(เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT  (อ่าน 315391 ครั้ง)

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
โย - โมทย์ - วุธ............. อืมเป็นผมก็เลือกยากน่ะ

ขอเหมาหมดเลยได้ป่ะ อิอิ  :o8:

papae

  • บุคคลทั่วไป
เลือกใครก็ได้ค่ะเลือกมาสักคนอย่ารักเผื่อเลือกมันไม่ดีสงสารคนที่เค้าเป็นตัวเลือกบ้าง :m15:

anston

  • บุคคลทั่วไป
สงสัยชาติที่แล้วทำบุญด้วยกันมาเยอะ..
ชาตินี้ถึงต้องเจอกันอีก..บ๊อยบ่อย..
 :m17:อยากลืม..กลับจำ..ยิ่งเจอ..ก็ยิ่งเจ็บ.. :m17:

Electrolyte

  • บุคคลทั่วไป
เมื่อไหร่จะมาต่อนะ....รอนานแล้ว....แต่ก็ได้แต่รอต่อไป...รออย่างมีความหวัง.....อยากอ่านต่อแล้วคร้าบ

nartch

  • บุคคลทั่วไป
 o22
ไม่เป็นไรนะ ตะเองงงง เดี๋ยวเย็นนี้กลับบ้านแล้วจะรีบต่อให้เลยยยย  ช่วยคน post เห็นว่างานยุ่ง ๆ อยู่
 :m23: :catrun:

nartch

  • บุคคลทั่วไป
ไม่เป็นการเสียเวลา ต่อกันไปเลยครับบบบบบบ  :m1:

7 The unforgettable night Part II

.....กว่าจะเดินเบียดฝูงชนจนเข้าไปถึงที่ที่พวกเพื่อนผมยืนรออยู่ก็เล่นเอาเหนื่อยพอตัว เผลอจับมือไอ้โยเดินตลอดเวลา มารู้ตัวอีกทีก็เพราะเพื่อนผมมันมองแปลก ๆ เหงื่อซึมรู้สึกได้ว่ามือชื้นเลยครับ.....
“.....พวกมึง.....กูเจอเนื้อคู่แล้ว.....” อีเต็มพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“....อะไรของมึง....ใครชะตาขาดวะ....” อีกุ้งกัด ไอ้โยแอบอมยิ้ม
“....อีดอก....” มันค้อนอีกุ้ง “นั่นไง มึง คนที่ยืนตรงนั้นอ่ะ....” อีเต็มพยักเพยิดให้พวกผมชะเง้อมอง
“....ไหนวะ....” อีนันกวาดตามอง
“....นั่นไง....มองมาทางนี้ด้วย....คนที่มองกูตอนไปรับน้องอ่ะ....” ผมหันขวับ เจอกับสายตาไอ้วุธพอดี
“....เฮ้ย....นั่นมันแฟนอีออยนี่หว่า....” กุ้งสะกิดแขนผม
“....เหรอ....” ผมทำเป็นไม่สนใจ หันไปดูตัวแทนจากคณะต่าง ๆ ที่กำลังทยอยขึ้นมา แนะนำตัวบนเวที.....ข้างในร้อนรุ่ม กระสับกระส่ายจนไอ้โยต้องกระซิบถาม
“....เป็นอะไรหรือเปล่า....” ผมส่ายหน้าเป็นคำตอบ
“....เดินไปคุยกับเค้าดีกว่า....” อีเต็มกระดี้กระด้าเป็นปกติของมัน
“....เค้ามากับแฟนหรือเปล่า....” อีนันปราม
“....ไม่หรอก....นั่นมันพวกเด็กการจัดการ....กูจำได้....” เต็มเถียง ตามองไอ้วุธไม่เลิก
“....แฟนเค้าคงกำลังตามมามั้ง....” ผมไม่อยากให้อีเต็มไปข้องเกี่ยวกับวุธ
“....ไม่รู้แหละ ขอกูลองไปคุยก่อน มองมาหลายทีแล้ว มีลุ้นเว้ย....” พูดจบมันก็เดินเบียดคนไปทางไอ้วุธ ผมใจหายวาบ ไม่รู้ไอ้วุธจะพูดอะไรบ้าง หวังว่าคงไม่คุยเรื่องผม เพราะผมไม่เคยเล่าเรื่องวุธให้พวกมันฟัง.....โอเค มีบ้างอะนะ แต่ผมใช้คำว่า คนที่กูเคยรัก แทนชื่อมันทุกครั้ง ดังนั้นมันไม่มีทางรู้หรอกว่า ไอ้คนที่ผมเคยรัก กับไอ้คนที่กำลังคุยกับอีเต็ม เป็นคนเดียวกัน
“....โอ๊ย I think, I’m falling in love with him คนอะไรก็ไม่รู้ ทั้งหล่อ ทั้งนิสัยดี....” อีเต็มเดินยิ้มหน้าบานกลับมา
“....คุยอะไรกันวะ....” อีนันถาม ตาผมไม่มองมัน แต่ฟังหูผึ่งเลยครับ
“....เค้าชื่อวุธ....เด็ก XXXX เมเจอร์ XXXX ด้วยนะมึง เท่ห์ชิบหาย ....ได้กกไข่ซักคืนจะไม่ลืมพระคุณเลย....” ผมสำลักน้ำที่กำลังดูดจากหลอด อีเต็มหันมามองนิดนึง แล้วเล่าต่อ “....ที่สำคัญ....โสด....ยังไม่มีแฟน....” ผมเผลอแบะปาก
“....เป็นอะไรอีเอ้....” อีเต็มดันเสือกเห็นซะนี่ “....กูรู้น่า....วุธน่ะ....สเปกมึงเลยใช่ปะ....เสียดาย ที่มึงดันพาแฟนมาด้วย ไม่งั้นกูจะติดต่อให้ ของอย่างนี้แบ่งกันกินแบ่งกันใช้ได้โว้ย....” ผมทำหน้าไม่ถูก แต่ไอ้โยยิ้มแป้น ผมต้องถลึงตาใส่มัน หุบยิ้มทันทีเลยครับ
“....ไม่ต้องอะ ขอบใจ....แล้วไอ้โยเนี่ย ขอบอกอีกครั้ง เพื่อนกู ไม่ใช่แฟน....”
“....จ้ะ...เพื่อนผ้อง ท้องชนกัน ผับ ๆ....” ผมอายไอ้โยมากที่เพื่อนผมเข้าใจเป็นอย่างนั้น
“....แล้วเค้ามาได้ไงวะ....” ผมเปลี่ยนเรื่อง
“....เพื่อนแถวบ้านชวนมา....เฮ้อ บุพเพสันนิวาส....” อีเต็มเพ้อต่อ
“....พอเหอะมึง....ไอ้โมทย์จะขึ้นเวทีแล้ว....” อีนันเบรก....ไอ้ผล อีเต็มเลิกสนใจไอ้วุธชั่วคราว หันไปมองบนเวที ส่งเสียงกรี๊ดตอนไอ้โมทย์เดินออกมา....ดังมาก พวกผมมองหน้ากันแล้วหัวเราะในความบ้าผู้ชายของมัน
.....ดาวและเดือนปีนี้ ตำแหน่งเป็นของคณะอื่นตามคาด....รูปร่างหน้าตาของโมทย์กับเพื่อนผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ด้วยกว่ามากนัก แต่ถ้าเรื่องความคล่องบนเวที ทั้งคู่ยังสู้คนอื่นไม่ได้....พวกเรายอมรับการตัดสินของกรรมการ....และดูไอ้โมทย์จะรู้สึกโล่งเมื่อลงจากเวที....มันเดินลิ่ว ๆ ไปที่ซุ้ม รุ่นพี่ส่งสัญญาณเรียกพวกปี 1 ไปรวมตัวกันที่สาขา.....
.....นึกว่าเรื่องอะไร ที่แท้เค้านัดไปเที่ยวเธคกันต่อ ไปกันทั้งสาขา ทุกปี ซวยเลย ผมดันมีไอ้โยติดมาด้วย ไม่งั้นคงไปสนุกกับพี่ ๆ เพื่อน ๆ โดยไม่ต้องกังวล ผมยืนกรานปฏิเสธแม้เพื่อนผมจะพยายามลากไปก็ตาม.....แค่นี้ก็ไม่รู้จะโดนเม้าธ์ไปถึงไหนแล้ว ไอ้โยยืนรอผมไม่ไกลจากที่พวกเราคุยกันนัก (ต้องเข้าใจนิดนึงนะครับ ผมยังไม่คุ้นกับการที่โดนล้อเรื่องแฟน ถ้าเป็นแฟนกันจริง ๆ ก็ว่าไปอย่าง แต่นี่ไม่ใช่ ถ้าวันใดความลับแตก ทุกคนรู้ว่าผมกับโยไม่ได้เป็นแฟนกันอย่างที่สร้างภาพไว้ คนที่อับอายที่สุดก็คือตัวผมเอง)
“.....ทำไมไม่ไปเที่ยวต่อวะ.....” ไอ้โยโวยใส่ผมทันทีที่แยกกับเพื่อน ระหว่างทางเดินไปที่จอดรถ
“.....ถ้ามึงอยากไปก็ไปดิ เดี๋ยวกูไปส่งให้ถึงที่เลย.....” ผมหันไปตอบด้วยเสียงหงุดหงิด กูก็อยากไปเหมือนกันแหละ ถ้าไม่มีมึงกูไปแล้ว ผมพูดในใจ
“.....อย่าโมโหสิจ๊ะที่รัก.....” มันคว้ามือผมไปกุม ตรงนั้นมันมืดไงครับ ผมก็เลยปล่อยให้มันจับต่อไปเรื่อย ๆ จนถึงรถ กลับบ้านเร็วกว่าที่คิดโว้ย เซ็งว่ะ ในใจคิดถึงขนาดวางแผนไปส่งไอ้โยก่อนแล้วค่อยไปเที่ยวกับเพื่อนต่อ
“.....เฮ้ย.....แฟนเก่ามึงอ่ะ.....” ผมขับรถออกจากประตูมหาวิทยาลัยไปได้นิดเดียวก็ต้องเบรก เพราะมีร่าง ๆ นึงยืนขวางรถไว้ โชคดีที่ไม่มีรถตามมา เนื่องจากงานยังไม่เลิก คนส่วนใหญ่ยังไม่กลับกัน ผมบีบแตรไล่ มันก็ไม่หลบ ผมถอยกลับหาที่จอดริมฟุตปาท แล้วลงมาเผชิญหน้ากับมัน หันไปอีกที นึกว่าไอ้โยลงมาด้วย ที่ไหนได้ มันเสือกนั่งลุ้นอยู่ในรถ ผมแทบจะเดินกลับขึ้นรถ แต่กลัวเสียฟอร์ม
“.....ยืนขวางทำไม....มีอะไร.....” ผมกระชากเสียงถาม
“.....ขอคุยด้วยหน่อย.....” มันพูดเสียงเรียบ
“.....พอเหอะ....เราไม่มีอะไรต้องคุยกันอีกแล้ว....ต่างคนต่างอยู่....ต่างคนต่างไป....อย่าให้เราต้องรู้สึกแย่กับนายมากไปกว่านี้เลย.....” ผมฝืนใจพูด พยายามทำเสียงให้เป็นปกติที่สุด ทั้งที่ในใจผมมันอ่อนยวบเมื่อเห็นสายตาของมัน
“.....ขอคุยด้วยเป็นครั้งสุดท้าย.....” มันใช้ไม้ตาย มันรู้ว่าผมไม่ชอบให้คนพูดอย่างนี้ มันเหมือนเป็นการสั่งเสีย และมันรู้ว่าผมจะต้องใจอ่อน และก็จริง ๆ ด้วย
“.....มีอะไรก็ว่ามาเร็ว ๆ ไม่มีเวลา.....คนของเรารออยู่....” ผมยืนกอดอกหันหลังให้มัน พูดให้มันคิดว่าไอ้โยเป็นแฟนผม
“.....ขอกลับด้วย.....” แทนที่มันจะพูดให้จบ ๆ ไปซะ กลับทำยืดยาดอีก
“.....ไม่ได้เอารถมาเหรอ.....” ผมหันไปจ้องหน้ามัน วุธส่ายหน้าช้า ๆ เห็นแล้วอดสงสารไม่ได้ เอาก็เอาวะ ไอ้โยก็ไปด้วย มันคงไม่ทำอะไรเราหรอก......ผมพยักหน้าเดินนำมันมาขึ้นรถ.....ไอ้โยงง ที่ไอ้วุธเดินมาเปิดประตูด้านหลังขึ้นรถนั่งเงียบไม่พูดไม่จา

.....เป็นการขับรถที่อึดอัดที่สุด ทุกครั้งที่ผมมองกระจกหลัง ผมจะเห็นไอ้วุธมองหน้าผมผ่านกระจก ยิ่งเวลาแสงไฟจากรถคันอื่นส่องเข้ามา ผมเห็นแววตาเศร้า ๆ ของมัน ถ้าไม่ติดว่าไอ้โยอยู่ด้วย ผมคงน้ำตาร่วงแน่ ๆ.....ไอ้โยมันก็เหมือนรู้ว่าสถานการณ์ตึงเครียด ไม่พูดอะไรซักคำ.....ผมอยากให้มันพูดมากเหมือนตอนขามา พยายามแหย่ให้มันเล่นด้วย มันก็ไม่เล่น....ลงทุนถึงขนาดจับมือมันก่อนด้วยซ้ำ ผมพยายามทำให้ไอ้วุธเห็นว่า ผมโอเค ผมมีไอ้โยแล้ว ผมไม่แคร์ มันไม่มีความหมายอะไรกับผมอีกแล้ว.....ไอ้ห่าโยก็ไม่เก็ทซักที ผมจำเป็นต้องปล่อยมุข.....
“.....โย....โกรธเหรอ.....”
“.....โกรธเรื่องอะไร.....” มันทำหน้าเหวอ
“.....ก็.....” ผมเว้นระยะเอาไว้ และก่อนที่มันจะทำแผนผมแตก โดยการแกล้งไม่รับมุข “.....บ้านเค้ามันเป็นทางผ่านอ่ะ...อย่าคิดมากดิ.....” ผมรวบรัดตัดความ

“.....ไม่ได้คิดอะไรซักหน่อย....เอ้กับวุธไม่ได้เป็นอะไรกันนี่นา....ใช่มั๊ยครับ.....” มันหันไปถามไอ้วุธ ผมเห็นมันยิ้มแห้ง ๆ
“.....อืม....ไม่เคยเป็นด้วยซ้ำ....” ผมพูดเบา ๆ
“.....เอ้....เราขอลงตรงนี้แหละ ไฟแดงพอดี จะได้ไม่ต้องย้อนไปย้อนมา.....” ผมมองหน้าไอ้โยเหมือนจะกินเลือด มันก็รู้ว่าผมไม่อยากยุ่งกับไอ้วุธ ยังจะมาเปิดโอกาสให้ผมได้อยู่กับมันสองคนอีก “....ฝากเอ้ด้วยนะครับ.....” มันหันมาเปิดประตูให้ไอ้วุธขึ้นมานั่งข้างหน้าคู่กับผม ก่อนจะเดินจากไปอย่างอารมณ์ดี
“.....อย่าทำหน้าบึ้งอย่างนี้ดิ....” มันพูดออกมาเป็นครั้งแรก
“.....มีอะไรก็พูดมาเลยดีกว่า.....” ผมพูดโดยไม่มองหน้ามัน
“.....เรียนยากมั๊ย.....” มันเอนหลังนั่งสบาย หาเรื่องคุยกับผมเหมือนจำไม่ได้ว่าเคยทำอะไรกับผมไว้
“.....ก็บางวิชาแหละที่ยาก....แล้วรู้ได้ไงว่าเราเรียนที่นี่.....” ผมพูดเสียงแข็ง
“.....ถามคนดูแลรีสอร์ตที่เอ้ไปรับน้องไง.....โชคดีจังที่ได้เจอกันอีก.....” ผมหัวเราะในคอเบา ๆ
“.....เราไม่ควรเจอกันอีกต่างหาก.....” ผมย้อน วุธอึ้ง “.....แล้วนี่อย่าบอกนะว่าวันนี้ลงทุนตามมามหาลัยเพื่อมาคุยเรื่องไร้สาระอย่างนี้อ่ะ.....”
“.....ใช่....เราตั้งใจมา พอดีเพื่อนชวนมาดูประกวดดาวมหาลัยด้วย งานกิจกรรมแบบนี้เอ้ไม่พลาดแน่ ๆ...อ้อ...แต่ไม่ได้มาคุยเรื่องไร้สาระนะ.....มีหลายเรื่องที่เราต้องเคลียร์กัน.....” ผมยิ้มมุมปาก มองหน้ามันเต็มตาเป็นครั้งแรก ก่อนจะพูดช้า ๆ ชัด ๆ ว่า
“.....เรา ไม่ มี อะ ไร ต้อง คุย กัน อีก.....ขอส่งแค่ปากซอยนะ.....” ผมเร่งเครื่องให้ไปถึงที่หมายเร็วที่สุด.....โคตรทรมานเลย แค่ได้อยู่ใกล้มัน เห็นหน้า ได้ยินเสียงมันอีกครั้งผมก็อยากให้เราสองคนกลับมาเป็นเหมือนเดิมจะแย่แล้ว แต่ต้องทนฝืนตัวเอง เพียงเพราะไม่อยากเจ็บอีก
“.....แม่ถามถึงเอ้บ่อย ๆ เลยนะ ไม่เข้าไปหาหน่อยเหรอ.....” ผมสั่นหน้าแรง ๆ อย่าพูดอีก อย่าทำเหมือนเดิม กูไม่อยากรักมึง “.....หิวมั๊ย....แวะกินอะไรกันก่อนเหอะ.....” ผมชะลอรถจอดข้างทาง เปิดไฟฉุกเฉิน
“.....วุธ....อย่ายืดเยื้อ มีอะไรก็รีบ ๆ พูดมา....” ผมทำหน้าจริงจัง
“.....หิว....” มันพูดสั้น ๆ

“.....ได้.....” ผมออกตัวแรงจนมันหันมามองหน้า ปกติผมไม่ทำอย่างนี้นะ กลัวรถพัง เดี๋ยวแม่ด่าตายเลย ขับไปได้ซักพัก ผมก็จอดที่ตลาดโต้รุ่งแถวบ้านมัน ก็ทางผ่านบ้านผมนั่นแหละ....
“.....ลงมาด้วยกันดิ.....” ผมนั่งเฉย เปิดเพลงเสียงดังขึ้น “....โอเค....งั้นรอตรงนี้นะ อย่าหนีไปไหนล่ะ....”
.....มันหายไปซักพัก ก็เดินหอบถุงพะรุงพะรังเปิดประตูหลังเอาของพวกนั้นวาง แล้วขึ้นมานั่งกับผม....อะไร ยังไงเนี่ย อ๋อมันคงซื้อไปกินที่บ้านมั้ง ผมไม่พูดอะไร ขับไปเงียบ ๆ ตามทาง เพลงในวิทยุก็ช่างเป็นใจเหลือเกิน....ถ้าอยู่คนเดียวป่านนี้จอดรถร้องไห้แล้ว สับสนในตัวเองมาก ๆ ใจนึงก็รัก ใจนึงก็กลัว เครียดจนคิ้วขมวดโดยไม่รู้ตัว กำพวงมาลัยแน่น ไอ้วุธมองหน้าผมสลับกับถนน.....
“....เอ้....เราขับให้มั๊ย.....” มันยื่นมือมาแตะแขนผมเบา ๆ แต่ผมสะดุ้งจนมันต้องชักมือกลับ
“....ไม่ต้องอ่ะ....เดี๋ยวก็ถึงแล้ว....”
“....ขอแวะกินข้าวที่บ้านเอ้ก่อนนะ....” ผมหันไปมองหน้ามัน
“....ไม่ต้องเลย...มีอะไรก็พูดกันตรงนี้แหละ....”
“....แป๊บเดียวเอง กินเสร็จ พูดเสร็จก็กลับ....” มันดื้อดึง
“....ให้ติดรถกลับบ้านมาด้วย นี่ก็บุญกบาลเท่าไหร่แล้ว อย่าเรื่องมาก ขอร้อง....” ผมทำเสียงหงุดหงิด
“....ขอร้อง....หิวข้าว พูดไม่ออก ขอกินก่อนนะ....” มันไม่รู้สึกรู้สากับท่าทีของผม นี่ผมชักอ่อนใจ และเริ่มจะใจอ่อนแล้วนะ
“....ให้เวลาไม่เกินเที่ยงคืน....ทุกอย่างต้องจบ...โอเคมั๊ย....” ผมพูดหลังจากถอนหายใจเฮือกใหญ่ มันเงียบไปนิดนึง
“....ไม่จบหรอก ทุกอย่างกำลังจะเริ่มใหม่ต่างหาก....” มันมองผมด้วยสายตาที่ทำให้ผมต้องหลบวูบ เพราะถ้ามันมองชัด ๆ มันต้องเห็นแววตาของผมที่ไม่แข็งกร้าวเหมือนเคย

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
แหมสงสัยมีถ่านไฟคุ โยเองก็เป็นใจสุดริด อิอิ

JaeTae

  • บุคคลทั่วไป



  คงจับยากซะแล้วล่ะ เริ่มใหม่ดิ ยังไงๆ คุ่กันแล้วก็ไม่แคล้วกัน กระทุ้ที่เคย โพส ว่าเชียร์ โย ถอนเน้อ  :a2:

stupidchild

  • บุคคลทั่วไป
โอ๊ยยย น้ำตาไหล เหนความรักกำลังวนกลับมาใหม่

ทั้งรักทั้งเกลียด แต่ก้รัก ชิมิ โอ๊ย นึกถึงตัวเองแล้ว ช้ำแทน

มาต่ออีกนะคับ หุหุ กำลังชอบ

nartch

  • บุคคลทั่วไป
แถมให้อีกตอน ก่อนจะขอตัวไปนอนนนน ถือเป็นของขวัญนาน ๆ มา post ช่วยยยยยย
ก็ลองรอเจ้าของกระทู้ตัวจริงไปก่อนซักวันสองวันละกันนะจ๊ะ .... :give2:

================================================

8 The Unforgettable Night Part III

.....วุธมันกำลังคิดอะไรอยู่ จะเริ่มต้นใหม่กับผมงั้นเหรอ เริ่มทำให้ผมทรมานมากขึ้นน่ะดิ ตอนแรก ๆ กว่าจะนอนหลับได้แต่ละคืน ต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 1 ชั่วโมงเพื่อทำใจ ไม่คิดเรื่องระหว่างผมกับมันที่ลอยวนเวียนอยู่ในหัวทุกครั้งที่หลับตา และทุกครั้งที่อยู่คนเดียว.....เกลียดแสงแดดตอนเย็น เป็นเวลาที่เราเคยขี่รถเล่นกัน.....เกลียดแสงแดดจ้า ๆ ตอนกลางวันทุกเสาร์อาทิตย์ เราเคยทำอะไรกินกัน เคยเล่นไพ่สารพัดรูปแบบ เคยนอนดูรายการโทรทัศน์ห่วย ๆ ตอนบ่าย.....พาลไม่อยากจูงน้องหมาไปเดินเล่น เพราะคิดถึงตอนที่เราเคยพลัดกันจูง คนนึงถือไม้ อีกคนจับเชือกคอยดึงหมาไว้ไม่ให้ไปฉี่ที่รั้วบ้านคนอื่น.....เกลียดตอนหัวค่ำของทุกวัน เวลาที่ผมต้องเดินออกไปส่งมันกลับบ้าน พร้อมคำพูดเดิม “...กลับบ้านดี ๆ นะ...” เกลียดรอยยิ้ม เกลียดสายตาอาลัยอาวรณ์ เหมือนไม่อยากไป ทั้ง ๆ ที่วันรุ่งขึ้นก็ต้องเจอกันอีก.....ผมเฝ้าบอกตัวเองว่าผมเกลียดสิ่งเหล่านั้น.....ทั้ง ๆ ที่ในใจ ผมยังอยากมีช่วงเวลาเช่นนี้ อยากให้วุธกลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่อีกใจก็กลัวเจ็บ รู้แล้วนี่ว่ามันทรมานแค่ไหน ยังจะอยากให้มันกลับมาทำให้ชีช้ำอีกรอบเหรอ ผมถามตัวเอง.....

เธอกลับมาวันนี้ ไม่เป็นเหมือนเธอคนก่อน
มาอ้อนวอน จะย้อนคืนมาเหมือนเก่า
บอกเราให้ลืมเมื่อวาน ที่เป็นรอยแผลเป็นในใจเรา
ที่ปวดร้าว ฝังอยู่เป็นรอยลึกมานาน
มองหน้าเธอเอาไว้ และทำหัวใจให้แกร่ง
จงแสดงให้เหมือนว่าใจไม่สั่น
บอกเธอว่าเราไม่ลืม สิ่งที่เธอได้เคยทำร้ายกัน
แม้ใจนั้น มันคิดจะยอมเธอเหมือนเคยมา
อย่าให้ใจแพ้ภัยตัวเอง อย่าไปตามใจหัวใจเราเอง
เป็นอย่างที่ผ่านมา (เจ็บมาพอไหม)
บอกเธอไปว่าใจยังเจ็บ และไม่มีใจเหลือพอให้ใคร
แล้วก็หันจากไป แค่นี้ทำได้หรือเปล่า

.....มันไม่ง่ายไปหน่อยมั้ง คิดว่ากูเป็นของตาย กระดิกไปไหนไม่ได้ใช่มั๊ย คิดว่าแค่อ้อนนิดหน่อย กูจะอ้าแขนรับมึงกลับเข้ามาในชีวิตเลยใช่มั๊ย.....ถ้าคิดอย่างนั้น คิดใหม่ซะ ผมจอดข้างทาง วุธมองหน้าผมงง ๆ
“ส่งแค่นี้นะ” ผมพูดเสียงเรียบ
“ทำไมอ่ะ...เป็นอะไรอีก” เสียงมันไม่ค่อยพอใจ
“จะไปเที่ยวต่อ” มันมองนาฬิกาบนคอนโซล บอกเวลา 4 ทุ่มนิด ๆ
“ไปไหน” ผมหันขวับ
“จะไปไหน แล้วมันเกี่ยวอะไรกับ.....นายล่ะ” ผมเลือกใช้สรรพนามแทบไม่ถูก
“ไปด้วย” ซวยเลยกู ไม่รู้จะไปไหนเหมือนกัน จะไปจอยกับเพื่อนที่คณะก็ไม่ได้ เดี๋ยวความลับแตก
“ไม่ได้” ผมกระแทกเสียง ให้รู้ว่าผมไม่พอใจเหมือนกัน
“แน่จริงก็ถีบเราลงรถเลยดิ” มันลอยหน้าลอยตาพูด ก็รู้อยู่ว่าผมไม่ทำหรอก
“หิวไม่ใช่เหรอ กลับไปกินข้าวที่บ้านดิ” ผมเปลี่ยนมาพูดดี ๆ บ้าง
“ไม่เป็นไร เที่ยวเสร็จค่อยกินก็ได้” มันดื้อด้าน ผมโมโห โมโหตัวเองนะครับ ทำไงดีล่ะทีนี้ จะไปไหนดีวะ ไม่อยากให้มันไปบ้านอีก ผมตัดสินใจเปิดประตูเดินลงรถ มันรีบลงตามมา
“เอ้...ไปไหน” มันตะโกนเรียก ผมไม่หัน มันวิ่งมาดึงแขนผมไว้
“ไปโทรศัพท์” ผมแกะมือมันที่จับแขนผมอยู่ มันยืนรอผมที่หน้าตู้โทรศัพท์ (สมัยนั้นมือถือแพงมาก เพิ่งเข้ามาใหม่ อันใหญ่มองไกล ๆ นึกว่าสากกะเบือ)
.....นึกได้ว่าอาเล็กโทรมาชวนผมไปเที่ยวกลางคืนเมื่อสองสามวันก่อน เป็นเธคเกย์แถวรามคำแหง เป็นร้านแรก ๆ ในละแวกนั้นเลยนะครับ ผมปฏิเสธด้วยความเสียดาย เพราะติดงานที่มหาวิทยาลัย และคิดว่างานนี้ต้องกลับดึก หรือไม่ก็ต้องไปเที่ยวต่อแน่ จริง ๆ แล้วผมก็อยากไปนะครับ เกิดมายังไม่เคยไปเธคเกย์เลย อยากรู้ว่าจะสนุกแค่ไหน เหมือนอย่างที่อาเล็กเคยเล่าให้ฟังมั๊ย.....ตอนนี้มีโอกาสแล้ว อาเล็กออกจากบ้านหรือยังก็ไม่รู้ เสี่ยงโทรไปเช็คดูดีกว่า......

.....โชคดีจริง ๆ อาเล็กกำลังจะออกจากบ้าน อืม คงต้องเป็นอย่างนั้นแหละ กว่าแกจะโบกหน้าเสร็จเวลาประมาณนี้ ไม่ดึกไปหรอก....เสียงอาเล็กดีใจที่ผมเปลี่ยนใจไปกับแก นัดเวลา สถานที่กันเรียบร้อย ไม่ไกลเท่าไหร่ ไปง่าย ๆ สังเกตง่าย ติดถนน มีเครื่องหมายเด่นชัด มีผู้ชายเยอะแยะหน้าร้าน.....
.....ทีนี้แหละไอ้วุธ มึงจะได้รู้ว่าผู้ชายกับเกย์ การใช้ชีวิตมันไม่เหมือนกัน มึงกลับไปหาผู้หญิงแท้ ๆ ดีกว่า อย่าเข้ามาในชีวิตกูอีกเลย.....ผมวางแผนจะกดดันให้ไอ้วุธรู้สึกอึดอัดที่สุดที่มากับผม ไม่บอกมันหรอกว่าผมจะไปไหน พอวางหูอาเล็ก ผมก็เดินนำมันขึ้นรถ ขับช้า ๆ เปิดเพลงดัง ๆ เพื่อมันจะได้คุยกับผมไม่รู้เรื่อง และเลิกคุยกันในที่สุด
“ถ้าจะกิน ลงไปกินข้างล่าง เหม็นรถ” มันชะงัก ดึงมือกลับจากที่พยายามควานหาถุงของกินที่พอจะแกะกินได้หลังรถ
“ใจร้ายว่ะ” มันตัดพ้อ ผมไม่อยากทำหรอกนะ แต่ต้องทำ
“บอกเองนี่ ว่าเที่ยวเสร็จค่อยกินก็ได้” ผมย้อน
“เออ” มันปรับเบาะให้เอนลงจนสุด และหลับตาตลอดเส้นทาง ทำให้ผมได้มีโอกาสมองหน้ามันเต็ม ๆ แม้จะไม่ชัดนัก อยากจะก้มลงไปหอมแก้มมันให้หายคิดถึง แต่ก็ทำไม่ได้
.....ขับรถไปเรื่อย ๆ ด้วยความสับสนในใจ อยากแก้แค้นมัน อยากปล่อยมันไปดี ๆ อยากให้มันกลับมาเหมือนเดิม แต่ที่อยากที่สุดในตอนนั้นคือ อยากให้เธคมันอยู่ไกลกว่านี้ ผมจะได้มองหน้ามันได้นานขึ้นอีกนิด......หลังจากที่เจอร้านแล้ว ไม่เห็นจะเหมือนที่อาเล็กบอกเลย มีแต่กะเทยแต่งหญิงเต็มหน้าร้าน คิดว่ามาผิดที่ซะแล้ว ถ้าไม่เห็นรถอาเล็กเพิ่งจะถอยเข้าจอดในที่จอดรถไม่ไกล.....ผมตามไปจอดฝั่งตรงข้าม ไอ้วุธลืมตาขึ้นมามองรอบ ๆ
“ถึงแล้วเหรอ” ผมพยักหน้าเป็นคำตอบ เปิดไฟ สำรวจหน้าตานิดนึง โอเคแล้ว ไม่เสียแรงที่ไปไดร์ผม แถมถอยชุดใหม่เพื่อคืนนี้ (ยังไงก็ต้องได้เที่ยวแน่ แต่ไม่คิดว่าจะได้มาเธคเกย์)
“จะนอนต่อบนรถก็ได้นะ ดีเหมือนกัน เฝ้ารถให้ด้วย” ผมพูดกับไอ้วุธก่อนลงจากรถมาเช็คเสื้อผ้า เช็ครอบ ๆ รถว่ามีอะไรผิดปกติหรือเปล่า ไอ้วุธลงมามองไปที่หน้าร้านอย่างงง ๆ
“ที่ไหนเนี่ย” มันทำหน้าเหรอหรา
“เดี๋ยวก็รู้” ผมไม่ตอบ แต่เดินไปหาอาเล็กฝั่งตรงข้าม สงสัยว่าทำไมอาเล็กไม่ลงจากรถซะที เดินไปใกล้ถึงรู้ว่า แกกำลังโบกหน้าอยู่
“อาเล็ก” ผมร้องเรียกเสียงดัง Surprise มาก แกมาในชุดราตรีสีทอง ยัดนมตู้ม วิกผมสีทองฟูฟ่องเข้ากับชุด พอแกก้าวลงมาจากรถ ผมแทบกรี๊ดอีกรอบ ชุดแกผ่าลึกได้ใจมาก เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นอาเล็กในสภาพนี้ เวลาปกติแกก็ดูแมนดี มีแอบตุ้งติ้งบ้าง แต่อาเล็กคนข้างหน้าผมตอนนี้ สวยมาก ๆ นมเป็นนม ตูดเป็นตูด ไม่รู้แกหาอะไรมายัด
“อะไรยะ...อาลืมบอกแกไปว่าวันนี้จะมีประกวดลิปซิ้งค์...ลองดูสนุก ๆ” แกพูดแก้เขิน มีดีอย่างนี้นี่เอง มิน่าตอนโทรมาชวนถึงได้คะยั้นคะยอให้ผมมาด้วยจัง
“สวัสดีครับ” วุธยกมือไหว้อาเล็ก
“อ้าว...มาด้วยเหรอ...ดีกันแล้วสิ” อาเล็กรับไหว้
“ครับ” “เปล่า” ตอบพร้อมกัน อาเล็กมองหน้าผมที มองไอ้วุธที
“เออ ๆ ช่างเถอะ....ไปเร็ว” อาเล็กเดินถลกกระโปรงก้าวยาว ๆ นำพวกผมไป
“อาเล็ก แล้ว.....” ผมมองหาแฟนแก
“รออยู่ข้างใน” อาเล็กหันมาตอบ แล้วจ้ำต่อ ไอ้วุธเดินก้มหน้าก้มตาตามไป ส่วนผมมัวแต่มองข้างทาง มองดูผู้คนด้วยความตื่นตาตื่นใจ มีแต่คนหน้าตาดี ๆ ทั้งนั้นเลย ผมคงเดินช้าไปมั้งครับ ไอ้วุธดันเดินย้อนกลับมาลากผมเข้าไปพร้อมกับมัน
“พกเมียมาด้วยเหรอ...พกเมียมาด้วยเหรอเนี่ย.........” เสียงกะเทยหน้าร้านร้องเพลงแซวคู่ผม ไอ้วุธก้มหน้าเดิน ผมตัดสินใจกระชับตัวให้เบียดกับมัน เสียงพวกนั้นยิ่งกรี๊ดกร๊าดกันดังขึ้น.....และนี่คือแผนแรก...ทำให้มันอายที่มากับผม
.....อลังการ ตอนที่ไปเที่ยวกลางคืนครั้งแรกกับอาเล็กสนุกมาก ไปเที่ยวกับเพื่อนก็สนุกไปอีกแบบ แต่ตอนนี้สนุกที่สุด.....แฟนอาเล็กจองที่ติดเวทีไว้ ผู้คนแต่งตัวแปลก ๆ เริ่มทยอยกันเข้ามา เปิดเพลงถูกใจมาก ไม่เหมือน RCA หรือรัชดาที่เคยไปบ่อย ๆ คล้ายกับว่า ที่นี่เป็นที่ของเรา ปกติแล้ว ผมไม่ค่อยเต้น ถ้าเหล้าไม่เข้าปาก แต่นี้ยังไม่ได้กินซักแก้ว ขอมันส์เกินค่าตัวหน่อยละกัน สร้างภาพให้ไอ้วุธเห็นว่าผมมาสถานที่อย่างนี้ประจำ.....เด็กเสิร์ฟในร้านก็หน้าตาดี หุ่นดี บางคนยังดูเด็กมาก ๆ แต่งตัวก็ โอ๊ย หัวใจจะวาย กระตุ้นต่อมอยากมีเพศสัมพันธ์มาก.....ดูแล เอาใจใส่ ชงเหล้าให้ทุกครั้งที่เห็นว่าพร่องลง จะพูดคุยกันแต่ละที ต้องพูดใกล้ ๆ หู เพราะเสียงดัง ที่อื่นก็ทำอย่างนี้นะ แต่ที่นี่ เบียดมาทั้งตัวเลย หลังผมนี้โดนสีจนจะไหม้แล้ว ***(เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นนานแล้ว ลองไปอีกทีเมื่อสองปีที่แล้ว ต่างกันลิบลับในทุก ๆ รายละเอียด จนคิดว่ามาผิดร้าน คงเป็นเพราะเปลี่ยนเจ้าของด้วย)***
.....Un Break My Heart คือเพลงที่อาเล็กเลือกใช้ประกวดคืนนั้น ฟังมาก็หลายที แต่ไม่เคยรู้สึกว่ามันเศร้าขนาดนี้ ปากอาแกสั่นได้ใจจริง ๆ สีหน้าบ่งบอกถึงความเจ็บปวด มือไม้แกไปหมด ใส่อารมณ์จนคนดูส่งเสียงกรี๊ดยาวนานเมื่อโชว์จบ แม้แต่ไอ้วุธก็มองด้วยความทึ่ง......แต่ คนที่ได้ที่หนึ่งในวันนั้นไม่ใช่อาเล็กครับ เป็นคนที่ลิปเพลง I’ve never been to me ผมเพิ่งเคยได้ยินที่นี่เป็นครั้งแรก และก็ชอบมาโดยตลอดหลังจากนั้น อาเล็กว่าเศร้าแล้วนะครับ คนนี้เศร้ากว่า สีหน้า ท่าทาง การแสดงบนเวที ทำให้ผมรู้ความหมายของเพลงนี้โดยอัตโนมัติ เสื้อผ้า หน้าผม เริ่ดไปหมด สมควรได้ที่ 1 จริง ๆ แต่อาเล็กแกได้รางวัลชมเชย ควบด้วยรางวัลขวัญใจผู้ชมนะครับ มีการนับดอกไม้ที่ได้ด้วย ก็เพื่อนแกมาตั้งแยะ ผมกับวุธยังซื้อดอกไม้ให้เลย....
“พี่ครับ...โต๊ะโน้นฝากมาให้ครับ” เด็กเสิร์ฟยื่นกระดาษเล็ก ๆ ให้ผมพร้อมชี้ไปที่โต๊ะคนที่ฝากให้ แกะออกดูเป็นชื่อ และเบอร์เพจ พร้อมข้อความ “ผมอยากรู้จักคุณครับ” ผมกวาดตามอง มีตั้งหลายคน แล้วกูจะรู้มั๊ยเนี่ยว่าคนไหนอยากรู้จัก.....สุดท้ายก็มีคนยกแก้วเหล้าให้ผม อ๋อ คนนี้นี่เอง หน้าตาใช้ได้ แต่ท่าทางเจ้าชู้มาก ๆ ผมยกแก้ว แล้วจิบนิด ๆ ไม่อยากกินมาก เดี๋ยวต้องขับรถกลับเอง ผมพับกระดาษแผ่นนั้นใส่กระเป๋ากางเกง เหลือบตามองได้วุธ เห็นมันจ้องการกระทำผมเขม็ง ผมไม่สนใจ ลอยหน้าลอยตา โยกตัวตามจังหวะเพลงต่อ ซักพัก คนที่ส่งกระดาษนั่นมาให้ผมก็เดินเข้ามา
“มาที่นี่บ่อยมั๊ยครับ” เสียงดังอ่ะนะ ทำให้ต้องพูดใกล้กันขนาดนี้ ผมมองไอ้วุธที่มองตาขวาง และนี่จะเป็นอีกแผนนึงของผม ทำให้มันเห็นว่า ผมพร้อมจะมีคนอื่นได้ตลอดเวลา
“เพิ่งมาครั้งแรก” ผมขยับตัวเข้าใกล้พอ ๆ กันเพื่อตอบคำถาม
“มิน่า ไม่เคยเห็นมาก่อน” พอยิ้มแล้วดูดีจัง ผมคิดในใจ เราคุยกันอยู่นานเหมือนกัน เค้าชวนผมเต้นไปด้วย คุยไปด้วย รู้สึกแปลก ๆ เวลาไปเที่ยวที่ปกติไม่เห็นขายดิบขายดีอย่างนี้ เห็นสายตาหลายคู่มองมา คงคิดว่าผมกับเพื่อนใหม่จะลงเอยกันบนเตียงอย่างนั้นอ่ะดิ แต่เสียใจ
“ไปด้วยกันต่อมั๊ยครับ” อยู่ดี ๆ เค้าก็ถามผม พร้อมขยับตัวเข้ามาใกล้จนแทบจะกลายเป็นคนเดียวกัน
“หมายถึงอะไรครับ” ผมแกล้งไม่เก็ท
“ไปบ้านใครดี” ทุกทีจะแค่คุยกันใกล้ ๆ หู แต่คราวนี้ ทั้งจมูกทั้งปากโดนจัง ๆ เข้าที่แก้ม ผมถึงกับขนลุกเมื่อเค้าไซร์มาถึงคอ
“บ้านใครบ้านมันไง” ผมผลักเค้าออกเบา ๆ สีหน้าเค้าดูหมือนไม่ค่อยพอใจ
“ทำไมล่ะครับ”
“ผมไม่พร้อม”
“โอเค” เค้าหันหลังให้ผม เดินกลับโต๊ะไปเลยครับ ส่วนผมก็เพิ่งเห็นไอ้วุธว่าตอนนี้มันโดนรุมล้อมด้วยเพื่อนสาว ป้อนเหล้า ทั้งโอบ ทั้งกอด เห็นมือที่กำลังจะล้วงไปถึงไหน ๆ ในกางเกงไอ้วุธ ที่ตาปรือ ตาเยิ้ม หน้าแดงก่ำ หัวเราะคิก ๆ คัก ๆ ท่าทางจะกินเหล้าเข้าไปมาก....มากจริง ๆ แหละ เห็นขวดเหล้าบนโต๊ะลดลงไปเยอะ.....ตายแล้ว นี่กูมัวแต่หลงระเริง ยั่วไอ้วุธ ไม่ได้หันมาสนใจมันเลยว่ามันจะกินไปมากน้อยแค่ไหน....ไอ้เวร รู้ทั้งรู้ว่าแดกเหล้าตอนท้องว่างมันจะเมาเร็ว ก็ยังเสือกแดกเข้าไปได้ ผมโมโห
“ขอโทษครับ...เพื่อนผมเมาแล้ว กลับบ้านเลยดีกว่า” ผมแทรกตัวกันเพื่อนสาวที่ค่อย ๆ ลุกทีละคน
“เพื่อนหรือผัวจ๊ะ” อีกะเทยหน้าหักปากดี ผมชะงัก แต่คิดดูว่ามันเสี่ยงที่จะมีเรื่องในนี้
“เพื่อนสาวคะ” ผมแกล้งยิ้มหวาน “อีดอก....เมาเป็นหมาเลยนะมึง” ผมพูดกับไอ้วุธที่เมาไม่รู้เรื่อง มันหันมายิ้มจนตาหยี
“ว๊าย....เพื่อนสาวเหรอ” ทุกนางครางด้วยความเสียดาย ก่อนเดินจากไปโดยไม่หันกลับมาอีก
“ทำไมวุธมันเมาอย่างนี้ล่ะ” อาเล็กแกไปเปลี่ยนเสื้อผ้ามา มิน่าล่ะหายไปนาน ไม่มีใครเฝ้าไอ้วุธที่โต๊ะเลย
“ไม่รู้เหมือนกัน แต่มันคงไม่ได้กินข้าวก่อนมามั้ง” ผมมองไอ้วุธที่ฟุบลงกับโต๊ะ
“รอแป๊บนึง จ่ายตังค์ก่อน เดี๋ยวอาไปส่ง” อาเล็กพูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
“เอ้กลับเองได้ อาเล็กอยู่ต่อเถอะ ยังไม่ได้เต้นเลยนี่” ผมพูดขำ ๆ ปฏิเสธ พออาเล็กลงจากเวทีรับรางวัลปุ๊บก็เดินคุยกับเพื่อน ถ่ายรูป แล้วก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ไม่รู้ไปเปลี่ยนที่ไหนเหมือนกัน หายไปนานมาก แกยังไม่ได้กินเหล้าซักหยด ไม่ได้เต้นซักเพลง
“กลับเองได้เหรอ...แน่ใจนะ...กินเหล้ามั่งหรือเปล่า”
“กินนิดเดียวเอง ไม่ถึงสองแก้ว นี่ไง แก้วเอ้ วางไว้จนยุงมันจะวางไข่แล้ว” ผมตอบให้อาเล็กสบายใจ
“เออ ๆ งั้นอาเดินไปส่งที่รถละกัน” อาเล็กกับแฟนแก ช่วยผมพยุงไอ้วุธไปขึ้นรถ
“กลับบ้านดี ๆ ค่อย ๆ ไปนะ...อย่าซิ่งล่ะ....ถึงบ้านแล้วเพจบอกอาด้วย” อาเล็กเกาะประตูพูด ผมหยักหน้าหงึก ๆ
.....สุดท้ายไอ้วุธก็ต้องได้มานอนบ้านผมอยู่ดี....ผมมองหน้ามันที่หลับตาพริ้มอยู่ข้าง ๆ สลับกับพูดจาพร่ำเพ้ออะไรไม่รู้ จับใจความไม่ได้...ตั้งแต่รู้จักมันมา ไม่เคยเห็นมันเมาเลย เพิ่งจะมีวันนี้แหละ.....ถึงบ้านซะที ถอยรถจอด ล็อคปะตูรั้ว ทักทายน้องหมาที่วิ่งเข้ามาประจบพันแข้งพันขา....เปิดประตูฝั่งไอ้วุธ เขย่าเรียกมัน หวังว่ามันจะตื่น เดินขึ้นบ้านเองได้ แต่ไม่เลย พอมันลืมตาเท่านั้น ผมแทบหลบไม่ทัน อ้วกพุ่งออกมาข้างรถ....ดีนะมึงที่ไม่อ้วกใส่รถกู.....เอายังไงล่ะทีนี้....จะเอามันขึ้นบ้านได้ยังไง ตัวมันไม่ได้ผอมบางเหมือนแต่ก่อนแล้ว....จะให้นอนข้างล่างก็กลัวน้องชายตื่นมาตอนเช้าแล้วเห็นสภาพอุบาทว์ของมัน และอาจจะนำไปสู่การแบล็คเมล์ เพื่อแลกกับการไม่เอาเรื่องนี้ไปฟ้องพ่อแม่.....
.....ผมตัดสินใจแบกร่างหนา ๆ ของมันเอาแขนมันมาโอบคอไว้ พยุงตัวมัน ค่อย ๆ พาเดินเข้าบ้าน.....เห็นบันไดแล้วแทบถอดใจ....กว่าจะพาเข้ามาได้ขนาดนี้ก็เหนื่อยจนจะเป็นลม ขอพักนิดนึงละกัน ผมปล่อยมันนอนกับพื้นแล้วลากมาพิงไว้กับโซฟา.....เดินไปหาน้ำกินก่อน....ค่อยยังชั่ว....เปิดพัดลมแทนที่จะเปิดแอร์ เพราะเดี๋ยวก็ต้องขึ้นข้างบน....นึกได้ว่ามันมีของกินอยู่หลังรถ เกือบลืมแล้วมั๊ยล่ะ ไม่งั้นพรุ่งนี้เปิดรถอีกที มันต้องเน่า เหม็นไปทั้งรถแน่ ๆ.....ว่าแล้วผมก็เดินออกไปเอาถุง 4-5 ถุงของมัน พิจารณาระหว่างทาง มีแต่ของกินที่ผมชอบทั้งนั้น.....น้ำตาจะไหลอีกแล้ว.....
.....เดินเข้าครัว เก็บแยกของที่มันซื้อเข้าตู้เย็น ยังดีที่ไม่มีอะไรเน่า บูด เอาไว้อุ่นกินพรุ่งนี้ได้อีก....กำลังเก็บของเพลิน ๆ ต้องสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงไอ้วุธอ้วกอีกแล้ว.....ผมวิ่งออกไปดู เห็นมันโก่งคออ้วกออกมา มีแต่น้ำ เลอะเทอะเสื้อผ้ามันหมด เปรอะพื้นบ้านผมด้วย.....โอ๊ย เกิดมาไม่เคยเช็ดอ้วกใคร ไม่เคยต้องดูแลใครขนาดนี้....ทำไงดีวะ ดูแลคนเมาเค้าทำยังไงกัน.....ผมเขย่าให้มันรู้สึกตัว.....
“วุธ...ไหวมั๊ย” ผมอดถามด้วยความเป็นห่วงไม่ได้
“ปวดหัว” มันพูดอ้อแอ้
“กินอะไรมั๊ย” ถามโง่ ๆ เนอะ มันจะเคี้ยวอะไรได้
“ขอกาแฟเข้ม ๆ” มันหลับตาพูด ซวยเลยกู บ้านผมไม่มีใครกินกาแฟด้วย
“ไม่มีอ่ะ” ผมพูดเบา ๆ มันลืมตาขึ้นมายิ้มให้ผม
“งั้นขอน้ำก็ได้” ผมลุกไปหามาให้ ประคองหัวมัน ค่อย ๆ ป้อนไม่ให้เลอะเทอะไปมากกว่านี้
“เดินไหวมั๊ย” ผมเขย่าแขนถามเมื่อเห็นมันนอนนิ่ง
“ไหว” มันค่อย ๆ พยุงตัวเองลุก แต่ก็เซจนผมต้องเข้าไปกอดมันไว้ด้วยความตกใจกลัวมันจะล้มไปโดนโต๊ะ ในที่สุดเสื้อตัวใหม่ของผมก็เปรอะอ้วกมันไปเรียบร้อย แต่แปลกนะครับ ผมไม่รู้สึกรังเกียจอะไรเลย
“เดินดี ๆ นะ” จับแขนมันพาดคอผมอย่างเดิม แล้วค่อย ๆ พามันเดินขึ้นบันได ลุ้นสุดตัวว่าจะรอดมั๊ย แต่ก็รอดมาได้จนถึงหน้าห้องผม
“ถ้าจะอ้วก....บอกก่อนนะ” ผมจับหน้ามันเขย่าเบา ๆ มันลืมตายิ้มให้ผม กลายเป็นว่าผมต้องหลบตามัน เขินชิบหาย มันเป็นคนแรกและคนเดียวที่ทำให้ผมปั่นป่วนได้ขนาดนี้
“ไปล้างตัวในห้องน้ำก่อน” ผมพยุงมันเข้าไปจนถึงอ่างอาบน้ำ
“ไม่เอา....จะนอน” มันโวยวาย
“เร็ว ๆ เราก็ง่วงเหมือนกัน” ผมหันหลังเดินออกมา แต่พอหันกลับไป มันนอนฟุบกับแขนที่พาดขอบอ่าง “ไม่ได้ เลอะขนาดนี้จะนอนยังไง.....เดี๋ยวกูให้นอนในห้องน้ำเลยนี่” ผมเขย่าตัวมัน มันดันปัดมือผมออกอีก
.....ผมยืนมองมันอยู่ซักพัก ตัดสินใจ ล้วงกระเป๋าเสื้อ และกางเกง เอาสมบัติมันออกมากองไว้บนโต๊ะเครื่องแป้ง....เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเสื้อยืดกางเกงขาสั้น เปิดตู้หาเสื้อผ้ามาเผื่อไอ้วุธด้วย.....สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เป็นไงเป็นกันวะ มันเมาไม่รู้เรื่องขนาดนี้ ตื่นมามันคงไม่ว่าอะไรหรอก.....ผมกลั้นใจถอดเสื้อ กางเกงมันออก เหลือไว้แต่กางเกงในสีขาวตัวเล็กแทบปิดน้องชายมันไม่หมด ถ้ามันไม่เมาผมคงไม่กล้าทำอย่างนี้แน่ ๆ ในที่สุดผมก็รูดกางเกงด่านสุดท้ายของมันออก....เฮ้อ....ไม่ขอบรรยายนะ.....ขอบอกแค่ว่า.....อืม.....เกินคาดจริง ๆ.....ผมเปิดฝักบัวให้แรงที่สุด สาดใส่ตัวมัน ไม่ต้องลงอ่างหรอก พื้นห้องน้ำเราก็สะอาดพอน่า พอมันโดนน้ำอุ่น ๆ แรง ๆ รดตั้งแต่หัว มันก็เริ่มขยับตัว ผมกลัวมันจะลืมตามาเห็นว่าผมมองส่วนไหนของมันอยู่ก็เลยหันหน้าหนี ปรากฏว่าฉีดไปเข้าหน้ามันอย่างจัง เสียงมันพูดโวยวายให้ผมเบา ๆ นั่นแหละผมถึงได้หันไปมองมันอีกที....เออ มันก็ไม่ว่าอะไรนี่หว่า....ผมเอาสบู่เหลวเทลงไปที่ตัวมัน ฉีดน้ำให้แรงขึ้น สบู่เริ่มมีฟอง ใช้วิธีนี้ละกัน ไม่ต้องโดนตัวมันด้วย แต่ยังไงก็ต้องจับตัวมันขยับดูเพื่อให้แน่ใจว่าสบู่ได้ถูกล้างออกไปจนหมดเกลี้ยง.....
.....ตอนถอดมันง่ายอยู่ แต่ตอนใส่นี่สิ ผมลากมันออกมาจากห้องน้ำด้วยตัวเปล่าเปลือยอย่างนั้นแหละ สังเกตเห็นมันขนลุกเพราะความเย็นจากแอร์ที่ผมเปิดทิ้งไว้ตอนเปลี่ยนเสื้อผ้าเมื่อกี้ หาผ้าเช็ดตัวรองพื้นไว้ หาผ้ามาอีกสองฝืนเช็ดให้มันจนแห้ง เอาแป้งเด็กโรยทั้งตัว อีตอนทาแป้งให้มัน ผมแทบอดใจไม่ไหว ผิวมันยังเนียนเหมือนเดิม ทาจนทั่ว แล้วรีบห่มผ้าห่อตัวให้มัน (ด้วยความเสียดาย) .....เป็นไงเป็นกันวะ มาถึงขนาดนี้แล้ว ผมลงทุนนั่งกับพื้น ประคองตัวมันใส่เสื้อเป็นชุดนอนติดกระดุมหน้า กางเกงในไม่ต้องละกัน กางเกงก็เป็นกางเกงนอนเอวยางยืด ทุกอย่างดูง่ายกว่าที่คิดแฮะ.....
.....หลังจากที่พยุงตัวมันให้ขึ้นไปนอนแผ่หราบนเตียง....ถึงเวลาจัดการตัวเองบ้าง อย่าคิดลึกนะครับ ผมหรี่แอร์ให้มัน ห่มผ้าให้ด้วย ก่อนจะลงไปสะสางเช็ดพื้นที่เลอะเทอะข้างล่าง....ขึ้นมาพร้อมกระป๋องใบใหญ่ แบ่งผงซักฟอกมาอีกถุงเล็ก ๆ....ก่อนอาบน้ำ ผมต้องซักเสื้อผ้าทั้งของผมและของไอ้วุธในห้องน้ำนั่นแหละ ล้างร่องรอยอ้วกให้หมด และนี่ก็เป็นครั้งแรกทีผมต้องซักกางเกงในให้คนอื่น....
.....กว่าจะทำอะไรเสร็จเรียบร้อย อาบน้ำ แต่งตัว ลงมาหาของกินรองท้องนิดหน่อย มองนาฬิกาอีกที โห นี่มันตีห้ากว่าแล้ว มิน่า ตาผมเริ่มจะปิด ระหว่างแปรงฟัน คิดแล้วคิดอีกว่าจะนอนห้องตัวเอง หรือนอนห้องพ่อดี.....เสียงเพลงของศรันย่าที่ผมเปิดคลอไว้ในห้องดังลอดเข้ามาในห้องน้ำ เป็นเพลงที่เคยทำให้ผมร้องไห้มาแล้ว.....ผมตัดสินใจนอนห้องตัวเองทันที......

ฉันเริ่มจะใจหายเมื่อมองฟ้าไกล
ฟ้าใกล้จะรุ่งสางเริ่มมีแสงรำไร
รู้ว่าใกล้เวลาจากกันแสนไกล
หัวใจเริ่มสลายแต่จะทำเช่นไร
อยากจะร้องไห้
อยากให้เวลาเดินช้าช้า
ขอเวลาซักหน่อย
อยากมองหน้ากัน
อยากหยุดวันเวลานี้ไว้นานเท่านาน
ก่อนจากกัน
ขอเพียงให้เวลาพูดจาซักคำ
แล้วจะจดจะจำจากวันนี้จนตาย
รู้ว่าใกล้เวลาจากกันแสนไกล
หัวใจเริ่มสลายแต่เธอคงต้องไป
สิ่งที่ใจรู้ดี
ฉันเองไม่เคยมีใคร
รักได้อย่างเหมือนเช่นเธอ
รักอยู่เต็มดวงใจ
อยากจะร้องไห้
อยากให้เวลาเดินช้าช้า
ขอเวลาซักหน่อย
อยากมองหน้ากัน
อยากหยุดวันเวลานี้ไว้นานเท่านาน
ก่อนเธอต้องไป

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






a22a

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณมากคับที่มาต่อให้ได้อ่าน ขอให้คุณเอ้กับวุธเริ่มต้นกันใหม่ทีเถอะ รักกัน รักกันนะคับ รอลุ้นต่อไป

anston

  • บุคคลทั่วไป
เพลงประกอบแต่ละตอนนี่โดนมากๆเลย..
อ่านไปแบบน้ำตาซึมเลยอ่ะ.. :m17:
ต่อให้เคยเกลียดยังไง..แต่ก็ยังห่วงใยอยู่เสมอ..
 :m5:ขอบคุณ..narthนะครับที่มาช่วยลงต่อให้..

ออฟไลน์ Just let it be

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 979
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
บางเวลาการเลือกที่จะทำตามใจตัวเองก็เป็นเรื่องยากไปซะหมด

บางครั้งเรื่องที่อยากลืมก็กลับจำมันขึ้นใจได้ซะอย่างนั้น   :m15: :m15:

papae

  • บุคคลทั่วไป
 :m17:   ทำไมเจ็บแล้วไม่จำอ่ะ อย่าลืมความทรมานที่เคยรู้สึกตอนเค้าทำให้เสียใจดิ

บอกใจเอาไว้ให้อดทนเจ็บแล้วต้องจำเอ้เอ้ยเด่วเค้าก็ทำให้เราเจ็บอีกหรอก :o12:

ออฟไลน์ zandwizz

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2245
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-7
 :impress:

เริ่มต้นกับอีกครั้งเถอะครับ

มันยังไม่สายนะนายเอ้

ขอบคุณนะครับที่มาต่อ

รออ่านต่อไปนะครับ

 o15

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
เรื่องนี้อ่านแล้วเหมือนเสพย์ติดเลย อ่านเท่าไหร่ก็ไม่พออยากอ่านตอนต่อไปเรื่อยๆเลย

min_min

  • บุคคลทั่วไป
รัก วุธจัง  คิคิ
ถึงจะพูดว่าเกลียดแต่ใจมันกลับทำตรงข้าม  ยังคิดถึง  ห่วงใยตลอดเวลา
อยากให้เอ้กับวุธรักกันจัง    มะไหร่จะถึงวันนั้น
รออ่านตอนต่อไปคร้าบบบบบบบบ


 :m3: :m3: :m3: :m3: :m3: :m3:

anston

  • บุคคลทั่วไป
 :impress:แล้ววันนี้จะมาต่อมั้ยอ่ะ..อยากอ่านต่อแย้วน๊า.. :m17:

suregirl

  • บุคคลทั่วไป
กำลังถึงตอนน่ารักกันเลย จะคืนดีกันมั๊ยน้า    :m13: :m13:

มาต่ออีกเถอะ เร็วๆ ใครก็ได้ที่มีอ่ะ  :m5: :m5:

nartch

  • บุคคลทั่วไป
 :m22:
ได้ครับบบบ เย็นนี้กลับบ้านแล้วจะต่อให้นะ อดทนอีกนิดส์....
ดีใจ ที่เพื่อน ๆ ชอบนะครับบบบ :bye2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






papae

  • บุคคลทั่วไป
Re: (เรื่องเล่า)"อด$
«ตอบ #380 เมื่อ05-10-2007 14:24:39 »

 :m3: :m1: :m3: :m1: :m3: :m1: :m3: :m1: :m3:   รอออออออจ๊ะ                                                              


   มารอด้วยกันมั้ยคะbigynew :give2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-10-2007 14:27:25 โดย papae »

Electrolyte

  • บุคคลทั่วไป

nartch

  • บุคคลทั่วไป
มาต่อให้ครับบบบบบบบบ ไปอ่านกันเลยยยยย กำลัง Happy เก็บเกี่ยวกันเอาไว้นะครับบบบบ
 :catrun:

9 More Than Words

.....วันถัดมา ผมตื่นขึ้นเพราะเสียงโทรศัพท์ มองดูนาฬิกาก่อนเลย เที่ยงกว่าเข้าไปแล้ว ผมรีบเอื้อมมือไปรับโทรศัพท์ กลัวไอ้วุธที่นอนอยู่ข้าง ๆ จะตื่นอีกคน อาเล็กโทรมาต่อว่าผมเป็นชุด ผมเองก็ลืมเรื่องที่ต้องเพจบอกแกเมื่อกลับถึงบ้าน...พอรู้ว่าทุกอย่างโอเค แกก็บ่นต่ออีกซักพัก ก่อนวางหูไปด้วยความโล่งอก.....ผมก็โล่งเพราะแกไม่ถามเรื่องไอ้วุธซักคำ.....
.....ขอนอนมองหน้าวุธให้นานอีกนิด โอกาสอย่างนี้ไม่รู้จะมีอีกหรือเปล่า มันยังคงหลับสบาย ไม่มีทีท่าว่าจะตื่นในตอนนี้.....ผมตัดใจลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัว พร่ำบอกตัวเอง ตัดบัวต้องไม่ให้เหลือใย ถ้าไม่อยากเจ็บอีก ต้องจบตรงนี้.....ทำอะไรเสร็จก็เดินออกมาโดยไม่ได้สนใจร่างที่นอนอยู่บนเตียง
“ปวดหัวจังเลย” มันพูดเสียงแหบ ตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่วะ ผมหันไปเห็นมันนั่งหน้ายุ่ง เอามือทุบต้นคอตัวเองเบา ๆ
“ลุกขึ้นมากินอะไรก่อนดิ” ผมพูดลอย ๆ แล้วเดินออกจากห้องไปข้างล่าง
“เฮ้ย....หายไปไหนหมดวะ” ผมโวยวายเมื่อหาของกินที่กะจะเก็บไว้ตอนเช้าไม่เจอ
“อะไรเหรอ” น้องชายตัวดีของผมเดินเข้ามาในครัว
“ของกินที่ผูกปากถุงแช่ไว้ในตู้เย็นเนี่ย” ผมเปิดประตูตู้เย็นออกให้กว้างขึ้น
“อ๋อ...กินหมดแล้ว” น้องผมพูดหน้าตาเฉย จุกครับ พูดไม่ออก จะด่า จะว่ามันก็ไม่ได้ มันก็คงคิดว่าผมซื้อมาให้มันกิน
“เออ ๆ ไม่เป็นไร” ผมเดินไปหยิบกุญแจมอไซค์ หาของกินที่ตลาดก็ได้วะ บรรยากาศเดิม ๆ กลับเข้ามาอีกแล้ว.....เมื่อก่อน บางวันมันจะโทรมาบอกก่อนว่าอยากกินอะไร ผมก็ดิ้นรนหาให้มันกิน พอมันมาถึงบ้าน ก็ได้กินทันที.....ไม่ยากนักหรอก สำหรับวันนี้ ที่ผมจะหาของโปรดให้มันกินอีกครั้ง....เป็นครั้งสุดท้าย?
“ทำไมไม่รออ่ะ” วุธมันออกมายืนขวางประตู เมื่อได้ยินเสียงมอไซค์เข้ามาในรั้วบ้าน
“แล้วทำไมต้องรอล่ะ” ผมย้อน ก่อนจะเดินเบียดมันเข้าบ้าน มันเดินตามมาแย่งถือถุงกับข้าว แล้วเดินลิ่ว ๆ เข้าครัว
“ยังจำได้นี่ว่าเราชอบกินอะไร” มันพูดหลังจากมองถุงอาหารที่วางกองตรงหน้านิ่ง
“สำหรับนายน่ะ.....จำได้ทุกอย่างแหละ.....ไม่ว่าเรื่องดีหรือเรื่องเลว” ผมแอบกัดมัน
“โห....จำแต่เรื่องดี ๆ ก็ได้นะ เอ้พูดอยู่บ่อย ๆ ไม่ใช่เหรอ ไอ้ Nobody’s perfect เนี่ย คนเราก็ต้องมีผิดมีพลาดกันได้.....” ผมรู้ว่ามันพยายามไม่สนใจคำพูดแดกดันของผม “.....กินกันเหอะ หิวแล้ว” วุธจัดแจงยกถ้วยชามออกมาวางไว้ที่หน้าโทรทัศน์ที่เราเคยนั่ง ๆ นอน ๆ กินข้าวกินขนมกัน.....น้องชายผมหลังจากปฏิเสธคำชวนให้กินข้าว ก็ค่อย ๆ ลุกเดินเข้าห้องไป มันจะกินเข้าไปลงได้ไงล่ะ ของที่ซื้อมาเมื่อคืนนี้น้อยซะเมื่อไหร่ อิ่มไปถึงเย็นเลยมั้ง
.....ผมเพิ่งสังเกตว่ามันอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดที่ผมเคยบอกว่ามันใส่แล้วน่ารักมาก เสื้อ กางเกงดูเล็กลงไปถนัดตา ผมโละชุดนี้ให้กลายเป็นชุดนอนแล้ว มันยังอุตส่าห์รื้อออกมาใส่จนได้ หน้าตาที่ทาแป้งเด็กจนขาววอก ผมเปียก ๆ ของมันถูกคาดไว้ด้วยที่คาดผมสีหวานของผม.....ภาพเด็กช่างเถื่อน ๆ ถูกแทนที่ด้วยผู้ชายผิวขาว ตัวสูง ใส่เสื้อเก่า ๆ ผ้านิ่มตัวเล็ก ทิ้งตัวจนเห็นกล้ามเนื้ออกที่นูนเด่นออกมา กางเกงขาก๊วยสีเหลืองซีด จนแทบกลายเป็นสีขาว บางมาก บางจนเห็นช่วงขายาว ๆ เวลาส่องกับแดด ไม่รวมกับกางเกงในที่มองเห็นอย่างชัดเจนเวลาเสื้อเลิกขึ้นด้วยความไม่ตั้งใจ.....แววตาขี้เล่นยังมีเหมือนเดิม แม้วันนี้มันจะไม่สดใสนัก อาจเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ หนวดและเคราขึ้นเป็นตอ คล้ายกับว่ามันเพิ่งโกนเมื่อสองวันก่อน......ผมเผลอมองมันนานจนมันขมวดคิ้ว.....
“มองอะไร” มันถามพลางเอามือลูบปากลูบคาง คงกลัวข้าวติดอยู่ตามนั้น
“ออยไปไหนล่ะ” ผมไม่ตอบ แต่ถามกลับซะ
“ขอร้อง...อย่าพูดถึงผู้หญิงคนนี้อีก” มันทำหน้าจริงจัง ผมยิ่งอยากแกล้ง
“ก็ถามตามมารยาท....ไม่ได้อยากรู้อะไรซักหน่อย” ผมหัวเราะ “ยังรักกันดีอยู่มั๊ย” ผมถามเล่น ๆ
“ผมไม่เคยรักเค้าเลยนะครับ” มันวางช้อนลงบนจานอย่างแรงจนผมชักหวั่น ๆ แต่ยังปากดีอยู่
“เหรอ.....ไม่มีใครเค้าเชื่อคุณหรอก” ผมยิ้มเหยียด ๆ ถ้ามันใช้คำเป็นทางการ คุณ ผม เมื่อไหร่นั่นแสดงว่ามันเริ่มมีอารมณ์บ้างแล้ว
“ไม่เชื่อก็ตามใจ” มันลุกขึ้นยืน เดินกระฟัดกระเฟียดออกไปข้างนอก....ผมมองอาหารที่เหลืออยู่ครึ่งค่อนจาน รู้สึกผิดจัง น่าจะรอให้มันกินอิ่มก่อนแล้วค่อยกวนตีน
.....ผมกินข้าวเสร็จก็เดินขึ้นห้อง ไม่สนใจว่ามันจะทำอะไร อยู่ส่วนไหนในบ้านผม ต้องการกดดันให้มันกลับบ้านไปเอง โดยที่ผมไม่ต้องไล่.....ซักพัก ไอ้วุธก็เดินตามขึ้นมา ผมเหลือบไปมองนิดนึง และหันไปดูโทรทัศน์ต่อ.....มันทรุดตัวลงนั่งข้าง ๆ ผมขยับตัวหนีทันที.....
“รังเกียจเรามากขนาดนั้นเลยเหรอ” วุธถามเสียงเบา ผมไม่ตอบ มันก้มหน้านิ่ง
“พร้อมจะพูดหรือยัง” ผมกลั้นใจถาม ไม่อยากให้ค้างคาอีกต่อไป
“ขอเวลาเตรียมใจอีกหน่อย” มันพูดหลังจากเงียบไปนิดนึง
“พร้อมเมื่อไหร่ก็ลงมาแล้วกัน” ผมเดินหนีมันลงมาข้างล่าง นั่งอ่านนิตยสาร จริง ๆ แล้วไม่ได้อ่านหรอกครับ ในใจลุ้นว่าไอ้วุธจะพูดอะไร คิดไปสารพัด ถ้ามันพูดอย่างนี้ จะตอกกลับมันยังไง และถ้ามันพูดอย่างนั้น เราจะใจอ่อนมั๊ย แล้วเราจะใจแข็งได้อีกนานเท่าไหร่
.....คิดไปคิดมา ตายแล้วกู ลืมเพจไว้บนห้อง ใครเพจมาให้โทรกลับอะไรยังไงบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้ ตอนนี้เพื่อนใหม่ยิ่งเยอะอยู่ ผมเดินขึ้นห้องอีกครั้ง พอเปิดประตูปุ๊บ ตาผมกับไอ้วุธก็ประสานกันอย่างจัง เห็นความผิดปกติในสายตามันแล้วทำให้ผมต้องมองต่ำลงมาอีกนิด....ไอ้วุธถือเพจผมอยู่ในมือ.....อย่าบอกนะว่ามันแอบอ่านข้อความในเครื่อง แทนที่ผมจะโกรธ กลับรู้สึกกังวลว่ามันจะเข้าใจอะไรผิด ๆ ก็ข้อความส่วนใหญ่เป็นข้อความหวานจนเลี่ยน เป็นกลอนซึ้ง ๆ คิดถึงอย่างโน้น อย่างนี้.....ใครส่งล่ะ....ก็บรรดาเพื่อน ๆ ของผม มันส่งแบบข้อความเดียวหลายเบอร์ โดยเฉพาะอีกุ้ง ตอนนี้มันอินเลิฟ ทุกข้อความที่มันส่งให้พี่ก้อง ผมก็ได้ด้วย.....
“นั่งสิ เราพร้อมแล้ว” มันสั่งผม เอ๊ะ นี่มันห้องกูนะ
“อืม” ยังไม่ทันที่ผมจะหย่อนตูดนั่งบนเตียง เสียงเพจในมือไอ้วุธก็ดังขึ้น
“ขออนุญาตนะ” มันไม่รอให้ผมพูดอะไร กลับถือวิสาสะกดอ่านข้อความใหม่ของผม สีหน้ามันเครียดอย่างเห็นได้ชัด
“คืนได้ยัง” ผมแบมือตรงหน้ามัน ขอเพจคืน
“เรารู้แล้วล่ะ ว่าทำไมเอ้ถึงไม่ใส่ใจเราเลย” วุธวางเพจลงบนมือผม ก่อนลุกขึ้นช้า ๆ มองหน้าผมด้วยสายตาผิดหวัง
“หมายความว่าไง”
“เอ้มีแฟนแล้วใช่มั๊ย ไม่ใช่ไอ้โยอะไรนั่นด้วย” มันพูดเสียงดัง
“เฮ้ย....เราจะมีแฟนหรือไม่มี มันไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับเรื่องที่จะเคลียร์กันวันนี้เลยนี่” ผมเสียงดังบ้าง
“เกี่ยวสิ เราอยากให้เอ้.....รักเราเหมือนเดิม” มันลดเสียงลง
“วุธ ลองคิดดูดี ๆ นะ นายทำกับเราไว้ยังไงบ้าง รู้มั๊ยว่าเราเจ็บแค่ไหน ใช้เวลานานเท่าไหร่ ที่จะลืมนายอ่ะ” ผมพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล “นายอยากให้เรารักนาย แต่นายไม่เคยรักเรา แล้วเราจะรักทำไมให้เจ็บอีกวะ” ยิ่งพูดเสียงก็ยิ่งสั่น
“เอ้.....เรารักเอ้นะ.....รอคำนี้อยู่ใช่มั๊ย เราผิดเอง เราไม่เคยบอก เราไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าชอบผู้ชายด้วยกัน เราอาย เราลองคบกับผู้หญิง เราทำให้เอ้เสียใจ แต่ตอนนี้รู้มั๊ยว่าเราเสียใจขนาดไหน เอ้ทำเหมือนกับเราไม่มีตัวตน หน้าเราเอ้ก็ไม่อยากมอง เรากลับมาช้าไป เอ้คงเจอใครที่ดีกว่า เรากลัวว่าเอ้จะโกรธ จะเกลียด จะไล่เราเหมือนหมา เราไม่กล้ามาหา ทำได้เต็มที่ก็แค่ขับรถผ่าน เห็นไฟเปิดอยู่ รู้ว่ากลับถึงบ้าน เราก็สบายใจแล้ว.....” มันชะงัก หยุดพูดเมื่อผมจับมือมันบีบเบา ๆ
“เรายังรักนายอยู่.....แม้รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ นายเป็นผู้ชาย เรื่องระหว่างเราถ้าจะเริ่มใหม่...อีกไม่นานมันก็ต้องจบ.....ให้มันจบตอนนี้เลยไม่ดีกว่าเหรอ”
“ถ้าจะจบ ก็ขอให้จบด้วยดี ไม่ใช่แบบนี้ ต่อไปเอ้อาจจะเป็นฝ่ายทิ้งเราก็ได้” ไอ้วุธนี่มันดื้อจริง ๆ
“ออยล่ะ” ผมเบรค มันอึ้งไป
“เลิกกันแล้ว” มันคงสงสัยว่าทำไมผมไม่ถามต่อ “ไม่อยากรู้เหรอว่าเพราะอะไร” ผมส่ายหน้า “เราชอบเอ้ก็ตรงนี้แหละ เอ้ไม่เคยก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของเรา รู้มั๊ยว่าตอนที่คบกับออย เราแทบจะกระดิกตัวไปไหนไม่ได้....พอเค้าเริ่มปล่อย ไม่ใช่เค้าไว้ใจ แต่เพราะเค้ามีคนใหม่ เราน่าจะฟังเพื่อน ๆ ที่เตือนเรา หลายคนพูดถึงออยในแง่ร้าย เราไม่เชื่อ เราเกือบต้องเสียพวกมันไป เพราะแค่อยากให้พวกมันเห็นว่าเรามีแฟนเป็นผู้หญิง ยิ่งพวกมันเอาเอ้ไปเปรียบกับออย ยิ่งทำให้เรารู้ว่า เราควรซื่อสัตย์กับความรู้สึกตัวเอง ไม่ใช่กลัวว่าคนจะมองเรายังไง แล้วเราก็มารู้ทีหลังด้วยว่า เราน่าสมเพชขนาดไหน คนเค้ารู้กันทั่วว่าออยเป็นยังไง มีเราคนเดียวที่ไม่รู้......เราว่าเอ้ก็รู้ด้วยใช่มั๊ย” มันพูดเสียงเศร้า ผมพยักหน้า
“เรื่องมันแล้วไปแล้วน่า” ในที่สุดผมก็ใจอ่อนจนได้ มันมองหน้าผมด้วยสายตาที่ทำให้ผมต้องหลบวูบ อ่านเพจในมือแก้เขิน
“จะไปหาเค้าหรือเปล่า” วุธถาม มันอ่านข้อความนั้นก่อนผม อีกุ้งมันชวนผมไปบ่อตกปลาชานเมือง พี่ก้องเค้าอยากพักผ่อน.....พวกผมเคยไปกันหลายครั้งแล้ว บรรยากาศดีมาก เคยลองตกด้วย แต่ก็ไม่เคยได้ปลาเลย สงสัยทำบาปไม่ขึ้น
“...ไป...” มันหน้าเจื่อนทันทีที่ผมตอบ คงคิดว่าอีกุ้งเป็นแฟนผมแน่ ๆ ก็ข้อความก่อนหน้านี้มันหวานหยดซะขนาดนั้น
“งั้นเรากลับบ้านเลยล่ะกัน” มันออกไปเก็บเสื้อผ้าที่พาดระเบียงตากแดดไว้
“ไม่ไปด้วยกันเหรอ” ผมถามลอย ๆ มันหันกลับมายิ้มกว้าง
“เราจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมใช่มั๊ย” มันดึงตัวผมให้ยืนขึ้นแล้วกอดผมแน่นจนแทบหายใจไม่ออก
“ปล่อย....จั๊กจี้” ตัวผมอ่อนยวบ เมื่อเจอหนวดแข็ง ๆ ของมันถูที่ต้นคอ ดิ้นไปดิ้นมา ล้มลงบนเตียงไปด้วยกัน ตาต่อตาในระยะประชิด หน้าห่างกันแค่คืบ และก่อนที่มันจะก้มลงมาใกล้กว่านี้
“อย่าลืมข้อห้าม” ผมย้ำถึงกฎเหล็ก ห้ามทำอะไรจนกว่าผมจะพร้อม วุธชะงัก
“แค่นี้ยังได้อยู่ใช่มั๊ย” มันหอมแก้มผมฟอดใหญ่
“พอแล้ว....ไปแต่งตัวเหอะ เดี๋ยวกุ้งรอนาน”
“ถามจริง ๆ กุ้งนี่ใครอ่ะ”
“ไม่บอก”
.....ระหว่างนั่งรอมันเปลี่ยนเสื้อผ้า ผมตบหน้าตัวเองเบา ๆ คิดว่าตัวเองกำลังฝันไป ไอ้วุธกำลังจะกลับเข้ามาในชีวิตผมอีกครั้ง ที่สำคัญเมื่อกี้มันบอกว่า มันรักผมด้วย เอาวะ จะเจ็บอีกครั้งก็ยอม คราวที่แล้วกูก็ไม่ตายซะหน่อย แต่ครั้งนี้ขอเผื่อใจไว้นิดนึงละกัน จริงใจ แต่ไม่จริงจัง คว้าโอกาส เก็บความสุขนี้ไว้เถอะ ถ้าปล่อยมันไป เราอาจจะต้องเสียใจมากกว่าที่เคยก็ได้.....

“ถ้าเจอกุ้ง.....เอ้จะบอกเค้าว่าเราเป็นอะไรอ่ะ” สีหน้ามันกังวล
“เพื่อน” ผมตอบสั้น ๆ
“ไม่ต้องเลย.....บอกว่าแฟนดิ”
“ไม่อายแล้วเหรอ” มันส่ายหน้า
“เพื่อนเรามีแฟนเป็นกะเทยแปลงเพศด้วยซ้ำ”
“....หา....”
“จริง ๆ สวยด้วย สวยกว่าผู้หญิงอีก” มันยื่นมือมาจับคางผม “เอ้คงไม่แปลงใช่มั๊ย....ขนาดหูยังไม่กล้าเจาะเลย......แต่อย่างนี้น่ะดีแล้ว”
“ไอ้บ้า” ผมเขินจนขับรถแทบตกข้างทาง
“เอ้า ๆ ขับดี ๆ สิครับ” มันหยิกแก้มผมอีก ตอนขับรถนี่เป็นเวลาเดียวที่มันจะทำอย่างนี้กับผมได้ โดยที่ผมไม่ด่ามัน
“ฝนจะตกมั๊ยเนี่ย” ผมมองท้องฟ้ามืดครึ้มตรงหน้า ตอนอยู่บ้านแดดยังแจ๋ ไม่มีเมฆฝนเลย
“อีกไกลปะ”
“ไม่หรอก อีกนิดเดียว"
.....พอจอดรถปุ๊บ ฝนก็ตกลงมาเหมือนฟ้ารั่ว กระหน่ำไม่ลืมหูลืมตา มองข้างทางแทบไม่เห็น ที่จอดรถก็เปลี่ยวชิบหาย แม้ว่าจะมีรถจอดอยู่หลายคัน ก่อนจอดผมวนดูแล้ว ยังไม่เห็นรถพี่ก้อง แสดงว่ายังมาไม่ถึง งั้นหลบฝนรอในรถนี่ละกัน น้ำมันเหลืออยู่ครึ่งถัง ติดเครื่องไว้อย่างนี้ได้อีกนาน
“ตอนเราหายไป คิดถึงกันมั่งปะ” อยู่ดี ๆ มันก็ถามทำลายความเงียบ
“...ไม่...” ผมตอบเสียงเรียบ วุธหน้าจ๋อย “ไม่มีวันไหน ที่ไม่คิดถึง” ผมปล่อยมุข มันยิ้มแฉ่งเลยครับ
“เราอยากพูดเรื่องนี้กับเอ้ตั้งนานแล้ว แต่เอ้ไม่ให้โอกาสเราเลย”
“อะไรอีกล่ะ”
“เราอยากจะบอกเอ้ ว่าเราขอคบกับออย เพื่อไม่ให้คนอื่นสงสัย เราไม่ได้รัก ไม่ได้ชอบอะไรเค้าเลยนะ จริงอยู่เค้าสวย น่ารัก แต่ทำไมเราไม่ชอบก็ไม่รู้ จนมาได้คุยกับพี่มิ้นท์......เค้าบอกว่าเราเป็นเกย์”
“นี่...เกย์ไม่ได้เป็นกันง่าย ๆ นะโว้ย” ผมขำ
“ถ้าเราบอกว่า เราอยากมีอะไรกับเอ้ มากกว่าออยนี่ ผู้ชายเค้าเป็นกันหรือเปล่าอ่ะ” ผมอึ้ง พูดอะไรไม่ออก
“ก็ลองดิ....เอ่อ...หมายความว่าลองกับผู้หญิงนะ ใครก็ได้ เผื่อจะรู้ตัวเอง”
“ลองแล้ว รู้แล้ว ถึงได้มาหาเอ้ไง”
“กับใคร” ผมเผลอถามมันเสียงดัง มันหัวเราะ
“หึงเหรอ”
“ไม่อ่ะ...ไม่มีทาง....ป้องกันหรือเปล่าอ่ะ”
“พูดเล่น” มันหัวเราะดังขึ้น แต่จู่ ๆ มันก็หยุด มองหน้าผมนิ่ง “เรายังไม่เคยมีอะไรกับใครเลย” ผมหัวเราะบ้าง ท่าทางมันคงจะอาย “ทำไม....หรือว่าเอ้ยอมมีอะไรกับใครแล้ว”
“จะบ้าเหรอ ขนาดกับนาย เรายังไม่ยอมเลย”
“ดีมาก.....เราจะรอวันที่เอ้พร้อม” มันมองผมตาเยิ้ม กูพร้อมตั้งนานแล้ว แต่ใครจะกล้าบอกล่ะ ผมกดปุ่มเล่นเทป เพราะสัญญาณวิทยุแย่มาก ๆ เลยตอนนี้

Saying I love you,
Is not the words,
I want to hear from you,
It's not that I want you,
Not to say but if you only knew,
How easy,
it would be to show me how you feel,
More than words,
is all you have to do,
to make it real,
Then you wouldn't have to say,
that you love me,
Cause I'd already know,
What would you do,
if my heart was torn in two,
More than words to show you feel,
That your love for me is real,
What would you say,
if I took those words away,
Then you couldn't make things new,
Just by saying I love you,

Now that I've tried to,
talk to you and make you understand,
All you have to do,
is close your eyes,
And just reach out your hands,
and touch me,
Hold me close don't ever let me go,
More than words,
is all I ever needed you to show,
Then you wouldn't have to say,
that you love me,
Cause I'd already know,
What would you do,
if my heart was torn in two,
More than words to show you feel,
That your love for me is real,
What would you say,
if I took those words away,
Then you couldn't make things new,(no no)
Just by saying I love you.....

nartch

  • บุคคลทั่วไป
10 Thank God I Found You

.....ความเดิมจากตอนที่แล้ว หลังจากที่ปรับความเข้าใจกันได้ ผมกับวุธออกไปหาอีกุ้งกับพี่ก้อง ที่บ่อตกปลาชานเมืองกรุงเทพฯ ไกลมาก เอ๊ะ มันก็เข้าเขตจังหวัดปริมณฑลแล้วนี่หว่า พอถึงปุ๊บ ฝนตกหนักมาก เราติดฝนอยู่ในรถ เปิดเพลงฟังเบา ๆ ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ เปิดอกคุยโดยไม่มีการเก๊ก ให้คุ้มกับที่ไม่ได้คุยกันมากว่า 2 ปี.....
.....เคยได้ยินมั๊ยครับ ถ้าเพื่อนที่เราทะเลาะกัน และไม่มองหน้ากันอีก โกรธกันไปตลอดชีวิต นั่นไม่ใช่เพื่อนแท้.....แต่ถ้าทะเลาะกันแล้วกลับรู้สึกดี ได้ระบาย ได้บอกความในใจ ทำให้เค้าเห็นตัวตนที่แท้จริงของคุณ ถ้าเค้ารับมันได้ เค้าคือเพื่อนแท้.....กรณีเดียวกับไอ้วุธ ผมกับมันรู้สึกใกล้กันมากขึ้น อึดอัด อะไรยังไง ชอบ ไม่ชอบ อะไร วันนั้น เราตกลงเงื่อนไขในการคบกัน เราจะใช้เหตุผล คู่กับอารมณ์ เพราะถ้าใช้เหตุผลอย่างเดียว มันเหมือนกับว่า คุณต้องการให้อีกฝ่ายทำตามเหตุผลของคุณ ต่างคนต่างหาเหตุผลมาเถียงกัน มันคงไม่มีอะไรดีขึ้น แต่เราใช้อารมณ์คุยกันในบางเคส คุณจะได้ความจริงใจมากกว่า.....
.....เอาเป็นว่า ตอนนี้มันไม่หึงไอ้โยแล้ว ส่วนผมก็หมดห่วงกับเรื่องอีออย เราจะลองเริ่มต้นใหม่กันอีกครั้ง ระหว่างบทสนทนาของเรา ผมสังเกตความเปลี่ยนแปลงของวุธหลายอย่าง ความคิดมันเป็นผู้ใหญ่ขึ้นเยอะ และที่ผมประทับใจที่สุดก็คือ มันสามารถนำผมได้.....อย่างที่พวกคุณรู้กัน ผมเป็นพี่คนโต ต้องรับผิดชอบทุกอย่าง ต้องเป็นผู้นำน้อง ๆ ต้องกล้าคิด กล้าตัดสินใจ หลายครั้งที่ผมตัดสินใจผิดพลาด อาจจะเป็นเพราะว่าผมไม่มีใครให้คอยปรึกษา บางทีคนที่เราพอจะขอความช่วยเหลือได้ดันไม่ว่างซะนี่ เอาเป็นว่า คิดเอง ทำเองก็ได้วะ....บางครั้งได้ดี บางทีก็ล้มเหลว.....
.....เมื่อก่อนไม่เคยรู้สึกเหนื่อยและท้อ จนเมื่อต้องดูแลบ้านทั้งหลัง ดูแลน้องที่กำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่ออีก 1 คน.....แรก ๆ สนุกครับ ไม่มีใครสั่งเราได้ เราใหญ่ที่สุดในบ้าน อยากได้อะไรต้องได้.....ซักพัก มีเรื่องอะไรหลาย ๆ อย่างรุมเร้าเข้ามา รวมทั้งเรื่องไอ้วุธด้วย ไม่มีใครรู้หรอกครับ ว่าผมเหงาแค่ไหน ภายนอก ผมหัวเราะระรื่น อยู่กับเพื่อนฝูง สนุกสนาน เฮฮาปาร์ตี้ เป็นตัวเอนเตอร์เทน แต่พอกลับบ้านปุ๊บ ก่อน 1 ทุ่ม เท่านั้น(ถ้าไม่มีอะไรพิเศษ) เพื่อเป็นตัวเอย่างที่ดีแก่น้อง ผมต้องดูแลความเรียบร้อยทุกอย่าง พาหมาไปเดินเล่น เตรียมอาหารสำหรับวันรุ่งขึ้น อะไรขาดเหลือ รีบไปซื้อซะ จะได้ไม่ยุ่งตอนเช้า.....
.....ผมเคยบอกไอ้วุธว่า ผมชอบคนที่สามารถนำผมได้ สามารถแย้ง หรือมีความคิดเห็นที่เป็นตัวของตัวเอง ดูแลผมได้.....และจากที่นั่งคุยกันท่ามกลางสายฝนที่ตกกระหน่ำมาเกือบชั่งโมง จนตอนนี้เริ่มซาลงแล้ว ผมยิ่งชอบมันมากขึ้น เรียกว่ารักเลยก็ได้ แต่อย่างที่บอกอะนะ ผมไม่อยากเจ็บอีก เอาเป็นว่า ให้ใจมันไป 80 % ละกัน อีก 20 เวลาและความประพฤติของมันจะค่อย ๆ ทำให้เพิ่มจนถึง 100 และเมื่อถึงตอนนั้น ผมจะไม่เสียใจเลยถ้าเราต้องจบกันในซักวัน เพราะผมได้รู้จักคำว่ารักแท้แล้ว.....
“ทำไมมันมาช้าจังวะ” ผมกระวนกระวาย มองดูนาฬิกา สลับกับมองออกไปข้างนอกรถ เห็นคนเริ่มทยอยกลับบ้านกันแล้ว
“ไม่มาแล้วมั้ง” ไอ้วุธเอนตัวนอนมองผมยิ้ม ๆ
“เฮ้ย ถ้าไม่มามันต้องเพจบอกแล้วหล่ะ จะเป็นอะไรหรือเปล่าเนี่ย”
“ห่วงกันจริงนะ” มันยังไม่รู้ว่าอีกุ้งเป็นยังไง
“ห่วงดิ...เค้าเป็นคนแรกที่เรารู้จักที่มหาลัยเลยนะ” ผมพูดแหย่มัน
“หน้าตาดีด้วยดิ” ไอ้วุธกระเด้งขึ้นมามองหน้าผมใกล้ ๆ
“อืม...สูง ขาว ตี๋ นิสัยดี.....มีรูปด้วย พกไว้ในกระเป๋าตังค์ตลอดเลยนะ” ผมหยิบเอากระเป๋าตังค์มากอดไว้ มันเงียบ นั่งมองออกไปนอกรถ
“ฝนหายแล้ว...ไปรอข้างนอกเถอะ” มันเปิดประตูลงไปทันที
“เดี๋ยว...รอด้วย” ผมคว้ากระเป๋าสมบัติ ล็อครถ วิ่งตามมัน วุธหยุดมองผมนิดนึง แล้วเดินต่อ ผมคิดในใจว่าเดี๋ยวมันก็หลงหรอก ที่นี่มันกว้างจะตาย ตอนผมมาครั้งแรกยังหาทางกลับไปที่รถแทบไม่ถูก แล้วมันก็หยุดรอผม เพราะมองซ้ายมองขวา มีแต่ซุ้มและบ่อตกปลา ใหญ่มาก ประมาณว่าบึงย่อม ๆ
“จะให้ไปรอที่ไหน” มันหันมาถามผมที่ยืนหอบแฮ่ก ๆ
“โน่น...ซุ้มที่มีต้นไม้สูง ๆ น่ะ” ผมชี้ไปทางซุ้มที่พวกผมมากันประจำ ไม่ได้มาตกปลานะครับ แต่มานั่งเล่น พี่ก้องกับเพื่อนเค้าชอบมานั่งกินเหล้า ตกปลากันบ่อย ๆ ส่วนพวกผมก็มานั่งเม้าธ์ แข่งกันช้อนกุ้ง ช้อนปลาตัวเล็ก ๆ ริมตลิ่ง สนุกมาก เหมือนได้กลับไปเป็นเด็ก ๆ กันอีก พอตอนกลับพวกเราก็ปล่อยนะครับ ไม่อยากทำบาป
“กี่บาท”
“อะไร...กี่บาท” ผมงง
“ก็ค่าเข้าอ่ะ” มันล้วงกระเป๋าหาเงินเตรียมจะออกมาจ่าย เมื่อเรากำลังเดินผ่านที่ขายอาหารปลา เหยื่อ และให้เช่าเบ็ด
“...ไม่ต้อง...” ผมเดินนำมันผ่านเข้าไป คนดูแลจำผมได้ พยักหน้าให้นิดนึง แล้วก้มทำงานของตัวเองต่อ วุธมองอย่างสงสัย ผมจึงต้องอธิบาย “เราไม่ได้มาตกปลา ไม่มีอุปกรณ์อะไรเลยเนี่ย จะให้อาหารปลาปะล่ะ”
“ตามใจเอ้เหอะ” มันมัวแต่มองสถานที่อย่างตื่นตาตื่นใจ ผมว่ามันคงอยากตกปลาด้วย ตามธรรมชาติของผู้ชายที่ชอบอะไรลุ้น ๆ แบบนี้
“ไม่เอาอ่ะ อาหารปลามันเหม็นติดมือ”
“ครับ...เดี๋ยวกุ้งเค้าจะเหม็น” มันประชดผม แล้วเดินลิ่ว ๆ ไปที่ซุ้ม
“ไอ้บ้า” ผมด่ามันเบา ๆ แล้วรีบตามไปจนทัน คว้ามือมันไว้ จับแน่นไม่ปล่อยเลยครับ มันใช้หางตามองผม แต่ผมเห็นมันแอบยิ้มด้วย
“ขอควงหน่อยนะ” หันซ้าย หันขวา ไม่มีคน ผมกอดแขนไอ้วุธเดินไปด้วยกัน มองหน้ามันอีกที คราวนี้มันอมยิ้มแก้มตุ่ย ก้มหน้ามองทางอย่างเดียว นาน ๆ จะเห็นมันเขินซะที
.....ดูท่าทางมันจะชอบที่นี่ เห็นเดินไปเดินมารอบ ๆ ซุ้ม เดินไปริมตลิ่ง นั่งยอง ๆ ดูปลาเข็มมั้งครับที่ตัวเล็ก ๆ ว่ายกันเป็นฝูง ผมเองก็ยืนอยู่ใกล้ ๆ มัน อากาศดีเหลือเกิน หอมกลิ่นหญ้า กลิ่นดิน กลิ่นฝนที่ตกใหม่ ๆ แดดช่วงบ่ายแก่ ๆ เป็นสีส้ม มีรุ้งกินน้ำที่ปลายฟ้า อิจฉาคนต่างจังหวัด คงมีโอกาสได้เห็น ได้ชื่นชมกับธรรมชาติ มากกว่าคนกรุงเทพฯ อย่างผมกับวุธ.....
.....กำลังคุยกันเพลิน ๆ เสียงอีกุ้งก็ดังทำลายบรรยากาศโรแมนซ์ของผม และทันทีที่ผมกับวุธหันไป อีกุ้งที่กำลังวิ่งดุ๊กดิ๊ก ๆ ชะงักกึก มองหน้าไอ้วุธเหมือนเห็นผี ตะลึงอยู่นาน จนพี่ก้องเดินตามมาทัน อีกุ้งถึงได้มีสติเหมือนเดิม.....
“กุ้ง” ผมลุกขึ้นเดินไปหา ไอ้วุธนั่งลุ้นอยู่ว่าผมจะเดินเข้าไปหาคนไหน มันไม่รู้นี่ว่าคนไหนกุ้ง คนไหนพี่ก้อง มันคงคิดว่ากุ้งคือคนแมน ๆ ส่วนอีที่ระริกะรี้อยู่เมื่อกี้คงเป็นเพื่อนสาวผมซักคน.....ผมทักทายพี่ก้องก่อน เดี๋ยวนี้เราไม่ต้องยกมือไหว้กันแล้ว เพราะสนิทกัน เจอกันทุกวัน พี่ก้องเตรียมอุปกรณ์ตกปลามาด้วย ทั้งเบ็ดทั้งกระป๋องพะรุงพะรัง ส่วนอีกุ้งก็มีตระกร้าใบใหญ่มาก ข้างในคงจะเป็นของกิน...มองไกล ๆ เหมือนผมคุยอยู่กับพี่ก้องคนเดียว หางตาเห็นไอ้วุธนั่งหน้าหงิก....สงสารมันจังเลย ไม่แกล้งแล้ว
“วุธ...นี่พี่ก้อง...ส่วนนี่...กุ้งเพื่อนเรา” ผมอยู่ตรงกลางเดินจับมือพี่ก้องข้างนึง จับมืออีกุ้งอีกข้าง...ผมพยักเพยิดให้มันรู้ว่าใครเป็นใคร แหม ทีนี้ยิ้มออกเลยนะ ผมแอบหมั่นไส้
“หวัดดีครับ” มันพยักหน้าทักทาย พูดคุยกันอีก 2 – 3 ประโยค อีกุ้งก็ลากผมออกมาจากวง
“เอ้....มึงไปรู้จักกับแฟนอีออยตั้งแต่เมื่อไหร่วะ” หน้าตามันอยากรู้อยากเห็นมาก
“ตั้งแต่ ปวช.”
“กูหมายถึง...มึงเอาเค้ามานี่ได้ยังไง...เมื่อคืนกูยังเห็นมึงไม่สนใจเค้าเลยนี่หว่า”
“โอ๊ย...เรื่องมันยาว”
“อีดอก....เล่ามาเลย....นี่ถ้าอีเต็มมันรู้นะ....อู๊ยยยย....มันคงร้องกรี๊ด ๆ ๆ ๆ เหมือนโดนข้าวสารเสกแน่” อีกุ้งหัวเราะคิก
“เดี๋ยวก่อน....กูเล่าแน่ แต่มึงจะทิ้งให้เค้าอยู่กันสองคนได้ไงวะ”
“เออว่ะ” อีกุ้งมันลากผมกลับไปที่ซุ้มเหมือนเดิม ตอนแรกคิดว่าพี่ก้องกับไอ้วุธจะต่างคนต่างเงียบ ที่ไหนได้ คุยเข้าขากันเป็นอย่างดี ก็เรื่องตกปลานี่แหละ พี่ก้องกำลังสอนไอ้วุธใช้เบ็ดไฮโซ อันใหญ่มาก
“อ้าว...มีเพื่อนซะแล้ว...ดีเหมือนกัน...เราคุยกับกุ้งแถว ๆ นี่นะ” ผมบอกไอ้วุธ
“อืม...อย่าไปไหนไกลล่ะ” ไอ้วุธทำเอาสองคนนั่นเอ๋อไปเลย
“จ้า” ผมแกล้งทำเป็นเหมือนไอ้วุธมันพูดเล่น แต่อีกุ้งนี่จ้องจะจับผิดผมอยู่
“ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวเราจะดูแลเป็นอย่างดี” ไอ้วุธหันมายิ้มให้ อีกุ้งลากผมออกไปอีกซุ้มที่อยู่ใกล้กัน
“โอ๊ย จิตใจไหวหวั่น....นี่ถ้ากูไม่มากับพี่ก้องนะ กูจะขอเค้าเป็นแฟนเลยมึง” อีกุ้งมันยังไม่ทันจะหย่อนตูดนั่งก็แพล่มซะแล้ว
“อีนี่ เวอร์”
“ตอนเค้ามารับอีออยที่โรงเรียนนะมึง พวกกูแอบกรี๊ดกันทุกวันเลย ยิ่งมาเห็นใกล้ ๆ อย่างนี้ โอ๊ย...กูอยากมีชู้ว่ะ หล่อชิบหาย เถื่อนดี กูชอบ”
“นี่ถ้ากูมีเครื่องอัดเสียง...กูจะอัดที่มึงพูดไปให้พี่ก้องฟัง”
“อีเวร...อย่าเชียวนะมึง” อีกุ้งค้อน “เอ้า...ว่าไง เรื่องของมึงอ่ะ…เล่าได้ยัง”
“จะเริ่มต้นยังไงดีวะ....Ok…Once upon the time”
“อีเอ้” กุ้งมันลุกขึ้นยืนเอามือเท้าเอว
“กูล้อเล่น....อีนี่ทำหน้าเหมือนไม่อยากรู้เลยเนอะ” ผมกัดมัน อีกุ้งนั่งลงข้าง ๆ ผมเหมือนเดิม
“เรื่องมันก็มีอยู่ว่า .................................................................................................. ...แค่นี้เอง” ผมเล่าให้อีกุ้งฟังคร่าว ๆ ตั้งแต่ต้นจนจบ
“แล้วมึงไม่กลัวเค้าจะหลอกมึงอีกเหรอ”
“กูโตแล้วนะโว้ย....อีกอย่างกูมีเพื่อนอย่างพวกมึงไว้คอยปรึกษา ตอนเรียนพาณิชย์กูหันหน้าไปหาใครไม่ได้เลย มีแต่เพื่อนผู้หญิง อยากระบาย แต่ก็ไม่รู้จะพูดยังไง”
“แล้วทำไมมึงไม่เล่าให้พวกเราฟังตังแต่แรกวะ”
“ก็กูจบกับไอ้วุธไปแล้วนี่...ไม่มีอะไรต้องให้พูดถึงอีก....ตอนรับน้องที่เจอมันกูยังตกใจเลย ไม่คิดว่าจะได้เจอกันอีก กูอุตสาห์หนีมันมาตั้งนาน”
“ถ้าเป็นกูนะ...กูคงใจอ่อนตั้งแต่วันนั้นแล้ว”
“กูก็เกือบนะ...แต่กูยังแค้นมันอยู่”
“รักมากก็แค้นมากเนอะ.....เออ....แล้วนี่มึงจะบอกอีเต็มยังไงเนี่ย เห็นมันคลั่งไข่ เอ้ย คลั่งไคล้ไอ้วุธขนาดนั้นน่ะ”
“เดี๋ยวดูก่อน กูกะจะ Surprise มัน”
“เออ ๆ กูก็อยากเห็นหน้ามันเวลาที่มันรู้เรื่องมึงกับไอ้วุธเหมือนกัน”
“อีห่า...คงเหมือนมึงมั้ง ยืนเอ๋ออยู่ตั้งนาน”
.....สองคนนั่นคุยเข้าขากันเป็นอย่างดี หวังว่าคงไม่มีการปิ๊งกันเองนะ ผมกับอีกุ้งคิดกันเล่น ๆ พอพวกเค้าหันมาเห็นเรา ต่างคนก็ต่างเรียกคนของตัวเองให้เข้ามาดูผลงานการตกปลาที่อยู่ในกระป๋องพลาสติกใบนั้น....ปลาติดเบ็ดเร็วเกินคาด บางทีนั่งตั้งนาน ไม่เห็นจะได้ซักตัว แต่วันนี้ได้ตั้งสามตัว จากเบ็ดสองคัน ไอ้วุธดึงเบ็ดออกจากปากปลาไม่เป็น หน้าที่นี้จึงตกเป็นของพี่ก้องไป ไม่งั้นปากปลาต้องแหกยับเยินแน่ ๆ พี่ก้องมีวิธีพูดทำให้ไอ้วุธรู้สึกดีขึ้นเมื่อเห็นเบ็ดที่เกี่ยวปากปลาอยู่....มันสารภาพกับผมตอนหลังว่า ไม่คิดว่าปลาจะกินเบ็ดหรอก แค่อยากลองเหวี่ยงเบ็ดสนุก ๆ เห็นมันเท่ห์ดี.....
.....ฟ้าเริ่มมืดลง ได้เวลากลับบ้านแล้ว ดีนะที่ได้ขนมกับน้ำในตะกร้าอีกุ้งช่วยชีวิตไว้ ไม่งั้นคงหิวกันตาลายแน่ ๆ ตอนแรกว่าจะไปหาอะไรกินกันทั้งสี่คน แต่พี่ก้องดันต้องรีบกลับไปธุระกับทางบ้าน อีกุ้งเลยต้องตามกลับไปด้วย.....
“เป็นไงกุ้งมันหล่อมั๊ย” ผมแหย่ไอ้วุธทันทีที่ขึ้นรถ
“หล่อครับ สูง ขาว ตี๋” วุธพูดขำ ๆ
“ข้อความในเพจน่ะ...กุ้งมันส่งให้ทุกคนแหละ....แบบว่างกไง ส่งทีเดียวได้หลายคน” ไอ้วุธหัวเราะเบา ๆ คงเกรงใจเพราะอีกุ้งมันก็เพื่อนผม
“ท่าทางเค้ารักกันดีเนอะ” วุธพูดหลังจากเงียบไปพักนึง
“อืม”
“ทำไมเค้ากล้าจัง…ไม่อายคนอื่นเหรอ”
“แล้วเค้าทำอะไรผิดล่ะ” ผมย้อนถาม วุธอึ้ง
“...เออเนอะ...เค้าไม่ได้ทำอะไรผิดนี่หว่า...” มันยิ้มออกมาในที่สุด
“ไปทางไหนดีวะ” ผมพูดกับตัวเองเมื่อถึงทางแยก จริง ๆ แล้วก็ไปได้ทั้งสองทางแหละ แต่ทางที่ใกล้กว่ารถบรรทุกมันเยอะ
“หาอะไรกินกันก่อนเหอะ...หิวอ่ะ” ไอ้วุธถลกเสื้อลูบท้องตัวเองเบา ๆ โอ๊ย ขาวจัง มีกล้ามนิด ๆ ด้วย หัวใจจะวาย ขนาดเมื่อคืนเห็นของมันทุกซอกทุกมุมแล้วก็เถอะ แต่มันคนละความรู้สึกกันกับตอนนี้
“กินที่ไหนอ่ะ” ผมมองหาร้านอาหารข้างทาง
“ไปเรื่อย ๆ ก่อน เดี๋ยวเจอแล้วจะบอก”
“ครับเจ้านาย” ผมหันไปมองหน้ามันกวน ๆ
.....ในที่สุดไอ้วุธก็เลือกร้านอาหารข้างทางร้านหนึ่ง มีรถจอดอยู่หลายคันเหมือนกัน บรรยากาศดีมาก แอบคิดลึก ๆ ว่า ถ้าเป็นเมื่อก่อนมันคงพาผมไปกินก๋วยเตี๋ยวริมฟุตบาท อ้อ ไม่สิ ซื้อกลับไปกินที่บ้าน กลัวคนรู้จักเห็นว่ามากินกับผม....นี่อีออยคงหัดให้มันมากินร้านอย่างนี้น่ะสิ....ช่างเหอะ รีบกิน รีบกลับดีกว่า ฝนทำท่าจะตกอีกแล้ว.....
.....พนักงานเพื่อนสาวพาเราสองคนเดินไปมุมที่ผมคิดว่าดีที่สุดในร้าน โรแมนติกมาก เป็นส่วนตัวด้วย....ไอ้วุธสั่งอาหารได้ถูกใจผมจริง ๆ มันหันมาถามทีเดียวว่าโอเคมั๊ย ผมพูดไม่ออก ได้แต่ยิ้มอย่างเดียว เมื่อคืนมันยังซื้อของที่ผมชอบทั้งนั้นนี่นา....มันจำได้ว่าผมชอบอะไร ดีใจจังเลย.....
.....อาหารอร่อยจริง ๆ ไม่คิดว่าไกลขนาดนี้ จะมีร้านอาหารอร่อย บรรยากาศเริ่ด ราคาไม่แพงเกินไปนัก ผมแอบเอาเมนูมาคิดราคาคร่าว ๆ จะได้เตรียมเงิน และทิปถูก.....นั่งกินข้าว มองดูแสงไฟจากรถที่วิ่งอยู่บนถนน เสียงเพลงเบา ๆ และเสียงน้ำตกจำลองที่อยู่ใกล้ ๆ ไฟสีส้มอ่อน ๆ จากตะเกียงข้างโต๊ะ ทำให้หน้าไอ้วุธน่ามองมากขึ้น จนผมอดไม่ได้ที่จะมองมันจนลืมกินข้าว.....
“มองอะไร” มันรู้สึกตัว และทำท่าเขิน
“หิวเหรอ....เห็นกินอย่างเดียวไม่พูดไม่จา”
“อืม....เอ้อย่ามองใครแบบนี้อีกนะ”
“ทำไมอ่ะ” ผมงง
“ตาเอ้มันพูดได้...มันบอกความรู้สึกหมดเลย”
“จริงเหรอ....งั้นบอกมาดิ เรากำลังรู้สึกอะไรอยู่” ไอ้วุธเงียบ “เห็นปะ...อย่ามาโม้ ตาเราก็เป็นอย่างนี้ มองใครก็เหมือนกันหมดแหละ”
“เอ้กำลังรู้สึกเหมือน....เหมือนที่เรารู้สึกกับเอ้” ฉลาดตอบมาก เล่นเอาผมเขินไปเลย “อ่ะ...กินต่อเหอะ” ไอ้วุธตักอาหารใส่จานผม ต่อหน้าพนักงานเสิร์ฟที่เข้ามาเติมน้ำพอดี ผมทำหน้าไม่ถูก เอ๊ะ มันเป็นอะไรมากหรือเปล่าวันนี้
“วุธ...เอานี่” ผมยื่นเงินให้หลังจากที่พนักงานเดินกลับไปพร้อมทิปในถาด
“ไม่เอา....เราเลี้ยง”
“เนื่องในโอกาสอะไร” ผมพยายามยัดเงินใส่มือมัน
“ขอบคุณที่ให้โอกาสเรา” ไอ้วุธมองผมตาเยิ้ม กุมมือที่ตอนแรกปัดออกเพราะไม่ต้องการเงินผม ทีนี้จะดึงมือกลับก็ไม่ได้
“กลับเหอะ....ฝนตกแล้ว” ผมพูดแก้เขิน
“ครับ”
“โอ๊ย อย่าพูดอย่างนี้ จั๊กจี้หูว่ะ” ผมขำ
“เราไม่ได้เป็นแค่เพื่อนกันแล้วนะครับ” มันพูดเสียงจริงจัง
“อ่ะ...ครับ....เอาไงก็เอาเหอะครับ” เราเดินมาจนถึงหน้าร้าน ฝนก็ตกหนาเม็ดขึ้น พนักงานก็ถือร่มคอยรับคนที่เข้ามากินใหม่ ผมต้องรอให้พวกเค้าเข้ามาก่อน แต่นึกได้ว่าในกระเป๋ามีร่มนี่หว่า
“วุธ...ถ้าเรากางร่มอันนี้ จะกล้าเดินกะเราปะ” ผมถามอาย ๆ พร้อมหยิบร่มคิตตี้ออกมาจากกระเป๋า พอไอ้วุธเห็นปั๊บมันขำก๊ากเลยครับ
“อย่าบอกนะว่าของเอ้น่ะ” มันพูดไปหัวเราะไป ก็รู้อยู่ว่าผมไม่ชอบของคิขุอย่างนี้
“ของอีกุ้งมันทิ้งไว้ในรถ อันเล็กดี พกใส่กระเป๋าได้” ผมแก้ตัว
“ไม่อายหรอก ดีกว่าเปียกเนอะ” มันยังไม่หยุดขำ แต่คว้าร่มออกไปกางซะเอง “เอ้า เข้ามาสิครับ” มันเรียกผมเข้าไปในร่มเดียวกัน ร่มก็เล็ก แต่คนตัวเบ้อเริ่ม เดินเบียดกัน ผมเขินจนหน้าร้อนวาบไปหมด
“ฝนตก ขับลำบาก เดี๋ยวเราขับให้” มันยื่นมือขอกุญแจ ผมก็ต้องให้มัน มีการเปิดประตูให้ผมด้วยนะ
“คืนนี้ขอนอนด้วยอีกคืนนะ” วุธพูดออกมาเป็นประโยคแรก หลังจากรถเคลื่อนออกจากร้านอาหาร ผมตัดสินใจตอบ ด้วยการเงียบ มองหน้ามันอย่างเดียว ดูสิ มันจะรู้คำตอบมั๊ย...เมื่อกี้บอกว่าตาผมพูดได้ มันทำหน้างง ๆ ที่เห็นผมไม่พูดอะไร เปิดไฟฉุกเฉินจอดข้างทาง
“ตกลงได้มั๊ยครับ.....มองอย่างนี้.....โอเค.....คืนนี้ผมจะเป็นเด็กดี ไม่นอนดิ้นนะครับ” มันเอาหัวมาซุกที่ไหล่ผมอ้อน ๆ เป็นใครจะไม่ใจอ่อน.....ใช่มั๊ยครับ
I would give up everything
Before I'd seperate myself from you
After so much suffering
I finally found unvarnished truth
I was all by myself for the longest time
So cold inside
And the hurt from the heartache would not subside
I felt like dying
Until you saved my life

Thank God I found you
I was lost without you
My every wish and every dream
Somehow became reality
When you brought the sunlight
Completed my whole life
I'm overwhelmed with graditude
'Cause baby I'm so thankful I found you

I will give you everything
There's nothing in this world I wouldn't do
To ensure your happiness
I'll cherish every part of you
'Cause without you beside me I can't survive
Don't wanna try
If you keeping me warm each and every night
I'll be allright
'Cause I need you in my life

See I was so desolate before you came to me
Looking back
I guess it shows that we were destined
To shine over the rain to appreciate
The gift of what we have
And I'd go through it all over again
To be able to feel
This way

 o18
มาต่อให้ 2 ตอนครับบบบ ที่เหลือเก็บไว้ให้คุณ lanlan ทำงานมั่งงงง อิอิอิ

a22a

  • บุคคลทั่วไป
หวานกันจังเลยคับ ดีใจจังทั้งคู่ดีกันแล้ว รักกันใว้คับกว่าจะร้กกันได้มันอยากนะคับ แต่ถ้าจะเลิกกันแปปเดี่ยวเอง ถ้าจะรักก็ขอให้คุณเอ้รักให้มีสติหน่อยนะคับจะได้ไม่เจ็บเหมือนคราวที่ผ่านมาคับ ขอขอบคุณคนโพสด้วยนะคับ

stupidchild

  • บุคคลทั่วไป
รักยังไงมันก็คือรัก ชั้นเองรุ้จักคำนี้ในวันที่มันสายเกินไป

เฮ้อเหนคนมีฟามสุขแล้วน้ำตาไหล

แต่มองดูตัวเองแล้ว รักก้รัก แระ เกลียดก้ไม่ลง

แต่มันก้คือ ความรัก

มาต่ออีกคับ ขอบคุนนะคับ จุ๊ฟๆ

anston

  • บุคคลทั่วไป
 :เฮ้อ:เฮ้อ..โล่งอก ไปด้วยอีกคน..ที่คืนดีกันได้.. :m13:
 :give2:ต่อไปขอให้เจอแต่เรื่องดีๆน๊า..
 :impress:ขอบคุณคนโพสด้วยนะครับ..แล้วมาบ่อยๆนะ(ถ้าว่าง).. :impress:

suregirl

  • บุคคลทั่วไป
กำลังมีความสุขแบบนี้คนอ่านต้องรีบตักตวงนะ เด๋วก็คงจะเข้าโหมดเศร้าแล้ว  :m15: ใช่ปะ  :impress:

niph

  • บุคคลทั่วไป
น้ำตาจะไหล
ดีใจแทน
ถ้าเป็นผม ผมก็คงให้โอกาสวุธเหมือนกัน

ในเมื่อเราเองก็ปฏิเสธความรู้สึกตัวเองไม่ได้
..........
 :เฮ้อ:
แต่ความสุขก็มักอยู่ได้ไม่นาน
ติดตามต่อไปครับ
 :a2:

nartch

  • บุคคลทั่วไป
หวานจัดดดดด เลยอดไม่ได้ ต่อให้อีกอ่ะ....  o18
=============================================
11 Vision Of Love

.....ผ่านพ้นอีกหนึ่งคืน ที่หวุดหวิดจะเสียซิง อย่างที่บอกว่าผมยังไม่เต็มร้อยกับวุธ ยังกลัวต้องเสียใจ กลัวว่าขนาดยังไม่เคยมีอะไรกับมัน ผมยังต้องใช้เวลานานมากในการรักษาแผลใจ.....ถ้าได้ลองมีอะไรเกินเลยกว่านี้ ไม่อยากจะคิดว่าผมจะรับได้หรือไม่ เวลาที่มันทำผมเจ็บอีก.....คิดซะว่า เสียใจอย่างเดียวดีกว่า อย่าต้องให้เสียตัวด้วยเลย Sex ไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับผม ไม่สำคัญถึงขนาดที่ขาดไม่ได้ ผมอยากให้แน่ใจอีกนิด และคิดได้ประมาณว่า กูจะไม่เสียใจเลยที่มีอะไรกับมึง กูจะไม่เสียใจที่ได้รักมึง กูจะไม่เสียใจเลยที่มึงทิ้งกู เพราะมันจะเป็นครั้งหนึ่ง และอาจจะเป็นครั้งเดียวในชีวิต ที่ผมได้เจอรักแท้ ผมเคยมีเซ็กส์ที่มาจากความรักจริง ๆ ไม่ใช่แค่ความใคร่ ปล่อยให้มันเป็นเรื่องธรรมชาติ ให้เซ็กส์เป็นการแสดงความรักอย่างหนึ่งละกัน.....
.....บอกตรง ๆ ว่าผมก็ปั่นป่วนไม่น้อย ไอ้วุธมันกล้าทำอะไรที่ผมคิดไม่ถึงมากขึ้น นึกจะหอมก็หอม นึกจะกอดก็กอด ตอนนอนด้วยกันบนเตียง ที่มีตั้งกว้าง ดันมานอนเบียดกับผม.....ถ้ามันไม่เคยทำผมเจ็บมาก่อน คืนนั้นผมอาจจะไม่รอดก็ได้...วุธจูเนียร์เดี๋ยวหลับเดี๋ยวตื่น ผมต้องนอนนิ่งไม่ให้สะโพกไปโดนมันมากกว่านี้ แต่ยิ่งนิ่ง มันก็ยังเบียด จนผมรู้สึกว่ามันอุ่นจนร้อนเลยแหละ.....ยังไม่รวมกับลมหายใจแรง ๆ และเสียงถอนใจเป็นระยะ ผมไม่กล้าแม้แต่จะหันไปถามว่ามันเป็นอะไร.....สุดท้ายมันก็หลับไปในท่าที่สบายที่สุด แต่ผมต้องอึดอัดกับแขน ขายาว ๆ ของมันที่พาดบนตัวผมเหมือนผมเป็นหมอนข้าง และยิ่งทำให้น้องชายมันแนบติดกับสะโพกผมยิ่งขึ้น.....ถึงจะอึดอัดแค่ไหนก็เถอะ แต่มีความสุขชะมัด ขนาดว่าตื่นขึ้นมาตอนดึก ๆ หันไปเห็นไอ้วุธนอนหลับตาพริ้ม ยังคิดว่านี่เป็นเพียงแค่ความฝันเลย.....
“...มีเรียนกี่โมง...” ผมถามวุธทันทีที่เห็นมันเดินเข้ามาในครัว
“...9 โมง...นี่ต้องกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอีก” มันเสยผมเปียก ๆ ให้พ้นจากหน้าผากที่มีคราบแป้งเด็ก นี่คงทาแป้งตอนที่หน้ายังไม่แห้งอ่ะดิ
“...กินอะไรก่อนดิ...” ผมเลื่อนถุงปาท่องโก๋ และน้ำเต้าหู้ที่เทลงถ้วยเรียบร้อยแล้วให้มัน
“...ขอบคุณครับ...” อู๊ยยยย ไม่ต้องทำตาเยิ้มอย่างนั้นก็ได้
“...ขอบคุณน้องเราโน่น มันขี่รถไปซื้อมาให้....” ผมพูดแก้เขิน จริง ๆ แล้วผมนี่แหละสั่งให้มันไปซื้อ ถ้าผมไปตลาดเองรับรองได้ว่าเข้าคลาสสายแน่ ๆ วันนี้
“...เลิกกี่โมงอ่ะ...” มันถามผมหลังจากกระดกน้ำเต้าหู้จนหมด
“...3 โมงครึ่ง...”
“...โอเค...รอนะเดี๋ยวไปรับ...” มันลุกเตรียมเดินออกไป
“...ไม่ต้อง...” ผมห้าม
“...ทำไมอ่ะ...” มันหยุด หันมามองผมคิ้วขมวด
“...ไกล เปลืองน้ำมัน...” มหาลัยของผมกับของมันอยู่คนละทางกันเลย
“...โห...” มันอ้าปากจะเถียง ผมรีบพูดแทรกซะก่อน
“...มาเจอกันที่บ้านนี่แหละ...วันนี้รีบกลับ ไม่ได้ไปเที่ยวไหนต่อ...” ใครชวนก็ไม่ไปหรอกวันนี้อ่ะ
“...ได้ครับ...” มันยิ้มออก โบกมือให้ผม
“...เดี๋ยว...” วุธมองผมงง ๆ “รอแป๊บนึง...ออกไปด้วยกันนะ” ผมวิ่งขึ้นห้องไปแปรงฟันอีกรอบ สำรวจเสื้อผ้า หน้า ผม โอเค ไปเรียนได้.....ไอ้วุธขำ ที่เห็นผมวิ่งวุ่น ตรวจตราประตู หน้าต่าง แก็ส ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าอีกสักพักพี่ที่ทำความสะอาดก็ต้องเข้ามา แต่มันเป็นความเคยตัวแล้วนี่นา
.....ผมขับรถไปส่งมันที่บ้าน คิดในใจว่ามันจะไปเรียนทันเหรอ นี่ก็เกือบ 8 โมงแล้ว เมื่อคืนก่อนนอนมันก็เล่าเรื่องเรียนให้ฟังว่า ยากมาก งานเยอะ ไอ้ที่เคยเรียนมาตอน ปวช. ก็แทบช่วยอะไรไม่ได้ เหมือนเป็นการเริ่มต้นใหม่ คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ เป็นปัญหาใหญ่ของเด็กอาชีวะทุกคนที่เข้าไปเรียนต่อในมหาวิทยาลัยสมัยนั้น....
“...ขอบคุณครับ...เย็นนี้เจอกัน...” สงสัยอีออยมันสอนมาดี พูดเพราะเชียว แต่ก่อนไม่เห็นเป็นแบบนี้
“...วุธ...” ผมเรียก มันชะงักขณะกำลังเปิดประตู
“...จ๋า...” ชอบจริง ๆ ผู้ชายที่พูดจ๊ะ ๆ จ๋า ๆ เนี่ย ผมเอื้อมมือไปเกลี่ยรอยแป้งเด็กที่มันทาไว้เป็นคราบ
“...ที่หลังรอให้หน้าแห้งก่อน แล้วค่อยทาแป้งนะ...” มันพยักหน้าหงึก ๆ “...ส่วนผมเนี่ย...ถ้ามีเวลาก็เป่าหน่อย ใช้พัดลมก็ได้....” ผมเอามือปัดผมมันให้เข้าที่เข้าทาง
“...ถ้าเราหล่อกว่านี้แล้วเอ้จะมีคู่แข่งเยอะนะ...” มันล้อผม กุมมือผมไว้ตรงอก
“...ไม่กลัวหรอก...” ผมพูดเชิด ๆ “...ไปได้แล้ว เดี๋ยวสายกันทั้งคู่...” ผมดึงมือกลับ
“...ครับ...” มันทำท่าเหมือนจะลง แต่ขณะที่ผมมองมันอยู่ไม่ได้ระวัง มันดันเสือกชะโงกหน้ามาหอมแก้มผมไปฟอดใหญ่ อายชิบหาย ดีนะว่ารถติดฟิล์มสีเข้ม และตรงนั้นไม่มีคนเดินผ่าน ไอ้วุธยิ้มที่ทำให้ผมหน้าแดง ก่อนลงมันโบกมือให้แล้ววิ่งเข้าซอยบ้านไป
.....ทันทีที่เดินเข้าซุ้ม ผมก็โดนเพื่อน ๆ แซวว่าเดินยิ้มแฉ่ง หน้าตามีความสุข เหมือนคนกำลังมีความรัก.....นี่ผมแสดงออกขนาดนั้นเลยเหรอ ไม่เห็นรู้ตัวเลย ผมว่าผมก็เดินหน้ามาหน้าเฉย ๆ หรือว่าตาผมมันพูดได้อย่างที่ไอ้วุธมันบอกนะ ขณะเดินผ่านโต๊ะกลุ่มอีแอ็บ ผมสังเกตุเห็นโมทย์มองหน้าผมแปลก ๆ....จะว่าเพื่อน ๆ รู้เรื่องไอ้วุธก็ไม่น่าจะใช่ เพราะอีกุ้งรับปากกับผมแล้วว่าจะไม่พูดเรื่องนี้ มันจะให้ผมเป็นคนบอกเพื่อนทุกคนเอง.....
“...ทำไมคืนวันเสาร์ไม่ไปด้วยกันอ่ะ...” ผมหันไปมองโมทย์ทางกระจกในห้องน้ำ ขณะที่ผมกำลังล้างไม้ล้างมือเตรียมขึ้นห้องเรียน นึกสงสัยว่าทำไมวันนี้มันพูดไม่เพราะเลย ทุกทีจะต้องลงท้ายมีครับทุกคำ
“...มีธุระนิดหน่อย...” ผมตอบเลี่ยง ๆ
“...คนนั้นน่ะ แฟนเหรอ...” อยู่ดี ๆ มันก็ถามขึ้นมา
“...คนไหนวะ...” ผมพึมพำเบา ๆ ในใจตอนนั้นคิดถึงแต่ไอ้วุธไงครับ
“...คนที่มาด้วยกันอ่ะ...”
“...อ่อ...เพื่อน...ไม่ใช่แฟน...” นึกว่าใคร ไอ้โยนี่เอง ผมหัวเราะออกมา
“...แต่ก่อนไม่เห็นหน้าตามีความสุขอย่างนี้เลยนี่...” ผมชะงักเมื่อโมทย์พูดจบ มองตัวเองในกระจก เออ จริงด้วย ไม่มีแววตาเศร้า ๆ ไม่มีรอยช้ำใต้ตา ตาเงี้ยเป็นประกายเชียว
“...ได้นอนเต็มที่มั้ง...” ผมแก้ตัว
“...นอนกับใครล่ะ...” ผมขมวดคิ้ว เริ่มไม่พอใจ ถึงมันจะหล่อ ถึงผมจะเคยปิ๊งมันก็เหอะ แต่นี่มันเรื่องส่วนตัวของผม แล้วมันมายุ่งอะไรด้วยวะ
“...โอ๊ย...หลายคน...1...2...3...” ผมแกล้งทำเป็นตลก นับนิ้วตัวเอง
“...เอ้...เลิกเรียนแล้วไปไหนหรือเปล่าครับ...” มันขัดจังหวะผม
“...ไม่ไป...” ก็ไม่ได้ไปจริง ๆ นี่ นัดไอ้วุธไว้ เผลอยิ้มกับตัวเองอีกแล้ว
“...ไป XXXXX กันมั๊ย...” มันพูดถึงห้างใกล้ ๆ มหาลัย
“...ไปไม่ได้...” ผมปฏิเสธหลังจากที่อึ้งไปนิดนึง
“...อ้าว...ก็ไม่ได้ไปไหนไม่ใช่เหรอ...”
“...ก็...ก็...ต้องรีบกลับบ้าน...” บอกความจริงละกันวะ
“...รีบกลับไปทำอะไรล่ะ...มีคนรออยู่รึไง...” ชักเริ่มโมโหแล้วนะ เสียดายความรู้สึกดี ๆ ที่เคยมีให้มันจริง ๆ
“...โมทย์...เป็นอะไรเนี่ย...เราว่าโมทย์ดูแปลก ๆ ไปนะ...” ผมพยายามข่มอารมณ์
“...เรามีเรื่องจะคุยด้วย...”
“...ก็พูดมาดิ...” ผมหลบตามัน ตอนนี้มันไม่ใส่แว่นแล้ว น่ารักมาก ๆ
“...เราต้องการพูดในที่ที่เป็นส่วนตัว...”
“...ก็นี่ไง...ในห้องน้ำ...ไม่เป็นส่วนตัวเหรอ...” ผมขำ
“...โมทย์...” อีแอ๊บนี่มันมาได้จังหวะดีจริง ๆ คิ้วมันแทบจะชนกันเมื่อเห็นผมอยู่กับโมทย์ตามลำพัง มันมองผมที มองโมทย์ที แอบค้อนผมด้วยนะ “...ทำไมเข้าห้องน้ำนานจังอ่ะ...” มันถามเสียงไม่พอใจ
“...กำลังจะออกไปแล้ว...” โมทย์ถอนหายใจแล้วเดินออกไปเลย ทิ้งให้อีแอ๊บมองผมอย่างสงสัย
“...ฝากบอกโมทย์ด้วยนะว่า...เอาไว้วันหลังละกัน...” ผมวางระเบิดตูม อีแอ๊บตาโต แต่ยังเก็กได้อยู่
“...วันหลังอะไร...” มันกระชากเสียงถามผม
“...ไปถามโมทย์เองละกัน...” ผมยิ้มนิด ๆ แล้วเดินเฉียดไหล่มันออกจากห้องน้ำ
.....ตอนพักเที่ยง หัวข้อในการเม้าธ์กันวันนี้คือ เรื่องฝนดาวหาง ที่กำลังเป็นที่พูดถึงมากในช่วงนั้น และอีก 5 วันก็จะเกิดปรากฎการณ์นี้เป็นครั้งแรกในประเทศไทย....ตอนแรกที่ได้ดูข่าวในทีวี ได้อ่านในหนังสือพิมพ์ก็ยังเฉย ๆ นะครับ แต่พอเอาเรื่องนี้มาคุยกัน สงสัยพวกผมคุยกันเสียงดังมากไปหน่อย เพราะไม่ใช่แค่กลุ่มผมกลุ่มเดียวที่มากินกันที่นี่...มากินกันทั้งสาขา เรียกว่าโซนนี้เป็นของการตลาดเลยครับ...พวกเราเดินไปเดินมา สามารถกินข้าวกินขนมได้ทุกโต๊ะ....พวกเราสาขาการตลาดตั้งแต่ปี 1 - 4 ตอนแรกตกลงจะรวมตัวแห่กันไปดู แต่ยังไม่ทันได้นัดอะไรให้เป็นเรื่องเป็นราว โปรแกรมนี้ก็ต้องล่ม เนื่องจากมากคนมากความ สรุปแล้ว ไปแน่ แต่แยกกันไป ใครอยากไปกับใครก็ตามใจ....
.....หลังจากนั้นผมก็เป็นหนึ่งในหัวข้อที่เพื่อน ๆ แซวกันด้วย เรื่องไอ้โยนั่นแหละ พวกเค้าคิดว่าเห็นผมนิ่ง ๆ ไม่สนใจใคร ที่แท้เพราะมีตัวจริงซะแล้ว...ทุกคนเห็นว่าเรื่องผู้ชายชอบผู้ชายเป็นเรื่องปกติ ไม่มีใครว่าอะไร แม้แต่เรื่องพี่ก้องกับกุ้ง พวกเค้าก็เห็นด้วย ไม่มีแอนตี้ ทำให้สองคนนั่นคบกันอย่างสบายใจ และอาจจะเป็นเพราะว่าอีกุ้งมันน่ารัก นิสัยดีด้วยมั้งครับ เลยไม่มีคนคิดอิจฉา หรือหมั่นไส้.....แต่ไม่แน่นะ ไม่รู้สิ เวลาเห็นสายตาอีแอ็บแล้วรู้สึกยังไงไม่รู้ ยิ่งตอนที่พวกเพื่อน ๆ แซวเรื่องผมกับโย ผมหันไปเห็นมันกำลังมองมาด้วยสายตาแปลก ๆ ต่างจากโมทย์ที่นั่งหน้าบึ้งเขี่ยข้าวเล่นเหมือนเด็ก ๆ
..... สังคมมหาลัยนี่เป็นสังคมที่ดูเป็นผู้ใหญ่กว่าตอนเรียนพาณิชย์จริง ๆ และแม้ว่าจะเทียบได้กับเด็ก ปวส. แต่สภาพแวดล้อมต่างกันลิบลับเลยครับ นี่ถ้าผมตัดสินใจเรียน ปวส. ต่อ ผมคงไม่ได้สนุกอย่างนี้แน่ ๆ ผมไม่ได้หมายความว่าเรียน ปวส. ไม่ดีนะครับ คนที่มองสังคมมหาลัยไม่ดีก็มีเยอะ ของอย่างนี้มันอยู่ที่ตัวคนด้วยมากกว่า.....

“...ตกลงไปไหนกันดีวะ...” อีเต็มกระตือรือร้น เรื่องเที่ยวอีนี่ไม่เคยพลาด
“...ไปเขาใหญ่ดิ...” อีนันออกความเห็น
“...ไปพัทยาดีกว่า...ไม่ไกลด้วย...ไปตั้งแต่เย็น เล่นน้ำ กินซีฟู้ด นอนดูดาว โอ๊ย...โรแมนติก...” อีกุ้งเพ้อ
“...ดูที่บ้านก็ได้นี่นา...” ผมพูดจบปุ๊บอีพวกนั้นหันมามองผมเหมืนอผมไปด่าพ่อมัน
“...อีเอ้...นี่มึงจะไม่กระดิกตูดไปไหนเลยเหรอวะ...” อีเต็มกัด
“...เฮ้ย...มึงจะไหวกันเหรอ...ไปเย็น...จะได้เห็นดาวกี่โมงยังไม่รู้เลย...จะได้นอนหรือเปล่า...ตอนเช้าต้องรีบตีรถกลับมาเรียนต่ออีก...ใครจะหอยเหล็กอย่างมึงล่ะ....”
“...จริงของอีเอ้มันว่ะ...” อีนันเห็นด้วย
“...นาน ๆ ทีอีเอ้ มันไม่ได้มีมาให้เห็นบ่อย ๆ นะโว้ย...” อีกุ้งจูงใจ
“...อีกุ้ง...พูดยังกับว่ามึงจะไปกับพวกกู...พี่ก้องเค้าไม่ปล่อยมีงมาหรอก...”
“...แหม...เราก็ต่างคนต่างไป แล้วค่อยรวมตัวกันอีกทีไง...”
“...เออ ๆ ไปก็ไปวะ...” ผมตัดสินใจไปด้วยเหตุผลว่า นาน ๆ ครั้ง และตั้งใจจะชวนวุธไปด้วย เผื่อจะผลัดกันขับรถกลับ
“...ที่ไหนล่ะ...”
“...อีกตั้งหลายวัน...ค่อย ๆ คิดดีกว่า...”

.....บ่ายสามโมงครึ่งปุ๊บ อาจารย์ยังไม่ทันเดินออกจากห้อง ผมเร่งอีพวกนั้นให้เก็บของเร็ว ๆ ผมต้องรีบกลับบ้าน พวกมันดันแกล้งผมค่อย ๆ หยิบ ค่อย ๆ จับ ผมก็เลยกวาดสมบัติมันยัดใส่กระเป๋าทีละคน.....ยังไม่ทันยกขบวนเดินออกจากห้อง เพจที่ผมเพิ่งเปิดเสียงหลังจากอาจารย์ปล่อยก็ดังขึ้น.....ผมกดอ่าน ไอ้วุธส่งข้อความมา ผมอ่านไปยี้มไป เพื่อนผมก็กรี๊ดกร๊าดแซวกันเป็นที่สนุกสนาน ผมมองไปที่กลุ่มโมทย์กับอีแอ็บโดยไม่ได้ตั้งใจ พวกมันมองผมด้วยสายตาแบบเดียวที่ผมเห็นเมื่อกลางวันอีกแล้ว.....
.....กลับถึงบ้านเร็วกว่าทุกวัน เพราะตรงดิ่งมาเลย จอดส่งอีพวกนั้นตามทางประจำที่มันเคยลง อีกหน่อยอีเต็มก็จะขับรถมาเรียนแล้วเหมือนกัน ได้ข่าวว่าตอนนี้กำลังเรียนขับรถอยู่.....ผมขี่จักรยานออกไปตลาดเพื่อหาของกินไว้รอวุธ นึกได้ว่าวันนี้มีตลาดนัด คงได้อะไรอร่อย ๆ แปลก ๆ มาให้มันกิน.....ปฏิเสธตัวเองไม่ได้ว่าตื่นเต้นที่เราจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม ของกินเยอะมาก หิ้วถุงพะรุงพะรัง ไอ้นี่ก็อยากกิน ไอ้นั่นก็ท่าทางจะอร่อย เพลินครับ ไม่ได้เดินตลาดนัดนานแล้ว ไม่ชอบคนเยอะ แต่วันนี้เดินวนตั้งแต่หัวถนนยันท้ายถนน เดินวนไปวนมา ไม่เหนื่อยเลยแฮะ.....
“...ซื้ออะไรเยอะแยะเลยอ่ะ...” ไอ้วุธนั่งรออยู่ในรถเพราะเข้าบ้านผมไม่ได้ มันกุลีกุจอเดินออกมารับผมที่ขี่จักรยานเป๋ไปเป๋มา เพราะว่าของหนักมาก แขวนไว้เต็มแฮนด์สองข้าง ในตระกร้าข้างหน้าก็ยังมีอีก
“...มานานยัง...” ผมพูดปนหอบ
“...เมื่อกี้นี้เอง...เราก็ซื้อของมากินเหมือนกัน...” วุธเดินไปเปิดรถหยิบถุงอาหารออกมากองรวมไว้กับของผมบนโต๊ะในครัว
“...โห...แล้วจะกินกันยังไงให้หมดวะ...” ผมกับวุธมองหน้ากันแล้วหัวเราะ
“...หมดดิ...แต่ก่อนอื่น...ต้องทำให้หิวมาก ๆ ก่อน...” มันถอดเสื้อนักศึกษาออกต่อหน้าผม กลางวันแสก ๆ ตัวมันมีเหงื่อซึมออกมานิด ๆ เซ็กซี่ชิบหาย
“...จะทำอะไรอ่ะ...” ผมขยับหนี
“...ผมไม่หื่นกามขนาดนั้นหรอกคุณ...” มันหัวเราะผม “...ขอยืมกางเกงขาสั้นหน่อยนะ...” มันเดินขึ้นไปบนห้องผมโดยไม่รอผมอนุญาต
.....ผมหันไปสนใจกับกองอาหารต่อ คิดว่าจะกินอะไรก่อนหลัง เพราะยังไงก็กินไม่หมดแน่ ๆ อะไรที่มันเสียง่ายก็กินก่อนละกัน.....ทำทุกอย่างจนเสร็จเรียบร้อย นึกได้ว่าไอ้วุธมันหายไปไหน เดินขึ้นไปบนห้องก็ไม่มี....มองลงมาจากระเบียงถึงได้เห็นว่ามันกำลังล้างรถอยู่ เออ เนอะ ได้ยินมันพูดหลายทีแล้วว่าอยากล้างรถที่บ้านผม เพราะบ้านผมมีพื้นที่พอที่จะล้างได้อย่างสะอาดเอี่ยม มีปั๊มน้ำ มีหัวฉีดแรงดัน จริง ๆ แล้วพ่อผมซื้อเอาไว้รดน้ำต้นไม้เพราะมันปรับทิสทางน้ำได้หลายแบบ ปรับให้กระจายเป็นฝอยก็ได้.....
ดูมันมีความสุขมาก ฉีดน้ำซะเปียกกระจายเป็นวงกว้าง ดีนะที่ผมจอดรถไว้อีกด้าน ไม่งั้นคงต้องเปียกไปด้วย แล้วน้องหมาของผมก็คงอยากเล่นด้วย วิ่งวนรอบตัวได้วุธ พอมันโดนไอ้วุธฉีดที ก็วิ่งหนีที....สภาพไอ้วุธตอนนี้ก็...อืม...ถอดเสื้อโชว์กล้ามที่เกิดเองตามธรรมชาติ ไม่ได้มีการเข้าฟิตเนสอย่างทุกวันนี้...เอากางเกงขาสั้นเก่า ๆ ของผมมาใส่ พอกางเกงยางยืดโดนน้ำหนัก ๆ เข้ามันก็ร่นลงจนเห็นขอบกางเกงใน ขนหน้าท้อง ขนหน้าแข้งเปียกลู่แนบเนื้อตัดกับผิวขาว ๆ ของมัน.....
“...ที่บ้านน้ำไม่ไหลเหรอ...” ผมแซวมัน
“...ไหล...แต่ไม่อยากล้าง...เปลืองน้ำ...โอเคปะ” วุธหันมาพูดขำ ๆ ผมก้มลงพับขากางเกง เดินเข้าไปหยิบถังน้ำยาล้างรถ ช่วยมันเช็ด ๆ ถู ๆ
“...ไม่ต้องหรอกเอ้...เลอะเทอะ...” มันห้ามพร้อมปีนขึ้นไปบนกระบะเพื่อล้างหลังคา
“...จะได้เสร็จเร็ว ๆ ไง...”
“...หิวแล้วเหรอ...”
“...เปล่า...จะได้ให้อาบน้ำหมาต่อด้วย ไหน ๆ ก็เปียกแล้วนี่...”
“...โห...ใช้เลยนะ...” มันทำหน้างอ ผมทำเชิด ไอ้วุธมันก็เลยเอาที่ฉีดน้ำฉีดผม
“...เฮ้ย...” ผมร้องเสียงดัง ตะปบกระเป๋าเสื้อ กระเป๋ากางเกง
“...มีของในกระเป๋าเหรอ...” ไอ้วุธหน้าเหวอ
“...ไม่มี...” ผมแลบลิ้นล้อมัน เท่านั้นแหละ ผมโดนฉีดน้ำอีกที คราวนี้โดนเต็ม ๆ เปียกไปทั้งตัว รู้อย่างนี้เปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีกว่า ผมตะกายปีนขึ้นไปแย่งที่ฉีดน้ำบนกระบะ แต่ไม่กล้ารุนแรงมากนัก ลื่นด้วย พื้นที่ก็น้อย ไม่น่าขึ้นไปเลย ผมแอบโดนมันลวนลามตั้งหลายที เดี๋ยวกอด เดี๋ยวหอม จะดิ้นก็กลัวตกรถ....โชคดีที่น้องผมยังไม่กลับบ้าน เพื่อนบ้านก็คงมองไม่เห็นเพราะต้นไม้บังอยู่
.....เป็นการล้างรถที่สนุกที่สุด ปกติผมไม่เคยล้างเองด้วยซ้ำ ขนาดพ่อแม่ใช้ ผมยังอิดออด มันดูเหมือนเป็นงานที่หนักหนามากสำหรับผม....แต่วันนี้ มือซีด ปากซีด ผมยังมีอารมณ์อาบน้ำน้องหมาของผมต่อ เช็ดตัวอะไรเรียบร้อย ต่อไปคนต้องจัดการตัวเองแล้ว....เรามองหน้ากันแล้วหัวเราะ ไม่รู้จะหาทางเข้าบ้านยังไง ตัวเปียกไปหมด น้ำหยดติ๋ง ๆ ลืมเอาผ้าเช็ดตัวมาไว้ข้างนอกด้วย....แต่เปียกได้ก็แห้งได้ เดี๋ยวค่อยมาตามเช็ดเอาก็ได้ ผมบอกกับวุธให้รีบวิ่งขึ้นไปบนห้องผมพร้อมกันพื้นจะได้ไม่เปียกมาก...เรานับ 1 ถึง 3 ไอ้วุธจับมือผมวิ่งจู๊ดเลยครับ ผ่านมาได้ด้วยดี แต่อีตอนตีโค้งเลี้ยวเข้าห้องผมนี่สิครับ ปกติพื้นมันก็ลื่นอยู่แล้ว แถมตอนนี้เปียกอีก ผมเสียหลักลื่นโชคดีมากที่ไอ้วุธมันจับมือผมอยู่ มันดึงขึ้นมาทันที ทำให้ตัวผมกับมันแนบชิดกันแทบกลายเป็นคนเดียวกัน.....หน้าเราสองคนห่างกันไม่ถึงคืบ หยดน้ำใส ๆ เกาะที่จมูกโด่ง ๆ ของมัน ผมมัวแต่มองตามันเพลินไปหน่อย...หน้ามันเข้ามาใกล้ผมเรื่อย ๆ รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ปากมันประกบกับปากผมเรียบร้อยแล้ว เหมือนไฟฟ้าช็อต ตัวชา ขาอ่อนเลยครับ.....สติผมกลับมาเมื่อรู้สึกว่ามือเย็น ๆ ของมันลูบอยู่บริเวณหน้าท้องผม แล้วเสื้อกูไปไหนล่ะ ผมดันตัวมันออก โห...กระดุมหลุดไปจนเกือบหมดแผง....
“...อาบน้ำเหอะ เดี๋ยวไม่สบาย...” ผมพยายามทำเสียงให้เป็นปกติ ทั้ง ๆ ที่ใจยังสั่นไม่หาย
“...อาบพร้อมกันมั๊ย...” มันพูดขำ ๆ แล้วเดินเข้าห้องผม
“...เฮ้ย...ทำอะไรอ่ะ...” ผมโวยวาย ไอ้วุธมันถอดกางเกงลงเหลือแต่กางเกงในสีขาวบาง ๆ
“...โห...ทำเป็นไม่เคยเห็นไปได้...” มันรู้ว่าผมอายก็ยังจะแกล้งอีก กูไม่ใช่พระอิฐพระปูนนะโว้ย เดี๋ยวก็งาบซะนี่ ยั่วจังโว้ย
“...อุบาทว์ว่ะ เข้าไปถอดในห้องน้ำเลย” ผมหันหลัง เปิดตู้ เตรียมผ้าขนหนู เสื้อผ้าไว้ให้ไอ้วุธ ส่วนตัวเอง หอบเสื้อผ้าเก่า ๆ เข้าไปเปลี่ยนที่ห้องแม่ แล้วลงไปเช็ดน้ำที่หยดตามทางเดินให้เรียบร้อยก่อนน้องชายจะกลับ
.....อาหารเย็นมื้อนั้นนำบรรยากาศเก่า ๆ กลับมาในชีวิตผม ต่างกันก็แค่วันนี้ไม่มีพ่อแม่ และน้องชายผมร่วมโต๊ะด้วย เรานั่งกินข้าว และคุยกันถึงเรื่องที่ผมจะไปดูฝนดาวตก ยังไม่ทันจะชวน มันก็เสนอตัวขอไปด้วย....แกล้งเล่นตัวนิดนึง แต่ก็ตกลงยอมให้มันไปนั่นแหละ.....
“...กลับบ้านดี ๆ นะ...” ผมมพูดประโยคเดิม อย่างที่เมื่อก่อนเคยพูดทุกวันเวลาที่มันนั่งอยู่ในรถ และเปิดหน้าต่างมาคุยกับผม โอ้เอ้ ไม่อยากกลับบ้าน หลังจบประโยคนั้น วุธสบตาผมนิ่ง
“...เราคิดถึงคำ ๆ นี้มากเลยรู้มั๊ย...” วุธพูดเสียงจริงจัง
“...งั้นเปลี่ยนดีกว่า...Drive Carefully นะ...” ผมพูดแก้เขิน มันหัวเราะเบา ๆ ผมหันหลังกลับเข้าบ้าน
“...เอ้...” เสียงวุธเรียกดังมาจากข้างหลัง
“...ลืมอะไรอีกล่ะ...” ผมหันไอ้วุธก้าวยาว ๆ มาถึงตัวผมแล้ว
“...ลืมคืนให้...” วุธจับมือข้างซ้ายผม แล้วเอาแหวนรุ่นมาใส่ให้ที่นิ้วนาง มันยังคงเป็นวงเดิม ไซส์เดิม ใส่ได้พอดีเป๊ะ
“...ขอบคุณ...” ผมไม่รู้จะพูดอะไร ไม่มีเหตุผลใดที่จะปฏิเสธ ไม่รับแหวนวงนี้ และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่มันเขินผม เดินยิ้มขึ้นรถไปเลย
Treated me kind
Sweet destiny
Carried me through desperation
To the one that was waiting for me
It took so long
Still I believed
Somehow the one that I needed
Would find me eventually
I had a vision of love
And it was all that you've given to me
Prayed through the nights
Felt so alone
Suffered from alienation
Carried the weight on my own
Had to be strong
So I believed
And now I know I've succeded
In finding the place I conceived
I had a vision of love
And it was all that you've given to me
I had a vision of love
And it was all that you've given me
I've realized a dream
And I visualized
The love that came to be
Feel so alive
I'm so thankful that I've received
The answer that heaven
Has sent down to me
You treated me kind
Sweet destiny
And I'll be eternally grateful
Holding you so close to me
Prayed through the nights
So faithfully
Knowing the one that I needed
Would find me eventually
I had a vision of love
And it was all that you've given to me
I had a vision of love
And it was all that you
Turned out to be

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด