ฝันครั้งสุดท้าย
นอกจากวันที่ท้องฟ้ายามเย็นถูกฉาบไปด้วยสีส้มแล้ว วันที่หลงรู้สึกเจ็บปวดไม่ต่างกันคือวันปัจฉิมนิเทศในวันจบการศึกษา ทั้งที่เคยพูดคุยหยอกล้อ ในวันนั้นกลับเฉยเมยห่างเหิน และความสัมพันธ์ของพวกเขาก็จบลงที่ตรงนั้น
ก่อนมันจะกลับมาเริ่มต้นใหม่ในวันนี้
"ยินดีด้วยนะ"
คำกล่าวแสดงความยินดีดังขึ้นไม่ขาดสายท่ามกลางบรรยากาศชื่นมื่น เมื่อบ่าวสาวเดินลงจากเวทีเพื่อพบปะแขกที่มาร่วมงานมงคลสมรสในวันนี้ คู่รักมาราธอนที่ในที่สุดก็แต่งงานกันเสียที
"กูนึกว่าพวกมึงจะอยู่กินโดยไม่แต่งแล้วนะ" เล็กว่าแกมหยอก มองเพื่อนผิวเข้มที่วันนี้หล่อเป็นพิเศษในชุดเจ้าบ่าว กับเจ้าสาวที่วันนี้สวยขึ้นจนผิดหูผิดตา
"มันต้องพร้อมก่อนเว้ยเรื่องแบบนี้ อีกอย่างพ่อแม่กูอยากอุ้มหลานแล้ว"
"หรือว่าแก้วท้อง"
"ยังเลยพี่ขวัญ เนี่ย เข้าหอแล้วจะรีบปั้มเลย"
"เอามาดองกับเนวี่ดิ" เต้ยบุ้ยปากไปทางเล็ก พูดถึงลูกชายวัยขวบเศษ หลานชายคนแรกของกลุ่ม
"อย่าเลยว่ะ กูเกรงใจ" โหน่งปฏิเสธขึ้นมาทันทีทำเอาทั้งกลุ่มหัวเราะครื้น
เล็กยังคงบ่นไปตามประสา แย่งกันพูดกับขวัญเสียงดังจนดูคล้ายกับทะเลาะกันมากกว่า ผิดกับเจ้าของฉายาหลงหลับ คนที่โหน่งได้ยินเพียงคำอวยพรไม่กี่ประโยคแล้วนั่งมองความเป็นไปอยู่เงียบๆ คนที่ดูมีออร่าสุขสมหวังกับความรักไม่ต่างจากเขา
"กูไปโต๊ะอื่นก่อนนะ ตามสบายนะพวกมึง อยากได้อะไรเพิ่มก็บอก"
"ได้ครับเพื่อน มึงไปดูแลโต๊ะอื่นเถอะ พวกกูอยู่ได้" เล็กบอกอย่างแข็งขัน ชูแก้วเหล้าในมือโชว์ให้โหน่งดูว่าพวกเขาอยู่ได้สบายมากถ้ามีเจ้าสิ่งนี้ ส่วนเจ้าของงานนั้นขอแค่พวกมันไม่เมาเละเทะกันก็พอ
โหน่งมองเพื่อนๆ ทุกคนที่มาร่วมยินดีแล้วยกยิ้มบางๆ ก่อนเขาจะหยุดสายตาอยู่ที่หลง อดีตเพื่อนตัวอ้วนที่ตอนนี้เปลี่ยนแปลงไปเหมือนเป็นคนละคน แต่ที่ไม่เปลี่ยนเห็นทีจะเป็นความรู้สึกที่มีให้คนที่นั่งอยู่ข้างกัน เพื่อนที่ชื่อเพื่อน เจ้าของรอยยิ้มสดใสที่มอบมาให้ก่อนเขาจะเดินผละออกมา
งานสังสรรค์ดำเนินไปด้วยความยินดีปรีดาจนดึกดื่น หลงปลีกตัวออกมาเมื่อเพื่อนๆ ที่โต๊ะเริ่มยัดเยียดแอลกอฮอล์ให้ แวะเข้าห้องน้ำแล้วออกมายินที่ริมระเบียงหน้าห้องจัดเลี้ยง มองดอกไม้ที่ประดับหน้างาน ผู้คนที่ใส่ชุดสวยๆ ของชำรวย และรูปพรีเวดดิ้งของบ่าวสาว เขามองแล้วยิ้มให้กับสิ่งต่างๆ เหล่านั้น งานมงคลที่คงไม่มีทางเกิดขึ้นกับตัวเขา
ยืนอยู่คนเดียวได้ไม่นานนักที่ว่างข้างๆ ก็มีคนมาจับจอง หลงหันไปมองแล้วเลิกคิ้วอย่างนึกแปลกใจ ไม่คิดว่าเจ้าบ่าวจะมีเวลาว่างมาเตร็ดเตร่แบบเขาด้วย
"มายืนเหงาอะไรตรงนี้" โหน่งถาม เขาเห็นหลงยืนทอดอารมณ์อยู่ตรงนี้ได้สักพักแล้ว
"ก็นิดหน่อย"
"หืม...ยังเหงาอีกเหรอ"
หลงมองกลับอย่างรู้ความหมาย โหน่งรู้เรื่องของเขาดี และเป็นคนเดียวที่รู้ แม้เขายังไม่เคยเอ่ยถึงความสัมพันธ์ครั้งใหม่นี้ แต่คิดว่าโหน่งคงดูออก
"ก็พูดไปงั้น"
"คบกันแล้วเหรอ"
"อืม"
"โคตรทรหดเลยว่ะ"
"เหมือนมึงนั่นแหละ"
"เหมือนตรงไหนวะ กูคบเป็นเรื่องเป็นราวนะ แต่มึงสองคนได้แค่แอบชอบ หวิดจะแตกหักกันอีก แล้วนี่ไม่คิดจะเล่าให้ฟังหน่อยเหรอวะว่าเป็นไงมาไง ใครอะไรใครก่อน"
"กูรู้ว่ามึงดูออก ไม่ต้องมาหลอกถาม"
"กูไม่ใช่พ่อหมอนะจะได้รู้ไปหมดทุกเรื่อง รู้แค่ว่าระหว่างมึงสองคนมีบางอย่างเปลี่ยนไป แต่เอาจริงๆ ถ้ากูไม่เคยรู้เรื่องพวกมึงมาก่อนก็คงดูไม่ออกเหมือนกัน" เพราะเป็นคนที่หลงคอยมาระบายเรื่องต่างๆ ให้ฟังโหน่งจึงเข้าใจ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันเขายังคอยสังเกตและพร้อมรับฟังเสมอ
"มึงว่าคนอื่นจะดูออกมั้ย"
"ไอ้พวกนั้นน่ะนะ"
"อืม"
"ที่มึงไม่ยอมเปิดเผยเพราะห่วงเรื่องนี้เหรอ"
ก่อนจบ ม. 6 หลงกับโหน่งทะเลาะกันจนเกือบมีเรื่องชกต่อยเพราะความลับเรื่องนี้ ไม่บ่อยที่โหน่งเคยเห็นหลงโกรธ แน่นอนว่าเพื่อนตัวอ้วนผู้รักความสงบไม่เคยลงไม้ลงมือกับใครมาก่อนเช่นกัน แต่เพราะความเข้าใจผิด ความกลัว และความรู้สึกที่สับสนทำให้คนเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ โหน่งเข้าใจและไม่เคยคดถือสาเมื่อได้รับคำขอโทษ นั่นจึงทำให้มิตรภาพของพวกเขายืนยาวมาจนถึงทุกวันนี้
โทรศัพท์ที่ถืออยู่ในมือสั่นเป็นจังหวะจึงได้พลิกมันขึ้นมาดูโดยที่ยังไม่ได้ตอบคำถาม โหน่งเผลอมองตาม ไม่ได้ตั้งใจจะแอบดู แต่พอรู้ว่าใครแชตมาตามเขาก็เลือกที่จะลืมคำถามก่อนหน้านี้ไป
"แฟนตาม" เจ้าบ่าวยิ้มล้อ
"กูเข้าข้างในก่อนนะ จะไปด้วยมั้ย"
"ไปเถอะ เดี๋ยวกูต้องไปรอส่งแขก"
หลงยกยิ้ม ตบบ่าเพื่อนสองทีก่อนเดินกลับเข้าไปในห้องจัดเลี้ยง
แม้จะผ่านมานานแค่ไหนโหน่งก็คือโหน่ง เพื่อนที่เคยนั่งโต๊ะข้างกัน และผู้รับฟังที่ทำให้หลงสบายใจอีกคนหนึ่งเมื่อเขาได้พูด
หลังจบงานทุกคนต่างก็แยกย้าย เมามายบ้างแต่ไม่ถึงกับไม่มีสติขับรถกลับ บ่าวสาวออกมาส่งหน้างาน พวกเขาอวยพรและกอดลากันก่อนจากลา
หลงมาส่งเพื่อนถึงบ้านตอนใกล้ห้าทุ่ม ถูกชักชวนให้เข้าไปข้างในซึ่งหลงไม่ปฏิเสธเหมือนทุกที แม้คุณแม่จะยังอยู่รอรับลูกชายกลับจากงานแต่งเพื่อนก็ตาม
"สวัสดีครับแม่"
"สวัสดีจ้ะ"
เป็นครั้งแรกที่หลงสามารถเรียกหญิงสาวตรงหน้าว่าแม่ได้อย่างเต็มปาก เธอยิ้มกว้างตอบรับ ไม่คิดผลักไสหรือคัดค้านกับสถานะของพวกเขา รับรู้และยอมรับมันได้มานานแล้ว
"เป็นไงบ้าง สนุกมั้ย ถ่ายรูปมาให้แม่ดูหรือเปล่า"
"รูปเพียบเลยแม่ งานสวย แต่รอโหน่งมันอัพลงก่อนเดี๋ยวเอาให้ดู"
"แล้วหลงจะค้างที่นี่มั้ยลูก" เธอหันมาถามหลงหลักจากได้คำตอบจากลูกชาย ลุกจากโซฟาเตรียมตัวขึ้นห้องนอน
หลงยิ้มรับบางๆ ยังไม่ตอบในทันที เขาเหล่มองเพื่อนที่เอาแต่ยืนยิ้มทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ความจริงคำถามของแม่ไม่ได้ต่างจากการเชื้อเชิญ พักหลังนี้เขาก็มาค้างที่นี่ออกจะบ่อย ถ้าอยู่ค้างอีกสักคืนจะเป็นไรไป เสื้อผ้าก็มีเก็บไว้ที่นี่อยู่แล้ว
"ค้างครับ"
"งั้นก็ไปเอารถเข้ามาจอดในบ้านไป อาบน้ำอาบท่านอน เดี๋ยวพรุ่งนี้แม่ทำข้าวเช้าให้กิน"
"ครับ"
"งั้นแม่ไปนอนก่อนนะ"
"ฝันดีครับแม่"
"ฝันดีจ้ะ" เธอขานรับลูกชายก่อนปลีกตัวเดินขึ้นชั้นบน
หลงออกไปเอารถเข้ามาจอดในบ้านตามที่แม่บอก ตั้งแต่เขามาหาเพื่อนบ่อยๆ ที่จอดรถข้างๆ รถแม่ก็กลายเป็นของเขาไปแล้ว เนื่องจากลูกชายคนเดียวของบ้านขับรถไม่เป็นและไม่คิดจะซื้อรถมาใช้ แต่นั่นใช่ปัญหาใหญ่ เพราะตอนนี้ลูกชายบ้านนี้มีคนขับรถรับส่งเป็นของตัวเองแล้ว
หลงกลับเข้ามาในบ้านอีกครั้งพร้อมถุงกระดาษที่เพื่อนไม่ทันได้สังเกตว่ามันถูกวางไว้ในรถตั้งแต่เมื่อไร เขานั่งบนโซฟา วางถุงกระดาษไว้บนโต๊ะด้านหน้า คนที่กำลังเล่นโทรศัพท์ตอบแชทเพื่อนๆ จึงวางมันลงแล้วหันมาสนใจสิ่งที่คนตัวโตกำลังทำแทน
"ซื้ออะไรมา"
"ของขวัญ" หลงตอบพลางหยิบกล่องสีดำที่มีโบว์สีแดงผูกไว้กล่องแรกออกมาจากถุง
"ของขวัญอะไร"
"วันเกิด"
"วันเกิดอะไรยังไม่ถึงเลย ของหลงก็ยังไม่ถึง" เพื่อนถามเสียงหลงอย่างแปลกใจ มันจะเป็นของขวัญไปได้ยังไง ในเมื่อวันเกิดเขาตั้งแต่งานคืนเหย้าก็เลยมาหลายเดือนแล้ว หรือว่าเพิ่งจะนึกขึ้นมาได้จะให้ของขวัญย้อนหลัง
"เกิดอยากจะให้"
"ตลกแล้ว"
หลงยิ้มแล้วไม่พูดอะไรต่อ เขาหยิบกล่องสีดำผูกโบว์สีแดงอีกกล่องออกมาวางคู่กัน เมื่อเปิดกล่องเพื่อนจึงเห็นว่ามันคือนาฬิกา เรือนหนึ่งสายสีดำ ส่วนอีกเรือนสายสีน้ำตาล
"คิดว่านาฬิกาคงเหมาะกว่าแหวนหรือสร้อยคอน่ะ" หลงหยิบเรือนสายสีน้ำตาลขึ้นมาก่อนแบมือไปตรงหน้าเพื่อน
เจ้าของดวงตาสุกใสยิ้มกว้างจนเห็นแก้มบุ๋มข้างขวา วางมือข้างซ้ายบนฝ่ามือใหญ่ มองหลงใส่นาฬิกาข้อมือเรือนนั้นให้อย่างนึกเอ็นดู
เพื่อนรู้ว่าทำไมถึงต้องเป็นสิ่งนี้ มันคือของธรรมดา เป็นเครื่องประดับที่ทุกคนสวมใสในชีวิตประจำวัน ไม่โจ่งแจ้งและเป็นธรรมชาติ เขาคิดว่ามันเหมาะกับหลงที่สุด
"เสร็จแล้ว"
เพื่อนยกมือขึ้นหมุนซ้ายขวา มองนาฬิกาเรือนสวยบนข้อมือแล้วยิ้มชอบใจ
"ของหลงสีดำเหรอ"
"ใช่ หรืออยากได้สีดำ"
"ไม่อ่ะ สีน้ำตาลแหละเหมาะแล้ว มาๆ เดี๋ยวใส่ให้"
เพื่อนหยิบนาฬิกาสายสีดำในกล่องขึ้นมาใส่ให้หลงบ้าง ใส่เสร็จก็จับแขนให้มาวางคู่กันแล้วถ่ายรูปเก็บเอาไว้
ของขวัญชิ้นแรกหลังจากเลื่อนสถานะจากเพื่อนมาเป็นคนรัก
"ขอบคุณนะ"
ขอบคุณที่ได้รู้จัก
ขอบคุณทุกอย่างที่มอบให้กัน
ชอบคุณที่อดทนรอคอย
ขอบคุณที่กล้าเปลี่ยนแปลง
และขอบคุณที่รักกัน
END
จบแล้ววววววววววว ลากมาเกือบครึ่งปีเลยทีเดียว
เราเขียนเรื่องนี้เพราะอยากเล่าถึงความธรรมดาในชีวิต
ตื่นนอน ไปเรียน ไปทำงาน กลับบ้าน เที่ยวเล่นบ้าง
บวกกับความทรงจำสมัยมัธยมที่เราชอบเวลาช่วงนั้นเป็นพิเศษ
เลยทำให้เรื่องนี้มีการสลับพาร์ทปัจจุบันกับอดีตไปมา
เป็นนิยายเรื่อยๆ ที่ไม่หวือหวา ของผู้ชายธรรมดาที่ชื่อหลงกับเพื่อนค่ะ ^^
ส่วนรูปเล่มจะออกช่วงปลายปีนะคะ
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามมาจนถึงตอนสุดท้ายนะคะ
แล้วเจอกันใหม่เรื่องหน้าค่า