วงล้อที่ยี่สิบสาม
ไม่นึกไม่ฝันว่าจะมานอนตัวเปล่าไร้เสื้อผ้าอาภรณ์ใต้ผ้าห่มผืนเดียวกับบอสใหญ่แห่ง Fountain Casino
ไม่มีคนเมา ไม่มีคนขาดสติและไม่มีคนยับยั้งความชั่งใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อตอนเช้าตรู่
“เรื่องอลัน ไม่ต้องเป็นห่วง ฉันจะจัดการให้เรียบร้อย” จู่ ๆ ก็มีเสียงดังขึ้นมาจากคนด้านหลังที่กอดกระชับร่างภาสกรเอาไว้อยู่
“เอ่อ..คือ..เรื่องคุณอลัน ไม่เป็นไรครับ” ชายหนุ่มบอกตะกุกตะกัก ภาสกรคิดอย่างที่พูดและเขาก็คิดว่าตนเองไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะมากะเกณฑ์มีสิทธิ์ให้อรรควัสทำอะไรอย่างนั้น
“ไม่เป็นไรได้อย่างไร เธออยากให้ฉันมีคนอื่นนอกจากเธอด้วยหรือ” อ้อมแขนแข็งแรงกอดคนปฏิเสธแน่นขึ้นไปกว่าเดิม
“คุณอลันไม่ได้ทำอะไรผิดแต่เป็นผมต่างหาก..ดีไม่ดีคุณอลันคงจะโกรธผม” ภาสกรหน้าสลดโดยที่คนด้านหลังไม่มีโอกาสเห็น ทว่าเจ้าของอ้อมแขนกลับสัมผัสได้ถึงน้ำเสียงความรู้สึกผิดจึงพลิกร่างอีกฝ่ายให้หันกลับมาเผชิญหน้ากับตนเอง
“พาย..ฉันจะบอกอะไรให้เธอฟังอย่างหนึ่ง”
“ครับ” คนรู้สึกผิดสบตากับคนเรียกชื่อ
“อลันไม่ใช่คนรัก เขาอยู่กับฉันเพราะเรามีผลประโยชน์ร่วมกัน ทุกอย่างคือสัญญาข้อตกลง ฉันจะยกเลิกเมื่อไหร่ก็ได้ เขาเองก็เช่นกัน ดังนั้นเธอไม่ควรกังวลเรื่องของอลัน เข้าใจหรือเปล่า” อรรควัสบอกให้อีกฝ่ายได้รับรู้คร่าว ๆ ถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหนุ่มน้อยต่างชาติ
“เข้าใจครับ”
“เข้าใจก็ดีแล้ว แต่ว่าตอนนี้ฉันจัดการเลยไม่ได้ ยังมีเรื่องสำคัญที่ต้องจัดการก่อนจะยกเลิกสัญญากับอลัน”
“ผมไม่รู้ว่าบอสต้องจัดการเรื่องอะไร แต่อันที่จริงบอสไม่จำเป็นต้องยกเลิกสัญญากับคุณอลันเลยด้วยซ้ำ เพราะผมเองก็ไม่ได้คิดเรียกร้องอะไร” ภาสกรตอบอย่างที่ใจคิด เขาเองก็เป็นผู้ชาย และไม่ได้เสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ยิ่งพอได้รู้ว่าอรรควัสคือพี่ชายคนนั้น ยิ่งทำให้เขาเต็มใจเสียด้วยซ้ำ
“แต่ฉัน
เรียกร้อง”
“บอส..” ภาสกรอ้ำอึ้งไม่รู้จะพูดอย่างไรดีจึงเรียกอีกฝ่ายลอย ๆ ขึ้นมา
“อรรค” หากเจ้าของตำแหน่งบอสกลับพูดชื่อตัวเองออกมาเสียอย่างนั้น
“ครับ?”
“อรรค ไม่ใช่บอส” คนอนุญาตเปรยมาถึงขนาดนี้ ถ้าภาสกรไม่เข้าใจคงแย่เต็มทีว่าคนตรงหน้าสื่อความหมายอะไร
“ครับ บะ.. เอ๊ย คุณอรรค”
“เด็กดี” บอสใหญ่พึงพอใจกับการว่านอนสอนง่ายของคนอายุน้อยกว่า เขายื่นหน้าเข้าไปใกล้ก่อนจะประทับริมฝีปากลงบนหน้าผากนวลของอีกฝ่ายเบา ๆ ทีหนึ่งแล้วจึงผละออกมา ปล่อยให้คนที่ถูกขโมยจูบนั้นก้มหน้างุดลงไม่ยอมสบตา
“หลบตาทำไม”
“เปล่าครับ” ชายหนุ่มปฏิเสธ ใจเขาเต้นรัวเร็วกับเพียงจูบแผ่วเบาเพียงใดนั้นคงไม่มีใครรู้ได้นอกจากตัวเอง
“มากกว่านี้ก็ทำไปแล้ว ยังจะเขินอยู่อีก”
“...” ภาสกรไม่พูด กลับก้มหน้าลงกว่าเดิมจึงได้ยินเสียงทุ้มหัวเราะเพราะอาการของเขา หัวใจรัวกลอง ทำไมคนที่เงียบขรึม ดุอยู่เป็นนิจ ไฉนเมื่อละลายพฤติกรรมแล้วกลับแปรเปลี่ยนเป็นคนละคนไปได้ หากบอสใหญ่ยังขืนแกล้งเขาต่อไม่หยุด เห็นทีภาสกรคงต้องหลับตาหนีอีกฝ่ายแน่แล้ว
“จะทำอย่างไรให้เธอไม่เขินดี”
“ไม่ต้อง..”
ภาสกรเงยหน้าขึ้นปฏิเสธไม่ทันจบประโยค ปากที่เจ่อแดงเล็กน้อยก็ถูกสัมผัสเข้าอีกครา มันถูกดูดดึง โลมเลียจนชายหนุ่มปรับลมหายใจไม่ทันอีกแล้ว ปากสวยเผยอออกหมายจะโกยอากาศเข้าปอดกลับได้บางสิ่งที่นุ่มนิ่มเข้ามาพัวพันกับลิ้นของเขาแทน
มือของคนที่เป็นฝ่ายเริ่มนั้นลูบไล้ร่างกายเปล่าเปลือยของภาสกรอย่างถือสิทธิ์ คล้ายกับต้องการปลุกปั่นสร้างให้เกิดอารมณ์ และคงทำได้สำเร็จเมื่อได้ยินเสียงครางเบา ๆ ดังออกมาจากปากเจ้าของร่างกาย
คนแก่กว่าเลื่อนตัวเองให้ลงไปที่กึ่งกลางลำตัวภาสกร เมื่อผ้าห่มหลุดพ้นจากร่างกาย ภาสกรเกร็งตัวขึ้นอัตโนมัติด้วยความตกใจผสมผสานกับความหนาวเย็นจากเครื่องปรับอากาศ ยังไม่ทันที่จะคว้าผ้าห่มคืนมาแต่กลับต้องจับไหล่หนาของคนที่อยู่ด้านล่างไว้แน่นด้วยความหฤหรรษ์เมื่อแกนกลางลำตัวถูกครอบครองด้วยริมฝีปากจากอีกฝ่าย
ให้เอ่ยออกมาเป็นคำพูดคงไม่สามารถบรรยายความรู้สึกได้เลยว่าตอนนี้ภาสกรมีความสุขแค่ไหน เขาได้สัมผัสเพศรสจากการถูกปรนเปรอด้วยความเชี่ยวชาญของอีกคน แทบจะทำให้เขาสำลักความสุขสมตายเสียตรงนี้ ภาสกรไม่เคยมีความสัมพันธ์กับใคร มีอรรควัสเป็นคนแรกและอีกฝ่ายทำให้รู้อย่างหนึ่งว่าหลังผ่านความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดในครั้งแรกไปแล้ว เขากลับพึงใจในเรื่องนี้พอสมควร
คนที่กำลังนอนระทวย เต็มไปด้วยอาการลมหายใจติดขัด จวนเจียนใกล้จะถึงปลายฝั่งฝัน เต็มไปด้วยความรู้สึกในห้วงอารมณ์ ล่องลอยอยู่บนปุยเมฆนั้นมือของบอสกลับหยุดไม่ขยับต่อ ภาสกรลืมตามองการกระทำนั้นด้วยความไม่เข้าใจหรือเขาจะโดนแกล้งอีกแล้ว
“ยังเสร็จไม่ได้เดี๋ยวจะเหนื่อยหมดแรงไปเสียก่อน” คนคุมเกมเฉลยให้อีกฝ่ายฟัง หากภาสกรไปถึงปลายทางเพียงคนเดียวเสียตั้งแต่ตอนนี้ เกรงว่าเจ้าตัวจะเหนื่อย อ่อนเพลีย จนไปไม่ถึงขั้นตอนสุดท้ายสำหรับกันและกัน
เจ้าของคำพูดพลิกร่างขาวให้คว่ำลงกับเตียงนุ่ม พลันขยับตัวขึ้นมาโลมเลียต้นคอของอีกฝ่าย กดจูบบดย้ำให้สมกับการเฝ้ารอ แต่ต้นคอคนนอนคว่ำคงเย้ายวน น่าดึงดูดคนมองมากไปหน่อยจึงอดไม่ได้ที่จะขบเม้มเบา ๆ ให้เจ้าตัวได้รู้สึกวูบวาบราวกับมีกระแสไฟไหลผ่านร่างกายไปอย่างควบคุมความรู้สึกไม่ได้
“บอส..” เสียงกระเส่ายามเอ่ยเรียกอีกฝ่าย ทว่าเจ้าของชื่อกลับไม่ค่อยพึงพอใจนัก จึงกัดใบหูคนเรียกหากไม่แรงนักเพื่อเป็นการบ่งบอกให้ภาสกรนั้นเรียกชื่อตนเสียใหม่
“ลืมชื่อฉันไปแล้วหรือ”
“ขอโทษครับ” สติอันน้อยนิดทบทวนคำพูดอีกฝ่ายก่อนจะเปล่งออกมาใหม่อีกครั้งอย่างถูกต้อง “คุณอรรค”
“เก่งมาก” เมื่อเอ่ยชมก็ต้องได้รับรางวัล อรรควัสหันใบหน้าภาสกรมาทางข้างซ้ายก่อนจะแนบใบหน้าตนเองลงไปจูบอีกฝ่ายเพื่อมอบรางวัลให้
“อือ..” เสียงครางเครือแทบจับคำไม่ได้ แต่นาทีนี้คงไม่มีใครสนใจอยากรู้ความหมายคำเหล่านั้น
เรียวลิ้นพัวพันในช่องปากได้รูปของชายหนุ่ม ภาสกรคนไม่ถนัดด้านนี้แต่เมื่อฝึกไม่นานก็เริ่มคุ้นเคยขึ้นมาบ้าง เจ้าตัวเริ่มตอบสนองอีกฝ่ายกลับส่งผลให้บอสหนุ่มนั้นเพลิดเพลินไม่น้อยกับความตั้งใจของคนใต้ร่าง ช่างเป็นเด็กที่เรียนรู้เร็วเหลือเกิน แต่ทั้งนี้อรรควัสก็ยินดีหากว่าภาสกรนั้นจะเรียนรู้และฝึกฝนกับเขา ไม่ใช่กับคนอื่น เพราะเขาคงไม่มีทางยอมให้อีกฝ่ายหลุดลอยไปอีกครั้งเด็ดขาด
เขาเคยยอมให้ภาสกรใช้ชีวิตในแบบที่เจ้าตัวต้องการ อีกทั้งยังทำใจยอมรับว่าถ้าอีกฝ่ายจะคบใครอื่นไม่ว่าจะชายหรือหญิง เมื่อมีคนรักแล้วจะให้หลีกเลี่ยงเรื่องบนเตียงคงเป็นไปไม่ได้ ทั้งที่เคยให้ใช้ชีวิตอย่างอิสระแล้ว แต่ภาสกรก็ไม่เคยมีแฟนเป็นตัวเป็นตนเสียที วันนี้ทุกอย่างกลับตาลปัตร หลังจากนี้เขาคงไม่มีวันยอมให้อีกฝ่ายตกเป็นของใครได้อีก
นิ้วมือที่เคยจับดินสอวาดรูปนั้นลากไล้ผ่านแนวกระดูกสันหลังภาสกร ไม่เร่งรีบแต่ไม่ได้เชื่องช้า ทุกอย่างเป็นไปตามจังหวะที่พอเหมาะพอดี ค่อย ๆ ป้อนความดื่มด่ำอารมณ์พิศวาสที่กำลังดำเนินต่อไปไม่หยุดยั้ง กระทั่งได้ยินเสียงฉีกห่อฟอยล์ดังขึ้น ภาสกรเกร็งตัวอัตโนมัติรับรู้เหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้
ขลาดกลัวแต่ก็เฝ้ารอขั้นตอนเตรียมร่างกายให้พร้อมใช้เวลาอยู่พักใหญ่ ต่างคนต่างอดทนรอเพราะรู้ว่าผลของมันนั้นคุ้มค่ามากแค่ไหน อรรควัสเคยมีคู่นอนมากมายก็จริงหากเขาไม่เคยเอาแต่ตัวเองสุขสม ถึงอย่างไรเรื่องเซ็กซ์นั้นก็ควรมีความสุขทั้งสองฝ่าย ขนาดคนที่เขาไม่เคยคิดคบหาหรือมีใจให้ อรรควัสยังไม่เคยลงไม้ลงมือหรือทำให้อีกฝ่ายต้องเจ็บปวดทางร่างกาย แล้วยิ่งเป็นภาสกรคนที่เขาคอยมองหามาตลอดด้วยแล้ว เขายิ่งต้องดูแลดีกว่าคนอื่นหลายร้อยเท่า ไม่ยอมให้ต้องรู้สึกไม่ดีแน่นอน
จะเรียกว่าลำเอียงก็คงไม่แปลก
อันที่จริงทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับภาสกร ไม่ว่าจะเรื่องอะไรบอสคนนี้ก็ลำเอียงมานานแล้ว
เมื่อทุกอย่างลงตัวพร้อมจะไปต่อชายหนุ่มที่ยังนอนคว่ำอยู่รับรู้ได้ถึงช่องทางของตนเองกำลังถูกบางสิ่งสอดใส่เข้ามาเรื่อย ๆ จนในที่สุดสองร่างก็สอดผสานกลายเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างสมบูรณ์
“ผม..” ชายหนุ่มเผยอปากเพียงเล็กน้อยเมื่ออีกฝ่ายขยับตัว
ภาสกรกำผ้าห่มแน่นตามความรู้สึกที่ปะทุขึ้น เขาอยากจะกัดหมอนเพื่อกลั้นเสียงที่น่าอายของตนเองไม่ให้เล็ดลอดไป หากก็ทำไม่ได้ไม่รู้ว่าหมอนที่หนุนนอนอยู่ก่อนหน้านี้หายลับไปไหนเสียแล้ว เขาจึงพยายามกัดริมฝีปากแน่น ทว่าบอสหนุ่มคงเดาได้จึงพลิกร่างภาสกรกลับมานอนหงายแทน
เมื่อเผชิญหน้ากันภาสกรก็เลือกหลบตาอย่างรวดเร็ว
“อย่าอายฉันเลย” บอสหนุ่มบอกด้วยน้ำเสียงติดจะอ่อนโยน
“คือผม..”
“มองฉันสิ”
“...” ภาสกรไม่ตอบ
“...” ส่วนอรรควัสก็ไม่พูดอะไรอีก ภาสกรกลับรู้สึกไม่ค่อยดี รู้สึกเหมือนเป็นความผิดเล็ก ๆ จึงยอมทำตามใจอีกฝ่าย เงยหน้าขึ้นเพื่อสบตากับคนข้างบน
และภาสกรก็ได้รับรางวัลอีกครั้ง
เหตุการณ์บนเตียงยังดำเนินต่อแม้จะไม่มีใครพูดหรือเอ่ยวาจาอะไรใด ๆ ออกมา แต่สายตาทั้งคู่กลับมองกันอยู่ตลอดเวลา ต่างฝ่ายต่างรับรู้ตัวตนซึ่งกันและกัน
สุดท้ายเมื่อทุกอย่างสิ้นสุดลง ภาสกรถึงกับเหนื่อยหอบกับบทเรียนที่สองนี้ เขาสะลึมสะลือถูกอรรควัสประคองไปล้างเนื้อล้างตัวอีกรอบ เมื่อหัวถึงหมอนก็ได้ยินคำพูดแว่ว ๆ เข้ามาในหูว่าพรุ่งนี้สามารถหยุดงานได้หนึ่งวัน เขาจึงพยักหน้าพลางยิ้มรับ ตอบกลับไปไม่รู้ตัวและพาตัวเองเข้าสู่ห้วงนิทราไปอย่างรวดเร็ว
“พรุ่งนี้ไม่ต้องไปทำงานนะพาย”
“อือ”
“วันนี้เธอน่ารักกับฉันมาก”
เนื่องจากช่วงเย็นวันเดียวกันไม่ต้องทำงาน ชายหนุ่มจึงนอนเสียเต็มอิ่ม ตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็ไม่พบกับคนที่นอนอยู่ด้วยกันเมื่อเช้า หากภาสกรไม่ได้รู้สึกเสียใจหรือน้อยใจ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าอีกฝ่ายคงไปที่คาสิโนแล้วแน่ ๆ บอสงานเยอะแค่ไหน ใคร ๆ ต่างก็รู้ดี
เมื่อคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว ใบหน้าก็ร้อนฉ่า ยกมือขึ้นปิดหน้าก่อนจะสลัดศีรษะแรง ๆ รีบใส่เสื้อผ้ากลับไปที่ห้องพักของตัวเอง จัดการธุระส่วนตัว ออกไปหาอะไรกินสำหรับมื้อเย็นอันเป็นมื้อแรกของวันอย่างเรียบร้อย เขาจึงเห็นข้อความที่ถูกส่งมาจากภารวีหรือพี่พรีม พี่สาวของตนเอง น้องชายคนดีจึงรีบโทรกลับหาพี่สาวโดยด่วน
“พี่พรีม”
เมื่อภารวีกดรับ ภาสกรก็รีบเรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงสดใสทันที พักหลังเขามีโอกาสคุยกับพี่สาวน้อยกว่ามารดาเพราะพี่สาวนั้นเลือกรับทำงานพิเศษโดยการไปสอนเป็นครูพิเศษตามบ้านเพื่อหาเงินมาจุนเจือครอบครัวอีกทาง
“เงียบหายไปเลยนะเรา ถ้าพี่ไม่ส่งข้อความไปจะโทรหาพี่บ้างไหม” เสียงตำหนิแต่ก็แฝงด้วยความเป็นห่วงถูกส่งกลับมา
“ก็พี่พรีมไม่ค่อยว่าง พายเลยโทรหาแม่คนเดียว” น้องชายคนเล็กโต้แย้งเพราะรู้จักนิสัยพี่สาวคนโตดี ภารวีแค่เป็นห่วงเขาเท่านั้น
“จ้า พี่มันงานยุ่งเอง” ภารวีประชดคนโทรหาเล็กน้อยแต่ไม่ได้จริงจัง
“พี่พรีมสบายดีไหม งานหนักหรือเปล่า ถ้าหนักไปก็ไม่ต้องสอนพิเศษแล้วนะครับ พี่คอยดูแลแม่ดีกว่า เดี๋ยวพายส่งเงินไปให้เยอะ ๆ เอง”
“พี่สบายดีพาย เรื่องงานไม่ต้องเป็นห่วงหรอก งานที่พี่ทำอยู่งานมันเป็นงานเบา ๆ สบายกว่าเราเยอะ ว่าแต่เราเถอะเป็นไงบ้าง”
“สบายดีครับ พี่พรีมไม่ต้องเป็นห่วงพายนะ”
“เรามันปากแข็ง พี่รู้ว่าที่นั่นงานหนัก ทำงานที่คาสิโนเดินไปเดินมาทั้งวันไม่ได้นั่ง เหนื่อยแย่เลย” ภารวีพูดอย่างเป็นห่วง ก่อนหน้านี้เธอก็พอจะรู้จากนวพล เพื่อนสนิทของน้องชายมาบ้างว่าลักษณะงานที่คาสิโนเป็นอย่างไร
“ตอนแรกก็เหนื่อยแหละพี่ แต่พอร่างกายมันปรับตัวได้ก็ไม่เหนื่อยแล้ว” ภาสกรตอบ โดยหลีกเลี่ยงเรื่องที่เขาไม่ได้ทำงานที่คาสิโนแล้ว เกรงว่าหากบอกพี่สาวและแม่ไป เธอสองคนจะเป็นกังวลเสียเปล่า ๆ อีกอย่างหนึ่ง อีกไม่กี่วันเขาก็จะได้กลับไปทำงานต่อที่คาสิโน ดังนั้นจึงเลือกไม่เล่าจะดีกว่า
“พี่รู้ว่าพายเก่ง เข้มแข็งแต่พี่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดี”
“พายเอาตัวรอดได้น่า ว่าแต่พี่พรีมมีเรื่องอะไรถึงบอกให้พายรีบติดต่อกลับ” ชายหนุ่มย้ำให้พี่สาวมั่นใจพลางถามถึงสาเหตุหลักที่พี่สาวส่งข้อความมาหา
“เออ..จริงด้วย พี่เกือบลืมเลย พี่ขอถามอะไรหน่อย” ภารวีเกริ่นด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ครับพี่พรีม”
“ตอบพี่มาตามตรงนะ”
“ทำไมต้องทำเสียงเครียดด้วย พูดเหมือนพายไปทำอะไรผิด” คนที่เพิ่งไปมีสัมพันธ์กับเจ้าของคาสิโนเริ่มเสียวหลัง เหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้นไม่นาน พี่สาวของเขาจะรู้เรื่องนี้แล้วเหรอ แล้วจะรู้ได้อย่างไร
“ถ้าไม่มีเรื่องเงินมารักษาแม่ พายอยากกลับบ้านไหม”
“โธ่ นึกว่าเรื่องอะไร” ภาสกรโล่งใจจนปิดกั้นความดีใจไม่มิด “พี่พรีมถามทำไมอะ”
“ตอบมาเถอะน่า พี่อยากรู้”
“อืม ก็...ถ้าไม่มีเรื่องเงินก็คงจะกลับมั้งครับ”
“ถ้าอย่างนั้นก็กลับบ้านเราได้แล้วเจ้าพาย” หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“เอ๊ะ!? เกิดอะไรขึ้นอะพี่พรีม”
“ทางโรง’ บาลเขาติดต่อพี่มาเรื่องค่ารักษาของแม่น่ะ จู่ ๆ ก็มีคนมาบริจาคเงินให้”
“เอ้ย..พี่พรีมแน่ใจเหรอ เช็กแล้วหรือยัง” ภาสกรขมวดคิ้ว มีเรื่องอะไรแบบนี้กับครอบครัวเขาด้วยเหรอ ไม่น่าเชื่อและไม่น่าเป็นไปได้เลย
“เช็กเรียบร้อยแล้ว ไม่งั้นพี่จะบอกในข้อความที่ส่งไปให้พายเหรอว่าเป็นเรื่องด่วนสำคัญมากน่ะ”
“ใครกันที่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายให้พวกเรา” ชายหนุ่มฟังแล้วก็นึกสงสัย
“พี่เองก็ไม่รู้เหมือนกัน มาจากผู้ไม่ประสงค์ออกนาม แล้วทางโรง’ บาลไม่สามารถบอกได้”
“เขาให้ผิดคนหรือเปล่าครับ พายคิดว่าแปลก ๆ นะ ครอบครัวเราถึงไม่ได้ร่ำรวยแต่ก็ไม่ได้สิ้นไร้ไม้ตอกยากจนขนาดต้องขอรับบริจาค”
“พายอย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะ พี่กับแม่ไม่เคยประกาศขอรับบริจาคเลยเหมือนกัน และพี่ก็เช็กกับทางโรง’ บาลแล้วชื่อที่เขาต้องการให้คือชื่อของแม่เราจริง ๆ พี่เองก่อนที่จะบอกพายก็สอบถามกับทางโรง’ บาลมาอย่างละเอียด ตอนรู้เรื่องก็งงเหมือนกัน”
“เราไม่รับดีไหมพี่” ภาสกรยังไม่ไว้ใจ
“อันที่จริงพี่ปฏิเสธไปแล้ว แต่ทางโรง’ บาลยืนยันได้ว่าถูกต้องตามขั้นตอนทุกประการจริง ๆ และอยากให้เรารับไว้ พี่ก็เลยตกลงรับมา”
“เหรอครับ เสียดายที่เราไม่รู้ว่าใคร พายอยากไปขอบคุณเขา แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าทำไมต้องเลือกครอบครัวเรา”
“คนบริจาคอาจจะมีเงินเยอะแยะล่ะมั้งพาย เลิกคิดมากดีกว่า ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว พายลาออกจากงานกลับมาอยู่บ้านเราเถอะ”
“เอ่อ..พาย...คือ” ตอนที่เขาตอบคำพี่สาวคราวแรกนั้นก็ตอบแบ่งรับแบ่งสู้เพราะคิดว่าพี่สาวตนเองนั้นถามเล่น ๆ ไม่จริงจัง แต่เมื่อเป็นเรื่องจริงเขากลับลังเลยังไม่อยากกลับไปตอนนี้
สาเหตุแรกคือเขายังไม่รู้ตัวการเลยว่าใครเป็นคนใส่ร้ายเขา
ส่วนอีกสาเหตุก็คงเป็น..คุณอรรค
“อย่าบอกนะว่าที่อึกอักลังเลไม่อยากกลับแบบนี้เพราะเรามีแฟนแล้ว” ภารวีพูดอย่างรู้ทัน
“ใช่ที่ไหนกันเล่า” น้องชายรีบปฏิเสธแต่ก็รู้ว่าคงปิดอาการไม่มิดสักเท่าไหร่
“ให้พี่บอกแม่ไหมว่าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนยังไม่กลับจากนอกเพราะติดผู้ชายอยู่ เอ๊ะหรือผู้หญิงนะ” หญิงสาวยังเย้าแหย่น้องชายต่อไม่หยุด
“พี่พรีม!! อย่าแกล้งพายสิ”
“ก็เรามันน่าแกล้ง ตกลงว่ายังไม่อยากกลับเหรอ”
“พายขอยังไม่กลับตอนนี้ได้ไหมครับพี่พรีม”
“อีกนานไหม พี่กับแม่คิดถึงเรามากนะ”
“พาย..ยังไม่รู้ แต่พายก็คิดถึงแม่กับพี่พรีมนะ ยังไงพายก็จะกลับไปหาแม่กับพี่แน่นอน”
“รู้ใช่ไหมว่าพี่เป็นห่วงพาย แม่ก็เหมือนกัน”
“ครับ”
“ถ้ามีปัญหาหรือมีอะไรที่ไม่ชอบมาพากล กลับบ้านเราเลยนะ เข้าใจหรือเปล่า” ภารวีบอกแกมสั่ง
“เข้าใจครับ แต่ไม่มีอะไรหรอกน่า พายก็แค่สนุกกับงานอยู่”
“อืม ตามใจพายละกัน งั้นพี่จะบอกแม่ตามนี้ก็แล้วกันว่าพายยังอยากหาประสบการณ์การทำงานต่ออีกหน่อย แบบนี้โอเคไหม”
“ขอบคุณครับ พี่พรีมใจดีกับพายที่สุด”
“จ้า ก็เรามันดื้อน้อยเสียเมื่อไหร่ล่ะ อย่าทำให้แฟนปวดหัวล่ะรู้ไหม” หญิงสาวหัวเราะก่อนจะปิดท้าย “ถ้าอย่างนั้นพี่ไปสอนพิเศษต่อก่อนนะพาย ดูแลตัวเองด้วย”
“พี่พรีมเลิกแกล้งพายได้แล้ว
“จ้า ๆ”
“พี่พรีมกับแม่ดูแลตัวเองด้วย พายคิดถึงนะครับ”
“คิดถึงก็โทรหาแม่บ่อย ๆ ล่ะ”
“ครับ”
หลังสายสนทนาสิ้นสุดลง ภาสกรก็นึกถึงเรื่องที่ภารวีโทรมา ใครกันที่บริจาคเงินมาช่วยเหลือครอบครัวเขา และไว้ใจได้มากน้อยแค่ไหนกัน แต่ถ้าภารวีก็ตรวจสอบกับทางโรงพยาบาลมาอย่างดีแล้ว เขาควรจะต้องเบาใจใช่ไหมว่าไม่มีปัญหาอะไรแน่ ๆ อย่างน้อยแม่ก็จะได้รักษาตนเองโดยไม่ต้องมาพะวงถึงเรื่องเงินอีกต่อไป จิตใจก็น่าจะแจ่มใสเบิกบานขึ้น ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี
ว่าไปก็อยากกลับไปกอดแม่เหมือนกัน ถ้ารู้ตัวคนร้ายเมื่อไหร่ เขาคงจะต้องกลับบ้านอย่างจริงจังเสียที
เมื่อถึงตอนนั้นหากต้องลาจากเจ้าของคาสิโนไป
ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรเลย
========================================
หวังว่าตอนนี้พอจะทดแทนได้นะคะ
ขอบคุณทุกท่านค่ะ
HASHTAG #พนันท้ารัก ค่ะ