เพลงรักที่หายไป
เพลงรักที่ 19 เรามีเรา
ศิลปิน ฐิติมา สุตสุนทร
หลังจากกลับมาจากโรงพยาบาล ตอนนี้ทุกคนก็มานั่งรวมกันอยู่ที่ร้านของโอบอุ้มตามคำเชิญของหนูด้วง ซึ่งทุกคนในที่นี้ก็คือบรรดากลุ่มเพื่อนของหนูด้วงและสมาชิกวงเดอะบ็อกซ์ รวมถึงพญาและเทียมฟ้าด้วย
“เป็นความผิดของผมเองครับ ผมทำให้ไอ้สามารถมันหนีไปได้”
“ไม่ใช่หรอกครับ ความผิดผมเอง”
“กูมัวแต่หาเรื่องมึง มึงไม่ผิด”
“กูบอกว่ากูผิด มึงจะเถียงทำไม”
“ไม่ต้องเถียงกัน ทั้งสิงโตแล้วก็ตี๋น้อยไม่ผิดหรอกฮะ อะไรอะไรมันก็เกิดขึ้นได้ แผนของหนูหละหลวมนิดหน่อย แต่ครั้งหน้าจะไม่พลาดแล้วฮะ” หนูด้วงยกมือขึ้นห้ามเพื่อนทั้งสองคนที่กำลังโต้ตอบกัน เพราะคิดว่าการที่สามารถหนีไปได้มันไม่ใช่ความผิดของใคร
“ครั้งหน้า” โอบอุ้มเลิกคิ้วขึ้นเมื่อได้ยิน
“ใช่ฮะ หนูมีแผนแล้ว” หนูด้วงตอบพร้อมกับส่งรอยยิ้มสดใสไปทั่วห้อง
พญาหันไปสบตากับเทียมฟ้าเมื่อได้ยินว่าหลานรักคิดแผนการจับไอ้สามารถขึ้นมาอีก เขาเกือบจะออกปากห้ามถ้าไม่โดนเทียมฟ้าสะกิดเสียก่อน
“พี่ไม่ต้องห้ามหรอก” เทียมฟ้ากระซิบเบาๆ
“นี่ใจคอมึงจะปล่อยให้หลานไปเสี่ยงอีกเหรอ มึงจะตามใจหนูด้วงมากไปแล้วนะน้อง”
“ใช่ที่ไหนกัน พี่ดูสายตาน้องโอบสิ”
พญาหันไปมองลูกบุญธรรมของตัวเอง เห็นสายตาของโอบอุ้มแล้วก็รู้ได้ในทันทีว่าคราวนี้หนูด้วงไม่ได้ทำอะไรตามใจอีกแน่ แอบประหลาดใจอยู่เหมือนกันเพราะที่ผ่านมาลูกคนนี้ไม่เคยขัดใจเจ้าตัวแสบเลยสักครั้ง อยากจะรู้ว่าคราวนี้เจ้าอุ้มจะทำสำเร็จไหมจึงยอมอยู่เฉยๆ และฟังหนูด้วงพูดต่อ
“นี่คือแผนของหนู” หนูด้วงกางกระดาษแผ่นหนึ่งขึ้นมา
“รูปปะการังเหรอ” พญาถามเมื่อชะโงกมองไปที่กระดาษแผ่นนั้น
“นี่มันแผนที่เกาะนะฮะ” หนูด้วงทำหน้ายู่เมื่อยุงพญาดูรูปที่ตัวเองวาดไม่ออก
“อ้าวเหรอ แล้ว...นั่นบ้านใช่ไหม” พญาเห็นว่าทำให้หลานอายเลยรีบเออออห่อหมกไปด้วย
“ไม่ใช่ฮะ นั่นมันรถยนต์”
พญาถึงกับต้องขยี้ตาเพื่อความมั่นใจว่าดูไม่ผิด ไอ้รูปแท่งสี่เหลี่ยมแล้วมีสามเหลี่ยมด้านบนมันเหมือนรถยนต์ตรงไหน นึกในใจว่าถ้าครูสอนศิลปะของหนูด้วงมาเห็นคงได้ร้องไห้น้ำตาท่วมเกาะ
“แล้วนี่ก็คือไอ้สามารถกับพวกเรา” หนูด้วงวางขวดยาหม่องหลายขวดลงตรงกลางแผนที่ แต่ละขวดมีกระดาษที่วาดใบหน้าคนแปะอยู่ แต่ที่น่าขำคือภาพใบหน้ามันดูเหมือนสัตว์ประหลาดมากกว่าเหมือนคน
“เราไม่เอาขวดนี้นะ” น้องเกลรีบบอกเมื่อเมื่อเห็นว่าปากบนใบหน้าที่แปะอยู่บนขวดที่วางใกล้ตัวเองมันบิดเบี้ยวดูน่าเกลียดชอบกล
“ก็ได้ก็ได้ ให้น้องเกลเลือกก่อน” หนูด้วงตบบ่าน้องเกลก่อนจะหันไปยิ้มให้คนอื่นๆ “หนูจะล่อให้ไอ้สามารถมันมาหา แล้วทุกคนก็แอบอยู่ตรงนี้” หนูด้วงวางตำแหน่งแต่ละขวดตามแผนที่คิด
“หนูเจ็บไหม” โอบอุ้มคว้าข้อมือของหนูด้วงขึ้นมาดูใกล้ๆ รอยแดงที่เกิดจากการเสียดสีตอนถูกใส่กุญแจมือยังคงเด่นชัด
“หนูหายเจ็บแล้วฮะ”
“แต่พี่ยังเจ็บ” โอบอุ้มชี้ไปที่หน้าอกข้างซ้ายของตัวเอง แววตาของโอบอุ้มไม่ต่างจากคำพูด ซึ่งมันทำให้บรรยากาศภายในร้านเงียบมากกว่าเดิม
“หนู...หนู...” หนูด้วงรู้ดีว่าทำให้อีกฝ่ายเป็นห่วง แต่เพราะหนูด้วงห่วงทุกคนถึงได้ดื้อรั้นจะเอาตัวเองไปเสี่ยง
“พี่รู้ว่าหนูอยากจับผู้ร้าย แต่คราวนี้ให้เป็นหน้าที่ของพี่ได้รึยังครับ”
“แต่ว่า...”
“หนูอยากให้พี่ห่วงหนูจนเจ็บไปทั้งใจมากไปกว่านี้เหรอครับ”
หนูด้วงส่ายหน้า “แล้ว...แผนของหนู...”
“เอาเป็นว่า ตอบแทนที่หนูอุตส่าห์นั่งวาดรูป คืนนี้พี่จะให้รางวัลนะครับ” โอบอุ้มจ้องตาอีกฝ่ายแทนคำปลอบโยน รู้ดีว่าหนูด้วงตั้งใจจะช่วยจับคนร้ายให้ได้ และการจะห้ามคนอย่างหนูด้วงไม่ให้ทำในสิ่งที่อยากทำนั้นต้องไม่ตึงกับอีกฝ่ายจนเกินไป
“อะแฮม...” พญาส่งเสียงกระแอมออกมาเมื่อเห็นว่าลูกกับหลานจมอยู่ในโลกส่วนตัวกันสองต่อสองมากเกินไปแล้ว ขืนไม่ส่งสัญญาณเตือนคงได้จูบโชว์ทุกคนแน่
“ทำไมยุงต้องมาคันคอตอนนี้ด้วย” หนูด้วงหน้ามุ่ยที่ยุงพญามาขัดขวาง เกือบจะโดนพี่โอบจูบอยู่แล้วแท้ๆ
“ไม่ได้ดูข่าวเหรอ ฝุ่นมันเยอะ” พญาแก้ตัวน้ำขุ่นๆ
“พี่นี่นะ” เทียมฟ้านึกขำความขี้หวงของคนรัก
“ถ้าพี่โอบไม่ให้หนูทำตามแผน แล้วเราจะจับคนร้ายได้ยังไงฮะ” หนูด้วงเลิกสนใจพญาแล้วมองแผนที่ของตัวเองด้วยความเสียดาย
“พี่นโม เอ้ย พี่โอบเขามีแผนแล้ว รอสักครู่นะครับทุกคน” ป้ายพูดขึ้นมาก่อนจะเดินไปหลังร้านพร้อมกับแปะ ทุกคนมองตามไปด้วยความสงสัย จนกระทั่งทั้งสองคนเดินกลับมาพร้อมกับถือแผ่นไม้ขนาดใหญ่คนละข้าง
“เจ๋ง” เม่นเอ่ยชมเมื่อเห็นว่าบนแผ่นไม้ขนาดใหญ่นั้นมันคือโมเดลเกาะนี้ทั้งเกาะ
“นี่คือแบบจำลองเสมือนจริง มันละเอียดมาก มันแสดงให้เห็นทุกสิ่งบนเกาะแห่งนี้ รวมทั้งช่องทางลับที่สามารถทะลุไปอีกฝากของเกาะได้ เขาลูกนี้ตั้งอยู่เหนือมหา’ลัย มันเป็นสถานที่ที่ห้ามไม่ให้ใครขึ้นไป อันที่จริงมันไม่ได้อันตรายอะไร ผมแค่ไม่อยากให้คนขึ้นไปรบกวนธรรมชาติและสัตว์ที่อาศัยอยู่เดิม แต่มันมีบ้านพักหลังเล็กๆ ที่สร้างเอาไว้เป็นจุดตรวจการ จุดตรงนั้นเป็นจุดสูงสุดของเกาะ จะเห็นทะเลรอบด้าน” โอบอุ้มชี้ตำแหน่งพร้อมกับอธิบาย
“แล้วเรารู้ได้ไงว่ามีบ้านอยู่บนนั้น ตวงบอกเราเหรอเจ้าอุ้ม” พญาถาม
“ผมเป็นคนสร้างเองครับป๊า ผมดูแลทุกอย่างที่นี่ เกาะนี้เป็นของน้องแฝด ยกเว้นบ้านและร้านของผม” เสียงฮือฮาเกิดขึ้นหลังจากที่โอบอุ้มพูดจบ “ผมขอโทษนะครับป๊าที่ไม่ได้เล่าความจริงเรื่องน้องแฝดให้ป๊าฟังแต่ต้น”
“เรื่องนั้นเอาไว้ทีหลัง แล้วยังไงต่อ” พญาไม่ได้โกรธเพราะรู้ดีว่าลูกชายคงมีเหตุผลที่เก็บทุกอย่างเอาไว้เป็นความลับ และถึงไม่เล่าพญาก็พอจะรู้ทุกอย่างเหมือนกันเพียงแต่ไม่ได้พูดออกมา
“สามารถมันหนีขึ้นไปอยู่ที่บ้านหลังนั้น”
“น้องโอบรู้ได้ไงว่ามันจะไปที่นั่น” เทียมฟ้าเอ่ยถาม
“ที่นั่นมีกล้องวงจรปิด ผมเห็นมัน” โอบอุ้มพูดพลางหันไปมองขวดยาหม่องที่หนูด้วงทำเอาไว้ “พี่ลืมทำโมเดลตุ๊กตา ต้องยืมของหนูมาใช้นะครับ”
“ก็ได้ก็ได้” หนูด้วงรีบส่งโมเดลตัวละครแฮนด์เมคฝีมือตัวเองให้ ทีแรกก็ยังหน้าหน้าจ๋อยอยู่เพราะแผนของตัวเองดูเป็นนักเด็กอนุบาลไปเลยเมื่อเทียบกับของพี่โอบ แต่พอเห็นว่าพี่โอบต้องการของที่ตนตั้งใจทำก็ดีใจเป็นที่สุด
ป้ายกับแปะมองหน้ากันก่อนจะแอบยิ้ม อันที่จริงพี่โอบอุ้มทำเอาไว้ครบทุกอย่าง แต่เมื่อครู่กลับสั่งให้พวกเขาทิ้งโมเดลตุ๊กตาไปให้หมด ทีแรกพวกเขาก็ไม่เข้าใจ แต่ตอนนี้รับรู้แล้วว่าทำไมพี่เขาถึงยอมทิ้งโมเดลสวยๆ แล้วมาใช้ขวดยาหม่องแทน เพราะรอยยิ้มของหนูด้วงมันมีค่ามากกว่าโมเดลพวกนั้นจนเทียบไม่ติด
“งั้นก็โทรแจ้งตำรวจให้ไปจับมันเลยไหม” เทียมฟ้าเสนอ
“มันหนีไปแล้วครับ ผมดันเผลอทิ้งแผนที่บอกทางลัดออกไปยังอีกฝากของเกาะไว้บนนั้นด้วย” โอบอุ้มชี้ไปตรงบ้านจำลอง จะเห็นว่าด้านหลังของตัวบ้านมันมีถ้ำที่อยู่ ซึ่งมันเชื่อมต่อลงไปถึงชายหาดอีกฝั่งได้
“เดี๋ยวป๊าสั่งให้ไอ้ก้านไปดักมันไว้ เราจะให้มันออกนอกเกาะไปก่อนไม่ได้” พญากำลังจะยกหูโทรศัพท์แต่โอบอุ้มรีบห้ามเอาไว้
“ไม่ต้องหรอกครับป๊า ให้เขาได้มีอิสระสักวันในฐานะที่เขาเคยให้ข้าวให้น้ำผมมา เรื่องของคนคนนี้ผมขอเป็นคนจัดการเองนะครับ”
“เรามันใจดีเกินไปเจ้าอุ้ม” พญาค่อนข้างไม่เห็นด้วยที่โอบอุ้มจะยึดถือบุญคุณกับคนอย่างไอ้สามารถ มันให้ข้าวให้น้ำเพราะมันหวังใช้แรงงาน แต่เขาจำต้องยอมรับการตัดสินใจของลูก ถ้าสิ่งที่โอบอุ้มคิดทำแล้วส่งผลให้ลูกเกิดความสบายใจหรือไม่ติดค้างอะไรกับใครอีก เขาก็จะไม่ห้าม แต่ถึงอย่างนั้นพญาก็แอบส่งข้อความไปถึงก้านให้เตรียมรับมือหากแผนของโอบอุ้มพลาดเหมือนแผนของหนูด้วง เพราะเขายอมให้คนเลวอย่างสามารถรอดไปไม่ได้อีกแล้ว
เมื่อการหารือเรื่องของสามารถเสร็จสิ้น ทุกคนก็แยกย้ายกันกลับไปพัก คนของนายหัวพยนต์และพญา รวมถึงตำรวจนอกเครื่องแบบ ยังคงปักหลักคุมเข้มในทุกจุดของเกาะ แม้ทุกคนจะข้องใจว่าทำไมโอบอุ้มถึงยอมปล่อยให้สามารถมีอิสระได้ทั้งที่ควรจะจบเรื่องนี้ไปให้ไวที่สุด แต่ก็ไม่มีใครกล้าถาม ทุกคนได้แต่เชื่อมั่นว่าโอบอุ้มต้องจัดการทุกอย่างได้อย่างที่เจ้าตัวมั่นใจ
...........................
หลังจากได้รับการรักษาและพักผ่อนได้เต็มอิ่ม ดาวเรืองรู้สึกสบายตัวขึ้นและไม่ปวดตามเนื้อตัวอีก เธอนึกทบทวนเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านมา นึกเสียใจในการกระทำของตัวเอง ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ทำร้ายหนูด้วง แต่เด็กคนนั้นก็ยังยอมอภัยให้ ถ้าเธอแค่เลิกคาดหวังที่จะได้ความรักและการยอมรับจากนายหัวพยนต์ เธอคงมองเห็นว่าเด็กน้อยที่เธอเคยรังแกพยายามมอบความรักให้เธออย่างเต็มที่ ความรักที่เคยโหยหาคงถูกเติมเต็มไปนานแล้ว แต่มันไม่มีประโยชน์ที่จะนึกโทษตัวเอง นับแต่นี้ไปเธอแค่พิสูจน์ให้หนูด้วงได้เห็นว่าเธอจะแก้ไขตัวเอง แค่หนูด้วงคนเดียวก็พอ
“นายหัวพยนต์ออกจากโรงพยาบาลไปรึยังคะ” ดาวเรืองถามพยาบาลพิเศษที่พญาจ้างมาดูแลเธอ
“ยังค่ะ คุณหมออยากให้นายหัวได้พักผ่อนเต็มที่เลยให้แอดมิทต่ออีกคืน”
“ดิฉันขอไปเยี่ยมท่านได้ไหมคะ”
“ดิฉันขอไปเรียนถามท่านก่อนนะคะ” พยาบาลอึกอักไม่กล้าตัดสินใจ เมื่อเห็นว่าดาวเรืองพยักหน้าให้จึงเดินออกไปจากห้อง
ดาวเรืองคอยอยู่นานแต่ไม่มีวี่แววว่าคุณพยาบาลจะกลับเข้ามา เธอตัดสินใจลุกออกจากเตียงและเข็นเสาที่ห้อยขวดน้ำเกลือเดินออกจากห้องไปด้วยตัวเอง เธอไม่ได้ตรงไปหานายหัวพยนต์เพราะไม่อยากไปโดยที่ไม่ได้รับอนุญาตจากฝ่ายนั้น แต่อยากออกมานั่งเล่นบริเวณสวนหย่อมลอยฟ้าที่ทางโรงพยาบาลจัดเอาไว้พักผ่อนหย่อนใจให้แทน
“ทำไมคุณต้องลำบากใจ เด็กแฝดนั่นมันลูกของคุณนะ ถึงคุณจะเคยทิ้งเขามาก่อน แต่นั่นเพราะความจำเป็น ตอนนี้เป็นโอกาสที่คุณจะได้แก้ตัว”
“แต่น้องแฝดดูรักน้องโอบกับหนูด้วงมาก บางทีถ้าเขาได้อยู่กับทั้งสองคนนั้น เขาอาจจะมีความสุขมากกว่าอยู่กับเยีย”
ดาวเรืองชะงักขาเมื่อได้ยินชื่อของหนูด้วง ทีแรกตั้งใจจะเดินกลับไปบอกคุณพยาบาลเพราะกลัวว่าหากฝ่ายนั้นไม่เจอเธอจะวุ่นวายเอาได้ แต่เมื่อได้ยินบทสนทนาที่มีหนูด้วงมาเกี่ยวข้องเธอจึงตั้งใจแอบฟังต่อ
“คุณคิดดีๆ ไอ้โอบมันคิดจะครอบครองเงินของน้องแฝด ใครก็ดูออก มันสร้างเกาะใหญ่โต สร้างรีสอร์ตหรูหรา รวมๆ แล้วมูลค่าตั้งเท่าไหร่ มันเคยคิดจะบอกคุณไหม ผมว่ามันกับหนูด้วงคงตั้งใจปิดบังคุณ ไม่งั้นมันสองคนจะทนห่างกันได้เป็นสิบๆ ปีเหรอ คงรอให้คุณลืมลูกของตัวเองไปแล้วค่อยกลับมา คุณคิดจะปล่อยให้ลูกอยู่กับคนเห็นแก่ตัวแบบนั้นได้เหรอ”
“แต่ว่า...”
“ไม่มีแต่ ผมเป็นสามีคุณ ไม่มีใครหวังดีกับคุณเท่าผมหรอกนะ คุณห้ามให้ไอ้โอบกับหนูด้วงพาน้องแฝดกลับไป เชื่อผมนะ”
เพี้ยะ!
“เฮ้ย คุณมาตบผมทำไม” เชนลูบแก้มของตัวเองก่อนจะถามเจ้าของฝ่ามือที่ฟาดมาบนหน้าของตนอย่างไม่ออมแรง ซึ่งคนคนนั้นไม่ใช่ภรรยาของตัวเอง แต่เป็นหญิงสาวคนหนึ่งที่สวมชุดคนไข้ จู่ๆ ก็เดินปรี่เข้ามาตบหน้าเขาทั้งที่ไม่รู้จักกันมาก่อน
“ดาวเรือง!” พเยียตกใจเมื่อเห็นว่าคนที่ทำร้ายสามีเป็นใคร
“คุณไม่เคยนับว่าฉันเป็นพี่ ฉันก็ไม่แปลกใจ ที่ผ่านมาคุณดูถูกเหยียดหยามฉันว่าเป็นแค่ลูกหญิงรับใช้ ฉันก็ปล่อยผ่าน ฉันยอมรับว่าตัวเองไม่มีค่าพอที่จะให้ใครมานับถือ แต่ฉันเพิ่งรู้ว่าคนสูงส่งอย่างคุณที่เกิดมามีพร้อมเกือบทุกอย่าง ยกเว้นอย่างเดียวที่คุณไม่มีคือสมอง”
“จะมากไปแล้วนะ” เชนทำท่าจะเข้ามาโต้ตอบ แต่พอเห็นสายตาของดาวเรืองก็ชะงักอยู่กับที่
“คุณทิ้งลูกของตัวเองให้เด็กคนหนึ่งต้องรับผิดชอบ เขาเลี้ยงลูกคุณมาอย่างดี ต่อให้คิดครอบครองทรัพย์สมบัติอย่างที่ผัวของคุณกล่าวหาจริง มันก็สมควรที่เขาจะได้ ถ้าเด็กสองคนนี้ตายไปตั้งแต่ตอนเกิด คุณจะเหลืออะไรอีกนอกจากผัวสันดานเหี้ยที่เกาะตระกูลภูมิเทพอยู่แบบนี้ คิดว่าไอ้ผู้ชายเฮงซวยคนนี้มันจะรักลูกคนอื่นที่ไม่ใช่ลูกมันอย่างนั้นเหรอ”
“ผมจะโทรแจ้งตำรวจ อย่าไปพูดกับคนบ้าแบบนี้เลยเยีย” เชนหยิบมือถือขึ้นมาแต่ดาวเรืองปัดทิ้งจนโทรศัพท์ตกร่วงลงพื้น
“รู้ว่ากูบ้าก็ดี กูฆ่าคนได้โดยไม่ต้องคิด มึงลองถามเมียมึงดู แล้วกูก็บ้าพอที่จะตายพร้อมกับคนที่กูเกลียด”
“ดาวเรือง มันไม่ใช่เรื่องของเธอเลยนะ” พเยียยอมรับว่ากลัวใจของดาวเรือง ผู้หญิงคนนี้เวลาบ้าขึ้นมาทำอะไรได้ทุกอย่าง
“เรื่องที่เกี่ยวกับหนูด้วงคือเรื่องของฉัน คุณไม่นับถือฉันเป็นพี่ ก็ช่วยฟังคำเตือนของฉันสักหน่อย ในฐานะฉันเป็นคนเลวคนหนึ่ง ผีย่อมเห็นผี ผัวคุณมันไม่ใช่คนดี คุณอยู่กับมันมากี่ปียังไม่รู้อีกเหรอว่ามันแต่งงานกับคุณเพราะอะไร ถ้าจะมีคนเห็นแก่ตัวก็มันนี่แหละ รู้ไหม เมื่อครู่ฉันคิดจะกลับตัวเป็นคนดีเพื่อหนูด้วง แต่ตอนนี้ชักไม่แน่ใจ ถ้ามีใครทำให้หนูด้วงต้องเสียใจฉันพร้อมจะกลับมาเลวได้โดยไม่ต้องคิด” ดาวเรืองพูดกับพเยียแต่สายตากลับจ้องไปที่เชน
เชนยอมรับว่ารู้สึกกลัวคนตรงหน้าจนพูดไม่ออก เคยได้ยินเรื่องของดาวเรืองมาบ้าง พอมาได้มาเจอกับตัวเองก็รับรู้ได้ว่าผู้หญิงคนนี้น่ากลัวมากแค่ไหน ขนาดเนื้อตัวมีร่องรอยโดนทำร้ายจนดูแทบไม่ได้ แต่สีหน้าแข็งกร้าวและแววตาเย็นชาช่างดูเหมือนฆาตกรโรคจิตจนเขาไม่กล้าเข้าใกล้
“อย่าไปฟังมัน” เชนรีบบอกกับภรรยาเมื่อเห็นว่าหล่อนมีท่าทีลังเล
“ฉันเชื่อว่าคุณไม่ใช่คนเห็นแก่ตัว” พเยียเงียบไปพักใหญ่ ในที่สุดก็ตัดสินใจพูดกับเชน ซึ่งคนฟังแสดงอาการดีใจและหันไปยิ้มเยาะให้ดาวเรืองที่กำลังแสดงความผิดหวังในตัวของพเยียอย่างเห็นได้ชัด “เพราะฉะนั้นฉันจะไม่พรากน้องแฝดมาจากน้องโอบ ทั้งฉันและคุณเชนจะไม่แตะต้องอะไรของลูก” คราวนี้เธอหันมาพูดกับดาวเรือง
“ไม่ได้นะเยีย!” เชนตกใจกับการตัดสินใจของพเยีย
“ทรัพย์สมบัติพวกนั้นเป็นของพ่อน้องแฝด มันไม่ใช่ของเราตั้งแต่ต้น ใครจะด่าว่าเยียยังไงเยียไม่เคยสน แต่เยียจะไม่ยอมให้นังบ้านี่มาด่าเยียและดูถูกคุณ กลับกันเถอะค่ะคุณเชน พรุ่งนี้เราจะไปส่งน้องแฝดให้ผู้ปกครองที่แท้จริงของเขา”
“แต่ว่า...”
“หรือคุณอยากได้สมบัติของน้องแฝดอย่างที่ผู้หญิงคนนี้กล่าวหา”
“ไม่ใช่นะ คือผม...”
“งั้นพิสูจน์สิคะว่าคุณไม่ใช่คนแบบนั้น” พเยียพูดจบก็ดึงมือของสามีให้เดินออกไปโดยไม่ฟังคำทัดทานใดๆ จากเชนอีก
มีต่อด้านล่าง
V
V