ผู้โชคดี
ตอนที่ 6 โชคดีไม่มีจริง
‘น้องคนนั้นน่ารัก’
ผมกำลังนึกถึงน้อง ม.4 ที่กำลังเดินผ่านหน้าของผมไป เขาสามารถสะกดสายตาของผมให้มองไปที่เขาคนเดียว จนกระทั่งเขาลับหายไปจากสายตา แต่หลังจากที่ได้เห็นเขาในวันนั้นแล้ว สายตาของผมก็คอยมองหาเขาตลอด พยายามสืบดูว่าน้องเขาชื่ออะไร อยู่ห้องไหน และเขามีแฟนหรือยัง
น้องเขาชื่อ ‘กิ่ง’ ชื่อยังน่ารัก เป็นผู้ชายเจ้าเนื้อเล็กน้อย ผิวพรรณดี ถ้าผมได้กอดคงนิ่มไปทั้งตัว ผมจะทำยังให้เขามาเป็นกิ่งก้านของพี่ต้นไม้คนนี้ กังวลว่าเขาจะรู้สึกตรงกันกับผมไหม ผมไม่กล้าบอกสิ่งที่อยู่ในใจออกไป กลัวว่าหากน้องเขาไม่ได้ชอบผู้ชาย มันคงมองหน้ากันไม่ติด
ผมทำได้แค่แอบมองน้องเขาอยู่เงียบๆ เพื่อนๆ ไม่มีใครรู้ว่าผมแอบมีใครเก็บไว้ในใจ หลายคนมาสารภาพรักกับผม หลายคนแสดงออกว่ามีใจให้ แต่หัวใจของผมมันมีแต่น้องคนนั้น ผมจึงไม่สามารถตอบรับใครได้ ได้แต่เฝ้ารอให้ตัวเองมีความกล้าในสักวัน ขอแค่ได้มีโอกาสได้คุยกับน้องเขาสักประโยคก็ยังดี
……
“พี่ครับ ผมเก็บกระเป๋าสตางค์ของพี่ได้”
วันที่น้องเขามายืนตรงหน้า ยื่นกระเป๋าสตางค์คืนผม ผมพูดไม่ออก ลืมที่จะขอบคุณเขาด้วยซ้ำ ผมมัวแต่ตกอยู่ใต้มนตร์สะกดของคนตรงหน้า ดวงตาที่ดูบริสุทธิ์ สีแดงระเรื่อจากเลือดฝาดป้ายเต็มวงแก้ม ริมฝีปากอิ่ม มุมปากทั้งสองข้างยกขึ้น ดูราวกับว่าเจ้าตัวยิ้มอยู่ตลอดเวลา ลักยิ้มเล็กๆ ที่แก้มข้างซ้ายยิ่งทำให้เขาดูน่ารัก ทุกอย่างบนใบหน้าของน้องกิ่งมันตรึงสายตาผมให้อยากมองเขาแต่เพียงผู้เดียว ยิ่งเวลาเขาเขิน เวลาเขาหัวเราะ ผมไม่เคยห้ามสายตาตัวเองได้เลยสักครั้ง
“แกชอบน้องกิ่งเหรอต้น”
คนที่ถามผมคือเอ๋ย ผมไม่รู้ว่าเอ๋ยดูออกได้ยังไง หรือบางทีผมอาจจะเผลอมองน้องกิ่งมากจนเกินไป แต่หากเป็นแบบนั้นทำไมเจ้าตัวถึงไม่รู้สักทีว่ามีใครแอบมองอยู่
“อืม” ผมตอบรับ
“ชอบสไตล์นี้เหรอ”
“อืม”
“แอบชอบมานานรึยัง”
“ตั้งแต่วันแรกที่น้องมาเรียนที่นี่”
“มิน่า ไม่เคยใจอ่อนให้เราเลย”
“ขอโทษนะ”
“ขอโทษทำไม เรื่องหัวใจมันบังคับกันได้ที่ไหน แล้วทำไมไม่ไปสารภาพกับน้องเขา พวกเราใกล้จะจบแล้วนะ”
“กลัวว่ะ”
“โห ไม่อยากจะเชื่อ ดาวเด่นของโรงเรียนกลัวความผิดหวัง อย่างแกไม่มีใครปฏิเสธหรอก”
“ไม่รู้ดิ กลัวน้องเขาไม่ชอบผู้ชาย เฮ้อ...เราว่าเรารักน้องเขาว่ะเอ๋ย เวลาเห็นไอ้นัทมันแกล้งน้อง เราอยากเข้าไปช่วย แต่เราก็กลัวว่าน้องจะยิ่งโดนแกล้ง เอ๋ยก็รู้ว่าไอ้นัทมันพาล”
“แล้วจะปล่อยผ่านไปอย่างนี้เหรอ”
ผมไม่ได้ตอบคำถามของเอ๋ย ได้แต่เฝ้าคิดว่าผมจะเข้าใกล้น้องเขาได้ยังไง
แต่แล้วโชคชะตาคงกำหนดมาให้เราได้คบกัน กิ่งถูกไอ้นัทมันแกล้งอีกครั้ง และครั้งนั้นทำให้ผมกล้าที่จะเข้าหาน้อง หลังจากที่เราได้พูดคุยกันในห้องพละ ผมว่าน้องเขาน่าจะมีใจให้ผมไม่ต่างกัน เราได้ทำความรู้จักกันมากขึ้น สนิทกันมากขึ้น และสุดท้ายผมก็ขอน้องเป็นแฟน ความสัมพันธ์ของเราดำเนินไปอย่างรวดเร็ว ผมได้น้องทั้งตัวและหัวใจ พ่อแม่ของเราทั้งคู่รับรู้และไม่ได้ขัดขวาง ผมยอมรับว่าดีใจที่ความรักของผมกับน้องราบรื่นไปได้ด้วยดี
ไม่ว่าใครต่อใครจะพูดว่าน้องไม่เหมาะสม น้องดูไม่น่ารัก ตัวน้องเองก็มักจะตำหนิตัวเองให้ผมได้ยิน ผมไม่ชอบที่น้องไม่เห็นคุณค่าของตัวเอง ผมพยายามทำให้น้องเห็นว่าผมรักที่เขาเป็นเขา ผมเอาใจใส่และดูแลเขาเพราะอยากให้เขารู้ว่าเขาดีพอที่จะเป็นที่รักของใครสักคน
……
จนกระทั่งเราได้มาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน คนที่ไม่เคยโตมาด้วยกัน มันมีเรื่องที่ต้องเรียนรู้ ต้องปรับ หลายสิ่งในตัวกิ่งที่ผมไม่ชอบเริ่มปรากฏขึ้นเรื่อยๆ กิ่งชอบใช้เงินเพื่อทำให้ทุกอย่างมันง่าย ไม่ค่อยพยายามทำอะไรด้วยตัวเองก่อน ของบางอย่างที่ยังใช้ได้ แต่เมื่อไม่ถูกใจกิ่งเลือกที่จะทิ้งแล้วซื้อใหม่ ไม่รักษาความสะอาด ชอบทำของรก ถึงขนาดให้เพื่อนซักกางเกงในให้ ถอดออกมาแบบไหนก็ใส่ตะกร้าไปแบบนั้น มันทำให้ผมเริ่มเอือมระอากับนิสัยของเขามากขึ้น
เวลาที่ผมกลับมาจากเรียน กิ่งไม่เคยถามว่าผมเหนื่อยไหม ไม่เคยสนใจว่าผมต้องการอะไร บางครั้งผมอยากอยู่บ้าน ใช้เวลาด้วยกันแบบง่ายๆ ทำอะไรกินกันเอง แต่กิ่งก็จะชวนไปทำในสิ่งที่กิ่งอยากทำ เมื่อผมปฏิเสธ ผมรู้ว่ากิ่งไม่พอใจ แต่กิ่งมักจะไม่พูดและหายออกไปข้างนอกนานๆ บางครั้งมันทำให้ผมไม่แน่ใจว่ากิ่งรักผมหรือเปล่า ทำไมเขาถึงได้เอาแต่ใจตัวเองเสมอ
กิ่งไม่ยอมเข้าหาเพื่อนที่คณะของผมเลย หลายครั้งที่ผมชวนเขาไปเที่ยวด้วยกันกับเพื่อนของผม เขาจะปฏิเสธ แต่ในวันที่ผมยุ่งและต้องทำกิจกรรม เขาจะพยายามให้ผมไปโน่นไปนี่ด้วย เขาไม่พยายามเข้าใจผม ได้แต่ตัดพ้อว่าผมไม่มีเวลาให้ เราทะเลาะกันบ่อยขึ้น ถึงจะไม่ได้ร้ายแรง แต่พอมันบ่อย มันก็ทำให้ผมเริ่มเบื่อและเหนื่อยใจ แต่ถึงยังไงผมไม่เคยคิดจะเลิกกับกิ่ง ผมฝันเอาไว้ว่าเราจะกลับไปทำงานที่บ้านเกิด และใช้ชีวิตด้วยกันจนแก่เฒ่า
แต่เมื่อกรีนเข้ามาในชีวิตของผม ความเปลี่ยนก็ได้เกิดขึ้น ผมยอมรับว่ากรีนมีอะไรหลายอย่างที่ผมพึงพอใจ เขารุ่นราวคราวเดียวกับกิ่ง แต่รู้จักสู้ชีวิต เขาไร้โอกาสแต่ไม่เคยยอมแพ้ เขาขยันและรู้วิธีเอาใจ ผมกลับมาจากเรียนเหนื่อยๆ ก็จะมีน้ำผลไม้ที่เขาคั้นเองแช่เย็นทิ้งไว้ให้ผมเสมอ เขารู้จักเข้าหาเพื่อนๆ ของผม เขาใส่ใจและทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นที่ต้องการ สิ่งไหนที่ผมไม่ชอบเขาจะรีบปรับปรุง เขาพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ผมมีความสุข
ผมเริ่มเอากิ่งกับกรีนมาเปรียบเทียบกัน ยอมรับว่าหัวใจของผมเริ่มหวั่นไหวให้กับกรีน สุดท้ายผมก็ปล่อยให้ความใกล้ชิดและความพึงพอใจทำให้เรามีอะไรที่เกินเลยต่อกัน และดูเหมือนว่าผมจะถลำตัวลึกลงไปมากขึ้นทุกที สิ่งที่กรีนให้ผมมันทำให้ผมรักเขาทีละน้อย แต่ผมก็ยังรักกิ่งมากกว่า ยังอยากมีกิ่งในอนาคตแบบที่เคยฝันเอาไว้
ผมกำลังรักคนถึงสองคน และผมไม่อยากเสียใครไป
ผมเริ่มสร้างโลกขึ้นมา 2 ใบ หลอกตัวเองว่าผมยังใช้ชีวิตแบบนี้ได้ ตราบใดที่กิ่งยังไม่สงสัย ผมก็ยังจะมีกรีนต่อไป ยิ่งกรีนบอกว่าเขาจะไม่เรียกร้อง เขายอมที่จะเป็นที่สอง อยู่ในที่ของเขาเงียบๆ ผมก็ยิ่งได้ใจ ถึงจะรู้ว่าความลับไม่มีในโลก แต่หากยื้อเวลาได้มากแค่ไหน ผมก็จะยื้อมันให้ยาวที่สุด ผมเชื่อว่าหากวันนั้นมาถึง กรีนจะยอมไปแต่โดยดี และกิ่งจะต้องยินดีให้อภัยผม เพราะที่ผ่านมาผมทุ่มเทและเอาใจใส่เขาอย่างเต็มที่ ผมเชื่อว่าเขาขาดผมไม่ได้
แล้วผมก็ได้รู้ว่าที่ผมคิดเอาไว้มันผิด ผมพลาดที่คิดว่ากิ่งขาดผมไม่ได้ เขาไม่แม้แต่จะฟังคำขอโทษจากผมด้วยซ้ำ เขาตัดผมออกไปง่ายดาย ไล่ผมออกจากคอนโดยไม่มีลังเลสักนิด ที่สำคัญเขาไปจูบกับไอ้สามได้ทั้งที่เพิ่งเลิกรากับผม เขาคงไม่ได้รักผมอย่างที่กรีนบอก
ทีแรกผมก็คิดว่าตัวอยู่ได้เพราะถึงยังไงก็ยังมีกรีนอยู่ แต่เมื่อกิ่งหายไปจากชีวิตผมนานวันขึ้นเรื่อยๆ ผมยิ่งรู้ตัวว่าผมคิดถึงเขามาก ต่อให้ขำทำของรก ต่อให้เขาเอาแต่ใจ แต่การมีเขาอยู่ด้วยมันมีความสุขมากกว่า ผมมันโง่ ไม่รู้จักรักษาเขาเอาไว้ สิ่งที่ผมเคยคิดว่าเป็นข้อเสียของเขา ผมแค่เอามาอ้างเพื่อให้ความผิดของตัวเองน้อยลง
และคนที่ผมคิดว่าเขาดี ตอนนี้กลับเป็นคนที่เริ่มทำให้ผมอึดอัดใจมากที่สุด
“แม่พี่ใจร้ายกับกรีนมาก ด่ากระทบกรีนต่อหน้าคนอื่นๆ” กรีนเอาเรื่องที่แม่ของผมต่อว่าเขามาเล่าให้ผมฟัง
“แล้วกรีนไปยืมเงินแม่กิ่งทำไม เราสองคนไม่ควรไปยุ่งกับเขาอีก” ผมย้อนถาม
“ไม่ยุ่งแล้วพี่ไปกินข้าวกับมันทำไม”
“กรีน แม่กิ่งท่านเอ็นดูพี่ ท่านมากรุงเทพพี่ก็ต้องไปหาท่าน”
“อยากได้พี่กลับไปเป็นแฟนของกิ่งมากกว่า”
“อย่าคุยเรื่องนี้เลย”
พอกรีนเห็นผมเริ่มหงุดหงิดก็รีบเปลี่ยนท่าทาง เขาเข้ามากอดผมและพยายามจะจูบ พอเห็นผมบ่ายเบี่ยงก็รีบอ้อน
“พี่ต้น ไปเที่ยวกันไหม พักนี้เราไม่ได้ไปไหนกันเลย”
“พี่ต้องประหยัด แม่จะไม่ให้เงินเดือนพี่แล้ว”
“แม่พี่กดดันเรา เพราะกรีนจนใช่ไหมครับ ถึงถูกรังเกียจ กรีนคงต้องซื้อลอตเตอรี่ทุกงวด เผื่อรวยแล้วแม่พี่จะเอ็นดูกรีนบ้าง”
“แล้วแต่กรีนจะคิด รู้ไหม กิ่งเขาไม่เคยประชดพี่เลยนะ ไม่ว่าจะโกรธกันทะเลาะกัน ใครจะผิดจะถูก แต่กิ่งเขาเลือกที่จะออกไปสงบสติ ไม่เคยประชดหรือทำให้พี่ปวดหัวเลย”
“แล้วกรีนทำให้พี่ปวดหัวเหรอครับ กรีนก็แค่ตัดพ้อว่าเพราะกรีนมีไม่เท่ากิ่ง แม่พี่ถึงไม่ชอบกรีน”
“กรีนรู้ไหม กรีนกำลังทำให้พี่รู้สึกว่าพี่พลาดมากๆ” ผมต่อว่าอีกฝ่ายเพราะเกลียดที่เขาชอบประชด
ส่วนกรีน เมื่อเห็นว่าคราวนี้ผมหงุดหงิดมากกว่าทุกครั้ง เขาก็เริ่มง้อผมด้วยเซ็กส์เหมือนเคย แต่ผมไม่ได้ต้องการมันเหมือนเดิมอีกแล้ว เมื่อกรีนง้อผมด้วยวิธีเดิมไม่ได้ผล เขาก็เริ่มร้องไห้ สุดท้ายก็ขู่ว่าจะทำร้ายตัวเอง เขาคงไม่รู้ตัวว่าเขากำลังทำตัวเองดูด้อยค่าในสายตาของผมมากขึ้นทุกที
……
วันนี้ผมไม่มีเรียนช่วงบ่าย ผมตัดสินใจชวนเอ๋ยออกมากินข้าวด้วยกัน ทั้งที่กรีนส่งข้อความมาบอกว่าจะมากินข้าวกับผม แต่ผมรีบหนีเขาออกมาก่อน ทีแรกเอ๋ยก็จะไม่ยอมมาคุยกับผม ผมเคยต่อว่าเขาอย่างหนัก แต่ผมขอโทษและอ้อนวอนอีกฝ่าย เอ๋ยถึงได้ยอมใจอ่อน ผมอยากให้เอ๋ยช่วยผมง้อกิ่งเพราะรู้ว่าทั้งสองคนสนิทกันมากในช่วงนี้
“ปล่อยน้องมันไปเถอะต้น แกทำให้มันแย่จนเกือบฆ่าตัวตายนะรู้ไหม”
ผมอึ้งไปที่ได้รู้ กิ่งเป็นคนเข้มแข็ง ผมคิดว่าเขาไม่เสียใจเท่าไหร่ถึงได้ขอเลิกกับผมง่ายๆ จนกระทั่งเอ๋ยเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟังว่าน้องเสียใจแค่ไหน น้องรู้เรื่องผมมานาน และเอาแต่ร้องไห้คนเดียว น้องอดทนเพื่อรอให้ผมกลับตัวกลับใจ ผมเองที่เอาแต่คิดว่าน้องไม่รู้และทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนน้องยอมแพ้
“เรารู้ตัวว่าเลว ไม่แก้ตัวอะไรเลย แต่เราอยากขอโอกาสจากกิ่ง อย่างน้อยก็ให้เราได้คุยกับน้องเขาอีกครั้งได้ไหม แกช่วยหน่อยได้ไหม น้องไม่ยอมคุยกับเราเลย”
“กลับไปก็มีแต่จะระแวง มันไม่มีความสุขเหมือนเดิมหรอกต้น”
“ก็ให้น้องบอกเราเอง นะเอ๋ย ช่วยเราหน่อยนะ”
“แกแค่อยากเอาชนะกิ่งรึเปล่า”
“ทำไมคิดแบบนั้น”
“นิสัยแกใช่ว่าเราจะไม่รู้ แกเคยคิดว่ากิ่งเป็นของตาย พอมาวันหนึ่งของตายกลับมีชีวิตใหม่ แกเลยทนไม่ได้ อยากเอาเขากลับมา”
“เราไม่ได้คิดแบบนั้นเลยนะเอ๋ย”
“จะไปถามให้กิ่งก็แล้วกัน ต้องแล้วแต่กิ่งนะ”
“แล้วกิ่งคบกับไอ้สามอยู่รึเปล่า”
“น้องมันไม่ได้ง่ายเหมือนแกหรอกนะต้น แล้วไอ้สามมันก็ไม่คิดฉวยโอกาสด้วย บอกตามตรงนะ ระหว่างแกกับสาม แกเทียบมันไม่ติดเลยว่ะ ฉันเคยหลงรักแก มาวันนี้ยังคิดว่าทำไมถึงไม่หลงรักไอ้สามมัน”
“พูดแบบนี้เสียใจนะเว้ย”
“ข้อเสียของแกอีกอย่างคืออะไรรู้ไหมต้น”
“อะไร”
“คำที่แกพูดมันเชื่อไม่ได้เลย ทั้งคำว่ารักและคำว่าเสียใจ ฉันไปก่อนนะ เมียแกหน้าเป็นตูดมาโน้นแล้ว”
ผมไม่ทันได้ขอบคุณเอ๋ยก็เดินหนีผมไปแล้ว และคนที่เดินเข้ามาแทนก็คือกรีน ผมได้แต่ถอนหายใจ กรีนเริ่มบีบน้ำตาและตัดพ้อผม เอาแต่พูดว่าเพราะตัวเองไม่ดี เพราะจน เพราะต่ำต้อย ผมเบื่อกับคำพูดเดิมๆ สุดท้ายเมื่อทนฟังไม่ไหวผมจึงลุกหนีเขาออกมา
……
จากวันนั้นกรีนหายหน้าไปจากผม ผมก็ยอมรับว่าคิดถึงเขาอยู่เหมือนกัน แต่ก็ไม่คิดจะโทรหา ผมเฝ้ารอโทรศัพท์จากเอ๋ยมากกว่า อยากรู้ว่ากิ่งยอมให้ผมไปหาหรือเปล่า แต่ก็ไร้การตอบรับ ผมโทรไปถามเอ๋ย เอ๋ยก็บอกว่ากิ่งไม่อยากคุยกับผม ผมรอจนเริ่มหมดหวัง กำลังคิดว่าจะตัดใจ เจ๋งก็โทรมาหาผมพอดีแล้วบอกว่ากรีนกินยานอนหลับเกินขนาด ตอนนี้ล้างท้องอยู่ที่โรงพยาบาล ผมจึงรีบไปที่นั่น
กรีนดูผอมลงไปกว่าเดิมมาก หน้าตาซูบซีด ผมเห็นแล้วก็อดใจอ่อนสงสารเขาไม่ได้เช่นเคย เจ๋งก็พยายามจะเล่าว่ากรีนรักผมแค่ไหน เล่าเรื่องชีวิตที่น่าสงสารของกรีนให้ผมฟัง สุดท้ายผมก็ตัดสินใจเดินหน้าต่อ ในเมื่อกิ่งใจแข็งและไม่ยอมรับคำขอโทษหรือให้โอกาส ผมก็ควรอยู่กับคนที่รักและต้องการผมมากกว่า
……
หลังจากวันนั้นผมก็ดีต่อกรีนเหมือนเดิม เขาดูดีใจและมีความสุข และเอาใจผมมากกว่าเดิม ผมให้กรีนย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกัน เราคบหากันเป็นแฟนอย่าเปิดเผย ใช้เวลาด้วยกันมากขึ้น ผมบอกตามตรง ส่วนหนึ่งที่ตัดสินใจแบบนี้เพราะผมอยากทำให้กิ่งหึง มีวันหนึ่งที่ผมพากรีนไปดูหนัง เผอิญได้เจอกับกิ่งมากับเพื่อนที่คณะ ผมเห็นว่ากิ่งหน้าเสีย ถ้าตาไม่ฝาด ผมว่าเขากำลังร้องไห้ ลึกๆ ก็เสียใจที่ทำให้เขาเจ็บ แต่ลึกกว่านั้นคือผมดีใจที่เห็นว่าเขาเสียใจที่ไม่เลือกกลับมาหาผม
ในขณะที่ผมใช้ชีวิตอยู่กับกรีน ผมก็ยังคงมองหากิ่งทุกวัน กิ่งดูดีขึ้นเรื่อยๆ ผอมลง หน้าตาสดใส ลักยิ้มนั่นยังมีเสน่ห์ทำให้ผมอดที่จะยิ้มตามไม่ได้เมื่อเห็น เวลาเขายิ้มกว้างๆ ผมอยากดึงเขามากอดและให้เขาส่งยิ้มแบบนั้นมาให้ผมบ้าง แต่ก็ทำได้แค่คิด ผมพยายามตัดใจแล้ว แต่ก็ตัดใจจากกิ่งไม่ได้สักที
……
“มาคนเดียวเหรอ” ผมถามกิ่ง อีกฝ่ายแสดงอาการตกใจ แต่แล้วก็เอาแต่ก้มหน้าไม่ตอบคำถามของผม
ผมรู้มาจากเอ๋ยว่ากิ่งชอบมานั่งวาดรูปที่สวนสาธารณะแห่งนี้ ผมตามมาดูเขาอยู่หลายวัน ถ้าไม่มีเพื่อนมา ก็จะมีไอ้สามที่มานั่งอยู่เป็นเพื่อน แต่วันนี้กิ่งมาคนเดียว ผมถึงกล้าที่จะเดินเข้ามานั่งข้างๆ
“วาดรูปเก่งขึ้นนะ”
กิ่งถอนหายใจและวางสมุดภาพลง เขายอมมองหน้าผม แววตาดูเฉยชาจนผมแอบใจเสีย
“พี่เอ๋ยบอกว่าพี่มีเรื่องอยากพูดกับผม งั้นพูดมาเลยครับ”
น้องจ้องหน้าผม พอถึงเวลาจริงผมคิดคำพูดไม่ออกเลย แต่บอกตามตรงว่าดีใจที่ได้ยินเสียงน้องใกล้ๆ ได้มองหน้าใกล้ๆ อีกครั้ง กลิ่นตัวกิ่งยังหอมเหมือนเดิม แก้มกลมๆ ก็น่ากดจมูกลงไป คำถามเกิดในหัวมากมาย ทำไมผมถึงได้โง่อย่างนี้นะ ตอนมีโอกาสกลับไม่เคยรักษาเอาไว้ให้ดี
“ถ้าไม่พูดผมกลับนะครับ” น้องไม่ยอมแทนตัวเองว่ากิ่งกับผมเหมือนเดิม
“พี่คิดถึงกิ่ง” คำแรกที่นึกออกคือคำคำนี้
“แค่นี้ใช่ไหมครับ”
“ขอโทษนะครับ ขอโทษที่ทำให้กิ่งเสียใจ ขอโทษที่ไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ”
“........”
“ให้อภัยพี่ไม่ได้จริงๆ เหรอครับ”
“จะยอมทิ้งกรีนเพื่อกลับมาหาผมเหรอ”
“พี่ยอมแลกทั้งหมดที่มี”
“โทรบอกเขาสิครับ ว่าพี่อยากเลิกกับเขาเพื่อกลับมาหาผม” ผมอึ้งไปเมื่อน้องยื่นข้อเสนอ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ต่อสายหากรีนแล้วบอกเลิกอย่างที่กิ่งต้องการ ฝั่งกรีนเงียบไป แล้วผมก็ตัดสายทิ้ง
“พี่รู้ว่ากิ่งอยากให้กรีนเจ็บ และอาจจะไม่ได้ยกโทษให้พี่จริง แต่พี่ยอมทำทุกอย่างถ้ามันชดเชยกิ่งได้” น้องฟังผมแล้วก็เงียบไป เงียบไปนานจนยอมเอ่ยออกมา
“ผมยอมรับว่ายังเสียใจอยู่ทุกครั้งที่นึกถึงพี่ ผมคิดถึงเรื่องราวของเราบ่อยๆ ผมถามตัวเองทุกวันว่าผมทำอะไรพลาดไปพี่ถึงยอมเสี่ยงไปมีอะไรกับคนใกล้ตัวผมขนาดนั้น ยอมเสี่ยงที่จะเสียผมไป ผมไม่ดีพอเรื่องไหน เรามีปัญหาอะไรกัน เรื่องส่วนตัว เรื่องเซ็กส์ เรื่องเงินๆ ทองๆ สารพัดคำถาม แต่ตอนนี้ผมเหลือคำถามเดียวในหัว”
“.........” ผมนิ่งไปและรอน้องพูดต่อ
“ผมเคยรักพี่ไปได้ยังไง”
“กิ่ง...”
“มีแต่คนเคยบอกว่าผมโชคดี แต่ตอนถูกพี่กับเพื่อนทรยศ ผมฟูมฟายว่าตัวเองโชคร้ายต่างหาก แต่มาคิดดีๆ ผมว่าตัวเองโชคดีจริงๆ นั่นแหละที่พี่แสดงธาตุแท้ออกมา ใครได้พี่ไปโคตรโชคร้ายชะมัด หน้าตาดี เรียนดี ฐานะดีก็จริง แต่ไม่รู้จักยับยั้ง ข้อดีที่ว่ามามันช่วยไม่ได้เลยครับ”
“กิ่ง พี่รู้ตัวว่าพี่มันเลว แต่พี่อยากขอโอกาสแก้ตัว ถ้ากิ่งไม่ให้โอกาสพี่แล้วจะรู้ได้ไงว่าพี่ทำได้หรือไม่ได้ นะครับ พี่อยากเป็นพี่ต้นของน้องกิ่งเหมือนเดิม”
“ถ้ากิ่งจะให้โอกาสพี่ กิ่งให้โอกาสพี่สามดีกว่า ต่อให้ต้องเจ็บอีก แต่ชีวิตมันก็มีรสชาติดี ไม่ต้องเจ็บกับคนหน้าเดิม มันไม่คุ้มครับ”
“กิ่งผอมลงนะ” ผมอ้อนน้อง ทำเป็นไม่สนใจสิ่งที่น้องพูดออกมา เป็นธรรมดาของคนโกรธที่อยากพูดให้อีกฝ่ายเจ็บบ้าง ผมเอื้อมมือไปกุมมือของน้องเอาไว้ น้องไม่ได้สะบัดหนี ได้แต่มองมาทางผมแล้วยกยิ้มจนแก้มบุ๋ม ผมกำลังจะยิ้มตอบ แต่ก็ต้องหน้าม้านเมื่อรู้ว่าน้องไม่ได้ส่งยิ้มนั้นให้ผม
“พี่สาม กิ่งรอพี่ตั้งนาน” น้องชักมือกลับ แล้วยื่นมือไปให้ไอ้สามมันดึงมือของน้องขึ้นมาแทน
“ก็ใครอยากชาไข่มุกเจ้านี้ล่ะ แถวยาวโคตร มีแต่คนมอง หน้าพี่ไม่เข้ากับชาไข่มุกถูกไหม” ไอ้สามมันคุยกับน้องข้ามหัวผม
“ขอบคุณนะครับที่อุตส่าห์ไปต่อแถวให้” น้องยิ้มและทำเสียงอ้อนไอ้สาม ผมทนไม่ได้เลยลุกขึ้นยืนอย่างเร็วจนไหล่ไปกระแทกกับไหล่ของไอ้สามมัน
“พี่กลับก่อนนะครับ แล้วจะแวะมาคุยด้วยใหม่” ผมพูดกับน้อง แต่ดูเหมือนว่าสองคนนั้นจะไม่สนใจผมสักเท่าไหร่ มัวแต่คุยกันไปหัวเราะกันไป ผลัดกันชิมชานมไข่มุก ผมเลยจำต้องเดินออกมาเพราะรู้สึกว่าตัวเองเป็นเหมือนส่วนเกิน
ผมกลับมาถึงห้องเพราะไม่มีอารมณ์จะไปไหนต่อ แต่มาถึงก็ไม่เห็นกรีนอยู่ที่นั่น ลองกดโทรศัพท์ไปหาแต่อีกฝ่ายตัดสายผมทิ้ง ผมได้แต่ทอดถอนใจ รู้ว่าคำบอกเลิกของผมจะทำให้กรีนเสียใจ แต่ผมคิดว่าเขาคงไม่กล้าไปจากผมอยู่ดี แล้วผมก็คิดถูก กรีนกลับมาตอนค่ำๆ พร้อมกับทำเหมือนว่าไม่ได้เกิดอะไรขึ้น เรายังคงใช้ชีวิตเหมือนคู่รักไปเรื่อยๆ
จนถึงที่ผมใกล้จะเรียนจบ ผมตัดสินใจจะพูดกับแม่เรื่องของกรีน ถึงผมจะไม่ได้รักกรีนมากเท่าที่เคยรักกิ่ง แต่เขาก็แสดงให้ผมรู้ว่าเขารักผมมากแค่ไหน ผมกลับบ้านในช่วงสุดสัปดาห์เพื่อไปคุยกับแม่ รู้ว่าท่านคงไม่ชอบใจที่ผมเลือกที่จะท่านยอมรับในตัวกรีน แต่อยากให้ท่านให้โอกาสกรีนได้พิสูจน์ตัวเอง ในที่สุดท่านก็ตามใจผม และบอกว่าจะพยายามทำใจยอมรับให้ได้หากกรีนพิสูจน์ได้ว่าตัวเองเหมาะสม
ทีแรกผมว่าจะค้างคืนที่บ้าน แต่พ่อกับแม่ของผมท่านจะเดินทางไปต่างประเทศพอดี ผมเลยตัดสินใจกลับกรุงเทพดีกว่า คิดเอาไว้ว่าถ้าบอกข่าวนี้ให้กรีนได้รู้ ฝ่ายนั้นคงดีใจและมีกำลังใจที่จะทำดีเพื่อพิสูจน์ตัวเอง
เมื่อผมขับรถกลับมาถึงห้อง แสงไฟในห้องลอดใต้ประตูออกมา บอกให้รู้ว่ากรีนคงไม่ได้ออกไปไหน ผมไขกุญแจเข้าห้องเบาๆ อยากให้กรีนประหลาดใจที่ผมกลับมาตามที่เขาอ้อน แต่กรีนไม่ได้อยู่ที่ห้องนั่งเล่น ผมเลยคิดว่าอีกฝ่ายคงอยู่ในห้องนอน เมื่อเดินไปใกล้ๆ เสียงที่ลอดออกมาทำให้ผมรู้สึกใจเต้น มันไม่ได้เต้นเพราะความดีใจ แต่มันเต้นราวกับว่าผมกำลังจะได้รู้อะไรบางอย่างที่ไม่ควรรู้
“ซี้ดดดด แรงๆ หน่อย เราจะเสร็จแล้ว”
เสียงกรีนครวญครางสลับกับเสียงครางหนักๆ ของใครอีกคน เสียงเนื้อที่กระทบกันอย่างรุนแรงทำให้หัวของผมหนักอึ้ง มันชัดมากว่าทั้งคู่กำลังทำกิจกรรมอะไรกันอยู่ แต่ผมตัดสินใจเปิดประตูห้องนอนออกเพราะอยากเห็นกับตา ภาพชายสองคนกำลังร่วมรักกันอยู่ก็ปรากฏตรงหน้า ทั้งคู่มัวแต่โถมแรงใส่กันไม่ยั้งเลยไม่รู้ว่ามีใครอีกคนเข้าในห้อง
“กรีน มาร์ช” ผมเรียกชื่อพวกเขา
กรีนสะดุ้งอย่างแรง ในขณะที่มาร์ชตกใจเพียงเล็กน้อย และมันยังคงสวนกายเข้าหากรีนอย่างไม่สะทกสะท้าน ดูท่าว่าคงกำลังจะถึงปลายทาง และแทนที่กรีนจะรีบลุกมาหาผม กลับหลับตา กัดริมฝีปาก และกระแทกบั้นท้ายใส่มาร์ชจนน้ำรักกระเซ็นออกมาเปรอะเปื้อนเต็มที่นอนของผมไปหมด
ภาพผมที่กำลังร่วมรักกับกรีนบนที่นอนของกิ่งลอยเข้ามา
ภาพที่ผมบอกกับกรีนว่าไม่ต้องกังวลเพราะกิ่งเชื่อใจผมลอยเข้ามา
ภาพกิ่งร้องไห้ เมื่อรู้ว่าผมไปมีอะไรกับเพื่อนสนิทของเขาลอยเข้ามา
ภาพต่างๆ ที่ผมเคยทำไว้ในอดีต มันลอยกลับเข้ามาในหัว
ผมถูกทรยศ ผมรู้แล้วว่ามันรู้สึกอย่างไร ผมเดินหนีทั้งสองคนออกมาที่ระเบียง ทิ้งตัวลงนั่งอย่างหมดแรง ผมเสียใจที่กรีนทำแบบนี้ แต่ผมกำลังเสียใจกว่าที่ครั้งหนึ่งผมทำแบบนั้นกับกิ่ง
“อยากได้ยินคำขอโทษไหมครับ” กรีนถามผมด้วยน้ำเสียงที่ไม่ได้รู้สึกผิดแม้แต่น้อย
“ไปซะ” ผมพูดสั้นๆ
“แน่ใจว่าขาดกรีนได้นะ”
“ขนาดกิ่งคนที่พี่รักพี่ยังขาดได้ ขาดคนที่ไม่ได้รักทำไมจะไม่ได้” ผมตอบกลับไป เห็นกรีนเม้มปากแน่นก็รู้ว่าคำพูดของผมยังมีผลต่อเขาอยู่
“มาร์ชเป็นแค่เพื่อน เพื่อนช่วยเพื่อนไม่ได้จริงจัง เป็นผู้ชายเหมือนกันแค่นี้ไม่เสียหายหรอกครับ จริงไหม” กรีนถามผม ผมมองอีกฝ่ายอย่างอึ้งๆ
“รู้ไหม วันนี้พี่ไปคุยอะไรกับแม่”
“ทำไม จะให้แม่ไปช่วยง้อไอ้กิ่งเหรอ”
“พี่ไปขอให้แม่ยอมรับกรีน พี่จะพากรีนเข้าบ้านหลังจากเรียนจบ แม่พี่ยอม”
“พี่ต้น...” กรีนหน้าเสียเมื่อได้ยิน
“กรีนทำตัวเอง กำลังจะโชคดีอย่างที่หวัง แต่มันคงไม่ได้แล้ว เพราะแม่พี่คงรับกะหรี่เข้าบ้านไม่ได้หรอก”
“พี่ต้น!”
“มึงไปซะ ไปอยู่กับเพื่อนของมึงแล้วช่วยกันให้พอ” ผมทนต่อไปไม่ได้ ยิ่งเห็นมาร์ชมายืนยิ้มเยาะให้เห็นผมยิ่งระเบิดอารมณ์ออกมา
“พี่ต้น ให้โอกาสกรีนนะ กรีนผิดไปแล้ว กรีนแค่เสียใจที่พี่ต้นทำเหมือนกรีนไม่มีค่า นึกอยากจะขอเลิกก็ทำ นึกอยากจะไม่สนก็ทิ้งขว้าง กรีนก็แค่...”
“ทำไม จะบอกว่ามึงจน มึงต่ำต้อย มึงถึงร่านไปทั่วเพื่อชดเชยปมด้อยใช่ไหม”
“พี่ต้น!” กรีนตวาดผมพร้อมกับร้องไห้ฟูมฟาย
“เราไปก่อนนะกรีน ถ้าอยากเมื่อไหร่จะโทรหา” มาร์ชพูดกับกรีน สีหน้าแววตายิ้มเยาะกรีนเหมือนที่ยิ้มเยาะผม
“มาร์ช ทำไมพูดแบบนี้” กรีนหันไปถามเมื่อได้ยินคำพูดที่เย้ยหยันจากเพื่อนที่เป็นผัวแบบทูอินวัน
“ทำไมเหรอ เพราะแกเอาเรื่องของเราไปบอกไอ้เจ๋งไง ไอ้เจ๋งมันก็โพนทะนาไปทั่ว เราก็ลืมไปว่าแกหักหลังกิ่งได้ เรื่องของเราคงไม่คิดจะรักษาเป็นความลับเหมือนกัน”
“มาร์ช...มาร์ช!” กรีนเรียกเพื่อนตัวเอง แต่อีกฝ่ายไม่ฟังแล้วเดินออกจากห้องของผมไป กรีนรีบมากอดขาผมเอาไว้
“ไปซะเถอะ น้ำตามันไม่มีประโยชน์หรอก อย่าเอามาใช้บ่อยๆ ให้หมดสภาพหนักกว่าเดิมเลยนะ นิสัยอย่างกรีน เดี๋ยวก็หาคนเกาะใหม่ได้ พี่เอากรีนไม่ลงแล้วจริงๆ”
ผมลุกขึ้นแล้วพยายามสะบัดขาออกจากการเกาะกุมของกรีน ผมเดินกลับเข้าไปอยู่ในห้องนอน มองไปรอบๆ ทุกอย่างมันว่างเปล่า สุดท้ายก็ร้องไห้ออกมาเพราะรู้สึกว่าชีวิตมันแย่ไปหมด
ที่สำคัญ...ผมคิดถึงกิ่ง ผมรู้แล้วว่าเขาเจ็บปวดยังไง ผมคิดถึงเขาเหลือเกิน
โปรดติดตามตอนจบตอนหน้า
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ คำผิดเดี๋ยวตามมาแก้ทีหลังน้า
ตอนหน้าจบจริงแล้วจ้า ไม่มีต่อแล้วจริงๆ