ตอนที่ 42ด้วยตั๋วที่นั่งชั้นเฟิร์สคลาสที่ขุ่นแม่เพี้ยนจัดการซื้อให้ ทำให้ไม่ว่าจะต้องเดินทางนานแค่ไหน ไอ้เหมอก็ไม่มีบ่น มันตื่นตาตื่นใจไปกับสิ่งแปลกใหม่ที่ได้พบเจอ บินจากประเทศไทยมาเปลี่ยนเครื่องที่สนามบินนาริตะของประเทศญี่ปุ่นก่อนที่จะต้องเดินทางไปต่อเพื่อถึงจุดหมาย Los Angeles International Airport ประเทศสหรัฐอเมริกา เคยตกอกตกใจครั้งใหญ่เมื่อมันสร้างสัมพันธไมตรีกับเพื่อนร่วมเดินทางเบาะข้างเคียงว่าอีกฝ่ายจะเดินทางไปที่ไหน เพราะดูจากหน้าตาแล้วน่าจะเป็นคนประเทศเดียวกัน แต่พอเขาตอบกลับมาว่า LAX ไอ้เหมอก็ตาลีตาเหลือก คิดว่าตัวเองมานั่งเครื่องบินผิดไฟล์ทเสียแล้ว เพราะตอนที่ประกาศ มันก็ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวว่าเขาประกาศอะไรกัน ได้แต่เดินตามคนที่จำหน้าได้ว่าบินมาจากประเทศไทยด้วยกันขึ้นเครื่อง
“ฮ่าๆๆ ไม่ผิดหรอกครับ ผมจะไปที่ LA เหมือนกัน”
หนุ่มแว่นหน้าตี๋ ดีกรีนักเรียนนอกที่แนะนำกับไอ้เหมอว่ากำลังเรียนกฎหมายอยู่ในมหาวิทยาลัยของแคลิฟอเนียหัวเราะอย่างอารมณ์ดีกับความขบขันของไอ้เหมอ ไม่มีวี่แววจะตำหนิในความโง่ของมันแต่อย่างใด
“ผมชื่อเสมอนะครับ เพิ่งไปที่อเมริกาครั้งแรกก็เลยไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรเท่าไหร่ ภาษาอังกฤษก็พอฟังออกบ้าง แต่ก็ไม่ค่อยถนัดเหมือนภาษาบ้านเกิด”
“อ๋อ ครับ ผมชื่อเมธีนะครับ มีอะไรให้ช่วยก็บอกผมได้ ยินดีช่วยเหลือครับ”
“ขอบคุณครับคุณเมธี”
ไอ้เหมอค่อยโล่งใจ อย่างน้อยถ้าตามผู้ชายคนนี้ไปมันก็คงไปเจอชนะได้แน่นอน
หลังจากไม่มีเรื่องใดๆ ให้กังวลแล้ว ไอ้เหมอก็หลับเป็นตาย ใครว่าการนั่งอยู่เฉยๆ ไม่เหนื่อย ไอ้เหมอจะขอเถียงหัวชนฝา เพราะมันรู้สึกเหนื่อยล้าอ่อนเพลียเสียเหลือเกิน แม้จะเป็นที่นั่งชั้นเฟิร์สคลาส แต่ก็ไม่ได้เหมือนการได้นอนพักผ่อนอยู่บนเตียง ทั้งมาบินอยู่บนอากาศแบบนี้...คนไม่ถูกกับเครื่องบินอย่างไอ้เหมอถึงกับสลบไสลนอนเหมือนตายแถมยังนอนอ้าปากหวอ น้ำลายไหลยืด
“คุณเสมอครับ...เครื่องกำลังจะแลนด์ดิ้งแล้วนะครับ” เมธีสะกิดบอกเพื่อนร่วมเดินทาง ไอ้เหมอมันจึงสะลึมสะลือตื่น ขยี้ตาไล่ความงัวเงีย เช็ดน้ำลายด้วยกระดาษทิชชู่ที่เมธีส่งให้ พร้อมกับบอกขอบคุณ
“มีใครมารอรับที่สนามบินรึยังครับ ถ้าไม่มีไปกับผมก็ได้นะครับ เพื่อนผมจะมารับ”
“อ๋อ ไม่เป็นไรครับคุณเมธี แฟนผมมารอรับครับ” ไอ้เหมอตอบอย่างสุขใจ
“โอเคครับ” เมธียิ้มรับ
ไม่นานเครื่องบินลำใหญ่ก็แลนดิ้งลงจอด ไอ้เหมอตื่นเต้นขึ้นอีกสิบเท่าจนลืมอาการปวดหูยามที่เครื่องบินลงจอดของตัวเองไปเสียสิ้น มันได้ยินเสียงประกาศแว่วๆ เพราะหูอื้อ แต่ถึงได้ยินชัดๆ ก็คงฟังไม่รู้เรื่องอยู่ดี จึงทำแค่ลุกเดินตามเมธีไปด้วยหน้างงๆ เบลอๆ
ชนะมารอรับไอ้เหมอเมื่อหลายชั่วโมงก่อน เฝ้ารอคอยอย่างใจจดใจจ่อ อยู่ที่บ้านก็นั่งแทบไม่ติด พ่อจึงไล่มาที่สนามบิน แม้จะรู้ว่าบินจากไทยมาที่ LA นั้นใช้เวลายี่สิบกว่าชั่วโมง แต่ชนะก็ยังทำใจสงบรอคอยการมาของคนรักไม่ได้จริงๆ ความนึกคิดตอนนี้มีแต่เสมอคนหัวเกรียนเต็มไปหมด
คนแล้วคนเล่าที่เดินออกจากเกตผ่านสายตาไปหลายต่อหลายคน แต่ก็ยังไม่ใช่คนที่เฝ้ารอ ครั้นหัวเกรียนๆ กับหน้าเอ๋อๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ปรากฎแก่สายตา ชนะก็ยิ้มกว้างทันที ไอ้เหมอมันก็สอดส่ายสายตาหาคนรูปหล่อของมันเช่นกัน จนเมื่อได้เห็นรอยยิ้มหล่อเหลา มันก็ยกยิ้มตอบกลับ แทบวิ่งเข้าไปหา ไอ้เหมอมันไม่มีสัมภาระอะไรมาก เป็นผู้ชายง่ายๆ ที่จบแค่เป้ใบเดียวก็สามารถเดินขึ้นเครื่องได้ เพราะฉะนั้นจึงไม่ต้องรอโหลดกระเป๋าเหมือนคนอื่นๆ
ไม่มีคำทักทายใดๆ ระหว่างไอ้เหมอกับชนะ มีเพียงรอยยิ้มกว้างกับอ้อมกอดอบอุ่นที่มอบให้กันและกัน เพราะ...มันตื้นตันจนคิดหาคำพูดไม่ออก ความรู้สึกที่ในที่สุดก็ได้เจอสักทีหลังจากเฝ้ารอคอยมานานนับหลายชั่วโมงนี้...มันอัดแน่นไปด้วยความสุข ล้นทะลักอยู่ในอก
ไอ้เหมอหลับตาพริ้ม สูดดมความหอมจากคนรัก อยู่ที่นี่มันไม่ต้องแคร์สายตาใคร เพราะคงไม่มีใครที่ไหนรู้จักมัน จะกอดจะหอมคนรูปหล่อที่แสนคิดถึงก็ทำได้เต็มที่
“นะ...” ไอ้เหมอกระซิบเรียกเสียงแผ่ว คนรูปหล่อที่กอดตัวมันไว้แน่นก็ขานรับเสียงนุ่ม
“ครับ”
“คิดถึง”
“ผมก็เหมือนกัน”
ชนะตัวล่ำขึ้นเล็กน้อย อกกว้างน่าซบ หุ่นรูปตัววีดูดีเสียจนไอ้เหมอนึกหวงที่จะมีสาวคนไหนมาจ้องมอง ผิวขาวเปล่งปลั่ง ออร่าจับ เทียบกับไอ้เหมอแล้ว...สีตัดกันอย่างน่าเหลือเชื่อ ขมิ้นไม่ได้ช่วยอะไรเลย ขโมยมาทั้งสวนก็ไม่ยักจะได้เรื่องอะไรขึ้นมา ได้แต่เรื่องเดียว...โดนตีจนน่องลาย ไม่เห็นจะคุ้ม แต่หลังจากนั้นคุณหญิงแม่ก็พาไปขัดตัว นวดหน้า เข้าคลินิกเพื่อปรึกษาใบหน้าหยาบกร้านคล้ำแดดแถมยังเป็นสิว ได้ยามาทาหลายหลอด เวลาหนึ่งสัปดาห์ก่อนมาหาชนะอาจจะไม่ช่วยให้ตัวยาแสดงผลมากนัก แต่ก็มั่นใจว่าอย่างน้อยก็ดีขึ้น
“ไหนขอผมดูหน้าชัดๆ หน่อย” ชนะอมยิ้มพลางจับใบหน้าไอ้เหมอไว้อย่างถนอม ไอ้เกรียนมันหลบตาเพราะเขินอายเมื่อถูกจ้อง มือใหญ่สัมผัสไปทั่วหน้า ก่อนจะพรมจูบลงบนริมฝีปากของมันเพี้ยงเสี้ยววินาทีแล้วผละออก “ไม่เสียแรงที่คุณหญิงแม่พาไปคลินิกเนอะ”
“อื้อ สวยขึ้นใช่ไหมล่ะ” ไอ้เหมอทำเขิน เอียงหน้าเอียงคอเพื่อให้ดูน่ารัก แต่ชนะกลับหัวเราะ
“ใครบอกเหมอว่าสวย โกหกกันชัดๆ ผมจะไปตบปากคนพูด”
“ชะน้า!!”
“ฮ่าๆๆ กลับกันเลยไหม ป๋ารออยู่ที่บ้าน”
“อื้อ แต่เดี๋ยวเหมอไปบอกลาเพื่อนก่อนนะ ไม่ได้เขา เหมอคงมาไม่ถึงอ่ะ”
ชนะพยักหน้า ไม่ได้ถามว่าเพื่อนคนไหน เพราะรู้นิสัยจ้อไปทั่วของไอ้เหมอดี มันคงมีเพื่อนร่วมเดินทางระหว่างเจอกันบนเครื่องบินเป็นแน่ คนรูปหล่อยืนรอ เห็นไอ้เหมอมันกำลังคุยกับผู้ชายใส่แว่นคนหนึ่ง หน้าคุ้นๆ เหมือนเคยรู้จัก แต่ก็ยังนึกไม่ออก พอไอ้เหมอมันชี้ไม้ชี้มือมาทางเขา ก็เห็นผู้ชายคนนั้นมองตามมา ก่อนจะพากันเดินเข้ามาหา
“นะ คุณเมธีเขาบอกว่าเป็นเพื่อนตอนเรียนไฮสกูลของนะด้วย” ไอ้เหมอบอกอย่างตื่นเต้น มันขยับเข้าหาคนรูปหล่อที่ยังคงยืนหน้านิ่ง เดาใจไม่ออก แต่ไอ้เหมอมันคิดเข้าข้างตัวเองไปแล้วว่าชนะคงหึงมันกับชายอื่น เพราะมันสวยเสียขนาดนี้ ฮิฮิ
แต่ความจริงแล้วชนะแค่กำลังทวนความจำของตัวเอง ก่อนใบหน้าหล่อเหลาจะยิ้มกว้างให้กับเมธีที่ยิ้มตอบกลับมาเช่นกัน “นึกว่าจะจำไม่ได้ซะแล้ว คุณสบายดีไหม”
“สบายดี ตั้งแต่ผมย้ายไปเรียนที่ไทยก็ไม่ได้เจอคุณอีกเลย ตอนนี้คงเข้าเรียนกฎหมายอย่างที่หวังได้แล้วใช่ไหม”
“ใช่ แล้วคุณล่ะ ได้ทำในสิ่งที่คุณฝันไว้หรือยัง”
ชนะส่ายหน้าแต่ยังคงยิ้ม “ผมมีสิ่งอื่นที่อยากจะทำแล้วล่ะ อ้อ...นี่ แฟนผม คุณคงรู้จักกันแล้ว”
เมธีพยักหน้า “อืม แต่ทีแรกผมตกใจเหมือนกันนะ เอ้อ เพื่อนผมมาแล้วล่ะ ต้องไปก่อน หวังว่าจะมีโอกาสได้พบกันอีก”
“โอเค แล้วเจอกัน”
เมธีลากกระเป๋าไปหาเพื่อนของเขาแล้ว ส่วนไอ้เหมอก็ยังคงมองชนะด้วยสายตาสงสัย
“ไม่เห็นนะบอกเลยว่ามีเพื่อนที่นี่”
“จะเรียกว่าเพื่อนก็ไม่เต็มปากเท่าไหร่ แค่เคยอยู่ห้องเดียวกัน แต่ผมไม่ได้สนิทกับเขามากนักหรอก แค่ช่วงปีสุดท้ายที่ผมอยู่ที่นี่ได้คุยกับเขานิดหน่อย เขาถูกกดดันจากทางบ้านเหมือนๆ กับผม ต้องทำในสิ่งที่ครอบครัวหวังไว้ เราก็เลยคุยกันถึงความฝันที่เราอยากจะเป็น... ถึงสิ่งที่เราอยากจะทำ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราบอกกับใครไม่ได้ ถ้าบังเอิญเจอกัน ก็แค่ระบายให้อีกฝ่ายฟังเท่านั้น”
ไอ้เหมอพยักหน้ารับรู้ ยื่นมือไปกุมมือของชนะไว้ “แล้วตอนนี้...นะโอเคแล้วใช่ไหม”
“อื้ม ผมพอใจกับทุกอย่างในตอนนี้มาก มีความสุขกับมัน...แล้วตอนนี้ก็มีความสุขที่ได้เจอเหมอ ขอบคุณที่มานะครับ”
ไอ้เหมอยิ้มเขิน ลืมความอ่อนเพลียไปจนสิ้น แค่รอยยิ้มของชนะก็เหมือนยาชูกำลังให้มันได้มีแรงไปอีกหลายวัน คนอะไร...ยิ้มหล่อเป็นบ้า
ชนะหอมแก้มไอ้เหมออีกสองทีแล้วพามันไปที่รถ ไอ้เหมอมองออดี้สีดำสวยด้วยตาลุกวาว อยากจะเข้าไปสำรวจให้ถี่ถ้วนเพราะเป็นรถรุ่นที่มันอยากได้ แต่ติดที่ว่าคงไม่ได้รับอนุมัติจากคุณหญิงแม่เพราะราคาที่แพงมากเกินไป
“เหมือนเด็กเลย” ชนะยิ้มมองไอ้เหมอที่กำลังสำรวจปุ่มนั้นปุ่มนี้ในรถ มันลองกดแทบทุกปุ่มจนคนรูปหล่อต้องจับมันนั่งนิ่งๆ แล้วคาดเข็มขัดให้ “ห้ามซน”
“เหมออยากฟังเพลง” ไอ้เหมอทำหน้าอ้อน ช้อนตามองคนรูปหล่อของมันอย่างรักใคร่ “นะเปิดให้เหมอฟังหน่อย”
“ไม่มีเพลงที่เหมอชอบฟังหรอก”
“เหมออยากฟังเพลงที่นะชอบฟังต่างหาก”
ไอ้เหมอยิงเข้าถูกจุดแล้ว เพราะคำพูดน่าฟังของมันจึงได้รับจูบแสนหวานจากคนรัก แสนหวานแต่เต็มไปด้วยความโหยหา...อัดแน่นไปด้วยความต้องการจนไอ้เหมอระทวย ลิ้นของมันถูกหยอกล้อดูดดึง ริมฝีปากก็ถูกขบกัด เนิ่นนานจนมันต้องส่งเสียงท้วง ชนะจึงงับริมฝีปากของมันอีกทีแล้วยอมปล่อย
“ยังไม่ได้เป็นแฟนกันเลย มาขโมยจูบเหมอแล้ว” ไอ้เหมอยกมือขึ้นดันอกแกร่ง ทำหน้างอใส่คนรูปหล่อตรงหน้าที่ยิ้มหวานเอาใจส่งมาให้ “ขี้โกงอ่ะ”
“ผมขอโทษ” ชนะบอกเสียงนุ่ม แต่ก็ยังจรดริมฝีปากลงบนหน้าผากของไอ้เหมอ ความอุ่นวาบยามเมื่อริมฝีปากนุ่มสัมผัสกับหน้าผากเกรียน ทำเอาไอ้เหมอใจกระตุก อยากตกต้องเป็นของคนรูปหล่อเสียเดี๋ยวนั้น มันขบเม้มริมฝีปากตัวเองแล้วเอียงใบหน้าเข้าหาความหอมกรุ่นจากชนะ
“บอกว่าผมขี้โกง แต่เหมอก็อ้อนเสียเหลือเกิน แล้วจะให้ผมอดใจไหวได้ยังไง” ชนะยกมือลูบหัวเกรียนๆ ของไอ้เหมอเบาๆ “เหมอ”
“หืม”
“มือจับตรงไหนอยู่”
เพราะคำถามของชนะทำให้ไอ้เหมอแทบไม่รู้ตัวเลยว่ามือของมันลามกแค่ไหน เคลิ้มกับกลิ่นหอมของชนะอยู่ดีๆ มือมันก็ลากไล้ไปยังบริเวณกลางลำตัวของอีกฝ่ายเสียแล้ว ใบหูของมันแดงก่ำ หน้าของมันก็กำลังแดงไปด้วย แต่เพราะสีคล้ำจึงทำให้เห็นไม่ชัด กำลังจะชักมือกลับแต่ชนะก็จับข้อมือของมันไว้
“อยากได้เหรอ” คนรูปหล่อกระซิบถาม ไอ้เหมอส่ายหน้าหวือ หลบสายตาเพราะความกระดากอาย “เอาไหม...เต็มใจให้”
“บ้า เหมอไม่ได้...”
ชนะหัวเราะเบาๆ หอมแก้มไอ้เหมอแล้วงับใบหูแดงจนมันตัวแข็งทื่อ “ยอมเป็นแฟนผมนะ... แล้วผมจะให้เท่าที่เหมอต้องการ”
“เหมือนขู่เลย”
“ยอมไหม”
“ไม่รู้”
“ยอมเถอะ”
“ม่ายยยย”
“ปากแข็ง”
“ฮิฮิ”
“แต่แข็ง...สู้ของผมไม่ได้หรอก”
“ชนะ ไอ้ลามก”
“ใครลามกก่อนไม่ทราบ มาจับของคนอื่นเขา แฟนก็ไม่ยอมเป็นแต่มาจับอย่างนี้ คิดเงินดีไหม”
ไอ้เหมอหน้างอ มองค้อนคนรูปหล่อที่ยังทำหน้าจริงจังจะเก็บเงินจากมัน “เหมอไม่มีเงิน”
“ผมก็ไม่ใช่ของฟรีอ่ะ”
“ง่า... แล้วให้ทำไง”
“อยากได้ฟรีก็ต้องเอาตัวเข้าแลก”
“โอยย พอๆ กลับบ้าน ป๋ารอนานแล้วมั้งน่ะ”
ชนะย่นจมูกใส่ไอ้เหมอแล้วบีบแก้มมันเต็มแรง “เลี่ยงได้เลี่ยงไป”
ไอ้เหมอแอบแลบลิ้นใส่ แต่คนหล่อมันเหลือบเห็นจึงดึงลิ้นไอ้เหมอเข้าให้ ไอ้เกรียนมันจึงร้องโอดโอยให้ปล่อย เกิดไอ้หล่อนี่มันดึงหลุดติดมือไปจริงๆ แล้วไอ้เหมอจะเอาลิ้นที่ไหนมาปรนเปรอคนรักของมันเล่า!
ใช้เวลาอยู่ครึ่งชั่วโมงเห็นจะได้ ไอ้เหมอก็มาถึงบ้านหลังใหญ่สไตล์ยุโรปที่ชนะบอกว่าเขาเคยอยู่อาศัยกับลุงเอและลุงเกมสมัยเรียนไฮสกูล แม้จะไม่ใหญ่เท่าคฤหาสน์ของตระกูลโรจนโภคินที่เมืองไทย แต่ก็หลังใหญ่กว่าบ้านหลังอื่นๆ ในละแวกข้างเคียง ไอ้เหมอลงจากรถ ตั้งใจจะยืนสูดอากาศต่างแดนเหมือนอย่างในซีรีย์ที่คุณหญิงแม่ของมันชอบดู แต่ก็ทำได้ยากเพราะแดดที่ LA ร้อนเปรี้ยงจนกลัวว่าผิวของมันที่อุตส่าห์ดีขึ้นมานิดหน่อยจะไหม้เกรียมไปด้วย มันจึงรีบวิ่งเข้าบ้านก่อนเจ้าของบ้านอย่างชนะเสียอีก โรคกลัวแดดของไอ้เหมอจึงเป็นที่ขบขันของคนรูปหล่อยิ่งนัก
“สวัสดีครับ” ไอ้เหมอยกมือไหว้พ่อสามีที่กำลังนั่งทำงานอยู่ในห้องนั่งเล่น อีกฝ่ายยังคงหน้านิ่งเช่นเคย แถมดวงตาก็ดุ แต่ไอ้เหมอรู้ดีว่าความจริงแล้วไม่ได้ดุอย่างที่คิด ออกจะใจดีมากเสียด้วยซ้ำ
ไร้พ่ายรับไหว้ มองเด็กหัวเกรียนที่ยืนเก้ๆ กังๆ อยู่ข้างลูกชายที่เอาแต่ยิ้มขำ “เดินทางเป็นไง”
“ก็ดีครับ เจอเพื่อนร่วมทางดี ก็เลยไม่หลง แหะๆ” ไอ้เหมอตอบตามจริง
“อืม มาเหนื่อยๆ ก็ไปพักผ่อนก่อน นะ พาแฟนไปที่ห้อง”
ไอ้เหมอตาโตกับคำว่าแฟน มันอยากจะปฏิเสธว่ายังไม่ใช่ แต่อีกใจก็คิดว่าเดี๋ยวก็คงเป็นจึงไม่ได้พูดขัดอะไร
“ครับป๋า ตอนเย็นผมจะลงมาช่วยทำกับข้าวนะครับ”
“อืม เราก็ลงมาด้วย” ไร้พ่ายพยักหน้าแล้วมองมาที่ไอ้เหมอ
“ครับ” ไอ้เหมอมันก็รีบตอบรับทันที
โอยยหน้ออออ ทำไมพ่อสามีถึงเป็นคนที่คุยด้วยยากแบบนี้วะ!ไอ้เหมอคิดอย่างเหนื่อยใจก่อนจะเดินตามชนะขึ้นมาบนชั้นสอง เดินตรงไปสุดทางก็ถึงห้องนอนของชนะ ไอ้เหมอรีบกระโจนไปนอนบนเตียง กางแขนกางขาอย่างเหนื่อยล้า ปล่อยให้คนรูปหล่อตามเก็บกระเป๋าที่มันทิ้งไว้บนพื้นให้
“ไปอาบน้ำก่อน จะได้นอนสบาย”
“ไม่อาบไม่ได้เหรอ ขอนอนก่อน”
“ไม่ได้ เดี๋ยวเตียงผมสกปรกไปด้วย”
“จิ๊ เจ้าระเบียบจริงๆ”
ไอ้เหมอทำหน้ายุ่ง มันรู้ดีว่าชนะรักความสะอาดและชอบให้ทุกอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย สังเกตจากห้องนอนที่ไม่รกสมเป็นห้องนอนเด็กผู้ชายเหมือนอย่างห้องไอ้เหมอที่อยากจะถอดอะไรทิ้งไว้ตรงไหนมันก็ถอด ถ้าไม่มีใครตามเก็บให้ก็จะคงความรกไว้อย่างนั้น
“ไม่ต้องบ่น ไปอาบน้ำ” ชนะปาผ้าเช็ดตัวมาให้ ถ้าไอ้เหมอมันรับไว้ไม่ทันก็คงฟาดเข้าที่หน้าเต็มๆ รู้สึกว่าพบกันคราวนี้ ไอ้เหมอเข้าถึงชนะได้มากกว่าครั้งไหนๆ มันได้เห็นในอีกหลายๆ ด้านที่ยังไม่เคยเห็น เป็นความแปลกใหม่ที่ทำให้รู้สึกตื่นเต้น ไม่ใช่แค่คอยป้อนอ้อยหวานๆ ให้มันกิน บางทีพ่อเจ้าประคุณก็ใช้อ้อยฟาดมันเจ็บๆ ด้วย
ห้องน้ำก็เป็นแบบธรรมดา มีตู้อาบน้ำ อ่างแช่ตัว ไม่ได้เว่อวังเหมือนที่ประเทศไทย แต่ก็สะดวกสบายครบครัน ไอ้เหมออาบน้ำด้วยความสบายใจ แม้จะมาอยู่ถึง LA แต่ความรู้สึกไม่ได้ต่างจากอยู่เมืองไทยเลยสักนิด คงเพราะไม่เห็นหิมะ ไม่เจอความหนาว เจอแต่ความร้อนจากแดดแรงกล้า ไอ้เหมอจึงยังรู้สึกราวกับได้อยู่บ้านเกิดของตัวเอง แม้ตลอดทางที่ผ่านมาจะเห็นฝรั่งหัวทองกับการจราจรที่ไม่เหมือนเมืองไทยก็ตามที
ไอ้เหมออาบน้ำจนตัวหอมกรุ่นแล้วก็นุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวเดินโทงๆ มาใกล้คนรูปหล่อที่มันยังไม่ยอมรับว่าเป็นแฟน แต่ก็ปล่อยเนื้อปล่อยตัวแถมยังยกหัวใจให้ไปทั้งดวง มันเข้าโอบรอบคอของชนะจากข้างหลัง ก้มลงหอมแก้มคนรูปหล่อที่กำลังเช็คทำความสะอาดเลนส์กล้อง
“เลนส์นี่เหรอที่ป๋าซื้อให้” ไอ้เหมอถาม มันวางคางลงบนไหล่กว้างของชนะแล้วมองเลนส์ในมือ เห็นชนะพยักหน้าอมยิ้มไอ้เหมอก็ยกยิ้มตาม
“มีความสุขแล้วเนอะ”
“อื้ม”
“งั้นก็ไม่ต้องการเหมอแล้วมั้ง”
ชนะหัวเราะ วางเลนส์กล้องลงบนโต๊ะอย่างเบามือ ก่อนจะดึงให้ไอ้เกรียนมันปีนข้ามโซฟามานั่งบนตัก ไอ้เหมอมันก็ไม่ขัดขืน แม้ร่างกายมันจะแทบเปลือยเปล่า แต่มันก็ขี้เกียจจะแสร้งทำอายอีกแล้ว ชนะเห็นของมันมาทุกส่วน ต่อให้ปกปิดตรงไหน คนรูปหล่อก็คงจินตนาการออกได้
“ผมเป็นคนโลภมากนะเหมอ ตอนนี้ผมอาจจะมีความสุขแล้ว...แต่ผมก็อยากจะมีความสุขมากกว่านี้”
ไอ้เหมอยิ้มหวาน ยกแขนโอบรอบคอของชนะแล้วพิงใบหน้าลงกับอกกว้าง “ถ้ามีเหมออยู่ข้างๆ นะจะมีความสุขมากขึ้นไหม”
“เหมอรู้คำตอบดีอยู่แล้ว”
“อยากเล่นตัวอีกหน่อย เพราะกลัวว่าตอบรับเร็วไป นะจะหาว่าเหมอใจง่าย”
“เหมอก็ใจง่ายอยู่แล้ว”
ไอ้เหมอทุบอกคนรูปหล่อของมันเสียงดังพลั่ก จนถูกอีกฝ่ายกัดแก้มเป็นการลงโทษ
“ชะน้า! เหมอเจ็บแล้ว โอยยย ปล่อยๆๆ”
ไอ้เหมอเตะเท้าดีดดิ้นไปมาจนผ้าเช็ดตัวแหวกออกให้เห็นไปถึงไหนต่อไหน ชนะจึงยอมปล่อยแล้วลูบมือไปตามท่อนขาที่โผล่พ้นผ้าเช็ดตัวให้ไอ้เหมอสยิวเล่น
“ไอ้บ้า” เสียงของไอ้เหมอแผ่วเบา แก้มของมันเต็มไปด้วยน้ำลายแถมยังเห็นเป็นรอยฟัน ทั้งยังขึ้นสีระเรื่อ
“ด่าผัวบาปนะเหมอ”
“อะไร ยังไม่ใช่ผัว”
“จะให้เป็นไหมล่ะ เดี๋ยวจัด”
“ม่ายยย ทำไมเถื่อนขึ้น” ไอ้เหมอมองค้อน ปัดมือชนะที่กำลังวนตรงสะโพก “จับตรงไหนอ่ะ ลามก”
“ไม่ชอบเหรอ แบบนี้เร้าใจดีออก”
ไอ้เหมอไม่ตอบคำถาม แต่หัวใจที่เต้นรัวแรงของมันคงเป็นคำตอบให้ชนะได้ดี “ง่วงหรือยัง”
“อือ” เสียงตอบแผ่วเบา ใบหน้าของไอ้เกรียนก็ซุกเข้าหาอกกว้าง สูดดมความหอมเพื่อให้เคลิ้มหลับ ก่อนที่มันจะหน้าเหวอเมื่อถูกชนะอุ้มขึ้นในท่าเจ้าหญิงที่มันใฝ่ฝันมาตลอด
“เฮ้ยยย! อุ้มไหว?” ไอ้เหมอเหวอหนัก สองแขนโอบรัดลำคอแกร่งแน่นเพราะกลัวจะร่วงลงพื้นหลังอานเสียก่อน
“ก็บอกว่าไหว เหมอไม่เชื่อผมเอง”
“ไปทำอะไรมาเนี่ย”
“ออกกำลังกายไง นอกจากร่างกายแข็งแรงแล้วยังมีแรงอุ้มเหมอได้ด้วย”
“ฮืออ สุดที่รักของเหมอ”
ไอ้เหมอเคลิ้มสติแตกไปแล้ว ในที่สุดฝันของมันก็เป็นจริง ถูกอุ้มด้วยท่าเจ้าหญิง ทั้งยังถูกวางลงบนเตียงอย่างอ่อนโยน ชนะในตอนนี้...จึงเปรียบเสมือนเจ้าชายของไอ้เหมอ เป็นเจ้าชายที่ทรงเสน่ห์เสียจนทำให้เจ้าหญิงแอบอ้างอย่างมันอดใจไม่ไหว ทอดสายตาเชิญชวนทั้งยังโอบรั้งรอบคอแกร่งไม่ให้ผละหนี
“ขอเหมอเป็นแฟนอีกทีได้ไหม”
ชนะอมยิ้ม ทอดมองไอ้เหมอที่ดวงตากำลังฉ่ำเยิ้มไปด้วยความต้องการ “เสมอ”
“จ๋า”
“เป็นแฟนผมนะครับ”
“จ้า” ไอ้เหมอขานรับอย่างเต็มใจ น้ำเสียงชัดถ้อยชัดคำจนชนะอดหัวเราะไม่ได้
“งั้นตอนนี้ก็ปล่อยผมก่อนนะ”
“ไม่เอา” ไอ้เหมอเหนี่ยวรั้งลำคอของชนะไว้ มันเผยอริมฝีปากหวังจูบหวานๆ จากคนรูปหล่อ “อยากเลื่อนขั้นเป็นเมียเลย ได้ไหม”
คำพูดคำจาของไอ้เหมอน่าเอ็นดูมากกว่าจะมองว่าร่านรัก ตาแป๋วใสซื่อของมันก็สื่อว่าต้องการคนรูปหล่ออย่างตรงไปตรงมา ท่อนขาของมันก็โอบรัดเอวของชนะไว้แน่น
“ผมยังเช็คกล้องไม่เสร็จเลย” ชนะบอกเสียงแผ่ว ให้ทำกับเสมอตอนนี้ก็เกรงว่าความต้องการที่มากล้นของเขาจะทำให้เสมอนอนซมเพราะพิษไข้ ร่างกายของเสมอคงยังไม่พร้อม เดินทางมาหลายชั่วโมงนั้นคงอ่อนล้ามากอยู่แล้ว ให้พักผ่อนเต็มที่แล้วร่างกายกลับสู่สภาพปกติมากกว่านี้...ชนะคงจัดเต็มได้โดยไม่ต้องกังวล ให้ทำครึ่งๆ กลางๆ เขาเองก็คงไม่ไหว
“กล้องสำคัญกว่าเหมอเหรอ”
“มันก็ไม่ใช่อย่างนั้น”
“แล้วอย่างไหนอ่ะ” ไอ้เหมองอแง ดวงตาวาววับมองแฟนหมาดๆ อย่างขัดเคือง “อุตส่าห์มาหาถึงนี่ ยังจะเห็นอย่างอื่นสำคัญกว่าเหมออีก”
“เหมอครับ ฟังผมนะ” ชนะบอกด้วยเสียงอ่อนใจ ก้มลงหอมแก้มไอ้เหมอแต่มันก็เบนหลบอย่างน่าเตะ “ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าเหมอเลย แต่ผมกลัวว่าเหมอจะไม่ไหว”
“เหมอไหว”
“เหมอรู้ใช่ไหมว่าผมจะรุนแรงกับเหมอเพราะความคิดถึงมากแค่ไหน”
คราวนี้ไอ้เหมอเงียบ มันอยากถูกกอด อยากเป็นของชนะ แต่ให้เจ็บตัวตอนนี้มันก็ยังไม่พร้อม ความอ่อนล้าที่ทำให้ดวงตาแทบปิดตอนนี้คงไม่ทำให้ไอ้เหมอมีสติรับรู้มากนัก
“ผมรักเหมอนะครับ ที่ผมต้องห้ามใจตัวเองอย่างนี้เพราะผมเป็นห่วงเหมอ ไม่งอแงนะ” ชนะจูบขมับของไอ้เหมอที่พยักหน้าพร้อมกับหลับตาพริ้ม
“อือ แต่นะต้องนอนข้างๆ เหมอ ห้ามไปไหน”
“โอเค”
“กอดเหมอด้วย”
“ได้ครับ”
แค่เท่านี้ไอ้เหมอก็ยิ้มอย่างสุขใจ มันถูกกอดไว้แน่น แม้อากาศข้างนอกจะร้อนแรงมากแค่ไหน แต่เครื่องปรับอากาศภายในห้องก็ช่วยให้ไอ้เหมอได้แสดงความรักที่ร้อนแรงยิ่งกว่าแดดของ LA ได้ ใบหน้าของมันซุกซบลงกับซอกคอของชนะ รินรดลมหายใจอุ่นๆ ลงบนผิวเนื้อขาวน่าดูดกัด
“นะจ๋า”
“ครับ”
“อยู่ที่นี่ไม่ได้มีใครใช่ไหม...”
ชนะลูบหลังไอ้เหมอ แล้วตอบเสียงหนักแน่น “ไม่มี”
“แต่คงมีผู้หญิงมาชอบเยอะเลย”
“อืม ก็พอสมควร” ชนะตอบตามจริง “แฟนเหมอหล่อนี่ครับ อย่าหึงเลย”
ไอ้เหมอย่นจมูกฟังอย่างไม่ชอบใจ “เหมอหวงอ่ะ”
“ผมไม่มองใครหรอก คิดถึงเหมอทุกวัน”
“ดีใจจัง” ไอ้เหมอยกศีรษะขึ้นเล็กน้อย แล้วพรมจูบลงบนคางสวยของชนะ “แล้ว...เหมอถามจริงๆ นะ อย่าโกรธเหมอล่ะ”
“อืม ถามมาสิ”
“นะไม่ได้นอนกับใครใช่ไหม แบบว่า...นะดูเหมือน เอ่อ...ชอบเซ็กส์อะไรแบบนั้น”
คราวนี้ชนะหัวเราะเสียงดังลั่น จนไอ้เหมอหน้ายุ่ง “จริงๆ นะ ก็ตัวอ่ะทะลึ่ง ลามก หื่น ครบอ่ะ ห่างกันอย่างนี้ ตอน...อยากขึ้นมา ทำไง”
“ผมเป็นเฉพาะกับเหมอ ไม่ได้นึกอยากจะลากใครขึ้นเตียงก็ทำเสียหน่อย ไม่ใช่เหมอ...ตรงนี้ก็ไม่รู้สึกหรอก” ว่าพลางจับมือไอ้เหมอไปพิสูจน์ว่าตรงนั้นกำลังรู้สึกมากแค่ไหน
“อะ...อือ เหมอเชื่อก็ได้” ไอ้เหมอตอบเสียงแผ่ว อยากดึงมือออกแต่ชนะก็ยังบังคับให้มันจับไว้
“เชื่อแล้วนะครับ”
“แต่...แต่ถ้ามีผู้หญิงมายั่วอ่ะ แบบ...เขามาเปลือยต่อหน้า”
ชนะยกยิ้ม แต่ก็ตอบไอ้เหมอไปตามจริง ไม่ปิดบัง “ผมก็ยังเป็นผู้ชายนะเหมอ แม้ตอนนี้อาจจะเป็นเกย์เพราะมีแฟนเป็นผู้ชายก็ตาม แต่ผมก็ไม่ได้เสื่อมจนปลุกไม่ขึ้น มาเปลือยอยู่ตรงหน้า ผู้ชายร้อยทั้งร้อยก็คงห้ามใจไม่ให้รู้สึกยาก”
“ง่า...นะจ๋า ไอ้มักมาก”
ชนะตบสะโพกไอ้เหมอจนมันทำหน้าเหยเก “ผมตอบตามความจริง โกหกก็คงจะโกรธอีก แต่เหมอรู้ไว้เลยว่าไม่มีผู้หญิงคนไหนมีโอกาสมาเปลือยต่อหน้าผมหรอก”
“อืม...นะจ๋าปล่อยมือได้แล้ว จะให้เหมอจับไปถึงไหน ไหนบอกคิดตังค์ไง เหมอไม่มีตังค์จ่ายนะ”
“เป็นแฟนแล้วไม่ต้องจ่ายหรอก จะจับจะเล่น...จะทำยังไงก็ได้ทั้งนั้น”
“หื่นมากกกกก”
ชนะไม่เถียง พยักหน้ายอมรับเสียอีกจนไอ้เหมอว่าอะไรต่อไม่ได้
“ว่าแต่เหมอเถอะ ถามผม แล้วตัวเองทำบ้างไหม กับไอ้ป่านนั่นเป็นยังไง”
ไอ้เหมอหน้าเหวอเมื่อถูกยิงคำถามใส่ ก่อนมันจะตอบเสียงอ้อมแอ้มว่า “ก็ยังคุยกันอยู่ แต่เหมอไม่ได้คบกับมันนะ แค่คุยในฐานะเพื่อนเฉยๆ”
“อืม” ชนะพยักหน้ารับรู้ แต่ไอ้เหมอหวั่นใจกับความนิ่ง “คิดว่าดีก็ทำต่อไป เอาที่เหมอสบายใจ”
“ง่า...เหมอไม่ได้คิดอะไรกับไอ้ป่านเลย”
“อืม ผมรู้”
“รู้จริงอ่ะ”
“จริง แต่เดี๋ยวผมก็คงต้องหาคนคุยด้วยบ้าง”
“ไม่เอา!”
“ทีเหมอก็ยังหวงเลย แล้วคิดว่าที่ทำอยู่มันดีแล้วเหรอ”
ไอ้เหมอเม้มริมฝีปาก มันกัดคอของชนะเบาๆ ด้วยความหมั่นเขี้ยว “ไอ้ป่านมันก็เพื่อนทั่วไปปะ ก็เหมือนเหมอคุยกับไอ้กวิ้น”
“ไม่เหมือน เพราะไอ้กวิ้นมันไม่ได้ชอบเหมอ จะบอกเหรอว่าไอ้ป่านมันไม่ได้บอกคิดถึง ไม่ได้บอกให้อาบน้ำกินข้าว ไม่ได้บอกว่าชอบเหมอ จะเถียงผมก็ได้ ผมจะรับฟัง”
แต่ไอ้เหมอไม่เถียง เพราะเถียงไม่ได้แม้แต่คำเดียว “แล้วจะให้เหมอทำยังไงอ่ะ”
“คิดเอง ผูกเองเหมอก็แก้เอง ผมไม่อยากยุ่งเรื่องนี้”
“ชนะอ่า อย่าโกรธเหมอสิ”
ชนะถอนหายใจ ดึงรั้งให้ไอ้เกรียนขึ้นมานอนทับบนตัว “เราต้องห่างกัน มันก็เป็นปัญหามากพออยู่แล้ว ขอได้ไหมว่าอย่าสร้างปัญหาเพิ่ม ผมไม่อยากให้เราต้องทะเลาะกันอีก ให้ผมเข้าใจว่าเหมอไม่คิดอะไรกับมัน ผมก็ทำได้ แต่เหมอห้ามไม่ให้ผมหึงหวงเหมอไม่ได้หรอก...เพราะผมก็บังคับหัวใจตัวเองไม่ได้เหมือนกัน”
“ชัดเจนเลย” ไอ้เหมอหัวเราะเสียงแห้ง
“ผมจะคุยเรื่องนี้กับเหมอครั้งนี้ครั้งสุดท้ายนะ ผมบอกเหมอชัดเจนแล้ว เหมอก็ต้องทำให้ชัดเจนด้วย”
“จ้ะทูนหัว”
ชนะยิ้มรับ ดึงไอ้เหมอให้ขยับขึ้นรับจูบเป็นรางวัล ก่อนจะถอนริมฝีปากออกไปให้ไอ้เหมอนึกเสียดาย “นอนเถอะ ตอนเย็นจะได้ลงไปช่วยป๋าทำอาหารกัน”
“อื้ม นะบอกฝันดีเหมอหน่อย”
ชนะคลี่ยิ้ม ดีดหน้าผากเกรียนของไอ้เหมอพร้อมกับบอกว่า “ฝันร้ายนะที่รัก”
“เกลียดดดดดดด”
“ฮ่าๆๆ”
แม้ชนะจะบอกว่าฝันร้าย แต่รอยยิ้มกับสายตาที่มองมา ไอ้เหมอก็รู้แล้วว่ามันจะต้องฝันดีแน่นอน และคงเป็นฝันที่ดีที่สุดในรอบหลายเดือนที่ผ่านมานี้
*******************