เช้า
ผม-ตื่น-สาย!
“ทำไมพี่ฮิมไม่ปลุกเล” ผมถามร่างสูงขณะเร่งแต่งตัว ตามองเวลาก่อนจะรับรู้ได้ว่าเข้าคลาสเลทแน่ๆ “ฮิมใจร้ายอ่า”
เมื่อวานหลังจากกลับบ้านถึงบ้าน ผมต้องกินยากันเอาไว้เพราะรู้ปวดหัวเผื่อเป็นไข้ แต่พอกินยาเสร็จก็นอนสลบคาเตียงตื่นมาอีกทีตอนแปดโมง แล้ววันนี้อาจารย์นัดเรียนตอนแปดโมงครึ่ง! ฮิมไม่ยอมปลุกเขาอ้างว่า…
“เลดื่ม เลก็ต้องรู้จักรับผิดชอบตัวเอง” ในขณะที่คนพูดก็อาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้ว
“พ่ออ่ะ!” ผมยื่นมาไปตีอีกฝ่ายเบาๆ ด้วยความหมั่นไส้ก่อนจะวิ่งไปคว้ากระเป๋าสะพายของตัวเอง “วันนี้ใครไปส่งเล”
“พี่” ฮิมว่าพร้อมกับเดินไปหยิบกุญแจรถก่อนจะเดินลงไปด้านล่างพร้อมกับผม ถึงเขาจะไม่ปลุกแต่อย่างน้อยพ่อก็ยอมขับรถเพื่อที่จะให้ผมสายได้น้อยที่สุด “วันนี้ติวนะครับ”
“อือหึ” ผมครางรับเมื่อฮิมเตือน จำได้ไหมที่พ่อบอกว่าจะติวให้อาทิตย์ละสี่วัน วันละสองชั่วโมง เพื่อให้ผมมีชีวิตรอดจากการสอบที่จะถึงนี้
เราใช้เวลาจากบ้านมาถึงมหา’ลัยภายในยี่สิบนาที
“เลไปแล้วนะ” ผมบอกก่อนที่รถจะจอดพร้อมกับรีบเบี่ยงตัวไปหอมแก้มคนขับ แล้วออกตัววิ่งออกจากรถทันทีที่เมื่อรถหยุดเคลื่อนที่ ได้ยินเสียงดังแว่วตามหลัง
“เรียนเสร็จโทรหาพี่ด้วยนะ”
เลิกเรียน
“เลเสร็จแล้ว” ผมโทรหาฮิมหลังจากเรียนและบอกลาหนุ่มทั้งสี่เสร็จเรียบร้อย ช่วงนี้เราไม่ค่อยอยู่ด้วยกัน ส่วนใหญ่คุยกันทางแชทมากกว่า เพราะผมไปจิกทั้งเบอร์และทุกช่องทางการติดต่อของเกี๊ยก พิษ ดิน เอ็กซ์มาไว้เรียบร้อยแล้ว
(พี่รออยู่ที่หน้าคณะ) ผมชะเงยหน้าไปมอง ก่อนจะเห็นรถสปอร์ตสีดำของฮิมที่เด่นมาแต่ไกล ผมวิ่งไปขึ้นแล้วโผล่เข้าหอมแก้มคนมารับอย่างที่เคยทำ
“มาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ” ปกติผมต้องโทรบอกก่อนฮิมถึงจะมา แต่นี่เขามารอเลย
“สิบนาทีก่อน”
“ทำไมรู้ว่าเลเลิกเวลานี้”
มือหนาเอื้อมไปเร่งแอร์ก่อนจะตอบสั้นๆ “เกี๊ยก”
เกี๊ยก ? อีกแล้ว*!*
ผมทำหน้าขรึมลงก่อนจะถามฮิมด้วยน้ำเสียงคาดคั้น “ทำไมต้องเกี๊ยก”
“หือ ?” พ่อหันมามองผมนิดหน่อย เหมือนเขาจะไม่เข้าใจว่าผมต้องการที่จะสื่ออะไร
“เกี๊ยกอีกแล้ว! ตอนนั้นก็เกี๊ยก ตอนนี้ก็เกี๊ยก ทำไมต้องเกี๊ยกด้วย ไปสนิทกันตอนไหน” ผมออกโรงโวยทันที ก็ตั้งแต่ที่เป็นเพื่อนกับเกี๊ยกมา เคยเห็นเกี๊ยกกับฮิมเจอหนากันก็แค่ไม่กี่ครั้งเอง เขาไปสนิทกันตอนไหน “ตอบเลนะ”
“ไม่ได้สนิท พี่แค่รู้จัก”
“แค่รู้จักทำไมต้องถามเกี๊ยก ทำไมพ่อไม่ทักมาถามเล”
“…” ฮิมเงียบไป หลังจากนั้นเขาก็หันมามองผมด้วยแววตาเย็นยะเยือก “คนดีแอบเล่นโทรศัพท์ในห้องเหรอ ?”
ซวยแล้ว…
“เลเปล่านะ” ผมปฏิเสธแต่ไขว่นิ้วกันไว้ด้านหลัง เพราะจริงๆ แล้วก็มีแอบเล่นบ้าง ผมไม่ใช่เด็กเรียนขนาดนั้น มันก็มีบางช่วงที่เกเร แต่สำหรับเรื่องเรียนพ่อจะเคร่งนิดหน่อย ถ้ามองในมุมของฮิมที่เลี้ยงผมมา เขาคงเป็นห่วงอนาคตผมมากๆ ผมหัวช้านิดหน่อยเลยต้องขยันกว่าคนอื่นด้วย
“อย่าให้พี่จับได้” อาจจะหมายความปลายๆ ว่ารู้อยู่แล้ว ผมเงียบลงทันที ไม่ถามเรื่องเกี๊ยกต่อ จะไปสนิทกันตอนไหนก็ช่างพวกเขาแล้วกันตอนนี้ขอเอาตัวเองให้รอดก่อน ฮิมจริงจังเกี่ยวกับเรื่องเรียนของผม ในขณะที่ผมอยากบอกกับเขาว่าผมมีแววที่จะเกาะเขากินไปอีกนาน
เราได้คุยกันอีกครั้งเมื่อรถมาถึงคาเฟ่แห่งหนึ่ง ผมงงเป็นไก่ตาแตกเมื่อคนประเภทฮิมที่ไม่น่าจะกินของหวานขับรถเข้ามาจอดบริเวณนั้น
“พ่อจอดรถทำไม”
“ติว”
“เลนึกว่าติวอยู่ที่บ้าน” ผมว่าขณะปลดสายเบลล์ออกพร้อมกับเดินลงจากรถ มือหนากวักเรียกผมให้เดินเข้าไปหาก่อนฮิมจะโอบไหล่แล้วพาผมเดินเข้าไปด้านในร้าน เป็นร้านคาเฟ่ขนาดใหญ่ที่ผมเคยมากินแต่ไม่บ่อย เพราะตัวร้านมันอยู่ห่างจากมหา’ลัยประมาณหนึ่ง ปกติถ้าไม่ไปกินกับพวกพี่นนท์นี่ และนึกอยากกินของหวานผมจะขอให้แก็งชายสี่ (เกี๊ยก พิษ เอ็กซ์ ดิน) หนึ่งในสี่คนนั้นพาไปกินคาเฟ่ที่อยู่ใกล้มหา’ลัยแบบเดินไปได้ไม่ต้องใช้รถ
กรุ๊งกริ๊ง
เสียงกระดิ่งดังเมื่อเราเปิดประตูเข้าไปในร้าน บรรยายกาศดูเหมาะกับการติวมากๆ มันเงียบสงบ คนไม่ค่อยเยอะด้วย
“จองไว้แล้วใช่ไหมคะ เชิญทางนี้ค่ะ” พนักงานผู้หญิงคนหนึ่งเดินมาทางเราก่อนจะเป็นคนนำทางไปยังโต๊ะ อีกฝ่ายพาพวกผมขึ้นไปยังชั้นสองของร้าน ในขณะที่ผมหันไปกระซิบถามฮิม
“พ่อมาจองไว้ตั้งแต่ตอนไหน”
“ตอนที่เลเข้าเรียน” ผมพยักหน้าเป็นอันเข้าใจพร้อมกับกวาดสายตามองดูรอบร้าน เป็นสถานที่ที่น่ามาถ่ายรูปมา ร้านคุมโทนน้ำตาล มีไล่สีตั้งแต่อ่อนไปเข้ม เสริมพรอพด้วยพวกต้นไม้ทำบรรยากาศจึงดูสงบไปอีก ผมสั่งเค้กมาสองสามชิ้นกับไวท์ช็อกโกแลตเช็กเมื่อนั่งโต๊ะเสร็จ ส่วนพ่อสั่งกาแฟดำเย็น ก็ดูเข้ากับฮิมดี
ฮิมทำตัวเป็นติวเตอร์ทันทีที่นั่งลง มือหนาวางชีทปึกหนึ่งลงตรงหน้าผมจนบรรยากาศสบายๆ แทบจะกลายเป็นเครียดแทน ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาถือมันมาตั้งแต่เมื่อไหร่
“ชีทเยอะจัง”
“พี่จะเร่งให้เร็วกว่าเดิม” เสียงทุ้มว่าขณะหยิบดินสอและปากกาอย่างละแท่งออกมาจากกระเป๋าเสื้อ “พี่ไม่ว่างสอนเลเหมือนแต่ก่อน คนดีต้องอ่านให้เยอะขึ้นกว่าเดิมนะครับ”
เสียงทุ้มว่าแต่เขาไม่ได้มองผม มือหนากำลังเขียนบางอย่างลงไปในชีทอยู่
“อือ” ผมตอบรับเป็นเวลาเดียวกันที่พนักงานนำเค้กพร้อมกับน้ำมาเสิร์ฟ และหลังจากนั้นฮิมก็เริ่มที่จะติวทันทีถ้าไม่ติดที่ว่า…
“สวัสดีเล” เสียงแบบนี้นี่มัน
ขวับ*!*
ผมหันหน้าไปมองผู้มาใหม่ พร้อมกับชักสีหน้าใส่ อินอีกแล้ว! คนๆ นี้นี่จะดวงสมพงษ์กับผมอะไรขนาดนั้น
“มาทำไม” ผมถามอย่างไม่ไว้หน้า
“มาหาเลไง ขอนั่งด้วยนะ”
ปึก!
ผมหยิบชีทปึกใหญ่ที่ฮิมพึ่งวางลงบนโต๊ะมาทับที่นั่งข้างผมที่มันยังว่างอย่างไม่ไว้หน้าคนที่ขอนั่งด้วย อินทำสีหน้าราบเรียบก่อนจะเดินไปนั่งข้างฮิมแทน
“นี่!!” ผมลุกขึ้นตบโต๊ะ แสดงออกถึงขนาดนี้ว่าไม่อยากให้นั่งด้วยก็ยังจะนั่งอีก
หน้าด้าน!!
“ขอเค้กช็อกโกแลตกับดาร์กช็อกโกแลตเชคครับ” ผมกำมือแน่นขณะฟังอีกฝ่ายสั่งเมนูกับพนักงาน รอจนกระทั่งสั่งเสร็จ อินถึงหันหน้ามาทางผมแล้วบอกข้อมูลใหม่ที่ผมไม่เคยรู้ “พี่ฮิมไม่ได้บอกเหรอว่าเราจะมาติวด้วย”
ผมหันไปทางพ่อ เขายังทำสีหน้าราบเรียบก่อนจะพยักหน้าว่าสิ่งที่อินพูดเป็นความจริง ความจริงที่ทำให้ผมถึงกับต้องร้องออกมาด้วยความไม่พอใจ
“ฮิม!!!!”
“เราไม่กวนเลมากหรอก”
“ไม่มีชีทให้นาย” ผมบอก
“ไม่เป็นไร” เสียงนุ่มว่าขณะหยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋าสะพายของตัวเอง “เราเตรียมมาแล้ว”
“แต่—”
“ถ้าเป็นเรื่องที่ชินกับการติวสองคนกับพี่ฮิมน่ะไม่ต้องห่วง เราไม่พูดแทรกหรอกแค่จะมานั่งฟังด้วยเฉยๆ”
ผมเม้มปาก กำหมัดแน่นแต่ไม่ได้พูดอะไรอีก อาการบางอย่างมันตื้ออยู่ในใจ ยิ่งมองสองคนที่นั่งข้างกันตอนนี้อาการนั้นมันก็ยิ่งอัดแน่นเสียจนผมจะทนไม่ไหว ผมหันหน้าไปหาฮิมจ้องเข้าไปในนัยน์ตาสีดำสนิท แต่ไม่รู้เลยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ จะคิดอะไรก็ช่างแต่ตอนนี้ผมไม่ชอบมากๆ ไม่ชอบ
“มาเริ่มเถอะ”
เสียงนั้นเป็นคำตัดสิน ว่ายอมให้อินนั่งอยู่ข้างพี่ฮิมได้
บ้าน
“เล” เสียงทุ้มเรียกชื่อคนที่กำลังวิ่งเข้าไปตัวบ้าน ฮิมวิ่งตามทว่าเมื่อมาถึงห้องเขากลับคว้าแขนบางเอาไว้ไม่ทัน เลวิ่งเข้าไปในห้องก่อนจะปิดประตูเสียงดังแล้วลงกลอนทันที
ปัง!
เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาถอนหายใจ มือหนาเสยผมขึ้นก่อนจะเคาะประตู
ก๊อก ก๊อก
“คนดีเปิดให้พี่หน่อยครับ”
“…”
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“เล”
“มีเรื่องอะไรอีก” วินเดินตามขึ้นมาด้านบน ในขณะที่เกียร์เดินออกจากห้องด้วยอาการหัวเสียเพราะเสียงปิดประตูเมื่อกี้ทำให้มันตื่น
“งอนทีไรเดือดร้อนชาวบ้านทุกทีเลยแม่ง” เสียงทุ้มสบถก่อนจะเดินลงไปด้านล่าง ฮิมถอนหายใจก่อนจะรับกุญแจห้องที่วินโยนมาให้แล้วไขเข้าไปด้านใน
ฮือ… ฮึก! ฮือ
เป็นอย่างที่เขาคาดเสียงแรกที่ได้คือเสียงที่เขาไม่อยากได้ยินที่สุด มือหนาเอื้อมไปเปิดไฟ ก่อนจะเดินเข้าไปหาคนที่กำลังซบหน้าลงกับหมอน มีเสียงสะอื้นหลุดรอดออกมาให้ได้ยิน ร่างสูงนั่งลงที่เตียงนอนก่อนจะเอื้อมมือไปแตะที่ไหล่บางทว่าถูกปัดออก
“ออกไป!”
“เล”
“เลบอกให้ไป! ฮิมใจร้าย! ฮิมไปเลย! ไปไกลๆ ฮือ”
“มาคุยกันดีๆ มา”
“ฮือ”
“เลครับ”
“ฮึก!”
“เฮ้อ คนดี” ฮิมถอนหายใจ ก่อนจะตัดสินใจออกแรงนิดหน่อยพอที่ให้เลพลิกตัวแล้วหันหน้ามาทางเขา แต่ทันทีที่ทำ ร่างเล็กก็ลุกขึ้นจากเตียงเป็นฝ่ายโผล่เข้ากอดเขาก่อนทันที เสียงฮือดังตาม ใบหน้าหวานซบลงที่บ่าก่อนจะพรั่งพรูความในใจออกมาจนหมด
“เลไม่ชอบ! เลไม่ชอบเขา ทำไมฮิมต้องเอาเขามาติวด้วย ฮือ เลไม่ชอบ”
มือหนาดันตัวน้องออกก่อนจะปัดเส้นผมที่ปรกหน้าผากมนขึ้น นิ้วเรียวพยายามเกลี่ยน้ำตาที่ไหลลงมาอาบแก้มออกจากใบหน้า “ทำไมล่ะครับ”
“ฮึก…” น้องสงบลง “เขาเหมือนจะแย่งฮิมไปจากเล”
“…”
“เลไม่ชอบ ฮิมเป็นของเล เลไม่อยากให้เขาเอาพ่อไป ฮือ” นัยน์ตากลมโตเงยขึ้นประสานกับคนที่ยังคงนิ่ง ก่อนบรรยากาศจะเงียบลง เงียบจนได้ยินเสียงสวบสาบของเสื้อผ้า ยามเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้คนตรงหน้าแล้วประทับริมฝีปากเข้าหาอีกฝ่าย ร่างสูงนิ่งงันก่อนจะค่อยๆ ตอบรับคนที่เป็นฝ่ายเริ่มก่อน มือหนาเลื่อนจากใบหน้าขาวไปด้านหลังแล้วบังคับท้ายทอยของน้องเอาไว้ เขาจัดการรุกล้ำจนคนที่เป็นฝ่ายเริ่มก่อนเสียเองที่ส่งเสียงอื้ออึงออกมา ร่างบางถูกดันตัวลงเตียงนอน สัมผัสอ่อนโยนถูกเปลี่ยนเป็นเร้าร้อนขึ้นตามบรรยากาศ คนโดนรุกล้ำแทบไม่ได้สติ แขนบางยกขึ้นโอบรอบคอแกร่งตามสัญชาติญาณพลางแทรกนิ้วเรียวเข้าไปในกลุ่มผมสีดำสนิท ขณะเดียวกันที่ฝ่ามือหนาลากผ่านเอวคอด ปัดป่ายไปตามกายขาว เขาได้สติอีกครั้งตอนที่น้องออกแรงขย้ำกลุ่มผมสีดำยามที่มือหนาล้วงเข้าไปในเสื้อเชิ้ตสีขาวของมหา’ลัย คนตัวสูงรีบถอนริมฝีปากออก นัยน์ตาคมมองหน้าขาวที่บัดนี้แดงซ่าน เสียงหวานว่า “ฮิมเป็นของเล”
เขาจับมือบางแนบที่แก้มก่อนจะพยักหน้าแล้วย้ำให้อีกฝ่ายมั่นใจ
“พี่เป็นของเล” รอยยิ้มหลังน้ำตาปรากฏ ก่อนคนตัวเล็กจะสลบเหมือด ฮิมลุกขึ้นจากเตียงนอน ร่างสูงเดินไปปิดไฟทั่วห้องแล้วออกไปสูบบุหรี่ที่ระเบียง เจ้าของนัยน์ตาสีดำสนิทคิดถึงประโยคก่อนหน้าอย่างอารมณ์ดี เลหวงเขามาก เขารู้ แต่ในเมื่อพูดออกมาแล้ว
ร่างสูงสูบเข้าก่อนจะพ่นออก ควันบุหรี่สีดำลอยคลุ้งไปในอากาศ เป็นควันพิษที่คนสูบยินดีที่จะสูบมัน
‘พี่เป็นของเล’
ดังนั้นเล… ก็เป็นของพี่
(100%)
ไอทายว่ามันจะมีดราม่าแบบทำไมฮิมถึงทำแบบนี้ ทำไม!! ถ้ารู้เหตุผลแล้วยูจะอึ้ง อย่าลืมว่าฮิมเจ้าเล่ห์ แบบล้านเล่มเกวียนด้วยนะ ยูอย่าโดน Look คลูๆของเฮียแกหลอกนะ แล้วจะถามใช่ไหมว่าทำไมเฮียยยยยย เลชัดเจนขนาดนี้ทำไมไม่จัดด จัดเหอะ อยากอ่านฉากนั้นแล้ว55555 เพราะน้องเลยังไม่ได้พูดประโยคหนึ่งค พี่ฮิมต้องรอให้น้องพูด ถ้าเลไม่พูดฮิมก็จะไม่ทำ
ปล.นี่แปลกใจมากที่ทุกคนทายอินไม่ออก นางออกจะแสดงแบบชัดเจนอะ
ปล2. ขอบคุณมากๆ ที่มีคนบอกว่าฮิมล็อกกลอนแล้วทำไมเกียร์เปิดเข้ามาได้ เราแก้จุดนั้นแล้วนะคะ ขอบคุณมากๆ ค่ะ
#วิศวะแดนแฟนมีเกียร์
twitter @_mdreds