(ต่อ)
ผมก้าวเข้าไปหาอีกฝ่ายด้วยอารมณ์ที่อธิบายไม่ถูก ดีใจน่ะมันก็ดีใจอยู่หรอก เพราะรักคือคนที่ผมอยากพูดอยากคุยด้วยที่สุดในตอนนี้ แต่อีกใจผมก็อดแปลกใจไม่ได้ ถ้าเป็นรักที่ผมรู้จักก่อนหน้านี้คงโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยงกลับบ้านไปแล้ว หรือไม่ก็แสดงออกชัดเจนว่าไม่พอใจเวลาที่เห็นผมไปใกล้ชิดกับใครที่เขาไม่ชอบ(โดยเฉพาะกับไอ) แต่นี่รักกลับยืนรอผม? ด้วยสีหน้าท่าทางที่ไม่มีเค้าของความหงุดหงิดอีกต่างหาก? มันก็เลยทำให้ผมเกิดอีกความรู้สึกหนึ่งคือ...กลัว กลัวว่ารักจะหมดเยื่อใยต่อผมแล้ว เขาไม่แคร์แล้วว่าผมจะทำอะไร เพราะผมไม่สำคัญสำหรับเขาอีกต่อไป?
แบบนั้นไม่เอานะ ถ้าเป็นงั้นผมขอรักที่ขี้โมโหขี้หึงเหมือนเดิมยังดีซะกว่า เหวี่ยงใส่ผม โกรธใส่ผม ให้ผมตามง้อ ตามขอโทษ ตามเอาใจเหมือนเดิมสิ รักที่เงียบๆ แบบนี้ผมไม่รู้ว่าควรจะเข้าหายังไงเลย เลยได้แต่มาหยุดยืนเก้กังอยู่หน้าเขาแบบไม่รู้ว่าควรพูดหรือควรทำหน้ายังไงดี
“รัก..” ผมคิดว่าควรจะเปิดบทสนทนา แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากอะไรดี
“หมดชั่วโมงทำงานแล้วหรือไง?” ในที่สุดรักก็เป็นฝ่ายเริ่มพูดก่อน นั่นทำให้ผมใจชื้นเป็นกอง แต่..
“งาน?”
“ก็...งานเทพบุตรแสนดีที่ต้องคอยดูแลทุกคน” คนพูดไหวไหล่ “หรือไม่ใช่?”
“ไม่ใช่” ผมยิ้มขำ ช่างประชดประชันนะ
รักทำเหมือนว่าไม่แคร์อะไรนัก ไม่ได้กดดันที่ต้องมาเผชิญหน้ากันหลังจากห่างมาพักใหญ่ แต่แววตาของรักกลับดูขาดความมั่นใจ ดูวูบไหวในบางครั้ง เห็นได้ชัดว่าท่าทางที่เขาแสดงออกก็แค่การพยายามกลบเกลื่อนความรู้สึกที่แท้จริงก็เท่านั้น และมันกำลังทำให้ผมยิ้มได้
“ขำอะไร?” รักขมวดคิ้วเมื่อเห็นผมไม่เลิกยิ้มสักที
“เปล่า” ผมขยับเข้าไปใกล้อีกนิด ลองแตะมือรักดู เห็นไม่มีท่าทีจะสะบัดออก ก็เลยได้ใจจับมันเอาไว้หลวมๆ ทั้งสองมือ โดยไม่ละสายตาไปจากตาอีกฝ่าย
“ไม่คิดว่าใกล้ไปหน่อยหรือไง?” รักถามเมื่อผมขยับเข้าไปอีกจนเหลือระยะห่างไม่เกินฝ่ามือ
“อยากจะมองหน้ารักให้ใกล้ๆ” ผมพยายามสบตากับดวงตาที่หลุบต่ำลง “ไม่คิดว่าเราห่างกันนานไปแล้วหรือไง?”
“ก็ไม่คิดว่ามึงจะอยากใกล้กับคนอย่างกูอีก”
“คนอย่างรักทำไม?”
“ก็นิสัยไม่ดี”
“เราก็นิสัยไม่ดีเหมือนกัน เราชอบทำให้แฟนต้องน้อยใจบ่อยๆ”
“แก้ได้ป่ะ?”
“จะพยายาม”
“จะพยายามเหมือนกัน”
“งั้น..” ผมประสานนิ้วกับมือของรักทั้งสองข้าง “ดีกันนะ?”
“ถ้ามึงยกโทษให้กู”
“ไม่เคยถือโทษอยู่แล้ว”
รักเริ่มยิ้มออกบ้าง
“ถึงเวลาจูบกันได้หรือยัง?” ผมถามยิ้มๆ แล้วก็ได้คำตอบเป็นจูบกลับมาอย่างทันใจเลย
“ไปบ้านกูไหม?” รักเลื่อนมากระซิบถามข้างหู
เราผละออกสบตากัน แล้วต่างคนต่างวิ่งไปหารถกอล์ฟที่รักจอดไว้แบบเต็มฝีเท่าแบบไม่มีใครยอมใคร ขึ้นรถได้ก็หัวเราะชอบใจพลางหอบไปด้วย
“รถนี่วิ่งเร็วสุดได้เท่าไหร่?” ผมถาม รักหัวเราะแล้วกระชากรถออกจนผมแทบหาที่จับไม่ทัน
บ้านพักหลังเล็กของรักถูกสร้างแยกห่างจากบ้านหลังใหญ่หลายก้าวตามที่เจ้าตัวต้องการ เรื่องความเป็นส่วนตัวจึงสบายใจหายห่วง ปัญหาสำหรับผมตอนนี้มีแค่เมื่อไหร่เราจะเข้าไปข้างในกันได้สักที
“เร็วหน่อย” ผมเร่งคนที่ยืนซ้อนอยู่ข้างหน้า พยายามเสียบกุญแจแต่ไม่เข้ารูสักที คงเพราะมืดด้วย และเพราะผมเอาบางอย่างที่เริ่มโป่งนูนดันกางเกงผ้าออกมาไปเบียดกับก้นของรักด้วยแหล่ะ เจ้าตัวก็เลยออกอาการมือสั่นนิดหน่อย
เห็นแบบนั้นก็ยิ่งอยากแกล้ง เลยงับต้นคอไปที ทีนี้กุญแจหล่นจากมือรักเลย ช้ากว่าเดิมอีก กรรม แต่ผมก็อดขำไม่ได้ ฮ่ะๆๆ
“มึงอ่ะ!” โดนศอกกลับมาที แต่ไม่มีปัญหา
พอประตูบ้านเปิดออก ผมก็รีบดันรักเข้าไปข้างใน แล้วไม่สนใจประตูนั่นอีก ไม่สนใจจะควานหาสวิทช์ไฟเปิดด้วย อาศัยแค่แสงสลัวจากไฟสวนรอบบ้านเท่านั้น ผมเริ่มจูบรักระหว่างที่อีกฝ่ายพยายามจะพาเราไปยังห้องนอน มันเลยทุลักทุเลนิดหน่อย แถมยังไปไม่ทันถึงที่หมายความอดทนของผมก็หมดซะก่อน ผมดันรักหลังติดผนัง แล้วเริ่มปลดกางเกงเขาตรงนั้นเลย
ผมนวดน้องขายของรักผ่านกางเกงบ็อกเซอร์ที่เขาใส่อยู่ อีกมือก็ลูบไล้ไปตามใต้เสื้อเขา รักครางฮือโดยที่ปากของเราแทบไม่เคยแยกออกจากกัน ผมดึงกางเกงบ็อกเซอร์ลงแล้วสัมผัสกับแท่งร้อนนั้นโดยตรง รักก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีด้วยการทำแบบเดียวกันกับของของผม
“อือ...อืมมมมม..” เสียงหอบหายใจสลับกับเสียงครางลึกในลำคอ
จังหวะที่เร่าร้อนขึ้นทำให้รักเบียดตัวเข้าหาผมมากขึ้น ก่อนจะเกร็งตัวแล้วปล่อยของอุ่นเหลวจากร่างกายออกมามากมายเต็มมือผม
“ข้น.. ไม่ค่อยได้เอาออกเหรอ?” ผมสังเกตน้ำของรักที่มันค่อนข้างจะเหนียวติดมือ ขณะที่อีกฝ่ายซบหน้าหายใจหอบอยู่กับไหล่ผม ..เสียงเซ็กซี่ได้อีก บอกเลย
“อือ ก็คิดนั่นนี่หลายเรื่อง เลยไม่ค่อยมีอารมณ์..” รักก้มมองของผมที่ยังค้างคาอยู่ แล้วจู่ๆ เขาก็คุกเข่าลง
“รัก?” ผมถอยออกมาก้าวหนึ่งอย่างตกใจ แต่ก็ถูกดึงให้กลับไปยืนที่เดิม
“เฉยๆ น่า” เขาสั่งแค่นั้นแล้วก็เริ่มใช้ปากให้กับผม
ซึ่งเขาไม่เคยทำแบบนี้มาก่อน มีแต่ผมเท่านั้นที่เป็นฝ่ายทำให้ รักไม่ได้เรียกร้องเองหรอก เพียงแต่ผมอยากทำให้เขามีความสุขก็เท่านั้น แต่ถ้ารักคิดจะคืนความสุขให้กันแบบนี้ อีกไม่กี่นาทีผมคงถึงไปสวรรค์แน่ๆ
“รัก..” ผมสอดมือเข้าไปในเรือนผมของอีกฝ่าย
“ดีไหม?” รักเหลือบตาขึ้นถาม
เสียดายที่มืดไปหน่อย เลยเห็นใบหน้าที่มองขึ้นมาจากมุมต่ำไม่ถนัดตาเท่าไหร่ ไม่งั้นคงได้เก็บเป็นอีกหนึ่งภาพประทับใจในความทรงจำแน่ๆ ..อ๊า เสียดาย ผมคิดถึงสวิทช์ไฟก็นาทีนี้แหล่ะ
“มากเลยล่ะ รักเก่งจัง” พอได้รับคำชมก็เหมือนว่ารักมั่นใจที่จะทำมากขึ้น สวนทางกับความอดทนของผมที่ลดน้อยลงทุกขณะ
“อื้อ..เดี๋ยว..พอแล้ว..พอก่อน” ในที่สุดก็ทนไม่ไหว ผมต้องรีบดันหัวรักออก แล้วจัดการกับตัวเองต่อ
“อ่า...อืมมม..รัก..รัก..” ระหว่างนั้นรักยังนั่งมองอยู่ที่เดิม และมันกระตุ้นอารมณ์ดิบในตัวผมได้เป็นอย่างดี “รัก.. ขอปล่อยใส่หน้าได้ไหม?”
“อือ” คำตอบที่ไม่ได้ตาดหวังหมดใจว่าจะได้ ทำเอาน้ำผมพุ่งแทบจะทันทีที่สิ้นเสียงนั้น..
รักมีผงะไปบ้างตอนที่ถูกซาดซัดใส่ แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้ว่าอะไร เพียงแค่แตะส่วนที่เลอะหน้ามาถูนิ้วดูแล้วย่นคิ้ว ผมรู้ทันทีว่าเจ้าตัวกำลังคิดอะไร ลักษณะจะคาใจว่าผมไปทำกับใครมาหรือเปล่าแน่ๆ มันเลยไม่เหมือนของเขา ผมเลยต้องชิงบอกก่อน
“เราคิดถึงรักทุกวันอ่ะ มันเลยไม่ข้น”
“หื่น” ก็เลยโดนว่ากลับมาแบบนั้น แต่ผมไม่ซีเรียสนะ เพราะผมรู้ตัวว่าบางทีผมก็หื่นเหมือนกัน ฮ่ะๆๆ
กว่าจะมาถึงเตียง เสื้อผ้าก็ไม่เหลือติดตัวกันสักชิ้นแล้ว รักผลักผมลงไปบนที่นอน ก่อนเจ้าตัวจะตามมาขึ้นคร่อม ผมเหลือบเห็นโคมไฟบนโต๊ะข้างเตียงเลยเอื้อมมือไปกดเปิด จะได้มองเห็นแววตากันบ้าง รักไล่พรมจูบตามตัวผม จากสะดือ ขึ้นมาลิ้นปี่ มาหัวนมทั้งสองข้างที่รักหยุดเล่นด้วยนานหน่อย ก่อนจะขึ้นมาไหปลาร้า มาซอกคอ แล้วก็หยุดนิ่งไปดื้อๆ โดยที่สองแขนโอบรัดรอบตัวผมเอาไว้แน่น
“รัก?” ผมเรียกอย่างแปลกใจ
“นึกว่าจะไม่ได้กอดแบบนี้อีกแล้ว..” เสียงอู้อี้ที่ตอบกลับมาทำให้ผมยกสองแขนโอบรอบตัวอีกฝ่ายไว้เหมือนกัน
“กูกลัวมาตลอด.. ถึงมึงจะบอกว่าไม่เลิก ถึงมึงจะบอกว่ารักกู แต่วันนั้นมึงดูโกรธแล้วก็ผิดหวังในตัวกูมาก จนกูไม่รู้ว่าจะเอาความกล้าที่ไหนกลับไปเจอหน้ามึงอีก ..ไม่กล้าโทรไปหาด้วย”
ผมนอนรับฟังความในใจของอีกฝ่ายเงียบๆ ด้วยรู้ดีว่ารักไม่ใช่คนที่จะพูดอะไรในใจออกมาตรงๆ บ่อยนัก เมื่อเขาพูด ผมก็ควรจะเป็นผู้ฟังที่ดี
“กูได้แต่คิดว่าทำไมมึงถึงรักกู? รักตรงไหน? คนอย่างกูมีอะไรให้คนอย่างมึงรัก? แล้วหลังจากแยกกันวันนั้นมึงจะยังรักอยู่ไหม? กูหาเหตุผลเข้าข้างตัวเองไม่ได้ ไม่ได้เลยสักข้อ กูไม่มีความมั่นใจ..”
รักพลิกลงจากตัวผม แล้วเปลี่ยนเป็นนอนตะแคงหันหลังให้ผมแทน
“กูชอบเวลาที่มึงบอกว่ารักนะ แต่กูไม่รู้เลยว่ามันหมายถึงอะไรกันแน่.. มึงใจดีกับกู แต่ก็ใจดีกับคนอื่นเหมือนกัน บางทีเลยอดคิดไม่ได้ว่าคำว่ารักที่มึงบอกกู มึงเอาไปบอกกับคนอื่นด้วยหรือเปล่า.. ไม่ใช่แค่กู..”
“มีแค่รัก” ผมยืนยัน
“แล้วทำไมถึงเป็นกู?”
“ก็ไม่รู้เหมือนกัน..” ผมนึกถึงครั้งหนึ่งที่พี่หงษ์เคยพูดกับผม
‘ถ้าต่ายมีความรัก ต่ายจะเข้าใจ.. ความสมเหตุสมผลทั้งหมดมันจะหายไป’ มันอาจจะจริง.. รักไม่ใช่คนที่น่ารัก ไม่ใช่คนที่น่าทนุถนอม ไม่ได้หัวอ่อนว่าง่าย ไม่สุภาพอ่อนโยน และคงไม่ใช่ผู้สนับสนุนที่ดี แต่ทั้งหมดที่เป็นตัวเขาก็ทำให้ผมรักได้อย่างไม่ต้องสงสัยเป็นอื่นเลย บางทีความรักก็เป็นอะไรที่ไร้เหตุผลแบบนี้ล่ะมั้ง
“ตอนที่เห็นมึงอยู่กับไอ้ไอเมื่อกี๊ กูก็กลัวขึ้นมาอีก..” คนพูดพลิกตัวหันหน้ามาหาผม “กลัวว่าจะหมดโอกาสของกูแล้ว กลัวว่ามันจะสายเกินไปสำหรับกูแล้ว กลัวว่าคืนนี้มึงจะไม่กลับลงมาจากเรือนพักหลังนั้นแล้ว อยากจะตามขึ้นเรือนไปลากมึงลงมา แต่ก็สงสัยว่าตัวเองยังมีสิทธิ์หรือเปล่า”
ถึงตอนนี้ผมหลุดขำออกมาอย่างลืมตัว รักเลยลุกขึ้นมานั่งคร่อมทับอยู่บนหน้าท้องผมแบบฉุนๆ
“ไม่ตลกนะเฮ้ย”
“โทษที” ผมกลั้นยิ้ม ลูบต้นขาอีกฝ่ายเล่นเพลินๆ
“กูยืนรอทั้งที่ไม่คิดว่าจะมีหวัง แต่ข้อความคิดถึงที่มึงส่งให้ก่อนหน้านั้นทำให้กูยังไม่ไปไหน...”
“เรากับไอเป็นแค่เพื่อนกัน” ผมพูดให้รักมั่นใจ “ไม่ว่ายังไงก็เป็นได้แค่เพื่อนกัน ไม่มีเกินเลยกว่านั้น เชื่อใจเรานะ”
ผมจับมือข้างหนึ่งของรักมาจูบ จ้องลึกเข้าไปในตาที่ยังคงขาดความมั่นใจนั่น
“กูไม่รู้ว่าจะเลิกขี้หึงได้หรือเปล่านะ” รักหลบตา พูดไม่เต็มเสียงนัก
“ไม่เป็นไร เราชอบให้หึง รู้สึกว่าเป็นที่รักดี” ผมพูดยิ้มๆ คนฟังขมวดคิ้ว แต่ไม่ทักท้วงอะไร
“เรื่องเอาแต่ใจก็เหมือนกัน”
“นั่นก็ไม่เป็นไร เราชอบเอาใจรักอยู่แล้ว”
“อย่าใจดีนักเลย..” รักก้มลงมาเอาหัวโขกอกกผมเบาๆ แล้วค้างไปไว้ท่านั้น “มึงจะทำให้กูนิสัยเสียยิ่งกว่าเดิม”
“ก็ดี จะได้ไม่มีใครมารักรักนอกจากเรา”
“มึงเป็นคนแบบนี้เหรอเนี่ย?” รักมองหน้าผมอย่างข้องใจ ส่วนผมก็เริ่มหัวเราะ
“แล้ว.. เราจะต่อกันได้หรือยัง?” ผมถามยิ้มๆ คราวนี้เป็นรักที่เริ่มหัวเราะบ้าง
“หนาวจนอะไรๆ มันเริ่มหดหมดแล้วเนี่ย” ผมแกล้งบ่น นี่ที่กลางคืนอุณหภูมิแค่ 10 องศาต้นๆ เท่านั้น ถ้าไม่มีกิจกรรมเรียกเหงื่อ การนอนแก้ผ้าไม่ใช่หนทางแห่งสุขภาพที่ดีแน่ๆ
“เดี๋ยวทำให้ร้อนเอง” รักยิ้มยั่ว ก่อนขยับนั่งต่ำลงไปอีกหน่อย แล้วเริ่มใช้สะโพกตัวเองเสียดสีเรียกความรุ่มร้อนให้ช่วงกลางลำตัวของผมอีกรอบ
รักก้มลงมาดูดลิ้นผม นิ้วโป้งของเขาบอดคลึงหัวนมผมทั้งสองข้าง และสะโพกของเขาก็ยังไม่หยุดทำงาน คือ..อันที่จริงมันทำงานได้ดีมากเลยล่ะ เล่นเอาหยุดจินตนาการไม่ได้เลยหากได้รักขึ้นขย่มจริงๆ ผมคงถึงได้ในไม่กี่นาทีแน่ๆ
“รัก..” ผมรั้งต้นขารักให้ขยับขึ้นมา ไม่งั้นเดี๋ยวรีบถึงฝั่งนำหน้ารักไปจริงๆ ซะก่อน ทำเป็นเล่นไป
ผมดึงให้รักขยับขึ้นมาจนสามารถใช้ปากให้กับเขาได้ เสียงครางเล็ดลอดมาเป็นจังหวะระหว่างที่รักใช้มือรองหัวผมไว้แล้วโยกเอวสวนเข้ามาในปากเบาๆ
“ต่าย..”
ผมเหลือบมองคนเรียกที่ตอนนี้แดงเถือกตั้งแต่หน้าจรดไอ้ที่คาปากผมอยู่เลย
“กูจะทำให้มึงด้วย”
“เอาสิ” ผมหรือจะขัดศัทธา ไม่มีอ่ะ ฮ่ะๆๆ แต่พอเห็นรักจะไถลตัวลงไปข้างล่าง ผมก็จับเขาเอาไว้ก่อน “69”
รักทำตามที่บอกอย่างว่าง่าย เขาเปลี่ยนทางคร่อมผม แล้วหันก้นมาให้ แน่นอนว่าท่านี้มันค่อนข้างจะล่อตาล่อใจผมจนอดเอานิ้วไปนวดคลึงรอบๆ ตรงนั้นดูไม่ได้ อยากรู้เหมือนกันว่ารักจะให้ได้แค่ไหน เจ้าตัวสะดุ้งในตอนแรก แล้วก็มีหลุดเสียงครางออกมาบ้าง แต่ไม่ได้ห้ามปราม มันเลยทำให้ผมได้ใจ คราวนี้เลยลองใช้ลิ้นควบคู่ไปด้วย แป๊บเดียวก็ได้ยินเสียงร้องเบาๆ ก่อนจะรู้สึกถึงน้ำอุ่นๆ ที่รักเพิ่งปล่อยออกมา
ผมประหลาดใจนะ คือเราเพิ่งเริ่มกันเองไง ใบหน้าที่หันมาแบบตื่นๆ ของรักทำให้รู้ว่าเจ้าตัวเองก็ตกใจกับเหตุการณ์สายฟ้าแล็บนี้เหมือนกัน รักไม่ใช่พวกหลั่งเร็วนะ ผมยืนยันได้
“ดีเหรอ?” ผมเลิกคิ้วถาม อีกฝ่ายทำหน้าเหมือนไม่รู้จะตอบยังไง ดูเหมือนแก้มจะแดงปลั่งมากกว่าทุกที น่ารักซะไม่มีล่ะ ฮ่ะๆๆ
“ไม่..มัน...แปลกๆ ..เสียวแปลกๆ” ตอบอ้อมแอ้มไม่เต็มเสียงอีกต่างหาก
“ถ้ามากกว่านี้ได้ไหม?” ผมลองขอดู รักมีสีหน้าลังเลอย่างเห็นได้ชัด
“ไม่ได้..เตรียมอะไรมา..” ในที่สุดรักก็ตอบ “ไม่มีถุง...ไม่มีเจล..”
“โอเค” ผมยอมตัดใจง่ายๆ “งั้นเดี๋ยวทำแบบเมื่อกี๊ให้อีกรอบ”
“เฮ้ย ไม่เอา!” รักรีบตะกายออกจากตัวผม ดูจากลักษณะแล้วน่าจะเขินมากกว่าเป็นอย่างอื่น เห็นแบบนั้นเลยยิ่งอยากแกล้ง พอคว้าขารักได้ผมก็จับยกล้อซะเลย
“เฮ้ยยย ปล่อยกู๊วววววววว!”
“น่า อยู่นิ่งๆ เดี๋ยวดีเอง”
“ม่ายยยยยยย!!”
“ฮ่าๆๆๆๆ”
TBC. แหม่ มันควรจะมาตั้งแต่วันหยุดที่แล้ว ล่วงเลยมาจนถึงเพลานี้จนได้
ไม่มีอะไรจะแก้ตัวค่ะ เพราะประมาทในชีวิตล้วนๆ ตอนมีเวลาไม่รีบทำ
พองานเข้ายาวๆ เลยไม่มีเวลาให้ทำจริงๆ นี่ก็ยาวมาจนถึงตี4กันเดัยทีเดียว
แฮปปี้ทูรี้ดค่ะ
หื่นรับยามเช้า อิอิ