18
พอใกล้จะถึงวันที่มีคิวว่างในสัปดาห์ของปีนี้ วันศุกร์ก็เกิดอาการขี้เกียจขึ้นมาทันที คนตัวเล็กที่โหมงานหนักมาตลอดนั่งอ้าปากหาวหวอดอยู่ในห้องรับรองของสถานีวิทยุชื่อดังแห่งหนึ่ง วันนี้เป็นวันสุดท้ายของปีแล้วที่เขามีงาน วันศุกร์เต็มที่และสนุกกับมันมากๆ เพราะนี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขาได้มาเป็นแขกรับเชิญในรายการวิทยุ
แต่ว่าเขาก็ทำงานเสร็จแล้ว วันศุกร์นั่งคุยกับพี่ดีเจทั้งสองคนจนคอแห้งตั้งแต่หนึ่งทุ่มถึงสองทุ่มครึ่ง ทั้งสนุกทั้งเหนื่อย พอยิ่งใกล้ช่วงท้ายรายการวันศุกร์ยิ่งคึกมากขึ้นไปอีก...
หลังจบงานพี่ทีมงานเลยขอเวลานอกเขาสิบห้านาทีเพื่อถ่ายรูป แจกลายเซ็นบนโปสเตอร์ภาพยนตร์ที่วันศุกร์นำแสดงและจะเข้าฉายช่วงปีใหม่ให้กับแฟนคลับที่โทรเข้ามาร่วมสนุกในรายการ
เพราะว่าวันศุกร์ไม่รีบเลยเซ็นไปไถโทรศัพท์ไป เอาจริงๆ ช่วงนี้เขาติดโทรศัพท์เป็นพิเศษ เพราะมีคนติดต่องานผ่านแชตเยอะมาก ช่วงหลังๆ เลยโดนคุณชายทรงเพลิงดัดนิสัยด้วยการตีมือเพราะวันศุกร์เริ่มจะติดนิสัยกินข้าวไปด้วยเล่นโทรศัพท์ไปด้วย
เนี่ย...คิดถึงคุณชายเขาเลย
วันศุกร์ที่นั่งอยู่บนโซฟาวางปากกาเมจิกลงบนโต๊ะกระจกตรงหน้า หยิบโทรศัพท์รุ่นใหม่ขึ้นถือไว้ด้วยมือทั้งสองข้างก่อนจะกดเข้าไปในหน้าแชตของใครบางคนที่เพิ่งคิดถึงไปเมื่อกี้...อมยิ้มเมื่อเห็นว่าแชตล่าสุดที่เพิ่งคุยกันก็เป็นเรื่องของกินอะไรสักอย่างที่คุณชายเขาอยากกิน
Plerng: ทำงานเสร็จแล้วใช่มั้ยครับ
Friday: !?
Friday: ทำไมคุณชายรู้
Plerng: วันศุกร์บอกเองว่าเสร็จงานสองทุ่มครึ่ง
Plerng: งงอะไร
Friday: โม้เปล่าาาคุณชาย
Plerng: อาการหนักแล้วนะ
Friday: แฮ่ ล้อเล่นต่างหาก
Plerng: จะกลับเมื่อไหร่
Plerng: ให้ไปรับมั้ย
Friday: เดี๋ยวววว ทีละคำถามได้มั้ยครับ 55555
Friday: อีกสักพักจะกลับครับ
Friday: นี่ๆ เซ็นโปสเตอร์อยู่ครับ
Friday: (Sent a photo)
Friday: ผมขับรถมาเองนะคุณชายยยย ไม่ต้องมารับเลย
Plerng: ครับ
Plerng: วันนี้ทำงานวันสุดท้ายแล้วใช่มั้ย
Friday: ช่ายยย
Friday: ถามทำไมง่ะ จะชวนไปไหนเหรอ._.
Plerng: ไปญี่ปุ่นมั้ย
Friday: เง้ยยยย
วันศุกร์ย่นคิ้วให้กับแชตของคุณชาย ก็อยู่ด้วยกันทุกวันไม่เห็นว่าคุณชายจะพูดถึงเรื่องไปเที่ยวที่ไหนเลยสักครั้ง
ตอนแรกเขาคิดเอาไว้แล้วว่าหลังจากเสร็จงานในคืนนี้คงได้กลับไปนอนพักผ่อนและตื่นสายในวันหยุดว่างๆ ของตัวเองแน่นอน นอนขลุกอยู่ในเพนต์เฮ้าส์ของคุณชายที่ดูเหมือนจะไม่มีแพลนไปเที่ยวไหนสักที่ในช่วงวันหยุด
Plerng: ไปมั้ย
Plerng: คืนนี้จะได้จองตั๋ว
Friday: คุณชาย ทำไมจู่ๆ ก็กะทันหันล่ะครับ
Plerng: ไม่อยากไป?
Friday: อยากไปสิครับบบบ
ญี่ปุ่นในช่วงสิ้นปีเป็นเหมือนสวรรค์ย่อมๆ ของการพักผ่อนเลยแหละ วันศุกร์อยากไปสัมผัสอากาศที่เย็นกว่าเมืองไทยในช่วงนี้มากๆ ไม่ต้องถึงขั้นนั่งมองหิมะตก แค่ได้สูดอากาศเย็นๆ ก็ชื่นใจแล้ว
Friday: ว่าแต่คุณชายครับ
Plerng: เดี๋ยวผมโทรหา
Friday: โอเค้
คนตัวเล็กหลังตรงแด่วอมยิ้มรอรับโทรศัพท์ของคนที่บอกว่าจะโทรเข้ามา พอคิดได้ว่าต้องเซ็นโปสเตอร์ไปด้วยวันศุกร์ก็รีบหยิบหูฟังมาเชื่อมกับโทรศัพท์แล้วเสียบใส่หูทันที พอโทรศัพท์สั่นครืดนิ้วเรียวสวยก็รีบกดรับสาย
(มีอะไรครับ)
เสียงทุ้มๆ ที่ได้ยินทีไรก็ต้องยิ้มออกมาด้วยความเขินดังขึ้นอยู่ในหู วันศุกร์โน้มตัวลงเซ็นโปสเตอร์ไปด้วย ปากก็ขยับคุยกับคนในสายไปด้วย
“มีใครไปบ้างอ่ะครับ”
(มีแค่เราสองคน)
“นึกยังไงถึงไปญี่ปุ่นครับ ผมนึกว่าคุณชายจะไม่ไปไหนซะอีก”
(อยากพาคนดื้อแถวนี้ไปพักผ่อน เห็นเมื่อเช้าบ่นว่าเหนื่อย เบื่ออากาศร้อน)
“ใครน้า...”
(นึกเอาแล้วกัน)
“โห่คุณชาย ไม่เล่นด้วยเลยอ่ะ”
(เล่นอะไรเป็นเด็ก)
ยังสงสัยอยู่เลยว่าคนที่ต่างกันละขั้วแบบเขากับคุณชายมาอยู่ด้วยกันในสถานะนี้ได้ยังไง วันศุกร์ขี้เล่น กวนได้กวนดีแถมยังมีมุมง้องแง้งเหมือนเด็ก ในขณะที่คุณชายดูเป็นคนขี้รำคาญ นิ่งๆ สุขุมตามประสาคนอายุสามสิบ เล่นมุกอะไรกับเขาไม่เป็นสักอย่าง
อือ แต่ระหว่างเขากับคุณชายมันก็เหมือนกับขั้วบวกขั้วลบแหละมั้ง ต่างกัน แต่เข้ากันได้ดี
“ก็ยังเด็กอยู่ อายุน้อยกว่าคุณชายตั้งกี่ปี”
(แล้วนี่เซ็นโปสเตอร์เสร็จหรือยัง)
“ยังเลยครับ เหลืออีกสิบใบ” วันศุกร์ยู่ปากมองโปสเตอร์อีกสิบใบบนโต๊ะ มันไม่ใช่เรื่องยากที่เขาจะเซ็นให้เสร็จภายในเวลาสั้นๆ แต่เพราะว่าตอนนี้วันศุกร์เหมือนคนหมดแรงไปแล้วทั้งๆ ที่ตอนแรกยังคึกอยู่เลย
ร่างกายต้องการการพักผ่อนมากๆ
“คุณชาย...มาช่วยเซ็นหน่อยสิ”
(ครับ เดี๋ยวไปหา)
“เฮ้ย ผมล้อเล่น”
(รออยู่ที่นั่นครับ เดี๋ยวพี่ไปรับ)
“ไม่ต้องเลยคุณชาย วันนี้ผมขับรถมาเอง”
(แล้วรู้ตัวมั้ยว่าเสียงงอแงมากแค่ไหน แค่ฟังก็รู้แล้วว่าง่วง)
“...”
(แน่ใจเหรอว่าขับรถกลับไหว)
“ถ้าต้องขับจริงๆ ก็ไหวแหละครับ”
(...)
“แต่ตอนนี้คิดถึงคุณชายมากกว่า...รีบมาเร็วๆ นะ”
(ครับ คิดถึงเหมือนกัน)
รอยยิ้มกว้างปรากฏบนใบหน้าขาวอย่างน่ารัก เดาว่าถ้าคุณชายมาเห็นวันศุกร์ตอนนี้คงทนไม่ไหวจนต้องฝังจมูกบนแก้มนุ่มๆ แน่นอน คนตัวเล็กเม้มปากกลั้นยิ้มอย่างเขินๆ แค่คุณชายบอกว่าคิดถึงกันหัวใจก็เต้นถี่ไปแล้ว บอกตามตรงเลยว่าถึงแม้จะอยู่ด้วยกันทุกวัน แต่พอห่างกันแค่ไม่กี่ชั่วโมง และไม่ได้คุยกันเลยระหว่างวันมันก็ทำให้เขาคิดถึงคุณชายเอามากๆ
ความรักไม่ลดลง แถมความคิดถึงยังเพิ่มมากขึ้น
“วันศุกร์ว่างมั้ยครับ พี่จะขอถ่ายรูปด้วยหน่อย พอดีเมื่อกี้มันยุ่งๆ เลยไม่ได้คุยกับวันศุกร์เลย...เอ่อ ได้มั้ยครับ”
คนตัวเล็กที่นั่งอยู่ต้องเด้งตัวลุกขึ้นทันที สายหูฟังยังเสียบคาหูอยู่อย่างนั้นในขณะที่หัวก็ผงกตกลงให้พี่ที่ทำงานอยู่ในนี้เข้ามาถ่ายรูปด้วยกันได้
วันศุกร์ฉีกยิ้มเอียงหน้าหน่อยๆ ตากลมๆ มองกล้องขณะที่พี่คนนั้นกำลังนับหนึ่งถึงสามช้าๆ เอวบางๆ ถูกมือของพี่คนนั้นโอบไว้หลวมๆ แต่วันศุกร์ก็ไม่ได้สนใจอะไร เพราะมันปกติอยู่แล้วที่จะถูกแตะเนื้อต้องตัวเวลาที่ต้องถ่ายรูป
ในหูได้ยินเสียงกระแอมไอของหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงด้วย และนั่นก็ทำให้วันศุกร์หลุดหัวเราะออกมาเพราะได้ยินคุณชายเขาพึมพำอะไรบางอย่าง
(ดูท่าเขาชอบเรามากเลยนะ)
“...”
(ถ่ายรูปแค่นี้ก็ต้องโอบเอวด้วย)
เป็นจังหวะเดียวกันกับที่พี่คนนั้นถ่ายรูปเสร็จพอดี วันศุกร์รีบหันซ้ายหันขวาเพื่อมองว่าเจ้าของเสียงทุ้มอยู่แถวนี้หรือเปล่า แต่ก็ไม่เจอ จนกระทั่งหันหลังกลับไปมองที่ประตูกระจก แล้วก็ต้องคลี่ยิ้มออกมาอย่างเซอร์ไพรส์เมื่อเห็นสายตาคมๆ ของใครบางคนกำลังยืนมองเขาอยู่
หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
“ขอบคุณนะครับวันศุกร์ ตัวจริงน่ารักมากๆ เลย พี่ไม่แปลกใจเลยครับว่าทำไมน้องสาวพี่มันถึงได้ชอบ...ขนาดพี่ยังชอบเลย”
“ขอบคุณนะครับ ฝากขอบคุณน้องสาวด้วยนะครับ”
“กลับบ้านดีนะครับวันศุกร์ ถ้าไม่อยากกลับคนเดียวไปเรียกพี่ในห้องได้นะ เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
“อ่า...ครับ”
(หึ)
วันศุกร์โน้มตัวเล็กน้อยให้พี่คนนั้นที่เดินออกไปหลังจากระบายความในใจเสร็จ ยิ้มแหยหน่อยๆ ที่ถูกพูดด้วยตรงๆ แบบนั้น ความจริงวันศุกร์ชินกับการที่มีทั้งผู้ชายและผู้หญิงเข้ามาคุยในเชิงชู้สาว ถึงมันจะเป็นเหตุการณ์ปกติที่วันศุกร์เจอมานักต่อนักแต่พอมาเจอในตอนที่คุณชายได้ยินเสียงสนทนาครบทุกช็อตก็ถึงขั้นไปไม่เป็นเลยทีเดียว
นู่น...ดูหน้าคนที่ยืนกอดอกมองเขาด้วยสายตานิ่งๆ ซะก่อน
ไหนจะเสียงหึห้วนๆ นั่นอีก
วันศุกร์กดตัดสายแล้วดึงหูฟังออกในตอนที่คนตัวสูงเปิดประตูเดินเข้ามาในห้องรับรอง อือ เขาลืมไปสนิทเลยว่าหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทนี้ แถมยังสนิทกับเจ้าของบริษัทอีกด้วย จะเข้าจะออกก็ทำได้ง่ายๆ เหมือนเป็นบริษัทตัวเอง
“มาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ”
“สักพักแล้ว ตั้งแต่เรายังอยู่ในนั้น” หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงพยักหน้าไปทางห้องที่มีน้องดีเจผู้ชายสองคนรับหน้าที่ในช่วงดึกก่อนที่ตาคมจะหันกลับมาจ้องใบหน้าหวานของคนรักที่ยืนทำหน้ายุ่ง
“แล้วก็ไม่บอก...แล้วตอนที่ผมทำงานอยู่คุณชายไปอยู่ตรงไหนมาล่ะครับ”
“พี่ไปคุยกับเพื่อนครับ เรื่องงานทั่วไป”
เพื่อนที่คุณชายเขาพูดถึงวันศุกร์เดาว่าคงเป็นเพื่อนที่เป็นเจ้าของบริษัทนี้แหละ เบื่อจริงๆ เลยคนกว้างขวางในวงการบันเทิงเนี่ย หันไปทางไหนหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงก็เป็นถือหุ้น เป็นสปอนเซอร์ เป็นพันธมิตรทางธุรกิจ
“เหนื่อยมั้ยครับ”
“ก็เอาเรื่องอยู่ครับ”
มืออุ่นๆ ลูบเส้นผมสีดำเงาอย่างทะนุถนอม รอยยิ้มบางที่มุมปากของหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงทำให้คนมองอย่างวันศุกร์รู้สึกสบายใจขึ้นมาทันที
“แต่งตัวแบบนี้สาวๆ เหลียวหลังมองเลยใช่มั้ยล่ะครับ”
ยื่นมือไปจับเสื้อยืดคอกลมสีดำธรรมดาๆ ของหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงที่ชายเสื้อสวมทับกางเกงยีนสีเข้ม ยู่ปากหน่อยๆ เพราะว่าจู่ๆ ก็เกิดอาการหวงขึ้นมาในใจที่วันนี้คุณชายเขาหล่อดูดีเกินไปทั้งๆ ที่ไม่ได้แต่งอะไรมากมาย ผมก็ไม่ได้เซ็ต เสื้อกับกางเกงก็ธรรมดา สลัดคราบรองประธานที่สวมสูทดูสุขุมแล้วกลายเป็นชายหนุ่มวัยยี่สิบต้นๆ
“ใครมองก็ช่างเขาสิ”
“ช่างได้ยังไง...นี่แฟนผมนะ”
หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงหัวเราะในลำคอแล้วรวบคนตัวเล็กเข้ามากอดไว้อย่างอ่อนใจ วันศุกร์ที่พอเหนื่อยแล้วมักจะงอแงเป็นเด็กต้องการให้เขาปลอบอยู่เสมอ มือหนาลูบแผ่นหลังอีกคนเบาๆ คนตัวโตกดจมูกลงบนเส้นผมนุ่ม ถึงแม้ว่าห้องนี้จะเป็นกระจกใสรอบห้อง แต่ทรงเพลิงก็ไม่ได้กลัวว่าใครจะมาเห็นเขากับวันศุกร์ในสภาพแบบนี้เพราะต่างคนต่างก็ทำงานอยู่ในอีกห้องหนึ่ง
“หวงเหรอ”
“อื้อ”
“แล้วจะให้พี่ทำยังไงครับ” ถามอีกคนด้วยน้ำเสียงนิ่มๆ เขาใจเย็นกับวันศุกร์เสมอถึงแม้ว่าโดยนิสัยจะไม่ใช่คนที่ใจเย็นอะไรขนาดนั้น เขาคือเพลิงเหมือนชื่อ เป็นไฟที่ร้อนระอุพร้อมแผดเผา แต่เพลิงอย่างเขากลับมอดลงเพราะคนในอ้อมกอด
เพราะวันศุกร์
“ไม่ต้องทำอะไรเลย”
“ครับ”
“แค่กอดอย่างนี้ก็พอแล้วครับ”
คนตัวเล็กที่แนบแก้มอยู่บนไหล่กว้างเงยหน้ามองหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิง ปลายคางคนที่สูงกว่าถูกริมฝีปากนุ่มจูบเบาๆ...มันเป็นจุดที่วันศุกร์มักจะชอบคลอเคลียบ่อยๆ รองจากซอกคอหอมๆ กับอกกว้างๆ ของคุณชายเขาเลย
จะบอกว่าวันศุกร์กลายเป็นคนติดแฟนไปแล้วก็ได้ รู้ดีเลยว่าหมู่นี้งอแงใส่ทรงเพลิงบ่อยชะมัดเพราะอยากให้คุณชายเขาโอ๋อยู่บ่อยๆ ไม่รู้สิ ได้ซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดอุ่นๆ ของคนรักมันเป็นอะไรที่พิเศษที่สุดแล้ว
อีกอย่าง...
ก็ไม่ได้กอดกันมาตั้งสองปี วันศุกร์เลยอยากชดเชยช่วงเวลาเหล่านั้นที่หายไป
“เพลิง”
“ครับ”
“แล้วเรื่องไปญี่ปุ่น จองตั๋วไว้แล้วใช่มั้ย”
“เรียบร้อยแล้ว มันกะทันหันไปหน่อย พี่เลือกไฟล์ตมะรืนนี้ตอนแปดโมงเช้า”
“งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้ผมเตรียมของให้เพลิงนะ...ไปกี่วันเหรอครับ”
วันศุกร์สบตากับอีกคนที่อายุมากกว่า เขาเรียกคนตรงหน้าทั้งคุณชายทั้งเพลิงสลับกันไปตามที่อยากเรียก ช่วงแรกๆ คุณชายก็มีถามบ้างว่าสรุปจะเรียกยังไงกันแน่ แต่พักหลังๆ มานี้คงชินแล้วล่ะมั้ง
แต่เวลาไปพบเจอกับครอบครัวของคุณชาย หม่อมปนัดดากับหม่อมราชวงศ์รฐาก็เห็นตรงกันว่าควรเรียกทรงเพลิงว่าพี่เพลิงเพราะอีกฝ่ายแก่กว่าเขาตั้งหกปี วันศุกร์ไม่เคยเรียกชื่อเล่นของทรงเพลิงต่อหน้าคนในครอบครัวหรอกนะ เรียกแค่คุณชายๆ จนคุณแม่บอกว่ามันดูห่างเหินเกินไป
“สามวันครับ เดี๋ยวต้องกลับมาทำบุญที่บ้าน เหลือเวลาให้เราพักผ่อนก่อนไปทำงานด้วย”
“โอเคเลย ผมจะได้จัดเสื้อผ้าให้ถูก”
ส่งยิ้มให้คุณชายที่ยืนโอบเอวบางด้วยแขนสองข้าง แล้วก็ต้องเอียงหน้าหนีเมื่อจู่ๆ อีกฝ่ายทำท่าจะโน้มตัวลงมาจูบกัน วันศุกร์ดันคางของหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงออก หัวเราะจนตาหยีเพราะคุณชายเขาดื้อรั้นจะก้มหน้ามาฟัดกันให้ได้
“เพลิง ไม่เล่น”
“ไม่ได้เล่น”
“ไม่เอา ดะ...เดี๋ยวคนเห็น”
“ยังไม่มีใครเดินมาหรอก”
“ฮื้อออ”
ยอมให้คุณชายเขาหอมที่แก้มแรงๆ ไปฟอดหนึ่งเพราะกลัวว่าถ้ายังยื้อยุดกันแบบนี้จะมีคนเดินมาเจอเข้าจริงๆ แล้วจะยุ่งไปกันใหญ่
วันศุกร์หน้าแดงแจ๋ก่อนจะฟาดมือนุ่มๆ ตีแขนคุณชายเขาไปหนึ่งที เรื่องเอาเปรียบกันเนี่ยเก่งนัก หลายครั้งแล้วที่หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงไม่ปล่อยให้วันศุกร์พักผ่อน มันก็เริ่มจากการที่หอมนิดหอมหน่อยไปจนจูบกัน พอปากได้สัมผัสลิ้มรสของกันและกันแล้วความปรารถนาของคุณชายก็พวยพุ่งขึ้นมาทันที สุดท้ายพอไม่มีใครหยุดใครได้ ก็เป็นวันศุกร์เองนั่นแหละที่จะต้องนอนซมอยู่บนเตียงเพราะถูกคุณชายจับฟัดตั้งหลายต่อหลายรอบ
ยิ่งวันไหนที่เขาไม่มีงาน เป็นวันนั้นแหละที่คนตัวเล็กแทบไม่มีโอกาสได้ลุกจากเตียงเลยจริงๆ
รังแกกันชัดๆ : (
*****
“วันศุกร์ นั่งก่อนค่อยกิน” ไม่ได้บอกเฉยๆ แต่ดึงมือวันศุกร์ให้นั่งลงด้วย
ทรงเพลิงมองคนที่ตัวเล็กกว่าจดจ่อกับถ้วยไอศกรีมในมือ วันนี้หลังจากที่รอวันศุกร์เซ็นโปสเตอร์เสร็จเขาก็ขับรถพาอีกคนมาเดินห้างในช่วงสามทุ่มกว่า ยิ่งดึกคนยิ่งน้อย เหมาะกับการที่คนดังอย่างวันศุกร์จะเดินเที่ยวได้อย่างสบายใจเฉิบ
หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงตามใจอีกคนที่ไม่อยากกินข้าวแต่อยากกินไอศกรีม เดินไปซื้อด้วยกันตอนที่ร้านใกล้จะปิดคนขายเลยแถมไอศกรีมมาให้ตั้งสามลูก
ถูกใจวันศุกร์เลยแหละ ทรงเพลิงดูจากรอยยิ้มบนใบหน้าระหว่างกำลังตักของกินเข้าปาก กินไปด้วยก็หันมาฉีกยิ้มให้เขาไปด้วย น่ารักซะไม่มี
เก้าอี้หน้าห้างสรรพสินค้ากลางแจ้งเป็นที่ที่พวกเขากำลังนั่งอยู่ด้วยกันในตอนนี้ วันศุกร์ไม่ได้อำพรางใบหน้าอะไรเลยสักอย่าง ใส่แค่หมวกใบสีขาวของคุณชายก็เอาอยู่แล้ว เพราะการแต่งตัวธรรมดาๆ ที่กลมกลืนกับวัยรุ่นสยามทั่วๆ ไป ถึงจะมีคนหันมามองบ้างเพราะผิวขาวจั๊วะกับหุ่นบางๆ ของวันศุกร์ แต่ก็ยังไม่ถูกมองเท่าหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงอยู่ดี
ก็ทั้งสูง ขายาว ไหล่กว้าง หล่อเหลาเอาซะขนาดนั้นนี่นา
“ค่อยๆ กิน”
“ผมไม่ได้รีบนะคุณชาย แต่มันไหลออกปากเองอ่ะ”
“ครับ หันมาเช็ดปากก่อน”
เออๆ ออๆ ไปกับคนที่บอกว่าไม่ได้รีบกิน ทรงเพลิงเอียงหน้ามองใบหน้าขาวๆ ของวันศุกร์ก่อนจะเช็ดคราบไอศกรีมที่เปื้อนปากเปื้อนคางออก
“ขอบคุณนะครับ” ส่งยิ้มบางให้คนที่ดูแลตลอดไม่ว่าจะเรื่องเล็กหรือใหญ่ หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงไม่เคยละเลยวันศุกร์สักครั้ง
วันศุกร์ตักไอศกรีมจ่อไปที่ปากของคุณชายทรงเพลิง แล้วก็ต้องอมยิ้มหน้าแดงก่ำเมื่อคุณชายเขายื่นหน้ามางับช้อน พร้อมกับหรี่ตามองวันศุกร์ด้วยสายตาที่เจ้าเล่ห์เอามากๆ
ทั้งเจ้าเล่ห์ เจ้าชู้ แพรวพราวจริงๆ
แล้วก็เลียริมฝีปากตอนที่กินเสร็จแล้วอีกด้วย
“มองอะไร”
“รู้ตัวมั้ยว่าเป็นจุดสนใจมากกว่าผมอีก”
ทรงเพลิงเลิกคิ้ว ส่ายหน้าพร้อมกับยักไหล่เบาๆ ตาคมมองใบหน้าขาวๆ ของวันศุกร์อย่างหลงใหล ไม่ว่าอีกฝ่ายจะพูดหรือทำอะไรก็อยู่ในสายตาของหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงตลอด
เพราะเขาไม่อยากละสายตา อยากมองนานๆ...วันศุกร์เป็นสิ่งที่เขาอยากพักสายตาไว้ เป็นความสบายใจ เป็นกำลังใจของเขาด้วย
เป็นทุกอย่างเลยนั่นแหละ
วันศุกร์ไม่ได้พูดอะไรต่อเพราะคุณชายไม่ได้ถาม ปล่อยให้เรื่องที่จู่ๆ นึกอยากจะพูดก็พูดมันลอยไปกับสายลม หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงเอนหลังพาดแขนบนพนักเก้าอี้ ระหว่างที่รอให้อีกคนกินไอศกรีมให้เสร็จก็นั่งตากลมฟังเสียงรถไฟฟ้าวิ่งผ่านไปขบวนแล้วขบวนเล่า
ดึกๆ ที่นี่ร่มรื่นดี ไม่ค่อยวุ่นวายเหมือนตอนเช้า
“คุณชายเคยมาเดินสยามกับเพื่อนๆ บ้างมั้ย ตอนเรียนมัธยมผมมาแทบทุกวันเลย”
“ไม่เคยครับ”
“คุณชายอยู่อังกฤษตั้งแต่เด็กนี่นา” ลืมไปสนิทเลยว่าคุณชายเขาน่ะเป็นเด็กนอก วันศุกร์ถือถ้วยไอศกรีมที่ตัวเองกินหมดแล้ว กะพริบตาเบาๆ มองคนที่เดินผ่านไปผ่านมาก่อนจะหันไปมองคนตัวสูง
“วันศุกร์เคยบอกว่าเริ่มต้นเข้าวงการบันเทิงเพราะที่นี่ใช่มั้ย”
“อ่า คุณชายจำได้ด้วยเหรอครับ”
“จำได้ครับ เล่าให้พี่ฟังหน่อย”
วันศุกร์เคยเกริ่นๆ ให้ทรงเพลิงฟังเมื่อตอนที่ยังคบกันอยู่ว่าจุดเริ่มต้นของการเป็นดาราอยู่ที่นี่ พอนึกย้อนไปแล้วก็ได้แต่หัวเราะเพราะไม่คิดว่าคนธรรมดาๆ อย่างตัวเองจะได้มาเป็นที่รู้จัก เป็นที่ยอมรับของใครหลายๆ คน
“ช่วงจะจบปีหนึ่งผมมาเดินเล่นที่นี่กับปันน่ะครับ เหมือนตอนนั้นปันจะชวนมาทำอะไรสักอย่างแต่ผมจำไม่ได้...จำได้แต่ว่าเดินๆ อยู่ก็มีพี่คนหนึ่งเข้ามาสะกิด ยื่นนามบัตรให้ แอดไลน์กันตรงนั้นเลยนะครับ...ตอนแรกผมไม่อยากทำหรอกเพราะกลัวว่าจะโดนหลอก แต่รู้นิสัยปันใช่มั้ยครับ คะยั้นคะยอจนผมยอมตกลงไปแคสต์”
“แล้วก็แคสต์ผ่าน?”
“ช่ายยยย เก่งมั้ยล่ะ”
“เก่งครับ”
วางมือบนหัวกลมๆ จับโยกไปมาด้วยความเอ็นดู ทรงเพลิงทึ่งในความสามารถของเด็กคนนี้จริงๆ ให้ทำอะไรก็ทำได้หมดทุกอย่าง ไม่เกี่ยงงาน อะไรที่ได้เงินก็ทำหมดแม้ว่าบางงานจะได้น้อยกว่าค่าตัวขั้นต่ำมากๆ...เขาเพิ่งรู้ก็ตอนที่ช่วยวันศุกร์รับงานนี่แหละ สินค้าโนเนมบางแบรนด์ที่เงินค่าตัวไม่ถึงวันศุกร์ก็ยินดีไปเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้จนเป็นที่รู้จัก
ทั้งน่ารักทั้งใจดี วันศุกร์ควรได้รับแต่สิ่งดีๆ จริงๆ
“วันศุกร์”
“ครับ” จ้องคนตัวสูงตาแป๋ว
“เราอยู่ยังไงตอนที่ไม่มีพี่”
“...”
คนถูกถามนัยน์ตาวูบไหว วันศุกร์ระบายยิ้มจางๆ ให้ทรงเพลิง คำถามที่อีกฝ่ายถามออกมาไม่ใช่คำถามที่จะให้คำตอบกันไม่ได้ แต่มันเป็นคำถามที่วันศุกร์ไม่คิดมาก่อนว่าคุณชายเขาจะพูดออกมา
จะว่ายังไงดี เพราะตั้งแต่กลับมาคบกันก็ไม่มีใครพูดถึงเรื่องเมื่อสองปีก่อนเลย
เหมือนกับว่าไม่มีใครสนใจอดีต แค่ตั้งใจจับมือกันไปแน่นๆ เดินหน้าไปด้วยกัน
“นั่นสิครับ”
“...”
“ยังสงสัยอยู่เลยว่าผมอยู่มาได้ยังไง”
“...”
“ผมคิดถึงคุณชายทุกวัน ผมอยากบอกกับคุณชายด้วยซ้ำว่าที่พูดไปผมล้อเล่น”
หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงประคองมือเล็กๆ มากุมไว้บนตัก พอเห็นรอยยิ้มที่แสดงออกถึงความเข้มแข็งแต่แววตากลับเศร้าอย่างเห็นได้ชัดหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงก็ไม่อยากได้ยินเรื่องเก่าๆ จากปากของวันศุกร์อีกแล้ว
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องพูดแล้วครับ”
“ไม่เอา ยังเล่าไม่จบเลย”
“ไม่ต้องแล้ว เดี๋ยวมีคนร้องไห้”
“ใครจะร้อง...”
มือหนายีผมนุ่มของคนที่ตาแดงก่ำไปแล้ว เขาหัวเราะให้กับความปากแข็งของวันศุกร์ พอเห็นคนตัวขาวยู่ปากเหมือนกำลังโดนขัดใจก็อยากจะจับมาจูบให้หายอยาก สาบานเลยว่าถ้าตรงนี้ไม่ใช่ที่สาธารณะเขาคงดึงวันศุกร์มากอดไปแล้ว
“ผมถามคุณชายบ้างได้มั้ย”
“ถ้าถามเรื่องเก่าๆ ไม่ต้องถามแล้ว”
“อะไรอ่ะ! ทีตัวเองยังถามได้เลย”
“คุยเรื่องอนาคตบ้าง จะเปลี่ยนมาใช้นามสกุลพี่เมื่อไหร่ครับ” ถามด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มจนคนฟังใจสั่น ทั้งสายตาเจ้าชู้กับท่าทางขี้แกล้งของคุณชายเขาทำเอาวันศุกร์ปรับโหมดแทบไม่ทัน
ก็เมื่อกี้น้ำตายังปริ่มๆ อยู่เลย แต่ตอนนี้แก้มเริ่มร้อนเพราะคุณชายทรงเพลิงแล้ว
“ว่าไงครับ”
“อีกสักสิบปีแหละครับ ปล่อยให้คุณชายรอไปนานๆ เลย”
“ไม่เป็นไร พี่รอได้”
วันศุกร์อมยิ้มเพราะไม่ว่าจะพูดอะไรออกไปก็ดูเหมือนจะเป็นฝ่ายแพ้อยู่เสมอ แพ้เพราะหัวใจที่มั่นคงของหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิง จะกี่ปีผ่านไปก็ยังเหมือนเดิม
ก็คุณชายทรงเพลิงเป็นแบบนี้ จะไม่ให้รักมากๆ ได้ยังไง
*****
หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงมองคนที่ตื่นเต้นกับการไปญี่ปุ่นจนนอนไม่หลับ จนดึกจนดื่นก็ยังนอนคว่ำหน้าเล่นไอแพดของเขา หาข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่เที่ยวในญี่ปุ่นเพราะยังไม่เคยไปสักครั้ง ผิดกับเขาที่ไปมาแล้วหลายรอบ
เจ้าของร่างสูง 181 เซนเติเมตร พาดผ้าขนหนูไว้บนบ่า เดินตรงมาที่เตียงพร้อมกับผมสีดำที่ยังหมาดๆ ไม่แห้งดีเท่าไหร่ ก็คนที่ต้องทำหน้าที่เป่าผมสนใจแต่ไอแพดไม่สนใจเขาสักนิด อื้อ คุณชายทรงเพลิงโดนญี่ปุ่นแย่งความสนใจไปแล้ว
ความจริงแล้วที่ไปญี่ปุ่นก็เป็นเพราะความต้องการของเจ้าคนตัวเล็กนั่นแหละ วันศุกร์บอกในรายการของนิตยสารศิมาเอาไว้ว่าไม่เคยไปญี่ปุ่นมาก่อน อยากลองไปดูสักครั้ง ไปถ่ายรูปกับภูเขาไฟฟูจิ เดินหาของอร่อยๆ กิน แช่ออนเซ็นให้ผ่อนคลาย
เขาทำตามความฝันของวันศุกร์ทีละอย่างร่วมกับการทำตามความฝันของตัวเองไปด้วย
ฝันที่ว่าอยากจะไปเที่ยวกับวันศุกร์
มันตลกดีตรงที่เขามีพร้อมทุกอย่าง แต่ขาดอย่างเดียวคือเรื่องเวลาว่างของวันศุกร์ คนที่ทำงานครบเจ็ดวัน ได้นอนวันละสี่ห้าชั่วโมงอย่างวันศุกร์น่าสงสารที่สุดในโลกแล้ว จะไปไหนทีเขาต้องเช็กความพร้อมร่างกายของวันศุกร์ซะก่อนว่าจะกลับมาทำงานในวันถัดไปได้หรือเปล่า
รู้ว่าวันศุกร์เหนื่อย เขาอยากให้พักบ้าง
แต่ก็ไม่อยากบงการเพราะมันเป็นอาชีพที่วันศุกร์ชอบ
“ฮื้อ หนักนะครับ ตัวไม่ใช่เบาๆ”
เสียงอู้อี้ดังออกมาจากลำคอของคนที่นอนคว่ำอยู่บนเตียง หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงนอนทับร่างเล็กๆ ทั้งร่าง สอดมือใต้แผ่นอกบางเพื่อกอดน้องเอาไว้ ซุกหน้าบนซอกคอที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆ จากครีมอาบน้ำผสมกับกลิ่นหอมจากผิวของวันศุกร์ ก่อนจะเม้มลำคอขาวเบาๆ จนขึ้นเป็นรอยแดง
“อย่าดื้อสิครับ” เอียงหน้ามาจูบบนแก้มของคุณชายเบาๆ ก่อนจะหัวเราะออกมาเพราะคุณชายขยับตัวเพื่อแนบแก้มเข้ากับแก้มกลมๆ ของคนตัวเล็ก ในตอนที่ขยับอะไรบางอย่างที่อยู่กลางลำตัวก็ถูไถไปกับสะโพกของวันศุกร์ด้วย
คนที่กำลังถือไอแพดอยู่เกร็งไปทั้งตัวเลย
“ได้ที่เที่ยวสักที่หรือยัง”
“ยังไม่ได้เลยครับ คุณชายมีแนะนำมั้ย”
“นอนอยู่ในโรงแรมก็พอแล้ว”
“โหย...งั้นอยู่ที่ไทยง่ายกว่าเยอะ”
เสียงหัวเราะในลำคอดังขึ้นใกล้ใบหู วันศุกร์กดออกจากหน้าเว็บไซต์แล้วกดเข้าแอพกล้องถ่ายรูปแทน ก่อนจะต้องหน้าแดงเมื่อเห็นภาพตัวเองกับทรงเพลิงจากหน้าจอ วันศุกร์กดถ่ายรูปในตอนที่แก้มแนบแก้ม ตัวติดกัน...คนตัวเล็กยิ้มกว้างแล้วก้มหน้างุดไปกับหมอนเมื่อถูกคุณชายหอมแก้มอีกครั้ง
แล้วรูปก็ถูกบันทึกไว้ทุกช็อต
ถึงจะอายุสามสิบแต่สกิลในการอ้อนแฟนก็ไม่ต่างจากเด็กหนุ่มทั่วไปเลย วันศุกร์ต้องอ่อนระทวยทุกครั้งที่ถูกพรมจูบเบาๆ บนขมับ แก้ม...ริมฝีปากอุ่นๆ ทาบลงบนท้ายทอยอย่างอ้อยอิ่งแถมยังแกล้งขบเม้มตามไหล่เล็กๆ จนคนตัวขาวต้องหดคอเพราะจั๊กจี้
คนตัวเล็กเม้มปากมองตัวเองจากจอไอแพดที่กำลังถูกคุณชายหอมตรงนู้นจูบตรงนี้ ก่อนที่ไอแพดเครื่องนั้นจะถูกดึงออกไปจากมือแล้วโยนไปอีกฝั่งของเตียงจนเกือบกลิ้งตกพื้น มือหนาจับปลายคางให้หันหน้าไปหาหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิง ไม่ทันไรก็ต้องหลับตาลงเมื่อกลีบปากสีชมพูถูกปากอุ่นๆ แนบแน่นลงมาพร้อมกับลิ้นที่สอดเข้ามาในโพรงปากอย่างชำนาญ
แล้วในตอนนั้นวันศุกร์ก็รู้แล้วว่าคืนนี้คงไม่ได้สถานที่ท่องเที่ยวในญี่ปุ่นแน่ๆ
เพราะคุณชายทรงเพลิงจะพาไปแตะปุยเมฆนุ่มๆ ไปในที่ที่มีแต่ความสุข
มีแค่สองเรา
คงเป็นที่ไหนสักที่ในห้องนี้แหละ
#หวนกลิ่นรัก
เข้าสู่โค้งสุดท้ายของเรื่องแล้วนะคะ เจอกันอีก2ตอนหน้าเลย
ขอบคุณจริงๆ นะคะที่ติดตาม ขอบคุณทุกคนเลยยยย ♥