แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend - .:บทเรียนพิเศษ:. แฟนชีวิตเดียว 04/12/2019
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend - .:บทเรียนพิเศษ:. แฟนชีวิตเดียว 04/12/2019  (อ่าน 23904 ครั้ง)

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
กว่าจะยอมพูดออกมา ลุ้นจนเหนื่อยเลยต้นเอ้ย

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
ก็ไม่รู้ซินะ#เชื่อใจได้แน่เหรอ

ขนาดจะประชด ยังเกือบๆเล๊ยยยยยย
แค่เริ่ม..ก็ผิด ก็ชั่ว ก็เลวแล้ว....หรือเปล่าอ่ะตั้งต้น
กอดจูบนัวเนีย กลิ้งเกลือก จนเกือบจะสอดใส่
ประชด ??????? หราาาาาาาาาาาาา หึหึ

หวังว่าคงจะไม่ดีแตกในเร็วๆนี้นะ
สัญชาติแมลงวัน มันอดใจไม่ได้หรอก จะไม่บินไปตอมขี้ที่เชิญชวน

เห็นขี้เมื่อไหร่ บินเร็วรี่เข้าไปหาเลย
อิต้นชอบนักล่ะ ฮ่าฮ่า

ออฟไลน์ Chucream.nabi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
ต้นได้โอกาสแล้วก็รักษาไว้ให้ดีเด้อ

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
ได้รับโอกาสแล้วก็รักษาให้ดีนะครับ,,,

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ Maywrite

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
.: บทเรียนที่ 9:.













“พี่ไม่อนุญาตให้คบกัน”

“พี่จี!” คนเป็นน้องร้องขึ้นมาอย่างแปลกใจ

“ฉันแค่อนุญาตให้ขึ้นไปคุยกันบนห้อง แต่นายกลับพาน้องฉันไปพัทยาสามวันสองคืนแบบนี้ นายยังไว้หน้ากันบ้างหรือเปล่า” ผู้หญิงคนเดียวในห้องนั่งไขว่ห้างกอดอกแน่น หันไปประจันหน้ากับคนร่างใหญ่อย่างไม่เกรงกลัว เห็นเธอตัวเล็กร่างบางแบบนี้ เวลาโกรธทีเอาอะไรมาฉุดก็ไม่อยู่ทั้งนั้น

“พี่จี แต่น้องเป็นคนอยากไปเอ...”

“เงียบไปเลยนะ แกนั่นแหละตัวดี ปิดเครื่องหนีแบบนั้น พี่ติดต่อไม่ได้ตั้งหลายวัน” กีรติหุบปากฉับ หลุบตาลงต่ำไม่รู้จะจะหาคำพูดใดมาเถียง ก็เขาผิดจริงๆ นั่นแหละ ตอนแรกที่ว่าจะกลับวันอาทิตย์แต่กว่าจะกลับมาจากพัทยาจริงๆ ก็วันจันทร์ตอนเย็น มีเรียนก็ไม่ได้ไป ไอ้อินมันคงโกรธเขาไปแล้ว หลังจากวันนั้นเขาโทรไปมันก็ไม่ยอมรับ แต่ก็สมควรแล้วแหละ

คราวนี้เขาทำตัวเหลวไหลจริงๆ นี่น่า

“ถ้าจะคบกันแล้วพากันออกนอกลู่นอกทางแบบนี้ พี่บอกเลยว่าไม่ให้คบ ป๊ากับแม่ให้พี่ดูแลแก ถ้าทำตัวแบบนี้ พี่จะมีหน้ากลับไปหาป๊ากับแม่ได้ยังไง”

“พี่จี...น้องขอโทษ...” เขาเอ่ยเสียงอ่อน จับแขนเล็กของพี่สาวแกว่งไปมาเล็กน้อยก่อนจะเอาหัวซบเป็นการออดอ้อน จีระนันท์พยายามไม่สบตาน้อง น้องชายคนเดียวของเขา เขารักเขาหวงยิ่งกว่าใคร ทั้งชีวิตก็ตามใจน้องมันมาตลอด จะให้มาเล่นบทโหดแบบนี้ บอกเลยว่าเก็กจนเมื่อยหน้า แต่ถ้าไม่ทำมันก็หมายถึงเขาทำหน้าที่ของพี่ที่ดีได้ไม่สมบูรณ์น่ะสิ

“ผมผิดเองครับพี่ ผมเป็นคนชวนกีไปเอง” ตั้งต้นที่นั่งนิ่งฟังอยู่นานเอ่ยขึ้น “ผมสัญญาว่าต่อไปนี้จะไม่ทำตัวเหลวไหลแบบนี้อีกแล้ว”

“ก็ยังดีที่รู้ตัว” สาวร่างเล็กยังไม่ยอมอ่อนข้อให้ “แล้วฉันขอเตือนนะ ถ้านายไม่ได้จริงจังกับน้องฉัน...”

“ผมจริงจังครับ” ไม่ทันที่หญิงสาวจะได้พูดจบ ตั้งต้นก็แทรกขึ้นมา “อย่างที่ผมบอกพี่วันนั้น ผมอาจจะทำผิดพลาดมาหลายอย่าง แต่ในเมื่อกีให้โอกาสผม ผมจะไม่มีวันทำแบบนั้นอีก” ชายหนุ่มพูดทุกคำออกมาชัดถ้อยชัดคำ ดวงตาคมมองตรงมาที่คนตรงหน้าไร้ความไววูบ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเอ่ยคำสัญญา เขาพูดประโยคพวกนี้มานับครั้งไม่ถ้วน แต่ไม่ไช่พูดเพื่อให้ใครมาเชื่อใจ เขาพูดเพื่อเตือนใจตัวเองต่างหาก

“ดี” หญิงสาวเองก็ไม่ยอมหลบตา ยกยิ้มขึ้นมุมปากอย่างพอใจ “วันศุกร์เราสองคนมีเรียนถึงกี่โมง” พอทั้งคู่บอกเวลาเลิกเรียนแล้วเขาจึงว่าต่อ

“งั้นวันศุกร์ตอนหกโมงมาเจอกันที่บ้าน นายก็เตรียมเสื้อผ้ามาด้วยล่ะ สองวันสามคืน”

“จะไปไหนหรอพี่กี”

“ก็จะพาไปหาป๊ากับแม่” กีรติตาโต หันมองหน้ากับร่างสูงเลิ่กลั่ก เอื้อมมือไปเขย่าเข่าเขาให้พูดอะไรออกมาบ้าง แต่เหมือนอีกฝ่ายจะทำได้แต่นิ่งไป เขาเข้าใจ เขารู้ว่าต้นคงจะยังไม่พร้อม การไปเจอผู้ใหญ่มันทำให้เรื่องจริงจังขึ้นไปอีกหลายเท่า

“พี่จี ไปทำไม อย่าเพิ่งบอกป๊ากับแม่เลยนะ” คนน้องเป็นฝ่ายอ้อนวอนขอแทน เมื่อเห็นว่าอีกคนคงเรียกสติกลับมาไม่ได้ง่ายๆ

“ทำไมถึงจะบอกไม่ได้” พี่สาวเอ่ยถามเสียงขุ่น

“ก็มันเร็วไป..มันยังไม่ถึงขั้นนั้น” เขาเริ่มพูดเสียงอ่อยลงเรื่อยๆ หลุบตาลงมองนิ้วที่พันกันด้วยความกังวล ยิ่งพูดแบบนี้ก็เหมือนยิ่งยอมรับว่าเรายังไม่ได้คิดที่จะจริงจังกับความสัมพันธ์ที่มี

“ถ้าแค่นี้ทำไม่ได้ ก็ไม่ต้องกลับมาคบกัน” จีระนันท์ยื่นคำขาด

“โอเคครับ งั้นวันศุกร์เย็นผมมารับที่บ้านนะครับ”

กีรติเบิกตากว้างเมื่ออีกฝ่ายยอมตกลง “ตั้งต้น!” ร่างสูงไม่ได้ว่าอะไร ไม่ยิ้ม ไม่แม้แต่จะหันมามองหน้ากัน ก็แน่สิ โดนหมัดมือชกซะขนาดนั้น

“ดี และจนกว่าจะถึงวันศุกร์ นายต้องทำตามที่ฉันบอก ห้ามทำตัวเหลวไหล มารับไปออกกำลังตอนเช้า ตอนเย็นก็ต้องมาส่ง กลับมากินข้าวที่บ้านด้วยกัน เลทสุดไม่เกินหนึ่งทุ่ม โอเค๊?”

“พี่จี!!!” เขาว่าพี่เขาเริ่มจะเยอะไปแล้ว

“ครับพี่จี” อีกคนก็บ้าตามไปอีก!!

“ดีมาก” หญิงสาวขยับตัวลุกขึ้นยืน ให้อีกสองคนต้องลุกตาม “นี่ฉันเห็นแก่ที่นายเป็นคนเดินมาบอกฉันเองนะเรื่องที่นายเคยทำอะไรไว้กับน้องฉัน ถ้าฉันไปรู้จากคนอื่น นายอย่าคิดว่าจะได้แม้แต่มายืนอยู่ตรงนี้” สองสายตาสบกัน ต่างไม่มีใครยอมใคร

“ผมรู้ครับ ขอบคุณมากครับพี่”

















“เราขอโทษนะ” กีีรติเอ่ยขึ้นเมื่อเดินออกมาส่งร่างสูงหน้าบ้าน “ต้นคุยกันก่อนสิ” เขาว่าอีกครั้งพร้อมดึงชายเสื้อคนที่ไม่ยอมหยุดเดิน น้ำตาเริ่มเอ่อล้นขอบตาเมื่ออีกคนยังไม่ตอบอะไรกลับมา

เขาน้อยใจ

ทำไมถึงไม่พูดอะไรบ้าง ทำไมถึงต้องช๊อคขนาดนี้ ถึงจะเข้าใจแต่เขาก็แอบน้อยใจเหมือนกันนะ เขาเองก็รู้ดีว่าพี่เขาทำเกินไป การเข้าไปหาผู้ใหญ่มันก็เหมือนการประกาศให้ทุกคนรู้ ถ้าเป็นผู้หญิงผู้ชายก็อาจจะเลยเถิดไปถึงเรื่องแต่งงานได้เลยด้วยซ้ำ ที่บ้านของอีกฝ่ายก็เป็นคนมีหน้ามีตาในสังคม มันอาจจะมีปัญหาตามมาอีกมากมายก็ได้ถ้าทางนั้นรู้เรื่องของเขา

แต่มันก็เป็นต้นเองไม่ใช่หรอ ทั้งที่ตัวเองพูดเองว่ารัก เป็นฝ่ายกลับมาร้องขอโอกาส แล้วพอฝ่ายเขาจริงจังขึ้นมาก็หน้าบึ้งเหมือนโดนจับคลุมถุงชนแบบนี้

ทั้งคู่หยุดเท้าลงเมื่อมาถึงประตูคนขับ ตั้งต้นหันหน้ามาประจันกับอีกคน ยกแขนขึ้นกอดอกแน่น ย่อตัวเอาหลังพิงกับตัวรถทำให้ระดับสายตาของทั้งสองคนอยู่ในระดับพอๆ กัน

“ถ้านายไม่อยากไปเราจะคุยกับพี่จีเอง” เขาพูดจริงๆ ถึงจะน้อยใจแต่มันมีประโยชน์อะไรถ้าอีกคนฝืนใจไปแบบนั้น

“...” อีกฝ่ายยังไม่ตอบ ให้เขาใจนึกเสียใจหนักกว่าเดิม

“มีอะไรก็พูดออกมาสักทีสิ ทำไมต้องเงียบขนาดนี้ด้วย!” จะโกรธอะไรหนักหนา เขาเองก็เริ่มโมโหแล้วนะ

“เมื่อกี้กีหมายความว่ายังไง” ร่างสูงถอนหายใจ ในที่สุดก็เอ่ยถามเสียงห้วน คิ้วสองข้างที่จรดกันแน่นกับกรามที่ขบเกร็งทำให้รู้ว่าเจ้าตัวอารมณ์เสียแล้ว

“อะ..อะไร”

“หมายความว่ายังไง ว่ามันยังไม่ถึงขั้นนั้น” ตั้งต้นถามซ้ำอย่างไม่พอใจ ทั้งๆ ที่ตลอดเย็นเขาพยายามสงบอารมณ์ให้นิ่งที่สุด พยายามแสดงความจริงใจที่มี ทำตัวให้น่าเชื่อถือที่สุดเท่าที่จะทำได้ต่อหน้าพี่แฟน แต่เขาก็ต้องมาหมดความอดทนเพราะคำพูดของคนตรงหน้า

“หรือกีไม่อยากให้ต้นไปเจอกับพ่อแม่กีหรอ”

“เฮ้ย อะไรนะ”

“หรือว่าที่จริงกีต่างหากที่อายที่จะบอกที่บ้านว่าคบกับต้น”

“บ้าแล้ว! ไม่ใช่นะ!” เขารีบเอื้อมไปจับแขนที่ยังกอดอกแน่นอยู่ อีกฝ่ายไม่ว่าอะไร เสมองไปด้านอื่น สีหน้าเรียบเฉย มีเพียงปากเรียวที่งุ้มลงที่พอทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังอารมณ์เสีย

“เราแค่ไม่อยากให้นายอึดอัด จู่ๆ ก็โดนบังคับให้ไปบ้านเรา” เขาเริ่มอธิบาย “แล้วเราก็เพิ่งคบกันไม่เท่าไหร่” มองคนที่ยังมองหน้าเขาไม่พูดอะไร

“ต้นเข้าใจแล้ว” คนหน้าบึ้งยืดตัวตรงล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงหากุญแจรถ “แล้วต้นจะแสดงให้ดู” ตั้งต้นว่า “ถึงจะให้พูดอะไรออกไปตอนนี้ มันก็คงเป็นแค่ลมปากสินะ” เพราะเคยทำไว้แต่เรื่องแย่ๆ คำพูดของเขามันเลยไม่มีน้ำหนัก เห็นได้จากการที่คนตรงหน้าพูดแบบนี้ ถึงอีกฝ่ายจะให้โอกาสเขา แต่เจ้าตัวก็ยังกลัว ยังไม่มั่นใจว่าเขาจะจริงจังกับตัวเองคนเดียว ต้องเป็นคนยังไงนะที่จะทำให้แฟนคิดว่าขนาดจะไปบ้าน เขายังไม่อยากจะอยากไป

แต่จะโทษใคร ทั้งหมดมันก็เป็นความผิดของเขาเอง

“แล้วต้นจะแสดงให้กีเห็นเอง ว่าสิ่งที่ต้นพูดไม่ใช่แต่คำหวานที่พูดออกมาพล่อยๆ อย่างที่ใครคิด”

.

.

.

.

.

.

.

.

กีรติเดินเข้าบ้านหลังจากที่ส่งอีกคนเรียบร้อยแล้ว เขาเดินขึ้นตรงไปยังห้องนอนพี่สาว อย่างน้อยอยากเขาก็อยากจะพูดให้อีกคนใจอ่อนกับต้นมากกว่านี้ พอเปิดประตูเข้าไปในห้อง ก็ได้ยินเสียงพี่สาวเขาดังแว่วมา พอมองหาก็เห็นว่าร่างเล็กกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ตรงระเบียง เห็นดังนั้นก็เลยนั่งลงบนเตียง คว้ารีโมทมาเปิดทีวี ตั้งใจจะดูซีรี่รอไปพลางๆ

“ไอ้อิน~ เพราะแกคนเดียวเลยนะ” มือที่กดรีโมทถึงกับชะงักเมื่อได้ยินชื่อของเพื่อนสนิทลอยมาตามลม เขาตัดสินใจเงี่ยหูตั้งใจฟังทันที

“คืิอพี่ทำตามที่แกบอกทุกอย่าง วันศุกร์นี้จะพาไปบ้าน แกต้องมาเห็นตอนพี่คุย พี่สมควรได้ออสการ์เลยล่ะแก...เฮ้ย... ไอ้กี!!!” จิระนันท์ที่กำลังร่วนหัวเราะตกใจสุดขีดเมื่อหันหลังพิงระเบียงแล้วดันสบตาเข้ากับน้องชายที่นั่งกอดอกอยู่บนเตียงพอดี แล้วแบบคือหน้าโหดมาก

[ตะโกนอะไรพี่จี] ปลายสายยังคงพูดต่อ

“ตะโกนหาพ่อ-มึงไงไอ้อิน”

[ไอ้กี!!!] อินทัชตกใจที่อยู่ๆ เสียงคนที่คุยด้วยเปลี่ยนไป แถมเป็นคนที่กำลังเม้าอยู่ด้วย!

“แล้วมึงจะตะโกนทำไม!!!”

[...]

“กูน่าจะเดาออกว่ามันเป็นแผนของพวกมึง” กีรติว่าเสียงเข้ม เพราะจริงๆ แล้วเขาก็แปลกใจไม่น้อย พี่จีคนใจดีของเขาที่ไม่เคยสักครั้งที่จะดุน้องจู่ๆ ถึงได้เกรี้ยวกราดขึ้นมาขนาดนี้ ถึงจะสงสัยแต่ก็คิดว่าเป็นเพราะอีกคนรักเขามากมันถึงทำให้คนคนหนึ่งทำเรื่องที่ปกติไม่ทำได้ขนาดนี้ แหม๋ ใครจะรู้ล่ะว่าไอ้พวกเพื่อนตัวแสบของเขาจะเป็นคนสร้างแผนขึ้นมา

[มึงยังมีหน้ามาบ่นอะไร]

“...” เมื่อเสียงปลายสายถามมาอย่างหาเรื่องเขาก็พูดอะไรไม่ออก ความผิดที่เคยทำไว้ค่อยๆ ถูกเอ่ยเรียงออกมา

[ปิดเครื่องหนีพวกกู ไปพัทยา ดีกับไอ้ต้น แถมด้วยโดดเรียนวันจันทร์ นี่กูนับครบไหม?]

“..ไอ้อิน~” เขาว่ากลับเสียงอ่อย

[ไม่ต้องมาเรียกชื่อกู]

“กูขอโทษ มึงไม่ยอมรับโทรศัพท์กูเลย มึงโกรธกูมากเลยใช่ไหม มึงยังไม่เกลียดกูใช่ไหม” คนทำผิดเอ่ยเสียงอ้อน

[เฮ้อ..รู้ไหมว่าพวกกูเป็นห่วงมึงมากแค่ไหน]

เขาพยักหน้ารับเหมือนมันจะเห็น น้ำตาที่คลอเอ่อเริ่มไหลรินลงมาอาบสองแก้ม

[กูไม่ได้โกรธ แต่กูน้อยใจ] เขารู้สึกหน้าร้อนเมื่อเพื่อนว่าอย่างนั้น

[สองครั้งแล้วนะมึง ที่เวลามีเรื่องขึ้นมาแล้วมึงตัดกูออก ทั้งๆ ที่ถ้าเป็นกู กูจะวิ่งไปหา กูจะบอกมึงเป็นคนแรก] เขายังจำวันที่อินเลิกกับแฟนเก่าเพราะอีกฝ่ายนอกใจไปมีคนอื่น สิ่งแรกที่อินทำคือโทรมาหาพวกเขา ให้พวกเขาไปรับ ระบายทุกอย่างให้พวกเขาฟัง เราทั้งหมดช่วยพยุง ช่วยดูแลกันและกัน จนอินมันลุกขึ้นและผ่านวันเลวร้ายนั้นมาได้ ในส่วนของเขา เขาเต็มใจทำให้เพื่อน แถมรู้สึกภูมิใจในตัวเองด้วยซ้ำที่เพื่อนพึ่งพาเขา แต่พอมาถึงเรื่องตัวเอง เขากลับเลือกที่จะเก็บทุกอย่างไว้กับตัว ตัดสินใจทุกอย่างไปเองคนเดียวโดยไม่คิดจะปรึกษากับใคร เขาคิดแค่ว่าไม่อยากรบกวนเพื่อน แต่จริงๆ แล้วเขาลืมคิดไปเลยว่าอาจจะทำให้เพื่อนเสียใจ

[กูขอโทษแล้วกันที่ยุ่งวุ่นวาย แต่ที่กูทำก็เพราะกูรักมึงนะไอ้กี] เขารีบส่ายหน้าปฎิเสธ

“ไม่เลยไอ้อิน ไม่เลย” เขารีบแก้ทันที “กูขอโทษที่กูไม่เคยบอกใคร แต่กูแค่ไม่อยากรบกวนพวกมึง”

[แล้วเวลากูมีปัญหา คือกูรบกวนพวกมึงหรอ]

“เปล่าเลยมึง กูขอโทษ กูสิ้นคิดเองมึง” เขาว่า “ขอบใจมึงมากที่อยู่ข้างกูมาตลอด ไอ้อินกูโครตรักมึงเลย” เขาปล่อยโฮออกมา ช่วงนี้ต่อมน้ำตาแตกง่ายเหลือเกิน

[เออๆ มึงพอ กูจะร้องตามอยู่แล้ว ไหนๆ มึงก็รู้แล้วว่าพวกกูวางแผนกัน ถ้ามึงยังเชื่อกูบ้าง มึงห้ามเอาไปบอกไอ้ต้นนะ]

“แผนอะไร มึงจะแกล้งอะไรมันอีก” แค่โดนลากไปหาที่บ้านเขาก็หนักพอแล้ว แล้วมันยังจะทำอะไรอีก

[เออน่ะ ไม่ช่วยก็ไม่ต้องมายุ่ง กูกำลังช่วยมึงพิสูจน์รักแท้ไง]

.

.

.

.

.

.

.

เขาตื่นแต่เช้า เมื่อคืนหลังที่คุยโทรศัพท์กับเพื่อนสนิทอย่างยาวนาน มันก็บอกให้เขาไปรับมันมาออกกำลังกายด้วย ถึงจะแปลกใจแต่ก็รู้ว่าเพื่อนไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะให้เขามาซักไซร้อะไรได้ เขาเลยได้แต่ตอบตกลง พอต้นมารับตอนเช้าก็บอกให้อีกคนแวะไปคอนโดดินรับเพื่อนสนิทเขามาด้วย

“เนี้ยนะ แผนมึง” เมื่อมาถึงก็ต้องถามด้วยความสุดฉงน เมื่อเห็นรุ่นน้องสองคนวิ่งตรงเข้ามาหา หันไปมองเพื่อนสนิทที่ยิ้มแป้นโบกมือให้อีกฝ่ายแล้วอยากยกมือขึ้นมานวดขมับเสียจริง

“ใช่ นี่แหละส่วนหนึ่งของแผนกู” ไม่ใช่หมีพูห์หรอกนะ น้องพุทธนี่แหละเป็นหมากตัวต่อไปของเขา

“มึงกูไม่เล่นด้วยนะ มึงไม่สงสารน้องมันหรือไง เอาหัวใจคนอื่นมาล้อเล่นแบบนี้ ไม่ดีนะมึง”

“ไอ้กี มึงเห็นกูเป็นอะไร” อินทัชเอ่ยออกมาอย่างโมโห “กูรู้หรอกน่า กูไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้น”

“แล้วมึงเอาน้องมายุ่งทำไม”

“พุทธมันรู้ว่ามึงกลับไปคืนดีกับต้นแล้ว กูบอกมันเองว่ากูอยากให้มันมาช่วยกวนตีนไอ้ต้น มันก็ตอบตกลง” ก็มันน่ะหมั่นไส้ไอ้ต้นมากกว่าใครซะอีก

“อือฮือ กูรู้สึกสงสารดินขึ้นมายังไงไม่รู้” เขากล่าวทีเล่นทีจริง จับแก้มมันสองข้างบิดไปมา “มึงกลืนหนูอินเพื่อนรักกูเข้าไปใช่ไหม มึงเป็นใครกันแน่” มันหัวเราะร่า เอามือมาตีมือเขาให้ปล่อยหลายๆ ที

“กูก็เป็นองครักษ์พิทักษ์มึงไงไอ้กี”

“ไอ้อิน~” เขาอ้าแขนเตรียมเข้าไปโผกอดคนพูดจาซึ้ง แต่มันดันหัวเจาออกเสียก่อน

“มึงพอ ถ้ามึงจะเชื่อฟังกู ก็ช่วยเล่นตามน้ำไปด้วยกันหน่อยแล้วกัน”









เพิ่งมาถึงสวนได้ไม่เท่าไหร่ แต่ตั้งต้นวิ่งมาได้ห้ารอบแล้ว ปกติเขาไม่ได้ตั้งใจวิ่งเร็วและจริงจังขนาดนี้เพราะที่มาวิ่งก็แค่อยากมาใช้เวลากับอีกคนเท่านั้น แต่วันนี้เมื่อเห็นอินมาด้วย เขาก็เลยอยากเปิดโอกาสให้ทั้งสองได้อยู่ด้วยกัน ยอมปลีกตัวออกมาวิ่งห่างๆ

แต่แม่งมันมาได้ไงวะ

เขาแอบมองจากไกลๆ ตรงลานกลางแจ้งที่กีออกกำลังกายอยู่ เขาเห็นรุ่นน้องที่คณะสองคนยืนคุยอยู่กับกลุ่มแฟนเขา ไอ้น้องหมีก็ไม่เท่าไหร่นะ มันเคยโดยไอ้ดินบังคับให้มาตามดูอินบ่อยๆ อยู่แล้ว แต่ไอ้พุทธนี่สิ ไม่รู้ว่ามันจะตามมาทำไมทุกครั้ง

ที่จริงเขาก็รู้มาตลอดนั่นแหละว่าพุทธโธมันแอบชอบแฟนเขาอยู่ มันเองก็ไม่เคยคิดที่จะปิดบัง แถมแทนที่จะกลัวเกรงกันบ้าง เวลาอยู่ต่อหน้าเขา มันกลับจงใจแสดงออกมากกว่าปกติซะอีก

อ่ะ มียื่นขวดน้ำให้ด้วย!

แฟนกูเปิดขวดน้ำเองได้!

กี! เอาผ้าขนหนูซับหน้าให้มันทำไม!

มึงเป็นง่อยหรอไอ้พุทธ!!

โอ๊ย! ทนไม่ไหวแล้วโว้ย!

เขาวิ่งออกไปสุดแรงเกิด เร็วกว่านี้ก็คือยูเซน โบลต์แล้วล่ะ มึงยุ่งกับใครไม่ยุ่ง มายุ่งกับแฟนกูทำไมไอ้พุทธ

“ทำอะไรกันนะ” ถามออกไปทั้งที่ยังเหนื่อยหอบ คนในกลุ่มหันมามองเขา

“อ้าว มาแล้วหรอ” กีกล่าวทักด้วยรอยยิ้มสดใส เขาแอบชะงักไป ยิ้มน่ารักแบบนี้แล้วเขาจะทำหน้าขรึมต่อไปได้ไง

“หายไปไหนมาตั้งนาน” ร่างเล็กถามต่อ

ก็ไปแอบดูกีนั่นแหละ! อยากจะพูดแบบนี้แต่เขายังต้องรักษามาดไว้บ้าง

“ต้นเพิ่งวิ่งเสร็จน่ะ” ต้นคนคูลยังต้องอยู่ต่อไป

“น้องๆ ชวนไปกินข้าวที่โรงอาหารน่ะ ไปด้วยกันไหม” เขาเหลือบไปมองด้านหลัง อินที่ยืนเล่นโทรศัพท์เหมือนไม่สนใจ ไอ้หมีที่ยิ้มเจื่อนหลบหน้าเขา และไอ้พุทธ! ไอ้พุทธที่ยกยิ้มมุมปากไม่ยอมหลบสายตากัน

“แล้วกีจะไปเปลี่ยนชุดห้องต้นไหมวันนี้”

“ไม่ล่ะ วันนี้จะไปกับอิน” เขาแอบเห็นว่าอินยกยิ้มมุมปาก

“งั้นต้นไปกินข้าวด้วย”

“พี่ต้นวันนี้ปีสามมีเรียนเช้าไม่ใช่หรอครับ ถ้าไม่ไปอาบน้ำตอนนี้จะไม่ทันนะครับ” พุทธโธเอ่ยแทรกขึ้นมา

“เสือก” ตั้งต้นตอบกลับเพียงคำเดียว พูรินรีบปิดปากเพื่อน แต่เสียงหัวเราะของมันเล็ดลอดออกมาก่อน เขาพยายามลากจูงเพื่อนตัวเองให้เดินนำไปทางโรงอาหาร กลัวเหลือเกินว่าเพื่อนจะมีเรื่องกับเพื่อนพี่รหัสตรงนี้

ไม่ได้ห่วงมันนะ กูห่วงตัวเองนี่ล่ะ ต้องคอยตามเก็บตามกวาดตลอด!!

เมื่อถึงโรงอาหารอินทัชกับกีรตินั่งจองโต๊ะ ที่เหลือแยกย้ายกันไปซื้อข้าวเช้า ตั้งต้นไปรอซื้อก๋วยเตี๋ยวเพราะกีอยากกินเกาเหลาน้ำ เขาต่อแถวไปก็แอบมองที่โต๊ะไป เห็นรุ่นน้องมันกลับมาที่โต๊ะกันแล้ว แน่นนอนว่าไอ้พุทธมันเลือกที่นั่งใกล้แฟนเขา โกรธก็โกรธ โมโหก็โมโห แต่ที่เป็นมากที่สุดคือน้อยใจ กีก็รู้ว่าเขาหึงมัน แล้วยังมาปล่อยให้มันอยู่รอบตัวแบบนี้ได้ไงกันนะ

เขาสะบัดหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่าน ไม่ ไอ้ต้น ถ้ากีบอกว่าไม่มีอะไรมึงก็ต้องเชื่อ การมานั่งระแวงแบบนี้มันคือการไม่ให้เกียรติกีชัดๆ





“ตกลงศุกร์นี้ต้นไปรับกีกับพี่จีที่บ้านนะ” เมื่อนั่งกินกันไปสักพัก ต้นก็เอ่ยขึ้นกลางวง

“ไปไหนกันอ่ะพี่ต้น” ไอ้หมีมึงถามได้ดี!

“พี่จะไปแนะนำตัวกับพ่อแม่พี่กีน่ะ” กีรติสำลักน้ำแข็ง หน้าแดงหันไปมองข้างๆ แต่เขาไม่สนพูดต่อลอยหน้าลอยตา “พี่จีพี่สาวพี่กีเป็นคนชวนพี่เองเลยนะ บอกอยากให้พ่อแม่รู้จักแฟนพี่กีสักที” พูดไปสายตาก็เหลือบไปมองไอ้รุ่นน้อง หึงไม่ได้ หวงไม่ได้ แต่ขอเบ่งหน่อยแล้วกันว่ะ

“กลับวันจันทร์ใช่ป่ะ” อินทัชเอ่ยแทรกขึ้นมา “พอกลับกันมาแล้ว กีมึงไปดูหนังกับกูนะ” หันไปหาเพื่อนสนิทที่นั่งนวดขมับอยู่ เมื่อไหร่วันนี้มันจะจบสักทีว่ะ

“กูนัดกับพวกที่ค่ายไว้ มึงต้องไปด้วยกันนะ” พูดกับกีแต่อินทัชจงใจมองหน้าอีกคนที่ตอนนี้จ้องเขาตาไม่กระพริบ

“จำเพื่อนไอ้นทได้ไหม วันที่มึงไปช่วยมันที่มันเมาน่ะ”

“อ่อ ไอ้กันต์อะน่ะ”

“อืม มันขอเบอร์มึงกับกูด้วย แต่กูไม่ได้ให้ไปว่ะ” อินทัชยังจงใจเน้นทุกคำ เขาไม่สนหรอกนะ ดินยังช่วยเพื่อนตัวเองมาตั้งเยอะ ถ้าเขาจะช่วยเพื่อนเขาบ้างมันก็เป็นสิทธิ์ของเขา

“ถ้ามึงจะให้ มึงก็ให้เองวันไปดูหนังแล้วกัน”

กีรติค่อยๆ หันไปมองคนที่น่าบึ้งไปแล้ว รู้ดีว่าต้นเป็นคนเลือดร้อนแถมคิดมากมากแค่ไหน เขาอยากจะบอกให้อีกคนสบายใจ อยากบอกว่าระหว่างเขากับน้องไม่มีอะไรจริงๆ ไอ้อินมันแค่แกล้งเล่นเท่านั้น แต่มาคิดดูๆ แล้วที่เห็นต้นเป็นแบบนี้ก็อดดีใจไม่น้อยเหมือนกัน

ดีใจที่เห็นต้นไม่โวยวายออกมา ทั้งที่โมโหขนาดนี้

ดีใจที่เห็นต้นยังนั่งฟังได้เงียบๆ ทั้งๆ ที่จะเดินหนีไปก็ได้

ดีใจที่ในที่สุด...ต้นเริ่มหัดเชื่อใจกันแล้ว

เขายกยิ้มให้คนหน้าบึ้งเมื่ออีกฝ่ายบังเอิญหันมาสบตากัน จ้องกันสักพักในที่สุดคนที่ทำหน้างอก็มีสายตาอ่อนลง ยกยิ้มมุมปากมาให้เขา เหมือนในที่สุดเจ้าตัวก็รับรู้ในสิ่งที่เขาพยายามสื่อผ่านสายตาออกไป

เขาอยากให้รู้ว่ามันไม่มีอะไรน่ากังวลเลยสักนิด เพราะเขาเลือกแล้ว ขอแค่ต้นเชื่อใจและมั่นใจในตัวเขา ก็ไม่มีอะไรน่าหวั่นไหวเลยสักนิด...

























*********

ตอนใหม่มาแล้วเนาะ ทีมหนูอินต้องมาแล้ว 5555

ช่วงนี้แอบไปเขียนหมีพูห์ เรื่องต้นมันเครียดอ่ะ เลยขอผ่อนอารมณ์หน่อย เรื่องนั้นอย่างน่ารักอะ ไม่ได้โม้เลยนะ!! แต่เรื่องนี้ก็ไม่ทิ้ง จะพยายามให้จบภายในเดือนกันยานะคะ ขอบคุณทุกการติดตามค่ะ :)

#ต้นคนรักไม่เป็น



















ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
ร้ายกาจมากหนูอิน,,,

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 o13 น้องหมีผู้น่ารัก ก็จะมา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
องครักษ์พิทักษ์กี55555 ทำดีมากอิน

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
ต้นยิ่งพยายามปรับปรุงตัวเองให้เป็นคนรักที่ดีมากขึ้นเท่าไหร่..ก็ยิ่งกลัวว่าจะมีดราม่าแอบโผล่ขึ้นมาตอนไหนก็ไม่รู้
เดิมทีน้องกีรักต้นมากๆๆๆๆเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ถ้าเกิดเหตุรักร้าวอีกครั้ง น้องกีจะทนรับมือกับมันไหวเหรอ

คงไม่มีเกิดขึ้นอีกแล้วนะต้น  สงสารน้องกีเหอะ
กีเสียใจครั้งก่อนก็ร้องไห้ปานจะขาดใจ ลาตาย

ออฟไลน์ Nung66669

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
ใครเอาหนูอินไปซ่อนเอาหนูอินกลับคืนมานะ :ling1:
ตั้งต้นนายพยายามได้ดีมาใจเย็นๆหาเหตุผลเยอะๆยังไงกีก็เลือดนายแต่ถ้านายกลับมานิสัยเดิมโอกาสนายจะไม่มีทันที่

ออฟไลน์ Maywrite

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
.:บทเรียนที่ 10:.

รถยนต์ยุโรปซีดานซ์สีดำจอดสนิทในโรงรถข้างตัวบ้าน ถึงจะออกมาเร็วแต่ด้วยความที่เป็นวันศุกร์เย็นจึงทำให้กว่าจะผ่านการจราจรของกรุงเทพฯออกมาได้ก็ต้องใช้เวลาหลายชั่วโมง ทำให้กว่าจะมาถึงบ้านที่ระยองจริงๆก็เกือบจะเที่ยงคืนแล้ว ป๊ากับแม่ที่มารอรับกล่าวต้อนรับลูกๆและแขกที่มาเป็นครั้งแรกอย่างเป็นกันเอง ด้วยความที่ดึกมากแล้วเมื่อถามแล้วพบว่าไม่มีใครหิว แม่เลยบอกให้ทุกคนแยกย้ายกันไปพักผ่อน จะคุยจะทำความรู้จักอะไรค่อยเริ่มกันพรุ่งนี้ ตั้งต้นคิดว่าเขาจะได้นอนห้องเดียวกับกีที่อยู่ชั้นสอง
ทำไมเขาถึงรู้นะหรอว่าอยู่ชั้นสอง ก็เพราะว่าเคยแอบมาส่องเป็นเดือนๆน่ะสิ
แต่ปรากฎว่าเจ้าของบ้านคนเล็กกลับนำเขาไปที่ห้องรับแขกที่อยู่ชัั้นหนึ่งของบ้านแทน
“ทำไมต้องลำบาก ต้นนอนกับกีก็ได้” คนเป็นแขกกล่าวเสียงอ่อย ไม่ได้กลัวเจ้าของบ้านลำบากหรอก คือใจจริงไม่อยากนอนคนเดียว เมื่อกีมองกลับมาก็รีบส่งสายตาออดอ้อนว่าขอนอนด้วยได้ไหม
“ไม่ได้ แม่บอกให้พาต้นมาห้องนี้” คนตัวเล็กว่าพร้อมเดินไปเปิดประตูตู้เสื้อผ้า หยิบผ้าขนหนูและของใช้จำเป็นออกมาวางไว้ให้บนเตียง ร่างสูงรีบเดินไปปิดประตูห้องก่อนจะเดินตามไปประชิดเข้าสวมกอดจากข้างหลังอย่างรวดเร็ว
ฟอดดด
“แต่ต้นคิดถึงกีจังเลยครับ วันนี้ขอนอนด้วยนะ” กระซิบบอกเสียงเบา ก่อนที่จะกดจมูกลงบนแก้มนุ่มซ้ำๆ สูดเอาความหอมของแป้งเด็กเข้าไปเต็มปอด
“คิดถึงอะไร ตัวติดกันขนาดนี้” อีกฝ่ายว่ากลั้วหัวเราะ ก็มันเรื่องจริงนี่น่า ถ้าไม่นับเวลาเรียน หรือเวลาที่อีกคนมีงาน เขาทั้งสองคนก็อยู่ด้วยกันตลอดเวลา เรียกว่าตัวติดกันไปแล้ว
“ก็ไม่ได้อยู่ด้วยกันสองคนเลย ทั้งๆที่อยู่ใกล้กันแค่นี้แต่เหมือนกีอยู่ไกลแสนไกล ต้นคิดถึงไม่ไหวแล้ว” คนด้านหลังยังโอดครวญไม่หยุด จูบไหล่จูบคอจนเขาตัวอ่อนยวบไปหมดแล้ว ในที่สุดก็ทนไม่ไหวหมุนตัวหันหน้าไปประจันหน้ากับอีกฝ่าย ยกมือลูบผมอีกฝ่ายเบามืออย่างนึกเอ็นดู
“ขับรถเหนื่อยไหม” อีกคนพยักหน้าเร็วๆเรียกร้องความเห็นใจ
“เหนื่อยมากเลย ขอรางวัลให้หายเหนื่อยหน่อยได้ไหม” เขาเลื่อนมือลงมาลูบแก้มของอีกคนที่ดูเหมือนจะซูบลงเยอะ ตั้งแต่กลับมาดีกัน เขารู้ว่าต้นพยายามทำหลายอย่างเพื่อเขา เจ้าตัวที่ต้องไปเล่นกีต้าร์ที่ร้านแทบจะทุกคืนจนดึกดื่น แล้วยัังอุตส่าห์ตื่นแต่เช้ามาหาเขาที่บ้าน มาคอยรองรับอารมณ์ คำประชดประชันของพี่สาวและเพื่อนเขาที่ป่วนไม่หยุด แล้วพรุ่งนี้เขาไม่รู้จริงๆว่าอีกฝ่ายจะโดนอะไรอีกบ้าง สงสารก็สงสาร ตอนนี้ถึงใครจะว่าเขาโง่งี่เง่าก็เถอะ เขาน่ะเชื่อเกินร้อยในความจริงใจของเจ้าตัวแล้ว แต่ที่ยังเงียบไม่ห้ามไม่เตือนอะไรใคร ก็เพราะหวังอยากให้ต้นชนะใจทุกคนให้ได้เหมือนที่ชนะใจเขาต่างหาก
“แค่นี้ก็จะไม่ไหวแล้วหรอ อยากจะเลิกก็ได้นะ” เอ่ยเย้ายอกคนที่มองหน้าสบตากัน ให้เจ้าตัวหน้างอขึ้นมาทันที
“ต้นไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นสักหน่อย เลิกพูดเรื่องเลิกได้ไหม..” อีกฝ่ายเริ่มงอแงเสียงอ่อย เขายกยิ้ม เอาสองมือดันไหล่อีกฝ่าย เขย่งเท้าขึ้นกดริมฝีปากลงบนที่เดียวกัน
จุ๊บ!
“อ่ะ งั้นนี้ก็รางวัลของคนพยายามเก่ง”
หมับ!
พูดไม่ทันจบคำเขาก็โดนสองมือหนากุมเข้าที่หน้า จับเอียงให้ได้องศาก่อนที่อีกฝ่ายจะกดจูบเข้ามาอย่างรวดเร็ว เมื่อหายตกใจมือที่เคยยันที่ไหล่หนาก็เปลี่ยนไปสอดรอบหลังกว้าง ลิ้นนุ่มตอบโต้ลิ้นร้อนที่ดุนดันเข้ามาในโพรงปากของเขา ตั้งต้นเม้มปากเรียวนุ่ม ดูดกลืนทุกหยดน้ำใสที่สัมผัสไปถึง ฟันคมขบกัดเบาๆบนริมฝีปากบางให้อีกฝ่ายร้องครางออกมา ก่อนที่จะยอมผละออกในที่สุด
“ขอบคุณสำหรับรางวัลครับ” คนหน้ามึนว่าก่อนที่จะยกยิ้มกว้างจนตาปิด ถึงอยากจะเถียงว่าไอ้รางวัลที่จะให้มันแค่จุ๊บเดียว ที่เหลืออีกฝ่ายขี้โกงขโมยจูบไปเองก็เถอะ แต่ตอนนี้ก็ต้องยอมรับเลยว่าเขาคิดถึงจูบของคนตรงหน้าแทบบ้าเหมือนกัน ว่าแล้วก็ยกยิ้มอย่างไม่คิดปิดบังอะไรอีกแล้ว โน้มหน้าเข้าไปตั้งใจจะมอบรางวัลให้อีกฝ่ายอีกรอบ
ก๊อกๆๆๆ แอ๊ดดด
เสียงเคาะประตูและตามด้วยประตูที่เปิดขึ้นแทบจะทันทีทำให้เขารีบเด้งตัวออกห่างจากอีกคนด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลน เมื่อมองไปเห็นพี่สาวยืนหน้าบึ้งกอดอกอยู่ตรงกรอบประตูก็ได้แต่เจื่อนยิ้มกลบเกลื่อน
“กี แม่บอกให้ขึ้นไปหาที่ห้อง” ว่าจบพี่สาวก็หรี่ตามองมาที่น้องตัว ตากลมเรื่อน้ำกับหน้าแดงก่ำของคนเป็นน้องมันทำให้คิดดีไม่ได้เลย “ไปสิ” เขากล่าวซ้ำเมื่อมันยังเลิกลั่กหันมองไปมาระหว่างเขากับต้น
“งั้นเราไปนอนก่อนนะ เจอกันพรุ่งนี้” ถึงจะอยากให้อยู่แต่อีกคนก็พยักหน้ารับ เอื้อมเอามือมาแตะกลุ่มผมนุ่มก่อนจะขยี้เบาๆ
“ครับ ฝันดีนะครับ”

เมื่อเดินมาจากห้องเขาก็เดินขึ้นชั้นสองตามพี่มาห้องป๊ากับแม่ ทั้งสองที่อยู่ในชุดนอนนั่งดูทีวีกันอยู่บนเตียง เมื่อลูกๆเข้ามาก็ปิดทีวีลง ตบฟูกลงเบาๆเรียกให้มานั่งข้างกัน
“คิดถึงป๊ากับแม่จังเลย” ลูกคนเล็กรีบเอ่ยอ้อน สวมกอดคนเป็นพ่อและแม่ก่อนที่จะหอมแก้มคนละที
“แม่ว่าน้องลืมแม่ไปแล้วซะละมั้ง หายไปนานจนแม่ต้องให้พี่ไปตาม” ว่าแล้วแม่ก็หัวเราะ ขยิบตาให้ป๊า
“แม่มำไมพูดแบบนี้ น้องจะลืมแม่ได้ไง” ลูกชายคนเล็กยังออดอ้อนซุกลงไปที่อกของคนเป็นแม่
“ตกลงว่าคนนี้หรอตัวการทำฟันผุ” ป๊าเอ่ยถามที่เล่นที่จริงมาที่เขา พี่จีเป็นฝ่ายรีบตอบออกไป
“ใช่ คนนี้แหละป๊า พรุ่งนี้แม่ต้องเล่นงานให้หนักเลยนะ”
“พี่จี...” เขาส่งสายตาอ้อนวอนพี่สาว แต่อีกฝ่ายไม่สนใจเล่าเรื่องที่เขาหนีไปพัทยาโดยไม่บอกไม่กล่าวอย่างละเอียดยิบ ป๊ากับแม่ที่เห็นเขาร้องไห้มาตลอดปิดเทอมนิ่งเงียบตั้งใจฟัง มีบางครั้งที่มองมาที่เขาให้ต้องหลบสายตาด้วยความรู้สึกผิด ปกติเขาเป็นคนที่เล่าทุกอย่างให้ครอบครัวฟัง แต่มีครั้งนี้กับคนนี้เท่านัั้นที่ไม่เคยคิดจะกล้าเอ่ยปาก เขาก็เคยสงสัยเหมือนกันว่าทำไม แต่จริงๆใจลึกๆก็พอจะรู้คำตอบ เพราะจริงๆแล้วถึงจะรักแค่ไหนแต่ใจก็ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่มั่นใจกับความรู้สึกของอีกฝ่าย เพราะที่จริงแล้วเขาก็รู้ดีว่ารักครั้งนี้มันเสี่ยงเหลือเกิน
“แล้วตกลงเราจะเอายังไง” คนเป็นพ่อถามขึ้นมา
“จะเอาไงอ่ะป๊า เล่นมันหนักๆเลยจะได้สำนึก” พี่สาวรีบว่าต่อ
“จีป๊าเขาถามกีอยู่นะ” เป็นแม่ที่เอ่ยห้าม
“แต่น้องมันใจอ่อ..” เมื่อพี่จีตั้งท่าจะเถียงอีกรอบป๊าก็ปรามด้วยสายตาจนต้องเงียบลงทันที
“ตกลงน้องจะเอายังไง” ป๊าถามซ้ำ ทุกสายตามองมาที่คนที่นั่งก้มหน้าเกลี่ยนิ้วตัวเองด้วยความประหม่าไปมา
“...”
“ใจอ่อนกับเขาแล้วหรอ” เมื่อคนเป็นพ่อถามเขาก็ชะงักก่อนที่จะพยักหน้าลงเบาๆให้พี่สาวโวยวายออกมาอีก
“แล้วเรามั่นใจไหมว่าจะไม่เจ็บแบบรอบที่แล้วอีก” คนถามยังจี้ต่อ ลูกคนเล็กเงยหน้าขึ้นมาสบตา สมองพยายามประมวลผลหาคำตอบสุดท้าย จนเมื่อได้มันมาก็น้ำตาคลอเบ้า ส่ายหน้าไปมา
“ไม่มั่นใจเลยป๊า” น้ำตาไหลร่วงลงข้างแก้มให้คนเป็นพ่อทนไม่ไหวรวมตัวเข้ามากอด
“ไม่มั่นใจ แต่ก็ยังอยากกลับไปคืนดีกับเขางั้นหรอ” คนในอ้อมกอดสะอื้นพยักหน้ารับ คนที่เหลือทั้งสามมองสบตากันไปมา พวกเขาทั้งรักทั้งหวงเด็กคนนี้ยิ่งกว่าอะไร เลี้ยงมากับมือ พวกเขาจะไม่รู้ได้ยังไงว่าตอนนี้มันสับสนมากแค่ไหน
“ยังไงก็จะไม่เลิกใช่ไหม” เมื่อได้ยินคำถามกีรติผละออกมาสบตากับคนเป็นพ่อ ส่ายหน้าแรงๆเป็นคำตอบ
“ป๊าอยากให้น้องเลิกหรอ” เอ่ยถามทั้งๆที่กลัวคำตอบเหลือเกิน คนเป็นพ่อยิ้มเอามือลูบหัวเบาๆอย่างเอ็นดู
“พูดแบบนี้ป๊าเสียใจนะ ยังไม่รู้จักป๊าอีกหรอ ป๊าเคยขอให้กีทำในสิ่งที่กีไม่อยากทำสักครั้งไหม” เขาส่ายหน้าแรงๆแทนคำตอบ ก็เพราะมันจริงที่สุด ป๊าคือคนที่ตามใจเขามาตลอดชีวิต
“แต่สัญญากับป๊าได้ไหมว่าเราจะรักตัวเอง ถ้าไม่ไหวจริงๆก็ควรจะรู้ว่าจะหยุดตอนไหน ถ้าคิดว่าทำได้ ป๊าก็จะสนับสนุนเต็มที่” เหมือนต่อมน้ำตาที่ช่วงนี้ทำงานหนักก็ยังทำงานได้ดี เขาปล่อยโฮออกมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันเป็นน้ำตาแห่งความสุข ความสุขที่ได้รับรู้ว่าในเวลาที่ยากลำบากที่สุดของชีวิต ในวันที่ท้อแท้จนไม่รู้ว่าจะเดินต่อไปยังไง เขายังมีคนที่รักและพร้อมจะยื่นมือเข้ามาช่วยเขาเสมอ มันไม่มีเลยสักครั้ง ที่เขาจะถูกปล่อยทิ้งให้อยู่เดียวดาย...
ไม่มีเลยสักครั้งจริงๆ

.
.
.
.
.
.
.
.
.
.


ครอบครัวของกีเป็นครอบครัวไทยเชื้อสายจีน มีกันอยู่สี่คนคือ ป๊า แม่ พี่จีและตัวกีที่เป็นน้องคนเล็ก เมื่อก่อนบ้านนี้ไม่ได้ร่ำรวยขนาดนี้ แต่เป็นเพราะป๊ากับแม่กีเป็นคนขยันขันแข็งทำให้ฐานะทางการเงินของครอบครัวดีขึ้นเรื่อยๆ จากที่กีเล่าให้ฟัง ป๊าของกีจะเป็นคนคอยดูแลกิจการสวนผลไม้ของที่บ้านที่มีผลไม้ปลูกสลับหมุนเวียนกันไปตลอดทั้งปี ในทุกๆเช้าป๊าจะเป็นคนขับรถเข้าไปตรวจดูงานที่สวนที่อยู่ชานเมืองไม่เคยขาด แม้จะมีลูกน้องช่วยมากมาย แต่กีไม่เคยเห็นป๊าหยุดพักเลยสักครั้ง นอกจากสวนผลไม้แล้วที่บ้านยังมีกิจการร้านขายของส่งที่ตึกติดกับตัวบ้าน ที่ร้านจะขายของจำพวกที่ขายกันในร้านขายของชำ มีตั้งแต่ยาสีฟันแปรงสีฟัน ของกินเล่น เครื่องใช้ในครัวเรือน รวมไปถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในทุกวันจะมีร้านของชำจากทั้งในและต่างอำเภอมากมายแวะเวียนเข้ามาอุดหนุน ด้วยความที่แม่กีเป็นคนใจดีและร้านเปิดมานาน บางคนที่เป็นลูกค้าประจำแม่ก็จะให้เซ็นต์ หรือไม่ก็แถมนั่นแถมนี่ไปเรื่อย ทำให้ร้านแม่เป็นที่รู้จักกันเยอะในระยอง แต่ละวันมีลูกค้าเข้ามาไม่เคยขาด
แต่ถึงกีจะว่าอย่างนั้น เขาก็ไม่คิดว่าลูกค้าจะเยอะขนาดนี้...
“ต้น เบียร์สิบลังท้ายรถกระบะสีขาว”
“ครับๆๆ”
“ตั้งต้นมาช่วยพี่เรียงของเข้าชั้นเร็ว”
“มาแล้วครับพี่จี”
“ต้น ขวดน้ำปลาแตก มาทำความสะอาดเร็วๆ”
“ไม้ถูพื้นมาแล้วครับแม่”
“ต้น ตวงข้าวสารให้แม่หน่อย”
“ตาชั่งอยู่ตรงไหนครับ”
“ต้น ไปช่วยพี่บุญยกลังเป๊ปซี่สิ”
“พี่ผมมาแล้ว!”
“ต้น ไป..”
“ครับ ไปแล้วครับ”
“เดี๋ยว..ใจเย็น พี่จะมาตามไปกินข้าว”
“แฮะๆ เพลินไปหน่อยครับพี่จี”
“ต้น กินข้าวเสร็จแล้วมาช่วยแม่นับของด้วยนะ”
“อะ..อิ่มแล้วคร้าบบ”





ในที่สุดนอกจากการพักกินข้าวสิบห้านาทีแล้วเมื่อถึงเวลาพลบค่ำเขาถึงได้พักจริงๆ แม้จะยังมีลูกค้าหลงเหลืออยู่สองสามราย แต่ตอนนี้ร้านถูกเขาทำความสะอาดเรียบร้อยพร้อมที่จะปิดได้ทุกเมื่อ ตั้งต้นนั่งลงตรงไม้หินอ่อนหน้าร้าน นั่งมองแม่ของกีที่ยังวุ่นวายอยู่กับการนับเงินใส่ซองให้คนงานรายวันไม่หยุดมือ วันนี้เขาเหนื่อยจนหมดแรง แม้จะเคยออกกำลังกายหนักในยิมแต่การมาใช้แรงหิ้วของไปมาแบบนี้มันไม่เหมือนกันเลยสักนิด แต่ยังไงเขาก็รู้ดีว่าสิ่งที่เขาทำมันยังเหนื่อยไม่ถึงครึ่งของที่หญิงวัยกลางคนตรงหน้าเขาคนนี้ทำด้วยซ้ำ เขาไปนั่งตวงข้าวในขณะที่แม่ไปยืนนับของ ขณะที่เขาไปพักกินข้าว แม่กลับเอาข้าวมานั่งกินที่โต๊ะแล้วคิดเงินไปด้วย ดังนั้นไม่ว่าอีกฝ่ายจะจงใจแกล้งเขาหรือเพราะวันนี้ขาดคนงานอย่างที่บอกจริงๆ เขาก็เต็มใจจะช่วยไม่ว่าจะเพราะเหตุผลอะไร
“อ่ะ” กระป๋องเบียร์เย็นจัดจนมีหยดน้ำเกาะอยู่ประปรายถูกยื่นมาตรงหน้า เขาเหลียวไปมองก็เห็นคนที่เพิ่งกลับมาจากงานที่สวนยืนส่งยิ้มบางมาให้ มองไปด้านหลังเห็นกีที่หายไปกับพ่อทั้งวันยืนคุมคนงานเข็นผลไม้เข้าร้านอยู่ เขากล่าวขอบคุณพร้อมเอื้อมมือไปรับมาเปิดฝา พร้อมกระเถิบตัวเปิดทางให้เมื่ออีกคนทำท่าจะนั่งลงตรงข้างเขา
“ป๊ากลับมาแล้วหรอครับ”
“อืม” เอ่ยตอบสั้นๆพร้อมกับเปิดฝาเบียร์ในมือแล้วยกขึ้นจิบอึกใหญ่
“วันนี้เหนื่อยเลยสินะ” ป๊าว่าต่อ ที่จริงเขากลับมาได้สักพักแล้ว มานานพอที่จะได้เห็นอีกคนวิ่งวุ่นขนลังนั้นยกลังนี้ไม่หยุด แถมโดนทั้งแม่ทั้งลูกสาวคนโตใช้ถูชั้น ถูหน้าร้านจนเอี่ยมอ่อง ถึงจะดูรูปร่างใหญ่หุ่นนักกีฬา แต่จากผิวพรรณและการแต่งตัว เขาก็รู้ว่าเด็กชายไม่เคยมาลำบากทำอะไรแบบนี้
“ก็นิดหน่อยครับ” ชายแก่กว่าขำออกมาเบาๆ ยกมือตบไหล่เขา
“ลำบากหน่อยนะ ป๊าเลี้ยงบ้านนี้แบบตามใจไปหน่อย ยิ่งเจ้ากีมันเป็นคนเล็ก ไม่ใช่แค่ป๊ากับแม่ พี่จีของมันก็หวงกันอย่างกับอะไร”
“ไม่หรอกครับ ผมเข้าใจดี” ลองคิดว่าตัวเองเป็นคนทั้งสอง ถ้ามีคนมาทำให้คนที่เขารักเสียใจ เขามั่นใจว่าเขาคงจะไม่คิดอ่อนข้อให้ง่ายๆแบบนี้แน่ๆ ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นการกระทำของอิน ของพี่จี หรือของแม่ เขาก็เข้าใจได้ทั้งนั้น เมื่อได้ยินคำตอบคนเป็นพ่อก็ได้แต่ขำยกเบียร์ในมือดื่ม ตั้งต้นมองเสี้ยวหน้าคนที่ส่งสายตาเอ็นดูมาให้เขา
“แล้วป๊า..ไม่โกรธผมด้วยหรอครับ”
“โกรธสิ” หนุ่มวัยกลางคนตอบแบบไม่คิด “แต่เมื่อกีมันให้อภัยเราแล้ว ป๊าก็ขี้เกียจจะโกรธแล้ว” ชายหนุ่มใหญ่พูดต่อ
“ทำไมง่ายจังครับ” ตั้งต้นถามอย่างไม่อยากจะเชื่อหูกับคำตอบสบายๆเกินพอดีของอีกฝ่าย
“อือ ก็ง่ายแค่นั้นแหละ” ป๊าว่าต่อ “ที่จริงแม่กับเจ้าจีมันก็ไม่ได้โกรธเราหรอกนะ เพราะถ้าโกรธจริงๆ เราไม่มีทางได้มานั่งตรงนี้หรอก”
“กีน่ะ มันเป็นคนตรงไปตรงมากับความรู้สึกตัวเอง โกรธก็โวยวาย เสียใจก็ร้องไห้ ไม่เคยที่จะเก็บหรือฝืนความรู้สึกตัวเองได้เลย เวลามันรักก็เหมือนกัน ถ้ามันรักแล้วก็คือรัก มันไม่บวกลบคูณหารถึงผลได้ผลเสียหรอก เพราะมันรัก มันถึงไม่คิดถึงศักดิ์ศรี มันถึงยอมคืนดีกับเราง่ายๆ” ป๊ายังร่ายยาว อยากให้คนฟังเข้าใจถึงเหตุผลของลูกสาวและภรรยา
“ที่พวกนั้นทำไปเขาก็แค่อยากให้เราได้เรียนรู้คุณค่าของกี เขากลัวว่าถ้าเราได้มันคืนไปง่ายๆแล้วเราจะไม่เห็นค่าของมันอย่างที่เคยทำอีก” ตั้งต้นเม้มปากแน่น เขารู้สึกหน้าชากับประโยคสุดท้ายที่ได้ยิน ถึงอีกฝ่ายจะพูดกลั้วหัวเราะแต่เขารู้ว่านี่มันคือคำเตือนกลายๆจากผู้ชายคนนี้
“แต่เรื่องยากๆแบบนั้นป๊าไม่ยุ่งหรอกนะ ป๊าขอเป็นฝ่ายรอตามใจง่ายกว่าเยอะ” คนเป็นพ่อยังว่าต่อหน้าตายิ้มแย้ม แต่ถึงจะว่าอย่างนั้นเขาก็รู้ดีว่าคนเป็นพ่อไม่ได้คอยแต่ตามใจอย่างที่ปากว่า เข้ารู้ดีตราบใดที่กียังเลือกเขา เขารู้ว่าผู้ชายคนนี้พร้อมที่จะสนับสนุนและให้ความช่วยเหลือแบบเต็มกำลัง แต่ในขณะเดียวกันถ้าวันใดที่กีบอกจะตัด เขารู้ดีว่าคนที่เขาจะไม่สามารถทำให้ใจอ่อนได้เลยไม่ใช่แม่หรือพี่สาว แต่คือชายตรงหน้าต่างหาก
“แล้วป๊าไม่ว่าอะไรหรอครับ ผมเป็นผู้ชาย..” เมื่อเริ่มเปิดใจได้มากขึ้น เขาก็อยากจะรู้เรื่องที่แปลกใจมาโดยตลอดที่ทุกคนทำเหมือนมันเป็นเรื่องปกติ ถ้าเป็นที่บ้านเขา เขาไม่แน่ใจเลยสักนิดว่าคนเหล่านั้นจะคิดยังไงกับเรื่องนี้
“เราเคยรักใครไหม” ป๊าเอ่ยถามขึ้นมาแทนคำตอบ เขาไม่ได้ตอบอะไรเพียงแค่นิ่งฟังสิ่งที่จะตามมา เผลอกลืนน้ำไหลเหนียวลงคออย่างยากลำบาก
“ถ้าเรารักใครสักคน สิ่งที่เราทำได้คือต้องเชื่อมั่นในตัวเขา ใครๆก็ว่าป๊าเลี้ยงลูกมาแบบทิ้งๆขว้างๆ คอยแต่ตามใจมันจนเคยตัว แต่จริงๆแล้วคือมันไม่ใช่ ป๊าแค่พยายามสร้างความมั่นใจให้น้องมันมากที่สุดต่างหาก”
“ตั้งแต่เด็กๆป๊าจะให้มันเลือกทางเดินของตัวเองมาตลอด ไม่ว่าอยากทำอะไรก็ให้ลอง อยากเป็นอะไรก็ให้เป็น จะมีบ้างแค่ช่วยชี้แนะไม่ให้ออกนอกลู่นอกทาง นอกจากที่น้องมันจะได้เรียนรู้ว่าอะไรดีไม่ดี ได้รู้ว่าตัวเองชอบอะไรแล้ว สิ่งหนึ่งที่มันจะได้คือความมั่นใจ น้้องมันจะมั่นใจได้ว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตามป๊าก็ยังจะอยู่กับมันเสมอ ดังนั้นกีมันถึงไม่เคยมีเรื่องปกปิดป๊า อยากได้อะไรก็ขอ มีเรื่องเครียดก็เล่าให้ฟัง หรือถึงไม่เล่าแต่เวลาที่น้องไม่มีที่ไปมันก็ยังคิดกลับมาหลบพักใจที่บ้านไม่ได้เตลิดหายไปไหนให้ต้องเป็นห่วง เห็นไหมว่ามันง่ายกว่าการควบคุมให้มันทำตามที่ป๊าสั่งอย่างเดียวตั้งเยอะ ป๊ามีแต่ได้กับได้” คนเล่ายกยิ้มเอ็นดูก่อนที่จะหันมาตบไหล่เขาเบาๆ
“ที่เล่ามาทั้งหมดก็เพื่อตอบคำถามของเรา ป๊าไม่คิดจะว่าอะไร และป๊าก็ไม่สนว่าคนจะมองจะพูดอะไร ขอแค่ลูกป๊าเลือกเขาก็พอ ขอแค่เขาทำให้ลูกป๊ามีความสุขก็พอ” ตั้งต้นตั้งใจฟังทุกคำของชายตรงหน้า เขารู้สึกเคารพความคิดของคนคนนี้เหลือเกิน ตอนนี้เขาไม่แปลกใจเลยสักนิดที่กีโตมาเป็นคนจิตใจดีแบบนี้ จริงใจเหมือนคนเป็นแม่ เหมือนจะเอาแต่ใจแต่ก็แสนจะใจอ่อนเหมือนคนเป็นพี่ และการรักและพร้อมจะเข้าใจเหมือนคนเป็นพ่อ ทุกๆสิ่งหลอมรวมมาเป็นคนรักของเขา คนที่ครั้งนึงเขาเคยโง่จนทำให้อีกฝ่ายเสียใจ ตอนนี้เขารู้สึกโชคดีเหลือเกินที่ตัวเองยังมีโอกาสได้มานั่งอยู่ตรงนี้
“ผมสัญญาครับว่าผมจะพยายามเต็มที่ให้กีมีความสุขที่สุด” เขาเอ่ยสิ่งที่ออกมาจากใจ คนเป็นผู้ใหญ่ยิ้มรับ ก่อนจะเอ่ยสอนคนที่เขานึกเอ็นดูเหมือนลูกอีกคน
“ฟังนะต้น ทุกความสัมพันธ์มันยากในตัวมันอยู่แล้ว แล้วยิ่งความสัมพันธ์แบบพวกเรามันยิ่งยากกว่าหลายเท่า ทั้งคนรอบตัว ทั้งสังคมภายนอก ปัญหามันพร้อมจะเข้ามาจากปัจจัยรอบด้าน ดังนั้นสิ่งที่เราต้องทำคือคุยกันเยอะๆเข้าใจกันให้มากๆ และที่สำคัญต้องเชื่อใจและไม่ทำลายความไว้ใจของกันและกัน แค่นี้ป๊าก็เชื่อว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น พวกเราจะผ่านมันไปได้”
“แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆ บอกป๊า เดี๋ยวป๊าจัดการเอง” ตั้งต้นหัวเราะในลำคอให้กับคนที่ชอบตามใจ กระบอกตาร้อนผ่าว เขาซึ้งใจจริงๆ ตอนนี้เขาไม่ได้ได้แค่คนรักที่ดีที่สุด แต่เขายังได้มาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวที่อบอุ่นที่สุดที่เขาเคยเจอมาในชีวิตอีกด้วย
“ขอบคุณมากๆเลยนะครับป๊า”
“ต้น มาช่วยแม่ยกลังเข้าบ้านเร็ว!” เสียงเรียกดังมาจากหน้าบ้าน ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนแทบทันที ร่างกายที่เคยเหนื่อยล้ากลับมากระปรี่กระเปร่าอย่างกับคนเพิ่งกินผักโขมของป๊อปอายมาใหม่ๆ

“ครับแม่ มีกี่ลังต้นยกเองครับ!!”

**********
อ่ะๆ ให้ต้นทำคะแนนหน่อยยย ป๊ามาตอนเดียวบทเยอะกว่าน้องหมีมาสิบตอน 5555 ตอนนี้ไม่รู้จะชอบกันหรือเปล่านะคะ ดูเหมือนจะสอนกันเยอะเกินไป แต่ถึงจะยาวก็ลบทิ้งไม่ได้สักคำเลยค่ะ เป็นสิ่งที่คิดว่ายังไงก็ต้องใส่ไว้ในเรื่องนี้ ตอนหน้าจะพยายามมาเร็วๆนะคะ ช่วงนี้งานเยอะจริ๊งๆๆ เลยมาข้าไปหน่อยจ้าาา
#ต้นคนรักไม่เป็น

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :hao3: ต้นอ่วมแน่ๆงานนี้

ออฟไลน์ Nung66669

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
ครอบครัวน่ารักของน้องกี ตั้งต้นจริงใจๆๆท่องไว้ๆ

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
เหมือนต้นได้ครอบครัวที่อบอุ่นแบบที่ต้องการแล้วรักษาไว้ให้ดีๆนะ

ออฟไลน์ Maywrite

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
.:บทเรียนที่ 11:.


“แล้ววันนี้ต้นมันไม่ร้องมาด้วยหรอ” อินทัชเอ่ยถามเพื่อนสนิทขณะที่ยืนรอเพื่อนอีกสามคนที่กำลังไปซื้อตั๋วหนังและป๊อปคอร์นอยู่ วันนี้พวกเขามาดูหนังกับเพื่อนที่ค่ายอย่างที่เขาเคยบอกไว้ก่อนที่กีจะกลับบ้าน แต่กว่าจะนัดกันลงตัวว่างพร้อมกันทุกคน กีมันก็กลับมาจากบ้านได้เป็นเดือนแล้ว

“วันนี้ต้นมีนัดกินข้าวกับเพื่อน” กีรติตอบกลับ จริงๆตั้งแต่ที่เจ้าตัวรู้ว่าเขาจะมาก็ร้องบอกว่าจะมาด้วยทุกครั้งจนเขาก็ยอมตามใจ แต่พอจะถึงวันจริงๆเจ้าตัวกลับหน้ามุ่ยเดินมาบอกว่าไม่ว่างแล้วซะงั้น
“ก็ดี ไม่รู้จะหวงอะไรนักหนา ตามติดซะ” คนที่ยังไม่ยอมอภัยให้ง่ายๆก็เอ่ยขึ้นอย่างมั่นไส้
“อย่างมึงเนี่ยนะมาว่ากู มองไอ้หมีสิ มันโดนใครส่งให้มาเฝ้ามึง” อินทัชหันไปมองน้องรหัสแฟนที่ยืนยิ้มแห้งหันซ้ายขวาฟังพวกเขาคุยกันอยู่ แน่นอนว่าการที่เขามากับเตแบบนี้ ดินไม่มีทางยอมปล่อยมาง่ายๆ ถึงจะไม่ได้แสดงอาการหึงจนออกนอกหน้า แต่การส่งหมีพูห์มาแบบนี้มันแสดงให้เห็นแล้วว่าเจ้าตัวไม่ได้นิ่งอย่างที่คิดสักนิด
“หมี พี่บอกแล้วไงว่าถ้าไม่อยากมาก็ไม่ต้องมาก็ได้นะ” เอ่ยบอกน้องรหัสแสนน่ารัก ที่ไม่รู้ว่าจะซื่อสัตย์จงรักภักดีกับพี่มันไปถึงไหน นี่ถ้าไม่บอกเขาจะคิดว่ามันคิดอะไรเกินเลยกับดินไปแล้ว
“ไม่เป็นไรพี่อิน ผมเองก็คิดถึงพี่ที่ค่ายเหมือนกัน” แน่นอนหมีมันรู้จักคนในค่ายเพราะมันก็ไปด้วยกัน เขาเพิ่งมารู้ที่หลังว่าแท้จริงแล้วดินเนี่ยแหละที่เป็นคนส่งมันไป

ยืนคุยกันสักพักเพื่อนอีกสามคนก็กลับมา เตแฟนเก่าเขายื่นตั๋วหนังสามใบมาให้ นทคนที่ต้นเข้าใจผิดเป็นวักเป็นเวรจนเลิกลากันไป ถือถังป๊อปคอร์นมาสามถัง พวกเขาไม่ได้เล่าอะไรให้มันฟังเพราะรังแต่จะทำให้มันคิดมากไปเปล่าๆ ระหว่างนทกับกีมันไม่มีอะไรเกินเลยไปกว่าคำว่าเพื่อน ถ้ามันรู้ว่าเป็นสาเหตุให้กีเสียใจปางตายมันก็คงไม่สบายใจถึงจะไม่ใช่ความผิดมันก็เถอะ และคนสุดท้ายที่ถือถุงใส่แก้วน้ำอัดลมหกแก้วมาคือกันต์ เพื่อนสนิทของนทที่เพิ่งรู้จักกันที่ค่าย และหลังจากที่เจอกันที่ร้านเหล้าอีกรอบก็มาขอเบอร์กีกับเขา
เขาไม่ได้ให้ไปหรอกนะ ถึงจะอยากยุ่งแค่ไหนแต่ของแบบนี้ต้องให้เจ้าตัวอนุญาตเอง
แต่ถ้าถามว่าเชียร์ไหม บอกได้เลยว่าตอนนี้ถึงจะอยากเชียร์ก็เชียร์ไม่ได้ เพราะมันตกลงกลับไปคบกับต้นจริงๆจังๆแล้ว ถึงจะอยากให้เพื่อนได้เจอคนที่ดีกว่าแค่ไหน แต่เขาก็รู้ว่าการทำให้แฟนเลิกกันมันไม่ใช่สิ่งที่ดี และอีกอย่างสำหรับเขาความสุขของไอ้กีสำคัญที่สุดเสมอ ในเมื่อมันเลือกอีกคนไปแล้ว เขาจะทำอะไรได้นอกจากคอยสนับสนุนอยู่ข้างหลัง กับกันต์เอง เขาก็บอกปฎิเสธไปจริงๆจังๆอีกครั้ง พร้อมบอกไปเรียบร้อยแล้วว่ากีมันมีแฟนแล้ว เจ้าตัวก็เหมือนจะยังไม่ได้จริงจังอะไรเท่าไหร่ หลังจากนั้นก็ไม่ได้มาถามหรือแสดงอาการเกินพอดีกับเพื่อนเขาอีก

แต่ไม่บอกให้ไอ้ต้นมันได้ใจหรอกนะ อย่างมันต้องโดนให้เข็ด

“งั้นก็เข้าไปในโรงกันเถอะ” เป็นนทที่กล่าวชักชวนเพื่อนเมื่อเห็นว่าใกล้เวลาเต็มทีแล้ว เตชาที่ทำหน้าที่แจกจ่ายเสบียงให้เพื่อนๆยื่นแก้วน้ำอัดลมให้เพื่อนทุกคนก่อนจะที่จะหันมายื่นให้เขา

“วันนี้นั่งข้างเตไหมครับ” อินทัชหันมาหรี่มอง ลังเลอยู่ว่าควรจะพูดอะไร จริงๆเขาคุยกับเตได้เป็นปกติและรู้สึกสบายใจทุกครั้งที่เจอ แต่เขาแค่กลัวว่าถ้าสนิทกันเกินไปมันอาจจะเป็นการให้ความหวังอีกฝ่ายหรือเปล่า ดังนั้นเขาคิดว่าควรปฎิเสธ ยังไงทิ้งระยะห่างไว้ก็น่าจะดีกว่า
“ไม่ได้ครับ พี่อินต้องนั่งข้างพี่กี ส่วนอีกข้างผมจะนั่ง” ก่อนจะเขาจะได้ปฎิเสธหมีพูห์ก็เอ่ยแทรกขึ้นมาเสียงหนักแน่น จับมือเขาเดินเข้าไปในโรงหนังทันทีโดยไม่คิดจะไว้หน้าเตเลยสักนิด พี่รหัสมันสอนมาดีเหลือเกินนะ
“หมี เสียมารยาทรู้ไหม”
“ขอโทษครับพี่อิน แต่หมีแต่ทำตามหน้าที่”
“พี่ดินจะให้อะไรรอบนี้”
“หุหุ พี่ดินบอกจะซื้อตั๋วดิสนี่ย์ออนไอซ์ให้อ่ะพี่อิน!” น้องมันเอ่ยออกมาอย่างตื่นเต้นให้เขากลอกตามองบน ทีกับเรื่องแบบนี้ทุ่มเทจังเลยนะคุณบดินทร์~



“หนังสนุกไหม” เตชาเอ่ยถามอินทัชเมื่อทั้งหมดเดินออกมาจากโรงหนัง พวกเขาสองคนยืนรอเพื่อนที่ไปเข้าห้องน้ำกันอยู่ ชายหนุ่มลอบมองหน้าแฟนเก่าที่ไม่ว่ายังไงก็เป็นคนที่เขายังลืมไม่ได้สักที
แต่ก็นะ ถึงจะลืมไม่ได้แต่เขาก็รู้ดีว่าอีกคนมีความสุขกับรักครั้งใหม่มากแค่ไหน จนไม่เคยคิดที่จะเอาตัวไปแทรกกลางหรือสร้างความลำบากใจ แค่ขอให้ยังได้พูดคุยกันอยู่บ้าง สำหรับเขาแค่นี้ก็มีความสุขมากพอแล้วจริงๆ

“สนุกมากเลยเต อินมองตาไม่กระพริบจนกีมันแย่งกินป๊อปคอร์นหมดไปทั้งถังเลย” เขาหัวเราะให้กับท่าทางน่ารักของคนตรงหน้า ในช่วงเวลาหลายเดือนที่ไม่ได้เจอกันเขาคิดว่าอินเปลี่ยนไปเยอะเหลือเกิน เมื่อก่อนตอนที่คบกัน อินจะเป็นคนเงียบๆไม่ค่อยแสดงออกหรือพูดในสิ่งที่ตัวเองคิด คอยตามใจเขา ตกลงเออออไม่ว่าเขาจะชวนไปไหนหรือกินอะไร เป็นเขาเองที่ต้องคอยเดาใจอีกฝ่ายอยู่ตลอดเวลา แต่พอมาตอนนี้เขาเห็นอินที่มั่นใจในตัวเอง หัวเราะพูดคุยกันอย่างเปิดเผย แล้วก็ยังรอยยิ้มบาดใจนั่นอีก ถึงจะเจ็บในอกแต่ก็รู้ดีว่าที่อินเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ก็เพราะผู้ชายอีกคน ผู้ชายงี่เง่าที่ทำตัวเหมือนเด็กสองขวบ ได้ตลอดเวลา

คนบ้าอะไรส่งน้องรหัสมาคุมแฟนตัวเองแบบนี้

แต่จะให้ทำยังไงได้ ในเมื่อคนบ้างี่เง่าที่เขาว่ามันดันเป็นคนเดียวกับผู้ชายที่ทำให้อินมีความสุขที่สุด ถึงจะไม่ชอบใจแต่จะทำอะไรได้นอกจากต้องยอมรับความจริง

“ถามแต่อินแล้วเตชอบไหม” ตากลมหันมาสบ ให้คนที่ตกอยู่ในพวังค์ตอบออกไป
“ก็ชอบ..ชอบเหมือนเดิมเลย”
“ชอบเหมือนเดิมอะไร ภาคก่อนหน้านี้นะหรอ” เขาสะดุ้งกับสิ่งที่หลุดไป อินถามออกมาซื่อๆ ให้คนที่แอบเผลอบอกความในใจได้แต่ยิ้มเจื่อนพยักหน้ารับกลับไป ตายังคงมองคนที่ไม่ว่าเขาจะเจอกี่ครั้งใจก็ยังเต้นแรงทุกที แววตาของอินเริ่มเปลี่ยนไปเหมือนเจ้าตัวก็เริ่มจะรู้ว่าคำตอบของคำว่าชอบเหมือนเดิมก่อนหน้านี้ ไม่ได้หมายถึงหนังภาคที่แล้วอย่างที่คิดในตอนแรก

“เต..แล้วเตเป็นยังไงบ้าง” อีกฝ่ายถามออกมา ตากลมแวววับมองมาให้ใจสั่นจนต้องหลบตา

“เตก็ดี แต่เรียนหนักมาก อินล่ะ”
“ก็หนักอยู่ แต่คงไม่สู้วิดวะได้หรอก” อินทัชเอ่ยตอบลอบมองอีกฝ่ายก่อนที่จะเอ่ยถามสิ่งที่ตนอยากรู้จริงๆ
“แล้วเต..เอ่อ..คือ”
“หืม?” เตชาหันจ้องเข้าไปในตาของคนที่เริ่มอึกอัก
“มีใครเข้ามาบ้างหรือยัง” ในที่สุดก็กลั้นหายใจถามออกไป ไม่รู้ว่าละลาบละล้วงเกินไปหรือเปล่า แต่เขาก็อยากรู้จริงๆว่าเมื่อไหร่เตจะมีคนมาดูแลหัวใจ เตป็นคนดี เขาก็อยากให้เจ้าตัวได้เจอรักดีๆสักที

คนโดนถามก็เหมือนจะอึ้งกับคำถามไปนิด แต่ก็ยิ้มออกมาก่อนจะเอื้อมมือมาวางบนกลุ่มผมของเขา
“ยังเลย ทำไม กลัวเตจะยังชอบอินอยู่หรือไง” หัวเราะในลำคอทั้งๆที่ตาเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด

“ปะ..เปล่านะ ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย”
“แล้วยังไงล่ะครับ”
“ก็...”คนที่แค่ถามเพราะเป็นห่วงพยายามหาเหตุผล “ไม่อยากให้เตเหงา ถ้ายังไม่มีอินช่วยหาได้นะ”
“พอเลยเราน่ะ หนักกว่าเดิมอีก เก่งแต่ทำเตเสียใจ” เตชาพูดเหมือนเหย้าหยอก แต่บอกเลยเจ็บจริงอะไรจริง ไม่รักตอบไม่ว่า ยังจะยัดเหยียดให้ไปหาคนอื่นอีก
“ง่ะ..อินไม่ได้...”
“ช่างเถอะเตล้อเล่น เตว่าจะไปกินเอ็มเคกันต่อ พวกอินไปด้วยกันนะ” เตชาเอ่ยชวน ส่วนหนึ่งเขาก็อยากใช้เวลากับอินให้มากขึ้นอีกนิด เพราะถึงจะมาดูหนังด้วยกันก็แทบจะไม่ได้คุยกันเลยสักนิด
“ก็น่าจะได้นะ ขอถามกีกับหมีพูห์ก่อนนะ อ่ะมาพอดี” เขาหันไปมองรุ่นน้องกับเพื่อนอีกสองคนที่เดินมาสมทบแต่ยังไม่เห็นเพื่อนสนิท
“พี่กีล่ะหมี” รุ่นน้องชี้มือไปที่หน้าห้องน้ำไกลๆ เขาเห็นมันยืนนิ่ง สีหน้าถอดสี คิ้วขมวดแน่นเข้าหากัน สองตาจ้องมองโทรศัพท์ในมืออย่างไม่วางตา
“เอ่อ เดี๋ยวอินมานะ” หันไปบอกเตก่อนที่จะเดินไปหาเพื่อนสนิท
“มีอะไรหรือเปล่ามึง” เขาเอื้อมมือไปแตะไหล่ ก้มมองหน้าคนที่ยังจ้องมือถือไม่หยุด
“ไลน์กลุ่ม” มันตอบมาสั้นๆ ให้เขาที่ยังงงอยู่รีบหยิบโทรศัพท์ของตัวเองที่ปิดเครื่องไปตอนอยู่ในโรงหนังมาเปิดดู พอเครื่องเปิดได้ปุ๊บเขาก็เข้าไปในไลน์กลุ่มทันที

ถึงร้ายก็รัก (4)
ธันย่า: เพื่อนมึง
ธันย่า: กูมีข่าวไม่ค่อยจะสู้ดี ใจเย็นๆนะ พวกมึงพร้อมไหม
แน้ตตี้: เฮ้ย มีอะไรว่ะ
ธันย่า: เดี๋ยวรอพวกมันมาก่อน โดยเฉพาะไอ้กี
แน้ตตี้: วันนี้พวกมันไปดูหนัง ป่านนี้อยู่ในโรงอยู่เลยมั้ง
ธันย่า: อ้าว หนังมันเลิกกี่โมงเนี้ย จะทันไหมว่ะ
แน้ตตี้: ทันอะไรว่ะ มึงทำกูตื่นเต้นทำไม อีธัน!
กีร่า: กูมาแล้วพวกมึง หนังเพิ่งเลิก
ธันย่า: ไอ้อินอ่ะ?
กีร่า: ยืนคุยกับแฟนเก่ากระหนุงกระหนิง กูนี่อยากถ่ายรูปไปให้ดินดู 555
ธันย่า: ช่วงรูปไอ้อินเถอะ มึงดูรูปนี้ก่อน
ธันย่า: (แนบไฟล์รูป)
แน้ตตี้: เชี่ยย ตั้งต้นมันนั่งอยู่กับใครว่ะ
ธันย่า: ไอ้ทิวส่งมา มันบอกว่าชื่อนิชา คนที่มีข่าวกับไอ้ต้นมาตลอด มึงลองเปิดลิ้ง
ธันย่า: (ลิ้ง)
ธันย่า: เป็นไฮโซลูกเจ้าของร้านเพชร กูอ่านแล้วคือบ้านนี้จะสนิทกับบ้านตั้งต้นมาก แล้วคือตั้งแต่เด็กๆมีข่าวกับมันมาตลอด เขาว่าเป็นคู่หมั้นคู่หมายกันด้วย
แน้ตตี้: ไอ้กีมึงรู้เรื่องนี้ไหม
กีร่า: กูไม่รู้ว่ะ ต้นไม่เคยบอก
ธันย่า: วันนี้มันบอกมึงว่าจะไปไหน ไอ้ทิวบอกเขายังนั่งกินข้าวด้วยกันอยู่เลย
กีร่า: อืม ต้นบอกว่าจะไปกินข้าวกับเพื่อน แต่กูไม่ได้ถามว่าเป็นใคร
ธันย่า: งั้นมึงก็ถามซะให้รู้เรื่อง ตอนแรกกูก็ว่าจะรอเจอมึงแล้วค่อยบอก แต่พออ่านประวัติฝ่ายหญิงแล้ว กูว่ามึงควรจะรู้เร็วๆ
กีร่า: เออ ขอบใจนะ เดี๋ยวกูคุยกับมันเอง
แน้ตตี้: กีมึงใจเย็นๆนะ อย่าเพิ่งคิดไปไกล ถามมันไปเลยตรงๆ
ธันย่า: เออ คุยกันไปตรงๆ กูเก็นกูยังอารมณ์เสีย เอาให้เคลียร์เลยนะมึง
กีร่า: กูโอเคมึง ขอบใจนะ กูคุยกับมันแล้วได้ความว่าไงจะมาเล่าให้พวกมึงฟังนะ
หนูอิน: พวกมึงไม่ต้องห่วงนะ กูอยู่กับมันนี่แหละ


อินทัชจับแขนเพื่อนที่ตอนนี้ยืนตัวสั่นไปหมดแล้ว ไอ้กีก็ยังเป็นไอ้กี มันไม่เคยทำตัวให้พวกเขาเป็นห่วงสักครั้ง นี่ถ้าไม่ยืนอยู่ข้างมันเขาก็จะนึกว่ามันโอเคจริงๆเหมือนที่มันพิมพ์เหมือนกัน
“กีมึงใจเย็นนะ”
“กูโอเคมึง”
“โอเคอะไรล่ะ หน้ามึงไม่มีเลือดอยู่แล้วเนี่ย แป๊ปนะ” เขาว่าอย่างนั้นก่อนที่จะเดินไปหากลุ่มเพื่อน บอกว่าพวกเขามีธุระกระทันหันต้องกลับก่อน คงไปกินข้าวต่อด้วยไม่ได้ ตอนแรกหมีพูห์มันก็จะตามมาด้วยแต่เขาเป็นคนขอให้เตไปส่งน้องมันที่ห้องให้หน่อย น้องก็เลยตามพวกนั้นไปกินเอ็มเคด้วย
“แล้วมึงจะเอาไงไอ้กี” เขาพามันมานั่งสงบสติอารมณ์ในร้านกาแฟแห่งหนึ่ง พอกาแฟปั่นที่สั่งไปมาเสิร์ฟที่โต๊ะเขาก็เอ่ยถามคนที่ไม่พูดอะไรสักคำ เอาแต่กูเกิ้ลข่าวแวดวงไฮโซที่มีรูปคู่ของต้นกับผู้หญิงอีกคนอยู่ได้
“กูไม่รู้” มันเอ่ยขึ้นหันมามองหน้าเขา “กูทำไงดีว่ะอิน” เม้มปากแน่นก่อนที่จะถามออกมาอย่างคนไม่รู้จะทำอย่างไรจริงๆ เขามองหน้ามัน ลึกเข้าไปในแววตาวาบไหว เขารู้ว่ามันกลัว

กลัวที่จะถาม
เพราะกลัวที่จะรู้คำตอบ

“มึงก็รู้ กูก็ไม่ได้ชอบมันหรอกนะ แต่ยังไงกูก็อยากให้มึงฟังมันก่อน อย่าให้เรื่องเป็นแบบคราวที่แล้ว” เขาเองก็รู้ดีที่สุด ว่าการที่ไม่พูดจากันให้รู้เรื่องมันสร้างปัญหาได้มากมายแค่ไหน

“แล้วมันจะบอกกูหรอ” คำพูดของอีกฝ่ายทำให้อินทัชตกใจ มันไม่ได้ล้อเล่นเสียด้วย
“ไอ้กี...มึงแม่งไม่ไว้ใจมันยิ่งกว่ากูเสียอีก” เขาว่า “ถ้ามึงยังต้องมานั่งระแวงมันแบบนี้ แล้วอย่างนี้มึงจะคบกับมันได้ยังไง”

กีรตินิ่งฟังสิ่งที่เพื่อนพูดแล้วคิดตาม ใช่ลึกๆแล้วเขายังไม่ไว้ใจต้นเลยสักนิด ถึงอีกฝ่ายจะพยายามทำดีกับเขามากแค่ไหน แต่เหมือนใจมันก็ยังกลัว เขารู้ว่าอีกคนแคร์เขามาก ที่บอกว่ารักเขาก็เชื่อไปหมดแล้วทั้งใจ แต่เขาก็แต่สงสัยว่าความรักที่อีกฝ่ายมีให้มันจะมากพอหรือเปล่า มากพอที่จะทำให้อีกฝ่ายหยุดกับเขาคนเดียว มากพอที่อีกฝ่ายจะตัดทุกคนออกไปจนหมดเลยหรือเปล่า

แล้วอีกอย่าง..

“มึงก็รู้ว่าบ้านต้นไม่เหมือนพวกเรา ถ้าพ่อแม่เขาให้หมั้นกับผู้หญิงคนนั้นจริงๆ มันคงปฎิเสธไม่ได้ ”
นี่ก็เป็นอีกเหตุผลนึงที่ทำให้เขากลัวอยู่ตอนนี้ บ้านของต้นเป็นบ้านของคนมีหน้ามีตาในสังคมไม่เหมือนคนธรรมดาแบบบ้านเขา เขาไม่คิดหรอกนะว่าบ้านของอีกฝ่ายจะมารับความสัมพันธ์ชายกับชายของพวกเขาได้ง่ายๆ ความกลัวที่มีมาอยู่ตลอดบวกกับสิ่งที่เห็นว่าอีกฝ่ายมีคู่หมั้นคู่หมายเป็นตัวเป็นตน แถมยังมีฐานะที่สมน้ำสมเนื้อ จะว่าเขาดูละครเยอะก็ใช่ แต่เราก็ต้องยอมรับว่าเรื่องแบบนี้มันก็มีอยู่จริง

“กีพอ ไม่คิดเอง โทรหามัน เรียกมันออกมาคุย หรือจะให้กูโทรเอง?” อินทัชยื่นคำขาด เขาไม่อยากให้มันนั่งฟุ้งซ่านอยู่แบบนี้อีกต่อไปแล้ว มันก็ยอมทำตามที่เขาบอกแต่โดยดีหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรออก

[ครับกี] รอสายไม่นาน ปลายสายก็เอ่ยขึ้นมา
“ต้น..ต้นอยู่ไหน” กีรติสะดุ้ง เสียงที่ถูกควบคุมให้เป็นปกติถูกกล่าวออกมาทันทีทันใด
[ต้นบอกแล้วนี่ว่ามากินข้าวกับเพื่อน กีดูหนังเสร็จแล้วหรอครับ]
“อืม...”
[มีอะไรหรือเปล่า]
“ปะ..ก็มี” ตอนแรกว่าจะบอกว่าไม่มีอะไร แต่เมื่อเห็นเพื่อนสนิทจ้องมาไม่หยุด เขาก็เลยต้องเปลี่ยนคำตอบ
“ต้นกลับห้องตอนไหน กีไปรอที่หอนะ”
[มีอะไรหรือเปล่าหืม ทำไมน้ำเสียงดูไม่ดีเลย ไม่สบายหรอครับ]
“คือ..”
‘พี่ต้น เอาไอศรีมกะทิไหม’
เสียงหวานดังลอดออกมาให้เขาต้องเม้มปากแน่น
“ก็แค่คิดถึง วันนี้ไปนอนด้วยได้ไหม” อินทัชอ้าปากค้างกับคำตอบเพื่อน ตัวมันเองก็ส่ายหน้าแดงๆของมันไปมา จู่ๆก็หึงจนหน้ามืด พูดอะไรหน้าอายต่อหน้าไอ้อินไปแล้ว
[กีพูดจริงหรือเปล่า งั้นกีไปรอที่ห้องนะครับ ต้นจะรีบกลับ]
น้ำเสียงดีใจของปลายสายทำให้เขาใจชื้นขึ้นมานิดนึง ไอ้อินจะว่าหน้าด้านก็ช่างมันล่ะวะ “อืม รีบมาเร็วๆนะ”

เมื่อปลายสายวางไป กีก็ก้มหน้าซบลงกับโต๊ะส่ายหน้าไปมา กระทืบเท้าไม่หยุด
“ไอ้อิน~ กูไม่กล้าถาม~” อินทัชไม่รู้จะหัวเราะหรือสงสารมันดี ได้แต่ตบหลังมันเบาๆ
“เอาน่ะ ยังไงคุยกันซึ่งๆหน้าก็ดีกว่า”
“กูได้ยินเสียงผู้หญิงด้วยวะ ชัดมาก”
“แล้ว?”
“กูกลัวมึง กูกลัว..”
“มึงก็คิดในแง่ดีว่าเขาก็คุยต่อหน้าผู้หญิงคนนั้น”
“ถ้ารอบนี้ ถ้ามันเป็นความจริง แล้ว...”คนที่กลัวก็ยังกลัวอยู่ดี
“ไอ้กีพอ มึงรู้แค่ว่าความจริงคือพวกกูก็ยังอยู่ตรงนี้” เขามองหน้าเพื่อนสนิทที่ส่งยิ้มมาให้ ตบหลังเขาแรงๆสองที “ไป วันนี้มึงไปคุยให้รู้เรื่อง ได้เรื่องยังไงก็บอกกูด้วย” มันว่าพร้อมกระชับกระเป๋าเตรียมลุกขึ้นยืน

“ถ้าคราวนี้มันทำอีก กูสัญญาว่าจะต่อยปากมันจริงๆ คันไม้คันมือมานานล่ะ” เขาลุกตามเพื่อนสนิท อดหัวเราะให้กับท่าทางของมันไม่ได้ ไอ้อินคนขรึมไม่มีอีกต่อไปแล้ว เตก็ทำไม่ได้ ดินก็ไม่มีวัน มีแต่ต้นนี่ล่ะที่กระชากวิญญาณดิบของมันออกมาได้


ฟืดดดดด
สูดหายใจเข้าลึกๆ
ถ้าคราวนี้เขาต้องเจ็บอีก เขาก็รู้ว่าอีกฝ่ายก็คงเจ็บไม่แพ้กัน

อย่างน้อยก็น่าจะฟันหักซักซี่ล่ะนะ
.
.
.
.
.
.
.
.
กีรตินั่งรถแท๊กซี่มาลงที่หอพักแฟนที่อยู่ใกล้มหา’ลัย ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าหากุญแจที่ต้นเคยให้กับเขาไว้ ไม่ใช่แต่ที่นี่ แต่ต้นให้กุญแจคอนโดที่กรุงเทพฯและพัทยาไว้ด้วย ตอนแรกเขาก็ปฎิเสธแต่เจ้าตัวก็ยังยืนยัน บอกว่าอยากให้เขาวางใจ อยากให้รู้ว่าเจ้าตัวให้ความสำคัญกับเขามากแค่ไหน เขาก็เลยจำใจต้องรับมันมา
เมื่อปิดประตูห้องลง เขาก็ทรุดตัวลงนั่งกับโซฟาพร้อมหัวใจที่หนักอึ้ง ถอนหายใจหนักๆครั้งแล้วครั้งเล่า

‘ไอ้กี...มึงแม่งไม่ไว้ใจมันยิ่งกว่ากูเสียอีก’

ไอ้อินมันพูดถูก ถ้าเขายังไม่เชื่อใจอีกฝ่ายอยู่แบบนี้ พวกเขาจะไม่มีวันมีความสุข เขาเป็นคนบอกเองไม่ใช่หรือ ที่เราต้องเลิกกันวันนั้นมันเป็นเพราะอีกฝ่ายไม่ยอมเชื่อใจ ไม่ยอมเดินเข้ามาถาม ไม่เคยคิดที่จะฟังที่เขาพูด ดังนั้นวันนี้เขาจะไม่ทำสิ่งที่เขาเคยว่าว่ามันไม่ดี เขาต้องคุยให้รู้เรื่อง บางทีมันอาจจะไม่มีอะไรเลยก็ได้ บางทีสองคนนั้นเป็นแค่เพื่อนอย่างที่ต้นบอก ข่าวทั้งหมดมันอาจจะเป็นแค่ข่าวโคมลอยเหมือนข่าวดาราอื่นๆก็ได้

ใช่ ไอ้กี มึงต้องคุยกับมันก่อน ห้ามคิดไปเองเด็ดขาด..




ติ๊ก ต๊อก ติ๊ก ต๊อก


เขารอแล้วรอเล่าแต่คนที่บอกจะกลับมาก็ยังไม่กลับ ทั้งๆที่คอยปลอบตัวเองซ้ำไปซ้ำมา แต่เมื่อเวลาล่วงเลยไปความคิดฟุ้งซ่านก็กลับมาอีกครั้ง


ดึกขนาดนี้แล้ว ทำไมถึงยังไม่กลับมา
ทั้งๆที่ห้างก็น่าจะปิดไปตั้งนานแล้ว
หรือว่าจะไปต่อกันที่อื่น..
หรือว่าอีกคนไม่ยอมปล่อยให้กลับ..
หรือว่าจะไปไหนต่อไหน..


เดี๋ยวๆ ไอ้กี

ไม่เอาๆๆ มึงอย่าคิดเอง ถ้ามึงสงสัยมึงก็ถามสิ!

ว่าแล้วก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกหาคนที่เขารออยู่ แต่ไม่ว่าจะรอยังไงก็ไม่มีคนรับสาย เขากดสายทิ้งตัดสินใจโทรไปใหม่อีกครั้ง แต่ก็เหมือนเดิม เขารอจนสายโทรศัพท์ตัดไป จึงกดโทรออกอีกรอบ


“ต้นรับโทรศัพท์เราสิ” พึมพำกับตัวเอง หัวใจเริ่มร้อนรนขึ้นทุกที ไม่สามารถคิดแง่ดีได้เลยสักอย่าง
“เราจะโกรธแล้วนะ นับหนึ่งถึงสิบ ไม่สิ นับหนึ่งถึงร้อย ถ้าไม่โทรกลับมาเราจะไม่คุยด้วยจริงๆแล้วนะ” พูดกับรูปโปรไฟล์ในโทรศัพท์ของอีกฝ่ายที่ยังยิ้มแป้นจนหน้าหมั่นไส้

1..2....3......4......

เริ่มต้นนับ พยายามเว้นวรรคให้ยาวๆ ให้มันใช้เวลามากที่สุดเท่าที่จะทำได้

20....21.....22....23...

เหลือบมองโทรศัพท์มือถือ หยิบขึ้นมาดูให้แน่ใจว่ามันไม่ใช่ระบบสั่น เขาเริ่มลุกขึ้นยืนกอดอก เดินไปเดินมาในห้องอย่างกระวนกระวาย

33....34....35...36.....

“จะพาไปหาแม่ทุกเสาร์อาทิตย์เลย เอาให้ปวดหลังจนเดินไม่ได้” เริ่มคิดหาทางแก้แค้นคนที่ยังไม่ติดต่อมาสักที


47...48......49....50....


“แล้วก็ จะไม่ทำข้าวกล่องให้ทั้งอาทิตย์เลยนะ” เอ่ยออกไปด้วยเสียงที่เริ่มอ่อยลงทุกที


60....61....62...
“จะไม่ยอมให้นอนกอดเลยด้วย”



75....76....78...79....
“คราวนี้ จะดึงให้หูหลุดไปเลย!!”



85....86...88...
“จะให้กินแต่บล๊อคโคลี่ทุกวันเลยด้วย” คนที่จะไม่ทำข้าวกล่องเปลี่ยนแผน น้ำตาเริ่มล้นเอ่อขึ้นขอบตาอีกครั้ง



98...99...100.... เขาหลับตาลง น้ำตาที่พยายามกลั้น ไหลลงมาอาบแก้มจนได้



“....”


“รู้หรอกนะว่ากำลังจะโทรมา..จะยอมนับเพิ่มให้อีกร้อยก็ได้ แต่ถ้ายังไม่โทรมาคราวนี้จะโกรธจริงๆแล้วนะ!”
ว่าแล้วคนที่ร้องไห้ไปนับเลขไปก็ยังนับอยู่อย่างนั้น


101...102...103...
....


....



....


997...998...999...


โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่า ถึงจะนับไปจนถึงเช้า อีกคนก็ไม่กลับมาอยู่ดี...




**************
มาม่าาาาาาาาา มันเครียดดด แต่อีกสองสามตอนจะจบแล้ว อย่าเพิ่งเบื่อกันน้าาา
#ต้นคนรักไม่เป็น

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
อะไรของต้นอีกเนี้ย  :mew5:

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
เกิิดอุบัติเหตุกับต้นหรือเปล่า
เราคิดบวกไปให้ต้น..เยอะเลย

ไม่อยากเห็นกีต้องเสียใจอีก
ต้นคงเลิกเหลวไหลแล้ว---อ่ะ คิดบวกให้อีกที

ถ้ารักกันก็อย่าทำร้ายกันเลย
แค่บอกว่าเลิกรัก..มันง่ายกว่าไหม

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
คืออะไรอ้ะ ทำไมปล่อยให้กีรอ,,,

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
เกิดอะไรขึ้น อ่ะ ..

ออฟไลน์ Maywrite

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
.:บทเรียนที่ 12:.




กีรติลืมตาตื่นขึ้นเมื่อแสงอาทิตย์จากนอกระเบียงแยงเข้ามาจนแสบตา ใช้สองแขนยันตัวขึ้นนั่งอย่างยากลำบาก เขายังอยู่ที่เดิม ยังอยู่บนโซฟาตัวเดิมที่ใช้นั่งรอใครบางคนตลอดทั้งคืน

“ต้น” เมื่อมองสำรวจไปรอบด้านแล้วปรากฎว่าไม่มีร่องรอยของคนที่เฝ้ารอจึงเปล่งสุดเสียงลองเอ่ยเรียกชื่ออีกคน เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบรับเลยตัดสินใจลุกขึ้นจากโซฟานุ่ม เปิดบานประตูทุกห้อง สำรวจด้านในเผื่อว่าเจ้าตัวจะหลับอยู่ที่ใดที่หนึ่ง

“ไม่ได้กลับมาจริงๆด้วย” จริงๆก็รู้อยู่แก่ใจ ถ้ากลับมาจริงคงไม่ยอมปล่อยให้เขานอนหลับบนโซฟาอยู่แบบนี้หรอก เมื่อคิดได้ก็รีบกลับไปที่โซฟามองหาโทรศัพท์มือถือของตัวเอง บางทีต้นอาจจะโทรมาตอนที่เขาเผลอหลับไป บางทีเจ้าตัวอาจจะมีเรื่องอะไรสักอย่างจนกลับมาไม่ได้ ในหัวเริ่มคิดไปใหญ่โต ได้แต่ภาวนาขอให้อีกคนยังปลอดภัยดี หาไปหามาปรากฎว่าโทรศัพท์ตกลงไปข้างโซฟา เขารีบก้มลงไปเก็บ สมองจินตนาการถึงเหตุผลที่อีกคนจะเอามาใช้แก้ตัวที่หายหน้าไปทั้งคืนแบบนี้ ถึงจะเป็นห่วงแต่คอยดูนะ ถ้าเหตุผลฟังไม่ขึ้น เดี๋ยวจะบิดให้หูขาดกันไปข้าง


ว่างเปล่า..
ไม่มีข้อความ..
ไม่มีสายโทรเข้า..


“นี่มันเรื่องเชี่ยอะไรอีกแล้ว” ตอนแรกเขาก็แอบกลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับต้น แต่เขาก็รู้ดีว่าถ้าเกิดอุบัติเหตุหรืออะไรทำนองนั้น ป่านนี้เขาคงได้ข่าวจากเพื่อนเจ้าตัวไปแล้ว แต่นี่มันไม่ใช่ ความรู้สึกประหลาดที่แสนจะคุ้นเคยครอบคลุมจนแน่นอก ความรู้สึกที่นำความทรงจำเลวร้ายครั้งก่อนกลับมา

ในตอนที่ทุกอย่างกำลังไปได้ดี
ทั้งๆที่ไม่มีสัญญาณร้ายอะไรสักอย่าง
หรืออยู่ๆก็จะโดนทิ้งอีกแล้วหรอ

ยิ่งคิดก็เหมือนกระบอกตายิ่งร้อนชื้น ตัดสินใจขยี้ตาที่บวมฉึ่งแรงๆก่อนจะลุกขึ้นไปห้องน้ำ หวังจะล้างหน้าล้างตาให้สมองมันปลอดโปร่งกว่านี้สักหน่อย แล้วค่อยคิดอีกทีว่าจะเอายังไงต่อไป แต่เมื่อเดินเข้ามาถึงหน้ากระจกก็ต้องตกใจ

อีกแล้วหรอวะ
เขาเจอใครบางคนที่เห็นมาตลอดปิดเทอม ผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงรุงรัง ตาตี่ๆที่ตอนนี้แถบกลายเป็นเส้นตรงเพราะเปลือกตาที่บวมฉึ่ง จมูกแดงก่ำ ปากที่ขึ้นรอยเพราะเม้มขบเวลาร้องไห้หนัก

..เบื่อ..เบื่อที่เห็นตัวเองต้องเป็นแบบนี้

‘ถ้าไม่ไหวจริงๆก็ควรจะรู้ว่าจะหยุดตอนไหน’

คำพูดที่ป๊าเคยพูดไว้สะท้อนมาในใจ

เฮ้อ

“สงสัยจะไม่ไหวจริงๆแล้วแหละป๊า” เขารู้สึกจริงๆว่าไม่ไหวแล้ว ไม่มีแม้กระทั่งอารมณ์จะคิดหาสาเหตุที่อีกคนทำแบบนี้ อารมณ์ที่จะร้องไห้ก็ไม่มี อาจจะเป็นเพราะนอนไม่พอทำให้สมองมันตื้อไปหมด รู้เพียงอย่างเดียวเขาเหนื่อย

เหนื่อยจริงๆกับทุกสิ่งทุกอย่าง
เหนื่อยแล้วจริงๆที่ต้องปรับตัวเข้าหา

สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เขาตัดสินใจล้างหน้าล้างตาจนสะอาด ทิ้งแปรงสีฟันที่เพิ่งใช้เสร็จลงถังขยะ เดินไปหยิบเสื้อยืดของตัวที่เคยเอามาตุนไว้ที่ห้องนี้มาเปลี่ยน จัดการกวาดตัวที่เหลือในตู้ใส่ลงถุงกระดาษ มองไปรอบด้านว่ามีของอะไรที่เป็นของตัวเองหรือเปล่า เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรแล้วก็หยิบกระเป๋าขึ้นมาคาดไหล่ หยิบกุญแจห้องทั้งหมดที่อีกคนเคยให้ไว้ออกมาวางบนโต๊ะ

“เราถือว่าเราให้โอกาสนายแล้วนะ” เขาพูดกับพวงกุญแจตรงหน้าเสียงสั่น “แต่ในที่สุดเมื่อไม่มีใครรักเรา เราก็ต้องรักตัวเอง” ว่าแล้วก็เดินมาใส่รองเท้า หันหลังกลับมามองห้องกว้างที่เขามาบ่อยเหมือนบ้านตัวเองอีกครั้ง ภาพตรงหน้าพร่าเบลอลงเรื่อยๆจนต้องยกมือมาขยี้ตา

“นายไม่มาเองนะ” ทั้งๆที่พยายามประวิงเวลา ทำทุกอย่างให้ช้าที่สุดแต่คนที่อยากให้มาห้ามก็ยังไม่มา
“ถ้าเราออกไปถือว่าเราจบกันนะ” ยังพึมพำออกไปทั้งๆที่รู้ว่าไม่มีใครได้ยิน


ปัง!
ในที่สุดประตูห้องก็ปิดลง
“พอ จบกันซะทีนะมึง”
นิ่งอยู่อย่างนั้นจนรู้สึกว่าใจหายสั่นก็ตัดสินใจเดินตรงไปที่ลิฟท์

Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr

สะดุ้งสุดตัวเมื่อจู่ๆเสียงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงดังขึ้น มือล้วงเข้าไปโดยอัตโนมัติคว้าโทรศัพท์ขึ้นมา แต่เพียงชั่วอึดใจเขาก็ต้องชะงักลง ความลังเลก่อเกิดขึ้นในใจ

เขาควรจะทำยังไงดี

เขาควรจะฟังเสียงของหัวใจ ยอมรับฟังคำแก้ตัวของอีกฝ่ายแล้วกลับไปคืนดีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกครั้ง

หรือจริงๆมันถึงเวลาแล้ว..
เขาควรจะหันมารักตัวเองแล้วหยุดมันไว้แค่นี้หรือเปล่า
.
.
.
.
.
.
.
.

“เมื่อกี้ใครโทรมาน่ะพี่ต้น” หญิงสาวที่นั่งกินไอศครีมกะทิหลังอาหารอย่างเอร็ดอร่อยเอ่ยถามด้วยสีหน้าเย้าย้วนกวนอารมณ์เป็นที่สุด

“แฟนพี่”
“เห้ย อะไรรรรรร ใช้คำว่าแฟนซะด้วย ธรรมดาที่ไหน เป็นใคร อะไร ยังไง” นิชาถามกลับยาวเยียด ถึงจะขำท่าทางตื่นเต้นเกินเหตุของคนตรงหน้าแต่ตั้งต้นเองไม่คิดจะปิดบังอยู่แล้ว ถ้าทำได้เขาออกจะอยากประกาศให้คนทั้งโลกรับรู้ด้วยซ้ำ ว่าแล้วก็ยื่นมือถือของตัวเองให้อีกฝ่ายดู

“โอโห อะไรคือแบกกราวด์เป็นรูปคู่ ทีนเอจมากอ่ะพี่”
“ชื่อกี เรียกพี่ด้วย รุ่นเดียวกันกับพี่ เรียนบริหาร น่ารักเนอะ” ไม่สนคำแซวใดๆทั้งสิ้น เขาร่ายประวัติแฟนพร้อมตบด้วยคำชม

“เห้ย เสป๊กน้องเลยอ่ะ ขอได้ไหม” น้องสาวเอ่ยลองเชิง อดหมั่นไส้ไม่ได้ อะไรจะเห่อเบอร์นี้

“น้องชาครับ เรายังต้องทำธุรกิจด้วยกันอีกเยอะนะ” คนเป็นพี่รีบสวนกลับให้น้องสาวหัวเราะลั่น

“โห หวงขนาดนี้ทำไมไม่พับเก็บไว้ในกระเป๋าเลยล่ะคุณตั้งต้น”

“บอกเลยว่าทำได้ทำไปแล้ว” คนขี้เห่อตอบแบบไม่อาย
“หลงสุดอะไรสุด ข่าวใหญ่เลยนะคุณ”

“เราก็เว่อร์จริง ทำไมต้องตกใจอะไรขนาดนั้นด้วย นี่พี่แค่มีแฟนนะ”

“โธ่ พี่ต้นพูดให้ใครฟัง นี่ชานะ รู้จักกันมาตั้งแต่เกิดนี่คือได้ยินคำว่าแฟนครั้งที่สอง ขอน้องตื่นเต้นหน่อยเถอะ” ชายหนุ่มยกยิ้มมุมปาก ก็หลังจากเลิกกับลินแล้วเขาก็ไม่เคยเปิดตัวใครว่าเป็นแฟนเลยสักคน ถึงจะคิดว่าน้องมันทำท่าทางโอเว่อร์ไปหน่อยแต่ที่มันพูดก็ไม่ผิดสักนิด

“อ่ะ พอพูดถึงแฟนก็เพิ่งนึกออก วันก่อนเจอพี่ลินที่มอด้วย” เด็กสาวตรงหน้าพูดพร้อมกับตักไอศรีมคำสุดท้ายเข้าปาก ยื่นหน้ามาหาเขากระซิบเสียงเบา

“เปลี่ยนแฟนอีกแล้วเหอะ พี่ต้นก็รู้จัก พี่กอล์ฟลูกเจ้าของโรงแรมเบต้าพัทยา” ตั้งต้นยักไหล่อย่างไม่สนใจ แต่ก็อดหัวเราะเบาๆให้กับคนที่ยังยื่นหน้าหรี่ตาพิจารณาเขาอยู่นั่น เลิกคิ้วถามเมื่อชามันไม่ยอมเลิกมองสักที

“แล้ว?”

“แล้ว?” อีกฝ่ายทวนคำ

“แล้วเกี่ยวอะไรกับพี่”

“เห้ยยยย ไม่เหลือเยื่อใยเลยว่ะ คือดีใจสุด คือหลุดพ้น คือนิพพานป่ะ” นิชาเอาสองมือกำประกบกันกลางอก กระพริบตาปริบๆมองพี่ชายสุดที่รัก เขาจะไม่รู้สึกดีใจได้ยังไง เพราะผู้หญิงคนนี้คนเดียวทำให้พี่ชายแสนใจดีของเขาผูกใจเจ็บจนไม่ยอมจริงใจกับใครสักที ด้วยความที่เขาเรียนที่เดียวกับพี่ลิน หลายครั้งที่อดใจไม่ได้เอาเรื่องอีกคนมาเล่าให้พี่ชายฟัง ส่วนใหญ่พี่ต้นต้องกระฟัดกระเฟี้ยดหรือพูดจาถากถางอะไรสักอย่างให้รู้ได้ว่ายังฝังใจไม่ลืม แต่พอมาเห็นท่าทางเมินเฉยแบบนี้เขาก็แสนอุ่นใจ เขารู้ได้เลยว่าในที่สุดพี่ของเขาข้ามผ่านจุดนั้นมาได้แล้วจริงๆ

“แต่ไม่ใช่แค่นั้น เขาถามหาพี่ต้นด้วยนะ” ต้นชะงักมือที่จะกำลังตักไอศรีมเข้าปาก ยกหางคิ้วเหมือนตั้งคำถามว่าทำไม

“เขาบอกอยากเจอ อยากคุยด้วย” คนเป็นน้องว่าต่อ ตั้งต้นไม่ได้ใส่ใจเขาแค่กินไอศรีมต่อไป

“ถ้าเจอก็คุยได้ แต่ไม่นัดหรอกนะ” เรื่องมันผ่านมานานขนาดนี้แล้ว ถึงจะไม่ได้นึกโกรธถึงขั้นจะเผาพริกเผาเกลือเท่าเมื่อก่อน แต่เขาไม่เคยคิดจะให้อภัยหรือกลับไปคบค้าสมาคมด้วยหรอกนะ

“ชาก็ว่า เปลี่ยนแฟนไปเป็นร้อยแล้วยังจะอยากคุยอะไร” คนเป็นน้องเอ่ยอย่างแค้นเคืองแทน

“ป่ะ ถ้ากินเสร็จแล้ว งั้นกลับกันเลยไหมพี่กีรอพี่อยู่ห้อง” เขาไม่ได้สนใจเรื่องของอีกคนเลยสักนิด ตอนนี้ใจคิดอยากกลับไปกอดคนที่รอเขาอยู่ก่อนแล้วมากกว่า เมื่อเห็นว่าน้องไม่ได้จะสั่งอะไรเพิ่มเขาก็เรียกพนักงานมาคิดเงิน

“อ่ะจ้า คิดถึงแฟนจ้า” เด็กสาวเอ่ยแซว
“แซวไป ยิ่งแซวพี่ยิ่งภูมิใจ”

“รักจริงจัง รักเปิดเผยขนาดนี้ ต่อไปชาต้องหาคู่จิ้นใหม่ซะแล้วมั้ง” คนอยากแซวก็ยังแซวไม่หยุด

“เออ กับเราพี่มันก็มีค่าแค่นี้ใช่ไหม” เขาพูดพร้อมบีบแก้มคนแก้มยุ้ยไปมาเบาๆอย่างหมั่นเขี้ยว

“พูดเหมือนแคร์?”แต่อีกฝ่ายก็ถามมาอย่างมารู้ทัน

“ก็ไม่นะ” หัวเราะลั่นพร้อมกันทั้งคู่ ตั้งต้นขยี้ผมคนตัวเล็กตรงหน้าอย่างเอ็นดู ในสังคมที่คนใส่หน้ากากเข้าหากันแบบที่เขาอยู่ นิชาเป็นคนเพียงไม่กี่คนในนั้นที่ทำให้เขาสบายใจด้วยทุกครั้งเวลาที่มาเจอ เขารู้ว่าผู้ใหญ่พยายามจับคู่เขาทั้งสองคนมาตลอดแต่พวกเขาไม่คิดจะสนใจ ถึงความผูกพันธ์ที่เรามีให้กันมันจะไม่ใช่แบบคนรัก แต่พวกเขารู้ดีว่าความรู้สึกที่มีให้กันมันมีค่ามากกว่านั้นเยอะ ทั้งตั้งต้นและนิชาต่างเป็นลูกคนเดียว นิชารักและเคารพตั้งต้นเหมือนพี่ชายแท้ๆ ในขณะที่ชายหนุ่มเองก็เอ็นดูน้องสาวคนนี้ไม่ต่างกัน

“ป่ะ เดี๋ยวพี่ไปส่งบ้าน”

Rrrrrrrrrrrrr

ตอนกำลังจะลุก โทรศัพท์ในมือก็ส่งเสียงดังออกมา พอหันไปดูก็ต้องยกยิ้มทำหน้าทะเล้นให้คนตรงหน้า

“อ่ะ พี่ภูของใครโทรมาก็ไม่รู้” ว่าแล้วก็ยื่นหน้าจอให้คนที่หน้าบึ้งแต่ปลายจมูกแดงเรื่อดูใกล้ๆ นิชาปัดมืออีกฝ่ายออกห่าง เขานึกโกรธตัวเองเหลือเกิน ตอนเด็กๆ ไม่น่าไปหลวมตัวบอกพี่มันเลยว่าแอบชอบพี่ภูอยู่ เพราะนอกจากไม่เคยคิดที่จะช่วยแล้ว เขาโดนพี่มันล้อตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้

“ครับคุณภูผา” ตอบรับปลายสายอย่างอารมณ์ดี

[ทำอะไรอยู่มึง]

“กำลังนั่งกินข้าวกับน้องชา จำได้ไหมมึง คนที่มัดสองแกละ ร้องตามจะกลับบ้านกับพี่ภูอะ” พูดไปก็แลบลิ้นให้คนที่นั่งงอนกอดอกไป

[อ่อ ลูกสาวคุณนิ]

“ใช่ น้องเขาฝากสวัสดี” คนอารมณ์ดียังเล่นไม่เลิก ให้คนโดนล้อโกรธจนจะทึ้งผมอีกฝ่ายอยู่แล้ว

[มึงเสร็จกี่โมง มาเจอกันหน่อยได้ไหม] นอกจากภูผาจะไม่ได้สนใจสิ่งที่เขาพูด เจ้าตัวยังเปลี่ยนเรื่องทันทีจนเขาต้องเปลี่ยนตาม

“วันนี้ไม่ว่างว่ะ กำลังจะกลับห้องกีรออยู่”

[...]

“มึงมีอะไรหรือเปล่า” เมื่อรู้สึกได้ถึงความผิดปกติเขาก็ถามกลับอย่างอดเป็นห่วงไม่ได้

[มึงคือกูมีอะไรจะบอกว่ะ เชี่ย กูควรเริ่มยังไงดีว่ะ] ภูผาสบถออกมา ทำให้เขายิ่งกังวลกว่าเดิม

“ไอ้ภูมึงอยู่ไหน เดี๋ยวกูไปหา”

[กูอยู่บนรถ มึงนั่นแหละบอกที่อยู่กูมา]

“โอเคงั้นมารับกูที่ห้างxxนะ ไอ้เชี่ยมึงทำกูกังวล”

[โอเคเจอกันมึง]

“มีไรกันพี่ต้น” พอวางโทรศัพท์ปุ๊ป คนที่สังเกตเห็นความผิดปกติของบทสนทนาก็ถามขึ้น

“ชา วันนี้พี่คงไปส่งเราไม่ได้แล้วล่ะ เอารถพี่ไปไหม เดี๋ยวภูมันมารับพี่”

“ไม่เป็นไรพี่ต้น เดี๋ยวชากลับแท๊กซี่ได้ มีอะไรหรือเปล่า”
“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน เหมือนภูมันจะมีเรื่อง” ถามไถ่กันอีกนิดตั้งต้นก็เดินไปส่งน้องขึ้นแท๊กซี่ รออยู่แถวนั้นจนรถสปอร์ตสีแดงเลื่อนมาจอด เขายกมือทักทายก่อนที่จะเดินมาเปิดประตูด้านข้างคนขับและนั่งลงคาดเข็มขัดเรียบร้อย

“มึงมีเรื่องอะไร” ถามออกไปทั้งที่ยังไม่ได้กล่าวทักทายอะไรสักอย่าง

“เดี๋ยวขอกูหาที่จอดรถก่อน”

พวกเขาขับออกมาจากหน้าห้าง แวะจอดรถหน้าร้านกาแฟในปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง

“เมื่อไหร่มึงจะเล่าสักที” เมื่อเห็นอีกฝ่ายยังเงียบอยู่ เขาก็ทนไม่ไหวถามออกไป

“มึงมีอะไรเล่ามาเลยอย่าลีลา”

“คือวันนี้กูพาย่าไปโรงพยาบาลมา”

“เห้ย ย่ามึงเป็นอะไร”

“เปล่าๆ ใจเย็นมึง ย่ากูสบายดี”

“แล้ว?”

“กูเจอน้าวรรณ”

“เฮ้ย น้าวรรณเป็นไรว่ะ” น้าวรรณที่มันพูดถึงเป็นหัวหน้าคนงานในบ้านของพ่อ เป็นคนเก่าคนแก่ที่พ่อพามาจากบ้านปู่ย่าตอนที่แต่งงาน ตั้งต้นรักและเคารพน้าวรรณมากกว่าใคร เพราะในขณะที่พ่อแม่เขามัวแต่ทำแต่งาน เธอเป็นคนที่อยู่ดูแลเขามาตลอด สำหรับต้นแล้วเธอเหมือนเป็นแม่คนที่สองของเขาเลยทีเดียว

“ไอ้ต้น มึงใจเย็นสิวะ กูกำลังเล่า”

“มึงก็เล่าสิวะ อ้ำๆอึ้งๆกูจะบ้าตาย”

“น้าวรรณมากับพ่อมึง” ตั้งต้นขมวดคิ้วแน่น หรี่ตามองเพื่อนที่พยายามจะพูดอะไรสักอย่าง

“คือกูสะกิดใจอะไรบางอย่าง กูเลยใช้เส้นสายนิดหน่อยไปสืบมา”

“นี่มึงพยายามจะบอกอะไรกูกันแน่” คนใจร้อนเอ่ยเร่งรัดเมื่อเพื่อนยังพยายามอ้อมโลกไปมา

“น้าวรรณท้องว่ะ” ท่าทางอึกอักเหมือนคนพูดไม่ออกทำให้เขาพอจะเดาสิ่งที่จะตามมาได้

“มึงอย่าบอกกูนะว่า”

“เออ ชื่อพ่อเด็กเป็นชื่อพ่อมึงว่ะ”

“ไอ้เหี้ยภู มึงพูดเหี้ยอะไร!” ตั้งต้นตะโกนสุดเสียง กระชากคอเสื้อเพื่อนสนิทดึงมันเข้ามาใกล้

“มึงอย่ามาล้อเล่นกับกูแบบนี้นะ!”

“ไอ้ห่า กูจะล้อเล่นแบบนี้ทำไม” ตั้งต้นมองเข้าไปในตาอีกฝ่าย เขารู้จักมันดี มันก็รู้จักเขาดี ดีพอที่มันจะไม่มาล้อเล่นกับเขาด้วยเรื่องแบบนี้

“มึงขับไปบ้านพ่อกูเดี๋ยวนี้เลย!” ใช้สองมือผลักเพื่อนออกจากตัวแรงๆก่อนจะออกคำสั่ง

“ไอ้ต้นมึงใจเย็น กูว่าให้มึงมีสติมากกว่านี้ค่อยเข้าไปคุยดีกว่าไหม”

“ไอ้ภู มึงจะขับหรือจะให้กูหาทางไปเอง”

เมื่ออีกฝ่ายมองตาขวางพร้อมยื่นคำขาดมาภูผาก็จำใจออกรถขับตรงไปยังบ้านของพ่อเพื่อน เพราะเริ่มจะดึกแล้วถนนในกรุงเทพฯจึงค่อนข้างโล่งสะดวก พวกเขาใช้เวลาไม่นานก็มาถึงที่หมาย ทันทีที่รถเข้ามาถึงในตัวบ้านตั้งต้นก็ปลดสายเข็มขัด เปิดประตูลงตั้งแต่รถยังจอดไม่สนิทดีจนคนขับก่นด่าตามหลัง

“คุณหนูสวัสดีค่ะ” สาวใช้คนหนึ่งเดินยิ้มออกมาต้อนรับคนที่เดินหัวฟัดหัวเหวี่ยงเข้าบ้าน เธอหน้าซีดลงทันทีที่เห็นเจ้านายที่ปกติแสนจะใจดีมีทีท่าน่ากลัวแบบนี้
“พ่ออยู่ไหน” ตั้งต้นตวัดตาคมเอ่ยถามให้คนมาต้อนรับตอบกลับเสียงอ่อยพร้อมชี้มือไปทางห้องนั่งเล่น

“น้าวรรณล่ะ”

“คุณวรรณพักผ่อนอยู่ที่ห้องค่ะคุณหนู”

“ไปตามมาเดี๋ยวนี้”

“แต่คุณวรรณไม่ค่อยสบา...”

“กูบอกให้ไปตามมันมา!!” สาวใช้สะดุ้งจนตัวโยนเมื่อคุณหนูของบ้านตะโกนออกมาพร้อมใช้สรรพนามที่ไม่เคยใช้มาก่อน

“ค่ะๆๆ”
“เสียงดังอะไรกัน” ทันทีที่พูดจบก็มีอีกเสียงถามออกมาให้ทุกคนชะงัก ตั้งต้นหันไปทางต้นเสียง เห็นคนเป็นพ่อยืนอยู่ที่กรอบประตูห้องนั่งเล่น แต่เขาไม่คิดจะสนใจอีกต่อไปแล้ว

“ไม่ได้ยินหรอ กูบอกให้ไปตามมันมา!!”

“ตั้งต้นหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” คนเป็นลูกชะงักอีกครั้งเมื่อโดนตะคอกใส่ ตาชื้นร้อนผ่าวหันมาสบกับคนเป็นพ่อ หัวใจที่รุ่มร้อนโดนแผดเผาด้วยความโมโหที่เพิ่มขึ้นทุกนาที วุฒิศักดิ์ส่งสัญญาณให้สาวใช้ทั้งหมดออกไปจากห้องก่อนที่จะเดินมาจับไหล่ลูก

“เราเป็นอะไร ทำไมโวยวายแบบนี้” คนเป็นพ่อพยายามถามเสียงอ่อน

“ผมจะเป็นอะไรได้ นอกจากควายที่โดนหลอกมาทั้งชีวิต!” ชายหนุ่มพูดออกไปเสียงเครือ “นึกว่าจะมีแต่แม่ พ่อก็ไม่ได้ต่างอะไรเลยสักนิดสินะ”

“ต้น..ต้นพูดอะไร” หนุ่มใหญ่ชะงักกับคำที่อีกคนพูดมา
“เลิกเสแสร้งได้ไหม ผมรู้แล้ว เรื่องของพ่อกับน้าวรรณ” ชายหนุ่มว่าต่อ “มันก็ตั้งแต่แรกแล้วใช่ไหม ตั้งแต่ที่แม่มีลุงกันต์ พ่อก็มีน้าวรรณมาตลอด สนุกกันมากไหมที่มาเล่นละครต่อหน้าผม ผมดูตลกมากไหมล่ะ”

“ต้น..ต้นฟังพ่อก่อน”

“ถามจริงเถอะ เห็นผมเป็นตัวอะไร”

“ต้น...” ทันทีที่มือหนามาแตะที่ไหล่เขาก็สะบัดทิ้งทันทีอย่างไม่มีเยื่อใย

“ต้น..ต้นอย่าพูดแบบนี้ ไม่ว่ายังไงต้นก็คือลูกที่พ่อกับแม่รักที่สุด”

“หยุด! พ่อหยุดโกหกสักที ทำไมพ่อไม่บอกผมตั้งแต่วันนั้น ทำไมพ่อไม่ให้ผมเจ็บทีเดียว มาหลอกผมซ้ำแล้วซ้ำเล่าทำไม”

“คุณต้น...” ชายทั้งสองหันไปหาหญิงวัยกลางคนที่เดินหน้าซีดเข้ามา ตั้นต้นสบตากับหล่อน ผู้หญิงคนนี้คือคนที่อยู่เคียงข้างเขามาเสมอในวันที่พ่อกับแม่เขาไม่เคยเห็นความสำคัญ ถึงเขาเคยเปรียบให้ผูหญิงคนนี้เหมือนแม่ของเขา แต่มันไม่ใช่ ไม่ใช่แบบนี้

“หึ มาแล้วสินะ” ชายหนุ่มพึมพำออกไป “ต่อไปคงต้องทำความรู้จักกันใหม่ จะให้เรียกว่าอะไรล่ะ ชู้รักดีไหม”

“หยุดหยาบคายเดี๋ยวนี้นะ!” คนเป็นพ่อกล่าวเตือน

“ทำไม แตะต้องไม่ได้เลยนะ” ชายหนุ่มพูดเสียงสั่น “ถ้าพูดความจริงแล้วรับไม่ได้ เวลาทำเรื่องชั่วๆทำไมไม่คิดกันบ้าง ร่านจนท้องป่องแบบนี้จะให้เคารพยัง...”

เพี๊ยะ!

พูดยังไม่ทันจบประโยคก็ต้องหน้าหันด้วยแรงตบของประมุขของบ้าน ตั้งต้นหันหน้ากลับมาทันที จ้องหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่อยากเชื่อว่าจะโดนทำแบบนี้ นี่มันคือครั้งแรก ครั้งแรกจริงๆตั้งแต่เกิดมาที่เขาโดนพ่อตบ และเหตุผลก็มาจากลูกและเมียใหม่ของพ่อ

“คุณคะ อย่าทำคุณต้นเลยนะคะ” น้าวรรณเอ่ยห้าม เอามือมาโอบไหล่เขาไว้จนเขาต้องสะบัดออกทันที

“เอามือสกปรกของแกออกไปนะ” ว่าแล้วก็ผลักเธอออกห่างจากตัว เธอเซไปนิดแต่พ่อมารับตัวเธอไว้ได้ก่อนที่จะล้มลงพื้น

“ตั้งต้น! หยุดเดี๋ยวนี้นะ” คนเป็นพ่อหมดความอดทน “ออกไป ออกไปจากบ้านฉัน”

“นี่พ่อไล่ผมหรอ” ตั้งต้นไม่อยากเชื่อหู

“ใช่ ไปสงบสติอารมณ์ตัวเองซะ ถ้าทำไม่ได้ก็ไม่ต้องกลับมา” คนเป็นพ่อว่าเสียงเข้มก่อนที่หันไปดูคนรักที่หน้าซีดเหมือนจะเป็นลมไปวินาทีใดวินาทีหนึ่ง ตั้งต้นมองทั้งคู่สลับกัน ความน้อยใจที่แน่นอกแปรเปลี่ยนเป็นความน้ำตาที่เอ่อล้นจนยากจะควบคุม

“ได้! ผมจะไป ผมขอให้พ่อมีความสุขกับครอบครัวใหม่ของพ่อแล้วกัน” ชายหนุ่มยืนขึ้น ปาดน้ำตาที่ร่วงล้นลงมาอย่างกลั้นไม่อยู่

“แล้วที่บอกว่ารักผม ก็เลิกพูดกันสักทีเถอะนะ เพราะสุดท้ายแล้วพ่อก็เหมือนแม่นั่นแหละ ที่คิดถึงแต่ความสุขของตัวเอง” ว่าจบคนพูดก็หมุนตัวออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว

“คุณคะ ตามไปเร็ว” น้าวรรณเขย่าแขนอีกคน คนเป็นพ่อลังเลไม่อยากจะทิ้งคนตรงหน้าไว้คนเดียวแต่ก็อดห่วงลูกชายไม่ได้ ก้าวเท้าจะเดินตามไป แต่ภูผามากันไว้ก่อน

“พ่อครับ เดี๋ยวผมตามมันไปเอง” ให้ตามไปตอนนี้ก็รังแต่จะทะเลาะกันเปล่าๆ “เดี๋ยวให้มันสงบลงกว่านี้ผมจะพามันมาใหม่นะครับ” ชายหนุ่มกล่าวก่อนที่จะเดินตามเพื่อนสนิทออกไป





เพล้ง! โครม! ตุ๊บ! เพล้ง!

“ต้นมึงหยุดก่อน...”

“มึงอย่าเสือก”
ทันทีที่เข้ามาในห้องที่คอนโด ตั้งต้นก็หยิบเก้าอี้ที่ใกล้มือที่สุดเขวี้ยงใส่กระจกใสที่ระเบียงจนเศษกระจกหล่นกระจัดกระจาย ยกขาถีบโต๊ะเก้าอี้ทุกตัวที่ขวางหน้าลงไปกองระเนระนาดที่พื้น ซ้ำยังหยิบขาเก้าอี้ที่หักไล่ฟาดข้าวของในห้องจนไม่เหลือชิ้นดี ภูผาที่พยายามเอ่ยปรามมองคนที่กำลังระบายอารมณ์ลงกับข้าวของอย่างทำอะไรไม่ถูก บอกตรงๆว่าเกิดมาก็เพิ่งเคยเห็นมันโกรธจนหน้ามืดขนาดนี้ จะเข้าไปห้ามแต่ใจก็กลัวมันจะเผลอฟาดเก้าอี้ใส่หัวเขาแทนข้าวของพวกนั้น

“ไอ้เหี้ยต้น นั่นเครื่องละแสนนะมึง” พยายามตะโกนบอกเมื่อมันพยายามคว่ำจอทีวีขนาดใหญ่ยักษ์ลงพื้น

“ทำไม กูมีเงินจ่าย” มันตอบพร้อมกับเอาเท้ากระทืบซ้ำจนมั่นใจว่าหน้าจอแตกละเอียด “ทั้งชีวิตกูก็มีเงินนี่แหละที่กูมั่นใจว่ามี” ว่าแล้วก็เดินไปทางห้องครัว เริ่มทำลายข้าวของที่ใกล้ที่สุดที่จะคว้ามาได้ ภูผายกมือขึ้นมานวดขมับอย่างกลัดกลุ้ม ในที่สุดก็ตัดสินใจแล้วว่าจะปล่อยให้มันทำลายข้าวของจนมันพอใจ

มันพูดถูก

มันมีเงินจ่าย

สิ่งที่คนบ้านนั้นให้มันมาก็มีเพียงแค่เงินเท่านั้น

ใจนึงรู้สึกผิดที่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เรื่องวุ่นวายขนาดนี้ แต่ใจนึงก็คิดว่าดีแล้วที่มันจะได้ไม่โดนหลอกสักที เขาสงสารมันจับใจ คนที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อเป็นแม่มัน คนที่มันรัก คนที่บอกว่ารักมัน คนเดียวกับที่ทำให้ชีวิตมันพัง

ภูผามองคนที่ทรุดตัวลงนั่งที่พื้นห้องครัว ทั้งๆที่ไม่มีน้ำตาสักหยดแต่มันดูหน้าสงสารกว่าใครทั้งนั้น เขาเหลือบมองดูนาฬิกาบนผนังห้อง ใจคิดอยากจะตามดินมาช่วยดูมันอีกแรง แต่พอเห็นว่ามันตีสองกว่าแล้วก็เลยเปลี่ยนใจเดินไปที่ตู้เย็นหยิบเบียร์ออกมาสองขวด เปิดฝาก่อนที่จะเดินเอาไปให้เจ้าของห้อง เมื่อมันรับไปเขาก็นั่งลงข้างๆมัน

“ไอ้ภู” มันเอ่ยเรียกเมื่อเขานั่งลง สายตาทั้งสองยังคงมองไปข้างหน้าอย่างเหม่อลอย

“โดนหลอกอีกแล้วว่ะ” มันแค่นหัวเราะ เป็นเสียงหัวเราะที่เศร้าที่สุดที่เขาเคยได้ยินมา

“ไอ้ต้น..”ภูผายกมือขึ้นมาบีบไหล่เพื่อนสนิท รู้สึกสงสารมันจับใจ

“มึงรู้ไหม ถึงตอนนั้นกูจะจับได้ว่าเขาไม่ได้แต่งงานกันเพราะความรัก แต่กูก็ยังแอบคิดว่าที่พ่อกูยอมทุกอย่างก็เพราะว่าพ่อรักแม่กูมาก” คนที่อาละวาดจนใจเย็นลงบ้างแล้วเล่าต่อ อกร้อนที่เคยมีไฟสุมจนร้อนรุ่ม ตอนนี้กลับเย็นยะเยือกจนทำให้กายหนาวสั่น

“แต่วันนี้กูรู้แล้วว่ามันไม่ใช่ เขาไม่ได้รักกัน ทุกอย่างมันก็เพื่อเงิน และกูเป็นลูกที่ไม่ได้เกิดมาจากความรัก”

น้ำตาที่เอ่อล้นค่อยๆไหลลงข้างแก้ม ถึงจะพยายามปฎิเสธมาตลอดชีวิต ถึงจะพยายามเข้าข้างตัวเองว่าทั้งสองยังรัก แต่วันนี้เขาเห็นแล้ว ที่เคยบอกว่ารักนักรักหนา พอถึงเวลาจริงๆก็ไม่มีใครสักคนที่คิดถึงเขาก่อน ทุกคนก็คิดถึงแต่ความสุขของตัวเองเป็นอันดับหนึ่งกันทั้งนั้น

“กูแค่ไม่เข้าใจ ทำไมเขาไม่บอกกูตรงๆ ทำไมถึงเลือกที่จะโกหกกันซ้ำแล้วซ้ำเล่า” พอได้ระบายก็ไม่สามารถหยุดตัวเองได้ “นี่หรอว่ะคือคนที่บอกว่ารักกัน คนที่รักกันเขาทำกันแบบนี้จริงๆหรอมึง” เขาสะอื้นตัวโยนจนเพื่อนรวบตัวเขาเข้าไปกอด ไออุ่นที่ได้รับทำให้เขาปวดหัวใจ มันเป็นสิ่งที่เขาอยากได้มาตลอด ความรักจากใจของใครสักคน

“ไอ้ภูกูไม่มีใครเลย ไม่มีเลยจริงๆมึง” ไม่ว่าจะแม่ที่เคยรักมากที่สุด หรือพ่อที่เคยเห็นเขาสำคัญกว่าใคร

“มึงมีกูไอ้ต้น มึงมีกู” ภูผาไม่มีคำแก้ตัวแทนใครทั้งนั้น ชายหนุ่มได้แต่กอดคนที่ร้องไห้โฮไม่หยุด

“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น มึงยังมีกูไอ้ต้น”

*********
หยุด!!!!! ไม่เอา ห้ามจิ้นเฮียกับต้นนะ 5555 เขารักกันแบบพี่น้อง
งือ เขียนไม่ไหว ปวดใจมาก ลบสองพันล้านรอบ เรื่องนี้เขียนยากทุกตอน เขียนไปหดหู่ไป เพราะรู้ว่าต้นมันรู้สึกยังไงแต่ไม่รู้จะสามารถสื่อไปถึงทุกคนได้ไหม บอกเลยว่าอินจัด อินจริง เขียนไปก็อ่านนิยายไป (อ้าง) ใกล้จบมากแล้วนะ อย่าเพิ่งทิ้งกันนนน
#ต้นคนรักไม่เป็น









« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-08-2019 16:12:08 โดย Maywrite »

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
แล้วทำไม ไม่คิดถึงน้อง ..

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
ต้นยังมีกีอยู่นะ  :กอด1:

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :a5: ชีวิตต้นก็น่าสงสารไปนะ รักลูกกันยังไงไม่บอกความจริงวะ

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
สงสารกีนะ ถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว กีไม่ใช่คนที่ตั้งต้นจะคิดถึงเป็นคนแรกหรอ?? เศร้า,,,

ออฟไลน์ Nung66669

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
ต้นเอากีไปไว้ไหน :ling1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด