SIDE STORY :: พี่รหัส #6
เมเจอร์ talk
ผมเป็นลูกคนเดียว แม่หนีตามใครก็ไม่รู้ไปตอนเจ็ดขวบ หลังจากนั้นสองปีพ่อก็บอกว่าจะออกไปตามหาแม่แล้วก็หายไปอีกคน ผมจึงต้องอยู่กับยายแค่สองคน อาศัยเงินที่ป้าส่งมา เป็นโชคดีที่ผมไม่ต้องอยู่อย่างอดๆอยากๆและโชคดีที่ชีวิตผมยังมียาย ผมอยู่ในห้องเช่าเล็กๆกับยาย ตื่นเช้ามาส่งหนังสือพิมพ์แล้วค่อยไปเรียน ยายเองก็ทำขนมไปขายที่ตลาดตอนเย็น ผมไปช่วยยายทุกวันคนคงมองว่าผมเป็นเด็กขยันช่วยทำมาหาเงิน แต่ผมก็พลาด
ตอนม.ต้นมีเพื่อนคนนึงมันจ้างผมทำการบ้าน ผมตกลงทำให้มันเพราะเดือนนั้นเราไม่มีเงินจ่ายค่าไฟ หลังจากนั้นมันก็ใช้เงินฟาดหัวผมมาเรื่อยๆจนคนอื่นเริ่มเอาอย่าง‘ทำอะไรไม่ได้ก็ไปใช้ไอ้เจอร์สิ แค่ให้เงินมันแค่นี้มันก็ยอมเป็นขี้ข้าพวกเราแล้ว’ นั่นคือคำพูดติดปากของทุกคน
ผมทนไม่ได้เลยชกหน้าไอ้คนที่เข้ามาสั่งงานผมจนฟันร่วง
มันได้ผล ไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่งกับผมอีกเลย ใช่...สุดท้ายผมไม่มีเพื่อนเหลือเลยสักคน
ผมกลายเป็นพวกเกเรในสายตาทุกคนแต่ผมไม่ยอมแสดงความอ่อนแอให้พวกนั้นย้อนกลับมาเหยียบหัวผมซ้ำหรอก ผมไม่ยอมไอ้พวกที่ลามปามถึงยายของผมเช่นกัน ตอนม.ปลายข่าวลือไม่มีมูลของผมแพร่กระจายไปทั่ว มีเด็กต่างโรงเรียนมาหาเรื่องถึงถิ่น มีบางคนลามปามไปถึงร้านขนมของยายด้วย
ผมต้องเข้มแข็งเพื่อปกป้องยาย...ความเข้มแข็งที่คนอื่นมองว่าก้าวร้าว
ผมก็แค่สู้เพื่อป้องกันตัว ผมก็แค่หยาบกระด้างเพื่อไม่ให้ใครเห็นความอ่อนแอ
ผมสู้มาเรื่อยๆด้วยความรู้สึกผิดที่มีต่อยาย ยายเป็นคนเดียวที่อยู่กับผม ผมไม่อยากทำให้ยายผิดหวังแต่ผมก็ไม่รู้วิธีที่จะทำให้ชีวิตตัวเองดีกว่านี้
ผมไม่สามารถลบเลือนตัวตนของตัวเองที่คนทั้งโรงเรียนมองได้แล้ว แต่ถ้าเข้ามหาลัยดีๆได้ผมก็จะเจอสังคมดีๆ ยายเองก็คงภูมิใจ การตั้งอกตั้งใจอ่านหนังสือสอบทั้งๆที่อยากเล่นเกมส์แทบขาดใจคงเป็นความกตัญญูเดียวที่ผมมีโอกาสแสดงให้ยายเห็น
ผมสอบติดวิศวะของมหาลัยขึ้นชื่อก็จริง...
แต่ยายเสียไปตั้งแต่สามสัปดาห์ก่อนผลสอบจะออกแล้ว
คนอย่างผมมัน...น่าสมเพช
หลังจากนั้นผมก็กลายเป็นคนไม่มีหลักยึด เข้ามหาลัยได้แทนที่จะทำตัวดีๆผมกลับเหี้ยกว่าเดิม ผมคิดว่าชีวิตผมต้องพังแน่ๆ จนกระทั่งผู้ชายคนหนึ่งเข้ามายุ่มย่ามในชีวิตของผมซ้ำแล้วซ้ำเล่า
แทนที่จะรำคานแต่ผมกลับเอาแต่คิดถึงผู้ชายคนนั้นจนเหมือนคนป่วย ใช่ผมป่วย ป่วยเป็นโรคประหลาด
ตาผมชอบเหลือบมองไม่ตรงทาง คอผมชอบชะเง้อหาบางอย่าง ใจผมชอบลอยละล่องจนพวกดิวทักหลายหน”ใจลอยหาใครวะมึง”พูดไม่ทันขาดคำไอ้ดิวก็ทักขึ้นมาจริงๆ ตอนนี้พวกเรากำลังปั่นรีพอร์ตแลปอยู่ใต้ตึกคณะ รอบๆตัวตัวมีทั้งเพื่อนทั้งรุ่นพี่เดินกันขวักไขว่
“เปล่านี่”ผมแสร้งทำเป็นปฏิเสธทั้งๆที่ในใจมีคำตอบแน่ชัดอยู่แล้ว
ผมกำลังมองหาพี่รหัส ไอ้พี่ประเสริฐที่หายเข้ากลีบเมฆไปเลยหลังจากวันที่ครอสมาหาผมที่คณะ
เดาว่าพอผมสบายดีพี่เขาจึงไม่เข้ามายุ่ง ผมเองก็ได้ชีวิตสงบสุขคืนมา ตามปกติผมควรดีใจแต่นี่มันตรงกันข้าม ผมรู้สึกหวิวๆโหวงๆเหมือนทำชิ้นส่วนบางอย่างในใจหล่นหาย
“เดี๋ยวกูไปหาเมทแลปแป๊ปนะ งงผลตรงนี้ว่ะ”ไอ้ดิวพูดพลางหอบข้าวหอบของไปหาเพื่อนแลปกลุ่มเดียวกันซึ่งนั่งหัวหมุนกับรายงานผลการทดลองอยู่ไม่ไกล ผมพยักหน้าหงึกหงักกับตัวเอง ช่วงนี้ใกล้สอบปลายภาคแล้วแต่งานดันเยอะขึ้นเรื่อยๆไหนจะเรื่องพี่รหัสที่คอยรบกวนจิตใจอีก
“วิศวะสอบเสร็จวันไหนคร้าบบบบบ”ขณะนั่งเหม่อเพลินๆหูของผมก็ได้ยินเสียงของเพลินเข้า ร่างโปร่งเจ้าของใบหน้าชวนมองซับสีแดงเรื่อหน่อยๆยามกรอกเสียงใส่โทรโข่งแล้วต้องตกเป็นเป้าสายตาของชาววิศวะ แม้เขาจะมาพร้อมกับเพื่อนอีกร่วมสิบคนแต่เพลินก็ยังเก้อๆเขินๆ
“วันที่ 14 คร้าบบบบบ”ไอ้ชาววิศวะใต้ตึกคณะก็พร้อมใจกันตอบกลับด้วยเจตนาแซว
เพลินยิ้มแป้นก่อนถามซ้ำว่า”อ่านหนังสือกันเหนื่อยมั้ยคร้าบบบ”
โถ พ่อคุณ อ่อยทีเดียวได้เป็นหมู่คณะเลยครับ งานนี้ไอ้ครอสก็มานะแต่ไม่ได้ยืนรวมกลุ่มอยู่กับพวกเพลินหรอก มันนั่งหลบมุมอยู่อีกฝั่งนึงแต่จ้องแฟนตัวเองไม่วางตา
“เหนื๊อยเหนื่อยยยยย”ชาววิศวะพร้อมใจกันตอบอีกครั้ง คราวนี้เพื่อนของเพลินพร้อมใจกันยกป้ายโฆษณางานคอนเสิร์ตของคณะเภสัช หมอ ทันตะ ที่จะจัดหลังสอบขึ้นมาเรียกเสียงหัวเราะครืนอย่างรู้กันว่ากำลังจะโดนหลอกขายของ
“งั้นถ้าสอบเสร็จแล้วเรามาปล่อยผีกันเน๊อะ คืนวันที่14 คณะของพวกเราจะจัดงานคอนเสิร์ตกัน ใครสนใจเข้าร่วมงานสามารถซื้อตั๋วได้ที่พวกเราตอนนี้เลย ใบละ 400บาท หรือใครสนใจอยากขึ้นแสดงก็สามารถส่งใบสมัครได้ครับ!”
เนื่องจากงานนี้มีการจ้างนักร้องวงร็อคชื่อดังมาเล่นด้วยค่าบัตรเลยแพงหูฉี่ ตัวผมที่หมดตัวเพราะค่าเหล้าไปแล้วเลยได้แต่มองตาละห้อย
“เห้ย! ไอ้เจอร์นั่งบื้ออยู่นั่น ไปซื้อดิวะ!”ไอ้ดิววิ่งกลับมาชวน
“กูไม่มีตังค์”
“เอาจริงดิมึง งานนี้รุ่นพี่กูบอกมาว่าปีที่แล้วมันส์มากมึงไม่ไปจริงดิ!?”
“เออ กูถังแตกจริงจังมึงไปกับพวกที่เหลือเหอะ”อย่างที่รู้กันว่าผมไม่มีพ่อแม่ส่งเสียเลี้ยงดู ค่าใช้จ่ายทั้งหมดผมได้จากเงินเก็บที่ได้จากค่าทำงานพิเศษตอนมัธยมกับเงินที่ป้าส่งมาให้เดือนละสามพัน อ่อ แล้วก็ทุนยากจนของคณะด้วย
ผมตัดใจจากงานปล่อยผีตรงหน้าอย่างช่วยไม่ได้ ภาระรีพอร์ตแลปของผมยังอยู่ ไหนจะสอบปลายภาคที่ลนก้นนี่อีก
ไอ้ห่า ก่อนหน้านี้ไม่น่าติสต์แตกแดกแม่งแต่เหล้า เงินเดือนนี้แทบไม่พอใช้
คิดไปคิดมาก็อดนึกถึงคุณพี่รหัสสุดประเสริฐคนนั้นไม่ได้ คนที่เที่ยวตามผมในร้านเหล้าให้มาอ่านหนังสือ
ขณะที่คนรอบข้างจอกแจกจอแจมุงเด็กเภสัชอยู่นั้นหางตาของผมก็เหลือบไปเห็นร่างสูงเจ้าของใบหน้าคมคายเข้า ไอ้พี่นารายณ์เดินหล่อๆเข้ามาใต้ตึกคณะ พี่มันชะงักมองกลุ่มขายตั๋วคอนเสิร์ตอย่างสงสัย หันไปถามพี่เคนว่าคืออะไรก่อนสายตาของพี่มันจะเบนมายังจุดที่ผมนั่งอยู่ ด้วยความบังเอิญหรืออะไรก็ตามแต่ แต่ผมรีบหลบแทบไม่ทัน
กูจะหลบเพื่อ!?
เหี้ย เสียฟอร์มฉิบหาย งี้พี่มันก็คิดว่าผมเขินเดะ
ไม่ได้ๆ กูต้องสู้!!
ชะอ้าว หายไปไหนแล้ววะ
ชะเง้อ~
พี่มันกลืนเข้าไปกับฝูงชนแล้วครับ ผมส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจตัวเอง ช่วงนี้มึงเป็นไรมากป่ะเจอร์ ขณะเริ่มลงมือทำแลปอีกครั้งนั่นเองมือถือในกระเป๋ากางเกงก็สั่นครืดๆ ผมรีบหยิบขึ้นมาดูตามประสาคนสมาธิสั้น ก่อนจะพบกับข้อความแชท
พี่หล่อ : *รูปตั๋วคอนเสิร์ตสองใบ*
พี่หล่อ : ไปดูกัน
ผมนิ่งไปพักใหญ่เพราะมัวเสียเวลาปรับจังหวะการเต้นของหัวใจให้คงที่
Major : *ส่งสติกเกอร์หมีช็อค
พี่มันอ่านเร็วมากสงสัยนั่งเล่นอยู่แต่ผมหาตัวมันไม่เจอนี่สิ
แต่ดีใจว่ะ ได้อะไรก็ไม่โชคดีเท่าได้พี่รหัสรวย อยู่ดีๆก็มีคนเลี้ยงตั๋วเว้ย
Major : เอามาดิ
ผมยิ้มแป้นมองซ้ายมองขวาหาพี่รหัสสุดหล่อ
พี่หล่อ : โทษทีส่งผิดคน
อะ เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยย
โคตรหลอกให้อยากแล้วจากไปสัสๆ มือถือในมือผมสั่นไปหมด! ตั๋วมีสองใบมึงไปกับใครไหนตอบบบบ ไปกะสาวใช่มั้ยยยยย แม่งงงง โมโหเว้ยยย!
พี่หล่อ : อยากไปเหรอ
Major : เออดิ
ผมรีบตอบว่าใช่เผื่อพี่มันจะมีสำนึกรักน้องขึ้นมาแล้วซื้อให้ผมอีกใบ
พี่หล่อ : อยากไปก็ซื้อสิครับ นั่งเซ่ออยู่นั่นแหละ
พี่หล่อ : หรือว่าไม่มีเงิน?
“...”
ผมตัดสินใจปิดหน้าจอและก้มหน้าทำงานของตัวเองต่ออย่างสงบ เห็นจนๆอย่างงี้แต่ผมโคตรหยิ่งเลยนะเออ ไม่ง้อหรอก เฮอะ!
จึกๆ
สัส ใครมาจิ้มไหล่ รบกวนเวลาทำงานกู!
“เห้ย! พี่มึง!!”ผมสะดุ้งตัวโยนเมื่อคนที่เมื่อกี้มองหาแทบแย่อยู่ดีๆก็มาโผล่ข้างหลังซะงั้น
พี่มันมองหน้าตาเหรอหราของผมก่อนกระตุกยิ้มมุมปากอย่างชอบใจ แม่ง...ยิ้มเยาะกู
“มีไร”ผมถามเสียงห้วน
“อยากไปคอนเสิร์ตมั้ย”
“ไม่ไปละ”
“เมื่อกี้ยังบอกว่าอยากไปอยู่เลย”
“อยากแต่ไม่ว่าง”ธุระผุดมาเต็มเลย พี่มันคงเชื่อ
“พี่ซื้อให้เอามั้ย”
“คนอย่างไอ้เจอร์ไม่รับเงินใครง่ายๆหรอกเว่ย!”
“จริงดิ ถ้าไปกับพี่นะ เดี๋ยวแถมบุฟเฟ่ให้อีกมื้อนึงเลย”โคตรล่อกูเลยครับคราวนี้พี่มันทิ้งตัวลงนั่งข้างๆผมเพื่อประกาศเจตจำนงว่าถ้าผมไม่ยอมรับพี่มันจะตื๊อไม่เลิก
พี่รหัสกูดื้อสัส แต่เสียใจ กูดื้อกว่า หึหึหึ
“ไม่เอาก็คือไม่เอา ลูกผู้ชายไม่กลืนน้ำลายตัวเอง!!”
“งั้นให้ลูกผู้ชายอีกคนช่วยกลืนน้ำลายให้ไหมครับ”
โหดสัสนารายณ์!! ผมติดสตันท์ไปสามวิเมื่อโดนคำพูดใจกล้าของอีกฝ่ายกระแทกหู
“ตลก! ไปเอาแก้วมาสิ เดี๋ยวถุยใส่ให้เยอะๆเลย”
“จัญไร กูจะดูดจากปากมึง”
“พี่มึงนั่นแหละจัญไร”
หน้าตาก็ดีไม่น่าทำตัวแบบนี้เล้ยยย
“ทำไรอยู่วะ”คราวนี้พี่มันเริ่มลามปามพลิกกระดาษรายงานบนโต๊ะผมไปมาก่อนขมวดคิ้วมุ่น”อย่าบอกนะว่าอันนี้มึงทำเอง คงแทนสูตรผิดเยอะสัส หยุดเลย มีความพยามทำด้วยตัวเองมันก็ดีแต่ขอความถูกต้องนิดนึง มาสิเดี๋ยวกูสอน ไอ้ตรงนี้อ่ะนะ…”พี่มันดึงกระดาษหนีมือผมที่พยามคว้ารายงานของตัวเองคืนแล้วก็บังคับสอนทฤษฏีการไทเทรตผมใหม่ ขอบอกว่าเรื่องนี้ตอนม.ปลายผมโง่มาก เรียนพิเศษก็ไม่ได้เรียนเพราะไม่มีเงิน หลงมาเข้าวิศวะเพราะคิดว่าจะหนีพ้นที่ไหนได้ปีหนึ่งแม่งต้องเรียนทั้งเคมี ชีวะ ไอ้ห่า
“เก่งนักเหรอไงวะ..”ผมพูดกับตัวเองแต่คนข้างๆเสือกได้ยิน
“ไม่รู้จักพี่นารายณ์ สี่จุดเหรอครับน้องเจอร์”
ยอมแพ้ครับ พี่มันสี่จุดศูนย์ศูนย์ ส่วนผมศูนย์จุดสี่สี่ครับ ผมนั่งฟังพี่แกพล่ามไปเรื่อยจนใกล้ได้เวลาเข้าเรียน ผมเก็บข้าวเก็บของพลางถามไถ่พี่แกนิดหน่อยว่า
“พี่มีเรียนกี่โมง”
“เก้าครึ่ง”
“เห้ย! นี่มันสิบโมงกว่าแล้วนะ!! ไม่ไปเรียนวะมาเสียเวลาสอนผมทำไม”
“ช่วยไม่ได้ ก็มึงไม่ยอมไปคอนเสิร์ตกับกูนี่หว่า”
“หือ ไม่ได้จะไปกับใครเหรอ”ก็ตอนแรกพี่แกบอกเองว่าจะไปกับคนอื่น ผมหรี่ตามองคนแปรปรวนตรงหน้าแบบไม่เข้าใจนัก
“โทษที กูล้อเล่น ที่จริงตั้งใจจะชวนมึงนั่นแหละแต่กลัวว่านัดกับเพื่อนไว้แล้ว ถ้าบอกว่าจะไปด้วยกันแต่แรกจะยอมรับตั๋วจากกูเหรอ”
“เออ”
“ห้ามหนีไปหาเพื่อนกลางคันนะ”
“เออ”
“ปลายภาคให้กูติวให้มะ”
“เออ”
“ที่คอนโดกูนะ”
“เออ!”
“สองต่อสองนะ”
“เออ!!”
เซ้าซี้จริงวุ้ย!! พี่มันยิ้มแก้มปริน่าหมั่นไส้โคตรๆ แต่ไม่รู้ทำไม…
ผมยิ้มกว้างกว่าพี่มันอีก
หลังจากนั้นเวลาก็ผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว พวกเราชาวคณะวิศวกรรมศาสตร์เริ่มเข้าสู่โหมตเตรียมสอบอย่างเต็มตัว ร้านเหล้ารอบๆมหาลัยขาดรายได้ไปเยอะ ผิดกับร้านกาแฟและห้องสมุดคณะที่มีนักศึกษาเข้ามาอุดหนุนไม่ขาดสาย ถ้าเป็นเมื่อครั้งสอบกลางภาคผมไปติวกับพวกไอ้ดิวที่ห้องของมัน แต่คราวนี้ผมมีอาสาสมัครสอนหนังสือส่วนตัว
ไอ้พี่หล่อดีกรีเดือนคณะซึ่งปีที่แล้วกวาด A รวดทุกตัวทั้งสองเทอม มันเสนอตัวว่าจะติวเข้มผมสักสองสามวันก่อนจะปล่อยให้ผมไปเก็บตกเอาจากเพื่อน เหตุผลหลักๆคงเพราะช่วงหลังการแข่งฟุตซอลการเรียนผมพังไม่เป็นท่าคุณพี่ประเสริฐเลยออกโรงยื่นมือเข้ามาช่วย
ผมนั่งพลิกชีทวิชาชีวะลายมือเพื่อนผู้หญิงที่ไปขอถ่ายเอกสารมาอยู่ข้างเตียงหลังใหญ่อย่างเซ็งๆ ไอ้พี่นารายณ์นอนอ่านวิชาห่าอะไรก็ไม่รู้รู้แต่ว่าปีหน้าผมต้องเรียนอยู่บนเตียง พี่มันจะติวให้ผมแค่ชีวะ เคมี แล้วก็อังกฤษเท่านั้นส่วนที่เหลือผมค่อนข้างโอเค
“เบื่อว่ะ”
“อย่างอแงครับ อ่านไป”เดี๋ยวก็จัญไรเดี๋ยวก็สุภาพนี่แหละครับพี่รหัสผม
“โอ๊ยยยย เหี้ยยยยย ตาจะปิดให้ได้ ไม่ไหวแล้วขอนอนแป๊ป”ผมคลานขึ้นเตียงด้วยสภาพจูออน “จะว่าไปไหนบอกว่าจะติวให้ไงวะ นี่มันปล่อยให้ผมอ่านเองคนเดียวเลยหนิ พี่มึ๊งงงงงง ช่วยกูด้วยยยยย กูไม่เอาชีวะ ทำไมวิศวะต้องเรียนชีวะด้วยผมเข้าจัยยยยย แอ่ก!”เหมือนลอยมาอัดหน้ากูเต็มๆ พี่มึงอยากให้หุบปากก็บอกกันดีๆก็ได้
“อย่าบ่น หมอยังต้องเรียนแคลคูลัสเลย ไม่เห็นมีใครบ่นสักคน”
“โว้ยยยยยยยยยยยยยยยย”ผมแหกปากร้องด้วยความอัดอั้นอย่างไม่เห็นหัวเจ้าของห้อง พี่นารายณ์ทำหน้าเซ็งก่อนเลิกสนใจผมหันไปอ่านหนังสือของตัวเองต่อ แม่งล่ออ่าน tex book ปร๋อแบบนี้ A จะไปไหนเสีย อย่าให้ชาติหน้าแม่กูส่งเรียนโรงเรียนนานาชาติบ้างละกัน เฮ๊อะ!
“ขอยืมโน็ตบุ๊คหน่อยเดะ”ปากก็ขออนุญาตไปส่วนมือก็คว้าหยิบของที่ต้องการมาเปิดโดยไม่รอคำตอบ
“จะเอาไปทำอะไร”เสียงทุ้มถามขณะที่ผมกำลังคีย์ชื่อเว็บที่ต้องการ
คิดว่าผมจะเปิดหาความรู้เสริมงั้นเหรอ
หึ เสียใจ คนอย่างผมน่ะมันต้อง
“ดูหนังโป๊”
“เห้ย เหี้ย!!”พี่แม่งแทบปา tex book ใส่กลางกะบาลผม
“โวยวายอะไร เวลาเบื่อๆเซ็งๆก็ต้องหาอะไรทำให้มันตื่นตัวดิวะ มาๆ รู้ว่าง่วงเหมือนกัน มาดูด้วยกันนี่มา”ผมกดเลือกคลิปที่ต้องการโดยไม่รอคำตกลงของคนชวน พี่มันอยากดูด้วยรึป่าวผมไม่รู้ แต่ผมเปิดลำโพง เชื่อเถอะ อีกสักพักพี่มันต้องมาร่วมแจมด้วย หึหึ
เป็นไปตามคาดเมื่อผมกดผ่านเนื้อหาไรสาระของ AV ไปจนถึงตรงเนื้อเน้นๆนมเน้นๆ พี่รหัสผมก็วางหนังสือในมือลงและเขยิบตัวเข้ามาใกล้”มาง่ายไปป่าวพี่ นึกว่าจะแน่”ผมแกล้งแซวคนข้างกายยิ้มๆแต่พี่มันไม่มองหน้าผมสักแอะ ตามันโฟกัสอยู่บนหน้าจออย่างเดียว
ภาพหญิงสาวถูกกระทำชำเราปรากฏในสายตาของพวกเราสองคน เสียงครางด้วยความสุขสมของเธอก็ลอยเข้าหูของพวกเราสองคนเช่นกัน ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่พี่มันเขยิบเข้ามาใกล้ผมขนาด’ไหลชนไหล่’แต่ผมก็ไม่ได้เขยิบหนี ปล่อยให้ร่างกายของพวกเราสัมผัสกันน้อยๆต่อไปเรื่อยๆ
จนกระทั่งของๆพวกเราเริ่มตื่นตัวขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกัน
เหมือนพี่มันจะรู้ว่าผมแอบมองมันเลยหันมาทัก
“ปกติเวลาดูหนังโป๊คนเดียวทำยังไง”
“ถามมาได้ก็ต้องช่วยตัวเองดิวะ”
“แต่นี่ดูสองคน...งั้นเรามาช่วยกันไหม?”“!!”ผมใช้เวลาอยู่หลายอึดใจกว่าจะรวบรวมสติที่เปิดเปิงให้เข้าที่เข้าทาง ผู้ชายข้างๆก็ใจเย็นพอจะนั่งรอคำตอบของคำถามอย่างใจเย็นโดยไม่สนแม้แต่น้อยว่าคำถามที่ว่ามันใช่คำถามที่ผู้ชายปกติเขาพูดกันที่ไหน!!
“ไอ้พี่ เห็นงี้ผมก็ฉลาดนะ”พี่มันเลิกคิ้วขึ้นทำท่าเฉไฉไม่เข้าใจว่าผมกำลังยกประเด็นอะไรมาพูด”...พี่มึงคงไม่ได้ จ้องจะแดกกูอยู่หรอกนะ...”ขืนไปพูดแบบนี้กับผู้ชายคนอื่นคงโดนหัวเราะใส่จนฟันร่วงฟมดปากแต่กับไอ้พี่รหัสคนนี้และการกระทำที่ผ่านๆมาของมันผมว่าผมควรถามว่ะ
“ไม่ได้เหรอ?”
“ก็ไม่ได้น่ะสิโว้ยยย ไม่ต้องมาทำหน้าหมาหงอยเลยด้วยไอ้เหี้ยยยยยย!!”ผมพับหน้าจอน็ตบุ๊คลง ถอยกรูดจนแทบตกเตียชี้นิ้วสั่นริกๆใส่หน้าหล่อของไอ้คุณนารายณ์
พี่มันจ้องหน้าผมเงียบๆเหมือนกำลังใช้ความคิด ผมเองก็ทนรอเผื่อจะมีคำว่าล้อเล่นจ้าหลุดออกมา ทว่า
“เดี๋ยวเลี้ยงบุฟเฟ่ต์เลยเอ้า”
“ไอ้เหี้ยยยยยยยย พากูไปทัวร์ยุโรปแถมด้วยกูยังไม่ยอมเลย”อารมณ์ผมหดหายไปหมดแล้วครับตอนนี้ ของพี่มันเองก็เช่นกัน
“ขอโทษที กูคิดง่ายไปหน่อย นึกว่าสถานการณ์แบบเมื่อกี้จะเนียนๆต่อไปได้”
“...”
“ยกโทษให้กูไหม”พี่มันมองอ้อนถาม
“เออ”ปกติผมเป็นคนใจแข็งแบบชิบหายแต่กรณีพี่มันคือข้อยกเว้น
“รู้ไหมว่ากูแอบชอบเพื่อนตัวเองมาสี่ห้าปี”
“ไม่รู้เว้ยยยย”ไม่อยากรู้ด้วย ตอนได้ยินมันจี๊ดๆใจไงชอบกล
“แต่ตอนนี้พยามตัดใจอยู่”
“นี่ก็ไม่อยากรู้”
“ช่วยดามใจพี่หน่อยสิเจอร์ ถ้าเป็นเราพี่เชื่อว่าทำได้”ทำไมจู่ๆต้องพูดสุภาพด้วยวะครับ ที่สำคัญตัวน่ะไม่ต้องเขยิบเข้ามาก็ได้ กูถอยจนสุดของเตียงแล้วเนี่ย!! ผมที่ไม่มีทางหนีถูกอ้อมแขนแกร่งล็อคตัวเอาไว้จนได้ ล็อคนะไม่ใช่กอดหรือประคอง แรงขนาดนี้ถ้าเป็นมวยปล้ำก็จับกูทุ่มได้เลยสัส
“พี่มึ๊งงงงปล่อยกูววววว หายใจไม่ออกกกกกกกกกก”ผมแหกปากร้องขอชีวิต”นี่มึงจะขอจีบกูหรือจะฆ่ากูกันแน่ไอ้สัสสสสสสสสสสส ไม่ปล่อยกูถีบบบบบบ”
ผมง้างขาเตรียมถีบเข้ากลางท้องแกร่งทว่าคนอายุมากกว่าก็รู้ทันเอาขาตัวเองทับขาผมไว้อีกที”มึงจะเล่นมวยปล้ำเหรอวะ”
“พี่ไม่ปล้ำเล่นๆพี่ปล้ำจริงๆครับน้อง”
“เหี้ยยยยย เออยอมก็ยอมวะ”
“ยอมให้ปล้ำ?”
“สัส!! ยอมให้จีบ!”
สมแล้วที่เป็นเด็กวิศวะทั้งคู่ วิธี่เข้าหากันและกันโหดสัสขาดความโรแมนติกสุดๆ
เอ๊ะ เดี๋ยวนะ
แล้วไหงกูตอบตกลงมันง่ายจังวะ ยังไม่ทันคิดเลยก็พลั้งปากตอบไปแล้ว เหมือนคำตอบมันไม่ได้ประมวลผลผ่านสมองแต่ประมวลผลผ่านหัวใจงั้นแหละ เอิ่ม เลี่ยนว่ะ ประโยคเมื่อกี้ห้ามบอกพี่มันเด็ดขาดเดี๋ยวพี่มันจะได้ใจ แค่นี้มันยังหนีบผมไม่ปล่อยเลย
“หนักโว้ยยยย!!”
“ฮ่าๆๆๆ”
อีท่านี้คงอีกนานกว่าจะจีบติดว่ะพี่
#fin""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""'
สภาพแวดล้อมที่เราเติบโตมาเป็นตัวบ่มเพาะให้เรากลายเป็นเราในวันนี้ค่ะ
เพราะอยู่ในครอบครัวที่อบอุ่น ได้รับความรักและการเอาใจใส่มาตลอดเพลินเลยโตมาเป็นคนอ่อนโยน
เพราะขาดความรักและเห็นเพียงภาพของแม่ที่เห็นแก่ตัวในด้านความรักมาตลอด เคสเลยไขว่คว้าหาคนมารัก
เพราะต้องต่อสู้ ต้องเข้มแข็งตั้งแต่เด็กๆ เจอร์ก็เลยกลายเป็นคนแข็งกระด้าง
แต่อดีตไม่ใช่ทุกอย่างในชีวิต นับจากนี้เจอร์จะมีพี่นารายณ์ และเราเชื่อว่าเจอร์จะกลายเป็นคนที่อ่อนลงกว่านี้ถ้าหวั่นไหวอยู่คงไม่รับคำให้พี่เขาจีบแบบนั้นหรอกเนอะ