SIDE STORY :: พี่รหัส #2
นารายณ์ talk
เมื่อค่อนเดือนก่อนผมประกาศกร้าวว่าจะไม่เลี้ยงสายไอ้เจอร์ทว่าผมก็ต้องเลี้ยง ทีแรกกะว่าจะเลี้ยงมันพร้อมเฟิงเพื่อนสมัยเด็กที่ผมคิดเกินเพื่อน แต่ไอ้เจอร์มันพูดจาแปลกๆเหมือนมันจะเล็งเพลินน้องรหัสของไอ้เฟิงไว้ผมเลยต้องเลี่ยงนัดมันวันอื่นแทนเพราะออกปากชวนไปแล้วมาปฏิเสธก็คงไม่ดี
ภายในร้ายจิ้มจุ่มข้างถนน ผม ไอ้เคน และเพื่อนอีกสี่คนมานั่งรอกันได้สักห้านาทีแล้ว น้องรหัสบางคนก็ทยอยมาก่อนเวลานัดแต่น้องรหัสเลวบางคนเลยเวลานัดมาครึ่งชั่วโมงแล้วยังไม่โผล่หัว
“น้องมึงจะมาไหมวันนี้”
“ไม่มาก็เรื่องของมัน กูไม่นัดเลี้ยงมันแล้ว”
“ปากไม่ตรงกับใจ ก่อนหน้านี้มึงก็พูดซะดิบดีว่าจะไม่เลี้ยง ละดูวันนี้สิ หึหึ”
“เหี้ย”ผมแจกสัตว์เลื้อยคลานใส่ไอ้เคน วันนี้ปากมันไม่ว่างมากวนตีนผมเท่าไหร่เพราะมันคอยประกบน้องรหัสมันอยู่
น้องรหัสมันเป็นดาวภาคครับ สวยใช่เล่นเลยล่ะ
“น้องนุ่นลองชิมนี่สิครับ อร่อยนะ”แม่งตักหมูยื่นจ่อปากน้องเขาแบบไม่ดูเล้ยยยยว่าน้องจะทำหน้ากระอักกระอ่วนขนาดไหน
“มองไรนารายณ์ อิจฉากูก็บอก เดี๋ยวน้องรหัสมึงมามึงก็ทำแบบนี้กับมันสิ”
“สัส! ดูหน้ามันด้วย!”
“ฮ่าๆๆ”
ปัง!
ขณะกำลังนินทาน้องรหัสตัวเองเพลินๆมือเรียวขาวก็ทุบโต๊ะตรงหน้าผมเสียงดังลั่นพอหันไปมองก็พบไอ้คนที่ทุกคนพูดว่าน่ารักยืนหัวฟัดหัวเหวี่ยงคำหัวอยู่
“ไหนล่ะ! โรง!แรม!ห้า!ดาว!!!!”ตะโกนอัดซะแก้วหูแทบแตก
“มาช้านะมึง”
“ไหนล่ะเพลิน!!?”
“มานั่งนี่มา”ผมลากเก้าอี้พลาสติกข้างตัวให้มัน จะว่าไปมันก็น่าสงสารนะจากบุฟเฟ่ต์โรงแรมเหลือแค่ร้านจิ้มจุ่มข้างถนน
“ทีแรกมึงจะพาไปเลี้ยงที่บ้านอ่อวะ”ไอ้เคนถามอย่างแปลกใจ มันคงไม่คิดว่าผมจะทุ่มทุนขนาดนั้น ผมไม่ได้ปฏิเสธแต่ก็ไม่ได้เล่าเหตุผลที่แท้จริงให้มันฟังเช่นกัน
“เอาสิงห์หรือช้าง”ผมถามน้องอย่างเอาใจ ในโต๊ะผมไม่มีใครกินเหล้าหรอกเพราะมีเด็กผู้หญิงด้วยแต่ถ้าไม่เอาเหล้าปิดปากเด็กเวรนี่ต้องงอแงไม่ยอมแหงๆ
“ไฮเนเก่น”
ล่อของแพงเลยนะ ผมส่ายหน้าอย่างจนใจแต่ก็เรียกพนักงานมาสั่งด้วยความคิดว่าหากมันเมามันจะได้สิ้นฤทธิ์ ทว่าผมก็ลืมผลที่จะตามมาซะสนิท...
สามชั่วโมงห้าขวดคนเดียว
ไอ้เจอร์เมาแอ๋ลงไปฟุบกับโต๊ะเหมือนลูกหมา ไอ้เพื่อนหลายคนก็ทยอยหารตังค์ก่อนแยกย้ายกันไปส่งน้องรหัสของตัวเอง ทิ้งให้ผมอยู่กับตัวปัญหาลำพัง ผมมองหน้ามันอย่างอ่อนใจ
“เจอร์ๆ ตื่น เดี๋ยวกูไปส่งที่หอ”ผมตบแก้มมันเบาๆแต่มันกลับปัดมือผมออกอย่างรำคาน มันเคี้ยวน้ำลายแจ๊บๆส่งเสียงงืมงำในลำคอ
“ส่งกุญแจห้องมึงมาสิเจอร์”ผมไม่รอให้มันหยิบส่งให้หรอก ขืนรอไม่รู้ว่าตีสามจะได้รึป่าว ผมถือวิสาสะค้นตัวมันทั้งกระเป๋าเสื้อกระเป๋ากางเกงทว่าไม่พบสิ่งที่ต้องการเลยถามย้ำกับเจ้าตัวอีกครั้ง”เจอร์ กุญแจหอมึงอยู่ไหน”
“งืมมม อยู่ในเบาะรถ”
“รถมึงคันไหนวะ”ข้างทางแบบนี้มันก็มีรถจอดอยู่เต็มเหยียดกูจะไปรู้จักหน้าตารถมึงไหม
“มอเตอร์ไซค์”
เจริญเถอะ!! มอไซค์แม่งมีเยอะกว่ารถยนต์อีก ผมพยามถามมันซ้ำๆว่าจอดไว้ตรงไหนมันก็ตอบมาแค่ตรงโน้นๆ ตรง
โน้นพ่องงง
สุดท้ายผมก็ยอมจำนน ตัดสินใจหามมันขึ้นรถตัวเองและพากลับมายังคอนโด น้องมันก็เมาแล้วว่าง่ายนะ หิ้วติดมือไปไหนมันก็ไม่บ่นไม่ว่าสักแอะเพราะแม่งหลับไปแล้วไง ใช้เวลาครู่เดียวผมก็แล่นรถเข้ามาในคอนโด ลากร่างโปร่งของน้องรหัสขึ้นไปยังห้องของตนที่ชั้นเกือบบนสุด ภายในชั้นนี้เป็นห้องชุดขนาดใหญ่กว่าพวกห้องชุดธรรมดาทั้งชั้นจึงมีอยู่ไม่แค่หกห้องเท่านั้น ผมหิ้วปีกเจอร์เข้าไปยังห้องริมสุด
ห้องของผมตกแต่งสไตล์โมเดิร์น มินิมอลลิสต์ สีดำขาวดูโล่งตาดีแต่ก็ไม่ได้ชอบหรืออะไรหรอก แต่เขาจ้างอินทีเรีย ดีไซเนอร์มาจัดการให้เสร็จสรรพ ผมชั่งใจอยู่พักใหญ่ว่าจะเอาน้องรหัสจอมแสบไปนอนตรงไหนดี ถ้าปล่อยมันนอนโซฟาพอเช้าตื่นมามันจะโวยใส่ผมไหม แต่ห้องผมมีแค่เตียงเดียวด้วยสิ
“นอนด้วยกันก็ได้วะ”
“งืม...แง่มๆ”
ตัวอะไรมาเกาะกูวะ? ผมลืมตาตื่นขึ้นมาเพราะแสงแดดที่เล็ดลอดเข้ามาทางผ้าม่านและตีนปริศนาที่ตวัดมาเกี่ยวเอว ผมลืมตาขึ้นมาพบหน้าใสๆยามหลับ(และเหี้ยๆยามตื่น)ของน้องรหัส มันกอดผมแน่นจนผมแงะมันออกจากตัวไม่สำเร็จ ไอ้โดนกอดก็ไม่เท่าไหร่หรอก แต่ว่า
น้องชายผมแม่งเสือกตืนมาเคารพธงชาติตอนเช้าไม่ดูวันเนี่ยสิ!!
ถ้าแม่งตื่นมารู้สึกตัวว่ามีอะไรดันหน้าขาตัวเองอยู่จะทำหน้าแบบไหนวะ
“อือ...”พอผมจะจับแขนมันออกมันก็สะบัดตัวซุกเข้ามาใกล้ขึ้นอีก ฝังใบหน้าซุกๆกับอกผมอย่างน่าเอ็นดู(?) ละคือหน้าแนบอกตัวแนบตัวน่ะไม่เป็นไร แต่ไข่แนบไข่นี่ไม่ใช่ละ...เจอร์เสือกอยู่ไม่สุขกระดุกกระดิกไปมาเสียดสีน้องชายผมจนแทบคลั่ง
เอาไงดีวะ
ไม่ไหวละ
ปลุกแม่ง
“เจอร์!! ตื่นๆๆ”ผมตบหน้ามันเบาๆแต่มันก็ไม่มีทีท่าจะลืมตา
“งืม...”
“เชี่ยเจอร์ ตื่น!!”ตัวมันน่ะไม่ตื่นหรอก แต่หนอนน้อยของมันเสือกตื่น! ไอ้เหี้ย! ผมแทบไปไม่เป็นเมื่อบางสิ่งภายใต้บ็อกเซอร์ของน้องรหัสมันดันตัวแข็งขืนขึ้นสู้กับของผมที่ตั้งท่ารออยู่แล้ว
“ไอ้พี่...”น้องเวรครางฮืมในลำคอ มันผงกหัวขึ้นจากอกของผมก่อนกวาดสายตามองไปรอบๆห้องอย่างงุนงง”ที่นี่ที่ไหน”
“ห้องกูเอง ว่าแต่มึงช่วยลุกออกไปก่อนเหอะ”
“ยังง่วงอยู่เลย”
“งั้นมึงรีบปล่อยมือจากตัวกูด่วนเลย แล้วก็เลิกขยับตัวได้แล้วไอ้สัส ทั้งของมึงของกูไปหมดแล้ว”
“ของพี่...เห้ย!! ไอ้เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ของพี่มึง!! โอ๊ย เหี้ยอะไรแต่เช้าเลยวะพี่ อย่าบอกนะว่าเกิดอารมณ์กับผู้ชายด้วยกันน่ะ”
ป้าบ!
“เกิดกับเตี่ยมึงสิ! ห้องน้ำมีสองห้อง จัดการตัวเองแล้วก็รีบไสหัวไปจากห้องกูซะ”ผมฟาดกะโหลกเด็กเปรตไปป๊าปใหญ่เพราะแม่งจะเบิกตาโพลงจ้องมังกรยักษ์ของผมตาไม่กระพริบ ไอ้ห่า เล่นจ้องซะกูอายเลย
ขณะเดินออกจากห้องนอนผมก็ได้ยินเสียงรำพึงรำพันกับตัวเองของน้องรหัสบนเตียงว่า
“แม่งโคตรรวยKโคตรใหญ่จริงๆด้วย”
ได้ยินแล้วก็ต้องแอบยิ้ม
ไม่กี่วันหลังจากนั้นมันก็เสล่อเข้าไปเสนอหน้ากับกลุ่มเด็กเภสัชที่จะไปเลี้ยงสาย ไอ้ผมในฐานะผู้ปกครองก็ต้องรีบแจ้นออกจากห้องตามไปคุมมันด้วย ตอนแรกผมคิดว่ามันไปเพื่อจีบเพลินแต่พอเหล้าดีๆเข้าปากมันก็ลืมสิ้นทุกสิ่งอย่าง แดกอย่างเดียวเรียกว่าคุ้มสุด
น้องรหัสผมเป็นคนตรงๆครับ เหี้ยก็เหี้ยตรงๆ ชมก็ชมตรงๆ มาเพื่อแดกก็แดกลืมตาย ไม่รู้จะเอ็นดูหรือจะเกลียดดี
หลังจากรู้จักตัวตนของมันผมก็เริ่มทำใจได้เคยเล่นๆว่าจะพามันไปเลี้ยงสายที่โรงแรมอีกสักรอบดีไหม ทว่ามันก็ทำให้ผมผิดหวัง
เฟรชชี่เกมส์เมื่อปีก่อนคณะของผมเป็นเจ้าเหรียญทองสมัยที่ห้าซ้อนทำให้พวกปีสองกดดันพวกปีหนึ่งค่อนข้างหนักและปีนี้ก็ทำผลงานได้ไม่ดีเท่าที่ควร จำนวนเหรียญสูสีกับสถาปัตย์คู่แข่งตัวฉกาจ จนกระทั่งวันสุดท้ายจำนวนเหรียญของพวกเราก็ตามหลัง
ไม่รู้นะว่าเรื่องนี้จะมีส่วนด้วยไหม
ไอ้เจอร์ถึงทำเรื่องแบบนั้นเข้า
“น้องมึงก่อเรื่องเข้าจนได้”ไอ้เคนที่ยืนอยู่ข้างๆตรงที่นั่งกองเชียร์ฝั่งวิศวะถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน ภาพที่เห็นในสนามคือไอ้ครอสที่ล้มลงไปกุมข้อมือตัวเองก่อนจะลุกขึ้นมาคว้าคอเสื้อไอ้เจอร์ตัวต้นเหตุอย่างเดือดดาล จากที่นั่งผมไม่รู้ว่าไอ้ครอสมันพูดอะไรบ้างแต่เท่าที่เห็นคือมันเดือดจนน่ากลัว ไอ้เจอร์ก็ยังคงลอยหน้าลอยตาเถียงอะไรกลับไปก็ไม่รู้
สำหรับคนอื่นคงเห็นมันเป็นพวกขี้โกง
รุ่นพี่ปีสามปีสี่หลายคนเริ่มลุกขึ้นโวย เสียงโห่ไล่ดังลั่นมาจากฝั่งกองเชียร์คณะมนุษยศาสตร์
ทุกสายตาจับจ้องและประณามน้องรหัสของผม
ทุกๆคนคิดว่ามันตั้งใจเล่นสกปรกเพราะพอทำผิดแล้วแทนที่จะขอโทษกลับเยาะเย้ยเขา
แต่ผมรู้ดีว่ามันไม่ได้ตั้งใจ
ผมไม่ได้เข้าข้างน้องรหัสตัวเองหรอก
แต่เพราะผมเป็นพี่รหัสมัน ผมถึงได้เห็นความสั่นไหวในดวงตาของมัน เห็นความรู้สึกผิดในท่าทีหัวรั้นนั้น
น้องรหัสผมเป็นคนตรงๆ เหี้ยก็เหี้ยตรงๆ ชมก็ชมตรงๆ ถ้าอยากทำร้ายใครมันไม่มานั่งใช้วิธีอ้อมค้อมแบบนี้หรอก
การแข่งขันสิ้นสุดลงพร้อมกับความพ่ายแพ้อย่างยับเยินของคณะวิศกรรมศาสตร์ แต่พวกเราไม่พังเพราะพลาดตำแหน่งเจ้า
เหรียญทองหรอก พวกรุ่นพี่ทุกคนเข้าไปปลอบใจนักกีฬาฟุตซอลทุกคน เอาน้ำมาให้กิน ชวนไปเลี้ยงเหล้า
ทุกๆคนยกเว้นคนๆเดียว
“ไอ้นารายณ์มึงจะไปไหน”พี่นิลเดินเข้ามาทัก พี่แกเป็นกัปตันเก่าเมื่อสองปีที่แล้วเลยค่อนข้างผิดหวังเป็นพิเศษแต่ก็ยังทำหน้าที่พี่ที่ดีเข้ามาปลอบใจน้องเพราะน้องทำเต็มที่แล้ว
“ไปหาไอ้เจอร์ครับ”พอสิ้นคำใบหน้าของรุ่นพี่ตรงหน้าก็เรียบตึงขึ้นด้วยความไม่สบอารมณ์
“เด็กมันเหี้ย มึงอย่าไปสนมันนักเลย”
“มันไม่ได้ตั้งใจ...”
“คราวก่อนมันก็แกล้งร้องเพลงผิดจนมึงต้องวิ่งรอบสนามไม่ใช่รึไง”
“ใช่ครับ น้องแค่แกล้ง ไม่เหมือนครั้งนี้...”
“ใช่!! มันไม่เหมือนกัน! เพราะครั้งนี้มันเล่นซะเขาแขนหัก!! มันเล่นสกปรกทำลายศักดิศรีของคณะกู!! มึงยังกล้าเรียกมันว่าน้องอีกเหรอ!?”คราวนี้พี่เขาตะคอกกลับมาอย่างเดือดดาล โทษะคุกรุ่นจวนเจียนจะระเบิด พวกที่อยู่แถวนั้นหันมามอง บางคนก็เอ่ยเสริมพี่นิล บางคนก็ส่ายหน้าอย่างจนใจ
โดยภาพรวมไม่มีใครเชื่อในตัวเจอร์สักคน
แม้กระทั่งเพื่อนร่วมทีม
“ไอ้นิลมึงใจเย็นๆดิวะ ไอ้นารายณ์มันก็แค่ออกหน้าเพราะเห็นเป็นน้องรหัสเท่านั้นแหละ คิดถึงมันบ้างดิ ใจจริงมันก็คงไม่อยากปกป้องคนแบบนั้นนักหรอก เนอะๆ เลิกพูดเรื่องนี้แล้วก็ไปหาอะไรกกินกันเถอะ ไอ้นารายณ์ไปเร็ว!”รุ่นพี่ปีสี่คนนึงเดินเข้ามาไกล่เกลี่ย พี่เขาตบบ่าผมเชิงให้กำลังใจ
ไม่ใช่ว่ะ
“โทษพี่ วันนี้ผมขอตัวแล้วกัน”ผมส่ายหัวบอกปัดทุกคำเชิญชวน
อันที่จริงมันก็ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของผมหรอกนะ
แต่ถ้าผมไม่ไปหาเจอร์...แล้วมันจะเหลือใครล่ะ?
ผมกวาดสายตามองหาน้องรหัสของตัวเองรอบสนามแต่ก็ไม่พบ ทั้งหลังแสตนด์หรือในห้องน้ำก็ไม่มีวี่แววของมันเลย ผมกดโทรหามันก็ตัดสายแทบจะทันทีเหมือนมันกำลังถือมือถือเอาไว้
ตอนนี้ท้องฟ้ามืดสนิท นักศึกษาที่อยู่เชียร์กีฬาก็ทยอยกลับกันเกือบหมด การเดินเพ่นพ่านในมหาลัยตอนกลางคืนในหน้าหนาวคนเดียวก็น่ากลัวไม่หยอก
ผมลองเดินเข้าไปในลานจอดรถที่ใกล้สนามที่สุด มองเห็นรถเก๋งจอดอยู่สองสามคันกับมอเตอร์ไซค์อีกประปราย ไม่รู้ว่าคันไหนเป็นของน้องรหัสผมรึเปล่า
“เชี่ยเจอร์!! มึงอยู่ไหน!?”เสียงตะโกนของผมดังก้องสะท้อนความว่างเปล่า
“เจอร์! ถ้าอยู่ก็ตอบกูด้วย!”ทำไมผมต้องมาหามันลำบากตัวเองขนาดนี้ด้วยวะ ปกติพี่รหัสเขาทำเพื่อน้องขนาดผมไหม?
“เจอร์!!”กูตะโกนจนคอหอยแทบแตกละถ้ามึงยังไม่โผล่ออกมากูจะกลับแล้วนะ
“แหกปากอยู่ได้น่ารำคาน มีธุระอะไรวะ”ในวินาทีที่เกือบตัดใจเสียงอวดดีของใครบางคนก็ดังขึ้น แต่คราวนี้เจ้าเสียงนั้นกลับฉายแววอ่อนลงจนสัมผัสได้ เมเจอร์มันนั่งคอตกอยู่บนม้านั่งหลังป้อมยามซึ่งไม่มียามอยู่ สีหน้าของมันไม่ดีอย่างเห็นได้ชัด พอเห็นคนที่ตามหาผมจึงรีบสาวเท้าเข้าไปใกล้ด้วยความเป็นห่วง
“ไสหัวไปซะ!! กูอยากอยู่คนเดียว!”
ผมจดจ้องใบหน้าที่เอาแต่ก้มมองพื้นผิดวิสัยของอีกฝ่ายอย่างเหนื่อยใจ
“อย่าไล่กูเลยเจอร์ ถ้าไม่มีกู...นับจากนี้มึงต้องอยู่คนเดียวจริงๆแล้วนะ...”ข่าวลือมันแพร่เร็วจะตาย เดี๋ยวพรุ่งนี้คนทั้งคณะก็จะรู้และทุกคนก็จะตามกระแสแห่กันแบนมัน
“เรื่องแค่นี้กูไม่แคร์หรอก จะไปไหนก็ไปเลย ยืนหล่อรกหูรกตากูอยู่นั่นแหละ”
“มึงไม่แคร์แต่เสียงมึงสั่นนะเจอร์”ถ้าแม่งไม่แคร์จริงๆคงไม่มานั่งหน้าเจื่อนมองปลายเท้าตัวเองอยู่ในที่แบบนี้หรอก จะปากแข็งทำห่าอะไรก็ไม่รู้
“พี่มึงเลิกตอแยกูซักที กูชินกับเรื่องพรรคนี้แล้ว ชีวิตกูก็เป็นแบบนี้มาตลอด”
“มึงพูดเหมือนกับว่าชั่วชีวิตนี้ไม่เคยมีใครอยู่ข้างมึงงั้นแหละ...”
“ก็มันจริงหนิ! ทั้งคนที่บ้าน! ทั้งเพื่อนที่ผ่านมาแม่งก็พร้อมทิ้งกูตลอดนั่นแหละ! มึงเกิดมามีพร้อมทุกอย่างมึงไม่เข้าใจกูหรอก!”
“มึงพูดเหมือนกับว่ากูไม่ใช่ส่วนหนึ่งในชีวิตมึงเลยนะ...”ผมไม่รู้ว่าที่ผ่านมาไอ้โง่ตรงหน้าผมต้องเจอกับอะไรบ้าง แต่ในเมื่อผมรู้ดีว่ามันไม่ได้เจตนาเล่นสกปรกผมก็ยินดีเข้าข้างมัน แปลกใจตัวเองนิดๆ ไม่คิดว่าชาตินี้ตัวเองจะต้องมายืนพูดปลอบใครสักคนด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนขนาดนี้
“พี่มึง...บ้าไปแล้ว...”
บางที คนตรงหน้าผมก็คงไม่คาดคิดเหมือนกันล่ะมั้ง...
“มายุ่งกับกูเดี๋ยวก็โดนแบนไปอีกคนหรอก อึก...”
...ไม่คาดคิดว่าชาตินี้ตัวเองจะได้รับคำปลอบใจจากใครสักคน อย่างอบอุ่นแบบนี้
สีหน้าของเจอร์ตอนเงยขึ้นมาสบตากันมันฟ้องชัดเจน ทั้งความตกใจและดีใจที่ปกปิดไว้ไม่มิด
“มาสิ เดี๋ยวพาไปเลี้ยงเหล้า...อา เอาเป็นบุฟเฟ่ต์โรงแรมดีไหม คราวนี้ไปอีกสาขานึงเนอะจะได้ไม่เบื่อ”ผมคลี่รอยยิ้ม ส่งมือไปให้ร่างโปร่งซึ่งเอาแต่จ้องมือของผมเหมือนมันเป็นของร้อนเลยไม่กล้าจับ
“พี่มึง...อย่าทำงี้ดิวะ เดี๋ยวก็ร้องไห้กันพอดี...”
“มึงร้องมาได้สักพักแล้วเจอร์”
“เหี้ย!!”
เอ๊า ดูมันเสือกด่ากูอีก แต่ก็เอาเถอะ ผมไม่สือสาเด็กที่ปากด่าแต่เลื่อนมือมาจับมือผมอย่างว่าง่ายหรอกนะ