14 บางคนเรียกว่ารัก...บางคนคือการแสดง
“กรี๊ด...!” เจ้าหญิงร้องลั่นเมื่อเห็นเมื่อเห็นวิหคน้อยที่ทรงเลี้ยงนอนจมเลือดอยู่บนพื้นทันทีที่เปิดพระทวารเข้าห้อง เลือดนกสีคล้ำทำให้เจ้าหญิงหน้ามืดจนเซพระวรกาย ดีที่นางรับใช้ประคองได้ทัน
“ทำใจดีๆไว้เพคะองค์หญิง” นางรับใช้คนสนิทปลอบโยน
“ต้องเป็นฝีมือของเจ้าชายเป็นแน่” หลินกล่าวตามบท
“หม่อมฉันก็คิดเช่นนั้นเพคะ” แซกส์พูดเสียงแปร่งๆ จุดนี้เจ๊ใหญ่วางเอาไว้ว่าแซกส์น่าจะเป็นตัวชูโรงได้อย่างมีสีสันทีเดียว วันแสดงจริงแซกส์ต้องแต่งชุดเป็นผู้หญิง...เป็นนางรับใช้คนสนิท
“วินเข้าไปเลยจ้ะ” เจ๊ใหญ่ที่คอยจัดคิวการซ้อมบอกวันชนะที่ยืนเตรียมตัวเข้าฉากข้างๆ
“ฮ่าๆๆ” เจ้าชายหัวเราะอย่างสบอารมณ์เมื่อแรกปรากฏตัวขึ้น ที่อารมณ์ดีเพราะเพิ่งจะดูสตรีร่ายรำมา แต่เมื่อเดินผ่านมาตำหนักของเจ้าหญิงจึงคิดมาเยี่ยม แต่ดูเหมือนจะเป็นการมาที่ผิดเวลา
“ท่านมันโหดนัก ใจยักษ์ใจมาร” หลินพูดใส่อารมณ์ตามบททันทีที่เห็นวันชนะเดินมา
“พูดอะไรของเจ้า” วันชนะพูดอย่างไม่เข้าใจบวกกับอารมณ์บูดขึ้นมาทันควัน ทิฐิที่มีทำให้ปั้นหน้าขึงขังขึ้นมาทันที
“ท่านมันฆาตกร” เจ้าหญิงกราดเกรี้ยว น้ำตานองหน้า
“องค์หญิงเพคะ” แซกส์กล่าวห้ามตามบทที่มีเพียงสองสามประโยคซ้ำไปซ้ำมา
“อ้อ” วันชนะพูดตามบทเมื่อมองเห็นนกน้อยตัวนั้น “ข้าทำเอง เจ้าจะทำไม ก็แค่ชีวิตเล็กๆ แม้แต่คนสักคนเรายังสั่งให้ประหารเสียก็ได้”
“ท่าน!” เจ้าหญิงผู้เลอโฉมสุดจะกลั้นเงื้อหระหัตถ์หมายจะตบด้วยความชิงชัง
“องค์หญิงเพคะ!” แซกส์อุทานตามบท
เพ๊ยะ!
วันชนะหน้าชา
หลินขมวดคิ้วเล็กน้อย...แปลกใจ หันไปมองแซกส์แวบหนึ่งก่อนจะตั้งสติกลับมา
“อ้ะ วิน หลินขอโทษ หลินอินกับบทมากไปอีกแล้ว” หลินกระวีกระวาดขอโทษขณะรีบปรี่เข้ามาดูผลงานของตัวเอง แต่นัยน์ตาราวจะมีประกายเต้นระริกด้วยความสะใจ
นักขัตไม่ทันได้รู้เห็นเหตุการณ์เพราะกำลังคุยกับรุ่นพี่คนหนึ่งแต่พอเห็นการซ้อมหยุดลงก็สงสัยเลยเดินเข้าไปหาวันชนะ
“มีอะไรเหรอวิน” นักขัตถามอย่างคนไม่รู้ความ
“อ้อ เปล่าตั้ม ไม่มีอะไร” วันชนะยิ้มกลบเกลื่อน
หลินยิ้มบางๆ ชั่วแวบหนึ่งในแววตาเกิดความละอาย...แต่ก็เพียงชั่วแวบเท่านั้นจริงๆ
“พักก่อนแล้วกัน ซ้อมมาตั้งนานละ” เจ๊ใหญ่สมทบ หล่อนก็ไม่ทันเห็นเหมือนกัน
นักขัตเดินไปกับวันชนะอีกทาง หลินเดินไปอีกทาง แซกส์เดินตามหลินไป
“เธอนี่แสดงเก่งเนอะ” แซกส์เอ่ยก่อน รอยยิ้มประหลาดผุดที่มุมปาก
“...” หลินไม่พูดอะไรในตอนแรก เพียงแต่มองใบหน้าขาวๆของแซกส์ แล้วหล่อนก็เดาความหมายจากรอยยิ้มนั้นได้ จึงได้พูดตอบ “นาย เอ้ย...เธอ” หล่อนหยั่งท่าทีคนตรงหน้าก่อนจะมั่นใจพูดต่อ “...ก็เล่นละครเก่งนี่”
ทั้งหลินและแซกส์ตอนนี้มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน...รอยยิ้มหยันให้กับคนที่ตนไม่ชอบใจ
เหตุการณ์ตบหน้าวันชนะ ครั้งแรกเมื่อสองวันก่อนหลินตั้งใจ แต่ครั้งนี้เป็นอุบัติเหตุสำหรับหล่อน แต่เป็นความเจตนาของแซกส์
ตามบทจริงๆแล้ว ฉากที่ซ้อมเมื่อกี้เจ้าหญิงต้องตบหน้าเจ้าชายแต่ว่านางรับใช้พยายามจะห้ามอารมณ์วู่วามแต่ก็ห้ามไม่ทัน...เมื่อกี้หลินตั้งใจจะซ้อมเท่านั้น จะตบหลอกๆ แต่ฉากตอนที่นางรับใช้เอื้อมมือมาเพื่อจะห้ามนั้น แซกส์จับข้อมือหล่อนแล้วเพิ่มแรงให้
“เราสองคนน่าจะเป็นเพื่อนกันได้ดี” แซกส์พูด
แซกส์ไม่ได้รู้ตื้นลึกเบื้องหลังของหลิน นักขัตและวันชนะแต่เมื่อสองวันก่อนเขามองออกว่า ผู้หญิงคนนี้มีอะไรสักอย่างที่ทำให้หล่อนไม่ชอบวันชนะแน่ๆ
วันนี้นับว่าคุ้มค่าจริงๆที่เสียเวลามา
ทั้งสองมองไปทางวันชนะที่กำลังยิ้มแย้มพูดจากับนักขัตและรุ่นพี่ ราวกับจะบอกว่า...นี่แค่เริ่มต้น
...