แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend - .:บทเรียนพิเศษ:. แฟนชีวิตเดียว 04/12/2019
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend - .:บทเรียนพิเศษ:. แฟนชีวิตเดียว 04/12/2019  (อ่าน 23908 ครั้ง)

ออฟไลน์ Maywrite

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
_______
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-12-2019 07:55:38 โดย Maywrite »

ออฟไลน์ Maywrite

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
แฟนเดือนเดียว / A month boyfriend

#ต้นคนรักไม่เป็น

ติ้ง!

กดล๊อคโทรศัพท์แล้วยัดใส่กระเป๋ากางเกงเมื่อประตูลิฟท์เลื่อนเปิดออกกว้าง เขาเดินเข้าไปข้างในก่อนจะหันไปกดหมายเลขชั้นที่ขึ้นไปประจำทั้งๆ ที่ไม่ได้มาครั้งแรกแต่วันนี้หัวใจกลับเต้นรัวเร็วจนเหมือนจะหลุดออกมาข้างนอกอยู่แล้ว สายตามองตามหมายเลขลิฟท์ที่เพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ ปากก็ท่องทบทวนประโยคที่เตรียมไว้ซ้ำไปซ้ำมา

“..สุขสันต์วันครบรอบหนึ่งเดือนนะ...

...ไม่ใช่เดือนเดียว แต่ขอให้มันเป็นเดือนแรกของเรานะ”

สติที่หลุดไปกลับมาอีกครั้งเมื่อประตูลิฟท์เปิดออก กีสูดหายใจเข้าเต็มปอดแล้วพ่นออกมาแรงๆ เพื่อเรียกความมั่นใจ เหลือบมองตัวเองเร็วๆ หัวจรดเท้าในกระจกบานใหญ่ของลิฟท์อีกครั้งเพื่อตรวจดูความเรียบร้อย พอก้าวออกมาได้ก็อดไม่ได้ที่จะแง้มดูสภาพเค้กที่ถืออยู่ในมือว่ายังอยู่ดีหรือเปล่า พอทุกอย่างดูเข้าที่เขาก็เดินตรงไปยังห้องของคนที่มาหา แต่ละก้าวที่เดินออกไปช่างหนักอึ้ง ในหัวเต็มไปด้วยจินตนาการนับร้อยนับพันว่าเรื่องของเขาจะเป็นยังไงต่อไป ถึงใจจะบอกว่าทุกอย่างกำลังไปได้ดี แต่ส่วนที่อยู่ลึกที่สุดก็ยังครอบคลุมไปด้วยความกลัว





ก๊อกๆ ๆ

ร่างบางเคาะประตูเบาๆ สามครั้ง รออยู่อึดใจประตูก็เปิดแง้มออก ขาที่กำลังจะก้าวเข้าไปต้องชะงักเมื่อช่วงหน้าเรียวเล็กของใครคนนึงที่เขาไม่รู้จักโผล่มาจากหลังประตู กีเหลือบไปมองหมายเลขห้องอีกครั้งเมื่อเห็นว่าถูกต้องก็ยิ่งงงงวยเข้าไปใหญ่หันกลับไปจ้องหน้าอีกฝ่ายไม่วางตา คนตรงหน้าดูท่าทางลุกลี้ลุกลน เหงื่อออกเต็มปลายจมูก เราสองคนจ้องกันสักพักและเป็นคนด้านในที่เอ่ยออกมาก่อน

“มะ..มาหาใครครับ..”

“เอ่อ.. ต้น.. ห้องตั้งต้นหรือเปล่า”

“อ่อ ใช่ๆ แต่ว่าตอนนี้ไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่...เฮ้ย! อย่าเพิ่ง...” พอมั่นใจว่ามาถูกห้องกีก็ไม่รอฟังดันประตูเปิดกว้างก่อนจะเดินก้าวเข้าไปด้านในจนอีกคนร้องห้ามเสียงหลง กีไม่คิดจะฟัง ยิ่งคนตรงหน้าทำท่าเหมือนซ่อนอะไรอยู่ เขาก็ยิ่งอยากเข้าไปให้เห็นกับตา

เมื่อเข้ามายืนประจันหน้ากับอีกฝ่ายกีก็ต้องตาโตเบิกกว้างอย่างตื่นตะลึง คนตรงหน้าเขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ติดกระดุมอยู่แค่เม็ดเดียว แถมยังติดผิดจนชายเสื้อข้างหนึ่งสั้นกว่าอีกข้างอยู่มาก มองลงไปด้านล่างก็เห็นว่าอีกฝ่ายมีเพียงบ็อกเซอร์สีแดงสั้นสีสด กีรู้สึกหน้าชา มือไม้สั่นจนแทบจะประคองเค้กในมือต่อไม่ไหวแล้ว

“นี่มันเรื่องเหี้ยอะไรเนี้ย” กีพึมพำออกมาเหมือนพูดกับตัวเอง แต่มันก็ดังพอให้อีกฝ่ายได้ยิน

“แกนั่นแหละเป็นใคร อยู่ๆ ก็เข้ามา ออกไปเลยนะ ไม่งั้นจะโทรเรียก รปภ.” อีกฝ่ายเริ่มโวยวายขึ้นมาบ้าง พอดีกับที่ประตูห้องนอนเปิดออกมา สภาพของคนมาใหม่ไม่ได้ต่างกับอีกคนมากนัก ร่างสูงใหญ่ที่ท่อนบนเปลือยเปล่า ท่อนร่างมีเพียงกางเกงวอร์มสีดำที่รั้งต่ำจนเห็นแนววีเชฟชัดเจน กีบอกแล้วว่ากีไม่ใช่คนโง่ ไม่ต้องบอกก็พอรู้ได้เองว่าสองคนที่อยู่ในสภาพนี้เพิ่งไปทำอะไรกันมา

“ต้นรู้จักหรือเปล่า อยู่ๆ มันก็บุกเข้ามา” คนตรงหน้ากีเริ่มฟ้อง เดินเข้าไปควงแขนอีกฝ่ายแน่น กีมองทุกการกระทำที่เกิดขึ้นอย่างไม่ละสายตา

“อืม ริวไปรอในห้องนอนนะ”

“แต่..”

“บอกให้ไปรอในห้องไง” เมื่อได้ยินต้นพูดซ้ำด้วยเสียงที่เข้มขึ้นริวก็ยอมตัดใจผละเข้าไปในห้องนอน ปล่อยให้ความเงียบเข้ามาครอบคลุมทั่วบริเวณอีกครั้ง ต้นเดินไปปิดประตูที่กีเปิดค้างไว้จนสนิทก่อนจะผายมือไปที่โซฟาเป็นการเชื้อเชิญ

“นั่งก่อนไห...”

“ไม่เป็นไร!!” กีรีบสวนกลับเสียงแข็งโดยไม่รอให้อีกฝ่ายพูดจบ เขาตัดสินใจวางกล่องเค้กในมือลงก่อนที่จะทำมันหล่นจริงๆ เพราะตอนนี้ตัวเขาสั่นเป็นเจ้าเข้าไปหมดแล้ว

“ไหนกีบอกมีเรื่องจะคุยกับต้น” เมื่อกีปฎิเสธอีกฝ่ายก็ว่าต่อ น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาเรียบเฉยจนกีใจหาย เขาอดแปลกใจกับท่าทางที่ต่างกันราวฟ้ากับเหวของคนตรงหน้าไม่ได้

“นี่มันเรื่องเหี้ยอะไร” กีทำได้แค่พูดคำถามเดิมซ้ำขึ้นมา ต้นเลิกคิ้วขึ้นเหมือนไม่เข้าใจก่อนจะเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบน้ำเปล่าออกมาหนึ่งขวด เปิดฝาแล้วยกขึ้นดื่ม กีมองทุกการกระทำของอีกฝ่ายอย่างไม่อยากเชื่อสายตา ท่าทางสบายๆ ของอีกคนทำให้หัวใจที่ร้อนรุ่มเดือดดาดขึ้นมากกว่าเดิม จนในที่สุดก็ทนไม่ไหวเอื้อมไปคว้าขวดน้ำในมืออีกฝ่ายปาใส่ผนังด้านหนึ่งอย่างแรงจนน้ำกระฉอกเต็มพื้น

“ทำอะไรน่ะ” เสียงเข้มกล่าวออกมาอย่างราบเรียบ ท่าทางสบายๆ ของต้นเปลี่ยนไปทันที ตาคมจ้องมองมาที่เขาอย่างนึกตำหนิ แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจอะไรแล้ว

“ไอ้เหี้ยในนั้นเป็นใคร”

“กี ระวังคำพูดหน่อย” คนตัวโตกล่าวเตือน

“ทำไมเราต้องระวัง นี่มันอะไรกัน” เสียงที่เอ่ยออกไปเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ อย่างไร้การควบคุม

“เราถามว่ามันเป็นใคร!!”

“แล้วเกี่ยวอะไรกับกีด้วย” คำตอบที่สั้นกระชับถูกสวนกลับมาอย่างเยือกเย็น กีที่ตั้งท่าจะโวยวายสะดุดอึ้งไปคำตอบที่ไม่คาดคิด แต่ความร้อนรุ่มข้างในก็ยังผลักดันให้ดื้อรั้นเถียงต่อไป

“ไม่เกี่ยวได้ไง ก็เราเป็นแฟนกันไม่ใช่หรอ” เมื่อจบประโยคห้องเล็กก็โดนความเงียบปกคลุม กีกำหมัดแน่น กลั้นหายใจรอฟังคำตอบ จับจ้องอีกฝ่ายที่ตอนนี้ทิ้งตัวลงไปนั่งบนโซฟา เอาสองมือลูบหน้าตัวเองไปมา

“หึ..หึ” ไหล่ของต้นเริ่มสั่นไหว กีไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายเป็นอะไรจนเดินเข้าไปใกล้จึงเข้าใจได้อย่างชัดเจน

“ฮ่าๆ ๆ ๆ” เสียงหัวเราะของอีกฝ่ายดังลั่น มันดังขึ้นเรื่อยๆ จนเหมือนต้นไม่สามารถควบคุมมันได้ หงายหลังพิงโซฟาเอามือกุมท้องแน่น

“ต้น...” กีงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ก็แอบใจชื้นขึ้นมานิดเพราะเข้าใจว่าอีกฝ่ายแกล้งอำเขาเล่น ยกยิ้มขึ้นเตรียมจะว่าคนที่เล่นแรงแบบนี้ แต่ไม่ทันได้พูดอะไรอีกคนก็พูดขึ้นมาก่อน

“นี่ยังไม่ครบเดือนอีกหรอ” รอยยิ้มที่ผุดขึ้นมาต้องหายไปทันที

“มะ..หมายความว่าไง”

“ก็ไหนบอกเดือนเดียวไง ทำไมนานจัง”

“ก็นี่ไง ก็ครบเดือนพอดี” กีว่าพร้อมกับหันหลังตั้งใจจะไปหยิบเค้กที่เตรียมไว้มาให้

“งั้นก็ดีเลย จะได้จบๆ กันไปซะที” เท้าเขาชะงักทันที หันหน้ามาประจันกับอีกฝ่ายอย่างไม่อยากเชื่อหู

“นี่แค่เดือนเดียวเองนะ ไม่น่าเชื่อว่าจะเบื่อได้ขนาดนี้” คนตรงหน้ายังคงพ่นคำพูดร้ายออกมาอย่างกลัวเขาเจ็บไม่พอ กีจ้องเข้าไปในตาสีนิลของอีกฝ่ายเพื้อนต้นหาความจริงแต่ก็ต้องใจเสียมากขึ้น

ไม่มีความล้อเล่นในแววตานั้น

กีพยายามเรียกสติตัวเองกลับมา เขากัดฟันแน่นเพื่อห้ามน้ำตาไม่ให้ร่วงลงมาตอนนี้ ความทรงจำตลอดหนึ่งเดือนที่แสนหวานหวนกลับมาจนไม่อยากจะเชื่อกับทุกสิ่งตรงหน้า ตอนนี้หัวใจเกรี้ยวกราดจนอยากจะต่อว่าอีกฝ่ายให้สาสม แต่แล้วคำพูดที่เคยสัญญากันไว้ในวันแรกก็เข้ามาทำลายทุกสิ่ง

‘ก็ลองคบกันเดือนนึง พอครบเดือนถ้ามีคนไหนไม่อยากไปต่อค่อยเลิก ถ้าพอใจทั้งคู่ค่อยว่ากัน’

‘ได้ งั้นเดือนนึงนะ ถ้าไม่โอเคแล้วทางใครทางมันนะ’

น้ำตาที่พยายามกลั้นไว้ค่อยๆ ร่วงหล่นลงมา ทั้งที่โกรธมากมายแต่ต้องยอมรับว่าอีกฝ่ายไม่ได้ทำผิดสัญญา ถ้าจะโกรธ ก็ต้องโกรธตัวเองที่ยอมรับข้อตกลงบ้าๆ แบบนี้

“อะ..เอางั้นหรอ” เสียงสั่นถูกเอ่ยออกไปเมื่อการพยายามควบคุมไม่มีผลอีกต่อไปแล้ว เขาแอบเห็นแววตาวูบไหวในตาอีกคน แต่มันก็แค่แวบเดียวจนต้องคิดว่าเขาคิดไปเอง รออยู่สักพักเมื่ออีกคนไม่ว่าอะไรต่อ เขาจึงเป็นฝ่ายพูดเอง

“โอเค งั้นก็ตามนี้” พูดเสร็จกีก็หันหน้าเดินออกไปเปิดประตูห้องแล้วเดินออกมา เมื่อประตูปิดสนิทเขาก็ยืนค้างอยู่แบบนั้นสักพัก ส่วนลึกของหัวใจเขายังแอบหวังให้ทุกอย่างเป็นแค่เรื่องโกหก ยังอยากให้อีกคนมารั้งไว้แล้วบอกว่าล้อเล่น แต่เมื่อไม่มีทีท่าว่าใครจะเปิดประตูออกมาเขาก็ตัดสินใจเดินตรงไปหน้าลิฟท์ หมายเลขชั้นของลิฟท์ที่เคลื่อนไหวตรงหน้าเริ่มพร่ามัวขึ้นจนในที่สุดก็มองไม่เห็น เมื่อลิฟท์ถูกเปิดออก กีก็รีบแทรกตัวเข้าไปด้านใน กดชั้นหนึ่งซ้ำๆ เหมือนหวังให้มันไปถึงเร็วขึ้น

ฮึก

กีร้องไห้อย่างไม่อาจจะเก็บกลั้นมันอีกต่อไปแล้ว ความอัดอั้นตันใจทั้งหมดถูกระบายออกมาเป็นสายน้ำ ใจยังไม่อาจยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่นาทีก่อนได้ ทั้งๆ ที่เห็นทุกสิ่งทุกอย่างด้วยตา ได้ยินทุกถ้อยคำบาดลึกด้วยหูของตัวเองแท้ๆ เขายกมือข้างนึงจับหน้าอกข้างซ้ายที่บีบรัดแน่นจนหายใจไม่ออก

“เจ็บ ฮึก..เจ็บ” พร่ำบอกออกมาเหมือนอยากให้คนบางคนได้ยิน

“ต้น... กีเจ็บ...”

ความเสียใจที่ก่อตัวทำให้เผลอเรียกหาคนที่เพิ่งตัดสินใจทิ้งกันไป

‘คิดถึงใจจะขาดอยู่แล้ว’

กีปล่อยโฮอีกครั้ง ทรุดลงไปนั่งกับพื้นเมื่อจู่ๆ ขำหวานที่อีกฝ่ายเคยบอกมามันแว๊บเข้ามาในหัว แม้แต่เวลาแบบนี้เขายังไม่อาจลืมสิ่งที่อีกคนเคยบอกไว้ จนในที่สุดสิ่งเดียวที่ทำได้คือพร่ำโทษตัวเองซ้ำไปซ้ำมา









“ไอ้เหี้ยกี มึงมันโง่ มึงมันโง่”

* ชายรักชายจ้า

* มีเอ็นซีบ้าง แต่ไม่เยอะน้า เป็นนิยายรักมากกว่าเนอะ

*เรื่องนี้เป็นเรื่องต่อจาก รักมือสอง / 2nd hand love นะคะ ถ้าอ่านเรื่องนี้ก่อนจะดีมาก (><) จะได้รู้ว่าเริ่มคบกันยังไงเนาะ แต่ถ้าไม่อ่านก็น่าจะได้อยู่นะ เพราะก็มีย้อนให้เข้าใจได้อยู่จ้า



ตัวละครหลัก



กี - กีรติ



ชายหนุ่มตัวเล็ก ผิวขาวตามประสาลูกคนจีน เป็นคนขี้โวยวาย สนุกสนาน แต่ก็เป็นคนที่พึ่งพาได้ ถึงจะดูไม่จริงจังกับเรื่องอะไร แต่เรื่องความรักคือนี่คิดเยอะกว่าใคร



ต้น - ตั้งต้น



หนุ่มเดือนคณะที่ทั้งหล่อและฐานะดี คุณสมบัติชั้นดีของคนเจ้าชู้ที่ไม่คิดจะปักหลักกับใคร นอกจากเพื่อนฝูงแล้วเขาไม่เคยคิดว่าจะมีความรักแบบอื้นหลงเหลืออยู่ในโลกนี้





* ขอฝากเรื่องนี้ด้วยนะคะ เรื่องที่สามแล้ว ถึงตอนแรกมีจุดประสงค์ที่จะเขียนเพื่อจะเก็บไว้อ่านเอง แค่อยากระบายสิ่งที่จินตนาการอยู่ในหัวออกมาเป็นตัวอักษรเฉยๆ แต่เชื่อเถอะค่ะ ที่เมไรมุ่งมั่นเขียนมาได้ถึงวันนี้ก็เพราะกำลังใจจากคอมเม้นต์ของนักอ่านทุกคน ถึงจะมีกันอยู่แค่นี้แต่มันเป็นกำลังใจแสนมหาศาลของเราจริงๆ ค่ะ ชอบไม่ชอบยังไงก็เม้นต์มาบอกกันนะคะ ยินดีรับคำติชมและจะพยายามพัฒนาตัวเองต่อไปเรื่อยๆ ค่ะ



ขอบคุณค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-08-2019 23:45:35 โดย Maywrite »

ออฟไลน์ Maywrite

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
.:Prologue:.



กาวที่ยืดเหนียวถูกนิ้วสากปาดขึ้นลวกๆ ก่อนที่คนทำจะเอาฝามาปิดหลอดกาวสีเหลืองจนแน่นสนิทแล้ววางไว้บนโต๊ะข้างตัว นิ้วมือที่ชุ่มของเหลวใสค่อยๆ บรรจงเกลี่ยไปรอบกรอบสีขาวหลังรูปถ่ายที่เตรียมไว้ เมื่อพอใจเจ้าของผลงานจึงหันด้านที่ทากาวไว้แล้วแปะลงบนที่ว่างตรงกลางกระดาษ 100 ปอนด์สีขาวรวมกับรูปถ่ายอื่นๆ ที่ถูกแปะไว้ก่อนหน้า กวาดตามองเร็วๆ เพื่อสำรวจความเรียบร้อย ก่อนจะหยิบปากกาเมจิกสีดำขึ้นมาบรรจงเขียนข้อความที่ตั้งใจเอาไว้



To the most important persons in my life

Happy 15th Anniversary



ใช้สองมือจับปลายกระดาษล่างบน ยืดออกไปจนสุดแขนเพื่อสำรวจภาพรวมอีกครั้ง เมื่อพอใจในผลงานก็จัดการวางแผ่นกระดาษขนาด A3 ในมือลงในกรอบรูปไม้สีขาวที่เตรียมไว้ ก่อนจะปิดกรอบรูปจากด้านหลังและกดปิดล๊อคหนีบตามจุดต่างๆ อย่างแน่นหนา

“ในที่สุดก็เสร็จซะที”

เขายิ้มออกมาอย่างพออกพอใจ นั่งมองของขวัญที่ทำให้คนสำคัญที่สุดในชีวิตของเขาซ้ำไปซ้ำมา พรุ่งนี้เป็นวันครบรอบวันแต่งงานของพ่อแม่ ภาพถ่ายที่ถูกถ่ายไว้มากมายตอนไปเที่ยวของครอบครัวถูกนำมารวมในกรอบเดียว ส่วนใหญ่จะเป็นภาพที่เขาถ่ายรูปกับพ่อหรือแม่เพียงแค่สองคน ฉากหลังเป็นสถานที่สำคัญระดับโลกหลายแห่งที่เขาเคยไปเยือน จะมีแต่ภาพสุดท้ายตรงกลางเท่านั้นที่เป็นรูปที่มีเราสามคนพ่อแม่ลูกนั่งอยู่ในสวนหน้าบ้านของเรา เขาชอบรูปนี้ที่สุด บนโลกนี้จะมีที่ไหนที่จะสุขใจเท่าบ้านที่มีคนที่เขารักที่สุดอยู่พร้อมหน้า เด็กหนุ่มวางกรอบรูปในมือก่อนที่จะเดินไปทิ้งตัวลงนั่งบนฟูกนุ่มบนเตียง ยกขาขึ้นมาขัดสมาธิข้างนึงก่อนที่จะทาบทับด้วยกีต้าร์โปร่งตัวใหญ่ที่ถูกวางคว่ำทิ้งไว้บนเตียงก่อนหน้านี้ เขาเหลือบมองปลายนิ้วทั้งสี่ของมือซ้ายที่เคยบวมแดงเพราะการซ้อมหนักมาตลอดหนึ่งเดือน ตอนนี้จากผิวหนังบวมห่อเลือดเริ่มเปลี่ยนเป็นผิวเนื้อแข็งด้านจากความเคยชินของผิวหนังกับสายกีต้าร์ ชายหนุ่มละความสนใจแล้ววางนิ้วตามคอร์ดแรกและเริ่มต้นเกาเพลง Nothing Gonna Change My Love for you เพลงโปรดที่แม่ของเขาชื่นชอบมากที่สุด เขาตั้งใจจะขึ้นร้องเพลงนี้ในงานวันพรุ่งนี้ คิดถึงตรงนี้แล้วก็ยิ้มออกมา พ่อเขาช่างเป็นคนที่โรแมนติคเหลือเกิน เลือกเพลงได้เก่งขนาดนี้แม่เขาถึงไปไหนไม่รอด

ด้วยธุรกิจมากมายของทั้งพ่อและแม่ที่ต่างฝ่ายต้องดูแล บวกกับการเป็นลูกชายเพียงหนึ่งเดียวไร้พี่น้องเคียงข้าง มันก็มีบ้างที่เขารู้สึกเหงาใจ แต่เขาก็ไม่เคยนึกน้อยอกน้อยใจหรืออยากทำตัวเรียกร้องความสนใจแต่อย่างไร เขาเข้าใจคนทั้งคู่ดีว่ามีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบมากมายแค่ไหน และรู้ว่าตัวเองโชคดีแค่ไหนที่ได้เกิดมาในตระกูลที่เพียบพร้อมทั้งฐานะการเงินและหน้าตาในสังคมแบบนี้ ตระกูลภาคภูมิไพศาลของเขาเป็นตระกูลใหญ่ ต้นตระกูลเราเป็นเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ และถึงเราจะไม่ค่อยมีเวลามาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันเหมือนครอบครัวอื่น แต่ถ้าพ่อหรือแม่เขามีเวลาว่างเมื่อไหร่ ต่างฝ่ายก็มักจะหาโอกาสพาเขาไปออกทริปใช้เวลาร่วมกันอย่างเต็มที่อยู่เสมอ เรียกว่าจริงๆ แล้วเขาก็แทบไม่มีเวลาให้มานั่งเหงาเลยทีเดียว

เมื่อซ้อมจนพอใจ เด็กหนุ่มก็ลุกขึ้นเดินไปวางกีต้าร์ตัวโปรดลงบนขาตั้งกีต้าร์ข้างหัวนอนอย่างเบามือ ในที่สุดเมื่อทนเสียงเรียกร้องของกระเพาะไม่ไหวเขาจึงตัดสินใจเดินลงไปหาอะไรกินที่ห้องครัวด้านล่่าง วันนี้ตั้งแต่เช้าเขายังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย อย่างว่าแต่แค่เมื่อเช้า ตั้งแต่เมื่อคืนเขาก็ยังไม่ได้นอนสักนิด นอกจากจะนั่งทำของขวัญกับซ้อมร้องเพลงจนดึกแล้ว เขายังอยู่คุยโทรศัพท์กับลินค่อนคืนจนไม่ได้หลับไม่ได้นอนแบบนี้

ละลินเป็นเพื่อนในชั้นเรียน เมื่อสองเดือนก่อนเจ้าตัวมาสารภาพรักกับเขา เด็กชายไม่แน่ใจว่ามันเป็นความบังเอิญหรือเจ้าตัวรู้มาก่อนหรือไม่ แต่เขาแอบหลงรักลินมาตั้งแต่มอหนึ่งแล้ว ลินเป็นคนน่ารักน่าเข้าใกล้ ผู้หญิงที่สูงแค่ 160 cm ตัวบางผิวขาวน่าทะนุทะนอม ผมยาวดำขลับ ปากแดงๆ ที่มักแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มสดใส แค่เห็นเธอครั้งแรก เขาก็คิดไปถึงอนาคตที่เขาอยากมีร่วมกับอีกฝ่าย คิดถึงความรักที่อยากให้มั่นคงเหมือนความรักที่พ่อกับแม่มีให้กัน และถึงแม้ไอ้ดินเพื่อนสนิทของเขาจะเชียร์ให้เขาไปสารภาพกับลินกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่เขาก็ไม่เคยมีความกล้าเลยสักนิด จนในที่สุดก็ต้องมาแปลกใจปนปลาบปลื้มอย่างที่สุดเมื่ออีกคนเป็นฝ่ายมาสารภาพรักกับเขา เอง และแน่นอนว่าเมื่อเขาตอบตกลง สองเดือนที่ผ่านมาจึงกลายเป็นสองเดือนที่ดีที่สุดในชีวิตของเขา

ตุ้บ!

จากห้องบนชั้นสามผ่านลงมายังชั้นสอง ชายหนุ่มกำลังจะก้าวลงบันไดไปยังชั้นล่างสุดของบ้าน แต่ก็ต้องมาหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงเหมือนหนังสือตกลงพื้น ประสาทสัมผัสบอกได้ว่าต้นเสียงมาจากห้องทำงานของแม่ พอเหลียวมองก็เห็นว่าประตูเปิดแง้มอยู่เล็กน้อย เขายกยิ้มอย่างดีใจ ก็ไหนแม่บอกเขาว่าวันนี้อาจจะไม่กลับ คิดแล้วก็เปลี่ยนทิศทางขยับสองเท้าไปทางที่คิดอย่างรวดเร็ว ตั้งใจจะเข้าไปชวนคนที่แสนคิดถึงไปนั่งกินข้าวเช้าด้วยกัน สำหรับเขาแล้วต่อให้ใครต่อใครเอาอาหารเลิศหรูชั้นดีแค่ไหนมาเสิร์ฟ ตรงหน้า มันก็คงไม่มีอาหารชนิดไหนที่จะทำให้เขาอิ่มอร่อยเท่ามื้อที่นั่งร่วมกับคนที่สำคัญที่สุดในชีวิต

มือของเด็กชายที่กำลังจะแตะผลักบานประตูต้องชะงักลงเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะแผ่วเบาดังออกมาจากในห้อง ลังเลอยู่นิด เขาดันประตูออกไปเบาๆ ก่อนที่จะชะโงกหน้ามองเข้าไปตรงช่องว่างระหว่างประตู หัวใจของเด็กชายวูบไหว ตาเบิกกว้างกับสิ่งที่สองตาเห็นตรงหน้า ไม่ทันยั้งเขาผลักประตูออกเต็มแรงจนมันกระแทกเข้ากับฝาผนังห้องจนก่อเกิดเสียงดังลั่น คนสองคนที่อยู่ในห้องหันขวับมาดูพร้อมเด้งแยกออกจากกันในเสี้ยววินาทีด้วยความความตกใจอย่างขีดสุด

“ทำอะไรกันน่ะ!” เขาโพล่งออกไปแบบนั้น หัวสมองขาวโพลน เนื้อตัวสั่นเทา สองมือกำแน่นจนรู้สึกเจ็บเพราะเล็บที่เริ่มจิกเข้าไปในเนื้อ ขบกรามแน่นจนได้ยินเสียงของฟันบดขยี้ ภายในอกเหมือนมีมวลร้อนไหลเวียนจนทำให้หายใจไม่สะดวก

“ต้น...คือแม่..คือ..”

“แม่.. ลุงกันต์.. ต้นถามว่าทำอะไรกัน” เสียงที่เอ่ยถามแหบพร่าสั่นไหว ภาพที่ปรากฎแก่สายตาทำให้กระบอกตาร้อนผ่าว เขาอยากให้สิ่งที่เห็นเป็นเพียงการเข้าใจผิด แต่ภาพตรงหน้ามันชัดเจนเกินไป เขาโตพอที่จะเข้าใจว่าการที่คนที่เป็นเลขาคนสนิทของแม่ คนที่เขานับถือเหมือนลุงแท้ๆ กำลังทำอะไรกับผู้หญิงที่เขารักมากที่สุด เด็กชายจ้องทั้งสองสลับกันไปมา เฝ้าถามเหตุผลของการกระทำไร้เหตุผลตรงหน้า ไม่มีคำตอบใดหลุดปากออกมาจากผู้ใหญ่ที่เขาเคารพนับถือ จนในที่สุดเมื่อเสี้ยวของใจเริ่มซึบซับความจริง เขาก็ไม่อาจห้ามหยดน้ำตาร้อนที่มันเอ่อล้นจนไหลร่วงผ่านสองแก้ม ภาพคนสองคนที่จูบกันอย่างดูดดื่มเมื่อนาทีก่อนซ้อนทับมาครั้งแล้วครั้งเล่า ใจยังคงเฝ้าถามเหตุผลของสิ่งที่เกิดขึ้น เขาไม่รู้อะไรเลย

ความรู้สึกที่เหมือนโดนหลอกลวงมาทั้งชีวิต

แม้แต่คนตรงหน้าที่ใจคุ้นเคยที่สุด จริงๆ แล้ว เขาก็ไม่เคยรู้จักคนทั้งสองมาก่อนเลย...

.

.

.

.

.

“If I had to live my life without you near me. The days would all be empty. The nights would seem so long. With you I see forever, oh, so clearly...I might have been in love before. But it never felt this strong...”



เสียงร้องอ่อนนุ่มกับกีต้าร์ที่เริ่มบรรเลงเพลงรักหวานจากเวทีกลางสวนดอกไม้ชวนให้อากาศยามเย็นรื่นรมณ์ชวนฝัน ผู้คนมากหน้าหลายตาทั้งนักบริหารชื่อดังและผู้คนจากแวดวงไฮโซเข้ามาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง นักข่าวสองสามสำนักยืนอออยู่หน้างานคอยเก็บภาพคนดังที่มาร่วมงาน วันนี้เป็นวันครบรอบงานแต่งงานของสองคนที่เป็นที่รู้จักกันดีในแวดวงสังคม เจ้าของงานทั้งสองยืนอยู่ตรงซุ้มดอกลิลลี่สีขาวตรงทางเข้าคอยต้อนรับผู้มาร่วมงาน วุฒิศักดิ์นักธุรกิจหนุ่มใหญ่ในชุดสูทสีดำเนียบหรูกับแก้วตาผู้บริหารโรงแรมดังหลายแห่งที่แม้จะเริ่มเข้าวัยสี่สิบแต่ก็ยังสวยสะพรั่งเหมือนสาวแรกรุ่น ทั้งสองทำหน้าที่เจ้าภาพอย่างเต็มที่ ยืนทักทายแขกเรื่อด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเป็นมิตรอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

“ดีใจด้วยนะคะพี่แก้ว พี่วุฒิ ครบรอบปีที่เท่าไหร่แล้วค่ะเนี่ย แหม๋ ยังรักกันจนหน้าอิจฉาเหมือนเดิมนะคะ” คุณหญิงนิภาเจ้าของร้านเครื่องเพชรชื่อดังเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้ม เจ้าตัวยื่นถุงกระดาษเล็กๆ ที่เตรียมมาเป็นของขวัญให้พี่แก้วตาคนสนิทในสโมสร เมื่อเธอรับไปก็เปิดถุงเข้าไปหยิบกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินเข้มที่อยู่ด้านในขึ้นมา เมื่อเปิดดูก็เห็นว่าภายในเป็นตุ้มหูหรูเรียบของยี่ห้อดังยี่ห้อหนึ่ง

“แหม๋ น้องนิ พี่เกรงใจจัง 15 ปีแล้วจ๊ะ ของร้องล่ะ ปีที่ 16 ไม่ต้องแล้วนะ” ทั้งสองหัวเราะเบาๆ พร้อมกัน พูดคุยถามสารทุกข์สุขดิบกันอีกนิดก่อนที่นิภาจะหันเหความสนใจไปทางเวทีที่มีชายหนุ่มนั่งดีดกีต้าร์ร้องเพลงรักโรแมนติคอยู่เพียงคนเดียว

“เผลอแปปเดียว ตาต้นโตเป็นหนุ่มแล้วนะคะ หล่อแล้วยังร้องเพลงเพราะแบบนี้ ไม่รู้ทำสาวหลงไปถึงต่อไหน แหม๋ ร้องเพลงโปรดของคุณแม่เสียด้วย” แก้วตามองตามสายตาอีกฝ่ายที่จับจ้องลูกชายเขาอย่างชื่นชม ยิ้มเจื่อนให้แทนคำตอบรับคำชื่นชมลูกชายคนเดียวของเขา แต่เมื่อเผลอสบตาเข้าจังๆ กับคนบนเวทีที่มองมาก่อนแล้วเขาก็ต้องรีบหลบสายตา เสมองไปทางแขกเรื่อที่นั่งอยู่เรียงรายอย่างคนทำตัวไม่ถูก ลูกชายที่เคยรักและเทิดทูนเขาที่สุด บัดนี้กลับมองเขาด้วยสายตาแข็งกร้าว แววตาเฉยชาไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ ส่งให้แก้วตาหน้าร้อนผ่าว เม้มปากกลั้นน้ำตาที่แทบจะไหลออกมาได้ทุกเมื่อ แม้จะไม่พร้อมเพียงใดแต่ด้วยภาระหน้าที่และหน้าตาในสังคม หล่อนจึงต้องพยายามปั้นหน้าให้ปกติที่สุด จำใจยิ้มแย้มพูดคุยอย่างร่าเริงอีกครั้งเมื่อมีแขกกลุ่มใหม่เดินเข้ามา



“Our dreams are young and we both know. They'll take us where we want to go. Hold me now, touch me now. I don't want to live without you..”



ตั้งต้นมองตรงไปที่เจ้าภาพของงานคืนนี้ ทั้งสองที่จับมือกัน เกาะเกี่ยวแขนกันเหมือนรักใคร่กันประดามันทำให้เขาไม่เคยฉุกคิดมาก่อนเลย

หึ ต้องเล่นละครเก่งกันแค่ไหนนะ ที่ทำให้ตลอดระยะเวลา 14 ปี เขาไม่เคยระแคะระคายอะไรเลยสักนิด

‘แม่กับพ่อไม่ได้รักกัน’ แก้วตาบอกให้กันต์เลขาส่วนตัวออกจากห้องทำงานไปก่อน เมื่อชายหนุ่มเดินออกไปและปิดประตูตามหลังสนิท เธอก็เข้ามารั้งตัวลูกชายคนเดียวไว้ กล่าวคำมากมายเพื่อที่จะให้ลูกรักเห็นใจกับการกระทำตัวเอง ต้นไม่มีสติจะฟังอะไรทั้งนั้น สิ่งที่ได้ยินและสะท้อนซ้ำไปมามีเพียงประโยคที่แสนเจ็บปวดประโยคเดียวเท่านั้น มันเป็นประโยคที่ยืนยันได้ว่าตลอดชีวิตที่ผ่านมามันช่างว่างเปล่า...พ่อกับแม่ของเขาไม่เคยรักกัน

‘แต่แม่มีชู้...’ เด็กชายเอ่ยเถียง มันไม่มีเหตุผลใดในโลกที่ทำให้การเป็นชู้กลายเป็นเรื่องที่ถูกต้องได้ไม่ใช่หรือ...

‘แม่คบกับลุงกันต์อยู่ก่อนแล้วนะลูก ก่อนที่จะแต่งกับพ่อ...’ หญิงวัยกลางคนต้องการอธิบาย มันไม่ใช่คำแก้ตัวเพื่อให้ตัวเองพ้นผิด แต่เธออยากให้คนที่เธอรักมากที่สุดเห็นใจเธอบ้าง เข้าใจในสิ่งที่เธอจำใจต้องทำ แม้จะรู้ดีว่าสิ่งที่เธอขอมันมากเกินไป



“Nothing's gonna change my love for you. You ought to know by know how much I love you. The world may change my whole life through but...Nothing's gonna change my love for you”



ผู้คนในงานต่างมองมาที่เขาอย่างชื่นชม ครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ เป็นครอบครัวในอุดมคติที่ใครๆ ต่างก็ต้องอิจฉา พ่อแม่ที่ยังหล่อสวย กับลูกชายคนเดียวที่เติบโตมาอย่างน่าภูมิใจ เขาก็เคยอิจฉาตัวเองเหมือนกัน เคยคิดว่าเขามีทุกอย่างที่ทุกคนใฝ่ฝัน แต่ทั้งหมดมันก็ก่อนที่ความจริงที่แสนปวดร้าวจะมากระแทกหน้าเขาอย่างจัง

ต้นยังคงเล่นเพลงที่เข้าตั้งใจซ้อมอย่างคนชินมือ แม้ภายในหัวสมองยังคงมีแค่ภาพของเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อวานแทรกเข้ามาซ้ำแล้วซ้ำเล่า

‘ที่พ่อกับแม่แต่งงานกันมันเป็นเรื่องของผลประโยชน์ แต่ที่เราทั้งคู่ยังอยู่ด้วยกันมาจนถึงทุกวันนี้ก็เพื่อลูกนะครับ’

‘แล้วพ่อล่ะ แม่ไม่สงสารพ่อหรอ’ แววตาอีกฝ่ายไหววูบ ผู้หญิงตรงหน้าหลบตาเขา ไม่ต้องมีคำอธิบายเขาก็เข้าใจในทันที

‘นี่พ่อกับแม่ร่วมมือกันหรอ’ เด็กชายมองเข้าไปในตาชุ่มน้ำของมารดา ความเสียใจทิ่มแทงอกร้อนจนกลั้นน้ำตาไม่ไหว สรุปมีแต่เขาที่โดนหลอก ภาพของครอบครัวแสนสุขผาดผ่านในความคิด เขาทำผิดอะไร ต้องเป็นที่เกลียดชังแค่ไหนถึงโดนปล่อยให้เจ็บถึงเพียงนี้

‘แม่ทำเพื่อเรานะลูก’ เธอย้ำอีกครั้ง

เด็กน้อยไม่เข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายพูด การโกหกว่ารักกัน การเสแสร้งว่ามีความสุขมันเป็นการทำเพื่อเขาตรงไหน ทั้งสองคนต้องการอะไรและตั้งใจจะจบเรื่องนี้ลงเมื่อไหร่

ใจรู้สึกขยะแขยง

เพื่อผลประโยชน์ของตัวเองแล้ว มนุษย์เราสามารถทำได้ทุกอย่าง เสแสร้ง แกล้งรัก หลอกลวงคนทั้งโลกโดยไม่สนว่าใครจะคิดหรือรู้สึกอย่างไร

‘ทำเพื่อผมสักครั้ง’

‘อะไรนะครับลูก’ แก้าตารีบรุดเข้าไปลูกชาย เมื่อตั้งต้นยอมเปิดปากพูดอีกครั้ง

‘ถ้าแม่เคยรักผมบ้าง.. ถ้าที่เคยบอกรักผมยังจริงอยู่บ้าง..’

‘โธ่ ต้น ทำไมพูดกับแม่อย่างนี้ละลูก แม่รักเรามากที่สุด มากกว่าอะไรทั้งนั้น’ แก้วตาปล่อยโหเมื่อได้ยินคำพูดเสียดแทงของลูกรัก เอื้อมมือไปโอบไหล่เด็กชายอย่างถวิลหา

‘ผมไม่รู้ว่าอะไรจริงอะไรโกหกอีกต่อไปแล้ว’ เด็กชายวัยสิบสี่สะบัดไหล่ออกจากมือของคนที่รักที่สุดที่เอื้อมมาสัมผัส

‘ผมจะไม่ขออะไรเลย แค่เพียงอย่างเดียว...ช่วยเลิกเสแสร้งทำเป็นรักกันได้ไหม’ เขาว่าพร้อมมองลึกเข้าไปในดวงตาดำขลับของผู้เป็นแม่ แม้จะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นแต่เขายังอยากจะเชื่อเหลือเกิน อยากจะเชื่อว่าอย่างน้อยความรักที่เธอมีให้เขามันเป็นความจริง

‘อย่าให้ผมต้องหมดศรัทธาในความรักไปมากกว่านี้เลยนะแม่’



“Nothing's gonna change my love for you. You ought to know by know how much I love you. The world may change my whole life through but...Nothing's gonna change my love for you.”



ชายหนุ่มพยายามฝืนตัวเอง ตั้งสติอยู่กับกีต้าร์และพยายามปรับน้ำเสียงไม่ให้ฟังดูสั่นไหว ไปมากกว่านี้

เขาอยากจะร้องเพลงนี้ให้จบ

นี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขามีโอกาสได้ทำมัน

เขาเกลียด... เกลียดเพลงรักที่เขาร้อง

เพราะมีแต่คนโง่เท่านั้น ที่รัก..

และมีแต่คนที่รักเท่านั้นที่เจ็บ...





**********

มาแล้วววว ขอบคุณทุกคนนะคะที่รอเรื่องนี้กัน ดีใจนะคะที่หลายคนชอบน้องกี แล้วก็สำหรับตั้งต้น ฉันช่วยเรียกคะแนนความสงสารให้แกได้แค่นี้นะ ตอนหน้าแกตายแน่ 5555 เรื่องนี้อาจจะมีปมหนักๆ อยู่บ้างแต่ก็ยังคงความใสตามสไตล์คนเขียนเหมือนเดิมค่ะ มาม่าได้นิดเดียว คนเขียนเหนื่อยแทน แล้วก็จบดีแน่นอลลล

อยู่กันไปนานๆ น้า จะพยายามอัพเร็ว บ่อยๆ คะ

พูดคุยกันได้นะคะ

ทวิตเตอร์ @maywrite1 #ต้นคนรักไม่เป็น
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-07-2019 13:23:54 โดย Maywrite »

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :katai1: ถึงแม้มีปมแต่ก็รับที่ทำแบบนั้นกับกีไม่ได้จริงๆ


ออฟไลน์ Peterpanmama

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เอามาอีกตอน ได้โปรดดด

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
 :pig4:
 :กอด1:

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
รอค่ะรอ

ออฟไลน์ TuEyyy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
ตามตั้งแต่ ดิน อิน จะรอน๊าาา

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
ถึงแม้เป็น คนมีปม จมกับรัก
เคยโดนหัก ซ้ำซาก มากหนักหนา
แต่ถ้าเจอ รักแท้ ใจบอกมา
ต่อให้ช้ำ แทบจะบ้า ก็ฝ่าฟัน

แต่นี่เหมือน รักแค้น แน่นในอก
ทุกเวลา คิดวิตก หมกหุนหัน
คุณรักเขา หรือตัวเอง มากกว่ากัน
รักไม่เป็น หรือจริงนั่น รักไม่พอ

ตั้งต้นแค่ไปเห็นว่ากีสนิทสนมกับคนอื่่นในที่โล่งแจ้ง..ตัวเองเสียใจว่าโดนหลอก
แล้วที่ทำให้กีเห็นว่ากำลังจะเอากันในห้อง(หรือเอากันไปแล้วก็ไม่รู้)..แบบนี้ กีจะรู้สึกว่าโดนอะไร

คนรักกันจริงเค้าไม่เจ้าคิดเจ้าแค้นกันขนาดนี้หรอกนะ
คิดเอาคืนแก้แค้น ให้เห็นเอากับคนอื่นคาห้อง แบบเต็มลูกกะตา
มันไม่ใจร้ายต่อกัน มากเกินไปเหรออออออออออ..

รักไม่เป็นหรือรักไม่พอกันแน่..ตั้งต้น
เลวววววววววววววววว

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
มาแล้วววว รออ่านต่อนะครับ,,,,

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend .:Prologue:. 23/07/2019
« ตอบ #9 เมื่อ: 25-07-2019 23:04:34 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Gatjang_naka

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
มารอจ้า

ออฟไลน์ Maywrite

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
.:บทเรียนที่ 1:.





ปัง!

เมื่อประตูถูกปิดลง ชายหนุ่มทิ้งตัวเอนพิงพนักโซฟานุ่มอย่างอ่อนล้า เขาทำได้เพียงถอนหายใจหนัก แหงนหน้ามองเพดานอย่างเลื่่อนลอย สมองที่ว่างเปล่ากลับหนักอึ้ง เขายกสองมือขึ้นมาขยี้หน้าไปมา อดแปลกใจไม่ได้เมื่อสัมผัสได้ถึงน้ำร้อนชื้นคละเคล้ามากับฝ่ามือหนาทุกครั้งที่ปาดผ่านสองตา ร่างสูงเลื่อนมือข้างนึงมาเกาะกุมหน้าอกข้างซ้าย ความรู้สึกวูบโหวงเหมือนหายใจผิดจังหวะทำให้เขารู้สึกเหนื่อยสุดกำลัง หัวใจที่ตอนแรกเคยเจ็บจี๊ดตอนนี้เหมือนมันจะสงบลง ที่จริงไม่ใช่ไม่เจ็บแต่ตอนนี้มันไม่ได้รู้สึกอะไรเลยต่างหาก มันเหมือนหัวใจของเขาไม่ได้อยู่ตรงที่เดิมอีกต่อไปแล้ว ชายหนุ่มยิ้มเยาะกับตัวเอง แค่เดือนเดียวยังเป็นได้ขนาดนี้ เขารู้แล้วว่าตกหลุมรักอีกฝ่ายมากแค่ไหน นึกโทษตัวเองที่ยอมเผลอตัวเผลอใจไปได้ขนาดนี้

ทั้งๆ ที่ก็น่าจะรู้ตัวดีอยู่แล้วว่าคนแบบเขาไม่มีใครมารักจริงๆ หรอก

“ต้น...” ไม่รู้ว่านั่งอยู่ตรงนี้นานแค่ไหน เขาเหยียดหลังตรงเมื่อได้ยินเสียงคนเรียกชื่อ อีกฝ่ายมายืนอยู่ข้างตัวเขาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงประตูห้องนอนเปิดออกมาด้วยซ้ำ

“ได้ยินเสียงประตูปิดไปตั้งนานแล้ว ทำไมยังไม่เข้ามาในห้องสักที” รวินทร์เดินตรงเข้ามานั่งตักชายหนุ่ม ยกสองมือคล้องคออีกฝ่ายอย่างออดอ้อน ก่อนจะซบหน้าลงบนแผ่นอกกว้าง

“คนอะไร ไร้มารยาทที่สุด ต้นน่าจะเรียกพี่ยามข้างล่างมาไล่ไปนะ” คนบนตักเอ่ยถึงคนที่เพิ่งออกไป นึกรู้ว่าอีกฝ่ายคงเป็นเด็กคนใดคนหนึ่งของตั้งต้น แต่ใครๆ ก็รู้ว่าผู้ชายคนนี้ไม่จริงจังกับใคร เบื่อเมื่อไหร่ก็ทิ้ง รวินทร์รู้สึกสะใจ เมื่อเห็นเต็มๆ ตาว่าตั้งต้นอยู่กับเขาแบบนี้ก็คงชัดเจนพอแล้ว จะได้เลิกมาระรานสักที คิดว่าตัวเองเป็นใครถึงได้มาโวยวายแสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ

“เสียงดังโวยวายอย่างกับคนไม่มีกา...” ไม่ทันได้จบประโยครวินทร์ก็ต้องหยุดเมื่อโดนมองตาขวาง เขารู้ได้ทันทีว่าทำให้คนตัวโตไม่ชอบใจเข้าแล้ว รวินทร์ที่หวังให้อีกฝ่ายอารมณ์ดีขึ้นจึงค่อยๆ เปลี่ยนท่านั่งเอาขาทั้งสองข้างพาดเอวประจันหน้ากับคนร่างสูง นิ้วชี้เรียวยาวลูบไล้ไปตามแผงอกอย่างเบามือ เมื่อเห็นว่าคนตัวโตมีแววตาอ่อนลง เขาก็ยิ่งเบียดเข้าไปแนบชิด วันนี้โดนขัดจังหวะตลอด ยังไปไม่ถึงไหนกันเลย หลังจากนี้จะไม่ยอมให้มีอะไรหรือใครมาขวางทางอีกแล้ว เจ้าตัวคล้องแขนสองข้างรอบคอแกร่งอีกครั้ง ก่อนที่จะประกบเรียวปากลงไปที่อวัยวะเดียวกันของอีกฝ่าย ลากเลียลิ้นร้อนไปตามริมฝีปากนุ่มทั้งบนล่าง ลิ้นร้อนดุนดันตามรอยแยกเบาๆ ไม่ได้ลุกล้ำ เหมือนรอคอยคำอนุญาตจากอีกฝ่ายสำหรับการเริ่มต้นทำอะไรที่มันลึกซึ้งมากกว่านี้ ตั้งต้นที่ตอนแรกนั่งนิิ่งเมื่อโดนกระตุ้นมากขึ้นเจ้าตัวที่แทบจะไม่มีสติอยู่แล้วก็เหมือนจะยอมปล่อยตัวไปตามอารมณ์ที่ถูกปลุกเร้า เพราะสมองที่หนักอึ้งทำให้เขาไม่อยากคิดอะไรอีกต่อไปแล้ว ความว้าวุ่น ความร้อนกรุ่นในอกถูกแปรเปลี่ยนไปเป็นจูบที่ดึงดัน ชายหนุ่มโอบรัดตัวคนบนตักแน่นแนบชิด จากที่เป็นฝ่ายถูกปลุกเร้า เขากลับเป็นฝ่ายจู่โจม ร่างสูงถาโถมเข้าไปหาอีกฝ่าย ดูดเม้มริมฝีปากบางจนบวมเจ่อ เลื่อนไหลจมูกโด่งได้รูปไปตามซอกคอ ฟันคมกัดกินอีกฝ่ายจนขึ้นรอยแดงเพื่อหวังจะลืมความเว้าแหว่งภายในใจ

RRrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr

ตั้งต้นชะงัก เสียงจูบดูดดื่มที่ดังก้องทั่วห้องโดนกลบด้วยเสียงเรียกเข้า เมื่อเขานิ่งคนตัวเล็กจึงไม่รอช้าเปลี่ยนเป็นฝ่ายเล้าโลมแทน ชายหนุ่มตัดสินใจเพิกเฉยสายเสียงโทรศัพท์จนในที่สุดมันก็หยุดไปเอง ร่างสูงเอื้อมมือไปดึงบอคเซอร์สีแดงของคนตัวเล็กบนตักให้ร่วงหลุดไปที่ขาขวา แต่ก่อนที่จะได้ถอดกางเกงวอร์มของตัวเองออกเสียงโทรศัพท์เครื่องเดิมก็ส่งเสียงดังขึ้นอีกครั้ง

“โธ่เว้ย..” ชายหนุ่มสบถอย่างสุดทน ก่อนจะยกคนบนตักวางลงบนโซฟา คนตัวเล็กหน้ามุ่ย รู้สึกรำคาญเหลือเกินที่วันนี้ถูกขัดจังหวะครั้งแล้วครั้งเล่า ตั้งต้นหัวฟัดหัวเหวี่ยงลุกขึ้นไปหยิบโทรศัพท์ที่อยู่ข้างโทรทัศน์จอใหญ่ พอเห็นว่าใครโทรมาก็กดรับอย่างรวดเร็ว

“ไอ้เหี้ยดิน ถ้าธุระมึงไม่สำคัญมึงโดนแน่” ปลายสายหัวเราะร่า มันโมโหขนาดนี้รู้เลยว่าเขาต้องโทรมาขัดจังหวะเวลาความสุขของมันแน่นอน

[โทษทีว่ะ มึงอยู่กับกีหรอ] บดินทร์เอ่ยแซวเพื่อนตามประสา แต่สิ่งที่เอ่ยมาทำให้อีกฝ่ายชะงัก ความโมโหที่โดนเพื่อนขัดจังหวะเปลี่ยนเป็นความรู้สึกละอายในจิตใจกับการกระทำของตน

“ปะ..เปล่า มึงมีอะไรก็ว่ามา”

[ก็เรื่องคอนโดมึง สรุปอินจะย้ายเข้ามาอยู่กับกู กูแค่จะโทรมาถามว่ามึงจะเอายังไง เอาห้องเดิมไว้หรือจะหาที่ใหม่] บดินทร์เข้าเรื่อง เขาสองคนเคยเป็นรูมเมทกันมาก่อน ด้วยความที่บดินทร์อยากมีห้องของตัวเองมาตลอด เขาถึงพยายามสะสมเงินทั้งหมดที่ได้จากการร้องเพลงมาหลายปีเพื่อซื้อมัน เมื่อก่อนก็เคยสัญญากับมันว่าถ้าซื้อคอนโดแล้วจะให้มันย้ายมาอยู่ด้วย แต่พอตอนนี้บดินทร์มีแฟน ตั้งต้นมันก็เลยเสนอมาว่าถ้าเขาอยากอยู่กับแฟนมันแยกไปอยู่คนเดียวก็ได้ เมื่อเป็นแบบนั้นเขาก็เลยตัดสินใจชวนอินมาอยู่ด้วยกัน

“กูอยู่ห้องเดิมก็ได้ ไม่มีปัญหา” ตั้งต้นตอบ เขาไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ค่าเช่าห้องแค่ไม่กี่บาทไม่ได้ทำให้เขาใส่ใจอะไร ทั้งคู่คุยกันเกี่ยวกับรายละเอียดหอพักอีกเล็กน้อย นัดแนะกันเกี่ยวกับวันย้ายของออกจากห้อง รวินทร์มองคนที่ไม่ยอมวางโทรศัพท์อย่างเบื่อหน่าย วันนี้คงไม่ใช่วันของเขาจริงๆ พอท้องเริ่มร้องคนตัวเล็กก็เลยเดินไปทางตู้เย็นเพื่อเปิดหาของกินเล่น ขณะที่เดินผ่านโต๊ะอาหารสายตาก็ไปสะดุดกับถุงกระดาษใบใหญ่ที่วางอยู่บนโต๊ะ พอก้มลงดูก็ยกยิ้มอย่างดีใจที่เห็นเค้กชอคโกแลตก้อนโตอยู่ข้างใน รวินทร์มองไปทางคนที่ยืนคุยโทรศัพท์อยู่

“ต้น ริวขอกินนะ” เสียงตะโกนทำให้ร่างสูงหันไปมองคนที่ชี้ถุงกระดาษ พยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจเป็นการอนุญาตก่อนที่จะกลับไปโฟกัสกับบทสนทนา เมื่อได้รับอนุญาตร่างเล็กก็ปรบมือดีใจ รีบยกเค้กก้อนโตออกมาบนโต๊ะแกะสก๊อตเทปใสที่ยึดฝากล่องแล้วเดินไปในครัวเพื่อหามีดและส้อมมาตัดเค้กกิน

[เออ ว่าแต่มึงยังมีชีวิตดีอยู่นะ] ปลายสายว่ากลั้วหัวเราะ

“หมายความว่าไงว่ะ”

[เอ้า ก็เนี่ย อินพึ่งบอกกูว่ากีทำเค้กให้มึง] อินแฟนของเขาเป็นเพื่อนสนิทกับกีแฟนมัน วันนี้ตอนที่เขาไปรับอีกฝ่ายมาดูห้อง เจ้าตัวเพิ่งบอกว่ากีไปให้สอนทำขนม เขาแปลกใจอยู่ไม่น้อย เพราะกีเป็นพวกคุณหนูที่โดนตามใจของแท้ อย่าว่าแต่เข้าครัว งานบ้านสักอย่างก็ทำไม่เป็น

[กูนึกว่ามึงจะท้องเสียน้ำหมดตัวไปแล้วซะอีก] ชายหนุ่มตัวแข็งทื่อฟังเสียงหัวเราะร่าของเพื่อนสนิท สองตาเหลือบมองคนตัวเล็กในครัวที่หาอุปกรณ์เจอแล้วมุ่งหน้าเดินกลับไปที่โต๊ะ

“แค่นี้นะ” ตั้งต้นตัดสายเพื่อนโดยไม่รอฟัง เดินเข้าไปหาร่างบาง

“ริว” คนที่ตั้งอกตั้งใจตัดเค้กเงยหน้าขึ้นมาเมื่อโดนเรียก ยิ้มหวานสบตาคนที่มายืนเคียงข้าง

“วันนี้กลับไปก่อนได้ไหม” รวินทร์คิ้วขมวดชนกัน หรี่ตามองอย่างไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น

“มีอะไรหรือเปล่า” ร่างบางถาม

“เรารู้สึกไม่ค่อยสบาย” ชายหนุ่มว่าต่อ พยายามหาเหตุผลที่จะไม่ทำร้ายจิตใจอีกฝ่ายเกินไป คนตัวเล็กรุดเข้ามาหาแต่พอเขาปฎิเสธจริงจังอีกฝ่ายก็ยอมละถอยกลับไป ไม่อยากทู่ซี้ให้อีกคนนึกรำคาญใจไปมากกว่านี้

เมื่อได้อยู่คนเดียวแล้วจริงๆ ร่างสูงก็ทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ ตาเรียวเพ่งลงตรงวัตถุตรงหน้า

“ใจเย็นไอ้ต้น มันก็แค่เค้ก...” ตั้งต้นจ้องมองเค้กที่มีรูปร่างบิดเบี้ยว ชอคโกแลตครีมที่โดนปาดไปมามากบ้างน้อยบ้างไม่เรียบเนียนอย่างที่ควรจะเป็น ด้านบนมีตัวหนังสือเอียงๆ เขียนว่า หนึ่งเดือน ลายมือขยุกขยิกจนแทบจะอ่านไม่ออกอยู่แล้ว ต้นยกมือกุมหน้าอกซ้ายแน่นอีกครั้ง

“แค่เค้กก้อนเดียว ทำไมมึงต้องเต้นแรงขนาดนี้ว่ะ” เขาพูดกับใจตัวเอง

เอื้อมมือหยิบส้อมไปตักเค้กเข้าปากหนึ่งคำ ความหวานจัดที่แตะลิ้นผ่านตรงไปที่กระบอกตาร้อนก่อเกิดเป็นของเหลวชื้นเอ่อล้นตาคม ชายหนุ่มหลับตา ประสาทสัมผัสทั้งหมดมารวมอยู่กับเค้กเพียงหนึ่งคำที่ทำให้ร่างกายสั่นไหว ความหวานอบอุ่นที่ได้รับมันสร้างฮอร์โมนความสุขไปทั่วร่างกาย

มันจริงเกินไป...

ทั้งที่พยายามบอกว่าสิ่งที่อีกคนทำให้ตลอดมามันเป็นการเสแสร้ง แต่ความหวานละมุนจนอกที่วูบโหว่งอุ่นซ่านมันจริงเกินไป ตั้งต้นลืมตามองเค้กตรงหน้า จินตนาการถึงภาพขะมักเขม้นของคนทำได้เป็นตุเป็นตะ ความสุขที่ได้รับทิ่มแทงหัวใจจนต้องยกมือกุมอกซ้ายอีกครั้ง พึมพำบางอย่างเหมือนอยากให้คนบางคนที่ไม่สามารถสลัดออกจากใจได้ยิน

“รสชาติแย่กว่าที่คิดนะ”

เขายกยิ้ม เจ้าตัวจะโวยวายแค่ไหนกันนะถ้าได้ยินแบบนี้..

.

.

.

.

.

ชายหนุ่มจอดรถคันหรูที่ลานจอดรถ VIP ของโรงแรมหรูแห่งหนึ่งใจกลางกรุงเทพฯ เดินตรงไปที่ห้องบอลลูนห้องแรกที่อยู่ชั้นหนึ่งของโรงแรม วันนี้เขาต้องเป็นตัวแทนมางานแสดงเครื่องเพชรของคุณนิภารุ่นน้องคนสนิทของแม่ ตั้งต้นอยู่ในชุดสูทเรียบหรูพอดีตัวสีเทา ผมที่เคยละประบ่าโดยรวบไว้ข้างหลังอย่างเรียบร้อย เมื่อถึงบริเวณงานชายหนุ่มเดินตรงไปที่เจ้าของงาน ยกยิ้มการค้าที่ฝึกจนเคยชินให้อีกฝ่ายเป็นการทักทาย

“คุณน้านิสวัสดีครับ ยินดีด้วยนะครับ” เจ้าตัวว่ายื่นช่อดอกไม้ที่เตรียมไว้ส่งให้อีกฝ่ายอย่างสุภาพ

“แหม๋ ไม่น่าลำบากเลยนะตาต้น เป็นอย่างไรบ้างลูก คุณพ่อคุณแม่สบายดีนะ” คนเป็นผู้ใหญ่พูดทักทายกลับอย่างเป็นกันเอง

“สบายครับ ท่านทั้งสองฝากความคิดถึงมาให้คุณน้าด้วยครับ โดยเฉพาะคุณแม่บอกให้คุณน้าหาเวลาว่างไปเที่ยวที่บ้านที่หัวหินให้ได้ ไม่งั้นท่านจะงอนจริงๆ แล้วนะครับ” หญิงรุ่นใหญ่หัวเราะร่าอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะฝากบอกแม่ของเขาว่าหลังจากงานนี้จะหาโอกาสไปให้ได้ แถมบอกให้เจ้าตัวเตรียมอาหารทะเลสดรอไว้ได้เลย

“แล้วเราล่ะ ได้ข่าวว่าเข้าไปช่วยงานที่บริษัทคุณพ่อหรอช่วงนี้ งานหนักไหมลูก”

“ครับช่วงปิดเทอมคุณพ่ออยากให้ผมเริ่มเรียนรู้งานที่บริษัท ช่วงนี้เลยต้องเข้าไปทุกวันแต่สนุกดีครับไม่เหนื่อยเท่าไหร่” นิภาพยักหน้ารับรู้ จ้องมองชายหนุ่มอย่างชื่นชม เห็นมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย ตั้งต้นเป็นคนสุภาพอ่อนน้อมถ่อมตนเสมอมา รูปร่างหน้าตาก็หล่อเลิศได้ข่าวว่าเป็นถึงเดือนมหาวิทยาลัย ไม่ต้องพูดถึงฐานะการเงินและหน้าตาในสังคมที่เพรียบพร้อม และแม้อีกฝ่ายจะเป็นลูกชายคนเดียวของคุณวุฒิและคุณแก้วตาแห่งภาคภูมิไพศาล แต่เจ้าตัวก็ยังขยันขันแข็งไปทำงานทุกวันแบบไม่มีบ่น คุณสมบัติขนาดนี้ถ้าได้มาเป็นลูกเขยคงจะเป็นหน้าเป็นตาให้กับครอบครัวเขาไม่น้อย

“ถ้าว่างๆ ก็มาพายัยชาไปกินข้าวบ้าง รายนั้นบ่นถึงพี่ต้นตลอดเลย” ชายหนุ่มยิ้มรับ ในหัวพาลนึกถึงน้องนิชาจอมแก่นที่รู้จักกันดีมาตั้งแต่เด็ก เขารู้ว่าผู้ใหญ่พยายามจับคู่ให้พวกเขามาตลอด แต่เขาไม่ได้คิดอะไรกับน้อง น้องเองก็เหมือนกัน สำหรับน้องแล้วเขาเป็นแค่เพียงข้ออ้างเวลาที่จะขอคุณนิภาไปเที่ยวกับแฟนเท่านั้น

“ได้ครับ แล้วผมจะหาเวลาไปหาน้องนะครับ” ตั้งต้นตอบกลับอย่างสุภาพ คุยกับเจ้าภาพอีกนิดหน่อยจึงขอตัวเข้าไปด้านใน ภายในงานมีโต๊ะกลมสีขาวขาตั้งสูงถูกจัดไว้เรียงราย งานนี้เป็นงานแบบคอกเทล ไม่มีเก้าอี้ให้นั่งเป็นหลักแหล่ง บรรยากาศสบายๆ ที่ทำให้แขกเรื่อเดินคุยกันได้อย่างสะดวกสบาย มีเพียงตรงกลางห้องที่กั้นดอกไม้สีขาวสลับฟ้าซ้ายขวาสำหรับใช้เป็นแนวแคทวอร์คให้กับเหล่านางแบบนายแบบที่จะโชว์เครื่องเพชรคืนนี้ ตั้งต้นมาแต่หัววันตามมารยาท เขาต้องรออีกนานกว่างานจะเริ่ม เจ้าตัวเอ่ยปากทักทายคนที่พอจะเคยเห็นหน้าคร่าตากันในงานสังคมตลอดทางเดิน ตลอดระยะทางเขาสัมผัสได้ถึงสายตาที่จ้องมองเขาด้วยแววตาที่สื่อความใน ถ้าเป็นปกติเขาคงกวาดยิ้มเรียกคะแนน ตัดสินใจเลือกใครสักคนจากหนึ่งในนั้น และหาโอกาสที่จะทำให้งานสังคมที่น่าเบื่อแบบนี้เร้าร้อนขึ้นมาบ้าง แต่วันนี้เขาไม่มีอารมณ์จะทำอะไรทั้งนั้น ความรู้สึกอัดแน่นในอกที่ยังชัดเจนมันทำให้เขาไม่อยากเริ่มต้นคุยกับใคร

ทั้งๆ ผ่านมาเป็นอาทิตย์แล้วนะ

เค้กที่ละเลียดกินก็หมดไปหลายวันแล้ว

แต่ภาพของจอมโวยวายที่น้ำตาท่วมหน้าก็ยังผ่านเข้ามาทุกครั้งที่เผลอตัว

เมื่อเจอโต๊ะว่างก็เดินเข้าไปแสดงความเป็นเจ้าของ หยิบแก้วคอลเทลจากในถาดที่ยริกรยื่นให้ จิบน้ำสีฟ้าขมปะแหล่มไปนิด ก่อนจะลอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน เขาเกลียดงานแบบนี้ ที่สุด ที่ที่มีแต่คนยิ้มแย้ม พูดคุยทักทายกันอย่างเป็นมิตร แต่หาความจริงใจจากใครไม่ได้เลย แม้แต่เสียงหัวเราะที่ดังแว่วมา เขายังสัมผัสได้ถึงความเสแสร้งในนั้น เหม่อลอยมองคนรอบตัวอยู่นาน ใจก็เผลอคิดถึงคนที่พูดจาโผลงผาง เก็บความรู้สึกไม่เก่ง คิดอะไรก็พูดออกมาแบบไม่คิดหน้าคิดหลัง ไม่ได้ดั่งใจก็โวยวายเอาแต่ใจ แต่พอเขาตามใจก็อดห่วงความรู้สึกเขาจนเผลอตามใจกลับไม่ได้

คนที่จริงใจที่สุดที่ชีวิตนี้เคยเจอ

พอคิดได้ถึงตรงนี้ความรู้สึกผิดที่หลบอยู่ในซอกหนึ่งของหัวใจก็ถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้ง เขารีบส่ายหัวเรียกสติ พยายามบอกตัวเองว่าสิ่งที่ทำมันดีแล้ว สิ่งที่เห็นและรู้สึกมันก็เป็นแค่ภาพลวงตา เป็นแค่ละครบทหนึ่งที่สร้างมาให้เขาติดกับ ก็เห็นมากับตาตัวเองแล้วแท้ๆ เขายังจะหวังอะไรอีก แอบรู้สึกโกรธที่ส่วนหนึ่งของใจยังคงเถียงว่าเขาเข้าใจผิด ได้แต่ด่าตัวเอง ต้องโง่แค่ไหนถึงจะยังคิดว่าอีกฝ่ายรักแค่เขาคนเดียว

“ไงมึง” เสียงทักทายดังขึ้นพร้อมกับวงแขนที่วางพาดบนแผ่นหลัง หันไปก็เห็นว่าเป็นภูผาเพื่อนสนิทตน ตบไหล่ทักทายกันอย่างคนคุ้นเคย แอบอดรู้สึกดีใจไม่ได้ที่อย่างน้อยคืนนี้จะมีมันมาอยู่เป็นเพื่อน

“หนีไม่รอดหรอมึง” ต้นเอ่ยหยอกล้อคนที่เกลียดงานสังคมแบบนี้ที่สุดแต่ก็โดนบังคับให้มาทุกครั้ง ภูผาเป็นเพื่อนสนิทที่อายุห่างกันห้าปี ทั้งสองรู้จักกันตั้งแต่เด็กเพราะได้มีโอกาสเจอกันตามงานสังคมที่ต้องไปบ่อยๆ ด้วยความที่นิสัยใจคอหลายๆ อย่างคล้ายกัน เขาทั้งสองจึงเริ่มสนิท และในที่สุดมันก็กลายเป็นคนที่เขาไว้ใจมากที่สุดคนหนึ่ง ยิ่งในช่วงตอนอายุสิบสี่ที่เขารับรู้เรื่องแม่ นอกจากบดินทร์เพื่อนตายแล้วก็มีมันนี่แหละที่อยู่เคียงข้างเขาเสมอมา

“เออ กูตรงมาจากพัทยาเลยนะ ย่ากูสนิทกับคุณนิ” ภูผาตอบเพื่อน ยกคอกเทลในมือขึ้นจิบก่อนจะทำหน้าหยี รสชาติห่วยแตกที่สุด

“แล้วเป็นไงมึง ร้านอยู่ตัวหรือยัง” เขาเอ่ยถามถึงผับสาขาที่ 5 ของเพื่อนที่พัทยา เขาเคยไปแค่ครั้งเดียวเมื่อเดือนก่อนตอนงานฉลองวันเปิดร้าน พอนึกย้อนไปถึงวันนั้นภาพของคนบางคนก็ย้อนกลับมาอีกครั้งจนได้

ปกติเขาจะไม่พาคนที่เขาคบอยู่ไปหากลุ่มเพื่อนสนิทเพราะไม่เห็นความจำเป็นที่จะแนะนำคนที่เดี๋ยวก็เลิกกันให้รู้จัก แต่สำหรับคนคนนี้ ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรถึงเอ่ยชวน พอนึกขึ้นได้ว่าวันที่ไปที่ร้าน คนของเขามองเพื่อนสนิทด้วยสายตาแบบไหนก็นึกโมโห ทั้งๆ ที่มีเขายืนหัวโด่อยู่ข้างๆ ยังมีหน้าชายตามองคนอื่นด้วยสายตาเคลิบเคลิ้ม ความรู้สึกผิดที่ครอบคลุมใจก่อนหน้าฟืบลงกลับไปที่ซอกลืบเดิม มีความครุกรุ่นร้อนรนเข้ามาแทนที่ เป็นอีกครั้งที่บอกตัวเองว่าเขาคิดถูกแล้วที่ตัดอีกฝ่ายไปแบบนั้น เพราะถ้าขืนปล่อยตัวเองให้ก้าวเข้าไปมากกว่านี้ คนที่เจ็บก็คงมีแค่เขา

“ก็คนเยอะดี นักท่องเที่ยวก็เยอะ ปัญหาก็ไม่เยอะอย่างที่กูคาดไว้” ตั้งต้นพยักหน้ารับรู้ แต่สมองยังจดจ่อถึงเรื่องบางคนในหัว

“ว่าแต่กับน้องกีเป็นไงบ้าง” ภูผากระแทกศอกเบาๆ กระเซ้าถามถึงแฟนอีกฝ่าย คนที่ทำให้เพื่อนเขาหึงจนออกหน้าออกตา วันที่เจอกันที่ร้านตอนแรกมันบอกว่าเป็นแค่เพื่อน เห็นว่าน่ารักดีก็เลยลองจีบดู แต่ไปไงมาไงไม่รู้กลับโดนหึงจนมันตะโกนใส่หน้าว่าคนนี่เป็นแฟนมัน เขาถึงกับอึ้ง จะไม่ให้ตกใจได้ยังไง คบกันมากี่ปีต่อกี่ปี มันเคยมีแฟนซะที่ไหน

“เลิกคุยกันแล้ว” ชายที่เด็กกว่าตอบสั้นๆ

“เห้ย ทำไมว่ะ”

“ก็เหมือนทุกที ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ”

คำพูดเรียบเฉยไม่ได้ทำให้ภูผาสนใจเท่ากับท่าทางผิดปกติของมัน เขารู้จักมันมาตั้งแต่เด็กๆ จะไม่รู้ได้ไงว่ามันพยายามปิดบัง จริงๆ แล้วใจไม่ได้เฉยอย่างที่เห็นเลยสักนิด

“มึงก็รู้ว่ากูดูออกเวลาที่มึงโกหก” ภูผาหัวเราะ ตบไหล่เพื่อนสนิทเบาๆ

“ชอบเขาแล้วหรอ”

“เปล่า...”

“ถ้าไม่อยากเล่าก็บอก กูจะไม่รบเร้า แต่อย่าโกหกกู”

“ไม่มีอะไรจริงๆ ..” ชายหนุ่มยังยืนยัน

“โอเค งั้นกูขอได้ไหม” ตอนแรกภูผาตั้งใจจะแหย่มันเล่น แต่จริงๆ แล้วเขาก็เห็นว่าอีกคนน่ารักดีจริงๆ ถ้าได้จริงก็ไม่เกี่ยงเหมือนกัน

“...” ชายหนุ่มหันมามองหน้าเขา ท่าทางพะอืดพะอมไม่รู้จะตอบยังไงของมันทำให้เขานึกขำ ทั้งมันและเขาต่างก็ไม่มีพี่น้อง บางครั้งเขาก็แอบรู้สึกเอ็นดูมันเหมือนน้องชายเขาคนนึง

“ก็แล้วแต่มึง...” นั่น...มันยังจะปากแข็ง ภูผาหัวเราะดังลั่นจนคนโต๊ะอื่นหันมามอง

“มึงชอบเขาแล้วไอ้ต้น..อย่าเถียงกู” ตั้งต้นไม่ทันได้เอ่ยปฎิเสธก็โดนดักคอไว้ก่อน

“เป็นแบบนี้แล้วจะเลิกกันทำไมว่ะ” เขายังลังเลใจอยู่นิดเมื่อโดนจี้ต่อ แต่รู้ดีว่าไอ้ภูผาไม่เลิกแน่ถ้าไม่ได้คำตอบที่ต้องการ ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ตัดสินใจเปิดปากเล่าทุกเหตุการณ์ที่อยู่ในหัว ไม่ว่าจะเรื่องที่เจอกีกับนทพรอดรักกันหน้าร้าน หรือเรื่องที่กีไปเจอเขากับริวที่ห้อง ที่จริงเขาก็อยากระบายให้ใครสักคนฟัง แต่เขายังไม่อยากเล่าให้ไอ้ดินได้รู้ มันเป็นแฟนกับเพื่อนสนิทกี ไม่อยากให้มันต้องลำบากใจที่จู่ๆ ต้องกลายมาเป็นคนกลาง

“สรุปว่ามึงคิดไปเองว่าเขานอกใจแล้วมึงก็เหี้ยใส่เขา?” ภูผาสรุปกลั้วหัวเราะ

“กูไม่ได้คิดไปเอง กูเห็นกับตา มึงไม่เห็นหรอ ขนาดวันที่ไปร้านมึง ไปกับกูแต่เขายังมองมึงตาเป็นมัน มึงจะให้กูไว้ใจหรอ” ตัั้งต้นยังพยายามอธิบาย แอบฉุนเพื่อนที่หาว่าเขาคิดไปเอง ไม่ได้มาเห็นกับตาแบบเขาก็พูดได้สิ คนแก่กว่ายังหัวเราะร่วน เข้าใจว่ามันอยากบอกอะไร วันนั้นเขาก็เห็นที่อีกฝ่ายมองมา แต่มันก็แค่ครั้งแรกที่เจอกัน หลังจากนั้นพอเขาเข้าไปจีบทางนั้นก็ตั้งกำแพงป้องกันอย่างชัดเจนจนทำอะไรไม่ได้

“มึงเห็นเขามองกูยังไง กูก็เห็นเหมือนกันว่าเขามองมึงด้วยสายตาแบบไหน แล้วกูจะบอกมึงให้เลยว่า มันไม่ใครมองมึงได้ลึกซึ้งกว่านั้นแล้ว”

“...”

“ถ้าชอบเขา มึงก็ไปคุยกันให้รู้เรื่อง ให้โอกาสตัวมึงเองกับตัวเขาด้วย”

“...”

“ถ้าเขาจะยังยอมคุยกับคนเหี้ยอย่างมึงน่ะนะ” ว่าจบเขาก็หัวเราะ ยกมือขอค็อกเทลแก้วใหม่จากบริกร จิบน้ำสีฟ้ารสชาติห่วยพร้อมเหลือบมองเพื่อนรักที่คิ้วขมวดครุ่นคิดอย่างหนัก ภูผาอมยิ้ม เขาเข้าใจดีเหลือเกินว่ามันไม่ง่ายสำหรับมัน ไอ้ต้นมันเป็นเจ้าสาวที่กลัวฝน มันกลัวจะโดนทำให้เจ็บ กลัวโดนหลอกให้รัก มันถึงเลือกที่จะอยู่คนเดียวลอยไปลอยมาไม่รักใครแบบนี้ จะโทษมันว่าคิดมากเกินเหตุก็ไม่ได้ เพราะสำหรับสิ่งที่มันเจอมาก่อน ใครไม่ใช่มันก็คงไม่เข้าใจเหมือนกัน

“คนอยากกู ไม่มีทางเจอคนจริงใจหรอก” ชายหนุ่มพึมพำเหมือนบอกตัวเองมากกว่าคุยกับเขา คนที่แก่กว่าอดเอื้อมมือไปผลักหัวอีกคนเบาๆ ไม่ได้ เก่งทุกเรื่องดันมาตกม้าตายเพราะความรัก รู้ถึงไหนอายถึงนั่น

“กูกํไม่ใช่คนที่จะมาสอนมึงหรอกนะ” เขาว่า

“แต่มึงลองคิดง่ายๆ ถ้ามึงอยากเจอคนที่จริงใจ มึงก็ต้องลองแสดงความจริงใจกับเขาก่อนไม่ใช่หรอว่ะ”

“...”

“แล้วการที่คนอย่างเขา มาตกลงลองคบกับคนอย่างมึงที่ได้ชื่อว่าเจ้าชู้ตัวพ่อ ได้หมดถ้าสดชื่น คืนเดียวจบไม่คบต่อแบบมึง มึงว่าคนที่กลัวโดนนอกใจควรจะเป็นเขาไม่ใช่หรอ”

ตั้งต้นหน้าชานิ่งฟังคำเพื่อน คำพูดที่ได้ยินอีกฝ่ายกระซิบบอกตอนใกล้จะหลับแว่บเข้ามาในหัว

‘แม้เรื่องของเราอาจจะต้องจบลงที่แค่หนึ่งเดือนก็ตาม แต่เราก็ดีใจที่เรื่องทััั้งหมดมันเกิดขึ้น และดีใจยิ่งกว่าที่มันเกิดขึ้นกับนาย’

ชายหนุ่มหลับตาแน่น รู้ตัวว่าทำผิดพลาดไปแล้ว เผลอตัวไปตามอารมณ์ร้อนจนทำร้ายอีกฝ่ายโดยไม่คิดถามให้ดี ภาพในอดีตหลั่งไหลกลับมา วันที่มีคนน่ารักเคียงข้าง วันที่ได้ยิ้มและหัวเราะโดยไม่ต้องเสแสร้ง ความรู้สึกผิดครอบคลุมในจิตใจ แต่ที่มากกว่าคือความโหยหา แม้จะไม่แน่ใจแต่เขาอยากกลับไปอีกครั้ง กลับไปในวันที่ใจที่ปล่าวเปลี่ยวดวงนี้อุ่นแน่นด้วยมวลความสุข

ตั้งต้นกังวล..

ถึงจะยังเคลือบแคลงและยังไม่มั่นใจในความรู้สึกดีๆ ที่อีกฝ่ายมีให้

แต่ถ้ามันจริง..

ถ้าสิ่งที่อีกคนเคยให้มาคือรักที่เขาไม่เคยคิดว่าจะได้เจอจริงๆ

เขายังจะรักษามันไว้ได้หรือเปล่า...

คนเลวๆ แบบเขา จะยังมีโอกาสได้รับมันอีกหรือเปล่า..









****************

อ้าววววว ด่ามา 5555 เกลียดพระเอกได้แต่ห้ามหยุดอ่านนะ! ต้นมันสับสนซะจนคนเขียนสับสนตามไปด้วย คือความรู้สึกมันจะยังสลับไปสลับมาว่าควรจะกลับไปหาน้องดีหรือเปล่า อารมณ์ประมาณว่า อยากกลับไปแต่ก็ยังกลัวเจ็บ ไม่รู้คนอ่านงงจะงงกับมันกันไหมเนี้ย แต่คนมันสับสนเนาะ ฮืออ

ตอนนี้ยาวหน่อยนะคะ อยากเล่าให้ละเอียดเผื่อบางคนไม่ได้อ่านรักมือสอง (แต่ไปอ่านเถอะ ขอร้องละจ้า อิ่มแน่นกว่าแน่นอน) ใครที่คิดถึง น้องกีมาแน่นอนตอนหน้านะคะ คือเขียนโครงเรื่องจบแล้วแต่ว่าไม่มีเวลาได้นั่งเขียนเนื้อเรื่องเลย ถ้ามีโอกาสเมื่อไหร่จะรีบมาต่อเร็วๆ นะคะ แล้วตอนนึงเราพยายามจะให้มันแน่นๆ หน่อย ก็เลยออกช้านิดนึง ถ้ามันเอื่อยไปก็แนะนำมาได้นะคะ

สำหรับ #รักมือสองอินดิน มีตอนพิเศษเร็วๆ นี้แน่นอนจ้า สลับกันไปนะคะ ถ้าอ่านควบคู่กันไปจะยิ่งอินมากขึ้นกว่าเดิมไปอีกแน่นอน :)

ชอบไม่ชอบยังไง ฝากเม้นเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือไปคุยกันในทวิตเตอร์ได้น้า @maywrite1

#ต้นคนรักไม่เป็น

เจอกันค่า!



ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
คนระแวงในรักแบบต้น จะคิดมาก คิดเองจากภาพที่เห็นก็ไม่แปลก พอรู้ว่าจะถูกกระทำก็เลยรีบร้อนถอยห่าง แล้วก็มาเกิดขึ้นกับน้องกีผู้ซึ่งไม่ตื๊อคนที่ไม่รักด้วยก็เลยต้องเฉาๆกันไป
 

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :hao4: ถามวาสึสงสารต้นไม๋ ตอบเลยว่าไม่
สมน้ำหน้าค่า

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
เอาแต่อ้าง กลัวเจ็บ จากคนอื่น
อยากจะมี รักชื่น มื่นสุขสม
เอาแต่ได้ เข้าตัว มั่วอารมณ์
ผลักความเศร้า ขื่นขม คนรักกัน

แก้ความกลัว ตัวเอง ได้ชั่วมาก
หันไปลาก กระชากตูด รูดสวรรค์
นี่หรือกลัว เลยมั่ว พัลวัน
ความจริงใจ ที่หานั้น มันไม่มี

ตั้งต้น#เมิงไปตั้งกับคนอื่นเหอะ..ไป#ชาตินี้และชาติหน้าเมิงก็หาไม่เจอ#ความจริงใจ

เชี่ยยยยยยยยยย..รอลุ้นอ่านแทบวางวาย..สุดท้ายแล้วเมิงก็เลวจริง
เสียใจแบบเมิงนี่ดีเน๊อะ นัดคนอื่นมาเอาแก้ความเสียใจ หุหุ

รออ่าน..กีจะเข้าใจความรักเลวๆแบบนี้ได้ยังไง
เครียด..เศร้า..เหงา..เสียใจ แต่สามารถนัดกับใครก็ได้ให้มาเอาที่ห้องได้เมื่อนั้น

ไม่เฮี่ยจริง..ทำไม่ได้นะเนี่ยะ
ไอ่ห่านจิก

ออฟไลน์ Maywrite

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
เอาแต่อ้าง กลัวเจ็บ จากคนอื่น
อยากจะมี รักชื่น มื่นสุขสม
เอาแต่ได้ เข้าตัว มั่วอารมณ์
ผลักความเศร้า ขื่นขม คนรักกัน

แก้ความกลัว ตัวเอง ได้ชั่วมาก
หันไปลาก กระชากตูด รูดสวรรค์
นี่หรือกลัว เลยมั่ว พัลวัน
ความจริงใจ ที่หานั้น มันไม่มี

ตั้งต้น#เมิงไปตั้งกับคนอื่นเหอะ..ไป#ชาตินี้และชาติหน้าเมิงก็หาไม่เจอ#ความจริงใจ

เชี่ยยยยยยยยยย..รอลุ้นอ่านแทบวางวาย..สุดท้ายแล้วเมิงก็เลวจริง
เสียใจแบบเมิงนี่ดีเน๊อะ นัดคนอื่นมาเอาแก้ความเสียใจ หุหุ

รออ่าน..กีจะเข้าใจความรักเลวๆแบบนี้ได้ยังไง
เครียด..เศร้า..เหงา..เสียใจ แต่สามารถนัดกับใครก็ได้ให้มาเอาที่ห้องได้เมื่อนั้น

ไม่เฮี่ยจริง..ทำไม่ได้นะเนี่ยะ
ไอ่ห่านจิก

ขอบคุณสำหรับบทกลอนมากเลยนะคะ ดีใจที่มีคนอินไปด้วยขนาดนี้ อ่านแล้วสะเทือนแทนตั้งต้นเลยค่ะ5555

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
จะเอายังไงก็เอาานะตั้งต้น,,,

ออฟไลน์ Maywrite

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
.:บทเรียนที่ 2:.





ซ่า...

“คุณกี น้ำล้นออกมาแล้วค่ะ” กีรติที่ได้สติกลับมาจากเสียงเตือนรีบลนลานหมุนปิดก๊อกน้ำที่เปิดไว้รองน้ำใส่ฝักบัวรดน้ำ เขาถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน วันนี้เหม่อรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ เมื่อเช้าก็เหม่อจนเดินชนประตูห้องนอนไปรอบนึงแล้ว เขาเจื่อนยิ้มให้คนงานคนนึงในร้านที่มาเตือน เจ้าตัวทำท่าอยากจะเข้ามาทำแทนเขา แต่พอคุณหนูส่งสัญญาณบอกว่าไม่เป็นไรก็ได้แต่พงกหัวรับแล้วเดินออกไป กีรติใช้มือซ้ายออกแรงยกฝักบัวที่เติมน้ำจนเต็มไปยังชั้นไม้ลาดเอียงตรงสวนหน้าบ้านที่มีพืชผักสวนครัวปลูกอยู่เต็มพื้นที่ มือขวาลูบไล้รอยที่เกิดจากการชนเมื่อเช้า ตอนนี้มันเริ่มปูดออกมาเป็นรอยชัดเจน เขาจำไม่ได้แล้วว่านี่เป็นแผลที่เท่าไหร่ ตั้งแต่กลับบ้านมาเหมือนเขาจะซุ่มซ่ามรายวัน จนแม่แทบจะไม่อยากให้ทำอะไรแล้ว งานบัญชีที่ว่าจะกลับมาช่วยก็โดนห้าม แม่บอกว่าเดี๋ยวก็คิดเลขถูกคิดเลขผิดจนขาดทุนกันพอดี พอถึงหน้าชั้นไม้กีรติก็เริ่มใช้ฝักบัวรดต้นมะเขือเทศสีดาในกระถางที่วางเรียงรายอยู่เต็มชั้นล่างสุด ยืนมองสายน้ำฝอยที่ไหลออกมาจากฝักบัวอย่างเหม่อลอย

เย็นวันนั้นหลังจากที่กลับมาจากห้องของตั้งต้น เขาก็ได้แต่ร้องไห้จนหลับไป ตื่นมาอีกทีก็เห็นว่ามีสายโทรเข้าจากแม่และเพื่อนสนิทอยู่หลายสาย พอข้ามวันมาได้ก็เหมือนว่าเขาเองก็พอที่จะสงบสติอารมณ์ได้พอสมควร เลยตัดสินใจโทรกลับไปหาแม่ก่อนเพราะถ้าหายไปนานๆ อาจจะทำให้ที่บ้านเป็นห่วงจนกลายเป็นเรื่องใหญ่กว่าเดิมก็ได้ ถามสารทุกข์สุกดิบกันตามปกติแม่ก็เล่าว่าตอนนี้ที่บ้านงานยุ่งมาก เพราะคนทำบัญชีที่ร้านเพิ่งมาขอลาออกจากงานกระทันหัน พอได้ยินอย่างนั้นเขาก็เลยอาสาขอกลับไปช่วยที่บ้าน ถึงจะรู้สึกแปลกใจไม่น้อยแต่แม่ก็ดีใจที่เขาจะกลับไปหา กีรติเองก็คิดว่าตัวเองตัดสินใจดีแล้ว อยู่บ้านที่กรุงเทพฯ ก็ต้องอยู่คนเดียวเป็นส่วนใหญ่ พี่จีก็ไม่ค่อยอยู่บ้านเพราะต้องไปทำงานตลอด พี่จีของเขาเป็นแอร์ฮอสเตส ทำงานไม่เป็นเวล่ำเวลา ถึงจะเรียกว่าอยู่ด้วยกันแต่แทบจะไม่เจอหน้ากันเลยด้วยซ้ำ ได้กลับบ้านที่ระยองแบบนี้อย่างน้อยก็จะได้ไม่ต้องฟุ้งซ่านอยู่คนเดียว

‘นี่แค่เดือนเดียวเองนะ ไม่น่าเชื่อว่าจะเบื่อได้ขนาดนี้’

ถ้อยคำบาดใจจากคนใจร้ายยังคงก้องอยู่ในหัว เมื่อมันผ่านเข้ามาก็พาลทำให้หัวใจบีบรัดแน่น น้ำตาเอ่อล้นเต็มสองตากลม ทุกอย่างมันเกิดขึ้นรวดเร็วจนตั้งตัวไม่ทัน เขาแทบไม่อยากเชื่อว่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นความจริง เพราะตลอดเวลาที่คบกัน เรื่องระหว่างเรามันดีเกินไปจนหาเหตุผลอะไรไม่ได้เลยที่จะมาใช้อ้างให้อีกคนมาทำร้ายกันแบบนี้

“เขาก็แค่ไม่รักมึงไอ้กี...เรื่องมันก็มีแค่นั้น” กีรติพึมพำเตือนตัวเอง ไม่เห็นจำเป็นต้องหาคำอธิบาย เหตุผลมันก็ง่ายๆ แค่นั้น

“ต้นไม้แม่จะตายหมดแล้ว” เสียงที่คุ้นเคยเอ่ยออกมาให้กีรติหันไปดู เห็นแม่เขายืนขำส่งสายตาไปที่มือของเขา กีรติหันตามก็เห็นว่ากระถางต้นมะเขือเทศสีดาเอ่อล้นไปด้วยน้ำแถมล้นออกมาข้างนอกชื้นแฉะเต็มพื้น เมื่อเห็นดังนั้นเขารีบยกฝักบัวออก แต่มันสายไปแล้วจริงๆ น้ำที่เคยเต็มล้นฝักบัวตอนนี้ไม่มีเหลือสักหยด กีรติกัดฟันยิ้มเจื่อนให้มารดา ทำตาหวานออดอ้อนเป็นเชิงขอโทษ

“ไหวไหมเนี่ยเรา มา..เดี๋ยวแม่ทำต่อเอง” ธิดาไม่นึกโกรธ หยิบฝักบัวออกจากมือลูกชายแล้วเดินไปเปิดน้ำ เธออมยิ้ม เห็นคนเป็นลูกที่ปกติไม่ชอบช่วยงานบ้านมาขอช่วยก็ไม่อยากให้เสียกำลังใจ แต่แค่บอกให้รดน้ำต้นไม้ เจ้าตัวก็แทบจะทำผักทั้งสวนของเขาตายอยู่แล้ว

“แม่ น้องทำต่อได้นะ” คนเป็นลูกรบเร้าอยากทำต่อ เมื่อเห็นดังนั้นเขาก็ไม่อยากขัดใจ ยื่นฝักบัวให้ถิือก่อนที่จะเป็นคนหมุนก๊อกเปิดน้ำ ตาก็ลอบมองลูกรักที่ตั้งแต่กลับมาก็ไม่ร่าเริงเหมือนเคย

“น้องกีมีอะไรอยากเล่าให้แม่ฟังไหม” ธิดาเลือกที่จะถามตรงๆ เพราะขนาดอยู่ด้วยกันแบบนี้เจ้าตัวยังเหม่อลอยไปอีกแล้ว พอได้ยินคำถามก็พยายามปรับสีหน้ากลับมาให้เป็นปกติที่สุด แต่มีหรือที่คนเป็นแม่อย่างเขาจะมองไม่เห็น

“เรื่องอะไรครับ แม่หมายความว่าอะไร” ลูกคนเล็กยังทำไขสือ

“แม่ว่าหนูเหมือนมีอะไรในใจนะ มีอะไรก็เล่าให้แม่ฟังได้นะ” คนเป็นแม่พูดขณะหมุนปิดก๊อกน้ำ กีรติจ้องหน้าคนตรงหน้า ลอบกลืนน้ำลายที่ฝืดคอ น้ำตาที่เคยเหือดแห้งย้อนกลับมาคลอเต็มเบ้าตาอีกครั้ง ที่จริงเขาอยากเล่า อยากระบายให้ใครสักคนฟัง แต่กับมารดาแล้ว เขาไม่แน่ใจว่าจะเริ่มพูดยังไงเหมือนกัน

“แม่..คือน้อง..”

“ถ้ายังไม่พร้อมจะเล่าให้แม่ฟัง แม่ก็หาคนที่ลูกน่าจะอยากเล่าให้ฟังมาให้แล้ว” ธิดาหันมาสบตา ส่งยิ้มใจดีที่เขาแสนคุ้นเคยมาให้ กีรติขมวดคิ้วชนกันคิดตามว่าแม่พยายามใบ้ถึงใครกันแน่ ไม่ทันจะได้เอ่ยถามก็มีเสียงรถยนต์บีบแตรดังมาจากหน้าบ้าน

“อ่ะ มากันแล้ว” หญิงวัยกลางคนหันไปมองตามเสียง เมื่อชะแหงนมองก็เห็นว่าเป็นรถของคนที่รออยู่ กีรติวางฝักบัวในมือก่อนที่จะเดินตามแม่ไปหน้าบ้าน ต้องตกตะลึงเมื่อเห็นเพื่อนสนิททั้งสามเปิดประตูรถออกมายกมือไหว้แม่เขาพัลวัน

“พวกมึงมาได้ไงว่ะ” กีรติเผลอพึมพำออกไปอย่างไม่ตั้งตัว ก็คุยกันในกลุ่มแชทตลอด พวกมันไม่เห็นมีใครบอกเขาสักคนว่าจะมา

“โห ไอ้กีพวกกูขับรถมาตั้งไกล นี่หรือคือคำทักทาย” ไอ้ธันบ่นโอดครวญ

“ไปๆ เข้าไปในบ้านก่อน กินข้าวเช้าด้วยกันนะจ๊ะเด็กๆ แล้วค่อยไปกัน” คนเป็นแม่เดินนำเพื่อนลูกๆ เข้าบ้าน

“พวกมึงจะไปไหนกันว่ะ” คนที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยเอ่ยถามอย่างงงๆ

“พวกกูก็มาลักพาตัวมึงไปเที่ยวกับพวกกูไง” แนทเสริมต่อ “กูจองห้องพักที่เสม็ดไว้แล้ว” ว่าแล้วเจ้าตัวก็วิ่งตามแม่เพื่อนและธันเข้าบ้านไปยังโต๊ะกินข้าว เหลือทิ้งไว้แค่เขากับอินที่เดินตามหลังมาไม่พูดไม่จา อินทัชเอามือมาวางพาดบนไหล่ก่อนจะดึงตัวเขาเข้าไปแนบชิด

“ไงมึง” อินทัชเอ่ยถาม

“ไม่ไงว่ะ ก็นอนเปื่อยอยู่บ้าน ดีใจนะที่พวกมึงมากัน” กีรติพยายามทำสีหน้าให้ปกติที่สุด เพื่อนอุตส่าห์มาเที่ยวทั้งที เขายังไม่อยากทำลายบรรยากาศ

“ไอ้กี..มึงมีอะไรหรือเปล่า” อินทัชเข้าเรื่องตรงๆ ก็ที่มาหามันก็ด้วยเหตุผลนี้ แม่ของมันโทรมาถามเขาที่เป็นเพื่อนสนิทเพราะกีดูไม่ร่าเริงเหม่อลอยเหมือนมีเรื่องในใจอยู่ตลอดเวลา ปกติกีมันเป็นคนตรงไปตรงมา ดีใจก็บอก เสียใจก็ไม่เคยเก็บไว้ แต่ดูจากอาการฝืนทำเป็นปกติแบบนี้ แสดงว่าเรื่องที่อยู่ในใจต้องใหญ่พอสมควร

“ตั้งแต่วันนั้น” อินทัชว่าต่อ “วันที่ทำเค้ก” อินทัชสังเกตได้ถึงร่างที่เริ่มแข็งทื่อของเพื่อนรักในทุกขณะที่เขาเอ่ยคำ ตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่าเป็นเรื่องของใคร “มีปัญหาอะไรกับต้นหรอว่ะ” ไม่รู้ว่าเพราะน้ำเสียงที่เอ่ยอย่างห่วงใยหรือความอบอุ่นที่พาดผ่านไหล่เล็ก น้ำตาของเขากลับมาเอ่อล้นอีกครั้ง ทั้งสองสบตาจ้องกัน ถ้าเขาพูดอะไรออกไปตอนนี้คงไม่สามารถห้ามน้ำตาที่กำลังจะไหลออกมาได้แน่

“เออๆ เอาไว้คุยกันก็ได้” เพื่อนรักที่เข้าใจกันดีที่สุดเอ่ยบอก ยกมือขึ้นมาขยี้กลุ่มผมนุ่มอย่างเอ็นดู ทั้งคู่เดินเข้าบ้านนั่งกินมื้อเช้าด้วยกันพร้อมพ่อและแม่เขา ธันที่เป็นคนพูดเก่งอยู่แล้วชวนคุยเรื่องต่างๆ นานา จนกว่าจะกินข้าวเสร็จบางคนก็หัวเราะจนท้องขดท้องแข็ง บางคนก็แทบสำลักข้าวเพราะกลั้นขำไม่ทัน

เมื่อกินข้าวเสร็จกีรติก็ขึ้นไปเก็บกระเป๋าบนห้อง ก่อนที่ทุกคนจะบอกลาพ่อแม่เขาและเดินทางออกจากตัวเมืองระยองเพื่อไปท่าเรือที่ไปยังเกาะเสม็ด เมื่อไปถึงก็ต่อรถสองแถวไปยังที่พักที่จองไว้ ที่ที่เพื่อนเลือกเป็นบ้านหลังเล็กบรรยากาศดีที่อยู่ติดชายหาด มีห้องนอนที่เป็นเตียงคู่อยู่สองห้อง แต่ละห้องมีห้องน้ำในตัว มีส่วนกลางที่มีห้องครัวเล็กๆ ในตัว พวกเขาไม่คิดจะทำอะไรกินกันเองอยู่แล้วจึงไม่เป็นปัญหา ขอแค่มีที่ชงกาแฟกินตอนเช้าให้ก็เพียงพอสำหรับเขาทั้งสี่แล้ว

เมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้ากันเรียบร้อยทั้งสี่ก็เดินไปร้านอาหารภายในรีสอร์ท ตอนที่เข้ามาเชคอินก็สั่งอาหารไว้ล่วงหน้าแล้ว พอมาถึงอาหารที่สั่งไว้มากมายก็มาเสริ์ฟพอดี ทั้งสี่แทบไม่พูดคุยนั่งกินอาหารทะเลสดอย่างเอร็ดอร่อย ทำเหมือนหิวโซทั้งๆ ที่เพิ่งกินอาหารจนแน่นพุงมาเมื่อเช้า เมื่อกินเสร็จก็เช่ารถให้เขาพาไปเที่ยวชมรอบเกาะ ลัดเลาะถ่ายรูปกันจนทั่วก็ตัดสินใจกลับมาที่ห้องเพื่อเปลี่ยนชุดลงเล่นน้ำทะเล สนุกสนานกันจนแสงอาทิตย์เริ่มอ่อนลง ในที่สุดก็ยอมตัดใจพากันกลับมาอาบน้ำอาบท่าเตรียมตัวไปกินอาหารเย็นที่อยู่ติดริมชายหาดของที่พัก

กีรติกับอินทัชที่อาบน้ำเสร็จก่อนเดินมาถึงชายหาดเป็นกลุ่มแรก ตอนนี้ท้องทะเลมืดสนิทมีเพียงแสงไฟสีส้มจากหลอดนีออนเล็กๆ ประดับประดาอยู่บนต้นไม้ให้แสงสว่างนำทาง ด้วยความที่วันนี้เป็นวันธรรมดา ชายหาดแห่งนี้จึงเหมือนกลายเป็นหาดส่วนตัว ไม่มีแขกโต๊ะอื่นเลยสักโต๊ะ ที่นั่งที่นี่เป็นเพียงโต๊ะญี่ปุ่น ด้านใต้เป็นเสื่อจันทบูรมีเบาะรองนั่งสีขุ่นสี่อันรอบด้าน บนโต๊ะมีเทียนกลมอยู่ 2 อันที่ให้ทั้งความสว่างและเสริมบรรยากาศให้ยิ่งผ่อนคลายมากขึ้น ทั้งสองนั่งขัดสมาธิลงตรงเบาะนั่ง ใช้แขนสองข้างยันพื้นเอนตัวไปด้านหลัง หลับตาลงรับสัมผัสจากไอทะเลที่มาปะทะหน้า กีรติลืมตาขึ้น วันนี้ทั้งวันเขามัวแต่สนุกเฮฮากับเพื่อนจึงไม่มีเวลาให้คิดถึงใครอีกคน แต่พอได้มาอยู่ในที่ที่เงียบสงบแบบนี้ ความรู้สึกหนักอึ้งที่เคยมีก็กลับมาอีกครั้ง

“กูเลิกกับตั้งต้นแล้ว” เอ่ยขึ้นทั้งที่ตายังจ้องผืนทะเลตรงหน้า อินทัชลืมตาขึ้นมองอย่างตกใจ เขารู้ว่ามันมีอะไรเกิดขึ้นระหว่างคนทั้งสองแต่ก็ไม่คิดว่าจะถึงกับเลิกกัน เขาหันทั้งตัวมาหาเพื่อนสนิท พอดีกับเพื่อนอีกสองคนเดินมาถึง พออีกฝ่ายเห็นสีหน้าของอินทัชก็รีบนั่งลง ทั้งสามจดจ่ออยู่กับคนที่น้ำตาคลอไหวเม้มปากแน่น

“กูเลิกกับต้นแล้ว” กีรติพูดซ้ำ คราวนี้ไม่ใช่บอกเพื่อนตรงหน้า เขาแค่อยากพูดทวนให้ตัวเองได้ยินชัดเจนอีกครั้ง น้าตาที่เอ่อล้นค่อยๆ ร่วงไหลลงอยากไม่อาจเก็บกลั้น

“เห้ยมึง ทะเลาะอะไรกัน คุยกันดีๆ ก่อนไหม” ธันรีบเอื้อมมือมาแตะไหล่ เขาทำได้เพียงสั่นหน้าเป็นการปฎิเสธ เอ่ยปากเล่าสิ่งที่เก็บกั้นอยู่ภายใน

“กูทำเค้ก..อึก” เมื่อเอ่ยปากพูดก็เหมือนจะไม่มีแรงไปกลั้นน้ำตาอีกต่อไป

“ใช่ มึงทำเค้กไปให้มัน แล้วไง มันทำอะไรมึง” อินทัชที่เริ่มใจไม่ดีเพราะเพื่อนที่ร้องไห้ไม่หยุดถามคาดคั้น

“เค้กที่กูทำ..วันนั้น..ฉลองครบหนึ่งเดือนที่คบกัน” กีรติเล่าทั้งน้ำตา ภาพเหตุการณ์ที่ได้เห็นย้อนกลับมาเป็นฉากๆ ความรู้สึกที่เกิดขึ้นวันนั้นย้อนกลับมาจนต้องยกมือกุมหน้าอกข้างซ้ายแน่น

“กูเห็นมันนอนกับคนอื่น” เมื่อสิ้นคำกีรติก็ร้องไห้หนักจนพูดอะไรไม่ได้อีก เพื่อนทั้งสามได้แต่มองหน้ากันไปมา ใช้มือลูบไหล่ ลูบหลังคนที่สะอื้นหนักอย่างทำอะไรไม่ถูก ถ้าจะถามว่าพวกเขาแปลกใจหรือเปล่าที่ได้ยินว่าแฟนเพื่อนทำแบบนี้ก็ต้องบอกเลยว่าไม่ เพราะใครๆ ต่างก็รู้สรรพคุณของเดือนคณะคนดังคนนี้ทั่วกัน แต่สิ่งที่พวกเขาแปลกใจคือการที่เห็นเพื่อนสนิทร้องห่มร้องไห้มากมายขนาดนี้ พวกเขาไม่รู้มาก่อนเลยว่ามันรักและจริงจังกับความสัมพันธ์นี้มากขนาดนี้แล้ว ที่ผ่านมามันไม่เคยแสดงออกให้เห็นสักนิด

ธันทำหน้าที่ปลอบใจคนที่ร้องไห้ไม่หยุดในขณะที่แนทเดินไปสั่งอาหารและเครื่องดื่มมาให้ อินทัชขอแยกตัวออกมานั่งอยู่ตรงชิงช้าริมชายหาด กดโทรออกหาคนที่โทรมาหาเขาหลายสายแล้ววันนี้

[ครับอิน ถึงเสม็ดแล้วใช่ไหม] รอไม่นานเสียงปลายสายก็ดังขึ้น รู้ว่าทำตัวเป็นเด็กแต่เมื่อได้ยินเสียงคนรักก็พาลให้คิดถึงอีกคนที่ทำให้เพื่อนช้ำใจ

“อืม มาตั้งแต่เช้าแล้ว ดินทำอะไรอยู่” อย่างไม่ตั้งใจน้ำเสียงที่ส่งไปยังคงเย็นชา ความโมโหครุกรุ่นในอก อยากรู้เหลือเกินว่าอีกฝ่ายมีส่วนรู้เห็นกับเรื่องนี้ไหม

[ดิน..เอ่อ..ดินอยู่กับต้น] บดินทร์ตอบกลับมาอย่างกระอักกระอัก อินทัชเม้มปากแน่นรู้สึกผิดหวังในตัวอีกฝ่ายขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล

“ดินรู้มาตลอดเลยใช่ไหม ดินทำอย่างนี้ได้ยังไง ไหนเราเคยคุยกันแล้ว กีเป็นเพื่อนสนิทของอินนะ” เพราะความร้อนในหัวและจิตใจที่ร้อนรุ่มทำให้เขาไม่สามารถห้ามปากตัวเองได้อีกต่อไปแล้ว

[อิน..อิน ใจเย็นๆ ก่อนนะ ดินก็เพิ่งรู้เรื่องเหมือนกัน]

“ไม่ต้องมาโกหก” เขาเริ่มน้ำตาคลอเบ้า ถึงจะทำตัวเข้มแข็งมาทั้งวันต่อหน้าเพื่อน แต่จริงๆ แล้วเขาสงสารมันจับใจจนจะร้องไห้ตามหลายรอบแล้ว

[ไม่ได้โกหกครับ อินใจเย็นก่อนนะ]

“...”

[คุยกับดินก่อนเร็ว]

“...”

[อินครับ]

“ต่อไปนี้จะไว้ใจดินได้ไหม”

[เอ้า! แล้วมันมาเกี่ยวกับดินได้ไง] บดินทร์ว่ากลั้วหัวเราะ

“ก็เพื่อนกันก็ต้องนิสัยแบบเดียวกันนั่นแหละ”

[ใช่ที่ไหนเล่า..]

“ที่จะย้ายไปอยู่ด้วยกัน ต้องคิดใหม่อีกรอบแล้วมั้ง” อินทัชชะงัก ยกมือตบปากตัวเองทันที เขาเผลอพลั้งออกไปด้วยความคะนองปากแท้ๆ รู้ก็รู้ว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับดินสักหน่อย

[...]

“เอ่อ..ดิน”

[ก็ถ้าอินยังไม่แน่ใจ จะลองคิดดูอีกทีก็ได้ครับ..] เสียงที่เอ่ยออกมาเย็นชาจนอินเสียวสันหลังวาบ

“ไม่คิดๆ ๆ อินขอโทษนะ” อินรีบตอบกลับ

[...]

“ขอโทษทีนะ พอเห็นกีมันเป็นแบบนี้ อินเลยพาลไปหน่อย”

[...]

“ขออินไปอยู่ด้วยคนนะ”

[เฮ้อ..] คนปลายสายถอนหายใจ

[ดินก็ไม่ได้อยากให้เรืื่องมันเป็นแบบนี้ แต่เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับเราสองคน อย่าพูดแบบนี้อีกอินก็รู้ว่าดินมีอินแค่คนเดียว]

“...”

[รู้ใช่ไหม?]

“รู้..อินก็มีแค่ดินคนเดียว” อินทัชยิ้มให้กับโทรศัพท์ ความรู้สึกหนักอึ้งที่ได้รับรู้เรื่องของเพื่อนรักเริ่มเบาลง มันก็เหมือนกับทุกครั้งที่คนคนนี้ทำให้เขาสบายใจขึ้นเสมอเวลาที่ได้คุยกัน

[แล้ว..แล้วกีเป็นยังไงบ้าง] บดินทร์เอ่ยถาม น้ำเสียงเต็มไปด้วยความกังวล

“ก็ร้องไห้หนัก อินก็ถามอะไรมันมากไม่ได้ พอเริ่มจะพูดทีไรน้ำตาก็จะไหลตลอด”

[...]

“แต่ไปบอกเพื่อนดินเลยนะ เสียใจด้วยที่มันยังไม่ตายง่ายๆ” อินอดไม่ได้ที่จะกระแนะกระแหน่

[อิน..ไม่พูดอย่างนี้นะครับ]

“ไม่ต้องมาแก้ตัวแทนกันเลยนะ นี่อินเห็นว่าเป็นเพื่อนดินก็เลยไม่อยากจะว่าอะไร แต่ขอร้องเลยนะ อยู่ห่างๆ ไว้เลย ถ้ามันกล้ามาทำอะไรเพื่อนอินอีกคืออินไม่ปล่อยไว้แน่” อินทัชพูดรัวเร็ว เขาคิดตามที่พูดจริงๆ ถ้าคนใจร้ายยังกล้าโผล่หน้ามาให้เห็นอีกเขาจะต่อยให้หน้าหงายไปเลย ถึงอีกคนจะตัวโตกว่ามาก แต่ดินคงไม่ปล่อยให้เพื่อนตัวเองต่อยเขากลับหรอก

พูดคุยกันอีกหน่อยก็บอกลากัน อินทัชเดินกลับไปที่โต๊ะ ตอนนี้ทั้งโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารที่ทำเสร็จใหม่และเบียร์หลายขวดวางเรียงราย เขานั่งลงมองหน้าธันกับแนท ทั้งสองส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ เพื่อนสนิทของเขายังคงกอดเข่าแน่น งอตัวซบคางลงบนนั้น ตากลมโตมองตรงไปยังทะเลสีดำอย่างเหม่อลอย กีรติยังน้ำตาไหลร่วงไม่หยุด แค่เห็นภาพทะเลที่เงียบสงบเหมือนวันนั้น วันที่ความกังวลต่างๆ ไม่สามารถชนะความรู้สึกก้นบึ้งในหัวใจ วันที่เขายอมตกลงรับใครบางคนเข้ามาในชีวิต

“บางทีกูคงคิดว่ากูเป็นนางเอกละคร” ในที่สุดคนที่เอาแต่ร้องไห้ก็ยอมเปิดปาก ทั้งสามคนนิ่งฟังอย่างตั้งใจ

“อย่างละครเกาหลีที่กูชอบดู พระเอกที่บ้านรวยหน้าตาหล่อเหลาแต่เสือกนิสัยเสีย คบกับคนนั้นคนนี้ไม่ซ้ำหน้า แต่พอมาเจอนางเอกหน้าตาบ้านๆ ฐานะยากจน ก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ อยู่ๆ แม่งก็เลิกยุ่งกับคนทุกคน แล้วก็มาจริงจังกับคนธรรมดาซะงั้น”

กีรติซบแก้มลงบนเข่าอย่างเหนื่อยล้า ปวดตาจนไม่อยากจะร้องไห้อีกต่อไปแล้ว แต่น้ำตาเจ้ากรรมก็ยังไหลต่อเนื่องไม่หยุด สบตากับเพื่อนแต่ละคนที่จ้องเขามาด้วยแววตาเห็นอกเห็นใจ

“มึง..มันเป็นเพราะอะไรวะ เพราะชีวิตมันไม่ใช่ละคร.. หรือเพราะแค่จริงๆ แล้วนางเอกมันไม่ใช่กูหรอมึง”

“กี...” แนททนไม่ได้ เข้าไปโอบเอวเอาหน้าซุกแผ่นหลังเล็กของเพื่อนรัก เพื่อนอีกสองคนเอื้อมมือมาแต่ไหล่คนละข้าง บีบแน่นให้มันแน่ใจว่าพวกเขายังอยู่ตรงนี้

“กูโง่เองมึง..อึก..กูโง่เอง” กีรติพึมพำออกมา

“วันนี้กูขอนะ..อึก” เขาเริ่มพูดจาไม่รู้เรื่องเพราะแรงสะอื้น “ขอกูร้องให้พอใจแล้วกูจะลืมเรื่องทั้งหมด อึก กูจะลืมมัน”

“พวกกูอยู่ตรงนี้ ร้องออกมาให้พอเลยมึง” เมื่อได้ยินธันว่าอย่างนั้น กีรติก็ปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อาจกลั้นไว้อีกครั้ง

“พอ..อึก..แล้ว...อึก..มึง กูพอแล้ว”

กับความรักงี่เง่าแบบนี้เขาพอแล้ว เขาขอร้องไห้ให้กับมันเป็นวันสุดท้าย เขาก็เพียงแค่หวังว่าเมื่อน้ำตาที่รินไหลเหือดหายไป คนใจร้ายที่เคยอยู่เต็มหัวใจจะโดนลบออกไปจากชีวิตเขาสักที...





***********

น้องกีมาแล้ววว ตอนนี้ร้องทั้งตอนเลยหนู สงสารหนักมากกก แอบมีอินดินมาหวานโชว์นิดนึงนะ อิอิ

สำหรับตอนนี้เป็นการเกริ่นเรื่องตอนสุดท้าย ตอนหน้าเข้าเนื้อเรื่องแล้วนะคะ น้องกีจะแสบแค่ไหนมารอลุ้นกัน!

เช่นเคย ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นที่ส่งมา คุณคือแรงใจมหาศาลของเราจริงๆ ค่ะ :)

*พูดคุย ให้กำลังใจน้องกีหรือด่าตั้งต้นได้ตลอดเลยในทวิตเตอร์จ้า @Maywrite1 #ต้นคนรักไม่เป็น





ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
ร้องซะให้พอกี เดี๋ยวพอต้นมาง้อเมื่อไหร่ก็จัดหนักไปเลย เอาให้แสบๆเลย :beat:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Peterpanmama

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ถ้าไอ้ต้นมาง้อเมื่อไหร่เอาให้หนักเลยนะน้องกี

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
เกิดจากเรื่องเข้าใจผิดแล้วไม่ถามนิดเดียว ลามไปใหญ่โตเลย

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
ไม่ต้องการ ให้มาง้อ หรือขอโทษ
เพราะความโกรธ ไม่มีเหลือ เผื่อสงสาร
มันหมดแล้ว มันจบแล้ว แต่เมื่อวาน
ไม่ต้องทัก ถ้าเดินผ่าน หน้าด้านพอ

ไม่อยากทราบ ไม่อยากรู้ คู่คนไหน
เชิญเมิงไป ทำจัญไร ใส่คนขอ
ไม่อยากได้ ไม่เอาเมิง ไม่เออ-ออ
ไปให้พ้น คนหน้าหอ อีเลวทราม

#ไม่เอานะ#ไม่สงสาร#go to hell#จะตั้งอะไรใส่ใครก็ไป
#ขอความสะใจ

+1 คุณนักเขียน
#รออ่านต่อ จุ๊บๆ

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
ร้องไห้พอนะกี

สงสารมาก,,,

ออฟไลน์ Maywrite

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
.:บทเรียนที่ 3:.

บดินทร์เปิดประตูก้าวออกมาเมื่อจอดรถเก๋งสีขาวที่จอดลงที่ลานจอดรถเรียบร้อย วันนี้เขามาหาตั้งต้นที่บ้านของพ่อมัน เพราะหลังจากที่พยายามโทรหามันหลายครั้งแล้วมันไม่ยอมรับ ไปหามันที่คอนโดก็หาไม่เจอ ในที่สุดเมื่อคิดอะไรไม่ออกก็เลยโทรไปหาภูผาเพราะเดาว่ามันอาจจะไปสิงอยู่กับอีกคนแบบที่เคยทำประจำ พอคุยกับภูถึงได้รู้เรื่องที่เกิดขึ้น ตัดสินใจลองขับรถมาหามันที่นี่ รู้ดีว่าต้นมันไม่ไปบ้านแม่อยู่แล้วถ้าไม่จำเป็น นอกจากคอนโดของมันแล้วคงจะมีแต่ที่นี่ที่มันพอจะยอมกลับมาอยู่บ้างในช่วงปิดเทอมแบบนี้ แล้วพอแวะคุยกับยามหน้าบ้านก็ได้ความว่ามันอยู่ที่นี่จริงๆ ตามที่คิดไว้ เขาเดินขึ้นมาบนชั้นสามของบ้านอย่างที่ทำประจำ เมื่อมาถึงห้องนอนของลูกชายคนเดียวของเจ้าของบ้านก็ต้องถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตกใจ สภาพห้องที่มีขวดวิสกี้เปล่าวางอยู่เกลื่อนกราด เจ้าของห้องนอนถือขวดเหล้าที่หมดไปครึ่งในอก นอนหลับอ้าปากไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรอยู่บนพรมผืนใหญ่ในห้อง

“เมาเหมือนหมาเลยนะมึง” บดินทร์ส่ายหน้า เดินเข้าไปซ้อนแขนเพื่อนสนิทยกหิ้วปีกมันขึ้นมา จนในที่สุดเจ้าของห้องก็สะลึมสะลือตื่นขึ้นมามองหน้า เอ่ยเรียกชื่อเขาเบาๆ

“เออ กูเอง นอนดีๆ” เขาจับมันวางลงบนเตียงก่อนที่อีกคนจะเปลี่ยนท่าเป็นนอนตะแคงกอดผ้าห่มแน่นหลับไปอีกครั้ง ชายหนุ่มยืนมองคนขี้เมาอย่างนึกระอา แต่อีกใจนึงก็อดนึกขำไม่ได้ เพราะรู้จักกับมันมานานถึงได้รู้ว่ามันปิดกั้นตัวเองมากแค่ไหน ชอบพูดนักล่ะ ‘มีแต่คนโง่ที่รัก’ แล้วเป็นไงล่ะมึง โง่พอไหมล่ะไอ้ควาย คิดได้ไงไปเอากับคนอื่นประชดเขา สุดท้ายแล้วก็ต้องมานั่งแดกเหล้าประชดชีวิตแบบนี้

หนีนักนะมึง โดนพิษรักเข้าเต็มๆ แล้วไง

เขายังจำได้ดีตั้งแต่เรื่องพ่อแม่และเรื่องลินที่ทำให้มันเปลี่ยนจากหน้ามืิอเป็นหลังมือ หลังจากนั้นมันก็ไม่ยอมเปิดใจให้ใครอีกเลย ที่เห็นคบๆ กับคนไปทั่วก็แค่ผิวเผิน ทั้งๆ ที่คอยยุมันมานักหนา มันก็ไม่เคยเห็นมันจะคิดจริงจังกับใคร ไอ้ที่จะได้มาเห็นมันนั่งน้ำตาตกแบบนี้เขาบอกตรงๆ ว่าไม่เคยคิดไม่เคยฝันจริงๆ แต่ก็เอาเถอะ ถึงจะรู้สึกสงสารมันอยู่บ้างที่ต้องเห็นมันทรมานกับความรัก แต่จริงๆ แล้วเขาก็แอบดีใจที่อย่างน้อยมันก็ยอมก้าวออกมาจากเซฟโซน และสภาพแบบนี้ก็เป็นการยืนยันว่าหัวใจมันยังมีความรู้สึกกับเขาอยู่เหมือนกัน

บดินทร์เดินลงมาชั้นล่าง ตั้งใจจะเข้าไปในครัวบอกให้แม่บ้านเตรียมข้าวต้มให้เพื่อนสนิท เขาคาดว่ามันคงไม่ได้กินอะไรมาทั้งวัน เอาข้าวต้มร้อนๆ ไปรองท้องก่อนน่าจะดีที่สุด พอคุยกับแม่บ้านเรียบร้อยชายหนุ่มก็ตั้งใจจะเดินกลับไปห้องนอนเพื่อน แต่เมื่อได้ยินเสียงโทรทัศน์ดังมาจากห้องนั่งเล่นก็เลยเดินไปดู เห็นพ่อของเพื่อนนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่โซฟาเดี่ยว เขายกยิ้มตัดสินใจเดินเข้าไปทักทายอีกฝ่าย

“พ่อสวัสดีครับ” เขาพนมมือไหว้คนตรงหน้าอย่างเด็กมารยาทดี

“อ้าว ดิน มาเมื่อไหร่กัน นั่งก่อนสิ” พ่อเพื่อนพับหนังสือพิมพ์วางบนโต๊ะข้างตัว ถอดแว่นสายตายาวที่ใส่อยู่พับสอดเข้ากระเป๋าเสื้อ ยืดตัวขึ้นมาคุยกับเขา ยิ้มใจดีที่แสนคุ้นเคยถูกส่งมา ชายหนุ่มเดินเข้าไปนั่งตรงโซฟาเดี่ยวที่ตั้งคู่กัน คนแก่กว่าเอื้อมมือมาตบหลังมือเขาที่วางอยู่ตรงพนักโซฟาเบาๆ เป็นการทักทาย

“พ่อเป็นยังไงบ้างครับ งานหนักไหม” เขากล่าวถามอย่างสนิทสนม บ้านนี้เขาเข้าออกประจำตั้งแต่เด็กๆ รู้สึกคุ้นเคยกับทุกคนเหมือนกับบ้านตัวเองไปแล้ว

“ก็ยุ่งเหมือนเดิมนั่นแหละ เราล่ะเป็นไงบ้าง”

“ช่วงนี้ก็สบายๆ ครับ มีรับงานนอกเรื่อยๆ ทำด้วยกันกับต้นนี่ละครับ”

วุฒิศักดิ์พยักหน้ารับรู้ ก่อนจะโน้มตัวเข้าหาเพื่อนลูก สายตาคมเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมาทันที

“ดิน..” พ่อเพื่อนว่าขึ้น “มีอะไรกันหรือเปล่า ตอนแรกต้นมันก็ไปช่วยพ่อทำงานดีๆ แต่จู่ๆ ทำไมมันไม่ยอมไปทำงานหลายวันแล้ว แม่บ้านบอกมันเอาแต่กินเหล้าอยู่ในห้อง” น้ำเสียงของผู้ใหญ่เต็มไปด้วยความกังวล แต่ถึงจะสนิทกันแค่ไหน ดินก็ไม่คิดจะเล่าเรื่องของเพื่อนให้อีกฝ่ายฟัง เรื่องส่วนตัวของมัน ถ้ามันอยากเล่าให้ครอบครัวมันฟังก็ให้มันเล่าเองดีกว่า

“ก็มีปัญหานิดหน่อยครับ แต่พ่อไม่ต้องห่วงนะครับผมดูมันอยู่” ถึงจะเล่าไม่ได้ แต่เขาก็อยากให้ผู้ใหญ่ที่เคารพรักสบายใจ อีกฝ่ายพยักหน้ารับ ยกมือตบไหล่เขาเบาๆ สองสามที

“พ่อฝากดินด้วยนะ” คนเป็นพ่อมองต้องมาที่บดินทร์อย่างนึกเอ็นดูเป็นที่สุด เพื่อนของลูกคนนี้เป็นมากกว่าเพื่อนธรรมดา ดินเปรียบเสมือนหนึ่งในครอบครัว บางสิ่งที่เขาทำให้ลูกชายไม่ได้ ก็มีแต่ดินนี่แหละที่คอยมาทำแทนเขา

“แล้วเรื่องของพ่อ...” พ่อเอ่ยต่อ บดินทร์สบตากับคนแก่กว่าที่นั่งไม่เป็นสุข แววตาที่เต็มไปด้วยความหวังในตัวเขาทำให้ชายหนุ่มไม่กล้าและไม่คิดปฎิเสธคำขอร้องที่อีกฝ่ายเคยว่าไว้ พยักหน้ารับรู้และเอ่ยถามออกมาอย่างใจเย็น

“เมื่อไหร่นะครับ”

“ถ้าต้นโอเค ก็กันยานี้” บดินทร์ยิ้มรับ คำนวณในใจเขายังมีเวลาอีกสี่เดือนที่จะบอกมัน

“โอเคครับ ผมคุยกับต้นเอง พ่อไม่ต้องกังวลนะครับ”

.

.

.

.

.

เมื่อเดินขึ้นมาถึงหน้าห้องนอน บดินทร์สวนทางกับแม่บ้านที่เพิ่งจะเดินออกมาพร้อมถาดอาหาร พอเข้าห้องไปก็เห็นเพื่อนของเขาตื่นมานั่งปลายเตียง มือกุมนวดขมับสองข้างอย่างคนเมาค้าง น้ำส้มที่แม่บ้านยกมาให้ถูกดื่มไปจนเหลือแต่แก้วเปล่าวางไว้

“ไงมึง” บดินทร์เอ่ยทัก นั่งลงบนเก้าอี้หน้าโต๊ะเขียนหนังสือที่มีเพียงแลปทอปวางอยู่

“ปวดหัว” อีกคนตอบกลับมา น้ำเสียงเต็มไปด้วยความหงุดหงิด

“กินซะมึง ข้าวต้มมึงจะเย็นหมด”

“กูไม่หิว”

“ไม่หิวก็ต้องกิน” บดินทร์ลุกเลื่อนโต๊ะที่วางชามข้าวต้มมาให้มันถึงตรงหน้า ตักข้าวต้มขึ้นมาจ่อปากมัน

“หรือน้องต้นจะให้พี่ดินป้อน” บดินทร์พูดกลั้วหัวเราะ

“เชี่ย กูกินเองได้” ตั้งต้นพูดอย่างหงุดหงิด รับช้อนไปก่อนที่จะเอาข้าวต้มใส่ปาก ความร้อนของอาหารที่ตกถึงท้อง ทำให้สมองเขาผ่อนคลายขึ้นมาทันที ในที่สุดเมื่อร่างกายรับรู้ว่าต้องการอาหารเพิ่ม เขาก็เลยนั่งกินอาหารตรงหน้าจนหมดอย่างรวดเร็ว ไม่สนใจคำแซวของเพื่อนที่บอกให้ระวังข้าวต้มติดคอ พอดื่มน้ำหมดแก้วก็เอนหลังพิงหัวเตียง ชายหนุ่มหลับตาลง เมื่อหนังท้องตึงก็เหมือนหนังตาจะเริ่มหย่อน เขาจำไม่ได้ว่าตัวเองตั้งใจเข้านอนแบบคนทั่วไปครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ ความง่วงที่สะสมมานานเหมือนมันจะถาโถมเข้ามาจนไม่อยากเปิดตาขึ้นมาอีกเลย

“มึงจะหลับหนีกูแบบนี้ไม่ได้” บดินทร์ทิ้งตัวนั่งลงข้างเพื่อนสนิท มันลืมตาขึ้นมามองเขา หน้าตาอิดโรยของมันทำให้เขาไม่กล้าดุมันแรงๆ

“มึงรู้เรื่องจากไอ้ภูแล้วนี่” คนพูดยกมือนวดขมับอีกครั้ง เอ่ยกลับมาอย่างสบายๆ ตั้งท่าเอนตัวลงนอนราบกับที่นอน บดินทร์รีบจับตัวมันพลิกกลับมาประจันหน้ากัน

“แต่กูอยากฟังจากมึงไอ้เชี่ย” เมื่อเพื่อนสนิทไม่ยอมปล่อยให้นอน ตั้งต้นก็ทำได้ถอนหายใจหนัก หลายวันที่เรื่องของอีกคนวนเวียนอยู่ในหัว เขาทำได้เพียงกินเหล้าเพื่อที่จะได้ต้องกลับไปคิดถึงมันอีก การที่ต้องมารื้อฟื้นเรื่องนี้ขึ้นไม่ใช่สิ่งที่เขาอยากทำ แต่ไอ้ดินก็คือไอ้ดิน มันไม่ยอมปล่อยเขาแน่ถ้ามันยังไม่ได้เค้นเรื่องจริงจนหยดสุดท้ายออกจากปากเขา ชายหนุ่มยันตัวขึ้นเอนหลังพิงหัวเตียงอีกครั้ง

“มึงอยากรู้อะไรล่ะ สัั้นๆ นะ”

“ดูจากจำนวนขวดเหล้า กูว่่าไม่น่าจะสั้นๆ ได้นะ” ตั้งต้นเสตามองตามนิ้วที่ชี้ขวดเหล้าบนพื้น

“...”

“กูจะไม่ถามซ้ำ ไอ้ภูมันเล่ากูหมดแล้ว” ดินว่า “แต่กูอยากรู้ว่ามึงทำแบบนี้ทำไม” คนฟังนิ่งอยู่สักพัก เริ่มย้อนคิดถึงเรื่องที่พยายามหลีกเลี่ยงมาอยู่หลายวัน ใคร่ครวญหาจุดประสงค์ที่แท้จริงของสิ่งที่ทำลงไป เมื่อคิดว่าได้คำตอบที่แท้จริงก็ตัดสินใจเอ่ยออกมา โดยไม่รู้สึกกลัวสักนิดเพราะรู้ดีว่าเพื่อนรักคนนี้มันจะไม่ตัดสินเขาโดยไม่ฟังอะไร

“กูแค่อยากให้เขาเจ็บ...” ชายหนุ่มพึมพำออกมา

“ตอนนั้นกูคิดว่าเขานอกใจกู กูแค่อยากให้เขารับรู้รสชาติการโดนทรยศบ้าง..กูคิดแค่นี้” บดินทร์นิ่งฟังเพื่อน ไม่ได้คิดที่จะแสดงความคิดเห็นอะไร

“แล้วตอนนี้ยังคิดว่าเขานอกใจอยู่ไหม” ชายหนุ่มเอ่ยถามต่อ

“กูไม่รู้”

“ถ้ามึงหมายถึงเรื่องไอ้นท กูบอกได้เลยว่าไม่มีอะไร วันนั้นมันเมา กีก็แค่ช่วยมัน”

“...”

“ไม่เชื่อ?”

“กูไม่รู้...” ต้นยังย้ำคำเดิม

“แล้วทำไมไม่ถามเขาไปตรงๆ”

“...”

“ต้น...”

“...”

“ถ้ามึงจะรักใครสักคน กฎมันมีไม่เยอะหรอกนะ มึงก็แค่ต้องซื่อสัตย์ต่อกัน”

“...”

“ถ้าคิดจะคบกัน มีอะไรก็ต้องคุยกันให้ได้ทุกเรื่อง ไม่ใช่มาคอยประชดประชัน เจ้าคิดเจ้าแค้นกันแบบนี้”

“...”

RRrrrrrrrrrr

ไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อเสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น บดินทร์กดรับสายคนที่เขาพยายามโทรหาทั้งวัน

“ครับอิน ถึงเสม็ดแล้วใช่ไหม” ชายหนุ่มเอ่ยกับปลายสายก่อนที่จะเดินไปคุยที่ระเบียงห้องทิ้งให้เจ้าของห้องนั่งนิ่ง คิดตามในสิ่งที่อีกฝ่ายพูดไว้ก่อนหน้า ไม่ทันได้มีเวลาทบทวนตัวเองให้ดีอีกคนก็เดินกลับเข้ามา บดินทร์กดเปิดสปีคเกอร์โฟน ถือแบไว้บนมือระหว่างเขากับตัวเอง

“แล้ว..แล้วกีเป็นยังไงบ้าง” เอ่ยถามทั้งที่สายตาจ้องมาที่เขา ตั้งต้นนิ่งจ้องโทรศัพท์ เผลอตัวกลืนน้ำไหลเหนียวฝืดคออย่างยากลำบาก

[ก็ร้องไห้หนัก อินก็ถามอะไรมันมากไม่ได้ พอเริ่มจะพูดทีไรน้ำตาก็จะไหลตลอด] บดินทร์ลอบมองเพื่อนสนิท ตาที่แดงแบบคนนอนน้อย ตัวยังคลุ้งไปด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์ ผมเผ้ารุงรังหมดสภาพเดือนคณะที่สาวทั้งมหา’ ลัยหมายปอง

[แต่ไปบอกเพื่อนดินเลยนะ เสียใจด้วยที่มันยังไม่ตายง่ายๆ] บดินทร์ยกยิ้ม ปกติแฟนเขาไม่ใช่คนพูดจาใจร้ายแบบนี้ แต่เพื่อนเขาก็สมควรโดนแล้ว ก็งี่เง่าอยากทำตัวเองก็ต้องโดนด่าให้สำนึกซะบ้าง แต่พอหันไปเจอมันจ้องมาก็ต้องหุบยิ้มทำหน้าขรึมขึ้นมาเมื่อมันมองมาที่เขาน้ำตาคลอเบ้า

“อิน..ไม่พูดอย่างนี้นะครับ”

[ไม่ต้องมาแก้ตัวแทนกันเลยนะ นี่อินเห็นว่าเป็นเพื่อนดินก็เลยไม่อยากจะว่าอะไร แต่ขอร้องเลยนะ อยู่ห่างๆ ไว้เลย ถ้ามันกล้ามาทำอะไรเพื่อนอินอีกคืออินไม่ปล่อยไว้แน่]

คนอะไรว่ะ เวลาโมโหยังน่ารักขนาดนี้

บดินทร์กลั้นยิ้มไม่ไหวเลยปิดสปีคเกอร์โฟนแล้วเดินออกไปคุยกับอินทัชที่นอกระเบียง คนที่โดนทิ้งให้นั่งอยู่คนเดียวเอามือกุมหน้า ลูบไปมาพยายามเรียกสติให้กลับมา เจ็บจุกไปหมดทั้งอก ความรู้สึกผิดทิ่มแทงเข้ามาในใจ

เขาทำพลาดไปจริงๆ

จะเพราะไอ้ความคิดเล็กคิดน้อย หรือเพราะความกลัวไม่เข้าท่าที่ทำให้เขาทำแบบนี้ แต่ไม่ว่าจะเพราะอะไร เขาก็เผลอทำให้อีกคนเสียใจไปแล้ว

เมื่อวางโทรศัพท์บดินทร์ก็ยิ้มเดินเข้ามานั่งข้างตัวเขาอีกครั้ง

“ไงมึง”

“...”

“ยังต้องให้กูโทรไปถามไอ้นทไหม” คนถูกถามส่ายหน้าเป็นการปฎิเสธ

“หมาไหมล่ะ” บดินทร์หัวเราะชอบใจเมื่อเพื่อนพยักหน้า

“แต่ที่กูติดใจคือ วันนั้นมึงพาริวเข้าห้องทำไม” ตั้งต้นเงยหน้ามองเพื่อนสนิทคิ้วขมวดกับคำถามที่ได้ยิน

“จริงๆ แล้ว มึงตั้งใจจะแอบมาเอากันจริงๆ หรือมึงตั้งใจอยากให้กีมาเห็นกันแน่” คนโดนถามถอนหายใจหนักก่อนที่จะถามกลับแทนคำตอบ

“แล้วมันต่างกันตรงไหน” ในเมื่อผลลัพธ์ที่ออกมามันก็มีค่าเท่ากัน เขาทำลายความไว้ใจของอีกคนไปแล้ว

“ระดับความเหี้ยมันต่างกัน” เพื่อนสนิทตอบ “ถ้าตัั้งใจแอบมาเอากันคือกูก็จะบอกว่ามึงสมควรโดนเกลียดแล้วและกูขอให้มึงอย่าไปยุ่งกับกีมันอีกเลย” เขาว่าต่อ ลอบพินิจพิจารณาเพื่อนตัวเองไปด้วย เขาไม่คิดว่าเป็นข้อนี้เพราะไม่งั้นมันคงไม่มีสภาพอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้

“แต่ถ้ามึงแค่อยากประชด มึงก็ยังเหี้ยอยู่ดี” ยิ้มจริงใจถูกส่งมา บดินทร์เอื้อมมือมาตบไหล่เพื่อนรัก “แต่ถึงจะยากแต่มันก็น่าจะพอให้อภัยได้” เพราะมันเป็นเพื่อนตายของเขา การที่ได้เห็นมันจริงจังกับความรักเป็นสัญญาณที่ดี เขาก็แค่ไม่อยากให้สิ่งที่มันตามหามาตลอดหลุดลอยไป แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเจ้าตัว

“กูควรทำยังไงดีว่ะ” ตั้งต้นเอ่ยถาม ก้มหน้ามองพื้น หลายวันนี้เขาอยู่แต่กับความสับสน เขาไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไร ใจเคยอยากเดินเข้าไปขอโทษ อยากกลับไปหา แต่อีกใจก็บอกว่าที่เป็นแบบนี้มันก็ดีแล้ว ความรักมันยุ่งยากเกินไปสำหรับเขา

“มึงอยากทำอะไรล่ะ”

“กูไม่รู้จริงๆ มึง”

“อยากง้อเขาไหมล่ะ” ชายหนุ่มสบตากับเพื่อนสนิท

“ถ้ากูเป็นเขา กูคงไม่ให้อภัยตัวกูเองแน่” บดินทร์มองเพื่อนรักที่ว่าขึ้นอย่างสิ้นหวัง

“กูบอกมึงแล้ว ว่ามีอะไรให้คุยกันตรงๆ อย่าคิดเองเออเอง เขาไม่ใช่มึง มึงไม่มีทางรู้ว่าเขาคิดยังไงจนกว่ามึงจะถามเจ้าตัว”

“...”

“และในเมื่อมึงผิดจริง มึงก็ต้องรู้จักขอโทษ ต้องพิสูจน์ความจริงใจให้เขาเห็น”

“...” บดินทร์มองหน้าคนที่นิ่งฟังเขา พยายามพูดทุกอย่างออกมาตรงๆ แม้จะต้องทำร้ายใจกัน หน้าที่ของเพื่อนก็คือการให้คำแนะนำที่ดีและรู้จักตักเตือนกันอย่างจริงใจไม่ใช่หรอ

“แต่กูขอล่ะ ก่อนอื่นขอให้มึงคิดดีๆ ว่ามึงรู้สึกยังไงกันแน่ ต้้องการเขาจริงไหม พร้อมที่จะซื่อสัตย์กับเขาคนเดียวหรือเปล่า ถ้ามึงยังตอบตัวเองไม่ได้ กูขอล่ะ มึงอย่ากลับไปยุ่งกับเขาเลยมึง..”









.

.

.

.

.

ชายหนุ่มนั่งอยู่ในรถที่แอร์เย็นช่ำที่จอดอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ตามองตรงไปยังบ้านเดี่ยวสองชั้นด้านหน้า ตรงหน้ารถของเขามีรถอีกสองสามคันจอดซ้อนอยู่ ทำให้คนในบ้านไม่น่าจะสังเกตเห็นรถคันนี้ แต่แม้จะเห็นก็คงไม่คิดอะไรเพราะมันไม่ใช่รถเขาแต่เป็นรถที่เขายืมมาจากที่บ้านอีกทีต่างหาก เขาจำไม่ได้จริงๆ ว่านั่งอยู่ตรงนี้มาไม่นานเท่าไหร่แล้ว รู้แต่ว่าจากแดดที่เคยร้อนแรงเริ่มอ่อนตัวลงจนท้องฟ้าแทบจะไม่มีแสงสีส้มเหลืออยู่ เขาขยับตัวตั้งตรงเมื่อประตูรั้วหน้าบ้านมีการเคลื่อนไหว มีผู้หญิงร่างท้วมคนหนึ่งก้าวออกมาจากประตู ดูท่าจะเป็นคนงานในบ้านที่เพิ่งจะเลิกงาน เจ้าตัวยืนรออยู่หน้าบ้านสักพักก็มีรถมอเตอร์ไซค์ขับมาจอดตรงหน้าก่อนที่เธอจะซ้อนท้ายและรถก็ถูกขับออกไป ชายหนุ่มถอนหายใจอีกครั้ง ไม่รู้ว่าเขาหวังอะไรเหมือนกันที่จู่ๆ ก็ตัดสินใจขับรถจากกรุงเทพฯ มาถึงระยองแบบนี้ ใจที่สับสนมันพาเขามา เขาก็ไม่ได้คิดจะเข้าไปทักหรือแสดงตัวอะไร แค่รู้สึกว่าอยากมาเห็นอีกฝ่ายอีกครั้ง ใจจริงคืออยากรู้ว่าเมื่อเจออีกคนแล้วเขาจะมีความรู้สึกอย่างไร อย่างน้อยความสับสนในอกจะได้แน่ชัดเสียที ตั้งต้นหันเหความสนใจไปตามเสียงกระดิ่งที่ดังขึ้น เห็นรถไอศครีมกระทิสดขับผ่านมาคันหนึ่ง ไม่ทันได้ตั้งตัวประตูรั้วบ้านที่จ้องมาตลอดวันก็เปิดออกอีกครั้ง หัวใจเต้นแรงเมื่อคนที่ตั้งใจมาหาโผล่หน้าออกมา ชายหนุ่มมองตามคนที่โบกรถไอติมได้จริงจังที่สุดที่เขาเคยเห็นในชีวิต ยกยิ้มตามเมื่ออีกฝ่ายยิ้มแป้นชะโงกหน้าเข้าไปดูในถังก่อนจะตัดสินใจเลือกเครื่องเคียงไอติมเสียงดังเจื้อยแจ้ว

“โวยวายได้ทุกเรื่องเลยนะ” ตั้งต้นพึมพำออกมา สายตาคมเรียวยังคงอยู่ที่อีกคนที่ตอนนี้ถือถ้วยไอติมสองถ้วยหายเข้าไปในบ้านก่อนจะออกมาใหม่อย่างรวดเร็ว

“ของผมเอาใส่ในขนมปังนะลุง” เขาหัวเราะเมื่อได้ยินเสียงที่ลอยมาตามลม “เอาลูกจากกับข้าวเหนียวด้วยครับ” ท่าทางจริงจังในทุกเรื่องที่เคยเห็นบ่อยๆ ทำให้ใจหวั่นไหว ย้อนเห็นภาพวันที่คนตรงหน้าคิ้วขมวดพูดเป็นจริงเป็นจังถึงข้อตกลงตอนที่จะเริ่มคบกัน “ใส่นมข้นเยอะๆ ด้วยนะลุง ผมชอบ” ชายหนุ่มหลุดหัวเราะพรืด เอนตัวพิงเบาะด้านหลังอย่างเหนื่อยอ่อน ตาคมยังคงจับจ้องอยู่ที่คนเดิมที่ตอนนี้ฉีกยิ้มกว้างจนเห็นฟันหน้าครบทุกซี่ โบกมือหยองแหยงให้กับคนขายไอติม

“ไอ้นิสัยไว้ใจคนง่ายแบบนี้ก็เลิกซะทีนะ”

เมื่อรถไอติมลับตาไปชายหนุ่มก็ต้องแปลกใจเมื่อสีหน้าของอีกคนเปลี่ยนไป ท่าทางที่ดูร่าเริงเมื่อครู่ก่อนหายวับไปทันตา เจ้าตัวยังยืนอยู่หน้าบ้าน สายตาจ้องมองไปข้างหน้าอย่างเหม่อลอย ตั้งต้นถอนหายใจอย่างอ่อนใจ เขาสังเกตเห็นตาที่บวมเปล่งของอีกฝ่ายในตอนนั้น ทำให้พอจะเดาได้ว่าอีกคนผ่านการร้องไห้มาหนักแค่ไหน เป็นแบบนี้ยังจะทำให้ตัวร่าเริงให้คนอื่นสบายใจว่าไม่เป็นไรอยู่ได้

คนแบบนี้เนี่ยนะ...

มันน่าตีที่สุด...

ตัวเขานี่แหละ มันน่าโดนตีที่สุด..

กับคนที่คอยห่วงความรู้สึกคนอื่นแบบนี้

ต้องโง่แค่ไหนกันนะ...

ที่จะคิดว่าคนแบบนี้ตั้งใจมาทำร้ายกัน..





“เหม่อขนาดนี้ ลักพาตัวไปเลยดีไหม”

พูดกลั้วหัวเราะกับตัวเอง และต้องขำพรวดออกมาเมื่อร่างบางตรงหน้าโวยวายอีกครั้งเมื่อไอติมในมือละลายเปื้อนมือเต็มไปหมด เขาเฝ้ามองคนที่ลนลานเลียไอติมที่ไหลย้อยรอบขนมปังจนตอนนี้รอบปากเปื้อนไปหมดแล้ว ความอุ่นซ่านแผ่กระจายในอกอุ่น ความรู้สึกถวิลหาเกิดขึ้นในจิตใจ เขาคิดถึง.. คิดถึงคนคนนี้

เขารู้ชัดเจนแล้ว

เขาอยากกลับไป..

ไม่รู้ว่ามันจะสายไปหรือเปล่า..

ไม่รู้ว่าอีกคนจะอภัยเขาหรือไม่..

รู้แค่ว่า..

อยากให้โวยวายใส่ อยากโดนด่า อยากโดนอ้อน อยากให้มาวุ่นวายกับเขาอีกครั้ง

อยากเข้าไปกอด อยากหอมที่หน้าผาก เลื่อนไปใบหู เลื่อนลงไปถึงแก้มร้อน อยากซูดดมกลิ่นของแป้งเด็กที่อีกคนชอบใช้ อยากกดลงไปบนริมฝีปากนุ่มที่แดงเรื่อ

ที่สำคัญที่สุด..

เขาอยากได้รอยยิ้มนั้นกลับมาเป็นของตัวเองอีกครั้ง...

“หึ”

ชายหนุ่มหัวเราะเยาะตัวเอง ถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน นึกถึงความผิดพลาดที่ไม่น่าอภัยของเขาแล้วรู้สึกหมดแรง ต้องทำยังไงให้ทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิมอีกครั้งกันนะ...เอาหัวพิงพนักอย่างอ่อนแรง





“ตอนนี้ ไม่รู้จะเกลียดต้นไปถึงไหนแล้วนะ...”

























**************

โอ่ยยย ตั้งต้นนนนนนนนน รักเขาแล้วลูก ทำตัวดีๆ เดี๋ยวคนอ่าน เอ๊ย เดี๋ยวน้องกีก็ให้อภัยน้า 55555

เรื่องเนือยๆ หรือเปล่าค่ะ อยากให้มันสมเหตุสมผลเลยเอาพี่ดินมาเทศน์ก่อนสักตอน ให้ต้นมันคิดได้ ตอนนี้คือจะเป็นตอนที่ต้นเริ่มชัดเจนกับความรู้สึก รู้ว่าอยากกลับไปหาน้องจริงๆ (สักทีนะ) แต่ไม่ให้น้องคืนง่ายๆ หรอกนะ 5555





@Maywrite1 ทวิตเตอร์ #ต้นคนรักไม่เป็น จ้า







ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
เราจะเป็นกำลังใจให้นายนะตั้งต้น

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
ต้องง้อแบบจัดหนักแล้วหล่ะต้น

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
หนูอยากได้ ลูกโป่ง ลอยโด่งสูง
หนูอยากได้ นกยูง รำแพนหาง
หนูอยากได้ เครื่องบิน บังคับทาง
หนูอยากได้ ทุกอย่าง อ้างต้องการ

เบื่อลูกโป่ง ปล่อยทิ้ง กลิ้งที่พื้น
เจ้านกยูง ตายเมื่อคืน อดอาหาร
เครื่องบินเสีย เกียร์หลุด ตั้งนมนาน
นิสัยหนู มันหยาบกร้าน ผลาญในใจ

#รักไม่เป็น#เห็นแต่ตัวเอง#ไม่เห็นใจคนอื่น

โง่นะตั้งต้น
หุหุ

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
โง่ตั้งนานนะตั้งต้น,,,

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด