ตอนที่ 36.1
จากวันนั้นเราก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย แต่ไอ้ตุลย์โทรมาทุกวัน วันละสองสามนาที เพื่อจะบอกแค่ว่า
“เคลียร์งานให้เสร็จซะที”
“รู้แล้วน่ากำลังทำอยู่”
วันแรกๆ ผมก็ตอบแบบนั้น จนกระทั่งรายงานเล่มนั้นมันเสร็จจนส่งเข้าเมลล์ยัยจ๋อมแจ๋มนั่นไปแล้วไอ้ตุลย์ก็ยังไม่วายโทรมาเร่ง....อารามความหมั่นไส้น้ำเสียงที่บ้าอำนาจของมันทำให้ผมไม่ได้บอกว่างานเสร็จแล้ว...แต่ตอบกลับไปว่า
“ถ้าอยากให้เสร็จไวๆ ก็ช่วยทำดิ”
“อยากให้ช่วยจริงป่ะล่ะ? แต่กูไม่ช่วยฟรีๆ หรอกนะ กูเรียกค่าตอบแทนจนคุ้มเลยล่ะ หึหึ”
เหอะ! เสียงหัวเราะโรคจิตชิบเป๋ง
“ไอ้งกเอ๊ย กูทำเองก็ได้ จะเร่งทำไมนักหนากำหนดส่งตั้งอาทิตย์หน้า”
“คิดแบบนั้นได้ยังไง มัวแต่ดอง เดี๋ยวเกิดแอคซิเดนท์ คอมเจ๊งแบบกูแล้วจะหนาว ยังไงก็ไวๆ เข้าล่ะ?”
“อือ รู้แล้วน่า”
มันโทรมาทุกวันเพื่อจะทวงไอ้รายงานบ้าๆ นั่น ถึงจะหงุดหงิดเล็กน้อยที่มันมีเรื่องพูดเรื่องเดียว และไม่มีเนื้อหาสาระอื่นใดเพิ่มเติม เบื่อที่ต้องตอบผัดผ่อนไปเรื่อยๆ ทั้งๆ ที่ความจริงงานก็เสร็จแล้ว.... แต่สุดท้ายก็ไม่กล้าบอกความจริงอยู่ดี เพราะอย่างน้อย ไม่ว่ามันจะโทรมาด้วยเรื่องอะไร แต่คำพูดแค่สองสามประโยคของมัน ช่วยรักษาอาการ “นอนไม่หลับ” ได้ชะงัดนัก....
เลยกำหนดส่งงานมาสองวันแล้ว และผมมีสอบวันสุดท้าย ดีใจที่จะได้เป็นไทสักที
สองทุ่ม พ่อกระต่ายก็โทรมา ความจริงฉายานี้ อาจจะเข้ากับผมมากกว่าเพราะผมคิดว่าผมเพลย์บอยมากกว่ามัน แต่ก็นะ ผมดีกว่าหน่อยตรงที่ไม่ได้อยากจะ “เอา” ทุกที่ทุกเวลาอย่างมัน แต่กับคนบางอารมณ์ ผมไม่ค่อยเลือกหรอกถ้าพอใจ... ก็เลยไม่แน่ใจว่า ใครกันแน่ที่เหมือนกระต่ายมากกว่ากัน
“เฮ้ยวอก.... นี่มึงจะดองงานเอาโล่เหรอวะ ไหนว่ากำหนดส่งงานอาทิตย์นี้ไง”
“จริงดิ... นี่กูต้องส่งงานแล้วเหรอเนี่ย ไม่อยากเลย” ผมพูดติดตลก
“ทำเสียงแบบนี้ เสร็จแล้วใช่ไหม งั้นก็รีบๆ ส่งไปสิ กูรำคาญแล้วนะ” อย่างฝ่ายตอบกลับมาด้วยเสียงติดจะหงุดหงิด
“รำคาญอะไร ไม่มีใครใช้ให้ตามทวงซะหน่อย”
“ทำไมจะไม่มี ยัยแจ๊มป์อะไรนั่น โทรมาทวงงานได้ทุกวี่ทุกวัน กูแก้ตัวให้จนไม่รู้จะพูดยังไงแล้วว่าเดี๋ยวก็เสร็จ”
“ฮะ มึงว่าใครทวงนะ?”
“ก็ผู้หญิงคนนั้นไง จะมีใคร กูไม่น่าให้เบอร์เค้าไปเลยให้ตายสิ พลาดอย่างแรง”มันบ่นอย่างหัวเสีย....
เอ๊ะยังไง งานก็ส่งไปตั้งนานแล้ว อย่างยัยเจ๋ม ถ้าไม่ได้งาน ป่านนี้ไม่น่าเงียบ
“นี่เค้าโทรหามึงทุกวันเลยเหรอ”
“ไม่ แต่เกือบละ”
“จนถึงวันนี้น่ะเหรอ?”
“อือ” โห งานก็ได้ไปแล้ว ยังจะโทรจิกทำไม สงสัยจะเอาจริงนะเนี่ย
แต่ชีอยากจะเอาจริง หรือเอาเล่นๆ ก็ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของผมอยู่ดีนั่นแหละ....
“เหรอ.... แล้วนอกจากทวงงานเค้าคุยเรื่องอื่นด้วยไหม?”
“ก็คงอยากคุยแต่กูไม่อยาก”
“ทำไมวะ คนอุตส่าห์ทอดสะพาน มึงไม่ข้ามไปหน่อยเหรอ?” ผมแกล้งแซวกลับไปด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ
“กูไม่ว่าง กูต้องอ่านหนังสือ ถ้ากูว่างขนาดมีเวลาจะคุยกับคนอื่นได้ สู้กูไปอยู่กับมึงซะยังจะดีเสียกว่า” คนตอบทำเสียงเครียดไม่ยอมขำตาม
“แล้วทำไมมึงไม่ให้เบอร์กูไปล่ะ เค้าจะได้โทรมาทวงกูแทน”
“ไม่เอา กูหวง อีกอย่างกูจะได้หาข้ออ้างโทรหามึงแบบเนียนๆ ด้วยไง”
“ห่า... จนป่านนี้แล้วยังต้องเนียนอีกเหรอ?”
“ไม่รู้ดิ ถ้าไม่มีธุระ ก็ไม่รู้จะเริ่มต้นคุยอะไร ขอร้องอ่ะ รีบเคลียร์งานซะ เค้าจะได้เลิกโทรหากูซะที บอกตรงๆ นะ กูรำคาญแล้ว”
“ตุลย์ กูมีเรื่องจะบอก”
“ว่า?”
“กูทำงานนี้เสร็จไปตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้วละ แล้วตอนไปสอบกูก็เจอเค้า ถ้าเค้ายังไม่ได้เมลล์ เค้าทวงกับตัวกูก็ได้ งานเข้าละมึง เป็นไงล่ะ “อย่าเอาเบอร์มันไปเลยมันเป็นเกย์เอาเบอร์ผมไปดีกว่า” หึ กูว่าคนที่ต้องเคลียร์ไม่ใช่กูว่ะ แต่เป็นมึงต่างหาก”
ไอ้ตุลย์เงียบไป มันคงกำลังอึ้ง มันยังไม่รู้หรอกว่าสมัยที่ผู้ชายหันมากินกันเองหมดแล้ว ผู้หญิงก็ต้องเป็นฝ่ายล่าบ้างแล้ว ไม่ใช่ว่าจะยอมนิ่งเป็นฝ่ายรออย่างเดียว...
“จะว่าไป แจ๋มเค้าก็สวยดีนะ ไม่ต้องเคลียร์ แต่เปลี่ยนเป็นสานต่อน่าจะเวิร์คกว่ามั้ง”
“วอก... กูไม่ได้คิดอะไรกับเค้านะ” มันทำเสียงจริงจังขึ้นมาทันที
“เหรอ? บอกกูทำไมล่ะ ไม่อยากรู้ซะหน่อย...”
“มึงไม่อยากรู้แต่กูอยากให้มึงรู้ไว้”
“ไปบอกเค้าโน่น มึงจะรู้สึกยังไงกับใคร ไม่เกี่ยวไรกะกู”
“เกี่ยวดิ เกี่ยวมากด้วย คนอื่นจะคิดยังไงเข้าใจแบบไหนก็ช่าง แค่มึงเข้าใจ ถือว่ากูเคลียร์จบแล้ว....”
ผมเงียบ... ถ้อยคำที่หนักแน่นของมันทำให้ความวุ่นวายภายในอกสงบลง
“โทษนะ กูไม่เชื่ออะไรง่ายๆ หรอก จนกว่าจะเห็นด้วยตาตัวเอง” ผมบอกด้วยน้ำเสียงระรื่น
“จริงดิ งั้นเดี๋ยวมึงคงได้เห็น...”
“เออ... แล้วจะรอดู แค่นี้ก่อนนะ...” ผมรับตัดบท
“เฮ้ยเดี๋ยว อย่าเพิ่งวาง” มันเรีบขัดจังหวะเสียก่อน...
“มีอะไรอีก... ไหนว่าไม่มีเรื่องคุย”
.
.
.
.
มันเงียบ.... ทำซากอะไร
“เอ้า เรียกแล้วทำไมไม่พูด เงียบทำส้นติงไรเนี่ย ถ้าไม่มีอะไรกูวางแล้วนะ”
.
.
.
.
.
“คิดถึงนะ”
ตามด้วยเสียงตื๊ดๆ เพราะโทรศัพท์ตัดสายไป....
ทำไมประโยคมันสั้นจัง.....
ทั้งๆ ที่สั้นแค่นั้น แต่กลับทำให้ผมหุบยิ้มแทบไม่ได้....