หลังเสร็จจากกินมื้อเย็นที่ภัตตาคารเปลือกหอยแล้ว พวกไอดิเอลก็เดินทางไปยังร้านอาวุธคมรุ่งเรือง ซึ่งเป็นตึกแถวสูงสามชั้นขนาดห้าคูหา ตั้งอยู่บริเวณด้านนอกตัวเมืองใกล้กับกำแพงกั้นตะวันซึ่งเป็นกำแพงที่สร้างขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้อากาศภายนอกไหลเข้ามาภายในตัวเมือง ทำให้สามารถปรับความดันและอุณหภูมิให้เหมาะสมสำหรับการดำรงชีวิตของมนุษย์และสิ่งมีชีวิตอื่นได้ ตัวอาคารสร้างจากโลหะและไม้ ต่อเติมจนเป็นรูปทรงประหลาดตา ไอดิเอลเล่าว่าอาคารที่อยู่ในละแวกนี้ทั้งหมดประกอบกิจการที่ต้องใช้เชื้อเพลิงและความร้อนสูง ทันทีที่ก้าวลงจากรถ คาริกก็สัมผัสได้ถึงไอร้อนผ่าวที่แผ่ออกมาจากตัวตึกหน้าตาประหลาดหลังนั้น
ป้ายร้านคมรุ่งเรืองแขวนโดดเด่นอยู่ด้านหน้าอาคาร สาดส่องด้วยไฟสีขาวสว่างจ้า ด้านในร้านจัดแสดงอาวุธหลากหลายชนิด ทั้งดาบคู่ดาบยาว ดาบสั้น มีดพก มีดซัด ขวาน หอก โล่ แต่ละชิ้นดูแข็งแรงและประณีตอย่างที่เขาไม่เคยเห็นในร้านที่ทริโกเนีย ชายหนุ่มก้าวเท้าเดินเข้าไปเหมือนถูกพลังไร้สภาพบางอย่างดึงดูด สายตาจดจ้องอยู่ที่ดาบยาวเล่มหนึ่งซึ่งใบดาบทอประกายสีน้ำเงินวาววับ
พนักงานหน้าร้านเห็นดังนั้นก็รีบออกจากคอกกั้นมาต้อนรับลูกค้าทันที
“สายัณห์สวัสดิ์ครับ สนใจดาบยาวที่แขวนอยู่เล่มนั้นใช่ไหม มันเป็นดาบเหล็กน้ำพี้แท้ๆ เชียวนะครับ หายากมากๆ”
คาริกสะดุ้ง เขาหันมามองพนักงานต้อนรับ เป็นเด็กผู้ชาย น่าจะเด็กกว่าเขาสักปีสองปี ฝ่ายนั้นมองเขาแล้วพูดต่อ
“ท่านแต่งตัวเก๋นะเนี่ย เป็นชุดที่เพิ่งออกแบบมาใหม่หรือครับ”
“ไม่ใช่หรอก” คนที่ตอบเป็นไอดิเอล เขาเดินเข้ามาในร้าน เหมือนพนักงานต้อนรับเพิ่งจะสังเกตเห็นจอมเวท เจ้าตัวรีบพูดขึ้นทันที
“ขออภัยครับที่ข้าไม่ได้ทัก อ๊ะ! ท่านคือประกายสีเงินเดียวดายไอดิเอลคนนั้นใช่ไหม? ข้าเคยได้ยินว่าท่านมีผมสีเงินเหมือนแร่เงิน และมีดวงตาสีทองเหมือนอำพัน ไม่อยากเชื่อเลยว่าวันนี้ท่านจะแวะมาที่ร้านเรา ลูกพี่รู้ต้องดีใจมากแน่ๆ”
“ข้าแวะมาเพราะผู้ช่วยข้ามีธุระน่ะ” ไอดิเอลว่า “มีคนแนะนำเขาให้เอาอาวุธมาปรับแก้กับที่นี่”
“อ๋อ” ชายหนุ่มที่เป็นพนักงานหน้าร้านหันไปมองคาริกด้วยสีหน้าประทับใจ
“ท่านต้องเป็นนักดาบที่กำลังมีชื่อเสียงทั้งที่ยังวัยรุ่นแน่ๆ คงได้อาคมดีจากท่านไอดิเอลสินะครับ เลยสวมเสื้อผ้าแบบนี้ที่นี่ได้ ดีจังเลยน้า”
“นี่ไม่ใช่อาคมหรอกนะ” ไอดิเอลว่า “เขาเป็นคนที่เกิดมาพิเศษกว่าคนอื่นน่ะ สภาพแวดล้อมที่นี่ทำอะไรร่างกายของเขาไม่ได้ แต่ถ้าให้อยู่นานๆ ข้าว่าแทนที่เขาจะเอาดาบเล่มเดิมมาแก้ คงจะซื้อดาบเล่มใหม่กลับไปมากกว่า”
เด็กหนุ่มหัวเราะ ขณะที่คาริกเกาหลังหูอย่างเขินๆ เขาล้วงหยิบกระดาษที่อยู่ในอกเสื้อออกมา “ท่านกราวิสจากอาณาจักรหรดีแนะนำให้ข้ามาที่นี่ เขาเขียนรายละเอียดเกี่ยวกับดาบเล่มนี้มาให้ด้วย บอกให้ถามหาคนชื่อประภากิจน่ะ”
“อ๋อๆ ท่านกราวิส ข้าจำได้แล้ว” เจ้าหนุ่มน้อยว่า “ลูกพี่อยู่ด้านหลังร้าน ข้าขอตัวไปตามเขาสักครู่นะครับ อ้อ ถ้าท่านสนใจมีดพกที่ทำจากเหล็กน้ำพี้ล่ะก็... ที่ตู้ตรงนี้มีให้ดูหลายเล่มเลยนะ”
“เจ้าเข้าไปตามเขาได้แล้ว” ไอดิเอลโบกมือไล่ เด็กหนุ่มจึงรีบเดินหายเข้าไปหลังร้านทันที โอเรนที่ทำตัวเงียบๆ เหมือนตุ๊กตาอยู่นานจึงพูดขึ้น
“เจ้านี่พอเห็นของพวกนี้ก็เหมือนคนไร้สติเลยน้า...”
“แหม... ก็ข้าไม่เคยเห็นร้านอาวุธใหญ่ขนาดนี้นี่นา” คาริกว่า “เจ้าเคยเห็นหรือไง?”
“ไม่เคยเห็นหรอก มันก็สวยดีนะ แต่ข้าใช้ไม่เป็นนี่ มันเป็นของที่เอาไว้ประหัตประหารกันใช่ไหมล่ะ?”
“หือ...” ชายหนุ่มส่งเสียงอย่างประหลาดใจ “เจ้าไปหัดคำยากๆ พวกนั้นมาจากไหน?”
“ข้าอ่านในบันทึกของท่านไอดิเอลตอนที่นั่งเรือเหาะมาที่นี่น่ะ” เจ้ามังกรตอบ ไอดิเอลจึงพูดขึ้นบ้าง
“ที่จริงที่นี่ก็มีดาบดีๆ หลายเล่มอยู่นะ แต่ฝีมืออย่างเจ้าใช้ดาบที่ทำจากเขาแมกนิส คอร์นิบัสไปก่อนเถอะ ไว้เก่งขึ้นเมื่อไหร่ค่อยคิดถึงเรื่องเปลี่ยนดาบอีกที”
“ใช่แล้วล่ะ” เจ้ามังกรส่งเสียงสนับสนุนทันที “อย่างเจ้าน่ะให้เก่งกว่านี้ก่อน แล้วค่อยลำบากสร้างหนี้เถอะ”
“เออ...” คาริกลากเสียง มองโอเรนด้วยความหมั่นไส้ ก่อนจะเลื่อนสายตาไปมองหน้าไอดิเอล “ว่าแต่ข้าเดินดูอาวุธพวกนี้ได้ใช่ไหม ท่านคงไม่ไล่ข้าออกไปยืนรอข้างนอกนะ”
“เจ้าจะดูก็ดูไปเถอะ แค่อย่าลืมว่ามาทำอะไรก็พอ”
เด็กหนุ่มพนักงานต้อนรับกลับออกมาจากด้านหลังร้านอีกครั้ง พร้อมด้วยชายวัยกลางคนรูปร่างสันทัดคนหนึ่ง เขามีผิวสีดำแดง และดวงตาสีดำสนิท ไว้หนวดแบบเขี้ยวและตัดผมสั้น พอเดินพ้นออกมาจากเคาน์เตอร์ เจ้าตัวก็ส่งเสียงครางออกมาทันที
“โอ... ท่านคือท่านไอดิเอลหรือเนี่ย งั้นนี่ต้องเป็นไม้เท้าที่ทำจากเอ็นมังกรแน่ๆ” ดวงตาสีดำจับจ้องไปที่ไม้เท้าของไอดิเอลเหมือนถูกสะกด ไอดิเอลจึงส่งเสียงขึ้น
“ข้าไม่ได้สั่งให้เจ้าเด็กนั่นไปตามเจ้าออกมาเพื่อให้เจ้าดูไม้เท้าหรอกนะ”
“อ๊ะ!” ชายหนวดเขี้ยวคนนั้นเหมือนเพิ่งได้สติ เขารีบขอโทษขอโพยทันที
“ขออภัยครับ ไอ้ข้าก็ตื่นเต้นเพราะได้ยินมาว่าท่านมีไม้เท้าที่ทำจากเอ็นมังกร ไม่เคยคิดเลยว่าจะได้เห็นของจริง เลยออกอาการมากไปหน่อย”
“อืม... สำหรับเจ้ามันคงเป็นเหมือนวัสดุที่มีอยู่แต่ในตำนานสินะ”
“ใช่แล้วล่ะครับ” เขาว่า สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่ไม้เท้าของไอดิเอลไม่วางตา จอมเวทจึงพูดขึ้นต่อ
“เอาล่ะ ข้าเห็นแล้วว่าเจ้าคงสนใจไม้เท้านี่มากจริงๆ แต่ช่วยดูดาบให้ผู้ช่วยข้าก่อนจะได้ไหม แล้วข้าจะพิจารณาดูว่าจะให้เจ้าได้จับไม้เท้าด้ามนี้ดีรึเปล่า”
“อ่า... ได้หรือครับ... โอ้ ตายล่ะ เจ้าอ่ำบอกว่าท่านกราวิสแนะนำพวกท่านมา ข้านี่ก็จริงๆ เลยเชียว” ชายคนนั้นยกมือขึ้นตบศีรษะตัวเองเบาๆ แล้วแนะนำตัว “ข้าชื่อประภากิจ อาวุธแบบไหนหรือครับที่ท่านอยากจะให้ช่วยแก้ไข”
“เอ่อ... เป็นดาบที่อยู่ข้างหลังข้าน่ะ” คาริกพูดขึ้น เขาคิดว่าช่างตีอาวุธจะเป็นพวกผู้ชายรูปร่างกำยำล่ำสันเสียอีก แต่ประภากิจคนนี้กลับเป็นคนรูปร่างสัดทัด ตัวก็ไม่ใหญ่เท่าไหร่ กระนั้นพอเห็นเจ้าตัวยื่นมือออกมา คาริกก็รู้ว่าคนคนนี้แข็งแรงมากกว่าที่เขามองเห็นจากภายนอก ชายหนุ่มรีบยื่นกระดาษในมือออกไปทันที
“นี่คือรายละเอียดที่เขาเขียนน่ะ เขาบอกให้ข้าเอามาให้ท่าน”
ประภากิจรับกระดาษใบนั้นมา กวาดตาอ่านอยู่อึดใจ ก็เงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มแล้วพูดขึ้นต่อ
“ท่านนี่ดูท่าต้องเป็นนักดาบฝีมือดีตั้งแต่อายุยังน้อยแน่ๆ ทำไมถึงเลือกใช้ดาบที่เหลาจากเขาของแมกนิส คอร์นิบัสล่ะ”
“ทำไมล่ะ? มันไม่ดีหรือ?”
“อ๋อ เปล่าครับ ข้าแค่คิดว่ามีเหตุผลพิเศษน่ะ นักดาบที่มีพรสวรรค์แบบพวกท่านมักมีมุมมองเกี่ยวกับอาวุธที่น่าสนใจ ข้ารู้สึกแบบนั้นนะ”
คาริกรู้สึกละอายขึ้นมา ไม่กล้าพูดเลยว่าเขาเพิ่งใช้ดาบเล่มนี้เพียงครั้งเดียว แถมเป็นดาบที่เหลาขึ้นอย่างฉุกละหุกอีกต่างหาก แล้วเขาน่ะอย่าว่าแต่ชื่อเสียงเลย กระทั่งใบสอบเลื่อนระดับยังไม่มีกับเขาด้วยซ้ำ
“มันเป็นดาบที่ใช้สังหารอิกเน่ ลาเชอร์ตามาแล้ว” ไอดิเอลพูดขึ้น แล้วหันไปหาคาริก “เจ้าก็เอาให้เขาดูสิ”
คาริกรีบปลดดาบจากสายแล้วยื่นส่งให้ประภากิจ นักตีอาวุธรับมาแล้วผงกศีรษะ
“อย่างนี้นี่เอง ถ้าจะสังหารอิกเน่ ลาเชอร์ตาล่ะก็ คงไม่มีอะไรเหมาะไปกว่าดาบที่ทำมาจากเขาสัตว์ทนไฟอย่างแมกนิส คอร์นิบัสอีกแล้วล่ะ อืม... แต่ว่าดาบนี่เหมือนเหลาขึ้นแบบรีบๆ นะเนี่ย แม้ว่าน้ำหนักและรูปทรงจะตรงตามหลักก็เถอะ ใครทำให้ท่านหรือ”
“เอ่อ... พวกช่างทหารน่ะ” คาริกว่า ก่อนจะหันไปหาไอดิเอล “แต่เขาเป็นคนเขียนแบบ”
“โอ...” ประภากิจหันไปมองไอดิเอลด้วยความประทับใจ “ข้าได้ยินเรื่องที่ท่านล่าสัตว์ร้ายที่ไม่มีใครกล้าล่ามาหลายครั้งแล้ว แต่ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่าท่านมีความรู้เรื่องอาวุธดีถึงขนาดนี้”
“หนังสือที่ข้าเคยเขียนมันคงผุไปหมดแล้วน่ะนะ” ไอดิเอลว่า ก่อนจะพูดต่อ “เอาล่ะ ถึงข้าเคยมีความรู้ด้านนี้ดีขนาดไหน ตอนนี้คงไม่ดีไปกว่ากราวิสและเจ้าหรอก เพราะงั้นช่วยดูและเมินเวลาให้หน่อยได้รึเปล่า ข้าไม่ได้รีบมากหรอกนะ แต่ถ้าเสร็จไวเท่าไหร่ก็ยิ่งดี”
“ท่านกราวิสเขียนรายละเอียดมาเสียขนาดนี้ คงใช้เวลาไม่นานหรอกครับ” ประภากิจว่า “อย่างช้าก็พรุ่งนี้ช่วงเย็น ประมาณสี่โมง ทันรึเปล่าครับ”
“ได้อยู่ เขียนใบนัดมาเลย ใส่ชื่อเขา... คาริกแห่งคีท เข้าใจนะ?”
“อ้อ ครับ คาริกแห่งคีท” ประภากิจหยิบสมุดบันทึกเล่มเล็กขึ้นมาจด ก่อนจะสั่งให้ลูกน้องเอาดาบไปไว้ด้านหลังร้าน ส่วนตัวเองเดินไปเขียนใบนัดที่เคาน์เตอร์
“นี่ครับ” เขายื่นใบนัดให้กับจอมเวท ฝ่ายนั้นรับมาดูก่อนจะผงกศีรษะ
“ราคานี่แน่นอนแล้วใช่ไหม?”
“ครับ ราคานี่รวมทุกอย่างแล้ว รับรองว่าตอนท่านเห็นผลงานจะไม่ตำหนิว่าแพงแน่นอน”
“อืม... ถ้าผลงานไม่ดีสมราคาคุยล่ะก็... ไม่จบแค่เรื่องเงินหรอกนะ ข้าอาจจะสาปร้านเจ้าด้วยก็ได้”
“เรื่องดาบนี่ข้าเอาหัวเป็นประกันได้เลยครับ”
“ดี...”
“....” ช่างตีอาวุธมองไม้เท้าในมือของจอมเวท พอไม่เห็นอีกฝ่ายพูดอะไร เจ้าตัวจึงจำต้องเอ่ยปากขึ้นก่อน “ท่านจะ... เอ่อ... อนุญาตให้ข้าดูไม้เท้าของท่านสักครู่จะได้ไหมครับ”
“อ้อ... เอาสิ” ไอดิเอลยื่นไม้เท้าให้ฝ่ายนั้น ประภากิจรับมา คาริกเห็นว่ามือเขาสั่นเล็กน้อย เจ้าตัวจับแล้วก็ยกมือขึ้นลูบๆ คลำๆ
“นี่คือเอ็นมังกรจริงๆ หรือครับเนี่ย มันดูยืดหยุ่นและเหนียวมาก แข็งแรงแต่ก็น้ำหนักเบาด้วย”
“ใช่ มันเป็นเอ็นของมังกรน้ำ” ไอดิเอลว่า “มีคนให้ข้ามาน่ะ”
“เอ่อ... แล้วท่านยังพอมีเหลืออีกไหมครับ พอจะแบ่งมาขายข้าได้ไหม”
“ไม่มีแล้วล่ะ เขาให้ข้ามาแค่นี้แหละ”
“อ่า...”
“นี่ขอข้าจับบ้างได้ไหมครับ” เจ้าอ่ำที่ยืนฟังอยู่นานพูดขึ้นด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็น “ข้าไม่รู้มาก่อนว่าไม้เท้าของท่านทำมาจากเอ็นมังกร เป็นมังกรตัวใหญ่ๆ แบบที่บรรยายไว้ในหนังสือใช่รึเปล่า?”
“ใช่แล้วล่ะ เจ้าจะลองจับดูก็ได้”
เด็กหนุ่มเดินเข้ามาลูบๆ คลำๆ ไม้เท้าบ้าง “หูย... มันให้สัมผัสประหลาดมากเลยนะ... ไม่ใช่ว่าไม่ดีนะครับ ดีมาก ไม่เคยจับอะไรแบบนี้มาก่อนเลย โชคดีจังที่ข้ามาทำงานวันนี้”
คาริกนึกสงสัยว่าถ้าสองคนนี้ได้เห็นไอดิเอลยกไม้เท้าเอ็นมังกรให้สาวๆ ที่หาดสวรรค์ไปถือเล่นจะรู้สึกยังไง จอมเวทปล่อยให้ทั้งคู่ลูบๆ คลำๆ ไม้เท้าอยู่พักใหญ่จึงพูดขึ้น
“เอาล่ะ พอได้แล้ว ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อยืนรอให้พวกเจ้าชื่นชมไม้เท้าหรอกนะ”
ประภากิจรีบส่งไม้เท้าคืนให้จอมเวททันที แม้เจ้าตัวจะมีสีหน้าเสียดายมากก็ตาม ไอดิเอลคว้าไม้เท้ามาถือไว้แล้วพูดขึ้นต่อ
“เอาล่ะ พรุ่งนี้ข้าจะเข้ามาสักสี่ห้าโมง หวังว่าดาบเล่มนั้นจะพร้อมให้ลองนะ”
“แน่นอนครับ”
ทั้งสามกลับออกมาขึ้นรถที่จอดไว้หน้าร้าน คาริกพูดขึ้นระหว่างนั้น
“ท่านนี่ดูท่าจะชอบวางก้ามขู่ผู้ชายด้วยกันนะเนี่ย ทีกับผู้หญิงล่ะมือไม้อ่อนเชียว”
ไอดิเอลหัวเราะ “เด็กผู้ชายถ้าไม่ขู่บ้างก็จะเหลิงน่ะ ส่วนเด็กผู้หญิง ถ้าข้ายังขู่พวกนางอีกนี่ข้าคงจะเป็นผู้ชายที่แย่มากแล้วล่ะ”
คาริกถอนหายใจพลางสั่นศีรษะ โอเรนจึงส่งเสียงขึ้นมา
“ว่าแต่นี่พวกเราจะไปไหนกันอีกรึเปล่า ข้าชักง่วงแล้วน่ะ”
“อ้อ... จริงสินะ นี่ก็ดึกมากแล้ว ถึงของที่นี่จะเปิดขายเกือบตลอดทั้งคืน แต่ข้าว่าพวกเราค่อยมาเดินดูตอนกลางวันดีกว่า เจ้าว่าไง?”
คาริกผงกศีรษะเห็นด้วย “ก็ได้นะ ในเมื่อท่านไม่รีบ พวกเราค่อยมาเดินดูพรุ่งนี้ก็ได้ ข้าน่ะคงไม่ซื้ออะไรอยู่แล้วล่ะ แค่อยากดูเท่านั้นเอง”
“ดี งั้นพวกเราก็กลับกันเถอะ”
.................................
โอเรนผล็อยหลับไปในอกเสื้อของไอดิเองตั้งแต่ยังอยู่ในรถ กระทั่งขึ้นมาถึงบนห้องก็ไม่มีวี่แววว่าจะตื่น ไอดิเอลจึงอุ้มเขาไปวางไว้บนเตียงในห้อง แล้วห่มผ้าให้อย่างทะนุถนอม คาริกมองอย่างหมั่นไส้
“ทำไมท่านไม่พาเขาไปนอนที่ห้องด้วยเลยล่ะ ห้องท่านท่าทางจะน่าสบายอยู่นะ”
จอมเวทหันมามองเจ้าตัวยิ้มๆ “เจ้าอิจฉาเขาหรือไง? ไม่หรอก ห้องข้าหนาวมาก ให้เขานอนห้องนี้แหละดีแล้ว” พูดจบก็ส่งเสียงสั่งสเตลลา
“สเตลลา เจ้าช่วยปรับอุณหภูมิในห้องนี้ให้อุ่นขึ้นหน่อยสิ เอาพอๆ กับห้องโถงรับรองข้างล่างก็ได้”
“ทราบแล้วค่ะ”
“หืม ที่นี่ปรับอุณหภูมิได้ด้วยหรือ? ทำไมท่านไม่บอกพวกเราตั้งแต่เมื่อคืนนี้ล่ะ”
“ข้าก็ลืมคิดไปน่ะ” ไอดิเอลว่า “แต่อย่างที่ข้าบอก นูเบส โฟลิอุมมีถิ่นกำเนิดอยู่บนเทือกเขาสูง ทนต่อสภาพความกดอากาศต่ำอยู่แล้ว อีกอย่างเมื่อคืนเจ้าอยู่ด้วย เขาคงไม่หนาวตายหรอก”
“นี่ท่านเห็นข้าเป็นเตาผิงของเขาหรือไง” คาริกถลึงตามองฝ่ายตรงข้าม จอมเวทผงกศีรษะ พูดด้วยสีหน้าจริงจังจนน่าหมั่นไส้
“ก็ดีไม่ใช่หรือ? ข้าไม่เห็นว่าจะมีตรงไหนไม่ดีเลย”
คาริกถอนหายใจเฮือก “เฮ้อ... ท่านนี่จริงๆ เลย เป็นห่วงพวกเราบ้างไหมเนี่ย”
“ห่วงสิ แต่ความเป็นห่วงของข้ามันคงไม่ตรงตามความคิดของเจ้าน่ะนะ”
“ช่างเถอะๆ ข้าคงต้องทำใจว่าท่านก็เป็นของท่านแบบนี้แหละ”
“ถ้าเจ้าคิดได้แบบนั้นก็ดีล่ะนะ กลัวแต่เจ้าจะคิดไม่ได้อย่างที่พูดนี่สิ” อีกฝ่ายว่า “แล้วนี่จะอาบน้ำรึเปล่า หรือจะเข้านอนทั้งแบบนี้เลย ที่ห้องข้ามีอ่างอาบน้ำกว้างอยู่นะ”
“หา?!” ชายหนุ่มหันควับไปหาจอมเวทอีกครั้งทันที “ท่านพูดแบบนี้หมายความว่าไงน่ะ จะชวนข้าไปอาบน้ำที่ห้องท่านหรือ?”
“จะไม่ไปก็ได้นะ” ไอดิเอลว่า “ข้าเห็นว่าวันก่อนเจ้าซื้อหนังสือกามสูตรมา อุตส่าห์เอาไปอ่านอย่างตั้งใจบนเรือเหาะ ก็คิดว่าอยากจะลองเสียอีก”
หน้าของคาริกรวมถึงหูทั้งสองข้างของเจ้าตัวเปลี่ยนเป็นสีแดงจัดทันที เขาโพล่งออกมา “ท่านนี่!”
ไอดิเอลยักไหล่ ไม่รอให้ชายหนุ่มโวยวายอะไรอีก “จะเอายังไงก็ตามใจเจ้าเถอะนะ แต่ถ้าจะไปที่ห้องข้าก็อาบน้ำให้เรียบร้อยล่ะ”
“ฮึ้ย...” ชายหนุ่มส่งเสียงคำรามอย่างขัดใจในคอ ก่อนจะพูดออกมา “ข้าไปอาบที่ห้องท่านนั่นล่ะ อยากรู้จริงเชียวว่าอ่างอาบน้ำของท่านกว้างสักแค่ไหน”
จอมเวทหัวเราะอีก ก่อนจะเดินนำออกจากห้องไป
.............................................
คาริกยอมรับว่าในความคิดของเขา ห้องของไอดิเอลต้องไม่รกน้อยไปกว่าร้านหนังสือที่ทริโกเนียอย่างเด็ดขาด เพราะได้ยินว่าเจ้าตัวย้ายบันทึกทั้งหมดจากห้องที่ยกให้เขาไปไว้ในห้อง แต่พอได้เข้ามาจริงๆ เขาจึงพบว่าความเป็นจริงต่างจากสิ่งที่คิดอย่างลิบลับ
ห้องของไอดิเอลเป็นห้องกว้าง เพดานสูงกว่าห้องของเขา ด้านบนมีโคมระย้า ผนังสองด้านเป็นชั้นหนังสือ ที่มุมด้านหนึ่งมีบันใดวนเชื่อมขึ้นไปบนเพดาน มีโต๊ะเขียนหนังสือฉลุลายอย่างวิจิตรวางอยู่ที่ผนังด้านหนึ่ง และเตียงนอนหลังใหญ่วางอยู่อีกด้านหนึ่ง ด้านหลังเตียงเป็นหน้าต่างแคบสูงที่เปิดออกเห็นทิวทัศน์ด้านนอก เครื่องเรือนทุกอย่างทั้งเก้าอี้และตั่งหน้าเตียงตั้งอยู่อย่างเป็นระเบียบ ดูหรูหราและห่างจากคำว่ารกไปไกลโข
ประตูที่ข้างเตียงเปิดออกไปเป็นห้องน้ำ ซึ่งแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนที่อยู่ในร่มกับส่วนที่อยู่กลางแจ้ง ส่วนที่อยู่กลางแจ้งเป็นอ่างอาบน้ำที่ไอดิเอลพูดถึง มันตั้งอยู่บริเวณที่ควรจะเรียกได้ว่าเป็นระเบียง ไม่มีราวกั้นใดๆ มีเพียงอ่างอาบน้ำที่มีบันใดขั้นเตี้ยๆ ให้ปีนขึ้นไปเท่านั้น
เสียงน้ำล้นดังแว่วมาให้ได้ยิน พร้อมกับไอน้ำที่กรุ่นขึ้นมาจากผิวน้ำภายในอ่าง คาริกมองภาพตรงหน้าอย่างอัศจรรย์ใจ ไม่รู้ว่าควรจะตื่นเต้น ดีใจ หรือว่าประหลาดใจดี เขาหันไปหาไอดิเอลที่ยืนมองอยู่ แล้วพูดขึ้น
“ห้องท่านสวยนะ... อ่างอาบน้ำท่านก็สวย... แต่ท่านอาบน้ำอุ่นด้วยหรือ ข้าคิดว่าท่านไม่สนใจอุณหภูมิของอะไรพวกนี้เสียอีก”
“ข้าก็ไม่ได้สนใจหรอก ไอดิเอลว่า “แต่คิดว่าเจ้าน่าจะไม่สบายเท่าไหร่ถ้าต้องอาบน้ำเย็นน่ะ”
ชายหนุ่มเม้มริมฝีปาก เขาเห็นไอดิเอลเปลื้องเสื้อคลุมตัวนอกออกแขวนไว้ จึงพูดขึ้นต่อ
“ท่าน เอ่อ... เต็มใจรึเปล่า?”
ไอดิเอลชะงักมือที่กำลังปลดกระดุมเสื้อ แล้วหัวเราะอีก “ข้าเคยบอกเจ้าแล้วไง ถ้ามีโอกาสข้าก็จะทำทุกวันอยู่แล้ว มันเป็นเรื่องของความอยู่รอด ไม่เกี่ยวกับเต็มใจไม่เต็มใจหรอก อย่าถามจุกจิกน่ารำคาญเลยน่า... ว่าแต่เจ้าเถอะ เต็มใจรึเปล่า?”