แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend - .:บทเรียนพิเศษ:. แฟนชีวิตเดียว 04/12/2019
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend - .:บทเรียนพิเศษ:. แฟนชีวิตเดียว 04/12/2019  (อ่าน 23917 ครั้ง)

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
ไม่มีตัวตนอยู่ในสายตา
นับว่าเป็นความเจ็บปวดยิ่ง

ถูกทิ้งซะยังจะดีกว่า
หุหุ

ออฟไลน์ Maywrite

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
.:บทเรียนที่ 13:.













Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr

กีรติสะดุ้งสุดตัวเมื่อจู่ๆ เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงดังขึ้น มือล้วงเข้าไปโดยอัตโนมัติคว้าโทรศัพท์ขึ้นมา แต่เพียงชั่วอึดใจเขาก็ต้องชะงักลง ความลังเลก่อเกิดขึ้นในใจ

เขาควรจะทำยังไงดี

เขาควรจะฟังเสียงของหัวใจ ยอมรับฟังคำแก้ตัวของอีกฝ่ายแล้วกลับไปคืนดีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกครั้ง

หรือจริงๆ มันถึงเวลาแล้ว..

เขาควรจะหันมารักตัวเองแล้วหยุดมันไว้แค่นี้หรือเปล่า

ความลังเลหมดลงเพราะทันทีที่เสียงโทรศัพท์เงียบไปเขาก็แน่ใจแล้วว่าจริงๆ เขาอยากรับสายๆ นั้น ไม่ว่าจะเป็นคำแก้ตัวหรือคำโกหกอะไรเขาก็ยังอยากจะเชื่ออยู่ดี ใจขอเพียงต้องการยื้อให้เรื่องระหว่างเรายังไม่จบลงแค่นี้ เมืี่อรู้ใจตัวเองแล้วเขาก็ล้วงเอาโทรศัพท์ออกมา พอดีกลับที่มีสายโทรศัพท์เข้าอีกครั้ง แต่มันกลับไม่ใช่จากคนที่เขารออยู่

“ดิน” เมื่อเห็นว่าคนที่โทรเข้ามาคือเพื่อนแฟน ความน้อยใจและความสิ้นหวังที่เกาะแน่นในอกก็แปรเปลี่ยนเป็นความกังวลว่าจะเกิดเรื่องอะไรไม่ดีขึ้นกับอีกคนหรือเปล่า “มีอะไรหรือเปล่าโทรมาแต่เช้า”

“โทษทีนะ เห็นอินบอกว่ากีอยู่ห้องต้นใช่ไหม”

“ใช่ เมื่อคืนต้นนัดกับเรา แต่โทรไปเท่าไหร่ก็ไม่รับสายเลย มีอะไรกันหรือเปล่า” เขาเอ่ยถามออกไปอย่างร้อนรน

“กีลงมาหาเราตอนนี้ได้ไหม เรากำลังจะถึงหน้าหอมันอยู่แล้ว” อีกฝ่ายว่าไปอีกอย่างไม่ได้ตอบสิ่งที่เขาสงสัย ความกังวลในใจเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อยๆ

“ได้ๆ เดี๋ยวเรารีบลงไปเดี๋ยวนี้ล่ะ” ว่าแล้วก็วางสายโทรศัพท์แล้วรีบวิ่งไปที่ลิฟท์ พอลงมาได้ก็เห็นรถญี่ปุ่นสีขาวของแฟนเพื่อนจอดรออยู่แล้ว เขาเดินเร็วๆ ไปเปิดประตูข้างคนขับสอดตัวเข้าไปในรถอย่างรีบร้อน

“ต้นอยู่ไหน ต้นเป็นอะไร” เอ่ยถามเมื่อเจอหน้าอีกคน หัวใจร้อนรุ่มด้วยความกระวนกระวายอย่างที่สุด สมองจินตนาการถึงเหตุการณ์ร้ายๆ ไปร้อยแปด

“กีใจเย็นนะ ต้นมันโอเคดี” บดินทร์เอ่ยอย่างใจเย็น เพราะต้นมันก็ไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ ก็ถ้าหมายถึงทางกายภาพน่ะนะ

“แล้วทำไมถึงไม่รับโทรศัพท์เราเลย แล้วทำไมดินมาหาเรา มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”

“กี..กี..ใจเย็นก่อน” บดินทร์เอื้อมมือไปแตะไหล่อีกฝ่าย ลูบปลอบประโลมไปมา “คือเมื่อคืนมันมีเรื่องนิดหน่อย” อีกคนอ้าปากจะถามว่าเรื่องอะไรแต่เขายกมือขึ้นห้ามไว้ก่อน เอ่ยเล่าเรื่องคร่าวๆ ที่ได้ยินมาจากภูผาที่เมื่อเช้าตรู่มันโทรมาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง

ที่จริงเรื่องของพ่อกับน้าวรรณเขารู้มาก่อนแล้ว พ่อไอ้ต้นเป็นคนบอกเขาเอง และยังขอร้องให้เขาช่วยพูดกับต้นให้หน่อย เพราะฝ่ายนั้นตั้งใจจะจัดงานแต่งงานในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า แต่เพราะมีทั้งเรื่องของกีเข้ามาและเห็นว่ายังพอมีเวลาเหลืออยู่ เขาถึงยังไม่ทันได้หาเวลาบอกมัน แต่ปรากฎว่ามันดันมารู้จากไอ้ภูเสียก่อน ตอนแรกที่พ่อมาบอกเรื่องแต่งงาน เขาก็สงสัยเหมือนกัน ก็ทั้งๆ ที่คบกันมาแบบหลบๆ ซ่อนๆ ได้ตั้งนาน จู่ๆ ทำไมถึงคิดที่จะจัดงานแต่งงานใหญ่โตให้คนนินทาเล่น พอมารู้จากไอ้ภูว่าน้าวรรณท้องเขาถึงได้เข้าใจเรื่องทั้งหมด

กีรตินิ่งฟังเรื่องทั้งหมดอย่างตั้งใจ รู้สึกสงสารคนที่เขาแสนรักอย่างที่สุด การที่ต้องมาโดนคนที่ใกล้ชิดที่สุดหลอกลวงซ้ำแล้วซ้ำเล่าแบบนี้มันจะเจ็บแค่ไหนกันนะ เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมพี่ภูถึงบอกว่าต้นเป็นเป็นคนกลัวความรัก เป็นคนรักใครไม่เป็น

ก็เพราะเจ้าตัวไม่เคยโดนรักมาก่อน แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าการรักใครสักคนต้องทำยังไง

“แล้วทำไมในเวลาแบบนี้ ต้นไม่มาหาเรา..ทั้งที่บอกว่ารักกันที่สุด แล้วเวลาที่ต้นต้องการใครมากที่สุด ทำไมถึงไม่คิดถึงเรา”

ถึงจะสงสารแต่เขาก็ไม่อาจห้ามความน้อยใจที่ก่อเกิดขึ้นในหัวใจไปได้ ในเวลาที่ยากลำบาก เวลาที่ต้องการใครสักคน คนเราจะคิดถึงคนที่รักมากที่สุดไม่ใช่หรือ ทำไมเจ้าตัวถึงไม่คิดถึงเขา หรือที่จริงแล้วมันเป็นเพราะเขาไม่ใช่คนที่อยากเจอมากที่สุดหรือเปล่า

“เรารู้ว่าเราอาจจะขอกีมากไป ถ้าจะขอให้กีพยายามเข้าใจมัน” บดินทร์เกริ่นขึ้นก่อนที่จะเริ่มร่ายยาวถึงเรื่องราววุ่นวายในชีวิตของเพื่อนสนิท

“เรารู้จักต้นมาตั้งแต่เด็ก มันเคยเป็นคนที่มีทุกอย่าง เราไม่ได้หมายถึงฐานะทางการเงินนะ แต่คือมันมีครอบครัวที่อบอุ่น คนรักที่ใส่ใจ และเพื่อนพ้องที่ร่ายล้อมรอบตัว”

“แต่พอมาวันนึงมันกลับสูญเสียทุกอย่างไปหมด แม่กับพ่อมันแต่งงานเพราะเหตุผลทางธุรกิจ แฟนมันคบซ้อน เพื่อนที่เคยมีรอบตัวก็เข้าหามันเพราะเงิน เรายังจำได้ว่าช่วงนั้นมันเสียสูญแค่ไหน มันไม่ยอมมาเจอใคร พยายามตัดขาดจากโลกภายนอก กว่ามันจะยอมให้เรากับไอ้ภูเข้าใกล้ก็เหนื่อยกันแทบตายเหมือนกัน” ดินหันหน้ามาทางเขา ตาชื้นรื่นสองคู่ประสานกัน สองใจรู้สึกเจ็บปวดแทนคนในเรื่องราว

“แล้วที่กีถามว่ามันทำไมไม่มาหา เราก็เคยถามคำถามนี้กับตัวเองเหมือนกัน จะว่ามันโง่มันก็โง่จริงๆ นั่นล่ะ แต่มันคิดไม่ได้กี ไม่ว่าจะกี่ปีกี่ชาติ เวลามันมีปัญหาอะไรมันคิดไม่ได้สักทีว่ามันยังมีเรา ไม่ว่าจะพยายามทุ่มเท แสดงความจริงใจให้มันเท่าไหร่ พอเกิดเรื่องขึ้นทีไรมันก็จะหนีไปอยู่คนเดียว ต้องคอยตามหากันจนวุ่น ดีนะที่รอบนี้อยู่กับไอ้ภู ไม่งั้นเราคงหามันไม่เจอ” บดินทร์หัวเราะหึในลำคอ นึกทีไรก็อดสงสารเพื่อนคนนี้ไม่ได้

“มันไม่เคยเชื่อกี ไม่ใช่สิ มันไม่เคยกล้าที่เชื่อว่าจะมีใครรักมันเป็นห่วงมันจริงๆ มันเลยเลือกที่จะอยู่คนเดียวมาตลอด มันไม่กล้าไว้ใจใคร ไม่กล้าเอาใจไปให้ใคร เพราะมันกลัวที่จะเจ็บ”

“แล้วดินจะให้เราทำยังไง ในเมื่อเราทุ่มเทมาให้ขนาดนี้เขาก็ยังไม่รับรู้” คนฟังเอ่ยถามออกมา ถึงอยากจะเข้าข้างเพื่อนแค่ไหนแต่เขาก็เห็นใจคนตรงหน้าเหมือนกัน บดินทร์เอื้อมมือไปวางบนกลุ่มผมนุ่ม โยกไปมาอย่างอ่อนโยน

“ทำตามหัวใจของกีเลย ทำในสิ่งที่กีจะมีความสุขที่สุด”

เขาเล่าทุกอย่างให้อีกฝ่ายฟังอย่างหมดเปลือก แล้ว เขาไม่รู้เลยว่าอีกคนจะรู้สึกยังไงกับเรื่องทั้งหมด กีอาจจะอยากเดินออกไปจากความสัมพันธ์ที่มันยุ่งยากนี้ก็เป็นได้ ถึงจะบอกว่าไอ้ต้นมันรักคนนี้จริงๆ แต่มันก็ทำกับอีกฝ่ายไว้เยอะจนยากจะให้อภัยซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถ้าวันนี้กีเลือกที่จะจากไป แม้มันจะทำให้ไอ้ต้นเสียสูญจนไม่กล้ารักใครอีก แต่เขาก็รู้ว่ากีไม่ผิดเลยสักนิด

เมื่อเขาพูดจบความเงียบก็ก่อเกิดขึ้นในห้องโดยสาร กีได้แต่มองเหม่อออกไปนอกหน้าต่าง เขามองเสี้ยวหน้าของอีกฝ่ายที่ตอนนี้มีน้ำใสไหลลงมาตามแก้ม เขารู้ว่ามันไม่ง่าย เจ้าตัวกำลังคิดหนัก ตั้งแต่เขารู้จักกีมามันเป็นคนที่ร่าเริง คอยเรียกเสียงหัวเราะให้คนรอบข้างมาตลอด แต่ตั้งแต่ที่มันคบกับต้น เขาก็เห็นแต่คนที่ต่อมน้ำตาแตกง่าย จริงๆ เขาก็คิดนะ หรือบางที..เราทุกคนควรจะเลิกดันทุรังกันได้แล้ว..

“ดิน”

อีกฝ่ายหันหน้ามาประสานสายตาอีกครั้ง ใช้มือสองข้างปาดน้ำตาลวกๆ เม้มปากแน่นก่อนที่จะปล่อยออกมาพร้อมกับประโยคคำถามปนขอร้องสั้นๆ

“พาเราไปหาต้นหน่อยได้ไหม”

.

.

.

.

.

ตั้งต้นสะลึมสะลือตื่นขึ้นมา พยายามยกเปลือกตาที่หนักอึ้งกวาดมองไปรอบๆ ห้อง มองไปทางไหนเขาก็เห็นแต่ข้าวของที่กองระเนระนาดอยู่ที่พื้น ถอนหายใจหนักเมื่อสมองหวนคิดไปถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อวาน

พ่อกับน้าวรรณ

เขาเข้าใจผิดมาตลอด จากที่เคยคิดว่าแม่เป็นคนที่ทำให้พ่อเสียใจ แต่มันกลับกลายว่าทั้งคู่ต่างร่วมมือกัน ในขณะที่ทั้งคู่มีคนรักเป็นตัวเป็นตน แต่กลับยอมตกลงที่จะแต่งงานกัน หึ ทั้งหมดก็เป็นเพราะเงินตัวเดียว เขาคงต้องรักมันให้มาก เพราะถ้าไม่ใช่เพราะเงินเขาคงไม่ได้เกิดมา

แต่เจ็บยิ่งกว่าพ่อก็คือน้าวรรณ คนคนเดียวที่ดูแลเขามาตลอด คนที่เขาคิดว่ารักเขาเพราะเขาเป็นเขา ไม่ใช่เพราะหน้าที่ ไม่ใช่เพราะเงิน แต่แล้วในที่สุดเขาก็รู้ว่ามันไม่ใช่

มันก็เหมือนกับทุกคน ที่บอกว่ารักเขาเพราะมีจุดประสงค์อื่น..

เขาอยากจะคิดว่ามันเป็นแค่ฝันแต่มือที่โดนเศษกระจกบาดตอนที่เขาปัดชั้นวางของลงพื้นก็ทำให้รู้ว่ามันคือความจริง ตอนนี้หัวใจของเขามันเหนื่อยเหลือเกิน เขาไม่รู้ว่าเขาควรจะโทษใครสำหรับเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น โชคชะตา พ่อ แม่ หรือบางทีมันอาจจะเป็นความผิดเขา บางทีเขาอาจจะไม่ควรเกิดมาบนโลกนี้แต่แรก





กี..

ต้นหลับตาลงพยายามข่มความรู้สึกเจ็บปวด หัวใจเต้นแรงเพียงคิดถึงหน้าของใครอีกคน เมื่อคืนตอนที่ออกมาจากบ้านพ่อ เขาอยากจะตรงไปหากีที่รอเขาอยู่ที่ห้อง แต่ความกลัวที่เข้ามาครอบงำหัวใจมันทำให้หยุดตัวเองไว้

เขาไม่มีวันทำให้กีมีความสุข

สักวันเขาจะทำให้กีเสียใจ

เขามันก็เหมือนพ่อเหมือนแม่ที่เห็นแก่ตัวเอง

คนที่ไม่ได้เกิดจากความรักอย่างเขาจะมีหน้าไปรักใครได้

น้ำตาที่หยุดไปแล้วก่อตัวขึ้นมาอีกครั้ง เขาปล่อยมันไหลลงไปโดยไม่คิดจะเก็บกลั้น กีดีเกินไปสำหรับคนอย่างเขา บางทีเขาควรจะปล่อยให้กีไปเจอคนที่ดีกว่าสักที ถึงจะต้องเสียใจแค่ไหนแต่เขาจะเอาแต่เห็นแก่ตัวไม่ได้ เขาไม่อยากเป็นแบบพ่อแม่ เขาไม่อยากจะคิดถึงแต่ตัวเอง เขาอยากให้กีมีความสุข คำรักของเขามันเคยเป็นแค่ลมปาก แต่วันนี้การที่เขายอมปล่อยให้กีไป มันอาจจะเป็นเครื่องพิสูจน์ได้แล้วว่าเขารักอีกคนมากแค่ไหน





แก๊ก

เสียงประตูห้องเปิดออกให้สติกลับมา ต้นลืมตาขึ้นหันไปมองที่ต้นเสียงก็พบว่าคนที่อยู่ในความคิดกำลังยืนมองเขาอยู่ที่กรอบประตู

“กี..” เมื่อได้ยินเสียงเรียก กีรติก็เดินไปทรุดนั่งลงข้างตัวคนที่เรียกชื่อเขา มองสำรวจอีกฝ่ายที่ตอนนี้มีสภาพดูไม่ได้ ผมเผ้ารุงรัง ตาบวมฉึ่งเพราะผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก แล้วยังไหนแผลตามตัวที่ขึ้นรอยขีดแดงเต็มไปหมด เขาเดาว่ามันคงเป็นแผลที่เกิดจากตอนที่อีกฝ่ายทำลายข้าวของในห้อง ดูจากสภาพห้องแล้วเขาถือว่าแผลแค่นี้มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ

“ไง” ส่งยิ้มให้กับคนที่ยังจ้องเขาตาไม่กระพริบ

“กีมาได้ไงครับ” ทั้งๆ ที่ใจบอกให้ปล่อย แต่เมื่ออีกคนมาอยู่ตรงหน้า ความสับสนความอยากเป็นเจ้าเข้าเจ้าของมันก็กลับมาอีกครั้ง แต่ความละอายในใจมันก็ยังมีมากกว่า ตอนนี้เขาจึงทำได้แค่มองตามทุกกิริยาบทของอีกฝ่ายอย่างเดียว

“ดินพามา” กีรติตอบหน้ามุ่ย “ทำไม มาไม่ได้หรอ”

ตั้งต้นพูดอะไรไม่ออกได้แต่ส่ายหน้าแทนคำตอบ เจ้าตัวอึกอักอยู่นานจนในที่สุดกีรติตัดสินใจใช้หลังมือลูบแก้มอีกฝ่ายไปมา เอ่ยถามออกไปเสียงเบา

“เป็นยังไงบ้าง ปวดหัวไหม” อีกคนส่ายหน้าแทนคำตอบอีกครั้ง

“หิวข้าวหรือเปล่า” เมื่ออีกคนยังทำแบบเดิม เขาก็ยกยิ้มก่อนจะพูดต่อ

“เมื่อคืนรอทั้งคืนเลยนะรู้ไหม ลืมหรอหืม”

ต้นหลับตาลงเหมือนหยุดหายใจไปหลายวิก่อนที่จะลืมตามาอีกครั้ง เอื้อมมือมาจับมือที่เขาใช้ลูบแก้ม เอาไปวางไว้กลางอกตัวเอง

“กี ต้นขอโทษนะที่ไม่ได้ไปหา เมื่อคืนมีปัญหากับที่บ้านน่ะ”

“แล้วทำไมถึงมาที่นี่ไม่ไปหาเรา”

“...”

“เวลาที่คนเรามีปัญหาปกติเราก็มักจะคิดถึงคนที่เรารักเป็นคนแรกไม่ใช่หรอ”

“...”

“หรือว่านายไม่ได้รักเรา?” คนถามถามเสียงใสซื่อ ร่างสูงรีบส่ายหน้าปฎิเสธ

“ต้นรักกี.แต่คือ..ต้น..” คำว่ารักที่ได้ยินทำให้เขาใจชื้น เมื่อเห็นอีกฝ่ายยังอ้ำอึ้ง เขาจึงเป็นฝ่ายว่าต่อ

“ผิดสัญญากับเราอีกแล้วนะ จะให้เราทำยังไง” ประโยคเง้างอนถูกส่งออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนนุ่ม คนพูดยังคงยิ้มใจดีส่งมาให้

“เมื่อคืนโกรธจนโวยวายอยู่คนเดียวทั้งคืนเลยรู้ไหม โทรหาก็ไม่รับ ทั้งเป็นห่วงทั้งโมโห”

“เราร้องไห้จนหลับไปเลยด้วย เมื่อเช้าก็เลยตัดสินใจเก็บข้าวของออกมาจากห้องนายหมดแล้ว” กีว่าต่อเหลือบมองไปรอบห้องที่เละเทะไปหมด

“ที่นี่ก็คงไม่เหลืออะไรให้เก็บแล้วมั้ง” ตั้งต้นยังนิ่งฟังคนข้างตัวพูด แม้แต่ในเวลาที่อีกคนลุกขึ้นยืน เขาก็ทำได้แค่เงยหน้ามองตาม ถึงอยากจะดึงมากอด ขอร้องให้ยกโทษให้คนงี่เง่าอย่างเขา แต่ครั้งนี้เขาตัดสินใจแล้วว่าเขาจะไม่ทำ เขาจะให้กีเป็นคนตัดสินใจ กีสมควรที่จะได้รับความรักดีๆ กีดีเกินไปสำหรับคนอย่างเขา

“งั้นเลิกกันเลยดีไหม” ตั้งต้นตาโตเมื่ออีกฝ่ายถามออกมาด้วยเสียงเรียบปกติ ทั้งๆ ที่เตรียมใจไว้แล้วแต่เขาอดใจหายไม่ได้ กีไม่ได้มีอาการโกรธหรือน้อยใจอะไรเวลาพูด นั่นหมายถึงว่าเจ้าตัวคงคิดมาดีแล้ว

“ต้นรู้ว่าต้นทำผิดกับกีมาเยอะ ต้นจะยอมรับทุกอย่างไม่ว่ากีจะว่ายังไง” ทั้งๆ ที่อยากจะยื้อไว้สุดใจ แต่ที่เขาพูดได้มันมีแค่นี้จริงๆ

หมับ!

“แล้วถ้าเราอยากจะเลิกจริงๆ นายก็จะโอเคเลยหรอ” ทันทีที่ต้นพูดจบก็ตกตกใจเมื่อกีเข้ามาสวมกอดเขา ซบแก้มลงที่อกกว้างเอ่ยคำพูดแสดงความน้อยใจออกมาเบาๆ

“ทำไมนายถึงไม่เคยคิดถึงใจเราบ้างเลย ที่เรายังมายืนอยู่ตรงนี้ทั้งๆ ที่นายปล่อยให้เรารอเก้อมาทั้งคืน นายยังไม่รู้อีกหรอว่าทั้งหมดมันหมายความว่ายังไง” พูดไปก็พยายามกลั้นน้ำตาที่เริ่มก่อตัวขึ้นมา

“เราพยายามเข้าใจนายมากที่สุดแล้วนะ เรารู้ว่านายเจอเรื่องมาหลายอย่าง แต่เมื่อไหร่นายจะเชื่อใจเราบ้าง จะต้องให้เราทำยังไงให้นายรู้ว่าเรารักนายมากที่สุด ว่าเราไม่เหมือนใครและตราบใดที่นายยังต้องการเรา เราจะไม่มีวันทิ้งนายไปไหน” เขาผละออกมาเพื่อสบตาร่างสูงที่ยังนิ่งอึ้งฟังอีกครั้ง

“หรือจริงๆ แล้วนายต่างหากที่ไม่ได้ต้องการเราตั้งแต่แรก” เจ้าตัวรีบส่ายหน้าปฎิเสธ

“มันจะเป็นไปได้ยังไงกี ต้นรักกีมากที่สุด ต้นแค่ไม่อยากเห็..”

“นี่คือครั้งสุดท้ายจริงๆ นะตั้งต้น” กีรติไม่ฟังอะไรทั้งนั้น เขายื่นคำขาดออกไปน้ำตาไหลลงสองแก้ม

“เราจะนับหนึ่งถึงสาม ถ้าไม่ห้ามตอนนี้เราจะไม่กลับมาอีกแล้วนะ”

“หนึ่ง”

หมับ!

ทันทีที่เริ่มนับ ตั้งต้นดึงอีกฝ่ายเข้าไปในอกอีกครั้ง ทำไมคนตรงหน้าเขาเป็นแบบนี้นะ ทำไมถึงได้น่ารักขนาดนี้ เขาพอแล้ว เขาขอเป็นคนเห็นแก่ตัวต่อไป ถึงแม้จากนี้กีอาจจะไปเจอคนที่ดีกว่า แต่เขาไม่อยากเสียคนตรงหน้าไปให้ใครทั้งนั้น คนที่รักเขาได้มากขนาดนี้ เขาไม่อยากยกให้ใคร

“กี..ต้นขอโทษ..อย่าไป..อยู่กับต้นเถอะนะ” ตั้งต้นร้องขอออกไป

“เราเบื่อแล้วนะ เลิกขอโทษเรา เลิกทำให้เราร้องไห้สักทีได้ไหม” ตั้งต้นยิ้มเมื่อกีโวยวายออกมา มันเป็นน้ำเสียงที่เขาแสนคิดถึง น้ำเสียงของคนที่เขารักมากที่สุด

“ต้นแค่คิดว่าต้นไม่อยากให้กีเจ็บปวดเพราะต้นอีกแล้ว ต้นมันไม่คู่ควร”

“ทำไมนายมันโง่แบบนี้ เมื่อไหร่นายจะรู้ว่าสิ่งที่ทำให้เจ็บปวดที่สุดคือการที่นายไม่เชื่อในความรักของเรา นานคิดว่าเราจะมีความสุขได้หรอถ้าไม่มีนายอยู่ด้วย”

กีรติสบตาอีกฝ่าย เอื้อมมือปาดน้ำตาที่ไหลลงมาข้างแก้มไม่หยุดให้ ยกยิ้มให้กับคนที่ดูอ่อนแอเหลือเกินในเวลานี้

“รู้ตัวสักทีได้ไหม เชื่อใจเราสักทีเถอะ”

ตั้งต้นเม้มปากแน่น ความรู้สึกมันตื้นตันแน่นในหัวใจไปหมด ทั้งๆ ที่เขาทำตัวแบบนี้ ทำไมคนตรงหน้ายังรักเขาได้มากมายขนาดนี้

“เป็นกีได้ไหม ไม่ว่าหัวใจดวงนี้จะทุกข์หรือสุข ขอกีเป็นคนดูแลเองได้ไหม”

ตั้งต้นสะอื้นออกมา ดึงคนตรงหน้าเขามากอดแน่น เมื่ออยู่ใกล้กันแบบนี้เขาสัมผัสได้ถึงจังหวะการเต้นของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน มันช่างหนักแน่นและมั่นคง จนทำให้ใจที่เคยเย็นชาดวงนี้อบอุ่นขึ้นมากว่าครั้งใด

“ต้นรักกี ต้นรักกี..”

.

.

.

.

.

ตั้งต้นรู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้ง ลืมตามาก็ต้องตกใจเมื่อคนที่เคยนอนอยู่ข้างตัวหายไป ความกลัวก่อเกิดขึ้น หรือเรื่องเมื่อกี้อาจจะเป็นแค่ฝัน หรือจริงๆ แล้วกีไม่ได้มาหาเขา ขณะที่กำลังสับสนก็ได้ยินเสียงพูดคุยแว่วมาให้ได้ยิน พอลองเงี่ยหูฟังก็รู้สึกโล่งใจเมื่อมันเป็นเสียงของคนที่เคยอยู่ในอ้อมกอดเขา ตั้งต้นยกยิ้ม ลุกขึ้นจากที่นอนเดินไปเปิดประตูห้องจะเดินเข้าไปหา

“เป็นเพราะกูเอง กูน่าจะมาปรึกษาพวกมึงก่อน ไม่น่ารีบบอกมันเลย” เขาชะงักเมื่อได้ยินเสียงเพื่อนสนิท เขาเห็นไอ้ภูผาที่นั่งอยู่ข้างบดินทร์เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด

“ไม่หรอกมึง จะช้าจะเร็วมันก็ต้องรู้ ความจริงก็คือความจริง” บดินทร์เอามือตบตักปลอบใจเพื่อน

“ดินเราขออะไรหน่อยสิ” จู่ๆ คนที่นั่งนิ่งฟังเพื่อนทั้งสองของเขาคุยกันมาตลอดก็เอ่ยขึ้น เขาไม่เห็นสีหน้าของอีกฝ่ายเพราะตอนนี้กีนั่งหันหลังมาทางเขา

“กีอยากได้อะไร”

“ต่อโทรศัพท์หาพ่อต้นให้เราหน่อยสิ” เพื่อนอีกสองคนหันมามองหน้ากัน ถึงแม้จะยังสงสัยแต่ดินมันไม่ได้เอ่ยถามอะไรเพียงแต่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทำตามที่กีบอก ตั้งต้นเปิดประตูออกกว้างอยากเดินเข้าไปห้าม แต่เพื่อนทั้งสองที่เห็นเขาส่งสัญญาณบอกให้หยุด

[ดินว่าไงลูก] เขาได้ยินเสียงพ่อตัวเองดังออกมาตามสปีคเกอร์โฟน ความโกรธพุ่งพล่านขึ้นมาอีกครั้ง

“พ่อ สวัสดีครับ”

[เราอยู่กับต้นหรือเปล่า คือเมื่อคืน..]

“ครับ ภูเล่าให้ผมฟังแล้วเมื่อเช้า พ่อเป็นยังไงบ้างครับ”

[พ่อเป็นห่วงต้นลูก แต่คือ..] เขาหัวเราะในลำคอ คำก็รักสองคำก็เป็นห่วง ความจริงใจหากันไม่ได้จริงๆ

“ผมรู้เรื่องน้าวรรณแล้ว ดีใจด้วยนะครับ”

[...]

“ผมขอโทษที่ผมไม่ได้บอกมันก่อน”

[ดิน พ่อขอโทษนะ พ่อรู้ว่าพ่อทำให้ต้นกับดินผิดหวัง แต่น้าวรรณทนอยู่กับพ่อมานาน มันถึงเวลาสักทีที่พ่อจะตอบแทนเขาบ้าง..]

“...”

[...]

“ผมเข้าใจครับพ่อ” ไอ้ดินมองหน้าเขาก่อนที่จะเอ่ยต่อ

“ที่ผมโทรมา เพราะมีคนเขาอยากคุยกับพ่อน่ะครับ สักครู่นะครับ” ดินยื่นโทรศัพท์ให้กีที่รีบรับไปจนโทรศัพท์ร่วงลงจากมือ ในเวลาแบบนี้เขาก็ยังอดยิ้มไม่ได้ เห็นแค่นี้ก็รู้ว่าเจ้าตัวตื่นเต้นแค่ไหน

“สะ..สวัสดีครับ ผมกีนะครับ” กีเอ่ยออกไป เมื่ออีกฝ่ายทักทายกลับมากีก็ว่าต่อ

“คือที่ผมโทรมารบกวน คือผมแค่มีเรื่องอยากจะเรียนให้ทราบ..” คนตัวเล็กว่าต่อ

“ผมกับต้น ตอนนี้เราคบกันอยู่ครับ” ไม่ใช่แค่คนปลายสายที่อึ้งไป แต่เพื่อนอีกสองคนก็ตาโตหันมามองหน้าเขาเมื่อได้ยินสิ่งที่ไม่คาดคิด จนในที่สุดไอ้ภูก็ทนไม่ไหวเดินออกไปหัวเราะร่วนที่ระเบียงให้กับความใจกล้าของอีกคน

“ถึงจะเป็นเวลาไม่นานเท่าไหร่ แต่ผมอยากให้คุณพ่อรู้ไว้ว่าผมรักตั้งต้นมากจริงๆ ครับ”

เมื่อกีพูดจบห้องทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ เขาเองก็ไม่รู้ว่าพ่อจะว่ายังไงเมื่อรู้ว่าเขามีแฟนเป็นผู้ชายแบบนี้ คนที่ห่วงหน้าตาในสังคมแบบพ่อก็คงไม่ยอมง่ายๆ ตั้งต้นเดินเข้าไปใกล้ ตั้งใจจะหยิบโทรศัพท์มาคุยเองให้รู้แล้วรู้รอด เขาไม่อยากให้กีเจอเรื่องยุ่งยากใจอะไรทั้งนั้น

[งั้นหรอ..] ปลายสายว่าต่อหลังจากที่เงียบไปนาน ตั้งต้นชะงักใจ ที่จริงเขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าอีกฝ่ายจะว่าอย่างไร

[แล้วต้นล่ะ..มันรักเราไหม]

“ก็...เขาก็บอกว่ารักนะครับ” น้ำเสียงที่เอ่ยออกไปอย่างไม่มั่นใจทำให้เขาอยากเดินเข้าไปกอดคนพูดที่สุด

[งั้นหรอ..งั้นก็ดีแล้วนะ] ตั้งต้นรู้สึกแปลกใจ กับคำตอบ เขาไม่คิดว่าพ่อของเขาจะยอมรับความสัมพันธ์ง่ายๆ แบบนี้

“คุณพ่อ..จะไม่ห้ามใช่ไหมครับ..” เหมือนอีกคนก็แปลกใจไม่แพ้เขา กีเอ่ยถามออกไปให้ปลายสายหัวเราะออกมา

[พ่อดูเลวมากเลยใช่ไหมในสายตาเรา] พ่อหัวเราะในลำคอ น้ำเสียงยังใจดีไม่เปลี่ยน

“เปล่านะครับ..ผมแค่คิดว่าคุณพ่ออาจจะไม่เห็นด้วย”

[หึ เราอาจจะยังไม่เชื่อพ่อนะ แต่พ่อรักต้นมันจริงๆ ความสุขของต้น พ่อไม่คิดจะขัดขวางหรอกนะ] บดินทร์เหลือบมองหน้าเพื่อนสนิทที่ยืนนิ่งฟังอยู่ ยกยิ้มให้กับคนที่น้ำตาไหลง่ายกว่าปกติ

กีรติรู้สึกดีใจแทนตั้งต้น ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คนไม่ดีแบบมี่เขาคิดตอนแรก คนที่คิดถึงความสุขของต้นมาก่อนอะไรทั้งหมด จะเรียกว่าไม่รักลูกได้ยังไง

“ที่ผมโทรมา ผมแค่อยากมาขออนุญาตคุณพ่อ ต่อจากนี้ผมจะขอเป็นคนดูแลเขาได้ไหมครับ ไม่ว่าจะยามสุขหรือทุกข์ ผมสัญญา ตราบใดที่เขาต้องการผม ผมจะไม่มีวันทิ้งเขา คุณพ่อไว้ใจผมนะครับ”

หมับ!

ทันทีที่พูดจบประโยค เขาก็ถูกสวบกอดจากด้านหลัง ความอบอุ่นของอกกว้างกระชับแน่นเข้ากับตัว เขาเหลียวหลังกลับไปมองก็เห็นคนที่เขาเพิ่งเอ่ยปากขอจากคนในโทรศัพท์ซบจมูกลงบนไหล่เล็กของเขา ความอายเขินก่อเกิดขึ้นในจิตใจเมื่อคิดว่าอีกคนคงได้ยิน

[งั้นพ่อก็ฝากมันด้วยนะ ช่วยทำในสิ่งที่พ่อเลวๆ คนนี้ทำไม่ได้ด้วยแล้วกัน]

“ครับคุณพ่อ ขอบคุณที่เข้าใจนะครับ”

ดินกับภูยกยิ้มเดินเอาโทรศัพท์ไปคุยต่อที่ระเบียง ปล่อยทั้งสองคนให้อยู่ในห้องคนตามลำพัง ถึงเมื่อกี้เขาจะทำใจกล้าพูดทุกอย่างออกไป แต่พอมาอยู่ต่อหน้าเจ้าตัวความประหม่าก็เข้ามาครอบคลุมอีกครั้ง

“ต้น..คือเราขอโทษนะ ที่ทำอะไรโดยพลการ..”

“ต้นจะตายแล้ว.. จะตายจริงๆ แล้ว” ร่างสูงพึมพำ “ทำไมต้องดีขนาดนี้..ทำไม”

“ต้น...”

“ต้นรักกี...ได้ยินไหม ต้นรักกี” พร่ำบอกความรู้สึกออกไป นอกจากคำพูดพวกนี้ เขาไม่รู้จริงๆ ว่าจะสามารถอธิบายความรู้สึกในใจได้อย่างไร ความรู้สึกที่อีกฝ่ายมีให้มันมากมายจนไม่รู้จะตอบแทนได้ยังไงไหว

เขารู้สึกขอบคุณอีกฝ่ายเหลือเกิน...

ขอบคุณที่เดินเข้ามาในชีวิตคนห่วยๆ คนนี้

ขอบคุณที่ยังรักกันถึงแม้เขาจะไม่ดีพอ ไม่คู่ควรที่จะได้รับ

ขอบคุณที่ยังเชื่อมั่นในตัวเขา ในวันที่เขาไม่แม้แต่จะเชื่อมั่นในตัวเอง

“ขอบคุณนะครับ ขอบคุณจริงๆ ..”





****************

ยาวมากก ตัดไม่ได้ เหนื่อยสุดดด เรารู้ว่าเนื้อเรื่องมันอาจจะขัดใจใครหลายคนนะคะ เขื่อเถอะว่าเราลบไปลบมาหลายรอบมาก แต่คือเราพยายามคิดตามตัวละครแล้วมันก็ได้ออกมาแบบนี้ คือเราสร้างกีมาเพื่อต้นจริงๆ ค่ะ อยากให้คนที่ไม่เคยเชื่อในความรักเลยเจอกับคนที่เชื่อในความรักจนวินาทีสุดท้าย และเมื่อเข้าใจกันได้แล้ว มันก็จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของชีวิตต้น ซึ่งก็คืออีกสองตอนสุดท้าย! จะจบแล้วน้า ~

ถ้าใครอ่านมาถึงตรงนี้ช่วยแสดงตัวหน่อยน้า ~ เหมือนเรื่องนี้คนจะอ่านน้อยลงเรื่อยๆ แงงงงขอเช็คชื่อหน่อยค่า คอนเม้นมาให้กำลังใจหน่อยเร็ว~~~

#ต้นคนรักไม่เป็น







ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
เข้ามาอ่าน ..

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
ขอบคุณที่รักกัน

แม้นว่ามี แค่สองคน อยู่บนโลก
ถึงจะมี ความทุกข์โศก ก็โยกหาย
หรือว่ามี สึนามิ จ้องทำลาย
จะจับมือ กันไม่คลาย วันตายมา

ใครสร้างโลก สร้างอะไร เราไม่รู้
หรือสร้างคู่ รักของเรา ไม่ถามหา
รู้แค่เพียง ว่าสองเรา ทุกเวลา
จะชาตินี้ ถึงชาติหน้า ตามหาเจอ

อิ่มใจกระไรเช่นนี้..อ่านแล้วมีความสุข
สนับสนุนให้คนรักกันเข้าใจกันอย่างนี้

Much more thanks!
คุณนักเขียน

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
น้ำตาไหล,,, กีแมนมาก,,,

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
เจอคนที่รักแล้วนะต้น รักษาไว้ดีดี

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
เข้าใจต้นล่ะว่าเพราะอะไรถึงไม่ไปหากี แต่จนถึงตอนนี้ต้นต้องปรับตัวเองใหม่แล้วนะเพื่อกีจะได้ไม่เสียใจอีกและเพื่อความสุขของต้นเอง :กอด1:

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
จะว่าไปต้นยังโชคดีที่ไม่เจอพ่อแม่กดดันตีกรอบลูกนะ โดยเฉพาะครอบครัวที่แต่งงานเพื่อผลประโยชน์

ออฟไลน์ Maywrite

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
.:บทเรียนที่ 14:.
“อืม..อ่า...ตะ..ต้น...” เมื่อริมฝีปากผละออกจากกัน ร่างบางก็เผลอครางชื่ออีกฝ่ายเสียงกระเซ่า ขณะที่อีกคนลดหน้าลงต่ำ ลากลิ้นร้อนไปตามซอกคอขาว กัดเม้มอย่างหมั่นเขี้ยวจนอีกฝ่ายขึ้นรอยแดงเป็นจ่ำเต็มไปหมด มือหนาบีบคลำไปทั่วลำตัวขาวกระตุ้นให้คนโดยกระทำร้อนรุ่มเหลือทน มือข้างเดิมเลื่อนมาหยุดลงที่ตุ่มไตกลางอก เคล้าคลึงจนมันตั้งประชันสู้กับนิ้วเรียวยาว
ฟืดดดด
“กีหอมจังเลย” เอ่ยออกมาเสียงพร่าข้างใบหู ก่อนที่จะเม้มดึงติ่งหูนุ่มเบาๆจนอีกฝ่ายส่งเสียงครางออกมา ละเลียดลงต่ำเรื่อยๆลากเลียจนถึงกลางอกของคนที่นอนหงายอยู่ใต้ร่างเขา ตั้งต้นอ้าปากครอบส่วนที่ตั้งชันกลางเนินอกก่อนที่จะทั้งดูดทั้งเลียอย่างตะกละตะกลามจนร่างบางดิ้นพล่านด้วยความเสียวกระสัน เขาใช้ฟันขบดึงเบาๆจนกีไม่อาจจะกลั้นเสียงร้องอีกต่อไปได้
“อ่า~ ต้น~”
ร่างสูงยกขาขวาของอีกฝ่ายขึ้นพาดไหล่ นั่งทับเข่าก่อนจะดึงร่างบางเข้ามาประชิด กดจูบลงบนต้นขาอ่อนด้านในซ้ำๆไล่ลงมาจนเกือบถึงหัวเข่า ลากลิ้นเลียไปทั่วก่อนที่จะดูดแรงๆหลายครั้งจนเกิดเสียงดังก้องไปทั่วห้อง
“อ่ะ!” อีกฝ่ายร้องเสียงหลงเมื่อเขายกขาซ้ายของเจ้าตัวขึ้นมาพาดไหล่อีกข้าง ดึงกลางตัวเข้ามาประชิดหน้าก่อนที่ยกลิ้นเลียส่วนอ่อนไหวที่เริ่มแข็งตัวขึ้นแล้ว เอื้อมเอามือมาจับกลางตัวเลื่อนขึ้นลงช้าๆ จนอีกฝ่ายเกร็งหน้าท้องแข็งจนแทบลืมหายใจ ไม่รอช้าเขาห่อปากครอบลงบนส่วนร้อน ลิ้นร้อนหยอกล้อกับส่วนปลายที่มีน้ำใสปริ่มออกมา ดูดดึงสองสามทีก่อนที่จะขบลงเบาๆให้อีกคนร้องเสียงหลง อย่างได้ใจเขาขยับปากขึ้นลง เร่งจังหวะให้เร็วขึ้นจนอีกฝ่ายทนไม่ไหวต้องขยับตัวโต้ตอบกลับมาอย่างลืมความอาย
“ต้น เราไม่ไหวแล้ว” เมื่ออีกฝ่ายเอ่ยออกมาเสียงกระเซ่า มันก็ยิ่งกระตุ้นให้เขาขยับเร่งจังหวะให้เร็วมากขึ้น สองมือเล็กเรียวเอื้อมมาเกาะแขนแกร่ง เล็บคมจิกลงบนผิวเนื้อเพื่อระบายความเสียวซ่านที่กำลังก่อตัว มือหนาของคนที่กำลังรุกเร้าเลื่อนขึ้นมาคลึงเคล้ากับตุ่มไตกลางหน้าอกอีกครั้ง
คนตัวเล็กตีแขนแกร่งๆเบาๆเป็นสัญญาณให้หยุดเพราะไม่อย่างนั้นเจ้าตัวคงไปถึงฝั่งฝันแค่เพียงเพราะปากอีกฝ่ายแน่ๆ แต่ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ ตั้งต้นห่อปากแน่นขึ้น เร่งจังหวะพร้อมใช้มือที่เหลือหยอกล้อกับก้อนกลมสองก้อนกลางตัวอีกคนไปมาให้ความเสียวซ่านที่ได้รับเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า
“อ่า~”
พรวด!
ทันทีที่น้ำขุ่นขาวพุ่งออกมาตั้งต้นก็ถอนปากออกจากส่วนร้อนที่เคยครอบครอง จับขาซ้ายของคนที่ยังหอบหายใจหนักแยกกว้างลงบนฟูก สอดมือที่เต็มไปด้วยน้ำขุ่นร้อนไปตามร่องก้นนุ่ม ละเลงมันรอบช่องแคบที่ตอดรับทันทีที่นิ้วเขาสัมผัส นิ้วที่ชุ่มไปด้วยน้ำขุ่นที่ตั้งใจจะใช้เป็นตัวหล่อลื่นสอดเข้าไปช้าๆให้ร่างบางเกร็งรับ ตามเข้าไปด้วยนิ้วที่สองและสามอย่างรวดเร็วก่อนที่จะขยับเข้าออกช้าๆ เร่งจังหวะให้เร็วขึ้นจนอีกคนขยับตามจังหวะที่เขาเป็นผู้นำ

“กีรัดนิ้วต้นแน่นมากเลย” ร่างสูงเอ่ยบอก ตอนนี้เขาเจ็บกลางตัวจนความอดทนของเขาแทบจะไม่เหลืออยู่แล้ว
“ต้น พอแล้ว..เอาเข้ามาสักทีนะ” ทันทีที่อีกฝ่ายเอ่ยเสียงอ้อนร้องขอเขาก็ดึงนิ้วทั้งสามออกมา แทนทีมันด้วยส่วนใหญ่โตที่แข็งตัวรออยู่แล้ว
“อ่า~”
ทันทีที่เข้าไปภายใน ร่างเล็กก็ร้องครางหนักกว่าเดิมด้วยความเสียวซ่าน เขาขยับช้าๆเพื่อสร้างความคุ้นเคยก่อนที่จะเริ่มเร่งจังหวะเข้าไปอย่างรวดเร็ว เมื่อหาจุดอ่อนไหวในร่างกายอีกฝ่ายเจอเขาก็ถอนกลายออกมาเกือบจะหมดก่อนที่จะกระแทกกลับเข้าไปหนักๆ ซ้ำๆให้อีกคนตัวกระตุกเพราะความเสียวซ่าน ต้นดึงแขนทั้งสองข้างให้เจ้าตัวลุกขึ้นจากฟูก จัดท่าให้มานั่งคร่อมลงบนตักเขาทั้งๆที่ทั้งสองยังไม่แยกออกจากกัน
“กีขยับหน่อยครับ”
กีไม่ว่าอะไรได้แต่ทำตามที่เขาบอก สองมือเกาะไหล่เขาแน่น ใช้มันเป็นหลักไม่ให้หงายไปข้างหลัง ขยับขึ้นลงตามจังหวะของมือเขาที่เกาะแน่นอยู่ที่เอวสอบเพื่อช่วงพยุงอีกแรง
“มะ..มันลึก” ถึงจะว่าอย่างนั้นแต่เจ้าตัวก็ยังไม่หยุด เสียงหายใจหนักๆดังก้องให้เขารู้สึกเกิดอารมณ์มากกว่าเคย เขาหยุดตัวเองไม่ได้ ขยับเร่งจังหวะให้เร็วและแรงขึ้นกว่าเดิมจนอีกคนตัวแทบลอย
“เราจะไม่ไหวแล้ว” คนพูดตัวกระตุกแต่เขายังไม่ยอมให้อีกฝ่ายเสร็จง่ายๆ
“เกาะเอวต้นไว้ดีๆ”
“ต้น! เราจะตก!” ทันทีที่พูดจบเขาก็ลุกขึ้นทั้งที่มีร่างบางอยู่ในอก กีรีบใช้ขาสองข้างรัดรอบเอวหนา สองแขนเปลี่ยนมาคล้องรอบคอของเขาแน่น เขาเดินสองสามก้าวมาจนถึงกำแพงฝั่งหัวเตียง จัดให้หลังบางทิ้งน้ำหนักลงไปด้านหลัง เมื่อจับตำแหน่งได้เขาก็เริ่มขยับส่วนใหญ่โตเข้าออกอย่างรวดเร็วและรุนแรงจนอีกคนครางออกมาเสียงดังไม่หยุดอย่างสุดจะอดกลั้น
“ต้น...มันลึก.. มันลึกเกินไป” กีรติทั้งอายทั้งเสียวซ่าน สองมือทุบไหล่ของคนที่แทงเข้ามาไม่ยั้งอย่างสุดจะกลั้น ถึงจะเคยมีอะไรมาด้วยกันหลายครั้ง แต่ไม่มีครั้งไหนรุนแรงและลึกล้ำเท่าครั้งนี้มาก่อน
“อ่ะๆๆ ต้น..”
ตั้งต้นก้มประกบจูบคนตรงหน้า
ยิ่งอีกฝ่ายเรียกชื่อเขาเท่าไหร่เขายิ่งห้ามตัวเองไม่ได้
กับคนๆนี้เขาไม่เคยพอเลยจริงๆ

“กี..ต้นรักกี” ทันทีที่ได้ยินคำรักคนฟังก็ปลดปล่อยความร้อนอุ่นออกมาอีกรอบเต็มหน้าท้องของคนทั้งคู่ ด้านหลังที่ตอดอย่างหนักทำให้ร่างสูงขยับต่อเพียงไม่กี่ครั้งก็ฉีดพุ่งความอุ่นร้อนเข้าไปในตัวอีกฝ่ายอย่างล้นทะลัก
แฮ่กๆๆ..
ในความเงียบมีเพียงเสียงหอบหายใจหนักที่ดังก้องไปทั่ว ต้นโอบเอวบางพร้อมยกอีกฝ่ายหันกลับก่อนที่จะทิ้งตัวลงพิงหัวเตียงทั้งๆที่มีอีกคนนั่งค่อมอยู่ ร่างบางใช้หัวซบลงไปที่อกกว้างโดยที่ทั้งสองยังไม่แยกจากกัน กีรติหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน ด้วยท้วงท่าที่ต้องใช้แรงเยอะและด้วยที่เขาปลดปล่อยออกมาถึงสองครั้งทำให้เขาหมดแรง ทำได้แค่หลับตาหอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนอยู่บนอกแกร่งของคนที่ทำให้เขามีสภาพแบบนี้

.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

จุ๊บ..จุ๊บ
“ตะ..ต้นพอแล้ว”
จุ๊บ..จุ๊บ...ฟืดดดด
“ระ..เราบอกให้พอได้แล้ว เราช้ำไปหมดทั้งตัวแล้วนะ”
จุ๊บ..จุ๊บๆๆๆๆ
“ตั้งต้น!” ในที่สุดเมื่อร่างเล็กตะเบ็งเสียงออกมาอีกคนที่มือไวอย่างกับปลาหมึกก็ยอมจำใจผละออก
“แต่ต้นยังไม่พอนี่น่า..” ไม่วายยังบ่นพึมพำเสียงเบาออกมา “กับกียังไงต้นก็ไม่พอ” หยอดคำหวานให้คนที่พยายามทำหน้าดุแก้มขึ้นสีแดงเรื่อแต่ก็ยังคงเถียงเสียงอ่อย
“แต่เราตามใจนายมาทั้งคืนแล้วนะ”
“ทั้งคืนที่ไหนกว่าจะแย่งมาจากอินได้ ก็ตีสามกว่าแล้ว”
ตั้งต้นบ่นอุบอิบ เพราะอาทิตย์นี้วันจันทร์กับอังคารเป็นวันหยุดราชการ จึงกลายเป็นว่ามีวันหยุดยาวสี่วัน เขาจึงชวนกีมาเที่ยวที่บ้านพักตากอากาศที่หัวหินหวังจะใช้เวลาอยู่ด้วยกันให้เต็มที่ แต่ตั้งแต่มาถึง กีก็อยู่แต่กับเพื่อนสนิทที่บอกว่าจะตามมาด้วยตลอดเวลา นี่ถ้าดินมันไม่ช่วยเขา เมื่อคืนเขาคงไม่ได้ตัวอีกฝ่ายมาครอบครองแบบนี้หรอก แล้วอย่างนี้จะให้เขาปล่อยไปง่ายๆได้ยังไง
“แต่ก่อนนอนนายก็ทำไปตั้งหลายรอบแล้วนะ ตื่นมาก็ทำไปแล้วรอบนึง เมื่อไหร่จะรู้จักพอครับคุณตั้งต้น”
“ต้นจะทำจนกว่าอินจะเข้ามาขวาง” ร่างเล็กหัวเราะร่วนกับคำตอบที่เอ่ยออกมาอย่างมุ่งมั่นของอีกฝ่าย ทีเรื่องอย่างนี้จริงจังขึ้นมาเชียว
“ไม่รู้ว่าไอ้ดินจะรั้งเพื่อนตัวแสบของกีไว้ได้นานแค่ไหน” ว่าแล้วคนที่อยากใช่เวลาให้คุ้มค่าที่สุดก็เริ่มออเซาะอีกฝ่ายอีกครั้ง
“แต่น้องไม่ไหวแล้วจริงๆนี่น่า” กีรติใช้ไม้ตายสุดท้ายอ้อนปฎิเสธ ใจจริงเขาก็อยากจะตามใจอีกคนอยู่หรอกนะ แต่ตอนนี้เขาเหนื่อยสุดๆแล้วจริงๆ
“พอก่อนนะ..” เมื่อเห็นสายตาที่ส่งมาออดอ้อน เขาก็รู้ว่าอีกคนคงเหนื่อยจริงๆ ถึงแม้จะเสียดายเวลาที่ได้อยู่ด้วยกัน แต่เจ้าตัวก็ทำได้เพียงถอนหายใจหนัก ยอมล้มเลิกความตั้งใจ
“โอเคครับ..”
ฟุ่บ!
“งั้นแบบนี้ดีกว่าเนอะ” ว่าแล้วก็เหยียดกายนอนลง ดึงอีกคนให้มาซบลงบนอกแกร่ง แขนเรียวพาดลงกระชับแน่นบนเอวหนา กีรติขยับหาตำแหน่งที่สบายที่สุดก่อนจะหลับตาพริ้มอย่างผ่อนคลาย ช่วงเวลาแบบนี้มันเป็นช่วงเวลาที่เขาชอบที่สุด ได้นอนอยู่ตรงนี้เขาได้ยินเสียงเต้นของหัวใจอีกฝ่ายชัดเจนจนรู้สึกอุ่นซ่านไปทั่วทั้งใจ
“กีมีความสุขไหม” ในตอนที่กำลังนอนหลับตาคิดอะไรเรื่อยเปื่อยจู่ๆร่างสูงก็เอ่ยถามขึ้นมา มือหนายังคงลูบผมเขาเล่นไปมาอย่างเอ็นดู
“อืม เรามีความสุขที่สุดเลย แล้วนายล่ะ” ยกหัวขึ้นนิด สายตาอยู่ในระดับเดียวกันกับอีกฝ่าย
“ต้นมีความสุข มีความสุขมากๆจนบางทีต้นยังนึกว่าต้นอยู่ในฝัน” เจ้าตัวเอื้อนเอ่ยสิ่งที่ใจคิด ถ้าไม่ได้พูดออกไปบ้าง มันคงอัดแน่นล้นหัวใจจนทำให้หายใจไม่ออกไปจริงๆก็ได้
“ถ้าเป็นฝันนายก็ต้องฝันดีมากๆเลยสิ เพราะมีคนหน้าตาดีขนาดนี้อยู่ด้วย” พูดไปพร้อมเอามือชี้ตัวเองประกอบ
“ทำไมหลงตัวเอง” บีบแก้มนิ่มของคนที่ยอตัวเองอย่างหมั่นเขี้ยว
“แล้วนายจะบอกว่านายไม่หลงเราหรอไง” เลิกคิ้วถามด้วยท่าทางกวนๆจนอยากจะจับมาฟัดซะให้เข็ด
“ยอมครับยอม หลงจนไม่รู้จะหาทางออกเจอไหมแล้ว” กดหัวอีกฝ่ายเบาๆให้เจ้าตัวซบลงบนอกกว้างอีกครั้ง ใช้สองแขนรัดโอบรอบอีกคนอย่างแสนรัก เขาคิดจริงๆ ไม่มีที่ไหนในโลกที่จะดีกว่าตรงที่เขาอยู่อีกแล้ว
“ต้นรักกีที่สุดเลย”
“เราก็รักนายเหมือนกัน”
“...”
“...”
“...”
“ต้น..”
“หืม” ตั้งต้นที่กำลังเหม่อลอยมองเพดานครางรับเมื่ออีกฝ่ายเรียกชื่อเขาหลังจากที่เงียบไปนาน เขานึกว่าอีกคนหลับไปแล้วซะอีก
“เมื่อวันก่อนกีคุยกับคุณพ่อ” เมื่อได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายพูด บรรยากาศผ่อนคลายที่มีอยู่ก็หายวับไปทันที เขาดันอีกฝ่ายออกไปนิด ผละตัวลุกนั่งพิงกับพนักเตียง สองมือวางบนไหล่แต่ละข้างของอีกคน
“อีกแล้วหรอ” ถามออกไปด้วยอารมณ์ขุ่นมัว เขาจำได้ดีตั้งแต่วันที่กีโทรไปหาพ่อ พ่อก็บอกให้ดินพาแฟนเขาไปบ้าน ทั้งๆที่เอ่ยห้ามเอาไว้แต่เมื่อกีอยากไปเขาก็ไม่กล้าเถียง หลังจากกลับมาก็เป็นอย่างที่เห็น บางวันคุยกับพ่อ บางวันคุยกับน้าวรรณ แล้วยิ่งไปกว่านั้น ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เบอร์แม่เขาเข้ามาอยู่ในมือถือของอีกฝ่าย
“น้าวรรณบอกว่ารู้เพศน้องแล้วนะ” กีรติเลี่ยงไม่ตอบคำถาม ทำเป็นไม่เห็นอาการไม่พอใจของอีกฝ่าย เอ่ยเล่าสิ่งที่ตนรู้มา
“...”
“ต้นไม่อยากรู้หรอว่าได้น้องผู้หญิงหรือผู้ชาย”
“เราเป็นลูกคนเดียว” ทันทีที่พูดจบก็โดนสวนกลับมาทันที
“ไม่เอาแบบนี้สิ ในตกลงกันแล้วว่าจะลองเปิดใจไง” รวบสองมือมาไว้กับตัวก่อนที่จะซบแก้มลงบนหลังมือนั้น
“...”
“นะ..ทำเพื่อกีสักครั้..”
“พอได้ไหม..” ร่างสูงเอื้อมเอาสองมือที่โดนจับไว้เปลี่ยนมาวางบนสองแก้มนิ่มของอีกฝ่ายพร้อมกระซิบบอก
“ขอแค่เรื่องนี้กีอย่าบังคับต้นเลยนะ” เขารู้ดีว่ากีมีจุดประสงค์ดี เพราะกีเป็นคนจิตใจดี กีถึงคิดว่าทุกคนจะเป็นเหมือนตัวเอง แต่ครอบครัวของเขามันพังไปแล้ว ไม่ว่าจะพยายามยังไงมันคงไม่มีทางกลับไปดีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้
“โอเค เราไม่พูดแล้ว” ร่างเล็กเลิกรบเร้า ถึงจะยังไม่ยกเลิกความตั้งใจแต่เขารู้ว่าของแบบนี้ต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไป ถึงเขาเองก็คิดว่าพ่อกับแม่ของต้นเป็นคนผิด แต่เขาก็รู้ว่าจริงๆแล้วท่านทั้งสองก็ยังรักต้น และต้นเองก็รักพวกท่านไม่ต่างกัน ดังนั้นหากต้นสามารถให้อภัยให้กับเรื่องราวในอดีตได้ มันก็ไม่น่าจะยากที่จะเริ่มต้นกันใหม่อีกครั้ง

“เราอยากกินปูเผาตัวใหญ่ๆ” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังหน้าบึ้งอยู่คนตัวเล็กก็เลยลองเปลี่ยนเรื่อง รีบปีนขึ้นไปนั่งค่อมบนตัวอีกฝ่าย เอาสองมือคล้องรอบคอเอ่ยอ้อนถึงอาหารที่อยากกิน
“เดี๋ยวต้นบอกแม่บ้านให้” ถึงจะยังหน้างอ แต่ร่างสูงก็โอบรัดเอวสอบเอ่ยรับอย่างตามใจ
“แล้วก็เอากุ้งชุบแป้งทอด ยำไข่ปลาหมึก ปลากระพงราดน้ำปลา ข้าวผัดปูจานโตๆ”
ตั้งต้นมองแฟนตัวเองที่ไล่ชื่อรายการอาหารที่อยากกิน ในที่สุดก็หลุดหัวเราะออกมา
“เลิกไดเอทแล้วหรอเรา” ว่าพร้อมเอานิ้วไปบีบจมูกคนตัวเล็กส่ายไปมา
“วันนี้งดไปก่อน ก็ออกกำลังเยอะกันขนาดนี้แล้ว วันนี้ต้องกินชดเชยให้เต็มที่” ก็ตั้งแต่เมื่อคืนเปลี่ยนมาไม่รู้กี่ร้อยท่า ขืนเป็นแบบนี้บ่อยๆเขาคงไม่ต้องไปฟิตเนตที่ไหนแล้วมั้ง เหมือนอีกคนก็รู้ว่าเขาหมายความว่ายังไง เจ้าตัวยิ้มหวานพร้อมส่งสายตาเจ้าเล่ห์มาให้ก่อนที่จะพูดเสริม
“โอเคงั้นจะให้กินไอติมผลไม้กับบิงซูด้วยเลยเอาไหม” คนเจ้าเล่ห์เอ่ยถึงรายการของหวานที่อีกคนชอบกิน
“หืม แต่ขนาดนั้นก็เกินไป ถึงจะไม่ได้ไดเอทก็ไม่ควรจะกินมากไปนะ”
“งั้นกีก็ออกกำลังกายเพิ่มอีกนิดสิครับ” พูดไปก็เริ่มเอาปลายจมูกโด่งคลอเคลียกับส่วนเดียวกันของอีกฝ่าย
“ต้น..” สัมผัสที่วาบหวามกระตุ้นทำให้อีกคนเริ่มไปไม่ถูก เจ้าตัวเริ่มหายใจผิดจังหวะ
“จะซื้อโรตีกล้วยหอมให้ด้วย”
“นี่..นี่นายจะเอาของกินมาล่อเราหรอ” ปากเก่งพูดออกไปทั้งที่สติเริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว
“แล้วไม่ได้หรอครับ..” กระซิบที่ข้างหูอีกครั้ง ไม่ลืมที่จะหยอกล้อกับติ่งหูที่นึกรู้ดีว่าเป็นส่วนอ่อนไหวของอีกฝ่าย
“นะครับ”
“แต่..”
“ครั้งสุดท้ายจริงๆ..” เขาเม้มปากแน่น แต่ไหนแต่ไรเขาก็โอนอ่อนให้ผู้ชายคนนี้ตลอดอยู่แล้ว ยิ่งมาอ้อนกันแบบนี้นอกจากตอบตกลงเขาจะทำอะไรได้
“งั้นเรา..งั้นเราเอาขนมปังสังขยาด้วยนะ”
เมื่อว่าออกไปอย่างนั้นมันก็เหมือนเป็นสัญญาณไฟเขียว ร่างสูงกดจูบร้อนลงที่ซอกคอขาวอย่างรวดเร็ว ฝ่ามือหนาเริ่มบีบคลำบนร่างขาวที่มีสีแดงเรื่อปะปนอยู่ทั่วอย่างร้อนรน

ปังๆๆๆๆๆๆๆๆ
ทั้งคู่ชะงักอยู่ท่านั้นเมื่อเสียงทุบประตูดังขึ้น หันมามองหน้ากันอย่างมึนงงว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“กี!!! ตื่นได้แล้วมึง ไปกินข้าวกัน!!”
กีรติหลุดขำร่วนเมื่อได้ยินเสียงเพื่ิอนสนิทดังอยู่หน้าประตู ผิดกับอีกคนที่นั่งหน้าบึ้งกอดอกบ่นพึมพำออกมา
“ไอ้ดิน มึงแม่งไม่มีน้ำยาจริงๆ”
.
.
.
.
.
.
.

ถึงจะเรียกว่ามื้อเช้า แต่กว่าจะอาบน้ำแต่งตัวและลงมาพร้อมกันได้ก็เกือบเที่ยง กว่าจะกินกันเสร็จจริงๆก็เลยบ่ายโมงไปแล้ว หลังกินข้าวเสร็จได้สักพัก เมื่อเห็นว่าแดดเริ่มอ่อนลงกีกับอินก็กลับห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเตรียมตัวจะลงเล่นน้ำทะเล ตอนที่เดินลงกลับมาที่ชายหาดก็พอดีกับที่คนที่พวกเขารออยู่มาถึงพอดี
“พวกมันมาได้ไง” เจ้าของบ้านที่ไม่รู้เรื่องมาก่อนว่าจะมีแขกมาเพิ่มเอ่ยถามเพื่อนสนิทหน้ามุ่ย ตอนนี้มีแค่อินเขาก็แทบจะรับมือไม่ไหวอยู่แล้วแล้วนี่ยังมีน้องรหัสไอ้ดินมาเพิ่มอีก แล้วยัง..
“แล้วไอ้พุทธมาเสนอหน้าทำไม”
“มันขับรถมาให้หมี” บดินทร์เอ่ยตอบอย่างนึกขำในใจ เขายังไม่ชินกับการที่เพื่อนสนิทกลายเป็นคนขี้หึงแบบนี้
“ถ้าน้องมึงมันหาทางมาไม่ได้ ก็ไม่ต้องมาสิ”
“มึงนี่ ก็น้องมันอยากมาเล่นน้ำทะเล แค่นี้จะเป็นไรวะ”
ทั้งสองมองตามสองคนที่เพิ่งมาถึงแต่วิ่งลงทะเลไปกับแฟนของพวกเขาแล้ว มันยังไม่แม้แต่จะเอากระเป๋าไปเก็บบนห้องเลยด้วยซ้ำ
“เชี่ย มันแอบเหลือบมองแฟนกู” ตั้งต้นสบถ ตอนแรกเขาเห็นแล้วว่ากีจะใส่เสื้อสีขาวแต่เพราะนึกว่าไม่มีใครมาเพิ่มเลยไม่ว่าอะไร แต่ตอนนี้มีไอ้พุทธมาด้วยเขาไม่อยากให้มันฉวยโอกาส คิดแล้วก็ยันแขนเตรียมจะลุกแต่โดนเพื่อนสนิทฉุดแขนไว้ก่อน
“มึงจะทำอะไร”
“ไปเอากีขึ้น ดูดิพอโดนน้ำแล้วยังกับไม่ใส่อะไร”
“โหคุณตั้งต้น คุณกลายเป็นคนขี้หึงแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ต้นคนคูลหายไปไหนครับ”
“ก็คนของกู” อีกคนโต้อย่างไม่อาย “แล้วคือมึงไม่หึงเลยนะ อีกนิดกูนึกว่าอินอยู่หน้าหนาว” เขาเอ่ย สายตามองไปที่แฟนเพื่อนที่อยู่ในเสื้อสีดำตัวโคร่งกับกางเกงวอร์มขายาว “เสื้อผ้าหนักจนอินจะจมน้ำแล้วมึง”
“เออ ผมเป็นคนรอบคอบ จะได้ไม่ต้องมานั่งหึงเป็นหมาบ้าแบบคุณไงครับ” ตั้งต้นไม่สนคำเพื่อนสนิท ตายังจับจ้องอยู่ที่คนของเขาที่กระโดดขึ้นห่วงยางอย่างทุลักทุเล พอขึ้นไปนอนได้ก็มีไอ้เด็กพุทธดันห่วงยางออกไปกลางทะเลไกลจากกลุ่มเพื่อน
“กูไม่ทนแล้ว” ว่าแล้วก็ยันกายขึ้นรีบถอดเสื้อกล้ามออกจากตัวอย่างรวดเร็วเดินลงทะเลตามทั้งสองคนไป
บดินทร์หัวเราะร่วนให้กับท่าทางของเพื่อนสนิท คนอย่างไอ้ต้นที่ขึ้นชื่อว่าไม่เคยหึงไม่เคยหวงใคร คนที่ใครๆก็ว่าไม่มีทางรักใครจริง วันนี้มันมายืนแย่งห่วงยางกับรุ่นน้องเป็นเด็กๆเพียงเพราะคนคนนึง คนที่มันบอกว่ามันรักหมดหัวใจ เขายกยิ้ม เขาเคยอยากให้มันมีวันนี้ เขาคิดว่ามันคงจะมีความสุข แต่ความสุขที่เขาเคยคิดไว้มันเทียบอะไรไม่ได้เลยสักนิดกับความสุขที่มันกำลังเผชิญ ความสุขที่เอาอะไรมาแลกมันก็คงไม่ยอม
“ไอ้พุทธ มึงไปไกลๆตีนกูเลย!”
“พี่กี พี่ต้นว่าผม”
“ตั้งต้น! ทำไมนายพูดกับน้องแบบนี้!”
“กี ทำไมกีเข้าข้างมัน”
“พี่กีช่วยผมด้วย”
“ไอ้พุทธ มึงวิ่งไม่เร็วมึงเจ็บแน่!”
“พี่กี~”
.
.
.
.
.
.
.
.
“เศษใจที่เขาโยนทิ้ง ยินดีรับครอบครอง เป็นรักมือสอง ก็อยากดูแล...ที่เห็นเป็นดินหล่นพื้นจะเอาคืนบนฟ้าเป็นดาวที่สดใส คอยส่องให้ฉันค้นเจอหัวใจ”
เสียงร้องแสนไพเราะเคล้าคลอกับคลื่นทะเลยามเย็นสร้างให้บรรยากาศสบายๆอบอุ่นมากขึ้น อินทัชใจเต้นรัว ทั้งจมูกทั้งแก้มขึ้นสีแดงเรื่อเมื่อสองตาประสานเข้ากับตาคมของนักร้องบนเวที
“เพลงนี้ต้องเล่นทุกงานเลยใช่ไหม” กีรติอดแซวไม่ได้ ยื่นจานของกินเล่นให้เพื่อนที่วานไปตักเพราะไม่อยากพลาดการร้องเพลงสดของคนบนเวที
“ไม่ต้องมาแซวกูเลยนะ” ทำเสียงขู่พร้อมกับหยิบส้อมมาจิ้มของกินในจานเข้าปาก เมื่อเพื่อนสนิทนั่งลงข้างกันดีแล้วก็เอ่ยถามเรื่องที่ยังค้างคาใจ
“เออ ว่าแต่มึงถามเรื่องนิชาหรือยังวะ”
“ถามแล้ว กูคุยกับเจ้าตัวแล้วด้วย” พอนิชาเห็นว่าต้นเงียบหายไปตั้งแต่วันที่ไปกินข้าวด้วยกัน เจ้าตัวก็โทรมาหาอีกฝ่ายเอง เผอิญว่าตอนนั้นเขาอยู่ด้วย ต้นเลยยื่นโทรศัพท์ให้เขาคุย พอคุยกันเขาก็รู้สึกได้จริงๆว่าทั้งสองคนไม่มีอะไรมากไปกว่าพี่น้องจริงๆ แถมตอนที่คุยกันอีกฝ่ายก็เหมือนจะรู้จักเขาอยู่ก่อนแล้วด้วยซ้ำ
“เอองั้นก็ดีแล้ว”
“รู้อย่างนี้แล้ว เมื่อไหร่มึงจะเลิกแกล้งต้นสักที สงสารต้นบ้างเถอะ”
“เมื่อมันทำให้กูมั่นใจว่ามันจะให้ทำให้มึงมีความสุข” คำตอบชัดเจนตรงไปตรงมาทำให้อีกคนหน้าร้อนผ่าว จู่ๆกระบอกตาก็ร้อนขึ้นจนต้องรีบปาดน้ำตาที่เริ่มมารวมตัวกัน
“ขอบใจมึงมากนะอิน” เอามือวางบนไหล่อีกคน “สำหรับทุกๆอย่างเลย”
“ไม่เป็นไร ก็มึงคือเพื่อนรักกู” อินวางมือทับบนมือที่จับไหล่เขาอยู่ บีบเบาๆเพื่อย้ำถึงความหนักแน่นของสิ่งที่บอกไป
“มึงก็คือเพื่อนรักกูเหมือนกัน” เขาตอบกลับ “กูไม่กลัวอะไรทั้งนั้น เพราะกูรู้ว่าไม่ว่ายังไงกูก็มีมึงอยู่”
“เหมือนกันเลยมึง” อีกฝ่ายตอบกลับมา พวกเขาไม่ได้ว่าอะไรต่อเพียงแต่ยิ้มให้กัน ยิ้มให้กับมิตรภาพที่ไม่ว่าจะนานแค่ไหน ก็จะคงอยู่ตลอดไป

“ฉันเคยเกือบพลาดสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิต
หากในวันที่ฉันล้มอยู่ ไม่มีหนึ่งใจของเธอ
ฝันคงจบ หลายสิ่งที่ดีคงหมดทางได้เจอ
หนึ่งกำลังใจที่ยิ่งใหญ่ ไม่ลืมได้เลย...”
ทั้งสองหันไปมองบนเวทีอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงกีต้าร์ดังขึ้นพร้อมกับเสียงนักร้องที่เปลี่ยนไป ตอนนี้ดินกลายเป็นคนเล่นกีต้าร์ในขณะที่ตั้งต้นทำหน้าที่เป็นนักร้องนำ เพลงที่ได้ยินเป็นเพลงที่เขาเคยได้ยินมานานแล้ว แต่เมื่อมันโดนร้องโดยคนที่กำลังจ้องมองเขาไม่วางตา มันก็เลยดูมีความหมายมากกว่าที่เคยจนทำให้หัวใจเต้นแรง
“ต้นมันดูเปลี่ยนไปนะ” จู่ๆอินก็เอ่ยขึ้นให้เขาหันไปมองหน้า
“จะว่ายังไงดีละ มันดูสดใสขึ้น ถึงจะยังเหม็นขี้หน้าอยู่บ้าง แต่กูว่ามันดูเข้าถึงง่ายกว่าเมื่อก่อน มึงว่าไหม” พูดจบก็หันมาถามความคิดเห็นเขา เขาหันกลับไปมองคนบนเวที ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ตั้งแต่เริ่มรู้จักอีกฝ่าย ชีวิตของเขาก็มีเรื่องราวมากมายผ่านเข้ามา ไม่ว่าจะดีหรือร้ายแต่ต้นคือคนที่เข้ามาเปลี่ยนชีวิตเขา คนที่ทำให้เขารู้จักที่จะรักตัวเอง คนที่ทำให้เขามองเห็นความรักมากมายจากคนรอบด้าน และเป็นคนที่ทำให้เขาได้รู้สึกถึงคำว่ารักอย่างแท้จริง
ความรักที่ขอเพียงแค่รัก
ความรักที่ไม่หวังสิ่งตอบแทน
ความรักที่ทำให้ยอมอภัย

“อิน กูแม่งโครตรักต้นเลยว่ะ”

“ขอบคุณที่รักกัน...
ขอบคุณทุกครั้งที่คอยกอดฉัน
ในวันที่ปัญหา ถาโถมเข้ามาใส่
จะตอบแทนความรัก ที่ฉันได้จากเธออย่างไร
ก็รู้ดีว่าไม่พอ แต่ขอทำให้ดีที่สุด

อินทัชมองเพื่อนสนิทตนที่ยกยิ้มเล็กน้อย สายตาทอดมองใครอีกคนด้วยแววตาแสนรักใคร่ เขาหันไปมองบนเวทีแล้วก็ต้องพบกับสายตาแบบเดียวกันสะท้อนกลับมาหาคนข้างตัวเขา
เขายิ้ม
“กูว่า...มันแม่งก็โครตรักมึงเลยวะ”

“ขอบคุณในความรัก ที่หาไม่ได้จากที่ไหน
จะรักเธอให้มากพอ และขอทำให้ดีที่สุด”

*********
#ต้นคนรักไม่เป็น
โอ้ยยย มีความสุขสักทีนะตั้งต้น แม่ดีใจน้ำตาไหล T_T แต่ง Nc ทีไรไม่เคยมั่นใจ แต่ทั้งเรื่องมีแค่ตอนเดียวก็อยากจะให้รู้ว่าลูกชั้นก็ไม่ธรรมดานะ 555 !! ติชมกันมาได้นะคะ นานๆจะแต่งทีมันก็อาจจะไม่สมจริงสมจังไปบ้าง ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยจ้า
แล้วคือตอนหน้าจบแล้วนะคะ ใจหายจัง (>_<)
สุดท้ายท้ายสุด ~ ขอฝากเรื่องน้องหมีกับพี่แทนด้วยน้า เปิดตอนแรกไปแล้วจ้า ไปลองอ่านกันดูเนาะ ชอบไม่ชอบวิจารณ์กันมาได้เต็มที่เลย น้อมรับสุดๆ //กราบแนบอก
ชื่อเรื่อง “หมูพีที่รัก / My honey”
#หมีแทนที่รัก



ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Nung66669

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
ดีใจด้วยนะตั้งต้นรู้จักความรักสักที
เฮ้ยจะจบแล้วเหรอจะมีตอนพิเศษมั้ย :impress: :m13:

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
สนุกมากครับ,,,

ออฟไลน์ manami_01

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 980
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-1

สนุกดีค่าแต่ขออย่างสิคะเว้นบรรทัดใก้ห่างกว่าได้มั้ยอ่านยากแลดูไม่สบายตาอ่า

เนื้อหาน่าติดตามแต่ออกรวบรัดไปนิดสู้ ๆ ค่า

ออฟไลน์ TuEyyy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
ตามอ่านจนสุด ขอบคุณน๊า  o13 o13 o13

ออฟไลน์ Maywrite

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
.:Epilogue:.





ร่างสูงถ่ายเทน้ำหนักตัวทั้งหมดไปที่ผนังด้านหลัง สองแขนก่ายกอดอกกว้างแน่นกระชับเพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างกายยามเช้ามืดที่มีน้ำค้างลงแบบนี้ ตาคมเหม่อมองไปยังวิวทิวทัศน์ตรงหน้า วิวของเมืองหลวงที่ไม่เคยหลับไหล มันเป็นอย่างนี้เสมอ มันอยู่เป็นเพื่อนแก้เหงาให้เขาเสมอไม่ว่าจะกี่ครั้งที่เขานอนไม่หลับ

นานมากแล้วที่เขาไม่ได้ฝันร้ายแบบนี้ อย่างน้อยก็ตั้งแต่มีกีกลับเข้ามาในชีวิต ฝันที่มักจะเริ่มต้นด้วยความสุขในวัยเด็ก เสียงหัวเราะและรอยยิ้มที่แสนสุขของเด็กชายตัวน้อย เด็กที่อยู่กับคนที่รักมากที่สุด เด็กที่มีทุกสิ่งทุกอย่าง เด็กที่ครองโลก แต่มันก็เป็นเพียงแค่ครึ่งแรกของความฝัน เพราะหลังจากนั้นภาพก็ตัดมาที่ความทรงจำที่เขาไม่เคยลืม แม่กับลุงกันต์ในห้องทำงานวันนั้น วันที่เรื่องจริงถูกเปิดโปงขึ้น วันที่ทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปตลอดกาล

ที่จริงเขาก็ชินแล้ว เขาเห็นฝันแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมาตลอดหลายปี ถึงจะต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกทุกครั้ง แต่พอตื่นแล้วเขาก็ไม่ได้รู้สึกอะไรเท่าไหร่กับสิ่งที่ฝันถึง แต่สิ่งที่ทำให้วันนี้จิตใจของเขาไม่อยู่กับเนื้อกับตัวก็คงเป็นเพราะภาพสุดท้ายที่เขาเห็นก่อนที่จะลืมตา

น้าวรรณ

ในฝันน้าวรรณกำลังร้องไห้อย่างหนักมองมาที่เขา ตั้งแต่วันที่เขาทะเลาะกับพ่อที่บ้านครั้งสุดท้ายเขาก็ยังไม่ได้คุยกับเจ้าตัวอีกเลย ทั้งที่อีกฝ่ายพยายามโทรมา มาดักรอเขาที่หน้าคอนโด แต่เขาก็ยังพยายามหลีกเลี่ยงทุกทาง ใจจริงเขาก็รู้ว่าตัวเองทำรุนแรงเกินไป สิ่งที่น้าวรรณทำให้เขามาตลอดหลายปีมันทำให้เขาไม่อาจปฎิเสธได้เลยว่าอีกฝ่ายรักเขาจากใจ

น้าวรรณไม่ผิด ถ้าผิดก็คงเป็นเพราะรักพ่อของเขามากเกินไป

ชายหนุ่มถอนหายใจหนัก คลายสองแขนลงข้างตัวก่อนจะหันหลังกลับเดินออกมาจากระเบียงเข้าไปในตัวห้อง ใจอยากเข้าไปนอนกอดคนบนเตียงให้หลับสบาย เขาไม่อยากจะคิดอะไรอีกแล้ว

ตั้งต้นหย่อนตัวลงนอนตะแคงเอาศอกยันฟูกนุ่ม ตาคมจ้องมองคนที่ยังหลับไม่รู้เรื่องอย่างนึกเอ็นดู

เขายิ้ม

ตอนนี้กีเป็นความสุขเดียวที่เขามี เป็นความรักทั้งหมดที่เขากล้าทุ่มเทให้ เขาใช้หลังนิ้วเกลี่ยแก้มนุ่มของอีกคนก่อนที่จะก้มจูบลงบนปากนุ่ม ทั้งๆ ที่คิดว่าทำเบาแล้ว แต่อีกคนก็ยังสะลึมสะลือลืมตาขึ้นมามองหน้ากัน

“ต้น...เช้าแล้วหรอ” คนที่ยังครึ่งหลับครึ่งตื่นละเมอถามออกมา

“หลับต่อเถอะครับ ยังไม่เช้าเลย” แทนที่คนฟังจะนอนต่อ เจ้าตัวกลับเอาสองมือขยี้ตาไปมาก่อนจะลุกขึ้นนั่งเอาหลังพิงหัวเตียง เอาสองมือตบหน้าตักตัวเองเบาๆ ให้เขาเอาหัวลงไปหนุน ใช้สองแขนกอดรอบเอวสอบ มือบางวางบนหัวของเขาอย่างเบามือก่อนจะลูบไปมา

“มีอะไรหรือเปล่าหืม” เขาเงยหน้าขึ้นสบตากับเจ้าของหน้าตักเมื่อเจ้าตัวเอ่ยถามออกมาเสียงนุ่ม

“อย่าบอกว่าไม่มีอะไร วันนี้นายเหม่อทั้งวันเลย” เขายกยิ้มเมื่อโดนรู้ทัน แฟนของเขาช่างใส่ใจเกินใคร

ตั้งต้นลุกขึ้นไปนั่งพิงหัวเตียงข้างกัน มือเอื้อมไปที่โต๊ะด้านข้าง หยิบซองสีชมพูยื่นให้อีกคนดู อีกฝ่ายรับมันไว้ก่อนที่จะเปิดมันออกมา

“อืม เราก็ได้เหมือนกัน..” กีรติว่าขึ้นพร้อมหยิบการ์ดแต่งงานที่อยู่ด้านในขึ้นมา

“...”

“ต้นอยากไปหรือเปล่า”

“...”

“...”

“ต้นคงต้องไป เพราะมันเป็นหน้าที่” ร่างสูงว่าขึ้น สายตายังคงจ้องมองการ์ดในมือเขา เขารู้ว่ายังไงต้นก็ต้องไป เจ้าตัวอยู่ในอีกสังคมหนึ่ง เป็นสังคมที่เขาไม่มีวันเข้าใจ เป็นสังคมที่ทุกอย่างสำคัญกว่าความรู้สึกของจิตใจ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาอยากรู้

“เราไม่ได้ถามว่าจะไปหรือเปล่า เราถามว่านายอยากไปไหม” อีกคนนิ่งไม่ได้ตอบคำถาม ถอนหายใจหนักก่อนที่จะรวบตัวเขาไว้บนตัก สองขาเรียวคร่อมร่างอีกคนไว้ หันหน้าประชันเข้าหากัน

“ต้นไม่รู้..” หน้าผากกว้างสบลงบนส่วนเดียวกััน แขนเรียวเล็กยกขึ้นโอบรอบคอแกร่งแน่น ลูบปลอบประโลม

“ต้นฝันถึงน้าวรรณ...”

“หืม..”

“ในฝันน้าวรรณร้องไห้...” เขาเอื้อมตัวไปโอบรัดคนพูดแน่น จนตอนนี้ต่างฝ่ายต่างวางคางลงบนไหล่ของอีกคน

“ต้นรู้ว่าน้าวรรณรักต้นมากใช่ไหม” เขาเอ่ยถามออกไป

“ก็รู้..” ร่างบางยิ้มเมื่อคนปากหนักยอมรับในที่สุด

“แล้วต้นก็รู้ว่าต้นรักน้าวรรณมากกว่าใคร”

“...” เขาผละออก พยายามมองสบตากับอีกคนที่ไม่ยอมหันหน้ามามองกันตรงๆ

“ต้นเรามาคุยกันหน่อยไหม”

“ไม่เอากี..”

“เราไม่ได้จะเข้าข้างพ่อต้นนะ แต่ว่า..”

“กี แต่ต้นพูดแล้วว่าจะไม่คุยกันเรื่องนี้..”

“ฟังก่อนได้ไหม..นะ..แล้วเราสัญญาว่าเราจะไม่เข้าไปยุ่งอีกเลย” เขาบีบไหล่อีกฝ่ายเบาๆ เป็นการขอร้อง เขาพูดเรื่องนี้กับอีกคนมานับครั้งไม่ถ้วน และนี่จะเป็นครั้งสุดท้ายจริงๆ

“แต่กีกำลังเข้าข้างเขา...”

“ใช่ที่ไหนเล่า เราจะเข้าข้างใครได้นอกจากนาย” เขาว่ากลั้วหัวเราะ

“...”

“นะ ข้อร้องล่ะ”

“...”

“...”

“เฮ้อ...ต้นฟังอยู่” เขายกยิ้มอย่างดีใจเมื่อคนตัวโตว่าอย่างนั้น ยกมือขึ้นลูบแก้มของคนฟังไปมาอย่างนึกเอ็นดู พยายามพูดออกไปด้วยเสียงที่นุ่มนวลที่สุด

“เรารู้ว่าเขาทำผิดกับนายมาเยอะ เราจะไม่มาบอกว่านายเข้าใจผิดหรืออะไร เราเองก็คิดเหมือนนาย แต่ที่เราอยากให้นายทำคือลืมเรื่ิองเก่าๆ ไปซะ มันไม่มีประโยชน์สักนิดที่จะมานั่งโกรธเกลียดทั้งที่ยังรักกัน ทั้งหมดก็เพื่อตัวนายเองและคนที่นายรัก”

“แต่กีไม่คิดว่ามันมากไปหรอ ต้นจะลืมได้ยังไง เขาทำกับต้นไว้ตั้งขนาดนั้น” อีกคนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเหมือนฟ้อง จนเขายกยิ้มมุมปาก

“เราทุกคนก็เคยทำผิดไม่ใช่หรอ”

“...”

“ทั้งเราทั้งนาย เราต่างก็เคยทำผิดพลาด ทั้งที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจ” เขายกยิ้มเจ้าเล่ห์พูดแหย่อีกฝ่าย

“จะให้เรารื้อฟื้นไหม เรายังจำบ๊อคเซอร์สีแด..อือๆ ๆ”

“พอเลย ตัวแสบ อยู่ๆ ก็วกมาเรื่องต้นได้ไง ต้นรู้แล้วไม่ต้องยกตัวอย่าง” คนตัวโตย่นจมูกใส่ เอามือปิดปากพร้อมบิดแก้มอย่างนึกมันเขี้ยวที่สุด เขาตีเบาๆ จนเจ้าตัวยอมคลายมือออกในสุด

“เราแค่อยากให้เห็นภาพ ว่าต้นเองก็เคยทำผิดพลาด แต่มันก็ไม่ได้แปลว่านายไม่รักเราไม่ใช่หรอ”

“...”

“และที่เราให้อภัยนาย ก็ไม่ใช่เพื่อนาย แต่เพื่อตัวเราเอง”

“...”

“เพราะท้ายที่สุดแล้ว ความสุขของเราก็คือการที่แค่ได้เห็นคนที่เรารักมีความสุข”

“...”

“เรารู้ว่าต้นรักพ่อ รักแม่ รักน้าวรรณ และเราก็รู้ว่าที่จริงต้นเองก็รู้ว่าพวกท่านเองก็รักต้นมากแค่ไหน”

“กีเข้าข้างพ่ออีกแล้ว...” เขาหัวเราะในลำคอเมื่ออีกคนพูดเหมือนบ่นออกมาเสียงอู้อี้

“ไม่จริงสักนิด เราไม่ได้เข้าข้างใคร เราแค่รักแต่นาย” เขาซบลงบนอกกว้าง ร่างสูงหัวเราะในลำคอ จุ๊บเบาๆ ลงบนกลุ่มผมนุ่ม

“อ้อนเก่ง” เขาหัวเราะ

“ก็อ้อนแต่กับนาย”

“ทำแบบนี้ต้นจะปฎิเสธกีได้หรอ”

“ก็อย่าปฎิเสธสิ อย่างน้อยแค่่ลองคุยกันสักครั้ง” เขาเงยหน้ามาสบตากันอีกครั้ง

“...”

“นะ ให้โอกาสตัวเองสักครั้งเถอะนะ”

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.





วุฒิศักดิ์ลูบผมนุ่มของคนรักไปมาเบาๆ ตาคมจ้องมองคนที่นอนหลับสนิทอยู่ในชุดไทยสีครีมเรียบหรู วันนี้เจ้าสาวของเขาต้องลุกขึ้นมาแต่งตัวแต่เช้ามืดก็เลยเพลียหลับไปอีกครั้ง ช่วงนี้เจ้าตัวไม่ค่อยได้นอนเป็นเวลา หนึ่งเพราะแพ้ท้องอย่างหนักมาตลอดหลายเดือน แล้วไหนจะยังเป็นเพราะเจ้าตัวร้องไห้ทุกครั้งเมื่อคิดถึงลูกชายคนเดียวของเขา

เขาถอนหายใจอย่างหนักอก ชายร่างสูงลุกขึ้นจากเตียงเดินออกมาจากห้องนอนของห้องสูทมีระดับที่ใช้สำหรับแต่งตัวและพักผ่อนรอเวลางานเริ่ม เขาเดินไปเทบรั่นดีลงบนแก้วใสขุ่น หย่อนตัวลงบนโซฟาเดี่ยว สายตาทอดยาวไปนอกหน้าต่างอย่างเหม่อลอย

ในแวดวงสังคม เขาเป็นหนึ่งในนักธุรกิจหนุ่มที่ประสบความสำเร็จที่สุด ผู้คนต่างให้ความนับถือและไว้วางใจในตัวเขา

แต่สำหรับชีวิตส่วนตัวแล้ว เขากลับเป็นคนที่ล้มเหลวที่สุด

มันเริ่มตั้งแต่วันที่เขายอมแต่งงานกับแก้วตาเพราะคำสั่งของพ่อเขาและพ่อเธอ ใช่โดยภาพรวมมันอาจจะเป็นเพราะเงินหรือผลประโยชน์ทางธุรกิจ แต่สำหรับเขามันคือความรับผิดชอบของลูกผู้ชายคนโตที่ต้องแบกรับความกดดันทั้งหมดแทนคนรอบข้าง เขาไม่อาจทำตามใจคิด ถึงแม้ว่าจะมีคนรักอยู่แล้วแต่เรื่องของเราทั้งสองก็ดูจะเป็นไปไม่ได้ วรรณเป็นแค่ลูกคนงานในบ้าน พ่อของเขาไม่มีวันยอมรับในความสัมพันธ์ของเรา ถึงแม้ตอนนั้นเขาจะไม่อยากเลิกกับเธอ แต่เป็นวรรณต่างหากที่ตีตัวออกห่างเพื่อผลักดันให้เขาตัดสินใจที่จะแต่งงานกับแก้วตา

ตลอดเวลาที่แต่งงานกัน ถึงแม้เขาจะยังรักอีกฝ่ายจนเอามาอยู่ด้วยที่บ้านใหม่ ถึงเขาจะนอกใจแต่เขาไม่เคยนอกกายภรรยา เขายังให้เกียรติอีกฝ่ายเสมอ เราทั้งสองมีลูกที่เรารักด้วยกัน ลูกชายที่เป็นทุกอย่างให้เขาทนอยู่ต่อ เขาให้อิสระคนเป็นลูกเสมอ เขาสาบานกับตัวเองว่าจะไม่มีวันบังคับให้ลูกต้องมาเจอชะตากรรมแบบเดียวกับเขา

แต่แล้ววันนึงเมื่อกันต์กลับมา เขาก็รู้ว่าไม่ได้มีแต่เขาที่มีอดีตฝังใจ แก้วเองก็ต้องทนฝืนใจไม่ต่างกัน ในตอนนั้นเองเขาเริ่มมีความหวังกลับมาอีกครั้ง ตอนนี้เขาโตแล้ว เขาสามารถทำตามใจโดยมันจะไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใครทั้งนั้น เขากับแก้วตกลงกันอย่างลับๆ มันถึงเวลาที่เราควรจะตอบแทนคนที่รักภักดีและรอเรามาตลอดสักที

แต่เขาก็ทำพลาดอีก ด้วยความที่ห่วงความรู้สึกของลูกชายเกินใคร เราจึงตัดสินใจปิดเรื่องนี้เป็นความลับ อยากจะรอจนกว่าเจ้าตัวจะโตพอแล้วถึงจะอธิบายให้ฟัง แต่แล้วมันก็สายเกินไป..อย่างไม่ตั้งใจพวกเขาทำร้ายจิตใจคนที่เขารักมากที่สุด ถึงอยากจะแก้ไขยังไงมันก็เหมือนไม่มีทางกลับไปเหมือนเดิมได้เลย ซ้ำเจ้าตัวยังมารู้เรื่องวรรณเข้าอีก นอกจากทำร้ายลูกชายที่เขารัก เขายังทำให้คนรักของเขาต้องนอนจมทุกข์ไปอีกด้วย

วุฒิศักดิ์หลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน

คนอย่างเขามันห่วย

เขาไม่เคยทำให้คนที่เขารักมีความสุขได้เลย





ก๊อกๆ

เขาออกจากห้วงความคิดเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู วุฒิศักดิ์ที่อยู่ในชุดทักซิโดสีดำลุกขึ้นเดินไปเปิดมันออก เขาค่อนข้างอึ้งปนตกใจ แต่ที่มากที่สุดคือความดีใจที่ไม่อาจจะเก็บกลั้นได้ที่เห็นลูกชายคนเดียวของเขายืนอยู่หลังประตูบานนั้น มองถัดออกไปด้านหลังเขาเห็นคนรักของลูกที่ยืนส่งยิ้มให้กำลังใจเขาอยู่

“สวัสดีครับคุณพ่อ” เด็กหนุ่มยกมือขึ้นไหว้เขาก่อนที่จะเอ่ยทักอย่างสุภาพ เขาพยักหน้ารับก่อนที่จะมองกลับมาที่คนตรงหน้า เจ้าตัวยืนนิ่ง ตาเสมองไปทางอื่นไม่หันมาสบตากับเขาตรงๆ

“เข้ามาก่อนสิลูก” ประตูถูกเปิดออกกว้าง เจ้าของห้องเบี่ยงตัวหลบเปิดทางให้พวกเขาเข้าไปก่อน พอปิดประตูเจ้าตัวก็ผายมือไปที่โซฟายาวเป็นสัญญาณให้นั่งลง

“ผมขออนุญาตไปหาน้าวรรณได้ไหมครับ” ร่างเล็กเอ่ยขึ้น วุฒิศักดิ์พยักหน้าอนุญาตก่อนที่จะชี้ไปที่ประตูห้องนอน เจ้าตัวกำมือเขาแน่นเหมือนพยายามให้กำลังใจก่อนที่จะผละเข้าไปในห้องนอนอย่างรวดเร็ว เขานั่งลงตรงตำแหน่งที่พ่อชี้มา ก่อนที่อีกคนจะนั่งลงบนโซฟาเดี่ยวข้างกัน

“พ่อดีใจนะที่วันนี้ลูกมา” วุฒิศักดิ์กล่าวขึ้นด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ถึงจะแปลกใจอยู่ไม่น้อย แต่เขาก็รู้สึกมีความสุขเกินกว่าจะถามหาเหตุผลใดๆ

“ผม...ผมก็ต้องมาอยู่แล้ว มันเป็นหน้าที่”

“ถึงอย่างนั้นพ่อก็ดีใจ” อีกคนยังคงยิ้มส่งมา จนคนที่แอบเหล่มองตกใจเมื่อสบตากันเข้าอย่างจัง

“แล้วก็เพื่อน้าวรรณ...” ชายหนุ่มพึมพำออกมาให้อีกคนกระบอกตาร้อนผ่าวขึ้นมาทันที

“น้าวรรณต้องดีใจมากแน่ๆ ถ้าเห็นลูกมา”

“...”

“...”

“ดูแลน้าวรรณให้ดี น้าวรรณสมควรได้รับความสุขที่สุด”

“พ่อรู้..พ่อจะพยายามไม่ทำพลาดอีก”

“อย่าให้น้องต้องเป็นแบบผม” วุฒิศักดิ์หน้าชา น้ำตาเอ่อล้นจนภาพตรงหน้าพร่าเบลอ

“...”

“...”

“พ่อขอโทษเราด้วยนะ สำหรับทุกเรื่อง”

“...”

“ไม่ว่าจะเพราะอะไรก็ตาม พ่อรู้ว่าพ่อทำผิดพลาดมาหลายครั้งในชีวิต แต่พ่ออยากให้ลูกรู้ไว้ว่าลูกไม่ใช่ผลพลอยได้ทางธุรกิจอย่างที่ลูกคิด ลูกเป็นกำลังใจสำคัญหนึ่งเดียวของพ่อกับแม่ เชื่อพ่อได้ไหมว่าพ่อกับแม่ไม่ได้อยากโกหก ไม่เคยหวังร้าย ไม่ว่ายังไงพ่อกับแม่ก็รักเรามากที่สุด”

“...”

“มาเริ่มต้นกันใหม่ได้ไหมลูก ให้โอกาสพ่อแก้ตัวได้ไหม ให้พ่อทำหน้าที่ของพ่อที่ดีสักครั้ง”

“...”

ความเงียบเข้าครอบงำ วุฒิศักดิ์พูดในสิ่งที่อยู่ในใจไปหมดแล้ว นี่มันอาจจะเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตที่มีโอกาสพูดกับอีกฝ่ายก็ได้ เขาไม่รู้เลยจริงๆ ว่าเจ้าตัวจะยอมมาเจอเขาแบบนี้อีกเมื่ิอไหร่

“ตลอดเวลาหลายปี พ่อรู้ไหมว่าอะไรที่ทำให้ผมเจ็บปวด” จู่ๆ คนที่นั่งนิ่งฟังมาตลอดก็เป็นฝ่ายเอ่ยออกมาบ้าง

“...”

“ไม่ใช่ที่แม่มีคนอื่น หรือแม้แต่ตอนที่รู้ว่าพ่อมีน้าวรรณ ผมอาจจะเสียใจไปบ้าง แต่ผมก็คิดว่าผมรับมันได้ ผมไม่ได้ต้องการครอบครัวที่สมบูรณ์แบบหรืออะไร ไม่เคยเลย”

“...”

“ผมแค่ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องโกหกกัน ทำไมถึงไม่พูดความจริง มันเป็นเพราะพ่อกับแม่เห็นผมเป็นตัวตลก ไม่มีค่าหรือไม่สำคัญที่ต้องบอก หรือว่าเพราะผมดูงี่เง่าจนกลัวว่าถ้าบอกความจริงไปแล้วจะรับไม่ได้” ชายหนุ่มเอ่ยระบายสิ่งที่คิด เขาเก็บคำถามนี้มากับตัวเองมานานเหลือเกิน ในที่สุดสิ่งที่ค้างคาอยู่ในใจก็ถูกเผยออกมา

“ต้น..พ่อ..”

“ผมไม่ได้อยากได้คำตอบ” ไม่ทันที่จะได้ตอบชายหนุ่มก็เป็นฝ่ายว่าต่อ “ต่อจากนี้ผมไม่อยากได้คำตอบอะไรอีกแล้ว” คนเป็นพ่อหน้าชา ความหวังที่มีเพียงน้อยนิดดับลง ในที่สุดคำที่เขากลัวที่สุดก็หลุดออกมาจากลูกชายคนเดียว เจ้าตัวไม่สนอีกแล้วว่าเขาจะพูดว่าอะไร

“ไม่ต้องหาคำตอบอะไรทั้งนั้น ผมไม่สนใจเรื่องในอดีตอีกแล้ว แค่ต่อจากนี้ ผมขอแค่ต่อจากนี้ไป เรามาทำมันให้ดีที่สุดไปด้วยกันได้ไหมครับ” วุฒิศักดิ์ไม่อยากจะเชื่อหู เมื่อแน่ใจว่าไม่ได้ฟังผิด เขาก็โผตัวเข้าไปกอดลูกชายคนเดียวไว้แน่น รู้สึกอยากยกนิ้วขึ้นมาหยิกตัวเองแรงๆ อย่างนึกกลัวว่าตัวเองกำลังอยู่ในฝัน

“ต้น...”

“ผมไม่ใช่เด็กแล้ว ต่อไปพ่อไว้ใจผม เล่าให้ผมฟังทุกอย่างได้ไหม ไม่ปิดบังหรือเลิกโกหกกันซักทีได้ไหม”

“ได้ลูกได้ พ่อขอโทษ กับทุกสิ่งที่ผ่านมา พ่อขอโทษ” เสียงสั่นเครือตอบกลับมาทันที น้ำตาของชายวัยกลางคนร่วงหล่นอย่างสุดกลั้น

“พ่อรักลูก รักลูกเหลือเกิน พ่อขอโทษนะ” เจ้าตัวพูดซ้ำไปซ้ำมาเหมือนอยากให้คำพูดมันฝังแน่นลงไปในใจของคนในอ้อมกอด

ตั้งต้นยกยิ้ม รู้สึกดีใจเหลือเกินที่ตัดสินใจทำแบบนี้ กีพูดถูกจริงๆ การรักกันมันง่ายกว่าการโกรธแค้นเป็นไหนๆ ทำไมเราต้องสร้างทิฐิขึ้นมากั้น ไหนเมื่อความสุขอยู่ใกล้แค่เอื้อมนี่เอง เขายกแขนขึ้นโอบรัดรอบหลังอีกฝ่ายไว้แน่น รู้สึกอุ่นกายอุ่นใจมากที่สุดในรอบหลายปี

“มาเริ่มต้นกันไหมนะครับพ่อ..”

.

.

.

.

แก๊ก

พอตั้งต้นเปิดประตูเข้าไปด้านใน เขาก็เห็นน้าวรรณที่อยู่ในชุดเจ้าสาวนั่งจับมืออยู่กับแฟนของเขาบนเตียงนอน ทั้งที่แต่งหน้าแล้วแต่หน้าตาอีกฝ่ายยังดูซีดเซียวเหมือนคนไม่ค่อยได้นอน จากที่กีเคยเล่าให้ฟัง น้าวรรณยังแพ้ท้องหนักแม้จะตั้งครรภ์มาแล้วหลายเดือน

“คุณต้น..” ทันทีที่เห็นเขา น้าวรรณก็เอ่ยเรียกชื่อออกมา เขายิ้มบางส่งไปให้ ก่อนที่จะเดินไปนั่งลงเคียงข้างกับเจ้าตัว

“คุณต้น..” เหมือนหาคำอื่นไม่ได้ เป็นอีกครั้งที่คนแก่กว่าเอ่ยเรียกชื่อเขา สองตากลมเรื่อไปด้วยน้ำชื้น ปากเม้มแน่นพยายามกลั้นไม่ให้น้ำตารินไหล

“น้าวรรณ..” แค่ได้ยินเขาเรียกชื่อ อีกฝ่ายก็ปล่อยโฮออกมาโผเข้ากอดเขา เขากอดตอบในทันที กอดของน้าวรรณยังอุ่นเหมือนเดิม

มันเหมือนกับวันที่อีกคนมานอนกล่อมเขาในคืนที่เขาเจอฝันร้ายกลางดึก

มันเหมือนกับวันที่อีกคนมากอดแสดงความยินดีเมื่อเขาชนะการแข่งวิ่งครั้งแรก

มันเหมือนกับวันที่เจ้าตัวมาปลอบโยนเด็กชายที่ร้องไห้หนักเพราะเพิ่งเสียสุนัขตัวแรกไป

แล้วมันก็เหมือนกับวันที่เจ้าตัวกอดร้องไห้ พร่ำบอกว่าภูมิใจในตัวเขาแค่ไหนเมื่อเขาสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้

อ้อมกอดยังอุ่นเหมือนเดิม ความอบอุ่นหนึ่งเดียวที่เขามีมาตลอดชีวิต

“คุณต้น..น้าขอโทษ..น้าขอโทษนะคะคุณต้น” คนพูดร้องไห้ไม่หยุด พูดคำเดิมซ้ำไปซ้ำมา

“ผมก็ขอโทษครับน้าวรรณ ขอโทษที่พูดไม่ดี ขอโทษที่ทำตัวไม่น่ารัก น้าวรรณยกโทษให้ต้นนะครับ”

“ไม่เลยค่ะคุณต้น น้าผิดเอง น้าผิดเองทุกอย่าง” อีกคนส่ายหน้า เขาจะถือโทษโกรธคุณต้นของเขาได้อย่างไร

“น้ารักคุณต้นนะคะ เชื่อน้าได้ไหมคะว่าน้าไม่เคยอยากให้คุณต้นเสียใจ” อีกฝ่ายเกาะแขนเขาแน่น เขายกยิ้ม ยกมือขึ้นไปลูบแก้มเช็ดน้ำตาให้

“ร้องไห้แบบนี้ เดี๋ยวก็ต้องแต่งหน้าใหม่หรอกนะครับ” เขาเอ่ยออกไปเสียงเบา

“อะไรที่ผ่านไปแล้ว ก็ให้มันผ่านไป มาเริ่มต้นกันใหม่นะครับ”

“คุณต้น...”

“น้าวรรณต้องมีความสุขมากๆ กินเยอะๆ ตอนนี้ผอมลงเยอะเลยรู้ไหม เป็นแบบนี้เดี๋ยวส่งผลกระทบกับน้องนะครับ” เขาเอื้อมมือไปแตะท้องที่เริ่มโตแล้วของคนที่ยังสะอึกสะอื้นไม่หยุด

“แล้วให้ต้นตั้งชื่อเล่นของน้องได้ไหมครับ” ทันทีที่พูดจบ คนฟังก็โผเข้ามาในอ้อมอกกว้างอีกครั้ง รัดตัวเข้าแน่นก่อนจะปล่อยโฮออกมาอีกรอบ

“คุณต้น..คุณต้นของน้า จะชื่อจริงหรือชื่อเล่น น้าให้คุณต้นตั้งหมดเลย” ชายหนุ่มหัวเราะออกมา

“เดี๋ยวผมได้ทะเลาะกับพ่ออีกแน่”

“น้าจะเข้าข้างคุณต้นเต็มที่เลย”

“ครับ เราสามคนมารุมพ่อกันให้เต็มที่เลยเนอะ ให้กีอยู่ข้างพ่อไปคนเดียว” พูดไปพร้อมเหล่มองแฟนตัวเองที่ทำหน้ามุ่ยไปนิด ก่อนจะส่งยิ้มหวานกลับมา เป็นอีกครั้งที่เขารู้สึกว่าตัวเองโชคดีเหลือเกินที่อีกคนยอมกลับเข้ามาในชีวิตเขา

คนที่ให้ทั้งความรัก ความเข้าใจ คนที่สอนให้รู้จักขอโทษและให้อภัย

คนที่เป็นทุกสิ่งทุกอย่าง..ของทุกๆ วัน





.

.

.

.

กีรติหันหน้าออกนอกระเบียงกว้างหน้าห้องจัดงานแต่ง พักสายตาด้วยการเหม่อมองออกไปอย่างไร้จุดหมาย จริงๆ เขาออกมาเพราะอยากเลี่ยงสายตาของผู้คนมากมายที่จับจ้องมาทางเขา ยิ่งพ่อของตั้งต้นแนะนำให้ทุกคนรู้จักและบอกฐานะอย่างเปิดเผย เขาก็รู้สึกว่าสายตาทั้งหมดมากองรวมกันที่เขา

“หนีมาอยู่นี่เอง” คนที่หายไปคุยกับแขกในงานนานสองนานมายืนซ้อนหลัง พอเขาหันไปมองก็เห็นชายหนุ่มยกยิ้มส่งมา มือยื่นแก้วน้ำส้มในมือส่งมาให้ เขายิ้มตอบ กล่าวขอบใจเล็กน้อยก่อนที่จะรับแก้วจากมืออีกคน

“เบื่อหรือเปล่า อยากกลับหรือยังครับ” ว่าพร้อมเอามือที่ว่างแล้วขึ้นมาลูบแก้มเขาไปมา เขาส่ายหน้าปฎิเสธทันที

“สัญญากับน้าวรรณแล้วว่าจะอยู่ถ่ายรูปตอนงานเลิก” คนฟังพยักหน้ารับรู้ สอดมือเข้ามารอบเอวเขา วางคางลงบนไหล่ข้างหนึ่งจากด้านหลัง

“กี..”

“หืม..” เขาหันข้างไปมอง ใกล้กันจนตอนนี้ปลายจมูกแทบจะโดนแก้มอีกฝ่ายแล้ว

“ขอบคุณนะครับ..สำหรับทุกอย่าง”

“พอแล้วได้ไหม นอกจากคำขอโทษ คำขอบคุณก็เบื่อแล้วเหมือนกัน” เขาพูดหยอกล้อให้อีกคนกลั้วขำในคอ

“ต้นดีใจจริงๆ ที่วันนั้นเดินไปทักไอ้ดินที่โต๊ะ” เจ้าตัวว่ากล่าวถึงวันที่ดินเพิ่งจะจีบอินใหม่ๆ วันนั้นเขาแค่อยากรู้จักกับคนที่เพื่อนสนิทสนใจเลยเดินเข้าไปหา แต่มันกลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความรักเดียวในชีวิตของเขาแทน

“ตอนนั้นใครก็ไม่รู้หวังจะฟันอย่างเดียวเลยนะ” เขาอดไม่ได้ที่จะเอ่ยแซว ตอนแรกเขาเองแอบปิ๊งอีกฝ่ายตั้งแต่เจ้าตัวยังไม่มานั่งที่โต๊ะด้วยซ้ำ แต่ไปๆ มาๆ กลายเป็นว่าอีกคนเป็นพวกหน้าม่อจนถอยแทบไม่ทัน..ก็ไม่ทันจริงๆ นั่นแหละ

“แต่เราก็ยังแปลกใจนะ ทำไมจู่คนที่ไม่ยอมคบใครแบบนายถึงมาขอเราเป็นแฟน เรายังตกใจไม่หาย” เขาว่าต่อ ใจย้อนคิดไปถึงอดีตที่ผ่านมา ถึงสำหรับหลายคนมันอาจจะไม่ใช่ช่วงเวลาที่ยาวนานเท่าไหร่ แต่สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นมันมากมายเสียจนเขาไม่มีวันลืม

“ต้นอาจจะรักกีตั้งแต่ตอนนั้นก็ได้” คนที่นิ่งคิดไปนานเอ่ยออกมาในที่สุด

“ทั้งๆ ที่คิดว่าจะไม่ยอมให้ใครเขามาในหัวใจ แต่ตอนนั้นต้นกลับไม่อยากให้กีไปไหน ต้นแค่ยังไม่รู้ใจตัวเอง”

“ก็เลยตั้งกฎบ้าๆ ขึ้นมาซะงั้น” เขาหัวเราะ อะไรคือมาขอคบเดือนเดียว แล้วเขาก็ยังบ้าจี้เล่นตามอีกคนไปด้วยเสียอีก

“ดีใจนะที่ตอนนั้นกียอมตกลง” ว่าแล้วก็กดปลายจมูกหอมแก้มนุ่มไปหนึ่งครั้ง

“แล้วรอบนี้จะนานแค่ไหนดี?” เขาหัวเราะเบาๆ เมื่อได้ยินคำถามของคนร่างบาง

“วันเดียว? เดือนเดียว? ปีเดียว?” อีกคนยังคงหยอกล้อไม่เลิก

“ชีวิตเดียว” เข้าตัวเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นจนคนเอาแต่เล่นเงียบกริบ หน้าแดงเรื่อขึ้นมาทันที

“ขอแค่ชีวิตเดียว..กีอยู่กับต้นแบบนี้ได้ไหม”





ไม่ใช่แค่หนึ่งเดือน แต่เขาขอเป็นหนึ่งชีวิต





“ต้นรักกีนะ รักที่สุดเลย”

“อืม...เราก็รักนายเหมือนกัน”









The End

***********

จบแล้วค่า เฮ้อ.. โล่งใจเป็นที่สุด #ต้นคนรักไม่เป็น

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เขียนแล้วรู้สึกว่ายังไงชั้นก็เขียนไม่ดีพอ เขียนบรรยายอารมณ์ตัวละครได้ไม่ถึงสิ่งที่ใจอยากให้รี้ดรับรู้ แต่ไม่ว่าจะยากจะง่าย จะแก้เยอะแก้น้อย ในที่สุดก็มาถึงตอนจบในแบบที่เราคิดว่าทำได้ดีที่สุดแล้ว ขอขอบคุณรี้ดทุกคนนะคะ คุณทำให้มีนิยายเรื่องนี้ (ตอนแรกไม่ได้ตั้งใจจะเขียนแยก แต่มีคนชอบคู่นี้หลายคน รวมทั้งเราเองด้วย ก็เลยเขียนขึ้นมา) และคุณทำให้เรามีกำลังใจเขียนมาถึงตอนนี้จริงๆ ค่ะ ประเด็นเรื่องพ่อกับแม่ หรือแม้แต่ตัวตั้งต้นหรือตัวกีเอง อาจจะทำให้ใครหลายคนขัดใจไปบ้าง แต่มันคือความตั้งใจของเราจริงๆ นะคะ อาจจะถูกใจหรือไม่ถูกใจยังไงก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ

ยังไงฝากติดตามผลงานต่อๆ ไปด้วยเถอะะะ พี่แทนกับน้องหมีก็มีสองตอนแล้ว แต่ขอพักสักแปปแล้วจะมาต่อให้จบเลย ช่วงนี้หมดไฟไปนิดนึง ขอไปเติมไฟแปปปป

ขอบคุณที่แวะมาค่ะ

แล้วเจอกันใหม่นะคะ

ทวิตเตอร์ @maywrite1























ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 o18 น้องกีคือความโชคดีของต้นน
ขอบคุณผู้แต่งมากๆเลยค่ะ :katai2-1: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
เคลียร์พ่อ แล้วแม่ล่ะ

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
จบแล้ว สนุกมากครับผม,,,

ขอบคุณนะครับ,,,

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
ดีที่มีกันและกัน :กอด1: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Nung66669

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
จบแล้ว  :กอด1: :กอด1: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Maywrite

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
.:บทเรียนพิเศษ:. คนเก่า









“สวัสดีค่ะ” เสียงหวานของใครคนหนึ่งเรียกให้คนทั้งโต๊ะหันไปมอง ร่างบางที่อยู่ในชุดเกาะอกสีครีมขาวและมินิสเกิร์ตสีแดงส่งยิ้มมาให้ สายตามุ่งตรงไปที่หนุ่มผมยาวประบ่าที่นั่งอยู่ที่โซฟานุ่มด้านในสุด เสียงเชียร์ด้านหลังที่ดังไม่หยุดบวกกับท่าทางเคอะเขินและหน้าที่แดงก่ำของเจ้าตัว ทำให้พอจะเดาได้ว่าคนตรงหน้าโดนเพื่อนในโต๊ะยุมาอีกที

“ขอไลน์ได้ไหมคะ” ทั้งที่ในโต๊ะมีคนเยอะแยะ แต่สายตาที่พุ่งตรงไม่ลังเลไปไหน ทำให้ทุกคนมั่นใจว่าเป้าหมายที่แท้จริงคือใคร ความเงียบครอบคลุมไปชั่วขณะ ก่อนที่สองคนที่ได้สติกลับมาก่อนใครจะระเบิดหัวเราะเสียงดัง

“ฮ่ะๆ ๆ ๆ ๆ ๆ กูไม่ไหวแล้วว่ะทิว” ธารากุมท้องตัวเองแน่น หัวเราะจนตัวโยนซบหน้าลงบนไหล่ข้างหนึ่งของเพื่อนตัวจิ๋ว ก็ตอนนี้คนที่โดนขอเบอร์ขอไลน์มาตลอดทั้งคืน แถมยังมีโจทย์เก่าแวะเวียนมาสร้างสีสันเป็นระยะๆ หน้าเจื่อนเป็นไข่ต้มสุกโดนปอกเปลือกไปแล้ว

“รายที่สามหรือสี่ว่ะวันนี้...อะแฮ่มๆ โทษทีครับพี่ขำเพื่อนพี่น่ะ”

ทิวาที่กำลังหัวร่อไปกับเพื่อนบังเอิญสบสายตากับคนมาใหม่ เห็นเจ้าตัวหน้าเสียไปแล้วก็แอบรู้สึกผิด พูดเฉไฉไปนิด พยายามกลั้นหัวเราะ ทำทีเป็นยกแก้วเหล้าในมือขึ้นมาดื่มต่อปิดบังยิ้มกว้าง

“พวกมึงพอเลยนะ” นัชชาผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มกล่าวเตือน ตาหันไปมองคนที่ยืนหน้าแดงอย่างเห็นใจลูกผู้หญิงด้วยกัน เห็นมือเรียวกำมือถือในมือแน่นเกร็ง กระสับกระส่ายเหมือนคนอยู่ผิดที่ผิดทาง

“ขอโทษนะคะน้อง แต่คือคนนี้เป็...”

“เอามาครับ เดี๋ยวผมเมมให้” นัชชาพูดไม่ทันจบประโยคก็โดนอีกเสียงแทรกขึ้น คนที่นั่งข้างเป้าหมายหลักยืดตัวขึ้นจากโซฟา แบมือขอโทรศัพท์จากอีกคน เจ้าหล่อนลังเลเล็กน้อยก่อนจะยื่นโทรศัพท์ให้คนขออย่างงงๆ

หมับ!

ไม่ทันจะได้รับโทรศัพท์ไปไว้ในมือ เจ้าเครื่องสื่อสารดังกล่าวก็โดนแย่งไปด้วยมือใหญ่ของคนที่สาวเจ้าอยากได้เบอร์ เธอยกยิ้มขึ้นมาทันที ใจชื้นขึ้นกว่าเดิม เพราะตอนแรกนึกว่าจะโดนเจ้าตัวเมินไปเสียแล้ว

“ผมขอโทษนะครับ ผมคงให้ไม่ได้จริงๆ” ชายหนุ่มปฎิเสธออกไปอย่างสุภาพ ยื่นโทรศัพท์ตัวปัญหากลับไปให้เจ้าของ รอยยิ้มที่เพิ่งผุดขึ้นมาของเจ้าตัวจมหายไปในทันที หน้าร้อนชาเมื่อโดนสายตาของคนทั้งโต๊ะจับจ้อง แล้วไหนจะเพื่อนอีกทั้งโต๊ะด้านหลังที่คงรอหัวเราะเยาะถ้าเขาแห้วกลับไป

เธอเม้มปากแน่น ยังไงวันนี้ก็ไม่ยอมกลับไปมือเปล่า เจ้าตัวยื่นโทรศัพท์ออกไปอีกครั้ง

“งั้นขอเบอร์พี่แทนได้ไหมค่ะ” ว่าพร้อมส่งสายตายั่วยวนให้พี่คนเดิมที่เคยบอกให้เอาโทรศัพท์มา เพราะเป็นคนเดียวที่มีท่าทีเหมือนจะสนใจเขา ถึงพี่เขาจะหน้าหวานไปหน่อย เรียกว่าสวยเกินจนผู้หญิงอย่างเขาต้องอาย แต่ในขณะเดียวกันก็ถือว่าหล่อตี๋ตามสมัยนิยม

ทันทีที่เธอพูดจบ เสียงพูดคุยในโต๊ะก็เงียบลง คนในโต๊ะมองหน้ากันเลิกลั่กอย่างทำอะไรไม่ถูก เพราะอย่างไม่รู้ตัว สาวเจ้าเหยียบโดนกับระเบิดเขาแล้วอย่างจัง

ไม่ทันทีที่มือบางจะได้เอื้อมออกมา เจ้าตัวก็โดนรวบเอวสอบด้วยมือหนาเข้าไปในอกของอีกคน ในจังหวะที่กำลังหันไปมองเพราะกำลังตกใจ ก็โดนฉกจูบลงมาอย่างจัง ปากเรียวนุ่มที่มาสัมผัสทั้งรุนแรงและดุดัน ดูดแรงๆ จนเกิดเสียงจ๊วบขึ้นในอากาศหนึ่งครั้งถึงยอมปล่อยออก

“ตั้งต้น!!” คนโดนละลาบละล้วงต่อหน้าคนแปลกหน้าร้องดัง ตีไหล่อีกคนแรงๆ ไปทีอย่างเผลอตัว เจ้าตัวยิ่งตะโกนโวยวายหน้าแดงก่ำเมื่อไอ้เพื่อนเวรในโต๊ะโชว์มือถือส่ายไปมา บอกเป็นในว่าเหตุการณ์เมื่อกี้โดนบันทึกไว้เรียบร้อยแล้ว

“จะเอาเบอร์แฟนผมไปทำไมครับ” คนหน้าหนาไม่สนใจ หันกลับไปยิ้มถามคนที่ยืนอึ้งอ้าปากค้างทำตัวไม่ถูก เขาอุตส่าห์รักษามารยาท ปฎิเสธไปอย่างสุภาพ เจ้าหล่อนดันมายุ่งกับของรักของหวงเขาทำไม จนในที่สุดเพื่อนเจ้าตัวก็รีบวิ่งมาช่วย เอ่ยกล่าวขอโทษเล็กน้อยก่อนจะลากคนที่วิญญาณออกจากร่างกลับไปที่โต๊ะ

“ไม่รู้จักอาย” กีรติค้อน

“รู้จัก แต่ไม่อาย”

“แต่เราอาย!!” คนตัวเล็กโวยวาย ตั้งต้นมองตาพริ้ม ยิ่งโวยวายเขาก็ยิ่งคิดว่าแฟนเขาน่ารัก สอดสองแขนรอบเอวบาง วางคางลงบนบ่าเรียวจากด้านหลัง

“ก็อยากมายุ่งกับแฟนต้นเอง” ทำเสียงเล็กเสียงน้อยแก้ตัวออกไป

“แล้วกีก็เหมือนกัน เลิกแจกเบอร์ต้นได้แล้ว หึงบ้างอะไรบ้าง” คนในอ้อมกอดหัวเราะขึ้นมาทันที

“ถ้าต้องมานั่งหึง ตอนนี้คงบ้าตายไปแล้ว”

ก็คนของเขามันธรรมดาที่ไหน ไม่ใช่แค่คนที่เข้ามาหาแบบนี้หรอกนะ แต่คนที่เจ้าตัวเคยคบเคยนอนด้วยนี่สิ ที่เยอะจนเอานิ้วมือนิ้วเท้ารวมกันแล้วยังนับไม่ไหว แรกๆ เขาก็มีหวั่นไหว ตามโกรธตามหึงตามหวง แต่พอเห็นว่ามันเยอะเหลือเกิน จนเขาเองก็เหนื่อยที่จะเก็บมาคิดให้ทะเลาะกันร่ำไป หลังๆ ก็เลยชิวแบบที่เห็นนี่แหละ

คดีเก่าถือว่าให้แล้วกันไป แต่ถ้ามีคดีใหม่พ่อจะตัดแล้วโยนให้เป็ดกินเสียเลย





“มึง พี่น๊อตเรียกแล้วว่ะ” คนที่กำลังกกกอดแฟนไม่ห่างหันไปมอง เห็นไอ้ดินเพื่อนสนิทเดินส่งเสียงมาจากหลังร้าน พวกเขามาที่นี่กันบ่อยจนรู้จักกับเจ้าของร้านเป็นอย่างดี พี่แกเลยมาขอให้พวกเขามาช่วยขึ้นเล่นในวันที่นักร้องลากระทันหันแบบนี้

“สักที ต้องขึ้นแล้วมึง” บดินทร์ย้ำอีกครั้ง กรอกตามองคนที่มือยังเป็นปลาหมึกไม่ยอมปล่อยอีกคนไปง่ายๆ เขาเองก็เลยถือโอกาสรวบเข้าด้านหลังใครอีกคนที่ยกยิ้มเงยหน้าขึ้นมามองกันอยู่ก่อนแล้ว

“อินอยากฟังเพลงอะไรไหมครับคืนนี้”

“ไม่เอารักมือสองนะ เพื่อนแซวกันหมดแล้วว่าดินเล่นเป็นเพลงเดียว” ร่างสูงย่นจมูกใส่อย่างมั่นเขี้ยว จุ๊บลงที่จมูกนุ่มเบาๆ ก่อนที่จะกระซิบที่กกหูให้อีกคนหน้าขึ้นสีแดงเรื่อ

“โอเคครับ เดี๋ยวดินค่อยกลับไปร้องให้อินฟังที่ห้องก็ได้เนอะ”





พรึบ!

“ทั้งคู่เลยพวกมึง วันนี้จะได้ขึ้นไหม” เป็นเจ้าของร้านที่ว่าขึ้นเสียงเหนื่อยหน่าย

“ให้ไอ้ดินมาตาม แม่งช้ากว่าเดิมไปอีก” จับคอเสื้อทั้งสองคนดึงขึ้น ลากไปทางเวทีอย่างทุลักทุเล คนทั้งโต๊ะหัวเราะร่วนให้กับท่าทางเด็กน้อยของสองหนุ่มที่เป็นขวัญใจสาวๆ ตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับเด็กที่แอบมาปีนมะม่วงแล้วโดนเจ้าของบ้านจับได้อย่างไงอย่างงั้น

“คือกูไม่อยากจะเชื่อ ตั้งต้นคือหลงมึงเว่อร์ไอ้กี” เป็นธันที่เอ่ยขึ้น เขาเฝ้ามองสถานการณ์มาทั้งคืน คนที่เคยควงคนไม่ซ้ำหน้าอย่างมัน คืนนี้ไม่ได้ละสายตาไปจากเพื่อนตัวน้อยของเขาเลยสักนิด

“มึงนั่นแหละเว่อร์” กีว่ากลับแก้เขิน

“จริงๆ เรายืนยันได้นะกี คือตั้งแต่รู้จักมันมาเพิ่งเคยเห็นมันเป็นแบบนี้จริงๆ” ทิวาช่วยยืนยัน เข้ารู้จักอีกฝ่ายมาตั้งแต่มอต้น ตั้งแต่อีกฝ่ายเลิกกับลินไป เขาไม่เคยเห็นต้นจริงจังกับใครแบบนี้เลย พูดกันตามตรงเขาว่าจริงจังยิ่งกว่าตอนคบกับลินเสียอีก

“แล้วมึงแม่งทำเป็นเก่ง แจกเบอร์ไอ้ต้นให้คนไปทั่ว ระวังเถอะมึงจะเจอดี” อินทัชกล่าวเตือนเพื่อนบ้าง ไอ้กีทำเป็นมาทำตัวคูลไม่เข้าเรื่อง

“พวกมึงไม่เข้าใจกู” กีรติว่าท่าทางสบายๆ หยิบน้ำส้มที่อีกคนสั่งไว้ให้ขึ้นมาดื่มเพราะเขาเริ่มจะมึนๆ แล้ว

“กูเหนื่อยมึง มึงเข้าใจไหมว่ามันเยอะจนกูเหนื่อย กูหึงกูหวงแล้วจะได้อะไรถ้าคนจะทำมันก็ทำไหม” เขาเริ่มร่ายยาว

“ที่กูทำได้คือไว้ใจ ไว้ใจจนสุดหัวใจกูจริงๆ ถ้ามันบอกว่าไม่ได้ทำกูก็เลือกที่จะเชื่อแบบนั้น มันง่ายกว่ากันเยอะ” เพื่อนในโต๊ะได้แต่พยักหน้าตาม พยายามเข้าใจในความคิดลึกล้ำของอีกคน

“และต้นมันก็รู้ว่ากูเชื่อใจมันแค่ไหน และถ้ามันกล้าที่ทำลายความไว้วางใจนั้น มันเองนั่นล่ะคือคนที่รู้ดีที่สุดว่ากูจะไม่มีทางกลับไปหามันอีก”

เพื่อนๆ ที่นั่งฟังนิ่งสนิท ดูภายนอกเหมือนไอ้เพื่อนตัวน้อยจะเป็นคนยอมอีกฝ่ายเพียงข้างเดียว แต่จริงๆ แล้วคนที่คุมเกมส์นี้อย่างอยู่หมัดคือมันต่างหาก

แปะ แปะ แปะๆ

เป็นนัชชาที่ตบมือเป็นจังหวะช้า ลุกขึ้นจากที่นั่งเหมือนเวลาดูละครเวทีจบ จนคนทั้งโต๊ะทำตาม ตบมือกันเสียงดัง จะมีก็แต่ไอ้อินที่นั่งมุดอยู่ที่เบาะโซฟาเอากระเป๋าบังหน้าอย่างแสนอาย อินทัชหน้าแดงก่ำ พึมพำด่าพวกมันอยู่ในใจ

ไอ้พวกเชี่ยนี่ ทำตัวได้น่าอายเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ เลยนะพวกมึง!





“มึงแม่ง แค่นั่งสวยๆ ไม่ต้องออกแรงสักนิด แต่คืออยู่หมัดจริงๆ ดูไว้อีธัน เอะอะให้บุก เอะอะให้ตบตลอด หัดใช้สมองเสียบ้าง”

“แหม อีแนท ไม่ใช่มึงเลยนะที่มาคอยยุกู” กีรติหัวเราะ นั่งฟังพวกมันด่ากันไปมาไม่หยุดอย่างนึกขัน

“เห้ย อีลูกน้ำ มึงดูนั่น” จู่ๆ ทิวาก็ตะโกนขึ้นให้ทั้งวงเงียบเสียง หันมองตามนิ้วที่ชี้ไปอีกฝั่งของร้าน

“เชี่ย มาได้ไงว่ะ แล้วนี่เห็นต้นหรือยังก็ไม่รู้”

“จะไม่เห็นได้ไง เด่นหร่าขนาดนั้น” ว่าแล้วก็เหลือบไปมองบนเวทีที่อีกคนกำลังนั่งดีดกีต้าร์อยู่ พอย้อนกลับไปมองทางเดิมอีกครั้งก็เห็นว่าคนที่พูดถึงยืนจ้องคนบนเวทีตาไม่กระพริบ

“เห็นชามันบอกอยู่ว่านางพยายามขอนัดคุยกับต้นหลายทีแล้ว” ทิวาเอ่ยขึ้น เขารู้จักกับน้องนิชาดี เจ้าตัวเป็นรุ่นน้องของเขาตั้งแต่สมัยมัธยมและตอนนี้ก็ยังเป็นน้องในมหา’ ลัยอีกจึงได้เจอกันบ่อยๆ

“ยังมีหน้าอีกนะ อย่าบอกว่าจะมาขอคืนดี”

“ใครหรอ” ทั้งสองที่กำลังวิจารณ์กันสนุกปากจนลืมว่ามีอีกคนอยู่ด้วยชะงักลงทันที ทำหน้าเหรอหรา

“แล้วเกี่ยวอะไรกับต้น” เขาแน่ใจว่าเขาได้ยินชื่อของแฟนในบทสนทนา แล้วยังสายตาของเจ้าหล่อนที่จับจ้องแฟนเขา มันไม่ใช่สายตาของคนที่เพิ่งมาปิ๊งนักดนตรีในร้านเหล้าแน่ๆ ทิวายิ้มเจื่อนให้ธาราก่อนจะหันไปมองคนที่ถามคำถาม เจ้าตัวใช้ดวงตากลมโตวาบวับจับจ้องมาที่เขาสองคนด้วยความสงสัยเต็มประดา จนในที่สุดเมื่อทนต่อไปไม่ไหวก็เป็นทิวาที่ตัดสินใจเอ่ยออกมา

“นั่นนะลิน... แฟนเก่าคนเดียวของต้น”

.

.

.

.

.

.

.

.





“ต้น” หลังจากจบการแสดงของคืนนี้ ตั้งต้นก็เดินไปเก็บอุปกรณ์และเครื่องดนตรีหลังร้าน พอกำลังจะเดินกลับไปที่โต๊ะที่เพื่อนและแฟนรออยู่ จู่ๆ ก็มีเสียงเรียกพร้อมสัมผัสเบาๆ มาสะกิดไหล่ให้หันหลังกลับไปมอง

ในชั่วขณะที่สบตาเข้ากับอีกฝ่าย คิ้วเรียวยาวมุ่นเข้าหากัน ตาคมเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยด้วยความตกใจ แต่มันก็เป็นแค่เพียงครู่เดียว เพราะต้องทำมันมาทั้งชีวิต การตีสีหน้าเรียบเฉยไม่แสดงออกซึ่งความรู้สึกใดๆ จึงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขาเลยสักนิด

“ลิน” เอ่ยเรียกชื่ออีกฝ่าย เจ้าตัวส่งยิ้มมาให้ รอยยิ้มหวานที่ไม่เคยเปลี่ยน มันเป็นรอยยิ้มที่เขาเคยหลงไหลที่สุด

“ไง ไม่ได้เจอกันนานเลยเนอะ”

เขาเพียงแค่ยิ้มและพยักหน้ากลับไป แว๊บนึงอยากจะใช้คำพูดกระแทกกระทั้นให้อีกคนเจ็บใจเล่น

ใช่ ไม่ได้เจอกันนาน

ก็ตั้งแต่อีกคนทำตัวมั่วไม่เลิก

ก็ตั้งแต่วันที่เขาจับได้ว่าอีกคนมีชู้





ถ้าเป็นเมื่อก่อน เขาคงไม่ลังเลเลยสักนิดที่จะเอ่ยมันออกไป แต่สำหรับตอนนี้แค่คิดก็ยุ่งยากเกินไปที่จะทำแล้ว

“ลินมีอะไรหรือเปล่า ถ้าไม่มีผมขอตัวก่อนนะครับ” ชายหนุ่มเอ่ยออกไปอย่างสุภาพ เขาไม่คิดจะทำร้ายอีกฝ่ายอีกต่อไปแล้ว ต่างคนต่างอยู่คือดีที่สุด

พอทำท่าจะหันหลัง หญิงสาวก็รั้งข้อมือเขาไว้ให้ต้องหันไปมองกันอีกที ตั้งต้นมองหน้าเจ้าตัวที่เขาเพิ่งสังเกตว่ามีแววตาเศร้าหมองกว่าที่เคย ก่อนที่จะเลื่อนสายตาไปยังบริเวณที่สัมผัสกันให้อีกคนรีบปล่อยมือออกทันที เจ้าตัวอ้ำอึ้ง เม้มปากแน่นเหมือนคนที่ไม่มั่นใจสุดขีด แต่ในที่สุดก็เอ่ยในสิ่งที่อยากพูดมานานออกมา

“ขอลินคุยด้วยหน่อยได้ไหม”













ปัง!

ประตูรถถูกปิดสนิท รอบข้างเงียบสงัดมีเพียงเสียงของเครื่องยนต์และลมแอร์เบาๆ ในอากาศ ตั้งต้นนั่งนิ่งอยู่ที่ตำแหน่งข้างคนขับ ตาเหม่อมองไปด้านหน้า ปล่อยให้อีกคนที่บอกว่ามีเรื่องอยากคุย ใช้เวลาเตรียมใจอีกนิดโดยไม่ได้คิดจะเร่งรัดอะไร

“ต้น...” คนที่นั่งอยู่ในตำแหน่งคนขับเอ่ยขึ้น เอื้อมมือมากุมมือเขาอีกครั้ง เขาชะงักไปนิด ใจอยากจะดึงมือออกแต่ก็สงวนท่าทีรอดูว่าอีกฝ่ายต้องการอะไรกันแน่

“มีอะไรอยากจะคุยกับผมก็ว่ามาเลย”

“ตั้งแต่วันนั้นก็ไม่ได้คุยกันเลยเนาะ” เธอกล่าวถึงวันที่ชายหนุ่มทิ้งดอกไม้ไว้ที่ห้อง หลังจากนั้นอีกฝ่ายก็ไม่ยอมให้เขาเข้าใกล้อีกเลย ถึงตอนหลังจะรู้ว่าอีกคนมาตีตัวออกห่างเพราะอะไร แต่ด้วยที่ตอนนั้นยังเด็ก จึงถือทิฐิเหนืออื่นสิ่งอื่นใด ตัดสินใจคบกับต้าร์เพียงเพื่อจะให้ทุกคนรู้ว่า ไม่ใช่ต้นที่ทิ้งเขา เป็นเขาต่างหากที่เป็นคนที่ทิ้งอีกคน

“ลินอยากขอโทษมาตลอด ทั้งๆ ที่ต้นเองต้องเจอเรื่องแย่ๆ หลายอย่างอยู่แล้ว ลินยังทำตัวเองเป็นเรื่องแย่ๆ อีกเรื่องของต้นอีก”

ตั้งต้นไม่ได้ว่าอะไร นั่งมองคนที่น้ำตาคลอหน่วยเปิดเผยสิ่งที่อยู่ในใจ

“ถ้ามันจะทำให้ต้นรู้สึกดี ลินอยากให้ต้นรู้ไว้ ว่าสิ่งที่ลินเคยทำกับต้น มันย้อนกลับมาหาลินครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่มีใครจริงใจกับลินเลยสักคน” ละลินเอ่ยความจริงจากใจ ไม่ใช่ว่าเขาอยากคบกับใครไปทั่ว เขาเองก็อยากเจอรักแท้สักทีเหมือนกัน แต่ไม่ว่าจะลองคบใคร ลองให้ใจใครไป สุดท้ายสิ่งที่ได้กลับมา กลัยบมีเพียงการโดนหักหลัง โดนหลอกลวงไม่มีสิ้นสุด

มันคงเป็นผลกรรมที่เขาเคยทำไว้กับอีกคน





“มันไม่ได้ทำให้ต้นรู้สึกดี” สรรพนามที่คุ้นเคยกลับมาให้อีกคนแอบใจชื้น ในที่สุดชายหนุ่มที่นั่งนิ่งมาตลอดก็พูดขึ้น ในตอนแรกเขายังไม่แน่ใจว่าเขารู้สึกอย่างไรกันแน่ ตลอดหลายปี มีหลายครั้งที่เขาเคยคิดอยากให้คนคนนี้ตกนรกหมกไหม้ อยากให้มีแต่ความทุกข์เหมือนที่เขาเคยเป็น แต่ในเวลานี้ที่เขาได้มาเห็นอีกคนซึมเศร้าจมกับความทุกข์ด้วยสองตา เขาก็รู้แล้วว่าจริงๆ เขารู้สึกอย่างไร

เขารู้แล้วว่าการที่มานั่งประชดหรือการเก็บความรู้สึกโกรธแค้นไว้ในอกมันช่างเป็นการกระทำที่ไร้ประโยชน์ รังแต่จะสร้างความเจ็บช้ำให้ตัวเขาเองเปล่าๆ

เมื่อได้ลองทำไปแล้วครั้งนึง เขาจึงได้เรียนรู้แล้วว่าสิ่งที่ดีที่สุดคือการปล่อยวาง กีสอนให้เขารู้จักการให้อภัย

ในโลกนี้ถ้าเขาอภัยให้คนที่ทำให้เขาเจ็บปวดที่สุดอย่างพ่อกับแม่ของเขาได้ ก็ไม่มีใครหรอกที่เขาจะอภัยไม่ได้ แม้จะยังไม่หมดทั้งใจ แต่เขาไม่คิดจะมานั่งแค้นเคืองอีกฝ่ายอีกต่อไปแล้ว

“มันอาจจะมีช่วงเวลาที่ต้นยังไม่เข้าใจ ยังโกรธแค้น ยังอยากให้ลินไม่เป็นสุข ยังอยากให้ลินทรมานเหมือนที่ต้นเป็น แต่มันก็ผ่านมาแล้ว ผ่านมานานมากแล้ว” เขาว่าเอามือที่ว่างขึ้นมากุมทับมืออีกฝ่าย

“...”

“ลิน..เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ลินที่ผิดหรอกนะ ลองคิดดูดีๆ ต้นเองก็มีส่วนผิด ตอนนั้นต้นอาจจะเป็นแฟนที่ไม่ดีพอก็ได้ อาจจะเอาแต่ใจจนลินทนไม่ไหว” หญิงสาวส่ายหน้าเร็วๆ เป็นการปฎิเสธ เริ่มมีหยดน้ำใสไหลออกมาจากตากลม

“เราทุกคนทำผิดได้ เราแค่ต้องเรียนรู้จากสิ่งที่เราทำ เก็บมันไว้เป็นบทเรียน เมื่อรู้ว่าผิดก็อย่าทำมันอีก แค่นี้ทุกคนก็พร้อมจะให้อภัยเราแล้วเนอะ” ว่าขึ้นพร้อมยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาอีกฝ่ายเบาๆ

“ต้นขอโทษในส่วนที่ต้นเคยทำไม่ดี แล้วต้นก็ให้อภัยในส่วนที่ลินเคยทำไว้”

“...”

“เลิกแล้วต่อกันดีกว่าเนอะ”

หลังจากได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายพูด ละลินที่เก็บความอ่อนไหวในใจไม่อยู่ร้องไห้โฮโผกอดอีกฝ่ายแน่น เขารู้สึกตัวเบาเหมือนปุยนุ่น ความรู้สึกผิดที่มีมาตลอดหลายปีถูกปลดปล่อยในที่สุด ได้แต่พึมพำทั้งขอโทษและขอบคุณคนตรงหน้าไม่หยุดจนอีกฝ่ายยกยิ้มอย่างนึกเอ็นดู

เขารู้ดี..เวลาที่เราทำผิดแล้วมีคนยกโทษให้..

มันรู้สึกดีแค่ไหน









“ต้นดูใจเย็นขึ้นเยอะเลยเนอะ” เมื่อหยุดร้องไห้อีกคนก็ว่าขึ้นในขณะที่ตามองดูคนที่ยังนั่งนิ่งอย่างพิจารณา ใจย้อนนึกถึงสมัยตอนที่คบกัน คนตรงหน้าเคยเป็นคนใจร้อน เอาแต่ใจ แล้วไหนจะความมั่นใจที่แสนมากล้น จนทำให้คนที่เป็นแฟนอย่างเขารู้สึกด้อยค่าเวลาอยู่ใกล้ ถึงแม้ในตอนนั้นต้นจะรักเขามากเท่าไหร่ แต่เพราะในทุกครั้งที่อยู่ด้วยกัน ตัวตนของอีกคนมันทำให้เขารู้สึกด้อยค่าลงทุกที เขาถึงเคยรู้สึกอึดอัดมาตลอด

“เพราะแฟนต้นน่ะ” ตั้งต้นกล่าวขึ้นเรียบๆ พร้อมรอยยิ้ม ตามองไปข้างหน้าอย่างเหม่อลอย สมองคิดถึงใครอีกคนที่อยู่ในใจเสมอ

“ที่ทำให้ต้นรู้จักการปล่อยวาง ทำให้ต้นรู้จักการให้อภัย คนที่ทำให้ต้นเลือกที่จะเก็บแต่ความสุขไว้กับตัว ทั้งหมดก็เป็นเพราะแฟนต้นทั้งนั้น”

ละลินรอบมองคนที่พร่ำเพ้อถึงใครอีกคน ใจแอบรู้สึกเสียดายขึ้นมาอย่างจับใจที่เขาทำอะไรโง่ๆ ในวันนั้น

“ดีจังเลยเนอะ” พูดขึ้นให้อีกคนหันกลับมาสบตากัน ขมวดคิ้วเข้าหากันเหมือนไม่เข้าใจสิ่งที่เขาพูด

“แฟนต้นเขาโชคดีเนอะ ที่มีคนรักเขาได้มากขนาดนี้”

ตั้งต้นยกยิ้ม ใจยังคิดถึงคนที่โดนพาดพิงในบทสนทนา

“ต้นต่างหากล่ะที่โชคดี”

การที่ได้เจอ มีโอกาสได้รักและรับรักจากคนๆ นี้

มันเป็นเขาต่างหากล่ะที่โชคดี...

.

.

.

.

.

.

.

.

.

ทันทีที่ตั้งต้นปิดประตูรถของลินก็เคลื่อนตัวออกไป เขาชะงักเมื่อสายตาไปปะทะเข้ากับใครอีกคนที่ยืนกอดอกพิงรถที่จอดอยู่ถัดไปอีกสองคัน สายตาเรียบนิ่งกับใบหน้าที่เฉยชาของอีกคน ทำให้เขาเสียวสันหลังวาบ ร่างสูงหลับตาลงพร้อมถอนหายใจหนักเมื่อกียืดตัวตรงพร้อมกับเดินเข้ามาหา

หายมาอยู่ในรถกันสองคนแบบนี้ จะให้เข้าใจว่ายังไงได้..

“กีคือ..”

“เสร็จธุระแล้วใช่ไหม” ไม่ทันจะได้พูดอะไรร่างเล็กก็เอ่ยถามแทรกมาก่อน มือบางเอื้อมมาจับมือเขาไว้ นิ้วเรียวสอดประสาน เขาที่ยังอึ้งตะลึงทำได้มองการกระทำดังกล่าวอย่างไม่รู้จะพูดอะไร สถานการณ์มันชวนให้เข้าใจผิด เขาไม่ได้คิดจะปิดบัง แต่เรื่องของเขากับลินมันซับซ้อนจนไม่รู้จะเริ่มต้นเล่าจากตรงไหนดีต่างหาก

“งั้นเข้าไปข้างในกันเนอะ” เจ้าตัวเอ่ยพร้อมยกยิ้ม ก่อนที่ค่อยๆ ดึงมือเขาเดินนำไปก่อน เขาใช้มือที่ประสานกันอยู่ดึงรั้งอีกคนไว้เบาๆ

“กีครับ..กีกำลังเข้าใจต้นผิดนะ” เมื่อว่าอย่างนั้นอีกฝ่ายก็หันมา มือที่เคยแนบชิดผละออกจากกัน

“คนนี้แฟนเก่าต้นไม่ใช่หรอ” ร่างเล็กว่าให้เขากลืนน้ำลายอึกใหญ่

กีรู้..

ตั้งต้นพยักหน้ายอมรับ

“อ้าว..แล้วเราเข้าใจผิดอะไรล่ะ” ว่าแล้วก็ยกมือขึ้นกอดอกรอคำตอบ จนคนที่มีชนักติดหลังเยอะแยะจนกลัวไปก่อนอย่างเขาต้องรีบอธิบายแทบไม่ทัน

“วันนี้คือต้นบังเอิญเจอกับลินข้างใน เขาชวนต้นออกมาคุยกันที่รถเพราะอยากเคลียร์ คือเรื่องของต้นกับลินเราจบกันไม่ค่อยดี และมันก็ค้างคามาหลายปีแล้ว เมื่อก่อนเป็นต้นเองที่ไม่อยากเจอ ไม่อยากเคลียร์กับเขา”

“...”

“แต่ตอนนี้ ต้นอยากให้กีเชื่อต้นนะ ว่าสำหรับต้น เรื่องของลินไม่มีความหมายอีกต่อไปแล้ว ต้นเลยอยากมาคุยให้มันจบ จะได้ไม่ต้องมีอะไรติดค้างอีกต่อไป”

คนตัวเล็กยืนฟังคำอธิบายยืดยาวของเขาตั้งแต่ต้นจนจบโดยไม่ได้พูดอะไร พอเขาเงียบลงเราทั้งสองก็ได้แต่มองหน้ากันไปมา จนในที่สุดเป็นร่างบางที่เอ่ยออกมา

“แล้วตอนนี้คือจบแล้วใช่ไหม” เขาพยักหน้ารับอย่างรวดเร็ว

“ครับ จบแล้วจริงๆ” ไม่ว่าจะด้านดีหรือร้าย เขาไม่มีความรู้สึกใดๆ ให้อีกคนแล้วสักนิด

“งั้นก็ดีแล้ว”

“...”

“แล้วตกลงเราเข้าใจผิดอะไร”

“...”

“...”

“กี...คือต้นมาคุยกับลินที่รถ..ต้น..” ต้นพยายามอธิบายจนลิ้นพันกันไปหมด

“ก็ไหนบอกไม่มีอะไร”

“ไม่มีอะไรจริงๆ” ตั้งต้นรีบยืนยันอีกครั้ง

ตาประสานกัน ทั้งสองจ้องกันอย่างยั่งเชิง จนในที่สุดร่างบางก็เป็นฝ่ายปล่อยสองมือออกจากอก

“งั้น..เราก็เข้าใจถูกแล้วนี่” ว่าแล้วก็ยื่นแขนหนึ่งข้างมาหาเขา

“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว เราขอพาแฟนเรากลับเข้าข้างในได้หรือยัง”

“กี...”

“รู้หรอกน่าว่าไม่มีอะไร แต่วันหลังจะทำอะไรก็บอกกันก่อน ไอ้เรื่องชวนให้เข้าใจผิดนี่เก่งเกินใครจริงๆ นะคุณ”

“ขอโ..”

“พอเลยนะ ไม่ต้องมาขอโทษเลย ทำอะไรคิดหน้าคิดหลังดีๆ ได้ไหม คิดถึงใจเราให้เยอะๆ หน่อยสิคุณตั้งต้น” คนตัวเล็กที่เดินนำอยู่เริ่มโวยวายออกมา ตั้งแต่ลานจอดรถถึงหน้าร้านก็ยังพูดไม่หยุด ตั้งต้นได้แต่จับจ้องใบหน้าของคนที่เชื่อใจเขาเก่งเกินใคร ยกยิ้มให้กับความน่ารักของเจ้าตัวที่นับวันจะน่ารักขึ้นกว่าเดิม

ถ้าเจอแม่กับป๊าอีกครั้งจะต้องถามให้ได้

ตอนเด็กๆ ให้กินอะไรกันนะ

ทำไมถึงโตมาเป็นคนแบบนี้ ทำไมถึงได้น่ารักน่าฟัดได้ขนาดนี้





“ยิ้มอะไรน่ะ คืนนี้นอนพื้นไปเลยนะ”

“ไม่เอา” เขาว่า “เดี๋ยวกีเจ็บหลัง”

“นายนอนพื้น เราจะเจ็บหลังได้ไง”

“ต้นนอนคนเดียวได้ซะที่ไหน ไม่ได้นอนกอดกี ต้นนอนไม่หลับหรอกนะ”

“...” ใครอีกคนทำได้แต่พยายามทำหน้างอ แต่หน้าที่ขึ้นสีแดงก่ำทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายพยายามกั้นยิ้มสุดกำลัง

“นะกีนะ ขอต้นนอนด้วยนะ”

“พอเลยนะ วันนี้จะกลับไปนอนกับพี่จี”

“วันนี้พี่จีไม่อยู่สักหน่อย”

“...”

“ไม่ต้องคิดจะไปนอนกับอินเลยนะ สงสารดินมัน”

“...” รู้ทันตลอด

“นอนด้วยกันนี่แหละ ดีที่สุดแล้วเนอะ”

“เออๆ นายนี่ เดี๋ยวนี้พูดมากจริงๆ เลยนะ” เขาหัวเราะ ทำเป็นบ่นนั่นบ่นนี้ ยังไงก็ยอมใจอ่อนให้เขาอยู่ดี

บางทีเขาก็รู้สึกอิจฉาตัวเอง...





แฟนเขานี่...มันดีที่หนึ่งจริงๆ





















********

เอาตอนพิเศษมาเสิร์ฟค่ะ ตั้งต้นคนหลงแฟน 555 คือตอนที่จบไปยังมีหลายประเด็นที่ยังไม่ได้ขมวดปม จะค่อยๆ ทยอยมาเรื่อยๆ เนอะ มารอลุ้นไปด้วยกันนะคะ รวมตอนนี้ด้วยจะมีตอนพิเศษทั้งหมดสี่ตอนค่ะ :)

#ต้นคนรักไม่เป็น



ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
กีน่ารักเสมอ

ออฟไลน์ airjang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ตามมาจาก 2nd hand love รักมือสอง ไม่ผิดหวังเลย

สมกับชื่อ ..บทเรียน..

น้อยคนที่จะเดินแข็งจากก้าวแรก ล้วนต้องเริ่มจาก ก้าวหนึ่ง สอง สาม ...

ถ้าใครโชคดีก็ยอมให้ความผิดพลาด ความคิดน้อย สอนเรา พยุงเรา

ให้อภัย ให้โอกาสคนอื่นก็คือให้โอกาสตัวเองเหมือนกัน


Maywrite จำชื่อนี้ไว้แล้ว

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
กีเป็นคนมีเหตุผลมากครับ,,,

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
กีน่ารักแล้วก็น่าฟัดด้วยเนอะต้น :-[

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด