เอ้ยยย เพิ่งกลับมาอ่านอีกรอบเลยเพิ่งเห็นชื่อยูสไรเตอร์ ใช่พี่กิมป่ะคะ ? พี่กิมจุ้ยที่แต่งฟิคดงบังเรื่อง Flower of Heaven อ่ะค่ะ
ถ้าใช่นี่กรี๊ดมากกกก T ///////////////// T .. (ถ้าไม่ใช่ขออภัยนะคะ /หน้าแตกไป /ฮา)
ปล. ขอคอมเม้นเพิ่มนิดนึงนะคะ คือตัวเอียงเป็นพรืดตอนย้อนอดีตมันแอบอ่านยากนิดนึง
คิดว่าแค่เปลี่ยนสีฟ้อนต์ก็คงเก็ทแล้วค่ะ อันนี้แค่เสนอเฉยๆนะคะเพราะเห็นมันแอบยาวอยู่ แฮ่ะๆ ; ;
ว้าววว...มีคนรู้ซะด้วย แหะๆ ค่ะ เราคือกิมจุ้ยคนเดียวกันกับที่แต่งเรื่องนั่นแหละค่า ขอบคุณนะคะที่ติดตาม ส่วนเรื่องตัวอักษรจะปรับเปลี่ยนนะคะ ขอบคุณอีกครั้งค่ะ
ป.ล ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ที่ให้กำลังใจนะคะ ไม่คาดคิดเลยว่าจะเยอะขนาดนี้ ขอบคุณที่มากจริงๆค่ะ
# อย่าบอกใคร...ว่า...ฉันรักเธอ?#
ตอนที่ 15
มันคืออะไร?
“ค้างที่นี่หรอครับ?”......
จูบเมื่อครู่คิดว่าน่าตกใจพอดูแล้ว แต่ประโยคที่ว่าให้ค้างคืนที่นี่กลับน่าตกใจยิ่งกว่า กวินคิดอะไรอยู่ถึงจะให้เอยค้างที่นี่ นอนค้างกับคนที่เป็นถึงท่านประธานบริษัท นอนค้างกับคนที่เพิ่งขโมยจูบไปหมาดๆ คนที่ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ อาการเมาของเอยหายเป็นปลิดทิ้งเลยทีเดียวเมื่อเจอเหตุการณ์เหล่านี้เข้า
“ผะ..ผมกลับดีกว่าครับ”
“เธอจะดื้อไปถึงไหน อยากโดนอีกใช่มั้ย” กวินพูดไม่พอ ยังเดินตรงมาทางเอยด้วย เอยถอยหลังกรูทันทีที่กวินก้าวขาเข้ามา
“ผมไม่สะดวก...อีกอย่างเดี๋ยวแม่จะเป็นห่วง” เอยพายามหาข้ออ้างต่างๆนานามา
“โทรไปบอกแม่เธอซะ ว่าค้างบ้านเพื่อน”
“แต่..แต่ว่า”
กวินหันมองเอยด้วยสายตาดุดัน นั่นหมายความว่าอย่าแม้แต่จะเอ่ยปากปฏิเสธอีกครั้ง เอยรีบหยุดพูดทันที
“ไปอาบน้ำซะ” กวินว่าก่อนที่จะเดินไปควานหาผ้าเช็ดตัวแปรงสีฟันและชุดนอน ซึ่งเป็นของใหม่ทั้งสิ้นมายื่นมาให้เอย แล้วมองเอยตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนเอ่ยปาก
“ใครเป็นคนบอกให้แต่งตัวแบบนี้?”
“เอ่อ..ดาวช่วยเลือกให้ครับ” เอยตอบ
“กลับมาแต่งแบบปกติซะ”
“ทะ...ทำไมครับ?” เอยถามกลับอย่างกล้าๆกลัวๆ
“มันไม่เหมาะกับเธอ” กวินว่าเช่นนั้น
“แต่...ใครๆก็บอกว่าดูดีหนิครับ” จะเรียกว่าเอยกำลังเถียงก็ไม่ผิด กวินที่กำลังหันหลังอยู่ก็กันหลับมามองเอยที่กำลังถามคำถามนั้น
“ใครบอกเธอว่าดูดี?”
“คือ..”
“ชั้นถามว่าใคร?” กวินถามอีกครั้ง คราวนี้น้ำเสียงดูแข็งกร้าวขึ้น
“พี่แปง...กับดาว ครับ”
“แต่สำหรับชั้น ชั้นว่าไม่เข้ากับเธอ ฉะนั้นเลิกแต่งซะ”
“คะ....ครับ”
เอยเลิกที่จะคิดเถียงหรืออะไรทั้งนั้น เพราะดูก็รู้ว่าไม่มีอะไรจะเอาไปสู้กับกวินได้ แม้จะไม่เข้าใจเลยว่าเหตุใดกวินถึงต้องใช้คำสั่งเหล่านี้กับตน คิดแล้วก็คิดไม่ออก จะปรึกษากับใครที่ไหนได้ ถ้ากับดาวก็หวั่นว่าดาวจะรู้ว่าเป็นกวิน ถ้ากับไทป์ก็กลัวไทป์จะถามซอกแซกว่าเป็นใครอะไรอย่างไร งานนี้เอยจะหันไปปรึกษาใครได้
“เอ๊ะ...หรือว่าจะคุยกับพี่แปงดี?” เอยพูดกับตนเองเบาๆ ก่อนจะค่อยๆยิ้มออกมาเพียงนิด ว่าจะนำเรื่องนี้ไปปรึกษาพี่แปงท่าจะเหมาะ เลยคิดว่าวันจันทร์ที่จะถึงนี้ต้องหาโอกาสคุยกับพี่แปงให้ได้ ไม่ทันคิดอะไรต่อ เสียงของกวินก็ปลุกเอยให้ตื่นจากความคิดของตนเอง
“ไปอาบน้ำได้แล้ว” กวินบอก
เอยพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินไปในทางที่กวินชี้ว่าเป็นห้องน้ำ เอยเดินเข้ามาถึงก็อดจะชื่นชมการตกแต่งของที่นี่ไม่ได้ แม้จะไม่มีความรู้ด้านนี้ก็ตาม แต่เป็นห้องน้ำที่ตกแตงออกมาได้จอบโจทย์การใช้งานอีกทั้งดูดีอย่างไม่มีที่ติ สีดำและขาวเป็นการตัดที่เข้ากันอย่างลงตัว มีโซนฝักบัว โซนกระจกอ่างล้างหน้า และโซนแต่งตัว ทุกอย่างถูกแยกออกเป็นสัดส่วน เอยมองซ้ายขวาก่อนที่จะเดินไปตรงฝักบัวที่เป็นห้องกระจก และจัดการอาบน้ำชำระกลิ่นเหล้าที่ตัวเองรู้สึกว่ามันคละคลุ้งติดตัวออกไปให้หมด
เอยกำลังคิดถึงจูบเมื่อครู่นี้ อาบน้ำไปพลางนึกถึงไป ทำไมกวินถึงจูบ หรือเพียงเพราะแค่อยากจะให้เอยหยุดพูดเลยต้องกำราบด้วยวิธีนี้ อีกทั้งความรู้สึกตอนที่ถูกจูบ ยามเมื่อริมฝีปากแตะ ความร้อนผ่าวก็วิ่งพล่านไปทั่งร่างกาย รู้สึกเหมือนโดนทุบหัวก็ไม่ปาน มึนงง พล่าขาวไปทั้งหัว
“อะไรกันเนี่ยะ?” เอยพูดกับตนเองก่อนจะแตะริมฝีปากของตนเอง ความรู้สึกยังคงติดแน่นไม่จางหายไปไหนเลย
สิบกว่านาทีที่เอยใช้เวลาในการอาบน้ำ ชุดนอนที่กวินให้มาหลวมโพรกพอสมควร เอยจึงได้แต่ม้วนกางหลายพับเพื่อจะให้กางเกงอยู่ติดกับตัวเองให้แน่นที่สุด เสื้อก็แขนยาวกว่ามากจึงจัดการม้วนปลายแขนหลายทบ เอยมองตัวเองในกระจกแล้วหัวเราะออกมา
“ตัวอะไรเนี่ยะ?” ถามตนเองก็จะเดินออกมาจากห้องน้ำ พบว่ากวินอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว คงจะใช้ห้องน้ำในห้องส่วนตัว ปกติทรงผมของกวินที่เซ็ทอยู่ตลอดเวลา ตอนนี้กลับปรกบังหน้าผาก เสื้อกล้ามสีขาวกับกางเกงขายาวสีเทา เป็นอีกมุมที่เอยเพิ่งจะได้เห็น
“เอ่อ..อาบน้ำเสร็จแล้วหรอครับ?” เอยถามกวินที่ตอนี้กำลังเช็ดผมตัวเองอย่
“อืม” ตอบคำถามสั้นๆ ก่อนที่จะเดินไปที่ตู้เย็นพร้อมกับหยิบน้ำดื่มมาหนึ่งขวด ก่อนจะโยนให้เอย
“ดื่มซะ จะได้สดชื่น”
เอยก็ทำตามคำสั่ง ดื่มน้ำไปอึกใหญ่ ก่อนที่จะไปหยิบโทรศัพท์โทรบอกแม่ว่าคืนนี้จะค้างบ้านเพื่อน โดนแม่ถามอยู่หลายนาทีว่าเพื่อนที่ไหนอย่างไร เพราะนอกจากบ้านไทป์แล้วเอยก็ไม่เคยค้างบ้านเพื่อนที่ไหนอีก กว่าจะวางโทรศัพท์จากแม่ได้ก็ปาไปสิบกว่านาทีเห็นจะได้
เมื่อวางโทรศัพท์ พบว่ากวินกำลังนั่งอยู่หน้าโน้ตบุ๊ก สวมแว่นสายตาคาดว่าน่าจะกำลังทำงานอยู่ เอยที่ไม่รู้จะทำอย่างไรเพราะวางตัวไม่ถูก จึงเดินไปหากวิน
“จะให้นอนไหนครับ?” เอยถามออกไป
“ก็ไปนอนที่ห้องสิ” กวินตอบ พลางจ้องหน้าจอทำงานต่อไปโดยที่ไม่หันมองมาที่เอยเลยสักนิด
“แล้วท่านละครับ?”
“ก็นอนที่ห้องเหมือนกัน”
“เดี๋ยวนะครับ...นอนห้องไหนครับ?” เอยถามอย่างไม่กระจ่างในคำตอบที่ได้รับ
“เธอก็ไปนอนที่ห้องไง ห้องสำหรับแขกอยู่ซ้ายมือ เอ๊ะ...หรือว่าอยากนอนห้องเดียวกับฉัน?” กวินละสายตาจากหน้าจอหันมามองหน้าเอยพร้อมยกยิ้มที่มุมปาก
“ปะ..เปล่าครับ งั้นผมขอตัวไปนอนก่อนนะครับ” เอยรีบวิ่งไปยังห้องทางซ้ายมือ ห้องที่มีแค่เตียงนอนกับตู้เสื้อผ้าเล็กๆ การตกแต่งธรรมดา นี่คงจะเป็นห้องสำหรับแขกอย่างที่กวินบอก เอยทิ้งตัวลงนอนบนเตียงกว้าง ตอนอาบน้ำก็คิดไปแล้ว พอมาถึงตอนนี้ก็ยังขบคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาอยู่ดี
จูบ...ถูกกวินจูบอย่างไร้ซึ่งเหตุผล ไม่รู้จิตใจของกวินว่ากำลังคิดอะไรอยู่ถึงทำเช่นนั้น มือนั้นแตะๆตรงริมฝีปาก รู้สึกใจเต้นระรัว หน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทันที เอยเองกำลังถามตนเองว่าเกิดอะไรขึ้นตั้งแต่กวินเข้ามาชีวิตอีกครั้งหนึ่ง กำลังรู้สึกอย่างไรถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น นอนคิดไปเรื่อยๆจนไม่รู้ตัวเลยว่าเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่
ไม่รู้นานแค่ไหนที่หลับไป ไม่รู้ว่าตอนนี้กี่โมงกี่ยามแล้ว แต่เอยกลับรู้สึกว่ามีใครเข้ามาในห้อง คล้ายความฝัน มันเลือนรางจับต้องไม่ได้ รู้สึกถึงสัมผัสแผ่วเบาตรงหน้าผาก ก่อนที่จะรู้สึกเหมือนผ้าห่มเลื่อนมาแถวตรงหน้าอก คือความฝันหรืออะไร สัมผัสตรึงแน่นและอบอุ่น และจากนั้นทุกอย่างก็มืดสนิทลงอีกครั้ง...
...
..
.
เอยกระพริบตาถี่ๆรับแสงที่เข้ามาทางหน้าต่างบานโต ลืมตาขึ้นมาก็ปวดหัว รู้สึกถึงฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่รุมเล่นงานไปทั้งร่างกาย คอแห้งผากราวกับไม่ได้ดื่มน้ำมาหลายวัน เอยลุกขึ้นพิงหัวเตียงอย่างมึนหัว โชคดีที่วันนี้เป็นวันอาทิตย์ วันหยุดที่ไม่ต้องทำงาน ตอนนี้ร่างกายเหมือนยังอยากอยู่นิ่งๆไม่อยากขยับเขยื้อนไปไหน พอตื่นขึ้นมาก็ยังนึกถึงเรื่องราวที่ตนฝันไปเมื่อครู่นี้ แม้ยังปวดหัวและรู้สึกมึนงง แต่ก็จำฝันอันแสนสั้นที่เกิดก่อนจะตื่นนอนได้...
วันนี้เป็นวันที่มีคาบชมรมประจำสัปดาห์ เอยนั่งเตรียมเอกสารตารางเวนบรรณารักษ์ใหม่เพื่อจะส่งให้อาจารย์สุธี โดยที่กี้กำลังพูดคุยกับน้องๆเรื่องการจัดเวรบรรณารักษ์ใหม่ด้วยเช่นกัน
“กี้...เราเอาเอกสารไปให้อาจารย์สุธีก่อนนะ” เอยบอกกี้ ก่อนที่จะเดินออกไปจากห้องสมุด เพื่อไปหาอาจารย์สุธีที่ห้องพักอาจารย์
“อาจารย์ครับ ผมเอาตารางเวรใหม่ของบรรณารักษ์มาให้ครับ” เอยว่า พร้อมกับยื่นเอกสารให้อาจารย์สุธี
“ขอบใจมาก....อ่อ พีระนัม...เธอช่วยเอาเอกสารไปให้อาจารย์เมฆเซ็นที?” อาจารย์สุธีบอกก่อนที่จะยื่นซองสีน้ำตาลให้เอย
“ที่ไหนครับอาจารย์?” เอยถามพลางรับซองนั้นมา
“น่าอยู่ที่โรงประชุมนะ คุมพวกชมรมบาสอยู่”
“ผมไปนะครับ” เอยว่าก่อนที่จะเดินตรงไปยังโรงประชุมอย่างที่อาจารย์สุธีบอก
เอยเดินมาอย่างเร่งรีบ จนในที่สุดก็มาถึง พบว่าตอนนี้เด็กม.ต้นในชมรมบาสกำลังซ้อมเดาะบาสเก็ตบอลพร้อมวิ่งสลับกับกรวยที่วางไว้ มีอาจารย์เมฆเป่านกหวีดชี้มือชี้ไม้สั่งการอยู่ ส่วนอีกด้านเป็นพวกม.ปลายกำลังซ้อมโยนลูกบาสลงห่วง
“เอ่อ อาจารย์ครับ” เอยเดินเลียบๆเคียงๆ ผ่านพวกที่กำลังซ้อมอยู่ พลางเหลือบเห็นกวินที่กำลังซ้อมอยู่เช่นเดียวกันกับคนอื่นๆ แปลว่ากวินเองก็อยู่ชมรมบาสแน่นอน
“ว่ายังไง?” อาจารย์ถามแต่ไมได้ละสายตาจาการคุมซ้อมเลย
“อาจารย์สุธีฝากเอกสารมาให้อาจารย์เซ็นครับ” เอยว่า อาจารย์เมฆจึงจะยอมหันมารับซองพร้อมเปิดอ่าน
ในขณะที่เอยกำลังยืนมองอาจารย์เมฆเซ็นเอกสารอยู่นั้น จู่ๆมีลูกบาสเก็ตบอลที่ไม่รู้มาจากทิศทางใด พุ่งใส่หัวของเอยเข้าอย่างจัง รุนแรงมากชนิดเอยถึงกับเซเลยทีเดียว
“โอ๊ย!!!” เอยร้องออกมา
“เป็นอะไรมากมั้ย?....นี่ๆซ้อมระวังกันหน่อย” อาจารย์สุธีตกใจก่อนจะเอ่ยถาม
“ไม่เป็นไรครับ” เอยตอบ แม้จะรู้สึกเจ็บแปลบๆอยู่ก็ตาม
“ไม่ได้ตั้งใจครับอาจารย์”
เด็กม.ห้าที่น่าจะเป็นคนเล่นลูกบาสลูกนั้นพูดก่อนที่จะหัวเราะอย่างสะใจ เอยมองอย่างรู้สึกไม่ดี ราวกับเด็กคนนั้นโยนลูกใส่ตนเพื่อกลั่นแกล้งก็ไม่ผิด ฉับพลันเอยหันไปเห็นเห็นกวินเอาลูกบาสขว้างใส่เด็กคนนั้นอย่างแรงและเข้าจังๆตรงหน้าผาก เด็กคนนั้นถึงกับทรุดตัวลง
“โอ๊ย!! พี่ทำไรวะ?” เด็กคนนั้นร้องโอดโอยพร้อมจ้องมองกวินอย่างหาเรื่อง แต่กวินจ้องกลับอย่างไม่ยอมเช่นกัน
“สงสัยพี่เขาเห็นตอนมึงขว้างลูกบาสใส่พี่แว่นคนนั้นวะ?” เพื่อนของเด็กคนนั้นพูดขึ้น
“ห่าเอ้ย” เด็กคนนั้นสบถออกมา ก่อนที่จะเดินออกจากตรงนั้นอย่างหัวเสีย กวินหันมามองทางเอย พร้อมกับที่อาจารย์เมฆเซ็นเอกสารเสร็จพอดี
“ครับ” เอยรับเอกสารนั้นก่อนจะหันไปมองกวินอีกที แต่กวินหันไปมองทางอื่นแล้ว...
เอยนั่งนึกถึงฝันของตนเองอยู่เช่นนั้น ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ตนกำลังอยู่ที่คอนโดของกวิน เมื่อคืนเอยออกมาจากบาร์โดยกวินและ....เมื่อคืนถูกกวินจูบ เอยจำเรื่องนี้ได้แม่นยำเพราะเริ่มสร่างเมาแล้ว นึกไปก็รู้สึกว่าหน้าแดงไป ถึงแม้จะไม่มั่นใจในสาเหตุที่กวินจูบก็เถอะ เมื่อรู้ว่าคิดไปอย่างไรก็คิดไม่ตกเอยจึงขยับตัวลุกขึ้นจากเตียง หยิบผ้าเช็ดตัวขึ้นมาแนบอก หวังจะไปอาบน้ำเพื่อสมองจะเลิกคิดฟุ้งซ่าน พอเอยออกไปจากห้องก็พบว่ากวินกำลังทำอะไรสักอย่างบนโต๊ะอาหาร
“ตื่นแล้วหรอ?” กวินถาม
“ครับ” เอยเอาผ้าเช็ดตัวปิดขึ้นมาปิดปาก ไม่รู้ตอนนี้สภาพใบหน้าของตนเองจะยู่ยี่ขนาดไหนเพราะเพิ่งตื่น มันน่าอายหากจะให้กวินเห็นเข้า
“อาบน้ำแล้วก็มาทานข้าวซะ” บนโต๊ะมีข้าวต้มกลิ่นหอมฉุยวางอยู่
“แล้วเสื้อผ้าผมละครับ?” เอยถาม
“ซักเรียบร้อยแล้ว วางอยู่บนโซฟา” กวินตอบสั้นๆ ก่อนที่จะนั่งลงทานข้าวต้มโดยที่ไม่รอเอย
ใช้เวลาไม่นานัก เอยก็อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ก็มานั่งทานข้าวต้มที่กวินใส่ถ้วยไว้ให้แล้ว ข้ามต้มกุ้งรสชาติอร่อย กลิ่นหอม รู้สึกว่าสมองปลอดโปร่ง หายปวดหัวเลยทีเดียว
“วันนี้จะไปไหนรึเปล่า?” กวินถามขึ้นมา ก่อนที่จะวางช้อนข้ามต้มลง
“เอ่อ....ผมว่าจะกลับ....” เอยพูดไม่จบ โทรศัพท์กับแผดเสียงขึ้น ปรากฏว่าไทป์คือคนที่โทรมา
“ว่าไงไทป์....อืมๆ....ตอนนี้เลยหรอ....ได้ๆ....งั้นเดี๋ยวเจอกัน” เอยวางสายก่อนที่จะหันไปมองหน้ากวินที่ตอนนี้กำลังจ้องหน้าเอยอยู่
“คือผม...ต้องไปซ้อมเดินแบบแล้วครับ ไทป์บอกว่าวันนี้จะให้ลองสวมชุดเครื่องเพชรที่เตรียมไว้”
“รีบทาน เดี๋ยวจะไปส่ง” กวินว่า ก่อนที่จะเดินหายไปยังห้องนอน ทิ้งให้เอยนั่งทานข้าวต้มอยู่คนเดียว
“ทำแบบนี้กับคนที่เพิ่งจูบไปเหรอ?” เอยพึมพำถามตนเอง ก่อนที่จะจัดการข้าวต้มที่อยู่ตรงหน้า เพื่อจะเอาแรงไปซ้อมในวันนี้
....
..
..
.
กวินพามาส่งที่สตูดิโอเดิมที่เคยมาครั้งที่แล้ว วันนี้กวินใส่สูท คาดว่าจะต้องไปทำงานที่ไหนสักแห่ง รถหรูขับมาจอดเทียบหน้าสตูดิโอแล้ว เอยเห็นไทป์เดินออกมาจากด้านในพอดี
“ขอบคุณครับที่มาส่ง”
กวินไม่พูดอะไร แต่กลับจ้องมองไทป์ที่เหมือนกำลังจ้องมองมาที่รถคันนี้ ไทป์ชะเง้อคอมองราวกับต้องการสอดส่องว่ารถของใครมาจอดที่ตรงนี้ เมื่อเป็นเช่นนั้นกวินจึงเดินลงไปจากรถและเดินอ้อมมาเปิดประตูให้เอย พร้อมกับปลดที่คาดนิรภัยให้เรียบร้อย
“ตอนค่ำจะมารับ” กวินบอกแค่นั้น
“เอ่อ...ไม่ต้องครับ ผมกลับเอง” เอ่ยละล่ำละลักบอก พร้อมกับรีบลงจากรถแทบจะทันที ตอนนี้ไทป์เดินตรงมาด้วยความรวดเร็ว
“ฉันบอกว่าจะมารับ” กวินพูดย้ำ ก่อนที่จะหันไปมองไทป์พร้อมรอยยิ้มมุมปาก จากนั้นจึงกลับขึ้นรถและขับออกไปด้วยความรวดเร็ว ไทป์ก้าวพรวดพราดเดินมาทางเอยก่อนเอ่ยถาม น้ำเสียงดูจะตะลึงงึนงันจนเกือบเรียกได้ว่าตกใจเลยทีเดียว
“อะ...ไอ้เอย มึงมากับไอ้กวินได้ยังไง?”......
++++++++++++++++++++++