ตอนที่ 9
“อยู่นิ่งๆซิ” พสุธาดุคนตัวเล็กที่พยายามสะบัดมือเขา
“นายแหละ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ จะมาจับทำไม” วรภัทรพยายามแงะมือที่จับต้นแขนเขาทำอย่างไรก็เอาไม่ออก มืออะไรแข็งราวกับคีมอย่างนี้
“เอ๊ะอย่าดิ้น เลือดหยุดไหลหรือยัง เดี๋ยวไปทำแผลก่อน” พสุธาดึงวรภัทรให้เดินตามชินกรขึ้นไปห้องพัก โดยไม่สนใจคนตัวเล็กที่พยายามดิ้นรนให้พ้นจากเขา
“โอ๊ยเลือดหยุดไหลแล้ว เดี่ยวให้ไอ้รันทำแผลให้ก็ได้ ไอ้รันโว๊ย ช่วยกูด้วย” เมื่อเห็นว่าพสุธาไม่ฟังทำเลย วรภัทรจึงหันไปตะโกนเรียกเพื่อนที่วิ่งตามมา
“พี่ครับ ปล่อยไอ้ภัทรก่อน ไอ้ภัทรใจเย็นๆอย่าเพิ่งโวยวาย” ศรัณที่วิ่งตามเข้าลิฟท์ได้แบบฉิวเฉียดพูดกับพสุธาก่อนหันมาปรามเพื่อนตัวเอง
“คุณก็ดูเพื่อนคุณซิ ดื้อขนาดไหน เจ็บแบบนี้ยังไม่ยอมไปทำแผลอีก” พสุธาฟ้องศรัณแต่ไม่ยอมปล่อยคนตัวเล็กแต่อย่างใด
“เออ...” ศรัณไม่รู้จะพูดยังไงในสถานการณ์แบบนี้
“เดี๋ยวกลับไปบ้านให้ไอ้รันทำให้ก็ได้” วรภัทรรีบบอกเมื่อเห็นว่าพสุธาจะพาเขาไปให้ได้
“กว่าจะถึงบ้านอีกนาน ทำแผลที่นี่ก่อนเผื่อต้องไปหาหมอ” พสุธาดันวรภัทรออกจากลิฟท์เดินตามชินกรไปเมื่อถึงชั้นที่พัก
“บอกว่าไม่ต้องไง นี่ ไอ้รันมันเป็นหมอเดี๋ยวให้มันทำให้” วรภัทรหันมาจับมือศรัณยึดเอาไว้แน่น
“ครับ ผมเรียนหมอ” ศรัณรีบเอ่ยออกไปเมื่อเห็นพสุธามองมาที่เขา
“ใช่มันเรียนหมอ แถมเป็นลูกชายเจ้าของโรงพยาบาลมันคงไม่ปล่อยให้เป็นอะไรไปหรอก ใช่ไหมมึง” วรภัทรกระตุกมือเพื่อนให้ยืนยัน
“ใช่แล้วพี่” ศรัณพยักหงึกหงัก ชายหนุ่มเริ่มงงกับสถานการณ์ตรงหน้า ท่าทีของพสุธาไม่รู้ว่าชายหนุ่มต้องการอะไรถึงไม่ยอมปล่อยเพื่อนเขาสักที
“เออ ผมว่าพวกคุณเข้าไปในห้องทำแผลกันก่อนเถอะ ถึงผมไม่ใช่หมอแต่พอรู้ว่าคุณภัทรควรจะประคบเย็นก่อนที่หน้าจะบวมไปมากกว่านี้” ชินกรเอ่ยขึ้นเมื่อเปิดห้องพักเรียบร้อยแล้ว อีกสักครู่ทางฟอร์นคงให้พนักงานเอาอุปกรณ์ขึ้นมาแล้ว
เมื่อได้ยินดังนั้นศรัณหันไปมองหน้าวรภัทรพบว่าแก้มเริ่มบวมช้ำกว่าเดิมจริงๆ จึงพยักหน้าพร้อมดันให้เพื่อนเข้าห้องไปก่อน วรภัทรได้แต่ขึงตามองหน้าเพื่อนที่ไม่คิดจะช่วยเขาเลย
รอไม่นานพนักงานของโรงแรมก็นำเจลเย็นพร้อมทั้งอุปกรณ์ทำแผลมาให้ที่ห้อง ศรัณรีบส่งให้เพื่อนประคบหน้าทันที
“ประคบไว้ 30 นาทีก่อน วันนี้กับพรุ่งนี้ประคบเย็นวันละ 2-3 ครั้ง ครั้งละ 15 นาที” ศรัณบอก
“อ้าว ไหนบอก 30 นาที” วรภัทรยกเจลออกก่อนแย้งออกมา
“ครั้งแรกประคบไว้ก่อน 20-30 นาทีให้เส้นเลือดหดตัวเพื่อลดอาการบวม” ศรัณอธิบายพร้อมกดเจลลงบนหน้าชายหนุ่มอีกรอบ
“15 นาทีก็พอมั้ง” วรภัทรทักท้วง เขาไม่อยากอยู่ที่นานแม้จะยังเจ็บอยู่
“เพื่อนเราบอก 30 นาทีก็ 30 นาทีนั่นแหละจะอะไรนักหนา” พสุธาที่นั่งอยู่ไม่ไกลพูดขัดขึ้นมา
“เอ๊ะ..”
“ไอ้ภัทร” ศรัณรีบปรามเพื่อนเมื่อเห็นว่าเจ้าตัวเริ่มจะออกฤทธิ์ขึ้นมาอีก
“นั่นซิ พูดมากแบบนั้นไม่เจ็บปากแล้วมั้ง” พสุธาเน้นเสียงอย่างยียวน
“รัน กูไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว กลับบ้านกันเถอะ” วรภัทรได้แต่ฮึดฮัดทำอะไรไม่ได้ จึงหันไปส่งสายตาอ้อนวอนให้เพื่อนแทน
“อืม กลับก็กลับ แต่มึงต้องกินยาแก้ปวดแก้ไข้ดักไว้ก่อน” ศรัณยื่นยาพาราให้เพื่อนก่อนจะยื่นแก้วน้ำตาม
“ขอบคุณพวกพี่มากนะครับ ผมคงต้องพาไอ้ภัทรกลับบ้าน เดี๋ยวพ่อแม่มันจะเป็นห่วงเอา” ศรัณหันมาพูดกับพสุธาเมื่อเห็นว่าวรภัทรทานยาเรียบร้อยแล้ว และการที่อ้างถึงพ่อแม่ของวรภัทรคงทำให้ชายหนุ่มยอมปล่อยพวกเขาออกจากที่นี่
“ในเมื่อไม่เป็นอะไรแล้ว ก็ดี จะกลับก็เชิญ” พสุธาบอกด้วยน้ำเสียงหยิ่งๆ
“งั้นพวกผมไปนะครับ สวัสดี” ศรัณยกมือไหว้ชายหนุ่มก่อนหันไปพยักหน้าให้เพื่อนตามมา
“เฮ้อ ไหนบอสไม่ชอบหน้าเขาไงครับ แล้วทำไมถึงช่วย” ชินกรเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นว่าทั้งคู่เดินออกไปจากห้องแล้ว
“ก็ไม่มีอะไร ถ้าไม่ช่วยเดี๋ยวไอ้ภาคมันจะมาต่อว่าเอาเรื่องได้น่ะซิ”
“ผมว่าคุณภาคเขาคงไม่ว่าบอสหรอกครับ เพราะคุณภัทรเป็นแค่เพื่อนแฟนของคุณภาค แถมยังรู้ด้วยว่าบอสกับคุณภัทรไม่ถูกกัน” ชินกรพูดออกมาดังที่ใจคิด ภาสวรคงไม่ถือสาหาความกับเพื่อนสนิทด้วยเรื่องแค่นี้เป็นแน่
“ชินกร ท่าทางนายจะว่างมากนักนะ ถึงได้มาจ้องจับผิดฉันแบบนี้ ในเมื่อว่างจัดก็กลับไปทำงานที่วางบนโต๊ะฉันให้หมด พรุ่งนี้สายๆจะเข้าไปดู” พสุธาเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงเย็นๆ
“อะไรนะครับบอสนี่มันดึกแล้ว ผม..”
“ก็เพราะมันดึกไง นายควรรีบไปนะเดี๋ยวจะเสร็จไม่ทัน” พสุธาพูดแทรกก่อนที่ชินกรจะพูดจบ
“ครับบอส” ชินกรรับคำด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ ก่อนเดินคอตกออกจากห้องไป
--- Designer’s Love ---
รสิกามองช่อดอกไม้หลากหลายช่อพร้อมข้าวของอย่างอื่นตรงหน้าที่ผู้จัดการส่วนตัวนำมาวางไว้ให้ที่ห้องหลังจากที่ทำงานเสร็จแล้วในแต่ละวัน ส่วนใหญ่จะเป็นช่อดอกกุหลาบต่างสีสันกันไป มีเพียงช่อเดียวที่เป็นลิลลี่สีขาว หญิงสาวหยิบขึ้นมาควานหาการ์ดที่แนบมา เป็นอย่างที่คาดไว้ ลิลลี่ช่อใหญ่จากผู้ให้คนเดิม ไม่มีข้อความอะไรนอกจากชื่อผู้ส่ง’ พสุธา แสงศศินา’ เธอละความสนใจจากช่อลิลลี่มาจัดวางช่อดอกไม้รวมถึงของต่างๆที่ได้รับมาพร้อมถ่ายรูปลงอินตาแกรมเพื่อขอบคุณเจ้าของดอกไม้รวมถึงของฝากอื่นๆไม่ว่าจะเป็นขนม อาหาร ผลไม้หรือตุ๊กตาน่ารักต่างๆกันไป
รสิการวบรวมโพสต์อิทที่แปะมากับของต่างๆรวมถึงนามบัตรและการ์ดเพื่อเก็บเอาไว้เป็นกำลังใจอย่างน้อยเธอก็มีแฟนคลับที่ชื่นชอบและติดตามเธอเสมอมา อาหาร ขนมที่ได้รับมากมายในแต่ละวันโดยเฉพาะของสดที่ไม่สามารถเก็บได้ รสิกาจะแบ่งให้ผู้จัดการ พนักงานออฟฟิตแม่บ้านยามที่โมเดลลิ่งหรือคอนโดอยู่เสมอ ส่วนตุ๊กตาเธอจะแพคเก็บไว้อย่างดี พอใกล้ๆวันเด็ก หญิงสาวจะขออนุญาตบรรดาแฟนคลับนำพวกตุ๊กตาเหล่านั้นไปมอบให้บ้านเด็กกำพร้าเด็กด้อยโอกาสทุกปีตั้งแต่ทำงานมา เมื่อจัดข้าวของเสร็จหญิงสาวก็ปิดไฟนอนเพราะพรุ่งนี้เธอมีนัดกับพลอยลดาและวรภัทรที่บ้านเพื่อดูผ้าไหมที่ใช้ออกแบบ
รุ่งเช้ารสิกาขับรถมาที่บ้านหามารดาก่อนเพราะเมื่อคืนงานเลี้ยงเลิกดึกเธอจึงค้างที่คอนโดไม่ได้กลับบ้าน หญิงสาวหอบผลไม้ที่แวะซื้อที่ตลาดกับรังนกที่ทางสปอนเซอร์รวมถึงเอเจนซี่มอบให้นำมาฝากที่บ้านด้วย
“สวัสดีค่ะแม่ น้าพรรณ” หญิงสาวเอ่ยทักมารดาที่กำลังจัดข้าวของอยู่
“ซื้ออะไรมาเยอะแยะ ของเก่ายังไม่หมดเลย” อรณีมองรังนกในมือลูกสาวก่อนบ่นออกมา
“ไม่ได้ซื้อค่ะ พอดีลูกค้าให้มาโรสเลยเอามาให้แม่”
“หนูเก็บไว้ทานเองบ้างซิ ทำงานเลิกดึกดื่น แถมตื่นเช้าเดี๋ยวจะไม่ไหวเอา”
“โรสแบ่งไว้แล้วค่ะ นี่สำหรับแม่และน้าพรรณ เขาให้มาเยอะแยะโรสทานคนเดียวไม่หมดหรอกค่ะ” หญิงสาวบอกก่อนนำข้าวของไปเก็บเข้าที่
“งั้นก็แบ่งไปให้ภัทรซิ วันนี้จะไปบ้านภัทรไม่ใช่เหรอ”
“สำหรับภัทรน่าจะเป็นขาหมูกับต้มจับช่ายของแม่มากกว่า” รสิกาหันมายิ้มให้มารดา เธอรู้ดีว่าเพื่อนชื่นชอบอาหารที่แม่ของเธอทำมากแค่ไหน
“แม่เตรียมเอาไว้ให้แล้ว” พอรู้ว่าลูกสาวจะแวะไปบ้านเพื่อนสนิทวันนี้ เธอก็ทำเมนูโปรดเตรียมไว้ให้วรภัทรแต่เช้า
“นี่โรสเริ่มอิจฉาภัทรแล้วนะคะ วันนี้วันหยุดแม่กลับลุกขึ้นมาตุ๋นขาหมูให้ภัทร”
“ที่แม่ทำก็เพราะเรานั่นแหละ จะได้ไม่ต้องไปเสียเงินซื้อของไปฝากที่บ้านภัทร ของซื้อไหนจะสู้ที่เราทำเอง” อรณีสอนลูกเสมอเวลาจะไปบ้านใครเขาควรจะมีของติดไม้ติดมือไปฝากเจ้าของบ้านด้วย อย่าไปมือเปล่าเด็ดขาด
“ค่ะแม่ ป่านนี้ไอ้ภัทรคงชะเง้อรอขาหมูแล้วมั้ง” รสิกาโอบกอดมารดาก่อนหอมแก้มท่านเบาๆ
“ไปได้แล้ว ป่านนี้น้าพรรณเตรียมของเสร็จแล้ว” อรณีหันไปดูนาฬิกาพบว่าสิบโมงกว่าแล้ว กลัวว่าลูกสาวจะเอากับข้าวไปไม่ทันมื้อกลางวัน ถึงวันนี้จะเป็นวันหยุดแต่การจราจรก็คับคั่งไม่ต่างจากวันธรรมดา
“ค่ะแม่”
“แล้ววันนี้จะกลับมานอนที่นี่หรือไปนอนที่คอนโดล่ะ” อรณีเดินตามมาส่งลูกสาวที่รถเอ่ยถามขึ้น
“นอนบ้านค่ะแม่ พรุ่งนี้มีงานอีเว้นท์ตอนเย็นค้างที่นี่ดีกว่า”
“จ้า ขับรถดีๆนะลูก” อรณีพยักหน้ารับคำก่อนเตือนบุตรสาวที่ไม่ค่อยได้ขับรถให้ระมัดระวังในการขับขี่ด้วยความเป็นห่วง
“ค่ะแม่โรสจะระวัง เย็นนี้แม่ไม่ต้องทำกับข้าวนะคะเดี๋ยวโรสจะซื้อเข้ามาเอง สวัสดีค่ะ” รสิกาบอกผู้เป็นมารดาพร้อมเอ่ยลาก่อนที่จะขับรถออกไป
--- Designer’s Love ---
“เฮ้ยไอ้ภัทรหน้าไปโดนอะไรมา” รสิกาถามเสียงหลงเมื่อเห็นใบหน้าเพื่อนสนิท
“จะอะไรล่ะ ก็เข้าไปเสือกเรื่องชาวบ้านจนเจ็บตัวไง” นาวินที่รู้เรื่องตั้งแต่เมื่อคืนรีบมาบ้านวรภัทรแต่เช้าพร้อมปัญญวัฒน์และศรัณที่กลัวว่าเพื่อนจะไข้ขึ้นเพราะการอักเสบระบม
“ไอ้วิน ...” วรภัทรหันมาถลึงตาใส่พร้อมชี้หน้าเพื่อนสนิทอย่างเอาเรื่อง
“อ้าววินกลับมาเมื่อไหร่” รสิกาเอ่ยทักเมื่อเห็นสมาชิกร่วมแก๊งของวรภัทร
“กลับมาเมื่อคืนตอนดึกๆน่ะ ถึงก็ได้ข่าวไอ้ภัทรเลย โรสล่ะเดี๋ยวนี้ดังใหญ่แล้วนะ” นาวินตอบหญิงสาวพร้อมเอ่ยแซว แม้ว่ารสิกาจะเป็นนางแบบแต่ก็มีงานโฆษณาหลายตัวจนเป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตาคนทั่วไป
“โรสเข้าบ้านก่อน” ปัญญวัฒน์ออกมาเรียกหญิงสาวเมื่อเห็นว่ายืนคุยกันอยู่ด้านนอกนานแล้ว
“เออ นั่นซิ มาเข้าบ้านก่อน แล้วเอาอะไรมาเยอะแยะ” วรภัทรเอ่ยถามเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเห็นแม่บ้านถือถุงใส่ข้าวของเข้าไปในบ้านก่อนหน้านี้หลายใบ
“แม่ฝากขาหมูกับต้มจับฉ่ายมาให้”
“จริงเหรองั้นเดี๋ยวไปกินกันเลย” วรภัทรเอ่ยขึ้นอย่างดีใจ
“ลาภปากแท้ๆ” นาวินพูดขึ้นด้วยความถูกใจ เขาเองเคยไปทานที่ร้านบ้านหญิงสาวหลายครั้งติดใจรสชาติของขาหมูที่นั่นอยู่มากเหมือนกัน
“ไม่มีของมึง โรสเอามาฝากกูไม่ใช่มึง” วรภัทรยังเคืองนาวินไม่หายที่ว่าเขา
“โห ไอ้ภัทรโคตรขี้งกเลย โรสเอามาตั้งเยอะแยะมึงกินหมดคนเดียวเหรอ” นาวินเดินนำลิ่วเข้าไปในครัวทันทีหลังพูดจบ ชายหนุ่มรู้ดีว่าวรภัทรพูดไปอย่างงั้นไม่คิดอะไรจริงจังสุดท้ายเขาก็ได้กินอยู่ดี
“สวัสดีโรส” ศรัณที่กำลังนอนดูทีวีเอ่ยทักหญิงสาวที่เดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น
“โห เดอะแก๊งอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันเลยนะไม่ซิขาดไปคนหนึ่ง” รสิกาเอ่ยแซวเมื่อเห็นสี่หนุ่มอยู่กันครบขาดแต่หญิงสาวฝาแฝดของนาวินที่ไปเรียนต่อต่างประเทศเท่านั้น
“ก็มาดูภัทรนั่นแหละ เมื่อคืนนัดกันเสียดิบดีว่าไปเยาวราชด้วยกัน สุดท้ายเราไปเก้อคนเดียว” ปัญญวัฒน์บ่นออกมา เพราะเขาเดินไปกินไปรอเพื่อนมาสมทบจนอิ่มแล้วอิ่มอีก
“ใครบอกไปคนเดียว มีแฟนตามติดไปด้วยทั้งคนล่ะไม่ว่า” วรภัทรแขวะปัญญวัฒน์อย่างหมันไส้ เพราะเกิดเรื่องเมื่อคืนทำให้เขาพลาดของอร่อยไปตั้งเยอะ
“เอ่อ สรุปว่าเราจะรู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมภัทรถึงเป็นแบบนี้ รันอีกคน” รสิกาเอ่ยถามขึ้นอย่างใคร่รู้ แม้ศรัณไม่มีรอยฟกช้ำให้เห็นแต่เธอก็เห็นว่าข้อมือชายหนุ่มรัดผ้ายืดเอาไว้
“เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า...” วรภัทรเล่าเรื่องอย่างไม่เต็มใจโดยมีศรัณคอยเสริมเมื่อเพื่อนทำทีจะเล่าข้ามวีรกรรมหัวร้อนของตัวเองกับพสุธา
“โชคดีแล้วที่คุณพสุธามาช่วย ไม่งั้นภัทรอาจจะเจ็บตัวมากกว่านี้” รสิกามองเพื่อนแล้วรู้สึกโล่งใจที่เจ้าตัวไม่เป็นอะไรมากมาย
“เดี๋ยวๆ โรสชมนายนั่นทำไม ไม่เห็นจะช่วยอะไรเลยเหอะ พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง ออ อย่าคิดว่าเขาไม่รู้นะ ช่อลิลลี่สีขาวในอินตาแกรมเมื่อคืนของนายนั่นใช่ไหม” วรภัทรเอ่ยอย่างหมันไส้ปนพาลใส่รสิกาที่ชื่นชมพสุธาไม่ต่างอะไรกับนาวินและปัญญวัฒน์ แถมปัญญวัฒน์ยังบอกให้เขาไปขอบคุณหมอนั่นหลังจากที่หายดีแล้วอีก ใครจะไปกัน
“หือ” ศรัณ ปัญญวัฒน์รวมถึงนาวินที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องมองหญิงสาวอย่างแปลกใจ นี่เป็นข่าวใหม่สำหรับพวกเขาเลยทีเดียว
“ใช่ของคุณพสุธาจริงๆ แต่ไม่ได้เขียนอะไรได้แต่ลงชื่ออย่างเดียว” รสิกาบอกอย่างไม่สนใจเพราะชายหนุ่มอาจส่งมาแสดงความยินดีเหมือนแฟนคลับคนอื่นๆ
“พี่ดินจีบโรสเหรอ” ปัญญวัฒน์หันมาถามหญิงสาว
“ไม่นะ เราไม่เคยเจอตัวเขา เห็นแค่ช่อดอกไม้ตกอาทิตย์ละครั้งได้” รสิกาอธิบาย
“แปลกนะ” นาวินอดที่จะสงสัยไม่ได้
“ไม่เห็นแปลกเลย นายนั่นหน้าหม้อเจ้าชู้จะตาย เมื่อคืนเราเห็นยัยพีชเน่าเกาะแข้งเกาะขากันอยู่เลยที่เปิดห้องคงกะต่อกับยัยนั่นถึงเช้าล่ะมั้ง” วรภัทรแบะปากหมันไส้ไม่หาย
“ถ้าพี่ดินไปกับลูกพีชจริง เขาจะมาช่วยมึงกับกูไหม แล้วที่เขาเปิดห้องก็เพราะเขาเห็นว่ามึงหน้าบวมช้ำแถมเลือดกำเดาออกไหม” ศรัณพยายามพูดอย่างเป็นกลางไม่อยากให้วรภัทรใส่ร้ายพสุธามากเกินไปเพราะอคติกับชายหนุ่มล้วนๆ
“จริง กูเห็นด้วยกับไอ้รัน” นาวินเห็นด้วยกับประเด็นนี้ของศรัณ
“โอ๊ย กูจะบ้า พวกมึงเป็นเพื่อนกูนะ เข้าข้างคนอื่นอยู่ได้” วรภัทรปากยื่นหน้าง้ำที่เพื่อนๆไม่เข้าข้างแถมเอาใจออกห่างยกย่องชื่นชมหมอนั่นอีก
“เพราะว่ากูเป็นเพื่อนมึงไง ถึงมานั่งกันอยู่นี่ แถมช่วยดึงสติ อธิบายเพื่อแงะอะไรที่มันไม่ดีอยู่ในหัวมึงนี่ออกไปเสียบ้าง สมองมึงนี่บรรจุอะไรไว้บ้างวะถึงคิดไม่เหมือนคนอื่น ตาหัดมองอะไรกว้างๆบ้างไม่ใช่มองอยู่แต่ด้านเดียว มึงหัดโตได้แล้วนะไอ้ภัทร” ศรัณพูดขึ้นอย่างเหลืออด เมื่อเห็นว่าวรภัทรตั้งป้อมรังเกียจพสุธาจนมองไม่เห็นความหวังดีของชายหนุ่มเอาเสียเลย
“จริง” เสียงสนับสนุนคำพูดของศรัณจากทุกคนไม่เว้นแม้กระทั่งรสิกา ทำให้วรภัทรคอย่นฮึดฮัดกับคำพูดของเพื่อนพร้อมคาดโทษชายหนุ่มต้นเรื่องเอาไว้ในใจโทษฐานทำให้เพื่อนๆของเขาเอาใจออกห่างไปเข้าข้าง
****************
สวัสดีค่ะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ ฝากติดตามนิยายด้วยค่ะ
ไม่ขออะไรมาก คอมเม้นท์ แนะนำ ให้กำลังใจกันหน่อยนะคะ
สามารถพูดคุย ทักทาย แนะนำ ติชม หรือ ทวงนิยาย กันได้ที่
Facebook : Sira_nann / ศิราศุภรัตน์
Twitter : @Sira_nann (#ดีไซน์เนอร์ที่รัก)