ตอนที่ 4
..............................
“วีร์ ฉันบอกแล้วไงว่าไม่เป็นไรก็ไม่เป็นไรสิ”
“ไม่เป็นไรไม่ได้ครับ ผมต้องขอตรวจดูก่อน”
“นั่นสิวีร์ ทำเป็นห่วงไปได้ วีร์ไม่ใช่พ่อของคุณวินนะ” คำพูดหยอกล้อกระเซ้าเย้าแหย่ของอิฐทำเอาผมถึงกับชะงักไปในทันที หลังจากโทรตามหาอิฐแล้วก็พบว่าทั้งคู่ได้หนีมาหลบอีกที่หนึ่งซึ่งอยู่ไม่ห่างไกลจากโรงแรมนั้น ทั้งคู่เองก็เป็นห่วงผมอยู่เหมือนกัน และถามว่าผมหายตัวไปไหนมาตอนเกิดเรื่อง ซึ่งผมจะตอบไปว่าโดนผู้นำตระกูลเสือลักพาตัวออกจากโรงแรมนั้นก็ไม่ได้ เพราะประเดี๋ยวจะเรื่องยาว จึงตอบกลับไปว่ามัวแต่หาวินกับอิฐก็เลยหลงไปอีกทางแทน แต่ตอนนี้พวกผมกลับมาอยู่ที่บ้านตระกูลสิงห์แล้วครับ ทำเอาที่บ้านวุ่นวายพอสมควร แน่นอนว่าลูกชายของวินคนแรกที่โทรมาถามความปลอดภัยนั้นจะเป็นใครไม่ได้นอกจากสิงห์ ก่อนจะตามมาด้วยจีน ที่รายนี้อยู่บ้านหลังเล็กอีกหลังวิ่งกระหืดกระหอบมาถามเจ้าวินเสียยกใหญ่ ส่วนลูกชายกับลูกสาวอีกสองคนที่แต่งงานแล้วแยกออกไปนั้นก็ไม่ได้กลับมาเยี่ยมเยียน มีเพียงแต่โทรมาถามความคืบหน้าของวินว่าเป็นยังไงบ้างเท่านั้น “ดูแต่พวกเรา ว่าแต่เธอเถอะ บาดเจ็บตรงไหนบ้างหรือเปล่าวีร์”
แม้ผมจะเคยเป็นเจ้านายของอิฐมาก่อน แต่ผมไม่ได้ถือยศขุนมูลนาย ไม่ได้เห็นอิฐต่ำกว่าหรือสูงกว่า เพราะคนเราก็มีเลือดมีเนื้อ มีศักดิ์มีศรี มีเพียงชีวิตเดียว ตายก็ตายได้เหมือนกัน ดังนั้นผมจึงเห็นอิฐเป็นเพื่อนร่วมงาน เพื่อนแท้ร่วมชีวิตคนหนึ่งที่อยู่อาศัยบนโลกเดียวกัน
“ไม่ครับคุณอิฐ ผมสบายดี ไม่ได้บาดเจ็บอะไร”
แต่ระบมเพราะถูกพยัคฆ์ตีที่ก้นซะแรง…“ตอนนี้ก็ไม่มีอะไรมากแล้ว เธอไปพักผ่อนเถอะวีร์ พรุ่งนี้ฉันอนุญาตให้เธอพักผ่อนหนึ่งวัน”
“ครับคุณวิน” ผมพยักหน้าตอบก่อนจะบอกลาทั้งคู่แล้วเดินกลับไปห้องพักของตัวเอง แต่ผมยังไม่ทันได้เข้าไป ก็เห็นกล้าวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาหาผมเสียก่อน “มีอะไรหรือไอ้กล้า ถ้าจะถามเรื่องกู กูไม่ได้เป็นอะไร สบายดี ยังครบสามสิบสองประการ”
ผมพูดกระเซ้าเย้าแหย่มันเล่นครับ เพราะยังไงผมก็เห็นมันเป็นแค่เด็กหนุ่มที่ไร้เดียงสาคนหนึ่ง
“ไอ้ห่าวีร์ กูรู้ว่ามึงสบายดี แฮ่กๆ” มันพูดไปหอบไปพลาง “กูก็แค่อยากจะมาขอบคุณมึง”
“ขอบคุณกู? ขอบคุณทำไม”
“ก็ขอบคุณที่มึงพูดเตือนกูเมื่อตอนเย็นนี้ไงไอ้วีร์” กล้าบอกพลางยืนตัวตรงหลังจากหายใจหอบอยู่นาน “และก็ต้องขอโทษด้วยที่กูพูดออกไปไม่ทันคิด ตอนนั้นกูก็ได้แต่คิดว่ามึงได้งานสบาย ไม่ต้องก้มหน้าทำงานตากแดดอาบเหงื่อต่างน้ำเหมือนกับกู แถมยังได้เดินออกไปข้างนอกใส่ชุดหรูเดินตากแอร์ในโรงแรมเล่นสบายใจเฉิบ แต่พอได้รู้ว่ามึงมาเจอกับเหตุการณ์ระเบิดในโรงแรมแล้ว ทำเอากูคิดได้ ว่างานของมึงทั้งน่ากลัวทั้งเสี่ยงอันตรายต่อชีวิต ซึ่งแตกต่างจากกูที่แม้จะลำบากแต่ชีวิตก็ปลอดภัยไร้กังวล”
ผมได้ยินที่อีกฝ่ายพูดถึงกับฉีกยิ้มออกมาทันที ก่อนจะใช้มือตบไหล่กล้าเบาๆ
“ถ้ามึงคิดได้ก็ดีแล้วล่ะไอ้กล้า งั้นกูขอตัวเข้านอนก่อนนะ เมื่อยเนื้อเมื่อยตัวมาก”
“อืม งั้นหลับฝันดีนะมึง พรุ่งนี้เจอกัน”
“อืม พรุ่งนี้เจอกัน” แล้วไอ้กล้าก็วิ่งจากไป เหลือแต่ผมที่ได้แต่มองแผ่นหลังของกล้ายิ้มๆ ก่อนจะเดินกลับเข้าห้องนอนของตัวเองเพื่อหลับพักผ่อนเอาแรงไว้สู้ชีวิตในวันพรุ่งนี้ต่อไป
......................
วันถัดมาผมตื่นแต่เช้าตรู่ รีบลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวก่อนจะไปหาวินเพื่อบอกมันว่าจะไปเยี่ยมแม่ข้าวที่โรงพยาบาล ซึ่งอีกฝ่ายก็ไม่ได้ว่าอะไร แถมยังบอกผมว่าไม่ต้องรีบกลับ เพราะถึงยังไงวันนี้เจ้าตัวก็ไม่ได้คิดจะออกไปจากบ้านอยู่แล้ว
“ไหนๆก็จะออกไปอยู่แล้ว เอาเงินติดตัวไปด้วยสิ” วินบอกก่อนจะหยิบเงินแบงค์พันให้ผมขึ้นมาปึกหนึ่ง ผมเห็นดังนั้นถึงกับมุ่นคิ้วทันที “มัวยืนรออะไรอยู่ล่ะ รับเงินไปสิวีร์”
นี่ยังคิดลองใจพ่อตัวเองอยู่อีกรึเนี่ย“ไม่ล่ะครับ ผมยังพอมีเงินเหลืออยู่ติดตัวบ้าง” ผมบอกปฏิเสธ ซึ่งทำเอาอีกฝ่ายเอียงคอมองผมอย่างไม่เข้าใจ “ผมเข้าใจนะครับว่าคุณวินหวังดี แต่จำนวนเงินมันเยอะมากเกินไป แถมผมก็ไปแค่เยี่ยมคุณแม่ที่โรงพยาบาลก็เท่านั้นเอง ไม่ได้ใช้จ่ายอะไรอยู่แล้วล่ะครับ”
ทั้งวินทั้งอิฐต่างมองหน้ากันด้วยความแปลกใจก่อนจะหันมายิ้มให้กับผม
“โอเคไม่เอาก็ไม่เอา งั้นก็รีบไปเถอะ ขืนออกไปสายรถมันจะติดเอาได้นะ”
“ครับคุณวิน” แล้วผมก็รีบไปทันที ซึ่งโชคยังดีที่ผมออกมาไว ก็เลยนั่งรถเมล์มาถึงโรงพยาบาลได้อย่างรวดเร็วเพียงไม่กี่นาที เมื่อไปถึงแล้วผมก็รีบตรงดิ่งไปยังห้องพักที่แม่ข้าวนอนพักรักษาตัวอยู่ ซึ่งพบกับพยาบาลที่กำลังเช็ดป่วยให้แม่ข้าวอยู่พอดี “อ่า เดี๋ยวเรื่องเช็ดตัวผมจะเป็นคนทำเองครับ”
อีกฝ่ายพยักหน้าส่งผ้าขนหนูที่ชุบน้ำหมาดมาให้ผม ซึ่งผมเดินมารับผ้าขนหนูก่อนจะลงมือเช็ดคนป่วยอย่างเนิบนาบ ถึงแม้สีหน้าคนป่วยจะดีขึ้น แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นขึ้นมา
“แม่ข้าวไม่ต้องเป็นห่วงผมนะครับ ผมสบายดี” ผมบอกพลางเช็ดแขนอีกฝ่ายเบาๆ “ตอนนี้ผมได้งานทำแล้ว อยู่กับคุณวิน ไม่สิ ลูกชายของผมในตระกูลสิงห์ที่ผมเคยเล่าให้คุณแม่ฟังยังไงล่ะครับ ยังจำได้อยู่อีกหรือเปล่า”
ก่อนหน้านี้ผมเคยเล่าเรื่องชาติก่อนของตัวเองให้คุณแม่ฟังด้วยครับ ซึ่งอีกฝ่ายไม่ได้หาว่าผมเป็นบ้า แถมยังนั่งฟังที่ผมเล่าอย่างเงียบๆ ตั้งแต่ต้นจนจบ
“ลูกชายผมแก่มากขึ้นแล้ว แต่ก็ยังสอนลูกชายตัวเองไม่ค่อยจะเป็น แถมตอนนี้ต่างคนต่างแยกย้ายกันออกไปอยู่ข้างนอก” ผมเล่าต่อไปโดยที่มือยังคงสาละวนกับการเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้กับผู้มีพระคุณของตัวเอง “ผมกลัวว่าตระกูลสิงห์จะแตกแยก ก็เลยกะว่าจะอยู่ทำงานแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆจนกว่าพวกเขาจะกลับมาอยู่รวมเป็นครอบครัวใหญ่อีกครั้ง ไม่สิ ผมยังไม่แน่ใจว่าจะทำไปอีกถึงเมื่อไหร่ เพราะตระกูลสิงห์มีแต่เรื่องกับเรื่องเข้ามา อย่างเมื่อวานนี้ก็เกือบโดนระเบิดในโรงแรมไปหนหนึ่งแล้ว แต่แม่ข้าวไม่ต้องเป็นห่วงไปนะครับ ผมกับลูกชาย และก็อิฐที่เป็นมือขวาของวินปลอดภัยกันดีครับ”
เมื่อเช็ดตัวเสร็จผมก็นำกะละมังน้ำไปเททิ้งในห้องน้ำ ส่วนผ้าขนหนูก็ซักให้สะอาดก่อนจะนำมันตากกับราวตากผ้าที่อยู่ในห้องน้ำ
แกรกเสียงประตูข้างนอกดังขึ้น คาดว่าน่าจะเป็นพยาบาลคนเมื่อครู่นี้ ผมจึงไม่ได้ใส่ใจที่จะรีบออกไป หลังจากทำธุระเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงเปิดประตูเดินออกไป แต่กลับต้องชะงักเมื่อเห็นแผ่นหลังของร่างสูงผมสีดำยาวคุ้นตากำลังยืนหันหลังมองดูแม่ข้าวที่นอนอยู่บนเตียง
“ดูๆไปแม่ของเธอก็สวยไม่ใช่น้อยเหมือนกันนะว่าไหมไอ้หนู” เสียงทุ้มดังขึ้นก่อนที่เจ้าตัวจะหันมา ซึ่งทำเอาผมถึงกับอึ้งเพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมาหาผมถึงที่นี่ ซึ่งไม่ใช่ใครอื่นเลยนอกเสียจาก…
พยัคฆ์ ผู้นำของตระกูลเสือ!...................................
“นายว่าเด็กคนนั้นดูน่าสงสัยไหม”
“ผมไม่แน่ใจครับคุณวิน” อีกฝ่ายตอบเสียงเรียบ “แต่เท่าที่คุยกันมาได้สองวัน วีร์เป็นเด็กหนุ่มที่แปลกพอสมควร แม้จะเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาแต่นิสัยกลับสุขุมนุ่มลึก ใจเย็น และดูเป็นผู้ใหญ่กว่าที่เห็นภายนอก ส่วนเรื่องการตัดสินใจก็ใช้เกณฑ์แบบมีเหตุมีผลมากกว่าที่จะใช้อารมณ์ในการตัดสิน”
“อืม ฟังดูคล้ายกับใครคนหนึ่ง แต่ฉันยังนึกไม่ออกเลยว่าเป็นใคร จะว่าไปแม่ของวีร์ที่ชื่อข้าวนั่น อดีตเคยเป็นลูกคุณหนูของตระกูลมังกรไม่ใช่หรอกรึ”
“ครับคุณวิน เธอเป็นคุณหนูของตระกูลมังกรแต่ถูกคุณพ่อของตัวเองที่เป็นผู้นำรุ่นที่สองขับไล่ออกมาจากบ้านเพียงเพราะไปมีอะไรกับชาวต่างชาติที่ไม่มีที่มาที่ไปจนตั้งครรภ์” อิฐตอบก่อนจะพูดต่อ “ส่วนคุณพ่อของวีร์นั้นผมให้คนไปสืบมาดูแล้ว ปรากฏว่าเจ้าตัวกลับหายเงียบเข้ากลีบเมฆหลังจากวีร์เกิดได้เพียงหนึ่งอาทิตย์ ซึ่งไม่มีใครตามตัวได้แม้กระทั่งคุณข้าวที่เป็นของวีร์ก็ตาม”
“แล้วรู้ชื่อผู้ชายคนนั้นด้วยหรือเปล่าล่ะอิฐ”
“ไม่ทราบครับคุณวิน รู้แต่เพียงว่าผู้ชายคนนั้นเป็นคนสัญชาติอเมริกา” คนถูกถามส่ายหน้าตอบ ก่อนจะมองเจ้านายที่กำลังนั่งจ้องรูปภาพของวีร์ที่อยู่ในมือ
“แล้วผู้นำตระกูลมังกรไม่คิดจะตามทายาทกลับไปสืบทอดตระกูลบ้างเลยรึไง”
“ไม่ครับคุณวิน เท่าที่ผมไปสืบมา รู้สึกว่าที่นั่นจะมีทายาทให้สืบทอดอยู่พร้อมแล้วครับ ว่าแต่…” มือขวาตอบพลางโน้มตัวลงกอดคอร่างสูงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงาน ก่อนจะพูดเสียงกระซิบข้างหูเจ้านายตัวเองว่า “…เมื่อไหร่คุณวินจะยอมนอนกับผมซักทีล่ะครับ นี่ก็ผ่านมาได้เกือบสัปดาห์หนึ่งแล้ว ใจคอคุณจะปล่อยให้ผมนอนเหงาอยู่ในห้องคนเดียวไปถึงเมื่อไหร่กันครับ”
!!!!!!
“หึ ใจร้อนเป็นหนุ่มไปได้นะอิฐ พวกเรานะอายุก็มากกันแล้ว จะรีบทำไปทำไมกัน” วินพูดไปหัวเราะไปพลาง ก่อนจะวางรูปวีร์ลงบนโต๊ะทำงานแล้วหันไปมองอีกฝ่ายที่กำลังกอดคอตัวเองอยู่
“ก็เจ้าเด็กหนุ่มนั่นไม่อยู่ แถมตอนนี้คนงานก็อยู่ข้างล่างกันหมด ขืนไม่รีบผมก็เกรงว่าจะไม่ได้ทำอะไรกับคุณนะสิครับ” อีกฝ่ายยิ้มตอบ ซึ่งทำเอาวินถึงกับหัวเราะในลำคอ “นะครับคุณวิน ผมรอวันนี้มานานแล้ว เห็นใจผมเถอะคุณวิน”
“หึๆ เอางั้นก็ได้ แล้วอย่ามาว่าฉันใจร้ายทีหลังเหมือนครั้งที่ผ่านมาไม่ได้นะอิฐ”
“ครับคุณวิน ผมนะยังไงก็ได้แล้วแต่คุณ” แล้วทั้งคู่ก็จูบกันอย่างหวานชื่นท่ามกลางห้องทำงานที่มีเพียงกันแค่สองคน
.............................
“ไม่ตกใจบ้างเลยหรือว่าฉันมาหาเธอถึงที่นี่ได้ยังไงนะไอ้หนู”
“ไม่ครับ เพราะคุณคือพยัคฆ์แห่งตระกูลเสือ” ผมพูดแย้งกลับไปหลังจากชักชวนอีกฝ่ายให้ออกมาคุยกันข้างนอกโรงพยาบาล ตระกูลเสือเป็นตระกูลของอดีตคนรักเก่าผม ซึ่งเป็นผู้นำตระกูลเสือรุ่นที่สอง แต่ผู้ชายคนนั้นได้ตายจากโลกนี้ไปแล้ว แถมรุ่นที่สามตระกูลเสือที่เป็นลูกชายของคนรักเก่าผมก็ได้โดนลอบยิงเสียชีวิตไปได้ห้าปีแล้วด้วย ดังนั้นผู้ชายคนนี้น่าจะเป็นลูกชายของรุ่นที่สามอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ที่น่าสงสัยในตอนนี้ก็คือ ทำไมอีกฝ่ายถึงต้องสืบประวัติตามหาผมด้วยก็ไม่รู้ครับ “แล้วทำไมคุณต้องออกตามหาผมด้วย อย่าบอกนะว่าคุณจะมาทวงคำขอบคุณจากผมนะ”
“เปล่า”
“อ้าว? ไม่ใช่แล้วมาหาผมทำไม” ผมถามกลับด้วยความสงสัย ซึ่งอีกฝ่ายไม่ได้ตอบคำถามผมเดี๋ยวนั้น กลับเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะจับปลายคางผมให้เชิดหน้าขึ้นมองจ้องตาในระยะประชิด
“ที่มาก็เพราะฉันสงสัยว่าทำไมวินภัทรถึงได้รับเด็กมัธยมปลายมาเป็นผู้ติดตามทั้งที่มีมือขวาอย่างอิฐภพอยู่ทั้งคน”
!!!!!!
ผมถึงกับอึ้งเมื่อได้ยินที่พยัคฆ์พูด เพราะไม่คิดว่าเขาจะสงสัยเรื่องเล็กน้อยที่คนอื่นมักจะมองข้าม
ดูท่าจะประมาทผู้ชายคนนี้ไม่ได้ซะแล้วสิ“เอ เรื่องนี้ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ คุณต้องลองไปถามคุณวินดูเอาเอง เพราะผมตอบคำถามนี้ให้คุณไม่ได้เสียด้วยคุณพยัคฆ์” ผมปั้นหน้ายิ้มตอบกลับไป พร้อมกับปัดมืออีกฝ่ายที่จับคางผมอยู่ออก “แต่ก็ขอบคุณนะครับที่อุตส่าห์มาหาผม ถึงแม้จะอ้างเรื่องมาเยี่ยมคุณแม่ผมก็ตามที”
อีกฝ่ายแค่นยิ้มเมื่อได้ยินที่ผมพูด
“หึ ฟังจากที่เธอพูดแล้ว ฉันชักอยากได้ตัวเธอมาอยู่ที่ตระกูลเสือซะแล้วสิวีร์”
“เหรอครับ แต่ผมว่าคุณลืมมันไปซะเถอะคุณพยัคฆ์ เพราะผมเป็นเพียงแค่เด็กมัธยมปลายที่ยังเรียนหนังสือไม่จบ” ผมบอกก่อนจะหมุนตัวกลับไปทางประตูเข้าโรงพยาบาล “เดี๋ยวผมต้องขอตัวก่อนนะครับ ต้องรีบกลับไปดูคุณแม่ต่อ”
แล้วผมก็เดินกลับเข้าไปในโรงพยาบาลทันทีโดยไม่รอให้อีกฝ่ายได้พูดอะไรออกมาเลยซักคำเดียว
............................
เอา 50% ไปก่อนแล้วกัน เดี๋ยวอีก 50% จะตามมาทีหลังค่ะ
ปล.คนซ้ายมือคือ วิน วินภัทร คนขวามือคือ อิฐ อิฐภพ (ใส่แว่นตา)
[attachment deleted by admin]