บทที่21 ภายในห้อง
ฟ่งลุกพรวดขึ้นทันทีที่โจวยี่เอ่ยจบประโยค ใบหน้าเซียวปรากฏแววแห่งความยินดีอย่างเห็นได้ชัด ร่างบางเดินปราดออกไปจากห้องพักโดยลืมผู้ที่นั่งอยู่ด้วยกันไปเสียสนิท รูฟัสลุกขึ้นและเดินตามออกไป เป็นจังหวะเดียวกับที่โจวยี่เดินโฉบเข้ามา
“ท่าทางจะแย่นะ” ชายผู้มีผมยาวถึงกลางหลังกล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันนิดๆ นัยน์ตาสองสีถลึงมองผู้พูดแวบหนึ่ง ก่อนจะเดินออกไปโดยไม่กล่าวตอบโต้ โจวยี่ยักไหล่ หมุดตัวกลับเดินตามออกไปเช่นกัน
เสียงล้อเตียงเข็นดังแทรกเสียงเครื่องปรับอากาศ บุรุษพยาบาลในชุดสีขาวเข็นเตียงผู้ป่วยที่มีทั้งสายน้ำเกลือและเครื่องช่วยหายใจออกมาจากห้องผ่าตัด ฟ่งอยากที่จะเดินเข้าไปดู แต่ก็ต้องชะงักเท้า เมื่อพบว่าผู้ที่เดินตามเตียงเข็นมาติดๆ คือเว่ยเฟิงปิง
ใบหน้าเรียวราวราวพญางูนั้นดูไม่สู้จะดีนัก ฟ่งคิดว่าเว่ยเฟิงปิงอาจจะเป็นห่วงจางซื่อเยี่ยน ซึ่งหากเป็นแบบนั้นจริง จางซื่อเยี่ยนคงรู้สึกดีใจอยู่ไม่น้อย ฟ่งยืนมองเว่ยเฟิงปิงเดินตามเตียงเข็นเข้าไปในห้องพิเศษแล้วตัดสินใจว่าจะไม่เข้าไปขัดจังหวะของคนทั้งคู่ ในขณะที่กำลังหันหลังกลับ เขาก็เหลือบไปเห็นเด็กหนุ่มในชุดผ่าตัดกำลังเดินเข้ามา
“คุณซิง” ฟ่งเอ่ยเรียกอย่างไม่ค่อยเต็มปากนัก เขาเพิ่งระลึกได้ว่าคนคนนี้เป็นผู้หญิง และที่สำคัญเขาไม่รู้ชื่อเต็มๆ ของหล่อน เถียนซิงเหลือบตาขึ้นมอง ฟ่งกลั้นหายใจ บางทีเขาอาจจะทักคนผิด
“นาย.. คนที่อยู่กับเฟิงปิงวันนั้น..” ดูเหมือนว่าหล่อนจะจำเขาได้ ฟ่งยิ้มแหย่ๆ เมื่อหญิงสาวเดินเข้ามาใกล้
“มีธุระอะไร?” หล่อนถามเสียงห้วน เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ยอมพูดอะไรต่อ ฟ่งยกมือขึ้นเกาหัว ด้วยนึกไม่ออกว่าจะพูดอะไรกับผู้หญิงคนนี้กันแน่
“คือ.. คุณผ่าตัดคุณจางใช่ไหมครับ?” ชายหนุ่มเอ่ยถาม หญิงสาวพยักหน้า
“หมอนั่นปลอดภัยล่ะ ดวงแข็ง อึดอย่างกับแมลงสาบแบบนั้นไม่ตายง่ายๆ หรอก” หล่อนตอบยืดยาว ฟ่งพยักหน้าหงึกๆ แล้วถามต่อ
“แล้ว..คืนนี้....คุณเฟิงปิงจะอยู่เฝ้าไหม”
เถียนซิงขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยินคำถาม “ไม่รู้ ทำไม นายอยากให้เขากลับไปกับนายรึ?”
ฟ่งส่ายหน้าทันที “ผมแค่คิดว่าคุณเฟิงปิงน่าจะอยู่เฝ้าคุณจาง”
“ทำไมล่ะ?” หล่อนถามสวน ฟ่งนิ่งไปพักหนึ่ง ก่อนจะพูดอย่างไม่แน่ใจ
“ไม่รู้สิครับ ผมคิดว่าคุณจางน่าจะดีใจ ถ้าคุณเฟิงปิงอยู่เฝ้า”
เถียนซิงทำหน้าอึ้ง ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ “นายนี่ตลกดีนะ อะไรทำให้นายคิดแบบนั้น?”
“ความรู้สึกมั้งครับ” ฟ่งตอบ เขารู้สึกว่าเวลาเถียนซิงยิ้มแล้วดูน่ารักขึ้นมากว่าเดิมอีกจมหู หญิงสาวหัวเราะอีกครั้งเผยให้เห็นฟันเขี้ยวและลักยิ้ม
“ฉันไม่รู้หรอกนะว่านายรู้อะไร หรือนายเป็นใคร แต่ฉันก็อยากให้เฟิงปิงอยู่เฝ้าอาซื่อเหมือนกัน
ฟ่งอ้าปาก มองหน้าหญิงสาวด้วยความแปลกใจ เถียนซิงมองข้ามไหล่เขาไป แล้วเอ่ยคำขอตัว
“ฉันไปก่อนล่ะ” หล่อนกล่าว ก่อนจะเดินจากไปทั้งอย่างนั้น ฟ่งยืนมองหญิงสาวอย่างงงๆ สงสัยว่าเธอมองเห็นอะไรด้านหลังเขากันแน่ ชายหนุ่มค่อยๆ เบือนหน้ากลับไปมอง และพบว่านัยน์ตาสองสีคู่หนึ่งกำลังจ้องเขาอยู่
“กลับกันเถอะครับ” รูฟัสพูด ไม่รู้ว่าชายคนนี้มายืนอยู่ด้านหลังเขานานแค่ไหน ฟ่งยอมรับว่าเขาลืมรูฟัสไปเสียสนิท ร่างบางเกาหัวแกรกด้วยความรู้สึกผิดเล็กๆ
“ไม่คิดจะเข้าไปคุยกับคุณชายเจ็ดเสียหน่อยหรือ?” เสียงหนึ่งเอยทักขึ้น ฟ่งเงยหน้าขึ้นมอง เห็นผู้ชายซึ่งเข้าไปแจ้งข่าวเรื่องจางซื่อเยี่ยนเดินเข้ามา
“ไม่ต้อง” รูฟัสเอ่ยเสียงเรียบๆ โดยไม่หันไปมองคู่สนทนา โจวยี่ยักไหล่
“ถ้าแกคิดจะกลับ แต่ไม่ยอมไปคุยกับคุณชายเจ็ด แกก็ต้องคุยกับพวกที่รอต้อนรับอยู่ด้านล่าง ท่าทางพวกนั้นคงพอใจอยู่ที่แกแทงลูกพี่ของเขาเกือบตายน่ะ” ชายหนุ่มพูดกระแทก รูฟัสหันหน้ากลับไปทันที
“ถ้าพวกมันอยากจะถูกแทงบ้าง ฉันก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก”
“เหรอ..แต่ฉันว่าเด็กของแกอาจจะมีปัญหา” โจวยี่กล่าว พลางพยักพะเยิดไปทางฟ่ง ซึ่งยืนฟังการสนทนาอยู่ รูฟัสขมวดคิ้วเข้าหากัน เงียบไปพักใหญ่
“ฉันไม่นอนค้างที่โรงพยาบาล” เขากล่าว ก่อนจะคว้ามือหนุ่มสวมแว่นที่ยืนอยู่ข้างๆ
“เดี๋ยว รูฟัส” ฟ่งพูดด้วยความงุนงง ขณะถูกอีกฝ่ายกึ่งดึงกึ่งจูงไปตามทางเดิน ผู้ถูกเรียกหันกลับมา
“เราไปกันแบบนี้ได้เหรอ?” ร่างบางเอ่ยถาม ดูไม่ค่อยจะไว้วางใจสถานการณ์มากนัก ผู้ถูกถามชะงักไปพักหนึ่ง ก่อนจะก้าวเดินต่อ
“วางใจเถอะ ผมไม่แทงใครเล่นหรอก”
-----------------------------------------
เว่ยเฟิงปิงเงยหน้าขึ้นมองนาฬิกาแขวนที่ผนัง มันบอกเวลาห้าทุ่มเศษ เถียนซิงเดินออกไปนานแล้ว แต่เขากลับรู้สึกว่าโลกทั้งโลกหนักอึ้ง ชายหนุ่มละสายตาจากนาฬิกาติดผนัง กลับมามองร่างที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้ ตาของจางซื่อเยี่ยนยังคงปิดสนิท เสียงเครื่องช่วยหายใจดังเป็นจังหวะ นัยน์สีฟ้าใสกะพริบถี่ๆ จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่อยากจะเชื่อเรื่องที่ลูกพี่ลูกน้องตัวเองเล่า
ชายที่นอนหลับอยู่นี้เคยช่วยชีวิตเขาไว้หลายครั้งในช่วงที่เขาถูกขับออกจากแก๊ง
คุณชายเจ็ดแห่งตระกูลเว่ยผุดลุกขึ้น เดินไปยังหน้าต่าง มองดูเงาสะท้อนของตัวเองผ่านกระจก หากเป็นตอนก่อนหน้านี้ เขาคงรู้สึกหงุดหงิดรำคาญ และอาจจะรู้สึกเหม็นขี้หน้ามากกว่าเดิมเมื่อรู้ว่าจางซื่อเยี่ยนได้รับคำสั่งของบิดาให้ติดตามเขามานาน
แม้จะเล่าเรื่องอย่างไร เขาก็คงจะปักใจเชื่อว่าสิ่งที่ชายคนนี้ทำทั้งหมดเป็นเพราะคำสั่งของผู้เป็นพ่อ แต่ว่าตอนนี้ ชายหนุ่มกลับเกิดความหวังเล็กๆ ว่าสิ่งที่จางซื่อเยี่ยนทำทั้งหมดนั้นอาจจะไม่ใช่เพียงเพราะคำสั่ง
หากว่าจางซื่อเยี่ยนทำดีกับเขาเพราะเหตุผลอื่น...
หากเป็นเพราะว่าเขาคือคนพิเศษ
เว่ยเฟิงปิงสั่นศีรษะอย่างแรง เหมือนคนพยายามจะตื่นจากภวังค์ รู้สึกอับอายตัวเองที่มัวแต่คิดเรื่องบ้าๆ แบบนี้ คำพูดของฟ่งและเถียนซิงทำให้เขาสับสน ไม่รู้ว่าสองคนนั่นเกิดกินอะไรผิดสำแดงเข้าไปกันแน่ ถึงได้มาพูดเรื่องเดียวกันแบบนี้
ร่างบางหมุนตัวกลับ เดินผ่านเตียงนอนของจางซื่อเยี่ยน เหลือบดูร่างที่หลับอยู่แวบหนึ่ง ก่อนจะเดินออกจากประตูไป
ก็แค่คนที่ทำตามคำสั่งของเว่ยชิง จะต้องเป็นห่วงอะไรนักหนา
------------------------------------------
เสียงปิดประตูของรถซีดานสีดำ ตัดเสียงวุ่นวายภายนอกออกไปแทบจะหมด คงเหลือแต่เสียงเครื่องทำความเย็นภายในรถยนต์ และเสียงเครื่องยนต์ครางหึ่งๆ เบาๆ เท่านั้น
ฟ่งรู้สึกดีใจที่ไม่มีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้น ชายหนุ่มขยับตัวเข้าชิดประตูด้านขวา ตอนนี้เขาและรูฟัสอยู่ในรถคันหนึ่งในขบวนผู้ติดตามของเว่ยเฟิงปิง ดูเหมือนเฟิงปิงจะคาดเอาไว้แล้วว่าขอตัวกลับ ดังนั้นจึงสั่งความลูกน้องว่าให้ตามไปส่งถึงที่ นั่นหมายความว่ารูฟัสจะต้องอยู่ในสายตาเครือข่ายของเว่ยเฟิงปิงตลอดเวลา
รถซีดานเริ่มเคลื่อนตัวออกจากที่จอดรถของโรงพยาบาล ฟ่งหันหน้าไปมองรูฟัสที่นั่งอยู่ที่เบาะอีกฝั่ง หนุ่มร่างใหญ่หันหน้าออกไปทางหน้าต่าง โดยไม่เหลือบมองกลับมาแม้แต่น้อย ความจริงฟ่งเริ่มรู้สึกตั้งแต่ตอนก่อนหน้านี้แล้วว่าท่าทีของรูฟัสดูแปลกๆ ไป บางทีเขาอาจจะรู้สึกไม่ค่อยพอใจกับการต้องอยู่ภายใต้คำสั่งของเว่ยเฟิงปิง
ร่างบางขยับตัว ทำท่าจะอ้าปากพูด แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ แม้ว่าเขาจะอยากรู้เรื่องราวหลายๆ อย่างจากปากของรูฟัส แต่สถานที่ที่มีบุคคลที่สามอยู่ด้วยแบบนี้คงไม่เหมาะ นัยน์ตาสีน้ำตาลเหม่อมองดูใบหน้าได้รูปของอีกฝ่ายพักหนึ่ง ก่อนจะหันหน้าออกไปมองนอกหน้าต่างบ้าง
“ฟ่งครับ ถึงแล้ว”
ผู้ถูกเรียกสะดุ้ง เขามัวแต่คิดนั่นคิดนี่เพลินจนไม่รู้สึกเลยว่ารถหยุดสนิทแล้ว ชายผู้มีนัยน์ตาสองสีมองหน้าเขาด้วยสายตาแปลกๆ ฟ่งยกมือขึ้นดันแว่น ยิ้มแห้งๆ ก่อนจะเปิดประตูรถฝั่งตัวเองออก และพบว่าตอนนี้เขายืนอยู่ด้านหน้าโรงแรมขนาดใหญ่ ฟ่งเงยหน้าขึ้นมองตึกสิบเจ็ดชั้นที่ถูกไฟสปอทไลท์ส่องจนเดาสีที่แท้จริงของตัวอาคารไม่ออก
รูฟัสไม่อยากให้คนของตระกูลเว่ยรู้จักแหล่งกบดานของเขา ดังนั้นจึงให้มาส่งที่โรงแรมแทน ชายหนุ่มเงยมองร่างผอมบางที่กำลังให้ความสนใจกับตัวอาคารด้วยความรู้สึกหลายๆ อย่าง
เสียงปิดประตูรถดึงความสนใจของฟ่งหันกลับมาอีกครั้ง รูฟัสเดินเข้ามาใกล้ด้วยทีท่าเหมือนคนหงุดหงิด ก่อนจะฉวยมือของอีกฝ่ายเอาไว้ราวกับว่าเพิ่งเจอเด็กที่พลัดหลง ฟ่งรู้สึกไม่ค่อยเข้าท่านัก เมื่อถูกจูงมือผ่านประตูโรงแรม เขาพยายามจะสลัดมือออก แต่รูฟัสเหมือนจะยิ่งจับแน่นขึ้น ชายหนุ่มแวะเช็กอินที่เคาน์เตอร์ ทั้งๆ ที่ยังจับมือกันอยู่อย่างนั้น
ในที่สุดรูฟัสก็พาฟ่งมาถึงห้องพัก ซึ่งอยู่ประมาณชั้นสิบสี่ ร่างสูงล้วงกุญแจขึ้นมาไขประตู และเปิดให้อีกฝ่ายเข้าไป ฟ่งก้าวเข้าไปในห้องพัก ซึ่งถูกตกแต่งอย่างสวยงาม ในขณะที่กำลังคิดถึงราคาค่าเช่าห้อง ชายหนุ่มก็ต้องสะดุ้ง เมื่อถูกรวบจากด้านหลัง
“ระ..รูฟัส!” ฟ่งร้องอย่างตกใจ วงแขนแกร่งรัดตัวเขาไว้แน่น พร้อมกับปลายจมูกและริมฝีปากร้อนผ่าวที่ขยับซุกไปตามซอกคอ ร่างผอมบางดิ้นด้วยความตื่นตระหนก
“อย่า!!” ฟ่งพยายามส่งเสียงห้าม ขณะที่อีกฝ่ายยังคงซุกหน้าลงบนซอกคอของเขา ก่อนจะขยับมาขบกัดติ่งหูเบาๆ ฝ่ามือหนานักที่โอบรัดอยู่เริ่มขยับไปตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย
“ปล่อยผม!” ฟ่งร้องจนแทบจะเป็นเสียงตะโกน พยายามแกะมือที่โอบรัดอยู่ออก ได้ยินเสียงด้านหลังเอ่ยขึ้นเป็นครั้งแรก
“Why?”
ฟ่งถอนหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อพบว่าอีกฝ่ายถอนริมฝีปากที่ขบกัดใบหูของเขาอยู่ออกไปเสียที ขนของเขายังคงลุกเกรียวไปทั้งตัวด้วยความตกใจไม่หาย
“มันสกปรก ผมยังไม่ได้อาบน้ำเลยนะ”
ผู้ที่อยู่ด้านหลังเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะพูดตอบ “Umm, I see”
ฟ่งรีบพยักหน้า ภาวนาให้รูฟัสปล่อยเขาออกไวๆ แต่แล้วคำพูดที่ตามมาทำให้ร่างผอมบางสะดุ้งโหยง
“Well, if you must. Just go to take a bath.”
“อะ...เอ้อ...” ฟ่งพูดตะกุกตะกัก เขาไม่ได้อยากอาบน้ำตอนนี้ ก็แค่อยากจะได้เวลาตั้งตัวสักหน่อย แต่มือที่โอบเขาอยู่กลับลากตัวเขาไปยังห้องน้ำทันที โดยไม่เอ่ยถามความสมัครใจต่อเลยสักนิด ร่างผอมบางรู้สึกโมโหขึ้นมา เขาผลักร่างสูงใหญ่ออก และผลักประตูห้องน้ำเข้าไป
“ผมอาบเองได้!” ฟ่งกล่าวเสียงห้วน พลางดันประตูห้องน้ำให้ปิดลง แต่มือแข็งแรงก็ยื่นเข้ามาขวางเอาไว้ หนุ่มสวมแว่นอ้าปากค้าง เมื่ออีกฝ่ายผลักประตูออกและเดินตามเข้ามาด้วย
“Hey, you mind that I’m here?”
ฟ่งอ้าปากพะงาบๆ ไม่รู้จะตอบคำถามนั้นว่าอย่างไรดี ชายหนุ่มรู้สึกไม่ค่อยสบายใจนัก สีหน้าของรูฟัสดูมึนตึง แถมตั้งแต่เข้ามาก็ไม่พูดภาษาไทยกับเขาเลยสักคำ ยืนจ้องหน้ากันอยู่ครู่หนึ่ง ฟ่งก็ตัดสินใจเป็นฝ่ายถอย เขาพยายามจะเบียดตัวกลับออกไปทางเดิม แต่อีกฝ่ายกลับใช้แขนดักเอาไว้ ดูท่าจะไม่ยอมให้เขาออกจากห้องน้ำไปได้ง่ายๆ
“Seems like you do. But you know what? Actually I really don’t care.”
น้ำเสียงของรูฟัสเย็นชาจนฟ่งต้องเงยหน้าขึ้นมอง แล้วก็แทบจะทำหน้าไม่ถูก เมื่อได้ยินประโยคต่อมา
“I want to watch you bath.”
“ไม่ต้อง!!” ร่างผอมบางกล่าวปฏิเสธทันที และขยับตัวห่างออกจากร่างสูงใหญ่ ฟ่งไม่รู้ว่ารูฟัสหมายถึงมอง(Watch)หรืออาบ(Wash)กันแน่ แต่ยังไงทั้งสองอย่างก็ไม่ได้สิ่งที่เขาต้องการอยู่ดี ในเมื่อออกไปไม่ได้ เขาคงต้องมองหาวิธีหลบเลี่ยงอื่น
ขณะที่กำลังยืนคิดอยู่ วงแขนแกร่งก็วกเข้ามารวบตัวเขาไว้อีกครั้ง พร้อมด้วยถ้อยคำที่ทำให้ขนลุก
“I said I want to watch you.”
แทบจะพร้อมกัน กระดุมของเขาก็ถูกปลดออก ฟ่งดินขลุกขลัก รู้สึกโมโหขึ้นมาจริงๆ กับการกระทำแบบนี้ของรูฟัส เขาทั้งศอกทั้งถองอีกฝ่ายอย่างไม่เกรงใจ แต่ก็ดูจะไม่ได้ผลอะไร กระดุมเสื้อถูกปลดออกเรื่อยๆ จนเผยให้เห็นผิวกายที่ซ่อนอยู่ภายใน
ฝ่ามือแข็งแกร่งโอบเอวของเขาไว้แน่น ฟ่งสะดุ้ง เมื่อมืออีกข้างล้วงเข้าไปในอกเสื้อของเขา ความร้อนผ่าวของมันประกอบกับลมหายใจรุนแรงของร่างที่อยู่ด้านหลังทำเอาชายหนุ่มสะดุ้งอย่างห้ามไม่อยู่ และก็ต้องตกใจกว่านั้นเมื่อรู้สึกว่าตรงสะโพกกำลังถูกบางสิ่งบางอย่างเบียดเสียดอยู่
ความแข็งขึงนั้น ต่อให้อยู่ใต้กางเกง ฟ่งก็ยังรู้อยู่ดีว่ามันคืออะไร
ร่างบางร้อนวาบไปทั้งตัว พยายามจะดิ้นให้พ้นจากการเกาะกุมอีกครั้ง แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งเฮือก เมื่อริมฝีปากอุ่นจัดแนบลงบนหลังคอของเขา ก่อนที่ปลายลิ้นร้อนผ่าวจะลากผ่านส่วนนั้นขึ้นมายังใบหูอย่างหยาบโลน มือใหญ่ตะปบลูบแผ่นอกจนหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
ฟ่งคว้าจับมือที่โอบเอวเขาอยู่อย่างลืมตัว ขณะที่อีกมือพยายามจะหยุดการเคลื่อนไหวที่กำลังคุกคามผิวกายของเขาอยู่ แต่ผลักไสได้ไม่เท่าไร ร่างผอมบางก็มีอันต้องสะดุ้งอีกรอบ เมื่อถูกขบซอกคอเบาๆ ปลายนิ้วอุ่นร้อนตวัดรอบยอดอกของเขา ขยี้มันจนรู้สึกเจ็บ
“อื้อ!” ฟ่งครางอยู่ในลำคอ ขณะที่กัดริมฝีปากไว้แน่น ลมหายใจร้อนผ่าวด้านหลังทำเอาสันหลังร้อนวูบวาบไปหมด แต่เขาไม่ได้เต็มใจที่จะถูกกระทำเช่นนี้เลย ร่างผอมบางดิ้นอีกครั้ง ตอนนั้นเองที่ฝ่ามือเลื่อนขึ้นมาจากแผ่นอก จับเข้าที่ใบหน้าของเขา และบังคับบดเบียดริมฝีปากกับร่างที่อยู่ด้านหลัง
ฟ่งเบิ่งนัยน์ตาค้าง รู้สึกเหมือนคอจะหัก ปลายลิ้นที่ล้วงเข้ามาอย่างดุดันเกือบทำให้เขาหายใจไม่ออก รูฟัสทรมานเขาอยู่อย่างนั้นพักหนึ่ง จึงยอมถอนริมฝีปากออก ฟ่งหอบหายใจ ทั้งหูอื้อ ทั้งตาพร่า แต่ยังไม่ทันได้ตั้งสติดี เสื้อผ้าที่หลุดลุ่ยก็ถูกอีกฝ่ายดึงลงไปกองตรงข้อศอก
“Look!” รูฟัสกระซิบเสียงหนัก ขณะเบียดตัวของเขาให้หันไปยังกระจกบานใหญ่ที่ติดอยู่บนอ่างล้างหน้า ฟ่งเห็นร่างท่อนบนเปลือยเปล่าของตัวเองสะท้อนอยู่ในนั้น และร่างสูงใหญ่อีกร่างที่แนบอยู่ด้านหลัง เขามองไม่เห็นดวงตาสีแปลกนั้น เพราะรูฟัสหลุบนัยน์ตาลงต่ำ จนขนตาเป็นแผงสวยบดบังแววตาเอาไว้ ริมฝีปากร้อนผ่าวฝังจูบลงบนซอกคอของเขาอีกครั้ง
ร่างผอมบางสะดุ้งเฮือก เมื่อปลายนิ้วร้อนจัดวนเวียนอยู่บนยอดอกอุ่น ดึงและบีบมันซ้ำหลายหน จนปลายยอดอุ่นอ่อนเริ่มตั้งชันขึ้นมา ฟ่งขบริมฝีปาก ใบหน้ากลายเป็นสีแดงจัด ภาพสะท้อนในกระจกยิ่งทำให้หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ เขาอยากจะเบือนหน้าไปให้พ้นๆ เสีย แต่ริมฝีปากและปลายจมูกที่ซุกไซ้ไล่ไปตามผิวเนื้ออ่อนไหวตรงหลังหูและเนินไหล่ ทำให้เขาได้แต่เพียงสยิวกายด้วยความซ่านเสียว
ลมหายใจอุ่นร้อนปั่นป่วนยังคงดังให้ได้ยินชัดจากด้านหลัง ซิปกางเกงถูกรูดลง แล้วอุ้งมือร้อนผ่าวก็ขยับเข้าลูบส่วนนูนที่ซ่อนอยู่ใต้กางเกงชั้นใน
น่าอายจนไม่อยากอยู่ต่อ แค่ถูกลูบไปหนสองหน อวัยวะตรงนั้นก็แข็งตัวขึ้นจนปลายยอดโผล่พ้นขอบกางเกงชั้นใน ใบหน้าของฟ่งยิ่งกลายเป็นสีแดงจัด ขณะที่ปลายยอดสีเข้มถูกนิ้วมือเรียวถูเบาๆ
“อือ....” เสียงครางในลำคอดังให้ได้ยินอีกหน ร่างผอมบางบิดกายอย่างไม่อาจอดรน มือน้อยกำอยู่บนท่อนแขนแกร่งแน่น ขณะที่ปลายยอดสีเข้มถูกลูบจนเมือกเหลวสีใสเปรอะไปหมด
“How are you feeling?” ประโยคคำถามนั้นทำให้สติของฟ่งกลับมาอีกครั้ง ชายหนุ่มรู้สึกตัวทันทีว่าสิ่งที่กำลังดำเนินอยู่ไม่ใช่อะไรที่เขาเต็มใจเลยสักนิด กระนั้นก็ดูจะเปล่งเสียงเพื่อตอบคำถามนั้นลำบากเหลือเกิน
“ไม่ดี..สักนิด....พอได้แล้ว...อื้อ!!” ริมฝีปากหนาขย้ำลงบนซอกคอเขาอีกหน ก่อนจะกระซิบเสียงหนักอีกครั้ง
“Enough? But I think your body doesn’t say so.”
มือที่ลูบปลายยอดสีเข้มอยู่เลื่อนลงไปยังขอบกางเกงชั้นใน และดึงมันลงไปจนเผยให้เห็นอวัยวะสำคัญที่ผงาดชูชันอย่างเต็มที่ ฟ่งหน้าแดงจัดด้วยความอับอายเมื่อภาพนั้นสะท้อนให้เขาเห็นในกระจก
“Feel good, right?” เสียงเดิมกล่าวขณะที่อุ้งมือร้อนผ่าวรูดส่วนนั้นขึ้นลง ฟ่งขบริมฝีปากจนชา พยายามสูดลมหายใจเพื่อพูดตอบ
“ไม่..อื๊อ...อ๊า!!” ฟ่งอยากจะร้องไห้ออกมา คำพูดที่เขาพยายามจะเค้นแทบตาย ถูกแทนที่ด้วยเสียงร้องน่าเกลียด ร่างผอมบางตัวสั่นด้วยความโมโห แต่ก็ไม่อาจทานต่อความรู้สึกซ่านกระสันที่อีกฝ่ายบำเรอให้ อุ้งมือที่ขยับอย่างช่ำชองทำเอาท้องน้อยกระตุกเกร็งอย่างห้ามไม่อยู่
“Really?” เสียงเดิมถามอีกครั้ง ราวกับประชด ฟ่งขบริมฝีปาก รู้สึกโมโหผู้ชายคนนี้มากจริงๆ เขาพยายามแค่นเสียงอีกรอบ
“ใครมันจะ..ดี....” เสียงพูดถูกกลบด้วยเสียงร้องครางอีกรอบ เมื่ออีกฝ่ายถูมือไปบนยอดปลายสีเข้มที่ฉ่ำแฉะ ร่างผอมบางกระตุกด้วยความเสียวกระสัน ได้ยินเสียงกระซิบข้างหูพร้อมด้วยสมหายใจอุ่นร้อนที่เป่าเข้ามา
“So you enjoyed while someone apart from me touched you?”
ฟ่งอยากจะเอาหัวโขกรูฟัส เขาพยายามพูดอีกครั้ง “จะบ้าเรอะ....มีแต่คุณ..เท่านั้นแหละ”
“Me?” เสียงเดิมเอ่ยขึ้น แต่ดูจะแปลกใจมากจริงๆ กระทั่งมือที่ขยับอย่างคุกคามอยู่ก่อนหน้านี้ก็พลอยหยุด ร่างผอมบางผ่อนลมหายใจอย่างโล่งในอก ก่อนจะรีบพูดต่อ
“มีแต่คนอย่างคุณเท่านั้นแหละที่ทำอะไรบ้าๆ แบบนี้กับผม!” ฟ่งใส่เต็มที่ แม้เหมือนจะถูกทำให้ค้างกลางคัน แต่อารมณ์โมโหมีมากกว่า แต่เสียงของรูฟัสกลับดูแปลกใจมากกว่าเมื่อครู่นี้อีก
“Just me?”
“เออ!” ฟ่งกระแทกเสียงอย่างหงุดหงิด และพูดต่อ “ใครบ้ามันจะทำแบบนี้กับผมอีกนอกจากคุณ!!”
ไม่พูดเปล่า คราวนี้เขาดิ้นอีกหน และหลุดออกจากวงแขนนั้นได้ในที่สุด ฟ่งหมายมั่นปั้นมือว่าเขาจะต้องหันมาเตะหรือต่อยรูฟัสสักหมัด เพื่อให้รู้ว่าเขาไม่ได้พอใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่เลยสักนิด แต่ยังไม่ทันได้หันหน้า วงแขนแกร่งก็ขยับมารวบตัวเขาไว้อีกรอบ ฟ่งดิ้นขลุกขลักอย่างไม่สบอารมณ์ทันที
“My apology, but I thought they had sex with you.”
คนได้ยินตาเหลือก อ้าปากค้าง ก่อนจะโพล่งออกมา “นี่คุณคิดว่าผมไปมีอะไรกับคนอื่นหรือไง!?”
“ก็คุณทำให้ผมคิดนี่ครับ คุณดูเป็นห่วงสองคนนั่นจนผมสงสัย” รูฟัสพูดภาษาไทยออกมาเป็นครั้งแรก แต่ประโยคที่พูดยิ่งทำให้ฟ่งร้องเสียงสูง
“จะบ้าเรอะ! คุณใช้สมองส่วนไหนคิดเนี่ย!!”
“ขอโทษครับ” รูฟัสพูด ฟ่งเห็นนัยน์ตาสองสีสะท้อนอยู่ในกระจก และเหมือนจะเห็นรอยยิ้มโล่งใจที่มุมปากได้รูปนั้น
“ผมรู้แล้วล่ะครับว่าเข้าใจผิด” รูฟัสกระซิบอีกครั้งและก้มลงหอมแก้มคนที่อยู่ด้านหน้า ฟ่งขยับหน้าหนี ก็ก็ไม่วายถูกหอมแก้มเสียงดังฟอด จนอดจะรู้สึกร้อนวูบขึ้นมาไม่ได้
“ปล่อยผมได้แล้ว” ร่างบางเปิดฉากต่อรอง เขารู้สึกอับอายจริงๆ ที่ต้องมาเปลือยแบบนี้หน้ากระจก แถมถูกผู้ชายคนนี้ทำอะไรต่อมิอะไรโดยที่ขัดขืนแทบจะไม่ได้เลย
“ไม่ปล่อยครับ” รูฟัสตอบแทบจะในทันทีและกอดแน่นขึ้น ฟ่งพยายามดิ้นอย่างขัดใจที่สุด
“ปล่อยผมนะ”
“ไม่ครับ”
“ทำไม?”
รูฟัสไม่ตอบ เพียงแต่แลบลิ้นเลียใบหูของเขาอีกหน ฟ่งสะดุ้ง หน้าแดงวาบขึ้นมาทันที
“ไม่เอาแล้ว ปล่อยนะ” ร่างผอมบางยังคงโวยวายต่อ อีกฝ่ายตอบกลับด้วยการลูบมือไปตามร่างกายที่เปลือยเปล่า ไออุ่นที่ซ่านมาตามผิวหนังทำให้ฟ่งสะดุ้งอีกครั้ง
“มีแต่ผมใช่ไหมครับที่ทำอะไรแบบนี้กับคุณ” เสียงเดิมกระซิบ ลมหายใจอุ่นด้านหลังทำเอาลมหายใจของอีกฝ่ายพลอยปั่นป่วนไปด้วย ฟ่งโมโหตัวเองจริงๆ แค่ถูกลูบตามตัวสองสามหน ไอ้ส่วนที่หดไปแล้วเมื่อครู่ ก็ผงาดขึ้นมาอีกครั้ง เหมือนเห็นรูฟัสยิ้มน้อยๆ ในกระจก
“มีแต่ผมใช่ไหมที่ทำให้คุณรู้สึกดี”
ฟ่งพูดตอบอะไรไม่ออกอีก เพราะรูฟัสดันใบหน้าของเขาเข้ามาประกบจูบอีกรอบ ปลายลิ้นที่ขยับเข้ามาอ่อนโยนเสียจนเขาขัดขืนไม่ออก จูบกันได้สักพักรูฟัสก็จับเขาหันหน้าเข้าหากระจกอีกรอบ ฟ่งเห็นตัวเองหน้าแดงจัด ไม่รู้ทำไมท้องน้อยถึงได้ร้อนวูบวาบขึ้นมาอีก ตรงนั้นก็ดูจะตื่นเต้นเต็มที่ รูฟัสโน้มใบหน้าลงหอมแก้มเขาอีกครั้ง
“น่ารักจัง”
ฟ่งไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงต้องใจเต้นกับประโยคพล่อยๆ แบบนี้ของรูฟัสด้วย แต่ยังไม่ทันได้ชักสีหน้า อุ้งมือร้อนผ่าวก็ตะปบลูบลงไปบนส่วนที่กำลังผงาดชูชันนั้นอีกหน ร่างบางสะท้านกายเฮือก ก่อนจะจิกเล็บลงไปบนท่อนแขนแกร่งอีกครั้ง
ฝ่ามือร้อนผ่าวที่ประโลมลูบไปตามลำตัว หยุดเย้าส่วนไวสัมผัสที่ชูชันสองข้างบนแผงอกเป็นระยะ ยิ่งสร้างความกระสันซ่านให้กับร่างผอมบางที่ยืนอยู่ อุ้งมือที่ขยับขึ้นลงอย่างเชี่ยวเชิงดึงรั้งสติสัมปชัญญะออกไปจนแทบสิ้น ฟ่งไม่รู้อีกแล้วว่าทำไมเขาถึงต้องมายืนหน้ากระจกในสภาพแบบนี้ ราวกับภาพที่สะท้อนอยู่ยิ่งกระตุ้นอารมณ์วาบหวามให้เพิ่มสูง
รูฟัสมองดูร่างผอมบางในกระจก พวงแก้มแดงซ่านและนัยน์ตาสีน้ำตาลที่ปรืออย่างเคลิบเคลิ้มทำให้เขาอดไม่ได้ต้องก้มลงจูบพวงแก้มนั้นอีกหน ระบายลมหายใจปั่นป่วนของตนให้คนตรงหน้าได้รับรู้ ฟ่งบิดร่างอย่างเสียวซ่าน ดวงตาสองสีที่สะท้อนประกายอยู่ในกระจกทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงอย่างหาเหตุผลไม่ได้