แวะเอามาลงให้สองตอนต่อเนื่อง เพราะฉะนั้นตอนนี้ทันสต็อกที่แต่งแล้วนะคะ (หมายความว่าจะไม่ลงถี่แบบก่อนหน้านั้นแล้ว แต่จะพยายามปั่นให้ไว ๆ แล้วนำมาลงไม่ให้ดองนานนักค่ะ ^^"Miracle Café /13
จรัลสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ เขาหันไปมองยังต้นเสียงที่เรียกเขา ชายหนุ่มจ้องมองคนตรงหน้าอยู่สักพัก ก่อนจะทำตาโต แล้วตะโกนกลับไป
“โย! นี่นายจริง ๆ หรือเนี่ย!”
ขณะที่ทั้งสองคนกำลังนิ่งอึ้งกันทั้งคู่ ภูริจึงตัดสินใจเข้าไปแทรก แล้วหันไปยิ้มให้กับจรัล
“มาใช้บริการของทางร้านใช่ไหมครับ รบกวนเชิญด้านในดีกว่านะครับ”
จรัลชะงักกึก แล้วจึงเริ่มตั้งสติได้
“คะ ครับ ...ผมว่าจะมาทานข้าวเย็นที่นี่”
“ถ้าอย่างนั้นเชิญที่นั่งมุมนั้นดีไหมครับ”
ภูริบอกแล้วจึงหันมาสบตากับวาโยเป็นเชิงให้อีกฝ่ายนำทางไป วาโยซึ่งตั้งสติได้ก็รีบพยักหน้ารับรู้ แล้วหันไปทางเพื่อนของเขา
“มาทางนี้สิ...เอ๊ย เชิญทางนี้ได้เลย...ค่ะ”
ท้ายประโยคเจ้าตัวพูดเสียงเบาด้วยความอับอาย ทว่าจรัลนั้นไม่ได้หัวเราะเยาะอะไร ตรงกันข้ามเขาดูมีท่าทางมึนงงอยู่เสียด้วยซ้ำ
“จะรับเครื่องดื่มอะไรดี...คะ”
วาโยถามตามหน้าที่ ทั้งที่ใบหน้าของเขาตอนนี้แดงก่ำไปหมด
“เอ่อ...โย คือ ที่ว่าต้องมาทำงานเสิร์ฟนี่ นายจำเป็นต้องแต่งถึงขนาดนี้ด้วยเหรอ”
จรัลถามอย่างอดสงสัยไม่ได้ วาโยมองหน้าเพื่อนแล้วจึงถอนหายใจเฮือกใหญ่
“เฮ้อ! ก่อนหน้านั้นไม่ใช่แบบนี้หรอก ...แต่เฉพาะวันเสาร์มันเป็นอีเวนท์พิเศษน่ะ เลยต้องทำ ... นายไม่น่ามาวันนี้เลยนะเจ เลยแจ็คพ็อตเห็นของไม่น่าดูเข้าได้”
วาโยบอกแล้วก็ถอนหายใจอีกเฮือก ทว่าจรัลนั้นกลับชะงักแล้วจึงยิ้มน้อย ๆ พลางกวักมือเรียกอีกฝ่ายเข้ามาใกล้ วาโยนั้นทำตามอย่างแปลกใจ แต่พอเขาเข้าไปใกล้จรัลก็ลูบหัวของเขาเบา ๆ แล้วยิ้มกว้าง
“คิดมากน่า แต่งออกมาสวยดีออก สวยจนอยากถ่ายรูปเก็บไว้ดูเลย ...จริงสิขอสักใบได้ไหม”
วาโยชะงัก ก่อนจะหน้าบึ้งแล้วกระแทกเสียงใส่ด้วยความงอน
“เสียใจ! ในร้านห้ามถ่ายรูป!”
“โอ๋ ๆ อย่าโกรธน่า ...ไม่ถ่ายก็ไม่ถ่าย แต่ลองโมโหได้แบบนี้ มันก็คงไม่ได้แย่สักเท่าไหร่หรอก จริงไหมล่ะ”
จรัลบอกแล้วยิ้มให้ ซึ่งวาโยก็ทำเสียงฮึในลำคอ ก่อนจะถอนหายใจ แล้วจึงยิ้มน้อย ๆ ตอบ ความสนิทสนมของทั้งคู่ ทำให้หลายคนในร้านมองตามอย่างแปลกใจ และมีบางคนเริ่มรู้สึกไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทีละน้อย
“หมอนั่นนิสัยคล้ายนายนิด ๆ นะ”
การินที่เดินผ่านกวินไปเอ่ยพึมพำเบา ๆ ทำให้กวินกัดฟันกรอด แล้วหันมองตามหลังคุณหนูหน้าสวยซึ่งกำลังยกยิ้มน้อย ๆ อย่างถูกใจที่สามารถเอาคืนทำให้อีกฝ่ายหัวเสียได้บ้าง
“ไหน...เพื่อนวาโยมาหรือ อ้อ... เด็กคนนั้นนั่นเอง”
ปวีร์ที่ลงมาด้านล่างเพราะขวัญแก้วติดต่อขึ้นไปพึมพำเบา ๆ อย่างถูกใจ แล้วจึงเดินไปทักทายจรัลถึงที่นั่ง
“สวัสดี เจอกันอีกแล้วนะครับ”
“เอ่อ...สวัสดีครับ”
จรัลโค้งศีรษะน้อย ๆ ตอบอย่างมีมารยาท เพราะยังไงอีกฝ่ายก็อายุมากกว่าและยังเป็นเจ้านายของเพื่อนสนิทอีกด้วย
“แวะมาหาวาโยหรือครับ”
ปวีร์ถามต่อ ซึ่งวาโยที่กลับมาจากสั่งเครื่องดื่มก็มองมาทางทั้งคู่อย่างเป็นกังวลเล็กน้อย
“ก็ไม่เชิงหรอกครับ พอดีอยากมาหาอะไรกินด้วย ได้ข่าวจากโยว่าเชฟที่นี่ทำอาหารอร่อยมาก ผมเลยตั้งใจจะมาลองชิมฝีมือสักหน่อย”
จรัลตอบไปตามตรง ซึ่งปวีร์ก็พูดคุยกับอีกฝ่ายสองสามประโยคแล้วจึงหันไปทางวาโย ก่อนจะยิ้มน้อย ๆ อย่างเจ้าเล่ห์
“ถึงจะเป็นเพื่อนสนิทยังไง แต่ในร้านลูกค้าก็คือลูกค้า เพราะฉะนั้นเธอต้องปฏิบัติตัวต่อเขาให้เหมือนกับลูกค้าทุกคนเข้าใจไหม”
วาโยยิ้มแห้ง ๆ แล้วจึงพยักหน้ารับคำ ก่อนจะหันไปพยายามปั้นยิ้มหวานให้กับเพื่อนสนิท เขาเดินเข้ามาหยิบเมนูอาหารส่งให้กับจรัล แล้วบอกกับอีกฝ่ายด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ
“เมนูอาหารของทางร้านค่ะ ...สำหรับเมนูแนะนำในวันนี้ ขอแนะนำโฮมเมดพิซซ่า และโฮมเมดไส้กรอกนะคะ”
ถ้าอีกฝ่ายไม่ใช่เพื่อนสนิท จรัลคงคิดว่าเมดสาวคนนี้น่ารักน่าจีบ แต่ในเมื่อรู้ทั้งรู้อยู่เต็มอก เขาจึงได้แต่ยิ้มเจื่อน ๆ แล้วสั่งอาหารไปสองสามอย่าง
“งานบริการมันก็ไม่ง่ายอย่างที่คิดเลยจริง ๆ ด้วยนะ”
จรัลพึมพำกับวาโยที่กำลังจดโน้ต ชายหนุ่มชะงักมือ ก่อนจะกระซิบตอบด้วยใบหน้ายิ้มเนือย ๆ
“แต่ถ้าชินได้มันก็ไม่เลวร้ายอะไรนักหรอก...”
จรัลมองเพื่อนของเขาในสภาพเมด ก่อนจะจินตนาการถึงตัวเองหากต้องถูกจับแต่งบ้าง แล้วจึงขนลุกขนชันตามมา
“สำหรับฉันยังไงมันก็ยากอยู่ดี”
วาโยยิ้มแห้ง ๆ แล้วจึงขอตัวไปดูแลโต๊ะอื่น เนื่องจากเริ่มมีลูกค้าทยอยเข้าร้านกันบ้างแล้ว
หลังจากเครื่องดื่มและอาหารถูกนำมาเสิร์ฟ จรัลก็กินไปเรื่อย ๆ อย่างไม่รีบร้อนนัก ทว่าระหว่างกินเขาซึ่งนั่งอยู่มุมสุดของร้านก็สอดส่ายสายตามองไปรอบ ๆ อย่างนึกทึ่งต่อบรรยากาศภายในร้าน ...ที่เขาอยากมานั่งกินที่นี่ไม่ใช่แค่เพราะว่าวาโยทำงานอยู่เท่านั้น แต่เพราะได้ยินคำล่ำลือว่าคาเฟ่ที่เพิ่งเปิดใหม่ นอกจากมีพนักงานหน้าตาดี ๆ เต็มร้านไปหมด เรื่องอาหารและเครื่องดื่มก็ยังอร่อยมาก เรียกได้ว่าคุ้มค่ากับราคาทุกบาทที่จ่ายไปจริง ๆ
“อร่อยอย่างที่โม้ไว้จริง ๆ ด้วยแฮะ ...น่าอิจฉาหมอนี่เหมือนกันที่ได้กินฝีมือสุดยอดอย่างนี้ทุกวัน”
จรัลพึมพำ ก่อนจะสะดุ้งเมื่อมีหนุ่มหล่อหน้าตาดีตัวสูงไล่เลี่ยกับเขา เดินเข้ามาขออนุญาตเสิร์ฟน้ำเปล่าแก้วที่ว่างอยู่ให้
“อ๊ะ ขอบคุณครับ”
จรัลบอกแล้วยื่นแก้วน้ำให้อีกฝ่าย ทว่าเขาก็ต้องชะงักมือเล็กน้อย เมื่อนัยน์ตาของอีกฝ่ายนั้นฉายแววไม่เป็นมิตรขึ้นมาวูบหนึ่ง
“ได้แล้วครับ”
จรัลรับน้ำกลับมาอย่างสงสัย เขาจำได้ว่าไม่เคยรู้จักเห็นหน้าค่าตาอีกฝ่ายมาก่อน แต่ทำไมถึงได้ถูกมองเหมือนไม่ถูกชะตาแบบนี้ได้ แม้จะเป็นเพียงแค่ครู่เดียว และใบหน้านั้นจะกลับมายิ้มแย้มตามปกติก็ตาม
“ออเดอร์โต๊ะห้าได้แล้วค่ะ”
ขวัญตาที่ยกอาหารออกมาวางที่เคาท์เตอร์ตะโกนด้วยน้ำเสียงใส ๆ เพราะเวลาบ่ายแก่ ๆ ใกล้ช่วงเย็นแบบนี้ พนักงานแต่ละคนต่างก็มีหน้าที่รับผิดชอบวุ่นวายจนอาจไม่ทันได้สังเกตว่าอาหารหรือเครื่องดื่มทำเสร็จพร้อมเสิร์ฟแล้ว
“อ๊ะ เดี๋ยวฉันไปเอง”
วาโยรีบหันไปบอกกับการินที่ติดจดออเดอร์ลูกค้า ทว่าระหว่างที่รีบ ๆ ชายหนุ่มก็ดันเผลอสะดุดขาตัวเองเกือบจะล้ม หากแต่กวินที่ถือเครื่องดื่มไว้มือขวาและอยู่แถวนั้นก็ใช้มือซ้ายเกี่ยวเอวอีกฝ่ายเอาไว้ได้ทันหวุดหวิด
“ระวังหน่อยสิโย ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้”
กวินบอกแล้วยิ้มอย่างเอ็นดู วาโยมองอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มเขิน ๆ ส่วนลูกค้าบางคนนั้นปรบมือให้กับความว่องไวและแข็งแรงของกวินอย่างนึกทึ่ง
ทว่ามีบางคนกลับจ้องมองภาพที่เห็นด้วยความรู้สึกซึ่งแตกต่างไป เจ้าตัวหรี่ตาเล็กน้อยอย่างวิเคราะห์พิจารณา ก่อนจะจ้องมองกวินนิ่งสักพัก แล้วจึงรอจังหวะที่ชายหนุ่มว่างเจาะจงเรียกอีกฝ่ายโดยเฉพาะ
“มีอะไรให้รับใช้หรือครับ...นายท่าน”
กวินบอกกับอีกฝ่ายอย่างสุภาพนอบน้อมให้สมกับเป็นอีเวนท์พิเศษ แม้จะรู้สึกหงุดหงิดที่อีกฝ่ายกับวาโยนั้นสนิทกันมากก็ตาม
“ผมว่าจะสั่งของหวานสักหน่อย...พอจะมีอะไรแนะนำไหมครับ”
จรัลบอกแล้วสังเกตท่าทางของอีกฝ่าย เขาจับความไม่พอใจเล็กน้อยที่แฝงมากับสายตานั้นได้ แม้มันจะถูกใบหน้าสุภาพยิ้มแย้มกลบเกลื่อนอยู่ก็ตามที
“สำหรับของหวานทางร้านขอแนะนำ พุดดิ้งนมสด และพุดดิ้งคาราเมลนะครับ หรือถ้าท่านไม่ชอบอะไรที่หวานมากนัก เราก็มีขนมอบที่เป็นแบบโลว์ชูการ์ให้เลือก ...”
ระหว่างที่กวินกำลังแนะนำ จู่ ๆ จรัลก็เอ่ยขัดขึ้น
“โยน่ะชอบกินของหวานมากเลยรู้ไหม...โดยเฉพาะพวกน้ำแข็งไสนี่กินได้กินดี กินจนปวดท้องไปเป็นวัน ๆ ก็ยังไม่เข็ดสักที”
กวินชะงักกึก มองอีกฝ่ายอย่างแปลกใจ ซึ่งจรัลก็จ้องมองตอบ พลางยกยิ้มน้อย ๆ ที่มุมปาก
“ถ้าผมเดาไม่ผิด คุณคงเป็นรูมเมทของหมอนั่นสินะ...”
กวินนิ่งอึ้ง แล้วจึงย้อนถามกลับ
“คุณรู้ได้ยังไง”
“ก็ลองเดาจากที่โยอธิบายลักษณะท่าทางรูมเมทของเขา ...คือผมกับโยน่ะสนิทกันมาก มีอะไรก็มักเล่าให้ฟังกันหมดนั่นล่ะ ...เขาบอกเขารู้สึกสนิทใจกับคุณ คงเพราะคุณมีนิสัยอะไรหลายอย่างที่คล้ายผม...”
คำพูดของจรัลนั้นแทงใจดำของกวินเต็มที่ ชายหนุ่มกัดฟันกรอดก่อนจะพยายามตั้งสติไม่ให้โมโหไปมากกว่านี้
“...ตกลงคุณลูกค้าจะรับของหวานอะไรดีครับ”
“หึ ๆ ผมขอพุดดิ้งคาราเมลแล้วกัน”
จรัลบอกแล้วทำเป็นให้ความสนใจกับวิวนอกร้านต่อ กวินนั้นกัดฟันนิด ๆ แต่ก็โค้งรับออเดอร์ แล้วจึงเดินไปสั่งของหวานด้วยความหงุดหงิด จากนั้นจรัลจึงค่อย ๆ หันกลับมา แล้วถอนหายใจเบา ๆ
“เพื่อนเราเนี่ยนะ ไปอยู่ที่ไหนก็มีแต่ตัวผู้ด้วยกันมาสนใจ ...สงสัยต้องเตือนให้ระวังสักหน่อยแล้ว...”
จรัลพึมพำกับตัวเองก่อนจะชะงักเมื่อเห็นวาโยที่เดินผ่านกวินยิ้มหวานให้ชายหนุ่ม
“...โยเอ๊ย ไอ้นิสัยเป็นมิตรเกินขอบเขตนี่เมื่อไหร่นายจะเลิกได้สักทีนะ ...เฮ้อ! ลองเป็นแบบนี้จะไปโทษอีกฝ่ายมันก็ไม่ถูกเสียทีเดียวล่ะนะ”
จรัลบ่นเบา ๆ นึกเห็นใจกวินขึ้นมานิด ๆ แทน และพอกวินนำของหวานมาเสิร์ฟ ชายหนุ่มจึงเลิกแหย่อีกฝ่ายและพูดจาเป็นมิตรกว่าเดิม แถมยังเตือนทิ้งท้ายที่ทำให้คนฟังชะงัก
“นี่คุณ อย่าหาว่าผมแส่เลยนะ ...ถ้ายังเพิ่งเริ่มชอบ ก็ถอนตัวถอนใจออกมาเสียก่อนดีกว่า เพราะถ้าถลำลึกแล้วหมอนั่นไม่เล่นด้วย มันจะเจ็บเสียเปล่า ๆ ยังไงก็ต้องทำงานร่วมกันอีกนานนะคุณ”
กวินกลืนน้ำลายลงคอ เขาแย้งกลับไปเสียงแผ่ว
“คุณพูดอะไร ผมไม่เข้าใจ”
จรัลถอนหายใจค่อย ๆ แล้วจึงจ้องอีกฝ่ายนิ่งก่อนจะยิ้มน้อย ๆ
“ผมเชื่อว่าคุณเข้าใจ ...เอาเถอะ ผมก็ได้แค่เตือน ...ผมไม่เคยเห็นเพื่อนผมมันจะมีแนวโน้มชอบผู้ชายด้วยกันมาก่อน ...ถ้าพวกคุณใจตรงกันก็ดีไป...แต่ถ้าไม่ รบกวนอย่าเปลี่ยนความชอบเป็นความโกรธเกลียด แล้วมาลงที่เพื่อนของผมก็แล้วกัน”
จรัลพูดกับกวินอย่างตรงไปตรงมา และเพราะทั้งคู่คุยกันค่อนข้างเบา อีกทั้งที่นั่งบริเวณนั้นไม่มีใครอยู่ จึงไม่มีใครได้ยินว่าพวกเขาพูดอะไรกันบ้าง
“ผมขอตัวก่อนนะครับ...”
กวินบอกเสียงแผ่วแล้วเดินไปทำงานต่อด้วยความคิดอันสับสน เขาทบทวนคำพูดของจรัลและความรู้สึกของตัวเองอยู่ไปมา ก่อนจะเริ่มหน้าแดงนิด ๆ เพราะเพิ่งจะรู้ใจตัวเองว่า ที่เขาแปลก ๆ มาตั้งแต่เช้า แท้จริงแล้วนั่นเป็นเพราะเขาดันไปเผลอมีความรู้สึกแปลก ๆ ต่อรูมเมทของเขาเข้าให้แล้วนั่นเอง
เมื่อทานอาหารตรงหน้าจนหมด จรัลจึงเรียกวาโยมาคิดเงิน และเจ้าตัวยังมอบ ‘ทิป’ ยัดใส่มือของอีกฝ่ายไป ซึ่งวาโยก็รับมาอย่างมึนงง
“อะไรน่ะ...”
วาโยรับนามบัตรสีดำของอีกฝ่ายขึ้นมาอ่าน ก่อนจะเบิกตากว้างอย่างตกใจระคนดีใจ
“หรือว่า...นายได้งานแล้วหรือเจ!”
“ใช่...เป็นฝ่ายกราฟฟิกในโรงพิมพ์น่ะ … พอดีฉันก็ลองไปเดินเตร่ ๆ แถวนั้น แล้วเจ้าของร้านกำลังมาปิดป้ายรับสมัครเพราะคนเก่าเขาลาออกไป ฉันก็เลยเข้าไปลองเทสงานดู แล้วก็ผ่าน นี่ก็ทำงานกับเขามาได้ 2 วันแล้ว แต่วันนี้ที่ร้านปิดตกแต่งร้านใหม่ ฉันก็เลยว่างมากินที่ร้านนาย แล้วก็อยากจะบอกนายด้วยตัวเองยังไงล่ะ”
วาโยยิ้มดีใจไปกับเพื่อนของเขาด้วยจากใจจริง เขาจับมือของจรัลขึ้นมาบีบแล้วพึมพำ
“ยินดีด้วยนะเจ ที่ได้ทำงานที่ตัวเองชอบน่ะ”
“อืม...นายก็เหมือนกัน เท่าที่เห็นก็ดูไม่เลวนัก ทั้งร้าน และเพื่อนร่วมงานก็ด้วย”
จรัลบอกยิ้ม ๆ ทั้งคู่สนทนากันโดยไม่ได้สังเกตสายตาหลายคู่ในร้าน ที่มองมาอย่างทิ่มแทงระคนอิจฉา จากทั้งบรรดาลูกค้าชาย และพนักงานเสิร์ฟบางคน
“งั้นฉันไปล่ะ ฝากบอกเชฟร้านนายด้วยว่าอาหารอร่อยมาก แล้วก็ ....”
จรัลมองไปที่เคาท์เตอร์เขามองราเมศและขวัญแก้ว ก่อนจะยิ้มให้ทั้งคู่
“เครื่องดื่มอร่อยมากครับ ผมไม่เคยกินกาแฟที่ไหนอร่อยเท่านี้มาก่อน ขนาดพวกกาแฟแก้วละร้อยกว่านั่น ยังไม่ถูกปากเท่านี้เลยด้วยซ้ำ”
ราเมศและขวัญแก้วโค้งน้อย ๆ ขอบคุณ และยิ้มตอบ แต่พอจรัลจะเดินออกจากร้าน ปวีร์ที่จู่ ๆ ก็โผล่มาจากในครัวก็เอ่ยทักขึ้นก่อน
“อ้าว กลับแล้วหรือครับ ไม่ถ่ายรูปกับพนักงานในร้านของเราก่อนกลับหรือครับ”
จรัลหันไปมองอย่างงุนงง เพราะได้ยินที่วาโยบอกว่าในร้านห้ามถ่ายรูป แต่พออ่านใบปลิวที่รุจหยิบส่งให้ เขาก็ร้องอ๋อ ก่อนจะดูใบเสร็จตัวเอง
“แต่ผมกินไม่ถึง...”
ปวีร์เอานิ้วชี้มาแตะปากตนเองเป็นสัญญาณให้อีกฝ่ายหยุดพูด แล้วขยิบตาน้อย ๆ
“เชิญทางมุมนี้ดีกว่าครับ มุมของร้านบริเวณนี้ เราตกแต่งไว้สำหรับให้เป็นที่ถ่ายรูปอยู่แล้ว หรือจะไปที่หน้าร้านก็ได้นะครับ”
ปวีร์พาอีกฝ่ายไปยืนตรงพื้นที่ใกล้ตู้ขนมซึ่งเป็นที่เดินเข้าเดินออกของพนักงาน บริเวณนั้นเป็นพื้นที่ว่างซึ่งมีไม้ใบในกระถางตั้งประดับ และตกแต่งจัดมุมไว้อย่างโล่งโปร่งสบายตา อีกทั้งยังเป็นมุมที่มีตู้ไม้เอาไว้วางพวก จาน ช้อน ส้อม มีด รวมไปถึงเหยือกน้ำ และแก้วน้ำในร้านอีกด้วย
จรัลเดินตามมายืนที่ปวีร์บอกอย่างว่าง่าย เขามองไปที่วาโยซึ่งหน้านิ่วคิ้วขมวดแล้วส่งสัญญาณปฏิเสธ ชายหนุ่มจึงยกยิ้มน้อย ๆ แล้วหันไปบอกปวีร์
“ผมเลือกถ่ายกับน้องเมดคนนั้นแล้วกันครับ”
ปวีร์หัวเราะเบา ๆ กับคำพูดของอีกฝ่าย ส่วนวาโยนั้นหน้างอ แล้วเดินเข้ามาใกล้เพื่อนพร้อมกับพึมพำฝากไว้ก่อนเบา ๆ
“เอาน่า ยิ้มหน่อยสิ ถือเป็นของขวัญยินดีฉันได้งานใหม่แล้วกัน”
จรัลกระซิบ ทำให้วาโยถอนหายใจก่อนจะยิ้มแย้มกว้าง จากนั้นจึงยอมเล่นตามน้ำโพสท่าถ่ายรูปอย่างเต็มที่กับเพื่อนของตน โดยทำเป็นควงแขนแล้วซบไหล่อีกฝ่าย เล่นเอากวินที่แอบมองอยู่ตาเบิกกว้าง กัดฟันกรอดอย่างหงุดหงิดขึ้นมาทีเดียว
“เอ้า! ยิ้ม!”
ขวัญแก้วที่รับอาสาถ่ายรูป บอกกับทั้งคู่ และจากนั้นเธอจึงต่อกล้องเข้ากับเครื่องพิมพ์ตัวเล็กประจำร้านโดยตรง แล้วพิมพ์ภาพถ่ายออกมาส่งให้กับชายหนุ่ม
“รูปออกมาสวยมากเลยค่ะ ส่วนสำเนารูปถ้าสนใจเดี๋ยวจะส่งให้ทางมือถือนะคะ ต้องการด้วยไหมคะ”
จรัลพยักหน้าตอบรับ หญิงสาวจึงหยิบคอมพิวเตอร์พกพาตัวจิ๋วของเธอมาจัดการโอนรูปถ่ายเข้ามือถือของร้าน แล้วจากนั้นจึงขอเบอร์อีกฝ่ายก่อนจะจัดส่งไปให้ เป็นอันเสร็จสิ้นกระบวนการ
“ขอบคุณที่ใช้บริการของทางร้านนะคะ ไว้มาอุดหนุนใหม่นะคะ”
ขวัญแก้วบอกแล้วยิ้มหวาน ทำให้จรัลหน้าแดงนิด ๆ แล้วยิ้มตอบ สำหรับเขาผู้หญิงแท้ ๆ นี่ล่ะดีที่สุดแล้ว แต่พอมาเหลือบมองเพื่อนที่กำลังทำงานอย่างขยันขันแข็ง และมองรูมเมทคนปัจจุบันของเพื่อนที่แอบส่งสายตาไปมองเพื่อนเขาเป็นระยะ ชายหนุ่มก็ถอนหายใจเบา ๆ
“สุดแล้วแต่เวรแต่กรรมแล้วกัน ...ถ้าทำบุญคู่กันมา ก็คงได้คู่กันล่ะนะ”
จรัลพึมพำ แล้วเดินออกจากร้านไป โดยมีเสียงขอบคุณของพนักงานในร้านไล่ตามหลัง สร้างความประทับใจให้กับชายหนุ่มยิ่งนัก และคิดว่าถ้ามีโอกาสก็คงจะได้กลับมาอุดหนุนคาเฟ่ที่แสนวิเศษทั้งรสชาติอาหารและบริการแห่งนี้อีกครั้งแน่นอน
---TBC---