ตอนที่ 51 ครึ่งหลัง
“คุณจอมทานน้อยจังเลยครับ”
“ฉันไม่ค่อยหิวน่ะ…ว่าแต่ห้องของนายก็ใหญ่ดีเนอะ พี่อินใจดีจัง” เจ้าจอมเปลี่ยนเรื่องมองรอบๆ ห้องคอนโดอย่างสนอกสนใจ
ได้อยู่ในห้องสวยๆ ได้อยู่กับจุลจักร มันก็ทำให้อารมณ์ที่คุกรุ่นตลอดทั้งวันลดลงได้จนเกือบจะหายดีแล้ว แต่คงต้องขึ้นอยู่กับจิตใจของตัวของเจ้าจอมเองด้วยว่าจะยอมคลายออกมากน้อยขนาดไหน
“ผมอยู่คนเดียวในนี้แบบเหงามากครับ มันใหญ่ไป แต่พอได้ทำงาน เวลาอยู่ในห้องน้อยกว่าอยู่ที่บริษัทอีกครับ มาถึงที่นี่ก็หลับเป็นตาย ตื่นเช้าไปทำงาน”
“แล้วเรื่องเสื้อผ้าล่ะ”
“จะมีแม่บ้านมาเอาไปซักให้ทุกสองวันครับ”
“พี่อินดูแลดีจัง แบบนี้ก็หมดห่วงแล้วล่ะ”
“ไม่ต้องเป็นห่วงผมหรอกครับคุณจอม”
เจ้าจอมลุกขึ้นหยิบจานที่ทานข้าวกันเสร็จแล้วไปล้าง บอกให้ร่างแกร่งไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า พอจุลจักรออกมาจากห้องนอนก็เห็นว่าเจ้าจอมกำลังนั่งดูทีวีอยู่นิ่งๆ สายตาเหมือนไม่ได้โฟกัสที่หน้าจอเลย ร่างแกร่งเลยเดินไปนั่งข้างๆ แต่เจ้าจอมก็ไม่ได้สนใจ
“ผมรักคุณจอมนะครับ”
เป็นประโยคที่ทำให้เจ้าจอมหันมามองหน้าทันทีด้วยความไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ จุลจักรถึงได้มาบอกรักกันแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยแบบนี้
แต่รู้สึกดีนะ...
“ทำไมจู่ๆ ถึงบอกล่ะ”
“คุณจอมดูเหมือนไม่สบายใจ ไปพบคุณพ่อ คุณแม่มาใช่ไหมครับ”
“ทำไมรู้ล่ะ”
“คุณรามบอกผมว่าถ้าคุณจอมมากรุงเทพจะต้องเข้าไปที่บ้าน”
“อืม...ฉันไปหาพวกท่านมาน่ะ แล้วก็...ทะเลาะกันเหมือนเดิม จักร...ฉันสงสัยนะ ว่าถ้าท่านไม่รักฉันท่านจะให้ฉันเกิดมาทำไม ฉันทำอะไรผิด ฉันแค่ชอบผู้ชาย...ฉันผิดมากเหรอ ฉันผิดเหรอที่เลือกเกิดไม่ได้” เจ้าจอมระบายเสียงสั่นเครือ แต่ไม่ได้ร้องไห้ แค่พยายามกลั้นมันเอาไว้ ไม่อยากให้ร่างสูงต้องมากังวลด้วย
“คุณจอมไม่ผิดหรอกครับ...”
“แล้วทำไมท่านไม่เข้าใจฉัน ท่านไม่รักฉัน”
จุลจักรรู้สึกเห็นใจคนรักของตนมาก ใครที่เจอแบบนี้ก็คงต้องคิดแบบเดียวกับเจ้าจอม ต้องรู้สึกเจ็บปวดมากแน่ๆ จุลจักรไม่สามารถที่จะเอาความเจ็บปวดนั่นมาเป็นของตัวเองได้ แต่เขาสามารถที่จะช่วยให้ความเจ็บปวดนี้ลดลงไปได้
“ท่านรักคุณจอม...ไม่มีพ่อแม่คนไหนไม่รักลูกของตัวเองหรอกครับ ใช่...มันอาจจะมี แต่สำหรับคุณพ่อ คุณแม่ของคุณจอมน่ะ ท่านรักคุณจอมมากนะครับ ท่านเลยอยากให้คุณจอมได้เจอคนที่ดีๆ สิ่งที่ดีที่สุดในชีวิต ท่านแค่ไม่เข้าใจครับ ไม่ใช่ไม่รักคุณจอม”
ศีรษะเล็กพิงลงบนไหล่แกร่งอย่างต้องการที่พึ่งพิงและหลับตาซึมซับความอบอุ่นของคนรักเอาไว้
“ฉันจะเชื่อนาย”
“เชื่อผมเถอะครับ”
“อื้อ...ฉันรักนายนะจักร รักมานานแล้วด้วย”
“หมายความว่ายังไงครับ”
“รู้อะไรไหม ความลับที่ฉันบอกว่าถ้าพร้อมฉันบอกนาย” เจ้าจอมนั่งตัวตรง หันหน้ามามองคนรักของตัวเองอย่างจริงจัง จนร่างแกร่งเองก็หันมาสบตากับร่างบางด้วยความอยากรู้เต็มที่ “ฉันพร้อมที่จะบอกแล้วนะ”
อย่างน้อย...ก็แค่อยากให้รู้เอาไว้ว่าใครกันที่เป็นฝ่ายรักก่อน
“ครับ...ผมเองก็พร้อมที่จะฟังแล้ว”
“นายตามจีบฉันมาสองปีใช่ไหม”
“ครับ?”
แล้วมันยังไงอ่ะ เกี่ยวกันงั้นเหรอ
แม้ว่าจุลจักรจะมีคำถามในหัวอยู่ก็ตามแต่ก็ไม่คิดจะถามออกไป รอฟังจากร่างบางอย่างตั้งใจแทน
“นายก็เจอฉันในปีนั้นเป็นครั้งแรกใช่ไหม”
“ครับ...”
“นายคงจำไม่ได้ว่าเราเคยเจอกันก่อนหน้านั้นอีก”
“อะไรนะครับ! ตอนไหน ทำไมผมไม่รู้”
“ตอนนั้นนายคงจำหน้าฉันไม่ได้หรอก เพราะฉันเอาแต่ร้องไห้ วันวาเลนไทน์ปีนั้น ปีก่อนที่เราจะเจอกันในฐานะเจ้านายกับลูกน้องน่ะ ฉันโดนแฟนบอกเลิก สาเหตุที่โดนบอกเลิกก็เพราะพ่อแม่ฉันเนี่ยแหละ นายพอจะนึกออกไหมว่าคนที่นายพยายามปลอบวันนั้นคือฉันเอง”
จุลจักรคิดตามกลับไปเมื่อประมาณสามปีที่แล้ว ก่อนจะเบิกตากว้างมองหน้าคนรักอย่างเหลือเชื่อ เด็กผู้ชายที่ร้องไห้จะเป็นจะตายวันนั้นคือเจ้าจอมเองหรือ
‘น้อง...ร้องไห้ทำไม แฟนทิ้งเหรอ ก็แบบนี้แหละน้องผู้หญิงอ่ะ พอเจอใครดีกว่าก็ไป พี่เคยเจอมาแล้วเว้ย...ทางที่ดีอย่าร้องไห้เลยน้อง คิดซะว่ามันไม่มีค่าพอสำหรับเรา’
‘ฮึก...ฮือ...’
‘งั้นก็ร้องไปให้พอเลยน้อง ถ้ามันหยุดไม่ได้อ่ะ แล้วจากนี้ไปต้องเข้มแข็ง ไม่ต้องไปนึกถึงแล้วเสียน้ำตาคนที่ไม่เห็นค่าเรา จำเอาไว้นะ...ไม่มีใครรักเราไปมากกว่าพ่อกับแม่อีกแล้ว’
“คนอะไรไม่รู้ พูดเองเออเองคนเดียวอยู่ได้ แต่ยอมรับนะว่านายทำให้ฉันหายเศร้าเลย แต่ที่ยังร้องไห้อยู่เพราะอารมณ์มันค้างน่ะ”
“บังเอิญจังนะครับ”
“ใช่...ฉันไม่คิดว่าฉันจะได้เจอนายอีกด้วยซ้ำ รู้อะไรไหม ฉันน่ะ ตกหลุมรักนายตั้งแต่วันนั้นเลยนะ มันก็ดูเหมือนใจง่ายที่เพิ่งอกหักแท้ๆ ดันมารักคนใหม่ได้ง่ายๆ”
“ผมดีใจนะครับ ที่ได้ยินเรื่องนี้จากปากคุณจอม เพราะมันทำให้ผมดีใจและมีกำลังใจมากยิ่งขึ้น”
เจ้าจอมยิ้มเขินๆ หันหน้าแดงๆ ของตนหลบสายตาคมของจุลจักรที่มองอย่างหยาดเยิ้ม
“เอาล่ะ ฉันก็บอกความจริงไปแล้ว ขอตัวไปอาบน้ำก่อนก็แล้วกัน”
“เชิญครับ”
ร่างสูงมองตามแผ่นหลังบางไปอย่างมีความสุข ไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะได้เป็นคนที่ถูกรักก่อน ถ้าอย่างนั้นที่ผ่านมาตลอดสองปีที่เจ้าจอมทำเป็นไม่สนใจ มันเป็นแผนการสินะ
“ร้ายกาจจริงๆ แต่แบบนี้แหละที่ผมชอบ”
โง่อย่างที่ไอ้อินมันบอกจริงๆ
“ผมจะไม่เกรงใจอะไรคุณจอมแล้วนะ”
ร่างสูงพึมพำแล้วลุกเดินตามร่างบางเข้าไปอย่างมาดมั่น ยังไงคืนนี้ก็เป็นคืนของเราสองคนก่อนที่พรุ่งนี้ร่างบางจะกลับไปเพชรบูรณ์แล้วเราจะไม่ได้เจอกันอีกนาน
“นาย...” เจ้าจอมอุทานอย่างตกใจที่เห็นร่างคนรักเข้ามาในห้องน้ำขณะที่ตนเองกำลังอาบน้ำอยู่
ไม่ทันที่เจ้าจอมจะตั้งตัวอะไร ร่างแกร่งก็เข้าประชิดตัวจู่โจมเจ้าจอมทันที เสียงครวญครางดังของทั้งคู่ทั้งก้องไปทั่วทั้งห้องน้ำ ห้องนอน...ร่างทั้งสองตระกองกอดกันผลัดกันมอบความรักให้แก่กัน
ความสุขช่วงเวลาสั้นๆ แต่ตราตรึงนาน...
“มาถึงแล้ว อย่างปลอดภัย นายไม่ต้องเป็นห่วงหรอกน่า”
(ได้ยินแบบนี้ก็หมดห่วงแล้วครับ)
“ไม่ต้องมาห่วงฉันหรอกน่า เป็นห่วงตัวเองเถอะ กินข้าวให้ครบห้าหมู่นะ แล้วก็ให้ครบทุกมื้อด้วย) เจ้าจอมที่กำลังเก็บของเข้าตู้และแยกของเตรียมไปซัก ใช้หูกับไหล่เหน็บโทรศัพท์คุยกับคนรัก
(รับทราบครับคุณจอม)
“แค่นี้ก็แล้วกัน ฉันจะไปทำงานต่อ ลูกค้าเยอะมาก”
(ครับ ดูแลสุขภาพด้วยนะครับ)
“อื้อ”
สามวันผ่านไป
“เป็นไงบ้างฮะพี่ราม เรื่องพี่กับพี่อินเป็นยังไงบ้าง” เจ้าจอมถามพี่ชายที่พอมาถึงก็ทำงานทันทีด้วยความอยากรู้ และลุ้นให้คู่นี้สมหวัง
“ก็ไม่มีอะไร”
“ไม่มีอะไรได้ยังไงล่ะพี่ราม”
“ก็ใช่ไงจอม หลังจากวันนั้นพี่ก็เข้าไม่ถึงไอ้อินอีกเลย สรุปว่าสามวันที่พี่อยู่ต่อ พี่ไม่มีอะไรคืบหน้าเลย โอเคแล้วนะ รู้เรื่อง” คนเป็นพี่ชายตอบออกมาด้วยความไม่พอใจและอารมณ์ไม่พร้อมที่จะคุยกับใครตอนนี้สุดๆ
อยากจะอยู่คนเดียว...
“เข้าใจแล้วใช่ไหม ถ้าเข้าใจขอพี่อยู่คนเดียว”
เจ้าจอมเดินออกจากห้องทำงานของพี่ชายไปเมื่อเห็นว่ารามินทร์กำลังอารมณ์ไม่ดี และคงจะต้องเป็นแบบนี้อีกนาน อีกนานเลยล่ะ...
“พี่อินนี่ก็ใจแข็งจังเลยนะ”
เจ้าจอมอยากจะทำอะไรสักอย่างให้พี่ชายที่ตนเองรักและเคารพทั้งสองคนลงเอยกันเสียที ถ้าหากว่ารามินทร์จะต้องมีชีวิตคู่ก็ขอให้เป็นอินทัชเถอะ
ไม่มีใครเอาพี่รามอยู่ถ้าไม่ใช่พี่อิน
ตื๊อดึง…
“ข้อความอะไรเข้านะ”
เจ้าจอมที่นั่งลงประจำโต๊ะทำงานหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อเช็คข้อความเข้า คิดว่าคงจะเป็นคนรักอย่างปกติ แต่ก็ไม่ใช่ เพราะนี่เป็นข้อความจากพ่อกับแม่ของเขาเอง
‘ฉันขอสั่งให้แกมาที่กรุงเทพให้เร็วที่สุด กำหนดเวลาไม่เกินหนึ่งอาทิตย์ ฉันต้องเห็นแกที่บ้าน แล้วอย่าคิดว่าจะไม่มา เพราะถ้าแกไม่มา ฉันจะไปหาแกถึงที่นั่น แล้วอย่าคิดว่าตารามจะช่วยอะไรแกได้’
“เรื่องบ้าอะไรอีกเนี่ย คงไม่ใช่นัดดูตัวอะไรแบบนั้นหรอกใช่ไหม” เจ้าจอมคิดหนักที่เห็นข้อความบังคับกันขนาดนี้ อยากจะทำเป็นไม่เห็นไม่สนใจ แต่ก็ทำไม่ได้
ยังไงก็เป็นพ่อกับแม่ การตอบแทนพระคุณที่ให้กำเนิดเขามายังไงก็เป็นสิ่งที่เจ้าจอมต้องทำ เขาทำได้หมดทุกเรื่อง แต่ยกเว้นเรื่องไว้เรื่องหนี่งเถอะ
คนรักของเขา…ก็ขอเป็นคนเลือกเองเถอะ
“เห็นใจกันบ้างเถอะนะ”
เจ้าจอมนั่งคิดหน้าเครียดอยู่อย่างนั้น จะทำยังไงดี...พาจุลจักรไปแนะนำให้รู้จักตรงๆ เลยดีไหม หรือว่าจะไปคนเดียว แต่ถ้าไปคนเดียวแล้วเกิดโดนจับขังขึ้นมาล่ะ จะทำยังไง
“มันเสี่ยงมากถ้าไปคนเดียว...คงต้องให้พี่อินช่วยแล้วล่ะ”
เท่าที่เจ้าจอมคิดได้ตอนนี้คงมีแค่อินทัชคนเดียวเท่านั้นที่จะพอช่วยกันเจ้าจอมได้...และหวังว่าวันนั้นอินทัชจะว่างมาช่วยเขาในวันนั้นได้นะ...
เรื่องนี้มันยืดเยื้อมานานมากแล้ว และมันก็ควรจะจบเสียที...
และต้องจบแบบที่เขากับจุลจักรต้องได้รักกันด้วย
“ฮัลโหล...พี่อินครับ จอมมีเรื่องอยากให้ช่วยหน่อย...”
...
...
...
อาการของขรรค์ดีวันดีคืนจนหิรัญที่ทำหน้าที่ดูแลตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงก็หน้าตาสดใสขึ้นทุกวันๆ เกือบหนึ่งอาทิตย์ที่ร่างแกร่งต้องใช้ชีวิตอยู่ในโรงพยาบาล แต่เพื่อให้ตัวเองหายจากอาการบาดเจ็บแล้ว ขรรค์ก็จำเป็นต้องอดทนอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมๆ แบบนี้ และมีบ้างที่หิรัญพาออกไปเดินเล่น
“ขรรค์อยากกลับไปรักษาที่บ้านสวน”
“แต่ว่าขรรค์ยังไม่หายดีเลยนะ”
“ไม่เป็นไรหรอก ขรรค์มีคนรักเป็นหมอนี่ ยังไงก็ไม่น่าจะเป็นอันตรายแล้วล่ะ”
ขรรค์จริงจังมากที่อยากจะกลับไปรักษาที่บ้าน เพราะอย่างน้อยที่นั่นก็มีอากาศที่บริสุทธิ์ที่สำคัญนะ ที่นนั่นไม่ค่อยมีใครมารบกวนเท่าที่นี่
ขรรค์ไม่ชอบที่พยาบาลเดินเข้าออกเป็นว่าเล่น
“เงินรู้ ยังไงเงินก็ต้องดูแลขรรค์อยู่แล้ว แต่ที่เงินยังไม่อยากให้ขรรค์กลับเพราะอยากให้ดูอาการก่อนว่ามันคงตัวแล้ว มันจะไม่ทรุดลงแล้ว เงินถึงจะวางใจ ยังไงรักษาที่นี่ก็ดีกว่าต่างจังหวัดนะ” หิรัญให้เหตุผล ทำเอาขรรค์เถียงไม่ได้ ทำได้เพียงยิ้มออกมาบางๆ
“เพราะขรรค์แท้ๆ เลยที่ทำให้เงินไม่ได้สัมมนาครั้งนี้” ร่างสูงเอ่ยอย่างรู้สึกผิด และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ขรรค์พูดออกมาแบบนี้ แต่มันนับครั้งไม่ถ้วนแล้วต่างหาก
“ไม่เป็นไรหรอก เงินมีเหตุผลนี่นา”
ร่างโปร่งพูดให้คนรักสบายใจทั้งๆ ที่ตนเองโดนตำหนิเรื่องนี้ไปแล้ว แต่ว่ามันจำเป็นที่ต้องทำจริงๆ ร่างโปร่งก็เลยใช้เส้นสายของพ่อตนเองเล็กน้อย เพื่อให้ได้มาเฝ้าดูแลคนรักของตัวเองแบบนี้
“ขรรค์ทำให้เงินลำบากแท้ๆ”
“แค่ขรรค์ไม่เป็นอะไรไป เงินก็ยอมลำบากมากกว่านี้เพื่อขรรค์ได้ สัญญากับเงินนะว่าจะไม่คิดทำอะไรวู่วามอย่างครั้งนี้อีก แต่เงินก็รู้สึกขอบคุณนะที่ขรรค์เสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยแม่ของเงิน ถ้าไม่มีขรรค์เงินเองก็ไม่รู้ว่าแม่จะเป็นยังไงเหมือนกัน”
“ดีแล้วที่เป็นขรรค์...”
ไม่ดีเลย...ไม่ดีทั้งกับแม่และกับขรรค์นั่นแหละ
“พอเถอะ ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว เราเลิกพูดถึงเรื่องนี้กันเถอะนะ” หิรัญขอร้องคนรักว่าให้เลิกพูดเรื่องโดนยิงนั่นเสียที ปล่อยให้มันเป็นความทรงจำไป แค่เห็นว่าขรรค์ปลอดภัย หิรัญก็ดีใจมากแล้ว
“อื้อ...แล้วสรุปคดีเป็นยังไงบ้าง”
“พวกมันเส้นใหญ่จะตาย ไอ้พวกที่โดนจับก็โดนปล่อยตัวไปตามที่คาดไว้แล้ว ส่วนไอ้คนที่ยิงขรรค์น่ะ มันก็ไม่โดนอะไรเลย หนี้...เงินก็เอาไปจ่ายแล้ว เรียบร้อย...”
“คุณสร้อยเป็นยังไงบ้างครับ” ขรรค์ถามถึงแม่ของคนรักที่ช่วงนี้มาเยี่ยมบ่อยเหมือนกัน แต่สีหน้าของเธอรู้สึกผิดมาก...ไม่มีความสุขเอาเสียเลย
“ท่านเอาแต่โทษตัวเอง จนตอนนี้ก็ซึมๆ เงินกับพ่อก็บอกแล้วว่าไม่ได้โกรธอะไร และทำตัวเหมือนเดิมทุกอย่าง แม่ก็ไม่ดีขึ้นเลย” หิรัญมีสีหน้าที่ไม่สบายใจยามนึกถึงอาการของผู้เป็นแม่
“ท่านคงจะขวัญเสียน่ะเงิน เห็นคนโดนยิงต่อหน้าต่อตาแบบนั้น”
“เงินเข้าใจ ขรรค์อย่าโกรธแม่เงินเลยนะ”
“ขรรค์ไม่เคยโกรธท่านหรอก ขรรค์เคารพท่านเหมือนเป็นแม่ของขรรค์ด้วยซ้ำ”
“ถามจริงๆ นะขรรค์...ตอนนั้นคิดยังไง ถึงได้เอาตัวเองไปรับกระสุน คงไม่ใช่เหตุผลเพราะเป็นแม่ของเงินหรอกใช่ไหม?” หิรัญถาม
“ขรรค์ไม่มีพ่อกับแม่...ตอนนั้น ขรรค์แค่ทำหน้าที่ลูกกับแม่ของคนที่ขรรค์รักก็เท่านั้น” ร่างสูงใหญ่ตอบเสียงสั่นเครือ...หิรัญได้ยินคำตอบแบบนั้นก็น้ำตาไหล... ลูบมือของคนรักอย่างปลอบประโลม ทั้งคู้ยิ้มให้กัน มองตากัน ซึมซับความรู้สึกนี้เอาไว้...
หากวันไหนทะเลาะกัน ก็ให้นำเหตุการณ์และความรู้สึกในครั้งนี้เป็นเครื่องเตือนใจ ว่าเราผ่านอะไรกันมาบ้าง...
100%
============================
ครบร้อยแล้ว เม้นท์ให้กันด้วยนะคะ แล้วก็ฝากเรื่องใหม่ด้วยน้า ตอนนี้เริ่มอัพบทนำไปแล้วค่ะ
Fall in love ติด...ตาม...รัก [คู่ : พีช x ธิน]
He is mine ที่ร้าย เพราะนายเป็นของฉัน! [คู่ : พุฒิ x เจ็ม]
มีอะไรพูดคุย สอบถาม ทวงนิยายได้ที่แฟนเพจนะคะ
https://www.facebook.com/sawachiyuki/