Faded Fog หมอกเลือนรัก (บทที่ 9) P.2 [11/03/2018]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Faded Fog หมอกเลือนรัก (บทที่ 9) P.2 [11/03/2018]  (อ่าน 13396 ครั้ง)

ออฟไลน์ popuri

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 89
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ตู่นี้ก็สนุกมากค่ะ รอติดตามอยู่นะคะ
แอบเห็นชื่อหนุ่มๆจากเรื่องอื่นแว้บแจมมาด้วยยย

ออฟไลน์ zuu_zaa

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1
 o13

ออฟไลน์ Airiณ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 232
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3
บทที่ 7




หลังจากที่ฮาลมาส่งเขาที่ห้องพัก ซันก็หลับเป็นตายจนถึงช่วงบ่ายของอีกวัน เขาติดต่อไปหาอเล็กซ์ หัวหน้าของเขาทันทีที่มีสติและเรี่ยวแรงมากพอที่จะทำแบบนั้น อีกฝ่ายส่งเสียงเอะอะมาด้วยความตกใจ จากนั้นก็เริ่มเล่าถึงความโกลาหลที่เกิดขึ้นในช่วงสามวันที่เขาหายตัวไป ตอนแรกทุกคนก็ลงความเห็นไปว่าเขาไม่สบายเลยไม่ได้มาทำงาน แต่พอพยายามติดต่อมาก็ติดต่อไม่ได้ ส่งคนมาดูที่ห้องก็ไม่มีใครเปิดรับ จนอเล็กซ์กำลังคิดว่าจะไปแจ้งความอยู่แล้ว แล้วสักพักก็มีเรื่องการตายของแมดเดอลีนเข้ามาอีก

"ผมได้ยินเรื่องของคุณมาจากทางตำรวจแล้ว" อเล็กซ์ว่าด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง ซันรู้ดีว่านี่เป็นหนึ่งในเรื่องที่ฮาลบอกเขาไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว เจ้าตัวบอกว่าเขาจะจัดการเรื่องที่ทำงานให้ ขอให้เล่นตามน้ำไปตามนั้นก็พอ "เขาบอกว่าคุณโดนจับตัวไป และมันอาจมีความเกี่ยวข้องกับการตายของแมดเดอลีน"

อย่างน้อยก็ไม่ใช่เรื่องโกหกเสียทีเดียวล่ะนะ

"แล้วคุณเป็นยังไงบ้าง ปลอดภัยดีหรือเปล่า"

"ตอนนี้เรียบร้อยดีครับ แค่เจ็บหนักหน่อย กำลังพักฟื้นตัวอยู่ที่ห้อง อาจจะเข้างานได้อีกทีอาทิตย์หน้า"

"ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นตอนนี้หรอก เฮ้ แล้วพวกมันจับตัวคุณไปทำไม มันได้พูดอะไรกับคุณบ้าง"

"ผมไม่แน่ใจเหมือนกันครับ เหมือนทุกอย่างมันเลือนรางไปหมด"

"งั้นก็เหมือนกับที่ทางตำรวจบอก งั้นผมไม่กวนคุณแล้วดีกว่า ไว้ผมจะติดต่อไปใหม่นะ คุณซัน ถ้ามีอะไรก็โทรหาผมได้ตลอด แล้วก็ ผมเสียใจจริงๆ ที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นทั้งที่คุณเพิ่งจะมาทำงานได้ไม่นาน"

"ไม่เป็นไรครับ" ซันว่าก่อนจะกดวางสายไปแล้วแหงนหน้ามองเพดานของห้องอย่างเหนื่อยอ่อน

ไม่รู้ป่านนี้แอนดรูว์เป็นไงบ้าง จะยังปลอดภัยดีอยู่ไหม แล้วตอนนี้หมอนั่นกำลังทำอะไรอยู่

ชายหนุ่มนึกทบทวนเรื่องวุ่นวายที่เจอมาในช่วงสามสี่วันที่ผ่านมานี้ ร่างของเขาสั่นขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อนึกถึงตอนที่ตัวเองโดนทรมาน รวมถึงตอนที่เจอศพของแมดเดอลีนที่ใต้เตียงนั่น สีหน้าหวาดกลัวก่อนจะขาดใจตายของเจ้าหล่อนยังคงติดตาเขา บางทีเขาน่าจะเสิร์ชหาดูว่ามีวัดไทยที่ไหนใกล้กับที่เขาอยู่ที่สุดบ้าง จะได้ไปทำบุญตักบาตรอุทิศส่วนกุศลให้เจ้าหล่อนสักหน่อย ถึงเขาจะไม่แน่ใจว่าจะส่งบุญข้ามศาสนากันได้รึเปล่าก็เถอะ

หลังจากนอนพลิกตัวกระสับกระส่ายไปมาบนเตียง หยิบมือถือขึ้นมาดูหน้าจอแล้วก็วางไม่ต่ำกว่าสิบรอบ ยังไงเสียก็คงยังไม่มีการติดต่อจากดรูว์เร็วๆ นี้ ท้องเขาก็เริ่มร้อง แถมการจมอยู่กับความเงียบก็ยิ่งทำให้ซันรู้สึกหดหู่อย่างบอกไม่ถูก เขาจึงตัดสินใจลุกขึ้นจากเตียง โทรไปสั่งพิซซ่าให้มาส่งที่ห้อง จากนั้นก็เข้าไปอาบน้ำให้สบายตัว แม้ว่าการโดนหยดน้ำกระเซ็นใส่เบาๆ จะทำให้เจ้าตัวแสบแผลจนแทบสะดุ้งเลยก็ตาม

กลับออกมานั่งแช่บนโซฟาพร้อมกับดูโทรทัศน์ซึ่งกำลังฉายหนังเรื่องหนึ่งที่เคยเข้าโรงที่ไทย เสียงกริ่งหน้าห้องก็ดังขึ้น ซันเดินไปเปิดประตู นึกในใจว่ามื้อค่ำเขาคงมาแล้ว แต่เจ้าตัวก็ต้องชะงักไปเมื่อเห็นชายหญิงคู่หนึ่งที่เขาไม่รู้จัก ฝ่ายหญิงที่มีเรือนผมสีแดงน้ำตาลเหยียดตรงยาวเลยบ่าพูดขึ้นก่อนด้วยน้ำเสียงเป็นการเป็นงาน

"สวัสดีค่ะ คุณซัน ฉันชื่อเจน โฮแกน ส่วนนี่เพื่อนร่วมงานฉัน ไบรอัน ฟลินน์"

"เอ่อ สวัสดีครับ? " เขาตอบกลับอย่างไม่แน่ใจ "มีอะไรให้ผมช่วยหรือเปล่า"

"เราแค่แวะมาทักทายนิดหน่อย ลูมิสเป็นคนขอให้เรามาช่วยจับตาดูคุณ เลยแค่อยากจะโผล่มาให้เห็นว่าถ้าเห็นหน้าเราบ่อยๆ ก็ไม่ต้องตกใจนะคะ ฉันกับฟลินน์จะคอยผลัดกันตามคุณ หรือบางครั้งเราอาจจะอยู่ด้วยกันทั้งคู่ แต่เราจะไม่รบกวนความเป็นส่วนตัวของคุณแน่ค่ะ แค่คอยดูอยู่ห่างๆ "

"อะไรนะ" ซันอุทานอย่างตกใจ ดรูว์ไม่เห็นจะบอกอะไรเขาเรื่องนี้ แล้วนี่มันไม่เกินเหตุไปหน่อยเหรอ "แล้วผมจะรู้ได้ไงว่าเขาเป็นคนส่งพวกคุณมาจริงๆ "

โฮแกนกับฟลินน์หันไปมองหน้ากันก่อนจะหันกลับมาทางซัน จากนั้นโฮแกนก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดโทรออกแล้วยื่นให้ชายหนุ่มชาวเอเชียตรงหน้า

"เอาเป็นว่าคุณคุยกับเขาเองเลยน่าจะดีกว่า"

ซันรับโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหูอย่างงงๆ เสียงสัญญาณรอสายดังขึ้นสามกริ่งก่อนที่จะมีคนรับ

"ว่าไง เจน"

ซันเกือบจะหลุดเรียก 'ดรูว์' ไปอยู่แล้ว แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าสองคนตรงหน้ารู้จักปลายสายในชื่อของเบนจามิน ลูมิส ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะเรียกชื่อใหม่อีกฝ่ายแทน

"เบนจามิน"

ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะอุทาน "ซัน? "

"นี่มันเรื่องอะไรกัน" เขาถามกลับไปเป็นภาษาไทย

"อ้อ นายเจอเจนกับไบรอันแล้วใช่ไหม"

"สรุปว่าสองคนนี้เป็นคนรู้จักนายจริงๆ สินะ"

"ใช่แล้ว นายไว้ใจพวกเขาได้"

"นายปลอดภัยดีใช่ไหม"

"ฉันปลอดภัยดี แต่นายจะว่าอะไรไหมถ้าฉันขอวางก่อน"

ซันตีหน้าหงอยลงทันที ถึงจะรู้ดีว่าดรูว์ไม่มีทางเห็นก็ตาม "แต่ฉันยังอยากคุยอยู่เลยนี่"

"ขอโทษนะครับคนดี" แอนดรูว์พูดเสียงปลอบโยนมาตามสาย ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากคุยกับซัน แต่เขามีเรื่องอื่นที่ต้องทำจริงๆ "ไว้ฉันจะโทรไปหานายตอนที่พอมีเวลานะ รอฉันหน่อยได้ไหม"

"อย่างกับฉันมีทางเลือก"

"ไม่โกรธน่า ซัน ต้องวางแล้ว เดี๋ยวจะติดต่อไปนะครับ" น้ำเสียงเว้าวอนจนซันใจอ่อนตามเคย

"ระวังตัวนะ" อดไม่ได้ต้องพูดออกมาเสียงเบา แอนดรูว์รับปากทันที

"เข้าใจแล้ว นายเองก็ดูแลตัวเองด้วย เจนกับไบรอันจะดูแลความปลอดภัยของนายเอง"

"เรื่องนั้น… มันไม่เกินไปหน่อยเหรอ"

"นายยังจะพูดแบบนั้นหลังจากโดนลากไปซ้อมมาครั้งหนึ่งแล้วเนี่ยนะ"

ก็จริงของมัน

"ไปแล้ว ซัน เดี๋ยวค่อยคุยกัน"

"โชคดี เบน" แล้วอีกฝ่ายก็วางหูไป ซันยื่นโทรศัพท์คืนให้หญิงสาวตรงหน้า

โฮแกนกับฟลินน์ฝากเนื้อฝากตัวกับเขาอีกสองสามคำก่อนจะจากไป ซันได้แต่กลับไปนั่งอยู่บนโซฟาตามเดิมด้วยความคิด ความกังวลสารพัดที่ผุดขึ้นมาในหัวเป็นระยะๆ อย่างที่เขาห้ามไม่อยู่

แต่พอลองคิดถึงสิ่งที่เขาเจอมาในช่วงสามวันนี้แล้ว เขาก็ไม่นึกโทษความขี้ระแวงของตัวเองเหมือนกัน







ลูมิสมองหน้าจอมือถือของตัวเองหลังจากที่กดวางสายไป เขาถือมันอยู่อย่างนั้นครู่หนึ่งก่อนจะเก็บใส่กระเป๋ากางเกง นัยน์ตาสีเขียวทอดสายตาไปที่บ้านเดี่ยวหลังเล็กชั้นเดียวที่ตั้งอยู่กลางพื้นที่รกร้างและป่าไม้ที่รายล้อมอยู่บริเวณนั้น แทบไม่มีบ้านหรือสิ่งปลูกสร้างใดๆ ในแถบนี้

นี่เป็นที่อยู่ของอดัม จอห์นสัน ชายหนุ่มที่ทางทีมเจาะข้อมูลของเขาสืบมาได้ว่าเป็นคนส่งวิดีโอตอนที่ซันถูกลากไปซ้อมจนน่วมเพียงเพื่อถามความเป็นไปเกี่ยวกับเขา

ชายหนุ่มไม่จำเป็นต้องตบที่ข้างเอวเพื่อหาตรวจสอบว่าปืนอยู่ตรงนั้นหรือไม่ เขารู้ดีว่าอาวุธมากมายที่ซ่อนอยู่ตามส่วนต่างๆ ของร่างกายพร้อมแบบครบครัน เหลือแค่เขาจะเลือกหยิบมาใช้ตอนไหนก็เท่านั้นเอง

ลูมิสเลาะไปตามรั้วบ้าน ความมืดไม่เป็นอุปสรรคของเขาเท่าไรนักเพราะประสบการณ์และการฝึกฝนมากมายที่ทำให้เขาชินกับสถานการณ์แบบนี้ ชายหนุ่มกระโดดข้ามรั้วเตี้ยๆ เพื่อเข้าสู่เขตของตัวบ้าน เท่าที่กวาดตาดูจากรอบๆ เงี่ยหูฟังดูอย่างตั้งอกตั้งใจแล้ว ไม่มีใครอยู่แถวนี้นอกจากเขา นอกเสียจากว่าคนที่อยู่จะเป็นระดับมืออาชีพที่พอๆ กับเขาหรือมากกว่า เขาหวังให้มันไม่ใช่แบบหลัง

ลูมิสใช้เวลาเล็กน้อยในการสำรวจและปลดล็อกกลอนประตูหน้าบ้าน ใช้เวลาไม่นานเลยในการบุกเข้ามาข้างใน นัยน์ตาสีเขียวคมกริบกวาดดูข้าวของอย่างรวดเร็วและสรุปได้อย่างง่ายดายว่าไม่มีใครอาศัยอยู่ที่นี่มาพักใหญ่แล้ว

โต๊ะกินข้าวกับเก้าอี้สำหรับคนเดียวถูกทิ้งไว้จนฝุ่นเกาะอยู่ที่มุมหนึ่ง อีกมุมมีโซฟาเก่าๆ ที่มีรอยปะอยู่บางส่วน ไม่มีโทรทัศน์ ไม่มีโทรศัพท์ เขาสงสัยว่าที่นี่จะไม่มีไฟฟ้าใช้แล้วด้วยซ้ำแต่เมื่อเดินเข้าไปในครัว เปิดตู้เย็น ด้านในเย็นเฉียบราวกับมันถูกเสียบปลั๊กไว้แบบนั้นเป็นปกติ ซึ่งขัดกับหลายอย่างในตัวบ้าน หรือแต่ตัวตู้เย็นที่ว่างเปล่าไม่มีอะไรอยู่ในนั้นด้วยเช่นกัน

มีคนใช้ที่นี่เป็นครั้งคราว

ลูมิสสันนิษฐาน ไม่แน่ใจเสียทีเดียว แต่ที่แน่ๆ คือตอนนี้ไม่มีใครอยู่ในบ้านหลังเล็กจิ๋วนี่นอกจากเขา ชายหนุ่มตัดสินใจว่าจะสำรวจให้ทั่ว เขาเดินไปเปิดประตูห้องนอนที่มีเพียงห้องเดียวในบ้านหลังนี้ ชายหนุ่มถือไฟฉายเล็กจิ๋วที่เขาพกติดตัวไว้ตลอดเวลาส่องไปตามทิศทางต่างๆ ตามที่ต้องการ

กลิ่นกำมะถันลอยปนมาในอากาศทันทีที่ประตูห้องถูกเปิดออก ลูมิสชะงักไปชั่วขณะ มือที่ถือไฟฉายค้างเอาไว้ฉายแสงให้เห็นตัวหนังสือที่ไม่รู้ว่าเขียนด้วยสีแดงหรือว่าเลือด





‘สวัสดีลูมิส ขอบคุณที่มาเล่นด้วยนะ’





“ระยำ” เขาไม่ต้องเสียเวลาคิดต่อจากนั้นแม้แต่เสี้ยววิฯ ชายหนุ่มถลาตัวออกจากห้องแล้วตรงไปที่ประตูหลังบ้านซึ่งอยู่ใกล้กว่า กระชากเปิดพร้อมกับพุ่งตัวออกไป สมองประมวลผลสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ที่ประตูห้องนอนนั่นต้องมีเซนเซอร์บางอย่างอยู่แน่ หรือไม่ก็กล้องวงจรปิดแบบอินฟราเรด ไม่ว่าจะเป็นอย่างไหน แต่ในบ้านหลังนั้นต้องมีระเบิดอยู่แน่ เขาทำได้แค่หวังว่ามันจะไม่ร้ายแรงเกินไป

ลูมิสนึกถึงบ่อน้ำเล็กๆ ที่อยู่ถัดไปอีกเล็กน้อย เขาสังเกตเห็นมันตอนที่จอดรถแล้วย่องมาที่บ้านหลังนี้

สัญชาตญาณสั่งให้เขาพุ่งทะยานไปที่แห่งนั้นทันที ขาเรียวยาวพาร่างของตัวเองทะยานลงผืนน้ำเป็นจังหวะเดียวกับที่แรงระเบิดจากด้านหลังกดทับลงมา ฟองอากาศลอยออกมาจากปากของคนที่อยู่ใต้น้ำเพราะแรงดันมหาศาลที่ทำให้ร่างกายด้านชาจนแทบขยับตัวไม่ได้

แต่ถึงอย่างนั้นก็ดีกว่ารับระเบิดกระแทกหน้าเต็มๆ แน่

ลูมิสลอบคิด กัดฟันข่มความเจ็บปวดที่เพิ่มพูนขึ้นมาจนชวนให้สติหลุดออกจากร่าง เสี้ยววินาทีหนึ่งเขาเกือบจะสลบไปอยู่แล้ว หากสัญชาตญาณในตัวส่งเสียงเตือนว่าขืนเขาหลับตรงนี้ก็ไม่ได้ตื่นขึ้นมาอีกแน่ ชายหนุ่มจึงได้แต่กัดฟัน ประคองสติพาตัวเองแหวกว่ายขึ้นไปด้านบน เมื่อแน่ใจว่าแรงระเบิดเมื่อครู่หายไปหมดแล้วลูมิสก็ตะเกียกตะกายโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำพร้อมกับหอบหายใจระรัว

เขามองกลับไปยังบ้านหลังเล็กที่ตัวเองเพิ่งเข้าไปสำรวจ มันพังราบไปเรียบร้อยแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย ถ้าเขาตัดสินใจจะก้าวออกมาช้ากว่านั้นสักเสี้ยววินาทีละก็… เขาเองก็คงมีสภาพไม่ต่างจากมัน

ชายหนุ่มไม่เสียขอบคุณในความโชคดีของตัวเองหรือฟูมฟายกับความเจ็บปวด เขายันตัวลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเลเพราะบาดแผลที่หนักที่สุดบนแผ่นหลัง เดินกลับไปที่รถด้วยความเร็วที่ช้าลงจากปกติแม้ว่าเจ้าตัวจะพยายามเร่งฝีเท้าอย่างสุดกำลังก็ตาม

ลูมิสปิดประตูรถ ผ่อนลมหายใจอย่างแรงเฮือกหนึ่งขณะที่เท้าเหยียบคันเร่งด้วยความเร็วเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด ในหัวนึกทบทวนถึงสิ่งที่เจอซ้ำไปมาเพื่อเตือนไม่ให้ตัวเองลืม

‘สวัสดีลูมิส ขอบคุณที่มาเล่นด้วยนะ’

ใครบางคนกำลังเล่นตลกกับเขา แต่เป็นตลกที่ขำไม่ออก แต่อย่างน้อยก็ชัดเจนแล้วว่าเขาคือเป้าหมายอย่างแน่นอน ทีนี้ก็ต้องมานั่งเสียเวลาคิดแล้วว่าใครที่พยายามจะเก็บเขา

จำนวนที่ผุดขึ้นในหัวมากมายจนไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนดีเลย

“อ่า…” ลูมิสครางออกมาแผ่วเบาเพราะสภาพร่างกาย หากในหัวคิดถึงกลุ่มคนที่มีความเป็นไปได้ว่าอยากจะได้ชีวิตเขาตอนนี้

แต่สิ่งที่ลูมิสกำลังกังวลตอนนี้ก็คือ… บางทีเขาอาจเชื่อใจใครไม่ได้เลยแม้แต่คนในองค์กรเดียวกัน







ซันนั่งเหม่อลอยมองหน้าจอคอมพิวเตอร์มาเป็นเวลาเกือบสิบนาทีแล้ว นี่ไม่ใช่นิสัยปกติของเขา แต่ถ้าต้องเจอเรื่องที่หนักหนาอย่างโดนลักพาตัวไปซ้อมหลายวันติดกัน เจอศพหัวหน้างานอยู่ใต้เตียงของแฟนตัวเอง ซันว่าแค่เขาไม่เป็นบ้าไปก่อนก็เก่งมากพอแล้ว

และตอนนี้ทั้งบริษัทก็แต่งชุดดำไว้อาลัยให้กับแมดเดอลีน สตีเวนสัน พนักงานคนสำคัญที่ทำให้องค์กรก้าวหน้ามาได้ถึงเพียงนี้ แต่ทุกคนไม่ได้เห็นศพของหญิงสาวเหมือนที่เขาเห็นนี่ แล้วยิ่งการตายของหล่อนสยดสยองขนาดนั้น…

อุบ… แค่คิดถึงมันขึ้นมาก็จะอ้วกแล้ว

ซันลุกออกจากที่ทำงานของตัวเองหลังจากทนแรงกดดันไม่ไหว ชายหนุ่มสะโหลสะเหลราวกับคนป่วยเพิ่งฟื้นไข้ เข้าไปในห้องน้ำโซนที่คนค่อนข้างน้อย ไม่ถึงกับอาเจียนออกมาแต่ก็เกือบไปเหมือนกัน เขาห้ามตัวเองไว้ได้ด้วยการสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อไล่อาการหน้ามืดที่ผลุบๆ โผล่ๆ มาช่วงนี้ เดินไปที่ซิงค์แล้วเปิดก๊อกขึ้นมาวักน้ำใส่หน้า นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มเหลือบมองกระจก แทบจะสะดุ้งไปติดอยู่กับผนังด้านบนเมื่อเห็นร่างของใครบางอยู่ด้านหลังเขาในกระจกเงานั่น

เขาเกือบจะส่งเสียงร้องออกมาตอนที่ร่างสูงเพรียวก้าวเข้ามาประชิดแล้วยกมืออุดปากเขาอย่างรวดเร็ว แอนดรูว์ยกนิ้วชี้อีกข้างแตะริมฝีปาก ส่งเสียงชู่เบาๆ เพื่อให้คนรักของเขาเงียบ ซันพยักหน้ารับทีหนึ่งก่อนจะกระซิบถามเสียงเบาอย่างงุนงง

“นาย… มานี่ได้ไงเนี่ยดรูว์ แล้วนี่นายบาดเจ็บเหรอ? ” ซันไม่ได้เห็นบาดแผลเต็มๆ ที่กลางหลังเพราะสายลับหนุ่มจัดการปฐมพยาบาลเบื้องต้นเรียบร้อยแล้ว ถ้าซันได้เห็นแผลเขาเต็มๆ ละก็ไม่มีทางนิ่งอยู่ได้แบบนี้หรอก

แต่ถึงจะบอกว่านิ่งสีหน้าและแววตาของเจ้าตัวก็บ่งบอกถึงความกังวลมากพอสมควร ลูมิสนับถือแฟนของตัวเองจริงๆ ที่ช่างสังเกตถึงเพียงนี้ ทั้งที่เขาแน่ใจว่าปกปิดแผลแล้วก็กลบเกลื่อนอาการบาดเจ็บของตัวเองได้อย่างแนบเนียนแล้วเชียว

“ก็นิดหน่อย”

“ทำอะไรมา”

ร่างสูงไม่ตอบในทันที เขาหันซ้ายหันขวาเพื่อดูว่าไม่มีใครจากนั้นก็ลากซันเข้าไปในห้องน้ำห้องหนึ่ง ปิดประตูลงกลอน ดันร่างของคนผมดำไปติดผนังแล้วกดจูบลงบนริมฝีปากของซันอย่างรุนแรงและโหยหาราวกับคนตายอดตายอยาก

ซันทั้งตกใจทั้งขำกับจูบที่ย้ำลงมาอีกครั้ง ทั้งที่คนที่ไม่มีเวลาให้ในความสัมพันธ์ของพวกเขาคือคนตรงหน้านี้แท้ๆ แต่เจ้าตัวก็ยังแทะโลมริมฝีปากเขาอย่างตะกละตะกลาม ซันตวัดลิ้นรับจูบของอีกฝ่ายอย่างนุ่มนวลกว่า แต่แอนดรูว์ไม่ยอมผ่อนจังหวะใดๆ ลงให้เขาเลย ตรงกันข้าม ฝ่ามืออุ่นเริ่มรุกล้ำเข้ามาใต้สาบเสื้อเขาอย่างซุกซนแล้ว

ซันไหวตัวเล็กน้อยอย่างตกใจ มือเลื่อนไปจับแขนแอนดรูว์นิดๆ เพราะไม่ชินกับเรื่องอย่างว่าที่ห่างหายไปนานแรมปี แอนดรูว์ส่งเสียงในลำคออย่างพอใจ ผละจูบออกแล้วเลื่อนริมฝีปากไปคลอเคลียที่ใบหูซัน ท่อนแขนที่แข็งแรงกว่าหลุดออกจากการเกาะกุมของอีกฝ่ายอย่างง่ายดาย กระซิบข้างหูด้วยน้ำเสียงข่มขู่ที่ชวนเร้าอารมณ์คนฟังอย่างบอกไม่ถูก

“เดี๋ยวนี้กล้าขัดฉันเหรอ? ”

“เปล่า…” ซันว่า นึกถึงช่วงปิดเทอมก่อนจะเข้ามหาลัยที่พวกเขาสองคนเล่นบทรักแบบที่อีกฝ่ายต้องทำตามคำสั่งของอีกฝ่ายหนึ่ง เสียงที่แอนดรูว์ใช้ตอนนี้เหมือนกับตอนนั้นไม่มีผิดเลย “แค่ไม่ทันตั้งตัว”

“อาราย” ใบหน้าคมยกยิ้มเจ้าเล่ห์ “ทำตัวเป็นสาวน้อยบริสุทธิ์ไปได้ นี่ ซัน จำช่วงที่เราจบม.6 ใหม่ๆ กันได้ไหม ที่เราเล่น SM กันอะ ฉันยังจำได้เลยว่าเร่าร้อนขนาดไหนเวลารับคำสั่งจากฉัน”

“อย่าเอาเรื่องเก่าๆ มาพูดนะ” หน้าของซันแดงเถือกไปถึงหลังหู ใครจะไปบอกกันล่ะว่าเขาก็กำลังคิดถึงเรื่องเดียวกับที่ดรูว์พูดอยู่เป๊ะเลย

“ที่รักเขินเหรอครับ” ลากลิ้นร้อนลงบนหู มือที่อยู่บนแผ่นอกเริ่มหยอกเย้ากับส่วนยอดที่เริ่มแข็งรับสัมผัสเสียวซ่านจากคนตรงหน้า ซันครางแผ่วเบาในลำคอ ขยับร่างรับฝ่ามือกร้านอีกข้างที่ลากลงมาบนหน้าท้อง ไล้ลงต่ำเรื่อยๆ จนล้วงไปสัมผัสผิวเนื้อใต้กางเกง

เสียงครางแผ่วเบาอย่างพึงพอใจเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากคู่สวย แอนดรูว์ขบริมฝีปากเจ้าตัวอย่างมันเขี้ยว

“อย่าส่งเสียง”

นั่นเป็นประโยคคำสั่ง

ซันปล่อยให้มือหนารูดลงบนส่วนอ่อนไหวของเขาอย่างชำนาญการ ใบหน้าหล่อเหลาของคนผมบลอนด์ห่างจากเขาไปเพียงไม่กี่เซนฯ ลมหายใจอุ่นที่เป่ารดกันทำให้ซันยิ่งเข่าอ่อน ความปรารถนาที่เพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ ส่งผลให้เขาส่งเสียงครางออกมาอีกครั้งอย่างห้ามไม่อยู่

แอนดรูว์กดจูบลงมาแรงขึ้นเป็นเชิงเตือน

“ผมสั่งว่าไง? ”

“อะ… อือ” นัยน์ตาสีดาร์กช็อกโกแลตหยาดเยิ้มทีเดียวขณะมองมาที่เขาอย่างอ้อนวอน แม้ทั้งคู่จะรู้ว่านี่มันไม่ใช่เวลามาทำเรื่องลามกแบบนี้แต่ก็ไม่มีใครห้ามใครได้

“ถ้าส่งเสียงแล้วคนอื่นเข้ามาจะทำยังไงครับ”

“อะ… ดรูว์…”

แอนดรูว์เหลือบมองแก่นกลางที่อยู่ในมือของตัวเอง ตวัดลิ้นลงบนหูของคนตัวเตี้ยกว่า พอใจที่ได้เห็นซันสะดุ้ง หูที่แดงระเรื่ออยู่แล้วแดงขึ้นกว่าเดิม

“อยากถึงไหม” กระซิบด้วยน้ำเสียงยั่วยวนพร้อมกับเร่งจังหวะมือ คนถูกถามบิดตัวเกร็งด้วยความเสียวซ่าน “รู้ใช่ไหมว่าอยากถึงต้องทำยังไง”

“ดรูว์ ไม่เอา” จะบ้าเหรอ เขาสองคนไม่ใช่เด็กๆ แบบตอนนั้นแล้วนะ จะมาให้พูดอะไรน่าอายแบบนั้นได้ไง

“ไม่เอาก็อด” น้ำเสียงยียวนจนซันอยากทุบหัวใส่สักที ซ้ำเจ้าตัวยังลดจังหวะมือที่ปรนเปรอเขาอยู่อีกต่างหาก ซันกัดฟันกรอด มองไอ้ตัวแสบที่ทำลอยหน้าลอยตาส่งยิ้มเผล่ให้เขาอย่างกวนประสาท อยากจะรับคำท้านั้นอยู่ แต่ถ้าดรูว์ไม่ทำให้เขาตอนนี้เขาต้องคลั่งตายแน่ๆ อีกอย่างกว่าจะได้เจอกันครั้งต่อไปก็ไม่รู้เมื่อไหร่ เขาอยากใช้เวลาทุกนาทีที่อยู่กับหมอนี่ให้มีค่าที่สุด

ยอมลงให้มันก็ได้วะ…

“ดรูว์ครับ” พูดเสียงอ่อยอย่างจำยอม “ทำให้ผมถึงสวรรค์ที”

“ได้สิครับที่รัก” แอนดรูว์หอมแก้มคนขอฟอดใหญ่ เร่งจังหวะมือของตัวเองมากขึ้น เมื่อเห็นริมฝีปากคู่สวยกำลังจะเผยอขึ้นมาเขาก็จูบปิดปากอย่างรวดเร็ว ลงท้ายซันเลยทำได้แค่ส่งเสียงอู้อี้ในลำคอขณะปลดปล่อยน้ำสีขาวขุ่นลงบนฝ่ามืออีกฝ่ายที่รอท่าอยู่แล้ว

ซันทิ้งน้ำหนักตัวกระแทกกับผนังด้านหลังขณะหอบหายใจระรัว เหลือบมองคนตรงหน้าที่หยิบทิชชู่ขึ้นมาเช็ดมือที่เปื้อนน้ำรักของเขาออก

ให้ตายเถอะ นี่พวกเขาสองคนทำบ้าอะไรกันอยู่เนี่ย

“ตกลงทำอะไรถึงบาดเจ็บมา? ”

“เอาจริงดิ? ” แอนดรูว์ขมวดคิ้วขณะโยนทิชชู่ลงในชักโครก “นั่นคือคำแรกที่นายพูดหลังจากที่ฉันส่งนายไปสวรรค์เหรอ? ”

“ตลกมากเลยนะที่มาทำเรื่องหื่นๆ ในสถานการณ์แบบนี้”

“นายก็เคลิ้มดีนี่”

เถียงไม่ออก เขาไม่ต่อต้านผู้ชายคนนี้ได้เลยไม่ว่าจะตอนไหน

“อย่าโยกโย้นะ แอนดรูว์ ตอบคำถามฉันมาได้แล้ว”

“โดนระเบิดน่ะ”

ซันอ้าปากค้าง “นายว่าไงนะ”

“โดนระเบิด แค่เฉียดๆ เอง” พูดพลางยกมือประกอบท่าทางอย่างยียวน “ยังอยู่ครบสามสิบสองประการ แถมยังแข็งแรงพอจะใช้มือทำให้นายได้อีก”

“คิดว่านี่ตลกนักใช่ไหม”

“อย่าซีเรียสสิครับ”

“นาย…” ซันอ้าปากค้าง แฟนของเขาเพิ่งเฉียดตายจากการโดนระเบิดมา สิ่งแรกที่พวกเขาทำด้วยกันก็คือเซ็กส์แบบภายนอกในห้องน้ำเนี่ยนะ? “นายใช้ชีวิตยังงกันแน่วะเนี่ย”

“งานมันเสี่ยง” แอนดรูว์ยอมรับ ดึงซันเข้ามากอดแนบอก “ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วง แต่ฉันไม่อยากโกหกนาย”

ซันกอดตอบ วินาทีหนึ่งเขาจินตนาการถึงสิ่งที่เลวร้ายที่สุดขึ้นมา ถ้าเกิดคราวหน้าดรูว์ไม่โชคดีเหมือนครั้งนี้ล่ะ? ถ้าคราวหน้าเขาตายจริงๆ ล่ะ?

“นายเลิกงานนี้ไม่ได้เหรอ”

แอนดรูว์จูบหน้าผากของคนในอ้อมแขนอย่างอ่อนโยน

“ไม่ใช่ตอนที่มีคนกำลังตามฆ่าฉันอยู่แน่”

“ว่าไงนะ” ซันอุทาน มองสีหน้าจริงจังขึ้นของคนรักอย่างวิตก

“มีคนพยายามฆ่าฉัน” แอนดรูว์พูดอย่างสงบราวกับมันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นทุกวัน “ฉันจำเป็นต้องสืบหาให้ได้ว่าใคร ไอ้บ้านั่นมันเข้าหาตัวฉันผ่านนาย เพราะงั้นฉันอยากให้นายระวังตัวให้มากที่สุดระหว่างที่ฉันไม่อยู่ ถึงจะมีเจนกับไบรอันคอยคุ้มครองนายอยู่แล้วก็เถอะ แต่ห้ามประมาทนะเข้าใจไหม”

“นายจะไปไหน” ในที่สุดซันก็รู้เหตุผลที่ดรูว์มาหาเขาในเวลาทำงานแบบนี้ ยิ่งเห็นัยน์ตาสีเขียวเบือนไปอีกทางเหมือนเด็กที่โดนครูจับได้ว่าแอบกินขนมในห้องเรียนแบบนั้นด้วยแล้ว… “นายจะผิดสัญญาฉันใช่ไหม ที่บอกว่าจะติดต่อมาทุกอาทิตย์น่ะ”

“ฉันไม่รู้” แอนดรูว์ยอมรับ “แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันเสี่ยงไปหมด ฉันไม่อยากเอานายเข้ามาเกี่ยวกับตัวเองมากกว่านี้อีกแล้ว อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้ อีกอย่างฉันจำเป็นต้องไปสืบหาว่าใครคือคนที่กำลังตามล่าฉัน ถ้าฉันไม่พลิกเป็นฝ่ายล่า ฉันก็จะโดนล่าซะเอง นายเข้าใจไหม”

ไม่ ไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจอะไรทั้งนั้นแหละโว้ย!

ซันอยากจะตะโกนตอบกลับไปแบบนั้น แต่วัยวุฒิทำให้เขาต้องกลืนน้ำลายลงคอไปอย่างยากเย็น

“ฉันช่วยนายได้นะดรูว์” ซันพูดเสียงแผ่ว “อะไรก็ได้ ฉันลางานไปสักอาทิตย์หนึ่งเพื่อช่วยนายหาเบาะแสผ่านอินเทอร์เน็ตหรืออะไรแบบนั้นก็ได้”

“ไม่ ขอร้องเถอะซัน นายต้องใช้ชีวิตของนายนะ ฉันไม่อยากเอานายมาเสี่ยงอีกแล้ว”

ซันสูดลมหายใจเข้าปอดแรงๆ เฮือกหนึ่ง “แต่นายจะกลับมาหาฉันใช่ไหม”

“แน่นอน”

“เมื่อไหร่”

แอนดรูว์ไม่ตอบ เรียกว่าตอบไม่ได้น่าจะดีกว่า

“ฉันต้องเป็นฝ่ายรออีกแล้วเหรอ? ”

“ขอโทษ”

ซันหันหลังให้คนรักของตัวเอง แขนยกขึ้นกอดอก “ถ้าฉันขอตามนายไปด้วย ฉันจะเป็นตัวถ่วงนายใช่ไหม”

แอนดรูว์โอบกอดเขาจากด้านหลัง จูบลงบนขมับราวกับจะปลอบโยน “นายไม่เคยเป็นตัวถ่วงของฉัน ซัน”

ซันไม่พูดอะไรตอบ

“นายมีค่าสำหรับฉันมาก… มากๆ ๆ ๆ ๆ ที่สุด เพราะงั้นฉันทนไม่ได้แน่ถ้าต้องเสียนายไป แต่ฉันสัญญา ฉันจะจัดการเรื่องของตัวเอง จากนั้นเราจะได้อยู่ด้วยกันเหมือนเดิม”

ประโยคหลังนั่นทำให้ร่างที่เกร็งอยู่เมื่อคลายลง แม้จะไม่ชอบใจกับความเผด็จการของดรูว์ แต่ซันก็รู้ตัวดีว่าเขาไม่มีทางเลือก

“นายสัญญาแล้วนะเมื่อกี้”

“สัญญาแล้ว”

“ฉันจะรอ” ซันหันกลับมาสบตาอีกฝ่ายอย่างตรงไปตรงมา “จะรอ… อย่างที่รอมาตลอด”

เขาปล่อยให้แอนดรูว์เลื่อนหน้าลงมาประทับจูบบนริมฝีปาก มันอ่อนหวานเหมือนเดิมอย่างที่เขาจำได้

“ฉันรักนาย ซัน”

ซันยกยิ้มที่จะติดจะขมขื่น “ฉันก็เหมือนกัน”





-------------------------------------------------
Talk: กลับมาเขียนเรื่องนี้ต่อแล้ว! เยสสส คิดถึงพ่อตาเขียวและน้องพระอาทิตย์มาก XD
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-02-2018 21:44:11 โดย Airiณ »

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
 :mew2: :mew2: :mew2:

ออฟไลน์ fahsai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 815
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2
รอตอนต่อไปค่าา

ออฟไลน์ Airiณ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 232
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3

บทที่ 8




เกินหนึ่งสัปดาห์ที่เขาได้เจอกับแอนดรูว์แล้ว ซันไม่แปลกใจเลยที่จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้แม้ว่าตอนที่พวกเขาสองคนกลับมาคบกันดรูว์จะให้สัญญาเรื่องนี้เอาไว้ แต่ด้วยอาชีพการงานของเจ้าตัวรวมถึงสถานการณ์ผิดปกติที่แอนดรูว์กำลังเผชิญด้วยแล้ว ซันเองก็ไม่แปลกใจนักหรอกถ้าอีกฝ่ายจะรักษาสัญญาที่ให้ไว้ไม่ได้

ใช่… ในสมองน่ะเข้าใจว่าดรูว์คงยุ่ง แต่ในใจน่ะเขาได้แต่กังวลสารพัดว่าอีกฝ่ายจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร ดรูว์จะยังมีชีวิตอยู่ไหม แล้วดรูว์รู้หรือยังว่าใครเป็นคนที่คิดจะฆ่าตัวเอง จะเป็นคนเดียวกับที่ฆ่าแมดเดอลีนรึเปล่า

ให้ตายเถอะ เขาอยู่มาได้อาทิตย์หนึ่งโดยไม่รู้เลย อาศัยแค่ข่าวจากหน้าหนังสือพิมพ์ ข่าวจากทางตำรวจที่นำมาอัปเดตให้เรื่อยๆ แต่ก็ไม่มีอะไรคืบหน้าเป็นชิ้นเป็นอัน

ถ้าความเป็นห่วงมันฆ่าคนได้ ป่านนี้ซันคงตายไปแล้ววันละหลายรอบ ตายอย่างทรมานด้วย ทำไมดรูว์ไม่ติดต่อเขามาสักที ข้อความอะไรก็ส่งมาหากันสักนิดก็ได้

ไอ้ฝรั่งหัวทองนั่นคงไม่เข้าใจ… ว่าตัวมันเองก็กำลังฆ่าเขาอยู่ทีละนิดๆ อย่างเลือดเย็น

“คุณซันคะ” เจน โฮแกน หนึ่งในคนคนที่ดรูว์ส่งมาคอยคุ้มกันเอ่ยปากขึ้นขณะที่ร่วมโต๊ะทานข้าวเย็นด้วยกันในร้านอาหารแห่งหนึ่ง

“ว่ายังไงครับ? ”

“เปล่าค่ะ เห็นคุณเหม่อๆ ” หล่อนพูดด้วยท่าทีเป็นห่วง นี่เป็นครั้งที่สองที่ซันได้มานั่งร่วมโต๊ะกับหญิงสาวคนนี้ เขาเคยกินข้าวกับไบรอัน ฟลินน์คู่หูของเจ้าหล่อนสามครั้ง อาจเป็นเพราะพวกเขาเป็นผู้ชายด้วยกันการชวนคุยในโต๊ะอาหารจึงราบรื่นกว่านี้ แต่ก็นั่นแหละ ซันไม่รู้ว่าควรหยิบยกเรื่องไหนมาพูดกับคนที่ทำงานสายลับหรอก ถ้ากับดรูว์ เอ่อ พวกเขาสองคนคงแค่พากันลากขึ้นเตียงแล้วคุยด้วยภาษากาย ซึ่งเอามาอ้างอิงในการคุยกับสายลับคนอื่นไม่ได้เลย

“อ้อ โทษทีครับ” ซันตอบยิ้มๆ ดันแว่นที่ร่วงลงมาจากสันจมูกเล็กน้อย วันนี้เขาตื่นสายจนไม่มีเวลาแม้แต่ใส่คอนแทคเลนส์ “ผมคิดเรื่องงานนิดหน่อย”

“จริงเหรอคะ” หล่อนยิ้มตอบอย่างรู้ทัน “คิดเรื่องงานอยู่จริงเหรอ? ”

“เรื่องงานด้วยครับ แล้วก็เรื่องอื่นๆ ”

“อย่างเช่นเรื่องของเบน”

เบนจามิน ลูมิส ชื่อเล่นใหม่ของแฟนเขาคือเบน ยังไงซันก็ชอบชื่อดรูว์มากกว่าอยู่ดี

“ผมกังวลเรื่องเขา” ชายหนุ่มยอมรับ “ไม่รู้เลยว่าหมอนั่นเป็นตายร้ายดียังไง”

โฮแกนส่งสายตาเห็นใจมาให้เขา “มันคงเป็นเรื่องยากสำหรับคุณ”

“ใช่ครับ” ยิ่งการที่อีกฝ่ายหายไปโดยที่เขาเองก็ติดต่อไม่ได้… มันทำให้ซันร้อนรนจนแทบจะเป็นบ้า “ยิ่งล่าสุดผมได้ยินมาว่ามีคนพยายามตามล่าเขา ผมก็ยิ่งกังวลหนักไปกว่าเดิมอีก”

“เขาแวะมาหาคุณเหรอคะ” โฮแกนเบิกตากว้างอย่างแปลกใจ ซันเคยพูดเรื่องที่แอนดรูว์โผล่มาหาเขาเมื่อคราวก่อนให้ฟลินน์ฟังแต่เพิ่งบอกโฮแกนตอนนี้

“ใช่ครับ”

“แปลว่าเขาสนิทกับคุณมาก”

อืม ใช่ สนิทกันจนเข้าไปอยู่ในตัวของอีกคนได้เลยล่ะ

“ก็… สนิทครับ”

“ไม่ใช่สิ ต้องบอกว่า… เขาให้ความสำคัญกับคุณมากต่างหาก จริงๆ นะคะ ไม่อย่างนั้นทั้งฉันและไบรอันคงไม่ได้มาทำหน้าที่ตรงนี้แน่”

ซันยกยิ้มนิดๆ เพราะไม่รู้ว่าควรตอบยังไง แอนดรูว์บอกว่าไม่อยากให้ใครรู้เรื่องความสัมพันธ์ของเขาทั้งคู่ แต่ซันไม่รู้ว่าทั้งโฮแกนกับฟลินน์จะเดาออกหรือไม่ อย่างที่หญิงสาวตั้งข้อสังเกตมานั่นแหละ เพื่อนกันธรรมดาคงไม่แคร์กันมากขนาดนี้ เขาว่าบางทีคนทั้งคู่อาจจะพอเดาได้

“แล้ว… กระซิบให้ฉันฟังสักนิดได้ไหมคะ” โฮแกนยื่นหน้าเข้ามาใกล้ซันแล้วลดเสียงลง

“อะไรเหรอครับ”

“เรื่องที่ทำงานของคุณ”

“ที่ทำงานผม? ” เลิกคิ้วขึ้นอย่างฉงน

“ค่ะ ก็ทางบริษัทของคุณน่ะทำงานให้หน่วยข่าวกรองของรัฐด้วยไม่ใช่เหรอ”

ซันเงียบไปเล็กน้อย จริงอยู่ที่ว่าหญิงสาวตรงหน้าเขาเป็นคนจากรัฐบาลด้วยเช่นกัน แต่เขาก็ไม่ได้สนิทกับหล่อนพอจะรู้ว่าหล่อนอยู่ในหน่วยไหน ทีมไหน และการเอาเรื่องที่ทำงานมาบอกคนนอกก็ผิดกฎพื้นฐานของบริษัท

“คือ…. จะอธิบายยังไงดีล่ะครับ เรามีกันหลายทีม” เขาตอบเลี่ยงไปและคาดว่าอีกฝ่ายคงเดาออก “ผมอาจจะบอกตรงๆ ไม่ได้ว่าผมอยู่ทีมไหน บางทีงานมันก็ไม่ได้เจาะจงขนาดนั้น แต่ถ้าให้พูดถึงเนื้องานมันก็มีหลากหลายรูปแบบครับ อย่างการรวบรวมข้อมูลหรือหัวข้อข่าวมาจากทั่วทุกมุมโลก วิเคราะห์พวกมัน หาค่าสถิติหรือความเป็นไปได้ ส่วนตัวเนื้อหาก็มีหลายแบบ อย่างด้านอาชญากรรม ฆาตกรรม การก่อการร้าย หรืออาจจะเป็นการเกษตร ปศุสัตว์ เทคโนโลยี การศึกษา มันก็ครอบคลุมอยู่หลายส่วน”

“ฉันเคยฟังเรื่องบริษัทที่ทำงานให้หน่วยข่าวกรองมาบ้าง” โฮแกนพยักหน้า “แต่ก็รู้เท่าที่คุณพูดมาให้ฟังนี่แหละค่ะ”

“ขอโทษครับ”

“ขอโทษทำไมคะ” โฮแกนหัวเราะเล็กน้อย “เรื่องที่ทำงานไม่ควรบอกให้คนนอกรู้มากมาย ฉันรู้ข้อนั้นดีอยู่แล้ว”

ประโยคนั้นทำให้ซันนึกถึงแอนดรูว์ หมอนั่นก็เคยพูดกับเขาตอนที่เขาเซ้าซี้ขอร้องให้เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง ถ้ามีอะไรที่เขาช่วยได้เขาจะช่วย หากตอนนั้นคนผมบลอนด์ส่ายหน้า

‘ยิ่งนายรู้มากเท่าไร นายก็จะยิ่งตกอยู่ในอันตรายง่ายขึ้นเท่านั้น’

‘แต่นี่ฉันไม่รู้อะไรเลยนะ’

‘แค่นายรู้เรื่องตัวตนของฉันก็แย่มากพอแล้ว’

‘ดรูว์’ ซันครางอย่างท้อใจ ‘ฉันเป็นแฟนนายนะ นายต้องให้ฉันช่วยสิ’

‘แน่นอนที่รัก’ พูดพร้อมกับก้มลงมาจูบหน้าผากเขาอย่างเอาใจ ‘ถ้ามีอะไรอยากให้นายช่วย ฉันจะรีบบอกเลย’

จบการสนทนา

และไม่ใช่ว่าซันไม่รู้ว่าดรูว์กังวลเรื่องเขาหรอกนะ แต่การโดนคนรักกันออกจากวงจรชีวิตของตัวเองก็เป็นเรื่องที่เจ็บปวดไม่แพ้กัน

เหมือนพวกเขาสองคนอยู่ในเขาวงกตที่ไม่มีทางออก… ซันเองก็ไม่รู้ว่าควรอย่างไร

จริงๆ เขาไม่ควรทำตามคำสั่งของไอ้เผด็จการนั่น

เขาควรจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ตัวเองสามารถช่วยเหลือแอนดรูว์ได้ ต่อให้นั่นจะทำให้ตัวเขาเองตกที่นั่งลำบาก แต่เขาไม่ควรปล่อยให้ดรูว์สู้อยู่คนเดียว

ใช่แล้ว! เขาควรจะหาทางช่วยหมอนั่นสิ! ไม่ใช่ทำตัวหัวอ่อน ฟังคำสั่งของไอ้หมอนั่นง่ายๆ แบบนี้

“คุณโฮแกนครับ”

“คะ? ”

“เล่าเรื่องเกี่ยวกับดรูว์-- เอ่อ ลูมิสให้ผมฟังหน่อยได้ไหมครับ เอาเท่าที่คุณรู้”

หญิงสาวกะพริบตาปริบๆ “แต่ฉันว่าคุณน่าจะสนิทกับเขามากกว่าฉันนะคะ”

“ใช่ครับ แต่ผมอยากรู้เรื่องเกี่ยวกับงานของเขาบ้าง”

“แหม” หล่อนยิ้มอย่างลำบากใจเล็กน้อย “เราเพิ่งพูดกันไปเองไม่ใช่เหรอคะว่าไม่ควรเอาเรื่องที่ทำงานมาพูดมากมาย”

“คร่าวๆ ก็ได้นี่ครับ” ตอบหน้าตาย “อีกอย่าง… ผมสนิทกับเขาก็จริง แต่ดรูว์… เอ่อ ลูมิสไม่เคยเล่าเรื่องเกี่ยวกับงานให้ฟังเลย”

“ค่ะ” โฮแกนยอมรับ ซันจึงรีบพูดเพื่อโน้มน้าวต่อ

“ผมทราบนะครับว่างานของลูมิส ไม่สิ งานของพวกคุณเป็นความลับ แต่บางที---”

“ระวัง! ”

จู่ๆ โฮแกนก็กรีดเสียงขึ้นพร้อมกับถลาเข้ามากระชากซันลงจากเก้าอี้โดยที่ชายหนุ่มไม่ทันตั้งตัว

เสียงกระจกที่กั้นตัวร้านกับถนนด้านนอกแตกเพล้งทันทีที่เสียงปืนกระหน่ำสาดลูกกระสุนเข้ามาภายในตัวร้าน เสียงผู้คนกรีดร้องระงมกับความเจ็บปวดจากเศษกระจกที่แตกละเอียดยิบที่สาดลงมาบนหลังทำให้ซันใจเต้นรัวขึ้นด้วยความตกใจระคนหวาดหวั่น

เขาได้ยินเสียงปืนยิงรัวอย่างต่อเนื่องจนมันกลบเสียงทุกอย่างจนหมด ซันเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวที่ช่วยผลักเขาลงมานอนคว่ำกับพื้น นัยน์ตาสีน้ำตาลเบิกกว้างขึ้นอย่างตื่นตะลึงเมื่อเห็นเลือดทะลักออกมาจากร่างของอีกฝ่ายจนกลายเป็นแอ่ง และถ้าเขาตั้งใจมองให้มากกว่านั้นซันก็จะได้เห็นเลือดของใครคนอื่นที่ไม่โชคดีแบบเขา โฮแกนส่งเสียงครางแผ่วเบาขณะที่ซันคลานไปเขย่าตัวอีกฝ่าย

“คุณโฮแกน! ”

หล่อนเลื่อนมือสั่นเทาไปหยิบโทรศัพท์จากกระเป๋าขึ้นมาส่งให้ชายหนุ่มอย่างเชื่องช้า

“ติดต่อ… ฟลินน์”

ปัดโธ่เว้ย! นี่มันเรื่องอะไรกันวะเนี่ย!?

ซันยังไม่กล้าลุกจากพื้นแม้ว่าเสียงกระสุนจะเงียบลงไปแล้ว เสียงหวอของรถตำรวจและรถพยาบาลดังขึ้นระงมปนเปไปกับเสียงกรีดร้องและเสียงโหวกเหวกโวยวายของผู้คน

นี่มันใจกลางเมืองและยังเป็นเวลากลางวันแสกๆ แต่ยังมีคนกล้าลงมือทำเรื่องระห่ำอย่างกราดยิงแบบไม่มีเป้าหมายขนาดนี้ ไม่น่าแปลกหรอกที่ทุกคนจะแตกตื่นราวกับเกิดสงครามกลางเมืองขึ้น

หรือมันอาจจะเกิดจริงๆ ก็ได้ เพียงแต่ประชาชนธรรมดาอย่างพวกเขาไม่มีทางสู้เท่านั้นเอง

ไบรอัน ฟลินน์มาถึงสถานที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็วทั้งที่ซันเพิ่งจะบอกสถานที่ที่พวกเขาอยู่ไม่ถึงสิบนาที ใบหน้าของชายหนุ่มเคร่งเครียดขณะที่ตามเจ้าหน้าที่หน่วยพยาบาลที่พาร่างของโฮแกนใส่เปลขึ้นรถไป ฟลินน์กลับมาหาซันอีกครั้งหลังจากที่ส่งหญิงสาวขึ้นรถ แต่ซันพอจะดูออกว่าเจ้าตัวคงอยากตามไปดูอาการคู่หูมากกว่าแน่

“ตกลงมันเกิดอะไรขึ้น” ซันเปิดปากถามได้ในที่สุดหลังจากที่กดอาการหวาดกลัวที่ตกค้างลงไปในใจได้ มือสองข้างประคองถ้วยช็อกโกแลตร้อนที่เจ้าหน้าที่พยาบาลคนหนึ่งยัดเยียดมาให้พร้อมกับกำชับว่าค่อยๆ ดื่มให้หมดแล้วอาการตกใจนี่จะดีขึ้น มือของเขายังสั่นอยู่เล็กน้อยขณะค่อยๆ ยกแก้วกระดาษขึ้นจิบ พยายามไม่มองเหยื่อคนอื่นๆ ทั้งที่ไม่มีลมหายใจแล้วและที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส

นี่มันฝันร้ายชัดๆ ถึงเขาจะเคยได้ยินมาว่าอเมริกาเป็นประเทศที่น่ากลัวกว่าที่คิดก็เถอะ

“ทางเราก็พยายามสืบอยู่ แต่ตัวคนยิงตายไปแล้ว เรากำลังเอาศพเขาไปชันสูตร”

“มีพวกบัตรแสดงตัวตนจากตัวเขาไหม”

ฟลินน์ส่ายหน้า สีหน้ายับขึ้นเล็กน้อยจนซันเริ่มรู้ตัวว่าคำถามที่เขาเพิ่งถามไปเหมือนดูถูกความเป็นมืออาชีพของอีกฝ่าย

“แล้วเป้าหมายของมันล่ะครับ? ”

“ใช่ นั่นแหละปัญหา เดาว่าทุกคนคงคิดถึงการก่อการร้ายแน่ ผมเองก็คงคิดไม่ต่างหรอก ถ้าไม่ใช่เพราะที่นี่มีคุณกับเจนอยู่”

ซันอ้าปากค้าง “คุณคิดว่าผมเป็นเป้าหมายของพวกมันงั้นเหรอ? ”

“ผมบอกแล้วไงว่าเราต้องตรวจสอบกันก่อน” สีหน้าคนพูดเคร่งเครียดไม่เปลี่ยน แต่ซันเข้าใจดีว่าฟลินน์รู้สึกยังไง ทั้งฟลินน์และโฮแกนถูกส่งมาเพื่อคุ้มครองเขา เพราะงั้นถ้าเกิดอะไรขึ้นก็คงไม่แปลกหรอกถ้าจะคิดว่าเป้าหมายคือเขา

แต่ให้ตายเถอะ ไอ้ที่กราดยิงเมื่อกี้มันยิงแบบไม่เลือกหน้าเลยนะ แบบนี้มันก็พูดยากไม่ใช่รึไงว่าเป้าหมายใช้เขาจริงๆ รึเปล่า อาจจะเป็นซันที่ซวยเองมาตกอยู่ในสถานการณ์การก่อการร้ายจริงๆ ก็ได้ ถึงจะฟังดูเชื่อยากก็เถอะ

“แล้วผมควรทำยังไงครับตอนนี้” ซันถามอย่างอ่อนล้าพร้อมกับเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ที่เจนทิ้งไว้ให้เขาขึ้นมา “นี่ของคุณโฮแกนครับ ผมใช้โทรหาคุณเมื่อกี้”

“ขอบคุณ” เขารับมันไปถือพร้อมกับไล่ดูเบอร์ด้านใน “ผมจะติดต่อเบนจามิน ถ้าเป้าหมายการโจมตีครั้งนี้คือคุณ แปลว่าเขาต้องมีส่วนกับเรื่องนี้”

ซันยักไหล่ทีหนึ่งอย่างขอไปทีเหมือนจะบอกว่า ‘อยากจะเอายังไงก็เอาเลย’







ลูมิสนั่งมองแผ่นกระดาษที่เต็มไปด้วยตัวหนังสือยึกยือที่เขาเขียน นัยน์ตาสีเขียวกวาดมองแผนผังที่เขาพยายามเชื่อมโยงเหตุการณ์หนึ่งไปอีกเหตุการณ์หนึ่ง เขาขอให้ฮาลลากกระดานขนาดใหญ่มาตั้งไว้ในห้องจากนั้นลูมิสก็เริ่มแปะแผ่นกระดาษมากมายทับซ้อนไปเรื่อยๆ จนกระทั่งส่วนหนึ่งเลยออกมาอยู่ที่ข้างฝา

“เฮ้พวก” ฮาลเดินกลับมาพร้อมกับแก้วกาแฟสองใบ ยื่นใบหนึ่งลงตรงหน้าเพื่อน “พักหน่อยไหม หน้าดำคร่ำเครียดมาหลายชั่วโมงแล้ว”

“ฉันกำลังคิด” ลูมิสใช้ปากกาวงบนกระดาษสามถึงสี่จุด “ว่าไอ้คนที่อยากได้หัวฉันตอนนี้น่าจะมาจากภารกิจช่วงหลังๆ นี่แหละ ไอ้นี่ตัดทิ้งเพราะเราถอนรากถอนโคนมันไปแล้ว ไม่น่าย้อนกลับมาแว้งกัดได้ ที่น่าสงสัยอยู่ก็คงประมาณนี้”

“ไหน” ฮาลขยับกระดาษมาดูพร้อมกับยกถ้วยกาแฟจรดปาก “ฮันนาห์ โรบินกับ… แดเนียล ฮันท์ แล้วก็แบรดลีย์ คูเปอร์? ”

“อือฮึ”

“คนแรกตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ ตัดทิ้งก็ได้นี่”

“รายนี้อิทธิพลเขากว้าง ไม่อยากตัดเพราะมีความเป็นไปได้ว่าอาจจะมีใครในกลุ่มย้อนกลับมาแก้แค้น”

“ไหนว่าถอนรากถอนโคนแล้ว? ”

“ตอแหลทั้งนั้น พวกเบื้องบนก็อยากจะปิดจ๊อบเร็วๆ แต่ก็นั่นแหละ ที่เหลือๆ อยู่ก็ลูกกระจ๊อก ไม่ค่อยน่ากลัวเท่าไร แต่ไม่อยากตัดทิ้งตอนนี้”

“แล้วไอ้คนที่ตัดทิ้งไปก่อนนี่หมดจดแล้วจริงๆ ใช่ไหม”

“ใช่ อันนั้นตัดไปได้เลย ลองดูจากข้อมูลที่รวบรวมมาตามนี้ ฉันสรุปไว้แล้ว”

ฮาลรับแผ่นกระดาษยาวเหยียดจากเพื่อนมาอ่านก่อนจะเปิดปาก “เรียบร้อยกว่าที่คิดนะ”

“ชมจากใจจริงใช่ไหม”

“แน่นอน เป็นอันว่าเหลือสามคนที่นายบอก โรบินที่ตัวตายไปแล้วแต่อาจยังมีพวกสาวก อีกสองคนยังรอดอยู่ แล้วความเคลื่อนไหวเป็นไง”

“ฮันท์ลำบากหน่อยเพราะอยู่โรม ส่วนคูเปอร์นี่ไม่ไกลเท่าไร ข้อมูลล่าสุดที่ได้เห็นว่าอยู่ที่แอลเอ”

“งั้นก็เริ่มที่แอลเอก่อน? ”

“คงจะอย่างนั้น แต่ฉันอยากหาข้อมูลเรื่องฮันท์อีกนิด นายช่วยเรื่องคูเปอร์ได้ไหม”

“ไม่มีปัญหา” ฮาลพยักหน้า “แล้วโรบินล่ะ? ”

“เดี๋ยวฉันทำเอง แต่เอาไว้อันดับท้ายสุดเลย ยังไงคนที่ยังมีชีวิตอยู่ก็น่าสงสัยมากกว่า ส่วนกาแฟนี่หอมดี ใช่ที่ซื้อมาคราวก่อนรึเปล่า”

ทั้งคู่แยกย้ายกันไปทำงานของตัวเองอยู่ครู่ใหญ่ กลับมารวมกันอีกครั้งเพื่อถกเถียงข้อมูลที่วิเคราะห์ออกมาได้ ลูมิสเริ่มจดรายการที่พวกเขาสองคนต้องทำเพื่อหาคำตอบและข้อสรุปบางอย่างระหว่างการถกเถียงที่ว่า ช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาเขาออกไปจัดการล้วงข้อมูลมาจนมาบีบรายชื่อคนที่น่าจะอยากจัดการเขาได้นี่แหละ

“นายน่าจะไปหาหมออีกสักรอบ” ฮาลพูดขึ้นมาขณะที่ลูมิสเตรียมปิดการประชุมแล้วไปหาข้าวเย็นง่ายๆ กิน “เพิ่มลงไปในรายการนั่นด้วยก็ดีนะ”

“ฉันไม่เป็นไร”

“นายไม่ได้กินยาด้วยซ้ำไม่ใช่เหรอ” คนตัวสูงกว่ากอดอก ขมวดคิ้วมุ่น “ผ้าพันแผลก็ไม่ได้เปลี่ยน”

“นายคิดว่าเราควรเสียเวลาทำเรื่องแบบนั้นเหรอ”

“ขอทีน่า เบน ฉันรู้ว่านายอยากจบเรื่องนี้เร็วๆ แต่ไม่คิดบ้างเหรอว่า---”

เสียงของฮาลเงียบลงเพราะโทรศัพท์ของคนผมบลอนด์แผดร้องขัดขึ้นมา ลูมิสยกมือเป็นเชิงขอตัวรับสาย หากวินาทีต่อมาคนผมทองก็ต้องขมวดคิ้วมุ่นกับสิ่งที่ได้ยินจากโทรศัพท์ ใบหน้าคมเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัดจนฮาลต้องร้องถามอย่างแปลกใจ

“เกิดอะไรขึ้น”

“เปิดทีวีที”

อีกฝ่ายทำตามอย่างว่าง่าย หลังจากเปลี่ยนช่องเป็นครั้งที่สองทั้งคู่ก็ได้เจอข่าวเกี่ยวกับการกราดยิงที่ย่านใจกลางเมืองซึ่งเป็นที่ที่ซันอยู่อย่างไม่ต้องสงสัย

ลูมิสกำหมัดแน่นขึ้น ฮาลที่สังเกตเห็นพูดอย่างตั้งข้อสังเกต

“มันอาจจะไม่เกี่ยวอะไรกับแฟนนายเลยก็ได้ ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นก็แปลว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเรา”

“อ้อ นายคิดว่านี่เป็นเรื่องบังเอิญเหรอ” ลูมิสถามกลับเสียงราบเรียบ คู่หูของเขาเงียบไป สีหน้าครุ่นคิด

“เราลองสืบหาจากรายชื่อเมื่อกี้เลยไหมว่าคนไหนจะเกี่ยวโยงกับการก่อเหตุกราดยิงนี่”

“ก็คงต้องทำแบบนั้นแหละ” พูดพร้อมกับออกแรงกำโทรศัพท์ในมือแน่นขึ้น ถ้าไม่ใช่เพราะฟลินน์บอกเขาว่าซันปลอดภัยดีละก็ เขาต้องคุมสติไม่อยู่แน่ “เจนถูกยิง ซันยังปลอดภัย ไบรอันก็อยู่อีกที่ตอนเกิดเรื่อง ฮาล ฉันว่าเราต้องเร่งมือแล้วล่ะ"

"นายกำลังทำให้ฉันรู้สึกแย่ที่ชวนกินกาแฟเมื่อกี้นะ"

ครู่ใหญ่ต่อมาทั้งสองก็ดึงแผ่นกระดาษทั้งหมดที่แปะอยู่ทั่วเข้าเตาเผาใบไม้ที่อยู่ด้านนอก ลูมิสลบทุกอย่างที่อยู่บนกระดานก่อนจะขอตัวไปก่อนฮาลที่ยังสาละวนอยู่กับการทำลายข้าวของหรืออะไรก็ตามที่อาจเป็นหลักฐานว่ามีใครเคยเข้ามาใช้งานเซฟเฮ้าส์แห่งนี้





ราวสองชั่วโมงต่อมาลูมิสก็มายืนที่หน้าประตูห้องของซันหลังจากที่บอกให้คนที่มาเฝ้าชายหนุ่มแทนฟลินน์ปลีกตัวไปได้ ซันเดินมาเปิดประตูห้องให้เขาในสภาพที่ผมเผ้าเปียกปอน เจ้าตัวยู่ในชุดคลุมอาบน้ำที่พันไว้อย่างลวกๆ สีหน้าค่อนข้างอิดโรยไม่ค่อยต่างจากครั้งล่าสุดที่แอนดรูว์ได้เห็นเท่าไรนัก

"ดรูว์? " ซันอุทานอย่างประหลาดใจขณะที่มือแกร่งผลักเขาเข้าไปด้านใน ปิดประตูลงกลอนแล้วลากคนรักที่ยังเปียกปอนไปด้วยน้ำฝักบัวมาที่โซฟาตัวยาวในห้องรับแขก "นายมานี่ได้ไง แล้วอาการของคุณโฮแกน---"

"ยังไม่พ้นขีดอันตราย" คนผมบลอนด์ว่าพร้อมกับดึงตัวอีกฝ่ายเข้ามานั่งตักแล้วกอดแน่น "แต่ซันไม่ต้องห่วงนะ ตอนนี้เจนอยู่ในมือหมอที่เก่งที่สุดของเราแล้ว เดี๋ยวหล่อนก็ฟื้น"

"นายบอกให้ฉันไม่ต้องห่วงเหรอ" ซันดันหน้าของคนรักที่ฝังสันจมูกลงมาบนลำคอออกอย่างหัวเสีย "คุณโฮแกนช่วยชีวิตฉันเอาไว้นะ ไม่มีเขา ป่านนี้ตัวฉันก็อาจจะพรุนไปแล้ว"

แอนดรูว์นิ่งไปนิดหนึ่ง เขาถกเรื่องนี้กับฟลินน์มาก่อนหลังจากที่เห็นร่องรอยกระสุนบนตัวของโฮแกน มีปัจจัยและหลักฐานหลายอย่างทำให้พวกเขาต้องกลับมาขบคิดถึงเป้าหมายของคนร้ายที่แท้จริง และสิ่งที่แอนดรูว์รู้สึกก็คืออีกฝ่ายไม่ได้ต้องการเอาชีวิตซันตั้งแต่แรก

แน่นอนว่าซันอาจเป็นเป้าหมาย แต่ถ้าคิดอีกฝ่ายคิดจะเอาชีวิตซันจริงๆ ไม่ใช่เรื่องยากเลยโดยเฉพาะกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและเงื่อนไขที่ว่าอีกฝ่ายไม่ได้กลัวว่าเรื่องนี้จะครึกโครมและถูกจับตามองเพียงใด ขอแค่แลกได้กับชีวิตของคนคนหนึ่งก็พอ

แต่แอนดรูว์รู้ดีว่าถ้าพูดเรื่องนี้ออกไป คนในอ้อมแขนเขาต้องยิ่งสับสนหนักแน่ ดังนั้นแล้วชายหนุ่มผมบลอนด์จึงตัดสินใจไม่พูดอะไร เพียงแค่ดันร่างของซันลงนอนราบกับโซฟาแล้วถอดแว่นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าออกจากหน้าอีกฝ่าย มีไอจางๆ ปรากฏอยู่บนเลนส์

“ไม่ได้เห็นนายใส่แว่นมานานแล้วนะ”

“เอาคืนมา” พูดพร้อมกับตีหน้าหงิกใส่อีกฝ่าย ไม่ชอบที่ดรูว์ทำเป็นเมินคำพูดของเขา

“เฮ้ ฟังนะ ซัน” เขาสบตาร่างที่ตัวเองคร่อมอยู่ตรงๆ “ฉันเป็นห่วงเจน เป็นห่วงมากเลยด้วย ฉันกับยัยนั่นเคยทำภารกิจด้วยกันมาสองครั้ง และฉันขอบคุณหล่อนมากที่ช่วยดูแลนาย แต่ถ้าเรามัวแต่กังวลเพื่อร่วมทีมที่ได้รับบาดเจ็บละก็ เราจะก้าวไปไหนต่อไม่ได้ นายเข้าใจที่ฉันพูดไหม”

ซันเบ้ริมฝีปาก หลบตาคนถามไปอีกทาง แอนดรูว์เลยขบกลีบปากของเจ้าตัวเบาๆ ให้หันกลับมา ในที่สุดคนผมดำก็พูดอุบอิบ

“เข้าใจก็ได้”

“ทำไมต้องมี ‘ก็ได้’ ด้วยวะ? ”

“ก็ฉันเป็นห่วงเขานี่นา แถมตอนที่มีการกราดยิงนั่น เสียงกระสุนปืนยังติดอยู่ในหัวฉันอยู่เลย”

“ไม่เป็นไร” เขาว่าขณะไล้ปลายนิ้วลงบนผ้าคลุมอาบน้ำ เผยอมันออกเผยให้เห็นผิวเนียนด้านใน “เดี๋ยวฉันทำให้ลืมเอง”

ซันหน้าร้อนขึ้นมานิดหนึ่ง “นาย… ค้างได้เหรอคืนนี้? ”

“ได้สิ” กดจูบลงบนซอกคออีกฝ่ายราวกับจะยืนยันคำพูด “ไม่งั้นจะมาหาเหรอ”

“แล้ว… ภารกิจล้านแปดของนาย? ”

“ไว้พรุ่งนี้แล้วกัน” เขาว่าพร้อมกับปลดอาภรณ์ของตัวเองออกทีละชิ้น “ขอทำภารกิจบนเตียงก่อน”

แต่นี่มันโซฟานะ

ซันไม่ได้พูดในสิ่งที่คิดออกไป





----------------------------------------------
Talk: อาจจะมาแบบกระดึ๊บๆ หน่อย TvT ยังไงก็ฝาก #ดรูว์ซัน ด้วยนะคะ <3

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
 :z1: :z1:

ออฟไลน์ Airiณ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 232
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3

บทที่ 9




“ให้ตายเถอะ” คนผมดำครางออกมาเป็นรอบที่ล้านหลังจากที่พวกเขาขับรถออกมาจากอพาร์ทเม้นท์ของซันมาเกือบสองชั่วโมง “นายแม่ง… ไม่เคยบอกอะไรกันก่อนล่วงหน้าเหมือนเคย คิดจะพาฉันออกมาก็ลากออกมา ได้ถามความสมัครใจกันเหมือนเดิม แล้วนี่งานการอะไรของฉันก็ไม่ต้องสนใจกันเลยใช่ไหม”

อันที่จริงซันส่งอีเมลไปบอกที่ทำงานแล้วว่าจะขอหยุดงานสักช่วงหนึ่งเนื่องจากเจอเหตุการณ์เลวร้ายติดๆ กันมาในระยะเวลาไม่ถึงเดือน ซึ่งแน่นอนว่าหัวหน้าทีมของเขาย่อมไม่ขัดอยู่แล้ว อีกอย่างข่าวการยิงกราดก็แผ่หลาไปทุกหน้าหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์และสื่อออนไลน์ทั้งปวง และเมื่อทุกคนรู้ว่าซันเองก็อยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วยก็ไม่มีใครค้านการลาหยุดของชายหนุ่ม

“นายยังสนใจเรื่องงานอยู่อีกเหรอ ทั้งที่นายเกือบจะตายมาสองรอบ”

“ให้ตอบตรงๆ ก็ไม่นะ” ยังไงก็ต้องรักชีวิตตัวเองก่อนเปล่าวะ เพียงแต่… “แต่ไอ้เรื่องที่ฉันโดนลูกหลงตอนกราดยิงนั่นไปด้วย ไม่เห็นเกี่ยวกับที่นายต้องลากฉันออกมาจากวงจรชีวิตปกติสุขของตัวเองเลย”

“ยังกล้าเรียกวงจรชีวิตตอนนี้ว่าปกติสุขอีกเนอะ? ”

เออ จริงของมัน

“แล้วอีกอย่างนะ คุณอาทิตย์ คุณไม่คิดบ้างหรือไงว่าบางทีไอ้เหตุการณ์จลาจลนั่นมันมีสาเหตุมาจากคุณ บางทีเป้าหมายของมันอาจจะเป็นนายคนเดียวเลยก็ได้ นายคิดว่าที่ฉันส่งคนสองคนไปคุ้มครองนายนี่ไม่มีเหตุผลงั้นเหรอ"

"ขอบใจนะ นายช่วยให้ฉันรู้สึกดีขึ้นเยอะเลย" น้ำเสียงประชดประชันแบบสุดๆ แอนดรูว์ยักไหล่

"ก็แค่ให้แง่คิด"

"แต่ถ้าเกิดไอ้คนคนนั้นคิดจะฆ่าฉันคนเดียวจริงๆ ทำไมต้องทำให้เรื่องราวมันใหญ่โตขนาดนั้นด้วย ไม่เห็นจะสมเหตุสมผล---" พูดแล้วนิ่งไปครู่หนึ่งอย่างคนที่คิดอะไรได้เร็ว "หรือว่าเพราะมันไม่อยากให้รู้ตัวว่าเป้าหมายของมันจริงๆ คืออะไร"

"นั่นแหละสิ่งที่ฉันคิดล่ะ" คนผมบลอนด์ทองว่า น้ำเสียงภูมิใจที่คนข้างตัวคิดตามได้เร็ว สมแล้วจริงๆ ที่เป็นแฟนของเขา

ซันนิ่งไปนิด เขาควรจะรู้ตัวมาตั้งแต่ตอนที่โดนจับตัวไปเค้นเรื่องของดรูว์แล้วว่าตัวเองอยู่ในสภาวะสุ่มเสี่ยงแค่ไหน แต่ซันกลับเพิ่งมารู้สึกตัวเอาตอนนี้ และมันก็กำลังทำให้เขากลัวจนแสดงชัดออกมาทางสีหน้า

"กังวลเหรอ? " คนขับรถถาม เพียงแค่เหลือบตามองคนที่นั่งข้างๆ แอนดรูว์ก็เข้าใจทะลุปรุโปร่ง

"แล้วฉันไม่ควรหรือไง"

"ไม่ควร" แอนดรูว์ตอบด้วยน้ำเสียงสบายๆ "เพราะนายอยู่กับฉัน"

ซันยกยิ้มออกมากับคำพูดนั้น ความวิตกเมื่อครู่เหมือนจะหลุดออกไปจากตัวเล็กน้อยตามคำอีกฝ่าย

"ฉันควรฝากชีวิตไว้กับคนที่หลังเหวอะไปทั้งแถบเพราะแรงระเบิดสินะ" พูดติดตลก แม้ว่าความจริงเมื่อคืนตอนที่เขาเห็นแผลอีกฝ่ายแล้วตัวเองจะช็อกจนทำอะไรแทบไม่ถูกก็ตาม

แอนดรูว์ทำเสียงจุ๊ๆ พร้อมกับส่ายหน้า "นายมันไม่รู้อะไรซะแล้ว พ่อซันชายน์"

"อะไรล่ะ"

"นายต้องพูดว่า 'ฝากชีวิตไว้กับคนที่รอดตายจากระเบิดมาแล้ว' ต่างหาก"

"ฟังดูดีขึ้นจริงๆ ด้วย" รอยยิ้มของคนผมดำกว้างขึ้น แอนดรูว์หัวเราะร่วนอย่างอารมณ์ดี นัยน์ตาสีเขียวหลังแว่นกันแดดเป็นประกายมีชีวิตชีวา

"ฉันจะปกป้องนายเอง" น้ำเสียงแอนดรูว์จริงจังขึ้น ซันยังคงยิ้มขณะมองออกไปนอกกระจกรถ ทางด้านหน้าโล่งเรียบ แทบไม่มีรถคันอื่นโผล่มาให้เห็น เขาไม่ได้ถามดรูว์ว่าจะพาไปไหน อาจจะเป็นเพราะต่อให้เป็นสุดขอบโลกเขาก็ยินดีจะตามอีกฝ่ายไปด้วยอย่างไม่ลังเล

"ทั้งๆ ที่นายทำฉันเกือบเอาตัวรอดไม่ได้เมื่อคืนอะนะ? "

แอนดรูว์นิ่งไปครู่หนึ่งอย่างงงๆ ก่อนนัยน์ตาสีเขียวจะเบิกกว้างขึ้นแล้วหันมาโวยวายใส่คนข้างๆ ด้วยสีหน้าที่แดงขึ้นจางๆ

"ไอ้บ้า ซัน! นายเองก็โหดพอกันไม่ใช่หรือไง ไอ้ตัวแสบ! แล้วเอาเรื่องบนเตียงมาพูดแบบนี้ อยากโดนจัดอีกสักรอบใช่ไหม!? "

"ฮ่าๆ ๆ " ซันระเบิดหัวเราะออกมาอย่างไม่เกรงกลัว

นึกถึงเรื่องเมื่อคืน…







“ขอทำภารกิจบนเตียงก่อน”

ซันได้ยินเสียงหัวใจเต้นรัวขึ้นขณะที่แอนดรูว์โยนเสื้อตัวนอกลงบนพื้นแล้วเริ่มปลดกระดุมเสื้อด้านใน เผยให้เห็นผิวขาวแบบฝรั่งที่ออกไปทางซีดของเจ้าตัว

ซันพยายามหลอกตัวเองว่าหมอนี่ยังดูดีเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแต่ก็ไม่สำเร็จ เพราะแอนดรูว์ดูดีขึ้นกว่าตอนที่พวกเขาคบกันมาก กล้ามเนื้อหน้าท้องที่ดูเหมาะเจาะกับขนาดของเจ้าตัวแทบทำเอาซันสติกระเจิง รอยช้ำและรอยแผลบางจุดกลับยิ่งทำให้ร่างกายของแอนดรูว์น่ามองยิ่งขึ้น

คนผมดำสังเกตว่าแอนดรูว์ไม่ได้ถอดเสื้อตัวนั้นออกขณะก้มลงจูบเขาอย่างอ่อนหวาน ซันตวัดลิ้นเกี่ยวรับอย่างรวดเร็ว ไม่หวั่นแม้แต่ตอนที่จังหวะจูบนั้นรวดเร็วและร้อนแรงขึ้นกะทันหันเมื่อถึงจุดหนึ่ง

ซันไม่สนใจการประท้วงจากร่างกายที่อ่อนล้าของตัวเอง เหมือนอย่างที่แอนดรูว์เมินอาการบาดเจ็บของตัวเองนั่นแหละ แอนดรูว์ผละริมฝีปากออกไปแล้วทาบจูบร้อนลงมาอย่างแรงอีกระลอก ซันครางในลำคอพร้อมกับปรือตาขึ้นมองคนตรงหน้าที่แทะโลมเขาราวกับนี่จะเป็นคืนสุดท้ายที่พวกเขาได้อยู่ด้วยกัน รับรู้ได้ว่าแอนดรูว์กำลังจะคุมเกมอีกแล้ว เขาไม่ได้รังเกียจนะถ้าคนผมทองจะนำแล้วย่ำยีเขาตามใจชอบ แต่ไอ้ครั้งสุดท้ายที่มันจัดการเขาด้วยมือนี่สิ ประเด็นมันอยู่ที่นั่นเป็นห้องน้ำของบริษัทแล้วไอ้หมอนี่ก็แกล้งเขาไว้ด้วยไง

ดังนั้นเมื่อแอนดรูว์ผละริมฝีปากออกไปอีกครั้งแล้วทำท่าจะจูบลงมาใหม่ ซันก็รีบยกมือปิดปากอีกฝ่ายทันที นัยน์ตาสีเขียวเบิกกว้างขึ้นอย่างตกใจก่อนจะขมวดคิ้วมุ่น เหงื่อเม็ดเล็กซึมออกมาจากหน้าผาก

"อะไรครับ คุณอาทิตย์ เครื่องกำลังติดเลย"

"ฉันหยุดเพราะแบบนั้นแหละ" พูดพร้อมกับยกยิ้มหวาน แต่สำหรับแอนดรูว์เห็นแล้วรู้สึกเหมือนความหวานนั่นอาบยาพิษมาด้วย

"หมายความว่ายังไง อย่าบอกนะว่าจะมาขอให้หยุดตอนนี้ ติดไฟมาถึงขั้นนี้แล้วถ้านายไม่ยอมให้ทำ ฉันปล้ำจริงๆ นะโว้ย"

“โห กลัวจนตัวสั่นเลย” พูดพร้อมกับยกยิ้มกว้างขึ้นอย่างท้าทาย รู้ดีว่าแอนดรูว์ไม่กล้าทำอย่างที่ปากพูดจริงๆ หรอก “แต่โทษทีนะ ฉันอยากให้นายลุกออกไปหน่อย ได้รึเปล่า? ดรูว์”

“หา?? ” สีหน้าของแอนดรูว์ซีดลงเรื่อยๆ อย่างที่ซันรู้ดีนั่นแหละ ต่อให้เขาจะทำโหดกับเจ้าตัวได้ แต่ถ้าซันยื่นคำขาดเมื่อไหร่ เขาก็มีแต่ต้องเชื่อฟังเท่านั้น

แต่ว่า… นี่มันกำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม อารมณ์กำลังมาเลยนะโว้ย แล้วคิดว่าเขาเฝ้านึกถึงโอกาสนี้มานานแค่ไหนแล้ว?

“เร็วๆ เข้าครับ คนดี” ไม่พูดเปล่า ยังทำร้ายกันด้วยการจูบบนหน้าผากเขาอย่างเอาใจอีก “ถ้าไม่ทำตามที่ซันบอก ซันจะโกรธแล้วนะ”

“! ” ก็เหี้ยล่ะ เล่นแทนตัวเองด้วยชื่อแบบนี้ก็เหี้ยล่ะ!

แต่จนแล้วจนรอดคนผมบลอนด์ทองก็ต้องกัดฟันทำตามที่ซันพูดอย่างเสียไม่ได้ คนตัวสูงกว่าใจหายวูบเมื่อเห็นคนรักผุดลุกขึ้นมาจากโซฟาที่นอนราบอยู่ ใจนึกกลัวไปสารพัดว่าซันไม่อยากนอนกับเขาเพราะเบื่อแล้ว หรือไม่ก็อาจจะไม่พอใจที่เขาผิดสัญญาครั้งแล้วครั้งเล่า

แต่ที่ไหนได้ คนที่ลุกขึ้นยืนทรุดตัวนั่งลงตรงหว่างขาเขาแล้วจับเข่าแยกออกจากกัน ปลดกางเกงลงโดยไม่สนสีหน้าเหวอๆ ของคนถูกกระทำเลยแม้แต่น้อย

“ซัน? ” แอนดรูว์ว่า หน้าร้อนขึ้นเมื่อปลายลิ้นอีกฝ่ายแตะลงบนส่วนอ่อนไหวของร่างกายอย่างนุ่มนวล “นาย… ไม่ต้องฝืนก็ได้นะ ถ้าไม่อยากใช้ปาก… นายไม่ชอบไม่ใช่เหรอ? ”

“หุบปากน่าดรูว์” นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มมองคนบนโซฟาคมกริบ “ถ้าไม่อยากให้ฉันทำต่อก็แค่พูดมา แต่ถ้าอยากให้ทำต่อ… อย่าได้ส่งเสียงออกมาแม้แต่นิดเดียว เข้าใจที่ฉันพูดไหม”

“เข้าใจ---”

“ฉันบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าอย่าส่งเสียง”

แอนดรูว์อ้าปากค้าง ไม่บ่อยหรอกที่จะได้เห็นซันเล่นบทโหดแทนเขา ยิ่งเห็นรอยยิ้มแบบผู้ชนะบนมุมปากของคนผมดำด้วยแล้วยิ่งทำให้เลือดในกายเขาสูบฉีดแรงขึ้น ทันทีที่ซันเริ่มครอบปากลงบนแกนกลาง สัมผัสนุ่มหยุ่นจากลิ้นและกระพุ้งแก้มทำให้ร่างสูงครางออกมาอย่างพึงพอใจ แต่เมื่อเห็นสายตาวับๆ ของซันที่มองมาเป็นเชิงเตือนแอนดรูว์ก็รีบกลั้นเสียงของตัวเองไม่ทัน วินาทีนั้นเจ้าตัวก็เข้าใจทันทีว่าซันต้องการเอาคืนเขาที่เคยแกล้งก่อนหน้านี้ในห้องน้ำที่ทำงาน

แต่… แต่ตอนนั้นเขาใช้แค่มือเองนะ! หมอนี่เล่นใช้ปากแบบนี้… ไม่โกงกันไปหน่อยหรือไง!? แล้วซันก็ไม่ได้ใช้ปากทำให้เขาบ่อยๆ เพราะเจ้าตัวเคยออกปากว่าไม่ชอบ

แอนดรูว์จำได้ว่าเมื่อก่อนเขาดีใจจะตายตอนซันยอมทำให้เนื่องในโอกาสพิเศษหรืออะไรก็ตาม แล้วนี่… ตอนนี้ที่เขาได้เจอกับเจ้าตัวอีกครั้งหลังจากห่างกันมาเป็นปีๆ แถมยังยอมใช้ปากทำให้เขาแบบนี้… แต่กลับมาตั้งกฎห้ามไม่ให้เขาส่งเสียงระบายความสุขสมที่กำลังได้รับเนี่ยนะ?

ใจร้ายเกินไปแล้ว!

แต่แอนดรูว์ไม่อยากให้ซันหยุดอยู่แค่นี้ ริมฝีปากของเขาเผยอขึ้นมาเล็กน้อยหากเจ้าตัวกลั้นใจไม่ปล่อยให้เสียงใดๆ เล็ดลอดออกมาได้สำเร็จ

ลิ้นนุ่มอุ่นกำลังหยอกเย้าอยู่ที่โคนของแก่นกลางอย่างซุกซน แอนดรูว์ได้แต่สบถในใจขณะเปิดขากว้างขึ้น พิงหลังคอลงบนพนักโซฟา จิกนิ้วลงบนเบาะอย่างคนสิ้นไร้ไม้ตอกที่หาทางระบายอารมณ์ได้ดีสุดเท่านี้

เขาแพ้ทางหมอนี่… แพ้มาตลอด

ไม่ว่าซันจะรู้ตัวหรือไม่ก็เถอะ แต่เขาไม่เคยลงให้ใครคนอื่นอย่างหมอนี่อีกแล้ว

“อ๊ะ…! ” ร่างหนากระตุก เกร็งตัวเล็กน้อยก่อนจะปล่อยให้อารมณ์ไต่ถึงจุดสุดยอดตามแรงกระตุ้นของลิ้นและโพรงปากอีกฝ่ายที่รับน้ำสีขุ่นเข้าไปเต็มๆ

“เฮ้” ซันโวยนิดๆ ทั้งที่น้ำรักยังเจิ่งนองอยู่ภายใน แอนดรูว์ใจเต้นตึกขณะประคองร่างคนรักขึ้นมากอดหลวมๆ รู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปก่อนที่เขาจะเข้าหน่วยดีเอสไอที่แสนจะตึงเครียด… เหมือนได้ส่วนหนึ่งของชีวิตกลับคืนมา “ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าห้ามส่งเสียงน่ะ ให้ตายสิ”

“ขอโทษ” คนที่ถึงฝั่งแล้วยิ้มหวาน “นายบอกว่าถ้าฉันส่งเสียงจะหยุดนี่นา ทำไมนายไม่หยุดล่ะ? ”

“หึ” ซันเบ้ปาก กลืนของเหลวกลิ่นคาวลงลำคอรวดเดียวด้วยสีหน้าไม่ดีนัก “อย่างกับว่าจะหยุดได้งั้นแหละ แถมตอนนายเสร็จ นายจับหลังหัวฉันไว้ด้วยนะ”

“โทษที เผลอไป ก็ปากนายมันฟินนี่หว่า”

คนผมดำถอนหายใจยาว “แถไปเรื่อย”

“ขอบคุณนะที่ทำให้” เขาดึงอีกฝ่ายลงมาจูบอย่างเอาใจ นิ้วเรียวลูบไล้ไปตามเอวขาว เลื่อนไปถึงปากทางเข้าด้านหลังอย่างซุกซน “เดี๋ยวเราทำให้ซันมีความสุขบ้างนะ”

“จะทำก็ไปบนเตียง” น้ำเสียงแข็งๆ บ่งบอกให้รู้ว่ายังไม่พอใจที่เขาขัดคำสั่ง แถมยังย้อนกลับเหมือนจะกวนประสาทอีก

“ทำตรงนี้ก็ได้นี่” พูดพลางดันนิ้วเข้าไปในปากทางเข้าด้านหลังให้ร่างในอ้อมแขนสะดุ้งเล่น “เห็นไหม ฉันทำให้นายมีอารมณ์ได้นะ สถานที่ไม่เกี่ยงหรอก อ่า ให้ตาย ปฏิกิริยาตอบรับของร่างกายนายมันหื่นชะมัดเลย”

“ไป… ทำที่เตียง”

“ครับๆ คุณผู้ชาย” อย่างกับว่าเขาจะกล้าขัดให้เจ้าตัวโกรธกว่าเดิมอย่างนั้นแหละ

แอนดรูว์อุ้มคนรักของตัวเองที่ร้องเหวอนิดหนึ่งเพราะไม่ทันตั้งตัว วางซันลงบนเตียงอย่างนุ่มนวล พอใจกับสีหน้าที่แดงขึ้นเล็กน้อยของอีกฝ่าย

เขาก้มลงไปจูบซันหลังจากขึ้นคร่อม พยายามปัดมือชายหนุ่มที่เลื่อนมาจะดึงเสื้อตัวสุดท้ายของเขาออกอยู่ร่ำๆ เขายังไม่อยากให้ซันเห็นแผลเต็มๆ บนหลังของตัวเอง ส่วนร่างกายของซัน… รอยช้ำกับรอยแผลยังมีปรากฏให้เห็นไม่ต่างจากร่างกายเขาเองเท่าไร

แอนดรูว์รู้สึกผิดกับเรื่องนั้นเหมือนกัน เหมือนเขาพาซันก้าวเข้ามาในโลกอันแสนเลวร้ายอย่างไม่รู้ตัวเข้าเสียแล้ว และการจะออกจากโลกฝั่งนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

แต่เมื่อแขนของคนด้านล่างโอบรอบคอเขา เสียงครางแผ่วเบาที่คุ้นเคยก็ทำให้แอนดรูว์ปัดเรื่องกวนใจพวกนั้นทิ้งไป

เขาก็แค่อยากมีเซ็กส์กับคนรักของตัวเอง

เรื่องอื่นเอาไว้ค่อยคิดตอนไม่ได้ร่วมรักกับซันก็ได้

“อ่า… ดรูว์” ชายหนุ่มครางหลังจากที่คนด้านบนสอดใส่ท่อนนั้นเข้ามากลางลำ “สะ… ใส่เข้ามาต่อสักทีสิ ฉัน… อื๊อ---”

“ใจเย็นที่รัก” เลื่อนหน้าไปงับใบหูแดงเถือกของอีกฝ่าย “รอบนี้อยากค่อยๆ ทำ”

“อ่า… แอนดรูว์” ซันยกขาขึ้นก่ายเอวอีกฝ่ายเพื่อบังคับให้คนด้านบนดันสะโพกเข้ามาสักที น้ำใสๆ คลออยู่ที่หางตาทั้งสองข้างด้วยความเสียวซ่าน แอนดรูว์ลอบกลืนน้ำลายคอขณะบังคับตัวเองไม่ให้กระแทกเอวใส่แล้วทำเจ้าตัวร้องไห้หนักกว่าเดิม “ดรูว์… ฮื้อ ทำไมคราวนี้ถึงแกล้งเราเยอะจัง ไม่รักกันแล้วใช่ไหม”

โอ้โห เอาไม้นี้มาอ้อน แล้วเขาจะอดใจไหวเหรอ

“โธ่เว้ย” คราวนี้แอนดรูว์สนองให้คนด้านล่างรวดเร็วทันใจ ซันมีสีหน้าเจ็บปวดแล่นขึ้นมาทันทีที่เขากระแทกตัวเข้าไป ภายในร่างอีกฝ่ายบีบรัดจนแอนดรูว์ต้องครางออกมาเช่นกัน หากไม่กี่วินาทีต่อมาพวกเขาทั้งคู่ก็ผ่อนคลายลง มือหนาเลื่อนไปไล้เส้นผมสีดำปรกแก้มที่ชื้นไปด้วยเหงื่อ “เป็นไงล่ะ เร่งนัก เจ็บเลยใช่ไหม”

“ก็อยากทำ”

“ก็ทำอยู่นี่ไง ค่อยๆ ทำ” ดูนะ ยังจะเถียง “ทำไมคราวนี้ถึงได้ดื้อนัก หือ? กลัวจะไม่เสร็จรึไง ไม่ต้องห่วงหรอกน่า พาที่รักถึงฝั่งฝันแน่นอน”

“ฉัน… กลัว”

คำพูดนั้นทำเอาคนที่ตั้งใจพูดล้อเล่นบนเตียงเงียบเสียงลง

“กลัวว่าถ้าเผลอ… นายจะหายไปอีก”

“ซัน” วินาทีนั้นแอนดรูว์ก็เข้าใจว่าเขาทำร้ายคนที่ตัวเองรักมากขนาดไหน ไม่ว่าจะก่อนหน้านี้หรือตอนนี้

“กลัวว่าถ้าเราไม่รีบทำ---” ซันครางออกมาเมื่อคนด้านบนเริ่มขยับตัว “นายอาจจะต้อง… รีบไปทำงานต่ออีก”

“ไอ้บ้าซัน” ชายหนุ่มกัดฟันกรอด ลืมไอ้ที่ว่าอยากค่อยๆ ทำตอนแรกไปหมดแล้ว แอนดรูว์กระแทกสะโพกอย่างแรงขณะที่คนด้านล่างเริ่มดิ้นตัวด้วยความเจ็บปวดระคนสุขสม "ทำไมนายถึง... ไม่สิ ฉันขอโทษ ขอโทษนะซัน ไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายนายขนาดนี้"

"ฉะ... ฉันรู้" คนผมดำละล่ำละลัก มือทั้งสองข้างยึดหลังคออีกฝ่ายแน่น "อึก ดรูว์ ฉันไม่--- ไม่โทษนายหรอก ฉันเป็นฝ่ายรอนายเอง"

แอนดรูว์คำรามในลำคออย่างเจ็บใจตัวเอง เขารู้นิสัยซันดีอยู่แล้วแท้ๆ แต่ก็ยังทำแบบนี้ ซันหอบหายใจถี่ขึ้นตามจังหวะการกระแทกที่เร่งขึ้นเรื่อยๆ เสียงครางที่หลุดออกมาน่าอายขึ้นเรื่อยๆ จนคนผมดำต้องยกมือขึ้นมาปิดปาก ร่างเพรียวของชายหนุ่มกระตุกเฮือกเมื่อแอนดรูว์ถอนกายออกจากตัวเขาทั้งที่อารมณ์ยังท่วมท้น

มือหนาขยับร่างของซันให้ขยับตัวลุกขึ้นแล้วหันหลังให้เขา คนผมดำจัดท่าตามที่คนรักต้องการอย่างรวดเร็วก่อนจะต้องจิกนิ้วลงบนผ้าปูเตียงเมื่อคนด้านหลังดันร่างเข้ามาอย่างไร้ความปรานี เขารู้ดีว่าแอนดรูว์ชอบเซ็กส์แบบนี้มากกว่าแบบค่อยเป็นค่อยไปแบบที่เจ้าตัวพยายามจะทำ

"นายกำลังทำให้ฉันคลั่งนะ" เสียงทุ้มดังให้ซันได้ยินจากด้านหลัง มือหนาที่เอื้อมมารูดขึ้นลงที่ส่วนอ่อนไหวด้านหน้าของเขาทำให้ชายหนุ่มครางออกมาอย่างสุขสม รู้สึกเหมือนในหัวเริ่มโล่ง

นายต่างหากที่กำลังทำฉันคลั่ง…

ซันลอบคิดขณะปล่อยให้อีกฝ่ายปรนเปรอเขาด้วยการกระแทกลงบนจุดที่อ่อนไหวที่สุดซ้ำแล้วซ้ำเล่า แอนดรูว์หยุดขยับร่างกายขณะที่ของเหลวขุ่นทะลักออกมาเปื้อนผ้าคลุมเตียงพร้อมกับเสียงครางครั้งสุดท้ายของคนผมดำ

ซันเขยิบตัวออกจากแกนกายของอีกฝ่าย หอบหายใจครู่หนึ่งเพื่อพักร่างกาย ก่อนจะคลานไปหาร่างสูงที่ย้ายไปนั่งพิงหลังกับพนักเตียงเรียบร้อยแล้วขึ้นไปนั่งคร่อม ทั้งคู่จูบกันอย่างดูดดื่มอีกรอบขณะที่ซันขยับสะโพกเพื่อให้ช่องทางรับกับความแข็งขืนของอีกฝ่าย สะดุ้งตัวนิดหนึ่งเมื่อแอนดรูว์ยกเอวขึ้นมาให้ส่วนปลายของตัวเองมุดไปในร่างของคนด้านบน

คนผมดำผละจูบออกอย่างอ้อยอิ่งแล้วหันมาให้ความสนใจกับการสอดใส่ด้านล่าง ลมหายใจร้อนของแอนดรูว์รดลงบนลำคอขาว ทันทีที่เขาดันตัวลงจนความแข็งขืนเข้ามาจนมิดลำ ซันรู้สึกว่ามันยังขยายขึ้นอีกในตัวเขา ความร้อนที่เหมือนจะหลอมรวมพวกเขาเป็นหนึ่งชวนให้สติกระเจิง แอนดรูว์ประคองหลังคอเขาขึ้นไปจูบอีกรอบอย่างอ่อนหวาน ซันใกล้จะละลายคาอ้อมแขนแอนดรูว์แล้วตอนนี้

"ซัน" แอนดรูว์ครางเรียกชื่ออีกฝ่ายเมื่อคนด้านบนเริ่มขยับเอวควบ "อ่า... ให้ตาย ซันชายน์ รู้สึกดีเป็นบ้า"

"ซันชายน์เหรอ" ซันยกยิ้มทั้งที่ใบหน้ายังแดง เหงื่อเม็ดโตไหลลงมาถึงปลายคาง "น้ำเน่าฉิบ"

"ปากดี" แอนดรูว์ว่า ยกฝ่ามือแนบลงกับฝ่ามือของซันแล้วกุมแน่น ปล่อยให้คนด้านบนขยับสะโพกคุมเกม "อ่า... ให้ตาย คืนนี้กี่ยกดีครับคุณซัน"

"อ่า... แฮ่ก ขอคิดก่อนนะ" เจ้าตัวว่า เสียงขาดเป็นห้วงๆ สลับกับเสียงหอบและเสียงคราง "เมื่อกี้นายออกหนึ่ง ฉันหนึ่ง ต่อไปก็นายหรือเปล่า? "

“บ้ารึเปล่า ซัน” มือแกร่งเลื่อนมาออกแรงยึดที่เอวของคนที่เขาปล่อยให้คุมเกม “มันต้องพร้อมกันแล้วรึเปล่ารอบนี้? คิดว่าฉันจะยอมปล่อยให้นายทำตามใจชอบคนเดียวเหรอ? ”

“จะไปรู้นายเหรอ” พูดพร้อมกับยิ้มอย่างท้าทาย “ก็เห็นนายดูมีความสุขขนาดนั้น--- อ๊ะ ดรูว์ เดี๋ยวก่อน ฉัน… อื้อ”

“ไม่เป็นไรนะครับ ที่รัก” เขาว่าพร้อมกับขยับสะโพกของคนด้านบนตามความต้องการ “เดี๋ยวผมทำให้ที่รักถึงสวรรค์เอง”

“ไอ้บ้า ดรูว์” ซันแยกเขี้ยวใส่อีกฝ่าย เลื่อนมือไปวางบนบ่าเจ้าตัว “แล้วทำเป็นจะให้ฉันจัดการ”

“ก็ผลัดๆ กันไง” พูดหน้าตาเฉย พอใจที่เห็นอีกฝ่ายครางตามสัมผัสของเขา ว่าแล้วเชียว เป็นคนคุมเกมนี่มันสนุกกว่าจริงๆ

“อื้อ… แอนดรูว์” ซันว่าพร้อมกับเคลื่อนสะโพกขึ้นลงรับกับคนด้านล่าง “แฮ่ก… มะ… ไม่ไหวแล้ว นาย---”

“โอเค” พูดพร้อมกับวางมือบนแก้มของซันอย่างอ่อนโยน นัยน์ตาสีเขียวใสที่มองตรงเข้ามาทำให้เขาใจสั่นเหมือนเคย

แอนดรูว์ดึงอีกฝ่ายเข้าไปจูบพร้อมกับกระแทกเอวอีกฝ่ายอย่างแรง ไม่มีเสียงครางของใครเล็ดลอดออกมาเพราะคนผมทองกดหลังคอของซันแน่น

ซันสูดอากาศหายใจพร้อมกับหอบอย่างแรงเมื่อแอนดรูว์ผละริมฝีปากออก ของเหลวขุ่นเจิ่งนองทั่วหน้าท้อง เขามองคนรักที่ผุดลุกขึ้นไปมัดปากถุงยางแล้วโยนลงถังขยะ อดไม่ได้ต้องพูดดักคอเพราะเข็ดจากคราวก่อน

“รอบนี้คงไม่ต้องสำรวจฟูกอีกใช่ไหม”

“ไม่จำเป็นหรอก เพราะถึงยังไงใครๆ ก็รู้เรื่องของเราหมดแล้ว”

ซันอ้าปากค้าง “หมายความว่าไง ฉัน… แบบว่า เอ่อ ออกอาการมากไปเหรอ? ”

“ไม่เชิง แต่ครั้งก่อนที่ห้องฉัน มีคนแอบเอากล้องมาติด ไอ้คนคนนั้นเลยได้ดูลีลาเด็ดของเราสองคนเต็มที่”

ซันหน้าซีดเผือดลงอย่างรวดเร็ว “นายล้อฉันเล่นใช่ไหม”

“เปล่า”

“ให้ตาย” เจ้าตัวยกมือกุมหน้าผาก “แล้ว… แล้วฉันต้องทำยังไง? ”

แอนดรูว์เดินกลับมานั่งลงข้างซัน ดึงมือออกแล้วจูบคนถามอย่างอ่อนโยน

“โทรไปลางานซะแล้วมากับฉัน”

“แต่---”

“นายไม่มีทางเลือกหรอก ซัน”

อืม เขาก็ว่าอย่างนั้นแหละ





----------------------------------------------
Talk: กระดึ๊บๆ มา บอกเลยว่าเลือดหมดตัวค่ะบทนี้ -.,-

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
 :pighaun: :pighaun:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด