บทรักบทที่ 2 รักไม่ได้ ไม่ได้รัก (ตอนที่ 2)
คาบเรียนในช่วงเช้าผ่านไปแล้ว ผมนั่งกินข้าวกับเด่น พุดและบาสเสร็จ ก็บอกว่าจะไปตามหาครูฝึกสอนที่เป็นลูกชายของลุงการุณ วันนี้เป็นวันศุกร์แรกที่พี่เขาจะไปค้างที่บ้านของผม แม่ให้ไปบอกพี่เขาว่าให้รอกลับพร้อมผมเลยในตอนเย็น น่าแปลกอยู่เหมือนกัน เพื่อนผมทั้งสามคนได้เจอพี่เขากันหมดแล้ว ยกเว้นผมคนเดียว ซึ่งพวกมันบอกว่าไม่แปลกใจหรอก เพราะผมสนใจแต่หนังสือ มันบอกว่า แต่ยังจำมันพวกมันได้ก็ถือว่าดีแล้ว ผมก็ได้แต่ขำคำแซวของพวกมัน ผมเดินมาถึงห้องพักครูภาคภาษาอังกฤษ พยายามชะเง้อเข้าไปข้างในก่อน แต่เพราะตอนนี้เป็นช่วงพักกลางวัน เลยไม่มีใครอยู่ในห้องพักครูเลย พี่เขาก็คงไปพักทานข้าวเหมือนกัน ผมตัดสินใจจะเดินกลับไปนั่งเล่นที่ห้องสมุดก่อน แต่ผ่านสนามบาสได้ยินเสียงเฮๆดัง มีกลุ่มนักเรียนไปนั่งเชียร์อยู่ที่แสตนเชียร์ กลุ่มนักเรียนผู้หญิงที่มีอยู่น้อยนิดในโรงเรียนชายล้วนก็มารวมอยู่ที่นี่เกือบหมด ผมตัดสินใจหยุดยืนดู ก็มีพวกชมรมบาสกำลังแข่งบาสเก็ตบอลกันท่ามกลางแดดจัดแบบเอาจริงเอาจัง ผมก็ชอบเล่นนะ แต่กลางแดดจ้าแบบนี้ก็ไม่ไหว คนอื่นๆผมก็คุ้นตา แต่มีอยู่คนหนึ่งที่ดูก็รู้ว่าคงไม่ใช่นักเรียนแน่ๆหน้าตาคุ้นๆเสียด้วย รูปร่างสมส่วน ผิวสีแทนที่เต็มไปด้วยเหงื่อผุดอยู่เต็มใบหน้า ลำคอและร่างกาย เสื้อยืดสีขาวบางๆเปียกชื้นเหงื่อจนแนบไปกับลำตัว เพราะความบางของเสื้อ พอถูกเหงื่อชโลมเข้าเลยไม่อาจปิดบังร่างกายที่ดูแข็งแกร่งได้ ผมได้ยืนมองลีลาการเล่นที่คล่องแคล้วจนทำแต้มลูกแล้วลูกเล่า คงเพราะคนๆนี้เอง ที่เรียกเสียงกรี๊ดจากนักเรียนหญิงและกลุ่มพลังชายใจหญิงเกรียวกราว ผมไม่ได้ตั้งเองนะ ที่โรงเรียนผมมีกลุ่มนี้จริงๆ เวลามีกิจกรรมอะไร ก็ได้นักเรียนกลุ่มนี้แหละที่สร้างสีสันเสมอ มีนักเรียนจากที่ระดับชั้นเลย ซึ่งหัวหน้ากลุ่มก็เป็นเพื่อนร่วมห้องของผมเอง ชื่อ เปี๊ยก เปิดเผยว่าเป็นผู้ชายที่รักจะเป็นหญิงทั้งใจและกายตั้งแต่มอต้น ซึ่งผมก็แอบได้รู้เรื่องเว็บชายรักชายจากเปี๊ยกนี่แหละครับ
พลั๊ก..กก...
ผมรู้สึกรับรู้ได้ถึงแรงอัดจากวัตถุบางอย่างเต็มๆใบหน้าของตัวเอง แรงนั้นทำให้ผมถึงกับล้มลงไปนอนกับพื้น ได้ยินเสียงกรี๊ดก่อนที่จะมีคนวิ่งมาจับแขนผม ตอนนี้ผมมึนหัวและรู้สึกถึงรสชาติความเค็มปร่าๆ
“กรี๊ดดดด ครูขา เลือดค่ะ กรกฏเลือดกำดาวไหลค่ะครู”
“ลุกไหวไหม” เสียงเข้มๆถามผม ผมมองใบหน้าที่รู้สึกคุ้นๆอยู่นานเลยยังไม่ได้ตอบ เขาคงนึกว่าผมลุกไม่ไหว ตัดสินใจช้อนตัวผมอุ้มลอยขึ้นมาจากพื้นจนผมตกใจ
“ไม่เป็นไรครับ” ผมตอบ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่ได้ถูกวางลง เขายังคงอุ้มผมไปจนถึงห้องพยาบาลท่ามกลางสายตาของเพื่อนนักเรียนที่ผ่านมาเห็นพอดี
“ปวดหัวไหมกรกฏ” ครูบังอรถามผม ผมส่ายหน้าแทนคำตอบ
“นอนพักไปก่อนแล้วกัน ไม่รู้ว่าถูกลูกบาสอัดแรงแค่ไหน ดีนะที่จมูกไม่หัก แต่ครูว่าเธอเปลี่ยนเสื้อดีกว่า เลือดเต็มไปหมด” ครูบังอรพูดจบก็เดินหายไปในห้องพักที่อยู่ในห้องพยาบาลอีกที เดินลับมาอีกทีพร้อมเสื้อพละตัวหนึ่ง
“ใส่นี่ไปก่อน แล้วค่อยซักมาคืนครูวันจันทร์”
“ขอบคุณครับครู” ผมยกมือไหว้และรับเสื้อมา ครูบังอรรูดผ้าม่านให้ผม ผมเลยปลดกระดุมเสื้อนักเรียนออก แล้วก็หยิบเสื้อพละมาใส่ จังหวะที่สวมเสื้อพละพ้นระดับสายตาก็ได้เห็นว่าคนที่พาผมมาส่งกำลังยืนกอดอกมองผมอยู่ที่ปลายเตียง ผมรีบดึงเสื้อลงให้เรียบร้อย
“ขอโทษนะ ที่ทำให้เจ็บ” เขาพูดกับผม
“ไม่เป็นไรครับ มันเป็นอุบัติเหตุ ว่าแต่คุณ..เอ่อ ขอบคุณครับที่พาผมมาส่งห้องพยาบาล” ผมจะถามว่าเขาเป็นใครจะดูไม่ดีไหม ผมเลยยกมือไหว้ของคุณเขาแทน
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องไหว้หรอกกลอน”
“พี่รู้จักผมด้วยเหรอครับ อ๊ะ หรือว่าพี่คือลูกชายลุงการุณ” ผมเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเขาน่าจะเป็นครูฝึกสอน ไม่อย่างนั้นคงเข้ามาเล่นบาสกับนักเรียนในโรงเรียนในเวลานี้ไม่ได้หรอก
“อืม พี่ชื่อรัน เรียกว่าพี่รันก็ได้”
“ไม่ได้หรอกครับ อยู่ในโรงเรียนต้องเรียกครูรัน เย็นนี้แม่ให้ครูรันกลับพร้อมผมเลย ผมไปหาครูที่ห้องพักมา แต่ไม่เจอครับ” ผมบอกพี่เขา พี่เขายิ้มๆแล้วเดินมายืนใกล้ๆเตียงพยาบาล ตัวพี่เขายังมีเหงื่อเต็มเลย เสื้อก็บางจนเห็นยอดอกสีเข้มและกล้ามมัดท้องของพี่เขา ผมดันพลาดไปจ้องมองเพราะมันอยู่ตรงระดับสายตาของผมพอดี พอเห็นว่าพี่เขามองหน้าผม ผมรีบหันหน้ามามองมือของตัวเอง รู้สึกขายหน้าที่ไปเผลอจ้อง
“เป็นเกย์เหรอเรา” พี่รันถามผม ผมชะงักอึ้ง รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก ทำไมพี่เขาถึงรู้ ผมหันกลับมาจ้องหน้าพี่เขา แล้วภาพๆหนึ่งก็โผล่มาในหัว พี่รันเป็นคนที่ช่วยผมวันที่เต็งหนึ่งพยายามจะล่วงเกินผม จากวันนั้นผมไม่ได้เจอพี่เขาอีก ไม่คาดคิดเลยว่าคนที่ช่วยผมจะเป็นคนใกล้ตัว ผมเลยเครียด พี่เขาจะบอกพ่อกับแม่ของผมไหม จะบอกลุงการุณไหม
“พี่ไม่บอกใครหรอก ถ้าบอกคงบอกนานแล้ว” เหมือนพี่เขาจะรู้ว่าผมคิดอะไร
“คือ..ผม”
“ไม่ต้องอธิบายหรอก พี่ไม่ใช่คนที่จะพูดเรื่องไม่ควรพูด แต่มีข้อแม้อย่างหนึ่ง”
“อะไรเหรอครับ”
“ต่อไปนี้ต้องมาเล่นบาสด้วยกันทุกวัน”
“แค่นี้เองเหรอครับ ได้ครับ ผมก็เล่นบ่อยๆ”
“ตอนกลางวันนะ”
“อะ..อะไรนะครับ”
“เกิดมาเป็นผู้ชาย มันต้องหัดทำตัวให้แข็งแรง เอาตามนี้แหละ เจอกันตอนเย็นนะ” พี่รันพูดกับผมเสร็จก็เดินออกไปเลย ผมได้แต่งงว่าพี่เขาทำแบบนี้เพื่ออะไร แต่ผมก็คงต้องทำแบบที่พี่เขาต้องการ ผมไม่อยากให้คนในครอบครัวรู้จริงๆ ถึงจะรู้ว่าความลับไม่มีในโลก แต่ปิดให้นานที่สุดได้เท่าไหร่ยิ่งดี
...
..ไงแก วันนี้โดนพี่ขาโหดสั่งให้เล่นบาสอีกรึเปล่าวะ.. เสียงไลน์ดังขึ้นมาหลังจากที่ผมออกมาจากห้องน้ำพอดี คนที่ทักมาคือบุ้ง ผมเล่าให้บุ้งฟังเรื่องของพี่รัน โดนใช้ชื่อของพี่รันว่าพี่ขาโหด นี่ก็เข้าสู่ศุกร์ที่สองแล้วที่พี่เขามาค้างบ้านของผม วันศุกร์แรกที่พี่เขามา ผมเกร็งแทบตาย กลัวพี่เขาจะพูดเรื่องของผม แต่พี่เขาไม่ได้แสดงอะไรออกมาเลย พูดคุยกับพ่อแม่ของผมแบบสนิทสนม แถมยังชมว่าผมเป็นเด็กดี มีแต่ครูชมให้ฟัง เล่นเอาแม่ผมยิ้มไม่หุบ บุ้งแซวว่า ผมแอบลักหลับพี่เขารึเปล่า ผมตอบบุ้งไปว่า พี่เขามีแฟน เห็นคุยกับแฟนตั้งนาน ขืนผมไปลักหลับคงโดนเตะก้านคอหักแน่ๆ
..โดนสิ ตัวเราดำไปหมดแล้วบุ้ง วันแรกนี่แทบร้องไห้ แสบผิว.. ผมตอบ
..แล้ววันนี้มาค้างเปล่า วันศุกร์ไม่ใช่เหรอ..
..มาดิ แต่คุยกับแม่เราอยู่ข้างล่าง..
..เขาเกลียดเกย์เปล่าวะหนอน ถึงอยากให้แกเล่นบาส แมนๆไรงี้..
..เกี่ยวเหรอ.. ผมถาม แต่ก็แอบคิดตาม ศุกร์ที่แล้วที่พี่เขามาค้าง ดูเขาเกร็งๆ มองสำรวจห้องผม แต่ผมก็เป็นผม ไม่ได้เกร็งอะไร พูดคุยกับพี่เขาแบบปกติ สักพักพี่เขาถึงดูผ่อนคลาย แต่มาคิดๆดู พี่เขาก็ชอบพูดว่าเสียดาย ถ้าผมไม่ได้เป็นแบบนี้ พี่เขาจะติดต่อหาแฟนให้ เหมือนพูดเล่นๆ หรือเขาจะไม่ชอบเกย์จริงๆ
..ไม่รู้ดิ เดาเอา แล้วแกได้คุยกับพี่ระเบิดบ้างรึเปล่า ดูพี่เขาเครียดๆ.. บุ้งถามผม
..ไม่ได้คุยมาสองสามวันแล้ว พี่เขาเครียดเรื่องอะไรเหรอ..
..พูดงี้แปลว่าคุยเกือบทุกวันเลยดิ แหมๆ เงียบๆฟาดเรียดนะแก ถ้าแกได้พี่เบิดนะ เหมือนถูกหวย..
..บ้า เราเป็นพี่น้องกัน..
..พี่น้องท้องชนตูดมีเยอะแยะไป..
..555 บ้า..
..แต่นี่แก รำคาญพี่ปองชิบหาย จะให้ฉันเอารูปแกมาให้ได้ สงสัยไม่เห็นแกคงช่วยตัวเองไม่สำเร็จ..
..ปล่อยไปเดี๋ยวก็เลิก คนไม่เคยเห็นหน้าจะมาชอบอะไรมากมาย ตลก.. ผมตอบไป
..เออ นี่ก็ทักมา แต่ไม่ได้อ่าน ขี้เกียจ..
..ได้ยินเสียงพี่ขาโหดขึ้นมาแล้ว แค่นี้ก่อนนะบุ้ง..
..เค..
“แชทคุยกับเพื่อนเหรอ” พี่รันเปิดประตูเข้ามาทันเห็นผมพิมพ์แชทพอดี
“ครับ”
“ก็คุยต่อสิ”
“ไม่เป็นไรครับ จะเรียนกันเลยไหมครับ”
“เรียนเลยก็ได้”
ผมนั่งฟังที่พี่รันสอนเพลินๆ ผมเป็นคนที่เวลาครูสอนจะตั้งใจฟังจะยังไม่จด นอกจากเรื่องที่ผมกลัวจะจำไม่ได้ถึงจะจด ไม่ได้ชมตัวเองนะ แต่สมองผมมันก็พอจะจำที่พี่เขาพูดได้ พอพี่เขาพูดจบผมถึงจะมาช็อตโน้ตสิ่งสำคัญๆที่ผมจำในแบบของผมเอาไว้ แต่ผมไม่รู้ว่าการนั่งจ้องมองพี่เขาจะทำให้เขาอึดอัดรึเปล่า
“พี่รันอึดอัดรึเปล่าที่ต้องมาสอนผม” ผมถามออกไปตรงๆ
“เปล่านี่ ทำไมถึงถาม”
“ไม่รู้สิ พี่อาจจะไม่ชอบที่ผมเป็น..” ผมไม่ได้พูดต่อ
“เลิกเป็นได้ไหมละ” พี่เขาถามผม ผมมองพี่เขา กัดริมฝีปาก อาจจะเป็นแบบที่บุ้งบอก พี่รันอาจจะอึดอัดที่ต้องใกล้ชิดกับผม
“พี่เลิกสอนผมจะง่ายกว่าครับ” ผมไม่ได้พูดแบบก้าวร้าวนะ พูดดีๆแต่พูดตรงๆ
“พี่ไม่ได้รังเกียจกลอนหรอก อย่าคิดมาก”
“พี่รันพูดตรงๆกับกลอนได้นะ กลอนก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองจะเป็นแบบที่เป็น แต่ในเมื่อมันคือตัวตนของกลอน กลอนคิดว่ากลอนไม่ได้ทำร้ายใคร”
“แน่ใจว่าไม่ได้ทำร้ายใคร กลอนไม่คิดว่าคุณน้าทั้งสองจะเสียใจเหรอ แล้วเพราะเป็นแบบนี้ กลอนเกือบถูกเพื่อนคนนั้น..”
“พอเถอะครับ” ผมบอก น้ำตาเริ่มรื้นขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ ผมรู้ว่าผมคงทำให้พ่อแม่ผิดหวังหรือเสียใจ แต่จะให้ผมทำยังไง
“พี่ขอโทษนะ พี่แค่เห็นกลอนเป็นเด็กดี เป็นความหวังของคุณน้า”
“ขอบคุณครับที่เป็นห่วง กลอนจะทำหน้าที่ลูกให้ดีที่สุด หลอนจะเรียนให้ดี มีงานการที่ดีเลี้ยงดูพวกท่านให้ได้ แต่การที่กลอนเป็นแบบนี้มันไม่ใช่โรค มันรักษาไม่ได้ ถ้าพี่รันอึดอัดจริงๆ กลอนจะบอกแม่เองว่ากลอนเรียนไม่ไหว ขอบคุณที่พี่อดทนปิดบังให้กลอนนะครับ” ผมบอกพี่รันพร้อมกับเช็ดน้ำตาไปด้วย ต่อมน้ำตาของผมทำงานได้ง่ายๆเมื่อพูดถึงพ่อกับแม่
“พี่ขอโทษนะ พี่ไม่ได้รังเกียจกลอนจริงๆ” พี่เขาพูดจบจู่ๆเขาก็ดึงผมไปกอด ลูบศีรษะของผมด้วยความอ่อนโยน ผมแปลกใจ แต่ก็คิดว่าพี่เขาคงรู้สึกผิดที่พูดกระทบใจของผม
วันเวลาดำเนินผ่านไปจนครบหนึ่งเดือนที่พี่รันมาสอนผม เราสนิทกันมากขึ้น พี่รันไม่ได้พูดหรือแสดงท่าทีอะไรกดดันผมอีก ผมไปเล่นบาสกับพี่รันทุกกลางวัน ไอ้เด่นบอกว่าผมเรียกเรทติ้งสาวๆในโรงเรียนไปจนหมด สนามบาสของโรงเรียนกลายเป็นศูนย์กลางของนักเรียนที่จะมารวมตัวกันดูพวกผมแข่งบาสกัน ผมมีเพื่อนเพิ่มมากขึ้นจากการมาเล่นบาส จากคนที่กลัวแดด ความขี้สำอางของผมก็เบาบางลง แต่ถึงอย่างนั้นผมก็โป๊ะครีมกันแดดเยอะพอสมควร โดนแดดจัดๆผมก็กลัวเป็นมะเร็งนี่ครับ แต่มีอีกสิ่งหนึ่งที่แปลกไป คือพอมีเพื่อนที่เล่นบาสด้วยกันมากอดคอผมหรือเข้ามารุมผมตอนผมทำแต้มได้ พี่รันดูจะหงุดหงิดแล้วก็ไล่ๆให้แยกไปเล่นต่อ ตอนที่ผมไปอาบน้ำล้างเหงื่อ พี่รันก็จะสั่งให้ผมไปอาบที่ห้องพักครู ผมเล่าให้บุ้งมันฟัง มันก็บอกว่า พี่รันอาจจะยอมรับผมได้แล้ว อาจจะเห็นผมเป็นน้องสาวไปแล้วเลยหวง ผมก็ขำข้อวินิจฉัยของบุ้ง แต่มันก็อาจจะเป็นไปได้ เพราะพี่รันบอกผมว่า ถ้าผมมีแฟนจะต้องให้พี่รันสกรีนให้ก่อน
“วันนี้วันเกิดพี่ ไปดูหนังกันไหม พี่ขอคุณน้าให้แล้ว พี่เอารถพ่อมา” พี่รันบอกกับผมในตอนเย็น
“อ้าว โห กลอนแย่จริงๆ ไม่รู้เลยอะครับ ไม่ได้เตรียมของขวัญให้พี่เลย”
“ไม่เป็นไร มันไม่สำคัญหรอก ปกติวันเกิดพี่ก็อยู่คนเดียวประจำอยู่แล้ว” พี่รันบอกผม ผมพอจะรู้มาจากแม่ว่าลุงการุณเจ้าชู้ มีเมียน้อยเยอะ บางทีก็พาเข้าบ้านตั้งแต่พี่รันยังเด็กๆ
“แต่ปีนี้มีกลอนอยู่ด้วยแล้วไง ดีเหมือนกัน กลอนเองก็ไม่เคยได้ออกมาจากบ้านหลังตะวันตกดินบ่อยๆ”
“เป็นหมาป่ารึไง กลัวพระจันทร์เหรอ” พี่รันถามผม
“แง่งงงง” ผมทำท่าขู่จนพี่รันหัวเราะ พี่รันพาผมไปนั่งกินข้าวที่ร้านอาหาร ดีเหมือนกัน ถ้าไม่ใช่พี่รันแม่คงไม่ให้ผมมา
“กินเยอะๆหน่อย ผอมจะแย่แล้วเราอะ”
“กลอนก็กินเยอะนะ”
“เยอะที่ไหน พี่เห็นกินนิดเดียวทุกที กับข้าวฝีมือคุณน้าอร่อยจะตาย พี่ยังอยากไปกินทุกวันเลย”
“พี่ก็มาอยู่กับพวกเราที่บ้านสิครับ ไม่ต้องไปอยู่บ้านพักครู” ผมบอก พี่รันอึ้งไปนิดๆก่อนจะยิ้มให้ผม
“พี่อิจฉากลอนนะ มีครอบครัวที่อบอุ่น”
“พี่รันก็คือคนในครอบครัวผมนะ”
“คิดดูก่อน มีน้องหน้าตาดี เรียนก็เก่ง แพ้หมดทุกทางแบบนี้ คงเป็นพี่ที่ไม่น่าภูมิใจ” พี่รันพูดขำๆ ผมยิ้มให้พี่เขา บอกตรงๆว่าผมรู้สึกดีกับพี่รันมากๆ พี่เขาดูอบอุ่น แต่ผมรู้ว่าสำหรับเรามันเป็นไปไม่ได้ ผมรักพี่เขาไม่ได้และพี่เขาก็ไม่ได้รักผม
“กลอนภูมิใจในตัวพี่นะ เผื่อพี่อยากรู้” ผมบอก พี่รันยิ้มแล้วโยกหัวผม ทานข้าวกันเสร็จก็ได้เวลาที่หนังจะเริ่มฉาย ผมรู้สึกสนุกนะ แต่พี่รันดูจะเงียบๆ จนกระทั่งหนังจบ
“พี่มีอะไรไม่สบายใจรึเปล่าครับ” ผมถาม
“ไม่มีอะไรหรอก นี่ก็สามทุ่มแล้ว ไปกินขนมที่ท่าน้ำต่อดีกว่าแล้วค่อยกลับบ้านกัน”
พี่รันพาผมมาที่ตลาดท่าน้ำ ผมซื้อน้ำแข็งไสใส่ถ้วยโฟมมากิน แต่พี่รันแวะซื้อเบียร์มาดื่ม แต่เราขับรถมาจอดที่ใต้ต้นมะขามริมน้ำ พี่รันบอกว่าเป็นที่โปรดของพี่รัน ผมว่าพี่เขาต้องมีเรื่องไม่สบายใจมาแน่เลยหรือเขาจะทะเลาะกับแฟน พักนี้ไม่เห็นโทรคุยกับแฟนเลย แต่ผมก็ไม่กล้าถามหรอก ผมกินน้ำแข็งไสจนหมดถ้วย พี่รันก็เริ่มดื่มเบียร์กระป๋องที่สอง ตอนที่ไปซื้อน้ำแข็งไส ผมแอบไปซื้อขนมปียกปูนที่ร้านขนมไทยมา แล้วก็ขอซื้อเทียนไขกับไฟแช็คจากร้านอาหารตามสั่งมาด้วย ผมหันมาปักเทียนลงบนขนม จุดเทียนแล้วถึงหันไปหาพี่รัน พร้อมกับร้องเพลงอวยพรให้ด้วย พี่รันทำหน้าประหลาดใจก่อนจะยิ้มให้ผม
“อธิษฐานเลยครับ” ผมบอก พี่รันหลับตาลงพักหนึ่งก่อนจะลืมตาแล้วเป่าเทียน
“เปียกปูน..เหมือนถวายราหูเลยนะ เทียนก็มี ขาดแต่ธูปนะ” พี่รันแซวผม ผมขำพรวดออกมาเลย ไม่ได้นึกถึงขนาดนั้น แต่พอพี่รันพูดออกมาก็เห็นจริงตามนั้น
“กินน้ำแข็งไสจนปากแดงเลย” พี่รันมองที่ปากของผม ผมเบะปากออก พยายามมองปากของตัวเอง แล้วสิ่งที่ไม่เคยคิดเลยว่าจะเกิดขึ้นก็เกิดขึ้น ผมถูกพี่รันจูบ รสเบียร์ขมๆผสมปนเปกับรสชาติของน้ำแดงเฮลบลูบอย จูบของพี่รันร้อนแรงมาก มากจนผมหายใจแทบไม่ทัน ผมรีบดันอกของพี่รันออก
“พี่รัน..”
“พี่..พี่ขอโทษ..” พี่รันบอก
พี่รันลูบใบหน้าของตัวเองก่อนจะสตาร์ทรถแล้วขับออกไปอย่างเร็ว ผมใจเต้นตึกตักๆ ไม่กล้าหันไปมองพี่เขา จนพี่รันขับรถมาถึงบ้าน ผมเดินตัวลอยๆขึ้นบ้านไป แต่พี่รันยังในอยู่ในรถ แม่เปิดประตูห้องนอนมาถามว่ากลับมาแล้วเหรอ ผมรีบตอบรับ แม่ถึงปิดประตูกลับไป นี่มันก็ห้าทุ่มแล้ว ปกติแม่กับพ่อก็เข้านอนแล้วเวลานี้ ผมคิดว่าพี่รันอาจจะกลับไปนอนที่บ้านพักครู พี่เขาอาจจะเข้าหน้าผมไม่ติด ผมไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นเพราะอะไร แต่สิ่งที่ทำให้ผมคิดหนักกว่าคือผมดันเผลอจูบตอบพี่เขาไป คงเพราะในใจผมแอบเก็บพี่รันเอาไว้ในใจมาโดยตลอด เลยปฏิเสธไม่ได้ว่าผมรู้สึกดี ผมขึ้นมาถึงห้องก็รีบเข้าไปอาบน้ำ กะว่าออกมาจะโทรหาพี่รัน ไม่อยากให้พี่เขาคิดมาก ถึงพี่เขาไม่ได้รักผมและผมจะรักพี่เขาไม่ได้ แต่ก็ไม่อยากให้ความเป็นพี่น้องของเราต้องเสียไป ผมอาบน้ำออกมาก็ต้องตกใจเพราะพี่รันมานั่งอยู่บนเตียงของผมแล้ว ผมนึกว่าพี่เขากลับไปแล้ว
“กลอน..พี่..” พี่รันมีสีหน้าไม่ดีเลย หลบตาผมด้วย
“ไม่เป็นไรครับ พี่ไปอาบน้ำนะ พรุ่งนี้เราไปใส่บาตรกัน เลยวันเกิดมาแล้วแต่พระท่านรอได้” ผมบอกพี่รัน พยายามพูดให้เป็นปกติ เล่นมุขให้พี่เขาสบายใจ พี่รันเงยหน้าขึ้นมามองผม เราสองคนสบตากันอยู่นานโดยไม่ได้พูดอะไรกันต่อ แล้วพี่รันก็ดึงมือผมให้ลงไปนอนบนที่นอน ผมยังอยู่ในชุดเสื้อคลุมอาบน้ำอยู่เลย
“พี่พยายามหักห้ามแล้ว พี่ทำไม่ได้ ไม่รู้ว่ากลอนเข้ามาในใจพี่ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่กลอนเข้ามาแล้ว..” พี่รันกอดผมแน่น น้ำเสียงของพี่รันสั่นเครือ ผมบอกไม่ถูกว่าดีใจหรือจะยังไงดี บอกตรงๆว่าผมกลัว พี่รันไม่ได้เป็นเกย์ แต่อาจจะเหงาแล้วสับสน ผมไม่คิดว่าพี่รันจะรักผม
“พี่ พี่ทะเลาะกับแฟนเหรอครับ” ผมถาม
“เปล่า พี่ขอเลิกกับเขาเอง”
“พี่รัน...คือ กลอน..”
“พี่ขอโทษนะ พี่ขอโทษ ทั้งที่พี่อยากให้กลอนเลิกเป็น แต่พี่กลับเลิกสนใจกลอนไม่ได้เลยสักนาทีเดียว พี่เข้าใจแล้ว ว่าเรื่องแบบนี้มันห้ามกันไม่ได้ ทุกครั้งที่พี่มาค้างที่นี่ พี่อยากเอื้อมมือไปกอดกลอน แต่พอพี่คิดว่า ตัวพี่เองจะเป็นฝ่ายที่ทำให้คุณน้าผิดหวัง พี่ก็ต้องอดทน แต่..สุดท้ายแล้ว..พี่..” พี่รันถอนหายใจ ผมเชื่อนะว่าสิ่งที่พี่รับพูดออกมามันไม่ใช่เรื่องโกหก ผมบอกไม่ได้ว่าเพราะอะไร แต่มันเป็นความรู้สึก พี่รันใส่ใจผมมากขึ้นๆ อ่อนโยนกับผม ดูแลผมอย่างดีมาตลอด ถ้าพี่รันเป็นคนอื่น ผมคงคิดว่าพี่รันต้องมีใจให้ผม แต่เพราะเป็นพี่รัน ผมเลยคิดว่าพี่รันเอ็นดูผมเหมือนน้อง ผมเห็นความต่างของพี่รันกับเต็งหนึ่ง ระหว่างการเป็นผู้ให้และการเป็นผู้รับ
“พี่อยากกอดกลอนไหม” ผมถาม พี่รันทำหน้าตกใจ ผมไม่รู้ว่ามันถูกหรือผิด แต่สำหรับผม นี่คือขอบเขตแห่งความสุขของผม แม้ว่าอนาคตมันอาจจะทำให้ผมต้องเสียใจ แต่ผมก็ไม่อยากปฏิเสธมัน แม้อีกซีกหนึ่งของความคิดจะบอกว่า ผมไม่ควรทำ แต่มันเป็นซีกที่น้อยจนผมไม่ได้รับฟังมัน
“ถ้าพี่ต้องการกลอนจะให้ อะไรก็ได้ที่พี่มีความสุข แล้วถ้าพรุ่งนี้พี่จะอยากให้กลอนเป็นแค่น้อง กลอนก็จะเป็นให้” ผมพูดออกไปอีก พี่รันยังคงทำหน้าตกใจ ก่อนจะลุกขึ้นมานั่งกุมหัว ผมลุกตามขึ้นมา เห็นพี่รันยังคงนั่งอยู่ท่าเดิม ผมเลยลุกไปจะใส่เสื้อผ้า แต่เพียงแค่ลุกขึ้น พี่รันก็คว้าข้อมือของผม
“พรุ่งนี้ไปหาพ่อของพี่กันนะ พี่อยากให้ผู้ใหญ่รับรู้เรื่องของเราด้วย” พี่รันบอก ผมอึ้งไป
“ไม่เป็นไรครับ คือ..กลอน..เป็นผู้ชาย พี่ไม่ต้องกังวลอะไรนะ จริงๆนะครับ” ผมไม่ได้อยากให้ใครรับรู้ แต่ผมเข้าใจว่านี่คือการให้เกียรติผม แม้ว่าผมจะเป็นแค่เด็กผู้ชาย แต่ผมก็รู้สึกประทับใจกับสิ่งที่พี่รันคิดจะทำเพื่อผม
“นะ ไปเถอะ พ่อของพี่ท่านจะเข้าใจ ท่านไม่บอกพ่อแม่ของกลอนหรอก นะครับ” พี่รันบอก ผมลังเลอยู่สักพัก พอเห็นสายตาที่วิงวอนของพี่รันผมก็เลยพยักหน้า เพียงแค่นั้นพี่กลอนก็ดึงผมไปนั่งตัก
“พี่ขอโทษนะที่ทำให้ตกใจ พี่อยากกอดกลอนแบบนี้มานานแล้ว” พี่รันบอกผม
ผมถึงพี่รันดึงให้ลงไปนอนบนที่นอนนุ่มๆอีกครั้ง พี่รันถอดเสื้อผ้าของตัวเองออก ผมใจเต้นแรง ยิ่งเห็นรูปร่างของพี่รันผมยิ่งใจเต้น พี่รันดูดีกว่าเต็งหนึ่งหลายเท่า แม้จะหน้าตาธรรมดา แต่พี่เขาดูแข็งแรงแบบนักกีฬา ผมลูบไปบนกล้ามท้องของพี่รันเบาๆ พี่รันเกร็งหน้าท้องเมื่อปลายนิ้วผมลูบผ่าน พี่เขาดึงเชือกผูกเอวของผมออกแล้วตวัดเสื้อคลุมผมออกอย่างแรงจนมันฉีกขาด มือแกร่งลูบที่ผิวกายของผมจนผมสั่นสะท้านไปหมด พี่รันถอดกางเกงตัวเองออกจนร่างของเราสองคนเปลือยเปล่า ขนาดว่าผมตากแดดบ่อยๆ แต่เมื่อเทียบกับผิวสีแทนของพี่รัน ร่างกายของผมก็ขาวขึ้นถนัดตา มือเกร็งลูบเบาที่แก้มของผมก่อนจะโน้มตัวลงมาประทับจูบที่ร้อนแรงให้ผม เป็นจูบที่เร้าร้อนสมกับเป็นพี่รัน ผมร้อนวูบวาบไปหมด ร่างกายตอบสนองพี่รันแทบจะทันที ปวดตึงส่วนกลางทั้งที่พี่เขาแค่จูบผม
“พี่รัน อื้มมมม...” ผมร้องครวญครางเมื่อพี่รันตวัดปลายลิ้นลงบนยอดอกของผม ริมฝีปากขบเม้มจนผมต้องดิ้นเร่าๆ มันเสียวสะท้านไปหมด พี่รันร้อนแรงจนผมแทบละลาย มือหนาตะโปมลูบไล้ไปทั่วร่างของผม พี่รันจูบไปถึงหน้าท้อง ผมแอบเห็นว่าพี่เขาลังเลเมื่อเห็นส่วนกลางของผม ผมเลยพลิกตัวพี่รันให้นอนหงายแทน ส่วนผมก็ลงไปนั่งขุกเข่ากับพื้นห้อง อยู่ตรงหว่างขาพี่เขา
“กลอน ใช้มือก็ได้” พี่รันบอก ผมไม่ได้ตอบ แต่ใช้มือรูดรั้งแกนกายของพี่รัน แกนกายที่มันพองเต็มที่จะเส้นเอ็นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“ซี๊ดด เสียวมากเลยกลอน” พี่รันร้องซี๊ดทันทีแล้วหายใจแรงๆ ผมครอบรอมฝีปากลงไป พี่รันชะงักนิดหนึ่งแต่ก็ไม่ได้ขัดอะไร พี่เขาหายใจแรงกว่าเดิม ส่งเสียงครางในลำคอ ยิ่งผมเร่งจังหวะ พี่เขาก็สวนสะโพกกลับมาจนผมแทบสำลัก แต่ผมก็ยังคงทำต่อไป ทำตามแบบที่เห็นในคลิปที่พี่กรส่งมาให้ดูบ่อยๆ ผมรูดรั้งด้วยปากจนพี่รันร้องซี๊ดดังและปลดปล่อยมันออกมาคาปากของผม ผมดึงทิชชูมาบ้วนทิ้ง พี่รันพรูลมหายใจ แล้วก็ดึงผมกลับไปนอนใหม่ พี่รันดูดหน้าอกผมใหม่อีกรอบ บีบเค้นจนผมเจ็บ จากนั้นพี่เขาก็ใช้มือช่วยรูดรั้งให้ผมจนผมถึงที่หมายเหมือนกัน จากนั้นพี่เขาถึงได้มานอนกอดผมเอาไว้
“กลอนเป็นของขวัญวันเกิดที่ดีที่สุดในชีวิตพี่เลย”
“ดีใจนะครับที่ได้ยินแบบนั้น”
“เคยทำแบบนี้ให้ใครรึเปล่า” พี่รันถามผม ผมอึ้งไป
“ไม่เป็นไร มันเรื่องของอดีต แต่ต่อไปนี้ทำไม่ได้แล้วนะ ห้ามแชทกับใครด้วย”
“โอ้โห หวงผมแล้วเหรอ”
“หวงมานานแล้ว”
“พี่รันน่ารักจัง” ผมบอก
พี่รันหอมผมแล้วก็จูบผมอีก คืนนั้นเราช่วยกันเกือบทั้งคืน มาได้นอนก็เกือบเช้า แต่พี่รันไม่ได้ใช้ปากให้ผม ใช้มือช่วยผมตลอด ผมคิดว่าพี่เขาคงยังไม่คุ้น แล้วก็ดีที่พี่เขาบอกว่าจะไม่สอดใส่ผมจนกว่าผมจะเรียนจบ พี่รันก็ยังคงเป็นพี่ที่น่ารักที่นึกถึงอนาคตของผม ผมดีใจที่ได้รักคนที่รักผมเหมือนกัน หวังว่าความรักครั้งนี้คงจะยาวนาน แม้จะคิดแบบนั้น แต่ผมรู้สึกว่า ความกลัวมันยังคงซ่อนอยู่ในใจลึกๆไม่เคยจางหายไปเลย
*******โปรดติดตามตอนต่อไป*********
เรื่องนี้จะเป็นบทๆ แต่ละบทอาจจะมีถึงสองสามตอนนะคะ
อาจจะมองว่าน้องกลอนใจง่าย แต่มันก็เป็นแบบชะนี้แล 5555
บอกแล้วว่าคงไม่ใช่นิยายโลกสวยนะคะ แต่ผู้แต่งสวยละกัน ฮ่าๆๆๆ
ล้อเล่นค่ะ ขอบคุณที่ติดตามนะคะ เรื่อยๆแต่มาเรียงๆ ไม่หนีไม่หายไม่ให้ค้างคาจ้า