ลายที่ 1 Butterfly
(ยามผีเสื้อโผผิน)
หากรอยสักสามารถบอกตัวตนได้ ชื่อ คงทำหน้าที่คล้ายกัน
ทิวากร หมายถึงดวงอาทิตย์
พ่อที่เป็นคนตั้งชื่อนี้คงต้องการให้ชายหนุ่มมีชีวิตส่องสว่างเหมือนกับช่วงเวลาเกิดของเขา สดใสอ่อนโยนเช่นแดดเช้า ทว่ายิ่งนานวัน ทั้งผู้ให้กำเนิดและตัวเขาเองรู้ดีว่าบุคลิกนิสัยของเขากลับพัฒนาในทางตรงกันข้าม
ทิวากรในวัยยี่สิบหกปี กลายเป็นแดดเที่ยง จ้าจัด พร้อมแผดเผา
ไม่ว่าเต็มใจหรือไม่ ใครก็ตามที่ก้าวเข้ามาในรัศมีเขาล้วนแหลกลาญ
“น้องคนนั้นอีกแล้ว”
“น้องพิชญ์เป็นลูกค้าประจำ”
“สักครั้งเดียวไม่ถือเป็นลูกค้าประจำมั้ง”
น่ารำคาญ
“พี่วาขอเบอร์หน่อยได้มั้ยคะ”
นี่ก็น่ารำคาญ
"นั่นน่ะ" คำขอถูกเมินเฉยด้วยพยักเพยิดหน้าไปทางกล่องใส่นามบัตรที่อยู่ข้างเตียงสัก ใช้สองมือที่จับกล้องถ่ายรูปและปากที่คาบบุหรี่เป็นข้ออ้าง
แนบเนียนปัดรำคาญด้วยการก้มหน้าขะมักเขม้นกดเลื่อนภาพถ่ายต่อไปทั้งที่ในใจคิดว่าไม่มีอะไรน่าสนใจ
นางแบบสวย แถมคุณเธอจงใจโพสต์ท่าอวดหน้าอกหน้าใจที่เตะตาเกินรอยสักกระจิริดที่ชายโครงซ้าย
สวย... ทว่าดาษดื่นไร้รสเสน่ห์ให้ค้นหา
ไม่ใช่สเปกเขา
“ขอบคุณครับ” วางกล้อง ดับบุหรี่ เปิดประตูสตูดิโอเชิญคุณลูกค้าออกจากร้านอย่างพยายามรักษามารยาท แม้ท่าทีเมินเฉยจะทำให้ใบหน้าสวยเจื่อนชา แต่เจ้าหล่อนก็ไม่อาจดึงดันสานบทสนทนาต่อได้ ทำได้เพียงหยิบนามบัตรในโหลเดินคอตกออกจากร้านไป
“เขามาเจาะ”
คราวนี้เรื่องน่ารำคาญจึงเหลือเพียงอย่างเดียว
“คราวนี้เจาะตรงไหนอีก”
เสียงคู่รักที่สุ้มเถียงกันตั้งแต่เขาเริ่มสัก จนไล่ลูกค้ากลับไปแล้วก็ยังวนซ้ำหัวข้อเก่า น่าเบื่อ รุงรัง
มีคนบอกว่าการทะเลาะกันเป็นเรื่องปกติธรรมดาของคนรัก
แต่ขอโทษ เขาไม่เข้าใจว่ะ
“ทำไมเงียบ...”
“...”
“พี่...”
ไม่เข้าใจทั้งสาเหตุของการโต้เถียงแสนงี่เง่า
...ไม่เข้าใจความรัก
เขาเคยรู้จักมันเมื่อนานแสนนาน ทว่าตอนนี้กลายเป็นเพื่อนเก่า ไม่สนิทชิดเชื้อ เข้าขั้นหมางใจ หากแวะเวียนมาหาสักครั้งก็มีแต่จะชวนให้งุ่นง่าน
“นม”
“หา”
“เจาะนม”
ตัวอย่างมีให้เห็นตรงหน้า จากปัญหาเท่าจุดไข่ปลาดูเหมือนจะเริ่มบานปลาย
“พี่จับนมเขาเหรอ?”
“ก็เจาะนม จะให้พี่จับตรงไหน นมไอ้วาพี่ก็เจาะให้ น้องไม่เห็นว่าอะไร”
อะ... ปลายลามมาถึงกูแล้วไง
“เออ เฮียแม่งลวนวามผมอ่ะคุณหนู” พอดวงตาหวานหันกลับมา คนที่ถือวิสาสะยืนฟังอย่างเสียมารยาทก็แสร้งยกมือข้างหนึ่งกุมหน้าอกตัวเองไว้ สะดีดสะดิ้งทำเสียงออเซาะน่าหมั่นไส้
คนถูกกล่าวหาแทบยกเท้ายันด้วยความพาล แต่ประเด็นคือคนตัวเล็กที่ท่าทางจะยังงอนไม่หาย
“แล้วทำไมไม่ให้วาเจาะ”
“เขาไม่คุ้นกับมัน”
"อ๋อ แสดงว่าคุ้นเคยกันเหรอ”
วาหัวเราะเมื่อทิศทางระเบิดวนกลับไปหาเพื่อนรุ่นพี่ที่เขาเรียกติดปากว่า ‘เฮีย’ อีกครั้ง และก่อนที่มันจะลากลามมาถึงเขาร่างสูงชิงดับบุหรี่ หยิบมวนใหม่ชิ่งออกมาหน้าร้าน
ทิ้งตัวลงนั่งบนพื้นต่างระดับ ยังไม่ทันเปลวไฟรนปลายบุหรี่ที่มุมปาก
แดดยามเย็นถูกทดแทนด้วยเงาที่ทาบทับ เขาเงยหน้ามองร่างค้ำหัวที่ยืนย้อนแสงจนเห็นเพียงเงาสลัวราง
ที่ชัดคงเป็นสีน้ำเงินจากกางเกงขาสั้นเต่อโชว์ขาอ่อนขาว มองปราดเดียวก็นึกออกว่าเป็นเครื่องแบบนักเรียนโรงเรียนชายล้วนชื่อดัง
“พี่...” แค่เสียงเขาก็จำได้ว่าเป็นใคร
“ไอ้เด็กม.ปลาย” เด็กหนุ่มหน้าใสที่ถูกเขาไล่ตะเพิดไปเมื่อาทิตย์ก่อน
หายหน้าไปนานจนเขาคิดว่าเด็กนี่ล้มเลิกความคิดที่จะสักไปแล้ว ที่ไหนได้ นอกจากจะไม่ล้มเลิกความคิด ซ้ำยังแสดงท่าทีหัวรั้นต่อต้านคำพูดเขา
“ร้านพี่ไม่จำกัดอายุคนสักนี่ครับ”
“...” คิ้วเข้มขมวดกับคำบอกเล่าไร้ที่มาที่ไป ก่อนนึกได้ว่าครั้งก่อนเขาถามอายุเด็กกลิ่นน้ำนมก่อนไล่ตะเพิดไป
รู้ดีว่าร้านตัวเองไม่มีข้อกำหนดอย่างว่า แต่ปัญหามันอยู่ที่อายุซะเมื่อไหร่...
ที่จริงวาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าปัญหามันอยู่ที่ตรงไหน เพียงเห็นใบหน้าสดซื่อ ราวลูกกวางน้อยหลงทางเข้ามาอยู่ในป่าแห้งร้างที่มีแต่ไม้ยืนต้นตายมันชวนให้รู้สึกประหลาด
เหมือนเห็นข้าวของวางผิดตำแหน่ง ตุ๊กตากระเบื้องเคลือบชั้นดีวางเด่นกลางเสียกบาล
แต่พี่วาไม่อยากเป็นคนใจร้าย แทนที่จะโบกมือไล่ทันทีเหมือนคราวนั้นเขาเพียงเก็บบุหรี่กระดิกนิ้วให้เด็กที่ยืนค้ำหัวอยู่นั่งลง เด็กมัธยมก็ว่าง่าย ทรุดตัวข้างกายเขา กลิ่นน้ำนมอุ่นชัดเท่าอุ่นไอจากร่างที่คงกะระยะผิดจนไหล่เฉียดชิดกันทำเอาคิ้วเข้มขมวดอีกครั้ง
กลิ่นน่ารำคาญ ไออุ่นน่ารำคาญ
กางเกงขาสั้นที่ร่นขึ้นจนเห็นไปถึงครึ่งขาอ่อนขาวแสบตานี่ก็น่ารำคาญ
เด็กม.ปลายสมัยนี้มันใส่กางเกงขาสั้นกันแบบนี้ทุกคนมั้ยวะ…
คิดว่าขาวแล้วจะปล่อยให้ขอบกางเกงมันถลกขึ้นมาแค่ไหนก็ได้ว่างั้น?
“วันนี้ผมเอาลายสักมาด้วย ผมวาดเอง พี่ช่วยดูหน่อยได้ไหมครับ” พอเห็นเขาในดีด้วยหน่อยก็ดันลามปาม ตาประกายวาวกระตือรือร้นเปิดกระเป๋าเป้ดึงกระดาษเอสี่ที่เก็บไว้อย่างดีในแฟ้มพลาสติกออกมาอวดเขา
ในนั้นมีภาพวาดสีสดสวยเก็บไว้อีกปึกหนึ่ง
“วาดสวยนี่ เด็กศิลป์?” เอ่ยชมจากใจพลางรับเอากระดาษเรียบกริบที่เจ้าตัวบอกว่าเป็นแบบสำหรับสักมาพิจารณา
ภาพฝูงผีเสื้อที่เกือบทำให้เขาเบื่อหน่ายเพราะเคยสักลายเดียวกันมาหลายครั้งกลับดึงดูดสายตาด้วยสีสันจัดจ้าน และลวดลายบนแผงปีกที่ราวกับกำลังล่อลวงให้เขาจับจ้องไม่วางตา
“เปล่าครับผมเรียนสายวิทย์” ได้สติอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงปฏิเสธปนเศร้า เขาเลิกคิ้วมองดวงตาสดใสที่คล้ายจะจางแสงลงเล็กน้อยอย่างไร้สาเหตุ
แสงหม่นติดตาขัดใจจนพานงุ่นง่าน
“เออ ดูเป็นเด็กดีไม่น่ามาสัก” เผลอหลุดปากไม่ทันคิดว่าจะเป็นประเด็นให้คนตัวเล็กกว่าผงะห่าง ขมวดคิ้วมองเขาด้วยสีหน้าผิดหวัง
“พี่จะบอกว่าคนสักคือคนไม่ดีเหรอครับ”
“...” อะไรวะ ไหงเข้าใจไปนั่น
คนโตกว่าได้แต่อ้าปากพะงาบทำท่าจะอธิบาย แต่เพราะไม่รู้จะอธิบายยังไง ย้อนแย้งด้วยสันดานส่วนตัวที่กู่ตะโกนว่าไม่จำเป็นต้องอธิบายให้เด็กกะโปโลเข้าใจความคิดตัวเอง
ยังไงซะก็คงไม่ได้เจอกันอีก เพราะเขาไม่คิดจะสักให้
“พี่ไม่ควรตัดสินคนอื่น...” ไม่รอให้พูดจบเขายื่นกระดาษคืนใส่มือเด็กหนุ่มหน้าใส เอสี่ยับย่นด้วยอารมณ์ที่ถูกกระชากกลับด้วยคำตำหนิและสายตากลมใสที่มองว่าเขาทำตัวน่าผิดหวัง
จากที่งุ่นง่านยิ่งงุ่นง่าน ด้วยอุปนิสัยเดือดง่ายมาแต่ไหนแต่ไร
“ไม่สักแล้วโว้ย! อารมณ์ไม่ดี”
“พี่ครับ...”
“มาทางไหนกลับไปทางนั้นเลยไป”
สุดท้ายทิวากรแผดเผา ไม่ปราณีแม้ตุ๊กตากระเบื้องเคลือบหวานจับตา
ทว่ากระเบื้องคือกระเบื้องทนไฟ
“พี่ครับ” หลอมเหลวแล้วปั้นใหม่ไร้รอยหักพัง
“มึงอีกแล้ว” มุมเดิม เวลาเดิม คนคนเดิมหยุดการกระทำเดิมของเขาราวภาพฉายซ้ำ
วาถอนใจ ดึงบุหรี่ที่ไม่ทันได้จุดออกจากปากอีกครั้ง นึกประหลาดใจปนหงุดหงิดที่ถูกขัดจังหวะ ทั้งไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงเลือกจะไม่สูบบุหรี่ต่อหน้าเด็กมัน ทั้งที่อีกคนก็ไม่ได้ห้ามหรือแสดงท่าทางรังเกียจอะไร
แค่ไม่อยากทำร้ายผู้บริสุทธิ์ด้วยพิษควัน
...คนดีสัดๆ
“คือผม...” อาการอึกอักเช่นครั้งแรกไม่เคยหายไป ยิ่งชวนให้เขาหงุดหงิดในความสั่นไหวในแววตากึ่งประหม่ากระเง้ากระงอดที่เจ้าตัวคงเผลอทำออกมาโดยธรรมชาติ ไม่รู้ตัว
น่ารำคาญจริงๆ
“โมโจรับแขกดิ๊” เบือนหน้าหนีอย่างไม่คิดเสียเวลาต่อบทสนทนา แม้สายตาเจ้ากรรมจะเผลอทิ้งจังหวะมองขาขาวที่คราวนี้ถูกปกปิดไว้ใต้กางเกงยีนห้าส่วนเห็นเพียงส่วนเหนือข้อเท้า
ทำไมไม่ใส่ชุดนักเรียนวะ... โมโจคงสงสัย
ถ้าใส่ชุดนักเรียนขาสั้นเช่นคราวก่อนคมเขี้ยวที่แม้จะทื่อกุดของเจ้าพิทบูลสีดำของเขาคงได้ขบชิมเนื้อหวาน แถมคงขู่ให้ลูกค้าหัวดื้อหดหัวไม่กล้ากลับมาให้เห็นหน้า
แต่ผลลัพธ์กลับตรงข้าม สิ้นคำลูกชายผู้ซื่อสัตย์ของเขากลับวิ่งเข้าไปดมฟุดฟิด ซ้ำยังเลียแข้งเลียขาเจ้าเด็กมัธยมยกใหญ่
“โมโจครับ ป๊ะป๋าให้เห่าไล่ ไม่ใช่เลียสิ เห่าแบบนี้ โฮ่งๆ” คนเป็นพ่อเลยต้องสอนความเกรี้ยวกราดให้
“...” แต่โมโจไม่ฟัง
“โห่ โมโจทำไมดื้ออ่ะ”
ป่านมองหน้าผู้ชายตัวโตสอนหมาเห่าเปลี่ยนเป็นเสียงเล็กเสียงน้อยใส่เจ้าตัวโตที่กำลังออดอ้อนเขาอย่างไม่เชื่อหู
หลุดยิ้ม ด้วยไม่คิดว่าจะได้เห็นอีกด้านของผู้ชายที่เอาแต่ตวาดดุไล่ตะเพิดเขาซ้ำๆ
คงไม่ใช่คนใจร้าย...
“ชื่อโมโจเหรอครับ น่ารักจัง” ร่างบอบบางนั่งลงลูบหัวลูบหางเจ้าพิทบูลอย่างเอ็นดู พลางยิ้มให้เจ้าของที่ถึงกับชะงักค้าง
“...” รอยยิ้มแรกตั้งแต่ได้เจอกัน
ราวผีเสื้อสีจัดจ้าลวดลายงามตาในภาพวาดกระพือปีกบินพร้อมกัน
...งดงามกว่าในฝัน
“ฉลาดด้วยนะครับ อ้อนใหญ่เลย”
“...”
“น่ารักจังครับโมโจ”
งดงามจนชวนงุ่นง่าน
ทิวากรหงุดหงิด
...กำลังหงุดหงิด
ทว่าวันนี้ดวงอาทิตย์ไม่แผดเผา กลับเคลื่อนคล้อยโอนอ่อนจางแสงจัด
ด้วยรอยยิ้มบางที่ผุดขึ้นมุมปากอย่างไม่อาจต้านทาน
“เออ น่ารัก”
...หากชื่อทำหน้าที่คล้ายรอยสัก
ป่าน คงหมายถึงเชือกที่ถักทอโยงใย ฝ่าไอร้อนผูกยึดใจกลางดวงอาทิตย์ไว้โดยไม่ทันรู้ตัว
☀ ------------------ #มอปลายลายสัก -------------------☀
หายไปนานเพราะไปตบตีกับทรีตเม้นท์ที่แก้แล้วแก้อีกจนถึงทุกวันนี้ก็ยังแก้อยู่มาค่ะ
ถ้ารู้สึกแปลกๆ หรือขัดใจตรงไหนติติงได้เสมอเลยนะคะ ^^
แจ้งอีกครั้งเพราะหลายคนยังเข้าใจผิด
เรื่องยาว #มอปลายลายสัก ยังไม่ได้ตีพิมพ์นะคะ
เล่มที่ออกมาก่อนเป็นเพียงบทสนทนาที่เคยเอาลงในทวิตเตอร์ รวมกับเรื่อง #เหล้าหนังสือ ค่ะ
ส่วนรวมเล่มเรื่องยาวอาจจะประมาณปลายปี หรือต้นปีหน้าค่า
ตอนนี้กำลังเร่งทำต้นฉบับอยู่เนอะ
จะอัพให้อ่านในเว็บจนจบแน่นอน เพื่อให้คนอ่านพิจารณาก่อนตัดสินใจซื้อค่ะ ^^
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ
-Martian-