True 3 : Jay
ทำไมเด็กคนนี้ต้องมาเป็นน้องของเรา?
เป็นคำถามแรกเมื่อผมเห็นหน้าเด็กชายเจนนินทร์ น้องชายคนใหม่ที่จู่ๆ ก็โผล่มาแทนที่ตำแหน่งลูกคนเล็กของผมเสียอย่างนั้น น้องหน้าตาน่ารัก ตากลมโตตัวขาวจั๊วะ แก้มแดงปากแดง เป็นที่รักใคร่ของทุกคนในบ้าน และดูจะมีเพียงผมคนเดียวที่ไม่ชอบใจเขา
ผมพยายามปฏิเสธตัวตนของน้องมาโดยตลอดเพราะคิดว่าเขาทำให้พ่อกับแม่ไม่เอ็นดูผมเหมือนเคย ชีวิตผมถูกขีดมาแล้วว่าต้องทำอะไรบ้าง ไม่มีอิสระในความชอบ แต่น้องกลับได้หมดทุกอย่าง ไม่ต้องแบกรับหน้าที่หนักอึ้ง เพราะผมกับเจดแบกรับแทนแล้ว
ผมเกลียดเขา เกลียดน้องชายแท้ๆ ของตัวเองเข้าไส้
“ไม่เล่น!”
“อยากเล่นก็ไปเล่นคนเดียวสิ”
แต่เจนนินทร์เป็นเด็กดื้อที่โง่ เขาไม่เข้าใจว่าที่ผมไม่ยอมคุยกับเขาและที่พูดไม่ดีใส่เพราะผมไม่ชอบเขา ไม่ใช่เพราะกำลังป่วยหรือไม่สบายอย่างที่เด็กโง่คนนี้คิด
เพราะถูกเลี้ยงดูมาอย่างไข่ในหิน น้องจึงไม่มีเพื่อนเท่าไหร่นัก ถูกจำกัดอยู่ในขอบเขตเพราะกลัวได้รับอันตราย เด็กน้อยจึงได้แต่เล่นอยู่ในบ้านคนเดียว และด้วยวัยที่แตกต่างกันถึง 7 ปี ทำให้ผมไม่อยากลงไปเล่นอะไรปัญญาอ่อนกับเขา เวลาน้องมาชวนผมเล่นผมก็จะไม่ใส่ใจ เจดเองก็ไม่ค่อยมีเวลาเพราะต้องลงเรียนพิเศษมากมายเพื่อเตรียมตัวเป็นเจ้าบ้านคนต่อไป เจนนินทร์จึงเล่นคนเดียวมาโดยตลอด
ผมไม่เคยรู้ความรู้สึกของเด็กคนนี้และไม่คิดจะใส่ใจเลย จนกระทั่งเด็กน้อยกลับมาจากโรงเรียนพร้อมกับบาดแผลถลอกเต็มตัว คนที่บ้านวิ่งวุ่นกันไปทั่ว ขนาดผมที่อยู่ห่างๆ ยังรู้เรื่องไปกับเขาด้วยแม้ไม่ได้ถามไถ่ใคร
น้องทะเลาะกับเพื่อนเพราะโดนเพื่อนแย่งของเล่น
แถมของเล่นอันนั้นคือของเล่นที่ผมเคยให้เขาเมื่อนานมาแล้ว…
ผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเคยให้ตุ๊กตาหุ่นยนต์กับน้อง และคิดว่าตอนนั้นคงให้ๆ ไปเพื่อตัดความรำคาญด้วยซ้ำ ไม่เคยคิดเลยว่ามันจะเป็นสาเหตุให้คนที่ถูกเลี้ยงมาอย่างทะนุถนอมต้องได้รับบาดแผลเต็มตัว
แต่นั่นไม่ได้ทำให้ผมใจอ่อนอยากรักเขาขึ้นมาหรอก ผมแค่เห็นใจเขามากขึ้น แต่ก็ไม่ลงไปเล่นกับน้องอยู่ดีเพราะคิดว่าเสียเวลา ไร้สาระ ลำพังแค่ต้องเรียนพิเศษเพิ่มเติมมากมายก็วุ่นวายจะแย่อยู่แล้ว และมันยิ่งน่าหงุดหงิดเมื่อผมเรียนหนักขนาดนี้แต่คนน้องกลับได้เล่นอะไรไร้สาระตามใจชอบ
ไม่ยุติธรรมเลย
“พี่ไจ เพราะผมเป็นเด็กไม่ดีเหรอถึงไม่มีใครยอมเล่นด้วยเลย...”
“...อะไร”
“ก็ตั้งแต่เจมส์แย่งของเล่นของผมไปก็ไม่มีใครเล่นด้วยเลย...แต่นั่นพี่ไจให้ผมนี่ ผมจะให้เขาได้ยังไง”
“...”
“แล้วเจมส์ก็บอกว่าเจนถูกเก็บมาเลี้ยง ทุกคนเลยรังเกียจ”
“รู้ได้ไง”
“ก็เขาบอก...แถมเจนหน้าไม่เหมือนใครเลยทั้งพี่เจดทั้งพี่ไจ”
“แล้วก็เชื่อ?”
“ก็...อือ เจนไม่รู้ เลยมาถามพี่ไจ...”
“พี่แค่ยุ่ง ต้องเรียนพิเศษ ไม่ว่างมาเล่นด้วยเฉยๆ อย่าไปฟังคนอื่นให้มันมากนัก”
“แต่...เขาบอกว่าเจนเป็นตัวไร้ประโยชน์”
“ก็ทำตัวให้เป็นเด็กดีสิ”
ผมว่า บ่นปัดๆ ไป แต่กลายเป็นว่าน้องร้องไห้หนักกว่าเดิมเพราะคิดว่าผมรำคาญ ผมหงุดหงิดเขามากและใกล้จะรำคาญเขาจริงๆ แล้ว เมื่อน้องร้องไห้ ผมก็แสดงท่าทีไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัดออกไป เจดต่อว่าผมเสียยกใหญ่ที่ทำให้น้องเสียน้ำตา แต่ผมไม่สนใจ ใครอยากโอ๋ก็โอ๋ไป ผมขอไม่ยุ่งกับเด็กนี่แล้ว
และหลังจากนั้น เจนนินทร์ก็ไม่มาวอแวอะไรกับผมอีก ผมไม่ค่อยเห็นน้องในห้องนั่งเล่นที่เต็มไปด้วยของเล่นเหมือนเคย แต่ไม่ได้สนใจอะไร จนในวันหนึ่ง ระหว่างช่วงทานข้าว ผมเผลอบ่นกับพ่อว่าบทเรียนที่เรียนพิเศษวันนี้ค่อนข้างยากและน่าเบื่อ ไม่อยากเรียนแล้ว
“ไม่อยากเรียนแล้วหรือ”
“ครับ ผมเหนื่อย แก้โจทย์ไม่ได้สักที คำถามก็ยาก”
“งั้นก็ไม่ต้องเรียน”
“เอ๊ะ..?”
“ไม่ต้องเรียนแล้ว อยากทำอะไรก็ทำ ดีไหม”
ทีแรก ผมคิดว่าพ่อเข้าใจและเห็นใจผม อยากให้ผมมีเวลาว่างเป็นของตัวเองเหมือนเด็กคนอื่นๆ บ้าง แต่พอผมไม่ต้องเรียนพิเศษผมก็ไม่รู้จะทำอะไร ด้วยเพราะที่ผ่านมาผมก็ไม่ได้มีอะไรที่สนใจเป็นพิเศษ แค่เบื่อที่ต้องเอาแต่เรียนๆๆ เท่านั้น หลังจากที่เตร่ไปเตร่มาหลายวันจนไม่ได้อะไรแล้ว ผมจึงตัดสินใจแอบไปหาน้องชายคนเดียวของผมดู ตั้งใจว่าจะยอมเล่นด้วยวันนึงก็ได้
ทว่าสิ่งที่ผมเห็นเป็นสิ่งที่ผมไม่คาดคิดมาก่อน เมื่อผมไปหาเจนนินทร์ที่ห้องนั่งเล่นประจำของเขาไม่เจอ และถามไถ่ป้าแม่บ้านจนได้ความมาว่าเจนนินทร์กำลังเรียนพิเศษอยู่
เรียนทำไม? ในเมื่อน้องไม่ต้องเตรียมตัวกับอะไรทั้งนั้นนี่
ผมแอบดูเด็กชายเจนนินทร์นั่งเรียนวิชาคณิตศาสตร์ในห้องพิเศษ ที่จัดขึ้นเพื่อให้ครูสอนพิเศษเข้ามาสอนที่บ้าน น้องคิ้วขมวดทั้งชั่วโมง และดูเหมือนว่าจะไม่เป็นที่ถูกใจของคุณครูเท่าไหร่ เมื่อคุณครูก็ทำหน้าเหนื่อยใจเช่นกัน
และเมื่อชั่วโมงเรียนพิเศษจบ ผมก็แอบตามน้องออกไป เจนเดินตรงไปยังห้องเรียนอีกห้อง ซึ่งเป็นห้องของเจด น้องยืนรอไม่นานเจดก็ออกมา ดูเหมือนชั่วโมงเรียนของเจดเองก็จบแล้วเช่นกัน ผมแอบยืนฟังสองพี่น้องคุยกันอย่างไม่ตั้งใจ และความจริงที่ผมไม่คาดคิดก็ปรากฏ
“พี่เจด สอนการบ้านให้หน่อย”
“อีกแล้วเหรอ”
“เจนไม่เข้าใจ...”
“เฮ้อ ก็ให้ไจมันเรียนไปสิ เราจะมาลำบากแทนไจทำไม”
“เจนเรียนแทนพี่ไจแล้ว พี่เจดห้ามว่าพี่ไจสิ สัญญาแล้วนะ”
“...”
จากนั้นผมถึงเข้าใจว่าเจนนินทร์ยอมทำทุกอย่างแทนผม เพราะคิดว่าผมไม่อยากทำ และยังคิดว่าถ้าตัวเองทำทุกอย่างแทนผมแล้วผมจะได้มีเวลาไปเล่นกับน้อง โดยที่เขาก็ไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองก็ยุ่งจนไม่มีเวลาออกไปเล่นไร้สาระเหมือนเดิมด้วยซ้ำ
ในตอนนั้น ความคิดอคติที่มีต่อน้องมากมายก็ค่อยๆ จางลง
ผมไม่มีงานอดิเรกหรือชอบทำอะไรเป็นพิเศษ ระหว่างนี้จึงใช้ช่วงเวลาว่างแอบดูเจนนินทร์ไปโดยไม่รู้ตัว จนวันหนึ่ง เมื่อจบชั่วโมงเรียน คุณครูสอนพิเศษเดินออกจากห้องไปแล้ว แต่เจนนินทร์ยังคงนั่งก้มหน้าอยู่บนโต๊ะเรียน น้องตัวเล็กอยู่แล้ว พอนั่งห่อไหล่คู้ตัวแบบนี้ยิ่งทำให้ดูตัวเล็กเขาไปใหญ่ เจนนั่งนิ่งอยู่นานจนกระทั่งน้องเริ่มสะอื้น และหยาดน้ำตาใสก็ไหลออกมาเป็นทางจากดวงตากลมคู่สวย
น้องไม่รู้ว่าผมแอบมองอยู่ถึงได้ร้องไห้โฮ วินาทีที่เห็นน้ำตาของน้องชายเต็มตาเป็นครั้งแรก ใจผมแทบแตกเป็นเสี่ยง เด็กน้อยบริสุทธิ์ไร้เดียงสาเมื่อครานั้น ภายในเวลาไม่กี่วันกลับกลายเป็นเด็กที่ดูเศร้าสร้อยหม่นหมอง อมทุกข์ตลอดเวลาได้ขนาดนี้
“ไม่อยากเรียนแล้ว ฮึก ไม่เห็นเข้าใจเลย”
“อยากไปเล่นแล้ว...”
น้องสะอื้น บ่นพึมพำอยู่คนเดียวแต่ผมได้ยินเต็มสองรูหู นั่นไม่ทำให้ปวดใจเท่ากับประโยคถัดมา
“เด็กดีต้องตั้งใจเรียนเท่านั้นเหรอ”
“แต่เจนเรียนไม่เก่ง...แสดงว่ายังเป็นเด็กไม่ดีเหรอ...”
จบเหตุการณ์ในวันนั้น ผมไปขอร้องให้พ่อทำทุกอย่างให้เหมือนเดิม ไม่ต้องให้เจนนินทร์มาคอยแบกรับหน้าที่อะไรแทนผม ผมจะทำเอง ในเมื่อน้องทุกข์ใจเสียขนาดนั้นก็ให้เขาออกไปวิ่งเล่นเหมือนเดิมเถอะ
ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ผมอยากให้ความสดใสของน้องกลับคืนมา
ผมเปิดใจให้น้อง ไม่คิดว่าเขาเป็นเด็กดื้อที่น่ารำคาญอีกต่อไป ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมทุกคนถึงเอ็นดูเขา และผมก็จะไม่อคติอีกต่อไป ต่อจากนี้ ผมจะเป็นพี่ชายที่แสนดีให้น้อง
และเหมือนว่าพ่อเองก็รู้อยู่แล้วว่าผมจะกลับมา จึงได้ให้คุณครูเตรียมอัดเนื้อหาที่ผมขาดเรียนไปจนผมแทบกระอักเลือด ทำให้เจนนินทร์ต้องกลับไปอยู่คนเดียวอีกครั้งเมื่อผมไม่มีเวลาให้
ทั้งๆ ที่ตั้งใจว่าจะยอมเล่นกับน้องแล้ว ทั้งๆ ที่ได้ให้สัญญากับเด็กคนนี้ไว้แล้วแท้ๆ
ผมแทบไม่มีเวลาเจอเจนเลย เพราะนอกจากเวลาเรียนที่โรงเรียนแล้ว กลับมาบ้านก็ต้องเรียนเสริมอีก หนำซ้ำเสาร์อาทิตย์ก็เรียนตั้งแต่เช้า ตารางเรียนถูกอัดจนแน่นเอี๊ยดเพื่อทดแทนเวลาที่หายไป
และนั่นทำให้เกิดเป็นบาดแผลในใจของเด็กชายเจนนินทร์โดยไม่ตั้งใจอีกครั้ง
ช่วงนี้เขามักจะมานอนกับผม ในวันหนึ่งก่อนที่เราจะเข้านอน จู่ๆ เจนก็ถามผมขึ้นมา
“ไจชอบอะไรเหรอ”
“หือ หมายถึงอะไรล่ะ”
“ก็ชอบ...ชอบอะไรเป็นพิเศษมั้ย”
“ไม่มีนะ...”
“...เหรอ”
“ชอบแมวมั้ง”
“อ้อ”
ผมไม่รู้ว่าน้องถามไปทำไมแต่คนตัวเล็กดูต้องการคำตอบมาก ทำให้ผมต้องหาอะไรสักอย่างที่ตัวเองชอบไปอย่างช่วยไม่ได้ และหลังจากนั้นผมถึงได้รู้ว่าคำพูดตัวเองมีอิทธิพลต่อเด็กคนนี้มากขนาดไหน
เมื่อวันที่น้องหายออกไปจากบ้าน
ทุกคนในบ้านแตกตื่นกันใหญ่ ไม่รู้เจนนินทร์หายไปได้ยังไง แม้บ้านเราจะค่อนข้างใหญ่ แต่ก็มีแม่บ้านอยู่เยอะ ทำให้ไม่น่าคลาดสายตาไปได้ รวมถึงทำให้ใช้เวลาในการค้นหาตัวเขาทั่วบ้านแค่เพียงครู่เดียวก็ครบทุกห้อง ทุกชั้น ทุกซอก แต่ไม่พบแม้เงาของเด็กน้อย คนสวนเองก็ไม่เห็นว่าเจนนินทร์ออกนอกบ้านตอนไหน แค่จู่ๆ น้องก็หายไปราวกับระเหิดได้
แต่ทุกคนรู้ว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้อย่างนั้น ถึงได้ออกตามหากันให้วุ่น
แน่นอนว่าในใจผมเองก็ว้าวุ่นไม่แพ้กัน
เวลาผ่านไปจนกระทั่งตอนพลบค่ำ น้องกลับมาพร้อมกับเด็กผู้ชายแปลกหน้าคนหนึ่ง เนื้อตัวของน้องเลอะไปด้วยฝุ่นโคลนและบาดแผลจนแม่ผมแทบลมจับ
“ผมเจอเขาที่ท้ายหมู่บ้าน เลยพามาส่งครับ”
เด็กชายคนนั้นพูดขึ้น ดูท่าทางจะเด็กกว่าผมไม่กี่ปี และดูแก่กว่าเจนนินทร์ ทุกคนรีบถามไถ่เรื่องราวจากเด็กคนนั้น ส่วนเจนนินทร์ แม่พาไปล้างเนื้อล้างตัวและทำแผลในบ้าน ในตอนนั้นเองผมถึงได้รู้เหตุผลที่น้องหายไป
“เห็นพยายามปีนต้นไม้ไปจับแมวอยู่ แล้วพลัดตกลงมาเป็นแผลนิดหน่อย...”
“ถามทางกลับบ้านเขาก็บอกว่าจำไม่ได้ ผมเลยพาเดินไปตามแต่ละบ้านมาเรื่อยๆ จนเขาบอกว่าที่นี่คือบ้านเขา”
“น้องเก่งมากครับ ไม่ร้องไห้สักแอะ แถมไม่ค่อยคุยกับผมด้วย เขาบอกว่าพี่ชายไม่ให้คุยกับคนแปลกหน้า”
เจนนินทร์ไม่ร้องไห้จริงๆ แต่เป็นผมเองที่น้ำตาไหลออกมาเป็นสายเมื่อฟังเรื่องเล่าของเด็กคนนี้จบ เด็กน้อยที่ใสซื่อบริสุทธิ์ แอบออกไปจับแมวนอกบ้านมาให้เพราะคิดว่าผมชอบ หวังจะเอาใจทำให้ผมหายเหนื่อย ทั้งๆ ที่ตัวเองก็ไม่เคยออกนอกบ้านคนเดียวเลยแท้ๆ
ผมไม่รู้ว่าถ้าไม่เจอกับเด็กคนนี้เข้าน้องชายคนเดียวของผมจะเป็นยังไง จะถูกคนไม่ดีพาไปทำอะไรรึเปล่า จะโดนรถชนมั้ย จะโดนหมากัดรึเปล่า สารพัดสิ่งที่น่ากลัวมากมายรอจู่โจมคนไม่ประสีประสาโลกภายนอกอย่างเขาจนผมเข้าใจแล้วว่าทำไมทุกคนถึงเป็นห่วงน้องขนาดนี้
ผมร้องไห้ให้กับความไม่ได้เรื่องของตัวเอง โกรธและเกลียดตัวเองที่ทำให้น้องบาดเจ็บจนแทบบ้า
ทั้งๆ ที่ตัวผมมีศักยภาพที่จะปกป้องน้องมากมายแท้ๆ แต่กลับทำอะไรไม่ได้เลย ทั้งๆ ที่ผมเป็นพี่ชายของเขาแท้ๆ แต่แค่พยายามทำให้น้องมีความสุขผมยังทำไม่ได้เลย มีแต่คนตัวเล็กที่พยายามเพื่อผมมาโดยตลอด
ผมขอบคุณเด็กคนนั้นอย่างใจจริง ที่มารู้ชื่อเอาภายหลังว่าชื่อ ฌาณ
ในค่ำวันนั้น เป็นครั้งแรกที่ผมเข้าไปนอนกับน้องก่อน เพื่อตอบแทนทุกสิ่งที่น้องพยายามทำเพื่อผม และรับรู้ได้เลยว่าสิ่งที่ผมกำลังทำเพื่อตอบแทนคนตัวเล็กนี้ไม่อาจเทียบเท่ากับความยิ่งใหญ่ที่น้องพยายามทำให้ผมเลยสักนิด
เด็กตัวแค่นี้ ทำไมถึงต้องมาเสียสละอะไรกับเรื่องไม่เป็นเรื่องด้วย
“พี่ไจ ไม่ร้องไห้นะ ฟู่วๆ”
“...”
ความใสซื่อและจริงใจทำให้ผมเจ็บปวดที่ตัวเองเคยทำไม่ดีกับน้อง นอกเหนือจากนั้น น้องทำให้ผมรู้ว่าเขามีค่ามากแค่ไหน เด็กดีอย่างนี้ไม่ควรเจอเรื่องอะไรให้ต้องเจ็บปวด
และหลังจากนั้นฌาณก็แวะมาเล่นที่บ้านกับเจนบ่อยๆ เพราะผมขอให้เขามาเอง ผมยังยุ่งกับการเรียนอยู่ทำให้บางวันไม่มีเวลาให้น้อง และฌาณเองก็ดูจะเป็นเพื่อนเล่นที่ดีไม่น้อย เมื่อเจนนินทร์ติดเขาแจ
แต่ผมก็ยินดีที่น้องกลับมาร่าเริงได้อีกครั้ง น้องชายคนเดียวของผมไม่ควรเจอเรื่องเศร้าเสียใจอะไรอีกแล้ว
เจนนินทร์ของผมจะต้องมีชีวิตที่ดีกว่านี้ ถ้าเจอเรื่องเศร้าก็แค่ร้องไห้ออกมา เพื่อให้ผมจะได้ทำให้เขามีความสุขและยิ้มออกมาได้อีกครั้ง เจนนินทร์จะเป็นตัวของตัวเองได้เต็มที่อย่างไม่ต้องสนใจใคร น้องเป็นเด็กดีที่ควรมีแต่รอยยิ้มตลอดไป
จะไม่มีใครหน้าไหนทำให้น้องของผมเสียใจได้อีก
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมจะทำให้เจนนินทร์เป็นคนที่มีความสุขที่สุดในโลก
❄❄❄❄❄❄
แล้วเจนนินทร์ก็กลายเป็นเด็กถูกสปอย 5555
จบของจริงแล้วค่ะ
ทีแรกตั้งใจจะลงตอนที่แล้วเป็นตอนพิเศษตอนสุดท้าย
แต่อยากให้เห็นมุมมองของพี่ไจด้วยกัน
อยากให้รู้ว่าเพราะอะไรคนพี่ถึงสปอยน้องหนักขนาดนี้
และเพราะอะไร ทุกคนถึงยังเอ็นดูน้องทั้งๆ ที่ชอบทำเรื่องแสบไว้ตั้งมากมาย
ไม่รู้ว่าสื่อได้ถึงทุกคนรึเปล่า แต่ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาจนถึงประโยคนี้จริงๆ ค่ะ
เรื่องราวหลังจากนี้จะมีในตอนพิเศษรวมเล่มอีกสักสองสามตอนค่ะ
ถ้าใครเอ็นดูน้องเจนพี่ฌาณหรือพี่ไจก็ขอฝาก #บันทึกเด็กเลี้ยงแกะ ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ
ขอบคุณที่ร่วมเดินทาง