♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 23 : HUG , 23/01/18 **
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ♥‿♥ THE SWAN : เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ ♥‿♥ ตอนที่ 23 : HUG , 23/01/18 **  (อ่าน 30631 ครั้ง)

ออฟไลน์ bliss diary

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
THE SWAN
เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ 15
Gossip



หลังจากที่เปิดห้องพักของโรงแรมเรียบร้อย เพชรก็จัดหนักจัดเต็มมันทั้งคืนซะจนเราสองคนไม่ได้หลับได้นอนกันเลยทีเดียว ด้วยเหตุผลที่ว่าเขาขอผมเป็นแฟนถูกต้องตามหลักแล้วเรียบร้อย แถมยังถือโอกาสนี้จับจองร่างกายผมทุกส่วนให้เป็นของเขาคนเดียวอีกด้วย

ผมก็ได้แต่คิดในใจว่า อะไรมันจะขนาดนั้น
แต่ก็เอาเถอะครับ ลึกๆ แล้วผมก็ไม่ได้อยากจะขัดอะไร ก็ปล่อยเลยตามเลย
โดยหารู้ไม่ว่าหายนะกำลังมาเยือนเพราะในช่วงเช้าต่างมีเรียนกันทั้งคู่
นั่นแปลว่าเราจะไม่ได้พักผ่อนเลย



05:41


ผมกับเพชร Check Out ออกจากโรงแรมในช่วงที่ท้องฟ้ากำลังจะสว่าง แล้วพากันมานั่งกึ่งหลับกึ่งตื่นซบไหล่แข็งๆ ของฝ่ายตรงข้ามอยู่บน Uber ซึ่งขับมาไม่นานก็ถึงคอนโดผม

เพชรปลุกผมให้ตื่นด้วยการจูบหน้าผากอย่างแผ่วเบา แต่ก็ไม่ค่อยเบาเท่าไหร่หรอกครับเพราะไม่งั้นผมคงไม่รู้สึกตัว จากนั้นเขาก็ขโมยจูบริมฝีปากผมอีกรอบก่อนลงจากรถ ผมเลยชักสีหน้าใส่คนด้านข้างเล็กน้อยว่าจะจูบอะไรมากมายด้วยความง่วง แต่ก็รีบหอบร่างเบาหวิวลงจากรถอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวพร้อมกับมายืนโบกมือให้เพชรอยู่ตรงกระจกรถ ร่างสูงโบกมือตอบพร้อมกับทำท่าไล่ให้เข้าไปในคอนโด ผมพยักหน้ารับแล้วหันหลังกลับเข้ามา

ระหว่างที่กำลังขึ้นลิฟต์ ผมก็นึกอะไรขึ้นมาได้ เลยหยิบมือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงพร้อมกดโทรออกหาเบอร์ที่ผมจะต้องทำความคุ้นเคยเอาไว้

“ค้าบบ คิดถึงผมแล้วหรอ หื้มม” ปลายสายพูดขึ้นทันทีที่รับสาย
ไม่ใช่เสียงปกติของเขาอ่ะ

เสียงสองว่ะ...

รู้ตัวอีกทีผมก็เห็นตัวเองกำลังยิ้มให้กับเสียงสองของเขาในกระจก
เชื่อว่าคนในสายก็คงยิ้มอยู่เหมือนกัน
ผมเคลิ้มกับเสียงสองอ้อนๆ ของเพชรหรอ
ไม่มั้ง!

“เปล่าซะหน่อย แค่จะโทรมาบอกว่า 7 โมง โทรปลุกเราด้วยดิ เรากลัวไม่ตื่นอ่ะ”
เห็นมั้ย ผมไม่ได้คิดถึง แล้วก็ไม่ได้เคลิ้มด้วย
ก็แค่จะโทรมาไหว้วานคุณเพชรให้ช่วยโทรปลุก ก็แค่นั้นเอง

“โหยย ไอ้เราก็นึกว่าแฟนจะคิดถึง”

‘แฟน’
แฟนงั้นหรอ มาเร็ว เคลมเร็ว ต้องยกให้เขาเลยล่ะ
เปลี่ยนสรรพนามได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง 
แถมคุณเพชรก็ยังไม่หยุดทำเสียงสอง ฟังไปฟังมาชักขนลุกแล้วดิ

“ง่วงจะแย่ ใครจะมีอารมณ์คิดถึง...
...แล้วก็อย่าลืมโทรปลุกด้วย โอเค๊”

“โอเคค้าบผม แต่คุณไม่ลืมใช่ป่ะว่าผมจะไปรับคุณไปเรียน”
ตอนอยู่บนรถเพชรบอกว่าอาสาจะขับรถมารับผม ไถ่โทษที่ทำให้ผมไม่ได้นอนทั้งคืนครับ

ระหว่างนั้นประตูลิฟต์ก็เปิดออก ผมค่อยๆ ลากสังขารตัวเองออกมาแล้วเดินตรงไปที่ห้อง
“ไม่ลืมๆ ...ถึงบ้านยัง” พูดจบก็พยายามเบิกตากว้างเอาไว้
ก่อนจะยื่นมือไปกดรหัสเปิดประตูแล้วเดินเข้าห้อง พร้อมกับถอดรองเท้าและวางของลง

“ใกล้แล้วครับ คิดถึงคุณจัง”

“เว่ออ่ะ” ได้ยินเสียงสอง แถมด้วยคำพูดแบบนั้นแล้วรู้สึกเลี่ยนจนต้องมองบนใส่
แต่ดูเหมือนเพชรดูเหมือนจะไม่สนใจคำพูดผม เพราะเขายังคงพูดต่อ

“เพชรรักหงส์นะค้าบบบบ”
เท่านั้นแหละครับ ผมเลยรีบตอบกลับด้วยคำว่า

“เราหลับละ คร๊อกกกกกกก” พร้อมกับทำเสียงกรนใส่ ก่อนจะกดตัดสายไป


ผมเดินเข้ามาในห้องนอนแล้วทิ้งตัวลงบนเตียงในท่านอนคว่ำ
ส่วนในมือยังถือโทรศัพท์เอาไว้แน่น

ระหว่างที่กำลังจะเคลิ้มหลับก็รู้สึกหนักบนตัวอย่างบอกไม่ถูก
...หรือว่าจะถูกผีอำ
แต่นี่มันปี 2017 แล้วนะ คนหัวสมัยใหม่อย่างวีรินทร์ไม่มีทางโดนผีอำแน่นอน

ว่าแล้วผมก็ปรือตาขึ้นอีกครั้งแล้วพลิกตัวนอนหงาย แล้วผมก็รู้สึกตัวเบาขึ้นมาทันที เพราะไอ้คนที่นอนทับผมอยู่มันกลิ้งตกลงไปด้านข้างเรียบร้อย

“เห้ย มาไงเนี่ย” ผมพูดถามทันทีที่เห็นไอ้น้องชายตัวแสบ

วีวิศ
ที่อยู่ในสภาพไม่ต่างจากผมเท่าไหร่

“รินทร์อ่ะแหละ หายไปไหนมา” น้ำเสียงงัวเงียพูดตอบกลับมา

“โดนลักพาตัว” ผมตอบเสียงยานคางกลับไปเช่นเดียวกัน ก่อนจะจัดท่านอนให้สบายขึ้นพร้อมกับดึงผ้าห่มมาคลุมตัว ตอนนี้สองพี่น้องนอนหันหน้าเข้าหากันแล้วทำตาปรือ

“ใครลักพาตัวรินทร์ หนุ่มคนไหนอีกล่ะ”

“เดี๋ยวก็คงได้เห็น...ละนี่ทำไมถึงมานอนคอนโดได้” ผมถามน้องกลับบ้าง

“เมื่อคืนเมาอ่ะ วิศก็กะจะเมาอยู่แล้ว เลยเอาชุดนักเรียนติดมาด้วย แล้วก็ให้แม่มาส่งที่คอนโด พรุ่งนี้เช้าขึ้นรถไฟฟ้าไปเรียนง่ายดี”
ผมพยักหน้ารับคำตอบของวีวิศแล้วก็รู้สึกเห็นด้วยเหมือนกันเพราะคอนโดเราอยู่ใกล้รถไฟฟ้าครับ มีห้องนอน 3 ห้อง เมื่อก่อนผมเคยชวนวีวิศมาอยู่ด้วยกันบ่อยๆ แต่น้องติดบ้านเลยไม่ค่อยอยากมา

“กะจะเมา แปลว่ามีเรื่องที่ทำให้อยากเมา” ว่าแล้วก็ยกมือขึ้นมาชี้หน้าไอ้เด็กหัวเกรียน
วีวิศปัดมือผมออกก่อนจะยักคิ้วให้

“อกหักไง”

“หืมมม
...เด็กเรียนแบบวิศเนี่ยนะจะอกหัก” ผมหลี่ตามองเด็กตรงหน้า

“ก็เพราะเป็นเด็กเรียนนี่แหละ เลยอกหัก จีบใครก็ไม่เป็น”

แล้วน้องก็หลุบตามองต่ำลง ไม่มั่นใจว่าเพราะง่วงหรือเพราะเศร้า

“อื้ม เข้าใจ รินทร์ก็จีบใครไม่เป็น เพราะปกติมีแต่คนมาจีบว่ะ”

พูดจบคนที่มองต่ำอยู่ ก็ถลึงตาใส่ผมแล้วเบะปาก
“สวยอะเนอะ ยอม ยอม”

“ของมันแน่ ว่าแต่เมื่อคืนเมากับใครอ่ะ แม่อ่อ”

“เปล่า แม่อยู่กับแก็งค์เพื่อนแม่ วิศเมากับพี่แฟรงค์” วีวิศพูดด้วยน้ำเสียงปกติ แต่ผมกลับรู้สึกขนลุกแปลกๆ ที่ได้ยินชื่อนี้

“พี่แฟรงค์” ผมถามย้ำอีกครั้ง ก่อนที่คนตรงหน้าจะพยักหน้าแล้วพูดต่อ

“พี่แฟรงค์เมาหนักอ่ะ แล้วก็บอกตัวเองเลว ตัวเองไม่ดี วิศก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไร ทั้งที่งานเปิดตัวเสื้อผ้าก็ออกมาดี ทุกคนก็ชื่นชม”

“เหอะๆ”

“จริงๆ ตอนแรกวิศก็ตามหาวีรินทร์นะ แต่ไม่เจอ วิศไปถามทีมงานเค้าบอกว่า...”
ว่าอะไรก็ไม่รู้ครับเพราะผมเผลอหลับไป รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เพชรโทรมาปลุก



07:26

พอได้สติจากที่เพชรโทรมา ผมก็ปลุกวีวิศให้ไปอาบน้ำอีกห้องนึง
รายนั้นอาบแปปเดียวก็สวมชุดนักเรียน แล้วมายืนโบกมือบ๊ายบายผม
 
“หงส์” น้องหันหลังกลับมาคุยกับผมน้ำเสียงจริงจัง แถมยังเรียกชื่อเล่นด้วย นั่นทำให้ผมวางมือกับการลงเครื่องสำอางค์บนใบหน้าแล้วหันไปมองอีกคนที่ยืนอยู่หน้าประตู

“มีไรเปล่า”

“เมื่อคืนตอนที่วิศตามหาหงส์อ่ะ วิศไปถามพี่ทีมงาน แล้วเค้าบอกว่า...” วีวิศนิ่งไปครู่หนึ่ง

ผมเริ่มใจคอไม่ค่อยดี เพราะภาพเมื่อคืนถูกตัดกลับเข้ามาในหัว
“บอกว่าไง” ผมขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างไม่รู้ตัว พร้อมกับยกขาขึ้นมาไขว่ห้างและกอดอก

“บอกว่า...หงส์กำลังฟีชเจอริ่งอยู่ในห้องแต่งตัว”


คิ้วที่ขมวดอยู่ถูกคลายออกพร้อมกับความรู้สึกใหม่เข้ามาแทนที่
..หน้าชา..


ผมนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วหันกลับมามองตัวเองในกระจก ตอนนี้มีหลากหลายความคิดที่กำลังผุดขึ้นมาในหัว 

“แล้วมันจริงมั้ยอ่า”
เสียงทุ้มของคนที่ยืนอยู่หน้าประตู เรียกสติผมให้กลับคืนมา แล้วหันไปยอมรับความจริง

“จริง” ผมตอบเสียงเบาพร้อมกับพยักหน้า

“เห้ย จริงป่ะเนี่ย” เด็กหัวเกรียนถามย้ำอีกรอบ

“เออ จริง”

ก่อนที่คนตรงหน้าจะร้องกลับมาเสียงดัง “เชดดด โคตรเจ๋ง หงส์แม่งสุดยอด”

ผมตกใจที่วีวิศรู้เรื่องนี้ แต่ต้องตกใจยิ่งกว่ากับปฏิกิริยาของน้องในตอนนี้
วีวิศทำหน้าตาดูเหมือนจะภูมิใจในคำตอบของผมมาก จนทำให้ผมต้องถามกลับ
“สุดยอดยังไงอ่ะ”

“เอ๊าท์ดอร์ไง เอ๊าท์ดอร์” เสียงแม่งดูหื่นใช่เล่น น้องผมจริงป่ะเนี่ย

รู้สึกหมั่นไส้คำว่า ‘เอ๊าท์ดอร์’ เลยโยนขวดโลชั่นใส่น้องมันไป

“จะบ้าหรอ อินดอร์เว่ย แค่บังเอิญมีคนเปิดมาเห็น”
แล้วไอ้วีวิศก็เอามือป้องปากทำหน้าเขินอาย ก่อนที่ผมจะแยกเขี้ยวใส่น้องตัวเองอีกครั้ง

“ไม่ไปเรียนรึงะ ฮะ”

“ไปเรียน แต่ขออีกคำถามนึง ทำไมถึงกล้าอ่ะ”

“แล้วไมถึงไม่กล้าอ่ะ” นั่นดิ คิดย้อนกลับไปก็ยังไม่รู้สึกว่าทำไมต้องไม่กล้า แหะๆ

“วันหลังสอนบ้าง”

“หื่นนะเราเนี่ย”

“ก็หื่นเหมือนหงส์อ่ะ” ย้อนกู!

“ไม่รู้เลยว่าพวกเด็กเรียนนี่จะแอบหื่น”

“เด็กเรียนนี่แหละตัวดี เห็นเนิร์ดๆ นะ ลับหลังนี่อื้อหือ อื้อหือเชียวแหละ”

“เฮ้อ พูดกับวิศแล้วปวดหัวว่ะ”

“ปวดหัวอ่อ งั้นเดี๋ยวเย็นนี้วิศมาถามดีเทลตอนเย็น เล่าให้ฟังด้วย
..ตอนนี้ไปเรียนก็ด้ะ บ๊าย”
พูดจบไอ้เด็กนั่นก็ปิดประตูห้องแล้ววิ่งออกไป

ประโยคแบบนี้แม่งคุ้นๆ แฮะ ประโยคพวกขอดีเทล แบบให้เล่าให้ละเอียดๆ เนี่ย
นี่ผมกำลังจะมีน้องชายนิสัยเหมือนไอ้มิวหรอครับ...ไม่นะ



หลังจากที่วีวิศออกไปเรียน ภายในห้องก็เข้าสู่ภาวะเงียบอีกครั้ง ตอนนี้มีเพียงเสียงในหัวของผมที่ดังขึ้นพร้อมกลับภาพเหตุการณ์เมื่อคืนที่วกกลับเข้ามา

ระหว่างที่นิ้วนางข้างซ้ายกำลังเกลี่ยเครื่องอำอางค์ลงบนผิวหน้าอย่างเบามือ ดวงตาทั้งสองข้างของผมก็กำลังเหม่อลอยแบบไม่มีจุดหมาย เสียงแจ้งเตือนข้อความจากไลน์ก็ดังรัวๆ  จนผมต้องก้มหน้าลงไปมองบนหน้าจอ

/Mew: มึงเห็นข่าวนี้รึยังวะ
/Mew: Send you a photo.
/Mew: อ่านดิวะ
/Mew: อะไรยังไง
/Mew: ใช่มึงมั้ย
/Mew: อีเพจนี่ก็เสือกแชร์ไปแล้วด้วย
/Mew: Send you a photo.
/Mew: เห้ยยย!!!! วีรินทร์
/Mew: อ่าน ไอ้สัสส
/Mew: หงส์โว้ยยยยยย มึงหายไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้วนะเว่ย!!!!


ดูเหมือนไอ้มิวจะกำลังเป็นเดือดเป็นร้อนมาก
ผมจึงรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาปลดล็อคแล้วเข้าไปดูภาพที่มิวส่งมาทันที


....ร้อนฉ่า!
‘ไฮโซว.แหวน’ หน้าสวย รวย เริ่ด กินตับฟีชเจอริ่งกับ ‘ไฮโซอัญมณี’ ความแข็งระดับ 10 ทายาทธุรกิจเครื่องเพชร อย่างโจ่งครึ่มหลังห้องแต่งตัว ณ งานเปิดตัวเสื้อแบรนด์ดังอย่างไม่อายผีสางเทวดา..งานนี้วงในเม้าท์มาว่า เสียงครางอื้ออึงสนั่นไปทั้งงาน ทำเอาบรรดาเหล่าไฮซ้อไฮโซที่มาร่วมงานถึงกับต้องปิดเพลงในอาฟเตอร์ปาร์ตี้ แล้วอาศัยจังหวะรักสุดแซ่บของทั้งคู่เป็นเสียงดนตรีบรรเลงแทน

แต่เรื่องนี้จะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ก็ต้องดูกันต่อไป
แซ่บสุด คาวๆ คันๆ วงการไฮโซนี่มันมีความคะเยอะทุกรูปแบบจริงๆ คร๊า....



ภาพจากเว็บเม้าท์มอยออนไลน์ เป็นภาพแรกที่ไอ้มิวแคปแล้วส่งมา
หลังจากนั้นผมก็เลื่อนไปดูภาพที่สอง


....อร้ายยย อะไรยังไง บอกเจ๊ทีว่ามันจริง บอกเลยว่าเจ๊แอบเชียร์คู่นี้มานาน
ฟินน้ำ เอ้ย ฟินตัวแตกกันเลยจ่ะงานนี้ รู้ๆ กันเนอะว่าใคร
ว่าแต่ไฮโซอัญมณี เค้าแข็งระดับ 10 จริงป่ะจ๊ะไฮโซว.แหวน อุ๊บ!
ปูลู ความรักเป็นสิ่งที่สวยความเสมอนะจ๊ะ....



เพจชี้เป้าคนหล่อในมหาลัยแชร์ข่าวนี้มา
พร้อมด้วยยอดไลค์เกือบพัน ยอดแชร์ต่อไปอีกเกือบร้อย พ่วงด้วยคอมเม้นต์อีกแปดสิบ

หลังจากนั้นมิวโทรเข้ามาแต่ผมยังไม่อยากรับสาย เลยพิมพ์ไลน์ไปบอกมันว่า
‘ขออยู่กับตัวเองสักพัก’ แล้วผมก็เก็บมือถือลงไป..


พูดไม่ถูกเหมือนกันว่าควรรู้สึกยังไง
แม้ผมจะไม่ได้เป็นดารา นักแสดงที่ต้องมีข่าวฉาวแล้วออกมาให้สัมภาษณ์
แต่ผมก็อยู่ในแวดวงสังคม มีธุรกิจที่บ้าน มีผู้ใหญ่ที่นับถือ มีคนรู้จัก
มีงานถ่ายแบบ ถ่ายโฆษณา และมีกลุ่มคนที่คอยติดตามผลงานอยู่
มันจึงเดาไม่ยากว่าคนในข่าวกอสซิบนั้นจะเป็นใคร

ส่วนคุณเพชร แม้ว่าเขาจะไม่ได้ออกงานสังคมมากเท่ากับผม
แต่ครอบครัวของเขาก็มีตัวตนในสังคม มีคนนับหน้าถือตาอยู่ไม่น้อย

ซึ่งข่าวกอสซิบนั้นกำลังทำให้ผมรู้สึกว่า ‘ความรักครั้งนี้อาจจะไม่ง่าย’
เพราะมันเริ่มต้นด้วยความฉาว แถมยังฉาวแบบประกาศก้องให้โลกรู้ด้วย

ถ้าใครรู้เรื่องนี้ เขาก็คงจะมองผมกับเพชรเป็นคนที่ไม่ค่อยดีนัก ทำตัวขัดศีลธรรม
แถมคนส่วนใหญ่ในสังคมก็มักจะเลือกจำในเรื่องที่ไม่ดีอีกด้วย ยิ่งยากเข้าไปใหญ่

แต่เอาเถอะครับ ในเมื่อมันเป็นความจริง กล้าทำก็กล้ารับ

ผมแมนพอ


คิดได้ดังนั้นผมก็สะบัดไล่เรื่องไม่ดีออกไปจากหัว แล้วรีบแต่งตัวให้เสร็จทันเวลาที่นัดกับคุณเพชรเอาไว้ ระหว่างที่ลงลิฟต์แล้วหันไปเห็นหน้าตาใสซื่อของตัวเองในกระจก เนื้อความในข่าวกอสซิบก็วกกลับเข้ามาในห้วงความคิดอีกครั้ง

ไฮโซอัญมณี ความแข็งระดับ 10
เพราะว่าเพชรเป็นอัญมณีที่มีระดับความแข็งมากที่สุดครับ อยู่ที่ระดับ 10
มันจึงล้ำค่าและทนทาน

แต่ทำไมสื่อต้องเอาระดับความแข็งทางวิทยาศาสตร์ มาพูดให้มันสองแง่สามง่าม
น่าเกลียด


พอลิฟต์เปิดออก ผมก็เห็นเพชรใส่ชุดนิสิตก็ยืนทำหน้าเครียดอยู่ตรงประตูโถงลิฟต์

“คุณ” ร่างสูงเรียกผมเสียงเรียบ พร้อมกับส่งรอยยิ้มเจื่อนมาให้ทันทีที่เห็น

“มอร์นิ่งครับ” ผมปรับอารมณ์ให้เป็นปกติ แล้วก็เขย่งปลายเท้าขึ้น
พร้อมกับเอื้อมมือไปโอบคอแล้วเอาสันจมูกคมประกบลงบนแก้มใสของเพชร
ทำเอาคนที่ถูกหอมแก้มอย่างจู่โจมถึงกับยืนตัวแข็ง

หลังจากที่ผมผละตัวออกจากร่างสูงของเพชร เขาก็ดูมีสีหน้าเปลี่ยนไปนิดหน่อย
ดูเหมือนจะเขิน

ซึ่งคุณเพชรจะเขินทำไม...เราได้กันแล้ว คนรู้ทั้งประเทศแล้วด้วย > <

ระหว่างที่กำลังมองเขาหน้าแดง
ผมก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าเพราะทำอะไรไม่คิดแบบนี้รึเปล่า ถึงได้มีคนมาเห็น
แล้วเอาไปเม้าท์ต่อจนเป็นเรื่อง หรือจากนี้ผมต้องคิดหน้าคิดหลังให้รอบคอบมากขึ้น

จากนั้นผมก็จูงแขนเพชร เดินออกมาที่ล็อบบี้ แล้วจับเขาให้นั่งลงบนโซฟา
ก่อนจะนั่งลงด้านข้างแล้วพูดถาม “เป็นอะไร ทำไมทำหน้าแบบนั้น”

หน้าคมหันมาสบตาผมแววตาอย่างคนไม่ค่อยมั่นใจ ก่อนจะยืนโทรศัพท์ในมือมาให้
ถ้าให้ทาย มันก็คงจะเป็นภาพที่ผมได้เห็นแล้วเมื่อเช้า
แน่นอนว่าผมทายถูก

“ผมขอโทษ” น้ำเสียงที่ฟังแล้วให้ความรู้สึกสำนึกผิดถูกเอ่ยออกมาจากริมฝีปากสีสวย
เขาเอามือมาวางบนหน้าขาของผมพร้อมกับบีบเบาๆ

“เห้ย...” ไม่เป็นไร
คือผมอ่ะ ตั้งใจจะพูดว่า เห้ย..ไม่เป็นไร
แต่พอเงยหน้าขึ้นมาเห็นสีหน้าสุดรันทดของคนด้านข้างเลยนึกอยากจะแกล้งเพชรซะงั้น
“เห้ย ทำไมเป็นงี้อ่ะ” แล้วก็เล่นใหญ่ ทำเสียงเหวี่ยงซะหน่อย

อยากรู้ปฏิกิริยาของคุณเขาอ่ะ ว่าจะทำยังไง ถึงแม้สถานการณ์นี้จะไม่สมควรเล่นก็เถอะ
“ผมขอโทษ ไม่คิดว่าเรื่องมันจะเป็นแบบนี้”

เพชรลอบมองผมแล้วก้มหน้าลงอย่างคนสำนึกผิด
ส่วนผมแอบยิ้มมุมปาก แล้วก็ต้องกลั้นยิ้มเอาไว้ เพราะอะไรรู้มั้ยครับ

เพราะผมไม่ได้โกรธอะไรเพชรเลย : )

ระหว่างนั้นเพชรเงยหน้าขึ้นมาอีกรอบ ผมเลยต้องรีบดึงสีหน้าให้เป็นปกติ
หน้าตึง..ไม่ได้ดึง มันตึงเอง

“เราจะไม่เลิกกันใช่มั้ย” เพชรถามผมอย่างคนซื่อ แววตาวูบไหว

แม่งเอ้ย น่ารักว่ะ แฟนใครเนี่ย
ผู้ชายตัวโต กล้ามใหญ่ที่ตอนนี้ตัวหดเหลือนิดเดียว

ซื่อมาก เพชรของหงส์ นั่นทำให้ผมแอบยิ้มในใจ

“เลิก...” ผมพูดตอบเสียงแข็ง และนั่นทำให้คนด้านข้างคอตกทันที
“...เลิกทำไมล่ะ จะบ้าหรอ” พูดจบปุ๊ป เพชรก็เงยหน้ากลับขึ้นมามองผม

“คุณเพชร” ผมเอามือไปกุมมือหนาที่วางอยู่บนหน้าขาของผมแล้วสบตากับเจ้าของมือ
“ความจริงอ่ะ เรารู้เรื่องแล้ว ไอ้มิวมันแคปมาให้ดูตั้งแต่เช้าละ”

เพชรเลิกคิ้วขึ้นแล้วเอียงคอมองหน้าผม

“แต่เมื่อกี้เราทำเป็นโกรธไปงั้นแหละ เราแกล้งคุณว่ะ” ว่าแล้วผมก็หัวเราะออกมาเสียงดัง
ส่วนเจ้าของใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย ตอนนี้ถูกแทนที่ด้วยสีหน้าบึ้งตึงแทน

เห็นแบบนั้นผมเลยหยุดหัวเราะ พร้อมกับบีบมือของเขาเป็นการขอโทษ
“ขอโทษที่แกล้ง แต่เราไม่อยากให้เครียดอ่า”

เพชรยู่ปากใส่ “ร้ายอ่ะ” เขาพูดสั้นๆ แต่กลับทำให้ผมอมยิ้มในท่าทางของเขา

“ไม่โกรธช่ะ” ผมถามย้ำ

“จูบเราก่อนดิ่ แล้วเดี๋ยวหายโกรธเลย”

“ก็แบบนี้แหละ คนเค้าถึงได้มาเห็นเราฟีชกัน”

“เออว่ะ” คนด้านข้างเกาหัวแก้เก้อแล้วยิ้มออกมา
 
“แล้วนี่เราเอาไงกันต่อ” หลังจากที่เล่นเสร็จ ก็เข้าโหมดจริงจัง เพชรถามผม

“ก็ไม่เอาไงอ่ะหรือจะแถลงข่าวบอกให้คนรู้ไปเลยว่าคนในข่าวนั้นเป็นเรา” ผมตอบหน้าตาเฉย ก็ผมไปคิดมาแล้วว่าเราไม่เห็นต้องทำอะไรเลย

“โหยยคุณ ไม่เอาแบบนั้น...ว่าแต่คุณโอเครึเปล่าที่โดนปล่อยข่าวแบบนี้”

“โอเค เราโอเค ก็เราทำแบบนั้นจริงๆ
กล้าทำก็กล้ารับ ไม่เห็นเป็นไรเลย
อยากเม้าท์ก็เม้าท์ไป ดีซะอีก ยอดฟอล IG จะได้เพิ่ม” พูดจบผมก็ยักคิ้วพร้อมกับไหวไหล่

“ง่ายแบบนั้นเลยอ่อ” คนด้านข้างถามราวกับไม่อยากจะเชื่อ
เพชรคงคิดว่าผมจะวีน จะเหวี่ยง แล้วไปเอาเรื่องคนปล่อยข่าวละมั้ง

“ง่ายแบบนี้แหละ ชีวิตจะทำให้มันยุ่งยากทำไม ขนาดตอนขอเป็นแฟนยังง่ายนิดเดียว”

“จริงแฮะ งั้นคุณว่าไงผมว่าตาม นี่ตอนแรกผมกะจะเตรียมทนายแล้วนะเนี่ย” เพชรยิ้ม

“ไม่ต้องขนาดนั้น อะไรปล่อยได้ก็ปล่อยคุณ..
..ปะ ไปเรียนกันได้แล้ว”

ว่าแล้วเพชรก็หงายมือตัวเองมาประสานกับมือผมที่กุมมือเขาอยู่
แล้วเราก็เดินจูงมือกันไปที่รถ


บิ๊คไบค์

โอ้ยยย ไม่ชอบเลยยยยย!!

สุดท้ายผมก็ต้องซ้อนบิ๊คไบค์ของเขามาที่มหาวิทยาลัยอีกรอบจนได้ แอบคิดว่าได้คบกันแล้วจะเปลี่ยนมาขับรถยนต์ซะอีก


แต่รอบนี้ไม่เหมือนที่เพชรขับมาส่งครั้งก่อนตรงที่คนมองมาที่เราเยอะมาก
ยิ่งตอนที่เพชรจอดรถหน้าคณะบัญชีให้ผมลงนะ
ถ้ามีพรมแดงปู คงจะนึกว่ากำลังเดินเข้างานประกาศรางวัลสุพรรณหงส์นะเนี่ย

เพราะทุกสายตาแทบจะมองมาทางนี้ จนทำให้ผมแอบประหม่าไปเกือบเสี้ยววินาที
แต่ก็ดึงสติกลับคืนมาได้ พร้อมยิ้มกว้างให้คนที่กำลังถอดหมวกกันน็อคให้อยู่

“เย็นนี้เรียนเสร็จ ผมมารับนะ”

“อื้ม ตั้งใจเรียนนะ”

“ครับ คิดถึงผมด้วยล่ะ”

“จะพยายาม”

“ก็ยังดี”

“งั้นเราไปแล้วนะ มิวโทรตามยิกๆ ละเนี่ย”

“ฮ่าๆ เคๆ” เพชรหลุดขำที่ผมบอกว่าไอ้มิวโทรตาม แล้วเราก็โบกมือให้กัน
ก่อนที่เพชรจะขับรถออกไป

 

“ยังไงวะมึง” ทันทีที่ผมหย่อนก้นลงบ่นเก้าอี้ ประโยคที่ผมคิดเอาไว้ก็ถูกเอ่ยออกมาจริงๆ

“ทำไมมึงคิดว่าเป็นกู” ผมถามกลับ ไอ้มิวหน้ามุ่ยพลางใช้ความคิด

“มึงดูคำใบ้ดิ ไฮโซว.แหวน ก็วีรินทร์ ส่วนไฮโซอัญมณีความแข็งระดับ 10 ก็ไอ้เพชร แถมยังใบ้ธุรกิจที่บ้านไอ้เพชรซะชัดจนเกือบจะเฉลยละเนี่ย”
ก็ถูกของมัน ใบ้ขนาดนี้ไม่เอาชื่อจริงนามสกุลเลยล่ะ แหม

“เฮ้ออออ” ผมถอนหายใจออกมายาวๆ พร้อมกับทิ้งตัวลงพิงพนักเก้าอี้

“สรุปว่า...” ไอ้มิวพูดถามน้ำเสียงกล้าๆ กลัวๆ

“ก็ตามนั้นแหละมึง ไม่มีมูลหมามันไม่ขี้หรอก” ผมตอบสั้นๆ แล้วลอบมองสีหน้าไอ้มิว

มิวเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบกลับมา “มึงกับเพชรโอเคมั้ย”

“ตอนแรกก็ไม่โอเคเท่าไหร่ แต่คิดไปคิดมาก็ไม่เห็นต้องดิ้นตามข่าวเลย
ส่วนเพชร ก็คุยกันละ ไม่มีไร”

มิวพยักหน้ารับ ก่อนจะเอื้อมมือมาตบไหล่ผม
“ต้องแบบนี้สิวะเพื่อนกู แม่งไม่ธรรมดาว่ะ”

“เออดิ ธรรมดาที่ไหน ได้กันทีคนรู้ทั้งประเทศ สัส” ผมยิ้มมุมปากแล้วแค่นหัวเราะ

“แสดงว่าเมื่อคืนที่มึงหายไปเลยก็คือ...”

“ใช่ กูหายไปทำกันนี่แหละ แต่กูสาบานว่าไม่ได้ครางสนั่นนะสัส ยังไม่ได้ทำไรเลย...
…อีพี่ทีมงานอ่ะ เปิดประตูเข้ามาก่อน”

“แล้วมึงจะทำไงต่อไป” ไอ้มิวเข้าสู่โหมดจริงจรัง

“มึงจะให้กูทำอะไรล่ะ ตั้งโต๊ะแถลงข่าวบอกสื่อว่าได้กันแล้ว...งี้อ่อ”
ก็ว่าตอนได้กันก็ได้กันสองคนนะ แต่ตอนนี้เหมือนเป็นเรื่องสาธารณะไปแล้ว

“ไม่ใช่อย่างงั้น มึงนี่ก็.. กูหมายถึงถ้าที่บ้านรู้ แล้วก็เรื่องคนในมหาลัยไรงี้ ทำไง”

“ก็ไม่ทำไง ลืมบอกมึงไปว่ากูกับเพชรคบกันแล้วเมื่อคืน” จบประโยคนี้ไอ้มิวตาลุกวาว

“เรื่องที่บ้าน กูคงคุยกันได้แหละ แม่กูใจดี
ส่วนคนในมหาลัย กูไม่สนใจหรอก
กูก็ทำจริงๆ มึงก็รู้กูไม่เคยหนีความจริง จะมองยังไงก็แล้วแต่ ใครสนวะ”

“อื้อหือ อย่างเด็ด กูพลาดไปหลายอย่างนะเนี่ยเมื่อคืน”

“ตามนั้น จบป่ะ” ผมขยิบตาแล้วดีดนิ้ว

ไอ้คนข้างๆ ก็ขยิบตาตอบกลับพร้อมพูดเสียงแรด “จบค่ะ”



กว่าจะผ่านวันนี้ไปได้มันช่างยากลำบากเสียจริง เพราะต้องเอาชนะกับทั้งความง่วง ซึ่งผมเป็นคนไม่ดื่มกาแฟ จึงต้องหาวิธีคลายง่วงแบบอื่น นั่นก็คือการฟุบหลับลงบนโต๊ะ

อ้าว นั่นไม่ใช่วิธีคลายง่วงหรอ แหะๆ

แล้วอีกหนึ่งอย่างที่ผมต้องเอาชนะ ก็คือสายตาของคนที่มองมาที่ผมตลอดทั้งวัน จะว่าชินที่คนมองก็ว่าได้ แต่มองแบบนินทาซึ่งหน้าหรือจับผิด ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เคยเจอ ผมพยายามทำตัวให้ดูปกติแล้วนะ แต่พอผมนอนหลับในห้องเรียนแล้วด้วย เลยเกิดคำถามว่า ‘วีรินทร์ไปทำอะไรมาอ่ะ ทำไมเหมือนคนไม่ได้นอน’

จากนั้นปัญหาที่ตามมาคือ ผมเรียนไม่รู้เรื่อง อาจารย์บอกใบ้ข้อสอบก็ได้แค่จดตาม แต่มันไม่เข้าสมองเลย ต้องหันไปกระซิบไอ้มิวว่าช่วยมาติวให้ในวันที่สมองผมกลับมาปกติ



ช่วงเย็นผมนั่งรอเพชรมารับอยู่ที่ใต้คณะ รอไม่นานผู้ชายที่คุ้นตาก็เดินเข้ามาหา
เรียกสายตาผู้คนที่นั่งอ่านหนังสือกันอยู่แถวนี้ให้เหลือบมามองได้เป็นอย่างดี 

แหม !
นึกแล้วก็อยากจะขึ้นตัววิ่งใต้จอเป็น Account IG
แล้วให้พวกเขาฟอลมาจริงๆ คงจะได้ยอดฟอลเพิ่มอีกหลายร้อย

“ไปหาที่นั่งอ่านหนังสือกันมั้ย” ร่างสูงพูดถามก่อนจะยื่นมือมารับกระเป๋าผมไปถือ

ผมยื่นกระเป๋าให้เพชร แล้วถามกลับ “ไหวหรอ”

เราสองคนสภาพดูไม่ได้เลยบอกตรงๆ

“ซักชั่วโมง สองชั่วโมงก็ยังดี”

“อืมมม” ผมตอบรับในลำคอพลางใช้ความคิด ว่าจะไปหรือไม่ไป

“อยากอยู่กับคุณอ่ะ” เพชรเกาหัวแล้วหลบตาผม ก่อนจะอมยิ้มมุมปาก

นั่นทำให้ผมรู้เหตุผลที่แท้จริง ที่เพชรชวนไปอ่านหนังสือ

ผมก็อยากอยู่กับเพชรเหมือนกัน
“งั้น..ก็ได้”   

“คิดถึงผมอะเด่”

“บ้า”

ใครกันแน่ที่คิดถึงใคร หึ



18:21

เรามานั่งอยู่ในร้านอ่านหนังสือใกล้มหาวิทยาลัยที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง อาจเพราะว่าช่วงนี้กำลังเข้าสู่ช่วงสอบจึงทำให้ในร้านมีนิสิตนั่งเต็มทุกโต๊ะ แต่ด้วยความที่ผมรู้จักกับพี่เจ้าของร้าน เราจึงได้รับสิทธิพิเศษได้นั่งที่โต๊ะญี่ปุ่นส่วนตัวด้านในที่พี่เขาจัดสรรไว้ให้สำหรับผมกับเพชรโดยเฉพาะ

ถือว่าเป็นมุมที่ดีครับ ไม่มีใครมองเห็น
เราสั่งชาเขียวปั่นคนละแก้ว พร้อมด้วยขนมปังปิ้ง แซนวิช แล้วก็ครัวซองต์มากินกัน

ดูเหมือนว่าพวกเราจะหิวมาก เพราะอาหารหมดภายในพริบตา
จากนั้นก็เข้าสู่ช่วงจริงจังที่ต่างคนต่างแยกย้ายกันอ่านหนังสือ แต่ก็มีเหลือบมองแล้วส่งยิ้มให้กันบ้างเป็นระยะ


“ขอมือหน่อย” ผมพูดขึ้นก่อนจะยื่นมือซ้ายออกไปวางแบไว้บนโต๊ะ

เพชรละสายตาจากเอกสารตรงหน้า เขามองมาที่ผมก่อนจะยื่นมาซ้ายมาประกบวางไว้

เราจับมือกันอ่านหนังสืออยู่อย่างนั้นครู่หนึ่ง จนผมฝืนตัวเองไม่ไหวแล้ว
เลยตัดสินใจฟุบหน้าลงบนมือของเราสองคนแล้วก็เคลิ้มหลับไป


รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างมาป้วนเปี้ยนอยู่แถวใบหน้า
ผมจึงลืมตาขึ้นมอง ก็เห็นเพชรกำลังนอนหลับเช่นกัน

เขาฟุบหน้าลงระยะไม่ห่างจากหน้าผมมาก ตอนนี้เหมือนเรากำลังนอนมองหน้ากันอยู่
แต่ความจริงแล้วนอนหลับตา ปลายจมูกเราเฉี่ยวกันไปมา คงเพราะว่าเพชรเปลี่ยนท่านอนด้วยมั้ง จึงทำให้ผมตื่น หลังจากนั้นผมก็จ้องมองใบหน้าคมที่อยู่ไม่ห่าง มองมันอย่างพิจารณาทีละส่วน ก่อนจะเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว


ผมเอาหัวขึ้นมาแล้วนั่งในท่าปกติพร้อมกับรู้สึกบางอย่างจากมือซ้ายที่เราจับกันไว้แล้วเอาหัวมานอนหนุน
ตอนนี้มือข้างนั้นมันเริ่มชาเล็กน้อย แต่พอเห็นอีกคนกำลังนอนหลับหน้าพริ้ม ผมก็คงต้องปล่อยให้มือมันชาไปอย่างนั้นก่อนเพราะไม่อยากจะปลุกให้เพชรตื่น

ว่าแล้วก็หยิบชาเขียวที่วางอยู่มาดูดนิดหน่อย ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเล่นด้วยมือข้างขวาแล้วเข้าแอพต่างๆ เช็คความเคลื่อนไหวในโลกโซเชียล

ข้อความในไดเรค IG นับร้อยที่ส่งเข้ามาทำให้ผมต้องกดเข้าไปดูแล้วก็เห็นคำถามในแนวเดียวกันเต็มไปหมด จนสุดท้ายต้องกดออกเพราะไม่อยากจะอ่านมัน


แล้วหันมาจดจ่อกับใบหน้าหล่อของคนที่ยังคงหลับสนิท เห็นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปเขาเก็บเอาไว้

ก่อนจะเข้าไปใน IG อีกครั้ง
ผมเลือกที่จะไม่เก็บภาพนี้ไว้คนเดียว

แต่อัพโหลดมันลงสู่สาธารณะ
เพื่อเป็นการบอกกล่าวให้คนได้รู้ผ่านแคปชั่นว่า

หลับปุ๋ย /อีโมรูปหัวใจสีชมพู




THE SWAN
เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ 15
Gossip

เค้ารู้กันหมดประเทศเลยเห็นมั้ยยยยย
ความรักครั้งนี้ไม่ง่าย แต่หงส์จะไม่ทำให้มันยาก อิอิ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-11-2017 16:12:03 โดย bliss diary »

ออฟไลน์ ChabaSri

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
คิดถึงคุณหงส์มากๆ แต่คิดถึงคนเขียนมากกว่านะฮ่าๆๆๆๆ

ทั้งคู่โชคดีมากๆเลยที่ได้มาเจอกันและรักกันต่างฝ่ายต่างมีข้อบกพร่องแต่อีกคนก็เป็นส่วนเติมเต็มที่ดีของกันและกัน น่ารักมากๆ ความรักสวยงามเสมอจริงๆ^^

ไม่รู้ว่าคนอื่นอ่านแล้วเป็นไหมแต่เราอ่านแล้วระหว่างบทสนทนาบันทัดมันติดกันทำให้อ่านไม่ค่อยสบายตาเท่าไหร่ แนะนำว่าตอนลงให้Enter ระหว่างบรรทัดสองครั้งจะพอดีสวยและอ่านได้ลื่นไหลขึ้นค่ะ^^ 


ปล.คนเขียนสู้ๆ!!!!

ออฟไลน์ bliss diary

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
คิดถึงคุณหงส์มากๆ แต่คิดถึงคนเขียนมากกว่านะฮ่าๆๆๆๆ

ทั้งคู่โชคดีมากๆเลยที่ได้มาเจอกันและรักกันต่างฝ่ายต่างมีข้อบกพร่องแต่อีกคนก็เป็นส่วนเติมเต็มที่ดีของกันและกัน น่ารักมากๆ ความรักสวยงามเสมอจริงๆ^^

ไม่รู้ว่าคนอื่นอ่านแล้วเป็นไหมแต่เราอ่านแล้วระหว่างบทสนทนาบันทัดมันติดกันทำให้อ่านไม่ค่อยสบายตาเท่าไหร่ แนะนำว่าตอนลงให้Enter ระหว่างบรรทัดสองครั้งจะพอดีสวยและอ่านได้ลื่นไหลขึ้นค่ะ^^ 


ปล.คนเขียนสู้ๆ!!!!

ขอบคุณนะค้าบบ

ลอง Enter แล้ว ดูอ่านง่ายสบายตาขึ้นจริงด้วย 5555

บรรทัดติดกันเป็นพืดอยู่ตั้งนาน แงงงง  :hao5: :hao5:


ออฟไลน์ bliss diary

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ bliss diary

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
THE SWAN
เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ 16
Capture


ผมหายจากโลกออนไลน์ไปเป็นเวลาหลายวัน ก็นับตั้งแต่ที่ผมอัพรูปเพชรหลับพร้อมด้วยแคปชั่นหลับปุ๋ย อีโมรูปหัวใจสีชมพูลงในไอจี

หลังจากนั้นผมก็ไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรทั้งสิ้น แม้แต่จำนวนไลค์หรือคอมเม้นต์ใต้ภาพก็ยังไม่กดเข้าไปดู แถมยังปิดทุกการแจ้งเตือนอีกด้วย

อาจจะเพราะช่วงนี้เป็นช่วงสอบ ผมเลยไม่อยากให้มีอะไรมากวนสมาธิ แต่มันก็ค่อนข้างจะขัดกับสิ่งที่ผมทำซักหน่อย เพราะดันทิ้งระเบิดเอาไว้แล้ววิ่งลงไปหลบอยู่ในหลุมซะงั้น 

ตอนนี้ก็มีแต่ไอ้มิวที่คอยเล่าความเคลื่อนไหวในโลกโซเชียลและเพจต่างๆ ให้ผมฟังบ้าง
ซึ่งผมก็ไม่ค่อยได้สนใจฟังเท่าไหร่

ส่วนเรื่องที่บ้าน...ดูเหมือนแม่จะรู้ข่าวกอสซิปนั่นแล้วแหละ แต่ผมบอกว่าขอให้พ้นช่วงสอบไปก่อนค่อยคุยกัน คุณแม่ก็เข้าใจแล้วก็ไม่ได้ว่าอะไร ซึ่งผมก็คิดว่ามันไม่ได้มีอะไรเป็นสาระสำคัญให้แม่ต้องมาใส่ใจนัก

วกกลับมาที่ประเด็นผมเปิดตัวแฟนอย่างกลายๆ ลงในโลกโซเชียล
ที่ดูเหมือนว่าทุกคนจะรู้เรื่องนี้กันหมดทั่วมหา’ลัยแล้ว
เว้นก็แต่ เจ้าตัวเขานี่แหละครับ

คุณเพชร > <
ผู้ที่ได้ฉายาว่าหนุ่มหล่อหาตัวจับยาก
ซึ่งแน่นอนว่าเพชรไม่เล่นไอจี

แถมช่วงนี้ยังเตรียมสอบอย่างหนัก เขาก็เลยยังคงไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไร
จะมีก็แค่มาถามผมบ้างว่าทำไมคนรอบข้างพูดจาแปลกๆ
หรือคนในมหาลัยมองเขาเยอะขึ้น แถมบางคนยังยิ้มทักแล้วก็ทำมือรูปหัวใจให้ส่งมาให้
ผมก็ได้แต่แอบยิ้มมุมปากแล้วตอบกลับไปว่า ‘สงสัยเพชรหล่อขึ้น’
ซึ่งก็ดูเหมือนเพชรจะเชื่อผมอย่างสนิทใจ

หลอกง่ายจริง
น่ารักชะมัด

เพชรยังคงไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไร...จนมาถึงช่วงดึกของวันศุกร์ที่ผมกำลังนั่งคำนวณงบบัญชีอยู่บนเตียง ก็มีเสียงโทรเข้าจากไลน์ที่ผมออนไว้ใน MacBook ดังขึ้นมา

ละสายตาจากตัวเลขตรงหน้าไปมองบนจอก็เห็นว่า เพชรกำลังจะวีดีโอคอล
เห็นแบบนั้นผมก็เลยลุกไปล้างหน้าล้างตา ก่อนจะตรงไปยังโต๊ะเครื่องแป้งเพื่อซับหน้า แล้วหวีผมจัดทรงให้เรียบร้อยก่อนจะกลับขึ้นมาบนเตียง แล้วสายโทรเข้าก็ตัดไป

แต่คนอย่างเพชร เดี๋ยวเขาก็โทรเข้ามาใหม่

1.
2..
3…

Petch Incoming VDO Call…

ผมรีบนอนคว่ำ พร้อมกับปลดกระดุมเสื้อเม็ดบนออก 2-3 เม็ด แล้วกดรับสาย


หน้าจอโหลดภาพไม่นานก็ปรากฏให้เห็นคุณเพชรที่สวมเสื้อยืดสีขาว นั่งอยู่บนเก้าอี้ตรงโต๊ะอ่านหนังสือของเขา เพชรไม่ได้เซ็ทผม อาจจะเพิ่งอาบน้ำเสร็จ เขาดูแปลกตาไปอีกแบบดูเป็นธรรมชาติดี เห็นแล้วก็นึกถึงตอนที่อยู่พัทยาด้วยกัน ส่วนด้านหลังของเพชรเป็นเตียงนอนไซส์ใหญ่ที่มีข้าวของกระจัดกระจายไปทั่ว จนไม่รู้ว่าเพชรจะแทรกตัวนอนลงไปบนเตียงได้ยังไง สงสัยก่อนนอนคงต้องให้แม่บ้านมาช่วยทำความสะอาดเตียงให้อีกรอบ

ระหว่างที่ผมกำลังมองบรรยากาศรอบตัวเพชรอย่างสำรวจ
เขาก็กำลังมองมาที่ตัวผมอย่างสำรวจเช่นกัน
พอกลับมาโฟกัสที่เพชรอีกที ถึงรู้ว่าผมถูกจ้องอยู่อย่างไม่ละสายตา
เห็นแบบนั้นเลยส่งยิ้มกว้างให้เขาไป แล้วร่างสูงก็ยิ้มตอบกลับมา

“ทำไรอยู่” คนที่โทรเข้ามาพูดถาม
ก่อนจะมองสำรวจตัวเองผ่านกล้องแล้วใช้มือจัดผมให้เป็นทรง

“นั่งคิดบัญชีอยู่อ่า” พูดจบผมก็เหลือบไปมองชีทที่วางอยู่ด้านข้าง พร้อมกับชี้ให้เพชรดู
เขาพยักหน้ารับแล้วยิ้ม ก่อนจะส่งสายตาเจ้าเล่ห์


นี่ขนาดเห็นผ่านกล้อง ยังสัมผัสได้เลยว่าสายตาไม่น่าไว้ใจ


“หื้มม” ผมเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม เมื่อเห็นว่าเพชรจ้องไม่หยุด
มีอะไรผิดปกติหรอ ผมก็แค่ไปล้างหน้า หวีผม ปลดกระดุม
ไม่ปกติตรงไหน ออกจะธรรมชาติ๊ ธรรมชาติ

“คิดถึง” เสียงสองของเพชรก็ยังทำให้ผมรู้สึกสยิวได้เสมอ

ผมพยักหน้ารับแล้วทำทีเปลี่ยนเรื่อง “โทรเข้ามา จะพูดแค่นี้อ่อ”

เพชรทำหน้าทำตาเหมือนคนใช้ความคิด
“เปล่า จริงๆแล้ว จะถามว่าคุณหงส์อัพรูปผมลงไอจีหรอ” จบคำถามของเพชรผมก็แก้มป่องออกมา แล้วทำตาโตเป็นเชิงไม่รู้ไม่ชี้ ก่อนจะเอียงคอใส่เขา
“ไม่ต้องมาทำแบ๊ว ตอบมาเลย”

ผมยิ้มมุกปาก แล้วถามกลับ “คุณเพชรรู้จักไอจีด้วยอ่อ”

“นี่คุณ ผมไม่ใช่ไดโนเสาร์นะ” เขาทำหน้าตึงแต่ก็ยังเห็นมุมปากที่กลั้นยิ้มเอาไว้

“ก็ถามดู เผื่อไปโดนใครเค้าหลอกมา เลยถามก่อนไงว่ารู้จักไอจีกับเค้าด้วยอ่อ”

“รู้จัก แต่แค่ไม่เล่นโอเคป๊ะ...ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่อง ตอบมาเลยว่าอัพรูปผมลงไอจีหรอ”
ร่างสูงวกกลับเข้ามาเรื่องที่เขาสงสัย ผมหลุดยิ้มออกมาอีกครั้งอย่างฝืนไม่ได้

ก็ผมอัพรูปไปหลายวันแล้วอ่า ทำไมเพชรเพิ่งมารู้ตัว

มันเลยขำปนเอ็นดูก็ตรงนี้แหละ


“เราอัพไปนานแล้วเหอะ”

“แล้วไมไม่บอกผมอ่ะ” พอพูดจบเพชรก็ย่นคิ้วเข้าหากันทำหน้าอย่างคนไม่เข้าใจ

“แล้วไมต้องบอกอ่ะ” ผมกอดอกแล้วจ้องมองคนในกล้องหน้านิ่ง

“อ้าว ก็ขออนุญาตคนในรูปก่อนไงครับ”
ยู่เข้าไปอีก หน้าหล่อๆ นี่ขยันทำให้มันยู่จริงเว้ย

“ขอทำไม ก็คนในรูปเป็นของเรา” ผมจ้องเพชรเขม็งแล้วยักคิ้วใส่ทีนึง


คำพูดของผมทำให้คนในกล้องหน้างงเพิ่มไปอีกสเต็ป
ก่อนที่เพชรจะนึกได้ว่าหมายถึงอะไร แล้วยิ้มออกมาจนเห็นฟันสวยทั่วปาก


“เมื่อกี้พูดว่าไงนะ”


เคยเห็นคนที่กำลังกลั้นยิ้มแบบแก้มจะแตกมั้ยครับ
ถ้าเคย นั่นแหละคือภาพของคุณเพชรตอนนี้


“บอกว่า ทำไมต้องขอ...ก็ในเมื่อคนในรูปเป็นของเรา”
ผมพูดย้ำ ช้าๆ ชัดๆ ให้คนหูไม่ดีฟัง จะได้ไม่ต้องถามอีกรอบ

และนั่นก็ทำให้เขายิ้มแก้มแตกมากขึ้นไปอีก 

“ยิ้มอะไรคุณเพชร ยิ้มไรขนาดนั้น”
ตอนแรกก็ว่าจะไม่เขิน พอเห็นเขาเขินเท่านั้นแหละ ผมเลยรู้สึกเขินตาม

“ยิ้มคุณไง”

“ทะลึ่งอีกละ”

“ไม่ใช่เว่ย...คือผมหมายถึงยิ้มที่คุณพูดอะไรน่ารักแบบนี้”

อ๋อหรอ

“พูดแบบไหนหรออ” ทำเป็นถามไปงั้น ทั้งที่ก็รู้อยู่ อิอิ

“พูดว่าผมเป็นของคุณ” เกลียดท่าทางของเพชรตอนนี้จัง
ทำตัวเป็นหนุ่มหล่อขับบิ๊คไบค์
แต่ภาพตอนนี้ที่ผมเห็นคือผู้ชายตัวใหญ่เขินจนตัวบิด แถมยังหน้าแดงไปทั่วแก้มแล้ว

เฮลโหลลลล ยูเป็นสามี ยูโน ยูไม่ต้องเขินแรงเบอร์นี้


“งั้นครั้งหน้าเพชรยอมเป็นของเราดิ ให้เราทำบ้าง”
จบประโยคนี้ เหมือนอารมณ์ก่อนหน้าถูกตัดฉับเลยครับ

คุณเพชรนิ่ง อ้าปากค้าง เขาก้มมองด้านล่างของตัวเอง แล้วเงยขึ้นมาส่ายหัวรัวๆ
“พูดเล่นช่ะ” เขาถามด้วยสีหน้าไม่ค่อยมั่นใจ ไอ้คนหน้าฟินเมื่อกี้หายไปไหนล่ะ

“พูดจริง” ผมทำหน้านิ่งแกล้งเขา นั่นทำให้เพชรดูหวาดหวั่นไปอีก

ผมเลยเสริมว่า “ระวังตัวให้ดี เพชรก็รู้ว่าเราเป็นมวย...
...พอน็อคเพชรได้ เราก็จัดการเพชรเลย หึหึ” พูดจบก็ยกยิ้มมุมปากสร้างความน่าเชื่อถือ

เขาดูลังเลอยู่ไม่นาน ว่าจะกลัวหรือไม่กลัวดี สุดท้ายคนในจอก็ขู่ผมกลับ
“หยุดคิดเลยคุณ พูดอะไรดูหน้าตัวเองด้วย เดี๋ยวโดนแล้วจะได้รู้ว่าใครเป็นใคร”
เขายืดตัวขึ้นทุบอกตัวเองแล้วชี้หน้าผม ก่อนจะทำท่าแล้วเลียมุมปาก

ไอ้บ้า
ท่าอะไรน่าเกลียด

ผมแสยะยิ้ม แล้วส่ายหัว “ไม่ต้องมาทำหน้าหื่น”

“ฮ่าๆ เห็นมั้ย สุดท้ายคุณก็แค่ขู่ผมเล่น
...แต่ขอกลับเข้าเรื่องก่อน ผมก็ว่าแล้วววว..ทำไมเพื่อนถึงแซ็วผมแปลกๆ”

“ก็ทำตัวเป็นไดโนเสาร์เต่าล้านปีเอง ช่วยไม่ได้”


“แต่ผมดีใจนะ ที่คุณเปิดตัวว่าคบกับผม”
พูดจบคนบนจอก็เอาคางลงมาเกยบนโต๊ะ แล้วทำตาใสแป๋วใส่กล้อง

ตอนนี้อารมณ์ของการคุยกันถูกเปลี่ยนไปสู่โหมดอ้อนนิดๆ

ผมยิ้มบางๆ ก่อนจะทำท่าเดียวกันกับเขา ด้วยการเอาคางลงไปเกยไว้บนแป้นพิมพ์

“ก็เราไม่ได้มีแฟนมานานแล้วนี่นา เราก็อยากอวดบ้าง”
เสียงผมอ่อนลงตามคำพูด จนเริ่มเป็นเสียงอ้อน

“เดี๋ยวผมอยู่ให้อวดไปนานๆเล๊ยยย ดีมั้ยย” เจ้าพ่อเสียงสองตัวจริง ต้องยกให้เขา

ผมพยักหน้ารับแล้วมองหน้าเพชรต่อ

เราสองคนมองกันไปมา
อมยิ้มบ้าง หลุดยิ้มออกมาบ้าง ไม่มีใครพูดอะไร แต่กลับไม่ได้รู้สึกเบื่อเลย

เป็นการสื่อสารผ่านทางสายตาที่นานนับสิบนาที
จนเริ่มเมื่อยคาง

ผมเลยเปลี่ยนเอาแขนมาวางบนเตียงแล้วเอาคางเกยไว้แทน
พอเห็นผมเปลี่ยนท่า เพชรก็ทำตาม

ถ้าเป็นปลากัดก็คงท้องไปแล้ว

“เดี๋ยวผมขออ่านหนังสือไปด้วยได้มั้ย”
ถ้าจะเสียงอ้อนแบบนี้ เราก็ไม่กล้าขัดคุณแล้วป่ะ

“งั้นเดี๋ยวเราดูเพชรอ่านหนังสือละกัน”

“เอาจริงดิ” เพชรยิ้มแล้วถามกลับอย่างไม่ค่อยอยากจะเชื่อ

“อื้ม” ผมพยักหน้าเบาๆ

“โอเคค้าบ ถ้าเบื่อก็ชวนคุยได้นะ”

“โอเค” ชูมือขึ้นบอกเขาว่าโอเค



หลังจากนั้นร่างสูงก็ขยับโน๊ตบุ๊คออกนิดหน่อยแล้วจัดโต๊ะให้เข้าที่
ระหว่างนั้นผมก็จัดท่านอนตัวเองให้สบายขึ้น
ด้วยการเอาหมอนข้างมารองที่คอจุดนึง ที่เอวจุดนึง แล้วกลับมานอนคว่ำเหมือนเดิม

ผมสังเกตใบหน้าคมของเพชรไปเรื่อยๆ
จนทำให้ผมเชื่อในสมมติฐานที่ตัวเองตั้งเอาไว้ตั้งแต่ตอนที่ไปทริปไหว้พระครั้งแรก
ว่าเวลาที่เขาตั้งใจทำอะไร เขาจะไม่สนใจสิ่งรอบข้างเลย
เพชรเป็นคนมีสมาธิสูงมาก แม้จะมีผมนอนจ้องอยู่แต่เพชรก็ไม่เสียสมาธิเลย

ขณะที่มุมปากของเขาเริ่มตึงพร้อมกับคิ้วที่เริ่มผูกเข้าหากัน
แต่มุมปากของผมกลับยกยิ้มขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว


มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เขาแอบแคปหน้าจอเอาไว้ แล้วส่งเข้ามาในแชท

*ภาพที่ผมกำลังทำหน้าเคลิ้ม จ้องมองผู้ชายคนนึงอ่านหนังสือ*

ใครเห็นเข้า คงต้องหาว่าผมหลงคุณเพชรมากแน่ๆ


ว่าแต่เพชรยื่นมือมากดแคปหน้าจอตอนไหน

“แอบแคปตอนไหน” ผมถามอย่างประหลาดใจ ก่อนจะขยับเปลี่ยนท่าเล็กน้อย

“ก็ตอนที่คุณมองผม แล้วเคลิ้มหนักอ่ะ” เขาพูดล้อ แล้วควงปากกาในมือสลับกับขีดๆ เขียนๆ ในกระดาษ เพชรตอบผมทั้งที่ไม่ได้หันมามอง

“ร้ายอ่ะ แอบแคปหน้าเรา” ผมพูดว่าแต่ตาผมก็ยังจ้องใบหน้าคมที่ดูจริงจังอยู่
เพชรคลี่ยิ้มเบาๆ พร้อมกับยักคิ้วให้



สุดท้ายความเคลิ้มก็ทำให้ผมเคลิ้มหลับไปจริงๆ
รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น

ผมขยี้ตาตัวเองแล้วควานหามือถือมากดรับสาย
“ฮัลโหลเพชร" ผมพูดเรียกคนที่โทรเข้ามา
ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่า เรากำลังวีดีโอคอลกันอยู่

คิดได้แบบนั้นผมก็หันกลับไปมองคนในจอ
เขากำลังยิ้มแล้วมองมาที่ผม
โดยที่มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์แนบหูไว้ ส่วนมืออีกข้างยังคงจับปากกา

“ไปนอนได้แล้ว นอนท่านี้เมื่อยแย่” เพชรชี้มือมาเป็นเชิงออกคำสั่ง

“เราเผลอหลับไปอ่อ” ผมถามกลับเสียงงัวเงีย

“หลับไปนานเลยแหละ ผมกลัวเมื่อยเลยโทรปลุกให้คุณไปนอนดีๆ ดีกว่า”

“อ่อออออ”

“ช่ายย คุณไปนอนเหอะ”

“อื้ม โอเค งั้นเราไปนอนแล้วน้า”

“ค้าบ ฝันดีนะครับ คืนนี้ไม่ต้องฝันถึงผมก็ได้ เดี๋ยวจะเมื่อยเอา”
เพชรพูดยิ้มๆ ก่อนจะยกมือขึ้นมาโบกบ๊ายบาย

“หื้มม” ผมไม่ค่อยเข้าใจที่เพชรพูดเท่าไหร่ เลยเลิกคิ้วขึ้นถาม

“อยากให้หลับสนิทไง”

ผมพยักหน้ารับ แม้จะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ก็ตาม “แล้วนี่จะนอนเลยเปล่า”

“ขออ่านอีกแปปนึงละกัน”

“โอเค สู้ๆ นะ เราขอตัวไปหลับก่อน”

“ค้าบผม
รักหงส์นะ” ปิดท้ายด้วยเสียงสองและประโยคเด็ด

ผมเกาหัวแก้เขิน แล้วตอบรับอย่างสั้นๆ “อื้ม”

หลังจากนั้นก็กดวางสายทั้งจากวีดีโอคอลและโทรศัพท์

ผมหยิบ MacBook กับชีทเรียนไปวางไว้บนโซฟาที่ปลายเตียงอย่างลวกๆ
แล้วก็กลับมานอน ทิ้งหัวลงบนหมอน ห่มผ้าให้อบอุ่น แล้วก็หลับไปในไม่ช้า


 
14:12

บ่ายวันเสาร์ที่ผมแวะเข้ามาที่มหา’ลัย เพื่อมาเอาชีทเด็ด คัมภีร์ลับ
ที่ไอ้มิวมันบอกว่ามีอยู่ที่ร้านถ่ายเอกสารใต้คณะ

คืองี้ครับ ร้านถ่ายเอกสารที่มหาวิทยาลัยมักจะมีชีทเด็ด คัมภีร์ลับ สูตรลัด สูตรย่อต่างๆ เพราะร้านพวกนี้อยู่มานาน ผ่านมาหลายรุ่น ชีทไหนที่ว่าดี ว่าเด็ดทางร้านก็จะถ่ายเอกสารเก็บไว้ให้นิสิตได้ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นครับ เรียกได้ว่ามีเป็นลิสต์ให้เลือกสรรค์อย่างจุใจเลยแหละ แต่ที่ต้องเข้ามากระทันหันแบบนี้ก็เพราะว่าชีทวิชานี้เพิ่งมาใหม่ ไอ้มิวมันมีสายรายงานมาจากร้านถ่ายเอกสาร แต่ตัวมันดันขี้เกียจเลยส่งผมเป็นตัวแทนมารับ ด้วยเหตุผลที่ว่ามันเป็นคนไปสืบมาแล้ว ดังนั้นหน้าที่ลงแรงจึงเป็นหน้าที่ของผม


ผมขับเรดเวลเวด...ก็เจ้ารถ BMW สีแดงของผมมาจอดที่หน้าคณะ ก่อนจะก้าวลงจากรถโดยที่วันนี้สวมสเวตเตอร์สีขาวไล่แถบสีดำตรงไหล่ จาก Dolce & Gabbana ขนาดของเสื้อก็ตัวใหญ่ยาวคลุมต้นขาเลยครับเพราะอยากให้รู้สึกสบายตัว แล้วก็กางเกงขาสีดำสั้นกว่าเสื้ออ่ะ ส่วนรองเท้าวันนี้สวมผ้าใบ Adidas สีเทารุ่นใหม่ที่วีวิศมันลืมทิ้งไว้ ตั้งแต่วันที่มาค้างแล้วเจ้าตัวก็กลับบ้านตัวเปล่าเฉยเลย ผมเลยแอบหยิบมาใส่ลองดู

รับชีทเสร็จเรียบร้อยก็โทรรายงานไอ้มิวก่อนจะเดินกลับมาที่รถ

ระหว่างนั้นโทรศัพท์ผมก็สั่นเป็นเจ้าเข้าเลยหยิบออกมาดู

..เบอร์นี้รับสายได้..

“ฮัลโหลคุณเพชร”
ผมพูดรับสายพลางเปิดประตูรถ โยนชีทลงไปที่เบาะด้านหลังแล้วขึ้นนั่งเบาะคนขับ

“คุณหงส์ยังอยู่ที่มหา’ลัยรึเปล่าครับ”

“ยังอยู่ๆ” ผมตอบสั้นๆ แล้วรอฟังว่าปลายสายมีธุระอะไร

“คือมีเรื่องจะรบกวนอ่า...วันนี้อาจารย์คณะผมมีนัดติวช่วงบ่าย
แต่ผมเพิ่งรู้เมื่อกี้นี้เอง คิดว่าคงจะไปไม่ทัน
เลยจะฝากคุณเข้าไปเอาชีทที่คณะกับเพื่อนให้ผมหน่อย”
เพชรอธิบายยาว ส่วนผมก็พยักหน้ารับเป็นระยะ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เห็นก็ตาม


“อ่อ คือให้เราไปเอากับเพื่อนคุณเพชรที่คณะใช่เปล่า”

พูดจบคุณเพชรก็ขำก๊าก “ให้ไปเอาชีทครับ เอาชีท เอาชีท”

เออว่ะ ตอนพูดไม่ได้คิดนี่นา “โทษที เราไม่ทันคิด ฮ่าๆ”

“ฮ่าๆ เอาชีทโอเคนะ งั้นเดี๋ยวถึงหน้าวิศวะแล้วคุณโทรหาผมอีกรอบ เดี๋ยวจะให้เพื่อนเอาชีทออกมาให้”

“ได้ๆ เดี๋ยวเราขับไปถึงแล้วโทรหา”

“ขอบคุณนะครับ”
วางสายจากเพชรผมก็ขับรถจากคณะบัญชีมาจอดที่หน้าคณะวิศวะ
แล้วก็เดินขึ้นห้องไปที่ห้องเรียนตามที่เพชรบอกมา



ขึ้นลิฟต์มาชั้น 4 ออกจากลิฟต์เดินมาที่ห้องสโลป

เดินมาถึงหน้าห้องก็เจอผู้ชายตัวสูงประมาณเพชรยืนอยู่

“วีรินทร์ใช่เปล่าครับ” ในมือของเขาถือโทรศัพท์มีรูปผมโชว์อยู่บนหน้าจอ
สงสัยเพชรจะส่งรูปให้ดูว่าผมหน้าตาเป็นยังไง

“ใช่ครับ” ผมพยักหน้ารับ แล้วมองหาชีท

“เราชื่อ ข้าวนะ เพื่อนไอ้เพชร” ร่างสูงในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์แนะนำตัว
ผมยิ้มให้เขาแล้วพยักหน้ารับ

“คือเพชรบอกให้เรามาเอาชีทอ่า”

“อ๋อ...วันนี้อาจารย์แจกชีทที่มันมีแต่สรุปอ่ะ ที่อาจารย์กำลังติวคือต้องจดเอง
แต่ตอนนี้อาจารย์ยังเลคเชอร์ไม่เสร็จเลย ไอ้เพชรเอาไปมันก็อ่านไม่รู้เรื่อง
วีรินทร์อาจจะต้องรอเลิกคลาสแล้วถ่ายรูปชีทของเราไปให้มัน หรือไม่…”

แล้วข้าวก็เงียบไป ก่อนจะทำหน้าใช้ความคิด ผมเลยถามต่อ

“หรือไม่ อะไรหรอ”

คนตรงหน้าเงียบครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดตอบ “ก็ต้องเข้าไปนั่งจดเลคเชอร์ให้ไอ้เพชรอ่า”

ผมกระพริบตาปริบๆ แล้วยู่ปากนิดหน่อยอย่างใช้ความคิด “เราเข้าไปได้หรอ”
ไม่ค่อยมั่นใจว่าจะเข้าไปได้มั้ย
ดูผมแต่งตัวดิ แถมยังมาจากต่างคณะอีก

“ได้ดิ ห้องกว้าง มีที่นั่งเยอะแยะ ถ้าวีรินทร์นั่งรออยู่ตรงนี้คนเดียว เราว่าน่ากลัวนะ”

“งั้นเราขอโทรหาเพชรก่อนละกัน” ข้าวพยักหน้ารับ

ส่วนผมก็กดโทรศัพท์โทรหาเพชร แต่เขาไม่รับสาย ผมเลยต้องตัดสินใจเอง
“เพชรไม่รับอ่า งั้นเราเข้าไปจดเลคเชอร์ให้เพชรก็ได้”

ผมยิ้มให้เพื่อนของเพชร ก่อนที่เขาจะเดินนำเข้าไป


 
พอเปิดประตูเข้ามาถึงได้รู้ว่า ห้องสโลปก็จริง แต่เป็นห้องที่ประตูทางเข้าอยู่ด้านหน้า

ทันทีที่ข้าวพาผมเดินเข้ามาในห้อง ทุกสายตาก็หันมองมาที่ผมเป็นตาเดียวกัน
รวมทั้งอาจารย์ที่อยู่หน้าห้องก็หยุดสอนไปชั่วขณะ แล้วหันมามอง

ไม่รู้ว่าเพราะเป็นคนแปลกหน้า หรือเพราะเป็นคนแต่งตัวแปลก ทุกคนถึงได้มองขนาดนี้

ว่าแล้วก็เลยยกมือขึ้นไหว้ สวัสดีอาจารย์พร้อมกับโค้งหัว
อาจารย์รับไหว้แล้วยิ้ม ก่อนจะเลิกสนใจผม
ปล่อยให้ผมเดินตามหลังข้าวขึ้นไปที่นั่งด้านบน

ระหว่างนั้นสายตาของคนในคลาสก็ยังคงมองตามผม แต่ก็ทำเป็นไม่สนใจครับ
เดินตามข้าวเข้าไปจนถึงที่นั่ง แต่ที่นั่งของกลุ่มเพื่อนเพชรดันอยู่กลางห้องพอดี

เลยยิ่งเป็นจุดสนใจไปอีก


ข้าวหยิบกระเป๋าสัมภาระของเขาออกจากที่ว่างด้านข้างเพื่อให้ผมนั่ง
ก่อนที่เพื่อนของเพชรคนอื่นๆ จะหันมายิ้มทักทาย

ผมยิ้มตอบเพื่อนทุกคนพร้อมกับรีบนั่งลง แล้ววางโทรศัพท์กับกระเป๋าตังค์ลงบนโต๊ะ

“อันนี้ชีทนะ แต่ไม่รู้วีรินทร์จะเข้าใจรึเปล่า ถ้างงตรงไหนก็ถามเราได้เลย” ข้าวยื่นชีทกับปากกามาให้ผม

“ขอบคุณนะ” ผมรับมาไว้ในมือ ก่อนจะเบนสายตาไปมองอาจารย์ที่หน้าห้อง แล้วลองพยายามตั้งใจฟังดู


สุดท้ายผมก็ไม่เข้าใจอะไรเลย แต่ด้วยความสามารถด้านศิลปะผมเลยพยายามลอกสิ่งที่อาจารย์เขียนบนจอลงมาให้ได้อย่างครบถ้วนมากที่สุด


ระหว่างที่ผมกำลังมีสมาธิจดจ่อกับจอโปรเจคเตอร์หน้าห้อง ก็รู้สึกว่าถูกสะกิดที่ไหล่เบาๆ
ผมหันมองด้านหลังตามแรงสะกิด

ก่อนจะเห็นผู้ชายร่างท้วมไว้หนวดส่งยิ้มให้ “ดีครับ” คนที่สะกิดพูดทักทาย

ผมเลยยิ้มตอบกลับไป “ดีครับ”

“เราชื่อชายนะครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ” คนด้านหลังพูดแนะนำตัวเอง

“อย่าไปเชื่อมัน...เหี้ยนี่ชื่อฮิปโป ไอ้สัสแม่งขี้โม้”
คนที่นั่งอยู่ข้างชายก็พูดแทรกแล้วตบหัวเพื่อนตัวเองไปทีนึง

โหดจัง

“สัส ไม่เสือกดิ๊” ชายหันไปดุเพื่อนที่ตบหัวเขา แล้วหันกลับมายิ้มให้ผม
“เห้ย เราขอโทษ เราไม่ได้ตั้งใจพูดคำหยาบ มันหลุดปากไปเอง” พูดจบเขาก็เอามือป้องปากตัวเองไว้

“เอ้ยไม่เป็นไรๆ” เพราะคำพวกนี้ผมก็พูดเหอะ

“ไม่ได้หรอก กับวีรินทร์พวกเราต้องสุภาพน่ะ” เพื่อนคนที่ตบหัวชายพูดบอก ก่อนจะแนะนำตัว “ไอ้นี่มันไม่ได้ชื่อชาย มันชื่อฮิปโป ส่วนเราชื่อทุ่ง”

ผมเบิกตากว้างแล้วทวนกลับไป “ทุ่ง”

“ใช่ ทุ่งนา กลิ่นโคลนสาปควายนี่แหละครับ” ตอนนี้ชาย เอ้ย ฮิปโปพูดแทรกขึ้นมาบ้าง
แล้วสองคนนั้นก็หันไปแยกเขี้ยวใส่กันก่อนจะหันกลับมายิ้มให้ผมอีกรอบ

“เราชื่อวีรินทร์นะ แต่คุณเพชรเรียกเราว่าหงส์”  แล้วสามคนนั้น หมายถึงข้าว ฮิปโป แล้วก็ทุ่ง ต่างพากันยิ้มกรุ้มกริ่มแล้วมองตากันแปลกๆ

ก็ไม่รู้ว่าพูดอะไรผิดรึเปล่า เลยตัดสินใจถามออกไป “เราพูดไรผิดอ่า”

“เปล่าๆ หงส์ เอ้ย วีรินทร์ไม่ได้พูดไรผิด” ข้าวที่นั่งอยู่ด้านข้างผมพูดตอบกลับมา แล้วเหลือบมองเพื่อน

ก็เห็นอยู่ว่าทั้ง 3 คนมีพิรุธ ยังจะมาปฏิเสธ

จากนั้นฮิปโปหนุ่มร่างท้วมที่ดูอารมณ์ดีก็เสริมขึ้น “แค่น่ารักดี เอ่อ เอ่อ คือหมายถึง...”

“มันจะหมายถึงว่า วีรินทร์เรียกไอ้เพชร ว่าคุณเพชร ฟังดูน่ารักดีเนอะ ใช่มั้งพวกมึง”
ทุ่งเป็นคนปิดประโยค

ก่อนจะหันมองหน้าเพื่อนแต่ละคน แล้วเพื่อนเขาก็พากันพยักหน้ารับ

“ใช่ๆ”

“เอ้อ ใช่ ตามนั้นเลย”



ระหว่างที่เพื่อนเพชรทั้งสามคนมองผมแล้วเอาแต่ยิ้มไม่พูดอะไร โทรศัพท์บนโต๊ะของผมก็สั่นเป็นเจ้าเข้าอีกรอบ

ผมรีบยกมารับสายเพราะมันดังรบกวนคนอื่น
“ว่าไงเพชร”

“เป็นยังไงบ้าง ได้ชีทยัง” คนที่โทรมารีบถามทันที

“อาจารย์ยังสอนไม่เสร็จอ่ะ ข้าวเลยให้เรามานั่งในห้องแล้วเลคเชอร์ให้เพชร”

“ฮะ ว่าไงนะ” เพชรเสียงดังจนผมต้องเอาโทรศัพท์เขยิบออกจากหู

“ตอนนี้เราอยู่ในห้องกับเพื่อนๆ เพชรอ่ะ จดเลคเชอร์ให้เพชรอยู่”

“เห้ยคุณหงส์ งั้นเดี๋ยวแค่นี้ก่อนนะ”

 “อ่าๆ” ยังไม่ทันได้พูดตอบอะไรเพชรก็วางสายใส่ผม

แล้วพอผมก็หันมาพบว่าเพื่อนๆ ของเพชรกำลังมองมาที่ผมอยู่


จากนั้นก็เป็นโทรศัพท์ของคนที่นั่งด้านข้างสั่นครืดๆ แทน
ทุกสายตาจึงจ้องมองไปที่มือถือของข้าว และก็ได้เห็นว่าคนที่โทรเข้ามาคือเพชร

ข้าวหันไปมองฮิปโปกับทุ่ง แล้วหยิบมือถือขึ้นมารับสายหน้านิ่ง

“เออ”
“เออ ใช่”
“ก็มอง เออก็มองกันทั้งห้องแหละ”
“จะให้ทำไงวะ ให้กูไปสั่งห้ามคนไม่ให้มองหรอ”
“หรือมึงจะให้เค้ารอนอกห้อง”
“มึงใจเย็นดิ๊”
“เออสัส แค่นี้แหละ”

ข้าววางมือถือลงบนโต๊ะ แล้วหันมามองหน้าเพื่อนอีกครั้ง

ก่อนจะมาหยุดที่ผม “เดี๋ยวไอ้เพชรมันจะมา”

“ฮะ มาทำไม เราก็มาจดให้แล้วนิ” ก็งงเหมือนกัน ไหนตอนแรกบอกมาไม่ทัน
แต่ตอนนี้กลับเปลี่นใจจะมา ทั้งที่ผมก็เข้ามาจดให้แล้ว
ผมเลยโทรหาเพชรอีกรอบ แต่ก็ดันไม่รับสายซะงั้น

“เหี้ยนี่แม่งขี้หวง” เสียงฮิปโปบ่นลอยมา
“แม่งก็งี้แหละ” ทุ่งพูดเสริม

พอเข้าใจเพชรแหละ แต่ก็เอาเถอะ
ผมเลิกสนใจบรรยากาศรอบข้าง แล้วหันไปสนใจอาจารย์ที่อยู่หน้าห้องแทน



ไม่ถึง 20 นาที ประตูหน้าห้องถูกเปิดออก พร้อมกับร่างสูงที่ผมคุ้นเคยเดินตรงเข้ามา
วันนี้เพชรสวมเสื้อยืดกางเกงขาสั้น รองเท้าผ้าใบ ในมือถือแจ็คเก็ตสีดำ
อาจารย์หยุดสอนแล้วหันไปมองเพชร

เขายกมือขึ้นไหว้อาจารย์ อาจารย์ยิ้มให้เพชรเหมือนกับสนิทสนมแล้วพูดออกไมค์
“โน่นเลยนายเพชร กลางห้อง ตรงนั้น” พร้อมกับชี้มาทางนี้

ตรงที่ผมนั่งอยู่

เท่านั้นแหละครับ ทุกคนก็มองตามมืออาจารย์มาที่ผมแล้วยิ้มๆ


เพชรพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินเร็วตรงเข้าที่ผม
“กลับมั้ย” เสียงนิ่งถูกเอ่ยออกมาด้วยใบหน้าที่นิ่งไม่แพ้กัน
พูดจบเขาก็หันมองเพื่อนตัวเองทีละคน ก่อนจะจบที่การจ้องผม

“อาจารย์ยังไม่ปล่อยเลย”

“ช่างดิ กลับ” ร่างสูงทำท่าจะแย่งชีทบนโต๊ะไป
แต่ผมดึงชีทไว้ แล้วก็รีบเอามือไปคว้าแขนเพชร

“ใจเย็นดิ่ มีเหตุผลหน่อย” ผมใช้น้ำเสียงนุ่มพูดให้คนตรงหน้ามีสติ
พูดจบก็พยักหน้าให้เขาไปทีนึง

หวังว่าจะคิดได้ ว่าอะไรควร อะไรไม่ควร

“นะ เรียนให้จบคลาสก่อน เรากำลังสนุก”

สนุกบ้าอะไรล่ะ ไม่รู้เรื่องเลยซักนิด

พูดไปงั้น

เพชรถอนหายใจแรงทีนึง แล้วผมก็กระตุกแขนเขาเบาๆ อีกครั้ง
“นั่งลงเร็ว คนมองหมดแล้ว”

เพชรยอมนั่งลงที่นั่งด้านข้างอีกฝั่งที่ยังว่างอยู่ พร้อมกับยื่นแจ็คเก็ตสีดำมาให้ผม


ผมหันไปมองแต่ไม่ได้รับมาหรือพูดถามอะไรออกไป
เมื่อเขาเห็นว่าผมยังคงนิ่ง

เพชรเลยเอามันลงมาวางไว้บนตัก แล้วคลุมขาผมไว้

อ๋อ เข้าใจแล้ว : )


“ใครสอนให้ใส่สั้นแบบนี้มาเรียนกับเด็กวิศวะ”

อ้าว โดนดุเฉย

“ก็…”

“ไม่ต้องมาเถียง”

ก็ไม่รู้นี่ ว่าจะต้องมาเรียนกับวิศวะ!
นั่นแหละครับ ไม่เถียงก็ได้ แค่คิดในใจพอ

“ดุจัง” ผมตวัดหางตามองคนด้านข้าง แล้วหันกลับไปสนใจเนื้อหาหน้าห้อง

ก่อนจะเห็นว่าอาจารย์สอนไปไกลแล้ว เลยเร่งมือจดตาม จดมันไปแบบไม่เข้าใจนี่แหละ
สัญลักษณ์อะไรไม่รู้เต็มไปหมด วาดเหมือนบ้างไม่เหมือนบ้าง ไปแกะเอาเองละกันไอ้โหด

ระหว่างที่ผมกำลังจดเพลินๆ คุณเพชรก็ส่งกล่องปากกาสีมาให้
ไม่รู้เขาไปเอามาจากไหน ผมหันมองแล้วรับกล่องปากกาสีมาไว้ในมือ

คิดซะว่า ถึงแม้จะจดไม่รู้เรื่อง แต่จดให้สวย ดูมีสีสันก็ยังดี


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-11-2017 22:48:55 โดย bliss diary »

ออฟไลน์ bliss diary

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1

เกือบ 4 โมงเย็นก็ได้เวลาเลิกคลาส เพชรชิงจูงแขนผมออกทางประตูหลังห้องก่อนใคร
ซึ่งผมงงมากว่ามีประตูด้านหลัง แต่ทำไมข้าวพาผมเดินเข้าด้านหน้า

จังหวะที่กำลังรีบออกจากห้อง ข้าว ฮิปโป แล้วก็ทุ่ง หันมามอง
ผมเลยได้แต่ทำท่าโบกมือลาสามคนนั้น เพราะยังไม่ได้ลากันดีๆ โดนฉุดออกมาก่อน
ได้ยินฮิปโปตะโกนมาว่า ‘แล้วเจอกันใหม่’


ระหว่างที่ไอ้โหดกำลังจูงมือผมไปที่ลานจอดรถหน้าคณะ เขาก็ไม่พูดอะไรซักคำ
ผมเลยเป็นฝ่ายถามออกไปก่อน

“ทำไมวันนี้ดุจัง”

“แล้วทำไมวันนี้ต้องทำให้หวงจัง” ร่างสูงเหลือบมองหน้าผมนิ่ง ก่อนจะพูดต่อ

“ทีหลังถ้าไอ้ข้าวมันชวนให้เข้าไปเรียน ไม่ต้องเข้าไป เข้าใจมั้ย”

“โหดขนาดนี้ คงไม่มีทีหลังแล้วป่ะ”
ผมพูดบ่นในลำคอ แต่เขาก็พอได้ยิน
เพราะดูท่าทางแล้ว เพชรคงไม่ปล่อยให้ผมมาคณะเขาตามลำพังอีกต่อไป

“ใช่ แล้วทีหลังกระโปรงสั้นๆ แบบนี้ ไม่ต้องใส่ เข้าใจมั้ย” พูดจบเขาก็คว้าชายเสื้อผมขึ้น

OMG++​
วีรินทร์ถึงกับหลุดขำออกมาเสียงดัง ทั้งที่สถานการณ์ยังตึงเครียดอยู่


“โอ้ย คุณ นี่ไม่ใช่กระโปรง” พูดไปขำไป

“ไม่รู้แหละ แต่ที่รู้คือมันสั้นมาก ผมไม่ชอบ” พูดจบเขาก็ปล่อยแขนผมให้เป็นอิสระ
แล้วพาดแขนแกร่งลงมาวางโอบไหล่ผมไว้

“ไม่ชอบอ่อ”

“ใช่” เพชรยังทำเสียงแข็ง แต่แอบเห็นนะว่าเขาเริ่มอมยิ้มแล้ว

“ไม่ชอบก็ด้ะ....แล้วไงใครแคร์” พูดจบก็เบะปากใส่ไอ้โหดไปทีนึง

นั่นทำให้เพชรดึงตัวผมเข้าไปรัดแน่นยิ่งกว่าเดิม “กูนี่แหละแคร์”

จบคำพูดของเพชร ผมถึงกับเงยหน้าจ้องเขาตาเขียว
เพชรเลยยอมอ่อนลงหน่อยนึง

“เอ้ย ขอโทษ...พอดีเมื่อกี้นึกถึงหน้าไอ้ข้าว เลยหลุดอ่ะ
แต่นึกแล้วก็โมโหมันไม่หาย แค่บอกให้เอาชีทให้ ดันมาชวนคุณเข้าไปเรียน แม่ง”

“ใจเย็นไอ้สัส” ผมพูดอย่างลอยหน้าลอยตา
คุณเพชรมองผมตาแข็ง

“เอ้ย ขอโทษ พอดีนึกถึงหน้าไอ้มิวอ่ะ เลยหลุดบ้าง”

“จะเอาแบบนี้ใช่มั้ย” ร่างสูงกัดฟันกรอด

“ใช่ จะเอาแบบนี้” ยังคงลอยหน้าลอยตาใส่ แถมยังกวนเพชรต่อด้วยประโยคที่คิดไว้


“เพื่อนเพชรก็น่ารักดีออก ไม่เห็นจะต้องโมโหเลย”

“ฮะ พูดอะไรนะ!!”

“พูดว่า กลุ่มเพื่อนคุณเพชรก็น่ารักดีออก ไม่เห็นจะต้องโมโหเลย”

“หืมมม คุณหงส์!!
...ไหนชมใครว่าน่ารัก ใช้ปากไหนพูด เอามาทำโทษซะดีๆ”
พูดจบคุณเพชรก็เอามืออีกข้าง ยกขึ้นมาบีบปากผม แล้วทำท่าจะก้มลงมาจูบ


โอ้ย ตาบ้า!

เมื่อกี้ยังเหมือนจะหัวร้อนอยู่เลย
เปลี่ยนอารมณ์เร็วชิบ

แล้วนี่มันกลางวันแสกๆ กลางมหาวิทยาลัยด้วย
ทำอะไรน่าเกลียด ถึงจะไม่มีใครเห็นก็เถอะ


“นี่แหนะ” ว่าแล้วผมก็เอานิ้วดีดปลายจมูกคนฉวยโอกาสไปหนึ่งที

เพชรบ่นโอดโอยพร้อมกับเอามือไปบี้จมูกตัวเอง
“ใจร้ายอ่ะหงส์”

“ไม่ต้องพูดเยอะ อะนี่...เอาชีทไป
เราจดให้แล้ว ส่วนตอนแรกที่เรามาไม่ทัน ก็ไปขอจดกับข้าวเอาเองละกัน”
พูดจบผมก็ยื่นชีทไปยัดใส่มือเพชร

“ขอบคุณค้าบ แฟนใครน่ารักที่สุดเลย” แล้วเขาก็ยื่นมือมาขยี้ปากผมอีกครั้ง

ส่วนผมก็ดีดจมูกเขาอีกครั้ง แต่ไม่แรงเท่าครั้งก่อนนะ
กลัวเพชรเจ็บ

ทำมาทำกลับ แกล้งมาแกล้งกลับครับ โตไปไม่โกง
เดี๋ยว! ไม่ใช่ละ > <



พอถึงรถเราก็แยกย้ายกันขับรถใครรถมัน

ใครที่ขับมอเตอร์ไซค์ก็เชิญตากแดด ตากลมไปเถอะ

สม


ช่วงเย็นเราไปกินข้าวเย็นกันแถวคอนโดผม ก่อนจะรีบแยกย้ายกันไปอ่านหนังสือ
เพชรบอกว่าพรุ่งนี้อาจจะออกไปติวกับกลุ่มเพื่อน
ส่วนผมกับไอ้มิวก็อาจจะไปหาที่อ่านหนังสือที่ไหนสักที่ ก็เลยสรุปว่าน่าจะไปด้วยกัน

 

ตกดึก...ระหว่างที่ผมกำลังนอนฟังเพลงกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียง
เลยนึกอยากจะหยิบมือถือมาเล่นไอจีเสียหน่อย ไม่ได้เล่นมาหลายวันก็เริ่มคิดถึง

ว่าแล้วก็คว้าเจ้าไอโฟนเครื่องสีแดงมาปลดล็อคหน้าจอแล้วเข้าแอพที่คุ้นเคย

เลื่อนดูอะไรนิวฟีดส์ไปเรื่อย ก็เข้ามาเช็คคอมเม้นต์ภาพล่าสุดที่เพิ่งลง

ภาพที่ใครบางคนนอนหลับตอนอ่านหนังสือ


แล้วผมก็มาสะดุดกับคอมเม้นต์สุดท้าย ที่เพิ่งเม้นต์ไปเมื่อไม่กี่นาทีก่อน

อีโมรูปหัวใจสีชมพู พร้อมกับชื่อไอจีที่ผมถึงกับต้องกดเข้าไปส่อง



Petch.vr

1 photo , 0 follower , 1 following


ผมค่อยๆ แตะนิ้วโป้งลงบนภาพเล็กๆ ในไอจีของเขา แล้วก็กดลงไปเพื่อดูภาพใหญ่


ถ้าวันนั้น ผมบอกว่าเพชรกำลังยิ้มจนแก้มแตก
วันนี้ผมก็คงกำลังยิ้มจนแก้มแตกไม่ต่างจากเพชร



ภาพแรกในไอจีของเขา คือภาพที่ถูกแคปจากหน้าจอ MacBook เมื่อคืนนี้
แต่เป็นภาพใหม่ ที่ผมยังไม่เคยเห็น..


ผู้ชายหน้าหวานกำลังนอนหลับบนหมอนข้าง พร้อมกับที่ผู้ชายอีกคนในจอเล็ก
กำลังนั่งมองเขาหลับแล้วส่งยิ้มบางๆ ออกมา


หลับปุ๋ย /อีโมรูปหัวใจสีชมพู




**To Be Continued**

ออฟไลน์ moobarpalang

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +185/-6
เยสสสสส ช็อตนี่ตายแปบ
 o22 :o8: :-[

ออฟไลน์ ChabaSri

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
จำเป็นต้องน่ารักทุกตอนๆๆๆแบบนี้เลยป่ะคุณเพชรคุณหงส์ เพื่อนๆก็น่ารัก ถ้าทั้งเพื่อนเพชรเพื่อนหงส์ไปเที่ยวด้วยกันนี่ไม่อยากจะคิดต้องมันส์มากอ่ะ อ่านละคิดถึงเพื่อนสมัยเรียนแบบนี้เลยกวนตีนแบบเนี้ย 55555

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
หวานให้คนทั้งโลกอิจฉาไปเลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ bliss diary

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
THE SWAN
เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ 17
Real



07:37

ผมรู้สึกตัวตื่นด้วยเสียงรบกวนจากโทรศัพท์ที่ดังอยู่ไม่ห่าง แต่ยังไม่มีแรงที่จะเอื้อมมือไปหยิบเจ้าเครื่องสีแดงมากดรับสาย จึงได้แต่ปล่อยให้มันร้องอยู่อย่างนั้นจนท้ายที่สุดมันก็เงียบไปเอง แต่ก็เงียบได้ไม่นานครับ เพราะตอนนี้ไอโฟนของผมได้ส่งเสียงร้องขึ้นมาอีกรอบแล้ว สุดท้ายผมก็พ่ายแพ้ให้กับความตื้อของเขา และยอมหยิบมือถือขึ้นมาสไลด์เพื่อรับสาย
 
“นี่...” น้ำเสียงแหบแห้งแต่แฝงไปด้วยพลังเหวี่ยงเล็กน้อยถูกเอ่ยขึ้น

ดูเหมือนว่าคนที่โทรเข้ามาจะรู้ทัน เลยชิงพูดตัดหน้าก่อน
“นี่เพชรแฟนหงส์ไง…จะใครล่ะ”

ผมกรอกตาไปมาอย่างคนไม่เข้าใจ
...ไม่เข้าใจว่าทำไมผู้ชายตัวโตแบบเพชรต้องชอบทำตัวแบ๊วใส่ผม

“เสี่ยวว่ะ เฮ้อออออ” จบเสียงถอนหายใจของผม เสียงหัวเราะร่วนก็หลุดมาจากปลายสาย

บ้าหรือไง อารมณ์ดีแต่เช้า
แต่ก็ไม่รู้ทำไมพอได้ยินคุณเพชรหัวเราะเสียงดังแล้ว ผมถึงได้ยิ้มตามออกมาซะงั้น
ทั้งที่เมื่อกี้ยังรู้สึกอยากจะเหวี่ยงใส่คุณนาฬิกาปลุกตัวดีอยู่เลย
 

“คุณหงส์ ว่ายน้ำกัน” หัวเราะเสร็จเขาก็เข้าเรื่อง

ระหว่างนั้นผมก็พลิกตัวนอนคว่ำแล้วเอื้อมมืออีกข้างไปเปิดม่านรับแสงแดด “เช้านี้อ่อ”

แสงที่ส่องเข้ามาทำให้ผมตาหยีนิดหน่อย

“ใช่ๆ ตอนนี้ผมอยู่ที่ล็อบบี้คอนโดคุณแล้ว”

เหลือบมองนาฬิกาที่แขวนอยู่ บอกเวลาเจ็ดโมงกว่า ทำไมเพชรถึงได้ขยันมาแต่เช้าขนาดนี้
“คุณเพชรเป็นยามคอนโดเราหรอ” ที่ถามเนี่ยเพราะสงสัยจริงๆ ทำตัวยังกะยามมาเข้ากะ

“ก็ว่าจะสมัครอยู่นะ”

“สมัครเมื่อไหร่บอก เราจะได้ย้ายคอนโด”

“โหย ใจร้ายอ่ะ”

“ร้ายกว่านี้ก็ทำได้”

“โหยย...นะค้าบบ หงส์ค้าบ ลงมารับเพชรน้าา อยู่ข้างล่างแล้ว ว่ายน้ำกันน”

 
เสียงสองว่ะ
เกลียดอ่ะ
แต่ก็อมยิ้มว่ะ


 
“สรุปนี่คือจะชวนเราหรือจะมัดมือชก”

“มัดมือจูบ ได้เปล่า”

“โอ้ย ไอ้บ้า...ก็ด้ะๆ รออยู่นั่นแหละ เดี๋ยวอีก 20 นาทีลงไปรับ”
 

เพิ่งรู้ว่าตัวเองแพ้ความอ้อน
...แพ้ความเสียงสอง
...แพ้ความเพชรก็วันนี้
...เพราะปกติ ผมไม่ชอบให้ใครมารบกวนตอนนอน
แต่กับคุณเพชร เขาทำให้ผมยิ้มได้ในตอนเช้า

ดังนั้นผมจึงขอเรียกพฤติกรรมขี้อ้อนแบบนี้ว่า ‘ความเพชร’



จากนั้นผมก็ลุกไปอาบน้ำแบบโง่ๆ เหมือนคนถอดสมองวางไว้บนเตียง
เสร็จแล้วก็ไปหยิบโน่นนั่นนี่ใส่กระเป๋า กดลิฟต์ไปที่ชั้นสระว่ายน้ำเพื่อเอาสัมภาระไปวางไว้
ก่อนจะลงไปรับคุณเพชรที่ล็อบบี้ แล้วพาเขาขึ้นลิฟต์มาด้านบน

เช้านี้เพชรแต่งตัวสบายๆ
เสื้อยืดสีฟ้า กางเกงขาสั้นสีดำ รองเท้าแตะ แล้วก็กำอะไรบางอย่างไว้ในมือ
 
ผมเลิกคิ้วขึ้นมองแฟนตัวเองให้ชัดๆ ก่อนจะพูดถาม
“เอาของมาแค่นี้”
 
คนด้านข้างพยักหน้าพร้อมกับยิ้มกว้าง
“แค่นี้แหละ” พูดจบก็ยกกางเกงว่ายน้ำสีดำออกมากางโชว์ให้ผมดู
 
“ไม่ต้องอวด” ผมส่ายหน้าใส่เขาไป

ก่อนที่ประตูลิฟต์จะเปิดออก ผมจึงเดินนำเพชรมาที่ห้องอาบน้ำ แล้วหยิบผ้าเช็ดตัวกับชุดคลุมอาบน้ำในกระเป๋าที่ผมเตรียมมายื่นให้

“เพราะรู้ว่าคุณจะเตรียมให้ผมอยู่แล้ว ก็เลยเอามาแค่นี้ไง” เขายิ้มแล้วรับไปไว้ในมือ

“แสนรู้” ว่าแล้วก็เอื้อมมือไปลูบผมของเพชร แล้วตบหัวเบาๆ สองสามที

คนตรงหน้าแลบลิ้นออกมา แล้วยกมือขึ้นกวักแถวหน้าอกเหมือนน้องหมา

เออ เหมือนหมาจริงด้วยแฮะ
เขาทำให้ผมหลุดขำออกมาเสียงดัง

เห็นแบบนั้นเพชรจึงยู่หน้าใส่แล้วพูดขัด “จะบ้าหรอคุณ ผมไม่ใช่ด้อกแด้กนะ”


 
เล่นกันเสร็จก็แยกย้ายไปเปลี่ยนชุดพร้อมกับสวมชุดคลุมอาบน้ำออกมาให้เรียบร้อย ผมเดินมาหยิบกระเป๋าใบโตที่บรรจุสิ่งของต่างๆ เอาไว้ แต่ก็ยังไม่ทันได้ยกขึ้น คุณเพชรก็ยื่นมือมาดึงกระเป๋าจากมือผมไปถือไว้ซะเอง ผมเลยได้ทีเดินตัวเบามาถึงสระว่ายน้ำก่อนเขา
 
เราเลือกวางของไว้ที่เตียงใหญ่ริมสระ ก่อนจะมองไปรอบๆ แล้วเห็นว่าเช้านี้ไม่มีคนเลย
จากนั้นดวงตาของผมก็ประสานกับตาคมของคนตรงหน้า ดวงตาคู่สวยกำลังสื่อสารอะไรบางอย่าง

“เดี๋ยวผมถอดให้”

แล้วคุณเพชรก็จับผมหันหลัง ก่อนจะเอาตัวเข้ามาประชิดแผ่นหลัง พร้อมกับวาดแขนโอบรัดผมพร้อมกับเอื้อมมือมาปลดเชือกผูกเอวออก

ผมเข้าใจจุดประสงค์ของคนร้ายละ แววตาเมื่อครู่ตีความได้ไม่ยาก

ตอนนี้ร่างสูงกำลังเอาคางลงมาเกยบนไหล่ของผม พร้อมกับริมฝีปากที่เริ่มมาซุกไซร้บริเวณซอกคอ ส่วนมือไวก็ปลดชุดคลุมอาบน้ำผมลงไปกองไว้กับพื้นเป็นที่เรียบร้อย
 
ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ยอมหยุด
ผมเลยต้องรีบผละตัวเองออกมา แล้วหันไปเอ็ดเขาเสียงแข็ง
“คุณเพชรชวนเรามาว่ายน้ำไม่ใช่หรอ”
พูดจบก็เดินไปล้างตัวแล้วรีบลงสระไปก่อนเลย ส่วนเพชรก็วิ่งตามมา
 


เราว่ายน้ำกันอย่างสบายๆ ไม่เร่งรีบ มีแข่งกันว่ายบ้างแต่ก็ไม่ได้เอาเป็นเอาตาย เหมือนกับว่าแค่อยากจะใช้เวลาร่วมกันซะมากกว่า

เพิ่งรู้ว่าเพชรว่ายน้ำเก่งมาก มิน่าล่ะถึงได้หุ่นดี มีลอนหน้าท้อง แถมยังขายาวอีก
เขาแอบกระซิบด้วยว่า นี่แหละเคล็ดลับการลดความอ้วนในช่วงมอปลาย

 
ครู่ใหญ่ผมก็ชวนเพชรขึ้นจากสระ
เราไปล้างตัวให้สะอาดก่อนหยิบชุดคลุมมาสวม แล้วนอนคุยเล่นกันบนเตียงที่วางของเอาไว้
ไม่ได้นอนจับมือกันนะครับ แค่ไหล่เกยกันนิดหน่อย

“เมื่อวานมีคนอัพรูปเราในไอจีว่ะ” ผมพูดขึ้นมาลอยๆ ขณะที่หยิบแว่นกันแดดขึ้นมาสวม

“จริงหรอ ใครอ่ะ” ทำเนียนว่ะ ถามเสียงใสเชียว
เขาไม่ได้มองหน้าผม เช่นเดียวกับผมที่มองขึ้นไปบนฟ้า

“พวกมือใหม่หัดเล่นไอจีอ่ะ”

“หึ” เขาหัวเราะในลำคอ ส่วนผมเอียงหน้ามองสันจมูกคมของคนข้างๆ

“ร้ายนะ แอบถ่ายรูปเราตอนหลับ” พูดจบเพชรก็หันหน้าเข้ามามองผมบ้าง

“ก็ใครแอบถ่ายผมก่อนล่ะ”

“แก้แค้นว่างั้น”

“เปล่าซะหน่อย” เพชรส่ายหัวดิ๊กๆ

“แล้วอัพทำไม” ผมยังคงถามต่อ

“ก็แค่จะ…” แล้วคนตรงหน้าก็ชะงักนิดหน่อย เขาเหลือบมองบนแล้วยิ้มกรุ้มกริ่มกับตัวเอง

“จะอารายยยย”

“ก็แค่จะประกาศความเป็นเจ้าของ” พูดจบเพชรก็กลั้นยิ้มอยู่คนเดียว

“ประกาศความเป็นเจ้าของ แต่มีคนฟอลโล่อยู่คนเดียวเนี่ยนะ” จะใครล่ะ ผมนี่แหละ

“ไม่รู้แหละ อัพแล้วก็ถือว่าประกาศตัว ใครก็ห้ามยุ่ง” ดวงตาคมสบตาผมแล้วเก๊กหน้านิ่งใส่ พร้อมกับเอามือมาบิดปลายจมูก

ผมปัดมือของเขาออก แต่เขากลับตวัดนิ้วขึ้นมารวมมือผมเอาไว้


“พูดจริง” เพชรย้ำ แล้วค่อยๆ คลายมือผมให้เป็นอิสระ

“พันธุ์นี้แม่งดุว่ะ”

“ดุมาก” เพชรยังคงย้ำเสียงแข็ง


ดูเหมือนเขาจะยังไม่รู้ว่าถูกผมหลอกแซ็ว
และแน่นอน ทันทีที่ผมยิ้มมุมปากคนตรงหน้าถึงคิดได้ แล้วเอามือมายีหัวผมเป็นการเอาคืน


“ไม่ใช่หมาโว้ยยยย…

…หื้มมม ทำไมชอบแกล้งผมฮะ
ฮะคุณหงส์

นี่เลย หัวฟูเข้าไปเลย
หื้มมมม”


แล้วที่ทำอยู่ไม่ได้แกล้งเราเลยใช่มะคุณเพชร หื้มมม
พูดไป กัดฟันไป ยีหัวไป สนุกมือของคุณเขาแหละงานนี้
 
พอเห็นว่าแฟนตัวเองหัวฟูเหมือนสิงโตได้ที่แล้ว
คุณเพชรก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วเปิดกล้อง “ถ่ายรูปกัน”

ผมเห็นตัวเองบนหน้าจอแล้วรีบผลักกล้องไปให้พ้นหน้า “ไม่เอา สภาพเราน่าเกลียดมาก”

ระหว่างที่ผมกำลังโวยวายเสียงดัง คนมือไวก็สอดแขนเข้ามารองใต้คอผม แล้วดึงตัวเข้ามาถ่ายเซลฟี่กันทันที...แบบที่ผมยังไม่ได้ตั้งตัว

สุดท้ายเพชรก็ได้ภาพผมเผวอๆ หน้าตาน่าเกลียดแบบที่เขาชอบแอบถ่าย
แถมยังพ่วงด้วยสภาพหัวสิงโตอีกด้วย

ส่วนผมก็หน้างอไปหน่อยนึงหลังจากที่โดนคุณเพชรแกล้ง


“โอ๋ๆ ที่รัก ไม่โกรธนะค้าบบบ” เหมือนจะง้อใช่ป่ะ แต่ไม่ใช่เลย
เสียงนุ่มๆ แฝงไปด้วยรอยยิ้มขำ พร้อมกับมือไวที่ยังรัวชัตเตอร์ไม่จบไม่สิ้น

“เพชรบ้า” ผมว่าพร้อมกับพยายามยื้อเอาโทรศัพท์เขามาไว้ในมือ

เพชรยอมยกไอโฟนในมือให้ผมแต่โดยดี ตอนแรกก็แปลกใจ แต่ตอนหลังก็เข้าใจ

เพราะอะไรนะหรอ?
เพราะเขากำลังจะอุ้มผมขึ้นบนห้องนะสิ

แขนแกร่งรวบเอาตัวผมไปพาดไว้บนบ่า แล้วใช้มือดึงสัมภาระรวมเข้าด้วยกันแล้วถือไว้

ร่างสูงเดินดุ่มๆ พาผมขึ้นห้อง
ส่วนผมก็ดิ้นไปดิ ยิ่งดิ้นแรงยิ่งเสี่ยงจะตกลงไปแล้วหน้าเสียโฉม
เลยทำได้แค่นิ่งๆ แล้วกอดเพชรไว้ให้แน่น

อย่าให้ถึงทีผมบ้างละกัน!

 

ถึงบนห้องคุณเพชรก็ดึงดันจะอาบน้ำกับผมให้ได้ แต่ฝันไปเถอะ เรารู้ทัน
สุดท้ายเราก็แยกกันไปอาบคนละห้อง เพชรถูกไล่ไปอาบที่ห้องนอนเล็ก เพราะขืนอาบด้วยกันมันคงไม่จบแค่นั้นแน่

อาบน้ำ แต่งตัวเรียบร้อย...เอ่อ ดูเหมือนจะไม่เรียบร้อยว่ะ
เพราะระหว่างที่กำลังเช็คลุคตัวเองหน้ากระจก ร่างสูงก็เปิดประตูเข้ามา

“จะใส่ชุดนี้จริงหรอ”
ผมมองตัวเองในกระจกบานใหญ่แล้วพยักหน้าให้คนที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลัง

“ไม่ได้” เขาเสียงแข็งแล้วไล่มองผมตั้งแต่ขาขึ้นไป
นั่นทำให้ผมหันหลังกลับไปเผชิญหน้ากับไอ้คนโหด

“ทำไมจะไม่ได้”
เสียงแข็งมาเสียงแข็งกลับ ไม่โกง แถมยังกอดอกใส่ด้วย เอาเด่

“กางเกงสั้น” ไม่พูดเปล่า เอามือมาวัดความยาวกางเกงด้วย
ยาวแค่คืบนิดๆ ของคุณเพชร แหะ แหะ

“ก็มันร้อนอ่ะ”

“จะเปลี่ยนเองหรือจะให้เปลี่ยนให้” ไม่ฟังเหตุผลยังไม่พอ มีเสนอตัวเปลี่ยนให้ด้วย
“หนึ่ง สอง …” มือหนาเอื้อมมาทำท่าจะปลดกางเกงผม

“เออๆ ยอมแล้ว เปลี่ยนเองก็ได้ ออกไปรอข้างนอกเลย” ผมตีมือเพชรไปทีนึงแล้วชี้ออกไปด้านนอก

คุณเพชรยกยิ้มมุมปากก่อนจะเดินออกไป “ก็แค่นี้”
 


พอแต่งตัวเรียบร้อย (เรียบร้อยจริงๆ ครับ เดี๋ยวไม่ผ่านการตรวจสอบคุณภาพอีก)
ก็ได้เวลาอาหารเช้า ผมทำเบรคฟาสต์ง่ายๆ ให้คุณเพชร
ด้วยการเอาขนมปังโฮลวีทราดด้วยสลัดทูน่า เสิร์ฟพร้อมกับไข่ดาวแล้วก็น้ำส้มสด
 
“น่ากินอ่ะคุณ” ร่างสูงที่นั่งรออยู่ที่โต๊ะ ทำตาโตเมื่อผมยกอาหารเช้าออกมา
และแน่นอนว่าคุณเขาต้องถ่ายรูปอาหารเก็บไว้
 
..ไม่น่าเชื่อว่าคนที่ชอบถ่ายรูปอย่างเพชร จะเพิ่งมาเล่นไอจี..
 
ถ่ายเสร็จเพชรก็เอื้อมมือมาดึงผมไปนั่งบนตัก แล้วเอาหน้ามาซุกแผ่นหลังผม
พร้อมกับถูไปมา


..เด็กขาดความอบอุ่นว่ะ..

“ทำตัวน่ารักขนาดนี้
เพชรรักจนจะบ้าแล้วนะหงส์” เสียงอู้อี้จากคนที่ซุกไซร้อยู่ด้านหลังพูดในลำคอ

เราก็ทำงี้กับแฟนทุกคนแหละ
เอ้ย ไม่ใช่! ผมแค่คิดในใจนะครับ ไม่ได้พูดออกไป

‘ความเพชร’ ขี้อ้อน ทำให้ผมยิ้มแก้มแตก แต่ก็เลือกที่จะแสดงแค่ไหวไหล่เล็กน้อยให้เขาเห็น

“เพชรก็รักเรามาตั้งแต่ ม.1 แล้วป่ะ”

พูดจบคนที่ซุกอยู่ เอาหน้าออกมาพร้อมกับเลื่อนผมออกจากตักให้นั่งเก้าอี้ด้านข้าง

แล้วเขาก็ส่งเสียง

“เชอะ” ในลำคอพร้อมกับทำหน้างอนเล็กน้อย ปากนี่ยื่นเชียว

ดีดซะทีดีมั้ยเอ่ย
แต่กระนั้นแววตาเป็นประกายของไอ้ปากแหลมก็ยังดูมีความสุขมากอยู่ดี

 
“ก็ได้ๆ ไม่ล้อเด็กอ้วนแล้ว งุ้งิ้ งุ้งิ้
หายงอนน้า งุงิ งุงิ” ผมทำมือทำไม้ง้อเขา พร้อมกับลองพูดเสียงสองดูบ้าง
เห็นเพชรพูดบ่อย ลองเอามาปรับใช้บ้าง อาจจะเวิร์ค อิอิ
 
เจ้าของปากยื่นยาวเมื่อครู่ ขำออกมาเสียงดังแล้วส่ายหน้ารัวๆ
“พอแล้วๆ หายงอนแล้ว...
โอ้ยย คุณหงส์ ผมว่าสายแบ๊วไม่เหมาะกับคุณเลย
เอาเป็นเหวี่ยงๆ เชิ่ดๆ เหมือนเดิมดีกว่า” แถมยังพูดไปหัวเราะไป
 
บ้าบอที่สุด อุตส่าห์ทำเลียนแบบบ้าง ไหงออกมาเป็นงี้
ละนั่นคือคำชมใช่มั้ย เหวี่ยงๆ เชิ่ดๆ เนี่ย

ก็ได้!! จากนี้ไปจะไม่มีการเสียงสอง
เชอะ
 

 
11:15
 
เพชรขับรถของผม พาผมมาที่ร้านที่เขานัดอ่านหนังสือกับกลุ่มเพื่อนครับ ซึ่งในวันนี้จะเป็นการรวมตัวกันครั้งแรกระหว่างกลุ่มเพื่อนของเพชร ที่ประกอบไปด้วย เพชร ฮิปโป ข้าว และทุ่ง กับกลุ่มเพื่อนของผม ซึ่งมีแค่ผมกับไอ้มิวสองคน
 
เอ่อ ฟังดูเหมือนไม่มีใครคบเลยว่ะ
 
ขับรถเข้ามาในซอยทองหล่อ ซอกแซกลึกพอสมควร ก็มาถึงร้านกาแฟบรรยากาศดีที่ถูกโอบล้อมด้วยตึกสูง
แต่บรรยากาศภายในร้านกลับเต็มไปด้วยความร่มรื่น มีต้นไม้เขียวชะอุ่มปกคลุม

ให้ความรู้สึกดีเหมือนอยู่เขาใหญ่ในหน้าร้อน…ถ้าอากาศเย็นกว่านี้อีกสักหน่อย จะดีมาก
 
“ชอบมั้ย” เพชรพูดถามขณะที่เขาเดินนำผมจากลานจอดรถด้านหน้ามาบริเวณทางเข้าร้าน
 
สองข้างทางมีต้นไม้เล็กๆ ให้บรรยากาศในสวน
แล้วก็มีร้านกาแฟที่สร้างด้วยกระจก ดูโปร่งสบายตั้งอยู่ตรงกลาง

ภาพตรงหน้าชวนให้ผมรู้สึกดีจนต้องหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปลงใน IG Story

“ชอบมากอ่ะ...
ทำไมเราไม่เคยรู้จักร้านนี้มาก่อน”
 
เพชรคงจะรู้ว่าเป็นเพียงประโยคคำถามที่ไม่ได้ต้องการคำตอบ เขาเพียงแค่ยิ้มรับแล้วปล่อยให้ผมได้ใช้สมาธิกับการถ่ายรูปไปเรื่อยๆ

เขาไม่ได้กวนผม เพราะคงจะเข้าใจแหละ ว่าบางครั้งคนเราก็อยากใช้สมาธิกับการถ่ายรูป
เรื่องนี้คุณเพชรรู้ดีกว่าใคร เพราะเขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเช่นเดียวกัน
 

ครู่หนึ่งร่างสูงก็เดินเข้ามาหา ผมเหลือบมองด้วยหางตาก็รู้ว่า เขากำลังจะ...

“มา ถ่ายรูปกัน” พูดจบคนมือไวก็หยิบมือถือตัวเองขึ้นมาถ่ายรูปผม
แต่รอบนี้ผมรู้ทันครับ หันไปยิ้มให้กล้อง แล้วก็เก๊กหน้าให้ดูดี ไม่มีทางที่คุณเพชรจะได้ภาพเหวอของผมอีกต่อไป

“โหย เดี๋ยวนี้เก่งว่ะ รู้ทัน” เขาพูดแซ็ว
ผมยักคิ้วให้หนึ่งที “แน่นอน” จากนั้นก็โพสต์ให้เพชรถ่ายรูปใหญ่เลย

“งั้นถ่ายคู่กันด้วยนะ”
 ถึงแม้จะไม่ค่อยชอบการเซลฟี่ แต่สุดท้ายก็ต้องยอมให้คุณเพชรจับผมมาร่วมเฟรม


“สวีทไปแล้วพวกมึงอ่ะ” เสียงดังมาจากทางด้านหลัง แต่พวกผมไม่ได้สนใจหันไปมอง

“สัสมิว” ผมจำเสียงมันได้ เลยพูดตอบไอ้มิวไป

พูดจบคุณเพชรก็ยกกล้องลง แล้วชำเลืองมองหน้าผมนิ่ง ผมเลยเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม

“พูดไม่เพราะ” เสียงนิ่งของเพชรส่งมาอย่างเอ็ดๆ

ผมทำแก้มป่องใส่เขา ก่อนจะโดนไอ้มิวที่มาเดินมาตรงหน้าแล้วยิ้มล้อ
มันแลบลิ้นปลิ้นตา แล้วหันไปคุยกับเพชร

“มาๆ กูถ่ายให้” พูดจบไอ้มิวก็หยิบไอโฟนจากมือของเพชรไป แล้วเดินมาจัดท่าจัดทางให้

โดยที่ไอ้มิวให้เพชรโอบไหล่ผม แล้วก้มเอาหัวลงมาซบ ส่วนผมยืนนิ่งแล้วเบะปาก
(อันนี้เบะเอง คิคิ)

“เจ้าสาวยิ้มหน่อยครับ” ไอ้ตากล้องหน้ามึนพูดว่าให้ยิ่งทำให้ผมเบะปากแรงขึ้นไปอีก

ผมเหลือบมองเพชรด้วยหางตา ส่วนคุณเพชรก็ยกมือขึ้นมาชี้ว่า ไอ้มิวหมายถึงผม

พอรู้ว่ามิวหมายถึงผม ผมเลยว่ามันออกไป

“K
…พ่อมึงดิ”

จบคำนั้นเพชรก็หันมองแล้วเอามือมาดีดปากผมไม่แรงนัก

“แล้วไปยุ่งอะไรกับKของพ่อเพื่อน ฮะ...
...ไหน ใช้ปากไหนพูด
...บอกแล้วไง ห้ามพูดคำหยาบ”

บอกตอนไหนวะ แถมมาเป็นชุดเลยครับ

ผมก็ได้แต่พยักหนีรับแล้วยกมือขึ้นไหว้อย่างคนผิด “ขอโทษค้าบบ”

ได้ยินดังนั้นคุณเพชรก็ยิ้มร่า แล้วหันไปหามิว

“พร้อมแล้วมิว ถ่ายได้เลย”


แต่ไอ้มิวกลับหัวเราะร่วนพร้อมกับส่งมือถือกลับมาให้เจ้าของเครื่อง “กูถ่ายเสร็จแล้วว่ะ”

ผมกับเพชรหันมองหน้ากันงงๆ
เพชรรับไอโฟนมาไว้ในมือก่อนที่ไอ้มิวจะเดินบิดก้นเข้าไปในร้าน

“ขอดูหน่อย” ผมหันไปขอเพชร คนตัวสูงยิ้มร้ายแล้วทำทีเปลี่ยนเรื่อง

“ปะ เข้าไปได้แล้ว เสียเวลาอ่านสือ” แล้วเขาก็โอบไหล่ผมเดินเข้าไป

ขี้หวงอ่ะ แค่ขอดูรูปทำมาเป็นอ้าง ทียืนถ่ายตั้งนานไม่เห็นจะบอกว่าเสียเวลาบ้างเลย
 


วันนี้เราเลือกโต๊ะกลมใหญ่สุดในมุมครับ เพราะต้องการความเป็นส่วนตัว
พอเดินมาถึงที่โต๊ะผมก็ทักทายกลุ่มเพื่อนของเพชรที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว
หลังจากนั้นก็แนะนำให้มิวได้รู้จักทุกคน

“มิว นี่ฮิปโป ทุ่ง แล้วก็ข้าว เพื่อนวิศวะของเพชร
…แล้วก็นี่ มิว เพื่อนเราเอง”
 
“สวัสดีค้าบบบ” สามคนนั้นพูดทักทายไอ้มิว แต่ตามองผมไม่ละสายตา

จนคุณเพชรต้องกระแอม “แฮ่ม แฮ่ม”

แล้วสามคนนั้นก็หันไปมองไอ้มิวที่ยิ้มอยู่ มิวมันโบกมือทักทายแล้วนั่งลงอย่างสบายๆ
พวกเรานั่งกันเป็นวงกลมตามความโค้งของโต๊ะ โดยที่ผมนั่งข้างเพชร และอีกข้างคือไอ้มิว
 

ตอนแรกผมก็แอบลุ้นว่ามิวจะเข้ากับเพื่อนเพชรได้มั้ยนั้น แต่ตอนนี้คงไม่ต้องลุ้นอะไรแล้วครับ เพราะหลังจากที่อ่านหนังสือกันไปได้พักใหญ่ไอ้มิวที่นั่งจ้องมองพวกวิศวะซ้อมทำข้อสอบหน้าเครียดก็หยิบมือถือขึ้นมา แล้วถามด้วยคำถามสุดฮิตแห่งยุค

“ตีป้อมมั้ยวะ” แค่นั้นแหละครับ

ปากกากับกระดาษในมือทุกคนก็ถูกวางลง แล้วถูกแทนที่ด้วยสมาร์ทโฟนเครื่องใหญ่
แน่นอนว่าเกมส์นี้คุณเพชรของผม ก็ฟอร์มทีมกับเพื่อนด้วย
 
ระหว่างที่พวกนั้นเล่นเกมส์ ผมก็ไม่มีไรทำ เลยหันมองบรรยากาศโดยรอบร้านด้วยการสอดส่องสายตาไปเรื่อย จนจะไปหยุดที่โต๊ะๆ นึง อยู่เยื้องไปไม่ไกลครับ

คือผมรู้สึกได้ว่ากำลังถูกจ้องอยู่

ผมเลยมองคนที่จ้องผมตอบ ก่อนที่เขาคนนั้นจะส่งยิ้มบางมาให้พร้อมกับพยักหน้า

ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงยิ้มตอบกลับไปตามประสาคนหน้าตาดีที่มีคนสนใจเยอะ
แต่ตอนนี้เสียใจด้วย เป็นหน้าตาดี มีแฟนแล้ว และมีจรรยาบรรณ


ผมเลยหันหน้ากลับเข้ามาในโต๊ะ มาสนใจคนหน้าหล่อด้านข้างที่ยังง่วนกับการตีป้อมดีกว่า
พวกเขาเล่นเกมส์กันอย่างเมามัน ผมเลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นบ้าง เล่นไปเรื่อยๆ จนพวกติดเกมส์เล่นกันเสร็จเรียบร้อย


เพชรทำท่าจะลุกขึ้นผมเลยหันไปมอง แล้วเลิกคิ้วสงสัย
“เดี๋ยวกูไปห้องน้ำแปป” เขาพูดบอกเพื่อนๆ แล้วหันมาหยุดที่ผม

ก่อนจะกระซิบเสียงเบา “เดี๋ยวผมไปห้องน้ำนะ”

“ผมว่ะ” ฮิปโปทำเสียงแซ็วเพชร นั่นทำให้คนที่ถูกแซ็วหันไปจ้องฮิปโปหน้าดุ
รายนั้นจึงได้แต่เอามือมาป้องปากแล้วหันหน้าหาพรรคพวกเหมือนทุกครั้ง

“ให้ไปเป็นเพื่อนมั้ย”

เพชรกำลังจะพยักหน้าแต่โดนขัดซะก่อน

รอบนี้คนที่ขัดคือข้าวครับ เพื่อนในกลุ่มที่รูปร่างหน้าตาสูสีกับเพชร แต่ผิวเข้มกว่า
“แหม มีแฟนแล้วทำตัวเป็นเด็กประถม ไปห้องน้ำต้องมีคนไปเป็นเพื่อน”

“เออ สัส” ทุ่งเสริมขึ้น

“ไปๆ วีรินทร์พาน้องเพชรไปฉี่นะฮ้าป” ฮิปโปพูดเสียงกวนตีน ผมเลยหันมองฮิปโปแล้วขำ


“พวกมึงก็พูดเกินไป เพื่อนเค้าแค่ข้าวใหม่ปลามัน ใช่มั้ยจ้ะวีรินทร์คนสวย”
มิว มึงก็เอาด้วยเรอะ


“เออๆ กูไปคนเดียวก็ได้ สัส” พูดบอกเพื่อนจบก็หันมาพูดกับผม “เดี๋ยวผมไปคนเดียว”

ใจความเดียวกันแต่คนละประโยค

ผมยิ้มแล้วพยักหน้ารับ ก่อนจะหันมาเห็นว่าพวกในโต๊ะกำลังยิ้มล้อ
 
“เดี๋ยวกูไปกับแม่งเอง” ไอ้มิวเสนอตัว แล้วก็เดินไปโอบไหล่เพชรไปห้องน้ำ

 

ระหว่างที่เพชรกับมิวไม่อยู่ ฮิปโปก็ชวนคุยด้วยท่าทางผ่อนคลายมากขึ้น

“เนี่ย ไอ้เพชรแม่ง ห้ามพวกเราแซ็ววีรินทร์เว่ย แถมยังห้ามพูดคำหยาบกับวีรินทร์ด้วย”

“จริงดิ” ผมถามกลับ

“ใช่ แม่งจริงจังสัส” ข้าวพูดบอกผม

“แต่เมื่อเช้าเราก็โดนดุนะ เราหลุดพูดคำหยาบ แถมยังบอกว่าตกลงกันไว้แล้ว ก็ไม่รู้ไปตกลงไว้ตอนไหน”

“โมเมเก่งแหละไอ้เพชรอ่ะ” 

ผมหันไปพยักหน้าให้ทุ่ง แล้วฮิปโปที่ถือโทรศัพท์อยู่ในมือก็พูดโพล่งขึ้นมา
“วีรินทร์ทำไมไม่ขายครีมอ่า” เขาไม่ได้มองหน้าผม

“ทำไมต้องขายครีมวะ” ทุ่งถาม ก่อนจะชะโงกหน้าเข้าไปที่โทรศัพท์ฮิปโป

“ก็เน็ตไอดอลไงมึง” ไอ้ข้าวว่าบ้าง ก่อนจะมองมาที่ผม

“เออ เนี่ยรายได้ดีเลยนะ กวนเองหลังบ้านแล้วก็ขายถูกๆ”

“ใช่ เดี๋ยวพวกเราไปช่วย ทำป๊ะๆ วีรินทร์เป็นพรีเซนเตอร์ลงไอจี แล้วพวกเราก็ช่วยขาย”

“คนฟอลไอจีเป็นแสน ขายได้แน่” แล้วฮิปโปก็ยื่นโทรศัพท์มาให้ผมดู


อ่อ ส่องไอจีผมอยู่

ผมยิ้มขำๆ แล้วพูดตอบไป “ไม่อ่ะ เรารวยแล้ว”

พูดจบสามคนก็มองหน้ากัน แล้วประสานเสียง “อูยยยยยยยย”

 
จะว่าไปเพื่อนของเพชรก็ฮาดีครับ ถึงแม้เพชรดูโดดออกมาจากกลุ่มเล็กน้อย ด้วยนิสัยของเขาที่หน้านิ่ง (ใส่คนอื่น ยกเว้นกับผม) แถมยังพูดน้อยที่สุดในกลุ่ม แต่พอพูดทีก็เบรคทุกคนจนหัวทิ่ม ดูแล้วให้อารมณ์เหมือนหัวหน้าแก็งค์คอยกำกับลูกน้องไรงี้เนอะ


 
แล้วผมก็เริ่มรู้สึกว่าทำไมเพชรกับมิวไปเข้าห้องน้ำนานจัง
ระหว่างที่กำลังจะลุกเดินไปดู ก็เห็นสองคนนั้นเดินกอดคอกันกลับมา สีหน้ายิ้มแย้ม

“ทำไมไปนานจังอ่ะ” ผมคลี่ยิ้มแล้วพูดถามสองคนที่กำลังนั่งลง

เพชรมองไปที่มิว ผมเลยมองตามพร้อมกับที่ไอ้มิวยิ้มร้าย “แฟนมึงเสน่ห์แรงใช่เล่น”


จบคำพูดของมิว หน้าผมนิ่งขึ้นระดับนึง รอยยิ้มบางเมื่อครู่ถูกแทนที่ด้วยความตึงที่มุมปาก

“ยังไงวะ” ส่วนน้ำเสียงไม่ต้องถามถึง

แข็งกว่าหินอัคนีก็เสียงวีรินทร์นี่แหละ


“มีสาวโต๊ะข้างนอกมาขอไลน์เพชร”


ฟังมิวพูดจบ หน้าผมก็กระตุกแปลกๆ ผมตวัดหางตากลับมามองคนของตัวเอง
แล้วถามออกไปเสียงนิ่ง “ให้ป่ะ”

เพชรส่ายหน้า แต่ไอ้มิวก็พูดแทรกขึ้น “กูบอกให้มาขอที่โต๊ะ”


ผมพยักหน้ารับ นับหนึ่งถึงสามในใจ
ความครืกครื้นก่อนหน้าถูกเปลี่ยนเป็นความเงียบสนิท สมาชิกในโต๊ะมองเพชรนิ่งๆ
ส่วนผมไม่ได้มองใคร


“งั้นเดี๋ยวพวกกูมานะ”
แล้วสามคนนั้น รวมไอ้มิวเป็นสี่ ก็พากันกระโดดออกจากโต๊ะหายไปอยู่นอกร้าน


ตอนนี้ที่โต๊ะเลยเหลือแค่ผมกับเพชรสองคน


“ผมไม่ได้ให้นะ บอกเค้าไปแล้วด้วยไปว่าผมมีแฟนแล้ว”

ผมเงยหน้ามองคนด้านข้าง

เห้ย เพชรหน้าเจื่อนเบอร์แรงว่ะ
 
และนั่นทำให้ผมเย็นลง


“เรากับคนนั้น ใคร...”

“หงส์อยู่แล้ว” คุณเพชรรีบพูดแทรก ทั้งที่ยังฟังคำถามไม่จบ


ผมหลุดยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่ได้ ช่างเอาอกเอาใจ ปากหวานเป็นที่หนึ่ง

ความเพชรไปอีก


พอเห็นผมหลุมยิ้มเขาก็เลยเอามือมาพาดแล้วโอบไหล่ผม ก่อนจะดึงตัวเข้าไปแนบ

เพชรบีบไหล่ผมเบาๆ ก่อนจะก้มลงมากระซิบข้างแก้ม พร้อมกับที่สันจมูกคมจรดลงมา


“หึงหรออออค๊าบบบ”


เสียงสอง ~


ผมแข็งทื่อ

หมายถึงตัวแข็งทื่อ ก่อนจะรู้สึกร้อนวูบวาบที่บนใบหน้า


นั่นสิ


ผมหึงหรอ....





**To Be Continued**

ถ้านุ้งหงส์ไม่รู้ตัว เดี๋ยวเราบอกให้ก็ได้
ใช่จ้าา เรียกว่าหึงจ้าาาาหงส์ หึงเบอร์แรงด้วยนะแหมมมม
มีความแบบทำกับข้าวกับปลาให้แฟน หึหึ 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-12-2017 10:24:17 โดย bliss diary »

ออฟไลน์ ChabaSri

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
เรามารอคุณหงส์กับคุณเพชรที่หน้าเว็ปทุกวันเลย  คิดถึงงงงงงง

ใช่ค่ะคุณหงส์แบบนี้แถวอุบลบ้านพี่เรียกหึงค่ะ หึงแบบ...ทำเอาเพื่อนกระเจิดกระเจิงเลยด้วย ไม่ธรรมดาเลยนะค้าาาามีเเฟนหล่อน่ารักน่าแย่งก็แบบนี้

ในส่วนของ "ความเพชร" น้านนนนน่าเอามาเลี้ยงที่บ้านจริงๆ แต่ดูแล้วคุณหงส์เขาคงเลี้ยงของเขาได้ดีกว่า

ปล.คนเขียนสู้ๆ :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ bliss diary

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
เรามารอคุณหงส์กับคุณเพชรที่หน้าเว็ปทุกวันเลย  คิดถึงงงงงงง

ใช่ค่ะคุณหงส์แบบนี้แถวอุบลบ้านพี่เรียกหึงค่ะ หึงแบบ...ทำเอาเพื่อนกระเจิดกระเจิงเลยด้วย ไม่ธรรมดาเลยนะค้าาาามีเเฟนหล่อน่ารักน่าแย่งก็แบบนี้

ในส่วนของ "ความเพชร" น้านนนนน่าเอามาเลี้ยงที่บ้านจริงๆ แต่ดูแล้วคุณหงส์เขาคงเลี้ยงของเขาได้ดีกว่า

ปล.คนเขียนสู้ๆ :pig4: :pig4: :pig4:


ฮ่าๆๆๆๆ ขอบคุณค้าบ  :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ bliss diary

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
THE SWAN
เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ 18
Steal


ในที่สุด 2 สัปดาห์นรกแห่งการสอบกลางภาคก็ผ่านพ้นไปซะที

ถามว่าช่วงนั้นเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตผมบ้าง ก็ต้องขอตอบว่า...เกิดหายนะขึ้นอย่างใหญ่หลวงครับ

อาจจะเพราะว่าก่อนหน้านี้ ความตั้งใจเรียนของผมลดน้อยลงไปนิดหน่อย ด้วยว่ามีคุณเพชรเข้ามาเกาะแกะ ให้อินเลิฟจนเว่อ อีกทั้งยังมีพวกงานอีเว้นท์ งานสังคมต่างๆ ที่ทำให้ผมหันเหความสนใจตัวเองไปมากโข เรื่องเรียนเลยถูกลดความสำคัญลงมา

ถ้ากรรมคือผลของกระทำ ผมเลยต้องรับผลกรรมนั้นไปเต็มๆ และผมก็ค่อนข้างจะทำใจไว้แล้วว่าเทอมนี้เกรดอาจจะร่วงลงมาบ้าง ฮืออออ แต่ยังไงซะผมก็ยังมีหวังเล็กๆ ที่จะเร่งทำคะแนนในการสอบไฟนอลที่ใกล้เข้ามาเพื่อพยุงเกรดให้อยู่ในเกณฑ์ที่ยังรับได้



18:03

เย็นวันศุกร์ที่นิสิตหลายต่อหลายคนต่างพากันไปฉลองวันสอบเสร็จด้วยการไปรวมตัวกันอยู่ที่ร้านเหล้าหรือผับชื่อดังในกรุงเทพฯ หลายแห่ง

แต่คงไม่ใช่วีรินทร์กับเพชร..

เพราะหลังจากที่สอบวิชาสุดท้ายเสร็จ ผมก็ให้คุณลุงชัย คนขับรถที่บ้าน ขับรถมารับผมที่หน้าคณะบัญชี แล้วก็ตามด้วยการขับไปรับคุณเพชรที่แถวลานเกียร์คณะวิศวะ ก่อนจะตรงไปดิ่งยังคลินิกความงามแถวสยามสแควร์

ทายไม่ยากใช่มั้ยครับ เรากำลังไปทำทรีทเม้นต์หน้ากัน

ใช้ร่างกายหนักหน่วงมาสองวีคติดขนาดนี้
จะให้ผมไปดื่มแอลกอฮอล์ทำลายสุขภาพให้เสื่อมโทรมไปกันใหญ่หรอ

...ไม่มีทางอ่ะ


คนอย่างวีรินทร์ต้องมานอนบำรุงผิวอยู่ในห้องทำทรีทเม้นท์ส่วนตัว แล้วก็ผลักครีมบำรุงให้ล้ำลึก พร้อมกับตบท้ายด้วยการมาส์กสูตรพิเศษ เพิ่มความเต่งตึงให้กับผิวหน้า

ซึ่งผมถือว่าแบบนี้ก็เป็นการฉลองสอบเสร็จได้เหมือนกัน

ระหว่างที่กำลังนอนสบายตัวแล้วมาส์กหน้ากันอยู่
ผมก็ได้ยินเสียงก๊อกๆ แก๊กๆ ดังขึ้นมาจากเตียงด้านข้าง...ไม่ใช่ใครที่ไหน แฟนผมเอง

“คุณเพชรทำไร” ผมพูดถามอีกคนด้วยเสียงอู้อี้ในลำคอเพราะอ้าปากไม่ได้

“เปล่า” คนที่นอนอยู่เตียงด้านข้างพูดตอบด้วยน้ำเสียงไม่ต่างจากผม

“ห้ามแอบถ่ายเรา” ไม่รู้แหละ ระแวงไว้ก่อน

จากประสบการณ์ที่ผ่านมา เรื่องเดียวที่ผมไว้ใจเพชรไม่ได้ ก็คือเรื่องการแอบถ่ายรูป

ฉะนั้นต้องปรามเอาไว้ก่อน
ยิ่งได้ยินเสียงก๊อกๆ แก๊กๆ ดังขึ้นมาแบบนี้ละก็
ใครจะรู้ว่าคนมือไว อาจจะกำลังหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปผมตอนที่กำลังทำสวยก็เป็นได้

“คู้ณณณณณ ผมก็ถูกฉาบหน้าปิดตาไว้แบบคุณนะ จะไปแอบถ่ายคุณได้ยังไง”

“ไว้ใจไม่ได้หรอก งูเพชรก็คืองูเพชร”

“งูพิษป่ะหงส์ หึหึ ถ้างูเพชรอ่ะ อยู่ในกางเกงครับ”

“หื่นกาม” ตาบ้า โยงเข้าเรื่องแบบนั้นตลอด

“งิ”

หลังจากนั้นเราก็เงียบไป ไม่ใช่อะไรนะครับ

...หลับ

รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ถูกแกะมาส์กออกแล้วคลีนหน้าพร้อมด้วยลงครีมบำรุง เป็นอันเสร็จสิ้น



ระหว่างที่เดินออกจากคลินิกไปที่ลานจอดรถ ผมก็หยิบมืออีกข้างของเพชรมากุมเอาไว้
แล้วปล่อยให้มืออีกข้างของเขาถือกระเป๋าสัมภาระให้ผมครับ  คนจะมองก็ไม่เป็นไร แล้วไงใครสน > <

เดินไม่นานก็มาถึงรถตู้คันโตสีดำตราดาวสามแฉกที่จอดรออยู่ ลุงชัยแกรู้เวลาเลยสตาร์ทเครื่องพร้อมกับเปิดแอร์เย็นฉ่ำไว้รอเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ผมจูงมือกับเพชรขึ้นมานั่งบนรถ โดยที่เพชรเอี้ยวตัวไปวางกระเป๋าผมไว้ที่เบาะด้านหลัง แล้วก็หันกลับมากุมมือผมให้แน่นกว่าเดิม


‘กริ๊ง กริ๊ง’

เสียงโทรศัพท์ของใครสักคนดังขึ้น อ่า...ไม่ใช่เครื่องของผมเพราะมันไม่ได้สั่น
คนด้านข้างเลยปล่อยมือผมให้เป็นอิสระ แล้วล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบมือถือออกมา

“ว่าไงมึง”
“อืมมม กูขอคิดก่อนว่ะ”

คิดอะไรไม่รู้ แต่ระหว่างนั้นดวงตาคมก็เบนสายตามามองผม
หน้าผากของเขาย่นเข้าหากันเล็กน้อย แต่มุมปากก็ยังสิ่งยิ้มมาให้

“งั้นขอวันอื่นละกัน กูคงไม่ไหวอ่ะ อยากพัก”
“โอเค เที่ยวกันให้สนุกมึง ฝากเที่ยวเผื่อกูด้วย...เออสัส ฮ่าๆ”

วางสายเสร็จ ร่างสูงก็เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกง
แล้วเอื้อมมือหนามากุมมือผมพร้อมกับยกไปไว้บนตักของเขาเหมือนเดิม

“พวกไอ้ข้าวโทรมาชวนไปกินเหล้า”
เจ้าของมือหนาไม่พูดเปล่า ระหว่างนั้นทำเนียนเอาหัวมาซบแหมะลงบนไหล่ผม 

“แต่ผมไม่ไปนะครับ อยากอยู่กับคุณหงส์มากกว่า”

เอาล่ะครับ
เข้าสู่โหมด ‘ความเพชร’
ไม่ต้องอธิบายเนอะ น่าจะรู้กันอยู่แล้วว่ายังไง


แล้วคนขี้อ้อนก็ตวัดดวงตาคมขึ้นมาสบสายตากับผมพร้อมมองมาอย่างสื่อความหมาย
ผมยิ้มมุมปากก่อนจะขยับขาขึ้นมาไขว่ห้างเพื่อให้นั่งได้สบายขึ้น
ขยับตัวเล็กน้อย แล้วใช้แขนอีกข้างที่ยังว่างอยู่พาดไปโอบไหล่คุณเพชร

“ถามเรายัง ว่าเราอยากอยู่กับคุณเพชรมั้ย หื้อออ”

“อ้าว แล้วหงส์ไม่อยากอยู่กับเพชรหรอครับบบ” หน้าคมเงยหน้าขึ้นสบตากับผม

ผมจ้องตาเพชรนิ่งๆ ยกยิ้มมุมปากก่อนจะเอื้อมมือมาลูบผมเขาเล่น
ค่อยๆ เลื่อนนิ้วเรียวแทรกเข้าไปที่ไรผมของเพชรแล้วยีเบาๆ
   
“แต่คืนนี้เรามีดินเนอร์กับแม่นี่นา”
จำได้ใช่มั้ยครับ ว่าหลังจากที่สอบเสร็จผมมีนัดกับแม่เพื่อจะคุยกันเรื่องข่าวที่หลุดออกไป

“ไม่เห็นเป็นไรเลย งั้นคืนนี้ผมขอไปรอคุณที่ห้องนะ ดินเนอร์เสร็จก็เจอกัน”

“เราปฏิเสธได้เปล่าล่ะ”

“ไม่ได้อ่ะ” พูดจบเจ้าจอมเผด็จการก็หลับตาพริ้ม


เพลินใช่ป่ะ สบายมากใช่มั้ย

ได้!!


แล้วผมก็แกะมือตัวเองออกจากมือหนาที่กุมมือผมอยู่
ก่อนจะล้วงไปหยิบอะไรบางอย่างในกระเป๋ากางเกงตัวเอง

เสร็จกู : p


แชะ แชะ แชะ

เสียงชัตเตอร์ดังขึ้น พร้อมกับที่คุณเพชรสะดุ้ง ลืมตาโพล่งแล้วทำหน้าเหวอใส่กล้อง

ผมยกยิ้มมุมปากก่อนจะหัวเราะออกมาเสียงดัง ราวกับคนที่กุมชัยชนะเอาไว้ในมือ


“หงส์!!”

“ก็วันนั้นเพชรแกล้งเราก่อน”

เพชรยกหัวออกจากไหล่ผม แล้วกลับไปนั่งดีๆ ก่อนจะมองค้อนมา แล้วทำทีนิ่งใส่ผม

ไม่ต้องมามองแบบนั้น

ผมเบะปากใส่เขาไปก่อนจะเอื้อมมือไปยีหัวคุณเพชรอีกรอบ
แต่ครั้งนี้ร่างสูงปัดมือผมออก
“ไม่ต้องมาหยอกผม”   

เอาเว้ย เอาเว้ย มีงอนจ้างานนี้

“โถ นุ้งเพชรเสียรู้ซะแล้ว น่าสงสารจังเลยค้าบบบ...
…แต่ก็นั่นแหละนะ ทีใครทีมัน วันนั้นที่สระว่ายน้ำ เราก็เอาคืนแล้ววันนี้ ถือว่าหายกัน”
ผมเสียงอ่อนในช่วงแรก แล้วเปลี่ยนมาเสียงแข็งราวกับอัศวินในตอนท้าย

“ร้าย” ร่างสูงพูดว่าผมแล้วสะบัดหน้าหนีออกไปทางหน้าต่าง

แต่มือไวขอเขาก็ไม่ลืมที่จะเอื้อมมากุมมือผมไปวางไว้บนตักตัวเองเหมือนเคย
ทำราวกับว่ามันเป็นระบบอัตโนมัติอ่ะ

รอบนี้เลยเป็นผมที่เอาหัวไปซบไหล่แกร่งของเพชรคืนบ้าง
ก่อนจะหลับตาลง แล้วก็สัมผัสได้ถึงไออุ่นที่เป่ารดบริเวณปลายจมูก

เออ...จะว่าไปเราก็เล่นกันไม่เกรงใจลุงชัยขับรถเลยเนอะ
แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก ลุงเห็นผมมาตั้งแต่เด็ก คงจะชินแล้ว คิคิ



21:30

ผมนัดกับคุณแม่ที่โรงแรมโซนสาทรครับ วันนี้วีวิศไม่ได้มาด้วย รายนั้นก็ติดสอบเช่นกัน แอบคิดไว้ว่าถ้าไอ้วีวิศมาด้วยละก็ น้องต้องมาทวงรองเท้าคืน แล้วก็ต้องมาทวงสัญญาที่จะให้ผมเล่าดีเทลฉากบนเตียงของผมกับคุณเพชรคืนนั้นแน่นอน เพราะไอ้ตัวเล็ก (ไม่เห็นจะเล็ก สูงกว่าผมอีก) พูดเอาไว้ว่าถ้าเจอจะต้องเล่าให้ฟังโดยละเอียด ดีเหมือนกันที่วีวิศไม่มา

โต๊ะดินเนอร์ในวันนี้เป็นโต๊ะมุมตึกติดกระจก เห็นวิวเมืองกรุงในยามค่ำคืนได้ชัดเจน ผมกับแม่คุยกันไปเรื่อยไม่ได้จริงจังหรือมีประเด็นซีเรียสอะไรระหว่างมื้ออาหาร แต่จะหนักไปที่การเถียงกันเรื่องทริปปลายปีมากกว่าว่าอยากไปเที่ยวประเทศไหน

ผมอยากไปอเมริกา แต่แม่อยากไปยุโรป ส่วนวีวิศโทรเข้ามาบอกว่าอยากไปมัลดีฟส์
บางทีเราอาจจะต้องแยกกันไป แล้ววีดีโอคอลหากันก็เป็นได้


หลังจากทานอาหารคาวกันเรียบร้อย ก็เข้าสู่ช่วงของหวานแม่จึงเริ่มเปิดประเด็นหลัก

“จากข่าววันนั้น วีรินทร์โอเครึยัง”

ผมยิ้มให้แม่ แล้วพยักหน้ารับ “โอเคมากครับ ไม่มีผลอะไรเลย...
...แล้วแม่อ่ะ มีคนถามเข้ามาเยอะป่าว”

“เยอะมากกกกกก” แม่พูดตอบแล้วหัวเราะ หน้าตาดูผ่อนคลาย

ด้วยความที่ครอบครัวเราอยู่ในวงสังคมอยู่แล้ว การมีข่าว หรือซุบซิบนินทาออกสื่อ จึงไม่ใช่เรื่องไกลตัว แล้วนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรก เพียงแต่อาจจะเป็นเรื่องบนเตียงครั้งแรกแค่นั้นเอง

“แล้วแม่ว่าไงครับ”

“ก็บอกว่าเรื่องของเด็กเค้า ผู้ใหญ่โตแล้วอย่าไปยุ่งให้รกสมอง”

“อู๊ยยย แซ่บ” แซ่บจริงต้องยอม คำตอบเดียว จอดทุกราย

“แต่ข่าวไม่ได้มีผลกับธุรกิจเราใช่มั้ยครับ” ถามคำถามที่เป็นการเป็นงานบ้าง

“ไม่มีเลย สบายมาก...แล้วกับคนนี้ไปมายังไงล่ะลูก”

“ก็เค้ามาจีบอ่ะ”

“ชื่อเพชร” แม่พูดถาม ส่วนผมพยักหน้ารับ

“สืบประวัติมาหมดแล้วอะดิ”

ถ้าจะบอกว่าผมร้าย สืบเก่ง คนนี้เขาร้ายกว่าผมมากครับ
ผมก็แค่เชื้อไม่ทิ้งแถว


“แม่ก็รู้มาประมาณนึง...แต่ถ้าลูกแม่สแกนแล้วว่าผ่าน แม่ก็ไม่มีปัญหาอะไร”

“ขอบคุณค้าบบบ” ผมขยิบตาให้แม่

“อ้อ...หนูหงส์ เกือบลืมไปเลย พรุ่งนี้ช่วงบ่าย เพื่อนแม่มีงานเปิดตัวรีสอร์ทที่ปราณบุรี แต่แม่ติดบินไปดูที่ดินที่เชียงราย”

“คือหงส์ต้องไปใช่ป่ะ” ผมชี้มาที่ตัวเอง พร้อมกับที่ฝั่งตรงข้ามยิ้มพริ้มแล้วพยักหน้า

“ดีเทลงานเดี๋ยวเลขาแม่จะส่งให้ลูกในไลน์ ส่วนเสื้อผ้าจะไปส่งที่คอนโดหนู 10 โมงเช้าพร้อมด้วยช่างหน้าช่างผมของหงส์ ส่วนคนขับรถแม่จะให้ลุงชัยขับพาไป ...แล้วก็ค้างที่รีสอร์ทเพื่อนแม่ได้หนึ่งคืน”

ผมพยักหน้ารับแล้ว ก็นึกอะไรขึ้นมาได้
ถ้าค้างได้หนึ่งคืน แถมยังเป็นที่ปราณบุรีอีกด้วย
“แม่ครับ เดี๋ยวหงส์ขับรถไปเองดีกว่า อาจจะชวนเพชรไปด้วย”

“โอเค งั้นตกลงตามนี้ ขอบใจมากนะลูก”

“ค้าบผม พรุ่งนี้ไปเชียงรายก็เดินทางปลอดภัยนะครับ รักแม่นะ”

ผมโผเข้ากอดแม่แล้วถ่ายรูปด้วยกันส่งไปอวดเจ้าวีวิศ ก่อนจะแยกย้ายกันในเวลาต่อมา



ผมรีบกลับมาที่คอนโดเพราะรู้ว่ามีใครบางคนรออยู่...
หนำซ้ำพอกลับมา ถึงได้รู้ว่าเขารอกินข้าวเย็นกับผมอีกด้วย

เอ๊ะ! รู้สึกว่าบอกไปแล้วนะ ว่าผมจะไปดินเนอร์กับแม่

“คุณเพชร ทำไมไม่ยอมกินข้าว” ผมนั่งเท้าคางอยู่บนโต๊ะกินข้าว แล้วมองจ้องในระหว่างที่อีกคนกำลังอุ่นอาหารด้วยไมโครเวฟ

ทำทีมาเป็นพ่อครัวหัวป่าห์ ใส่ผ้ากันเปื้อน

“ก็รอกินพร้อมคุณหงส์ไงครับ” พูดจบร่างสูงก็ทะยอยหยิบอาหารมาวางไว้ตรงหน้าผม

“แต่เรากินมาแล้วอ่า”

“ก็ไม่อยากกินคนเดียวอ่า...
...ละแม่ว่าไงบ้าง”

“ก็ไม่ว่ายังไง แม่ไม่ได้ซีเรียสอยู่แล้ว”

“จริงอ่ะ”

“จริงดิ แม่โอเคกับเพชร”

“เฮ้อ ลุ้นแทบแย่” เพชรถอนหายใจออกมาเสียงดัง พร้อมกับนั่งลงข้างผม

“อย่าบอกว่าที่ไม่ยอมกินข้าว เพราะมัวแต่ลุ้นผลนะ”
ผมมองคนด้านข้าง แล้วอมยิ้มเอาไว้ที่มุมปาก

“ก็นิดนึงอ่า ใครจะรู้ถ้าแม่ไม่ปลื้ม ละบังคับให้เลิกขึ้นมา เครียดเลยนะ” พูดไปหน้ามุ่ยไป

หลังๆ มานี้ ผมว่าเพชรแสดงสีหน้าเก่งขึ้น
หรือว่าเขาติดอาการ Over Acting จากผมไปนะ : )

“แล้วถ้าแม่ให้เลิก จะเลิกป่ะ” คำถามยอกย้อนที่ผมชอบใช้ถามเพชร

“ไม่เลิกอ่ะ” เจ้าของคำตอบยักคิ้วร้ายส่งมา

ไม่ผิดจากที่ผมคิดเอาไว้ ถามไปงั้นทั้งที่รู้คำตอบอยู่แล้ว

“ดื้อด้าน”

“กินนี่เข้าไป” เพชรไม่สนใจคำที่ผมว่าเขา แต่กลับจิ้มอกไก่มายัดใส่ปากผม
ผมก็ทำไรไม่ได้นอกจากยอมเคี้ยวตุ้ยๆ ให้เขาป้อนเหมือนตุ๊กตา

ว่าแต่ ผมกินมาแล้วไม่ใช่หรอ ตอนอยู่ที่โรงแรมก็รู้สึกอิ่มแล้วนะ
แต่ทำไมกลับมาที่ห้อง ถึงมากินมื้อเย็นรอบสองได้เป็นจริงเป็นจังขนาดนี้
แล้วก็ดูเหมือนว่าผมจะกินมากกว่าคุณเพชรซะด้วยซ้ำ



กินข้าวเสร็จผมก็นั่งอืดเล่นโทรศัพท์ อัพรูปลงไอจี ปล่อยให้เพชรยืนล้างจานไป
โดยที่ผมก็ชำเลืองมองแผ่นหลังกว้างของเขาเป็นระยะ

ระหว่างนั้นไลน์ก็เด้งขึ้นมา เลขาคุณแม่ส่งรายละเอีดทั้งหมดของงานพรุ่งนี้มาให้
ผมเลยนึกได้ว่ายังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับเพชรเลย

“คุณ พรุ่งนี้ไปปราณบุรีมั้ย”

คนที่ถูกถามเหลียวกลับมามองผมพร้อมกับส่งเสียง “หื้มมม”

“เราต้องไปงานให้แม่อ่า แล้วก็คงต้องค้างที่นั่นคืนนึง” ผมอธิบายเพิ่มเติมให้เขาเข้าใจ

“ละออกจากกรุงเทพกี่โมง”

“น่าจะเที่ยง เลขาแม่ส่งมาบอกว่างานจะเริ่มบ่าย 4...
…ว่าไงอ่า ไปด้วยกันมั้ย” พอเห็นว่าเพชรเงียบไป ผมเลยถามเร่ง

เขาเงียบจนล้างจานเสร็จ แล้วเดินเข้ามาหา
“คือพรุ่งนี้ผมมีนัดทานข้าวกับที่บ้าน”

ได้ยินเพชรพูดแบบนั้นผมก็พยักหน้ารับ ก่อนจะยิ้มให้ “อ๋อ โอเคๆ ไม่เป็นไร”

“แต่ผมตามไปได้นะ ก็เดี๋ยวทานข้าวกับที่บ้านเสร็จ แล้วรีบขับรถไปหา”
เขาคงกลัวว่าผมจะงอน แต่เปล่าเลย ผมกลับรู้สึกเกรงใจด้วยซ้ำที่ต้องทำให้เพชรลำบาก

“เสร็จเย็นรึเปล่า ถ้าเย็นก็ไม่เป็นไรนะ เราไม่ค่อยอยากให้ขับรถตอนเย็น”

“ก็…ไม่เย็นมากครับ ทำไม ห่วงผมหรอออ”
แล้วคนที่ยืนอยู่ก็ก้มหน้าลงมาซุกไหล่ผม พร้อมกับพูดด้วยเสียงสอง

แต่ครั้งนี้ผมจะไม่พ่ายต่อความเพชร
เพราะฉะนั้นผมจึงตอบกลับด้วยเสียงแข็ง

“เปล่า ใครห่วง”

ได้ผลครับ คุณเพชรนิ่งไป
หน้าคมที่ซุกไหล่อยู่เงยขึ้นมาแล้วทำหน้านิ่งใส่

“ให้พูดใหม่ ห่วงไม่ห่วง”

“ไม่ห่วง” ผมยังยืนยันคำเดิม

“จะห่วงมั้ย” เพชรพูดเสียงแข็ง แต่มือไม่แข็ง
มือไวเลื้อยมาโอบตัวผมเอาไว้ พร้อมด้วยแขนแกร่งที่รัดจนแน่น
ดวงตาคมเป็นประกายส่งสัญญาณบางอย่าง

“ไม่ห่วง”

จบคำพูดของผม เพชรก็อุ้มผมขึ้นพาดบ่าทันที “ไม่ห่วง งั้นต้องจับไปลงโทษ”

“กรี้ด ห่วงก็ได้ ห่วงแล้วววว ห่วงมากกกกกก ห่วงสุดชีวิตไปเลย”

ผมดิ้นสุดพลัง แต่ก็สู้คนที่ร่างใหญ่กว่าไม่ได้
คุณเพชรตีก้นผมทีนึง ดูแล้วเขาคงจะหมั่นเขี้ยวเพราะตามมาด้วยเสียงหัวเราะหึหึ

แล้วพูดกดเสียงทุ้มต่ำ “นาทีนี้...ห่วงตัวเองดีกว่าครับหงส์”


หลังจากนั้นผมก็เหนื่อยหน่อย เพชรก็ด้วย > <



เสร็จสิ้นภารกิจก็พากันอาบน้ำแล้วก็เตรียมเข้านอน เพชรสวมแค่กางเกงขาสั้นตัวเดียว ไม่ได้ใส่เสื้อ ส่วนผมใส่ชุดนอนมิดชิดเพราะป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่จะเกิดขึ้นรอบสอบ

คนที่นอนอยู่ก่อนกางแขนออกให้ผมเอาหัวลงไปหนุน

เขายิ้มกว้างให้ผมพร้อมกับที่ผมยิ้มตอบ แล้วค่อยๆ เอนตัวลงไป


“พรุ่งนี้ไม่ขับมอเตอร์ไซค์ไปได้มั้ย”
ไม่ใช่ประโยคคำถามครับ แต่เป็นประโยคขอร้อง

พูดจบผมก็เงยหน้าขึ้นมองใบหน้าคมที่อยู่ไม่ห่าง เขาก้มลงมาสบตากับผมเช่นเดียวกัน

“ทำไมอ่า” เพชรถามเสียงเรียบ

นั่นทำให้ผมพลิกตัวเข้าหาเพชรก่อนจะยกหัวขึ้นจากแขนของเขา
เปลี่ยนมาเป็นจ้องหน้าอีกฝ่ายแทน

“เป็นห่วง” ผมตอบสั้นๆ ด้วยน้ำเสียงจริงจัง

เพชรเงียบไป แล้วทำหน้าใช้ความคิด ผมเลยต้องพูดต่อ เพื่อกดดันให้เขายอม
“เป็นห่วงจริงๆ นะ ขับรถยนต์ไปได้มั้ย ยังไงก็ปลอดภัยกว่า”

ว่าไปแล้ว ผมเคยคิดจะขอให้คุณเพชรเลิกขับบิ๊คไบค์อยู่เหมือนกัน
แต่ยังไม่มีจังหวะจะพูดซะที
งั้นลองใช้โอกาสนี้ในการลองเชิงดูก่อนละกัน


“นะเพชร พรุ่งนี้ขับรถยนต์นะ”

เพชรยิ้ม แต่ก็ไม่ได้รับปาก
“ไม่ต้องห่วงผมนะ ไม่มีอะไรน่าห่วงอยู่แล้ว

...แล้วดูทำหน้าเข้าสิ หน้าเครียดแบบนี้เดี๋ยวเป็นรอยนะรู้มั้ย
เพิ่งไปทำหน้ามาช่วงเย็น เดี๋ยวไม่สวยน้า
มาๆ เดี๋ยวผมกอดปลอบนะ หงส์จะได้ฝันดี”

พูดจบร่างสูงก็ดึงผมเข้าไปกอดไว้แน่น ผมเอาหัววางแหมะไว้บนอกซ้ายของเพชร

แล้วก็เคลิ้มหลับไป



ประมาณตีสาม ผมรู้สึกตัวตื่นขึ้นไปเข้าห้องน้ำ
ก่อนจะกลับมานอนอีกครั้งแล้วก็พบว่านอนไม่หลับ

นับแกะทั้งฟาร์มแล้ว ก็ยังคงตาสว่าง เลยเปลี่ยนจากการพยายามนอนหลับ
มาเป็นการนอนมองคนที่กำลังหลับปุ๋ยแทน

เพชรเคยพูดว่า เขาจองปาก จองตา จองจมูก จองทุกส่วนในร่างกายของผมเอาไว้
ละคิดว่าจะจองได้คนเดียวงั้นหรอ

ว่าแล้วผมก็ค่อยๆ เอานิ้วมือไล้สันจมูกคมของเพชร พลางคิดในใจว่า

จมูกโด่งๆ อันนี้ ผมจอง
แล้วปากยื่นๆ สีส้มเนี่ย ผมก็จอง
หน้าหล่อ คิ้มหนาของเขา ผมก็จอง


คนที่กำลังหลับปุ๋ยในตอนนี้อ่ะ...ของผม


แล้วภาพวันที่ไปอ่านหนังสือแล้วรู้ว่ามีคนเข้ามาขอไลน์เพชรก็เด้งกลับเข้ามาในหัว

“หึงหรอค๊าบบบ”


คำถามล้อๆ ที่ถูกเอ่ยออกมาจากผู้ชายปากแหลมคนนี้ แต่ผมกลับไม่เคยตอบคำถามเขา
ไม่เคยแม้แต่จะตอบคำถามนี้กับตัวเองด้วยซ้ำ


แต่พอได้มานอนคิด นอนมองเพชร แล้วดูหน้าเขาชัดๆ ช้าๆ อย่างในตอนนี้
มันกลับทำให้ผมได้คำตอบที่ชัดเจน จนดังก้องอยู่ในหัวใจตัวเอง


ผมหึง

ผมหวง

แล้วผมก็ห่วงมากด้วย




คิดได้แบบนั้นก็เลย ‘ขโมยจุ๊บ’ เขาไปทีนึง

ด้วยการเอาปากบางของตัวเองไปแตะกับปากแหลมของคุณเพชร แล้วก็รีบเอาออกมา
แปปเดียวเอง ฉกฉวย
แต่ทำไมมันถึงได้เขินเป็นบ้าเป็นหลังได้ขนาดนี้ก็ไม่รู้

ทั้งที่คุณเพชรก็ไม่ได้รู้ด้วยซ้ำ ว่ากำลังถูกผม ‘ลักหลับ’
อ๊ะ > < คำนี้รุนแรงไปเปล่า ใช้คำว่า ‘ลักจูบ’ ดีมั้ย

ก็ยังไม่ดี

งั้นขอเป็น ‘ขโมยจุ๊บ’ แหละ ดีแล้ว

ผมยิ้มกับตัวเอง แล้วก็เริ่มร้อนวูบวาบที่ใบหน้า
เพราะรู้ว่าตัวเองกำลัง ขโมยจุ๊บ แฟนตัวเอง

แต่...ไหนๆ ก็ทำไปแล้ว

ขออีกทีละกัน
ว่าแล้วก็ก้มลงไป จุ๊บ ริมฝีปากคุณเพชรอีกรอบ

จุ๊บเสร็จ ก็มานอนยิ้มเขินอยู่คนเดียว
 

บ้าไปแล้วหงส์ ทำไมถึงเป็นได้ขนาดนี้
อย่าให้ใครมาเห็นเข้าเชียวนะ ยิ่งไอ้มิวนี่ ยิ่งรู้ไม่ได้ใหญ่เลย
ขืนมันรู้เข้า มีหวังได้ล้อว่าผมหลงคุณเพชรหัวปักหัวปำ

อ้าว! แล้วนั่นคิดอะไรออกมา ทำไมกล้าใช้คำว่า ‘หลง’ ได้เต็มปากเต็มคำ

เฮ้อ เขินวุ้ย ความคิดชักจะไปกันใหญ่


งั้นขอ ‘ขโมยจุ๊บ’ รอบที่ 3 ละกัน

เอาเป็นว่า 3 ครั้งกำลังดี ครั้งสุดท้ายแล้วขอนานหน่อยนะครับ

ผมเอนตัวลงไปนอนทับร่างสูงเอาไว้ รอบนี้ผมเอาปากแตะไว้นานแบบที่บอก
แล้วมันก็นานพอที่จะทำให้ผมได้รับรู้ได้ถึงเสียงหัวใจของเพชรที่เต้นเป็นจังหวะเดียวกับเสียงหัวใจของผม


ขโมยจุ๊บจนหนำใจ ก็ยกหน้าออกมา
แล้วจ้องมองเจ้าคนหล่อที่กำลังหลับปุ๋ยอีกรอบ

ยิ้มบางๆ จนกลายเป็นยิ้มปากฉีก นี่มันคุมตัวเองไม่ได้แล้วจริงๆ แล้วในตอนนี้

โอเคครับ
ผมคงต้องยอมรับกับตัวเองแล้ว ว่าผมแพ้พ่ายให้ ‘ความเพชร’ แล้วทุกทาง

ต่อให้จะโดนไอ้มิวล้อ หรือจะโดนคุณเพชรจะยิ้มมุมปากใส่ ผมก็คงต้องยอม


ความคิดในหัวผมเริ่มไปไกลอีกรอบ
เมื่อรู้สึกว่า ตั้งแต่คบกันมา ผมยังไม่เคย ‘บอกรัก’ คุณเพชรเลยสักครั้งเดียว

งั้น...ที่ปราณบุรีในวันพรุ่งนี้ ผมคงต้องทำอะไรให้เขาบ้างแล้วล่ะ

แต่ตอนนี้ผมต้องหยุดยิ้มแก้มแตกคนเดียวให้ได้ซะก่อน
นอนได้แล้วหงส์ เดี๋ยวพรุ่งนี้โทรมแล้วเขาไม่รักนะ...

ก่อนนอนขอโกงอีกนิดได้มั้ยยยยย

ขโมยจุ๊บ อีกสักรอบ
เป็นรอบที่ 4 ละกันเน้อ



12:14

ช่วงเที่ยงหลังจากที่ผมแต่งตัวเรียบร้อย ก็ได้เวลาออกจากกรุงเทพ
สุดท้ายผมไม่ได้ขับรถไปเองแบบที่บอกคุณแม่ไว้เมื่อวานนะครับ
เพราะว่าคุณเพชรจะตามไปตอนหลัง ถ้าผมขับรถไปเองขากลับก็ต้องแยกกันกลับอะดิ
ผมเลยให้คนขับรถที่บ้านขับให้ ก็ดีเหมือนกันจะได้นอนหลับสบาย ไม่ต้องถ่างตาขับเอง

ห่วงก็แต่ไอ้หนุ่มนักซิ่ง ที่ไม่รู้เขาจะยอมขับรถยนต์ไปตามที่ผมร้องขอรึเปล่า



14:49

มาถึงปราณบุรีประมาณเกือบบ่าย 3
ผมก็มาลงทะเบียนแล้วก็รับกุญแจห้องพัก
ถือเป็นการแกรนด์โอเพนนิ่งที่ให้แขกในงานได้ทดลองพักฟรีหนึ่งคืน
ดีครับ แฮปปี้ทุกฝ่าย


ห้องที่ผมได้พักอยู่ติดทะเลเลย แถมยังมีสระว่ายน้ำในตัวด้วย อารมณ์แบบพูลวิลล่า
ก็อย่างว่า รีสอร์ทหรูระดับนี้ คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

ผมวางสัมภาระเข้าที่ให้เรียบร้อย ก็หยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปห้องพักแล้วส่งให้คุณเพชร
แอบคิดว่าถ้าเขามาถึง จะให้เป็นตากล้องให้ผมด้วย
คนมีฝีมืออย่างคุณเพชรคงจะได้ภาพสวยๆ ทั้งภาพวิว แล้วก็ภาพของผมแน่นอน


*Veerin : ห้องพักสวยมากเลยคุณ รีบมาน้าาา

เพชรกดอ่าน ก่อนที่เขาจะโทรเข้ามา


“ฮัลโหลเพชร” ผมพูดรับสายเสียงใส

“ห้องสวยมากเลยคุณ”

“ช่าย เรากะว่าเพชรมาถึงแล้วจะให้ถ่ายรูปให้เราด้วย”

“ได้ครับผม เดี๋ยวผมรีบไปหานะครับ”

“โอเคเลย นี่จะออกมายังอ่า”

“กำลังจะออกแล้ว โทรมาขอกำลังใจจากแฟนก่อน”

“อะเค๊ ขับรถดีๆ น้า”

“ชื่นใจที่สุดเลย”


“เพชร...”

“ว่าไงครับ”

“อ๋อ เปล่าๆ ไว้เจอกันเดี๋ยวค่อยคุยกันก็ได้”

“จ้า เพชรรักหงส์น้า”

“ปากหวาน ไว้เดี๋ยวคุยกัน เราเข้างานก่อนนะ”

“ครับผม”

วางสายจากเพชร ผมก็เช็คลุคตัวเองในกระจกอีกครั้งก่อนจะเข้าไปในงาน



ก็อย่างที่บอกครับ งานแบบนี้คือการพบปะเพื่อสร้างคอนเนคชั่น สร้างความสัมพันธ์เชิงธุรกิจ ผมมาในนามตัวแทนคุณแม่ แล้วก็ในนามทายาทของบริษัทด้วย ฉะนั้นก็จะค่อนข้างยุ่งมาก แล้วผมก็ไม่ได้หยิบโทรศัพท์มาดูเลย

รู้ตัวอีกทีก็เกือบหนึ่งทุ่ม พอหยิบมือถือขึ้นมาดู ก็เห็นว่าเพชรก็ยังคงเงียบอยู่

ไม่มีไลน์ ไม่มีมิสคอลเลย
 

พอคำนวณเวลาเล่นๆ ในใจ ก็คิดว่าเขาน่าจะมาถึงได้แล้วนะ
ว่าแล้วก็เลยเดินออกมาด้านนอกงาน แล้วกดโทรหา



...แต่เพชรก็ไม่รับสาย



ผมลองโทรซ้ำอีกสองสามรอบ แต่ก็ยังเงียบ
ก็เลยเอาโทรศัพท์มาถือไว้ในมือ แล้วก็เดินกลับเข้าไปในงาน


ผมคิดว่า...เพชรคงใกล้จะถึงแล้ว และพอเขามาถึงก็คงจะโทรมาหาผมแน่นอน




*To Be Continued**

คนอะไร ขโมยจุ๊บ แฟนตัวเอง แล้วก็เขินเอง
งู้ยยยยยย คุณหงส์จะบอกรักนุ้งเพชรแล้ววว แอร้ยยย เขินตัวแตก เพชรต้องดีใจมากแน่ๆ

ตอนนี้มาอัพเร็ว ไถ่โทษที่หายไปช่วงสอบวีคก่อนครับ อิอิ
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะครับ เข้าสู่ช่วงท้ายเรื่องแล้ว แต่ยังไม่ท้ายซะทีเดียว ฝากติดตามต่อจนจบด้วยนะค้าบบ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-12-2017 10:56:35 โดย bliss diary »

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
อย่าบอกว่าขับมอไซต์มา

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ ChabaSri

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
อ๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาเป็นห่วงคุณเพชรอ่ะ ยังไม่ได้ฟังคำบอกรักเลยเด้อ

เรารู้หรอกว่าคนเขียนไม่ใจร้าย อย่าใจร้ายเลยนะช่วนี้มีแต่นิยายดราม่า ขอหวานๆแบบนี้ไว้สักเรื่องเถอะนะ :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
กลิ่นความดราม่าลอยมาอ่ะ เอาใจช่วยทั้งสองนะจ๊ะ

ออฟไลน์ bliss diary

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ mooping-7

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-5
รอลุ้นว่าเพชรจะทำให้หงส์โกรธไหม555. อย่าแว้นมานะ

ออฟไลน์ Quatree

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 279
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
อยากอ่านต่อเเล้วรอลุ้น :katai1: ขอให้คุณเพชรปลอดภัยนะ :call:

คุณหงส์น่ารักมาก :-[ คุณนักเขียนเเต่งสนุกมาก :pig4:

ออฟไลน์ bliss diary

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
THE SWAN
เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ 19
Accident



19:50

ผมพาตัวเองกลับเข้ามาในงานพร้อมกำโทรศัพท์ไว้ในมือแน่นแล้วก็ชำเลืองมองหน้าจอเป็นระยะ ยังแอบหวังว่าเพชรน่าจะโทรเข้ามาก่อนที่งานจะเลิก แต่ผมก็คิดผิดเพราะเกือบชั่วโมงที่รอคอยก็ไร้วี่แววการติดต่อเข้ามาจากเขา วูบหนึ่งที่รู้สึกว่าตัวเองกำลังจะสติหลุด ผมเลยตัดสินใจโทรหาไอ้มิวแล้วให้มันช่วยดึงสติพร้อมกับคิดหาหนทางว่าควรทำยังไงต่อไป ซึ่งก็ได้แนะนำว่าให้ผมโทรเช็คกับทางครอบครัวของคุณเพชรว่าเขาออกมาจากกรุงเทพตอนกี่โมง แถมไอ้มิวยังอาสาเป็นคนโทรขอเบอร์ที่บ้านของเพชรจากไอ้ข้าวให้ผมอีกด้วย

พอได้เบอร์คุณแม่ของเพชรมาก็รีบกดโทรออกทันที รอสายไม่นานปลายสายก็รับด้วยน้ำเสียงรื่นหู

“ฮัลโหลค่ะ”

“สวัสดีครับคุณแม่ของเพชรใช่มั้ยครับ ผม วีรินทร์ เพื่อนเพชรนะครับ” 

“วีรินทร์...อ๋อ น้องหงส์ แฟนน้องเพชรใช่มั้ยคะ”
ผมแปลกใจนิดหน่อย ที่คุณแม่ทักผมด้วยคำว่า ‘แฟน’
แสดงว่าท่านต้องรู้จักผมมากกว่าที่ผมคิดเอาไว้ แต่นั่นยังไม่ใช่ประเด็นที่ผมต้องโฟกัสในตอนนี้

ว่าแล้วผมเลยเข้าเรื่อง
“ใช่ครับคุณแม่ คือหงส์จะรบกวนถามคุณแม่อะครับ ว่าเพชรออกมาจากกรุงเทพแล้วใช่มั้ยครับ”

“ใช่ค่ะ น้องเพชรออกจากกรุงเทพตั้งแต่บ่ายสามแล้วนะ นี่เค้ายังไม่ถึงปราณบุรีหรอลูก” พอได้ยินคำถามผม น้ำเสียงของคุณแม่ก็เปลี่ยนไป ท่านดูตกใจไม่น้อย

“ยังไม่ถึงครับ โทรไปก็ไม่รับสาย หงส์เป็นห่วงเพชรเลยโทรเช็คกับทางคุณแม่ดูก่อนครับ”

“อืม...น้องเพชรไม่น่าจะใช้เวลาขับรถนานขนาดนี้ เดี๋ยวยังไงแม่ลองติดต่อเค้าดูอีกทางนะลูก”

“ขอบคุณครับคุณแม่...ว่าแต่เพชรขับรถอะไรมาหรอครับ”
“ก็บิ๊คไบค์ของเค้าอะแหละ”

คิดไว้แล้วไม่มีผิด ถึงแม้จะอยากโมโหแค่ไหน แต่ก็ต้องระงับอารมณ์เอาไว้ก่อน
“ครับ…ถ้าคุณแม่ติดต่อเพชรได้ยังไง รบกวนให้เค้าโทรหาหงส์หน่อยนะครับ”

“ได้เลยลูก”

“ขอบคุณครับคุณแม่”

หลังจากที่วางสาย ผมก็ถอนหายใจออกมาเสียงดังก่อนจะกดโทรออกหาแม่ตัวเอง
“ว่าไงหนูหงส์”

“แม่ครับ พอดีมีเรื่องจะรบกวน คือตอนนี้คุณเพชรยังไม่ถึงปราณบุรีเลย หงส์ติดต่อเค้าก็ไม่ได้ด้วย
หงส์อยากให้แม่ช่วยเช็คโรงพยาบาล สถานีตำรวจ แล้วก็กู้ภัย ว่ามีข้อมูลอุบัติเหตุมั้ย” ผมพูดรัว

“โอเค เดี๋ยวแม่จัดการให้
…หงส์ใจเย็นนะลูก ตั้งสตินะ มันต้องไม่มีอะไร”

ตั้งสตินะ
พออได้ยินคำนี้ผมก็พยักหน้ารับผ่านโทรศัพท์ ก่อนจะหลับตาลงแล้วทำใจให้สบาย 

“ครับ ขอบคุณครับแม่”



หลังจากนั้นผมก็เดินตรงมายังล็อบบี้ด้านหน้ารีสอร์ท แล้วพยายามชะเง้อมองหาคุณเพชรเผื่อเขาจะมาถึงแล้วยืนรออยู่แถวนี้
ถึงแม้มันจะดูเป็นความหวังลมๆ แล้งๆ ก็ตามเถอะ

ว่าแล้วก็ลองกดโทรออกหาเขาอีกรอบ แต่รอบนี้โทรไม่ติด นั่นยิ่งทำให้ผมใจเสียหนักเข้าไปใหญ่
ผมเริ่มฟุ้งซ่านคิดไปไหนต่อไหน ไม่ชอบให้ใครหายไปแบบนี้เลยว่ะ : (

คิดแล้วน้ำตามันก็ปริ่มๆ อย่างบอกไม่ถูก
ว่าแล้วก็สูดหายใจเรียกพลัง แล้วตั้งสติตามคำแม่บอก

ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมากดโทรออกอีกครั้ง
“ลุงชัยครับ รบกวนเตรียมรถมาที่ล็อบบี้ด้วยครับ หงส์จะออกไปตามหาคุณเพชร”

ถามว่าตอนนี้ผมจะไปตามหาเพชรที่ไหน ผมก็ยังไม่รู้ แต่มันก็น่าจะดีกว่าการรอคอยเปล่าแบบไม่รู้จุดหมายในตอนนี้ ระหว่างที่รอรถมารับผมก็ทำได้แค่เดินวนอยู่หน้าล็อบบี้เป็นหนูติดจั่นเพื่อระบายความเครียด


แล้วโทรศัพท์ในมือก็สั่นครืดๆ ผมรีบยกขึ้นมาดูบนหน้าจอที่โชว์หมายเลขโทรเข้า

032 xxx xxx

เบอร์โทรขึ้นต้นด้วยรหัสพื้นที่และที่สำคัญแอพ Whoscall ก็บอกว่าเป็นเบอร์ของโรงพยาบาลในหัวหิน
นั่นยิ่งทำให้ใจผมสั่นมากขึ้นไปอีก มือเรียวสไลด์เพื่อรับสายด้วยความหวาดหวั่น

“สวัสดีครับ”

“คุณหงส์” เสียงทุ้มที่ผมคุ้นเคยเรียกชื่อผม

ไม่รู้เหมือนกันว่าความรู้สึกตอนนี้เป็นยังไง
ผมโกรธ ผมโมโห จนเผลอกำกำปั้นแน่น ผมอยากจะด่าเขาที่หายไปแล้วปล่อยให้ผมเป็นห่วง
แต่ในขณะเดียวกันผมก็ดีใจจนน้ำตามันไหลออกมา

“คุณเพชร หายไปไหนมา รู้มั้ยว่าเราจะบ้าแล้ว”

“คุณหงส์ ผมขอโทษ ผมขอโทษ…ตอนนี้ผมอยู่โรงพยาบาล แต่คุณไม่ต้องตกใจนะ
ผมไม่ได้เป็นอะไรมาก ผมแค่ถลอกนิดหน่อยครับ”

ยิ่งฟัง น้ำตามันก็ยิ่งไหล
ผมเอามือมาปาดน้ำตาลวกๆ ในจังหวะเดียวกับที่ลุงชัยขับรถมาจอดด้านหน้าพอดี

พอรถจอดสนิทผมจึงรีบสาวเท้าเดินขึ้นรถ แล้วพูดถามคนในสายออกไปด้วยเสียงเรียบนิ่ง “เกิดไรขึ้น”
จากนั้นก็หันมาพูดบอกลุงชัยคนขับรถ “ลุงครับ ไปโรงพยาบาลที่หัวหิน”

ก่อนจะกลับมารอฟังคำตอบจากคนในสาย “รถเสียหลักตรงทางโค้ง เลยล้มแล้วไถล”

“แล้ว…” ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร เลยถามสั้นๆ พร้อมกับเว้นจังหวะให้เพชรได้พูด

“แต่โชคดีที่ผมขับไม่เร็ว เลยไม่เป็นอะไรมาก”

“โอเคใช่เปล่า”

“โอเคครับ คุณหงส์ล่ะ โอเคมั้ย”

“ไม่อ่ะ”

หลังจากนั้นผมกับเพชรก็เงียบกันไปครู่หนึ่ง แล้วผมก็เป็นคนพูดตัดบทขึ้นมาก่อน
“รออยู่ที่โรงพยาบาล เดี๋ยวเราไปหา”



ผมกดวางสายจากเพชรแล้วนั่งหลับตานิ่งปล่อยให้ความคิดเตลิดเปิดเปิงไปตามความเร็วของรถที่ก็พอจะรู้ได้ว่าลุงชัยขับรถเร็วมาก
แกคงรู้ว่าผมร้อนใจ

ระหว่างนั้นมือถือผมก็ดังขึ้นมาอีกรอบ…เพิ่งรู้สึกว่าซื้อไอโฟนมาแล้วใช้คุ้มค่าก็วันนี้

“สวัสดีครับ” ผมพูดรับสายจากเบอร์ที่ไม่คุ้นด้วยน้ำเสียงเรียบ พร้อมหยิบทิชชู่จากกล่องที่วางอยู่มาซับคราบน้ำตาให้แห้ง

“สวัสดีครับคุณวีรินทร์ ผมนายแพทย์สุรชัย จากโรงพยาบาล x หัวหิน นะครับ
ผมเป็นแพทย์เจ้าของไข้ของคุณเพชรครับ”

“สวัสดีครับคุณหมอ เพชรอาการหนักหรอครับ ทำไมคุณหมอถึงได้โทรมาเอง แต่เมื่อกี้ผมเพิ่งคุยกับเพชรไป เค้าบอกว่าไม่ต้องห่วงนะครับ” ผมใจหล่นวูบไปอยู่ที่พื้น

“คุณเพชรไม่มีอาการอะไรน่าเป็นห่วงครับ มีแผลถลอกตามร่างกายนิดหน่อย ผมเอ็กซเรย์อวัยวะภายในเรียบร้อยไม่ได้รับความเสียหายครับ
…พอดีทางคุณโสมรัศมีได้ติดต่อมาที่ทางโรงพยาบาล ผมเลยโทรแจ้งคุณวีรินทร์ให้ทราบอาการครับ”

ค่อยยังชั่ว

ผมถอนหายใจแล้วเอนตัวพิงเบาะด้วยความรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอกไปครึ่งลูกหลังจากที่ได้ยินจากปากคุณหมอว่าเพชรไม่ได้เป็นอะไรมาก ส่วนคุณโฉมรัศมี แม่ของผมเองครับ

“ขอบคุณมากนะครับคุณหมอ อีกประมาณครึ่งชั่วโมงผมน่าจะถึงโรงพยาบาลครับ” ส่วนภูเขาที่ยังคงทับอยู่บนอกอีกครึ่งลูก…ขอเห็นกับตาตัวเองก่อนว่าเพชรไม่เป็นอะไรจริงๆ ถึงจะหายใจได้เต็มปอด

“ยินดีครับคุณวีรินทร์”

“สวัสดีครับ”

คุยกับคุณหมอเรียบร้อย ผมก็โทรหาคุณแม่ของเพชรคุยกับท่านอีกหนึ่งรอบ ก่อนจะโทรหาแม่ตัวเอง แล้วก็รับสายซ้อนจากไอ้มิวและไอ้ข้าวที่โทรเข้ามา วางสายปุ๊ปลุงชัยก็พาผมมาถึงโรงพยาบาลพอดี



ผมรีบลงจากรถแล้วตรงไปยังห้องฉุกเฉินที่อยู่สุดทางเดิน ก่อนภูเขาอีกครึ่งลูกที่ทับอยู่บนอกจะถูกยกออกด้วยภาพตรงหน้า…
เพชรสวมเสื้อยืดสีขาว กางเกงยีนส์ขายาวสีดำ ด้านข้างมีแจ๊คเก็ตสีดำวางอยู่ ในมือของเขาถือโทรศัพท์เอาไว้ พอเดินเข้ามาใกล้ๆ ถึงได้เห็นว่าหน้าจอโทรศัพท์ของเขาแตกละเอียด

ผมหยุดยืนตรงหน้าเขาในจังหวะทีที่ร่างสูงเงยหน้าขึ้นมามองผมพอดี
เราสบตากันแค่เสี้ยววินาที แล้วผมก็เลือกที่จะหลบตาเพชรก่อนจะมองไปตามร่างกายของเขาอย่างสำรวจ

“เป็นไงบ้าง” คงไม่ต้องถามว่าเสียงผมสั่นแค่ไหน
รอยแผลเป็นทางยาวบริเวณแขนขวาถูกปิดด้วยวัสดุปิดแผล แล้วก็บริเวณขาขวาที่มีรอยกางเกงขาด

“ไม่เป็นอะไรมาก” คนถูกถามพูดตอบพร้อมกับลุกขึ้นยืนแล้วยกแขนขึ้นมาโชว์

“มีแผลถลอกนิดหน่อย ทำแผลเรียบร้อยครับ”

ผมพยักหน้ารับ “ต้องนอนโรงพยาบาลมั้ย”

“ไม่ต้องนอนครับ คุณหมอเช็คดูแล้ว ผมไม่ได้เป็นอะไรมาก” เพชรตอบเสียงเรียบ

ผมก้มหน้านิ่งไม่ได้พูดอะไรตอบกลับไป เพียงแต่เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ในมือเพชรมาถือเอาไว้ ก่อนจะใช้มืออีกข้างของตัวเองกุมมือซ้ายเขาอย่างหลวมๆ แล้วใช้นิ้วหัวแม่มือถูไปมาบนหลังมือ



หลังจากนั้นคุณหมอก็ออกมาพูดคุยกับผมโดยใช้เวลาไม่นาน พร้อมกับบอกว่าสามารถรับยาแล้วกลับบ้านได้เลย ผมหยิบแจ็คเก็ตหนังที่วางอยู่ขึ้นมาถือ แล้วเปลี่ยนมือที่กุมมือเพชรมาเป็นประคองแขนของเขาแทน

ระหว่างนั้นลุงชัยคนขับรถก็เดินมาถึงหน้าห้องฉุกเฉินพอดี ลุงจะช่วยผมถือของแต่ผมส่ายหน้าตอบ
“ไม่เป็นไรครับลุง เดี๋ยวลุงไปเอาเสื้อผ้าของเพชรที่มอ’ไซค์เค้า แล้วก็เตรียมรถมารอกลับโรงแรมได้เลยครับ”

รับยาพร้อมกับจ่ายเงินเสร็จเรียบร้อย ผมก็ประคองเพชรมาขึ้นรถที่จอดรออยู่แล้ว ระหว่างทางผมนั่งเหม่อมองแสงไฟด้านนอกรถตลอดเวลา จนแทบไม่ได้คุยอะไรกับเพชรเลยมีเพียงแค่จับมือเขาไว้นิ่งๆ ก็เท่านั้น

ตอนแรกที่คิดเอาไว้ว่าถ้าเพชรมาถึงรีสอร์ทจะให้เขาถ่ายรูปสวยๆ ให้ แต่กลายเป็นว่า…
จากจะมาพักตากอากาศ กลายเป็นต้องมาพักฟื้นแทน

อืม ก็ดี!



พอเราเข้ามาในห้องบรรยากาศก็ถูกปลกคลุมไปด้วยความเงียบ ผมไปนั่งอยู่โซฟาตัวใหญ่ที่มุมห้อง ปล่อยให้อีกคนได้จัดการตัวเองตามลำพัง เขาถอดเสื้อออกอย่างไม่ยากนัก ก่อนที่เขาจะถอดกางเกงยีนส์ด้วยความทุลักทุเล พอผมกำลังจะลุกไปช่วยเพชรก็จัดการเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว

ตอนนี้เพชรสวมแค่บ็อกเซอร์ตัวเดียวมันจึงทำให้ผมได้เห็นแผลของเขาชัดขึ้น ร่างสูงหันมามองหน้าผมก่อนจะเดินเลยออกไปยืนที่ริมระเบียง



ต่างคนต่างเงียบอยู่ครู่ใหญ่ 

ก่อนที่ผมจะบอกตัวเองในใจว่าอุบัติเหตุมันเป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิด
แต่มันจะดีกว่านี้ไม่ใช่หรอถ้าเพชรเลือกที่ขับรถยนต์ ไม่ใช่เอาหนังไปหุ้มเหล็ก

ไม่มีประโยชน์ที่จะมานั่งนอยด์ ในเมื่อทุกอย่างมันเกิดขึ้นแล้ว ผมสะบัดหัวไล่ความคิดบ้าๆ นี่ออกไปแล้วเดินออกไปหาร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างนอก

ผมยืนข้างเพชรพร้อมกับเหลือบมองเสี้ยวหน้าคมที่ฉายแววเศร้า คนด้านข้างหันมองผมตอบแต่ยังไม่ได้พูดอะไร ผมจึงเป็นฝ่ายพูดออกไปก่อน

“ไม่เป็นไรแล้วนะ” มือบางเอื้อมไปลูบแผ่นหลังกว้างแล้วขยับตัวให้ชิดร่างสูงมากยิ่งขึ้น

“ผมแค่อยากให้คุณเห็นว่าขับบิ๊คไบค์ก็พาผมมาหาคุณได้ แต่ใครจะไปคิดว่ามันจะเป็นแบบนี้” เพชรส่ายหัวเบาๆ ก่อนจะปล่อยให้ความเงียบกลับเข้ามาแทนที่อีกครั้ง

.
.
.
“คุณเพชรจะเลิกขับมอเตอร์ไซค์...หรือคุณเพชรจะเลิกกับเรา”

ทันทีที่ผมพูดจบ ร่างสูงตวัดสายตามาจ้องหน้าผมเอาไว้ พร้อมกับมือหนาเอื้อมมาจับแขนผมแน่น
 
“ไม่เลิกกับคุณ”

“ค่อยๆ คิด” ผมพูดเสียงเรียบพร้อมแกะมือเขาออก

แล้วเดินกลับเข้ามาในห้อง ก่อนจะเข้าไปขังตัวเองในห้องน้ำที่ผนังเป็นกระจกใส มองออกมาก็เห็นคนข้างนอกอยู่ดี เลยรูดม่านปิดไปซะเลย



ถึงผมจะรู้สึกว่ามีสติแล้วแต่ผมก็ยังหัวร้อนอยู่ เลยต้องมานอนแช่น้ำในอ่างให้หัวโล่ง ก่อนจะกลับออกมาอีกครั้งในสภาพพร้อมนอน

รอบนี้น่าจะหัวเย็นจริงแล้วล่ะครับ

พอมองออกไปนอกระเบียงถึงได้เห็นว่าเพชรยังคงยืนอยู่ที่เดิม
นี่คุณเขาเพิ่งรถล้มมานะ ทำไมถึงได้ไปยืนเล่นเอ็มวีอะไรอยู่ตรงนั้นนานเป็นชั่วโมง
แถมยังไม่ใส่เสื้อผ้าด้วย เดี๋ยวก็ได้เป็นไข้กันไปเพิ่มอีกพอดี



ว่าแล้วผมก็เดินไปดึงแขนคนตัวสูงให้เข้ามาด้านใน

“มาเช็ดตัว” ผมพูดเสียงแข็งแล้วจับเพชรให้นอนลงบนเตียง โชคดีที่เขาไม่มีแผลที่หลัง

ก่อนจะไปเอาน้ำอุ่นกับผ้าขนหนูมาบิดหมาดๆ แล้วก็เริ่มเช็ดลงไปบนใบหน้าของเขา โดยที่วางผ้าขนหนูลงบนหน้าผากเป็นที่แรก ก่อนจะไล่ลงมาตามสันจมูก เช็ดบริเวณสองข้างแก้ม แล้วก็แปะมันไว้อย่างนั้นครู่หนึ่ง

ผมรู้สึกได้ว่าดวงตาคมจ้องมาที่ผมอย่างไม่วางตา ผมเลยจ้องเขาตอบพร้อมกับหยิบผ้าขนหนูออก แล้วหันกลับมาซับน้ำใหม่อีกรอบ รอบนี้เอากลับไปเช็ดบริเวณลำคอ ไล่ลงมาที่ลาดไหล่ทั้งสองข้างก่อนจะเลื่อนลงมาที่แผงอก เริ่มจากอกด้านขวา แล้วไล่มาที่อกซ้าย ระหว่างนั้นเพชรก็เอื้อมมือมากุมมือผมแน่นแล้วล็อคไว้ที่บริเวณอกด้านซ้ายของเขา

เป็นการเช็ดตัวที่รู้สึกหน่วงๆ ยังไงไม่รู้

ผมละสายตาจากแผงอกแกร่งแล้วเงยหน้าขึ้นมองเพชรถึงได้รู้ว่าดวงตาคมยังคงมองผมอยู่ตลอด

ถ้านี่เป็นเกมส์จ้องตา กติกาในเกมส์นี้คงไม่ใช่ใครที่กระพริบตาก่อนแพ้
แต่คงจะเป็น…ใครที่น้ำตาไหลก่อน คนนั้นแพ้

เพราะดวงตาคมของคนตรงหน้ามีน้ำใสรื้นอยู่ที่ขอบตา ซึ่งผมก็ไม่ต่าง

เห็นแบบนั้นก็เลยทำท่าจะดึงมือออกมาจากมือหนาที่กุมอยู่ แต่เขากลับยิ่งกำเอาไว้แน่นเข้าไปอีก

“ขอโทษ” เสียงแห้งพูดออกมา

“ขอโทษนะ ขอโทษจริงๆ”


แค่คำพูดสั้นๆ มันก็ทำให้สิ่งที่ผมกลั้นเอาไว้ในใจถูกปล่อยออกมาจนหมด
น้ำตาที่คลออยู่ ไหลออกมาอาบหน้าอย่างที่ผมไม่คาดคิด เช่นเดียวกับคุณเพชรที่เขาก็ปล่อยความรู้สึกทั้งหมดออกมาในตอนนี้

ผมพยักหน้ารับแล้วก้มลงซบอกแกร่ง พร้อมกับเอามืออีกข้างที่ยังเป็นอิสระโอบกอดตัวเพชรไว้แน่น

มือหนาเอื้อมมาลูบหลังผมเบาๆ


“ไม่เอาแบบนี้อีกแล้วนะ ไม่เอาแบบนี้แล้ว” เสียงอู้อี้ที่หวังว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจ



ผ่านไปครู่ใหญ่เพชรประคองตัวผมให้เงยหน้าขึ้น ก่อนที่นิ้วมือหนาจะปาดลงบนใบหน้าของผม แล้วเช็ดคราบน้ำตาออกไปให้หมด

“ผมขอโทษนะ” เขาลูบหัวผมอย่างแผ่วเบาและยังคงพูดคำเดิม

จนทำให้ผมต้องตอบรับออกมาด้วยคำพูด “อื้ม ไม่เป็นไรนะ”

“เรา จะไม่เลิกกันใช่มั้ย” สีหน้าที่เป็นกังวลถูกส่งมาพร้อมกับน้ำเสียงที่ดูไม่ค่อยหนักแน่น

คำถามนี้ผมคงตอบไม่ได้เพราะทุกอย่างมันอยู่ที่เพชรตัดสินใจ

“ขึ้นอยู่กับตัวคุณเพชรอ่ะ...


…เรารักคุณเพชรนะ


แต่เราก็รักตัวเองเหมือนกัน
ถ้าเราต้องมานั่งเสียใจกับเรื่องแบบนี้อีก เราก็คงไม่ไหว
ขับมอเตอร์ไซค์ยังไงมันก็อันตรายกว่าขับรถยนต์” ผมพูดบอกเพชร ช้าๆ ชัดๆ น้ำเสียงนิ่งและหนักแน่น

ทันทีที่พูดจบร่างสูงก็กลับส่งยิ้มออกมาหน้าตาเฉย “ผมไม่ได้หูฝาดไปใช่มั้ย”

“ฮะ” ผมเลิกคิ้วขึ้นอย่างคนไม่เข้าใจ

ใช่ เพชรไม่ได้หูฝาดไป
แต่ทำไมจะถูกบอกเลิก แต่เพชรถึงได้ยิ้มออกมากว้างขนาดนี้หรือผมพูดอะไรผิดไป

เพชรส่งยิ้มให้ผมอีกครั้ง ก่อนจะพูดขึ้น “คุณพูดว่า คุณรักผม”

“หื้มม” แล้วผมก็ค่อย   ๆ ทวนถึงสิ่งที่ตัวเองพูดออกไป

“คุณบอกรักผมใช่มั้ยคุณหงส์” น้ำเสียงเศร้าเมื่อก่อนหน้าถูกแทนด้วยเสียงดีใจ

พอผมคิดได้ ผมก็รีบส่ายหัวทันที “ไม่ ไม่ได้บอก” ผมปฏิเสธเสียงแข็ง แต่คนตรงหน้ากลับยิ้มร้าย

“ไม่คิดเลยนะเนี่ย ว่าจะได้ยินคำนี้...ถ้ารู้ว่ารถล้มแล้วแฟนจะพูดว่ารักนะ ยอมล้มอีกซักรอบก็ยังได้”
เขาพูดเสียงร่าเริง แต่กลับทำให้ผมหน้าบึ้งหนักเข้าไปใหญ่


“จะบ้าหรอ” พูดจบผมก็เอามือไปตีปากเพชรแรงๆ “ใช้ปากไหนพูด ฮะ

…บอกไว้ก่อนว่าเราทนรู้สึกแบบวันนี้ไม่ไหวแล้วนะเพชร เพราะฉะนั้นมันต้องไม่มีอีก
ถอนคำพูดเดี๋ยวนี้ ถอน-คำ-พูด” ผมขี้นิ้วขู่

“อ่ะ ถอนคำพูดก็ได้ แต่! คุณต้องพูดใหม่อีกรอบ” ดวงตาคู่สวยฉายแววเจ้าเล่ห์เต็มทน

“พูดอะระ” ผมตีมึนแล้วทำเป็นหลบตา
เขายิ้มร้ายแล้วใช้แขนซ้ายที่ไม่เจ็บกอดผมแน่น ก่อนจะดึงตัวผมให้ลงมานอนบนอกอีกครั้ง

“ปล่อยนะ” ผมดิ้น ดิ้นแรงด้วย

“คุ๊ณณณ อย่าดิ้นดิ ผมเจ็บแผล” พูดขนาดนี้ใครจะกล้าดิ้นง่ะ

สุดท้ายผมก็ต้องนอนนิ่งเป็นตุ๊กตาให้คุณเพชรกอดจนหนำใจ แถมเขายังเอามือมากดหัวผมไปแนบกับหน้าเขาอีกต่างหาก

ขนาดรถล้มแต่ก็ยังมือไวเหมือนเคย ยอมคุณเขาเลยล่ะ



“พูดอีกทีได้มั้ยครับ” เสียงทุ้มพูดกดต่ำ แล้วช้อนสายตามองตาผม

“พูดบ้าอะไร” ผมทำทีเป็นไม่รู้เรื่อง

ตอนนี้ปากเราอยู่ห่างกันไม่ถึงคืบ
มันใกล้จนคุณเพชรฉวบโอกาสยื่นริมฝีปากตัวเองมาฉกริมฝีปากผมเบาๆ แล้วปล่อยออก

“พูดเหมือนที่พูดไปเมื่อกี้ไงครับที่รัก หื้มมมม..
…นะครับ พูดให้เพชรชื่นใจหน่อยนะครับ

เนี่ย ถ้าได้ยินอีกรอบ คงจะหายเจ็บแผลเลย
นะครับ นะครับที่รักของเพชร...”

“นะค้าบบบ คุณหงส์” พูดจบคุณเพชรก็พลิกตัวผมลงด้านข้าง ก่อนจะขึ้นมานอนคล่อมไว้ด้านบน

ยิ่งเห็นยิ่งถามตัวเองว่า นี่เขาเจ็บแผลจริงรึเปล่าเนี่ย

ร่างสูงไม่ได้ปล่อยให้ผมใช้ความคิดกับตัวเองนาน เพราะตอนนี้เพชรก้มหน้าลงมาแนบหน้าผมอีกรอบแล้วกระซิบข้างหู “นะครับหงส์ พูดอีกทีได้มั้ย”

ดวงตาคมจ้องมองผมราวกลับจะกลืนกินจนทำให้รู้สึกทำหน้าไม่ถูก พร้อมด้วยเสียงลมหายใจอุ่นๆ ที่เป่ารดกันไปมา
แต่ก็ถูกกลบด้วยเสียงหัวใจของผมที่เต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ

เพชรนอนทับตัวผมแน่นจนดิ้นไม่หลุด

สุดท้ายผมก็ต้องยอม

“โอเค พูดก็พูด
.
.
.


…หงส์รักเพชรนะ” 

 

ผมหลับตาปี๋บอกรักแฟนตัวเองด้วยน้ำเสียง



แต่มันก็ออกมาจากใจนะครับ ♥


ร่างสูงที่ได้ยินคำนั้นสมใจ ก็หัวเราะร่วนแล้วยิ้มกว้างออกมาในจังหวะที่ผมลืมตาขึ้น

เพชรคงคิดว่ากับอีแค่บอกรัก ทำไมผมต้องดูกล้ำกลืนขนาดนั้น

แล้วเขาจะเอาริมฝีปากแหลมมาแตะลงบนริมฝีปากผมก่อนจะแช่ไว้ครู่หนึ่งแล้วปล่อยให้เป็นอิสระ 



“จะเช็ดตัวต่อได้ยัง” ผมพูดถามแล้วเอามือดีดจมูกคมของเพชรไม่แรงมาก

“ครับผม” คนเจ้าเล่ห์ยิ้มรับแล้วลงจากตัวผมไปนอนหงายเหมือนเดิม

พอเช็ดตัวแล้วก็เปลี่ยนเสื้อผ้าให้คุณเพชรเสร็จเรียบร้อย ก็โทรสั่งข้าวต้มมาให้เขาทานเป็นข้าวเย็น แล้วก็จับนายคนป่วยป้อนยาก่อนจะพาไปเรออยู่ริมระเบียงสองสามที

ฟังดูเหมือนเลี้ยงลูกน้อยเลยอ่ะ > <



สุดท้ายก็จูงแขนขึ้นมานอนบนเตียง
ถ้าถามว่านอนจับมือกันใสใส มีอยู่จริงมั้ย…คำตอบก็คือมีอยู่จริงครับ

เรานอนจับมือกันห่างๆ เพราะผมกลัวจะดิ้นไปทับแผลของเขา
แต่ก็ไม่วายได้ยินเสียงเพชรร้องโอ้ย โอ้ย

แล้วบ่นอุบอิบว่าผมนอนดิ้นไปโดนแผล ทั้งที่ผมยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าตัวเองหลับไปตอนไหน





**To Be Continued**


เรื่องนี้มีดราม่าสั้นๆ ง่ายๆ ได้ใจความ พอหอมปากหอมคอละกันครับ ไม่อยากลากยาวเดี๋ยวไม่เก๋ อิอิ
ช่วงต้นก็จะหน่วงๆ หน่อย แต่อุบัติเหตุมันก็ไม่มีใครอยากให้เกิดอะเนอะ
คุณหงส์อาจจะแค่ห่วงแฟนมาก เลยทำอะไรไม่ถูก กลายเป็นนิ่งใส่
สุดท้ายต้องมา บอกรักคุณเพชรในสถานการณ์ไม่คาดคิดอีกแล้ว งุ้ยยยย

แอพ Whoscall รู้จักกันใช่เปล่าครับ ที่จะคอยบอกว่าเบอร์โทรเข้ามาจากสถานที่สำคัญที่ไหน
ทั้งจาก โรงพยาบาล โรงแรม ธนาคาร ขายประกัน บลา บลา บลา

ตอนนี้เป็นอีกตอนที่แต่งยากมากครับ กลัวจะน้อยไปหรือมากไป พยายามให้ออกมาพอดีๆ ขอบคุณที่ติดตามนะครับ
ใครยังไม่ไลค์เพจ กดไลค์กันได้นะค้าบ อิอิ > https://www.facebook.com/followyourblissbliss/

ปล มีสารบัญแล้วที่หน้าแรก เพิ่งทำเป็น 555555555555
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-12-2017 16:34:16 โดย bliss diary »

ออฟไลน์ ChabaSri

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
เข้าใจคุณหงส์นะ ก็คนมันรักอ่ะเนาะก็ห่วงมาก เข้าใจๆ


ปล.มาบ่อยๆเราคิดถึงงงงงง555555

ออฟไลน์ J029

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
คุณเพชรไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้ววววว

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
รักมากก็ห่วงมาก ดีใจที่คุณเพชรไม่เป็นอะไร

ออฟไลน์ bliss diary

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
เข้าใจคุณหงส์นะ ก็คนมันรักอ่ะเนาะก็ห่วงมาก เข้าใจๆ


ปล.มาบ่อยๆเราคิดถึงงงงงง555555

ได้เลยย เดี๋ยวมาบ่อยๆ อิอิ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ bliss diary

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
คุณเพชรไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้ววววว

 :mew1: :mew1: :mew1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด