วิญญาณเสน่หา
บทที่ ๖
เรือแจวลำเล็กล่องไปตามสายน้ำในยามเย็นย่ำเมื่ออาทิตย์อัสดง ผู้คนที่ใช้แม่น้ำเป็นเส้นเลือดหล่อเลี้ยงทั้ง
ชีวิตประจำวันและสัญจรไปมาบางตาลงทุกทีเพราะต่างก็พากันกลับถึงบ้านให้ทันก่อนฟ้าฝนต้นฤดูกาลจะเทลงมา ขุน
พิพิธโสภณแห่งกรมช่างสิบหมู่แหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าสีส้มที่มีเมฆหนาปกคลุมอย่างกังวลอยู่ตรงหัวเรือ เขาหันไปเอ่ย
ปากกับบ่าวผู้ซื่อสัตย์ที่นั่งพายเรืออยู่ด้านหลัง
“เร่งฝีพายเข้าเถิดดิน มิอย่างนั้นเราจะไม่ทันหลบฝนห่าใหญ่”
“ขอรับคุณพุ่ม”
ร่างกำยำคล้ำแดดที่นั่งจ้วงไม้พายอยู่ด้านท้ายเอ่ยปากรับคำแข็งขัน ก่อนออกแรงจ้วงตามคำสั่งของผู้
เป็นนายที่กุมหัวใจของมันไว้ ระหว่างทางล่องเรือกลับบ้านพุ่มสวนทางกับผู้ใหญ่ในกรมวังจึงหยุดพูดคุยกันเรื่องงานเป็น
นานจึงเสียเวลาไปมาก กว่าจะถึงละแวกบ้านอาทิตย์จึงใกล้ตกดิน ซ้ำร้ายยังมีพายุฝนตั้งเค้ารอรับดินจึงออกแรงพายเรือ
ยกใหญ่
“อ้าว นึกว่าใคร พ่อพุ่มนี่เอง เหตุใดวันนี้จึงได้เห็นหน้าเห็นตาเมื่อยามใกล้พลบเช่นนี้เล่าขอรับ”
เสียงทักทายด้วยสำเนียงนักเลงดังแว่วมาจากลำเรือเบื้องหลังก่อนที่จะเร่งฝีพายมาขนาบข้างตีเสมอจนไอ้
ดินต้องเหลือบมองอย่างไม่ไว้วางใจ หัวคิ้วเข้มของมันขมวดแน่นเป็นปมหนาเมื่อเห็นว่าเจ้าของลำเรือลำนั้นคือนาย
เหมือนและบ่าวไพร่ที่เป็นโจทก์เก่าของมันนั่งคัดท้ายหลังเรืออยู่อีกถึงสามคน
“ปกติเห็นว่ากลับเรือนแต่หัววันมิเคยเห็นพ่อจะกลับเสียเย็นย่ำ ชะรอยจะอยากเปิดหูเปิดตายามราตรีกับ
กระผมเสียกระมัง”
เสียงหัวเราะเยาะเย้ยดังอย่างน่ารังเกียจในความรู้สึกของพุ่ม ชายหนุ่มตวัดตามองนายเหมือนที่เคย
ร่ำเรียนด้วยกันมาตั้งแต่สมัยยังเยาว์ในวัดแถวบ้าน หากแต่นายเหมือนผู้นี้มิได้รักเรียนให้ก้าวหน้ากลับเสาะแสวงหาแต่
เรื่องบันเทิงเริงใจตั้งแต่เข้ารุ่นหนุ่มและทำตัวเป็นนักเลงหัวไม้ให้ชาวบ้านระอาเพราะถือว่าบิดานั้นร่ำรวยและมีบรรดาศักดิ์
ใหญ่โตคุ้มกะลาหัว
“ตามสบายใจพ่อเหมือนเถิด กระผมมิใคร่นิยมเที่ยวเตร่เท่าใดนัก”
คำพูดอย่างไว้ตัวของชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันประกอบกับใบหน้าเฉยชาไม่แยแสสร้างความกรุ่น
โกรธให้นายเหมือนไม่น้อย ดวงตากร้าวอย่างนักเลงหัวไม้จ้องมองหน้าขาว ๆ ของเพื่อนในวัยเด็กพลางชักสีหน้าแสยะ
ยิ้ม
ความจริงแล้วนายเหมือนลอบพึงใจในรูปร่างหน้าตาของนายพุ่มมาเนิ่นนานตั้งแต่เริ่มนมแตกพานใหม่ ๆ
หากแต่เก็บอยู่ในใจมิสามารถบอกใครได้ด้วยความที่เกรงจะเสียหน้าชาวบ้านว่าชอบผู้ชายด้วยกัน ที่ทำได้คือเฝ้าวอแว
วนเวียนเป็นระยะและพยายามหาหนทางเพื่อให้ได้ใกล้ชิด นายเหมือนทำแม้กระทั่งชักจูงแม่ละมัยผู้เป็นน้องสาวให้ลอบ
มองนายพุ่มเมื่อครั้งไปงานบุญ จนกระทั่งน้องสาวเองก็มีใจรักต้องรบเร้าให้ผู้เป็นบิดาพาไปออกงานจนได้พบปะกับเจ้า
คุณบิดาของนายพุ่มเกิดเป็นการหมั้นหมายกันไว้
นายเหมือนคิดจะใช้ความเป็นญาติเกี่ยวดองเมื่องานแต่งงานของพุ่มกับแม่ละมัยผ่านไปแล้ว เพื่อ
เข้าหานายพุ่มและข่มเหงตามแต่ใจปรารถนา เขาเชื่อว่าเมื่อนั้นนายพุ่มจะไม่กล้ามีปากเสียงว่ากล่าวเมื่อตกเป็นเบี้ยล่าง
ของเขา แต่นายพุ่มกลับเลี่ยงงานแต่งเสียจนไฟในอกของเขาใกล้ปะทุเต็มทีเพราะรอจนใกล้เบญจเพสเขาก็ยังไม่ได้ลิ้ม
ลองร่างกายที่ปรารถนาเสียที
“ทำไมรึ พ่อพุ่มทำหน้าเหมือนรังเกียจข้าเสียเต็มประดา เพื่อนเก่าอย่างข้ามันน่าเดียดฉันท์มากขนาด
นั้นเทียวรึ”
ไม่ได้ต่อว่าแค่เพียงคำพูดด้วยเสียงหาเรื่องแต่นายเหมือนกลับคว้าข้อมือเล็กที่เคยแต่จับอุปกรณ์งานศิลป์
กระชากเข้าหาตัวจนหัวเรือทั้งสองต่างโคลงเคลง พุ่มตกใจพยายามสะบัดแขนหนีแต่มือของนายเหมือนก็ยังเหนียวหนึบ
ราวกับตีนตุ๊กแก
พลัก!
“ปล่อยมือจากคุณพุ่มเดี๋ยวนี้”
“โอ๊ย อะไรวะ ทำเหี้ยอะไรของมึงไอ้ขี้ข้า”
นายเหมือนร้องลั่นเมื่อถูกไม้พายฟาดโครมเข้าที่ท่อนแขนจนต้องปล่อยมือที่ยื้อยุดพุ่มไว้ เขาหันขวับไป
มองต้นเหตุอย่างเดือดดาล จึงเห็นว่าเป็นคนที่เคยเก็บอาหารเหลือของเขากินเพราะความหิวโหยจนถูกพวกตนเองหา
เรื่องรุมทำร้ายและได้พุ่มมาช่วยไว้ บัดนี้มันกลับดูดีขึ้นมากด้วยการชุบเลี้ยงจากพุ่ม แถมยังมองเขาอย่างโกรธแค้นมัน
ทำให้เขายิ่งโมโหหนัก
“ชะ ไอ้คนจรจัด มึงนี่กำแหงนัก คราวที่แล้วรอดตายมาได้เพราะกูเมตตา แต่คราวนี้อย่าหวังว่าจะ
รอดเลยมึง”
นายเหมือนออกคำสั่งเสียงดังลั่น ลูกน้องอีกสามที่นั่งคุมเชิงอยู่หัวเรือท้ายเรือจึงปล่อยหมัดเข้าหา ไอ้
ดินมีหรือจะยอม มันต่อสู้เพื่อป้องกันเจ้านายของมันอย่างไม่เกรงกลัว และนั่นเองทำให้เรือยิ่งเอียงไปมาน่าหวาดเสียว
ก่อนจะพลิกคว่ำในที่สุด
พุ่มใจหายเมื่อทั้งดินและเขาร่วงจากเรือลงสู่สายน้ำ ฟ้าฝนยังไม่เป็นใจเทกระหน่ำลงมาจนผิวน้ำ
กระจาย เขาพยายามประคองตัวไว้ให้ได้พลางมองเหตุการณ์ที่พวกของนายเหมือนรุมไอ้ดินที่สู้สุดใจอยู่เหนือผิวน้ำ
อย่างไม่ยอมแพ้
“หยุดนะ หยุดเดี๋ยวนี้ พ่อเหมือนสั่งให้ลูกน้องของพ่อเหมือนหยุดทำร้ายคนของข้า หากไม่หยุดข้าจะ
นำความไปบอกแก่พ่อของพ่อเหมือน แล้วการเกี่ยวดองของสองบ้านจะถูกยกเลิก”
พุ่มส่งเสียงตวาดสู้กับสายฝน ภาพที่ดินถูกลูกน้องของนายเหมือนที่นั่งอยู่บนลำเรือใช้ไม้พายฟาดลงมา
ทำให้เขาตกใจยิ่งนัก
พลัก!
“ดิน”
พุ่มผวาเข้าหาเมื่อไม้พายอันหนึ่งลอยละลิ่วมาฟาดเข้ากับหัวของไอ้ดินจนเลือดอาบ ดวงตาคมของดิน
ลอยคว้างจนพุ่มต้องรีบแหวกว่ายสายน้ำเข้าไปประคอง นายเหมือนจ้องภาพบาดตานั้นอย่างชิงชัง กิริยาอันเต็มไปด้วย
ความห่วงใยเกินนายกับบ่าวทำให้เขาสังหรณ์ใจอยู่ลึก ๆ เขากริ่งเกรงว่าความปรารถนาของเขาอาจจะมีอุปสรรคชิ้น
ใหญ่มาขัดขวาง
แต่เพราะคำขู่ของพุ่มทำให้นายเหมือนจำใจต้องยกมือห้ามลูกน้อง นายเหมือนถ่มน้ำลายลงน้ำแล้ว
ออกคำสั่งให้ลูกน้องพายเรือจากไปโดยไม่สนใจไอ้ดินที่ยังหมดสติอยู่ในอ้อมกอดของพุ่มกลางลำคลอง
“ดิน ตื่นสิดิน”
พุ่มใจเสียเมื่อเห็นดินยังไม่ได้สติ ดีที่ว่าเขาว่ายน้ำแข็งจึงลากคอของดินลอยตัวเข้าฝั่งที่อยู่ไม่ไกลนักให้
ขึ้นไปพักอยู่กลางลานดินตรงคุ้งน้ำใต้ต้นไทรใหญ่ รอยเลือดจากหน้าผากที่ปริแตกยังไหลซึมมาเรื่อย ๆ บ้านเรือนแถบ
นี้ก็มีน้อยจนเขาเป็นห่วงหากจะทิ้งดินไปขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น
ในตอนนี้เองที่พุ่มเพิ่งจะมั่นใจความรู้สึกของตนเองว่าเขาเป็นห่วงบ่าวต่ำต้อยอย่างไอ้ดินแค่ไหน หัวใจ
ของเขาเต็มไปด้วยความเป็นห่วงกลัวว่าดินจะจากเขาไป
“ฟื้นสักทีเถิดดิน ข้าเป็นห่วงเอ็งมาก รู้ไหม”
พุ่มก้มมองทรวงอกของดินก็พอใจชื้นว่ายังเคลื่อนไหว เขาจ้องมองเลือดที่ยังไหลซึมเป็นทางที่ขมับ
อย่างกังวล พุ่มถอดเสื้อเปียกน้ำของตนออกอย่างไม่สนใจอากาศเย็นชื้นเพราะสายฝน เขาขยุ้มมันเป็นก้อนกดลงไปที่
ปากแผลเพื่อห้ามเลือด หัวใจของพุ่มเต้นแรงด้วยความยินดีเมื่อเห็นบ่าวคนสนิทปรือตาขึ้นมาช้า ๆ
“ดิน เอ็งเป็นเช่นไร”
ละล่ำละลักถามอย่างดีใจ โน้มตัวเข้าไปเบียดกายขาวเข้าหาเจ้าของดวงตาคมที่กะพริบตาเรียกสติก่อนจะ
สะดุ้งมองอย่างตกใจ
“คุณพุ่ม คุณพุ่มของไอ้ดิน บาดเจ็บตรงไหนบ้างขอรับ โอ๊ย!”
ไอ้ดินอุทานเมื่อเจ็บจี๊ดอยู่ตรงหน้าผาก พุ่มกดร่างหนาให้เอนกลับไปนอนอยู่บนลานดินดังเดิม โชคดีที่
สายฝนทิ้งช่วงขาดเม็ดแล้ว เลือดที่ไหลซึมจึงพอจะห้ามจนหยุดไหลได้
“ข้าไม่เป็นไรดอก มีแต่เอ็งที่เจ็บหัวร้างข้างแตกเนื้อตัวเขียวช้ำเพราะข้า ขอโทษนะดิน”
“คุณพุ่มอย่ากล่าวเช่นนั้น”
ไอ้ดินผู้ต่ำต้อยรีบกล่าวออกไปพลางคว้ามือนุ่มมากุมแนบแก้ม
“ชีวิตของไอ้ดินสละได้เพื่อคุณพุ่ม บ่าวคนนี้รักนายของมันเหลือเกิน รักจนสละได้ทุกอย่าง”
“ดิน”
พุ่มก้มลงสบตาคมอย่างซึ้งในน้ำใจ มือสากของดินยกมาลูบไล้อยู่ตรงกรอบหน้าเนียนก่อนที่ดินจะเปลี่ยน
ไปวางแนบที่ท้ายทอยของผู้เป็นนายและกดลงมาเพื่อที่เขาจะประทับริมฝีปากลงไปที่กลีบปากนุ่มอย่างลืมตัว
“อื้อ อะ”
พุ่มส่งเสียงท้วงอย่างคนไม่เคยแต่เพราะไอ้ดินนั้นนุ่มนวลเหลือเกิน ไม่นานนักพุ่มก็คล้อยตามจนกระทั่งไอ้
ดินออกแรงพลิกตัวกลับให้แผ่นหลังเปล่าเปลือยของนายมันเป็นฝ่ายแนบไปกับผืนดินชื้นน้ำ ไอ้ดินไล่เม้มเรียวปากให้
เปิดออกแล้วส่งปลายลิ้นอุ่นเข้าไปคลอเคลียซุกไล่หาความหวาน กดกายกำยำเบียดแนบถูไถจนร้อนผ่าวไปทั้งคู่ มือ
หยาบลูบไล้ไปตามเนื้อนุ่มให้เด้งกายรับไปทุกจุดไม่เว้นแม้แต่กึ่งกลางตัวที่ไอ้ดินเลื่อนไล้ปลายนิ้วสัมผัสปลุกเร้าให้ตื่น
ตัวอยู่ในโจงกระเบนเปียกน้ำ
มีต่ออีกนิด...