กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 11] [16 - 4 - 59]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: กรงรักจักรพรรดิ : The Emperor Face [ตอนที่ 11] [16 - 4 - 59]  (อ่าน 29511 ครั้ง)

ออฟไลน์ SOO2

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
น่าร้ากกกกกกกกกก :impress2:

ออฟไลน์ YounIn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-8
มีมี่นี่ตัวอะไร
จักรพรรดินี่ทำนู่นนี่ให้ดูแล แต่ปากแต่ละคนนี่ดิ ตีกันตายไปข้าง ไม่สิ โมเดลสู้ไม่เคยได้สักที 555555

ออฟไลน์ Ranmaru

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 47
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0


ตอนที่ 6


 

 

                “น่ารักมั้ยล่ะ…น้องมีมี่”

                โมเดลตัวแข็งทื่อ เหงื่อแตกพลักทั้ง ๆ ที่ในห้องตอนนี้แอร์เย็นฉ่ำ ดวงตาเรียวสวยก็จ้องเขม็งอยู่กับเจ้ามีมี่ที่จักพรรดิยื่นเข้ามาใกล้ ๆ เหมือนกับว่าอยากจะให้เขาเห็นมันแบบชัด ๆ เต็ม ๆ ตา

                “ดูนายชอบนะ”


                เสียงทุ้มติดจะสนุกเอ่ยขึ้นมา โมเดลด่าอีกฝ่ายอยู่ในใจไปหลายคำ อยากจะขยับแต่ก็ไม่กล้า แค่หายใจแรง ๆ ยังไม่กล้าเลย อาการขนลุกซู่แบบนี้เขาไม่ชอบเลยจริง ๆ แล้วขอโทษเถอะ ชอบอะไรกัน เห็นหน้าเขามั้ยว่ามันเป็นยังไง เหงื่อแตกพลักตัวเกร็งขนาดนี้เนี่ยนะชอบ

                “อะ…เอามัน…ออกไป”


                ยอมรับเลยว่ากลัว และเสียงสั่นแบบชัดเจนมาก แต่โมเดลพลาดแล้วล่ะ ยิ่งแสดงออกว่ากลัวมากเท่าไหร่ ผู้ชายที่ชื่อจักรพรรดิก็ดูเหมือนจะยิ่งชอบใจมากขึ้นเท่านั้น ขยับเจ้างูที่อยู่ในมือเข้าไปใกล้โมเดลมากขึ้น


                ใช่…มีมี่มันคืองู


                งูบอลสีขาวลายเหลืองตัวไม่ยาวมาก แต่ถึงจะเล็กจะใหญ่ยังไง สำหรับคนที่กลัวงูอย่างโมเดลก็ไม่มีทางแฮปปี้กับมันแน่ ใจของร่างบางเต้นรัวระด้วยความกลัว ตัวเกร็ง ถอยหนีจนชิดโฟซาแล้ว มันไม่มีที่ให้ขยับหนีได้อีก

                “ลองจับดูมั้ย”


                โมเดลสั่นหน้าทันทีที่ร่างสูงถามออกมา ดวงตาคมวาววับฉายแววสนุก มุมปากยกขึ้นบ่งบอกว่าเขากำลังอารมณ์ดี…อารมณ์ดีที่ได้แกล้งคนหน้าสวยตรงหน้านี้


                “กูไม่เล่น…เอามันออกไป” บอกอีกครั้ง อยากจะร้องไห้ซะจริง ถึงหัวมันจะเล็ก ๆ ต่างจากลำตัวของมันก็เถอะ แต่มันเล่นยื่นหน้าเลื้อยเข้ามาใกล้ ๆ แบบนี้ก็อยากจะบ้าตายเหมือนกัน ในหัวไม่ทันได้คิดแล้วว่ามันกัดหรือไม่กัด คิดอย่างเดียว…มันคืองู!


                “ฉันว่ามันน่ารักดีออก”


                “น่ารักกับผีสิ!”


                เฮือก!!


                โมเดลตกใจตัวแข็งทื่ออีกรอบ พอเผลอเสียงดังสวนกลับร่างสูงไป เจ้ามีมี่ก็ขยับตัวจะเลื้อยใส่หน้าเขาให้ได้ โมเดลอยากจะบ้าตาย คุณยายอายุเยอะแบบนั้นเลี้ยงเจ้าตัวนี้เนี่ยนะ!


                “กลัวมันใช่มั้ย”


                คราวนี้โมเดลกดหน้าลงแบบไม่มีเถียงเลย ตัวเขาสั่นอย่างห้ามไม่อยู่ ทำไมผู้ชายคนนี้ชอบทำอะไรให้เขากลัวได้ตลอด แล้วดูรอยยิ้มนั่น สนุกมากสินะที่แกล้งเขาได้น่ะ


                “กูขอร้อง…กูกลัว”


                “น้ำเสียงหยิ่ง ๆ แบบนั้นน่ะเหรอคือขอร้อง ที่ไหนเขาสอนนายมา” คิ้วเข้มเลิกขึ้นประกอบการพูด ท่าทางน่าหมั่นไส้นั่นมันน่าซัดหน้าให้สักครั้งสองครั้ง แต่ตอนนี้ทำอะไรไม่ได้ แค่ขยับก็กลัวงูแล้ว จักรพรรดิก็ขี้แกล้งเกินไป แทบจะวางเจ้ามีมี่ลงบนอกเขาอยู่แล้ว


                “พะ…พี่พรรดิ…”


                “หืม…”


                “พี่พรรดิ…เอามันออกไป ผม…กลัว” อยากจะกัดลิ้นตายกับน้ำเสียงของตัวเอง มันทั้งสั่นและเค้นออกมาอย่างยากลำบาก แต่ดูเหมือนว่าการที่บังคับตัวเองให้พูดอะไรแบบนี้จะได้ผลดีทีเดียว เพราะจักรพรรดิดึงมือกลับไป และวางเจ้างูมีมี่ลงไปที่เดิม โมเดลเลยค่อยหายใจได้โล่งขึ้นหน่อย


                “กลัวแม้กระทั้งงูตัวแค่นี้ ไม่ได้เรื่อง”


            แกล้งเสร็จก็ปากหมาใส่เลยนะ


                โมเดลนั่งกัดฟัน ไม่อยากจะตอบโต้อะไร มือเรียวยกขึ้นมาแตะที่หน้าอกตัวเอง รับรู้ได้ถึงหัวใจที่เต้นรัวเร็วมาก ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ไม่อยากจะนึกถึงหน้างูนั่นเลย แต่มันช่วยไม่ได้ มันติดตาไปซะแล้ว

                “หึ”


                หัวเราะไป อย่าให้ถึงทีของเขาบ้างก็แล้วกัน


                หลังจากที่แกล้งโมเดลจนพอใจ จักรพรรดิก็ปล่อยให้คนหน้าสวยได้พักผ่อน กินยาเข้าไปสักพักก็หลับคาอยู่ที่โซฟา ร่างสูงที่กำลังนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะละสายตาจากโน้ตบุ๊คไปมอง ก่อนจะส่ายหน้า มุมปากขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย

                “ทั้ง ๆ ที่ปากบอกไม่ชอบฉัน แต่หลับในห้องฉันแบบไม่ระวังตัวเลยนะ”


                จักรพรรดิลุกขึ้น เดินไปอุ้มโมเดลขึ้นมาอย่างเบามือ พาเข้ามาในห้อง วางลงบนเตียงและดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้ถึงคอ ยืนมองคนที่หลับสบายแวบหนึ่งก่อนจะเดินออกจากห้องไป


………………………………


                “อื้อ…”


                โมเดลขยับตัวพร้อมกับครางในลำคอเบา ๆ ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นหลังจากหลับสบายไปหลายชั่วโมง ในห้องมืดสนิท และ…เขาไม่ได้รู้สึกปวดหลังอย่างที่ควรจะเป็น เพราะจำได้ว่าก่อนหลับเขานอนอยู่ที่โซฟา แต่ตอนนี้…เขานอนอยู่บนเตียง


                “ถึงในห้องจะมีแค่มันก็เหอะ ขอคิดว่ากูเดินละเมอมาเองแล้วกัน สยองสัดถ้าคิดว่ามึงอุ้มกูเข้ามา”


                โมเดลเบ้ปากพูด ลุกขึ้นมานั่ง อาการปวดหัวดีขึ้นพอสมควร มันไม่หนักเท่าตอนเช้า ในห้องมืดแบบนี้แสดงว่าเขาก็หลับไปนานเหมือนกันนะเนี่ย

                โมเดลเดินออกมาจากห้องปุ๊บก็ได้ยินเสียงดังมาจากในครัว พร้อมกับกลิ่นหอม ๆ ของอาหารลอยมาแตะจมูก เล่นเอาท้องร้องด้วยความหิวเลยทันที

                ขาเรียวก้าวตรงมาที่ห้องครัว แล้วหยุดยืนมองแผ่นหลังจากของจักรพรรดิที่กำลังผัดอะไรบางอย่างอยู่หน้าเตา โมเดลเผลอยืนนิ่งค้างอยู่แวบหนึ่งกับท่าทางที่ดูมีเสน่ห์ของผู้ชายคนนี้ ดูเหมือนผู้ชายอบอุ่นทำกับข้าวเป็น

                แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่เลย ก็แค่ผู้ชายร้ายกาจ ปากหมาและชอบบีบบังคับเท่านั้นแหละ

                “ทำอะไรวะ”


                “ถ้านายเห็นอยู่ก็ไม่น่าถามนะ” ตอบกลับแบบไม่ได้หันกลับมา เป็นโอกาสที่โมเดลจะขยับปากด่าอีกฝ่ายแบบไม่ออกเสียงได้เต็มที่


                “งั้นมึงทำอะไรให้กูกิน”


                “ฉันยังไม่ได้พูดสักคำว่าทำให้นาย ฉันทำกินของฉันเอง”


            กึก

                โมเดลชะงักเมื่อถูกสวนกลับมาแบบนั้น หน้าร้อนวูบวาบด้วยความอายเล็ก ๆ มือเรียวเผลอกำเข้าหากันแน่น จ้องเขม็งไปที่จักรพรรดิที่กำลังตักข้าวที่ผัดใส่จานและวางลงบนโต๊ะ โมเดลมองตาม ข้าวผัดขี้เมาทะเลหอม ๆ น่ากิน เห็นแล้วก็แอบเบะปาก ผู้ชายคนนี้ทำอะไรไม่เป็นบ้างเขาอยากจะรู้

 

                กึก

                และโมเดลก็ต้องชะงักอีกครั้งเมื่อร่างสูงที่เอ่ยบอกว่าทำสำหรับตัวเองคนเดียวกำลังตักข้าวใส่จานที่สองก่อนจะนำมาวางบนโต๊ะ โมเดลเลิกคิ้วอย่างงง ๆ กับการกระทำของอีกฝ่าย

                “ไหนมึงบอกทำกินคนเดียว”


                “ก็ถ้านายจะทำหน้าเหมือนหมาขออาหารแบบนั้นฉันก็คงต้องให้ล่ะนะ” ยักไหล่ตอบอย่างไม่แคร์ หยิบช้อนส้อมมาวางบนจานให้แล้วเริ่มลงมือทานของตัวเองโดยไม่รอโมเดล ร่างบางส่งเสียงร้องในลำคอก่อนจะนั่งลงกินข้าวส่วนของตัวเอง


                ไม่อยากจะบอกว่าอร่อยอีกแล้ว

                ไม่อยากคิดอะไรน่าขนลุกอย่างเช่นจักรพรรดิทำให้ตามที่เขาอยากจะกิน แบบที่เรียกร้องไปเมื่อเช้าหรอกนะ ที่บอกว่าอยากกินอะไรเผ็ด ๆ ถึงอันนี้จะไม่ได้เผ็ดอะไรมาก แต่ก็โอเคเลยสำหรับตอนนี้

                พอกินข้าวเสร็จโมเดลก็ถามหาเสื้อผ้าตัวเองอีกครั้ง คราวนี้จักรพรรดิยอมเอามาให้โดยง่ายไม่ตีเนียนเหมือนอย่างเมื่อเช้านี้ โมเดลอาบน้ำเปลี่ยนชุดทันที เขาพร้อมกลับบ้านตอนนี้เลย

 

                “เดี๋ยวฉันไปส่ง”


                พอจะเดินออกจากห้องจักรพรรดิก็เอ่ยขึ้นมา มันไม่ใช่ประโยคคำถาม แต่มันเหมือนเป็นคำที่พูดให้เขารับรู้ และห้ามปฏิเสธอย่างเด็ดขาด โมเดลตวัดสายตาไปมองอย่างไม่สบอารมณ์ ผู้ชายคนนี้จะอะไรกับเขานักหนา


                “กูกลับเองได้”


                “ฉันถามนายเหรอว่ากลับเองได้หรือเปล่า ฉันบอกว่าจะไปส่ง” ร่างสูงหันกลับมามองด้วยสายตาเบื่อหน่ายก่อนจะเดินไปที่ประตู โมเดลกำหมัดแน่น จะมีทางไหนที่เขาจะเอาคืนคน ๆ นี้ได้บ้าง ไม่สบอารมณ์สุด ๆ กับนิสัยและท่าทางแบบนั้น


                “ถ้าไม่ตามมาก็นอนที่นี่อีกคืน”


                และเขาจะทำอะไรได้ล่ะนอกจากเดินตามไปอย่างไม่เต็มใจ


                จักรพรรดิเหลือบมองคนที่เดินหน้ามุ่ยตามหลังเขามาก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปาก เรื่องไปส่งนั้นเขาเองก็ไม่ได้ใจดีอะไรขนาดนั้น ไม่ได้ห่วงอะไรด้วยเช่นกัน เวลาพักผ่อนของเขามีค่ามาก นาน ๆ จะได้หยุดสักที เขาก็อยากจะนอนให้เต็มที่ แต่ว่า…


                ไปส่งครั้งนี้…เขาจะได้รู้บ้านของเด็กน้อยนี่


                แน่นอนว่าเขาทำอะไรแล้วถ้ามันไม่ได้อะไรมาเขาก็จะไม่ทำ บอกแล้วว่ากวางน้อยตัวนี้หนีเขาไม่พ้นหรอก ไม่ว่ายังไง…ก็ไปไหนไม่ได้


 

                “พี่พรรดิครับ!”


                พรึ่บ

                จักรพรรดิเลิกคิ้วกับเสียงใส ๆ ที่เรียกเขา ก่อนจะหันไปตามเสียง ร่างเล็กของเด็กตัวเล็กวิ่งเข้ามาหาด้วยท่าทางดีใจ มือเล็ก ๆ นั่นจับมือหนาไว้แน่นอย่างกลัวว่าพี่ชายคนนี้จะหายไป


                จักรพรรดิเปลี่ยนสีหน้าจากหน้าเรียบเฉยเป็นยิ้มแย้มทันที ดวงตาคมมองเด็กน้อยตัวเล็กด้วยแววตาอ่อนโยน ย่อตัวลงให้เท่ากับเด็กน้อย มือหนาวางลงบนศีรษะ

                “ว่าไงครับคนเก่ง ไปไหนมาเนี่ย”


                “ไปซื้อของกับคุณแม่ครับ พี่พรรดิจะกลับมาอยู่ที่นี่แล้วใช่มั้ยครับ”


                เด็กน้อยถามอย่างมีความหวัง จักรพรรดิยิ้มอ่อนๆ มองเด็กผู้ชายอายุห้าขวบที่กำลังมองเขาตาเป็นประกาย เด็กคนนี้คือคนที่อยู่คอนโดเดียวกัน และเขาก็เคยให้ขนมเด็กน้อยอยู่หลายครั้ง เด็กน้อยก็วิ่งเข้ามาหาบ่อย ๆ เวลาเจอ ถ้าว่างเขาก็จะนั่งเล่นกับเด็กน้อยอยู่สักพัก จนเด็กน้อยติดเขาอย่างที่เห็นนี่แหละ


                “เปล่าครับ นาน ๆ ทีพี่จะเข้ามาเหมือนเดิมแหละ” จักรพรรดิบอกเสียงนุ่ม เด็กชายหน้ามุ่ยด้วยความขัดใจ ก่อนจะกลับมายิ้มกว้างเหมือนเดิมแบบไม่โกรธอะไรร่างสูง


                โมเดลอ้าปากค้างหน่อย ๆ กับท่าทางที่สุดแสนของอ่อนโยนของจักรพรรดิ แทบอยากจะยกมือขึ้นมาขยี้ตาตัวเองดูว่าตาฝาดไปหรือเปล่า ผู้ชายคนนี้เนี่ยนะ คุยกับเด็กด้วยน้ำเสียงนุ่ม ๆ แบบนั้น

                ไหนจะแววตานั่นอีก เล่นได้เนียนจนดูแทบไม่ออกเลย แต่สำหรับโมเดลแล้ว คนที่เจอความร้ายกาจของผู้ชายคนนี้มาแบบเต็ม ๆ ไม่มีทางเชื่อในท่าทางแบบนั้นเด็ดขาด

                “เฮอะ! เสแสร้งเก่งว่ะ”


                เอ่ยออกไปแบบไม่กลัวว่าใครจะได้ยิน แน่นอน เขาต้องการให้ได้ยินอยู่แล้ว เด็กน้อยหันมามองเขาแบบงง ๆ ไม่เข้าใจว่าหมายถึงใคร แต่ร่างสูงเพียงแค่ยกยิ้มมุมปากเพียงแค่นั้น ไม่ตอบโต้อะไรกลับมา


                “ทั้งเด็กทั้งผู้หญิง ถามจริงมึงเหนื่อยบ้างมั้ยที่ต้องคอยมาปั้นหน้าเป็นคนดีอ่อนโยนใส่คนอื่นเขาแบบนี้” โมเดลถามออกไป มันทนไม่ไหวจริง ๆ เขาต้องทนดูมาหลายครั้งแล้ว บอกตรง ๆ เลยว่าเอียน และรังเกียจท่าทางแบบนี้มาก


                “พี่หมายถึงใครครับ” เด็กชายเอียงคอถามด้วยความสงสัย


                “คนที่น้องคุยด้วยไง มันไม่ได้ใจดีอย่างที่น้องคิดหรอก มันน่ะ…”


                “ขอโทษนะคะน้อง”


                ยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยอะไรไปมากกว่านี้ เสียงหญิงสาวคนหนึ่งก็ดังขัดขึ้นมาซะก่อน เธอเดินเข้ามาพร้อมกับข้าวของเต็มสองมือ โมเดลละสายตารังเกียจมาจากร่างสูงแล้วหันไปมองผู้หญิงคนนั้น เธอมองเขาด้วยสายตาไม่พอใจ


                “พี่ไม่รู้หรอกนะว่าเราไม่ชอบอะไรพรรดิเขาหรือเปล่า เพราะพี่เห็นที่เรามองมันดูไม่พอใจ แต่น้องไม่พอใจอะไรใครก็ไม่ควรที่จะพูดว่าเขาให้คนอื่นฟังนะคะ โดยเฉพาะเด็กที่อายุแค่นี้” น้ำเสียงดุ ๆ ของเธอที่เหมือนจะสั่งสอนทำเอาโมเดลหน้าชา ไม่ใช่เพราะโกรธที่ถูกเธอว่า แต่มันกระแทกใจ


                “แม่ครับ” เด็กชายเดินเข้าไปยืนอยู่ข้าง ๆ แม่ตัวเองแทน มองจักรพรรดิทีมองโมเดลทีแบบตามไม่ทัน


                “ไม่เป็นไรครับ น้องเขาไม่ได้ตั้งใจจะพูดหรอก อาจจะเพราะยังหงุดหงิดอยู่น่ะครับ” จักรพรรดิเดินมาข้างหน้าพร้อมกับพูดแก้ตัวให้โมเดล ริมฝีปากสวยขยับยิ้มไม่ถือสาอะไร


                โมเดลกำหมัดแน่น บทแบบนี้มันคุ้น ๆ อีกแล้ว เขาดูเป็นตัวร้าย และผู้ชายคนนี้ก็จะเสนอหน้าออกมาทำตัวเป็นพระเอกให้ทุกคนชื่มชม และโยนคำด่าของทุกคนใส่ในตัวเขา

                “ลูกพี่ยังเด็ก เขาไม่พอใจอะไรก็น่าจะเก็บเอาไว้ มันไม่ดีเลยนะแบบนี้” เธอส่ายหน้า โมเดลกัดฟันกรอด พูดอะไรไม่ออก แต่ถึงแม้ว่าจะพูดอะไรออกไปก็คงไม่มีใครฟังไม่มีใครเชื่อ เพราะทุกคนเจอแต่ด้านเสแสร้งของจักรพรรดิหนิ ไม่มีใครที่เจอแบบเขา


                “ผมขอโทษแทนด้วยครับ น้องเขาอาจจะยังโกรธผมอยู่ พอดีผมแกล้งน้องเขาแรงไปหน่อย อย่าโมโหไปเลยนะครับ”


                “พี่แค่ไม่อยากให้ลูกพี่สับสน เขาชอบพรรดิมาก บ่นหาอยู่บ่อย ๆ” เธอส่ายหน้าพูดเสียงอ่อน


                “ครับ ขอโทษอีกทีนะครับ ผมคงแกล้งน้องเขาแรงไปน่ะเลยโกรธผมมากแบบนี้ ก็น้องเขาน่าแกล้งนี่ครับ” พูดจบแล้วก็หัวเราะเบา ๆ ด้วยท่าทางน่ามอง คุณแม่ลูกหนึ่งยิ้มไม่ถือสาก่อนจะเดินแยกออกไป เด็กชายตัวน้อยโบกมือลาจักรพรรดิอย่างร่าเริง ร่างสูงยิ้มอ่อน ๆ ส่งให้จนทั้งสองคนเดินเข้าไปในลิฟต์ ใบหน้าเฉยชาก็กลับมาอีกครั้ง


                “เกลียดมึงฉิบหาย”


                “นายทำตัวนายเอง รู้จักห้ามปากก็ไม่เป็นแบบนี้ ไปได้แล้ว” จักรพรรดิยักไหล่ไม่ใส่ใจ โมเดลฮึดฮัด ไม่อยากจะกลับกับร่างสูง แต่พอเจอสายตาที่จ้องมาเหมือนจะบังคับก็ได้แต่ฟึดฟัดเดินตามหลังไป


 

                ขึ้นมานั่งบนรถ พอบอกที่อยู่บ้านเขาก็ไปก็นั่งเงียบมาตลอดทาง จักรพรรดิเองก็ไม่ใช่คนที่จะชวนคุยอะไรอยู่แล้ว โมเดลได้แต่มองออกไปนอกกระจก ไม่มีอะไรให้น่ามองสักเท่าไหร่ ฟ้ามืด ๆ มองเห็นอะไรก็ไม่ชัด

                แต่ก็ยังดีกว่าหน้าคนข้าง ๆ ล่ะนะ

 

                พอรถจอดที่หน้าบ้านของเขาปุ๊บ โมเดลก็เปิดประตูลงมาโดยไม่มีขอบคุณอีกฝ่ายที่มาส่งเลย ขณะเปิดประตูหน้าบ้านจะเข้าไป เจ้าลูกเป็ดสุนัขพันธุ์โกลเด้นตัวไม่ใหญ่มากที่กำลังวิ่งเล่นอยู่แถว ๆ นั้น พอเห็นเขามันก็วิ่งออกมาหาทันที

                โมเดลยิ้มกว้างให้กับสุนัขสุดรักของตัวเอง มองมันที่กำลังตะกายขาเขาอยู่

 

                ปัง

 

                “โกลเด้น…”


                โมเดลหันไปตามเสียงด้วยใบหน้าหงิก ๆ มองจักรพรรดิที่ลงมาจากรถทั้ง ๆ ที่ควรจะกลับไปได้แล้ว เสียงทุ้มเอ่ยออกมาเหมือนกับพึมพำกับตัวเองมากกว่า ดวงตาคมจากมองไปที่หมาสุดรักของเขา


                โฮ่ง!


                ร่างสูงย่อตัวลงตรงหน้าหมาน้อย ยื่นมือออกไปหาด้วยดวงตาที่เป็นประกายระยับ โมเดลถึงกับยืนเหวอเลย ตกใจมากกับท่าทางแบบนี้ของจักรพรรดิ และลูกเป็ดของเขาที่เห็นท่าทางเป็นมิตรของร่างสูงก็ขยับเข้าไปหา ก่อนจะไถหัวเข้ากับมือของจักรพรรดิอย่างออดอ้อน


                หมากบฏ!


                โมเดลด่าสุนัขของตัวเองอยู่ในใจ หมั่นไส้อยากจะจิ้มหน้าผากมันแรง ๆ สักที แต่แล้วก็ต้องหยุดความคิดลงเมื่อร่างสูงเผยรอยยิ้มออกมา ดวงตาคมฉายแววอ่อนโยน…ที่มันดูอ่อนโยนจริง ๆ และรอยยิ้มนั่น…


                มันดูจริงใจกว่าที่เขาเคยเห็นมาก


                เหมือนกับว่า…ครั้งนี้จักรพรรดิยิ้มออกมาจากใจจริง ๆ งั้นแหละ


            ให้หมาเนี่ยนะ?

                “มันชื่ออะไรน่ะ” จักรพรรดิถามโดยไม่หันไปหาโมเดล มือหนาลูบหัวลูบคอหมาน้อยด้วยความเอ็นดู จับขาหน้าของมันขึ้นมาแบบจะหยอกล้อแล้วหัวเราะออกมาเบา ๆ


                “ชื่อจักรพรรดิ”


                “หืม? ชื่อดีนี่” จักรพรรดิเลิกคิ้ว ก่อนจะพูดกลับยิ้ม ๆ ไม่ได้เดือดไปกับคำพูดของคนหน้าสวย ปล่อยให้โมเดลฮึดฮัดเองอยู่คนเดียว แล้วเดินไปอุ้มสุนัขของตัวเองขึ้นมา และยังไม่ทันได้เดินเข้าบ้าน จักรพรรดิก็ตามมาฉวยลูกเป็ดออกไปจากอ้อมอกของเขา


                “เฮ้ย! เอาลูกเป็ดคืนมา”


                “ลูกเป็ด? น่ารักนี่” ยิ้มรับนิด ๆ ก่อนจะเดินผ่านร่างบางเข้าไปข้างใน โมเดลอ้าปากค้างเหวอ ๆ ก่อนจะเรียกสติกลับมา สาวเท้าตามอีกฝ่ายเร็ว ๆ รั้งแขนแกร่งเอาไว้ก่อนที่จะเดินเข้าไปในตัวบ้าน


                จะบ้าหรือไง อยู่ ๆ ก็เดินเข้ามา ถามอะไรเขาสักคำก็ไม่มีเลย

            หน้าด้าน!


                “มึง...จะทำบ้าอะไรของมึง เอาหมากูคืนมาแล้วก็ไสหัวไปซะ!” โมเดลตะคอกใส่ หมั่นไส้ทั้งคนทั้งหมา ไอ้ลูกเป็ดของเขาก็ยอมให้อุ้มโดยไม่ดิ้นสักแอะ ตกลงมันหมาของใครกันแน่


                “ไหน ๆ ก็มาแล้ว พ่อแม่นายคงจะอยู่เพราะฉันเห็นรถจอด ตามมารยาทก็ต้องเข้าไปทักทายพวกท่านสักหน่อย และอีกอย่าง…” แสยะยิ้มกวนอารมณ์มาให้ เหตุผลฟังไม่ขึ้น จู่ๆ จะมาอยากทักทายพ่อกับแม่เขาทำไม ดวงตาเรียวจ้องมองจักรพรรดิด้วยความโมโห


                ร่างสูงอุ้มหมาน้อยน่ารักขึ้นมาในระดับสายตา

                “ลูกเป็ดน่ารัก หึ”


__________________________________________________

โอ้สสสสสสส สวัสดีค่าาา ไม่เคยทักทายอะไรเลยต้องกราบขออภัย ขอบคุณมากๆ เลยค่ะที่เข้ามาอ่าน นั่งลุ้นอยู่ตลอดว่าจะมีคนอ่านมั้ยจะมีคนชอบมั้ย แหะๆ เนื้อเรื่องตอนนี้แบบเบาๆ มากกกกกก (เหมือนหลอกให้ตายใจไงก็ไม่รู้ ฮ่าๆ) เรื่องนี้ยากมากสำหรับเรา ปกติไม่ใช่แนวนี้เลย แต่จะแต่งให้ดีที่สุดครับ
แล้วก็ฝากติดตามอีกเรื่องของเค้าที่ลงที่นี่ด้วย เรื่อง จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love :mew1:




ออฟไลน์ DeShiWa

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-9
เห็นความจริงใจในตัวพระเอกไหมนายเอกจ้า

พระเอกออกจะดีขนาดนี้

เอาเวลาที่จะตั้งแง่กับพระเอก ทำให้พระเอกรัก หลง ดีกว่าไหม

ไหนๆก็ไม่น่าจะรอดอยู่แล้วหนิ อิอิ

ออฟไลน์ angelnan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-5
ถ้าเรา เป็น เดล เราก็ด่าแบบนี้แหละ เพราะเขาแสดงออกกับเราอีกอย่าง ต่อหน้าคนอื่นอีกอย่างนึง เป็นใครก็คิดว่าพรรดิ เสแสร้งทั้งนั้นแหละ ขอเปลี่ยนคาแรกเตอเดลได้ใหม ไม่ชอบนายเอกโง่ ไม่ทันคน เลย

ออฟไลน์ ormn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3925
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
    • http:///uc.exteenblog.com/riko-tomo/images/23213506_1208714389_3598161_Okane_ga_Nai_v01_ch01_pg002__Cover.jpg

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
เจอแบบนี้รับมือด้วยยากนะ
แต่เดลเองก็ต้องเรียนรู้ที่จะควบคุมอารมณ์ตัวเองให้ได้ดีกว่านี้
อย่างตอนที่พรรดิเอางูมาแกล้งเดลนั้นส่วนตัวแล้วคิดว่าเป็นเรื่องที่หนักมากๆ
เพราะว่าสามารถทำให้คนที่มีปัญหาส่วนนี้เกิด Trauma ได้เลย
เรื่องนี้เราอ่านเพราะจุดบุคลิกของตัวละครน่าสนใจค่ะ 
น่าจะมีพัฒนาการ และมีการเปลี่ยนแปลงไปได้อีกมาก
จักรพรรดิเองก็ร้ายแบบฉลาดลึกๆ
มีตอนไหนบ้างที่คิดว่าเป็นตัวตนที่แท้จริงหรือเป็นจริงทั้งหมด?
จากที่จักรพรรดิไม่สนใจใยดีอะไรกับเดลมากไปกว่าได้แกล้ง
เป็นคู่นอนเราก็ยังไม่คิดว่าพรรดิสนใจเดลมากขนาดนั้นเลย
น่าจะมีจุดเปลี่ยนทางความรู้สึกแล้วคนเขียนก็ทำให้เราอยากรู้อยากอ่านมากๆค่ะว่า
คุณจะทำให้มันออกมายังไง

ขอบคุณมากค่ะ

ออฟไลน์ pattapong200320

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
น่าร้ากค่า. อยากเห็นจักรพรรดิในอีกหลายๆมุม ^^

ออฟไลน์ kdds

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
ขี้แกล้งเกินไปอ่ะ อย่างเรื่องงู หรือเรื่องอะไรก็ตามที่เขากลัวอยู่แล้ว ยิ่งไปต้อนกดดันเขาให้จนมุมจนต้องอ้อนวอนขอร้อง นี่ไม่ดีเลย มันทำร้ายจิตใจอัตตาตัวตนกันมากไป  แต่ก็นะ จะปราบพยศเด็กดื้อก็ต้องไม้แข็ง เอาให้ศิโรราบ

เดล ถ้าพูดกับพรรดิเป็นผม-คุณ แล้วระงับปาก นิ่งๆ มีการคิดก่อนพูดขึ้นอีกนิดจะคูลกว่านะ  ตอนนี้บุคลิกเหมือนเด็กแว๊นซ์ อารมณ์เหนือเหตุผล หนูไม่มีทางเอาชนะเฮียพรรดิได้หรอก

ปกติเราอยู่ทีมนายเอกนะ แต่นิยายของคุณ ranmaru นี่อ่านแล้วมันอดไม่ได้ที่จะอวยพระเอก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-10-2015 01:26:48 โดย kdds »

ออฟไลน์ YounIn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-8
ขนาดหมายังกบฎไปเล่นกับจักรพรรดิ
ที่เห็นๆอ่อนโยนนั่น ใช่จักรพรรดิจริงๆมั้ยนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Ranmaru

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 47
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0




ตอนที่ 7



 

                โมเดลกัดฟัน หงุดหงิดร่างสูงใหญ่ที่เดินเข้าไปในบ้านโดยไม่มีใครเชิญ เขาไม่เข้าใจ ผู้ชายคนนี้ต้องการอะไรจากเขากันแน่ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย แต่ที่แน่ ๆ มันทำให้เขาปวดหัวและสับสนไปหมด


                ร่างบางขยี้ศีรษะอย่างแรงก่อนจะก้าวตามเข้าไปในตัวบ้าน พอดีกับที่แม่ของโมเดลเดินลงมาจากบันไดพอดี เธอขมวดคิ้วหน่อย ๆ ไม่ใช่ว่าไม่รู้จักจักรพรรดิ เพียงแต่ว่าแค่ไม่เข้าใจว่าจักรพรรดิมาทำอะไรที่บ้านของเขาก็เท่านั้นเอง


                “เดล”


                “แม่” โมเดลเรียกคนเป็นแม่และเดินเข้าไปหา เธอยิ้มอ่อน ๆ ให้ลูกชายก่อนจะเบนสายตาไปที่ร่างสูง จักรพรรดิขยับริมฝีปากส่งยิ้มสุภาพให้ ก้มศีรษะลงด้วยเป็นการสวัสดีแทน เพราะตอนนี้มือเขาไม่วางมีโกลเด้นตัวน้อยอยู่ในอ้อมกอด


                “เอ่อ…”


                “สวัสดีครับ ผมมาส่งน้องน่ะครับ” จักรพรรดิบอกให้หายสงสัย เธอพยักหน้าเข้าใจแล้วยิ้มให้เป็นการขอบคุณ โมเดลพยายามไม่มองไปที่จักรพรรดิ ไม่อย่างนั้นเขาได้หลุดด่าออกไปอีกแน่


                “ขอบคุณมากเลยค่ะ เมื่อวานก็มีคนเอารถของเดลมาส่งให้ที่บ้าน ขอบคุณมาก ๆ นะคะที่จัดการให้” พอมารดาของเขาพูดออกไปเขาถึงกับหันขวับไปหาจักรพรรดิ เรื่องนี้เขาไม่เห็นรู้เลย และไม่คิดด้วยว่าคนอย่างหมอนี่จะมีน้ำใจขนาดนั้น


                เฮอะ! ก็คงแค่เอาหน้าแหละวะ


                “ไม่เป็นไรครับ ไม่ลำบากอะไรเลย”


                “ไหน ๆ ก็มาส่งเดลแล้ว อยู่ทานข้าวด้วยกันก่อนมั้ยคะ”


                “แม่!!” โมเดลร้องเรียกเสียงดัง อาการปวดหัวแทบจะกลับมา มันใช่เรื่องที่ไหนที่จะให้ผู้ชายคนนี้มาร่วมโต๊ะทานข้าวด้วย อยากเห็นเขาทานไม่ลงใช่มั้ย ใบหน้าสวยมุ่ยลงแบบไม่พอใจ จักรพรรดิที่เห็นก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นอะไรก็แอบแสยะยิ้มโดยที่ไม่มีใครเห็น ก่อนรอยยิ้มนั่นจะเลือนหายไปเหลือเพียงรอยยิ้มแสนดี


                “งั้นผมขอรบกวนด้วยนะครับ”


                “บ้านไม่มีข้าวกินไงวะ!” เขาทนไม่ไหวแล้ว และตอนนี้ก็ไม่ได้อยู่ต่อหน้าคนอื่น ที่นี่มันบ้านเขา จะพูดอะไรมันก็เป็นสิทธิ์ของเขา ดวงตาเรียวฉายแววไม่พอใจ คนเป็นแม่เห็นลูกชายทำนิสัยไม่น่ารักก็อดที่จะตีไปบนแขนขาว ๆ ของลูกไม่ได้


                “ทำไมพูดแบบนั้นล่ะเดล ไม่น่ารักเลย”


                โมเดลหน้างอ โดนดุอีกแล้ว จักรพรรดิยิ้มขำทำให้โมเดลต้องหันไปแยกเขี้ยวใส่


                “งั้นเชิญเลยค่ะ ตอนนี้คุณพ่อของเดลรออยู่แล้ว” แม่เขาเชื้อเชิญร่างแกร่งด้วยรอยยิ้มกว้าง เห็นแล้วมันน่าหมั่นไส้ยิ่งนัก จักรพรรดิก้มหัวรับคำ ปล่อยให้เธอเดินไปก่อน จากนั้นก็หมุนตัวมาหาร่างบาง


                “กูถามมึงจริง ๆ มึงต้องการอะไร”


                “อะไร” คิ้วเข้มสวยเลิกขึ้น แสดงท่าทางไม่รู้ไม่ชี้ ริมฝีปากขยับยิ้มกวนอารมณ์คนถาม โมเดลก้าวเข้าไปชิดด้วยอารมณ์กรุ่นโกรธ ก่อนจะรู้สึกตัวว่าไม่ควรอยู่ใกล้ผู้ชายคนนี้มากเกินไปก็ก้าวถอยออกมาอย่างรวดเร็ว การกระทำที่ทำให้จักรพรรดิหัวเราะในลำคอ


                ขนาดหัวเราะยังดูเจ้าเล่ห์เลย


                “ฉันว่านายคงไม่อยากรู้หรอก” โมเดลชะงักกึกไปเพราะคำพูดที่เหมือนจะแฝงอะไรบางอย่างเอาไว้ ดวงตาคมฉายแววถึงความอันตราย เขาลอบกลืนน้ำลายคงคอ…ตอนนี้เขารู้สึกอย่างที่อีกฝ่ายว่าจริง ๆ แค่เห็นสีหน้าแบบนั้นเขาก็ไม่อยากรู้มันแล้ว


                “แล้ว…แล้วมึงจะเอาหมากูกลับบ้านเลยมั้ย อุ้มอยู่ได้” ร่างบางเปลี่ยนเรื่อง


                “ก็ดีนะ ถ้านายให้”


                “ฝันไปเหอะสัด! จะแดกข้าวก็รีบ ๆ ตามมา แดกเสร็จแล้วก็กลับไปซะ” สะบัดเสียงด้วยความไม่สบอารมณ์แล้วเดินนำไปที่ห้องอาหาร พ่อกับแม่ของเขานั่งรออยู่ก่อนแล้ว และพอพ่อเขาเห็นร่างแกร่งก็ลุกขึ้นยิ้มให้


                “สวัสดีคุณจักรพรรดิ ไม่คิดว่าจะมากับเจ้าหนูนี่นะ”


                “มาส่งน่ะครับ รถน้องเขาเสีย”


                “ผมขอบคุณมากที่ให้คนเอารถเดลกลับมา แล้วเมื่อคืนทำไมเราไม่กลับบ้าน”


                กึก


                โมเดลชะงักนิ่งไปในจังหวะที่กำลังจะนั่งลงบนเก้าอี้ ดวงตาเรียวฉายแววตื่นตระหนกอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเลือนหายไป เขาเผลอนึกกลัวไปว่าพ่อจะรู้เรื่องของเขากับจักรพรรดิ ก่อนที่เขาจะปัดความคิดนี้ออกจากหัว ไม่มีทาง พ่อเขาไม่มีทางรู้หรอก


                “พอดีน้องเขาไม่สบายน่ะครับ ให้รีบกลับบ้านก่อนที่ฝนจะตกก็ไม่เชื่อ สุดท้ายรถเสีย ขึ้นมานั่งบนรถผมก็เผลอหลับไป ผมเองก็ไม่รู้ว่าบ้านน้องเขาอยู่ที่ไหนก็เลยพากลับไปกับผมก่อน พอเขาดีขึ้นผมถึงมาส่งนี่แหละครับ” และก็เป็นจักรพรรดิเองที่เป็นคน…สร้างเรื่องขึ้นมา โมเดลรู้สึกไม่ชอบใจ ไอ้เรื่องที่พูดมาน่ะมันก็มีส่วนจริง แต่เกลียดที่อีกคนโกหกเพิ่มเข้าไปด้วย


                แต่ถ้าให้พูดความจริงเขาเองก็ไม่ต้องการเหมือนกัน


                “ขอบคุณที่ดูแลลูกชายผม”


                “เฮอะ! ก็ไม่ได้ต้องการให้ดูแลสักหน่อย” ใบหน้าสวยเชิดขึ้น ปลายตามองร่างแกร่งที่ยืนอยู่ข้าง ๆ แสดงท่าทางไม่พอใจ คนเป็นพ่อขมวดคิ้วตีหน้าดุใส่ลูกชาย


                “ไอ้ลูกคนนี้ ทำไมพูดแบบนี้ล่ะ แทนที่จะขอบคุณเขากลับพูดแบบนี้ซะงั้น”


                “ไม่เป็นไรครับผมไม่ถือ” จักรพรรดิเอ่ยบอกก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ ร่างบาง ในจังหวะที่โมเดลหันไปสบตา จักรพรรดิก็กระตุกยิ้มเยาะนิด ๆ ทำเอาโมเดลแทบดิ้น


                เกลียดมัน!


                “แล้วนี่โมเดลทำงานโอเคหรือเปล่า เขาไม่ได้สร้างเรื่องให้ใช่มั้ย” ระหว่างที่ทานข้าว พ่อของเขาก็เอ่ยปากถามจักรพรรดิ ร่างสูงเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ โมเดลกรอกตาไปมา แน่นอนล่ะ เขาได้ฟังคนข้าง ๆ นี่เสแสร้งอีกแล้ว


                “ไม่เลยครับ น้องน่ารัก ตั้งใจทำงานมากครับ”


                “ผมฝากเขาด้วยนะ งานแรกของเขาเลย”


                “ไม่จำเป็นหรอกพ่อ ผมดูแลตัวเองได้” ร่างบางปากไวสวนขึ้นมา แล้วก็ได้รับสายตาดุ ๆ จากทั้งทางแม่และทางพ่อ โดนตำหนิแบบนี้ก็สร้างความหงุดหงิดในใจให้เพิ่มขึ้นไปอีก ฟันคมขบกัดริมฝีปากบางของตัวเอง พยายามสูดหายใจเข้าลึก ๆ ระงับอารมณ์ ไม่อย่างนั้นเขาได้โวยวายออกไปแน่


                “ครับ ไม่ต้องเป็นห่วงครับ”


                ตลอดเวลาที่ทานข้าวโมเดลแทบอยากจะลุกออกไปตั้งแต่ที่กินเข้าไปได้ไม่กี่คำ แต่ถ้าทำแบบนั้นรับรองได้เลยว่าเขาต้องโดนพ่อดุอีกแน่ ๆ เลยต้องจำใจนั่งอยู่จนทานกันเสร็จ จักรพรรดิพูดคุยกับพ่อแม่เขาอีกนิดหน่อยก่อนจะเอ่ยปากขอตัวกลับ โมเดลแทบจะร้องเยสออกมา


                “ว่าง ๆ ก็เข้ามาอีกได้นะ” พ่อของเขาเอ่ยปากบอก โมเดลร้องขัดในใจ จะให้มันมาอีกทำไม แค่นี้ก็เบื่อหน้าจะแย่อยู่แล้ว


                “ครับ”


                “เดล ไปส่งคุณจักรพรรดิเขาสิ” โดนบังคับมาแบบนี้จะทำอะไรได้นอกจากเดินออกมาส่งจักรพรรดิที่หน้าบ้าน และแทนที่ร่างแกร่งจะรีบ ๆ ขึ้นรถกลับบ้านไป กลับหมุนตัวกลับมาหาเขา ขายาวก้าวเข้ามาหา โมเดลผงะตกใจเผลอถอยหนีโดยอัตโนมัติ


                “มีอะไร! รีบ ๆ กลับไปสิวะ”


                “หึ! ฉันก็แค่มีอะไรอยากจะพูดกับนายนิดหน่อย”


                โมเดลมองคนตรงหน้าแบบไม่ไว้ใจ เรื่องที่จะพูดไม่ใช่เรื่องดีแน่ ๆ เขามั่นใจ


                “อะ…อะไร”


                “แล้วเจอกัน...โมเดล” จักรพรรดิพูดเพียงแค่นั้นแล้วขึ้นรถขับออกไป โมเดลยืนนิ่งค้างอยู่กับที่ มันก็เป็นเพียงคำพูดธรรมดา ๆ ที่ฟังดูไม่น่ากลัวอะไร แต่ทำไมในใจของเขามันกำลังร้องเตือนว่าคำพูดนั่นมันแฝงอะไรบางอย่างไว้ มันไม่เหมือนจะบอกว่าเจอกันอีกในครั้งหน้า มันเหมือนกับ…ให้เขาเตรียมตัวที่จะเจออะไรสักอย่าง


                คิด ๆ ไปแล้วเขาก็เริ่มที่จะกลัวผู้ชายอย่างจักรพรรดิซะแล้ว ความคิดของคน ๆ นี้เดาไม่ออกเลยสักนิด




………………………………




                วันต่อมา


                ร่างบางเดินเข้ามาในบริษัทด้วยใบหน้านิ่งเฉย มีส่งยิ้มทักทายคนที่รู้จักบ้าง เวลาเดินผ่านสายตาหลายคู่ก็จ้องตรงมาที่เขา มองแบบไม่รักษามารยาท ส่วนหนึ่งจะบอกว่ารูปร่างภายนอกเขาน่ามองน่ะมันก็ใช่ แต่ส่วนใหญ่ที่มองก็เพราะ…


                …เขาเป็นลูกชายเจ้าของบริษัทน่ะสิ


                ไม่แปลกที่จะถูกมองด้วยสายตาเหยียด ๆ หรือบางทีคำพูดไม่เข้าหูลอยมาให้ได้ยินก็ตาม แต่ก็ต้องทนรับมันไว้ให้ได้ เด็กเส้นคือคำที่ได้ยิน และใช่ เขาเป็นเด็กเส้น


                แต่คุณอาก็เป็นคนเลือกเขาเอง ไม่ใช่เพราะพ่อเขาเป็นคนจัดการให้ ไม่แปลกใจเลยสักนิดว่าทำไมคนในบริษัทถึงไม่ค่อยชอบหน้าเขาเท่าไหร่ เพิ่งจะเรียนจบเข้ามาทำงานก็ได้รับงานเลย แถมได้เป็นคนดูแลทั้งหมดเองด้วย เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่จะโดนมองแบบนั้น


                เด็กเส้นแล้วไง แต่ก็ได้งานมาแล้ว เขาก็พร้อมที่จะทำมันให้ออกมาดีที่สุด ยังไงมันก็เป็นโอกาส จะปล่อยให้หลุดเพียงเพราะเขายังใหม่งั้นเหรอ


                นั่นไม่ใช่ตัวเขา


                “น้องเดลลล เป็นไงจ๊ะ ไม่ค่อยเห็นเข้ามาเลย”


                เดินมาถึงโต๊ะของตัวเอง พี่แอ้ม…พี่ที่ทำงานอยู่ที่นี่ ซึ่งเขารู้จักและสนิทด้วยในระดับหนึ่ง เมื่อก่อนก็เคยเข้ามาที่นี่บ่อย ๆ พี่แอ้มเป็นผู้หญิงตัวสูงรูปร่างดี ออกแนวเซ็กซี่นิด ๆ เธอเดินเข้าไปทักโมเดลที่โต๊ะ ร่างบางนั่งลงแล้วเงยหน้าขึ้นไปยิ้มให้


                “ออกไปคุยงานกับคุณอาน่ะครับ”


                “หึ!”


                กึก


                โมเดลชะงักเพราะเสียงที่ดูเหมือนจะเยาะเขาดังมาจากด้านหลัง คนหน้าสวยเอี้ยวตัวกลับไปมองเล็กน้อย ก็เจอเข้ากับผู้ชายที่อายุมากกว่าเขาไม่กี่ปี และผู้ชายอีกคนที่นั่งอยู่ข้างกัน ทั้งคู่ต่างมองเขาด้วยสายตาไม่ชอบใจแบบโจ่งแจ้ง


                เอาจริง ๆ เขาพยายามทนแล้ว แต่สองคนนั่นไม่ใช่แค่ไม่พอใจ แต่มันเพิ่มความหมั่นไส้ ไม่ชอบหน้า และอยากจะหาเรื่องเข้ามาด้วย ตัวเขาน่ะอยากจะเคลียร์ให้มันจบ ๆ ไป แต่ก็ทำแบบนั้นไม่ได้


                เพราะสองคนนั่นก็เป็นคนในทีมสำหรับงานที่เขารับผิดชอบอยู่ ถึงจะอยู่ในทีม โมเดลก็ไม่ค่อยได้คุยด้วยเท่าไหร่ เอาจริง ๆ สองคนนั่นก็ไม่ได้อยากคุยกับเขาอยู่แล้ว


            ไม่ได้อยากโชว์เก่งทำงานคนเดียว แต่คนในทีมเป็นซะแบบนี้เลยทำคนเดียวง่ายกว่า


                “แล้วเป็นไง ได้ข่าวว่าทำงานกับคุณจักรพรรดิด้วยหนิ” มือเรียวยื่นออกมาเขย่าไหล่บาง โมเดลชะงักไปนิดเมื่อได้ยินชื่อของคนที่ไม่อยากนึกถึง คิ้วสวยขมวดเล็กน้อย


                “พี่แอ้มรู้จักเขาด้วยเหรอ”


                “โอ้ย ทำไมจะไม่รู้จัก ทางบริษัทเราก็เคยทำงานร่วมกับเขาบ่อย ๆ เขาเป็นคนเก่งมากเลยนะ แถมหล่อมาก ๆ อีกต่างหาก” หญิงสาวทำสีหน้าเพ้อฝัน โมเดลเบ้ปากออกมาทันที จักรพรรดิเป็นคนเก่งมั้ยอันนี้เขายังไม่รู้ แต่ก็คงจะเก่งอยู่หรอก ไม่งั้นคงไม่อยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้ ส่วนเรื่องหล่อ…เขาจะไม่พูดถึงแล้วกัน


                “น่าอิจฉาเรานะเดล ได้เจอเขาบ่อย ๆ”


                “โชคร้ายมากกว่ามั้งพี่แอ้ม” โมเดลแค่นยิ้ม เป็นไปได้ขอไม่เจอผู้ชายคนนั้นเลยยังจะดีกว่า หญิงสาวเลิกคิ้วแปลกใจ


                “ทำไมพูดแบบนั้นล่ะ มีเรื่องอะไรเหรอ”


                “พี่อาจจะเจอด้านที่ดี ๆ ของผู้ชายคนนั้น แต่ไม่ใช่กับผม เขาเป็นพวกชอบเสแสร้ง ที่เห็นทำดีอะไรแบบนั้นน่ะไม่จริงเลยสักนิด เอาหน้ามากกว่า ลับหลังเขาไม่ใช่คนดีหรอกพี่” โมเดลพูดออกไป เพราะเห็นว่าเป็นคนที่พอจะสนิทด้วย คิดว่าพูดออกไปก็คงไม่เป็นอะไร


                แต่เขาคิดผิด เธอนิ่งไปหลังจากที่ฟังเขา สายตาที่มองมาเหมือนจะติดไม่พอใจ


                “เราอคติหรือเปล่าเดล ใคร ๆ เขาก็รู้ว่าคุณจักรพรรดิสุภาพมากแค่ไหน มีน้ำใจด้วย ไม่ใช่ว่าเราไม่พอใจเขาถึงได้ว่าร้ายเขาหรอกนะ” เธอพูดออกมา แววตาฉายแววตำหนิ โมเดลนิ่งอึ้ง


                นี่ไม่เชื่อเขาเลยเหรอ


                “พี่แอ้ม มันไม่ใช่แบบนั้น ผมพูดเรื่องจริง”


                “พอเถอะเดล ทำงานแล้วนะ อย่าใช้นิสัยเด็ก ๆ สิ” เธอส่ายหน้าแล้วเดินกลับไปที่โต๊ะของตัวเอง ร่างบางอ้าปากค้าง และพอได้ยินเสียงหัวเราะเยาะที่ด้านหลังก็แทบจะยกมือขึ้นมาตบหน้าผากตัวเองแรง ๆ


                เขาพลาดอีกแล้ว ลืมไปเลยว่าใครมันนั่งอยู่ข้างหลัง แล้วพวกนั้นก็คงได้ยินที่เขาพูดทั้งหมด


                ตอนนี้เขารู้สึกตัวเองหน้าช้า ๆ แบบบอกไม่ถูก ทำไมมันต้องเป็นแบบนี้ทุกครั้ง สรุปจะมีแค่เขาคนเดียวใช่มั้ยที่รู้ตัวตนที่แท้จริงของผู้ชายคนนั้นน่ะ จะไม่มีใครเชื่อที่เขาพูดเลยใช่มั้ย


                “เฮ้ยมึง เด็กเส้นแม่งนิสัยเด็กว่ะ”


                “ว่าคนที่ทำงานด้วยลับหลังแบบนี้ไม่น่าได้เป็นคนดูแลงานนะ”


                โมเดลนั่งนิ่ง มือเรียวกำเข้าหากันแน่นบ่งบอกอารมณ์โกรธ เขารู้ พวกนั้นจงใจพูดให้เขาได้ยิน งานนี้เขาผิดเองที่ไม่รู้จักห้ามปากห้ามใจ อยากพูดอะไรก็พูด ลืมไปเลยว่ามีใครนั่งฟังอยู่ด้วย


                “งี้แหละ มาด้วยเส้น ไม่ใช่ความสามารถ เฮอะ!” น้ำเสียงเยาะ ๆ จากผู้ชายคนนั้นยังไม่หยุด มีหลายคนเงยหน้าขึ้นมามอง และก็เพียงแค่นั้น แค่มองแล้วกลับไปนั่งทำงานของตัวเองต่อ ไม่รู้หรอกว่าคนที่ได้ยินรู้สึกยังไง แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง จะเข้าไปยุ่งทำไม


                ผู้ชายคนแรกที่พูดเยาะเขาคือธนา ส่วนอีกคนคือสิงหา สองคนนี้แสดงออกชัดเจนว่าไม่ชอบเขา และครั้งนี้ก็ดูจะเริ่มหาเรื่องเขาแล้ว


                “เพิ่งเข้ามาแต่ได้งานเลย ไม่ใช่เส้นแล้วมันจะเรียกอะไรวะ” สิงหาเอ่ยออกมาก่อนจะหัวเราะอยู่กับธนา โมเดลกัดฟันกรอด ในใจโมโหอย่างหนัก อยากจะลุกขึ้นไปซัดหน้าพวกนั้นสักทีสองทีเอาให้หายแค้น


                เส้นแล้วไง แต่ก็ยังไม่เห็นสักหน่อยว่าเขามีฝีมือหรือเปล่า


 

            พรึ่บ!


                ร่างบางผุดลุกขึ้น เขาต้องออกไปสงบสติอารมณ์ตัวเอง นั่งอยู่ตรงนี้ต่อมีหวังได้มีเรื่องกับสองคนนั่นแน่ ๆ แล้วยังไม่ทันที่ขาเรียวจะได้ก้าวออกไปจากโต๊ะ สายตาก็เหลือบไปเห็นร่างสูงใหญ่คุ้นตาที่เดินเข้ามา


                “มาทำเหี้ยไรวะ”


                โมเดลหลุดปากออกมาเสียงเบา แต่คนหูดีด้านหลังสองคนก็ยังได้ยินอยู่ดี มันแสยะยิ้มให้โมเดลเหมือนข่มขู่ ดวงตาสื่อผ่านมาว่าระวังมันเอาคำพูดของเขาไปแฉ


                “คุณจักรพรรดิ สวัสดีค่า แหม มาหาคุณรุจเหรอคะ” แอ้มที่เห็นร่างสูงที่ตัวเองปลื้มเดินมาก็รีบลุกไปหาทันที จักรพรรดิส่งยิ้มอ่อนโยนให้เธอ พร้อมกับยื่นถุงที่ถือมาด้วยให้


                “ครับ มันอยู่ในห้องใช่มั้ย แล้วนี่ขนมครับ แบ่ง ๆ กันนะ”


                “อุ้ย หล่อแล้วยังใจดีอีกนะคะเนี่ย” เธอยิ้มแก้มแทบแตก โมเดลรู้สึกขนลุกขึ้นมาทันทีเลย รับไม่ได้อย่างแรง หมอนี่เนี่ยนะมีน้ำใจ ซื้อขนมมาฝากคนอื่นเขาน่ะ


                “น้องเดลก็ทานด้วยล่ะ” มีหันมายิ้มให้เขาอีก


                โมเดลยืนนิ่งอยู่กับที่ ร้องถามตัวเองในใจว่าผู้ชายคนนี้มาทำอะไรที่นี่ แต่เมื่อกี้…พี่แอ้มถามว่ามาหาพี่รุจเหรอ จะบอกว่าจักรพรรดิรู้จักกับพี่รุจงั้นเหรอ


                พี่รุจ หรือจารุวิทย์ ซึ่งเป็นหัวหน้าของเขาอีกที และก็สนิทกับเขาด้วย เคยไปนั่งเล่นด้วยบ่อย ๆ ในตอนที่เข้าบริษัทมาหาพ่อ พี่เขาเป็นกันเอง แต่ในเวลางานก็เด็ดขาด แต่ก็ยังใจดีกับเขาอยู่


                ไม่อยากจะเชื่อว่าจะคบคนแบบนี้


                โมเดลยืนมองจักรพรรดิทักทายกับพนักงานหลาย ๆ คน พอเสร็จร่างสูงก็ก้าวมาทางเขา จริ งๆ ไม่ใช่หรอก คงจะเดินไปที่ห้องของพี่รุจที่อยู่ด้านหลังไปอีกต่างหาก และในขณะที่จักรพรรดิเดินมาถึงตัว เขาก็เอ่ยปากกระซิบให้ได้ยินเพียงแค่สองคน


                “เก็บขนมมึงไปเหอะ กูไม่ต้องการ”


                “ฉันก็พูดไปงั้นแหละ ไม่ได้ต้องการให้นายกินเช่นกัน” พูดจบก็ยักคิ้วให้เขาแบบเร็ว ๆ ไปหนึ่งที สร้างความหงุดหงิดเป็นอย่างมาก ปิดท้ายด้วยยิ้มให้แบบอ่อนโยนนุ่มนวลอีกครั้งแล้วเดินหายเข้าไปในห้องพี่รุจ


                โมเดลสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วก้าวเดินออกมา ขืนอยู่นานกว่านี้ได้บ้าตายแน่


                ทางด้านจักรพรรดิที่เดินเข้ามาในห้องของเพื่อนตัวเองก็ยิ้มทักทายจารุวิทย์ที่เงยหน้าขึ้นมา เขาสองคนเป็นเพื่อนกันมานาน ปกติก็จะเข้ามาหาบ่อย ๆ เจอกันข้างนอกบ้าง แต่ทุกครั้งเข้ามาก็ไม่เคยเจอโมเดลเลย


                “ไง ว่างเหรอคุณจักรพรรดิถึงได้เข้ามาได้”


                “ไม่หรอก พอมีเวลานิดหน่อย ผ่านพอดีเลยเข้ามา” ร่างสูงนั่งลงหน้าโต๊ะทำงานของเพื่อน ในหัวก็กำลังนึกไปถึงร่างบางหน้าสวยที่เขาติดใจ ป่านนี้คงกำลังบ้าอยู่ว่าเขามาทำอะไรแน่ ๆ


                “นายดูอารมณ์ดีนะ” จักรพรรดิเลิกคิ้วเมื่อโดนทักมาแบบนั้น แต่จะว่าอย่างนั้นก็ได้


                “ก็ดี เรื่อย ๆ แหละ”


                “เรื่องงานเป็นยังไง อยู่กับโมเดลนายโอเคนะ” จารุวิทย์ถามแบบเป็นห่วง เด็กคนนั้นสนิทกับเขาอยู่พอสมควร ก็ไม่แปลกที่เขาพอจะรู้ว่าเด็กน้อยอารมณ์ร้อนแค่ไหน มีอะไรก็พูดออกไปแบบไม่ค่อยคิด เขาก็เกรงว่าจะสร้างเรื่องให้จักรพรรดิมากกว่าที่จะสร้างงานดี ๆ


                “หืม? ทำไมนายถามแบบนั้น น้องเขาก็น่ารักดีนะ นิสัยดี เรื่องงานก็คุยกันง่าย” จักรพรรดิตีหน้าซื่อบอกออกไป แต่ภายในใจกำลังแสยะยิ้มเลวร้าย จารุวิทย์คิ้วขมวดด้วยสีหน้าแปลกใจ


                “เขาไม่ได้ดูอารมณ์ร้อนอะไรแบบนี้ใช่มั้ย” ถามเพื่อความแน่ใจ จักรพรรดิเห็นเพื่อนถามแบบนั้นก็เบนหน้าไปมองทางอื่น ริมฝีปากสวยขยับยิ้มมุมปากเพียงเล็กน้อยจนแทบจะมองไม่เห็น


                “ไม่เลย”


                “งั้นก็ดีแล้ว ขอเตือนนายไว้ก่อนนะ เด็กคนนี้ตั้งใจทำงานมาก เรื่องงานเขาจริงจังตลอด แต่ก็มีข้อเสียคือเก็บอารมณ์ไม่ค่อยอยู่ จะชอบพูดอะไรโดยที่ไม่คิด” จารุวิทย์ถอนหายใจด้วยความโล่งอกที่โมเดลไม่สร้างเรื่องอะไรไว้ ถึงแม้ว่าจะเป็นลูกชายเจ้าของบริษัท แต่ก็ยังเป็นลูกน้องเขา ถ้าทำงานไม่ดี ควบคุมตัวเองไม่ได้ ยังไงเขาก็ต้องเรียกมาดุ


                “นายมองน้องเขาแย่เกินไปนะ โมเดลไม่เด็กแบบนั้นหรอกน่า” จักรพรรดิแก้ตัวให้


                “นายไม่ต้องพูดให้น้องมันเลย รู้ว่าใจดี แต่ก็ให้มันน้อย ๆ หน่อย” ร่างสูงยิ้มรับคำพูดนั่น คิดเหรอว่าคนอย่างเขาจะพูดแก้ตัวให้โดยที่ไม่ได้คิดอะไร


                ท่าทางจารุวิทย์ก็มองโมเดลเป็นเด็กที่นิสัยควบคุมยากอยู่พอควร และนั่นแหละ…มันเป็นสิ่งที่เขาต้องการล่ะ


                มองโมเดลในแง่ที่ไม่ดีเข้าไปเยอะ ๆ นั่นคือสิ่งที่เขาต้องการ


            นี่มันแค่เริ่มเท่านั้น



________________________________

โอ๊ะโอ้วววววว หายไปหลายวัน มีใครรอเรื่องนี้เค้ามั้ย *มองซ้ายมองขวา* ถถถถถ
อาจจะมาช้าแต่มาชัวร์นะ ไม่ทิ้งงงงงงง~
ปล. ขอบคุณมากเลยค่ะที่เข้ามาอ่าน  :mew1:





ออฟไลน์ larynx

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 821
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
อ่านหลังๆก็เริ่มคิดละว่าเดลอคติเกินไปรึเปล่า ดูใครๆก็ชอบ มีคนคบหาเยอะแยะ แต่พอได้อ่านท้ายๆถึงได้รู้ว่าพรรดิมันนิสัยแย่จริงๆนั่นแหละ ไม่รู้ว่าอ่านพลาดอะไรไปไหม ถึงได้ไม่ค่อยแน่ใจว่าเดลน่าจะไม่เคยไปทำอะไรให้พรรดิมาก่อนแน่ๆ แต่พรรดิดูเหมือนคนโรคจิตอะลึกๆ เหมือนคนสองบุคลิก คนอื่นมักเห็นเขาในด้านดีๆยกเว้นเดลที่ได้เห็นด้านแย่ๆ  เริ่มคิดแล้วแหละว่าไม่ใช่แค่เดลหรอกที่ควรจะได้รับบทเรียนในชีวิตให้รู้จักควบคุมอารมณ์ตัวเอง เราว่าจักรพรรดิก็ควรมีจุดๆหนึ่งในชีวิตที่ต้องเปลี่ยนไป 


อ้างถึง
มองโมเดลในแง่ที่ไม่ดีเข้าไปเยอะ ๆ นั่นคือสิ่งที่เขาต้องการ

พรรดินี่มีปมอะไรในชีวิตรึเปล่าคะ อยากรู้ว่าทำไมเขาถึงเป็นคนแบบนี้ เราอาจข้ามพลาดอะไรไปจริงๆนั่นแหละ ถึงได้คิดว่าเดลทำอะไรผิดขนาดนั้นเลยเหรอ ทำไมต้องทำกับน้องขนาดนี้

ออฟไลน์ kdds

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
รอคนเขียนดัดนิสัยเฮียพรรดิ์นะคะ
ดูๆแล้ว น้องเดลคงโดนคนอื่นมองไม่ดี อยู่ในภาวะอึมครึมไปอีกนาน
พรรดิ์คือจะบีบเดลให้ไม่มีที่ไป ไม่มีใครเอา ต้องซมซานมาหาตัวเองอย่างเดียวอะไรแบบนั้น?

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
สงสารเดล สงสัยคงต้องไปนั่งสมาธิควบคุมอารมณ์
ถึงจะหลุดพ้นจากคนสองหน้า

ออฟไลน์ mimasopu

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
สารเดลนะกับเรื่องคนอื่นดูเดลไม่มีปัญหาอะไรเลยแต่กับพรรดิ์มันน่าหงุดหงิดจริงๆนั้นแหละ
ไม่เข้าใจหรอกนะว่าพรรดิ์ต้องการอะไรแต่ถ้าวันหนึ่งที่เดลทนความกดดันไม่ไหวแล้วเตลิดหายไปหวังว่าพรรดิ์คงไม่ต้องตามน้องนะ
เราอ่านมาหลายเรื่องเจอพระเอกเลวก็เยอะแต่พรรดิ์เป็นประเภทที่เราเกลียดที่สุดพวกตีสองหน้ากับหน้าไว้หลังหลอก
หวังว่าหลังๆคนเขียนจะให้เดลได้เอาคืนมั่งนะ
อินจัดและอยากมุดคอมไปฉุดมือต้องเดลพาหนีซะให้เข็ด

ออฟไลน์ DeShiWa

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-9
ไม่รู้ว่าพระเอกเราตีสองหน้าอยู่หรือเปล่า

มันแปลกๆตอนบรรทัดสุดท้าย

ตอนแรกขัดใจนายเอกมากๆ

ที่มองคนอื่นในแง่ร้ายเกินไป

แต่อ่านถึงตอนนี้ คงต้องรอดูกันไป

ว่าพระเอกของเราเป็นอย่างที่นายเอกว่าหรือเปล่า

ออฟไลน์ angelnan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-5
ตกลงเดล จะโดนกระทำอยู่ฝ่ายเดวใช่มั้ย ตอบหน่อย จะได้ "ไม่อ่านต่อ" อ่านแล้วหงุดหงิด พระเอกเสแสร้ง แลเลวอะ นายเองโดนมองนิสัยเสียอยู่คนเดว พระเอกโดนเอาคืนตอนที่เท่าไหร่ จะกลับมาอ่าน

ออฟไลน์ ormn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3925
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
    • http:///uc.exteenblog.com/riko-tomo/images/23213506_1208714389_3598161_Okane_ga_Nai_v01_ch01_pg002__Cover.jpg

ออฟไลน์ qilarsy39

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 240
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
หมั่นไส้พระเอก ขัดใจ  :z6:
น้องเดลจ๋า ควบคุมอารมณ์แล้วเฟคใส่เลย เสแสร้งมาเสแสร้งกลับ ไม่โกง  :laugh:

ออฟไลน์ janamanza

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 649
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-2
ไม่เคยเกลียดพระเอกเรื่องไหนมากเท่านีัมาก่อน แบบปกติจะร้ายจะตบจะอะไรก็แสดงออกมา  แต่แบบอิจักรพรรดิคือรับมือยากมาก
เล่นใช่คนรอบข้างมากดดันใช้สังคมมาเป็นเครื่องมือเล่นด้านจิตใจ   คือแบบพ่อแม่ไม่รักหรอถึงเป็นคนแบบนี้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-11-2015 01:32:01 โดย janamanza »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
ที่จริงคนที่จะต้องโดนดัดนิสัยก็หลายคนเลยแหละ

เดลนิสัยเสียปากพูดอะไรไม่คิด
คำพูดที่ออกจากปากไปแล้วนั้นมันเอาคืนไม่ได้
ตรงกันข้ามจะกลับมาเป็นนายตัวเอง
เพราะคนอื่นจะมองเราตัวตนเราจากคำพูดกับกริยาที่เราแสดงออกไป
นิสัยเสียของเดลท่าจะเป็นที่รู้ๆกันไปทั่วแล้ว
อยู่ยากหน่อยแหละในสังคม
เห็นข้อลบแล้วนะ มันทำให้เดลไม่สามารถทำงานเป็นกลุ่มได้

จักรพรรดินี่ยังมองโมทีฟไม่ออกว่าที่ทำไปเพื่อความสะใจเท่านั้นหรือว่ามีอย่างอื่นด้วย
บอกตรงๆว่ารับมือได้ด้วยยาก เพราะคนอื่นจะมองคนๆนี้ว่าดีครบพร้อมทุกอย่าง
มีเรื่องด้วยก็เหมือนกับฆ่าตัวตายนั่นแหละ
ยังอยากดูไปอีกนิดว่าพรรดิทำไปเพื่ออะไรก่อนเมนท์
แต่เท่าที่ผ่านๆมานาวก็ร้ายเสียจน....
เดลต้องเลี่ยงให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เพราะว่าพรรดิไม่ปกติจริงๆ

หัวหน้าของเดลก็เก็บคนแบบธนากับสิงหาไว้ทำงานเนอะ
มองแต่ความสะใจส่วนตัวมากกว่าผลประโยชน์ของบริษัท

ออฟไลน์ code64

  • ?????
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
    • ????
พระเอกไม่ปกติT^T//หมอ...หมออยู่ไหน? :hao5:

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
ทำกันเกินไปไหมแก

ออฟไลน์ Ranmaru

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 47
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0




ตอนที่ 8



 

                โมเดลเดินออกมาหยุดอยู่ตรงบันไดหนีไฟ ร่างบางหน้าสวยสูดหายใจเข้าลึกๆ มือเรียวกำแน่น ทั้งๆ ที่พยายามบอกตัวเองให้ใจเย็นๆ แล้ว แต่มันก็ทำไม่ได้ คำพูดของเพื่อนร่วมงานและสีหน้าของผู้ชายคนนั้นมันกำลังวนเวียนอยู่ในหัว


                เขารู้ว่าตัวเขาเองก็ไม่ใช่คนที่เก็บอารมณ์ได้เก่งอะไร ออกจะใจร้อนซะด้วยซ้ำ นิสัยที่มันแก้ไม่หาย แต่เมื่อกี้เขาก็ทำดีที่สุดแล้ว และถ้าไม่เดินออกมา เขาคงได้ซัดหน้าของธนาและสิงหาเป็นแน่


                มือเรียวยกขึ้นมาเสยผมด้านหน้า ดึงยางรัดผมจากข้อมือออกมา กำลังจะรวบผมยาวระดับไหล่ของตน แต่แรงจิ้มที่แก้มทำให้โมเดลหันขวับไปมองคนที่กล้ามายุ่งกับใบหน้าของเขา หันไปก็ต้องเจอเข้ากับรอยยิ้มกวนประสาทของร่างสูงใหญ่ที่ยืนเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงอยู่ข้างหนึ่ง


                “ไง”


                คำทักทายสั้นๆ ที่คนฟังรู้สึกว่ามันกวนประสาทยิ่งนัก โมเดลปัดมือหนาออกอย่างแรง ชักสีหน้าไม่พอใจใส่ ณ ที่ตรงนี้มันไม่มีใครเห็นอยู่แล้ว งั้นก็ขอเขาแสดงความรู้สึกตัวเองหน่อยเถอะ จะให้ทนเหมือนตอนที่อยู่ในห้องคงทำไม่ได้


                “มาทำไม แล้วรู้ได้ยังไงว่ากูอยู่ตรงนี้”


                “ไม่ใช่เรื่องยาก” เสียงเรียบตอบกลับมาพร้อมกับยักไหล่หน่อยๆ ท่าทางที่น่ามองทำเอาโมเดลเบ้ปากนิดๆ


                “จมูกดีจริงนะ” ใบหน้าสวยเชิดขึ้น ริมฝีปากบางที่น่าบดขยี้ยกยิ้มมุมปาก คิดเอาไว้ว่าคำพูดของเขาต้องทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจบ้างล่ะ ไม่มากก็น้อย แต่เหมือนว่าเขาจะคิดผิด เพราะนอกจากจะไม่มีท่าทีโกรธเคืองอะไร จักรพรรดิยังยิ้มแบบไม่รู้สึกรู้สา


                เฮอะ! สงสัยจะชอบให้ด่า


                “มีธุระอะไรก็ไปทำ อย่ามายุ่งกับกู” โมเดลบอกด้วยท่าทีรำคาญ ขาเรียวกำลังจะก้าวเดินหนี แต่ติดตรงที่มือหนาคว้าแขนของเขาเอาไว้ รั้งไม่ให้เดินไปไหน ใบหน้าสวยหันขวับไปมอง


                “อะไรอีกวะ!”


                “หงุดหงิดอะไรของนาย ชอบโวยวายแบบนี้ รู้มั้ยมันหนวกหู” จักรพรรดิว่าออกมา คำพูดแบบนี้ทำให้คนฟังขึ้นนักแหละ และก็ลืมไปเลยว่าแขนของตนกำลังถูกจับเอาไว้อยู่


                จักรพรรดิลอบยิ้มในใจ เด็กน้อยของเขาเวลาโกรธ เรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างอื่นก็ลืมไปหมดเลย ลืมแม้กระทั่งมือของเขาที่เลื่อนลงมาจับที่ข้อมือบางแทน ดวงตาคมมองใบหน้าสวยที่ฉายแววไม่พอใจด้วยความสนุกสนาน


                “ดูเหมือนนายจะสนิทกับรุจมันอยู่พอสมควรเลยนะ”


                “แล้วทำไม” โมเดลถามกลับ แปลกใจนิดๆ ที่อยู่ๆ จักรพรรดิก็มาพูดอะไรแบบนี้ และเรียกพี่รุจด้วยชื่อเล่น แสดงว่าต้องสนิทกันแน่ๆ คิดแบบนี้แล้วก็อดจะไม่พอใจไม่ได้ พี่รุจของเขาคือพี่ชายที่ใจดี คุยเล่นได้ ถึงแม้ว่าเวลางานจะจริงใจแล้วดุอยู่ก็ตามเถอะ แต่ไม่ชอบเลยที่พี่เขามาคบกันคนแบบนี้


                “ก็ไม่มีอะไร และเผื่อนายสงสัย ฉันกับรุจเป็นเพื่อนกัน”


                “คนอย่างมึงไม่น่ามีเพื่อนนะ”


                “เสียใจด้วยที่ฉันมี” จักรพรรดิพูดกวนกลับมา โมเดลฮึดฮัดด้วยความไม่พอใจ กัดริมฝีปากตัวเองเป็นการห้าม ถ้าเกิดเขาเถียงอะไรไปมากกว่านี้รับรองได้ว่ายังไงก็ไม่จบ และตอนนี้เขาก็ควรจะกลับไปทำงานได้แล้ว


                กึก



                เมื่อคิดได้ก็เพิ่งจะรู้สึกตัว ว่ามือหนาของจักรพรรดิกำลังจับข้อมือเขาอยู่ แทบไม่ต้องเสียเวลาคิด โมเดลสะบัดออกเหมือนโดนของร้อน ดวงตาเรียวมองเหมือนรังเกียจ ขาเรียวก้าวเดินหนี


                หมับ


                “อะไรของมะ…!!” หันไปโวยใส่คนที่รั้งเขาไว้อีกครั้ง ก่อนจะเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เสียงถูกกลืนหายไปในลำคอ


                “มันจะดีมากถ้านายไม่โวยวายน่ารำคาญแบบนี้ และจะดีมากกว่านี้อีกถ้านายรู้จักระงับอารมณ์ตัวเอง” จักรพรรดิ พูดเสียงเรียบ มือก็หยิบยางรัดผมที่ข้อมือเรียวออกมา จัดการรวบผมนุ่มสวยของร่างบางแล้วมัดให้ในแบบที่เขาเห็นร่างบางชอบทำ


                โมเดลยืนนิ่งค้าง เกิดอาการทำอะไรไม่ถูกขึ้นมาชั่วขณะ ความรู้สึกคือไม่อยากจะเชื่อ เกิดบ้าอะไร จู่ๆ ก็มาทำแบบนี้ โวยวายเถียงกับตัวเองในใจ และอีกความรู้สึกหนึ่งที่เขารับรู้คือ…


                …ใจเขามันกำลังเต้นแรง


                “เสร็จแล้ว” มัดให้เสร็จจักรพรรดิก็ลูบศีรษะเล็กอีกหนึ่งทีก่อนจะขยับถอยห่างออกมา โมเดลกะพริบตาถี่ๆ เรียกสติ ก้าวเดินออกมาโดยไม่เอ่ยอะไรอีก


                จักรพรรดิมองตามแผ่นหลังบางไปเงียบๆ ก่อนจะแสยะยิ้มออกมา


                “หึ!”



……………………………….



                เย็น

                หลังจากเลิกงานโมเดลก็ตรงกลับบ้าน อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วไปตามที่นัดไว้กับเพื่อน แน่นอนว่าทีแรกเพื่อนของเขานัดที่ร้านที่มันเป็นความฝังใจ เขาปฏิเสธทันที จนพวกนั้นต้องยอมเปลี่ยนร้าน


                พอเดินเข้ามาในร้านโมเดลก็ตรงไปที่โต๊ะตามที่เพื่อนบอกไว้ เดินไปถึงก็ยกมือผลักศีรษะของเพื่อนรักไปหนึ่งที กิงหันกลับมา ก่อนหลุดคำหยาบออกมาเบาๆ และถีบขาโมเดลเป็นการเอาคืน


                “ไงมึง”


                “เออ” โมเดลนั่งลง ลัคกี้ก็จัดการส่งแก้วเหล้าให้ทันที เขารับมาแล้ววางมันลงตรงหน้า ถ้าเป็นช่วงอารมณ์ปกติเขาก็จะยกขึ้นดื่มแบบไม่ต้องคิดอะไร แต่ในตอนนี้มันไม่ใช่ มันมีเรื่องให้คิดเยอะ จนไม่มีอารมณ์ที่จะดื่มมัน


                “เป็นไรวะหน้าเครียดๆ”


                “เรื่องงานเหรอวะ” ลัคกี้ถามเพิ่ม โมเดลถอนหายใจมองหน้าเพื่อนทั้งสองของเขา พอจ้องมันนิ่งๆ แล้วก็อดที่จะคิดไปถึงคืนนั้นไม่ได้ เอาตามตรงเขาก็ไม่โทษเพื่อนหรอก มันน่ะบอกเลขห้องถูกต้อง แต่เขาเองนี่แหละที่เป็นฝ่ายเข้าห้องผิด ทำให้มันเกิดเรื่องบ้าๆ แบบนั้น


                และยาวมาจนถึงตอนนี้


                “ก็นิดหน่อย” โมเดลตอบกลับอย่างอ่อนแรง เรื่องที่มันหน่วงอยู่ในอก ความรู้สึกหนักใจ อยากระบายให้ใครสักคนฟัง แต่มันไม่ใช่เรื่องที่จะพูดออกไปได้ ถ้าพูดมันก็ต้องพูดทั้งหมด ไม่อย่างนั้นจะมีใครเข้าใจเขา


                เพราะแค่นี้ทุกคนก็มองเขานิสัยไม่ดีกันหมดแล้ว


                “มึงไหวนะ เอาน่า ทนๆ ไป ยังไงก็งาน” กิงปลอบเพื่อน โมเดลพยักหน้ารับแกนๆ ใช่ เพราะงานไง เขาถึงแทบจะเป็นบ้าอยู่ทุกวันนี้


                ไหนจะเพื่อนร่วมงานที่นิสัยดีโคตรๆ และยัง…ผู้ชายคนนั้นอีก


                ไม่อยากจะนึกถึงแต่มันก็อดไม่ได้ คำพูดที่ดูเหมือนจะปลอบ แต่ก็ยังมีบางคำที่กวนประสาทและจิกกัดเขาอยู่ การกระทำที่ไม่คิดว่าจะได้รับจากอีกฝ่ายนั่นอีก


                มันทำให้เขาสับสนและคิดมาก


                พอนึกมาถึงตรงนี้ก็อดที่จะถอนหายใจไม่ได้ เขาไม่เข้าใจอะไรในตัวจักรพรรดิสักอย่าง ไม่รู้ว่านิสัยที่แท้จริงเป็นอย่างไร ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ และไม่รู้ด้วยว่า…จะอะไรกับเขากันแน่


                บางครั้งก็ดี บางครั้งก็ร้าย ตกลงจะเอายังไง


                “หนักเหรอวะ ดูมึงเครียดมาก” ลัคกี้เริ่มเป็นห่วง โมเดลเห็นแบบนั้นเลยโบกมือปฏิเสธ ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มหมดแก้ว แต่ก็ขยาดที่จะเมา กลัวว่าเมาไปแล้วมันจะมีเรื่องบ้าๆ แบบนั้นเกิดขึ้นอีก


                “กูโอเค แค่เหนื่อยๆ นิดหน่อย”


                “งั้นก็ดีแล้ว มีอะไรบอกพวกกูได้” กิงตบไหล่บาง โมเดลเลิกคิ้วกวนอารมณ์เพื่อน


                “อย่างมึงช่วยอะไรกูได้วะ” และจากที่โดนตบไหล่ก็เปลี่ยนเป็นศีรษะแทน ริมฝีปากบางยกยิ้ม อย่างน้อยๆ มาเจอเพื่อนมันก็ทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง ถึงแม้ว่าจะไม่มีใครที่สามารถรับฟังเขาได้ในตอนนี้ก็ตามเถอะ



…………………………………




                วันต่อมา

                ในขณะนี้ โมเดลที่กำลังนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะกำลังเถียงกับตัวเองในใจ หน้านิ่วคิ้วขมวดเหมือนกับว่าปัญหาในตอนนี้มันหนักหนาแบบแก้ไม่ได้ ทั้งๆ ที่มันก็เพียงแค่…


                …เข้าไปปรึกษางานกับธนาแค่นั้นเอง


                แต่ก็นั่นแหละ มันเป็นเรื่องคิดหนักสำหรับเขา ก็รู้ว่ามันเป็นงาน แต่คนไม่ชอบหน้ากัน แถมฝั่งนั้นจ้องจะหาเรื่องเขาอยู่ตลอดเวลา ให้เดินเข้าไปคุยเหมือนไม่มีอะไรมันก็ทำใจได้ยาก


                ดวงตาเรียวกวาดมองไปรอบๆ ทุกคนต่างก้มหน้าก้มตาทำงาน ไอ้เรื่องจะไปขอให้คนอื่นช่วยมันก็ดูจะไม่ดีเท่าไหร่ ทุกคนก็มีงานของตัวเอง และอีกอย่างมันจะดูเป็นการหักหน้าธนาเกินไป โมเดลลูบใบหน้าตัวเองหนึ่งทีก่อนจะลุกขึ้น


                พรึ่บ


                ขาเรียวเดินเข้าไปที่โต๊ะของธนา เจ้าของโต๊ะเพียงแค่ละสายตาจากงานที่กำลังทำมามองเพียงแวบเดียวเท่านั้น และกลับไปสนใจกับงานต่อ โมเดลกัดริมฝีปาก สูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเอ่ยปากบอก


                “ขอโทษนะครับ รบกวนพี่ช่วยดูตรงนี้หน่อย ผม…”


                “ด่วนมั้ย ถ้าไม่ด่วนก็รอก่อน” ธนาหันมามองพร้อมกับบอกเสียงเรียบ โดยส่วนตัวถึงแม้ว่าเขาจะไม่พอใจโมเดลเอามากๆ เลยก็ตาม แต่ก็พอจะแยกแยะได้อยู่บ้าง ยังไงมันก็เป็นงาน รุ่นน้องมาถามก็ควรที่จะให้ความช่วยเหลือ เพียงแต่ว่างานที่เขากำลังทำอยู่มันก็ด่วนเช่นกัน เขาถึงได้ถามออกไปแบบนั้น


                โมเดลยืนชะงักกึกอยู่กับที่ คิ้วสวยขมวดเข้าหากัน ปากบางเม้มเข้า เขาตีความไปว่าคำพูดของธนาคือไม่อยากที่จะช่วยเขา ธนาพอเห็นว่าโมเดลไม่พูดอะไรต่อก็หันกลับไปนั่งทำงานของตนเอง ทิ้งให้โมเดลยืนคว้างอยู่อย่างนั้น


                มือเรียวกำเข้าหากันแน่นขึ้น ยอมรับเลยว่าไม่พอใจสุดๆ อยากจะโวยออกไป ทำงานด้วยกันไม่ช่วยกันแล้วงานมันจะออกมาดีมั้ย แต่แล้วก็ต้องนิ่งไปอีกครั้ง เมื่อคำพูดของจักรพรรดิมันแวบเข้ามาในหัว


                ‘…จะดีมากกว่านี้ถ้านายรู้จักระงับอารมณ์ตัวเอง’


                เมื่อเป็นแบบนี้โมเดลก็หมุนตัวเดินออกมา เปลี่ยนทิศทางไปที่ห้องของจารุวิทย์แทน


                ก๊อกๆ


                มือเรียวเคาะประตู และเมื่อเสียงเรียบๆ ของหัวหน้าเอ่ยอนุญาตโมเดลก็เดินเข้าไป จารุวิทย์เลิกคิ้วแปลกใจที่เห็นโมเดลหิ้วงานเข้ามาด้วย


                “มีอะไรเดล”


                “พี่รุจช่วยเดลดูตรงนี้หน่อย เดลไม่แน่ใจเท่าไหร่ แต่ก็คิดว่าโอเคที่สุดแล้วนะ มาถามพี่อีกทีเพื่อความชัวร์” มือเรียววางงานลงบนโต๊ะ จารุวิทย์แปลกใจหน่อยๆ เรื่องแค่นี้ถามพวกข้างนอกเอาก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเดินเข้ามาถามเขาด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา คว้างานขึ้นมาดูให้


                โมเดลนั่งรอ ระหว่างนี้ก็บ่นธนาในใจไปด้วย ก็รู้ว่าเกลียดขี้หน้ากัน แต่มันต้องถึงขนาดนี้เลยเหรอวะ บ่นในใจไปสารพัด โดยที่ไม่รู้เลยว่าตัวเองกำลังเข้าใจผิดไปไกลแล้ว


                “อะ เอาไป ก็ดีแล้ว แต่แก้ตรงนี้นิด พี่เขียนบอกกันเราลืมไปแล้ว” จารุวิทย์ส่งงานคืนร่างบาง โมเดลรับมาก่อนจะก้มหัวเป็นการขอบคุณ แต่ก็ยังไม่ลุกไปไหน อ้ำๆ อึ้งๆ แบบคิดไม่ตกว่าควรจะพูดดีมั้ย จารุวิทย์ที่เห็นท่าทางแบบนั้นก็เลิกคิ้วเป็นการถาม


                “มีอะไรอีกหรือเปล่า”


                “เอ่อ…พี่รุจสนิทกับไอ้…เอ่อ…คุณจักรพรรดิเหรอครับ”


                “ก็ใช่ พี่กับพรรดิเป็นเพื่อนกันมานานแล้ว มันก็เข้ามาที่นี่บ่อยๆ ทั้งคุยงานบ้างหรือบ้างครั้งมันก็เข้ามานั่งคุยกับพี่ ทำไม เรามีอะไรหรือเปล่า” หรี่ตามองจับสังเกต เขารู้สึกแปลกใจอยู่ก่อนแล้ว โมเดลไม่น่าใช่เด็กเรียบร้อยขนาดที่จักรพรรดิบอก แล้วนี่โมเดลยังมาถามแบบนี้อีก


                “เปล่าพี่ ผมแค่…ไม่รู้ดิ ไม่มีอะไรหรอก” จากเหตุการณ์ของพี่แอ้มทำเอาเขาไม่กล้าที่จะพูดเท่าไหร่ พี่รุจสนิทกับเขามากกว่าพี่แอ้มก็จริงอยู่ แต่ทั้งสองคนเป็นเพื่อนกัน ไม่แน่พูดไปพี่รุจอาจจะไม่พอใจเขาก็ได้


                “มีปัญหาอะไรเรื่องงานหรือเปล่า” จารุวิทย์กดเสียงเข้มถาม ท่าทางของหัวหน้าที่บ่งบอกว่ายังไงโมเดลก็ต้องตอบ ปากบางถูกขบกัดโดยเจ้าตัวอีกครั้ง แบบนี้มันบังคับให้พูดชัดๆ พอเวลาที่อยากพูด พอพูดออกไปก็ไม่มีใครฟัง ไม่มีใครเชื่อ แต่พอเวลาแบบนี้กลับโดนบังคับให้พูดซะงั้น


                “ผมแค่ไม่ชอบเขานิดหน่อยพี่ แต่ไม่มีปัญหาอะไร โอเคนะ” ต้องรีบบอกแบบนี้ไว้ก่อน กันว่าเขาจะโดนดุอีกรอบ จารุวิทย์หรี่ตามองใบหน้าสวย คำพูดที่ดูขัดๆ กับคำพูดของจักรพรรดิ งานนี้ต้องมีใครสักคนที่ไม่ได้พูดความจริงล่ะนะ


                จักรพรรดิไม่เห็นบอกเลยว่าโมเดลไม่ชอบตนเอง แต่โมเดลกลับพูดออกมา และเขาก็เทความเชื่อไปทางโมเดลเกือบครึ่งแล้ว เพราะรู้ว่าเด็กคนนี้นิสัยยังไงรู้สึกยังไงก็จะพูดออกมา แสดงอารมณ์และสีหน้าให้ได้เห็นชัดๆ ส่วนจักรพรรดิ รายนั้นเป็นคนดีแน่นอนอยู่แล้ว และชอบพูดช่วยคนอื่นไปทั่ว


                “โอเค ไม่มีอะไรก็ดีแล้ว กลับไปทำงานได้แล้วโมเดล”


                “ครับ” ก้มหัวให้อีกครั้งก่อนจะหิ้วงานออกมา เดินผ่านโต๊ะของธนาก็รู้สึกได้ว่าเขากำลังได้รับสายตาไม่พอใจจากธนา ใบหน้าสวยเชิดขึ้นไม่สนใจ เดินกลับไปนั่งทำงานที่โต๊ะ


                จะมาไม่พอใจเขาได้ยังไง ก็มันเองไม่ใช่เหรอที่ไม่ยอมช่วยน่ะ



……………………………………



                วันต่อมา

                ในบริษัท ณ เวลานี้ ธนา สิงหา แอ้ม และอีกสองสามคนกำลังจับกลุ่มคุยกันอย่างออกรสออกชาติ ยังพอมีเวลานิดอีกก่อนจะถึงเวลางาน ประเด็นนู้นนี้ถูกยกขึ้นมาพูด และก็มาจบลงด้วยประเด็นของ…โมเดล


                “เมื่อวาน กูนั่งทำงานอยู่ ห่า รีบก็รีบ ถ้าไม่เสร็จกูก็โดนแดกหัว และโมเดลก็เข้ามา บอกให้กูช่วยดูงานให้หน่อย เอาตามตรงกูก็ไม่พอใจมันนะ แต่ก็เข้าใจว่ามันคืองาน แต่ของกูก็รีบไง เลยบอกไปว่าให้รอก่อน แม่งเสือกรอไม่ได้ เดินเข้าไปหาหัวหน้าซะงั้น” ธนาเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ และเรื่องนี้ก็เป็นประเด็นที่ทำให้คนที่นั่งอยู่แถวๆ นั้นหันมาให้ความสนใจ


                ก็นะ ประเด็นของลูกชายเจ้าของบริษัทเชียวนะ


                “แกก็ใจเย็นๆ ธนา น้องมันก็วัยรุ่นใจร้อน” แอ้มช่วยพูดให้ ถึงแม้ว่าจะรู้สึกไม่พอใจร่างบางตอนที่ไปว่าจักรพรรดิแบบนั้นก็ตาม แต่ยังไงเขาก็รู้นิสัยโมเดลอยู่บ้าง และเรื่องใจร้อนก็เป็นเรื่องต้นๆ เลยที่เขารู้


                “ผมรู้พี่แอ้ม แต่ก็ควรจะไว้หน้ากันบ้างเปล่าวะ ทุกวันนี้มันก็ทำงานคนเดียวอยู่แล้ว อย่างนี้จะมีทีมไว้ทำไมวะ ปรึกษาอะไรก็ไม่มี แถมเวลาผมจะเข้าไปดูแม่งก็ทำหน้าเหมือนส้นตีน” ธนาว่าใส่อารมณ์ขึ้นไปอีก เฮอะ! คิดว่าเป็นเด็กเส้นแล้วจะทำอะไรก็ได้หรือไง


                “มึงโมโหไปก็เท่านั้น ทำอะไรมันได้ เด็กเส้นเลยนะเว้ย” สิงหาว่าขำๆ


                “นิสัยแม่งโคตรของโคตรเลย วันนั้นที่คุณจักรพรรดิเดินเข้ามา ก็เห็นเลย และได้ยินด้วย ดูเหมือนว่ามันจะมีปัญหากับคุณเขานะ” ธนาแสยะยิ้ม คำพูดของโมเดลเขาได้ยินเต็มๆ สองหู


                “เออ จะว่าไปเดลเขาก็บ่นคุณจักรพรรดิอยู่นี่นา แถมเรื่องที่พูดมาก็ดูไม่น่าจะจริงสักเรื่อง” แอ้มออกความเห็น ธนาและสิงหาพยักหน้าเห็นด้วย


                “คุยอะไรกัน ไม่มีงานกันเหรอ”


                เฮือก!


                ทุกคนสะดุ้งและหันไปมองตามเสียงดุๆ ของจารุวิทย์ โดนหัวหน้าทำตาดุใส่แบบนี้ทุกคนก็พากันหลบตา จารุวิทย์ขมวดคิ้วมอง เมื่อกี้เขาได้ยินที่คุยกันอยู่ และมันก็เพิ่มความแปลกใจให้เขาขึ้นไปอีก


                “เมื่อกี้คุยอะไรกัน เห็นพูดถึงเดล”


                “ไม่มีอะไรมากครับหัวหน้า เพียงแค่พวกผมคุยกันถึงเรื่องที่โมเดลเขาว่าคุณจักรพรรดิน่ะครับ ดูโมเดลจะไม่ชอบคุณเขาเอามากๆ แถมตอนที่เจอหน้าก็หลุดด่าออกมาอีก” สิงหาได้ทีก็พูดเลย ลอบยิ้มในใจเมื่อจารุวิทย์ขมวดคิ้วมุ่น


                “มันไม่มีอะไรหรอก จักรพรรดิเองก็บอกว่าโมเดลโอเคทุกอย่าง พูดง่าย ไม่มีปัญหา พวกคุณก็เลิกคิดนู่นนี่เองสักที” ถึงแม้ว่าจะพอรู้แล้วว่าพวกนี้คิดอะไร แต่ยังไงก็ทำงานด้วยกัน เขาไม่อยากให้มีปัญหาอะไรภายใน


                “งี้ก็แสดงว่าโมเดลแกล้งทำดีเอาหน้าตอนอยู่กับคุณจักรพรรดิงั้นสิครับหัวหน้า ไม่งั้นคุณเขาจะพูดแบบนั้นได้ยังไง และที่พวกเราเห็นก็ต่างกันมากเลย” ธนาถามออกมาพร้อมกับลอบยิ้มในใจ


                “เลิกคุยกันแล้วก็ไปนั่งทำงานได้แล้ว มันไม่มีอะไรหรอก” จารุวิทย์เอ่ยเสียงเข้มก่อนจะเดินผ่านเข้าไปในห้องทำงานของตัวเอง ไม่อยากปฏิเสธว่าเขาเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน แต่จะให้พูดเห็นด้วยมันก็ไม่ดีเท่าไหร่ ได้แต่บอกให้เลิกคิดกันไปซะ


                และทางหน้าประตู ไม่มีใครสังเกตเห็นเลยว่ามีร่างบางของโมเดลกำลังยืนกำหมัดแน่นด้วยความกรุ่นโกรธ เขาโกรธจนแทบอยากจะเดินเข้าไปกระชากธนาและสิงหาออกมาต่อย โกรธจนน้ำใสๆ คลอหน่วงอยู่ที่ดวงตาเรียว ไม่ใช่ว่าเสียใจ แต่มันเป็นความโกรธที่ระบายออกมาไม่ได้ต่างหาก


                และห่างออกไปอีกนิดตรงมุมเสา ร่างสูงใหญ่ของจักรพรรดิกำลังยืนพิงผนังยกยิ้มพอใจ วันนี้เขากะจะเข้ามาคุยรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ กับโมเดลซะหน่อย ใครจะคิดล่ะว่าจะได้ยินอะไรดีๆ


                และ…ทุกอย่างกำลังเป็นแบบที่เขาต้องการ


                โมเดล…ยินดีต้อนรับเข้าสู่โลกของฉัน





ออฟไลน์ DeShiWa

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-9
ไม่อยากจะคุย

คนแรกเลย

อิอิ

ออฟไลน์ DeShiWa

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-9
อ่านแล้วขัดใจทุกคน

ไหนโมเดลเป็นลูกเจ้าของบริษัท

ทำไมทุกคนถึงว่าเด็กเส้น(หรือเราอ่านพลาดไปตรงไหนหรือเปล่า)


ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
อ่า......เป็นบริษัทที่ไม่น่าอยู่เลยนะ


ออฟไลน์ mimasopu

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
เป็นพนักงานที่น่าจับมันไล่ออกไปรายตัวด้านความประพฤติ
ธนาถ้างานมันรีบก็บอกกันดีๆว่างานที่ทำด่วนอยู่เดี๋ยวจะดูให้ แล้วถ้างานเดลมันด่วต้องการคำปรึกษาเขาก็ต้องไปหาหัวหน้าแกไหมเพราะแกไม่ช่วยมัวแต่รองานจะเดินไหม ทำไมคะไม่พอใจเพราะปรึกษางานข้ามหัว
ไอคุณสิงหาถ้าจะทำงานบริษัทเขาแต่ไม่พอใจลูกเจ้าของบริษัทก็ลาออกไปซะเถอะเพราะยังไงพอเขาก็ต้องยกบริษัทให้ลูกอยู่แล้วไหม
นังคุณแอมนี่ก็หูเบาฟังความข้างเดียวแล้วไปขยาย ถามจริงจักรพรรดิ์นี่สามีหรอคะ เข้าข้างกันจัง
คนที่หนักสุดจักรพรรดิ์ ถามจริงแกโรคจิตรึไงชอบไล่ต้อนให้คนจนมุม ระวังเถอะต้อนเดลมันมากๆเดี๋ยวเด็กมันไม่สนหน้าไหนแผลงฤทธิ์ให้ สรุปอินมากอ่านแล้วอยากมุดคอมไปช่วยเดลตบหัวพวกพนักงานช่างเมาท์

ออฟไลน์ larynx

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 821
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
รู้สึกดีมากสำหรับตอนนี้ที่เดลรู้จักควบคุมอารมณ์ตัวเอง  ทุกคนเลือกที่จะเชื่ออย่างนั้นเพื่อสนับสนุนความคิดตัวเอง   ทั้งๆที่ตัวเองก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลยแท้ๆอะ ส่วนจักรพรรดิเราไม่มีอะไรจะพูดค่ะ  ทีมพระเอกทุกเรื่องยกเว้นเรื่องนี้  ทำไมต้องให้คนๆนึงที่เขามีโลกของเขาอยู่แล้วแม้ว่ามันจะไม่ดีมากก็เถอะ ทำไมต้องดึงเขาให้เขาไปอยู่ในโลกที่บิดเบี้ยวของคุณด้วย  ขนาดว่าจารุวิทย์ยังแอบคิดแบบนั้นเลยอะ คือ.......

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
จักรพรรดินี่เป็น Control Freak หรือเปล่า?
คือเหมือนกับว่าที่จักรพรรดิกำลังทำก็คือทำลายเดลไปทีละนิดทีละหน่อย
เพื่อที่เดลจะได้ไม่เหลือใครนอกจากตัวเอง
แล้วเมื่อนั้นเดลก็จะเป็นขี้ผึ้งในมือตัวเองจะปั้นเดลแบบไหนก็ได้
เดลก็จะเกาะอยุ่กับจักรพรรดิ จนกว่าจะเบื่อ
แต่บางทีเดลอาจจะพยศจนจักพรรดิเอาไม่อยุ่ก็ได้
เพราะเดลเองก็ไม่ใช่คนสิ้นไม้ไร้ตอก
สามารถหาทางหนีทีไล่ได้อยู่นะ

มาดูในบริษัทบ้าง
ปัญหาก็คืออยู่ที่ทั้งสองฝ่าย
คือไม่มีไดอะล็อกระหว่างกันเลย
เมื่อเดลไปหาธนาด้วยความอคติ
ทำให้ธนาแทนที่จะบอกว่าเดี๋ยวบ่ายๆค่อยดุได้ไหม 
ช่วงนี้ต้องเร่งงานที่ต้องส่งด่วนอยู่ หรือแค่ดูให้ก่อน
แต่ก็ไม่  ธนาเลือกที่จะปฏิเสธด้วยความสะใจ
เดลเองแทนที่จะอธิบายก็ถือดีเดินหน้าเข้าหารุจแทน

ในชีวิตการทำงานนี่จะเจอคนหลายแบบในบริษัท
เดลไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับคนอื่นได้เพราะความถือตัว
คนอื่นก็อคติกับเดลเพราะนิสัยเดลกับแบ็คกราวนด์ทางฐานะ
คืออิจฉานั่นแหละ
ถ้าเดลปรับตัวไม่ได้เดลก็ควรต้องหางานใหม่ที่เดลสามารถปรับตัวได้ดีกว่า
เช่นทำงานบริษัทฝรั่ง 
รับรองว่าเดลโดนฝรั่งบอกหน้าหงายกลับมาแน่ๆถ้าหากว่าเดลงี่เง่า
เพราะว่าฝรั่งจะตรงมากๆ

แต่บรรยากาศในบริษัทไม่ดีเลยค่ะ 
เหมือนกับเป็นการรังแกทางสังคมแบบหนึ่ง
อาจจะเพราะระบบอาวุโสด้วย
เรื่องนิสัยส่วนบุคคลนั้นอยากเตือนนิดหนึ่ง
คุณอาจจะมีโลกส่วนตัวสูง
แต่ถ้าหากว่าคุณไม่สามารถทำงานเป็นทีมได้บริษัทก็ไม่เก็บคุณไว้หรอกค่ะ 
หัวหน้างานอย่างรุจก็คงต้องคิดหนัก ว่าจะใช้คนให้ถูกกับงานยังไง

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด