◑
คุ ณ ไ ม่ ต ร ง ป ก
ตอนที่ 11 : บังเอิญ
_________
กว่าภัทรจะหายดีก็ใช้เวลากว่าสองสามวัน
ถึงแม้ไม่อยากจะลางานแต่เขาก็ไม่สามารถทำแบบนั้นได้ ด้วยสภาพร่างกายที่ยังไม่ปกติครบถ้วนทำให้ภัทรต้องจำใจส่งใบลาเพิ่มและรอจนกว่าอาการไข้จะหายเป็นปลิดทิ้ง
เช้าวันใหม่เริ่มต้นขึ้นด้วยการฮัมเพลงเบาๆ ของคนที่ขาดงานมานานหลายวัน แทบจะเป็นครั้งแรกที่เขาตื่นก่อนเสียงนาฬิกาจะปลุกเสียด้วยซ้ำ เจ้าตัวใช้เวลาในการอาบน้ำนานกว่าปกติที่เคยเป็น เพลิดเพลินกับกลิ่นหอมของสบู่จากอ่างขนาดใหญ่ก่อนจะตั้งใจเลือกชุดหน้ากระจกจนเกือบจะสาย
เสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงแสล็คสีดำเข้าชุดแบบที่เคยเห็นถูกสวมใส่บนร่างกายสมส่วน ปลดกระดุมเม็ดบนสุดแล้วจัดคอเสื้อให้เข้าที่ คาดเข็มขัดให้ดูสุภาพ เช็ตผมเล็กน้อยไม่ให้มันดูยุ่งเหยิงจนเกินไป และไม่ลืมที่จะหยิบ
แว่นตาขึ้นมาสวมใส่แบบที่ทำเป็นประจำ
ถึงแม้จะตื่นเช้าแต่การจราจรที่ติดขัดก็ทำให้เขามาถึงออฟฟิศในเวลาเดิมอย่างช่วยไม่ได้ ภัทรยิ้มทักทายคนอื่นเล็กน้อย พยายามทำตัวให้อยู่ในมุมมืดมากที่สุดเท่าที่จะทำได้เพราะไม่อยากใช้ตัวตนที่กำลังทำหน้าที่เลขาเข้าไปอยู่ในแสงสี มันไม่เหมาะกับภัทรในร่างนี้ ดังนั้น เขาจึงต้องรู้จักระมัดระวังตัวให้มากขึ้น
เอกสารที่กองอยู่ทำเขาหัวหมุนได้อย่างง่ายดายตั้งแต่นั่งลงที่โต๊ะ ร่างโปร่งรีบจัดการมันให้แล้วเสร็จแม้จะต้องรับสายและติดต่องานไปด้วยพร้อมกันจนวุ่น กว่าที่จะรู้ตัวว่าอีกคนได้เข้ามาในห้องก็ตอนที่เขาวางสายจากหัวหน้างานของบริษัทคู่ค้า
“คุณคี สวัสดีครับ”
“สวัสดีครับ” คนตัวสูงตอบกลับ ปรับเนกไทบนเสื้อเล็กน้อยแล้วก้มหน้าอ่านเอกสารที่วางไว้
“เดี๋ยวภัทรชงกาแฟมาให้ เอาหวานน้อยเหมือนเดิมนะครับ”
“ครับ” รอยยิ้มจางประดับแม้จะไม่เงยหน้า คนที่มาทีหลังจรดปากกาลงบนกระดาษทีละแผ่น ไม่นานเลขาคนโปรดที่หายลับไปก็กลับมาพร้อมกับแก้วกาแฟควันกรุ่นในมือ
“หายดีแล้วใช่มั้ยครับ?” คีรติสบตาพร้อมกับสำรวจเขาไปจนทั่ว ภัทรพยักหน้าสองสามครั้งเป็นการตอบกลับของคำถาม
“ครับ ได้พักตั้งหลายวัน ถ้าภัทรไม่หายก็กลัวว่าคุณคีจะไล่ออกเพราะหยุดบ่อยเกินไป” เขาแอบหยอกล้อไปในตอนท้าย ลอบมองปฏิกิริยาของคนตรงหน้าก่อนจะพบว่ามันได้ผล
เพราะรอยยิ้มที่มีของคีรตินั้นกว้างขึ้น
และภัทรก็เข้าข้างตัวเองว่าสาเหตุมาจากประโยคของเขา
“ผมจะกล้าไล่ภัทรออกได้ไง” คนตัวสูงเว้นช่วง “ไม่มีใครเขาไล่เลขาที่ชอบไปง่ายๆหรอกนะครับ”
ใบหน้าหวานกลั้นรอยยิ้มไว้ไม่ได้จนต้องเบือนไปทางอื่น แก้มขึ้นสีอย่างอัตโนมัติเมื่ออีกคนก็ไม่ยอมแพ้ที่จะทำให้ใจเขาเต้นแรงอีกเช่นกัน มือเล็กยกขึ้นจัดแว่นให้เข้าที่เมื่อไม่รู้จะวางมันไว้ตรงไหน ได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอดังตามมาก่อนทั้งห้องจะตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง
“ตรงนี้คืออะไรครับ?” นิ้วเรียวชี้ไปยังรอยดินสอที่เขาวาดเอาไว้เป็นวงกลม ภัทรขยับเข้าไปใกล้โต๊ะทำงานของอีกฝ่าย ก้มลงเล็กน้อยเพื่ออ่านแล้วตอบกลับ
“คุณคีต้องดูเอกสารหน้าที่สองร้อยแปดสิบสองประกอบครับ เขาจะรายงานสภาพก–”
“อันไหนครับ? ผมหาไม่เจอ”
“ภัทรว่าภัทรสอดไว้ในแฟ้มด้านหลังนะครับ อ่า...งั้นเดี๋ยวภัทรดูให้อีกที”
“รบกวนด้วยครับ” อีกคนวางแฟ้มไว้ด้านข้างเพื่อเป็นสัญญาณขอความช่วยเหลือ เมื่อเห็นดังนั้น เขาจึงเดินอ้อมไปยังอีกฝั่ง ก้มหาเอกสารที่คิดว่าตัวเองไม่น่าจะลืมได้ก่อนที่จะตกใจเพราะมือแกร่งรวบเข้าบริเวณเอวแล้วรั้งตัวเขาให้นั่งลงบนตักอย่างรวดเร็ว
“อ๊ะ!”
“ยังหาไม่เจออีกหรอ?” เสียงกระซิบข้างใบหูทำเอาภัทรรู้สึกวาบหวิว รู้ได้ทันทีว่าคนที่แก่กว่ากำลังเล่นงานเข้าอย่างจังจากมือใหญ่ที่ลูบไล้บริเวณเอวคอดอย่างเชื่องช้าเป็นจังหวะ
และเขา...ที่ตั้งใจให้อีกฝ่ายลูบไล้พร้อมกับบดเบียดส่วนล่างไปอย่างแนบเนียน
ไหนๆ ก็เล่นตัวมาเยอะ ยอมนิดยอมหน่อยให้คีรติได้ใจมันก็ไม่น่าจะเสียหายอะไรสักหน่อย
ภัทรเอี้ยวไปด้านหลัง จงใจให้จมูกโด่งเฉียดแก้มใสไปเพียงไม่กี่เซ็น แอบแลบลิ้นในตอนที่ตอบกลับไปอย่างคลุมเครือเช่นกัน
“ไม่เจอเลยครับ” เขาจ้องริมฝีปากหยักแน่นิ่ง น้ำเสียงแหบพร่าดังแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน “ทั้งเช้าก็ไม่น่าจะเจอ”
อีกคนจ้องเขากลับ ภัทรคล้องแขนไว้อย่างชำนาญบนลำคอแกร่ง...เราอ้อยอิ่งกันอยู่สักพัก ก่อนที่เขาจะเป็นฝ่ายขยับเข้าไปใกล้แล้วเริ่มรสจูบแสนหวานนั้นเสียเอง
ริมฝีปากบางบังคับจังหวะให้เป็นดังที่ใจหวัง อีกคนก็ยอมตามโดยไม่คิดจะเอาแต่ใจ มือใหญ่บีบเค้นไปทั่วผ่านผ้าเนื้อดีจนยับยู่ยี่ เสียงครางดังประสานในตอนที่ฟันเล็กขบกัดริมฝีปากล่างของอีกฝ่าย ยกสะโพกขึ้นก่อนจะขยับบนต้นขาแกร่งอย่าง
ตั้งใจ–
“อืมม”
ให้คีรติได้กำไรเสียบ้าง เขาจะได้รวบหัวรวบหางได้อย่างง่ายๆ
ปากกาที่ถือไว้ร่วงหล่นลงบนโต๊ะ เลื่อนสองมือเข้าแนบบนร่างกายเล็กอย่างโหยหา มือเขาขยุ้มเส้นผมอีกฝ่ายช้าๆ บดเบียดริมฝีปากลงไปอีกครั้งด้วยจังหวะที่ร้อนแรงกว่าเก่า ความลุ่มหลงมัวเมาทำให้เราทั้งคู่ลืมทุกอย่างไปจนหมด ขาแกร่งอ้ากว้างเพื่อรองรับร่างเขาให้นั่งได้อย่างสะดวก และก่อนที่มือใหญ่จะล้วงเข้าไปใต้เสื้อเชิ้ตที่ถูกปล่อยชายจนรุ่ยร่าย เสียงเคาะประตูหน้าห้องก็ดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน
ก๊อก ก๊อก ก๊อก!
ภัทรเด้งลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว ยกแขนเช็ดริมฝีปากก่อนจะพยายามแต่งตัวให้เรียบร้อย
“เอ่อ...คือ..” เสียงเขาตะกุกตะกัก มองเห็นอีกคนแลบลิ้นเลียริมฝีปากแล้วยืดตัวขึ้นนั่งจับปากกาด้วยท่าเดิม
พร้อมกับรอยยิ้มที่ประดับไว้อย่างเจ้าเล่ห์
“หาให้เจอด้วยล่ะภัทร”
“...ครับ” ดวงตากลมโตเบือนกลับมายังเอกสารตรงหน้า พยายามบังคับลมหายใจที่ขาดห้วงให้กลับมาเป็นจังหวะปกติ
“เชิญครับ” คีรติตอบรับคนที่อยู่หน้าห้อง เป็นจังหวะเดียวกับที่เอกสารหน้านั้นปรากฏเด่นหรา
เขาชะงัก ไล่สายตาตามตัวหนังสือบนโพสต์อิทแผ่นเล็กด้วยใจที่เต้นรัว
‘เย็นนี้ไปทานข้าวด้วยกันนะครับ
คีรติ’
มันเป็นเพียงแค่ประโยคสั้นๆ ที่ทำให้รอยยิ้มของเขากว้างขึ้นโดยไม่รู้ตัว
แต่รอยยิ้มนั้น กลับจางหายไปในทันทีตอนที่เขาเห็น
ธนกฤษกำลังยืนคุยกับคีรติอย่างออกรสในช่วงบ่าย ภัทรยอมรับว่าตัวเองกำลังคิดมาก เป็นความคิดมากที่มาจากการระแวงว่าจะมีอะไรตามมาหลังจากนั้น
และมันก็เป็นไปตามที่เขาสันนิษฐานไว้ไม่มีผิด
เมื่อลับสายตาจากประธานบริษัท ผู้ชายคนนั้นก็ส่งยิ้มให้อย่างตั้งใจ สายตาที่มองมาดูเย่อหยิ่งไม่แพ้ครั้งไหนๆที่ได้พบ เขารู้จักธนกฤษเป็นอย่างดี เราเคยมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งอยู่ในช่วงเวลาหนึ่ง ไม่นานมากพอจะลุ่มหลงไปทั้งใจ แต่ก็ไม่ได้รวดเร็วจนจะไม่รู้สึกอะไรเลย – เขาคนที่รักสนุกไปวันๆ กับคนแบบนั้นที่หวังจะได้ทุกอย่างแต่ไม่คิดจะจริงใจ
คาดเดาได้ว่าตอนจบมันไม่ค่อยสวย
–เขามีคนอื่น
และไม่ต่างกันมากนักกับอีกฝ่าย
ภัทรเดินเลี่ยงไปอีกทางเมื่อเห็นว่าบทสนทนากำลังจะสิ้นสุดลงในไม่ช้า มุ่งหน้าไปยังห้องของคนที่ตัวเองรู้จักเพื่อหลบหน้าแต่เพียงแค่เสี้ยววิที่มือเล็กกำลังจะเอื้อมถึงประตูห้อง แรงดึงจากทางด้านหลังก็ทำเขาปลิวชิดอกแกร่งจนได้กลิ่นน้ำหอมลอยฉุน
ปัก!
“เจ็บ!!” เขาอุทานเมื่อแผ่นหลังกระทบเข้ากับผนังตกแต่งเข้าอย่างจัง ใบหน้าหวานบิดเบี้ยวไปจากพันธนาการที่ข้อมือที่มันเริ่มแน่นมากขึ้นเรื่อยๆ เขาดิ้นไปมา แต่แรงที่มีกลับสู้แรงของอีกคนไม่ได้แม้แต่นิด
“ภัทรเปลี่ยนไปเยอะเหมือนกันนะ” เขาเบือนไปอีกทางเมื่ออีกคนพูดชิดใบหน้า เมื่อรู้ว่าเป็นฝ่ายเสียเปรียบ การรู้จักยอมจำนนจึงต้องเกิดขึ้นเพื่อป้องกันตัว
“ต้องการอะไร?” เสียงเขาแข็งขึ้นเท่าตัว มองซ้ายมองขวากลัวว่าจะมีใครมาเห็นเราสองคนในมุมแคบๆของโถงทางเดิน
“พูดกับผมดีๆสิครับ” อีกคนมีรอยยิ้มประดับ แต่มันดูไม่น่าไว้ใจเลยสักนิด
“คุณต้องการอะไร?” ร่างโปร่งย้ำทีละคำช้าๆ ธนกฤษเอียงหน้าลงอย่างยียวน นิ้วชี้ไล้ไปตามกรอบใบหน้าจนรู้สึกอึดอัด
“ผมต้องถามภัทรมากกว่าว่าภัทรต้องการอะไร?” อีกฝ่ายเว้นช่วง น้ำเสียงยานคางบ่งบอกให้รู้ว่ากำลังป่วนประสาทเขาอย่างตั้งใจ “ยอมทำตัวเป็นหนุ่มแว่นใสซื่อ ทำงานเลขาให้กับบริษัทอสังหาฯยักษ์ใหญ่ ทำตัวไม่เหมือนกับภัทรคนที่ผมรู้จักเลยนะ”
“…”
“บริษัทคู่แข่งของคุณลุงก็ไม่ใช่ จะมาหลอกเอาเงินก็ไม่ใช่ หรือว่า...” อีกคนหยุดปลายนิ้วไว้ที่ริมฝีปาก “...คีรติมีอะไรดีงั้นหรอครับ”
พลั่ก!
“ไม่ใช่เรื่องของนาย” เขาจ้องเขม็ง รู้สึกหัวเสียที่ถูกรู้ทันจนร้อนใจ
“ฮ่าๆ ใจเย็นๆ สิภัทร ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลย”
“งั้นก็กลับไปได้แล้ว”
“ไม่ฟังข้อต่อรองหน่อยหรอ?” ประโยคของอีกฝ่ายทำเขาหันขวับ แม้ใจจะบอกให้รีบเดินออกจากตรงนี้สักแค่ไหนแต่คำว่าข้อต่อรองมันกลับรั้งเขาไว้อย่างง่ายดายเสียอย่างนั้น
เพราะเมื่อไหร่ที่มีข้อต่อรอง ก็แสดงว่าอีกคนมีเรื่องสำคัญที่เราต้องทำการเจรจา
“ว่ามา”
“ยกเลิกนัดกับคีรติเย็นนี้ แล้วไปทานข้าวกับผมแทน”
มือเล็กกำเข้าหากันแน่น ความโกรธพวยพุ่งแต่ภัทรก็ทำได้แค่ยืนนิ่งเพราะประโยคต่อไปที่ได้ยินมันทำให้เขาไม่มีทางเลือก
“หวังว่าจะเจอภัทรนะครับ”
“…”
“และหวังว่าผมจะไม่บอกเขาไปว่าจริงๆ แล้วคุณเป็นใคร”
/
ควันสีเทากรุ่นลอยฟุ้งขึ้นบนอากาศเป็นทางยาว หลักฐานของการเผาไหม้ตกหล่นเป็นเถ้าถ่านลงบนถาดใส มือเล็กยกก้านกระดาษจรดริมฝีปาก สูดลมหายใจเข้าเต็มปอดก่อนจะพวยพ่นควันบุหรี่ออกมาอีกครั้ง
“อืม” สายตาเขาจดจ้องไปยังเพดานห้องเมื่อเอ่ยตอบ กางแขนขวาออกไปจนสุด ส่วนมือซ้ายยังแนบโทรศัพท์ไว้เพื่อฟังเสียงจากปลายสาย
(ปฏิเสธเขาไปว่ายังไงล่ะ?)
“บอกว่าต้องพาป๊าไปโรงพยาบาล”
(ไอ้ภัทร!)
“เออน่า ก็กูไม่มีทางเลือก” เขาสบถ หัวเสียเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงเย็นของวัน
เป็นดังที่ธนกฤษต้องการเมื่อเขายอมตกลงไปทานข้าวกับอีกฝ่ายแต่โดยดี ร่างหนามีแต่รอยยิ้มเมื่อเราดินเนอร์ภายใต้แสงเทียนแสนโรแมนติกบนตึกสูง ต่างจากเขาที่มีสีหน้าไร้อารมณ์แม้จะอยู่ในร่างภัทรแบบที่เจ้าตัวมักจะเห็นเป็นประจำ
ถ้าไม่ใช่ที่ทำงาน เขาจะไม่พาร่างเลขาไปไหนต่อไหนมั่วซั่วโดยเด็ดขาด
(แล้วมึงจะเอายังไงต่อ?) เพื่อนของเขาตั้งคำถาม และมันเป็นคำถามที่เขาก็พยายามหาคำตอบกับตัวเองมาแล้วหลายชั่วโมง
“ไม่รู้เลยว่ะ กูเครียดจนต้องโทรมาหามึงเนี่ยแหละ”
(หรือไอ้กฤษมันอยากกลับมาหามึงวะ?) อีกคนตั้งข้อสงสัยเพิ่ม ภัทรจุดบุหรี่มวนใหม่แล้วยกมันออกจากปากเพื่อส่งเสียงตอบกลับไป
“เพื่ออะไร?”
(มันก็ทำทุกอย่างแหละว่ะถ้ามันอยากได้ มึงก็รู้นิสัยมันดี)
“อืม เอาแต่ใจ และกูคิดว่ามันไม่หยุดแค่นี้แน่ๆ”
เขาเงียบ เหม่อมองควันสีเทาที่ลอยฟุ้งไปมา
“กูไม่อยากให้คุณคีรู้”
(แล้วมึงจะปิดตัวตนของมึงแบบนี้ไปตลอดน่ะหรอ? ยังไงก็ทำไม่ได้หรอก)
คำพูดของเพื่อนทำเอาคนตัวเล็กนิ่งไปชั่วครู่ ความเป็นจริงแล้วภัทรรู้ดีว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้แบบที่อีกคนพูด เขาแค่อยากโกหกตัวเองต่อไปเพื่อความสุขที่มันได้รับกลับมาก็แค่นั้น
ไม่รู้ว่านานแค่ไหนเหมือนกันที่ความลับจะถูกเปิดเผย
“ถ้าเขาไม่ชอบกูในแบบที่กูเป็นกูล่ะวะ?”
(ยอมให้เขาไม่ชอบมึงในแบบที่มึงเป็นมึง กับยอมให้เขารักมึงในแบบที่มึงไม่ใช่ตัวเอง ค่ามันไม่เท่ากันหรอ?) อีกฝ่ายถามโดยไม่ต้องการคำตอบ (ลองกลับไปคิดดู)
“เฮ้ออ ยากสัส”
ภัทรเด้งตัวขึ้น เสยผมไปด้านหลังก่อนจะขยับร่างกายที่ไร้อาภรณ์ปกปิดช่วงบนไปยังหน้ากระจก ลูบไล้รอยกุหลาบที่หมิ่นเหม่ขอบกางเกงมาเพียงครึ่งก่อนจะตอบตกลงเพื่อนออกไปโดยไม่คิดลังเลเมื่อโดนชวน
(ออกมาหากูหน่อยมา...อยู่ที่เดิม)
“...อืม...เดี๋ยวไป”
ไม่นานเกินรอเขาก็มาอยู่ในสถานที่บันเทิงยามดึกที่เปิดเพลงดังกระหึ่ม แม้ใบหน้าจะดูไม่สบอารมณ์แต่สายตาหลายคู่ก็ยังจ้องมองมาอย่างสนใจ ภัทรนั่งลงยังเบาะนุ่ม กระดกแก้วที่วางไว้รวดเดียวจนเพื่อนเอ่ยทัก
“ใครไปทำอะไรให้วะ”
“หมาแถวนี้”
เขาเหล่มองคนถาม เบ้ปากเล็กน้อยก่อนจะแย่งบุหรี่ในมืออีกฝ่ายขึ้นสูบ
“สักคนสิ” กวินพยักพเยิดไปทางฝูงคนด้านหน้า ภัทรขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะเบือนสายตาไปทางอื่น
“กูไม่นอนกับใครแล้ว”
“สงสัยจะหงุดหงิดจริง” ทั้งสองหัวเราะเป็นเสียงเดียวกัน เขาได้แต่นั่งสงบสติอารมณ์ช้าๆโดยมีเพื่อนอยู่ข้างกาย ปล่อยให้เสียงเพลงและบรรยากาศที่คุ้นเคยเข้าช่วยให้ความคิดกลับมาเป็นปกติ อาการมึนเมาเริ่มก่อตัวเมื่อเขายกแก้วขึ้นดื่มหลายรอบ กลิ่นแอลกอฮอลล์อบอวลไปทั่วทั้งปาก จนเกือบเที่ยงคืนภัทรถึงได้เดินไปเข้าห้องน้ำเพียงลำพังเพื่อตั้งสติ
ทางไปยังห้องน้ำไม่ไกลจากโต๊ะที่นั่งอยู่มากนัก แต่เป็นเพราะภาพที่ลอยหมุนอยู่ในหัวหรือเพราะผู้คนที่เบียดเสียดเขาก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่ ระยะทางที่มีดูเหมือนจะไกลมากขึ้นเรื่อยๆ และเขาก็รู้สึกผิดที่ตัวเองนั้นเดินเซจนชนเข้ากับใครสักคนเข้าให้
ภัทรหลับตานิ่ง เกาะแขนของอีกฝ่ายเอาไว้เพื่อพยุงตัว และกว่าที่เขาจะทันได้เข้าใจเหตุการณ์ที่เป็นอยู่ เสียงเรียกที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นพร้อมกับใบหน้าคีรติที่ดูแปลกใจเป็นอย่างมาก
“ภัทร”#คุณไม่ตรงปก
250119
before30october