรวาพูด นั้นแหละว่าวันที่บีมโดนวางยาอาจารย์เปรมสินีก็อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้

      "เรื่องนั้นไม่ใช่เรื่องที่เธอควรจะรู้แพรวา ระวังนะพ่อเธออาจจะเดือดร้อน ฉันเตือน!" อาจารย์เปรมสินีพูด

      "ไม่ได้อยากยุ่งหรอกนะคะแต่อยากให้อาจารย์จัดการอีบีมให้แพรวา นี้ค่ะที่แพรวาต้องการตอนนี้"แพรวานี่ก็อีกคน แต่ผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร

      “ อ้อ! เห็นอาจารย์บอกว่ามีของดี ส่งให้แพรวาด้วยค่ะ อันนี้คือรางวัลของแพรวา ที่แพรวาช่วยให้อาจารย์ได้ทำหน้าที่กรรมการพิจารณาตัดสินนักศึกษาที่เขารับเกียรตินิยมของคณะค่ะ” และผมก็ต้องรีบเดินผ่านไป ก่อนที่แพรวาจะเดินออกมาเจอว่าผมดักฟัง แพรวาเธอนิสัยเสียมาตั้งแต่เด็ก ร้องเอาของคนอื่น และยิ่งมีพ่อแม่หนุนลูกจนไม่มองว่าที่เขาทำอยู่น่ะผิดหรือถูก เพราะวคำว่ารักลูกมาก เพราะมีลูกยาก และเป็นลูกสาวคนเดียวอีก และพ่อของเธอก็เคยเป็นเพื่อนรักของพี่เกริก แถมปู่ของเธอก็เป็นเพื่อนรักที่ป๊าร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา จนก่อตั้งโรงเรียนและมันก็เป็นมรดกตกทอดเพื่อรุ่นหลานๆ ของผม แต่เธอกลับเอาตรงนี้มาเป็นข้อต่อรอง เพื่อให้เธียรวิชญ์ทำเหมือนกับเป็นคนรักของเธอ จนหลานผมต้องหนีไปเรียนเมืองนอก

         ผมเดินเข้าไปในห้องประชุมการประชุมก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับคณะทั้งนั้น ผมก็นั่งฟังจนกระทั่งรองศาสตราจารย์เปรมสินีเดินเข้ามานั่ง เธอกล่าวขอโทษขอโพยคนอื่นพร้อมข้ออ้างว่าเธอติดสายด่วนจากทางบ้าน แต่ที่จริงเธอไปคุยข้อตกลงกับแพรวาอยู่ ผมนั่งจนประชุมเสร็จเรียบร้อย ผมก็รีบเดินออกเพื่อตามอาจารย์เปรมสินีไปติดๆ ทันที เรื่องที่ประชุมวันนี้ก็ไม่ได้เป็นอย่างที่ผมคิด ผมค่อยโล่งอกไปหน่อย

      “อาจารย์เปรมสินีครับ” ผมเรียกเธอไว้ได้ทัน เธอหันมามองผม สีหน้าแววตาที่เหมือนเธอไม่ได้แอบทำเรื่องไม่ดีเอาไว้เลยสักนิด

      “ว่าไงคะอาจารย์กันตภณ แม้ไม่ค่อยได้เจอเลยนะคะ ได้ข่าวว่ายุ่ง เป็นพ่อลูกอ่อน” อาจารย์เปรมสินีพูด ก่อนจะเอียงคอมองผม

      “ผมไม่จำเป็นต้องรายงานคุณหรอกเพราะว่าคุณรอบรู้ไปหมด ภาษาบ้านๆ เขาเรียกชอบสอดรู้สอดเห็นนะครับ” ผมพูด เปรมสินีถึงกับชักสีหน้าแสดงอาการไม่พอใจผมขึ้นมาทันที

      “นี้อาจารย์กัน มันจะมากไปแล้วนะคะ” น้ำเสียงที่ฟังดูรู้ว่าเธอคงโกรธผมจนมือไม้สั่น

      “ผมว่าไม่มากไปหรอกครับ สำหรับคนที่มีจิตใจแบบคุณ” “ผมหันมาพูดใส่หน้าเธอทันที

      “ถ้าผมเป็นคุณน่ะ การที่กล้าทำเรื่องแย่ๆ แบบนี้ได้ ในอาชีพที่ใครก็เรียกว่าแม่พิมพ์ของชาติ แต่กลับมาทำร้ายนักศึกษาเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนดีถ้าทุกคนในมหาวิทยาลัยรู้เรื่องนี้ ผมว่าอยู่บนบ่ามันก็สูงเกินไปนะครับคุณ “ผมพูด

      “คุณพูดเรื่องอะไรฉันไม่รู้เรื่อง” อาจารย์เปรมสินีทท่าจะหันหลังเดินออก

      “คุณทำได้ยังไงครับ คุณทำกับนักศึกษาลงได้ยังไง เพื่อให้คุณได้ตำแหน่งรองศาสตราจารย์มา เขาไปทำอะไรให้คุณ เขาเป็นแค่นักศึกษาคนหนึ่ง แต่คุณกับเอาเขามาเป็นเครื่องมือหาผลประโยชน์ใส่ตัวคุณเอง และนี้คุณยังจะกล้าทำกับเขาต่ออีกเหรอครับ”

      “คุณไม่น่าเกิดมาเพื่อเป็นครูอาจารย์ให้คนอื่นเขานับถือเลยครับ เพราะว่าคุณค่าในตัวคุณเองก็ไม่มีเหลือ แถมจรรยาบรรณความเป็นครูบาอาจารย์ก็ไม่มีเหลือแล้วเช่นกัน” ผมพูด

      “ผมเสียดายความสามารถของคุณน่ะ คุณเป็นคนเก่งนะครับ แต่แค่ตำแหน่งที่คุณต้องการมันมาช้าไป จนคุณรอไม่ได้ต้องลดตัวลงไป เป็นคนรับใช้ให้คนพาล คุณก็ไม่ควรค่าให้ใครยกมือไหว้ แม้แต่นักศึกษาเองก็เถอะ” ผมพูดทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนจะเดินออกไป ผมรีบเดินเข้าไปในลิฟต์ เพื่อลงไปชั้นล่าง และจังหวะนั้นลิฟต์ถูกเปิดออกโดยอาจารย์ท่านหนึ่งเดินเข้ามาในลิฟต์ เขายืนรอจนประตูลิฟต์ปิดลงก่อนจะหันมาหาผม

      “อาจารย์ค่ะ ดิฉันว่าจะคุยกับอาจารย์เรื่องอาจารย์เปรมสินี หลายครั้งแล้วค่ะ ดิฉันเห็นเธอลับๆ ล่อ ๆ ถ่ายรูปอาจารย์กับกันต์ธี ตั้งแต่ตอนที่กันต์ธีย์ยังมาช่วยงานอาจารย์อยู่นะคะ “ผมหันมามองอาจารย์กรองแก้ว

      “เขารู้ว่าอาจารย์นำเสนอชื่อ นายกันต์ธีร์เข้ารับการคัดเลือกและเขาก็รู้อีกว่ากันต์ธีร์ทำงานหาเงินตอนกลางคืน “ผมหันไปมองหน้าอาจารย์กรองแก้ว

      “เขาเอาเรื่องนี้มาพูดก่อนที่อาจารย์จะเข้าไปขอยกเลิกไม่ให้กันต์ธีร์เข้ารับคัดเลือกนะคะ “ผมยืนสุดลมหายใจออกยาวๆ

      “ส่วนแพรวานี้ก็มาหาอาจารย์เปรมสินี เพื่อให้ได้ส่งรายชื่อเข้าคัดเลือกโดยยื่นข้อเสนอ ให้พ่อเธอเซนต์เสนอตำแหน่งรองศาสตราจารย์เพิ่มอีกคน ซึ่งพวกเราเห็นว่ามันเร็วเกินไปสำหรับอาจารย์มาใหม่อย่างอาจารย์เปรมสินี” ผมพยักหน้า

      “ผมคิดว่าผมควรจะส่งตรวจสอบเรื่องนี้”ผมพูด

      . “ดิฉันจะให้ความร่วมมือกับอาจารย์ถ้าอาจารย์ต้องการค่ะ ดิฉันไม่เห็นด้วยกับการที่อาจารย์ทำอยู่นะคะ ไม่ได้มีความโกรธแค้นส่วนตัวแต่อย่างใด แต่ดิฉันคิดว่าเธอมีอะไรที่ซ้อนอยู่เบื้องหลังนะคะ ” อาจารย์กรองแก้วบอกผม ผมพยักหน้า จังหวะที่ประตูลิฟต์เปิดออก อาจารย์กรองแก้วเดินแยกออกไปพอดี และคนที่ผมควรจะเข้าไปขอความช่วยเหลืออีกคนคือคนที่ผมไม่ได้พูดคุยกับเขามานานมาก หลายปี นับจากที่เราแยกกัน หลินทำงานอยู่ด้านจรรยาบรรณและวิชาชีพ ผมต้องขับรถไปที่นั่น ในวันนี้ เพื่อคุยกับเธอ ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยที่ผมสอนเท่าไหร่ แต่ผมกลับไม่เคยแวะไปหาเขาสักที

      “สวัสดีครับ ผมมาขอพบ คุณศรัญญาครับ” ผมเดินมาติดเจ้าหน้าที่ คนหนี่ง ผมหันไปเห็นห้องทำงาน หัวหน้า ป้ายหน้าห้องคือชื่อของหลิน ผมไม่ได้เจอเธอมาหลายปีแล้ว

      “สักครู่นะคะ” เธอบอกผมก่อนจะเดินเข้าห้องนั้นไป

      “เชิญค่ะคุณกันตภณ” เขาผายมือให้ผมเดินเข้าไปในห้องนั้น ผมเดินไปหยุดหน้าโต๊ะทำงานนั้น หลินเงยหน้าขึ้นมามองผม หลินเป็นผู้หญิงที่สวยในแบบฉบับที่เธอเป็น หลินเงยหน้ามองผม ก่อนจะวางปากกาลง หลินทำงานอยู่ในตำแหน่งหัวหน้างาน เธอมีอำนาจพอะจะส่งคนเข้าไปตรวจสอบหากมีบางสิ่งที่ไม่โปร่งใส

      “พี่กันมาหาหลินเหรอคะ”

      “ใช่ครับหลิน สบายดีไหมครับ”

      “เกือบห้าปีแล้วนะคะ ที่ไม่ได้คุยกัน หลินสบายดีค่ะและพี่กันน่าจะสบายดีนะคะ หลินเจออาม่าบ่อยที่โรงพยาบาลนะคะ เจอหลินก็เข้าไปทักทายท่านค่ะเพราะว่าตอนที่หลินอยู่บ้านท่าน ท่านก็ดูแลหลินอย่างดี เป็นผู้ใหญ่ที่หลินนับถือค่ะ “หลินพูด พร้อมกับเอามือมาประสานกันไว้เพราะตอนหลินอยู่เธอก็ทำหน้าที่ลูกสะใภ้อย่างดีเช่นกัน ตอนเลิกกันผมกับหลินก็เลิกกันด้วยดีไม่ได้มีปากเสียงอะไรกัน

      “หลิน เพิ่งจะไปโรงพยาบาลพี่ภีมมาค่ะ หลินได้เจอเด็กคนนั้นด้วยนะคะ คนที่พี่กันรับจะเป็นพ่อเด็กนะคะ น้องน่ารักดีนะคะ หลินเสียดายแทนตัวเองจังค่ะ” ถึงกับตกใจที่ได้ยินที่หลินพูดเรื่องเด็กที่มีลูก หลินน่าจะหมายถึงบีม

      “หลินพี่ขอโทษ หลินไม่ใช่ไม่ดีพร้อม หลินดีมากแต่พี่เองต่างหากที่ไม่ดีพอ” ผมพูด

      “พี่เป็นผู้ชายที่หลินอยากได้พี่เป็นผู้ชายที่สมบูรณ์แบบและตลอดเวลาห้าปีที่เราแต่งงานกันพี่ให้เกียรติหลินมาก แม้จะไม่ได้รักใคร่ ถึงแม้พี่จะแอบไปหาความสุขตัวเองบ้างแต่พี่ก็ให้เกียรติหลินไม่เคยพาเขาคนนั้นมาหยามหลิน และทุกครั้งที่เราออกไปข้างนอกด้วยกัน พี่ก็ให้หลินเป็นที่หนึ่ง” หลินบอกผม ผมยอมรับว่าใช่

      “ขนาดหลินตั้งใจที่จะให้พี่พาหลินไปหาหมอภีม เพื่อให้หมอภีมรู้ว่าหลินรู้เรื่องพี่กับเขา พี่ยังให้เกียรติหลินมากทั้งที่ตอนนั้นพี่ก็เจ็บไม่แพ้กัน” หลินพูด

      “หลินไม่โกรธพี่แล้วค่ะแต่หลินอยากให้พี่คิดดูให้ดีดี การที่พี่ทำแบบนี้ เพื่อให้หมอภีมตัดใจจากพี่แล้วพี่กลับเป็นคนที่เจ็บ พี่จะทำแบบนั้นทำไหมคะ” หลินพูดกับผม นี้เขาติดตามเรื่องของผมตลอดแต่ผมซิ แทบจะไม่มีเวลาติดตามเขาเลยว่าเขาเป็นยังไงบ้าง

      “เพราะว่าพี่หมอภีมเขาเป็นลูกชายคนเดียวใช่ไหมคะ พี่ถึงไม่ยอมกลับไป” หลินถามผม

      “และการที่พี่อยากรับผิดชอบเด็กคนนั้นเพื่อให้หมอภีมตัดใจจากพี่จริงๆ น่ะ พี่คิดว่ามันไม่ใจร้ายไปหน่อยเหรอคะพี่กัน” ผมมองหน้าหลิน

      “หลินทราบมาว่าหมอภีมปภพคือหมอเจ้าของไข้น้องเขา พี่เลือกไปฝากกับหมอภีมเพราะพี่อยากให้หมอภีมรู้ว่าพี่ไปคบกับน้องเขาใช่ไหมคะ” หลินพูด

      “ทั้งที่พี่ก็รู้อยู่ว่าใจพี่รักใครอยู่ พี่ก็รู้ดีไม่ใช่เหรอคะว่ามันทรมานแค่ไหนถ้าต้องทนเป็นคนที่พยายามที่จะรัก หลินน่ะเข้าใจมันดีทีเดียวค่ะ “หลินพูด

      “เด็กคนนั้นน่ะ เขาไม่ได้มีลูกกับพี่หรอกครับหลิน” ผมบอกกับหลิน

      “หลินทราบค่ะ สายป่านบอกหลินหมดแล้ว และหลินก็ดูออกว่าเด็กนั้น ลูกใคร” หลินพูด

      “หลินอยู่กับครอบครัวพี่มาห้าปีนะคะ หลินเห็นแว๊ปเดียวหลินก็เดาได้เลยว่า ลูกของเธียรวิชย์” หลินพูด

      “ฟู่!!” ผมพ่นลมหายใจออกมายาวๆ

      “เขาไปอยู่ด้วยกันแล้วหลิน” ผมพูด

      “ถ้าการที่พี่ต้องการให้หมอภีมอยู่ห่างพี่เพราะว่าหลิน หลินขอโทษค่ะ ที่หลินขอพี่ไปวันนั้น แต่วันนี้หลินขอถอนคำพูดนั้น พี่กลับไปหาหัวใจตัวเองเถอะนะคะ” หลินพูดกับผม

      “เรื่องมันผ่านไปแล้ว ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะมาคิดโกรธแค้นกัน เราน่ะเป็นเพื่อนกันได้นี่ค่ะพี่กัน “หลินยิ้มให้ผมพร้อมกับกุมมือผมเอาไว้ ผมพยักหน้า

      “แล้ววันนี้พี่กันมาหาหลิน พี่มีเรื่องอะไรให้หลินช่วยใช่ไหมคะ” หลินถามผม

      “หลิน พี่ เออ พี่ อยากให้หลินช่วย ตรวจสอบความไม่โปร่งใส่ ของตำแหน่งอาจารย์ในมหาวิทยาลัยให้พี่หน่อยครับ” ผมพูดกับหลิน ผมรู้สึกผิดที่ไม่ได้ติดต่อหาเธอเลยตั้งแต่เลิกรากันไป

      “คือว่าอาจารย์คนนี้เขาได้ตำแหน่งรองศาสตราจารย์มาด้วยความไม่โปร่งใส และเด็กคนที่ท้องตอนแรกพี่เสนอชื่อเขาเข้ารับการคัดเลือก เกียรตินิยมอันดับสอง แต่เขาก็มามีเรื่องซะก่อน และจู่ๆ แพรวา ลูกสาวเพื่อนของพี่ชายพี่น่ะ ที่ชอบมาตามติดเธียรวิชญ์ก็ได้ไป มันมีอะไรหลายอย่างที่ไม่ถูกต้อง แม้กระทั่งคนเซนต์อนุมัติเองก็เช่นกัน “ผมพูดให้หลินฟัง

      “พี่กันกำลังหมายถึงท่านอธิการบดีเหรอคะ” หลินถามผม ผมพยักหน้า

      “พี่ไม่แค้นเคืองอะไรเขาเป็นการส่วนตัวแต่พี่คิดว่าเขาทำไม่ถูกแถมเขายังจะทำให้เด็กคนหนึ่งต้องมามัวหมองอีก พี่ที่เป็นอาจารย์เขา ก็ควรทำอะไรสักอย่าง” ผมพูดพร้อมกับมองหน้าหลิน

      “หลินจะจัดการให้ค่ะ หลินจะทำหนังสือเข้าไปขอตรวจสอบ หลินรบกวนพี่เขียนหนังสือเป็นรายลักษณ์อักษรมายื่นให้หลินได้ไหมคะ “หลินบอกผม มุมปากผมกระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้ม

      “ได้ครับหลิน พี่ขอบคุณมากนะครับ”

      “ไม่เป็นไรค่ะ” หลินตอบผม

      “เด็กๆ เป็นไงบ้าง ลูกของหลินกับแฟนใหม่หลินน่ะ” ผมถามถึงลูกๆ ของหลิน ผมดูจากชุดทำงานเธอกำลังใส่ชุดคลุมท้องอยู่

      “เด็กๆ สบายดีค่ะ และนี่หลินก็กำลังท้องลูกคนที่สี่ค่ะพี่กัน” หลินตอบ

      “ยินดีด้วยนะหลิน ม๊าพี่บ่นหาหลินอยู่น่ะ” ผมพูด

      “ช่วงนี้หลินยุ่งมากเลยไม่ได้แวะไปหาท่านที่บ้านเลยค่ะ หลินขอโทษนะคะที่ไปทั้งที่หลินเลิกกับพี่แล้วแต่ว่า ม๊าน่ะดีกับหลินไม่แพ้กัน ส่วนป๊าพี่ก็มีบุญคุณกับหลิน ส่งให้หลินได้เรียนจนจบขนาดนี้ ห้าปีนั้น คือการชดใช้บุญคุณที่ท่านให้โอกาสหลิน” ผมยิ้มให้หลิน

      “ถ้าไม่ได้ท่านส่งให้หลินเรียน หลินคงไม่มีหน้าที่การงานแบบนี้ ขนาดพ่อแม่หลินเองยังมองว่าการศึกษาไม่ใช่ของลูกหญิงเลยนะคะ เขาคิดว่าแต่งงานไปก็คือไปเลี้ยงครอบครัวไม่เหมือนลูกชาย” หลินพูด ตอนที่หลินแต่งงานกับผมป๊าผมส่งให้หลินไปเรียนภาคค่ำ เธอเก่ง เธอพยายามจนเรียนจบปริญญาตรีและตอนนี้เธอจบปริญญาโทแล้ว

      “แต่ป๊าของพี่ เป็นคนที่มีความคิดที่ทันสมัยมาก ครอบครัวพี่น่ะโชคดีมากนะคะ” หลินพูด ผมยิ้มให้เธอ ทำไมหลานๆ ผมคิดว่าป๊าของผมเข้มงวดเกินไป น่าจะได้มาฟังอาหลินของพวกเขาพูดตอนนี้น่ะ

      “พี่กลับก่อนนะครับหลิน “ผมบอกเธอก่อนจะลุกขึ้น วันนี้ผมสบายใจแล้ว ผมคิดว่าหลินจะโกรธเกลียดผมจนไม่อยากจะมองหน้าผมเสียด้วยซ้ำ

      “พี่กันค่ะ “ผมกำลังจะหันหลังเดินออก

      “เรื่องที่พี่หมอภีมกับยายสายป่านนะคะ คืนนั้นน่ะ หลินไม่รู้ว่าน้องจะทำแบบนั้น “หลินพูดกับผม

      “เรื่องมันผ่านไปแล้วครับ พี่เข้าใจเธอน่ะ เธอคงอยากให้พี่รู้สึกเหมือนที่พี่เคยทำกับหลิน” ผมพูด

      “สายป่านบอกกับหลินว่า เขากับหมอภีมไม่ได้มีอะไรกันจริงๆ มันแค่การจัดฉากเท่านั้นและคืนนั้น หมอภีมเขาโดยยากล่อมประสาทนะคะ “ผมหันมามองหลินอีกครั้ง

      “จริงๆ ค่ะ “ผมนิ่งไปพักหนึ่ง

      “ที่เหลือก็แล้วแต่พี่จะตัดสินใจ ว่าพี่จะทำยังไง หลินขอโทษแทนสายป่านด้วยนะคะ เธอรักหลินมาก หลินก็รักน้องคนนี้มากเช่นกันเลยไม่กล้าที่จะบอกความจริง” หลินพูดกับผม ผมหันมายิ้มให้ หลินก่อนจะเดินออกมาจากห้องทำงานของหลิน

      ม๊า//ฮัลโหล อากันเหรอ วันนี้กลับบ้านหรือเปล่า ม๊าจะได้ทำอาหารไว้รอน่ะ///

      กัน//กลับครับม๊าแต่ผมว่าจะแวะไปดูลูกเจ้าเธียรซะหน่อย//

      ม๊า// ดีดี ไปดูหลานหน่อยน่ะ หลานมันน่ารักอ่ะ หน้าตามันเหมือนป๊ามันไม่มีผิดเลยน่ะ ม๊าก็เพิ่งจะกลับมา // ฟังจากน้ำเสียงของม๊าผม ดูม๊ามีความสุขมาก

      กัน//ครับม๊า แล้วผมจะรีบกับน่ะม๊า // ผมกดวางสายการสนทนาจากม๊าของผม ผมเป็นลูกหลงของม๊า จึงเป็นอาที่อายุไม่ห่างจากหลานชายมักเท่าไหร่ ความใกล้ชิดของผมกลับหลานจึงมาก เหมือนเพื่อน เหมือนพี่น้องกันมากกว่า ผมเคยเสียสละหลายอย่างให้เธียรวิชญ์ในฐานะที่ผมเป็นเจ๊กของเขา แล้วนี่ผมต้องเสียสละบีมให้เขาด้วยหรือ

****

            Part’ s หมอภีมปภพ ผมเดินออกมาจากห้องผ่าตัด วันนี้เครสผ่าตัดทำคลอด ผมเลยไม่ได้ลงเวรตรวจ ผมเดินไปยืนรอที่ด้านหน้าลิฟต์ เพื่อรอจะลงไปที่ห้องทำงานของผม เพื่อไปดูว่าพรุ่งนี้มีคนไข้ที่ผมนัดเอาไว้เยอะไหม ผมยืนยิ่งใช้ความคิด ภาพวันเก่าๆ ของผมกับกันตภณ มันย้อนกลับมาฉายซ้ำแล้วซ้ำเล่า

      หญิงแม่// หมอภีม วันนี้พ่อบอกว่าให้เราเข้าบ้านน่ะ กินข้าวกับพ่อแม่บ้าง อยู่ไม่ได้ไกลกันเลยแต่หาตัวยากจริงๆ” //แม่ผมส่งข้อความหาผม

      ภีมปภพ// ครับแม่// ผมส่งข้อความไปบอกแม่บอกผม

      “เจ็บไหมคะพี่หมอภีม และที่เจ็บกว่านีั้น คือคนรักของพี่เขาเลือกที่จะไปรักกับคนอื่น หึๆ ช่างน่าขำดีนะคะ “เสียงที่ดังมาจากทางด้านหลังของผม ผมหันไปมอง เจ้าของเสียงนั้นคือหมอสายป่าน

      “พอใจน้องสายป่านหรือยังครับ ที่ตั้งใจมากที่เอาตัวมาแรกกับการแก้แค้นให้พี่สาวคืนนั้น” ผมหันมาถามเธอ ก่อนจะเป็นฝ่ายหันหน้าหนีแทนด้วยความละอายใจแทนเธอ

      “คุ้มดีนะคะ ที่เห็นพี่สองคนเจ็บเหมือนที่สายป่านเห็นพี่ทำกับพี่หลิน พี่คงไม่รู้ว่าเบื้องหลังความสุขของพี่สองคน มันคือภาพผู้หญิงคนที่ร้องไห้เสียใจ ต่อให้ไม่ได้แต่งมาเพราะความรักแต่ในเมื่อเขาเลือกให้แล้วและพี่สองคนเองที่ไม่ยอมออกมายอมรับว่าคบกันตั้งแต่ทีแรก” สายป่านพูดเขามองหน้าผม

      “เธอมัน” ผมหันมา

      “งูพิษเหรอคะ” สายป่านพูด ผมหันกลับไปกดลิฟต์รัวๆ

      “ไม่ต้องห่วงนะคะ วันนี้ สายป่านมาทำงานวันสุดท้าย สายป่านออกไปเปิดคลินิกแล้วค่ะ ที่มาทำที่นี้ก็เพื่อ มาดูว่าพี่เจ็บสาสมพอหรือยัง” สายป่านพูดก่อนจะเป็นฝ่ายเดินหันหลังออกไป เหลือไว้แค่ผม ที่ยืนกำมัด ทันทีที่ลิฟต์เปิดออก ผมเดินออกมาก็เจอหญิงแม่ของผม ยืนคุยกับใครสักคนอยู่

      “อ้าวภีม มาแล้วหรือจะกลับเข้าบ้านกับแม่เลยไหมเรา” แม่ถามผม

      “นี้ลูกชายเหรอ หล่อไม่เบาน่ะ ว่าแต่แต่งงานแต่งการหรือยังล่ะ” อีกคนน่าจะเป็นเพื่อนของแม่ผม

      “ยัง ยังเลือกอยู่” แม่ผมตอบแทนผม

      “ยังครับ ผมยังอยากทำงานก่อนนะครับ” ผมตอบเพื่อนของคุณแม่ผม

      “ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวเลยนะ เอาไว้เจอกันวันงานแต่งลูกสาวฉันเลยแล้วกันน่ะและหาลูกสะใภ้ให้ลูกชายได้แล้ว จะได้มีหลานไวๆ เดี๋ยวไม่ทัน” เพื่อนของแม่ผมพูดก่อนจะเดินออกไป หญิงแม่หันมามองหน้าผม ผมรู้ว่ารู้สึกยังไง

      “ภีม” แม่เรียกผม

      “ผมขอโทษครับแม่” ผมหันมาพูด ผมรู้ว่าแม่อยากให้ผมมีครอบครัวได้แล้ว

      “แล้วภีมจะรอกันเขาอยู่แบบนี้เหรอ “หญิงแม่ของผม ถามผม

      “ครับ” ผมตอบแม่

      “งั้นแม่กลับบ้านก่อนน่ะ ไปเจอกันที่บ้านน่ะ พี่สาวเราเขาก็จะมาทานอาหารด้วยพร้อมกับหลานๆ” แม่ผมพูด

      “ครับแม่ แม่กลับไปก่อนดีกว่าผมว่าจะไปดูว่าพรุ่งนี้ผมมีคนไข้นัดกี่คน ผมจะได้จัดการเวลาได้ถูก และผมจะขับรถไปเองครับ”

      “เออ ภีม คนขับรถเขาบอกว่าเราให้คนไปขับรถใครมาจากผับรึ” แม่หันมาถามผม

      “รถของกันนะครับ พอดีเขาไป ธุระที่นั่นนะครับแม่” ผมบอกแม่แต่ไม่ได้บอกทั้งหมด

      “ปกติกันเขาไม่ใช่คนชอบดื่มไม่ใช่เหรอ” หญิงแม่ถามผมทันทีแสดงว่าแม่เดาว่าการที่กันตภณไม่ขับรถมาเองอาจจะเมา

      “เขาไปทำธุระนะครับและเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยนะครับแม่ ผมเลยไปพาเขากลับนะครับแม่ “ผมหันมาบอกหญิงแม่ของผม

      “มีอะไรทำไมไม่หันหน้ามาคุยกันล่ะ พ่อเราเขาก็บอกว่าเขาไม่ห้ามแล้วไง โตเป็นผู้ใหญ่กันแล้วน่ะ ยังมางอนใส่กันไปมา น่าจริงๆ “หญิงแม่ผมพูดก่อนจะหันไปหยิบกระเป๋า

      “แม่ไปน่ะ ขับรถดีดีน่ะภีม แม่เป็นห่วง” หญิงแม่หันมาบอกผม ผมพยักหน้าก่อนจะเดินเข้าไปในห้องทำงาน ไปเปิดคอมพิวเตอร์ในห้องทำงานของผม ผมเหลือบไปหยิบหนังสือที่ผมต้องพกติดตัวตลอด เกี่ยวกับอาการคนไข้ และในนั้น ผมสอดรูปถ่ายเอาไว้ รูปถ่ายตอนปีหนึ่ง ตอนที่ผมกล้าเปิดใจบอกความในใจกับกันตภณเขาและขอกันเป็นแฟนทันที ผมมองดูภาพนี้ทีไรผมก็ยิ้มมีความสุข เพื่อนผมถ่ายให้ กันนั่งทำหน้านิ่งสไตล์ของเขามาตั้งแต่เรียนมัธยมแล้ว และผมเองก็นั่งเอามือเท้าคาง สายตาผมที่มองกันตภณ มันแสดงให้เห็นได้ชัดเจนว่าผมรักเขามากแค่ไหน

   ภีม// กันรู้ไหมว่าทำไม ภีมแอบชอบกันอ่ะ//

   กัน// อืมม นั้นซิ ทำไมอ่ะ// (สีหน้าที่นิ่งมากเหมือนเจ้าชายน้ำแข็ง ยิ้มก็แค่มุมปากนิ่งๆ)

   ภีม// นั้นซิ ทำไม ทั้งที่กันนะ ทำหน้าได้นิ่งมาก เดายากมาก ว่ากันอยู่ในโหมดไหน โกรธ ไม่พอใจหรือว่าดีใจ หรือเสียใจ เดายากมาก // และคนตรงหน้าหันมามองหน้าผม ขมวดคิ้วเป็นปมทันที

   ภีม// แต่สิ่งหนึ่งที่ภีมอ่านได้จากแววตากัน คือ //

   กัน หันมามองผมก่อนจะ //อะไรล่ะ//

   ภีม// กันรู้สึกยังไงกับภีมไง // ฝ่ามือหนาๆ นั้นประคองใบหน้าคนข้างๆ ของผมไว้ ก่อนที่ริมฝีปากหนาๆ ของผมจะประกบจูบ ริมฝีปากที่ดูบางเฉียบนั้น

   “ภีม ป๊ากูมา ไอ้เชี้ย” กันรีบผลักหน้าหล่อๆ ของผมออกทันที และทุกวันหยุด ป๊าของกันจะต้องมารับกันกลับไปอยู่บ้าน เพื่อช่วยม๊าของกันดูแลหลานแต่นั่นผมก็นัดเจอกันที่ห้างได้ เพราะว่ากันต้องตามรับตามส่งหลานไปเรียนพิเศษ ระหว่างนั่งรอก็ไปหาที่พลอดรักกันเหมือนหนุ่มสาวเขาทำกัน แต่ต้องแอบซ่อนมากกว่าเพราะว่าตอนนั้น ความรักแบบนี้ยังไม่มีใครกล้าเปิดเผยเหมือนเช่นปัจจุบัน

TBC

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด