ตอนที่ 15“เดี๋ยวมิคซื้อขนมมาฝากนะครับ”
เจ้าของเสียงหวานตรงหน้าผมกำลังโบกมือให้คุณแม่ยิ้มสวยและน้องชายหน้าบึ้งอยู่ข้างรถ ผมที่ยืนอยู่ก็อดยิ้มให้กับความน่ารักของแฟนตัวเองไม่ได้ และไอ้ตาแข็งคู่นั้นมันก็ตวัดมามองผมทันทีที่ผมยิ้ม ผมชะงักหุบยิ้มและจ้องตาไอ้น้องเมียกลับ ไอ้นี่จะเขม่นผมไปถึงไหนกัน นี่ยังดีนะที่คุณพ่อตาไม่อยู่เพราะไปรวมพลคนรักกล้วยไม้ที่ซอยบ้านถัดไป ไม่อย่างนั้นผมมีศึกสองด้านแน่ๆครับ
“ไปฟิน ยืนนิ่งอยู่ได้ เร็วๆ” มิคทำลายศึกจ้องตาระหว่างผมกับแม็คลง
“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับคุณแม่” ยกมือไหว้แม่ยายและหันไปยักคิ้วกวนประสาทให้ไอ้เด็กหวงพี่หนึ่งที แม็คเลิกคิ้วค้างและยักไหล่หันหลังเข้าบ้านไป ส่วนผมก็เข้ามานั่งประจำที่คนขับเตรียมออกเดินทาง
“ฟินอย่าไปถือสาแม็คเลย แม็คก็แค่เป็นห่วงมิคน่ะ” มือนุ่มแตะแขนผมขณะพูด
“ครับ ฟินไม่ถือหรอกแม็คก็น้องฟินน่ะแหละ ใครมีมิคเป็นพี่ก็คงทั้งหวงทั้งห่วงเลยล่ะ ก็น่ารักขนาดนี้” ผมได้ทีคว้ามือนุ่มข้างนั้นมากุมและแอบหยอดนิดหน่อยเติมความหวานให้กัน
“มิคก็พอรู้ตัวอ่ะนะ คิกๆ” นั่นมิคไม่เขินแต่กลับยิ้มกว้างและยอมรับว่าตัวเองน่ารักซะนี่ มิคทำตัวได้น่าหมั่นเขี้ยวมาก จนผมต้องละมือที่กุมมือนุ่มไว้ไปขยี้หัวทุยเล่น และผลก็คือได้เสียงโวยวายของมิคกลับมา
วันนี้เป็นวันหยุดผมว่างมิคยิ่งว่างเพราะเป็นช่วงหยุดก่อนที่เจ้าตัวจะเรียนต่อ และมิคยังว่างแบบนี้อีกหนึ่งสัปดาห์ ผมเลยถือโอกาสพาคนรักไปเที่ยวซะเลย แต่ก็ได้ไปแบบเช้าไปเย็นกลับเพราะผมก็เกรงใจคนที่บ้านมิคยังไม่อยากพาลูกเค้าไปค้างอ้างแรม ก็แค่ครอบครัวมิคยอมรับผมแบบนี้ก็ดีมากแล้วครับ และคงต้องใช้เวลาให้ทางนั้นเค้าไว้ใจผมก่อนที่จะพาลูกเค้าไปค้างด้วย
เรามีแผนไปเที่ยวกันที่ ‘สถานตากอากาศบางปู’ จังหวัดสมุทรปราการ ใกล้กรุงเทพฯครับเหมาะแก่การเที่ยวแบบวันเดียว ตอนแรกมิคจะชวนกัสและมายมาด้วยและนั่นหมายความว่าไอ้วินและไอ้ปรัชย่อมไม่พลาด เผลอๆไอ้ธีและสาวมนก็คงได้พ่วงมาด้วยแน่ ผมที่อยากอยู่กับมิคแค่สองคนจึงใช้วิชามารอ้อนจนมิคยอมมาเที่ยวกันสองคนจนได้ ก็นะไหนๆมิคก็ย้ายกลับมาอยู่ใกล้กันแล้วผมก็อยากสวีทบ้างโดยไม่มีคนอื่นมาเป็นก้างนี่ครับ
เราใช้เวลาในการเดินทางไม่นานก็มาถึงจุดหมาย ผมจอดรถทิ้งไว้ที่ ‘สะพานสุขตา’ ที่มีรถจอดอยู่เยอะเพราะเป็นช่วงวันหยุด ข้างนอกท้องฟ้ามีสีฟ้าสดแดดจ้าอากาศสดใส มีนกนางนวลบินโฉบไปมาเต็มท้องฟ้า
“ฟิน ดูซินกเต็มเลย” มิคมีท่าทางเหมือนเด็กที่เห็นของถูกใจก็ตื่นเต้น ใบหน้าขาวอยู่ชิดกระจกรถด้านข้างจ้องภาพตรงหน้าตาโต
“ฮึๆ” ผมหัวเราะเอ็นดูเด็กน้อยในร่างผู้ใหญ่
ผมชะโงกหน้าไปใกล้หน้าขาวและมองภาพเดียวกับมิค พลิกหน้าขโมยกลิ่นหอมจากแก้มเนียน มันทำให้มิคตกใจและหันหน้ามาทางผมและนั่นมันก็ลงล็อคปากเราแตะกัน ผมได้ทีกดจูบที่ปากนิ่มและผละออกมองผลงาน มิคตาโตและหันหนีกลับไปทางกระจกปกปิดแก้มแดง ผมแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นและเอื้อมหยิบหมวกหลังรถมาสวมบนหัวให้มิค
“สวมไว้นะครับ แดดแรงเดี๋ยวไม่สบาย” มิคหันมามองผมแว๊บนึงและหันไปเปิดประตูรถ ผมจึงสวมหมวกอีกใบและลงรถตามมา
ผมเดินไปทางฝั่งที่มิคยืนอยู่เข้าไปจับจูงข้อมือบางไว้และพาเดินไปที่ราวสะพาน ภาพที่เราจับจูงกันนั้นคงเหมือนว่าผมพาน้องชายมาเที่ยวเป็นแน่ ก็เด็กน้อยของผมนั้นตัวเล็กแค่ไหล่ สวมเสื้อยืดสีเขียวตองอ่อน กางเกงขาสั้นพอดีเข่า ร้องเท้าผ้าใบ ใส่หมวกแก๊ป สะพายกระเป๋าข้างใบเล็ก แถมใส่แว่นหนาเป็นเด็กเนิร์ทอีก ยิ่งส่งผลให้มิคดูเด็กกว่าอายุจริง
เรายืนที่ราวสะพานที่ทาสีขาว เบื้องหน้าเป็นหาดชายเลนมีนกนางนวลสีขาวบินว่อนเหนือผืนหาด บางส่วนเกาะกลุ่มยืนนิ่งที่ผืนชายเลน ผู้คนรอบข้างโยนบางอย่างออกไปเจ้านกนางนวลสีขาวที่บินอยู่ก็แย่งกันโฉบกิน ดูแล้วน่าจะเป็นอาหารเม็ดสำหรับนกนะครับ
“ฟินๆ เค้าให้อะไรนกกินอ่ะ” มิคกระตุกชายเสื้อผมอย่างตื่นเต้น ท่าทางอยากลองให้อาหารนกดูบ้าง
ผมมองไปรอบตัวเพื่อหาคำตอบให้มิค และพบว่ามีซุ้มขายของที่ดูท่าจะขายไอ้อาหารนั่นอยู่ แต่มันอยู่ไกลผมกลัวว่ามิคจะร้อนจึงพามิคไปหลบใต้ร่มคันใหญ่ที่เค้ากางไว้ใกล้ราวสะพาน
“มิครอนี่ก่อนแดดมันร้อน เดี๋ยวฟินไปดูให้ว่าเค้าขายอะไรให้นกกิน” ผมเดินไปที่ซุ้มที่หมายตาไว้
มาถึงซุ้มผมมองหาอาหารเม็ดที่น่าจะเป็นอาหารที่ให้นก แต่สิ่งที่ผมเห็นมันเป็นแคปหมูใส่ถุงพลาสติกมัดรวมๆกันอยู่ ผมยืนหาอยู่นานจนป้าเจ้าของร้านต้องถามว่าผมมองหาอะไร แกก็ให้คำตอบว่าแคปหมูนี่แหละที่เค้าโยนให้เป็นอาหารนก ผมยังทำหน้าไม่เชื่อจนแกยิ้มและยื่นแคปหมูมาสองถุง
“ไม่เชื่อก็ลองดูพ่อหนุ่ม” ผมรับมาอย่างงงงวยพร้อมจ่ายเงิน ในความคิดของผมนั้นแคปหมูกับนกนางนวลมันช่างไม่เข้ากันซะจริง
ผมเดินกลับไปใกล้ร่มที่ทิ้งมิคไว้แต่ตอนนี้แฟนผมไม่ได้ยืนอยู่คนเดียวแต่มีผู้ชายตัวสูงเก้งก้างยืนอยู่ด้วย แถมทั้งสองคนหัวเราะให้กันใหญ่เลย ผมจึงเดินไปยืนข้างหลังไอ้หน้าหม้อตัวผอมบดบังแสงอาทิตย์ที่สาดส่องมาจนเกิดเป็นเงาทะมึนปกคลุมร่างตรงหน้า จนมันหันมามองหน้าผมแบบงงๆ
“อ้าวฟิน ดูนี่ๆ ว้าววว เห็นมั้ยๆนกมันกินแล้ว เนี่ยแคปหมูอ่ะ ไม่น่าเชื่อเลย” มิคหันมาเห็นผมและสาธิตอย่างตื่นเต้นโดยการโยนแคปหมูไปข้างหน้าและเจ้านกตัวขาวก็บินโฉบกินก่อนตกถึงพื้น
ผมส่งยิ้มให้กับความน่ารักสดใสของร่างบางตรงหน้าและขยับไปยืนซ้อนหลังคนตัวเล็ก หยิบถุงแคปหมูในมือบางไปวางที่ราวสะพานเพราะผมรู้ว่าไอ้ถุงนี้มันเป็นของไอ้เก้งก้างข้างๆนี่แหละและส่งถุงในมือให้มิคไปแทน
“มิคครับไปทางนู้นดีกว่า ตรงนั้นนกเยอะกว่านะ” ผมเอ่ยชักชวนมิคให้เดินออกนอกร่มคันโตที่มีก้างอีกคนยืนอยู่ด้วย ผมไม่มองไม่พูดเพราะไม่อยากทำความรู้จักกับคนที่มันคิดจะจีบมิคหรอกครับ ไม่อยากต่อความยาวกลัวจะอดใจไม่อยู่มีเรื่องซะก่อนจะได้เที่ยว
“จริงด้วยไปกัน อ๊ะ ขอบคุณ ‘ณะ’ มากนะ” มิคหันไปมองที่ถุงแคปหมูและขอบคุณเจ้าของมัน ผมจึงหันไปจ้องหน้ามันแต่ไม่พูดจาด้วย
เราเดินออกมานอกร่มและให้อาหารนกนางนวลด้วยการโยนแคปหมู ผมก็เพิ่งรู้นี่แหละที่นกที่นี่จะชอบแคปหมู (นกนาง
นวลพวกนี้เค้าย้ายถิ่นฐานมาจากมองโกเลียและธิเบตหลังวางไข่ พอหน้าร้อนจึงมาที่ไทยถึงช่วงเดือนพฤษภาคมเพื่อหาอาหารและย้ายกลับไป จะเห็นอีกทีก็ช่วงพฤศจิกายนที่อ่าวไทย) เราให้อาหารกันเพลินมิคดูมีความสุขมากยิ้มไม่หุบเลย จนผมเผลอมองรอยยิ้มนี้เพลินตา
“ฟินดูซิ มิคลองวางแคปหมูตรงนี้ตั้งนานนกมันไม่มากินเลย” มิคชี้ชวนไปยังชิ้นแคปหมูที่วางห่างจากตัวเราไปไม่มาก ด้วยความสงสัยที่ไม่มีนกมากินเลย
ผมก็นึกแปลกใจเหมือนกันนกนางนวลจะกินก็ต่อเมื่อเราโยนให้เท่านั้น และคงเป็นสัญชาติญาณของนกล่ะ ที่ปกติก็น่าจะจับปลาที่ว่ายน้ำอยู่กินมันก็เลยกินเหยื่อที่เคลื่อนไหวเท่านั้นละมังครับ และคงชอบกลิ่นหอมๆของแคปหมูเป็นพิเศษถึงเลือกกินอาหารชนิดนี้
“มิคต้องโยนอย่างเดียวล่ะมั้งมันถึงจะกิน” ผมเดินไปหยิบแคปหมูชิ้นเจ้าปัญหาและยื่นให้มิคโยน นกก็โฉบมากินดังคลาด
“โอ๊ะ อะไรเนี่ย” ผมตกใจกับอะไรบางอย่างที่ตกใส่หัว มือยื่นไปแตะก็พบว่าเป็น ‘ขี้นก’ นี่ผมโดนนกขี้ใส่หัวเหรอเนี่ย
“ฮ่าๆๆ ฟินนกขี้ใส่หัวอ่ะ ฮ่าๆๆ” มิคหัวเราะปากกว้างเมื่อเห็นว่าที่นิ้วผมมันเป็นขี้นกสีขาวเปรอะเปื้อนอยู่ มิคยังไม่หยุดหัวเราะผมจึงแกล้งงอนปากยื่นหันหน้าหนี หวังให้มิคง้อได้กำไรเห็นๆ
“ฮึๆ แค่นี้ก็งอนด้วย ฟินต้องไปงอนนกโน่น ไม่ใช่มิค มาๆเดี๋ยวมิคเช็ดให้” มิคหัวเราะส่ายหน้าให้ผม และก้มหน้าค้นหากระดาษทิชชู่จากกระเป๋า
ระหว่างนั้นผมมองไปข้างหลังของมิคก็เห็นสายตาคู่หนึ่งจับจ้องมา เจ้าของมันก็ไอ้หน้าวอกตัวผอมนั่นแหละ ผมลืมเรื่องไอ้หมอนี่ไปแล้วนะก็เพราะรู้ว่าคนของเราไม่ได้คิดอะไรหรอกแต่ไอ้นั่นซิคิดแน่ พอเห็นแบบนี้ผมต้องทำให้มันรู้แล้วว่าคนนี้น่ะมีเจ้าของแล้ว ผมก้มหน้าท้าวมือไปที่ราวสะพานทั้งสองข้างโดยมีมิคอยู่ระหว่างแขนทั้งสอง ทำให้ดูเหมือนว่าผมโอบกอดมิคไว้ มิคเงยหน้าแล้วใช้กระดาษทิชชู่เช็ดที่หัวผมให้จนเสร็จ ผมก็เงยหน้ามองหน้าหวานที่ตอนนี้อยู่ระดับเดียวกัน และเบี่ยงหน้าไปกระซิบหูอีกข้างว่า ‘ขอบคุณครับ’ ผมเชื่อว่าจากมุมนี้ที่ไอ้นั่นมันมองอยู่คงคิดว่าผมจูบแก้มมิคแน่ๆ
แผนขั้นต่อไปผมก็พลิกหน้ากลับมามองหน้ามิคและยิ้มหวานที่สุดเท่าที่ทำได้ มันได้ผลหน้ามิคขึ้นสีแดงและหันหลังให้ หันกลับไปโยนแคปหมูที่เหลือในถุงทั้งกำ นี่ผมพัฒนาทำให้มิคเขินได้แล้วใช่มั้ย
“ฮึๆ”
ผมอดหัวเราะไม่ได้ถือว่ายิ่งปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ตัวแรกก็เป็นการกันท่าไอ้ตูดปอดนั่นส่วนนัดที่สองก็ได้เห็นหน้าแดงอย่างเขินอายของที่รักด้วย จะไม่ให้ผมหลุดหัวเราะได้ยังไงกัน มิคคงได้ยินหันมาส่งค้อนให้ทีและหันกลับ ขยับมือจับหมวกให้เข้าที่แก้อาการเขินหน้าแดงของตัวเอง
“ไปครับ มิคหิวรึยังใกล้เที่ยงแล้วนะ” ก้มมองนาฬิกาที่ข้อมือดูแล้วก็ให้รู้ว่าใกล้เที่ยง ยิ่งมิคเป็นคนกินเก่งน่าจะหิวแล้วแม้ตลอดทางเจ้าตัวยังไม่หยุดปากเลยก็ตาม และนั่นมิคพยักหน้ารัวยิ้มกว้างแสดงว่าหิวจริง
ผมจูงมือบางเดินไปขึ้นรถตุ๊กๆที่จอดรอรับไปที่ ‘ศาลาสุขใจ’ เป็นรถบริการแบบไม่คิดเงินด้วย เรานั่งด้านหลังคนขับกันสองคน มิคหยิบกล้องมาถ่ายรูประหว่างทางและถ่ายผมเป็นบางรูปไอ้ผมก็เก๊กหล่อไว้ก่อนเผื่อมิคจะอัดขยายแปะหัวเตียง จะได้นึกถึงแต่หน้าผมคนเดียว เรานั่งไม่ไกลก็มาถึงศาลาสุขใจเป็นอาคารสีขาวกรุกระจกโดยรอบ ภายในอาคารมีหลายส่วนแต่ผมเลือกพามิคไปที่ส่วนร้านอาหารที่เปิดโล่งรับลมทะเลมีโต๊ะเรียบระเบียงไม้ตั้งอยู่ ผมจึงเลือกพามิคเดินไปที่โต๊ะนั้น สักพักก็มีพนักงานยื่นเมนูมาให้
“อืมน่ากินทั้งนั้นเลย ฟิน มิคเลือกไม่ถูกอ่ะ” มิคคนช่างกินก้มหน้ามองเมนูและบ่นให้ผมฟัง
“มิคอยากกินอะไรสั่งเลยครับ วันนี้ป๋ามาเอง” ผมทุบไปที่อกเสื้อตัวเองและส่งยิ้มให้อย่างล้อเลียน
“งั้นไม่เกรงใจล่ะนะครับป๋า คิกๆๆ อืม งั้นขอปลากะพงทอดน้ำปลา โป๊ะแตกทะเล ปูนิ่มผัดผงกระหรี่ ยำรวมมิตรทะเล ทอดมันกุ้ง และก็อืม ฟินเอาอะไรระหว่าง หอยจ้อกุ้งกับยำคอยแครง”
ผมนั่งอึ้งฟังรายการที่มิคสั่งร่ายยาวจนมาถึงสองอย่างสุดท้ายให้ผมเลือก กระพริบตาสามทีเรียกสติกลับมา
“เออ อะ เอาทั้งสองอย่างเลยครับ แฮะๆ”
“อืมมม งั้นเอาสองอย่างที่ว่านะครับและขอข้าวเปล่าสองจานด้วยครับ” มิคหันไปบอกพนักงานที่จดรายการอาหารที่ยืนอึ้งไม่ต่างจากผม ไม่รู้ว่ารายการจะครบมั้ยนะครับนั่น
ผมไม่ได้กลัวว่าจะไม่มีจ่ายแต่ที่อึ้งก็เพราะรายการที่ยาวเป็นหางว่าวต่างหากล่ะ ไม่รู้มาตัวเล็กแบบนี้กินแล้วเอาไปเก็บไว้ที่ไหนกันนะ มิคหันมาเห็นผมนั่งอึ้งไม่พูดก็ยิ้มเย้ยยักคิ้วมาให้ มันทำเอาผมหมั่นเขี้ยวจึงเอื้อมมือดึงหมวกออกจากหัวมิค และขยี้ผมนุ่มเล่นให้สมกับความทะเล้นที่มิคมี
“ฟิน หยุดผมยุ่งหมดแล้ววว ฮิๆๆ” มิคแกล้งบ่นเพราะรู้ว่าโดนแกล้งแต่หลุดหัวเราะออกมาด้วย
ผมหยุดมือที่ขยี้หัวทุยเปลี่ยนมาเป็นลูบผมนิ่มให้เข้าทรงเหมือนเดิม และยิ้มใส่ตาหวานไปอีกทีหวังว่าจะเห็นแก้มขึ้นสีของมิค แต่คราวนี้มิคตั้งตัวทันผมจึงไม่ได้เห็น แต่ได้รับยิ้มหวานจากคนตรงหน้ามาแทน
เรานั่งรออาหารมาเสิร์ฟจนครบมันเต็มโต๊ะเมื่อครบตามที่สั่งไว้ มิคหยิบกล้องมาถ่ายภาพอาหารไว้และบอกว่าจะไปอวดเพื่อนรักทั้งสองคนให้อิจฉาเล่น จะห้ามก็ไม่ได้นี่ถ้าทั้งสองคนรู้ว่าแอบหนีมาเที่ยวแบบนี้ไอ้วินกับไอ้ปรัชต้องเดือดร้อนแน่และเรื่องมันก็ต้องมาถึงผม แต่ก็นะเอาไว้ก่อนตอนนี้ขอเก็บเกี่ยวความสุขกับคนรักก่อนดีกว่า
มิคอมยิ้มมือถือช้อนส้อมเหมือนเตรียมออกรบเมื่ออาวุธครบมือยังไงยังงั้นเลย ผมจึงทำหน้าที่แฟนที่ดีตักอาหารให้คนน่ารักที่อยู่ตรงหน้าได้ทาน เมื่อเห็นว่าหมดก็เปลี่ยนไปตักอีกอย่างแทน เรานั่งทานกันแบบไม่รีบร้อนเมื่อรู้ตัวอีกครั้งก็ไม่น่าเชื่อว่าอาหารที่สั่งมาจะหมดเกือบทุกอย่างเลย
“เฮ้อ อิ่มจังเลย” มิคยกมือลูบท้องยิ้มกว้างให้ผม
“อิ่มแล้วเหรอ ฟินว่าจะสั่งไอติมกะทิอีกสักถ้วยนะ มิคคงกินไม่ไหวแล้วใช่มั้ย”
“อ๊า อยากกินจังแต่อิ่มมากเลย เอางี้เดี๋ยวเราไปเดินดูนิทรรศการด้านในก่อนแล้วค่อยออกมาซื้อนะ แล้วฟินก็ห้ามกินก่อนมิคด้วย ห้ามนะ” คนน่ารักชี้นิ้วขู่ห้ามมาตรงหน้า หน้าตาขึงขัง
มิคคนที่อิ่มของคาวจนกินไอติมไม่ไหวและยังหวงห้ามไม่ให้ผมกินก่อนตัวเองอีกแน่ะ แต่ผมก็ยอมบอกแล้วว่าอะไรยอมได้ผมยอมให้มิคทั้งนั้นแหละครับ ผมจึงได้แต่พยักหน้าแถมรอยยิ้มเอาใจให้มิคไป
.......................................................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ ^3^
เที่ยวกันเบาๆหวานกันเบาๆนะคะสำหรับตอนนี้
และตอนหน้าเราก็ยังอยู่กันที่นี่อีกหนึ่งตอนและที่สำคัญ”ณะ”
ยังตามก่อกวนใจฟินอยู่และทำตัวได้แสบสันต์มากรอตอนหน้านะคะ
และขอยอมรับว่าคนเขียนไม่เคยไปที่นี่ค่ะถามจากน้องเกิ้ลเอา
และมีการแต่งเติมจินตนาการเพิ่มเข้าไปในเรื่องของสถานที่
ใครอยากไปตามศึกษาได้จากเวปไซด์ด้านล่างค่ะ
http://www.folktravel.com/archive/qm-bangpu.html <<<<ขอบคุณค่ะ
ปล.+1ให้ทุกเม้นท์แล้วจ้า ติดตามตอนต่อไปวันจันทร์ค่ะ
อ๊ะๆๆ พรุ่งนี้เรื่องกัสวินมาต่อตอนพิเศษนะคะตามไปอ่านได้ค่ะhttp://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=28474.660