◑
คุ ณ ไ ม่ ต ร ง ป ก
ตอนที่ 18 : ปาร์ตี้
_________
บรรยากาศภายในห้องเงียบเชียบ มีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศที่คลอเคล้าแผ่วเบาท่ามกลางการทำงานของเราทั้งสอง
และยังมีหลากหลายความรู้สึกแปลกใหม่ที่เกิดขึ้นแม้เราจะไม่ได้พูดคุยกันภายในห้องสี่เหลี่ยม
เป็นความรู้สึกประหม่าก็ไม่ใช่ ครั้นจะบอกว่ามันอึดอัดก็ไม่เชิง
ภัทรยังไม่ได้นิยามคำไหนลงในความคิดที่กำลังตีกันไปมาอย่างหนักในหัว
เสียงกระแอมไอทำให้เขาหันไปมองผู้บุกรุก เจ้าตัวใช้มือป้องปาก นาฬิกาเหล็กเรือนสีเงินวาววับเมื่อต้องแสงไฟ บ่งบอกว่าราคามันคงแพงลิบลิ่วจนไม่อาจคาดเดาได้ คีรติตัวโยนอยู่สองสามครั้ง ก่อนจะเริ่มไออย่างหนักจนภัทรไม่สามารถละสายตาจาก
อาจเป็นเพราะนิสัยของเลขาที่ยังติดตัวมา ทำให้เขาต้องลุกขึ้นแล้วพยายามหาตัวช่วย ชาอุ่นร้อนถูกเทใส่แก้วเซรามิก วางไว้ยังด้านข้างของร่างสูงที่กลับไปนั่งตามเดิม อีกคนเงยมอง จนกว่าเขาจะได้สติ ภัทรก็ยืนอ้ำอึ้งอยู่แสนนานเพราะไม่รู้ว่าต้องเอื้อนเอ่ยออกไปแบบไหน
ก็แค่เป็นห่วงเกรงว่าจะไม่สบาย เลยลืมตัวว่าตัวเองกำลังรักษาระยะห่างจากคนใจร้ายที่นั่งอยู่
“ขอบคุณครับ”
คีรติพูดแผ่วเบาก่อนจะยกมันขึ้นจิบ เมื่อไม่มีการเซ้าซี้ตามมา ภัทรจึงกลับไปนั่งทำงานตามเดิมแม้มันจะเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อย แต่เพราะเขาไม่รู้จะทำอะไรต่อ แถมยังรู้สึกเกร็งที่มีเพื่อนร่วมห้องอยู่ในเวลาแบบนี้ เลยทำให้แผนการที่มีพังทลายลงไปในพริบตา
อันที่จริงเขาอยากนอนพักเสียมากกว่า แต่ติดตรงที่ว่าแขกยามดึกยังไม่ยอมกลับแถมดูทีท่าแล้วจะอยู่นานเสียด้วย ภัทรเปิดโน่นนี่อยู่สักพัก เมื่อรู้สึกเบื่อจนเกินจะทานทนจึงเดินอ้อมไปยังอีกฝั่ง เพื่อเติมน้ำร้อนและชาชุดใหม่ใส่ไว้เผื่อใครบางคนจะต้องการ แต่สงสัยเขาจะยุ่งกับมันอยู่นานจนไม่ทันได้ตั้งตัวว่ามีใครเข้าประชิด คีรติยืนซ้อนด้านหลัง เท้าแขนข้างขวาไว้ยังเคาน์เตอร์หินอ่อนแล้วกระซิบข้างหู
“อันนี้ภัทรชงเองหรอ?”
ขนแขนเขาลุกเกรียว รู้สึกเสียววูบไปตามสันหลัง อาจเพราะเขาเองไวต่อสัมผัส เวลาใครเข้าใกล้จุดอ่อนไหวเลยมีปฏิกิริยาตอบรับในทันที
“...”
เขาไม่ตอบ พยายามเบี่ยงตัวออกแต่ก็พบว่าตัวเองถูกกักขังไว้ยังที่แคบ เพราะเมื่อหันไปมองรอบด้าน ทางเดียวที่จะหนีไปจากตรงนี้ได้นั้นคือต้องผ่านทางที่ร่างสูงปิดกั้น
“ขอทางหน่อยครับ”
เขาหันกลับไปพูดด้วยอย่างมีสติ อีกคนยอมถอยเพียงก้าว ก่อนจะหยิบเอาถุงชาที่วางไว้ขึ้นอ่าน
โดยไม่สนว่าเขาต้องการอะไร
“ชาอู่หลงที่เก็บจากไร่ของรีสอร์ต...รสชาติดีเหมือนกันแฮะ…”
มือเล็กเตรียมพร้อมจะถือถ้วยชาแล้วเดินออกไป แต่คีรติก็รั้งไว้อีกรอบด้วยการยื่นใบหน้าคมคายเข้าหา
“ต้องการอะไรครับ?” ภัทรเอื้อนเอ่ย มือกำแน่นกับด้ามจับ
“ผมหรอ?”
“...”
“...”
ดูเหมือนสงครามประสาทของเราจะยังไม่จบสิ้นทั้งๆที่ภัทรรู้สึกเบื่อหน่ายมันเต็มที เขาไม่อยากแสดงกิริยาก้าวร้าวเพื่อรักษาไว้ยังความทรงจำที่ดีของเรา ไม่อยากเปลี่ยนไปเป็นดังเก่าในเมื่อเขาตั้งใจละทิ้งภัทรคนเดิมไปตั้งนานแล้ว
เพื่อเป็นภัทรคนใหม่ที่พร้อมจะทิ้งความเหลวไหลเอาไว้เบื้องหลัง
“...ภัทรเหนื่อย...ขอตัวก่อนได้ไหมครับ?” เสียงเขาอ่อนแรง บ่งบอกอาการตอนนี้ของตัวเองได้เป็นอย่างดี คีรติชะงักนิ่ง ในแววตาคู่นั้นมีแต่ความรู้สึกผิดอยู่เต็มไปหมด
อาการของคนตัวสูงทำให้เขาไม่เข้าใจเป็นอย่างมาก ทั้งๆที่เจ้าตัวเคยบอกว่าผิดหวังและเสียใจที่เขาได้โป้ปดหลอกลวง แต่มาวันนี้ทำไมถึงได้เอาแต่เข้าหาและไม่ยอมหลีกเลี่ยงแบบที่เคยเป็น
ไหนบอกไม่อยากจะฟังเหตุผลของเขาไง แล้วทำไมถึงต้องมาชิดใกล้ถึงขนาดนี้ด้วย
หรือคีรติกำลังแก้แค้น?
เพราะเขาเล่นกับใจอีกฝ่ายมากเกินไปอย่างนั้นหรือ?
“คุณจะอยู่ทำงานต่อก็ได้ ภัทรไม่ได้ว่าอะไร แต่ภัทรแค่ขอตัว”
“อืม ขอโทษที”
อีกคนเอ่ยเสียงแข็ง นั่นทำให้ร่างโปร่งรู้ได้ว่าการเจรจาต่อรองครั้งนี้เป็นผลสำเร็จ เขาเก็บเอารอยยิ้มไว้ภายใน คีรติไม่อาจล่วงรู้ได้ว่าทั้งหมดก็แค่การแสดงที่เขามักจะทำมันอยู่เสมอ
เพราะใช้ไม้แข็งไม่ได้ผล ก็คงต้องเปลี่ยนเป็นโหมดไม้อ่อน
แม้เขาเองจะไม่ได้รู้สึกแบบนั้น
ทั้งหมดก็ตามที
กาน้ำร้อนถูกวางไว้ยังที่เดิม เจ้าของห้องแสร้งทำตัวเหนื่อยล้าเต็มทนแล้วทิ้งน้ำหนักลงบนเตียงนุ่ม มองเห็นคีรติที่หยิบจับของๆ ตัวเองแล้วสำรวจอยู่สักพัก ก่อนจะหันมาทางเขาคล้ายกับต้องการพูดอะไรสักอย่าง
เราปล่อยให้สายตาทั้งสองคู่ได้สบสาน ก่อนที่อีกคนจะเป็นฝ่ายละจากแล้วเดินออกไปโดยไม่ได้พูดอะไรออกมา
#คุณไม่ตรงปก
การประชุมของวันแรกผ่านไปได้ด้วยดี ไม่มีอะไรที่เขาต้องจัดการมากนัก ตอนบ่ายเลยเหลือเวลาหลายชั่วโมงเพื่อให้ได้พักผ่อนหย่อนใจกันตามอัธยาศัย
บิดาของเขาออกไปตีกอล์ฟกับผู้บริหารคนอื่นๆ ส่วนพี่หน่อยก็ขอตัวไปจัดการเอกสารที่ห้องทำงานต่อ ทางด้านเขาเองก็ขอตัวลาพร้อมกับกลับมายังที่พัก แม้จะยังไม่มีโปรแกรมว่าจะทำอะไรต่อจากนี้ แต่การที่ได้อยู่เงียบๆ มันก็ทำให้เขาผ่อนคลายขึ้นได้เหมือนกัน
สองชั่วโมงกว่าหมดไปกับการนอนหลับ ผลข้างเคียงมาจากคืนก่อนที่มีเรื่องของใครบางคนให้ขบคิดอยู่ตลอดเวลา ภาพใบหน้าของคีรติยังฉายชัดอยู่ในหัว วนเวียนอยู่อย่างนั้นแม้เขาจะพยายามสลัดมันออก ยิ่งเป็นภาพในตอนที่ใบหน้าคมคายกำลังอมยิ้มที่ได้แกล้ง หรือในตอนที่รินรดลมหายใจจนได้กลิ่นน้ำหอมลอยจาง ภัทรก็ได้รู้ว่าตัวเองคิดถึงอีกฝ่ายมากจริงๆ
หลังจากพระอาทิตย์ลาลับหายไปกับสันเขาจนทำให้ท้องฟ้าเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีส้มอ่อน ร่างโปร่งก็ได้ออกมานั่งยังสระว่ายน้ำ มีผู้คนบ้างประปรายที่อยู่โดยรอบ เขาเลือกนั่งยังมุมในสุดที่ไม่สะดุดตา เหม่อมองไปยังชายหญิงหนึ่งคู่ที่พาลูกวัยเด็กมาเล่นน้ำ ทั้งสองมีรอยยิ้มกว้าง มือคล้องตัวลูกชายที่อยู่ในห่วงยางพร้อมกับเสียงหัวเราะที่ดังตามมาอยู่ตลอด
ถึงแม้อากาศจะค่อยๆเย็นลงมากกว่าเก่าแต่มันก็ไม่ได้กระทบกับเขาแต่อย่างใด สงสัยว่าเป็นคนขี้ร้อน การเจออุณหภูมิที่ต่ำจึงเป็นเรื่องดีเสียมากกว่า ภัทรหยิบไฟแช็กขึ้นมาเพื่อเตรียมจะจุดบุหรี่ แต่เสียงเรียกจากใครบางคนก็ทำเอาเขารีบวางมันไว้ด้านหลังอย่างแนบเนียน
“...ภัทร?”
“...”
“ภัทรใช่ไหม?”
พี่เล็กก้มหน้าลงเล็กน้อยยามที่ถาม ดวงตามีแต่ความดีใจที่เก็บไว้ไม่มิด เขาไม่รู้ว่าต้องทำตัวเช่นไรในเมื่อไม่ได้เตรียมเหตุผลของการหายไปไว้ก่อน
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็รู้สึกผิดที่จะต้องโกหกและปกปิดมันกับคนตรงหน้า
“เอ่อ...ครับ”
“เป็นภัทรจริงๆด้วย” อีกคนรีบตรงเข้ามาสวมกอดไว้แน่น มือเขาชะงักค้างกลางอากาศชั่วครู่ ก่อนที่มันจะทาบทับไปกับแผ่นหลังของอีกฝ่ายพร้อมกับประปรายรอยยิ้มไว้บนใบหน้า
นี่คงเป็นรอยยิ้มที่จริงใจที่สุดที่เขามีมาในช่วงหลายวัน
“อยู่ๆก็ลาออกไม่บอกไม่กล่าวกันเลย พี่ติดต่อไปก็ไม่มีข่าวคราว เป็นห่วงแทบแย่แหนะ” อีกคนวางมือไว้บนไหล่ ลูบไล้มันสองสามครั้ง
“ขอโทษด้วยนะครับ พอดีว่าที่บ้านภัทรมีเรื่องนิดหน่อย”
“ไม่เป็นไรๆ พี่เข้าใจ ถ้าไม่อยากเล่าก็ไม่ต้องเล่าก็ได้นะ”
ริมฝีปากบางเม้มลงเพราะความอบอุ่นที่มอบให้ เขาไม่รู้ว่าพี่เล็กทราบเรื่องตัวเองมากน้อยแค่ไหน แต่ภัทรก็เดาได้ว่าอีกฝ่ายยังไม่ล่วงรู้เรื่องของเขากับคีรติ คนอายุมากกว่านั่งลงยังเบาะไม้สีขาวด้านข้าง พาดผ้าขนหนูไว้กับลำคอยามที่พูด
“ตอนเช้าเจอรอบนึงแล้วแหละแต่คิดว่าคงไม่น่าเป็นภัทร เมื่อกี้เห็นผ่านๆ ก็เลยลองเข้ามาทักทายดู ปรากฏว่าใช่จริงๆด้วย”
“ครับ”
“ไม่เจอแค่ไม่กี่วันเปลี่ยนไปเยอะเหมือนกันนะเรา ดูโตขึ้นกว่าที่เห็นรอบล่าสุดอีก หรือเพราะว่าไม่ได้ใส่แว่น?”
อีกคนชวนเขาคุยเจื้อยแจ้ว ภัทรพยักหน้าสองสามทีเมื่อเห็นด้วย “คงแบบนั้นแหละมั้งพี่เล็ก ภัทรก็อยากลองๆเปลี่ยนตัวเองดูน่ะ”
“หล่อไม่เกรงใจกันเลย”
เสียงหัวเราะของเราคลอเคล้า และเขาอยากจะขอบคุณคนๆ นี้ที่ทำให้วันของเขาสดใสขึ้นในทันตา
“แล้วเรามาประชุมเหมือนกันใช่ไหม? ได้งานใหม่หรอ?” เมื่อยังมีคำถามที่สงสัย ผู้จัดการของฝ่ายก็ถามขึ้น ภัทรรีบประมวลความคิดในหัว ไม่รู้ว่าการบอกความจริงจะมีผลตามมามากน้อยแค่ไหน
แต่ถึงยังไงเขาก็ไม่อยากโกหกอีกฝ่าย
“เปล่าครับ” เขาเว้นช่วง “ภัทรมากับคุณพ่อ”
“อ่อ” ภัทรรู้ได้จากท่าทางของคนอายุมากกว่าที่ยังเหมือนจะมีคำถาม แต่พี่เล็กก็เก็บมันไว้กับตัวเองและไม่ซักอะไรต่อ
“ที่หายไปก็เพราะแบบนี้ด้วยครับ” ถึงแม้เรื่องที่พูดจะไม่ใช่ความจริงทั้งหมด แต่บางครั้งการโกหกก็ต้องทำไปเพื่อปกป้องตัวเอง “เพราะธุรกิจที่บ้านกำลังเติบโต ป๊าเลยอยากให้ภัทรเข้าไปช่วยงานสักหน่อย ตอนแรกภัทรก็ไม่อยากทำหรอก ไม่อยากให้คนอื่นหาว่าเป็นลูกที่คอยเกาะพ่อกับแม่ แต่สุดท้ายก็ขัดใจเขาไม่ได้อยู่ดี”
พี่เล็กหัวเราะเสียงดัง ยกมือข้างหนึ่งขึ้นลูกศีรษะและจัดทรงให้เข้าที่เข้าทางเมื่อสายลมพัดผ่านแผ่วเบา
“ก็แบบนี้แหละน้า ธุรกิจครอบครัว”
“ครับ”
“ถ้าเราไม่เป็นอะไรมากพี่ก็ดีใจ ทีนี้ก็เป็นนักธุรกิจเต็มตัวแล้วสิท่า ไม่มีมาดเลขาแบบที่พี่เห็นบ่อยๆแล้ว”
คนตัวเล็กส่ายหน้าพัลวัน อมยิ้มให้กับคนด้านข้างที่ยังชวนคุยไม่หยุด
“เออ อาทิตย์หน้าพี่จะจัดปาร์ตี้วันเกิด เราพอจะว่างไหม อยากให้มาเจอกัน มีพี่ๆที่ทำงานเนี่ยแหละ ภัทรน่าจะคุ้นหน้าคุ้นตา”
เนื่องจากการปฏิเสธมาแล้วหลายรอบในช่วงหลายเดือนก่อนทำให้เขาไม่อยากเสียมารยาท ภัทรพยักหน้าตกลงแต่โดยง่าย เรียกรอยยิ้มจากอีกฝ่ายกว้างขึ้น
“ดีเลยๆ แล้วพี่จะติดต่อไปนะ ใช้เบอร์เดิมใช่ไหม?”
“ครับ”
เมื่อจบประโยค อีกฝ่ายก็ถอดเสื้อผ้าให้เหลือแต่ชุดว่ายน้ำ ก่อนจะกระโดดลงไปแล้วออกตัวอย่างรวดเร็ว รอยยิ้มที่กว้างค่อยๆลดลงดังเก่า แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่ลืมช่วงเวลาดีๆที่เราได้ใช้มันร่วมกัน
ภัทรบิดขี้เกียจไปมา ปลดชุดคลุมอาบน้ำให้ร่วงหล่นแล้วพาดมันไว้กับเก้าอี้ เขาพร้อมจะแหวกว่ายผ่านน้ำใส แต่สายตากลับเหลือบไปเห็นใครบางคนเสียก่อน
คนๆ นั้น ที่มีรูปร่างสมส่วนน่ามอง โชว์หน้าท้องที่มีลอนขึ้นแจ่มชัด เจ้าตัวเท้าแขนไปด้านหลังพิงกับสระน้ำยามที่จ้องมองมาจากที่ไกล
เขาเลือกที่จะไม่สนใจกับภาพที่เห็นก่อนจะทิ้งตัวลงแหวกว่ายให้สายน้ำเย็นช่วยดับอารมณ์คุกรุ่น
จากความบังเอิญที่เราสองคนมักจะเจอกันอยู่บ่อยครั้ง
#คุณไม่ตรงปก
เครื่องยนต์ดับสนิทที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง มีสนามหญ้ากว้างขวางพอจะตั้งเตาบาร์บีคิวไว้บนนั้น ฝั่งซ้ายจัดสวนขนาดย่อม ถัดไปเล็กน้อยเป็นโรงรถที่พอจะจอดรถได้สองคัน
เสียงดนตรียังดังลอยผ่านมาให้ได้ยินแม้เขาจะยังไม่ได้เดินเข้าไป ภัทรดับบุหรี่มวนจุดท้ายที่จุดสูบเพื่อลดความประหม่า ใช้ปลายเท้าขยี้มันให้มอดไหม้ก่อนจะสำรวจชุดที่ใส่มาอีกหนึ่งรอบ
เชิ้ตดำ ยีนขาด มีกลิ่นน้ำหอมลอยจางติดจมูก
ใช้มือเสยผมไปด้านหลังหนึ่งที ก่อนจะตัดสินใจก้าวเท้าไปตามทางเดินที่มีเพียงโคมไฟข้างทางส่องสว่าง ประตูหน้าบ้านเปิดอ้าไว้เล็กน้อยเพื่อต้อนรับแขกใหม่ที่เข้ามาร่วมงานวันนี้ เขาเดินผ่านฝูงคนที่จับกลุ่มเจรจา พยายามสอดสายตามองหาคนที่เป็นเจ้าของงานเพียงอย่างเดียว
ภายในบ้านประดับด้วยแสงนีออนมีระดับ มีบาร์ค็อกเทลและแอลกอฮอลล์วางอยู่มุมหนึ่งที่สามารถหยิบจับได้ง่าย ภัทรเอียงตัวหลบผู้หญิงสองคนที่กำลังดื่มจนหมดแก้ว พลันสายตาก็มองเห็นพี่เล็กที่ยืนคุยกับใครสักคนอย่างออกรสบริเวณประตู
เขารอจังหวะที่จะเข้าไปแทรก กล่าวทักทายอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มก่อนที่อ้อมกอดจะถูกส่งตามมาพร้อมกับการโอบเขาเข้าหาอย่างที่มักจะทำตลอด
“ขอบคุณที่มานะ”
“สุขสันต์วันเกิดครับพี่เล็ก”
มือบางเอื้อมไปรับแก้วไวน์จากคนด้านข้าง น้อมตัวเล็กน้อยเพื่อดื่มมันจนหมดก่อนจะยื่นของบางอย่างส่งให้
“ว้าว มีของขวัญให้พี่ด้วยแฮะ”
“หวังว่าจะชอบนะครับ”
“ฮ่าๆๆ มาทางนี้สิ”
เจ้าตัวนำทางไปยังพื้นที่อีกฝั่ง ปิดกั้นด้วยกระจกใสล้อมรอบ มีทางเดินลัดไปยังประตูขนาดใหญ่ที่เปิดอ้ากว้าง และจากนั้นภัทรก็สามารถมองเห็นสระว่ายน้ำขนาดย่อม
“พวกไอทีเขากำลังได้ที่เลยล่ะ”
ถึงแม้จะงุนงงเล็กน้อยแต่ภัทรก็เดินตามไปไม่ห่าง ก่อนที่เสียงเรียกชื่อเขาจะดังจากคนด้านข้าง คนที่เรามักจะเจอกันอยู่
บ่อยๆ“ไม่เจอกันนานเลยนะครับ”
ผู้ชายตัวสูงมีรอยยิ้ม ทรงผมที่มัดรวบไปด้านหลังคราวนี้เปลี่ยนเป็นจัดทรงด้วยเจล ดูเหมือนอีกฝ่ายจะปรับเปลี่ยนทรงเสียใหม่จนตอนนี้ดูดีกว่าเดิมเป็นอย่างมาก
ท่าทางแปลกใจถูกนำมาใช้ก่อนที่เขาจะค้อมหัวลงเพื่อทักทายบ้าง คนอื่นๆ ก็ไม่ต่างที่ส่งยิ้มพร้อมกับชวนพูดคุยด้วยเสมอโดยมีพี่เล็กคอยกำกับ เขาอมยิ้ม ตอบรับบทสนทนาต่างๆอย่างออกรส อาจเพราะเป็นคนช่างพูดมาแต่ไหนแต่ไรเลยทำให้ไม่ยากเย็นอะไรนัก ภัทรยกแก้วขึ้นดื่ม ชำเลืองมองชายหนุ่มที่ยังยืนอยู่คล้ายกับรอจังหวะ
“ดื่มไปเยอะแล้วหรอครับเนี่ย” เมื่อเห็นว่าไม่ค่อยมีใครสนใจมากเท่าไหร่ ภัทรเลยเป็นฝ่ายชวนคุยเสียเอง แม็คยักไหล่ มือข้างหนึ่งสอดไว้ในกระเป๋ากางเกง
“ก็พอสมควรแหละครับ”
“ตาเยิ้มเชียว”
“ผมยังไม่เมาหรอกน่า”
อีกคนแลบลิ้นเมื่อเขาแสดงท่าทีขัดเขินจนเห็นได้ชัด หัวใจดวงเล็กเต้นแรงเมื่อไม่บ่อยนักที่เขาจะอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ โดยปกติแล้วสายปาร์ตี้มันก็ต้องมีเรื่องกระตุ้นต่อมหัวใจให้ทำงานบ้าง อย่างเช่นการได้เจอกับคนแปลกหน้าที่ถูกชะตากันตั้งแต่แรกเห็น
“พักหลังมานี้ไม่เจอคุณภัทรที่บริษัทเลยนะครับ” อีกคนเริ่มหัวข้อใหม่ในตอนที่หยิบจานที่มีอาหารวางเต็มส่งให้ ภัทรรับมันมาแต่โดยดี วางแก้วของตัวเองไว้แล้วหยิบส้อมขึ้นตักชิม
“ภัทรลาออกแล้วครับ”
“อ่า...” อีกคนอ้าปากค้าง ดวงตาเบิกขึ้นเพราะได้รับข่าวที่ไม่น่ายินดีเท่าไหร่
“ขอโทษด้วยนะครับที่ไม่ได้บอก มันค่อนข้างกะทันหัน”
“ขอโทษทำไมล่ะครับ” คนอายุน้อยกว่าส่ายหัว “ผมสิต้องขอโทษภัทร ไม่รู้อะไรก่อนเลย”
เสียงคนรอบข้างไม่ได้ขัดจังหวะฝีก้าวที่เดินไปตามทาง เราสองหยุดยืนยังมุมหนึ่งที่ไม่ห่างจากสระว่ายน้ำ อีกฝ่ายพิงกำแพงบ้านพร้อมกับแก้วไวน์ในมือ
“แล้ววันนี้...ภัทรกลับยังไงหรอ?”
จากความหมายในประโยคทำให้เขารู้ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร อมยิ้มมุมปากจึงค่อยๆ ผุดขึ้นอย่างยั่วยวน ภัทรกัดริมฝีปากล่างเมื่อรู้ว่าคนด้านข้างตั้งใจมองมันอยู่ตลอด ก่อนจะแลบลิ้นเลียจนชุ่มฉ่ำ ค่อยๆกระซิบด้วยเสียงหวานในยามที่ยกตัวขึ้น
“เอาไว้...ภัทรค่อยตอบได้ไหมล่ะครับ?”
ระเบิดลูกใหญ่ถูกทิ้งไว้อย่างที่ชอบทำ เขาหันหลังกลับเพื่อเดินไปอีกทาง ผ่านผู้คนที่เต้นรำกันตามเสียงเพลงจังหวะหนัก และในตอนที่กำลังจะผ่านห้องครัวเพื่อหลบไปอยู่คนเดียวเงียบๆ
คนที่กอดอกพิงกำแพงในมุมหนึ่งก็พูดขึ้นจนต้องหยุดชะงัก
“ชอบเสียจริงนะกับการปั่นหัวคนอื่น”
เพราะเขาจำน้ำเสียงนั้นได้ดี เป็นน้ำเสียงของคีรติที่ใช้ในยามที่อีกฝ่ายไม่พอใจอะไรสักอย่าง
คราวนี้เขาไม่ยอมแพ้ วางจานอาหารไว้บนเคาน์เตอร์ก่อนจะเอียงหน้าในยามที่เดินเข้าหาอีกฝ่าย
“ก็ชอบนะครับ” มือเขาวางทับกับไหล่กว้าง ไล้นิ้ววนลงตามปกเสื้อที่ปลดกระดุมจนเห็นแผงอก ตั้งใจให้มันสัมผัสโดนผิวเนื้อในบางจังหวะ
“...”
“...เพราะบางคนก็ปั่นหัวง่ายดี” คล้ายกับว่าภัทรคนเดิมเริ่มกลับมาทีละนิด เพราะตอนนี้เขาไม่ได้เกรงกลัวมากเท่าแต่ก่อน
เมื่อไหร่ที่เครื่องติด เมื่อนั้นเขาก็จะสู้จนหลังชนฝา
“หึ” คีรติสบถในลำคอ เบือนหน้าไปทางอื่นแล้วใช้ลิ้นดุนกระพุ้งแก้มเพื่อระงับอารมณ์
“หรือไม่จริง?”
ภัทรใช้สองมือคล้องคออีกฝ่าย ดันร่างสูงให้หายไปในห้องห้องหนึ่งแล้วลงกลอนเพื่อให้เราสองตัดขาดจากโลกภายนอก
“แล้วไม่คิดบ้างหรอว่าคนอื่นจะรู้สึกยังไง?”
คำพูดที่กรีดแทงจิตใจทำสายตาเขาวูบไหวชั่วขณะ อาจเป็นเพราะเรื่องที่เอ่ยมานั้นเป็นความจริง
แต่คนอย่างเขาเลือกที่จะมองข้ามมันไปโดยไม่สนใจการยั่วยุ
“ไม่ใช่ว่าภัทรจะไม่จริงใจเสียหน่อย” รอยยิ้มหวานฉาบบนใบหน้า ดันตัวเข้าหาจนร่างกายเราบดเบียด สองมือใหญ่ประคองไว้ที่เอวอย่างได้ใจ ไม่มีวันที่อีกฝ่ายจะปฏิเสธเขาได้ลง
“งั้นกับมันก็จริงใจอย่างนั้นหรอ?”
เสียงหัวเราะดังขึ้น ภัทรเชิดหน้าพร้อมกับพูดจนลมหายใจรินรดกันไปมา
“ถ้าจริงใจ...แล้วคุณคีจะทำไมล่ะครับ?”
“...”
“ก็คุณไม่รับรักภัทรนี่นา ภัทรไม่มีทางเลือกเสียหน่อย”
เขาไม่ใช่คนใจแข็ง ในตอนที่พูดประโยคดังกล่าวเสียงจึงแผ่วไปเล็กน้อย เพราะมันยังแทรกซึมทุกๆ เพราะความผิดหวังมันยังแทรกซึมอยู่ในทุกๆ คำที่เอื้อนเอ่ย
คีรติไม่พูดอะไรต่อ เขาก็ปล่อยให้ทุกอย่างผ่านเลยไปแบบนั้นเพราะไม่อยากสะกิดแผลให้มันกว้างกว่าเดิม
ผ่านไปนานกว่าที่แผ่นหลังบางจะสัมผัสกับฟูกนุ่ม อีกคนทาบทับร่างกายเข้าหา สบสายตาเขาเอาไว้ก่อนจูบอันแสนนุ่มนวลจะมอบให้ผ่านริมฝีปากหยัก
จังหวะเชื่องช้าทำเอาภัทรแทบจะขาดใจ คีรติไม่เคยอ่อนให้ขนาดนี้มาก่อน สองมือก็ค่อยๆประคองกลัวว่าเขาจะหนีหายไปอย่างนั้น ลิ้นร้อนที่ตวัดแทรกก็ยอมให้เขาเป็นฝ่ายบังคับจังหวะ มันลัดเลียดไปตามผิวเนื้อ ส่งผ่านความรู้สึกทุกอย่างจากเจ้านายมาให้จนหมด
“อืออ”
เสียงเขาครางตอบรับ รู้สึกได้ถึงมือใหญ่ที่จับขาเขาให้อ้ากว้างแล้วแทรกตัวลงมามากกว่าเดิม ขาเล็กตั้งชัน มีแขนหนึ่งข้างบังคับให้มันแนบกับร่างกายกำยำในทุกๆการขยับขึ้นลง ส่วนล่างของเราเสียดสีจนเกินจะห้ามใจ และในตอนที่จูบของเรากำลังเร่าร้อนดังไฟที่พร้อมโหมกระหน่ำ ภัทรก็ตวัดตัวคีรติลงบ้าง
แลบลิ้นเลียริมฝีปากของคนด้านล่าง
พร้อมกับลุกขึ้นขัดจังหวะจนทำให้ใครบางคนกำหมัดแน่น
“ปากก็บอกว่าภัทรไม่เคยเปลี่ยน”
“...”
“คุณคีก็ไม่เคยเปลี่ยนเหมือนกันนั่นแหละ”
และกว่าคนๆนั้นจะรู้ตัว ก็โดนปล่อยให้อารมณ์ค้างเติ่งอยู่กลางห้องนอนเพียงคนเดียวเสียแล้ว
ภัทรรัวนิ้วลงบนแป้นพิมพ์ ส่งข้อความหาใครบางคนที่สืบจนได้ช่องทางการติดต่อ
ก่อนที่จะเดินออกไปพร้อมกับการผิวปากอย่างอารมณ์ดี
‘ภัทรกลับก่อนนะครับ อย่าดื่มจนกลับบ้านไม่ไหวล่ะ คุณแม็ค :-)’#คุณไม่ตรงปก
080819
before30october
มันเพิ่งเริ่มเท่านั้น :-)