Miss you most (At Christmas time) Chapter 2
...ตั้งแต่วันที่เราได้คุยกันเป็นครั้งแรก เราก็สานความสัมพันธ์จากเพื่อนร่วมคอนโด เพื่อนร่วมมหาวิทยาลัย และในปีสุดท้ายในชีวิตวัยเรียน เราได้กลายมาเป็นเพื่อนร่วมเตียง จริง ๆ แล้วต้องบอกว่าเราเป็นมากกว่าเพื่อน เราเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของกันและกันไปแล้ว...
...เราเจอกันทุกวัน กินข้าวด้วยกันทุกมื้อ นอกจากเวลาเรียนแล้ว ถ้าเห็นผมที่ไหน ต้องเห็นซันที่นั่น เรามีความสุขกันมาก...ซันไม่ได้มีดีแค่รูปร่างหน้าตาจริง ๆ เค้าน่ารักมาก ใส่ใจรายละเอียดทุกอย่าง ผมชอบอะไร ไม่ชอบอะไร เค้าจำได้หมด...
...ในที่สุดผมก็ตัดสินใจคืนห้องปัจจุบัน แล้วย้ายไปอยู่ห้องเดียวกับซันที่ชั้น 15 โดยช่วยกันหารค่าห้อง แต่ก็ไม่ได้บอกกับที่บ้านว่าย้ายห้องแล้ว เมื่อรายจ่ายลด แต่รายได้เท่าเดิมผมจึงใช้เงินส่วนต่างจากค่าเช่าห้องที่พ่อแม่ส่งให้เต็มที่กับชีวิต เที่ยวกระจาย ทั้ง ๆ ที่การเรียนปีสุดท้ายมันค่อนข้างหนัก แต่เราก็เอาตัวรอดได้ ตอนนั้นได้เงินมาง่าย ทำให้ไม่รู้จักค่าของเงินมากนัก...เมื่อคิดย้อนกลับไป ผมรู้สึกผิดจังเลย...
“...เดียร์...ซันจะซื้อรถวันเสาร์นี้นะ...”
“...ซื้อทำไมอ่ะ...” ผมถามงง ๆ
“.......................” ซันขมวดคิ้ว มองหน้าผมงง ๆ เช่นกัน
“...หมายถึง คอนโดเราก็มีบีทีเอสผ่าน...”
“...บางทีเราก็ต้องไปที่ที่ไม่มีรถไฟฟ้านี่นา...”
“...แต่ค่าใช้จ่ายมันเยอะนะ มันไม่ใช่มีแค่ค่างวดอย่างเดียว มันมีค่าประกัน ค่า พ.ร.บ. ค่าน้ำมัน ค่าจอดรถ ค่าซ่อมบำรุง...”
“...พอเหอะ...เรารู้ว่ามันมีค่าใช้จ่ายตามมาอีกเพียบ แต่เราไม่ทำให้เดียร์เดือดร้อนหรอก...” ซันเบรก
“...อืม...ตามใจละกัน...”
*
*
...ถึงเราจะอยู่ด้วยกันในฐานะแฟน แต่ผมก็เคารพการตัดสินใจของเค้า สิ่งใดที่เค้าทำแล้วไม่เดือนร้อน ผมก็ต้องยอมให้เค้าทำ...เป็นห่วงก็ส่วนหนึ่ง แต่ความสุขของเค้าสำคัญกว่า...อะไรยอมได้ก็ยอม...
…ในที่สุดซันก็ได้รถตามที่เค้าต้องการด้วยการช่วยเหลือจากทางบ้าน ซันมีหน้าที่ควบคุมค่าใช้จ่ายเรื่องน้ำมันเอง เพื่อให้ซันรู้จักประหยัด และไม่ให้เค้าเอารถออกไปใช้เที่ยวนอกเส้นทางคอนโดกับมหาวิทยาลัย แต่ทางบ้านซันยังไม่รู้ว่าซันมีเงินเหลืออีกเยอะจากการหารค่าคอนโดกับผม...
...เรามีเวลาดี ๆ ร่วมกันเยอะขึ้น ออกไปเที่ยวต่างจังหวัดด้วยกันแทบทุกเสาร์อาทิตย์ มันก็ดีนะที่มีโชเฟอร์ส่วนตัวหล่อเด้งขนาดนี้ อยากจะไปไหนมาไหนก็สบาย แต่พอเราเดินทางกันง่ายขึ้น บางครั้งเวลาของเราก็ดันไม่ตรงกัน และปกติซันก็เป็นคนที่เที่ยวเก่งอยู่แล้ว ทำให้ผมต้องปล่อยเค้าไปคนเดียวบ้าง ไปกับเพื่อนเค้าบ้าง ไม่เหมือนก่อนจะมีรถ เราสองคนตัวแทบจะติดกัน...
*
*
...เวลาแห่งความสุขผ่านไปเร็วเหลือเกิน เข้าสู่ฤดูหนาวอีกแล้ว เป็นฤดูแห่งการท่องเที่ยวจริง ๆ ถึงแม้ว่าอีกไม่นานเราก็จะเข้าสู่การสอบปลายภาค และก็จะจบปริญญาตรีแล้ว แต่เราก็ยังตะลอนซิ่ง เที่ยวกระหน่ำเหมือนเดิม ไม่สิ ดูเหมือนจะยิ่งกว่าเดิมด้วยซ้ำ เพราะอากาศมันเป็นใจ กลางวันก็ห้าง เย็นก็สวนสาธารณะ มืดหน่อยก็ลานเบียร์ ถ้าคืนวันศุกร์-เสาร์ก็สีลม หลังสวน อตก.
...คืนวันคริสต์มาสนี้ก็เช่นกัน...เราไปเที่ยวกันที่ร้านอาหารกึ่งผับแห่งหนึ่ง...วันนี้ร้านสวยผิดปกติ คนเที่ยวก็ดูดี อากาศเย็นสบาย เราก้าวเข้าร้านเดินไปหาเพื่อน ๆ ที่มาจองโต๊ะก่อนหน้าตั้งแต่หัวค่ำ...ชอบความรู้สึกแบบนี้จังเลย ความรู้สึกที่เห็นว่าทุกสายตาหันมามองคู่ของเราเป็นตาเดียว...เพื่อนของเราบอกว่า เราเป็นคู่ที่เหมาะสมกันที่สุด ไม่ว่าเรื่องรูปร่างหน้าตา นิสัยใจคอ หรือ life style…
…คืนนั้นสนุกมาก อาจจะสนุกว่าปกติด้วยซ้ำ เพราะทางร้านมีกิจกรรมมากมาย อีกอย่างเราได้โต๊ะที่ทำเลดี ทำให้จะนั่งดื่ม หรือจะลุกขึ้นแดนซ์ได้สะดวก และที่ชอบที่สุดคือ เป็นโต๊ะที่สามารถมองเห็นคนเที่ยวได้ชัดเจน ดูคนหน้าตาดีเพลินทั้งคืน...
“...รู้จักโต๊ะนั้นเหรอเดียร์...”
“...อืม...เพื่อนของพี่ที่รู้จักน่ะ เคยเที่ยวด้วยกันสมัยก่อน...” ผมตอบพลางยิ้ม และพยักหน้าให้คนที่ซันพูดถึง
“...มิน่าล่ะ...เค้ามองไม่วางตาเลย...” ซันพูดยิ้ม ๆ
“...คนเยอะ ขี้เกียจเบียดคนเดินไปทัก...รอใกล้ ๆ เลิกค่อยไปคุยด้วย...” ผมยกแก้วให้โต๊ะนั้น
*
*
...เรทติ้งของเราทั้งคู่ยังดีเสมอต้นเสมอปลาย ไปเที่ยวที่ไหนก็มีคนเช้ามาหา มาขอเบอร์มั่ง มายัดเบอร์ให้มั่ง แต่เราก็ไม่เคยมีปัญหาเรื่องหึงหวงกัน เพราะต่างคนก็ต่างคิดว่ามีดี ส่วนตัวแล้วผมก็อีโก้สูงพอสมควร ถ้าไม่รักไม่ชอบจริง ๆ ผมก็ไม่ยอมขนาดนี้ ซันเป็นแฟนคนแรกและคนเดียวที่ผมยอมเปลี่ยนพฤติกรรม ยอมลดความเยอะของตัวเองลงมา...
“...เดียร์...วันนี้เราเจอคนที่เดียร์รู้จักอ่ะ...”
“...คนไหนเหรอ...”
“...พลน่ะ...”
“...พลไหน เดียร์ไม่มีเพื่อนชื่อพลนะ...”
“...เพื่อนของพี่เดียร์ไง ที่เจอกันวันคริสต์มาสอ่ะ...”
“...อ๋ออออออ...” ผมลากเสียง
“...เค้าเข้ามาคุยกับซันแหละ...”
“...อืม...เค้านิสัยดีนะ...”
“...แต่ซันว่าเค้าแปลก ๆ...เอ่อ...เค้าเหมือนจะชอบซันน่ะ...”
“...เค้ามีแฟนแล้ว...แฟนเค้าก็หล่อ รวย หน้าที่การงานดีจะตาย...”
“...นั่นสิ...มีแฟนแล้วมาขอเบอร์ซันทำไม...” ผมแทบสำลักน้ำเมื่อซันพูดจบ
“...ให้เบอร์เค้าไปหรือเปล่าล่ะ...”
“...ให้...”
“...เฮ้ย...ก็รู้อยู่ว่าเค้ามีแฟนแล้ว ให้เบอร์เค้าไปทำไมอ่ะ...” ผมเริ่มเสียงดัง
“...ก็เพราะมีแฟนแล้ว ถึงได้กล้าให้ เค้าคงแค่อยากรู้จักเฉย ๆ แหละ...”
“...แล้วถ้าเค้าไม่ใช่แค่อยากรู้จักเฉย ๆ ล่ะ...” ผมท้วง
“...ซันก็จะทำให้รู้ว่า เค้าไม่ควรนอกใจแฟน ไม่ควรทำอย่างนี้...” ซันพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“...มันไม่ใช่เรื่องของซันเลยนะที่จะไปสั่งสอนเค้าอ่ะ แค่ไม่สนใจทุกอย่างก็จบแล้ว...”
“...ไม่รู้สิ ซันอยากให้เค้าสำนึกบ้าง...”
“...อย่าไปยุ่งกับเค้าเลยได้มั้ย...” ผมพูดเสียงจริงจัง
“...ซันไม่ได้ยุ่งกับเค้าก่อนนี่ เดียร์เชื่อใจซันเถอะ เราไม่มีอะไรเกินเลยกันแน่นอน...”
*
*
...คนเรารักกัน ก็ต้องเชื่อใจกันสิ...ซันเองอาจจะแค่คุยเล่นขำ ๆ...ไม่มีอะไรหรอก...เราโอเคกว่าพลทุกอย่างเลยนะ...สารพัดเหตุผลที่ผมเอามาปลอบใจตัวเองเมื่อเห็นความเปลี่ยนแปลงไปในทางที่แย่ลงของซัน...ทุกครั้งที่พลโทรมา ซันจะมีท่าทางที่ไม่ปกติ เค้าจะมองผมแว๊บนึง ก่อนจะเดินถือโทรศัพท์ออกไปรับสายไกล ๆ เค้าบอกว่าไม่อยากให้ผมคิดมาก ผมอยากจะย้อนว่า ถ้าไม่อยากให้คิดมาก แกก็อย่ารับสายสิวะ...
“...วันนี้เราไปกินข้าวกลางวันกับพลมา...”
“...อืม...”
“...เค้ามีปัญหากับแฟนเค้า...”
“...เหรอ...”
“...ถึงไม่มีซันเค้าก็คิดจะเลิกกันอยู่แล้ว...”
“...ซันก็ช่วยให้เค้าเลิกกันเร็วขึ้นสิ...” ผมประชด
“...เดียร์ไม่พอใจใช่มั้ย...”
“...พอใจสิ...พอใจที่แฟนเราไปเป็นมือที่สามของคนอื่นอ่ะ น่าภูมิใจจะตาย...”
“...เฮ้ย...ตอนแรกซันก็แค่เล่น ๆ จะทำให้เค้ารู้ว่าคนมีแฟนแล้วไม่ควรขอเบอร์ใครไปทั่ว...แต่พอคุยไปเรื่อย ๆ เค้าก็โอเคนะ เราก็เป็นเพื่อนกันได้ เค้ามีปัญหากับแฟนของเค้าอยู่แล้ว ซันไม่ได้เป็นมือที่สามนะ...”
“...ขอร้องเหอะ ขอคนนี้ไว้คนนึงนะ ซันจะหว่านเสน่ห์กับใครเดียร์ไม่ว่าอะไรหรอก แต่คนนี้เดียร์รู้จักทั้งคู่ แฟนเค้ารักพลมาก ถ้าเค้าเลิกกันจริง ๆ แล้วค่อยเข้าไปยุ่งได้มั้ย...”
“...ซีเรียสไปป่าว...ซันไม่ได้คิดอะไรจริง ๆ นะ...”
“...ประเด็นไม่ใช้คิดหรือไม่คิด แต่เดียร์ต้องการให้ซันอยู่ห่างจากสองคนนี้...” ผมพูดเสียงจริงจังพลางจ้องหน้าซัน
*
*
...ซันไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ มันยิ่งทำให้บรรยากาศระหว่างเรายิ่งอึมครึม ก่อนหน้านี้ทุกคืนเราหลับไปในอ้อมแขนของกันและกัน แต่คืนนี้เราต่างหันหลังให้กัน นอนฃิดขอบเตียงฝั่งใครฝั่งมัน ไม่มีการพูดคุยหยอกล้อกันเหมือนเดิม ได้ยินแต่เสียงแอร์ครางเบา ๆ ซันคงทนกับความเงียบแบบนี้ไม่ได้จึงลุกขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ในตอนตี 1 ผมได้แต่มองเค้าคว้ากุญแจรถเดินออกไป...
...จะให้ถามเซ้าซี้ว่าไปไหนเหรอ...จะให้ฉุดรั้งเค้าไว้ไม่ให้ไปเหรอ...จะโวยวายไปก็ไม่มีประโยชน์ ผมรู้ว่าซันเป็นคนที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูง ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ ถึงแม้เมื่อเย็น ผมใช้คำว่าขอร้อง แต่เค้าคงรู้สึกเหมือนผมกำลังบังคับ ตอนนี้ถึงสงสัยว่าเค้าจะไปไหน แต่นิสัยผมไม่ใช่คนที่ชอบถามอยู่แล้ว ของอย่างนี้สืบง่ายจะตาย...
...ผมโทรไปที่คอนโดของพล กะว่าซันไปถึงที่นั่นพอดี ช่วงดึก ๆ แบบนี้ทุกสายมันจะถูกโอนไปที่ป้อมยามอยู่แล้ว...โทรไปถามพนักงานรักษาความปลอดภัยว่ารถทะเบียนนี้มีเข้าที่ตึกหรือเปล่า ผมถอนใจอย่างโล่งอก เมื่อยามบอกว่าไม่มี แต่ก็ต้องมือเท้าอ่อนแรงเมื่อเค้าบอกว่ารถทะเบียนนี้ไม่ได้จอดที่ตึก แต่จอดรอรับเพื่อนด้านนอก...
“...ซัน...อยู่ไหนอ่ะ...” ผมพยายามทำเสียงให้เป็นปกติเมื่อโทรไปหาซัน
“...อยู่ข้างนอก...” ซันตอบกวน ๆ
“...โอเค...” ผมกระแทกเสียงตอบ
“...เดี๋ยว อย่าเพิ่งวาง ซันอยู่บ้านเพื่อน เดี๋ยวก็กลับ...” ซันรีบพูดเมื่อรู้สึกถึงอาการไม่พอใจของผม
“...อืม...” ผมรับคำในคอ แล้ววางสาย
*
*
...ผมล้มตัวลงนอนอีกครั้ง กระชับผ้าห่มให้แนบตัว กอดผ้าผืนนั้นไว้แน่นเพราะมันคือสิ่งเดียวที่ทำให้อบอุ่นที่สุดในขณะนี้ ภาพความหลังที่เพิ่งผ่านมาแค่ปีเดียวระหว่างผมกับซันค่อย ๆ ลอยเข้ามาในหัว...ภาพสายตา และเสียงผู้คนที่ชื่นชมถึงความเหมาะสมของเรา มันทำให้ผมมั่นในในความสัมพันธ์ครั้งนี้ว่าจะไปกันได้ยาวนานที่สุด...
...ที่ผ่านมามีหลายครั้งที่เราไปเที่ยวกันแล้วมีคนเช้ามาหาในเชิงจีบเราทั้งคู่ แต่เราสองคนก็ไม่ได้สนใจอะไร เพิ่งจะมีเคสนี้ที่มาแปลก คนมีแฟนอยู่แล้ว เข้ามาจีบคนที่เค้าก็รู้ว่าผมกับซันเป็นแฟนกัน ทำไมพลถึงกล้าทำอย่างนั้น แต่มันก็ไม่สำคัญเท่ากับที่ซันเล่นด้วย...
...ผมพยายามเข้าใจว่า ซันเป็นคนที่ไม่ชอบเรื่องนอกใจแฟน แต่ตอนนี้เค้ากำลังจะทำอย่างนั้นกับผม...ซันได้แต่บอกว่าไม่มีอะไร เค้าจะทำให้พลรู้ว่าแฟนของเค้าดีที่สุดแล้วด้วยการเข้ามาเล่นด้วย แล้วทำตัวให้แย่กว่า พลจะได้กลับไปหาแฟนของเค้า...ผมไม่เห็นด้วยกับวิธีคิดของซัน มันไม่ใช่เรื่องของเค้าที่ต้องไปทำอย่างนั้น สงสัยจะว่างมากเกินไป แบบนี้เค้าเรียกว่าแกว่งเท้าหาเสื้ยน เรื่องไม่มีก็หาเรื่อง...
...ถ้าซันทำอย่างนี้กับคนอื่น ผมจะไม่รู้สึกอะไรเท่าไหร่ อยากทำอะไรก็ทำไป เพราะอย่างน้อยเราก็มั่นใจในความรักที่ใครหลายคนบอกว่า “เหมาะสม” แต่เคสนี้พลและแฟนเค้าเป็นคนที่ผมรู้จัก ถึงจะไม่สนิทกันมากนัก แต่เราก็กินเที่ยวด้วยกันหลายครั้ง ผมเองตอนนั้นยังไม่มีใครยังแอบอิจฉาคู่ของพลเลย...
...ผมกำลังจะหมดความมั่นใจในตัวซัน เค้าออกไปข้างนอกจะต้องบอกผมทุกครั้ง เค้าไปหาเพื่อนคนไหน ผมก็ต้องรู้ แต่นี่เค้าปกปิดทุกอย่าง โอเค เค้าอาจจะแค่ไม่อยากให้ผมคิดมากถ้าบอกว่ามาหาพล แต่ก็นั่นแหละ มันมีไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องไปหาพลในเวลาดึกดื่นแบบนี้...
*
*
...เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมต้องรู้จักคำว่า “หลับทั้งน้ำตา” ไม่เคยคิดว่าจะต้องเป็นแบบนี้ ความภาคภูมิใจในตัวเองหายไปเกือบหมด คิดว่าตัวเองมีดี ไม่เคยคิดว่าจะต้องเสียใจกับความรัก...ผมปล่อยให้ซันไปกับพล ถ้าเค้าจะเลิกกับผมไปหาพลจริง ๆ ผมต้องถือว่าเป็นความผิดของตัวเองด้วย เพราะชะล่าใจ คิดว่าตัวเองมีดีกว่าพล แต่ดันลืมนึกไปว่า ถ้าพลไม่มีอะไรดี เค้าคงไม่มีแฟนดี ๆ อย่างคนนั้น...
...ผมข่มตาให้หลับทันทีที่ได้ยินเสียงซันไขประตูเข้าห้องมาในเวลาตีสองกว่า หลับไปทั้ง ๆ ที่น้ำตายังไหลพราก ต้องกลั้นเสียงสะอื้นไว้เพราะไม่อยากให้ซันรู้ว่าผมกำลังก๊อกแตกอยู่ บอกไม่ถูกว่าร้องไห้ทำไม รู้แต่ว่ามันอึดอัด ในเมื่อทำอะไรไม่ได้ก็ต้องระบายออกมาเป็นน้ำตา...
*
*
...วันรุ่งขึ้น เรามีเรียนตอนบ่ายพร้อมกัน การจัดตารางเรียนในมหาวิทยาลัย ถึงแม้จะเรียนกันคนละคณะแต่เราก็สามารถจัดตารางเรียนให้ตรงกันได้...ระหว่างการเดินทางไปเรียน ผมได้แต่หันไปมองข้างทาง ไม่มีการพูดคุยหยอกล้อกัน จนกระทั่งถึงมหาวิทยาลัย ผมจึงเปิดปากพูดกับซันเป็นครั้งแรกว่า ตอนเย็นไม่ต้องรอ ผมจะไปธุระกับเพื่อน แล้วก็เดินลงจากรถไปแบบไม่หันกลับมามองเค้าเลย...
...ไม่ใช่ธุระอะไรหรอก ผมแค่อยากจะไปเดินเล่น ดูหนัง ช็อปปิ้งกับเพื่อนฝูงบ้าง ตั้งแต่คบกับซัน ผมแทบไม่ได้ไปไหนมาไหนหลังเลิกเรียนกับเพื่อนเลย วันนี้ขอเต็มที่ซักวันละกัน แก้เซ็ง แก้อึดอัด...
*
*
...หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา ความสัมพันธ์ของเราก็เริ่มห่างเหิน...ตราบใดที่ซันยังไม่เลิกยุ่งกับพล ผมก็จะเย็นชาอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ มันเป็นนิสัยส่วนตัวไปแล้วมั้ง ที่จะใช้วิธีเมินเฉย แทนที่จะโวยวายเหมือนคนอื่น ซึ่งเพื่อนผมก็บอกว่าเวลาผมทำหน้านิ่ง ๆ แล้วมันดูน่ากลัวกว่าตอนผมวีนซะอีก...
...ไม่น่าเชื่อว่าคนเพียงคนเดียว จะมีอิทธิพลทำให้ความสัมพันธ์ของผมกับซันสั่นคลอนได้ขนาดนี้...ผมเริ่มทำใจได้แล้วถ้าต้องเลิกกับซัน ผมก็ยินดีปล่อยเค้าไป...เค้าไม่ใช่คนไม่ดี แต่ความคิดของเราไม่ตรงกันมากกว่า ความคิดที่ไม่มีใครยอมใคร และนิสัยไม่ง้อคน นิสัยแบบนี้ทำให้เราค่อย ๆ ห่างกันโดยไม่รู้ตัว...
*****************************************************************************************************
...ขอบคุณที่ยังจำกันได้นะครับ ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์ ขอบคุณทุกคำติชม ขอบคุณที่ติดตาม และต้องขอโทษด้วยที่หายไปนาน เนื่องจากผู้เขียนป่วยเป็นหวัดเกือบอาทิตย์แล้วยังไม่หายดี พรุ่งนี้ต้องเปลี่ยนยา พี่น้องทาง Facebook คงรู้กันดีว่า ทำไมผู้เขียนถึงหายช้ากว่าปกติ 555++
...ตอนนี้เอามาม่าหมูสับเบา ๆ ไปก่อน รอให้หายดี ตอนต่อไปจะจัดหนักเป็นมาม่าต้มยำ แล้วเจอกันใหม่เร็ว ๆ นี้นะครับ...
...เป้...