◯ เซ็ตรัก ส่งฝัน ◯ [รักวุ่นๆ ในวงการวอลเลย์บอลชาย] ◯◯◯◯◯◯◯◯◯◯◯◯
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ◯ เซ็ตรัก ส่งฝัน ◯ [รักวุ่นๆ ในวงการวอลเลย์บอลชาย] ◯◯◯◯◯◯◯◯◯◯◯◯  (อ่าน 26819 ครั้ง)

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ inxsara

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-0
EP 17 | หนักใจ


แม้จะรู้ว่าดึกไปหน่อยที่จะมาหาตอนนี้ แต่หนุ่มน้อยก็ตื่นเต้นจนเก็บอาการไม่ไหว เขานอนไม่หลับเมื่อเห็นจำนวนแฟนคลับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากหลักสิบกลายเป็นหลักพันในเวลาไม่กี่ชั่วโมง แถมยังสาวๆ หนุ่มๆ แฟนคลับก็เข้ามาคอมเมนต์รูปและคลิปวิดีโอที่เพิ่งเอาลงอย่างไม่ขาดสาย เขาจึงอ่านเพลินจนเลยเวลาที่ควรจะนอน

เมื่อประตูห้องเปิดออก เขาก็รีบเข้าไปในห้อง ส่งมือถือให้คนที่มาเปิดประตูให้ ก่อนอวดอย่างตื่นเต้น

"พี่เปาดูดิครับ ผมมีแฟนคลับในอินสตาแกรมพันกว่าคนแล้ว แค่ไม่กี่ชั่วโมงเอง มีคนมาคอมเมนต์เยอะเลย"

คนบอกตื่นเต้น แต่คนฟังกลับมีท่าทางแปลกๆ ดูตื่นๆ ชอบกล แต่เขาก็ฉลาดพอที่จะปรับอารมณ์ให้เข้ากับสถานการณ์ได้ไม่ยาก

"อ้อ จริงเหรอ นี่ขนาดไม่กี่ชั่วโมงนะเนี่ย ได้พันกว่าคนเลยเหรอ"

"ครับพี่ พี่ดูดิ" ไท้คะยั้นคะยอ

เปารับมือถือราคาไม่กี่พันบาทมาจากไท้ หน้าจอแสดงภาพไท้กำลังพายเรือในแม่น้ำท่าจีน มีทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว ไท้วันนี้ต่างจากวันแรกที่มากรุงเทพใหม่ๆ พอสมควร เขาดูสดใส มีน้ำมีนวล มีมัดกล้ามเนื้อและดูแข็งแรงอย่างนักกีฬา ที่สำคัญ ผิวขาวๆ หน้าตี๋ๆ ทำให้เขาดูน่ารักน่าเอ็นดู

เปาไล่ดูจำนวนคนเข้ามาติดตาม กดไลค์และคอมเมนต์ เมื่อเห็นว่าเป็นอย่างที่ไท้บอก เขาก็อดตื่นเต้นไปด้วยไม่ได้

"พี่ว่าพรุ่งนี้ไท้น่าจะมีแฟนคลับหลายพันแน่ๆ เลย เผลอๆ จะเป็นหมื่นด้วย" เปาบอก ก่อนหันกลับมาอ่านคอมเมนต์ ส่วนมากเป็นบรรดาสาวๆ และเหล่าเก้งกวาง บ้างก็ชื่นชมความสามารถ บ้างก็ชื่นชมหน้าตา บ้างก็ให้กำลังใจ บ้างก็แทะโลม โดยเฉพาะอย่างหลังนั้นดูจะมากกว่าอย่างอื่น

"พี่ไท้หล่อจัง มีแฟนยังคะ ถ้ายัง ขอใบสมัครด้วย อิๆ"

"ขนาดยังไม่ถอดเสื้อ หุ่นยังดูฟิตแอนด์เฟิร์ม ยิ้มที ใจละลาย ดูยังไงก็ไม่เบื่อ"

"พายเรือเก่ง อยากไปพายด้วยจัง"

"อยากดูหุ่น ครั้งหน้าโชว์ซิกซ์แพ็คหน่อยนะครัช"

"พ่อของลูกในอนาคต"

"ท่าจะแซ่บ น้ำลายไหล"

"เห็นแล้วหิวนม"

"อยากพรากผู้เยาว์ขึ้นมาทันที 555"

"มีความอยากกิน แผลบๆ"

"หน้าตี๋ดีจัง พี่ชอบบบบบบ จะตี๋...ด้วยมั้ยน้า อุ๊ย พูดอะไรออกไป 555"


แต่ละคอมเมนต์ เล่นเอาเปาเหงื่อตก อ่านไปได้ไม่กี่คอมเมนต์ก็ต้องเลิกอ่าน เขาเงยหน้าขึ้นมองไท้ เจ้าตัวยิ้มแหยๆ และหัวเราะแหะๆ

"จะรอดไหมเนี่ย" เปาพูดหยอก

"โธ่พี่ เขาก็แซวเล่นไปงั้นแหละ" ไท้พูด ที่เขาไม่ยอมหลับยอมนอนเพราะมัวแต่อ่านคอมเมนต์พวกนี้ อ่านไปเขินไป บางข้อความก็ตลก แต่จะหัวเราะดังมากก็ไม่ได้เพราะเกิ้นหลับอยู่

"พี่ก็ไม่ได้ว่าอะไร มีคนชอบก็ดีแล้ว" เปายิ้ม ส่งโทรศัพท์คืนให้ไท้ ก่อนเอื้อมมือไปลูบผมคนตัวสูงกว่าอย่างเอ็นดู กระนั้นรอยยิ้มก็ดูกรุ้มกริ่ม "คนอื่นน่ะเขาได้แค่แซว แต่คนแถวนี้...ยิ่งกว่าแซวแล้ว"

ไท้ยิ้มเขินเล็กน้อย ดูน่ารักจนอีกฝ่ายนึกอยากจูบเข้าให้ แต่บางอย่างก็ทำให้เขาไม่กล้าทำอย่างนั้น

"ขอบคุณพี่เปานะครับที่สอนผม" ไท้เปลี่ยนเรื่อง กระนั้นใบหน้าก็ยังดูยิ้มๆ

"ท่าจะเป็นเอามากนะเนี่ย จะตีหนึ่งแล้วยังไม่นอนอีก โค้ชรู้จะโดนว่ารู้เปล่า" เปากระเซ้าต่อ

ไท้หัวเราะแหะๆ อีก พลันก็ทำท่าเหมือนสงสัย "พี่เปาก็ยังไม่นอนเหรอครับ หรือว่ามีงาน อ้อ ไม่ต้องแอบไปทำแซลมอนซัลซาที่บ้านมาให้ผมกินแล้วนะ รบกวนเปล่าๆ ไกลก็ไกล"

"ถ้าไท้อยากกินพี่ก็ไปได้ อยากกินอีกหรือเปล่าล่ะ"

"เอาไว้เสร็จงานก่อนดีกว่า" ไท้พูด จากนั้นก็เดินไปนั่งบนเตียงของเปา มองไปรอบๆ ห้อง สีหน้าท่าทางดูแปลกๆ

เปาเดินตามมายืนข้างๆ สักพักก็นั่งตามลงไปด้วย "มีไรเปล่าไท้"

ไท้หันมามอง ยิ้มน้อยๆ แต่ไม่ตอบคำถาม ออกไปทางครุ่นคิดเสียมากกว่า

"มองพี่แปลกๆ มีไรเปล่า" เปาถามย้ำ

พูดยังไม่ทันขาดคำด้วยซ้ำ ไท้ก็ดึงคนข้างๆ มากอดและบดขยี้จูบลงไปอย่างหนักหน่วง เขาไม่ได้ทำอย่างนี้กับเปามาหลายวันแล้ว ยิ่งอยู่ใกล้เขาก็ยิ่งโหยหาสัมผัสรักที่แสนพิเศษนั้น

ถ้าไม่ใช่เพราะมีบางอย่าง เปาคงจะร่วมไม้ร่วมมือเป็นอย่างดีไปแล้ว แต่ตอนนี้เขากลับต้องหาทางหยุดไท้ให้เร็วที่สุด เพราะถึงอย่างไร คืนนี้คงเตลิดไปไกลกว่านี้ไม่ได้ เปาจึงออกแรงดันไท้ออกจากการรุกราน

"ไท้หยุดก่อน" เปาบอกเสียงติดหอบเล็กน้อย บ่งบอกว่าเขาเองก็ต้องการ แต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงหยุดกะทันหันอย่างนี้

"ทำไมล่ะครับพี่เปา" ไท้ขมวดคิ้ว รู้สึกเสียดายและแปลกใจ

"มันดึกแล้ว พรุ่งนี้ไท้มีแข่งนะ เดี๋ยวจะไม่ไหว พี่ว่า...เรานอนก่อนดีกว่า" เปาแก้ตัว สีหน้ารู้สึกผิดจนซ่อนไม่มิด

"ทำแป๊บเดียวก็ได้ จะได้นอนสบายๆ ไงครับ" ไท้ต่อรอง

"อย่าเลย เอาไว้วันหลังดีกว่า" เปายืนกราน

ไท้หน้าม่อย กระนั้นก็ยังไม่ถึงกับหมดหวัง "งั้น...คืนนี้ไท้ขอนอนห้องพี่เปาได้ไหมครับ นอนกอดเฉยๆ ก็ได้ ไท้ไม่ทำอะไรพี่เปาหรอก"

สีหน้าของเปายังคงดูกระอักกระอ่วนใจ ใช่ว่าเขาจะไม่อยากทำอย่างนั้น แต่ในห้องนี้ไม่ได้มีแค่เขากับไท้สองคน แถมเปายังเพิ่งสัญญากับจีนไปหยกๆ เกือบเผลอมีอะไรกับจีนไปแล้วด้วยซ้ำ ดีที่ว่าไท้มาเคาะประตูห้องเสียก่อน เปาจึงรอดพ้นจากการรุกรานที่ไม่ต้องการอย่างหวุดหวิด

"ไท้...ไท้ฟังพี่นะ" เปาเกริ่น ท่าทางเหมือนมีเรื่องสำคัญอยากบอก เมื่อเห็นไท้รอฟัง เขาจึงพูดสืบไป "ขอเวลาพี่อีกสามเดือนได้ไหม ไท้ก็รู้ว่าพี่ยังมีฟางอยู่ ที่จริงพี่ก็ทำไม่ถูกหรอกที่มีความสัมพันธ์กับไท้ ทั้งๆ ที่พี่ยังไม่เลิกกับแฟนพี่เลย"

ที่จริงไท้ก็รู้สึกผิดพอกัน เขาเองก็ไม่ควรปล่อยให้ความสัมพันธ์นี้เกิดขึ้น ที่ผ่านมาไท้ก็คิดหนักเรื่องนี้ เคยนึกอยากตัดใจหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่สำเร็จ

"พี่เปายังรักพี่ฟางอยู่หรือเปล่าครับ" ไท้กลั้นใจถามสิ่งที่อยากรู้ เผื่อมันจะช่วยให้ไท้ตัดสินใจเด็ดเดี่ยวได้ โดยเฉพาะถ้าเปายังรักฟางอยู่

เปาไม่ตอบทันที เขานิ่งไปสักครู่จึงตอบ "ที่พี่ขอเวลาไท้สามเดือนก็เพราะเรื่องนี้แหละ พี่กับฟางเป็นแฟนกันมาสี่ปีแล้ว พี่ก็ยอมรับว่าพี่ผูกพันกับเขานะ ตั้งแต่เรียนจบ พี่เคยเร่งเร้าจะแต่งงานกับเขาด้วยซ้ำ แต่เขาก็ปฏิเสธเพราะว่าเขายังมีภาระกับครอบครัวอยู่ พี่เคยคิดว่าพี่จะหยุดชีวิตของพี่ไว้ที่ผู้หญิงคนนี้ แต่พอพี่เจอไท้...ความคิดของพี่ก็เปลี่ยนไป"

"พี่เปากำลังสับสนหรือเปล่าครับ" ไท้ถามด้วยสีหน้ากังวล

เปาส่ายหน้าไปมาช้าๆ "พี่ไม่สับสนหรอก ไท้ก็รู้ว่าพี่เกลียด...คนพวกนั้นมากแค่ไหน พี่ไม่อยากอยู่ใกล้ด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้น ที่พี่ห้ามใจกับไท้ไม่ได้ มันเป็นเพราะว่า...แรงดึงดูดระหว่างพี่กับไท้มันมากกว่าความเกลียดในใจของพี่ไง พี่อยากเกลียดไท้เหมือนที่พี่เกลียดคนพวกนั้นนะ แต่พี่ก็เกลียดไม่ได้"

การพูดโดยมีบุคคลที่สามอยู่ในห้องด้วยนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เปาจะปล่อยผ่านและตัดบทดื้อๆ ก็คงไม่ได้อีกเช่นกัน เพราะเขาก็ไม่อยากให้ไท้ค้างคาใจมากเกินไป ที่จริงก็ปล่อยค้างอย่างนี้มานานเกินไปด้วยซ้ำ

"สามเดือนนี้ พี่จะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย เพราะพี่อยากให้แน่ใจว่าพี่ตัดความสัมพันธ์กับฟางได้จริงๆ ไท้ก็รู้ ถึงพี่จะไม่ใช่คนถูกทิ้ง แต่ทิ้งคนอื่นมันก็เจ็บเหมือนกัน อีกอย่าง พี่ก็อยากโฟกัสเรื่องงานให้มากขึ้นด้วย เพราะพี่เพิ่งเข้ามา ต้องพิสูจน์ตัวเองเยอะ รอให้ผ่านช่วงนี้ไปก่อนนะ เก็บใจไว้ให้พี่ ตอนนี้...เป็นพี่น้องกันไปก่อน"

เหตุผลอาจจะฟังดูแปลกไปบ้าง แต่ไท้ก็ไม่อยากคิดมาก ถึงยังไงไท้ก็มาทีหลัง ก็คงไม่มีอะไรดีกว่ารอให้เปาเคลียร์ปัญหาตัวเองให้เรียบร้อย จะได้สบายใจกันทั้งสองฝ่าย

"เอาอย่างงั้นก็ได้ครับ ก็ดีเหมือนกัน สามเดือนไม่นานหรอก" ไท้พูดพลางยิ้ม แต่ก็ยิ้มไม่สนิทใจ เขาหันรีหันขวาง แล้วก็ลุกขึ้น

"ไท้จะไปแล้วเหรอ" เปาถาม

"ครับพี่ ดึกแล้ว ผมไปนอนก่อนดีกว่า"

บทจะไปก็ไปดื้อๆ สิ้นคำไท้ก็เดินดุ่มๆ ตรงไปที่ประตู พลันใครบางคนก็เข้ามากอดจากทางด้านหลัง ไท้หยุดชะงัก ปล่อยให้ความอบอุ่นจากอ้อมแขนอีกฝ่ายแผ่ซ่านโอบล้อมโดยไม่ขัดขืน

"พี่รักไท้นะ ไท้อย่าโกรธพี่นะที่พี่ต้องทำแบบนี้"

เสียงเปาเบาบางเหมือนกระซิบอยู่ข้างหู แต่คำว่ารักนั้น ไม่ว่าจะพูดด้วยเสียงที่เบาหรือดังขนาดไหน มันก็สะกดใจคนได้ ไท้จึงยืนนิ่งไปหลายวินาที ทั้งอึ้งและดีใจระคนกัน คำว่ารักของเปาสะท้อนก้องในหัวจนแทบไม่ได้ยินเสียงอื่นเลย

เมื่อได้สติ ไท้ก็ค่อยๆ หมุนตัวกลับมามองหน้าคนที่กอดตนเองไว้ เปาปล่อยมือหลวมๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ เมื่อสายตาประสานกันในระยะใกล้ชิด แรงดึงดูดจากสัมผัสก็แทบจะพาใจเตลิดและหักห้ามใจไม่ได้ แต่เปาก็หักห้ามใจสุดชีวิต

ไท้คลี่ยิ้มบางๆ ก่อนเอื้อนเอ่ย "ผมจะรอพี่เปานะครับ สามเดือนนี้...ผมจะเก็บตัวแล้วก็หัวใจไว้ให้ อย่าลืมกลับมาเอานะครับ"

เปายิ้มอย่างโล่งใจ อดเอามือลูบผมไท้อย่างเอ็นดูไม่ได้ สามเดือนนั้นไม่ใช่สำหรับฟางหรอก เพราะเขาจัดการปัญหากับฟางได้เร็วกว่านั้น แต่เป็นเพราะอีกคนต่างหาก

"รอพี่นะ" เปาขอคำยืนยัน

ไท้พยักหน้าและยิ้มตอบ พักหนึ่งเปาก็ปล่อยมือที่โอบช่วงเอวออก ส่งสัญญาณว่าควรแยกย้ายกันได้แล้ว

"ไปนอนเหอะ อย่ามัวแต่อ่านคอมเมนต์ล่ะ พรุ่งนี้แม็ตช์สำคัญ" เปาเตือนก่อนจะปล่อยอีกฝ่ายไป

ไท้พยักหน้ายิ้มๆ จากนั้นก็เปิดประตูออกไป

เปายืนมองจนอีกฝ่ายไปถึงประตูห้อง ก่อนไท้เข้าห้องก็ไม่ลืมหันมายิ้มให้อีกรอบ เห็นแต่ฟันขาวๆ อยู่ไกลๆ เมื่อไท้หายเข้าห้องไปแล้ว เปาจึงปิดประตูห้องและหันหลังกลับ จีนออกมาจากห้องน้ำพอดี ไม่รู้ว่าได้ยินอะไรบ้าง แต่สีหน้าก็ดูไม่ค่อยดีนัก

"เราทำให้จีนขนาดนี้แล้ว พอใจหรือยัง" เปาถามเสียงเกือบห้วน

สีหน้าบึ้งตึงนิ่งเงียบ พลันจีนก็เดินเบี่ยงตัวหลบและเปิดประตูออกไปจากห้องของเปาโดยไม่พูดไม่จา ซ้ำยังทิ้งเสียงประตูดังปังไว้เป็นที่ระลึก เปาพ่นลมหายใจยาวอย่างหนักใจ ไม่รู้ว่าคิดถูกหรือคิดผิดที่สัญญากับจีนอย่างนั้น

แต่ก็สัญญาไปแล้ว



สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสนามกีฬาชแห่งชาติช่วงเย็นวุ่นวายแค่ไหนนั้นใครก็รู้ ถ้าไม่จำเป็นแล้วก็ไม่อยากมาที่นี่ในช่วงเวลานี้เท่าไหร่ แต่ไม่ว่าจะวุ่นวายขนาดไหนเขาก็ต้องมา เพราะเรื่องบางเรื่องไม่สามารถรอได้

เมื่อลงมาถึงพื้นถนน เขาก็มุ่งตรงไปทางสนามกีฬา ก่อนเดินเข้าไปข้างใน ที่นี่มีทั้งสนามกีฬา สถานที่ออกกำลังกายและสำนักงานราชการอยู่ ถ้าไม่สังเกตดีๆ อาจไม่รู้ แต่อาศัยว่าใช้ปากถาม ไม่นานเขาก็หาหน่วยงานที่ต้องการพบ แต่แทนที่จะเข้าไปในนั้น เขากลับยืนรอและสอดส่ายสาตาอยู่ข้างนอก สลับกับดูรูปในมือถือไปด้วย จะได้เปรียบเทียบได้และจำไม่ผิด

รอไม่นานนัก หญิงสาวที่เขาหมายตาไว้ก็เดินออกมาพร้อมกับเพื่อนร่วมงาน ที่จริงเขาไม่รู้จักเธอหรอก อาศัยว่าไปส่องในเฟส เห็นข้อมูลที่ทำงานที่เธอใส่ไว้ เขาก็เลยตามมาดู ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามาแล้วจะได้เจอหรือเปล่า แต่เขาก็ต้องมา

เขาเดินดุ่มๆ เข้าไปหาสามสาวที่เดินบันไดลงมา ได้จังหวะเหมาะก็แสดงตัวและร้องทัก "ฟางหรือเปล่าครับ"

ฟางหยุดการสนทนากับเพื่อนสองคนที่เดินออกมาด้วยกัน ก่อนมองชายหนุ่มที่มาดักรออย่างสงสัย เขาแต่งตัวทันสมัย เสื้อผ้าแบรนด์เนมชั้นนำบ่งบอกฐานะที่ต่างจากเธอไม่น้อย ที่จริงเธอก็มีเพื่อนหลายระดับ แต่กลับไม่เคยเห็นคนนี้เลย

"ค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ"

"ผมเป็นเพื่อนของเปาครับ" ชายหนุ่มบอก

ฟางขมวดคิ้ว ก่อนพิศดูผู้ชายตรงหน้าอีกครั้ง ปกติเพื่อนของเปากับเพื่อนของเธอก็กลุ่มเดียวกัน แม้จะรู้จักคนอื่นๆ เพิ่มเติมบ้าง แต่เธอก็เคยเห็นและรู้จักเพื่อนของเปาเกือบทั้งนั้น หรือว่าผู้ชายคนนี้อาจจะหลงตาไปบ้าง

"ผมมีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย เกี่ยวกับเปาครับ" เขาเฉลย แต่นั่นก็ยิ่งทำให้สงสัยมากขึ้น ท่าทางของฟางจึงยังดูไม่ไว้ใจ

"เอ่อ ผมขอเวลาคุยกับฟางแป๊บนึงได้ไหมครับ" ชายหนุ่มต่อรอง

ฟางหันไปมองเพื่อนสองคน สีหน้าครุ่นคิดคล้ายกับกำลังชั่งใจ เธอติดต่อเปาไม่ได้เลยช่วงนี้ วันนั้นเปาก็ไม่ยอมมาหาเธอ ฟางจึงกังวัลใจไม่น้อย

"นานหรือเปล่า" ฟางหันมาถาม

"ไม่นานหรอกครับ แค่ห้านาทีก็น่าจะพอ คุยแถวๆ นี้ก็ได้"

ฟางหันกลับไปหาเพื่อนร่วมงาน สักพักเธอก็ตัดสินใจ "เดี๋ยวมานะ"

"อือๆ เดี๋ยวรอแถวๆ นี้แหละ" หนึ่งในเพื่อนร่วมงานบอก

ถ้าไม่ใช่เพราะอยากรู้เรื่องแฟนหนุ่ม ฟางก็คงไม่ตามชายแปลกหน้าไป เขาไม่ได้พาไปไหนไกล ใกล้ๆ แถวนี้มีสวนสำหรับออกกำลังกายเล็กๆ อยู่ใกล้ๆ มีคนมาออกกำลังกายสองสามคนอยู่พอดี แต่อีกสักพักก็น่าจะหนาตามากกว่านี้

เมื่อหาที่ห่างจากการรับรู้ของคนอื่นได้ ชายหนุ่มก็เริ่มเรื่องด้วยน้ำเสียงที่ต่างไปเล็กน้อย "เธอเป็นแฟนของเปาใช่ไหม"

ฟางพยักหน้า ท่าทางของเธอยังคงไม่หายสงสัย "ใช่ มีอะไรหรือเปล่าคะ"

"แล้วเป็นแฟนกันมานานหรือยัง" เขาถามต่อ

ฟางเอียงคอ เธอไม่ตอบแต่กลับย้อนถาม "อ้าว ไหนว่าเป็นเพื่อนกับเปา ถ้าเป็นเพื่อนกัน ก็น่าจะรู้ไม่ใช่เหรอ"

เขายักไหล่ ทำท่าไม่แยแส "ไม่บอกก็ไม่เป็นไร แต่เอาเป็นว่า...ถ้าเธอเป็นแฟนกับเขาไม่นาน แล้วยังไม่รู้เรื่องนี้ ก็น่าจะยังไม่ถือว่าโง่ แต่ถ้าเป็นแฟนกันมานานแล้วไม่รู้อะไรเลย เธอก็น่าจะโง่มาก"

"นี่คุณ คุณเป็นใคร ตกลงคุณต้องการอะไรกันแน่" ฟางชักสีหน้าและขึ้นเสียงเล็กน้อย

"ผมเหรอ" เขาแค่นหัวเราะ ไม่รู้ว่ามีอะไรตลก "แฟนเก่าของแฟนเธอไง"

ฟางถึงกับสะดุ้งตกใจ เธอคิดว่าเธอคงฟังผิด หรือไม่เขาก็คงพูดอะไรผิด แต่ชายหนุ่มผู้นั้นก็ย้ำชัดๆ อีกครั้ง

"เธอฟังไม่ผิดหรอก" เขาแค่นหัวเราะอีกแล้ว สีหน้าท่าทางดูเหมือนสะใจมาก "ผมเป็นแฟนกับเปาสมัยเรียนมัธยมปลาย เราเคยรักกันมาก แต่น่าเสียดาย...เขากลับหนีตัวเอง หันมาคบผู้หญิง แต่สุดท้าย...ก็หนีตัวเองไม่พ้น"

"นี่คุณพูดเรื่องอะไรน่ะ ถ้าพูดไม่รู้เรื่องแบบนี้ ฉันจะไม่คุยด้วยแล้ว" ฟางบอกเสียงสั่น ทำท่าเหมือนจะเดินหนี

เมื่อเห็นหญิงสาวตรงหน้าแสดงความกลัวและไม่มั่นคง จีนจึงถือโอกาสเปิดเผยเรื่องที่เขามาหาเธอในวันนี้

"เธอไม่รู้เหรอว่าเปาเขาเป็นเกย์ และเขาก็ทรยศเธอ เธอยังจะกลับไปหาคนแบบนี้อีกเหรอ! ดูนี่สิ!"

จีนพูดเหมือนตะคอกใส่ฟาง พร้อมกับส่งมือถือให้ดูด้วย ฟางเห็นภาพนั้นแล้วก็อ้าปากค้าง ในภาพนั้น เปากอดกับผู้ชายคนหนึ่ง ฟางจำได้ว่าเป็นไท้ แม้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เห็นอย่างนี้ แต่เธอก็ยังตกใจอยู่ดี เพราะเท่ากับตอกย้ำว่าเปาเป็นอย่างที่จีนว่าจริงๆ อย่างนี้นี่เอง เปาถึงไม่ยอมมาหาเธอเลย

"แล้วยังไง" ฟางพูดหลังรวบรวมสติได้บ้างแล้ว

"แล้วยังไง" จีนทวนคำพลางขมวดคิ้วสงสัย "งั้นฟังดีๆ"

จีนเปิดเสียงที่เขาบันทึกไว้ให้ฟางฟังด้วย เขาเลื่อนหาช่วงสำคัญแล้วก็ยื่นให้ เป็นช่วงที่เปากำลังพูดเรื่องขอเวลาสามเดือนเพื่อยุติความสัมพันธ์กับฟางพอดี เมื่อได้ยินแฟนหนุ่มพูดเรื่องนี้เต็มสองหู เธอก็ถึงกับออกอาการ

"ไม่จริง!" ฟางเสียงสั่น น้ำตาทำท่าจะไหลแหล่มิไหลแหล่

"อ้าว ไม่จริงได้ยังไง นี่มันเสียงเปาไม่ใช่เหรอ ฟังดีๆ สิ" จีนแสร้งยื่นมือถือเข้าไปใกล้

วันที่ไท้มาหาเปากลางดึกคืนนั้น จีนเข้าไปหลบในห้องน้ำ เขาแง้มประตูไว้ แม้จะมองไม่เห็นโดยตรง แต่อาศัยว่าได้ภาพสะท้อนจากกระจกบานใหญ่ข้างตู้เสื้อผ้าช่วย เขาจึงเห็นเหตุการณ์บนเตียงนอนและใช้มือถือถ่ายรูปเก็บไว้ แถมยังบันทึกเสียงสนทนาช่วงสำคัญไว้อีกต่างหาก

"ผู้ชายแบบนี้ เธอยังรักเขาได้อีกเหรอ เขากับน้องผู้ชายในรูปเนี่ย ไปถึงไหนต่อไหนกันแล้ว ที่ผ่านมา...เขาไม่ได้รักเธอเลย เขาเป็นเกย์ เป็นมาตั้งนานแล้วด้วย ที่สำคัญ...เขามีอะไรกับผู้ชาย ลีลาไม่ใช่ย่อยเลย"

ฟางทนฟังต่อไปไม่ไหวแล้ว เธอจึงต้องเดินแกมวิ่งหนีไปพร้อมกับน้ำตาที่ไหลพราก ถึงตอนนี้เธอคงปฏิเสธไม่ได้แล้วว่าเปาเป็นเกย์ เพราะเธอเองเห็นเปาจูบกับไท้เต็มตามาแล้ว กระนั้นก็พยายามคิดในแง่ดีว่าเปาอาจจะสับสน คราวนี้ฟางคงจะหลอกตัวเองไม่ได้ต่อไปแล้ว

จีนยกยิ้มมุมปาก แม้รู้ว่าเปาตั้งใจจะคุยกับฟางเรื่องนี้อยู่แล้ว แต่เขาก็อยากมาจุดชนวนก่อน เพราะผลลัพธ์จะต่างจากการที่เปาบอกด้วยตัวเองแน่นอน ตั้งแต่นี้ไป จีนจะทำทุกอย่างเพื่อให้มั่นใจว่า ต่อไปเปาจะไม่เหลือใครอีกแล้ว ไม่ว่าฟาง ไท้ หรือจีน! เขาไม่อยากใจร้ายขนาดนี้ แต่เขาก็ไม่อยากเป็นผู้แพ้อีกแล้ว

เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจ จีนก็เดินทางกลับคอนโดด้วยรถไฟฟ้า วันนี้เขาถึงกับหนีจากงานเลี้ยงฉลองทีม อาจจะเป็นมารยาทที่ไม่ดีสักเท่าไหร่ เพราะคราวนี้ทีมชาติไทยทำได้ถึงที่ห้า เป็นรองจากอิหร่าน จีน เกาหลีและญี่ปุ่น นับว่าสูงสุดในประวัติศาสตร์แล้ว เพราะที่ผ่านมามักไม่ต่ำกว่าแปดเสมอ เขาจึงควรมีส่วนร่วมการเฉลิมฉลองที่สำคัญนี้

มาถึงคอนโดได้ไม่เท่าไหร่ โทรศัพท์ของจีนก็ดังขึ้น เปาโทรมานั่นเอง จีนจึงรีบกดรับ

"ว่าไงเปา"

"อยู่ไหน" ฝ่ายนั้นถามมา มีเสียงดนตรีและเสียงพูดคุยดังเป็นฉากหลัง คล้ายกับอยู่ในร้านอาหารหรือสถานที่ทำนองนั้น

"กลับบ้านแล้ว พอดี...รู้สึกไม่ค่อยสบาย ก็เลยกลับก่อน เปามีอะไรหรือเปล่า"

เสียงของเปาเงียบไปสักพัก คงกำลังครุ่นคิดบางอย่าง ก่อนจะพูดตอบกลับมา ก็มีเสียงถอนหายใจนำขึ้นมาก่อน

"เราจะพาไท้กลับบ้านก่อนได้ไหม แล้วค่อย..."

"ก็ได้ ไม่มีปัญหา แต่กลับมาแล้ว เปาต้องทำตามที่สัญญาละกัน" จีนย้ำหนักแน่น

เปาเงียบอีกครั้ง ก่อนมีเสียงถอนหายใจดังขึ้นอีก "จีน จีนคิดว่าทำแบบนี้มันจะช่วยอะไรได้เหรอ"

"อ้าว ก็เปาสัญญาแล้วไม่ใช่เหรอ อย่าทำแบบนี้นะเปา ห้าปีที่จีนทรมาน...กับแค่สามเดือน มันเทียบกันไม่ได้เลยนะ" จีนตอกย้ำ

เสียงพ่นลมหายใจสั้นๆ ดังมาอีก ดูท่าทางจะหนักใจมาก "เราขออย่างงี้ก็แล้วกัน จะทำอะไรก็ได้ แต่อย่าทำให้ไท้เห็นได้ไหม"

"ทำไม"

"เราขอร้องนะจีน" เปารีบสวน "เรารักไท้นะจีน เราไม่อยากทำให้เขาเจ็บ เรายอมทำให้ขนาดนี้ จีนยังไม่พอใจอีกเหรอ"

คราวนี้จีนเป็นฝ่ายเงียบ อย่างน้อยคำถามนั้นก็คงทำให้ฉุกคิด แต่เมื่อถือไพ่เหนือกว่า เขาก็น่าจะต่อรองบางอย่างได้

"ก็ได้ แต่เราไม่รับรองนะว่าไท้จะไม่เห็นเลย"

"จีน เราซีเรียสกับเรื่องนี้นะจีน จีนต้องรับปากเราก่อนว่าจะไม่ให้ไท้เห็น ห้ามทำให้ไท้สงสัยอย่างเด็ดขาด" เปาบอกเสียงเข้ม

"รักไท้มากเลยเหรอ" จีนย้อน

"ใช่"

"แล้วแฟนของเปาล่ะ"

เสียงเปาเงียบไปทันที อาการแบบนี้ จีนรู้ได้ไม่ยากนักว่าเปาลังเล ก็อย่างที่เปาบอก ผูกพันกันมาตั้งสี่ปี คงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเลิกกัน แต่ถึงไม่อยากเลิก ก็คงจะยากเสียแล้ว

"กลับจากพิษณุโลก เราจะคุยกับแฟนเราเอง แต่เรื่องไท้ จีนต้องรับปากเราก่อน" เปาวกกลับมาเรื่องเดิม

จีนยกยิ้ม เขาก็ไม่อยากให้ไท้รู้เรื่องข้อตกลงนี้นักหรอก เพราะเขาก็ไม่อยากให้ไท้เจ็บ เพราะคนเดียวที่จะเจ็บที่สุดคือเปาต่างหาก ดังนั้น จีนจึงรับปากได้ไม่ยากนัก

"ได้ ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอก เปาสบายใจได้ ไท้จะไม่รู้เรื่องของเรา"

แค่นี้เปาก็พอโล่งใจขึ้นมาได้บ้าง เขาพอกลั้นใจและฝืนใจทำตามที่ตกลงกับจีนได้ แค่สามเดือนคงไม่นานเท่าไหร่ ขออย่างเดียว อย่าให้ไท้รู้เรื่องบ้าๆ นี้ก็พอ

"งั้นก็แค่นี้" เปาพูดสั้นๆ จากนั้นก็วางสายไป

จีนเผลอยิ้มเลือดเย็น อย่างน้อยเขาก็เอาชนะเปาคืนได้บ้างแล้ว ต่อไปคงจะสนุกกว่านี้

เขาเดินมานั่งบนโซฟา เปิดแอพเฟสบุ๊คและส่งข้อความหาเด็กขายที่นัดไว้ หลังจากเครียดและเหนื่อยมาหลายวัน วันนี้เขาจะขอผ่อนคลายบ้าง โชคดีที่ที่บ้านจีนพอมีเงิน เขาจึงพอรอดผ่านห้าปีมาได้ด้วยการหาซื้อความสุข

และเสพติดการเป็นผู้ชนะปลอมๆ ด้วยอำนาจเงินที่เขามี!


TBC


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-02-2017 19:05:58 โดย inxsara »

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
โอ้ยยยยยย..อะไรมันจะหน่วงได้เบอร์นี้


เห็นใจฟางอยู่เหมือนกันนะ
แฟนจะบอกเลิกแบบหน้าตาเฉย

มาม่าน้ำข้นมากกกกกกกกก

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
ได้เวลากำจัดจุดอ่อน เปาจะรับมือยังไง จะแสดงอาการแบบไหนนี่คือสิ่งรออ่านอยู่คับ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ farhhhh

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ขณะอ่านก็มีอาการอยากทึ้งหัวตัวเอง5555 อยากระบายจริงๆ
เรื่องนี่กลายเป็นว่าจีนไม่ได้ทำให้เปาเจ็บคนเดียวนะ ฟางเองก็เจ็บเหมือนกัน มันมีวิธีบอกที่ซอฟท์กว่านี้อ่ะ คือการให้เปามาสารภาพ ไม่ใช่จีนไปพูดจาแย่ๆ ใส่ปะ

ยังยืนยันคำเดิมนะว่าจีนสันดานไม่ดี เอาคำว่าโดนกระทำมาก่อนมาเป็นข้ออ้างการทำตัวทุเรศๆ ของตัวเอง และก็แก้แค้นโดยไม่สนใจใครอ่ะ เอาจริงๆ ฟางนับว่าเป็นเพื่อนที่ดี แฟนที่ดี คนที่ดีคนนึงเลยนะ ทำไมต้องมาเจออะไรแบบนี้อ่ะ
ส่วนเปา.... พูดความจริงไม่ดีกว่าหรอ คิดว่าการที่ต้องไปเทคแคร์จีน ทั้งๆ ที่อยู่ใกล้ไท้ ไท้จะไม่รับรู้เลยหรอ? ไท้อาจจะซื่อแต่ก็ไม่ได้โง่นะ
อยากเอาหัวกระแทกกำแพงหลายๆ ทีตอนอ่าน เห้อ

ปล. อ่านเรื่องนี้แล้วเม้นยาวตลอด อยากระบายความรู้สึกหลังการอ่าน5555555555

ออฟไลน์ inxsara

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-0
EP 18 | บ้านแฟน


เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินชื่อเมืองสองแคว เป็นอีกชื่อหนึ่งของจังหวัดพิษณุโลก แต่เด็กสมัยนี้ไม่รู้ว่าแควคืออะไร เมื่อได้มาเห็นด้วยตาตัวเองจึงเพิ่งรู้ว่าแควคือแม่น้ำ ที่เรียกว่าเมืองสองแควเพราะมีแม่น้ำสองสายไหลผ่านตัวเมือง เขาไม่เคยมาเที่ยวจังหวัดนี้เลย ที่จริงเขาก็ไม่ค่อยไปเที่ยวหรอก ชีวิตส่วนใหญ่อยู่แต่กรุงเทพ สมัยเรียนก็ไปเที่ยวต่างจังหวัดกับเพื่อนปีละครั้งสองครั้งเท่านั้น

ถนนเลียบไปตามสายน้ำน่านดูเงียบสงบ มีคนและรถผ่านไปมาบ้าง ถ้าเทียบกับกรุงเทพก็คนละเรื่อง จักรยานสองคันแล่นสบายๆ เคียงคู่กันไป มีเสียงคุยกันมาตลอดทาง แม้ฟังเผินๆ ก็รู้ว่าเป็นการสนทนาอย่างเป็นกันเองและผ่อนคลาย

"เมื่อก่อนไท้ขี่จักรยานมาซื้อกับข้าวที่ตลาดให้แม่แบบนี้แหละ มาซื้อเกือบทุกวันเลย" หนุ่มตี๋ผิวขาวพูด ใครเห็นหน้าตาผิวพรรณก็อาจจะนึกว่าเป็นลูกคนมีฐานะ ที่จริงก็เป็นอย่างนั้น เพราะเขามีฐานะยากจน ที่ขาวก็เพราะบังเอิญได้เชื้อจีนมาจากพ่อ แถมแม่ยังเป็นคนเหนือ เขาจึงมีผิวขาวละเอียดและตาตี่ ถือเป็นส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างสองชาติพันธุ์

"อ้าว แล้วตอนนี้ใครมาซื้อให้แม่ล่ะ" อีกคนหันไปถาม

"ส่วนมากแม่ก็จะมาซื้อเอง ไม่ค่อยให้ไอซ์มาหรอก"

"ทำไม"

"แม่เขาหวงลูกสาวไง" เขาบอกพลางหัวเราะ ส่วนอีกคนพยักหน้าเข้าใจ

ที่จริงก็น่าเป็นห่วงเหมือนกัน สองแม่ลูกเป็นผู้หญิงทั้งคู่ อยู่ด้วยกันที่บ้านเพียงสองคน เมื่อก่อนมีลูกชายอยู่ด้วยก็พออุ่นใจได้บ้าง แต่ตอนนี้ลูกชายก็เริ่มมีเส้นทางชีวิตเป็นของตัวเองแล้ว อาศัยว่าความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านดี ก็เลยมีคนเมตตาและดูแลกันตามประสาชาวบ้าน

"แล้วแม่ไม่หวงลูกชายบ้างเหรอ" อีกคนถามหยอก

คนถูกถามไม่ตอบ ได้แต่ทำหน้ายิ้มๆ พลันก็แกล้งปั่นจักรยานเร็วขึ้นจนแซงหน้าไป

"แค่นี้ก็เขินเหรอ" เขารีบปั่นจักรยานตาม จากนั้นก็พูดหยอกต่อ "ถึงแม่จะหวง แต่พี่ก็พร้อมพิสูจน์ใจแม่ไท้นะ เดี๋ยวจะทำให้ดูตั้งแต่วันนี้เลยเอาไหม แม่ไท้ต้องชอบพี่แน่ๆ พนันกันไหมล่ะ"

"ไม่เอาหรอก" ไท้บอกปัดแต่หน้ายิ้ม

"ทำไม ไม่อยากเป็นแฟนกับพี่เหรอ" เปาร้องถามตามหลัง จากนั้นก็เร่งความเร็วจนแซงหน้า ปั่นแข่งกันไม่นานก็เหนื่อยทั้งคู่

เมื่อมาถึงบริเวณท่าน้ำตำบลท่าทอง สองหนุ่มก็จอดจักรยานไว้ข้างทาง จากนั้นก็เดินมานั่งตรงขั้นบันไดริมแม่น้ำ อบต. ทำไว้ให้ประชาชนมาพักผ่อนหย่อนใจยามเย็น เวลามีแข่งเรือก็ใช้เป็นอัฒจันทร์ได้ด้วย ไท้มาดูเป็นประจำทุกปี

เปาเขยิบไปนั่งใกล้จนชิด คอยจ้องหน้าอีกคนที่หลบตา เขายอมรับว่าหลงเด็กหนุ่มคนนี้เข้าให้แล้ว คืนก่อนเดินทาง เขาเฝ้าปรนเปรอและป้อนบทรักเร่าร้อนให้อย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อย กอดรัดดอมดมกลิ่นกายพิเศษจากผิวพรรณขาวผุดผ่องด้วยความกระสันซ่าน ปากแดงเรื่อนั้นเล่าก็ชวนให้จูบซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาหลงใหลไปทั้งตัว สุขจนแทบสำลัก ไม่น่าเชื่อเลย แม้จะเกลียดแสนเกลียด แต่เกลียดอะไรก็มักได้อย่างนั้นตามโบราณว่าไว้

"ว่าไง ไม่อยากเป็นแฟนกับพี่เหรอ" เปากระเซ้าเรื่องเดิม แต่จนแล้วจนรอดไท้ก็ไม่ยอมตอบ "เป็นไรเนี่ย ถามไม่ตอบ เขินเหรอ หรือว่ากลัวแม่ว่า ถามจริง…แม่รู้เรื่องเปล่า"

ไท้รีบหันมาส่ายหน้า สงสัยหน้าจะดูตลก อีกคนจึงขำ

"แล้วไท้คิดว่าเขาสงสัยหรือเปล่า"

ไท้ทำท่านึก "ไม่น่า"

"แล้วอยากให้เขารู้หรือเปล่าล่ะ"

คิ้วบนหน้าตี๋ๆ มุ่นเข้าหากัน บ่งบอกความลังเลใจ คนอายุมากกว่าจึงต้องหาทางลง

"งั้นก็อย่าเพิ่งบอกเขาเลย ค่อยๆ ทำให้เขาสงสัยก็ได้" เปายิ้มอารมณ์ดี ก่อนทอดสายตาไปยังสายน้ำที่ไหลเอื่อย คล้ายกับวิถีชีวิตของคนที่นี่ แต่เปาก็ไม่ค่อยชินเท่าไหร่ เพราะคุ้นเคยแต่กับวิถีชีวิตที่เร่งรีบในเมืองมากกว่า

"อากาศดีนะ นานๆ จะได้มาสูดอากาศแบบนี้ซะที" เปาทำท่าสูดอากาศและหลับตาพริ้มไปด้วย แต่พออีกคนยังเงียบ เขาจึงหันไปมองอย่างสงสัย

"เป็นไรหรือเปล่าไท้" เปาเอียงหน้ามอง พลางเอื้อมมือไปโอบไหล่อีกฝ่าย

ไท้ยังคงนิ่งเงียบสักพัก แต่ด้วยเกรงอีกฝ่ายจะไม่สบายใจ เขาจึงหันมาคุยด้วย "คิดอะไรนิดหน่อยครับ"

"บอกพี่ได้เปล่า"

สีหน้าลังเลฉายชัดขึ้น แต่ไม่นานไท้ก็ยอมเปิดปาก "ตอนนี้…ไท้ยังจนอยู่ ผมกับพี่ก็ฐานะต่างกันมาก แต่ถ้าผมประสบความสำเร็จในอาชีพ แล้วก็มีรายได้มากกว่านี้เมื่อไหร่ ผมจะดูแลพี่เปาให้ดีกว่าตอนนี้นะครับ"

"ไท้หมายถึงอะไร" เปาทำหน้าฉงน

"ไม่มีอะไรหรอกครับ ตอนนี้พี่เปาดูแลผมเยอะ ผมแทบจะไม่ได้ออกเงินช่วยพี่เลย ก็เลย…รู้สึกไม่ค่อยสบายใจน่ะครับ"

"โธ่ พี่ก็นึกว่าเรื่องอะไร" เปาหัวเราะเบาๆ พร้อมกับตบไหล่คนอายุน้อยกว่าอย่างเอ็นดูด้วย ก่อนหรี่ตาและครุ่นคิด

ตอนที่เปาคบกับจีน ดูเหมือนไม่มีปัญหาเรื่องนี้เท่าไหร่ เพราะจีนก็มาจากครอบครัวร่ำรวย แม้ว่าจีนจะถูกหลอกให้ออกเงิน แต่ก็ไม่มีปัญหา พอเป็นแฟนกับฟาง เปาต้องเป็นฝ่ายดูแลเทคแคร์เป็นส่วนใหญ่ เพราะนี่คือบทบาทที่สังคมคาดหวังจากผู้ชาย ฟางเองก็ไม่เคยยกประเด็นนี้มาเป็นปัญหา เปาก็เลยลืมนึกถึงเรื่องนี้ไป

"งั้นพี่จะเอาคืนให้เยอะๆ เลยนะ" เปาพูดหยอก ก่อนเปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจัง "ไท้ไม่ต้องห่วงหรอก พี่จะช่วยไท้เอง ไท้เป็นคนตั้งใจ ขยัน อดทน อีกไม่นานไท้ก็จะประสบความสำเร็จ โอกาสดีๆ รอไท้อยู่อีกเยอะ เมื่อวานก่อน พ่อบอกพี่ว่ามีสโมสรติดต่อมาที่สมาคมแล้ว เขาอยากได้ไท้ไปเล่นให้"

"จริงเหรอครับ" ไท้ตาโต

เปาพยักหน้า "จริงสิ รอไท้หมดสัญญากับสมาคมก่อนละกัน ไปอยู่กับสโมสรแล้ว ไท้จะมีรายได้ดีกว่านี้หลายเท่าเลย"

ไท้ทำหน้าชวนฝัน พอครบหนึ่งปี เขาก็จะหมดสัญญากับสมาคมแล้ว ถึงตอนนั้นก็จะเป็นอิสระ ถ้าฝีมือโดดเด่นมากพอ เขาก็จะไปต่อได้ไม่ยาก โอกาสประสบความสำเร็จบนเส้นทางนี้อยู่ไม่ไกลเกินฝัน

จังหวะนั้น เสียงรถขายไอศครีมแว่วเข้ามาในโสตประสาท แค่ได้ยินเสียงไท้ก็จำได้ เจ้านี้เป็นเจ้าประจำที่ไท้มักซื้อกินบ่อยๆ เขาดีดตัวลุกขึ้นและหันไปชวนอีกฝ่าย

"ไปกินไอติมกันครับพี่เปา"

เปาพยักหน้าตกลง ก่อนลุกขึ้นและเดินแกมวิ่งตามไท้ไปยังรถเข็นขายของ พอไปถึง ลุงคนขายก็ยิ้มให้และทักทาย

"อ้าวไท้ หายไปไหนมา พักนี้ลุงไม่เห็นเลย"

"ไปอยู่กรุงเทพมาครับลุง ตอนนี้ผมติดทีมชาติแล้ว ลุงได้ดูที่ผมแข่งในทีวีหรือเปล่า" ไท้พูดคุยด้วยอย่างเป็นกันเอง

ลุงคนขายส่ายหน้าไปมา "ลุงไม่ค่อยมีเวลาดูหรอก เอ…แล้วนี่ใครล่ะ"

พอถูกถามเรื่องนี้ทีไร ไท้ก็มักทำหน้าไม่ถูก ตั้งแต่มาถึงเมื่อตอนบ่ายแก่ๆ เขาโดนคนแถวบ้านถามหลายคนแล้ว "อ๋อ…โค้ชผมครับ เขาไม่เคยมาเที่ยวพิโลก ผมก็เลยชวนมา"

"อ้อ เป็นไงครับคุณ ชอบที่นี่ไหมครับ" ลุงคนขายหันไปคุยกับเปา

"ชอบครับลุง สงบดีครับ อากาศก็ดี แล้วนี่ลุงขายไอติมอะไรบ้างครับ" เปากวาดตามองอุปกรณ์และสิ่งของบนรถเข็นด้วยแววตาอยากรู้อยากเห็น

"เดี๋ยวผมแนะนำให้" ไท้อาสา จากนั้นก็สาธยาย "อันนี้เขาเรียกว่าไอติมมะพร้าวครับพี่ มีรสเดียว แต่ว่ากินได้หลายแบบ จะใส่ถ้วยพลาสติกก็ได้ ใส่โคนก็ได้ หรือจะใส่บนขนมปังก็ได้ แล้วก็ราดนม ส่วนพวกนี้ก็เอาไว้โรย มีถั่วลิสง ถั่วเหลืองๆ ไม่รู้เรียกว่าถั่วอะไร แต่อร่อยดี มันๆ เค็มๆ แล้วก็มีลูกชิด มะพร้าว มันเชื่อม ขนุน ข้าวโพด แล้วแต่ชอบเลย พี่เปาอยากลองแบบไหนครับ"

"ใส่ถ้วยละกัน" เปาบอก

ไท้จึงหันไปจัดการสั่งให้ ไม่นานทั้งสองคนก็ได้ไอศครีมคนละถ้วยมาถือในมือ

"ผมเลี้ยงนะพี่" ไท้บอก พลางส่งถ้วยไอศครีมให้เปาช่วยถือไว้ ก่อนควักกระเป๋าสตางค์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง จ่ายเงินค่าไอศครีมไปเพียงยี่สิบบาทเท่านั้น

เมื่อจ่ายเงินแล้ว สองหนุ่มก็เดินกลับมานั่งที่เดิม กินไอศครีมไป คุยกันไป ทอดสายตาดูแม่น้ำไปด้วย

"อร่อยไหมพี่ ไอติมบ้านๆ" ไท้ถามด้วยสีหน้ายิ้มๆ

"ก็พอได้อยู่" เปาบอก พลางก็ตักชิมไปเรื่อยๆ รสชาติหวานๆ มันๆ ถ้าเทียบกับยี่ห้อที่เปาชอบกินก็คงห่างไกลกันมาก กระนั้นก็ยังพอกินได้

"ตอนนี้ ผมคงเลี้ยงพี่ได้แค่นี้ แต่ว่า…มันก็มาจากใจผมนะพี่"

ประโยคนี้ทำให้เปาถึงกับชะงัก มือที่กำลังจะส่งช้อนเข้าปากพลันหยุดนิ่ง เขาวางช้อนลงในถ้วย ก่อนเอื้อมมือไปลูบผมไท้เบาๆ และยิ้มอย่างเอ็นดู

"อย่าคิดมาก ที่จริงไท้ก็ช่วยพี่หลายอย่างนะ ตอนอยู่บ้านก็ช่วยดูแลเมสซี่กับเนยมาร์ให้พี่ กวาดบ้าน ถูบ้าน ซักผ้า ทำอาหารให้กินด้วย แค่นี้พี่ก็รู้แล้วว่าไท้น่ะ…ไม่ชอบเอาเปรียบคนอื่น พี่น่ะ…ไม่เคยคบใครที่ฐานะหรอก พี่คบที่ใจต่างหาก" เปายิ้มละไม ยิ่งได้รู้จักนิสัยใจคอมากขึ้น เขาก็ยิ่งหลงรักผู้ชายคนนี้

"ซึ้งจัง" ไท้หัวเราะระคนเขิน คงเป็นเพราะถูกอีกฝ่ายจ้องตา นี่เองที่เขาเรียกว่ารักกันปานจะกลืนกิน

"เดี๋ยวพี่จะทำให้ซึ้งกว่านี้อีก พี่น่ะ…รักใครรักจริงนะ แต่ถ้าเกลียด…ก็เกลียดจริงเหมือนกัน"

"ถ้าเกิดวันหนึ่งไท้ทำอะไรไม่ดีขึ้นมา พี่เปาจะเกลียดผมหรือเปล่าครับ"

เปาเอียงคอ คิ้วย่นเข้าหากัน "พี่ยังนึกไม่ออกเลยนะว่าไท้จะทำอะไรไม่ดี"

"เผื่อมีไงครับ" ไท้หัวเราะ

"ไม่เห็นเป็นไรเลย พี่ก็มีนิสัยไม่ดีตั้งหลายอย่าง คนเราไม่สมบูรณ์แบบทุกคนหรอก ก็ดีบ้างแย่บ้างทุกคนแหละ จำเอาไว้นะ ถ้าไท้ไม่หักหลังพี่ พี่ก็ไม่เกลียดไท้"

"ไท้ไม่กล้าหักหลังพี่เปาหรอก ตัวใหญ่แบบนี้ ใครจะหักไหว" ไท้พูดติดตลก ก่อนทั้งคู่จะหัวเราะ

"กลับกันหรือยัง เดี๋ยวแม่รอนาน" เปาถาม ที่จริงตอนออกมาซื้อกับข้าว ไท้บอกแม่ไปแล้วว่าอาจจะนานหน่อย เพราะจะถือโอกาสพาเปาออกมาดูบรรยากาศและวิถีชีวิตของคนที่นี่ด้วย

"อ้อ เกือบลืมไปเลย" ไท้ขำตัวเอง

"เราจะอยู่ที่นี่แค่สามวันสองคืนใช่ไหม" ก่อนจะลุกขึ้น เปาก็ถามด้วยสีหน้าท่าทางแปลกๆ

"ครับ" ไท้ตอบงงๆ

"ไม่เพิ่มวันใช่ไหม"

ไท้ส่ายหน้า "ไม่เพิ่มครับ ผมต้องกลับไปซ้อมต่อ มีอะไรหรือเปล่าครับ" ไท้ชักสงสัย

เปายิ้มกรุ้มกริ่ม ตาหวานเยิ้ม แถมแววตายังเป็นประกายวิบวับ "ก็…กลับไป พี่ว่าจะขอต่ออีกหน่อย ยังไม่จุใจเลย"

"หื่นนะเนี่ย" ไท้แกล้งว่า แต่สีหน้ายิ้ม

"พี่รู้ว่าไท้ชอบ" เปาหัวเราะชอบใจ "แต่อยู่นี่ พี่ไม่กล้า เดี๋ยวว่าที่แม่ยายจะว่าเอา"

ไท้ทำหน้าเหลอ ก่อนส่ายหน้าไปมา "พี่เปาขี้ตู่เหมือนกันนะเนี่ย ใครบอกว่าผมจะยอม"

"อ้าว งั้นพี่ก็แย่สิ ให้ไปทั้งตัวทั้งใจแล้ว" เปาแกล้งร้องไห้กระซิกๆ ไท้จึงขำใหญ่

"พี่เปานี่ก็ตลกเป็นเหมือนกันนะเนี่ย"

"พี่ตลกเฉพาะกับคนที่พี่รักเท่านั้นนะ" เปาไม่วายหยอดคำหวาน

"พอแล้ว กลับบ้านดีกว่า น้ำตาลหก เดี๋ยวมดจะกัดเอา" ไท้บอกพลางลุกขึ้น ก่อนวิ่งขึ้นไปตรงที่จอดจักรยานไว้พร้อมกับเสียงหัวเราะร่า

เปารีบวิ่งตามขึ้นไปทันที สีหน้าของเขาบ่งบอกว่ามีความสุขจนล้น เขาไม่เคยหัวเราะและหยอกเล่นกับคนรักอย่างนี้มานานแล้ว กับฟางก็ไม่ใช่แบบนี้

แม้กระทั่งจีนก็ไม่ใช่แบบนี้เหมือนกัน

... ... ...

ตอนแรกไท้ก็นึกว่าเปาแค่พูดเล่น ที่ไหนได้ พอมาถึงบ้าน เปาก็เข้าครัวช่วยแม่ทำอาหารเย็น ถึงแม่บอกไม่ให้ช่วยเพราะเห็นว่าเป็นแขก แต่เปาก็ดื้อช่วยจนได้ เขาคอยเป็นลูกมือ ช่วยตำน้ำพริก หั่นผัก หั่นเนื้อสัตว์ ตามแต่แม่ของไท้จะให้ช่วยทำอะไร แรกๆ ก็เก้ๆ กังๆ เพราะเปาไม่เคยทำอาหารบนพื้น แต่พอปรับตัวได้ก็เริ่มสนุก

ไม่นานอาหารเย็นก็เสร็จเรียบร้อย มีคนมานั่งล้อมวงกินอาหารเย็นกันหลายคน ลุงกับป้าข้างบ้านพาลูกชายกับลูกสาวมากินข้าวด้วย ทั้งสองบ้านสนิทสนมกันมาหลายปีแล้ว ช่วยเหลือเกื้อกูลกันมาตลอด แม้ไม่ใช่ญาติ แต่ลุงกับป้าข้างบ้านก็เอ็นดูแม่ของไท้ เพราะทั้งคู่เวทนาที่เธอโดนสามีทิ้ง แถมยังต้องปากกัดตีนถีบเลี้ยงลูกสองคนเพียงลำพัง เธอจึงเลี้ยงลูกรอดมาจนถึงทุกวันนี้

"ตอนที่พ่อผมมาที่นี่ น้าไม่กลัวพ่อผมหลอกเหรอครับ" ระหว่างนั่งขัดตะหมาดกินข้าว เปาก็ชวนคุย เขากินอย่างเอร็ดอร่อย แต่มันก็เผ็ดเอาเรื่อง จึงกินไปสูดปากไป ไอซ์ต้องคอยรินน้ำใส่แก้วให้เรื่อยๆ

"ตอนแรกก็กลัวอยู่ แต่คิดไปคิดมา น้าก็สงสารไท้มัน มันอยากเอาดีทางด้านนี้ ถ้าน้าไม่ให้ไป มันก็จะเสียโอกาสเปล่าๆ ตอนนั้นโค้ชเขาก็มาหาที่บ้านทุกวัน แข่งเสร็จเขาก็พาไท้กลับมา บางวันก็มากินข้าวที่นี่ด้วย" แม่ของไท้เล่า

"เขามาปรึกษาลุงกับป้าทุกวันเลย ทิพย์เขาก็ห่วงลูก เรื่องกลัวถูกหลอกน่ะไม่เท่าไหร่หรอก เขากลัวไท้อยู่กรุงเทพไม่ได้ กลัวไม่มีคนดูแล อีกอย่าง กรุงเทพมันก็แสงสีเยอะ เขากลัวลูกชายจะหลงแสงสี กลัวไปสารพัดอย่างตามประสาแม่นั่นแหละ" ป้าน้อยเสริม

"ก่อนโค้ชจะกลับ ลุงก็เลยพาหมอดูมาดูดวงให้ไท้มัน หมอดูเขาบอกว่าไท้มันจะโชคดี มีผู้ใหญ่สนับสนุน อีกไม่กี่ปีมันก็จะประสบความสำเร็จ ได้ไปอยู่ต่างประเทศ มีชื่อเสียง เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก นั่นแหละ…เขาถึงยอมให้ลูกไปกับโค้ช" ลุงเลื่อนเล่าบ้าง แอบขำเบาๆ ตอนท้ายด้วย จะว่าไปก็น่าแปลก คนเราพอตัดสินใจเองไม่ได้ หมอดูมักจะเป็นตัวช่วยที่ดีเสมอ

"โห…ขนาดนั้นเลยเหรอครับ" เปาทำตาโต "แต่ก็น่าจะจริง ไท้ขยันซ้อมมาก ซ้อมหนักกว่าทุกคนเลย บางทีเพื่อนเลิกซ้อมหมดแล้ว เขาก็ยังซ้อมต่อ" เปาพูดจบก็ยกแก้วน้ำมาจิบแก้เผ็ด

"พี่เปาเอาข้าวอีกไหมคะ" ไอซ์ถาม พลางยื่นมือไปรอรับจานข้าว เปายื่นไปให้พร้อมกับยิ้มเป็นเชิงขอบคุณ จานนี้เป็นจานที่สามแล้ว

"พี่เปาสู้ๆ" ไท้พูดหยอก นึกขำที่เปายอมทนกินเผ็ดจนหน้าแดงไปถึงหู

"อร่อยมากเลยครับ ผมไม่เคยกินข้าวอร่อยขนาดนี้มาก่อนเลย" เปาชมพลางหันไปรอบๆ ก่อนหยุดสายตาที่ไท้

"ตอนพี่ไท้อยู่นี่ หนูก็เห็นเขาซ้อมทุกวัน เลิกเรียนปุ๊บก็ซ้อมปั๊บ หนูก็เล่นวอลเลย์เหมือนกันนะ แต่ไม่ขยันซ้อมเท่าพี่เขาหรอก ก็เลยเล่นไม่เก่ง" จิ๋วเล่าพลางขำ เธอเป็นลูกสาวคนสุดท้องของป้าน้อยและลุงเลื่อน เรียนอยู่มอห้า อายุน้อยกว่าไอซ์หนึ่งปี ส่วนแจ้งเป็นพี่ชายของเธอ ห่างกันสามปี เป็นคนไม่ค่อยพูด เขาคบหาดูใจกับไอซ์มาได้หลายเดือนแล้ว

คำบอกเล่าของใครๆ ต่างก็เป็นไปในทางชื่นชม คนถูกชมจึงยิ้มไม่หุบ

"คนขยันเขาถึงได้โอกาสดีๆ ไงลูก ดูไท้เป็นตัวอย่างเอาไว้ เห็นไหม ฟ้ามีตา อีกหน่อยพี่เขาก็จะไปไกลกว่านี้" ป้าน้อยหันไปบอกลูกสาว

"งั้นจิ๋วขอลายเซ็นพี่ไท้ไว้ก่อนดีกว่า กลัวพี่ไท้ดังแล้วหยิ่ง" จิ๋วสัพยอก

"ไม่ขนาดนั้นหรอก" ไท้หัวเราะ

"คุณน้าเก่งนะครับ เลี้ยงลูกสองคนจนโตด้วยตัวเอง สอนลูกก็เก่งอีกต่างหาก ปกติพ่อผมไม่เคยรับอุปการะใครเลยนะครับ เพิ่งรับไท้มาเป็นคนแรก เขาชื่นชมไท้มาก" เปาชมลูกชายต่อหน้าว่าที่แม่ยายซึ่งหน้า คนเป็นแม่ดูปลื้มไม่น้อย

"แม่ผมเก่งอยู่แล้ว" ไท้รับลูก พลางเอียงคอไปซบไหล่แม่ที่นั่งอยู่ข้างๆ

"พ่อแม่เขาขยันทั้งคู่ ลูกก็เลยขยันตาม" ป้าน้อยบอกด้วยสีหน้าชื่นชม

เมื่อได้ยินคำว่าพ่อ เปาก็อดสงสัยไม่ได้ว่าพ่อของไท้หายไปไหน เขารู้แค่ว่าพ่อของไท้เลิกกับแม่ตั้งแต่ไท้กับไอซ์ยังเด็กๆ แต่ก็ไม่รู้รายละเอียดมากว่าเลิกกันเพราะอะไร

สีหน้าของทุกคนยังดูธรรมดา ไม่มีใครสะดุดใจกับคำว่า "พ่อ" เลยสักคน การสนทนาก็ยังคงดำเนินต่อไป ก่อนจะเลิกวงอาหารเย็น ไอซ์ก็ไม่ลืมเตือนพี่ชาย

"พี่ไท้ พรุ่งนี้อย่าลืมตื่นแต่เช้านะ จะได้ใส่บาตรด้วยกัน ไม่ได้ใส่บาตรด้วยกันนานแล้ว พี่เปาตื่นไหวไหมคะ จะได้มาใส่บาตรด้วยกัน" ไอซ์หันไปถามเพื่อนพี่ชายตอนท้าย

"กี่โมง"

"ตีห้าครึ่งค่ะ" ไอซ์บอก

"ที่นี่ใส่บาตรกันเป็นประจำเลยเหรอ"

"ค่ะ บ้านเราชอบทำบุญ ว่างๆ ก็จะไปทำบุญที่วัดกัน"

"ได้ๆ" เปาตอบรับ ก่อนทำท่าครุ่นคิด ไม่นานเขาก็พูดออกมา "วัดพระพุทธชินราชอยู่ไกลจากนี่ไหมครับ"

"ไม่ไกลหรอกจ้ะ คุณเปาอยากไปไหว้พระเหรอ" น้าทิพย์ถาม

"ครับ เห็นเขาว่าพระที่นี่ศักดิ์สิทธิ์มาก ผมอยากไปไหว้พระขอพรสักหน่อยครับ"

น้าทิพย์ยิ้มและพยักหน้าเห็นด้วย "ก็ดีเหมือนกัน ถ้าคุณเปาไป น้าว่าจะขอติดรถไปด้วยสักหน่อย ไม่ได้ไปไหว้พระที่นั่นมาหลายปีแล้ว พอจะได้หรือเปล่า"

"ได้เลยครับ ไปด้วยกันหมดนี่เลยก็ได้ครับ เบียดๆ กันหน่อย คุณลุงคุณป้าไปด้วยกันไหมครับ" เปาหันไปถามอีกครอบครัว

"อ๋อ ป้ากับลุงมีธุระพรุ่งนี้ทั้งวันเลย คุณเปาพาทิพย์กับไท้ไปเถอะค่ะ ไอซ์มีเรียนหรือเปล่า ไปกับพี่เขาสิ"

"พรุ่งนี้วันเสาร์จ้ะป้า" ไอซ์ตอบผู้สูงวัย

"เออๆ ป้าก็ลืมวันลืมคืน ไม่ได้ไปโรงเรียนกับเขามาสี่สิบกว่าปี ก็เลยจำวันไม่ค่อยได้" ป้าน้อยพูดติดตลกเรียกเสียงหัวเราะ

ไอซ์กับจิ๋วช่วยกันเก็บจานชามไปล้างหลังบ้าน ผู้ใหญ่สามคนไปนั่งคุยกันหน้าบ้าน แจ้งขอตัวกลับก่อน ส่วนไท้พาเปาเข้าไปในห้อง เตรียมเปลี่ยนเสื้อผ้าไปอาบน้ำ

เมื่อมาถึงในห้อง ไท้ก็ยื่นผ้าขาวม้าของเขาให้

"อะไรเหรอ"

"ผ้าขาวม้า เอาไว้ใส่อาบน้ำไงครับ"

"อ้อ แล้ว…มันใช้ยังไงล่ะ" เปาทำหน้างงขณะรับมาถือไว้

"เดี๋ยวผมสอน"

ไท้แย่งผ้าขาวม้ามาจากมือเปา คลี่ออกเป็นผืน จากนั้นก็เอามาพันเอวตัวเองพร้อมกับผูกปมให้ดูเป็นตัวอย่าง

"แบบนี้ครับ ไม่ยากหรอก"

"ไท้ผูกให้พี่ดีกว่า พี่ทำไม่เป็นหรอก" พูดจบเปาก็ถอดเสื้อกับกางเกงออก เหลือแต่ชุดชั้นในสีเทา

ไท้รีบเอาผ้าขาวม้าพันเอวให้เปาทันที เขาไม่ได้ล็อคห้องจึงกลัวคนมาเห็น ขณะก้มๆ เงยๆ ผูกปมให้ หนุ่มผู้พี่ก็ขโมยหอมแก้มเบาๆ และกระซิบกระซาบข้างหู

"พี่จะขาดใจแล้วนะไท้ ถ้าพี่อดใจไม่ไหวจะทำไงดี"

ไท้ยกมือจุ๊ปากพร้อมกับส่ายหน้าไปมา "ไม่ได้"

แม้จะทำเสียงดุ แต่ทั้งสองคนก็ขำ จากนั้นไท้ก็เปลี่ยนเสื้อผ้าของตัวเองบ้าง ที่จริงเขามีผ้าขาวม้าแค่ผืนเดียว แจ้งเพิ่งให้มาเพิ่มอีกหนึ่งผืนเมื่อตอนเย็นๆ ก็เลยเอาผืนนั้นให้เปาใช้

เมื่อเรียบร้อย ไท้ก็พาเปาไปอาบน้ำที่โอ่งหลังบ้าน ทั้งคู่เตรียมของใช้ส่วนตัวจากกรุงเทพมาด้วย เปาดูตื่นเต้นและเก้ๆ กังๆ ไม่น้อย ไม่น่าเชื่อว่าที่นี่ห่างจากกรุงเทพแค่ไม่กี่ร้อยกิโลเมตร แต่วัฒนธรรมการอาบน้ำกลับต่างกันราวฟ้ากับเหว กระนั้น เปาก็สนุกกับการใช้ขันตักน้ำอาบ

อาบไปอาบมาก็แกล้งกันตามประสาผู้ชาย เปาเริ่มก่อนด้วยการดึงผ้าขาวม้าเปียกๆ ของไท้ ไท้ก็เลยแกล้งคืนบ้าง ผ้าขาวม้าของเปาหลุด พอจะเอามาพันตัวใหม่ก็ทำไม่เป็น เขาจึงขอให้ไท้ช่วย แต่ไท้กลับหัวเราะชอบใจ เปาจึงอาศัยทีเผลอดึงของไท้จนหลุดบ้าง พอไท้จะแย่งคืนเขาก็ไม่ให้ เสียงหัวเราะของทั้งสองคนดังไปจนถึงหน้าบ้าน ชวนให้ผู้ใหญ่สงสัยในความสนิทสนม

สองหนุ่มใช้เวลาอาบน้ำนานพอสมควร เพราะเปาไม่คุ้นเคย แต่ครั้งแรกก็ผ่านไปได้ด้วยดี อาบเสร็จก็ออกมานั่งคุยกันหน้าบ้าน มีแคร่เล็กๆ ให้นั่ง มีเปลยาวผูกกับเสาไว้ข้างๆ ด้วยหนึ่งตัว เปาเลือกนอนในเปลตัวนั้น

ป้าน้อยกับลุงเลื่อนกลับไปแล้ว เหลือแต่น้าทิพย์ ไท้เล่าชีวิตในกรุงเทพให้แม่กับน้องสาวฟังเป็นส่วนใหญ่ พักหนึ่งไอซ์ก็ขอตัวไปอาบน้ำ เสร็จแล้วเธอก็กลับมาคุยต่อ แม่จึงขอตัวไปอาบน้ำเป็นคนสุดท้าย

เมื่อเหลือกันอยู่สามคน ไอซ์ก็ยิ้มมีเลศนัย ดูแปลกจนพี่ชายกับเพื่อนพี่ชายชักระแวง

"พี่สองคน…เป็นแฟนกันเหรอ"

ไท้ถึงกับสะดุ้ง ส่วนเปาดีดตัวลุกขึ้นนั่งบนเปลทันที หน้าตาเลิ่กลั่กด้วยกันทั้งคู่

"อย่ามาฟอร์ม ไอซ์สังเกตดูตั้งนานแล้ว" ไอซ์พูดเมื่อเห็นทั้งสองคนยังเงียบและมองหน้ากันไปมา

"อย่าเพิ่งบอกแม่นะไอซ์" ไท้รีบปรามน้องสาวเมื่อได้สติ

"ไม่บอกหรอก ไอซ์แค่อยากรู้เฉยๆ" ไอซ์พูด จากนั้นก็ยิ้มแฉ่ง "แต่ไอซ์ว่าก็ดีนะ พี่สองคน เคมีเข้ากั๊นเข้ากัน"

เมื่อเห็นสองคนยังเงียบ ไอซ์จึงเอะใจ "กลัวเหรอ พี่เปาไม่ต้องกลัวหรอก แม่ไอซ์น่ะใจดีจะตาย ถึงเขารู้เขาก็ไม่ว่าหรอก ใช่ไหมพี่ไท้" ไอซ์หันมาถามพี่ชายตอนท้าย

"อือ แต่ยังไง ไอซ์ก็อย่าเพิ่งไปบอกแม่ละกัน เอางี้…เดี๋ยวพี่ให้ตังค์ไปซื้อเสื้อหนึ่งตัว" ไท้ติดสินบนเสียเลย มีของแลกเปลี่ยนจะได้อุ่นใจมากขึ้น

"งั้นพี่ให้อีกหนึ่งตัว" เปาเสริม

"จะดีเหรอ" ไอซ์ทำหน้าเกรงใจ แต่ก็ยิ้มกริ่ม

"ดีสิ" ไท้ย้ำ

"ไหว้พระเสร็จแล้ว พี่จะพาไปซื้อที่เซ็นทรัลเลย ดีไหม" เปารับลูก ต่างคนต่างช่วยกันทำมาหากิน

คราวนี้ไอซ์ตาโต ปกติเธอไม่ค่อยไปที่ห้างนั้นในตัวเมืองเท่าไหร่ เพราะเสื้อผ้าที่นั่นราคาแพง เธอจึงซื้อที่ตลาดนัดแถวบ้านเป็นหลัก

"ก็ได้" สาวน้อยยิ้มดีใจ "แต่ถึงไม่พาไป ไอซ์ก็ไม่บอกหรอก ยกเว้นว่าแม่จะสงสัยเอง"

ประโยคหลังทำให้ไท้ถึงกับเสียวสันหลังวาบ แต่พอจะถามอะไรต่อ ไอซ์ก็วิ่งเข้าห้องตัวเองไปเสียก่อน

"ไปนอนแล้ว เจอกันพรุ่งนี้"

ไท้กับเปามองหน้ากันแล้วก็ขำ ถึงรู้ว่าแม่ใจดี แต่ไท้ก็ยังไม่มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ เขาเป็นลูกชายคนเดียว ไม่รู้ว่าแม่จะรับได้หรือเปล่า

เมื่อไม่มีใครอยู่ สองหนุ่มจึงเข้านอนบ้าง ที่บ้านนี้มีชั้นเดียว สร้างด้วยปูนสลับไม้ ดูค่อนข้างเก่าและโทรม มีสองห้องเอาไว้ซุกหัวนอน ไอซ์นอนกับแม่ ส่วนไท้นอนคนเดียวอีกห้อง

แม่เตรียมที่นอนหมอนมุ้งไว้ให้เรียบร้อย มีมุ้งกางให้ ฟูกนอน หมอนและผ้าห่มสำหรับสองคน เปารู้สึกว่าหมอนแข็งไปหน่อย แต่ก็พอนอนได้ เมื่อหัวถึงหมอน เขาก็ซุกตัวเข้ากอดไท้โดยที่อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัว

"พี่ไม่ทำอะไรหรอก แค่นอนกอดเฉยๆ" เปารีบบอกก่อนอีกคนจะพยายามดิ้นหนี

"จริงนะ" ไท้ถามย้ำ

"จริงสิ พี่ทั้งรักทั้งหลงไท้ขนาดนี้ ไท้ว่าไงพี่ก็ว่าตามนั้น" เปาบอก พลันก็ซุกหน้าเข้าสูดดมตรงซอกคอไท้เบาๆ "พี่ไม่เคยมีความสุขแบบนี้เลยนะไท้ พี่รักไท้นะ ไท้รักพี่หรือเปล่า ไม่เห็นบอกรักพี่เลย"

"รักสิครับ ถ้าไม่รักก็ไม่ยอมหรอก" ไท้ตอบเขินๆ

"ชื่นใจจัง" เปากอดกระชับอีกฝ่ายแน่น ยิ้มสุขไปทั้งใบหน้า


TBC



หลังตอนนี้ จะลดความถี่ในการอัปเดตลงไปสักพักนะครับ งานเริ่มเยอะ

ออฟไลน์ farhhhh

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
อ่านพวกเขางุ้งงิ้งกันแล้วปลื้มปิติมาก ไม่อยากให้กลับกรุงเทพฯ เลยค่ะ555555555555

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
   ชอบมุ้งมิ้งๆกันดีอะ มีความสุขกันสองคนที่ไหนล่ะ คนอ่านก็ยิ้มไปด้วย
  รออ่านตอนต่อไปคับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
หวานกันเข้าไป
มันเหมือนความฝัน

ช่างไม่รู้อะไรเลยว่า
มีสิ่งหนึ่งกำลังรออยู่
ข้างหน้านั่นน่ะ
มันดูมืดมิดและทะมึน
อย่างใจจดใจจ่อ

หุหุ หวังว่าจะรับมือกับมันได้
เพราะนั่นน่ะมันคือ..ของจริง

บวกเป็ดฮับ

ออฟไลน์ about

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 254
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ inxsara

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-0
EP 19 | หักอก


"เลว!"

สิ้นคำพูดนั้น ฝ่ามือและนิ้วเรียวก็ฟาดลงบนใบหน้าของเขา แม้ครั้งหนึ่งจะเคยพูดว่าเธอสามารถให้อภัยได้ถ้ารู้ว่าเขาทำไม่ดี แต่เธอก็ไม่สามารถทำได้อย่างที่พูดแล้ว

เพี๊ยะ!

เจ้าของฝ่ามือยืนสั่น ริมฝีปากสั่นระริก แม้พยายามสะกดกลั้นน้ำตาไว้แค่ไหน เธอก็ไม่อาจห้ามมันได้

"เอาอีกสิฟาง"

คนโดนตบท้าทาย ไม่ใช่เพราะสนุก แต่ในเวลานี้ เขายอมให้คนตรงหน้าทำอะไรกับเขาก็ได้ ขอเพียงแค่ชดใช้ให้เธอบ้าง แม้เพียงเล็กน้อยก็ยังดี

"เปาทำแบบนี้กับฟางได้ยังไง ทำได้ยังไง!" เสียงแหลมตวาดลั่น ความเจ็บปวดรวดร้าวในดวงตาคู่นั้นช่างทารุณ แม้กระทั่งคนที่เห็นก็พลอยเจ็บปวดไปด้วย

"เปาขอโทษ" นั่นคือคำพูดเดียวที่ดีที่สุดในเวลานี้ แต่เขากลับคิดว่าไม่พูดเสียดีกว่า เพราะมันฟังดูชุ่ยและไร้ความรับผิดชอบมากกว่าจะดูดี

"ขอโทษเหรอ!" หญิงสาวใช้มือผลักอกชายหนุ่มตรงหน้า "แล้วทำไมเพิ่งมาขอโทษ ห้าปี...มันสายไปไหมที่จะมาขอโทษ!"

"เปา..." เสียงของเขากลืนหายไป รู้ดีว่าไม่มีคำแก้ตัวไหนจะช่วยให้คนตรงหน้ารู้สึกดีขึ้นได้

"ไหนเคยบอกว่าเกลียดไง สุดท้าย...เปาเคยว่าพ่อยังไง เปาก็เป็นอย่างนั้นซะเอง!" เธอระเบิดอารมณ์ใส่ แม้รู้ดีว่าการพูดเรื่องในครอบครัวของเปามีความเสี่ยง เพราะเปาอาจจะไม่พอใจเมื่อไหร่ก็ได้ แต่คราวนี้เปากลับไม่โต้ตอบ

เปาก้มหน้า น้ำตาลูกผู้ชายรินไหล ใครว่าการบอกเลิกเป็นเรื่องง่าย บางครั้งเปากลับคิดว่าเขายอมเป็นฝ่ายถูกบอกเลิกเสียยังดีกว่า แต่ที่จริงเขาก็ยังไม่ได้พูดอะไรเลยด้วยซ้ำ พอมาถึงฟางก็ตบหน้าเขาทันที นอกจากเหตุการณ์วันนั้นแล้ว เปาก็ไม่แน่ใจว่าเธอรู้อะไรเพิ่มอีกบ้าง เพราะไม่ได้ติดต่อกันเป็นเดือนๆ

"ฟางยังอยู่ทั้งคน ยังเป็นแฟนเปาอยู่ไม่ใช่เหรอ ทำไมทำแบบนี้ ไม่เห็นหัวฟางเลยหรือไง!" ฟางร่ำไห้ นึกอยากจะทำร้ายคนตรงหน้าให้เจ็บกว่านี้ แต่ก็ยั้งมือไว้

เปายืนนิ่ง ก้มหน้ายอมรับชะตากรรม ไม่คิดจะตอบโต้ใดๆ แม้ฟางจะเอาปืนจ่อยิงเขาก็จะไม่ขัดขืน

"เงียบทำไม พูดอะไรบ้างสิ!" ฟางตรงเข้าผลักอกเขาอีก เปาเซไปข้างหลังเล็กน้อย เมื่อยังไม่หนำใจ ฟางก็ฟาดเรียวฝ่ามือลงที่ใบหน้านั้นอีกครั้ง

เพี๊ยะ!

เปาเอามือลูบแก้ม เขาเจ็บจนชา หรือที่จริงมันเลยจุดเจ็บไปแล้ว

"เปารักเขาไปแล้วน่ะฟาง"

เมื่อเธออยากให้พูด เปาก็เลยพูด แต่ก็เท่ากับหวดกระหน่ำความเจ็บปวดให้เธออีกระลอก หัวใจที่เจ็บอยู่แล้วก็แทบกระอักเลือด

"แล้วเปาไม่รักฟางเหรอ" ฟางตัดพ้อ "ไหนเปาเคยบอกว่ารักฟางมากไง แล้วที่เปามาเร่งให้เราแต่งงานกัน มันหมายความว่าไง แค่สองเดือน ทำไมมันเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ เปาลืมแล้วเหรอว่าเคยสัญญาอะไรกับฟางไว้"

เมื่อครู่เขาทำเธอเจ็บ คราวนี้เธอก็ทำให้เขาเจ็บด้วยคำพูดของเธอบ้าง

"รักสิฟาง ทำไมเปาจะไม่รักฟางล่ะ แต่ตอนนี้...เปาเพิ่งค้นพบว่าเปา..."

"หยุดโกหกฟางได้แล้ว!" ฟางเถียงแทรก สีหน้าจากเศร้าเปลี่ยนเป็นโกรธจัด "เปารู้ตัวเองมาตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอว่าตัวเองเป็นแบบไหน ตอนเรียนมัธยม เปาก็มีแฟนเป็นผู้ชายไม่ใช่เหรอ!"

เปาหน้าซีด สีหน้าบ่งบอกว่าตกใจอย่างมาก เขามั่นใจว่าฟางไม่น่าจะรู้เรื่องนี้ เขาเองก็ไม่เคยบอก ที่ผ่านมาฟางก็ไม่เคยสงสัย แต่จู่ๆ ทำไมฟางถึงรู้เรื่องนี้ขึ้นมาได้

"ตกใจล่ะสิที่ฟางรู้ ตัวเองก็เป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้ว รู้ทั้งรู้ แล้วทำไมมาหลอกฟาง มาหลอกฟางทำไม!"

"ฟาง มันไม่ใช่อย่างนั้นนะฟาง เปาไม่เคยหลอกฟางเลยนะ ที่เปามาคบกับฟาง ก็เพราะว่าเปารักฟาง ไม่เกี่ยวกับอดีตของเปาเลย" เปาพยายามอธิบาย แต่ก็ไม่เป็นผลดีอย่างที่คิด

"อ๋อเหรอ รักเหรอ คนรักกันเขาหักหลังกันแบบนี้เหรอ!" ฟางตะโกนใส่หน้า เสียงของเธอเริ่มแหบแห้ง

"ถ้าเปาไม่รักฟาง เปาจะอยู่กับฟางมาห้าปีได้ยังไง"

"เพราะเปาหลอกตัวเองไง เอาผู้หญิงมาบังหน้า จำไม่ได้เหรอว่าเคยว่าพ่อของตัวเองยังไง สุดท้าย...เปาก็ทำซะเอง ฟางไม่นึกเลยว่าเปาจะเป็นคนแบบนี้"

"ไม่ใช่อย่างงั้นนะฟาง ฟังเปาบ้างสิ"

"ฟางไม่ฟัง คนเห็นแก่ตัว ที่หายๆ ไป อย่าคิดว่าฟางไม่รู้นะว่าเปาไปทำอะไรกับเขา รักเขามากใช่ไหม รักมากก็ไปเลย ไม่ต้องมาให้ฟางเห็นหน้าอีก จบกันแค่นี้แหละ!"

"ฟาง! เดี๋ยวก่อนสิ!"

เปาเรียกตามหลัง แต่ฟางก็ไม่หันกลับมา เธอเดินฉับๆ ไปขึ้นรถ เปาไม่ได้ตามเธอไปแม้แต่น้อย ได้แต่ถอนหายใจและก้มหน้า ความรู้สึกผิดเกาะกุมเต็มพื้นที่ความคิด ไม่อยากเชื่อว่าความรักมันจบไปแล้ว เขาทำลายห้าปีและหัวใจของผู้หญิงคนหนึ่งง่ายดายเพียงนี้ เขาถึงว่ากันว่า...

ตอนสร้างต้องใช้เวลาและหัวใจนานนับปี แต่ตอนทำลาย...แค่เสี้ยววินาทีก็ไม่เหลือซาก

เปาเงยหน้าขึ้น รถของฟางแล่นออกไปจาก กกท. แล้ว เธออุตส่าห์ลงทุนมาหาเขาถึงที่นี่ เพราะอดทนรอพบกันมาหลายวัน ไม่แปลกหรอกที่เธอต้องการความกระจ่างชัด เพราะหลังจากเกิดเรื่องวันนั้น ต่างคนก็ต่างหนีหน้า ปล่อยให้เกิดคำถามและความสงสัยว่ายังรักกันอยู่หรือเปล่า ตอนนี้คำตอบก็น่าจะชัดเจนแล้ว

"ลาก่อนนะฟาง ขอโทษที่มันเป็นแบบนี้" เปารำพึงกับตัวเองเบาๆ

สองเท้าค่อยๆ ก้าวเดินออกไป เขาไม่รู้ว่าเขากำลังเดินไปไหน รู้สึกมึนงงจนหลงทิศทางไปแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะมีอีกคนมายืนขวางหน้าไว้ เขาก็คงไม่รู้ตัว

"จีน!" เปาอุทานเบาๆ เมื่อเห็นว่าเป็นใคร

"เปาโอเคหรือเปล่า" จีนถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง

เปาไม่ตอบ ที่จริงเห็นสีหน้าก็น่าจะรู้แล้ว ครู่เดียวจีนก็เดินเข้ามากอดเปาไว้ ทว่ากลับไม่ช่วยให้เปารู้สึกดีขึ้น ตรงข้ามเขารู้สึกแย่กว่าเดิมด้วยซ้ำ

"ไปหาอะไรดื่มกันไหม" จีนชวน

เปายังคงไม่ตอบ จีนคงรู้สึกกระอักกระอ่วน ไม่นานก็ยอมปล่อยมือออกเอง

"ช่วงเวลาแบบนี้ อยู่คนเดียวไม่ดีหรอก จีนเป็นห่วงเปานะ ถ้าจีนช่วยได้...จีนก็อยากช่วย"

"ขออยู่คนเดียวได้ไหม" เปาบอกด้วยเสียงทุ้มต่ำ

"ไปอยู่คอนโดกับจีนก็ได้ จีนไม่กวนหรอก" จีนต่อรอง

ตั้งแต่เปากลับมาจากบ้านไท้ จีนก็ชวนให้ไปพักที่คอนโดด้วย เปาจำต้องฝืนใจไปตามที่สัญญา ฝึกซ้อมเสร็จ เขากับจีนก็แอบหายไปด้วยกันบ่อยๆ ถึงแม้ไม่มีใครสงสัย แต่ก็ใช่ว่าเปาจะมีความสุข

"เราขออยู่คนเดียวละกัน" เปาบอกเสียงเข้ม ก่อนเดินจำอ้าวหนีไป

ไม่นานสองเท้าก็มาหยุดยืนที่หน้าห้องของใครคนหนึ่ง เกือบสี่ทุ่มแล้ว แต่คนที่อยู่ในห้องน่าจะยังไม่นอน เขาจึงเคาะประตูเรียก ไม่นานเจ้าของห้องก็มาเปิด ประตูแง้มออกพอให้มองเห็นหน้ากัน

"อ้าวเกิ้น ไท้ล่ะ" เขาถามพลางเมียงมองหา

"อ๋อ...อยู่ครับ" เกิ้นบอก ก่อนหันไปเรียกเพื่อนที่กำลังนอนดูทีวีอยู่ "ไท้ โค้ชเปามาหา"

แค่ได้ยินชื่อ ไท้ก็ดีดตัวลุกขึ้นและวิ่งมาหาทันที ส่วนเกิ้นสลับไปนั่งดูทีวีเหมือนเดิม

"พี่เปา" ไท้เรียกเสียงเบา ดีใจจนออกนอกหน้า

"พี่จะกลับบ้าน ไท้ไปกับพี่ไหม" เปาพูดเหมือนกระซิบ เพราะเขาไม่ต้องการให้เพื่อนของไท้รับรู้

"ครับพี่" ไท้ตอบตกลง

ตั้งแต่กลับมาจากพิษณุโลกเมื่อสามสี่วันก่อน ไท้ก็แทบไม่ได้อยู่กับเปาตามที่ตกลงกันไว้เลย ตกเย็นเปาก็หายไป ติดต่อไม่ได้ เจอกันเฉพาะเวลาทำงานเท่านั้น

"ไม่ต้องเอาอะไรไปหรอก พรุ่งนี้ก็มาอีก" เปาบอก

ไท้พยักหน้าตกลง จากนั้นก็หันไปบอกเพื่อน "เฮ้ยเกิ้น คืนนี้กูจะไปบ้านโค้ชนะเว้ย เดี๋ยวพรุ่งนี้กูมา"

"อ้าว ไปทำไม" เกิ้นสงสัย

"พอดีหมาที่บ้านโค้ชไม่ค่อยสบาย จะให้ไท้ไปช่วยดูแลหน่อย มันติดไท้มาก" เปาชิงตอบคำถามแทน

"อ๋อ...ครับ" เกิ้นรับคำ แต่สีหน้าก็ยังดูสงสัยอยู่

"ไป" เปาหันมาชวน ไท้ร่ำลาเพื่อนอีกรอบ ก่อนเดินแกมวิ่งตามเปาไป ดูท่าทางเปาคงมีเรื่องไม่สบายใจแน่ เพราะสีหน้าดูไม่ดีเลย

เมื่อมาหยุดยืนหน้าลิฟต์ เปาก็กดปุ่มเรียก รอไม่นานลิฟต์ก็เปิดออก พร้อมกับผู้โดยสารหนึ่งคนที่อยู่ในนั้น จีนนั่นเอง เมื่อกี้ตอนเปาเดินออกมา จีนก็ตามมาด้วย

"อ้าวไท้ จะไปไหนกันเหรอ" จีนถามเสียงเรียบขณะเดินออกมาจากลิฟต์

เปาคว้าข้อมือไท้ไว้ จากนั้นก็ฉุดเข้าไปในลิฟต์ด้วยกัน กดปิดประตูอย่างรวดเร็ว ไม่เปิดโอกาสให้ไท้ตอบคำถามรุ่นพี่แม้แต่น้อย สร้างความขุ่นเคืองใจให้จีนมากทีเดียว แต่เขาก็ทำอะไรโผงผางมากไม่ได้ เพราะตกลงกับเปาไว้แล้วว่าจะไม่ให้ไท้รู้เรื่องนี้

เมื่อคนที่รอคอยเข้ามาอยู่ในรถด้วยกัน เปาก็ดึงคนที่เขารักมากอดไว้ อารมณ์ที่อัดอั้นไว้เมื่อครู่พังทลาย

"พี่เลิกกับฟางแล้วนะไท้ มันจบไปแล้ว" เปากอดไท้แน่น อดไม่ได้ที่จะร้องไห้อีกครั้ง

ไท้ไม่รู้สึกแปลกใจที่เปาเสียใจ เปากับฟางผูกพันกันมาก คบกันมาหลายปี พอเลิกกันก็ต้องเสียใจเป็นธรรมดา จะว่าไป ไท้ก็รู้สึกแย่ไม่ต่างกัน เพราะที่เปาเลิกกับฟาง ก็เป็นเพราะไท้นั่นเอง

"ไท้ไม่ต้องคิดมากนะ พี่เป็นคนเลือกเอง เรื่องทั้งหมด...พี่ขอรับผิดคนเดียว" เปาบอกราวกับรู้ทันความคิดอีกฝ่าย

หนุ่มน้อยนิ่งคิด ที่เปาพูดก็ถูกครึ่งหนึ่ง แต่ปรบมือข้างเดียวคงไม่ดัง เมื่อไม่รู้จะพูดอะไรไท้จึงได้แต่กอดเปาไว้ จนกระทั่งเปาค่อยๆ สงบลงไปเอง เขาปล่อยไท้ออกจากอ้อมแขน จังหวะนั้นไท้จึงถาม

"แล้วพี่เปาจะทำยังไงต่อไปครับ"

เปาเลิกคิ้ว คงสงสัยว่าไท้หมายถึงอะไร หนุ่มน้อยจึงขยายความ

"ก็...พี่เปาเคยบอกไท้ว่าจะขอเวลาสามเดือน"

"อ้อ" เปาทำท่านึกขึ้นมาได้ เขาเกือบลืมไปแล้วด้วยซ้ำ ที่จริงมันเป็นข้อตกลงที่เขาไม่อยากนึกถึงเลย

"ใช่ แต่ว่า...คืนนี้ไท้อยู่เป็นเพื่อนพี่หน่อยนะ หลังจากนั้น...ค่อยว่ากัน"

"ผมไม่เข้าใจครับพี่เปา" ไท้บอกไปตามตรง

อย่าว่าแต่ไท้เลย เปาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ที่จริงเขาไม่ควรพาตัวเองมาติดอยู่ในเงื่อนไขนี้ด้วยซ้ำ

"บางอย่าง...ไท้ไม่ต้องเข้าใจมันก็ได้ เอาเป็นว่า...พี่ขอคืนนี้คืนเดียว พรุ่งนี้...ทุกอย่างจะเป็นไปตามที่เราตกลงกันไว้"

... ... ...

หลังเก็บข้อมูลสมรรถภาพรุ่นพี่ไปแล้ว โค้ชก็อนุญาตให้รุ่นพี่กลับบ้านได้ ที่แคมป์จึงเหลือแต่รุ่นน้องที่จะต้องเก็บข้อมูลสมรรถภาพของแต่ละคนบ้าง ช่วงสัปดาห์นี้ เปาต้องเก็บข้อมูลแต่ละคนโดยละเอียด เช่น พละกำลัง ความเร็ว ความอดทนในการยืนระยะ จุดตบ ความสูงของการกระโดดและอีกหลายๆ อย่าง รวมถึงอาการบาดเจ็บด้วย แต่ส่วนมากยังไม่มีอะไรมากเพราะเป็นเด็กใหม่

นอกจากจะมีนักกีฬาแล้ว วันนี้มีนักข่าวมาทำข่าวด้วย หลังการแข่งขันผ่านพ้นไป นักวอลเลย์บอลรุ่นใหม่บางคนเริ่มเป็นที่จับตามอง จึงเป็นที่สนใจของนักข่าวสายกีฬา ทางสมาคมจึงถือโอกาสนี้ให้นักข่าวมาเก็บภาพและสัมภาษณ์ ถือเป็นการประชาสัมพันธ์โครงการปั้นเด็กยักษ์ไปด้วย

เปาเริ่มต้นด้วยการให้นักกีฬาวิ่งหลบสิ่งกีดขวาง แล้วบันทึกความเร็วของแต่ละคน จากนั้นก็ทดสอบฟุตเวิร์กหรือความเร็วในการเคลื่อนไหวเท้าออกไปในทิศทางต่างๆ

ก่อนพักเบรกให้สัมภาษณ์ เปาให้นักกีฬาตำแหน่งหัวเสาทดสอบจุดตบ ในยิมซ้อมมีเสาโลหะตั้งอยู่ ตรงส่วนปลายมีแผงแท่งพลาสติกสวมเรียงกันบนแท่งเหล็ก แต่ละแท่งหนาหนึ่งเซ็นติเมตร นักกีฬาจะกระโดดตบแผงแท่งพลาสติก แท่งที่ถูกตบถึงจะแยกออกมา แท่งที่ตบไม่ถึงจะอยู่ที่เดิม เท่านี้เปาก็จะวัดความสูงของจุดตบได้ แต่ละคนจะทดลองกระโดดตบสามครั้ง เอาครั้งที่ดีที่สุดเป็นเกณฑ์

ผลปรากฎว่าไท้กระโดดตบได้สูงที่สุด เพราะเขาฝึกด้วยเทคนิคที่เปาสอนให้เป็นประจำ เรียกเสียงฮือฮาจากนักข่าวได้เป็นอย่างมาก นักข่าวหลายคนมาที่นี่เพราะต้องการสัมภาษณ์ไท้เป็นพิเศษด้วย ด้วยเหตุนี้ พอถึงช่วงพัก นักข่าวก็กรูมาสัมภาษณ์ไท้กันใหญ่ จากนั้นจึงค่อยไปสัมภาษณ์โค้ชกิตติ เปาและนักกีฬาคนอื่นๆ

จนกระทั่งพักเที่ยง นักกีฬาต่างแยกย้ายกันไปกินข้าวที่โรงอาหาร ส่วนสต๊าฟโค้ชก็แยกกันไปอีกกลุ่ม ช่วงนี้เปากับไท้แทบไม่ได้คุยกันส่วนตัวเลย พูดคุยแค่เวลาทำงานเท่านั้น แต่ก็ต้องรักษาระยะห่างไม่ให้ดูสนิทสนมเกินไป ไท้จึงรู้สึกอึดอัดและข้องใจพอสมควร

"น้องไท้ครับ"

เสียงใครคนหนึ่งเรียกขณะที่ไท้กำลังเดินออกจากโรงยิมไปกับเพื่อนๆ ทั้งกลุ่มหยุดเดินและหันไปมองเป็นตาเดียวกัน เจ้าของเสียงรีบเดินแกมวิ่งมาหา

"พี่มาจากสำนักข่าวไทยสปอร์ตครับ พอดีเพิ่งมาถึง รถมีปัญหาน่ะครับ ถ้าจะขอสัมภาษณ์น้องไท้สักห้าถึงสิบนาทีสะดวกไหมครับ" ชายหนุ่มบอกเหตุผล

"อ๋อ ได้ครับ" ไท้ตอบรับ ก่อนหันไปบอกเพื่อนๆ "เฮ้ย พวกมึงไปกินก่อนเลย เดี๋ยวกูตามไป"

พอเพื่อนๆ ไปแล้ว นักข่าวที่เพิ่งมาถึงก็จัดแจงหามุมเหมาะๆ ให้ไท้สัมภาษณ์ ง่ายสุดก็คือในโรงยิมนั่นเอง น่าแปลกที่เขามาคนเดียว แถมยังใช้กล้องมือถือถ่ายแทนกล้องสำหรับมืออาชีพ ยังดีที่มีขาตั้งมือถือมาด้วย พอจัดมุมเรียบร้อยเขาก็กดถ่ายและเดินมาสัมภาษณ์

"แนะนำตัวด้วยครับว่ามาจากไหน อายุเท่าไหร่ เล่นตำแหน่งอะไร"

"ผมชื่อไท้ครับ ชื่อจริงก็เทิดไท้ สินภูษา มาจากพิษณุโลก ตอนนี้ก็อายุสิบเก้าแล้วครับ เล่นตำแหน่งหัวเสาครับ"

"ทราบไหมครับว่าตอนนี้น้องไท้ดังมาก มีคนกดไลค์แฟนเพจเป็นหมื่น ยอดฟอลโล่วในอินสตาแกรมก็จะแตะหลักหมื่นแล้ว"

"อ๋อ...ก็ทราบอยู่ครับ ผมก็ตื่นเต้นเหมือนกัน ไม่คิดว่าจะมีคนติดตามเยอะขนาดนี้ ยังไงไท้ก็ขอบคุณทุกคนที่มาติดตามด้วยครับ"

"เล่นวอลเลย์บอลมากี่ปีแล้วครับ แล้วทำไมถึงได้มาเข้าร่วมโครงการปั้นเด็กยักษ์"

"เล่นมาตั้งแต่ประถมแล้วครับ จากนั้นก็ไต่ระดับมาเรื่อยๆ จนมอปลายผมก็ได้เล่นระดับภาค เป็นตัวแทนจังหวัด พอมีโครงการนี้ ทางจังหวัดก็ส่งผมเข้าประกวด ผมลงของภาคเหนือ แล้วก็ผ่านการคัดเลือกมาเข้าแคมป์ที่กรุงเทพครับ"

"ทราบมาว่าตบหนักมาก ฝึกยังไงครับ"

"หลักๆ ก็ฝึกทั่วๆ ไป แต่ว่าก็อาศัยเรื่องเวทเทรนนิ่งเข้ามาช่วยด้วย ที่สำคัญก็ต้องซ้อมบ่อยๆ อย่าขาดซ้อม ผมไม่เคยขาดซ้อมเลยครับ"

"เห็นว่าทีมจีน เกาหลี ญี่ปุ่น อิหร่านต้องคอยตามบล็อคตลอดเลย"

"ครับ" ไท้หัวเราะ "แต่ตัวเซ็ตของเรา พี่จีน ปารณ ก็เก่งมากนะครับ ช่วยหลอกได้เยอะเลย เขาก็เลยจับทางเรายากขึ้น"

"พอใจกับผลงานตัวเองกับทีมชาติครั้งแรกแค่ไหนครับ"

"ก็พอใจนะครับ ผมว่ามันเป็นโอกาสดีมากๆ สำหรับผม เป็นครั้งแรกด้วยครับ แต่ว่าก็ยังมีหลายจุดที่ต้องปรับปรุง ต่อไปก็จะพยายามทำให้ดีขึ้นครับ"

"ความฝันสูงสุดของน้องไท้คืออะไรครับ"

"อย่างแรก ผมอยากเป็นตัวจริงในทีมชาติชุดใหญ่ครับ ส่วนในอนาคต ถ้ามีโอกาส ผมอยากไปเล่นให้กับลีคในยุโรป"

"เก่งแบบนี้ มีคนรู้ใจหรือยังครับ"

"อ๋อ...ยังไม่มีครับ" ไท้หัวเราะ รู้สึกกระอักกระอ่วนใจเล็กน้อย

"แต่ก็มีสาวๆ เป็นแฟนคลับเยอะนะครับ" คนสัมภาษณ์หัวเราะ

"ครับ" ไท้รับคำสั้นๆ

"อ้อ รู้สึกว่าเก้งกวางก็เยอะด้วย"

"ครับ" คราวนี้ไท้หัวเราะ

"จะฝากอะไรถึงคนที่กำลังชมข่าวอยู่ตอนนี้ไหมครับ"

"ก่อนอื่นผมก็ขอขอบคุณอีกครั้งสำหรับกำลังใจแล้วก็การติดตามครับ หวังว่าทุกคนก็จะเชียร์กันต่อไป ยังไงๆ ก็ฝากทีมพวกเราด้วยนะครับ พวกเราทั้งสิบสองคนตั้งใจมาก ในอนาคตเราก็อยากจะพาทีมชาติไทยไปเป็นทีมอันต้นๆ ของเอเชียให้ได้ครับ ขอบคุณครับ"

พอสัมภาษณ์เสร็จ หนุ่มนักข่าวก็เก็บอุปกรณ์ใส่กระเป๋าอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเดินมาเพื่อขอบคุณและร่ำลา

"พี่ชื่อเกมนะครับ เป็นแฟนคลับของน้องไท้ด้วย ตามแฟนเพจแล้วก็ไอจีตลอด โห...พี่ดีใจมากเลยที่ได้มาสัมภาษณ์ ขอบคุณมากๆ เลยครับ อ้อ...ผมขอแลกไลน์ได้ไหมครับ จะได้เอาไว้ติดต่อกัน ถ้าข่าวลงแล้ว เดี๋ยวพี่จะส่งลิงค์มาให้"

"อ๋อ ได้ครับ" ไท้ยิ้ม พลางก็หยิบโทรศัพท์ออกมาให้อีกฝ่ายแลกไลน์กัน ที่จริงก็รู้สึกแปลกๆ นิดหน่อยเพราะนักข่าวคนอื่นๆ ไม่ขอข้อมูลส่วนตัวมากขนาดนี้

"พี่รู้จักกับผู้ใหญ่ของสโมสรบางกอกแก๊ส ทางนั้นเขาสนใจไท้มากเลย ถ้าสนใจอยากไปคุยกับผู้ใหญ่ก็บอกพี่ได้นะครับ"

แค่ได้ยินชื่อสโมสร ไท้ก็รู้สึกตื่นเต้น เพราะบางกอกแก๊สเป็นสโมสรวอลเลย์บอลอันดับหนึ่งในประเทศไทย จีนก็อยู่ที่สมาคมนี้ ถ้าเขาได้ไปเล่นให้กับที่นั่นคงจะดีไม่น้อย เพียงแต่ตอนนี้ยังติดสัญญากับสมาคมอยู่ ทุกคนที่มาเข้าแคมป์ต้องเซ็นสัญญากับสมาคมหนึ่งปี สมาคมจะเป็นคนลงทุนปั้นด้วยตัวเอง เพราะถ้าปล่อยให้ไปอยู่กับสโมสรเร็วเกินไป ระบบการสอนที่แตกต่างกันอาจส่งผลกระทบต่อฝีมือการเล่นได้

"สนใจไหมครับ" เกมถามอีกครั้ง

"สนใจครับพี่" ไท้ตอบ สีหน้ายังดูครุ่นคิด

"งั้นเดี๋ยวพี่จะลองคุยกับผู้ใหญ่ให้นะครับ รบกวนเวลาเยอะแล้ว งั้น...พี่ขอตัวก่อนดีกว่า"

"ครับพี่ ขอบคุณมานะครับ" ไท้บอกพลางยกมือไหว้

เกมรับไหว้ จากนั้นก็เอื้อมมือมาแตะไหล่ไท้เบาๆ ก่อนส่งรอยยิ้มแปลกๆ ให้ ปกติผู้ชายด้วยกันไม่น่ายิ้มแบบนี้

"พี่ไปก่อนนะครับ ไว้เจอกันคราวหลัง"

ไท้กับเกมเดินออกมาจากโรงยิมด้วยกัน จากนั้นก็แยกย้ายไปคนละทาง ไท้รีบวิ่งไปยังโรงอาหาร พอมาถึงไท้ก็รีบไปสั่งอาหารและมานั่งกินกับเพื่อนๆ กลุ่มที่สนิทด้วย ตั้งแต่กลับมาจากแข่งขัน ไท้ก็สนิทกับเหินฟ้า ฟีนิกซ์ เวิร์มและเกิ้นเป็นพิเศษ เพราะตอนแข่งไปเป็นตัวสำรองเหมือนกัน หลังๆ จึงมักจับกลุ่มอยู่ด้วยกัน

พอนั่งลงเท่านั้น เหินฟ้าก็ส่งโทรศัพท์มือถือของเขาให้ไท้

"มึงดูนี่สิไท้"

ไท้รีบรับมาดูด้วยความอยากรู้ ในหน้าจอมีแอปเฟสบุ๊คเปิดค้างไว้ มีข้อความจากสเตตัสของเพื่อนในทีมคนหนึ่งปรากฎอยู่

"ถึงผมจะไม่ดัง แต่ผมก็ภูมิใจ เพราะยังไงผมก็ไม่ได้ใช้เส้นเหมือนคนบางคนในทีม"

ข้อความนี้เป็นของตาต้า เขาเล่นบอลบีหลัง ตอนโค้ชเด้งเลือกทีมเยาวชนไปเป็นตัวสำรอง เขาหมายมั่นปั้นมือว่าจะติดหนึ่งในห้า แต่สุดท้ายก็พลาด หลายคนที่ไม่ได้ไปต่างก็เพ่งเล็งไท้ เพราะเขาเป็นนักกีฬาคนเดียวที่โค้ชเด้งรับอุปการะ จึงโดนข้อหาลูกรักอย่างไม่ต้องสงสัย

"มึงว่ามันว่าใครวะ" เหินฟ้าถาม

"มันก็ว่าพวกเรานั่นแหละ สงสัยมันจะเคืองมั้ง วันนี้ไม่มีนักข่าวไปสัมภาษณ์มันเลย" ฟีนิกซ์ว่า

"กูว่ากลุ่มพวกมันเขม่นไอ้ไท้มากกว่าว่ะ มึงไม่สังเกตเหรอ เดี๋ยวนี้พวกมันไม่คุยกับไอ้ไท้เลยนะเว้ย" เวิร์มเสริม กลุ่มพวกมันก็ได้แก่ตาต้า รัก โจและอั้ม แถมยังพยายามหาคนไปเป็นพวกเพิ่มด้วย

"มึงก็ดูพวกมันดิ แม่งมาสายตลอดเลย มาซ้อมก็ซ้อมไปงั้นๆ แถมยังหนีไปกินเหล้าอีก แล้วมันจะติดได้ไงวะ แต่ไอ้ไท้มันซ้อมหนักนะเว้ย ไม่เคยขาดซ้อมเลย ฝีมือมันก็ดี มันติดตัวสำรองทีมชาติก็ถูกแล้ว จะอิจฉาทำไมวะ" เกิ้นพูดกึ่งบ่น

"เฮ้ย ไม่ต้องไปสนใจหรอกไท้ มึงเชื่อกู ใครจะอิจฉาก็อิจฉาไป ยังไงๆ โค้ชก็เลือกคนที่ฝีมืออยู่แล้ว ถ้าพวกมันอยากติด ก็ทำตัวเองให้เก่งสิวะ" ฟีนิกซ์ว่าพลางตบไหล่ไท้เบาๆ ทำให้ไท้พอยิ้มออกบ้าง

"แต่ยังไงๆ มึงก็ต้องระวังหน่อยนะเว้ย พวกกูน่ะไม่คิดอะไรหรอก แต่พวกนั้นน่ะมันหาว่ามึงเป็นลูกรักโค้ชเด้ง แล้วโค้ชเปาก็สนิทกับมึงมากกว่าคนอื่นๆ ด้วย" เกิ้นพูด

"อ้อ กูถามมึงจริงนะไอ้ไท้ มึงกับโค้ชเปานี่...มีอะไรยังไงหรือเปล่าวะ" เวิร์มโพล่งถาม เล่นเอาคนถูกถามแอบสะดุ้ง

"ก็ไม่มีอะไรนี่" ไท้บอกปัดด้วยสีหน้าเรียบๆ

"แต่โค้ชเปาก็แปลกๆ นะ กูเห็นเขาออกไปไหนไม่รู้กับพี่จีนสองสามครั้งแล้ว แล้วพี่จีนเนี่ย...เสือผู้ชายเลยนะเว้ย เปย์ไม่อั้น เอ...แต่บ้านโค้ชเปาก็รวยอยู่แล้ว คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง" เวิร์มพูดเองเออเอง

เพียงเท่านี้ก็ทำให้ไท้หูผึ่ง เขาสงสัยมาสักพักแล้วว่าทำไมตอนเย็นๆ ถึงติดต่อเปาไม่ได้ พอเสร็จงานก็มักจะหายไปเลย ไม่รู้ว่าเวิร์มตาฝาดหรือเปล่า แต่ก็ไม่น่าเห็นผิดพลาดถึงสองสามครั้ง ชักจะไม่ชอบมาพากลเสียแล้ว เพราะไท้เป็นคนเดียวที่รู้ความหลังของทั้งสองคน กระนั้น ไท้ก็ไม่รู้ว่า...

เปากับจีนไปไหน และไปทำอะไร!?


TBC



ถ้าชอบเรื่องนี้ อ่านจบอย่าลืมบวกเป็ดให้ด้วยนะครับ :)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-02-2017 20:20:27 โดย inxsara »

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
  เปาเอาละสิ ไท้สงสัยอีกแล้วนะ  บรรยากาศเริ่มหม่นๆแล้วสิ
  รออ่านตอนต่อไปคับ

ออฟไลน์ crazydoii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
เอาล่ะสิ

ไท้เริ่มสงสัยล่ะ,,,,

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
เข้าใจผิด คิดไปเอง เกรงอีกฝ่าย
ดีหรือร้าย ตายหรือเป็น เห็นสงสัย
จะได้รู้ ใครจะอยู่ หรือจะไป
หยุดหัวใจ หยุดทำร้าย ตายทั้งเป็น

แต่ละคน อือหือ มีเหตุผลกันทั้งนั้น
เหตุผลใครก็เหตุผลมัน ทำร้ายกันเข้าไป
หุหุ

ออฟไลน์ inxsara

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-0
EP 20 | ใจร้าย


"เปาจำได้ไหม ตอนที่เราไปดูหนังด้วยกันครั้งแรก จีนตื่นเต้นมาก แล้วก็ซื้อตั๋วผิด ที่นั่งห่างกันไปตั้งหลายแถว จีนก็เลยต้องไปขอแลกที่กับพี่ผู้ชายคนหนึ่ง ดีนะเขามาคนเดียว ไม่งั้นเดตแรกของเราคงกร่อยน่าดู" จีนเล่าไปก็ขำไป ไม่คิดจะสังเกตดูด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายสนุกด้วยหรือเปล่า

อดีตเก่าๆ จะมีความหมายอะไรเล่า บางอย่างก็เป็นแค่ขยะในใจ ควรจะทิ้งไปมากกว่าเก็บไว้ด้วยซ้ำ คิดแล้วเขาก็ลุกขึ้น ก่อนก้มหยิบกางเกงในที่หล่นบนพื้นมาใส่

"เปาจะกลับแล้วเหรอ" จีนร้องถามพลางลุกขึ้นนั่ง ดูตกใจระคนเสียดาย

"พรุ่งนี้ต้องไปทำงานแต่เช้า" เปาตอบสั้นๆ สีหน้าไม่มีร่องรอยของความสุขเลย แม้เพิ่งผ่านกิจกรรมพิเศษไปเมื่อครู่นี้

"แล้วพรุ่งนี้จะมาอีกหรือเปล่า"

"ต้องมาทุกวันด้วยเหรอ" เปาหันไปถาม น้ำเสียงฟังดูไม่พอใจเท่าไหร่

"เปาตกลงกับจีนแล้วนะ" จีนทำเสียงอ้อน

เปาพ่นลมหายใจแรงๆ หน้าอมทุกข์อมโศกเปลี่ยนเป็นเข้มขึ้น เขาหันหน้าหนีแล้วก็พูด "มันไม่ช่วยอะไรหรอกนะจีน อะไรที่มันจบไปแล้วก็ให้มันจบไปดีกว่าไหม เพราะยังไง…เราก็รักไท้ ไม่ได้รักจีนอีกแล้ว อีกอย่าง…เราก็เพิ่งเลิกกับแฟน เราไม่มีกะจิตกะใจมาทำเรื่องบ้าๆ แบบนี้หรอก"

น้ำเสียงใส่อารมณ์ฟังดูจริงจัง ผ้าห่มผืนหนาถูกสลัดทิ้ง ร่างเปลือยเปล่าของจีนถลาลงจากเตียง ก่อนจะกอดอีกฝ่ายจากทางด้านหลังไว้

"ไหนว่าเปาจะไม่พูดแบบนี้ไง แค่สามเดือนเองนะเปา ช่วยจีนไม่ได้เหรอ ตอนนี้จีนก็เริ่มรู้สึกดีขึ้นแล้ว"

เปาถอนหายใจอีก เขาอึดอัดกับสภาพชีวิตแบบนี้เหลือเกิน "แล้วไม่เห็นใจเราบ้างเหรอ รู้ไหมว่าเราทรมานแค่ไหน ไท้ก็เริ่มสงสัยแล้ว ถึงเขาจะไม่พูด แต่เราก็รู้ว่าเขาสงสัย อีกไม่นานเขาก็จะรู้เข้าจนได้ เราไม่อยากให้ไท้เสียใจนะจีน"

"ก็เราสัญญาแล้วไงว่าจะไม่บอกไท้" จีนเถียง

"ถึงไม่บอก จีนคิดว่าไท้จะไม่สงสัยหรือไง" เปาชักเสียงดัง

ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ เพราะจีนไม่มีคำตอบให้ ไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำว่าเขาคิดจะทำอะไรบ้าง ก่อนหน้านี้ จีนสนิทกับไท้มาก บางคนถึงขั้นลือกันไปว่าเขาจ้องจะงาบรุ่นน้องคนนี้ แต่จีนก็ไม่แสดงท่าทีชัดเจน เขาจึงดูเหมือนเป็นพี่ชายที่คอยดูแลมากกว่า พอเปากลับเข้ามาในวงจรชีวิต ความสนใจในรุ่นน้องคนนั้นก็เบนกลับมาหาคนรักเก่า หลังๆ มานี้เขาก็ดูห่างเหินกับไท้พอสมควร

"เราจะกลับแล้ว" เปาพูดเสียเองเมื่อเห็นว่าจีนเงียบไปนาน

น่าแปลกที่คราวนี้จีนไม่ขัดขืน เขายอมปล่อยมือออกแต่โดยดี เปาจึงหยิบเสื้อผ้าที่เหลือมาใส่

"รักไท้มากเลยเหรอ" อยู่ๆ จีนก็ถามคำถามนี้

เปาหยุดชะงัก มือที่กำลังติดกระดุมแขนเสื้อตกลงข้างตัว "ใช่"

พลันจีนก็แค่นหัวเราะ "แน่ใจเหรอ"

"ทำไม" เปาขมวดคิ้ว

"เปล่า จีนก็แค่นึกถึง…" เสียงจีนกลืนหาย แต่เปาก็น่าจะรู้ว่าเขาหมายถึงอะไร

"ตอนนั้นกับตอนนี้มันไม่เหมือนกันนะจีน ถ้าเราไม่รักไท้จริง คิดเหรอว่าเราจะยอมเลิกกับแฟนตัวเอง"

"ก็จริงสินะ" จีนแค่นหัวเราะอีก ท่าทางดูแปลกๆ จนเปาชักอึดอัด

"ไม่มีอะไรอีกแล้วใช่ไหม เราจะได้กลับ"

น้ำเสียงห่างเหินนั้นช่างฟังดูน่าเจ็บปวดไม่น้อย เมื่อเป็นแบบนี้แล้ว จีนก็คงไม่มีทางเลือก นอกจากเดินหน้าสิ่งที่วางแผนไว้ต่อไป

"ไม่มีหรอก อยากกลับก็กลับ" น้ำเสียงของจีนเย็นชาพอกัน

เปาถอนหายใจอีกครั้ง ก่อนติดกระดุมแขนเสื้อจนเรียบร้อย เดินไปหยิบรองเท้ามาใส่ ก่อนคว้าสัมภาระจำนวนหนึ่งติดมือไปด้วย ไม่นานก็ได้ยินเสียงปิดประตู ในห้องนี้จึงเหลือแต่ความเงียบงันอีกครั้ง

จีนกลับขึ้นไปนอนบนเตียง เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา จากนั้นก็โทรหาผู้สมรู้ร่วมคิด เมื่ออีกฝ่ายรับสาย เขาก็ถามโดยไม่พูดพล่ามทำเพลง

"ไปถึงไหนแล้ว"

"ไปเจอมาแล้วพี่ ได้ไลน์มาด้วย"

"ก็ดี แล้วนัดเจอกันหรือยัง"

"ยังพี่ ตอนนี้แค่คุยไลน์กันเล่นๆ อยู่ อย่าใจร้อนสิครับ ของแบบนี้…ต้องใช้เวลานิดหนึ่ง"

"แล้วเขาเป็นยังไง สงสัยอะไรไหม"

"ผมว่าไม่นะ เขาดูซื่อๆ อย่างว่าแหละ เด็กบ้านนอก เขาไม่ทันพวกเราหรอก" ฝ่ายนั้นหัวเราะ

จีนรู้สึกสะดุดใจเล็กน้อย กระนั้นก็รีบสลัดทิ้งไปโดยเร็ว "ก็ดีแล้ว แล้วเมื่อไหร่จะนัดล่ะ"

"อาทิตย์หน้าก็น่าจะได้มั้งครับ ตอนนี้…น้องเขาก็คุยกับผมดี คุยสนุกด้วย"

"เกมชอบเขาเหรอ" จีนมุ่นคิ้ว

"เปล่าหรอกพี่ น้องเขาแค่คุยสนุกเฉยๆ ยังไงๆ ผมก็ไม่เปลี่ยนใจจากพี่จีนอยู่แล้ว ไม่งั้น…ผมไม่มาช่วยแบบนี้หรอก" เขาถือโอกาสทวง

"อย่ามาทำปากหวาน ทำให้สำเร็จก่อนแล้วค่อยมาพูด" จีนทำเสียงดุ เกมหัวเราะแหะๆ

"เชื่อมือผมได้เลย ผมไม่ทำให้พี่ผิดหวังหรอกน่า เพื่อพี่จีน…ผมทำได้ทุกอย่างอยู่แล้ว"

"เออ ก็ดี งั้นแค่นี้ก่อนนะ"

จีนตัดบทอย่างห้วนๆ จากนั้นก็วางสายไป เขานั่งครุ่นคิด จะว่าไปเขาก็ลังเลและสับสน ใจหนึ่งก็อยากแก้แค้น ใจหนึ่งก็อยากให้มันจบ แต่เมื่อนึกถึงความเจ็บในวันนั้น จนกระทั่งชีวิตของเขาต้องกลายเป็นแบบนี้ เขาก็ปล่อยวางไม่ลง

พักหนึ่งเขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้ง ชั่งใจสักพักก็กดโทรหาใครคนหนึ่ง เมื่อฝ่ายนั้นรับสาย รอยยิ้มก็ปรากฎบนใบหน้าของจีน

"ยังไม่นอนอีกเหรอ"

"ยังเลยครับพี่ เมื่อกี้ไปคุยที่ห้องไอ้ฟีนิกซ์มา"

"อ๋อ แล้ววันนี้เป็นไง ซ้อมหนักไหม"

"ก็ไม่ค่อยเท่าไหร่ครับ ที่จริงก็ไม่ได้ซ้อมหรอก พี่เปามาเก็บข้อมูล ตอนนี้เก็บเสร็จหมดแล้ว"

น้ำเสียงที่พูดถึงอีกคนฟังดูสนิทสนม แต่ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก มันก็ควรจะเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว

"แล้วกลับบ้านมาเป็นไงมั่ง ช่วงนี้…พี่ไม่ค่อยได้คุยกับไท้เลย" จีนเปลี่ยนเรื่อง

"ก็ดีครับ ไท้คิดถึงแม่ เสียดาย…เวลาน้อยไปหน่อย"

"คราวหลังพี่ไปด้วยสิ"

"ถ้าไม่รังเกียจคนจนๆ อย่างผม ก็ไปได้ครับ แต่กลัวพี่จีนไม่ชอบ บ้านผมเก่าแล้วก็เล็กมาก กลัวพี่จีนจะอยู่ไม่ได้"

"ไม่เห็นเป็นไรเลย ตอนเรียนมหาลัย พี่ไปแคมปิ้งต่างจังหวัดบ่อยๆ พี่ไม่เรื่องมากขนาดนั้น อยู่ง่ายกินง่ายจะตาย"

"อ๋อ ถ้างั้นก็ยินดีเลยครับ แม่ผมก็อยากเจอพี่นะ ผมเคยเล่าให้เขาฟังว่าอยู่นี่มีพี่จีนคอยสอน ถ้าไม่ได้พี่จีนช่วยก็แย่เหมือนกัน"

คำพูดซื่อๆ สะดุดใจของจีนไม่น้อย เขารู้ว่าไท้เป็นเด็กดี รู้บุญคุณคน แถมยังอ่อนน้อมถ่อมตน มีสัมมาคารวะ เก่งขนาดไหนก็ไม่ยกตนข่มคนอื่น ที่สำคัญ ไท้รักและเคารพจีนเหมือนพี่ ทำตัวเป็นน้องที่น่ารัก เพราะเขาคิดเสมอว่าจีนมีบุญคุณด้วย

แต่ถ้าไท้รู้เรื่องระหว่างจีนกับเปาเข้า เขาก็นึกไม่ออกเลยว่าจะมองหน้าไท้อย่างไร กระนั้น เขาก็พาตัวเองมาติดร่างแหนี้แล้ว ที่จริงมันก็แก้ได้ไม่ยาก เพียงแต่เขาเลือกจะทำให้มันไม่ง่ายเท่านั้น

"อืม…ผมถามอะไรพี่จีนหน่อยได้ไหมครับ" น้ำเสียงลังเลพูดขึ้น สติของจีนจึงกลับมาอยู่กับตัว

"ได้สิ ถามมาเลย"

"พี่จีนกับพี่เปา…คุยกันเข้าใจแล้วเหรอครับ"

จีนสะดุ้งเฮือก ถ้าไท้มาเห็นสีหน้าของเขาตอนนี้คงสงสัยไม่น้อย มือเขาเย็นขึ้นมาทันที "ไท้หมายความว่าไง"

"ก็…" ไท้เงียบเหมือนครุ่นคิด สักพักก็ตัดสินใจพูด "ก็เรื่องในอดีตไงครับ"

"อ๋อ…" จีนเลิ่กลั่ก "อืม คุยกันแล้ว เข้าใจกันแล้วล่ะ"

ไท้เงียบไปอีกแล้ว อาจจะแปลกใจก็ได้ เพราะที่ผ่านมาจีนทำท่าเหมือนเกลียดกลัวเปา ราวกับจะอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้

"อ้อ แต่ก็ดีนะครับ เข้าใจกันแล้วก็ดี" ไท้พูด

ความเงียบเข้ามาครอบคลุมอีกแล้ว บรรยากาศตอนนี้ช่างน่าอึดอัดเสียจริง ไม่รู้ว่าจีนคิดถูกหรือคิดที่โทรหาไท้ แต่น่าจะเป็นอย่างหลังมากกว่า

"ไท้…สงสัยอะไรหรือเปล่า" จีนตัดสินใจถามไป

"อ๋อ…เปล่าครับ"

จีนถอนหายใจ ไม่รู้ว่าเครียดเรื่องอะไรกันแน่ "ไท้ พี่จะบอกไท้อย่างหนึ่งนะ"

"ครับ"

"รักใครก็รักได้ แต่ไท้ก็ต้องเผื่อใจไว้ด้วย พี่ไม่อยากให้ไท้เป็นเหมือนพี่ เปาน่ะ…เขามีปัญหาในใจเยอะ พี่ก็ไม่รู้ว่าเขารักไท้ หรือว่าคิดจะจริงจังแค่ไหน เขาอาจจะจริงจังก็ได้ แต่อดีตในครอบครัวของเขา…ทำให้เขาเป็นแบบนี้ ถึงพี่จะให้อภัยเขาได้ แต่…พี่ก็ไม่อยากให้ใครมาเป็นเหมือนพี่อีก"

"ครับ" ไท้รับคำสั้นๆ คงเป็นเพราะไม่รู้จะพูดอะไรมากกว่า

"อย่าไว้ใจคนมากนะไท้ คนสมัยนี้…ไว้ใจใครไม่ค่อยได้หรอก บางที…คนที่ไท้เห็นว่าดี ก็อาจจะไม่ดีจริงเสมอไป"

ไม่รู้ว่าจีนเตือนให้ไท้ระวังใครกันแน่ เพราะบางที คนที่ไท้จะต้องระวังอาจจะเป็นจีนก็ได้ ไม่ใช่แค่เปาเท่านั้น

"ครับพี่"

"แย่จัง พี่ก็ทำให้ไท้เครียดก่อนนอนเลย" จีนแสร้งหัวเราะกลบเกลื่อน "พี่ก็เตือนเฉยๆ นะ แต่ไท้ไม่ต้องคิดมากหรอก มันอาจจะไม่มีอะไรอย่างที่พี่พูดก็ได้"

"ครับพี่"

"ดึกแล้ว พี่ไม่กวนไท้ดีกว่า พรุ่งนี้มีซ้อมอีกไม่ใช่เหรอ"

"ครับ พอดีทางสมาคมจะหาทีมเยาวชนต่างประเทศมาให้อุ่นเครื่องสักสองสามทีม ช่วงนี้ก็เลยต้องซ้อมหนักอีก" ไท้บอก

"สู้ๆ นะครับ คนเก่งๆ อย่างไท้ ความฝันไม่ไกลเกินเอื้อมหรอก ถ้าวันหนึ่งความรักมันยาก ไท้ก็ยังมีความฝันให้เลือกนะ พี่ว่า…ความฝันมันดีกว่าความรักด้วยซ้ำ ความรักน่ะ…พอได้มา มันก็อาจจะทรยศเราก็ได้ แต่ความฝัน…ได้มาแล้ว มันก็อยู่กับเรา ไม่ทรยศเรา"

"ครับพี่" ไท้รับคำ ที่จริงก็คงจะงงไม่น้อยว่ารุ่นพี่พยายามสื่อสารอะไร

"พอดีกว่า พี่เพ้อเจอใหญ่แล้ว ไปนอนดีกว่านะ กู๊ดไนท์ครับ"

"กู๊ดไนท์ครับพี่"

ทันทีที่วางสายจีนก็ถอนหายใจยาว จากนั้นก็กวาดสายตามองดูเสื้อผ้าของตัวเองที่หล่นกระจายบนพื้นห้อง ความคิดในหัวสมองตีกันวุ่นไปหมด ไม่รู้ว่าเขาใจร้ายมากไปหรือเปล่าที่ทำกับน้องรักถึงขนาดนี้

"พี่ขอโทษนะไท้ แต่คนอย่างเปาต้องได้รับบทเรียนบ้าง ไม่อย่างนั้น…เขาก็จะไม่จำ"


TBC



ถ้าชอบเรื่องนี้ อ่านจบอย่าลืมบวกเป็ดให้ด้วยนะครับ :)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-02-2017 21:33:38 โดย inxsara »

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
จีนจะทำไรหว่าาาาาา.  :hao5: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
  แค่จะสั่งสอนเปาแต่คนอื่นก็โดนกระทบไปด้วย แล้วจีนจะเอาไง
  รออ่านตอนต่อไปคับ

ออฟไลน์ inxsara

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-0
  แค่จะสั่งสอนเปาแต่คนอื่นก็โดนกระทบไปด้วย แล้วจีนจะเอาไง
  รออ่านตอนต่อไปคับ

ตอนนี้สั้นหน่อยนะครับ คนเขียนงานยุ่งมากๆ ช่วงนี้

ออฟไลน์ crazydoii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
สงสารไท้

ทำกันได้เนาะ คนอุตส่าห์ไว้ใจ,,,

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ farhhhh

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ยิ่งอ่านก็ยิ่งไม่ชอบจีนอ่ะ เรื่องของแกกับเปา มันเป็นเรื่องของคนสองคนปะ อย่างที่บอก เข้าใจง่าเจ็บ เข้าใจว่าเสียใจ แต่โตแล้วปะ ปล่อยวางบ้างก็ได้ ในอดีตไม่ใช่ว่าเปาไม่เจ็บ มันก็เสียใจเหมือนกันอ่ะ
เปาไปสารภาพกับไท้เลยไป พูดกันตรงๆ ไม่ต้องซ่อน ทุกอย่างจะได้เคลียร์
ที่จริงไอสามเดือนนี่ ไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบเลยจริงๆ ให้ตายสิ โกรธแทนไท้แล้วเนี่ย  :z3:

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
อ้าวววววววว..ที่เปายอมทำตามคำขอ แค่คบกันแบบปลอมๆ ไม่ใช่หรือ
ตกลงกันในระยะสามเดือน ก็เพื่อแก้ไขความรู้สึกของจีนให้มันดีขึ้น
แล้วทำไม?????? ต้องมีการเอากันจริงๆ ให้เกิดขึ้นด้วย มันมากเกินไปไหม

สองคนทำกันขนาดนี้ อย่ามาพูดแก้ตัวหรือใช้เหตุผลร้อยแปด
อธิบายเพื่อให้เข้าใจในภายหลัง เมื่อความลับแตก ความจริงถูกเปิดเผยแล้ว
เพื่อ?????? จะให้เข้าใจอะไร ความจำเป็นที่ต้องแอบไปเอากันน่ะ...เหรอออออ
ดูแล้วมันไม่เมคเซ้นท์(ห่า)อะไรเลย จริงๆ

เขื่อเค้าเลยสองคน
ไม่ได้รักแล้วแต่ยังสามารถ(เด้า)กันได้ หุหุ

มันรับไม่ได้ เกินไปจริงๆ

+1 ให้สำหรับตอนนี้
อ่านแล้วกระแทกใจป่นปี้
 :monkeysad: กาซิก

ออฟไลน์ inxsara

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-0
EP 21 | ระแวง


"ปกติว่างวันไหน"

"เสาร์อาทิตย์บ่ายครับ"

"แล้วชอบทำอะไรตอนว่างๆ"

"คุยกับแม่ อ่านหนังสือเรียน"

"ขยันจัง เป็นเด็กดีนะเนี่ย"

"555"

"ชอบไปเที่ยวไหม อย่างเช่น ซื้อของ กินข้าว ดูหนัง"

"ไม่ค่อยครับ ต้องประหยัดเงิน"

"แล้วปกติชอบดูหนังไหม"

"ไม่ค่อยดูครับ ยกเว้นได้ตั๋วฟรี 555"

"ที่ถามไม่ใช่อะไร พี่ได้ตั๋วหนังฟรีมาสองใบ วันเสาร์บ่ายสาม ไท้ว่างนี่ พี่กำลังหาเพื่อนไป สนใจไหม เรื่องนี้สนุกนะ"

"เรื่องอะไรครับ"

"มอนสเตอร์ทรัค หนังแอ๊คชั่นผจญภัย"

"ครับ"

"เล่นกีฬาเหนื่อยแล้ว พักผ่อนบ้างก็ดีนะ จะได้สดชื่น"

"จริงครับ"

"งั้นไปดูด้วยกันนะ"

"ก็ได้ครับ"

"เดี๋ยวพี่เอารถไปรับเที่ยงครึ่ง ไปกินข้าวกันก่อน พี่เลี้ยงเอง"

"ไม่เป็นไรครับพี่ เกรงใจ"

"ไม่ต้องเกรงใจ วันไหนน้องไท้ดังก็เลี้ยงพี่คืนสิ"

"ครับ 555"

"แล้วเจอกันครับ"

"ครับพี่"

ระหว่างนั่งรถแท็กซี่มา เวลาเกือบทั้งหมดก็หมดไปกับการคุยกับชายแปลกหน้าคนนี้ ที่จริงก็ไม่น่าจะแปลกหน้าแล้ว เพราะตั้งแต่มาสัมภาษณ์คราวนั้น ชายหนุ่มที่ชื่อเกมก็คุยไลน์กับไท้แทบทุกวัน คุยไปคุยมาก็เริ่มสนิท จนกระทั่งไท้ยอมรับนัดไปดูหนังด้วยกัน

สี่ทุ่มกว่าแล้วไท้จึงมาถึงที่หมาย พอจ่ายเงินและลงจากรถ เขาก็เดินไปกดกริ่งเรียกตรงประตูรั้วหน้าบ้าน ไฟในบ้านยังเปิดสว่างอยู่ แสดงว่าเจ้าของบ้านน่าจะยังไม่นอน ระหว่างรอไท้ก็อดตื่นเต้นไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าใครจะมาเปิดให้ แถมยังไม่แน่ใจด้วยว่าคนที่มาเปิดจะรู้สึกอย่างไรที่เห็นไท้มาหาในยามวิกาลอย่างนี้

ไม่นานเจ้าของบ้านก็เดินออกมาเปิดประตูให้ พอเห็นว่าใครมาหาก็แปลกใจ

"อ้าวไท้ มาซะดึกเลย เข้ามาก่อน" โค้ชเด้งเปิดประตูรั้วเล็กให้

ไท้ยกมือไหว้ โค้ชเด้งรับไหว้แล้วก็พาไท้เดินเข้ามาในบ้าน ระหว่างทางก็ถาม

"มาหาเปาเหรอ"

"ครับโค้ช" ไท้ยอมรับตามตรง แต่ก็ไม่กล้าบอกทำไมถึงมาหา กระนั้น การที่ไท้ปรากฎตัวที่นี่ในเวลานี้ก็น่าสงสัยมากเพียงพอแล้ว

"เปาเขายังไม่กลับเลย ไม่รู้ไปไหน เดี๋ยวนี้กลับบ้านดึกๆ บ่อยๆ บางวันก็ไม่กลับ ไม่รู้ว่าไปกับฟางหรือเปล่า" คนเป็นพ่อพูดเหมือนบ่น ไท้ได้แต่ฟังและเดินตามเข้าไปในบ้าน พอนั่งลงที่โซฟารับแขก โค้ชเด้งก็ชวนคุย

"กินอะไรมาหรือยัง"

"กินแล้วครับโค้ช แล้วโค้ชจะนอนแล้วเหรอครับ"

"ยังหรอก รอเปาอยู่ ว่าจะคุยกับเขาเรื่องแผนพัฒนานักกีฬารายบุคคลซะหน่อย เห็นว่าเก็บข้อมูลเสร็จหมดแล้ว"

"ครับ เพิ่งเสร็จวันนี้เองครับ" ไท้ก้มหน้าเล็กน้อย อาการไม่สู้หน้าจึงชวนให้อีกฝ่ายสงสัย

"ไท้…มาหาเปา มีธุระอะไรไหม" ในที่สุดโค้ชเด้งก็ถาม เขารู้ว่าไท้เป็นคนประหยัดเงิน แถมยังไม่ค่อยชินเส้นทางในกรุงเทพ ถ้าถึงกับยอมเสียเงินค่าแท็กซี่มาที่นี่ คงต้องมีอะไรสักอย่างแน่

"อ๋อ…ผม…ผมว่าจะมา…เอ่อ…" สุดท้ายไท้ก็นึกไม่ออก เขาไม่ได้เตรียมคำตอบนี้ไว้เลย ที่เขาอุตส่าห์ถ่อสังขารมาถึงนี่ก็เพราะความคิดถึง อยากคุยกับเปาตามลำพังสองคน แต่จะบอกตรงๆ อย่างนั้นก็กระไรอยู่

"คิดถึงพี่เขาเหรอ" ถึงไท้ไม่ตอบ โค้ชเด้งก็เดาได้ไม่ยาก เพราะที่ผ่านมาก็สังเกตและรับรู้ความเคลื่อนไหวมาตลอด

ไท้ดูตกใจเล็กน้อย แถมยังดูอึกๆ อักๆ จนในที่สุดโค้ชเด้งต้องถามเอง

"เปาเขาชอบไท้ใช่ไหม"

เมื่อคำถามลงท้ายด้วยคำว่า "ใช่ไหม" ย่อมแปลว่าคนถามรู้มาบ้างแล้วแต่ไม่แน่ใจ คนตอบก็คงตอบได้เพียงสองอย่างคือใช่กับไม่ใช่ ยกเว้นคนเจนโลกซึ่งอาจพูดให้เป็นอย่างอื่นได้ แต่โดยลักษณะนิสัยแล้ว ไท้คงไม่พูดแบบนั้น เขาจึงรับคำ แม้จะดูไม่มั่นใจก็ตามที

"ครับ"

โค้ชเด้งไม่ตกใจมากนัก กระนั้นสีหน้าก็ดูครุ่นคิด คำตอบของไท้ทำให้เขานึกถึงแฟนของลูกชาย ที่จริงก็เอะใจมาระยะหนึ่งแล้วที่ไม่เห็นฟางมาที่นี่ แต่ด้วยความยุ่งๆ จึงลืมถาม หรือแม้ว่าจะถามก็คงยากที่จะได้คำตอบ เพราะเปามักสงวนคำพูดและความคิดเห็นเมื่อคุยกับพ่อ แม้ว่าตอนหลังๆ จะคุยกันมากขึ้น แต่คนเป็นพ่อก็ยังสัมผัสความห่างเหินได้

"ฟางเขารู้เรื่องนี้หรือเปล่า" โค้ชเด้งสงสัย

ไท้นั่งนิ่ง จะตอบตามตรงก็ไม่กล้าตอบ แต่ผู้ใหญ่ย่อมตีความหมายอาการอย่างนี้ได้ไม่ยาก คำถามต่อมาจึงตามมาทันที

"เปากับฟาง…เลิกกันแล้วใช่ไหมไท้"

ไท้ไม่แน่ใจว่าตัวเองอยู่ในฐานะที่จะตอบคำถามนี้หรือเปล่า คนที่จะตอบได้ดีที่สุดก็คือเปา แต่จนป่านนี้เจ้าตัวก็ยังไม่กลับบ้าน ไม่รู้ว่าไปไหน ไปหาใคร แถมยังปิดโทรศัพท์ จนกระทั่งไท้ร้อนใจและทนไม่ไหว เขาจึงต้องตามมาหาถึงที่บ้าน

ก่อนไท้จะอ้าปากพูด ไฟหน้าบ้านก็สว่างวูบวาบขึ้น รถยนต์คันหนึ่งแล่นมาจอด ไม่นานก็ได้ยินเสียงหมาสองตัวส่งเสียงจากหลังบ้าน ก่อนย้ายแหล่งกำเนิดเสียงไปที่หน้าบ้าน พวกมันจำเสียงรถของเจ้านายได้ และมักจะออกมาต้อนรับทุกครั้งไม่เคยขาด

"เปามาแล้ว" โค้ชเด้งบอก จากนั้นก็พาไท้เดินออกมาดู

เปาเอารถเข้าไปจอดที่โรงรถ จากนั้นเขาก็กดรีโมทปิดรั้วบ้าน ก่อนหยอกเล่นกับหมาสองตัวที่วิ่งมาหา ไม่ว่าจะเหน็ดเหนื่อยหรือกลับดึกแค่ไหน เขาก็จะทำอย่างนี้เสมอ โค้ชเด้งกับไท้จึงไม่เข้าไปรบกวน รอจนกระทั่งเปาหันมาเห็นเอง

"ไท้!" เปาดูตกใจไม่น้อยเมื่อเห็นว่าใครมาหา ไท้คงไม่ได้มาหาโค้ชเด้งแน่ๆ

เจ้าหมาสองตัวหันมามองตามเจ้านาย พอเห็นไท้พวกมันก็วิ่งเข้ามาเล่นด้วย ไท้คิดถึงพวกมันอยู่แล้ว เขาจึงย่อตัวลงเล่นด้วย ทั้งสองตัวดีใจใหญ่ ต่างก็ส่งเสียงทักทายและเลียหน้าเลียตา

"พ่อเอาอาหารเม็ดให้กินแล้วล่ะ" โค้ชเด้งบอก แม้เขาไม่ใช่คนรักหมาแต่ก็ไม่เกลียด จึงไม่มีปัญหาที่ภรรยาและลูกชายเอาหมามาเลี้ยง บางครั้งเขาก็ช่วยดูแลให้ แต่ก็ไม่เล่นกับพวกมันเหมือนเปาหรือไท้ อย่างมากก็ลูบหัวลูบหาง

เปาเพียงแต่มองหน้าพ่อเพื่อแสดงอาการรับรู้ ถ้าสังเกตจะเห็นท่าทางกระอักกระอ่วนด้วย เพราะเปาค่อนข้างมั่นใจว่าพ่อคงสงสัยเรื่องระหว่างเขากับไท้

ไท้อาสาพาเจ้าสองตัวไปนอนที่หลังบ้าน พวกมันตามไท้ไปอย่างว่าง่าย ส่วนเปากับพ่อเข้าไปในบ้าน ต่างคนต่างทำท่าทางเหมือนไม่รู้จะเริ่มต้นคุยกันอย่างไร กระนั้น คนเป็นพ่อก็ตระหนักว่าเขาควรเป็นฝ่ายเริ่มต้นก่อน

"ไปไหนมาน่ะเปา พ่อเห็นหายไปแทบทุกคืนเลย"

"ไปบ้านเพื่อนครับ" เปาตอบสั้นๆ ง่ายๆ

โค้ชเด้งขมวดคิ้ว กระนั้นก็ไม่อยากถามให้มากความ ตอบอย่างไรก็ควรจะเข้าใจตามนั้น

"พ่อไม่เห็นฟางมาบ้านเลย มีอะไรหรือเปล่าลูก"

เปาหน้าเครียด ท่าทางเริ่มมีพิรุธ ที่จริงเขาเคยบอกพ่อไปแล้ว แต่ก็นั่นแหละ เปากับฟางคบกันมาห้าปี บางทีพ่ออาจจะคิดว่าเคลียร์กันได้แล้ว ปกติเวลามีอะไรเปาจะไม่ค่อยบอกพ่อ พ่อจึงไม่ค่อยรับรู้ความเป็นไปของลูกชาย แม้กระทั่งถามก็ยังไม่อยากตอบ อย่างเช่นคราวนี้ เมื่อเปายืนเฉย คนเป็นพ่อจึงต้องถามต่อ คงจะมีสักคำถามที่เปาอยากตอบบ้าง

"เลิกกันเหรอ"

แววตาของเปากระตุก เป็นสัญญาณทางร่างกายเพียงอย่างเดียวให้คนเป็นพ่อสังเกต เขาไม่ตอบคำถาม ไม่รู้ว่าเป็นเพราะตอบไม่ได้ ไม่อยากตอบหรืออะไรกันแน่

โค้ชเด้งถอนหายใจ จะว่าไปเขาก็หนักใจไม่น้อยที่เปายังคงเฉยชาแบบนี้ ถ้าเป็นเรื่องงานเปาอาจจะคุยด้วย แต่พอเป็นเรื่องส่วนตัว เปาก็ยังเป็นเหมือนเดิม

"ถ้าไม่อยากคุยเรื่องนี้กับพ่อก็ไม่เป็นไร พ่อก็แค่เป็นห่วง เดี๋ยวพ่อจะขึ้นข้างบนแล้ว เปาคุยกับไท้ก็แล้วกัน น้องเขาคิดถึงเปา…ก็เลยมาหา"

พูดจบคนเป็นพ่อก็เดินไปขึ้นบันได ทิ้งคำพูดปริศนาไว้ให้เปางงเล่น แต่เขาก็ไม่มีเวลาคิดมากนักเพราะไท้เข้ามาในบ้านแล้ว พร้อมกับส่งยิ้มกล้าๆ กลัวๆ มาให้ด้วย

เมื่อไท้เดินเข้ามาใกล้ เขาก็ถาม "ไท้มายังไง มาถึงเมื่อไหร่"

"มาแท็กซี่ครับ เพิ่งมาถึงไม่นาน คุยกับโค้ชนิดหน่อย พี่เปาก็มาพอดี"

เปาพยักหน้ารับรู้ น่าแปลกที่เขากลับทำตัวไม่ถูก ทั้งๆ ที่ไท้ก็ไม่ถือว่าเป็นคนแปลกหน้า แถมยังมีความสัมพันธ์ไปไกลถึงไหนต่อไหน

"ผม…คิดถึงพี่เปาน่ะครับ ก็เลยมาหา" ไท้พูดอย่างที่โค้ชเด้งเพิ่งบอกเปาไปเมื่อกี้ เพราะฉะนั้น เปาจึงเดาได้ว่าพ่อน่าจะคุยกับไท้ไประดับหนึ่งแล้ว

"อ้อ" เปาจะพูดต่อแต่ก็พลันนึกไม่ออก

"พี่เปาไปบ้านเพื่อนมาเหรอครับ" ไท้สงสัย กระนั้นน้ำเสียงก็ไม่สื่อว่าจะจับผิด

"อืม"

"ไท้คุยกับพี่จีนแล้ว พี่จีนบอกว่า…พี่เปากับพี่จีนคุยกันเข้าใจแล้ว จริงหรือเปล่าครับ"

"อ๋อ…ใช่" เปาแบ่งรับแบ่งสู้

"ก็ดีแล้วล่ะครับ โกรธกันไปก็ไม่ดีหรอก ไหนๆ ก็ต้องทำงานด้วยกัน" ไท้ยิ้มบางๆ

"อืม" เปาพยักหน้าเห็นด้วย

คราวนี้ต่างคนต่างยืนนิ่ง เหมือนกับไม่รู้จะเอาเรื่องอะไรมาคุยกันต่อ หรือไม่ก็คงไม่กล้าพูดอย่างที่อยากพูด จนกระทั่งไท้ถามขึ้นมาด้วยท่าทางไม่มั่นใจ

"ผมไม่รู้ว่า…ผมทำอะไรผิดหรือเปล่า ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเราสองคนต้องห่างเหินกัน ถ้าผมทำอะไรผิด พี่เปาก็บอกผมได้นะครับ ผมไม่อยากให้เราเป็นแบบนี้เลย"

เปากลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ เห็นท่าทางของไท้แล้วเขาก็รู้สึกเจ็บปวด ที่จริงมันก็ไม่ยุติธรรมกับไท้เลยด้วยซ้ำที่เปาทำอย่างนี้

"เปล่าหรอก ไท้ไม่ได้ทำอะไรผิดหรอก" นี่คือสิ่งที่เปาพอจะบอกได้

"แล้วทำไม…เราสองคน…ไม่เป็นเหมือนเดิมล่ะครับ หรือว่า…พี่เปายังทำใจเรื่องพี่ฟางไม่ได้ ก็ไม่เป็นไรนะครับ ผมเข้าใจ พี่เปาจะขอเวลาทำใจ ผมก็ไม่มีปัญหา แต่…เราไม่จำเป็นต้องห่างเหินกันได้หรือเปล่าครับ"

"ไท้" เปาครางเบาๆ รู้สึกสงสารคนตรงหน้าจับจิตจับใจ แต่เขาเองก็จนปัญญาที่จะอธิบาย

"หรือว่า…พี่เปาอายหรือเปล่าครับที่จะคบกับผม ถ้ายังไม่พร้อมจะบอกใคร ผมก็ไม่มีปัญหาหรอก พร้อมเมื่อไหร่ค่อยบอกก็ได้ แต่เวลาส่วนตัวของเรา เราเป็นเหมือนเดิมได้หรือเปล่าครับ ตอนนี้…ผมงงไปหมดแล้ว ผมไม่รู้จะทำตัวยังไงน่ะครับพี่เปา" ไท้ระบายความอัดอั้นตันใจอีกระลอก

ในที่สุดเปาก็ทนเห็นสายตาเจ็บปวดของไท้ไม่ไหว เขาจึงดึงอีกฝ่ายเข้ามากอดปลอบใจ "พี่ขอโทษนะไท้ พี่ไม่รู้จะบอกไท้ยังไง ถ้าพี่จะขอร้องไท้สักอย่าง ไท้จะทำให้พี่ได้ไหม"

"ครับพี่ ผมรักพี่ไปแล้ว ให้ทำอะไรผมก็ทำ"

คำพูดตามประสาซื่อกลับคมเหมือนมีดกรีดใจ เปารู้สึกสะท้อนใจจนต้องกอดไท้แน่นขึ้น ต่างฝ่ายต่างน้ำตาซึมด้วยกันทั้งคู่

"พี่อยากขอให้ไท้อดทนอีกหน่อย อดทนให้มันเป็นแบบนี้อีกหน่อยได้ไหมไท้ แล้วพี่…จะบอกไท้ทุกอย่างที่ไท้อยากรู้"

"ครับ ผมจะอดทน แต่ผมก็อยากรู้ พี่เปา…ยังรักผมอยู่หรือเปล่า"

"รักสิ พี่รักไท้นะ"

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ความร้อนรุ่มในใจของไท้ก็พลันลดลง แม้ไม่ถึงกับกระจ่างชัด แต่คำว่ารักก็ชัดเจนในตัวของมัน กระนั้น ก็ยังเหลืออีกหนึ่งคำถามสำคัญ ถ้าไท้รู้คำตอบนี้แล้ว เขาก็ยินดีจะอดทนรอตามที่เปาร้องขอ

"แล้วพี่จีนล่ะครับ ตอนนี้…พี่เปารู้สึกยังไงกับพี่จีนเหรอครับ"

หัวใจของเปากระตุกวาบ เขาไม่รู้ว่าไท้สงสัยอะไรบ้าง แต่คำถามนี้ก็บ่งบอกว่าเจ้าตัวคงสงสัยบางอย่างเข้าให้แล้ว ถ้าคำตอบของเปาไม่ชัดเจนมากพอ คำถามนี้คงไม่หายไปง่ายๆ แน่ เขาจึงไม่ควรปล่อยให้ไท้หวาดระแวงอย่างนี้ เพราะสิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือการปล่อยให้คนๆ หนึ่งหวาดระแวงสงสัย

"พี่เปา…ไม่คิดจะกลับไปรักพี่จีนอีกใช่ไหมครับ" ไท้ถามซ้ำ


TBC






ถ้าชอบเรื่องนี้ อ่านจบอย่าลืมบวกเป็ดให้ด้วยนะครับ :)

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
#ตอบไท้แทนเปา

พี่ไม่ได้คิดจะกลับไปรักจีน

พี่แค่แอบไท้
กลับบ้านไปพร้อมกับจีน
ถึงห้องก็ถอดเสื้อผ้าและนอนกอดกัน
แล้วก็เอากันสักยกสองยก
เหนื่อยมากก็ค้างหรือไม่ก็กลับบ้าน

ขนาดคิดตอบแทน ยังอายปากตัวเองชิ๊บ
หุหุ

เหตุผลก็นะ ไม่อายผู้คนกันเลย
คิดจะชดเชยให้คนหนึ่งแต่ก็ไปทำร้ายอีกคนหนึ่ง

เฮ้อออออ ไม่รู้จิตใจทำด้วยอะไรกัน
เปากับจีนถึงใจร้าย ใจดำได้ขนาดนี้

#กลับบ้านเราเหอะไท้
กอดดดดด

บวกหนึ่งเป็ดฮับ

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
   ไท้คิดว่าห่างเหินกันเพราะซ้อมเสร็จเปาไปกับจีน ไม่ได้สวีทกันเหมือนเดิมสิ 
  รออ่านตอนต่อไป อยากให้พ่อเด้งกับเปาคืนดีรักกัน 555

ออฟไลน์ inxsara

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-0
#ตอบไท้แทนเปา

พี่ไม่ได้คิดจะกลับไปรักจีน

พี่แค่แอบไท้
กลับบ้านไปพร้อมกับจีน
ถึงห้องก็ถอดเสื้อผ้าและนอนกอดกัน
แล้วก็เอากันสักยกสองยก
เหนื่อยมากก็ค้างหรือไม่ก็กลับบ้าน

ขนาดคิดตอบแทน ยังอายปากตัวเองชิ๊บ
หุหุ

เหตุผลก็นะ ไม่อายผู้คนกันเลย
คิดจะชดเชยให้คนหนึ่งแต่ก็ไปทำร้ายอีกคนหนึ่ง

เฮ้อออออ ไม่รู้จิตใจทำด้วยอะไรกัน
เปากับจีนถึงใจร้าย ใจดำได้ขนาดนี้

#กลับบ้านเราเหอะไท้
กอดดดดด

บวกหนึ่งเป็ดฮับ

ขอบคุณครับ จะบอกว่าคนเขียนก็แอบเจ็บ ยิ่งตอนต่อไปยิ่งเจ็บ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด