ตอนที่ 26
เกือบหกโมงสมาชิกบ้านไอ้ตูบ (ไม่ใช่ครอบครัวหมานะครับ…) ก็มากันครบ คุณป๊าในชุดเชฟหน้านิ่งมาเลยจนผมใจหายวูบ เจอพ่อมันครั้งแรกคดีความก็ยิ่งชัดเจนบนหน้าลูกเขาอยู่ ผมยกมือไหว้ทันทีแต่คุณพ่อก็แค่พยักหน้าให้แล้วเดินเข้าห้องที่อยู่ตรงข้ามห้องไอ้เบียร์ไป
ไอ้เบสก็กลับมาจากฝึกงาน มันยังผมทรงเดิมชี้โด่เด่แถมเก่งมากที่ใส่ชุดนักศึกษาแล้วออกมาเหมือนเด็กเรียนช่างได้ขนาดนี้
“พี่หมอดีครับ มีของฝากจากญี่ปุ่นมั่งมั้ยพี่”
ไอ้เบสนั่งลงข้างแฝดมัน หยิบขันใบใหญ่กลางโต๊ะมาล้างมือ บ้านนี้ก่อนตั้งโต๊ะเขาเอาขันใบใหญ่มาวางให้ล้างกันรายคนเลยครับ
“เบียร์กินหมดแล้ว”
“เหยย ไม่จริงงงงงงงงงงงง ลุงมั่วอ่ะ”
“กูเชื่อพี่หมอ มึงนี่ตะกละจริงๆ”
สองพี่น้องปะทะฝีปากกันไปมา มีแมวที่ยังเป็นอริกับผมจ้องเขม็งมาอยู่บนตักไอ้เบส ผมพยายามยิ้มให้แม่งก็ไม่สนใจเชิดใส่ลูกเดียว
สักพักคุณป๊าในชุดเสื้อยืดกางเกงผ้าก็ออกมานั่งหัวโต๊ะ แม่บ้านเก็บขันล้างมือไปก็ถึงคิวคุณแม่นำทัพแม่ครัวมาตั้งโต๊ะ กับข้าวห้าอย่างและน้ำพริกพร้อมเครื่องเคียงจัดลงตรงกลาง โต๊ะเล็กด้านข้างมีน้ำฝรั่งคั้นสดๆใส่เหยือกกับถังน้ำแข็ง
ตักข้าวเรียบร้อยทุกคนก็กินข้าวกันแบบเงียบๆ… ไอ้ตูบมันกินเงียบผิดปกติแต่ก็ไม่มีใครพูดอะไรผมก็พยายามไม่เกร็งแต่มือนี่แข็งเลยครับ
“มาตั้งแต่กี่โมงล่ะคุณหมอ”
คุณพ่อเงยหน้าขึ้นมาคุย ผมรีบวางช้อนนั่งกุมมือแบบที่ไม่เคยทำมาก่อน
“ประมาณสิบโมงกว่าครับ”
คุณป๊าของไอ้ตูบหน้าไม่ออกไปทางเชื้อสายจีนเท่าไหร่ แต่ก็ดูมีเค้าจากผิวขาวเผือด แต่หน้าคมแบบไทยชัดเจน คงเป็นเชื้อสายจีน บ้านนี้ขาวทั้งบ้านมีเบสที่คล้ำกว่าเพื่อน แต่คล้ำนี่ก็ยังขาวกว่าผมอยู่ดี….
“ใครฝานฟักทองล่ะ เนื้อสวยเชียว ปกติแหว่งไปบ้างฝีมือดีขึ้นนะ”
อื้อหือคุณป๊าชมผมนี่รู้สึกเหมือนตัวลอยละลิ่วเลยครับ
“คุณหมอค่ะ แตงกวาจัดจานทั้งหมดก็ฝีมือคุณหมอ”
คุณแม่ตอบส่วนคุณพ่อก็เริ่มยิ้มมุมปาก
“เคยเรียนแกะสลักมาหรือคุณหมอ”
“เปล่าครับ … จำๆมาจากใช้มีดผ่าตัด มันคล้ายๆกันนิดหน่อย”
มาถูกทางแล้วครับเพราะคุณป๊าเริ่มเลิกทำหน้านิ่ง ฉีกยิ้มกว้าง
“ถูกต้อง จะศาสตร์ไหนมันก็ต้องมีศิลปะเข้ามาเกี่ยวกันทั้งนั้น เห็นมั้ยเบียร์เชื่อที่พ่อเคยพูดยัง”
เบียร์มันทำหน้าเบ้พยักหน้าแบบขอไปที ส่วนเบสขำก๊าก
“ไอ้เบียร์ตกศิลปะน่ะพี่หมอ วาดหมากลายเป็นจิ้งจก วาดนกกลายเป็นไก่ วาดต้นไม้กลายเป็นไม้เสียบปลา ฮ่าๆๆๆๆๆๆ”
“ใครจะเหมือนมึงล่ะเบสสสสส ตกคณิตทุกตัว สูตรคูณแม่เจ็ดยังท่องไม่ได้!”
เด็กมันเริ่มทะเลาะกันแล้วครับ…
“ท่องได้สิวะ! กูท่องเป็นโว้ยยย”
และแล้วการท่องสูตรคูณบนโต๊ะอาหารก็เริ่มขึ้น… เบียร์มันนั่งตรงข้ามผม สักพักมันก็ยืดขามาใช้เท้าสะกิดเท้าผมเล่นใต้โต๊ะ ความหื่นชั่ววูบก็แล่นขึ้นมาทันที อยากจะเสียดสีถูไถกับมันมากกว่านี้แต่จะเป็นที่นี่ก็คงไม่ได้เลยได้แต่กินน้ำพริกเผ็ดๆ … ให้ความเผ็ดจนน้ำตาเล็ดกลบความหื่นตัวเองไปก่อน
“อุ้ยมันเผ็ดนะคะ จิ้มกับปลานิดเดียวก็พอค่ะคุณหมอ”
“ซี้ดด ไม่เป็นไรครับ ผมชอบกินเผ็ดๆ ซี้ด ….”
จบมื้อไปสภาพปากเบอะปากบวมเลยงานนี้
สถานที่เดิม… กระท่อมข้างซอยวัดดังที่สภาพกำลังจะพังแหล่ไม่พังแหล่ มีสาธุชนคนเชื่อนั่งรอคิวโบกสะบัดพัดวีกันหยอยๆ และคุณแม่ไอ้ตูบก็ยังเส้นใหญ่เหมือนเดิมมาถึงก็ได้เข้าไปเลย ผมเลยได้นั่งหน้าสลอนอยู่หน้าโต๊ะหมู่บูชาและบรรดาของขลัง
โหรคนเดิมกำลังสวดพึมพำเป่ามนตร์ใส่ขันน้ำที่ลอยดอกมะลิกับน้ำตาเทียนตัวสั่นหงึกๆๆๆๆๆๆ ไอ้ตูบนั่งข้างผมเงียบเรียบร้อย ไอ้เบสก็ยกมือสวดมตร์ตามกับแม่มัน ไอ้ตูบก็ดูไม่ค่อยอะไรกับเรื่องพวกนี้มากเพราะมันอยู่กับผมก็ไม่ได้พูดเรื่องพวกนี้เลย
“กลับมาอีกแล้วเรอะคุณหมอ!”
เสียงงแหบพร่าทักผมทั้งๆที่หลับตา ผมก็แค่พยักหน้าหงึกๆโหรแกก็พยักหน้าตาม เป็นอันเข้าใจ
“คราวนี้ตั้งใจมาผูกดวงแล้วใช่มั้ย?”
“เอาจริงๆผมก็ไม่ค่อยเชื่อ …”
“ไม่แปลก คุณหมอน่ะวิทยาศาสตร์ แต่จะบอกให้ว่าเพราะยังลังเลไอ้เด็กนี่มันถึงเคราห์ซ้ำตั้งหลายครั้ง เล็กบ้างเบาบ้าง แผลบนหน้านั่นก็เพราะดวงคุณหมอไปข่มมัน คนดวงแข็งแบบคุณหมอนี่หายาก เปลี่ยนชื่อด้วยใช่มั้ยล่ะ? ใครคิดชื่อให้ล่ะ ยิ่งดวงแข็งขึ้นไปอีก ศัตรูคุณหมอน่ะสู้ไม่ได้หรอก มีแต่จะแพ้ภัยตัวเอง ทำอะไรรอบครอบล่ะ ดวงมันแข็งเจอเรื่องไม่ดีมันก็หนัก”
โหรร่ายยาวแต่ก็สะดุ้งตั้งแต่บอกว่าผมเปลี่ยนชื่อ เพราะไอ้ตูบมันยังไม่รู้เลย มันแค่หันนหน้ามาเลิกคิ้วถามผม ผมก็ลืมบอกมันไป
“ไอ้เราน่ะก็ตัววุ่นวาย พี่หมอเขาต้องมาวิ่งเต้นดูเราตั้งกี่เรื่อง เป็นเด็กดื้อจริงๆหา ตั้งแต่เดินตามแม่มาต้อยๆจนโตแล้วก็ยังดื้อ จอมโวยวาย ปากเสียจริงๆ”
ไอ้ตูบจ๋อยแต่ผมขำ เรื่องอื่นน่ะไม่เท่าไหร่แต่เรื่องปากเสียนี่ใช่เลย ตั้งแต่เจอมันวันแรกนี่เหมือนเลี้ยงหมาไว้ทั้งฝูงจนกระทั่งต้อนหมาเข้าบ้านได้มันถึงเรียบร้อยหน่อย
“เอ้ามาๆ ผูกดวงๆ ไหนเอาชื่อกับวันตกฟากมาซิ”
จากนั้นพิธีทางไสยศาสตร์ก็เริ่มขึ้น… ผมไม่ต้องทำไรมากแค่เจิมคู่กับไอ้ตูบ ผูกสายสิญจน์รอบข้อมือไว้ด้วยกันหยอดน้ำตาเทียนบนสายสิญจน์แล้วก็สารพัดปลุกเสกตามเขา สารพัดบทสวดยาวนานเป็นชั่วโมง สุดท้ายก็ได้น้ำเต้าเล็กๆผูกคู่กันมา 1 คู่
“เอาไปเก็บไว้ในบ้านที่อยู่ด้วยกัน จะย้ายก็เอาไปด้วยล่ะ อย่าให้หายให้แตก”
จากนั้นก็ไหว้ลาโหรออกมา ไอ้เบียร์ดูจะสนใจน้ำเต้ามากจนกลัวมันทำหล่นแตกต้องไปเสกอีกรอบ เหน็บกินอีก ผมเลยดึงมาเก็บไว้เอง
“ไว้ค่อยไปดูที่บ้าน เดี๋ยวหาย”
“ไม่หายหรอกกก”
“เอาน่า ไว้กับพี่โอเค๊?”
“ก็ด้ายยยย”
มันพยักหน้าแล้วหันไปคุยกับไอ้เบส ไม่รู้ว่าเพราะผูกดวงแล้วหรือเปล่าผมเลยรู้สึกสบายใจจึงยกมือกอดคอมันไว้เดินไปคู่กัน มันก็แค่แหงนหน้ามามองขมวดคิ้วแล้วหันไปคุยต่อ
ชีวิตก็วนเข้ามาลูปเดิมส่งไอ้ตูบไปเรียนแล้วไปทำงาน ทำ ทำ ทำ แล้วเลิกงานก็ไปรับไอ้ตูบกลับบ้าน ก็เหมือนเดิมแต่ดูมันมีออร่าความสดใสที่ผมก็ไม่รู้มันมาจากไหน คล้ายๆจะเป็นข้าวใหม่ปลามันจางๆ
กลับบ้านมันทำการบ้านแล้วก็ดูการ์ตูนส่วนผมก็ให้อาหารแมวแล้วทำกับข้าว พอกินข้าวเสร็จไอ้ตูบก็ล้างจานส่วนผมไปอาบน้ำ อาบเสร็จมันก็ล้างจานเสร็จแล้วมาอาบต่อ
สุดท้ายผมก็มานอนอ่านหนังสือรอบนเตียง มันแต่งตัวเสร็จก็มุดเข้ามาในอ้อมแขนหนุนอกผมอ่านการ์ตูนบ้าง หนังสือเรียนบ้างถ้าผม
บังคับแล้วมันก็หลับคาอกผมทุกที ผมก็แค่หอมหัวมันหลายๆทีแล้วจัดท่าให้มันนอนดีๆ วันไหนที่มากกว่านั้นก็รักกันบนเตียง…ชีวิตสดใสเหมือนเกิดใหม่อีกครั้ง
ตอนนี้แผลไอ้ตูบแห้งสนิทแล้ว เหลือรอยนูนไว้ตรงหน้าผากแบบที่คิดไว้แต่มันก็ดูจะทำใจได้แล้วเพราะผมบอกมันทุกวันว่าเท่ดีจนมันยอมเชื่อว่าผู้ชายก็ต้องมีแผลกันบ้าง ป๊ามันก็ช่วยพูด ตอนนี้มันเลยเสยผมเปิดแผลมันทุกวัน
ทางตำรวจมีนัดไปสอบปากคำเพิ่มบ้างทั้งคนใกล้ตัวเนม เพื่อนกลุ่มไอ้ตูบแต่ก็ยังหาเนมไม่เจอ ไม่มีใครติดต่อเนมได้เลย เหมือนแค่หายไปเฉยๆ
วันนี้หลังจากรับไอ้ตูบผมเลยตัดสินใจคุยกับมันตรงๆเรื่องนี้ อยากรู้ว่ามันคิดยังไง ผมรอจนชีวิตวนลูปมาถึงตอนที่ผมกับมันนอนอยู่บนเตียงด้วยกัน
“เบียร์”
“ครับ”
ตามันยังจ้องอยู่บนหนังสือการ์ตูน ผมลูบหัวมันเบาๆไล้ไปจนถึงแผลมัน…
“คิดยังไงเรื่องเนม”
ไม่อ้อมค้อม พูดตรงๆไปชัดเจนกว่า
“ก็ … หมายถึงยังไงอ่ะ”
มันชะงักแล้ววางการ์ตูนลงพลิกตัวหันมานอนทับผมแล้วยันตัวนั่งคร่อมตัก ผมเลยยกแขนโอบเอวมันหลวมๆ
“แค้น โกรธ เกลียด ประมาณนั้น”
“ตอนแรกกลัว แล้วก็โกรธ สักพักก็เกลียด ตอนนี้ดรอปลงมาเหลือโกรธ แต่ไม่แค้นอ่ะ ไม่รู้ดิ โลกสวยมั้งใครร้ายกับเราก็ไม่แค้น”
มันขมวดคิ้วทำหน้าตลกแต่ก็ตอบตรงๆ
“ถ้าตำรวจจับไม่ได้ล่ะ? ดูพวกอาจารย์ก็ไม่ค่อยเชื่อ พยานก็ไม่มีใครเห็นตอนเราโดนกรีดหน้า เขาอาจจะมองว่าเราตั้งใจใส่ร้าย”
“ก็ถ้าผมจะซวยขนาดนั้นก็ช่างแม่งเหอะ พี่เนมเค้าเด็กดี อาจารย์คนไหนๆก็รัก ถ้าไม่มีซีดีจากกล้องที่ลุงขอมหาลัยมาคราวนู้นว่าพี่เนมเคย
มาหาเรื่องผมกับเพื่อนก่อน ป่านนี้ผมคงโดนประณามไปแล้วล่ะ”
“ก็ตั้งใจเรียนสิ จะได้เป็นลูกรักของอาจารย์บ้าง”
“โหย นี่ตั้งใจอยู่ จะเอาเกรดสวยๆมาอวดลุง”
มันยิ้มแฉ่งดูมั่นใจ ก็ดีที่เด็กมันตั้งใจ ผมก็เลยชมมันไปสองสามคำเสริมกำลังใจให้มันอีกที มันก็ยิ้มเปรมด์ไปเลยที่ผมมั่นใจในตัวมัน
“ถ้าเรื่องเนม เราจับเขาไม่ได้ … เบียร์ยิ่งต้องระวังตัวล่ะ”
“งื้อ นี่ไม่อยู่คนเดียวเลยกลัว แล้วถ้าเกิดพี่เนมมีปัญหาทางจิตแบบที่ตำรวจสันนิษฐานก็เอาผิดไม่ได้หรอ”
“ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆก็ยิ่งน่าเป็นห่วง แต่เขาคงมีมาตรการป้องกันให้เรา”
“มีลุงอยู่ เบียร์ปลอดภัยแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์”
มันทำมาปะเลาะโน้มตัวลงมาจุ้บปากผมย้ำๆแล้วหัวเราะชอบใจ… หึหึ ผมก็ชอบ … เลยพลิกตัวกลับดันตัวมันลงเตียงซะเลย
“ลุงอ้ะ ..”
มันทำเสียงละเหี่ยใจ
“อะไร… หือ”
“เมื่อคืนก็ทำ …”
มันบ่นเสียงอ่อย
“แล้วคืนนี้อีกคืนได้มั้ยล่ะ?”
ก้มหน้าลงงับหูมันเย้าหยอก..
“ฮื่อ … อย่าแรงนะครับ …”
คืนนี้อีกยาวไกล…
- ----------------------------------
เบียร์มันน่ารักขึ้นเนาะ <3