HEARTBREAKER
51
(50%)
หลังจากที่ผมพูดจบ ทุกคนก็พากันหันมามองผมด้วยความอึ้ง แหงล่ะ ผมเคยพูดจารุนแรงแบบนี้ที่ไหนกันล่ะ ก็ไม่แปลกที่พวกเขาจะตกใจ แต่คนที่จ้องผมนิ่งโดยไม่ละสายตาคือเขาสองคน ความเงียบเข้าครอบคลุมเมื่อไม่มีใครยอมพูด แม้แต่พี่พอลที่เป็นคนเฮฮาอยู่ตลอดยังเงียบ ผมเองก็นั่งกอดอกประสานสายตากับพวกเขาทั้งคู่จนกระทั่งพี่แซทละสายตาจากผม เขาเดินโงนเงนไปอีกทาง ผมลุกตามแต่พี่ควินเข้ามาขวางไว้
“มันไปเข้าห้องน้ำ ปล่อยมันไป”
“แต่พี่แซทเมานะครับ เดินเซขนาดนั้น ถ้าเกิดเรื่องอีกจะทำยังไง”
ผมว่าแล้วเบี่ยงตัวหลบ เดินตามพี่แซทไป พอถึงตัวก็ช่วยประคองให้เขาเดินดีดี เขาหันมามองก็ทำท่าจะผลักออก แต่ผมไม่ยอมปล่อย
“พี่เมาอยู่ ผมอยากช่วย“
เขาทำเสียงฮึมฮัมในลำคอ ยอมปล่อยให้ผมช่วยประคองเดิน มาถึงห้องน้ำเขาก็ผละไปทำธุระส่วนตัว ผมก็ยืนล้างมือรอเขาไปพลางๆ มีเสียงพูดคุยของวัยรุ่นดังขึ้นมาแต่ผมไม่ได้หันไปมอง จนกระทั่งเสียงปิดประตูห้องน้ำดังปึง ผมเลยหันไปมองว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่รู้ว่าเพราะความรีบร้อนหรือความหลงลืมกันแน่ถึงมีซองถุงยางฯหล่นอยู่ที่พื้น ได้ยินเสียงพูดคุยมาจากข้างในห้องน้ำ พอจับใจความได้ว่าถุงยางฯหายไป ผมได้แต่ยืนเกาหัวอย่างไม่รู้จะทำยังไง จะตะโกนบอกว่าของที่พวกเขากำลังพูดถึงมันตกอยู่ที่พื้นข้างนอก หรือจะเคาะประตูแล้วหยิบซองถุงยางฯส่งให้ดี แต่มาคิดดูอีกที มันไม่ใช่เรื่องของผมนี่นา ถ้าเสนอตัวไปช่วยเดี๋ยวอาจจะโดนด่าว่าเสือกได้ เพราะฉะนั้นผมควรอยู่เฉยๆของผมไปดีกว่า ผมหันกลับมามองกระจกพอดีกับเสียงเปิดประตูห้องน้ำ ทันได้เห็นผู้ชายหน้าหวาน ร่างผอมบางผิวขาวเหลืองเดินออกมาหาของที่ต้องการ เขาก้มลงหยิบซองถุงยางฯแล้วกลับเข้าไปในห้องน้ำที่มีผู้ชายร่างสูงใส่เสื้อแจ็คเก็ตยีนยืนหันหลังรออยู่ พอประตูห้องน้ำปิดผมก็รีบปลีกตัวออกห่างจากบริเวณนั้นทันที เพราะรู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้น
“ไหนบอกจะช่วย”
เสียงเข้มดังอยู่ใกล้ๆ ผมหันไปมองก็ปะทะกับแผงอกกว้างเต็มๆ เงยหน้าขึ้นก็เห็นใบหน้าหล่อเต็มไปด้วยหยดน้ำ นี่เขาล้างหน้าให้สร่างเมาใช่มั้ยเนี่ย
“ก็ยืนรออยู่นี่ไงครับ”
ผมตอบแล้วถอยออกมาแต่เขารวบตัวไว้แล้วดันจนหลังผมติดกำแพง ก้มหน้าลงมาใกล้จนปลายจมูกแตะกัน
“ไม่เจอกันอาทิตย์นึง ปากเก่งขึ้นเยอะ”
หายเมาแล้วใช่มั้ยถึงได้พูดจาหาเรื่องผมแบบนี้
“ปล่อยเถอะครับ”
ผมบอกแล้วผลักเขาออก แต่เขาก็กดไหล่ผมไว้ เคลื่อนใบหน้าไปที่ซอกคอ
“ถ้าจะทำรุ่มร่ามตรงนี้ ผมจะโกรธพี่จริงๆ”
ผมบอกเสียงแข็ง ปรามเขาไว้ก่อน
“ไม่ทำตรงนี้ก็ได้ แต่กลับไปทำที่บ้านได้ใช่มั้ย”
เสียงเรียบพูดแหย่ผม เชื่อแล้วว่าเขาสร่างเมาจริงๆ คนบ้า!
“โอ้ย!”
พี่แซทร้องเสียงหลงพร้อมกับชี้หน้าอย่างคาดโทษที่ผมเหยียบเท้าเขา
“สมน้ำหน้า!”
คิดว่าผมจะสนเหรอ หายหัวไปตั้งอาทิตย์นึง พอเจอหน้ากันก็คิดแต่เรื่องอย่างว่า ทุเรศที่สุดเลย! ผมเดินหนีเขามาด้วยใบหน้าบึ้งตึง พอพี่ควินเห็นผมเดินกลับมาแล้วเขาก็ขยับที่ให้นั่งข้างเขา ผมกระแทกตัวนั่งลงอย่างหงุดหงิด พี่ควินสอดแขนมาด้านหลังโอบเอวผมกระชับเข้าหาตัว ผมนั่งนิ่งรู้ว่าหน้าตัวเองกำลังบึ้งตึง หันไปมองอีกข้างก็เห็นพี่ร็อคยิ้มอ่อนโยนมาให้ ผมยิ้มตอบเขา กำลังจะถามไถ่ว่าเขาสบายดีมั้ยเพราะไม่ได้เจอกันนาน แต่พี่แซทก็เดินเข้ามาเตะขาพี่ร็อคบอกเป็นนัยๆให้ขยับออกไป พอพี่ร็อคขยับออกพี่แซทก็นั่งลงข้างผม
“พี่พอล ขอเป็ปซี่ให้ผมแก้วนึงได้มั้ยครับ”
ผมหันไปขอเครื่องดื่มจากพี่พอลที่นั่งอยู่ที่โซฟาอีกด้าน
“ได้สิครับ เดี๋ยวพี่พอลจัดให้”
“เป็นอะไร”
พี่ควินถามขึ้น แต่ผมเงียบไม่ยอมตอบ ได้ยินเสียงเขาถอนหายใจแล้วก็เงียบไป
“ได้แล้วครับ เป็ปซี่เย็นๆของน้องต้าร์”
พี่พอลยื่นแก้วส่งให้ ผมยิ้มขอบคุณเขา รับมาดื่ม มองบรรยากาศภายในผับที่กลับเข้าสู่ภาวะปกติ มีเสียงเพลงดังสร้างความคึกคัก และนักท่องเที่ยวออกมาเต้นบนฟลอร์ มองไปรอบๆสายตาผมก็มองเห็นคนคุ้นเคยกำลังยืนคุยโทรศัพท์อยู่หน้าเคาน์เตอร์บาร์ เสื้อแจ็คเก็ตยีนคุ้นตาที่หมอนั่นใส่เหมือนกับที่ผมเห็นผู้ชายคนนั้นใส่ตอนอยู่ในห้องน้ำ แต่คงไม่ใช่คนเดียวกันหรอกมั้ง แจ็คเก็ตยีนไม่ได้มีตัวเดียวในโลกสักหน่อย ผมส่ายหน้าปัดไล่ความคิดไร้สาระแล้วหันกลับมามองคนข้างตัวสลับกันไปมา พวกเขากำลังจ้องหน้าผมอยู่
“อยู่กับกู มึงยังกล้ามองผู้ชายคนอื่นเหรอ”
พี่แซทเริ่มหาเรื่องผมอีกครั้ง และครั้งนี้ผมจะไม่ทนแล้ว!
“ครับ ถ้าไม่กล้าผมจะมองทำไม”
“ต้าร์”
พี่แซทเค้นเสียงต่ำแล้วบีบต้นแขนผม ผมแสยะยิ้มที่ยั่วให้เขาโมโหได้ แต่เดี๋ยวเขาจะได้ดิ้นพล่านกว่านี้แน่!
“ผมจะเข้าห้องน้ำ”
ผมบอกแล้วจับมือพี่แซทออก ซึ่งเขาก็ยอมปล่อยโดยง่ายแต่สายตาดุยังจ้องหน้าผมอยู่
“พี่ควิน ผมจะเข้าห้องน้ำ”
ผมหันไปบอกอีกคน เขาพยักหน้าปล่อยแขนที่โอบรอบเอวผมออกแล้วลุกขึ้น เป็นการบอกว่าเขาจะไปกับผมด้วย
“ผมไปเองได้ครับ เมื่อกี้ก็เพิ่งไปมา ผมจำทางได้”
ผมบอกแล้วลุกขึ้นเดินผ่านหน้าเขา แต่ทางที่ผมเดินไปไม่ใช่ทางไปห้องน้ำ แต่เป็นทิศทางของเคาน์เตอร์บาร์ที่ผมมองเห็นคนคุ้นเคยเมื่อครู่นี้
“ธัญญ์”
ผมส่งเสียงเรียกทักทายน้องรหัส เจ้าตัวหันมาก็ทำตาโตใส่ผม
“พี่ต้าร์”
“อืม…พี่เอง ทำไมต้องตกใจด้วย”
“เอ่อ…เปล่าครับ เปล่า”
ธัญญ์ส่ายหน้ารัว ผมยิ้มแล้วนั่งลงข้างๆหันหน้าเข้าหาบาร์เทนเดอร์ที่กำลังปรุงเครื่องดื่มให้ลูกค้าอยู่
“ถ้าจำไม่ผิด แก้วนี้เขาเรียกว่าเตกีล่าใช่มั้ย”
ผมถาม มองแก้วที่ตั้งอยู่ตรงหน้าธัญญ์
“เอ่อ…ครับ”
เจ้าตัวตอบย่างไม่เต็มเสียงนัก
“ชอบดื่มแบบนี้เหรอ”
“เอ่อ…”
“ปกตินายไม่ใช่คนติดอ่างนี่ เห็นอยู่มอก็พูดจ้อไม่หยุด”
ผมเหน็บน้องไปทีนึงกับอาการเอ๋อๆที่แสดงออก
“แต่งตัวแบบนี้แล้วหล่อขึ้นกว่าเดิมอีกนะ”
ผมชม ยิ้มแล้วไล่สายตามองธัญญ์ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า แต่งตัวดูดีมีรสนิยมแถมแบรนด์เนมทั้งตัว น้องรหัสผมนี่ไม่ธรรมดาแฮะ
“พี่ต้าร์มาเที่ยวกับเพื่อนเหรอครับ”
ธัญญ์ถามเปลี่ยนเรื่อง ผมแสยะยิ้มแล้วหันหน้าไปมองอีกฝั่ง
“พี่มาตามเพื่อนน่ะ เขาเมาแล้วไปมีเรื่อง”
ผมตอบแล้วยิ้มไปให้คนอีกฝั่ง พวกเขามองผมเขม็งเลย สงสัยกำลังโกรธแต่พยายามข่มอารมณ์อยู่ ผมเห็นพี่พอลล็อกตัวพี่แซทไว้ ส่วนพี่ควินก็ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มรวดเดียวหมด ได้ผลแฮะ!
“ธัญญ์ ช่วยอะไรพี่อย่างสิ”
ผมพูดขึ้นแต่ตามองที่พวกเขา
“อะไรเหรอครับ”
“ไปห้องน้ำเป็นเพื่อนพี่หน่อย”
ผมหันมายิ้มให้ธัญญ์แล้วลุกขึ้นเดินนำไปก่อน ธัญญ์เดินตามมา ผมเริ่มนับเลขในใจ รอว่าเมื่อไหร่พวกเขาจะตามมาอาละวาด
“ต้าร์!”
ยังนับไม่ถึง5เลย…
“ไอ้พอลปล่อยกู! กูจะเอาเลือดหัวมันออก!”
พี่แซทพยายามดิ้นให้หลุดจากการล็อคของพี่พอล เขามองธัญญ์ด้วยสายตาแข็งกร้าวทำท่าจะพุ่งเข้าใส่ เอาเลือดหัวน้องรหัสผมออกอย่างที่พูดจริงๆ ผมไม่สนใจ หันไปมองพี่ควิน เขายืนนิ่งมองผมอย่างคาดเดาความคิดไม่ออก
“สวัสดีครับพี่ควิน”
จู่ๆธัญญ์ก็ยกมือไว้พี่ควิน ดูเหมือนว่าสองคนนี้จะรู้จักกันมาก่อนนะ
“กลับบ้าน”
พี่ควินสั่งผม ไม่ได้หันไปมองธัญญ์เลยสักนิด เสียมารยาทจริงๆ
“ผมจะเข้าห้องน้ำ”
ผมบอกเสียงเรียบอย่างไม่สนใจคำสั่ง
“มึงทำอะไร! มึงกำลังทำบ้าอะไร!”
พี่แซทตะคอกใส่ ผมมองหน้าเขานิ่ง
“ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องเหรอครับ ผมบอกว่าจะเข้าห้องน้ำ”
“มึง!”
พี่พอลพยายามรั้งตัวพี่แซทไว้สุดกำลัง ผมยิ้มแล้วหันหลังให้พวกเขา แต่ถูกดึงมือไว้ หันกลับไปก็เห็นว่าเป็นพี่ควิน
“กลับบ้าน”
“ผมจะเข้าห้องน้ำ”
ผมบอกย้ำคำเดิม เรามองสบตากันครู่นึงเขาก็ยอมปล่อยมือ
“ควิน มึงลากมันกลับบ้านเดี๋ยวนี้!”
พี่แซทสั่งเพื่อน เขากำลังคลั่ง ผมรู้
“ขอโทษนะธัญญ์ ลืมแนะนำให้รู้จัก นี่เพื่อนพี่เอง”
ผมหันไปยิ้มบอกธัญญ์ ในขณะที่น้องมันยิ้มแห้งๆอย่างรับรู้ถึงสถานการณ์มาคุ
“ว่าไงนะ มึงพูดใหม่สิ!”
“เมาแล้วอย่าพาลใส่คนอื่นสิครับ” ผมบอกพี่แซทแล้วหันไปมองธัญญ์อีกครั้ง
“นี่ธัญญ์ น้องรหัสผมเองครับ”
“กูไม่ได้อยากรู้จักมัน!”
พี่แซทตวาดลั่น พี่พอลส่งสายตาขอร้องให้ผมหยุด เขาคงเหนื่อยจะล็อคตัวพี่แซทไว้แล้ว
“ครับ ไม่อยากรู้จักก็ไม่อยากรู้จัก” ผมยักไหล่
“ขอโทษแทนเพื่อนพี่ด้วยนะธัญญ์ เขาเมาน่ะ กลับไปนั่งดื่มต่อเถอะ”
ผมยิ้มบอกแล้วดุนหลังให้ธัญญ์เดินกลับไปที่เคาน์เตอร์บาร์ น้องมันก็เออออตาม เดินกลับไป พอเหลือกันอยู่สามคน พี่พอลก็ปล่อยพี่แซท พอถูกปล่อยเท่านั้นแหละเขาก็พุ่งเข้าหาผมทันที ผมยืนนิ่งปล่อยให้เขาบีบต้นแขนทั้งสองข้างเขย่าจนหัวสั่นคลอน นัยน์ตาคมสั่นไหวมองผมราวกับอยากจะบีบให้แหลกคามือ
“ทำไมครับ แค่นี้ก็ทนไม่ได้เหรอ ผมแค่อยากทำตามใจตัวเองบ้าง ไม่ได้หรือไง”
“แซท ปล่อย”
พี่ควินสั่งเพื่อน แต่พี่แซทไม่ฟังซ้ำยังเพิ่มแรงบีบมากขึ้น
“มึงเห็นกูเป็นตัวอะไร! นึกอยากเล่นสนุกยังไงก็ได้ตามใจมึงเหรอ!”
“แล้วที่พวกพี่เล่นสนุกกับชีวิตผมล่ะ พวกพี่เห็นผมเป็นตัวอะไร”
ผมมองพี่แซท มองพี่ควิน แสยะยิ้มให้กับความเงียบ
“ช่างมันเถอะครับ คิดซะว่าผมไม่เคยพูดล่ะกัน กลับบ้านเถอะ”
ผมบอกเสียงอ่อน พี่แซทปล่อยมือแล้วถอยห่าง
“มึงกำลังจะบอกว่าพวกกูทำลายชีวิตมึงใช่มั้ย”
“ผมพูดแบบนั้นเหรอ” ผมจ้องตาพี่แซท แล้วเขาก็เบือนหน้าหนี
“พอล กูเหนื่อยแล้ว กลับเหอะ”
น้ำเสียงอ่อนล้าเอ่ยบอกเพื่อนแล้วเขาก็หันหลังเดินกลับไป พี่พอลหันมามองผมแวบนึงก็รีบเดินตามพี่แซทไป ทิ้งให้ผมยืนอยู่กับพี่ควินที่ยังนิ่งเงียบอยู่
“หัดเป็นคนใจร้ายตั้งแต่เมื่อไหร่”
จู่ๆคนที่ยืนเงียบก็พูดขึ้น ผมมองพี่ควินอย่างไม่เข้าใจความหมายที่เขาพูด
“กลับมาเป็นคนเดิมเถอะ เป็นต้าร์คนเดิมได้มั้ย”
อ้อมกอดอบอุ่นโอบรัดตัวผมแน่น ลมหายใจร้อนผ่าวเป่ารดที่ซอกคอ ผมหลับตาแน่นรู้สึกเหมือนหัวใจกำลังถูกบีบรัดจนแทบหายใจไม่ออก
กลับไปเป็นต้าร์คนเดิมเหรอ…คนที่อ่อนแอ ไม่ทันคน มองโลกในแง่ดี ฮึ! จะให้ผมกลับไปเป็นเด็กไม่รู้จักโตคนนั้นน่ะเหรอ ผมทำไม่ได้หรอก!
-------------------------------------------------------
ไว้อาลัยให้กับความดาร์กของต้าร์
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์และการติดตามนะคะ
ไว้เจอกันอีกครึ่งที่เหลือ (ตามสไตล์)