Endless Dream เพราะปลายทาง... คือเรา [ภาคจบ Loveless Society] - ตอนที่ 45 [END]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Endless Dream เพราะปลายทาง... คือเรา [ภาคจบ Loveless Society] - ตอนที่ 45 [END]  (อ่าน 7985 ครั้ง)

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.เมื่อนิยายจบแล้วให้แก้ไขหัวกระทู้ต่อท้ายว่าจบแล้ว


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

-----------------
Endless Dream เพราะปลายทาง... คือเรา

โดย มิรันดา



ใครจะคิดว่า จูบง่ายๆของเด็ก ม.ปลาย ชายล้วนสองคน จะเป็นจุดเริ่นต้นของความฝันอันยาวนาน และเส้นทางอันยาวไกลใน Loveless Society / บทสรุปสุดท้ายของซีรีส์ Loveless Society เพราะรัก...ออกแบบไม่ได้

ภาค 1
Loveless Society เพราะรัก... ออกแบบไม่ได้
https://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=28027.0

ภาค 2
Coldness Town เพราะหัวใจ... ไม่เคยลืม
https://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34986.0
------------------------------------------------------------------------------
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-04-2020 19:28:57 โดย M2M_Jill »

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
บทที่ 1 Nostalgia

ชายหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตกางเกงยีนส์ ที่สวมทับด้วยเสื้อแจ๊คแกตตัวหนึ่ง เดินทางมาถึงหน้าแกลอรี่อย่างมึนงง เขาไม่รู้ว่าอะไรพาตัวเขามาถึงที่นี่ได้ เขามองเข้าไปในแกลอรี่กลางย่านสุขุมวิทอย่างไม่ค่อยเข้าใจอะไรนัก ขณะสอดส่ายสายตาตามหาเพื่อนเก่า ที่นัดหมายให้เขามาเจอกันที่นี่

“ขอโทษนะคะ พอดีแกลลอรี่เราปิดแล้วค่ะ” เสียงของรีเซ็ปชั่นตรงเคาท์เตอร์หน้าแกลอรี่พูดขึ้นกับเขา

“เอ่อ... พอดีผมมาหาคุณกายสิทธิ์คับ เขานัดผมมา” เขากล่าวตอบ

“ได้แจ้งชื่อไว้หรือเปล่าคะ” เธอยังคงถามต่อ

“คับ...เอ่อ… หมึกเทาคับ…” เขายิ้มให้เธอ

“อ๋อค่ะ คุณหมึกเทา ว้าวเอ่อ…” เธอคนนั้นยิ้มให้เขาพลางทำสีหน้าตกใจ ซึ่งไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาพบเจออะไรแบบนี้ หลังจากที่หนังสือของเขาขายดีจนติดอันดับ นามปากกา “หมึกเทา” ของเขา ก็สร้างชื่อให้กับเขาไม่น้อย “ค่ะ เอ่อ...คุณกายอยู่ด้านในค่ะ เดินตรงไปเลี้ยวซ้ายเลยค่ะ ในโถงกลาง”

“ขอบคุณมากคับ”

เขายิ้มให้กับเธอ ก่อนจะเดินตรงเข้าไปในแกลอรี่ นานมากแล้วที่เขาไม่ค่อยชินกับการมาเสพย์งานศิลปะ แต่สิ่งที่แขวนอยู่รายล้อมแกลอรี่ในนี้บอกเล่าเรื่องราวบางอย่างที่เขาสัมผัสได้ รูปภาพที่เป็นตึก รายล้อมด้วยผู้คนที่ส่งความหมายที่วุ่นวาย เหงา แต่ทว่าก็ดูโหยหาบางอย่าง ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมานี้ คนที่กำลังอินกับความหมายแบบนี้มันไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นเพื่อนเก่าของเขานั่นเอง

กายสิทธิ์ พ่อมดแห่งวงการโฆษณา เพื่อนสมัยมัธยมที่สนิทกัน

“หวัดดีกาย” เขาเอ่ยปากทักทายกายที่กำลังยืนกำกับพนักงานขนของอยู่ตรงโถงกลางของแกลอรี่

“อ้าว คุณนักเขียนชื่อดัง มาจนได้นะครับ” กายสิทธิ์ พ่อมดแห่งวงการโฆษณาผู้เป็นหัวหลักใหญ่ของงานจัดแสดงที่เพิ่งจบไปนี้ เดินเข้ามาสวมกอดเขาทันทีพร้อมกับรอยยิ้ม ขณะที่เขาเองก็ไม่ได้เจอเพื่อนรักคนนี้มาพักใหญ่แล้ว

“เออ หวัดดี” เขากล่าวทักทาย

"ได้หนังสือแล้วนะ ปกติไม่ค่อยมีเวลาอ่านหนังสือเท่าไหร่ แต่ของมึงกูประทับใจมาก เรื่องที่มึงเขียน มันทำให้กูเห็นตัวเองชัดขึ้น” กายพูดทันที

“ขอบใจเพื่อน แต่ กูไม่ได้ตั้งใจเอาเรื่องของพวกเรามาขายหรอกนะเว่ย” เขาพูดติดตลก

“เราไม่มีอะไรต้องปิดบังกันอีกแล้วน่า” กายตบไหล่เพื่อนอย่างจริงใจ “เอ้อ นั่นนัท แฟนกูเอง”

กายชี้ไปยังนัท ที่กำลังนั่งเคลียร์ของอยู่ที่หน้าภาพแสดงภาพใหญ่กลางแกลลอรี่ กายโบกมือให้แฟนหนุ่มของเขา พลางเดินนำเขาเข้าไปพบ

“คุณ ผมเห็นตารางงานของเจนในอีเมล์แล้ว ผมว่าจะให้มิกเอา Loveless Society บินส่งไปให้เจนก่อนวันศุกร์” นัท ชายหนุ่มรูปร่างสันทัด หน้าตาดูน่ารักที่กายบอกว่าเป็นแฟนของเขาเอ่ยขึ้น กายส่งยิ้มให้กับนัท เป็นรอยยิ้มที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน

“ผมรู้ ผมเลยอยากให้คุณมิกมีเพื่อนร่วมทาง” กายผายมือให้นัทเห็นตัวเขาเองที่ยิ้มให้อย่างงงๆ

“หวัดดีคับ ผมโฟล์คคับ นามปากกาหมึกเทา” เขาแนะนำตัวให้กับแฟนเพื่อน

“หมึกเทาเหรอคับ… คุณนี่เองที่เขียน Endless Dream” นัทส่งรอยยิ้มให้กับโฟล์ค “ผมชอบมากเลยคับคุณโฟล์ค มันเป็นหนังสือที่พูดเรื่องความรักได้งดงามมากเลยคับ” นัทพูดต่อ

“ขอบคุณคับผม ว่าแต่...กาย มึงจะให้กูมาทำอะไรนะ” โฟล์คยังคงตามไม่ทันกับเรื่องที่เกิดขึ้นนัก

“อ๋อ… ก็พอดีแฟนกูเขาจะเอาภาพนั้นอ่ะส่งไปปารีส เพื่อนเค้าที่เป็นอาร์ตติสจะบินไปวันศุกร์นี้พร้อมภาพ กูเลยอยากให้มึงบินไปพร้อมกันเลย กับเพื่อนแฟนกู”

“อะไรนะ” โฟล์คร้องขึ้น ขณะที่กายกับนัทมองหน้ากันแล้วยิ้มกว้าง

“กูกับแฟน เราสองคนอ่าน Endless Dream แล้ว กูว่ากูรู้นะ ว่ามึงเขียนหนังสือเล่มนั้นถึงใคร”

คำพูดของกาย เหมือนเวทย์มนต์ดึงกาลเวลาบางอย่าง มันทำให้ห้วงความคิดของโฟล์คกลับไปสู่ห้วงภวังค์นั้นอีกแล้ว ห้วงความรู้สึกที่เขาคุ้นชิน มาตลอดเวลาที่เขาเริ่มเขียนหนังสือเล่มนั้น

ใช่...เพื่อนเก่าของเขาพูดถูก

หนังสือเล่มนี้ถูกเขียนขึ้นเพื่อคนบางคน

คนบางคนที่พาเขาเดินมาถึงจุดนี้จนได้



กายเดินเข้ามาหาโฟล์คที่นิ่งเงียบไป

“มันก็… เกิดเรื่องอ่ะ… นานแล้ว แล้วก็ย้ายไปอยู่ปารีสถาวร” กายพูดเบาๆ “พอมาคิดคิดดูแล้ว กูก็เลยคิดว่า อาจจะเป็นโอกาสดี ที่มึงจะ…”

“ถึงกูถ่อไปปารีส กูจะไปหามันเจอได้ไง” โฟล์คพูดต่อ

“กูว่าโลกมันกลมกว่านั้น” กายว่า “เพื่อนแฟนกู อาจจะทำให้มึงหามันเจอง่ายขึ้น”

กายหันไปหานัท ที่ส่งยิ้มให้โฟล์คทันที แฟนของกายยื่นตั๋วเครื่องบินให้ตรงหน้าโฟล์ค

“ยังไงคับเนี่ย” โฟล์คร้องถาม

“พอดีเพื่อนผมอีกคน เขายกเลิกไฟล์ท มิกเพื่อนผมที่เป็นอาร์ตติสเลยต้องบินไปปารีสคนเดียว กายเค้าถือวิสาสะเปลี่ยนชื่อตั๋วที่ว่างเป็นชื่อคุณ” นัทยิ้มให้

“ผม...ผมยังไม่เข้าใจ” โฟล์คพูดต่อ

“ผม มิก และสา เราสามคนรู้จักเค้า คนคนนั้นอ่ะคับ” นัทพูดต่อ โฟล์คเงียบสนิททันที ก่อนจะมองตั๋วในมือนิ่ง แต่กายไม่รีรอ หยิบตั๋วและยัดใส่มือของโฟล์คทันที

“มึง… ไม่เห็นต้องทำแบบนี้เลย” โฟล์คว่า

“กูไม่มีวันนี้ ถ้าไม่มีมึงไม่เตือนสติกูวันนั้นนะโฟล์ค” กายพูดต่อ “เพราะงั้น มึงไปทำให้ฝันของมึง จบเหมือนในหนังสือเหอะ”

โฟล์คเงียบสนิท ก่อนจะหันหลังเดินจากมา

เรื่องราวร้อยพันตีวนอยู่ในหัวของเขา...

เรื่องราวในอดีต ที่เขาไม่คิดว่าจะได้กลับมาคิดถึงมันอีกครั้ง...

“มันไม่อยากเจอกูหรอก มัน… ไม่ให้อภัยกูหรอกกาย” โฟล์คยิมเศร้าๆให้กับกาย และให้กับตัวเอง

“ก็… ไม่ลองไม่รู้ มึงเคยบอกกูเองนะ” กายยิ้มให้เพื่อน

รอยยิ้มของเพื่อนสมัยมัธยมที่เขาคุ้นเคย

ฉายาพ่อมดของเพื่อนที่ได้ดิบได้ดีในวันนี้กลับมีเวทย์มนต์พาเขากลับไปวันนั้น...

วันที่ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้น….

-------------------

เสียงฝีเท้าของไอ้พวกเด็ก ม.3 วิ่งไปตามระเบียงอีกแล้ว เหมือนพวกมันจะไม่เข็ดที่โดนวิชัยฟาดเรียงตัวเรื่องวิ่งบนอาคาร โฟล์คส่ายหัวให้กับพวกรุ่นน้อง พลางเบื่อกับการที่ต้องทนฟังเสียงดังเอะอ่ะโวยวายในช่วงที่เขากำลังจะนั่งทำการบ้าน เขาถอนหายใจใส่พวกมัน ขณะที่กำลังจดจ่ออยู่กับการเรียบเรียงเรียงความในวิชาภาษาไทย

เสียงฝีเท้ากังขึ้นอีกและคราวนี้มันวิ่งเข้ามาในห้อง มันยิ่งทำให้เขาขาดสติ

“มึงไปวิ่งกันที่อื่นได้ป้ะ ไอ้เว….”

“ไอ้โฟล์ค มึงไปตีนสะพานด่วนเลย” เป็นไอ้มอสเองที่วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาตะโกนร้องเรียกเขา

“มึงจะวิ่งเข้าห้องมาทำเชี่ยอะไร เดี๋ยววินัยก็เล่นมึงหรอก ทำสันดานเหมือนพวกม.ต้นไปได้” โฟล์คตะโกนใส่ “

“เออน่ะ เรื่องนั้นช่างแม่งก่อน ไปก่อน เร็ว” มอสร้องพลางรัวมือใส่โต๊ะรัวๆ

“กูเคลียร์สุชาดาอยู่ไม่เห็นรึไง” โฟล์คตอบ

“Zodiac โดนหยามอยู่นะเว่ย มึงจะปล่อยเพื่อนมึงโดนทำร้ายอ่อวะ” มอสพูดเสียงเรียบ และนั่นทำให้โฟล์ควางปากกาลงทันที

“มึงว่าไรนะ” โฟล์คพูดต่อ

“แกงค์เราโดน มึงจะปล่อยได้ไง” มอสย้ำคำอีกที และนั่นทำให้โฟล์ครีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว

The Zodiac ฉายาของแกงค์ตัวป่วน ม.5 เด็กชายล้วนกางเกงดำ มอส โฟล์ค เบนซ์ กาย อิน ห้าสหายที่มีลวดลายกันไปคนละอย่าง แต่ละคนไม่มีอะไรเหมือนกันเลย แต่กลับกลายเป็นแกงค์ที่สนิทกัน มันก็เริ่มมาจากการมองหน้ากันงงๆ ตอนที่โดนอาจารย์จับให้ทำงานกลุ่มด้วยกัน และเพราะเพิ่งจะมารู้จักกัน ก็เลยเริ่มสนิทกันจากตรงนั้น มอส หัวโจกของกลุ่ม ตัวเล็กเสียงดัง นักบาสประจำโรงเรียน เรื่องเรียนไม่สู้ แต่เรื่องกลุ่มเพื่อนไม่มีถอย โฟล์ค วิ่งตามงานต้อยๆ วันวันนั่งเอาหูฟังอุดหู เพราะติดเสียงเพลง เบนซ์ สาย Gadget บ้าโปรดักส์ ของมันต้องมีก็อยู่ในกระเป๋าหมด กาย เด็กอีสานลูกครึ่ง สู้ชีวิต หอบตัวเองมาเรียนคนเดียว หล่อกระชากใจสาว และอิน ขาวตี๋ ไม่พูดไม่จา เอะอ่ะหาย เอ่ะอ่ะถ่ายรูป

ทั้ง 5 คนจะว่าไปแล้ว ก็คือสายเด็กเรียน เพราะฉะนั้นไอ้เรื่องต่อยตีนั้นก็เป็นเรื่องที่ค่อนข้างไกลตัว แต่สำหรับโฟล์คแล้ว ถ้าไอ้มอสวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาในห้องแล้วบอกว่ามีเรื่อง ก็ไม่มีเหตุผลที่จะไม่เชื่อคำของมัน

ไม่กี่นาทีต่อมา ทั้งสองวิ่งมาถึงตีนสะพานพุทธ สวนสาธารณะเล็กๆที่เต็มไปด้วยเด็กนักเรียนเดินไปมาเป็นคู่ๆ โฟล์คหายใจเหนื่อยหอบ พลางมองไปรอบๆ เพื่อหาว่าไหนคือสนามรบที่เกิดขึ้นและเพื่อนคนไหนของเขากำลังโดนรุมสะกำ

“ไหนวะ ไม่เห็นมีใครโดนตีนเลย” โฟล์คร้องตะโกน

“กูบอกมึงตอนไหนว่ามีคนโดนตีน” มอสพูดตอบ

“เอ๊าไอ้ห่า แล้วมึงตามกูมาเพื่อ? กูก็นึกว่าใครในกลุ่มเราโดนกระทืบ” โฟล์คร้องถาม

“กูบอกว่าคนในกลุ่มเราโดนหยามไง และกูหมายถึงนั่น…” มอสชี้ไปยังเก้าอี้ข้างหน้าพุ่มไม้พุ่มหนึ่ง และนั่นทำให้โฟล์คเห็นอะไรที่คุ้นตา

“มินนี่”

โฟล์คร้องขึ้นมา ภาพของเด็กสาวเซนโยตรงหน้า มินนี่ เธอคุยกับเขาในเฟสมาพักใหญ่แล้ว แถมดูเหมือนจะหนักข้อขึ้นเรื่อยๆหลังจากที่เขาตกลงไปดูหนังกะเธอเมื่ออาทิตย์ก่อน ซึ่งนั่นก็ไม่ได้ทำให้เขาคิดอะไรกับเธอเลยเถิดนัก แต่ทว่าสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า มันคือมินนี่ ที่กำลังนอนพิงอยู่ในอ้อมแขนของ

ไอ้อิน…

“เชี่ย…” โฟล์คร้องออกมาทันที

“ใช่ เชี่ย… แม่งโคตรหยามสัส… มึงสองตัวโดนเด็กเซนโยปั่นหัวพร้อมกัน เจอของแรงแล้วไอ้โฟล์ค” มอสพูดขณะที่นั่นทำให้โฟล์คหัวร้อนขึ้นทุกที

“ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย” โฟล์คถามขึ้น

“กูก็ไม่แน่ใจอ่ะ ก็เห็นไอ้อินมันบอกว่ามันคุยกับคนนึงอยู่ แต่กูไม่รู้ว่าเป็นคนนี้ว่ะ ก็เพิ่งเห็นเนี่ย” มอสว่า “แต่กูเห็นมึงกับมันสนิทกันอ่ะ กูก็นึกว่ามึงกะมันเคยเห็นคนของมึงกันเองแล้ว”

เสียงของมอสที่พูดขึ้นมาไม่ได้ทำอาการหัวร้อนของโฟล์คทุเลาลง แต่มันทำให้ยิ่งร้อนยิ่งขึ้น

ใช่… เพราะโฟล์คสนิทกับอินมาก ที่เขาหัวร้อน เลยไม่ใช่เพราะมินนี่กำลังนอกใจเขาซะด้วย

มันเป็นอย่างอื่น….

โฟล์คกำหมัดแน่นขณะที่ออกเดินไปตรงหน้า

“เชี่ยโฟล์คใจเย็น”

โฟล์คไม่รอช้า เดินตรงไปที่เก้าอี้ตัวงนั้นทันทีและหยุดอยู่ตรงหน้าทั้งคู่

“โฟล์ค” เสียงของมินนี่ร้องขึ้นทันที และนั่นทำให้เธอตกใจเผลอทำแก้วน้ำหกใส่ตัวของอิน

“เชี่ย” อินร้องเสียงดังเมื่อกางเกงของเขาเปียกโชก ขณะที่มินนี่รีบลุกขึ้น และถอยตัวห่างออกไป พลางจ้องมาที่โฟล์คเขม็ง

“โฟล์ค… มาได้ไงอ่ะ” มินนี่พูดเสียงสั่น

“อะไรกันวะเนี่ย… เดี๋ยวนะ มินนี่รู้จักมันด้วยอ่อ” อินพูดเสียงสูง ดูตกใจกับสิ่งรอบตัวที่เกิดขึ้น

“มีอะไรจะพูดป่าว” โฟล์คถามขึ้น

“ไม่...ไม่ใช่อย่างนั้นนะโฟล์ค ตัวกำลังเข้าใจผิด มันไม่ใช่อย่างที่เห็นนะ” มินนี่รีบแก้ตัว และนั่นทำให้อินหันไปมองเธอทันที ก่อนจะหันกลับมาหาโฟล์คด้วยสายตาแข็งกร้าว

“เชี่ย นี่...อย่าบอกนะว่า…” อินร้องขึ้นมาบ้าง

“ไม่เลยมินนี่ … ตัวต่างหากที่เข้าใจผิด” โฟล์คพูดพลางมองไปที่อิน “เพราะมันไม่ใช่อย่างที่มินนี่เห็นหรอก”

ในเสี้ยววินาที โฟล์คดึงตัวอินเข้ามาจูบทันที

“หะ…..”

และแล้วทุกอย่างก็เข้าสู่ความเงียบ



ในความรู้สึกของโฟล์ค เขาไม่รู้เลยว่า นาฬิกาอันยาวนานของเขา ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

…………...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-04-2020 11:16:11 โดย M2M_Jill »

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
บทที่ 2 - Kiss

“โอเค กูรู้ว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจ แต่...ที่กูทำไป มันมีเหตุผล” โฟล์คพยายามค่อยๆเปิดปากพูดออกไปทีละคำ การอธิบายของโฟล์คมันยากลำบาก เพราะหลังจากอินเหวี่ยงหมัดใส่เขาจนเซถลาไปแล้ว หน้าของเขายังไปกระแทกกับไหล่ของมอสที่ยืนอยู่ด้านหลังอีก ปากและช่วงแก้มของเขาระบมจนรู้สึกได้

“เหตุผลเชี่ยไรของมึง” อินยังคงนั่งนิ่ง สายตาที่โกรธจัดมองมาที่โฟล์ค ขณะที่มือของอินกำแน่นวางอยู่บนตัก

“ก็ถ้าไม่ให้มึงกะกูดูเป็นแฟนกัน มึงก็ต้องโดนเขาปั่นหัวต่อไปไง” โฟล์คพูดต่อ พยายามมองไปในตาของอิน สายตาที่ดูจะเป็นคำตอบให้โฟล์คฟังได้ว่า มันไม่มีเหตุผลใดใดที่เชื่อถือได้เลย

“แล้วมินนี่เค้าว่าไงอ่ะ” เบนซ์ถามขึ้น ราวกับกำลังนั่งฟังตอนต่อไปของการ์ตูนเล่มโปรด

“ก็ไม่ว่าไงอ่ะ พอกูถอนปากจากมัน เขาก็หายไปแล้ว” โฟล์คพูดต่อ แต่นั่นทำเอาอินทำท่าจะลุกขึ้นอีกครั้ง

“เห้ยๆ ใจเย็น ใจเย็น” มอสรีบถลาเข้าไปห้ามอารมณ์อินทันที

“โธ่เอ๊ย เด็กเซนโย กูเห็นจิ้นวายกันชิบหาย พอเจอของจริงเข้า ก็สตั๊นไปดิ” เบนซ์ว่าต่อ

“พวกมึงนี่ก็นะ กูก็นึกว่าเรื่องอะไรใหญ่โต” กายพูดขึ้นเสียงเรียบง่าย “กูถ่ายรูปอยู่ท่าเตียน อุตส่าห์รีบถ่อกลับมาโรงเรียน ป่านนี้แสงหมดละเนี่ย ไร้สาระไปป่ะ”

“เออ เอาน่ะ แล้วก็แล้วกันไป” มอสพูดขึ้นต่อ “มึงก็คิดซะว่าขำขำไปดิ ยังไงมึงก็อดได้เค้ากันทั้งคู่ไม่ใช่อ่อ”

มอสยังคงสถานะการเป็นตัวเชื่อมของแกงค์ได้เสมอเหมือนเดิม แต่อารมณ์อันครุกรุ่นของอินยังคงมองมาเหมือนเดิม

“กูขอโทษมึงละกั….”

อินไม่รอฟังคำขอโทษจากปากของโฟล์ค มันคว้ากระเป๋าลุกเดินออกไปจากห้องทันที เบนซ์ส่ายหน้าให้กับโฟล์คก่อนจะเดินตามอินออกไปอีกคน ขณะที่มอสยังคงมองหน้าโฟล์คอยู่อย่างนั้น

“อะไร” โฟล์คร้องถามเมื่อสายตาของมอสมองมาที่เขาอยู่อย่างนั้น

“มึงมีอะไรจะพูดกะกูป่ะ” มอสถามต่ออีก

“ไม่มีอ่ะ” โฟล์คตอบย้ำ

“มึงแน่ใจ?” มอสถามต่ออีก

“มึงจะถามเซ๊าซี๊เชี่ยไรเนี่ย” โฟล์คตอบตัดรำคาญ พลางมองไปที่กายที่ยังคงเหล่มองมาที่เขาทั้งคู่เหมือนกัน

“มึงรู้ป่ะ ว่าเรา ม.5 เทอม 2 ละนะ พวกมึงจะยังไงกูไม่รู้นะเว่ย แต่กูไม่มีเวลามาเล่นอะไรแบบนี้กะพวกมึงละนะ” กายพูดเสียงจริงจัง

“เออ กูขอโทษ” มอสส่งเสียงอ้อน “ก็.. กูอยากให้อยู่เคลียร์กันครบๆอ่ะ พวกมึงไม่เคยต่อยกันเลยนะเว่ย มึงไม่คิดว่าเป็นเรื่องใหญ่บ้างอ่อ”

“เรื่องใหญ่ของกู ก็คือพวกมึงที่ไม่คิดจะจริงจังเชี่ยไรกันเลย มึงไม่สอบกันหรือไงวะ อนาคตอะไรไม่คิดกันงี้?” กายยังคงพูดต่อ

“คิดเด่ะ ก็ถ้าไม่ให้โฟล์คมันเคลียร์กะอิน เดี๋ยวเราก็เสียฐานการบ้านของแกงค์ไปละแย่เลย” มอสหันมายักคิ้วให้กับโฟล์คที่ด่ากลับอย่างไม่ออกเสียง

กายส่ายหน้าให้กับการกระทำของเพื่อนทั้งสอง ก่อนจะเก็บของและเดินออกจากห้องตามไปอีกคน

“เจอกันพรุ่งนี้”

สิ้นเสียงของกายไป ก็เหลือไว้แต่ความเงียบ

“มันจะโกรธอะไรกันวะเนี่ย พวกเราแกงค์โซดิแอคมันต้องคีพคูลดิวะ” มอสพูดต่อ

“มันก็พูดถูกนะ กูว่า เรื่องนี้แม่งไร้สาระ” โฟล์คพูดต่อ

“เหรอวะ กูว่ามึงจะเป็นคนสุดท้ายนะ ที่คิดว่าเรื่องนี้ไร้สาระอ่ะ” มอสว่า

“ทำไมวะ” โฟล์คถามต่อ

“มึงคิดว่าทำไมพอกูเห็นอินอยู่กับมินนี่ กูถึงวิ่งมาตามมึงคนแรกวะคับ” มอสพูดพลางยิ้มกริ่ม

“ก...ก็… เพราะกูอยู่ใกล้สุด” โฟล์คพูดเสียงสั่น

“หึ… ก็อาจจะใช่ แต่พอมึงใช้วิธีจูบ กูเลยมั่นใจ” มอสว่าต่อ

“นี่มึง”

“ก็เป็นอันว่า ที่มึงคอยดูแลมันมาตลอดตั้งแต่เข้า ม.4 มาใหม่ๆ ก็คือมีเหตุผล” มอสพูดพลางเป็นฝ่ายหยิบกระเป๋าตัวเองขึ้นมาพาดบ่า “และอีกอย่าง ถึงกูจะเอาแต่เล่นๆ แต่กูไม่ได้โง่คับ”

มอสเดินออกจากห้องไป ทิ้งไว้เพียงก้อนความรู้สึกที่หนักอึ้งในตัว

-----------------------

โฟล์คไม่เข้าใจก้อนความเงียบที่เกิดขึ้นในโต๊ะม้าหินประจำแกงค์หน้าตึกของพวกเขา มันเป็นก้อนความเงียบที่ประหลาดมาก ปกติแล้วแกงค์โซดิแอค จะต้องโหวกเหวกโวยวาย นั่งจมอยู่กับคอมคนละเครื่อง ต่อไวไฟ แล้วลุยเกมส์ไปพร้อมกัน ชื่อตี้ The Zodiac ทีม 5 คน พร้อมไฟว้กับทุกๆแมทช์อยู่แล้ว

แต่วันนี้มันแปลกประหลาดมากสำหรับโฟล์ค แม้เขาจะรู้ตัวดีว่าเป็นเขาเองที่ทำให้เกิดเรื่องเมื่อสองวันก่อน แต่สำหรับเขา สิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้ามันออกจะเกินไปหน่อย

เบนซ์ จากที่เคยนั่งหัวเราะอยู่กับมอสสองคน มือติดหนังสือการ์ตูนวันพีชไม่มีวาง วันนี้กลับนั่งจมกองสีโคปิกและกระดาษวาดรูปของมัน ทั้งๆที่งานวิชาศิลปะของอาจารย์แก้วกาญจน์ มันก็ได้คะแนนดีอยู่แล้ว แต่วันนี้เบนซ์กลับนั่งแก้ทุกอย่างอยู่อย่างนั้น ซึ่งออกจะเกินไปหน่อย ในขณะที่กาย นั่งจมกับแมคของตัวเอง มีกล้องและเมมการ์ดวางอยู่ข้างตัว ปกติแล้วรังสีของมันก็ไม่น่าจะเข้าใกล้อยู่แล้วเวลาที่มันทำงาน วันนี้ยิ่งแล้วใหญ่ ส่วนอินวันนี้มันเงียบไป ซึ่งหลังจากที่ไม่ยอมคุยกับโฟล์คมาสองวัน ทุกอย่างก็ยิ่งดูมาคุมากขึ้นไปอีก อินนั่งจมอยู่กับคอมตรงหน้าของมันอย่างเคยอยู่ใกล้ๆกาย พร้อมกับต่อสายเข้ากับโทรศัพท์มือถือของมัน จะมีก็เพียงมอสที่นั่งลอกการบ้านอยู่ข้างๆเขา อาจจะเป็นเพราะมันวันนี้นั่งทำการบ้านอย่างเงียบเชียบ ทุกอย่างเลยดูเงียบลงไปอีก

“มึงไม่คิดจะพูดอะไรหน่อยเหรอวะ” โฟล์คพูดขึ้น

“หือ มึงว่าไงนะ” มอสเงยหน้าขึ้นมาถามต่อ

“โว๊ย ช่างแม่งเหอะ” โฟล์คตะโกนเสียงดังขึ้นมา ทำเอาทั้งแกงค์เงยหน้าขึ้นมามองทันที

“เป็นเชี่ยไรของมึงเนี่ย ตกใจหมด กูลงสีผิดเลย” เบนซ์ร้องขึ้น พลางขยำกระดาษทันทีพลางถอนหายใจ ขณะที่กายส่ายหน้าพลางเปลี่ยนเมมการ์ดเข้าไปในคอมใหม่ โฟล์คได้แต่มองอินที่ไม่สะทกสะท้านกับเหตุการณ์ใดใดตรงหน้า ได้แต่นั่งนิ่งจ้องคอมตัวเองต่อไป โฟล์คมองไปยังอิน พลางถอนหายใจอยู่อย่างนั้น

“อะไรของมึงวะ” มอสพูดขณะมองหน้าโฟล์ค สะกิดมือของเขาด้วยปากกาเบาๆ

“มึงไม่เห็นอ่อ ว่าแม่งโคตรผิดปกติอ่ะ” โฟล์คลดเสียงลงเป็นเสียงกระซิบแทนเมื่อพูดกับมอส “อยู่ด้วยกันมาเป็นชาติ มึงเคยเห็นกลุ่มเป็นงี้อ่อวะ”

“อ้อ…” มอสหันไปมองเพื่อนๆในแกงค์ก่อนจะหัวเราะเบาๆ “ค่ายเยาวชนนักออกแบบ”

“หะ อะไรนะ” โฟล์คร้องถาม

“ก็ค่ายไง เป็นค่ายที่แจกทุนการศึกษาให้กับเด็ก ม.ปลายทั่วประเทศ ที่มีทักษะในด้านดีไซน์” มอสว่า

“อะไรคือดีไซน์” โฟล์คถามต่อ

“เออ มึงพูดเหมือนกูเปี๊ยบเลยตอนไอ้กายมันเล่าให้ฟัง ก็นะ มึงกะกูมันคนละทางกะพวกแม่งนี่เนอะ” มอสว่า “มันก็...พวกทำให้บ้าน ห้อง สวน เมือง โปรดักส์ แล้วก็สื่อออกมาสวยๆอ่ะ ประมาณนี้”

“แล้วไอ้กายถ่ายรูปเนี่ยนะ” โฟล์คชี้ไปที่กาย

“เห้ย มันเจ๋งนะเว่ย กูไปเห็นในเครื่องมัน มีแบบ 3D ที่ถอดมาจากรูปถ่ายได้ด้วยอ่ะ โคตรเทพ” มอสว่า “ส่วนไอ้เบนซ์มึงก็เห็น มันสเก็ชมือเกรียนอยู่แล้ว”

“แล้วไอ้อินอ่ะ” โฟล์คถามต่อ

“ก็...ไม่รู้ดิ เห็นมันบอกว่ายังงงๆ จับทางไม่ได้ด้วยมั้ง ก็เลย…” มอสยักไหล่

“หน้าแม่งเลยเป็นงั้นดิ” โฟล์คว่าต่อ “ก็นึกว่าโกรธกู”

“อ๋อ เรื่องนั้นมันยังโกรธมึงแน่นอนคับ ไม่ต้องห่วง” มอสพูดกวนตีน โฟล์คเลยเขกกะโหลกเข้าไปทีหนึ่ง ขณะที่มองไปยังอินที่ยังคงนั่งนิ่งอยู่แบบนั้น

“มันจะใช่สำหรับมันเหรอวะ” โฟล์คพูดเบาๆขึ้นมา

ทันใดนั้น อินก็เหลือบตาขึ้นมามองโฟล์ค เขาสะดุ้งก่อนจะหลบตาลง และรีบหยิบหูฟังมาเปิดเพลงทันที พลางรีบหยิบสมุดการบ้านมานั่งทำงานต่อ อินมองโฟล์คอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่มอสจะรู้สึกตัวได้ว่าเกิดสงครามสายตาระหว่างกัน

“อ...เอ้อ…พรุ่งนี้บ้านกูเปิดนะคร้าบ พวกมึงมาสิงกันได้” มอสป่าวประกาศทันทีว่าบ้านห้องแถวย่านตลาดพลูของเขาที่เป็นอีกหนึ่งแห่งสิงสถิตของแกงค์นั้น เป็นอีกครั้งที่พ่อแม่เขาไม่อยู่ พวกหนูอย่างเขาก็สามารถไปร่าเริงได้เช่นเคย

“เออก็ดี กูส่งงานเสร็จ จะได้ไปกินน้ำชาบ้านมึง” เบนซ์พูดต่อ “กายมึงไปป้ะ”

“ก็ไปได้นะ เดี๋ยวออกไปเก็บงานแถวนั้นก็เดี๋ยวแวะเข้าไป” กายพูดต่อ “ไปกันหมดเลยป่ะ”

“กูไปไม่ได้ว่ะ” อินพูดขึ้นทันที

“อ้าว...ทำไมวะ” มอสถามต่อ อินเหลือบตาขึ้นมองหน้าโฟล์คที่แอบมองอินอยู่ อินยิ้มเยาะครั้งหนึ่ง

“กูกับไอ้โฟล์คต้องไปสยาม กูกับมันมีนัดกินข้าวว่ะ”

“ห...หะ” โฟล์คร้องขึ้นทันที ขณะที่สายตาของทุกคนมองมาที่เขาเป็นสายตาเดียว โฟล์คตามไม่ทันนักกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า เขามองไปยังอินที่ยังส่งสายตามาให้เขาอยู่อย่างนั้น

“เอ่อ...ช...ใช่ กูต้องไปกับมัน พวกมึง ไปรวมกันก่อนเลย ถ้าไม่ดึก เดี๋ยวตามไป”

อินส่งสายตาอาฆาตมาหาโฟล์คแว้บหนึ่งก่อนจะก้มลงไปนั่งทำงานต่อ เหลือก็แต่มอสที่ยังเหล่มองเขาไม่เลิก

“มึงแน่ใจนะ ว่าไม่มีอะไรจะบอกกูอ่ะ”

กลับกลายเป็นว่าพอแกงค์กลับมาพูดคุยกันแล้ว ก็ไม่ได้ทำให้โฟล์คหายกังวลลงไปได้เลย

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
 o13
เพื่อนสนิทคิดอะไร
ดูอารมณ์หน่วงๆดี


เพื่อนร้ายคล้ายจะรักกัน
อิอิ

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
บทที่ 3 - Angel

โฟล์คนั่งรออยู่ที่สยามในคอฟฟี่ช้อปเขาไม่ค่อยเข้าใจตัวเองเท่าไหร่นักกับการนั่งอยู่ที่นี่ในวันนี้ จากการพยายามคิดทบทวนอยู่หลายตลบแล้วก็ตาม มันก็ยังไม่มีอะไรสมเหตุสมผลเลยซักอย่าง อินส่งข้อความมาหาเขา พร้อมกับเวลานัดหมายและโลเกชั่นของร้าน ไม่มีรายละเอียดอย่างอื่น ขณะที่เขาได้แต่นั่งบวกลบคูณหารในหัวเอาเองว่าจะมาหรือไม่มาอย่างไรดี

การนั่งรอก็ไม่ได้แย่นัก เมื่อมีโฟล์คมีหูฟังติดหูอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว แต่เพลงทีฟังสบายในหูตอนนี้ก็ไม่สามารถกลบความคิดที่ตีรวนในหัวไว้ได้เลย

กริ๊ง!

เสียงกระดิ่งหน้าร้านดังขึ้นพร้อมกับอินที่เปิดประตูร้านเข้ามา มันมองมาที่เขาครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินมาที่โต๊ะ โฟล์คขมวดคิ้วเล็กน้อยขณะที่มองอินที่มาในชุดที่ดูดีเกินไปหน่อยในความเห็นของเขา

“ย้ายไปนั่งโน่น” อินพูดขึ้นพลางชี้ไปยังอีกโต๊ะที่อยู่ริมหน้าต่าง โฟล์คไม่ได้ตอบอะไรได้แต่เดินตามไปอย่างนั้น เมื่อนั่งที่ใหม่กันเรียบร้อย โฟล์คมองหน้าอินที่เฉยเมย ก่อนจะพยายามหาคำพูดอะไรบางอย่าง

“กู…” โฟล์คค่อยๆพูดขึ้น

“ถ้ามึงจะพูดเรื่องนั้นอีก กูจะต่อยมึงตรงนี้เลย” อินพูดสวน ทำเอาโฟล์คปิดปากลงทันที อินหัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนจะหยิบไอแพดของตัวเองขึ้นมา ขณะที่โฟล์คเก็บหูฟังของตัวเองลง

“แล้ว… ทำไมไม่ไปบ้านไอ้มอสอ่ะ” โฟล์คถามต่อ

“กูมีนัดอ่ะ” อินตอบห้วนๆ

“ก็รู้ แล้วให้กูมาด้วยทำไม” โฟล์คถามต่อ

“แล้วมึงมาทำไมอ่ะ” อินยักคิ้วกวนๆให้กับโฟล์ค



โฟล์คยอมรับเลยว่าเขาหมั่นเขี้ยวใบหน้านี้ของอินเอามากๆ



“ก็มึง...บอก” โฟล์คตอบเบาๆ

อินเหลือบตาขึ้นจากไอแพดเบาๆ พลางมองโฟล์คอยู่อย่างนั้น

“โอเค๊…” อินพูดต่อ “วันนั้น มึงบอกว่านั่นเป็นวิธีแก้ปัญหาเรื่องมินนี่ใช่ป่ะ”

“เรื่องจูบอ่ะนะ” 

“กูบอกว่าไม่ต้องพูดเรื่องนั้นไง” อินว่าต่อ โฟล์คปิดปากเงียบอีกครั้ง “ในเมื่อมึงไม่บอกกูดีดีว่าคบซ้อนกัน กูก็เลยลากมึงมานี่ จะได้ไม่ต้องเกิดเรื่องอีก”

“ไม่เข้าใจว่ะ”

อินเหลือบตามองไปหน้าร้าน ขณะที่โฟล์คถาม

“ย้ายมานั่งข้างกูนี่”

“หือ” โฟล์คส่งเสียง ขณะที่ได้แต่ทำตามอย่างว่าง่าย

กริ๊ง!

โฟล์คเหลือบมองหน้าโฟล์คอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะหันไปที่ทางเข้าร้าน และนั่นทำให้เขาเห็นคำตอบที่พอจะคาดเดาได้

เด็กสาวสองคนเดินเข้ามาในร้าน คนที่เดินนำหน้ามานั้นมีออร่าบางอย่างที่น่าดึงดูดมากสำหรับโฟล์ค ดวงตาภายใต้แว่นตาอันน่ารักของเธอดูส่องประกายพร้อมรอยยิ้มที่เดินเข้ามาหาเขาและอิน ผมรวบยาวเป็นเปียมาด้านข้าง ชุดสีส้มโทนน้ำตาลของเธอก็ดูน่ารักเอามากๆ เพื่อนของเธอที่เดินมาด้วยกันที่กำลังหัวเราะและพูดคุยอย่างร่าเริง ยิ่งทำให้ภาพตรงหน้าของเขาเด่นชัดขึ้นไปอีก

“หวัดดีเจน” อินร้องทักขึ้นก่อน ขณะที่เธอและเพื่อนนั่งลงที่โต๊ะตรงข้ามเขาและอิน

“หวัดดีอิน เออ นี่เพื่อนเราฝนนะ พอดี ออกมาซื้อของด้วยกันน่ะ” เจนยิ้มให้

“อ๋อ หวัดดี นี่ก็เพื่อนเรา โฟล์ค” อินแนะนำเขาให้กับเธอ โฟล์คได้แต่พยักหน้ารับงงๆ แม้ว่าเขาจะยังไม่ละสายตาไปจากอินและเจนที่ส่งรอยยิ้มหากันได้ 

“หวัดดีคับ” โฟล์คเอ่ยทักขึ้น เจนหันมายิ้มให้พร้อมๆกับฝนที่พยักหน้ารับคำ

“เอ้อ...สั่งไรก่อนมั้ย” อินยกมือเรียกพนักงาน ขณะที่นั่งมองเมนู ส่วนโฟล์คที่ยังตามสถานการณ์ตรงหน้าไม่ทันนัก ก็ได้แต่นั่งนิ่งอยู่อย่างนั้น

“โฟล์คก็จะส่งพอร์ตไปค่ายเหมือนกันใช่หรือเปล่า” เจนถามขึ้น

“ห...หะ ว่าไงนะคับ” โฟล์คตอบอย่างตะกุกตะกัก 

“อ๋อ ไม่ใช่หรอก โฟล์คมันไม่ได้ถนัดสายนี้อ่ะเจน พอดีเดี๋ยวเรากับมันจะไปบ้านเพื่อนกันต่ออ่ะ เลยติดมาด้วย” 

“ค่ายไรวะ” โฟล์คถามต่อ

“ค่ายเยาวชนนักออกแบบที่แจกทุนไง กุกับเจน กำลังจะส่งค่ายนี้” อินตอบ

“อ๋อ… ที่ไอ้มอสเล่าให้ฟังวันก่อน เหมือนไอ้เบนซ์กับไอ้กายก็จะลงด้วย” โฟล์คว่า

“เพื่อนอินลงกันหมดเลยเหรอคะ” เจนร้องถาม

“อ๋อ ป่าวอ่ะคับ มีผมกับเพื่อนอีกคนที่ไม่ได้ลง พอดี ผมสองคนไม่ถนัดอะไรอย่างนี้” โฟล์คยิ้มให้กับเธอ 

“แล้วเพื่อนเจนอ่ะ ลงป้ะ” อินหันไปถาม

“ก็กำลังดูดูอยู่เหมือนกันอ่ะ ถ้าไหวก็จะลง” ฝนยิ้มให้ขณะที่พนักงานเดินมาพอดี 

“เอาชาเขียวร้อนคับ เจนกินโกโก้ใช่ป่ะคับ ฝนล่ะ” 

“ได้ๆ ฝนเอาเหมือนกันป่ะ” เจนหันไปถามเพื่อนที่พยักหน้ารับ ขณะที่อินหันมาถามโฟล์ค

“มึงอ่ะ จะเอาอะไรป้ะ” มันถามโฟล์คที่หันมามองหน้าอิน

“เหมือนมึงอ่ะ” 

อินมองหน้าโฟล์คอย่างงงๆ ก่อนจะหันไปคอนเฟิร์มเมนูกับพนักงาน 

“แล้ว… อินได้อะไรเพิ่มเติมบ้างหรือยัง” เจนถามต่อ “เจนคิดไว้แล้วว่าของเจนน่าจะเป็นภาพดอกไม้ที่ประกบเป็นลายชุดได้ เจนเคยทำส่งวิชาศิลปะ อาจจะเอามาต่อยอดต่อ”

“เป็นแนวแฟชั่นเหรอ” อินถามต่อ

“ยังไม่ชัวร์อ่ะ ก็กำลังคิดๆอยู่ วันนี้ก็ออกมากับฝน ว่าจะลองไปเดินๆดูผ้ามาตัดกับตุ๊กตาเล่นๆ” เจนยิ้มกว้าง “แต่ก็คิดอยู่ว่าถ้าได้ภาพสวยๆด้วยก็คงดี เลยกำลังจะหาคนมาถ่ายรูปให้ด้วย”

“แล้วได้หรือยังอ่ะ” อินถามต่อ

“ก็ยังนะ กำลังดูๆไปเรื่อยๆอ่ะ” 

และแล้วโฟล์คก็ต้องนั่งอยู่ท่ามกลางบทสนทนาที่เขาไม่ค่อยเข้าใจอะไรนัก เหมือนเขากำลังถูกดึงไปในโลกที่มีเพียงแค่อินและเจนสองคน เขาถอนหายใจเล็กน้อยขณะมองออกไปด้านนอกร้าน อินพาเขามาที่นี่ด้วยเหตุผลนี้นั่นเอง ให้เขามาเจออีกคนที่อินกำลังคุยอยู่ 

เพื่อตอกย้ำว่ามันไม่ได้คบซ้อนกับเขา และให้ลืมเหตุการณ์งี่เง่าเมื่อวันก่อนไปซะ

เหตุการณ์ที่จริงๆแล้ว โฟล์คเองก็….

……..

“นางฟ้าเลยเหรอวะ” มอสพูดเสียงกระซิบที่ลานปูนหลังบ้าน มือข้างหนึ่งถือบุหรี่ขณะที่โฟล์คยืนพิงประตูบ้านอย่างเบื่อหน่าย

“เออ มันว่างั้น แต่...ก็สวยจริงๆ สวยเลยแหละ” โฟล์คพูดตอบ

“เด็กที่ไหนวะ” มอสถามต่อ

“เซนโย” โฟล์คตอบ

“เอาอีกละอ่อ ไม่เข็ดนะเชี่ยอิน” มอสว่าพลางขยี้บุหรี่ทวนสุดท้ายลง

“เด็กเซนโยก็ไม่ได้เหมือนกันทุกคนป่ะวะ” โฟล์คพูดพลางหัวเราะเบาๆ “อีกอย่าง เจนเค้าก็ดู...เจ๋ง”

มอสเหล่มองโฟล์คทันที

“อะไร” โฟล์คร้องถาม

“มึงเหอะ… เอาไง” มอสว่า

“จะให้เอาไงอะไร…” โฟล์คเลิกคิ้ว

“ก็เรื่องมันไง… มึงโอเคป่ะเนี่ย” มอสถามต่อ 

“กูก็ไม่ได้เป็นอะไร จะให้กูยังไงวะ ถามซะงง” โฟล์คว่าต่อ

“ไอ้เชี่ยกาย มึงโกง..”

เสียงแว่วๆของเบนซ์และเพื่อนคนอื่นๆกำลังตะโกนเล่นกันหน้าจอเพลย์สเตชั่นจากชั้นลอยลงมาจากชั้นบน มอสส่ายหน้าให้กับเสียงนั้นก่อนจะเดินเข้ามาหาโฟล์คทันที

“ที่ผ่านมา มีหญิงมาติดมึงสองคน มินนี่ก็คนที่สองมั้งถ้ากูจำไม่ผิด ทั้งสองคนทิ้งมึงไปมีคนอื่นหมด แต่มึงก็เฉยๆ” มอสพูด 

“มึงพูดทำไมเนี่ย” โฟล์คว่า

“ขนาดตอนเกิดเรื่องมินนี่ กูก็ไม่เคยเห็นมึงทำหน้าเซ็งเท่านี้ ทั้งๆที่คนที่คบซ้อนมินนี่ ก็เพื่อนกันเอง” มอสว่า “ถ้าเป็นคนอื่น กูว่าซัดกันนัวไปแล้ว แต่มึงปล่อยผ่านไป มาวันนี้มึงทำหน้ายังกะแพ้แรงค์ติดกันหกตา ถ่อเอาตัวเองกลับมาบ้านกูคนเดียว ด้วยเหตุผลง่ายๆแค่ว่าไอ้อินแม่งออกไปต่อกับเด็กเซนโยคนใหม่” 

โฟล์คหลบสายตาลง

“กูว่า… ประเด็นเรื่องนี้ไม่ใช่คบซ้อนไม่คบซ้อนละมั้ง” มอสพูดช้าๆเสียงดังฟังชัด “ตอนนี้ไม่มีคนอื่นละ ตอบกูมาคำเดียว ใช่ไม่ใช่” 

มอสมองมาที่โฟล์คอย่างเต็มตา 

“มึง… ชอบไอ้อินป่ะเนี่ย”

และแล้วก็เงียบกันไปพักนึง โฟล์คเงียบสนิท ขณะที่มองไปยังมอสที่จ้องหน้าเขา

“ชนะคับผม” 

เสียงของกายดังแว่วลงมา เป็นการประกาศชัยชนะไปได้อีกหนึ่งตา

“เห้ย… พูดเชี่ยไร มึง...เพ้อละ” โฟล์คพูดตอบ

“กูเพื่อนพวกมึงนะเว่ย” มอสว่า “มึงคิดว่ากูดูไม่ออกอ่อ ตั้งแต่ ม.4 ได้มั้ง ตั้งแต่ตอนไอ้อินแม่งโดนแกงค์พี่โจ้แกล้งมันอ่ะ มึงก็ไปช่วยมัน”

“เป็นมึงมึงก็ต้องช่วย” โฟล์คว่าต่อ

“รวมถึงปั่นการบ้านให้มัน แล้วก็แวะเอาไปให้มันที่บ้านตอนมันลาป่วยด้วยป้ะ” มอสว่า “เพราะกูคงไม่ทำอ่ะ”

“เชี่ยมอส” 

“ตอบมาสั้นๆ ใช่ไม่ใช่ มีแค่กูกะมึงเนี่ย”

โฟล์คกัดฟันเบาๆ ก่อนจะถอนหายใจ มองออกไปข้างนอก พลางส่ายหน้า

“โอเค๊… ไม่ก็ไม่”

มอสยักไหล่พลางเดินกลับเข้าตัวบ้านไป

“ไม่มีหวังต่างหาก” โฟล์คพูดต่อ ทำเอามอสนิ่งสนิทพลางเหลียวหลังกลับมาหาโฟล์ค

“ไงนะ”

“กูมองไม่เห็นเลยว่ามันจบยังไง” โฟล์คพูดต่อ “วันนี้กูเห็นความฝันของมันกับนางฟ้าของมันแล้ว กูกับมัน ห่างกันลิบลับเลยว่ะ”

“อืม… จูบนั่นของจริงงั้นดิ” 

โฟล์คยักไหล่ตอบรับ ก่อนจะเดินสวนมอสขึ้นบ้านไปทันที

…………..

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
ความอึมครึมนี้


มันอึดอัดไปหมด

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
บทที่ 4 - Incomplete

“ก็มึงก็เอาค่าตรงนี้ ลงไปรวมกับสมการข้างล่าง แล้วก็ตัดออกนี่ไง” โฟล์คชี้ไปที่แบบฝึกหัดในสมุดของมอส ขณะที่ทั้งคู่กำลังนั่งทำงานอยู่ในห้องเรียนตอนคาบว่างในบ่ายวันต่อมา

“โอเค เก็ทละ…เสร็จโว้ย” มอสเขียนคำตอบลงไป ก่อนจะเก็บชีทแบบฝึกลงอย่างหมดกังวล ก่อนจะมองนาฬิกา “แล้วสรุปปรีชาคือไม่เข้าแล้วอ่อวะ ไม่งั้นกูจะลงไปซ้อมบอสละนา”

“มึงส่งรายงานสังคมมาให้กูหรือยังอ่ะ ไม่งั้นกูทำพรีเซนต์ไม่ได้” อินตะโกนทวงมาจากโต๊ะด้านหลัง

“เอ๊า สรุปกูทำอ่อ กูนึกว่ามึงให้ไอ้โฟล์คทำ” มอสหันไปถาม

“ตลกละ วันนั้นกูบอกว่าให้มึงอ่ะทำ เพราะกูจะออกไปสยามกะโฟล์คไง” อินพูดเสียงเข้ม

“อ๋อ… วันที่เจอนางฟ้า” มอสส่งเสียงแซว อินที่ชูนิ้วกลางให้เพื่อนทันที ขณะที่มอสเหล่มามองโฟล์ค

“มึงรีบทำเหอะ เดี๋ยวไอ้อิน ไอ้กาย ไอ้เบนซ์ไปค่ายสามวันแล้วจะยุ่ง” โฟล์คพูดเตือนเพื่อเปลี่ยนเรื่อง

“เออ กูพิมพ์สองนาทีเสร็จ ยืมคอมแปป” มอสไม่รอช้า ดึงคอมออกจากกระเป๋าของโฟล์คและเริ่มเปิดทำงานทันที

“ข้อมูลอยู่ไดร์ฟจีอ่ะ เออ นั่นแหละ...ทำไปทำไป”

“เบนซ์ มึงถึงไหนแล้ว” กายวิ่งพรวดพราดเข้ามาในห้องเสียงตื่น ในมือถือกล้องและนั่งลงข้างๆเบนซ์ที่กำลังใช้มือถือถ่ายรูปสเก็ชของตัวเอง

“ก็เก็บงานเป็นรูป แล้วก็เอาไปโปรเสดในคอมอีกหน่อย ก็เรียบร้อย กูไม่รู้จะแก้อะไรต่อละว่ะ” เบนซ์พูดพลางใช้สมาธิ “แล้วมึงอ่ะหาวิธีทำให้ภาพซอฟต์ลงได้ยัง”

“ก็คิดว่าได้ละ มีคนมาช่วยพอดี” กายพูดพลางเกาหัวเหนื่อยๆ “มึงอ่ะอิน ถึงไหนแล้ว”

“กูก็..ไม่อยากซ้ำกะมึงเรื่องภาพถ่ายคนอ่ะ เลยลองถ่ายเมือง ถ่ายตึกดู” อินพูดมาจากด้านหลัง “แต่ก็ไม่รู้มันจะซ้ำอีกหรือเปล่า แต่ก็ว่าไปค่ายสามวันรอบนี้จะดูๆงานคนอื่นๆแล้วปรับแก้เอาตอนนั้น”

“รอไปค่ายทำไมวะ มึงลองไปถามๆในกรุ๊ปดูเลยดิ เผื่อเด็กค่ายคนอื่นๆจะมีไอเดีย” กายว่า

“กรุ๊ปไรวะ” อินร้องถาม

“กรุ๊ปค่ายในเฟสไง ที่พี่ในค่ายรุ่นที่แล้วจะรวมๆคนที่เคยเข้าปีก่อนๆกับปีนี้ไว้ ก็เห็นมีอะไรก็โยนๆคำถามโยนงานกันไว้ในนั้นอยู่” เบนซ์ตอบ “เดี๋ยว… มึงก็อยู่ไม่ใช่อ่อวะ วันนั้นกูให้ไอ้กายลากมึงเข้าแล้วนะ”

“ตอนไหนวะ ไม่เห็นมีเลย” อินร้องถาม พลางหันไปหากาย “มึงลากกูยังเนี่ย”

กายนิ่งไปพักนึง ก่อนจะเงยหน้าขึ้น

“กูลืมว่ะ เออ เดี๋ยวกูลากเลย”

อินถอนหายใจ ขณะที่กายหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและกดอยู่สองสามที โฟล์คมองเหตุการณ์ตรงหน้ารู้สึกถึงอะไรบางอย่าง ขณะที่มอสก็ตบโต๊ะเสียงดัง

“เรียบร้อย” มอสหันมายักคิ้วให้โฟล์คที่นั่งทำงานอยู่ ก่อนจะหันไปหาอิน “กูส่งให้แล้วนะไอ้อิน ทำต่อได้เลย กูขอตัวไปซ้อมบาสก่อน ฟังพวกมึงคุยกันแล้วปวดหัวสัส เหมือนฟังภาษาเอเลี่ยน”

โฟล์คหัวเราะเบาๆให้กับมอสที่รีบลุกพรวดพราดออกไปจากห้องทันที ขณะที่โฟล์คเก็บคอมกลับมาที่ตัวก่อนจะมองที่หน้าจอ และอ่านสิ่งที่มอสพิมพ์ทิ้งไว้

“เอ๊ะ เดี๋ยวก่อน ไอ้เบนซ์ รายงานสังคมส่วนของมึงนี่ มึงเอามาจากเล่มสองอ่อ” โฟล์คส่งเสียงเตือน

“เรื่องสงครามโลกอ่ะนะ ใช่ ทำไมวะ” เบนซ์พูดต่อ

“ไอ้เวร ไม่ใช่สงครามโลกโว๊ย สงครามเย็น มันอยู่เล่มสาม” โฟล์คหันไปทำเสียงดุ

“เอ๊า ก็ไอ้อินบอก” เบนซ์หันมาว่า

“กูไม่ได้บอกเหอะ กูบอกว่าอยู่ในสองสามเล่มนั้นอ่ะ ไปหาดู” อินว่าพลางเงยหน้าขึ้นมาจากคอม

“มึงไม่ต้องมาเถียงกันเลย มึงไปเอามาใหม่เลย เดี๋ยวมึงสามตัวหายหัวไปสามวันอีก ชิบหายคับ โน่นเลยคับ ห้องสมุดคับ ไปคับ” โฟล์คออกคำสั่งขณะที่เบนซ์ได้แต่ยีหัวตัวเองอย่างมึนงง

“อ่าาา กูยังถ่ายรูปไม่เสร็จเลยมึง” เบนซ์ส่งเสียงบ่น

“มึงไปเหอะ เดี๋ยวกูถ่ายให้” กายพูด

“งั้นอินมึงไปช่วยมันไป เดี๋ยวแม่งหยิบผิดหยิบถูกอีกอ่ะ” โฟล์คหันไปบอกอิน ที่เหลือบตามองเขา

“สั่งอย่างกะเป็นพ่อกูเลยนะ” อินกระแทกเสียงนิดหน่อย ก่อนจะลุกไปจากตรงนั้น และลากเบนซ์ออกไปจากห้อง โฟล์คส่ายหน้าไล่หลังอินไปพักหนึ่งก่อนจะลุกขึ้นไปที่โต๊ะของกาย ที่กำลังมีสีหน้าเคร่งเครียดอยู่

“มามึง มึงทำอะไรของมึงไปก่อนไปเดี๋ยวกูถ่ายรูปพวกนี้ให้ไอ้เบนซ์เอง” โฟล์คว่า

“เออ ก็ดี กูยังไม่เคลียร์งานตรงนี้เลย” กายพูด ขณะยังคงแต่งรูปอยู่ที่หน้าจอของตัวเอง โฟล์คหยิบมือถือของเบนซ์ขึ้นมา และเรอ่มถ่ายรูปกองกระดาษตรงหน้าของเพื่อนไปเรื่อยๆ

“มึงดูจริงจังกับค่ายนี้นะ” โฟล์คว่าต่อ

“ก็เออดิ ถ้าไปพรีเซนต์โปรเจ็คค่ายสามวันผ่านนะ ก็ทำโปรเจ็คดีดีแล้วพรีเซนต์อีกรอบเดียว ก็ประกาศทุนเลยนะเว่ย” กายตอบ

“ทุนไรวะ” โฟล์คถามต่อ

“ทุนต่อ ป.ตรี กับหลักสูตรพิเศษในด้านการออกแบบที่ฝรั่งเศสอ่ะ แล้วแต่ความถนัดของผู้ที่ได้รางวัลช้างเผือกพิเศษ ทั้งค่ายมีสามรางวัลเท่านั้น พอดีกูเห็นสาขาที่ตรงกับที่กูอยากเรียนพอดี ก็เลยจะเอาให้ได้” กายพูดต่อ ขณะที่ทำงานไปเรื่อยๆ

“มึงสามตัวกะคว้ารางวัลใหญ่เลยงั้นดิ” โฟล์คว่า

“ไอ้เบนซ์กะไอ้อินกูไม่รู้ว่ะ ไม่ได้เห็นงานมัน ส่วนกูอ่ะเต็มที่อยู่แล้ว” กายตอบ

“เออว่ะ จำได้ว่าพ่อมึงเป็นสถาปนิกด้วยนี่ ทำงานอยู่ที่นั่นด้วยป้ะ” โฟล์คพูดต่อ

“มั่วละ พ่อกูอยู่เบอร์ลินโว้ย” กายว่า

“แล้ว แม่มึงอ่ะ ไม่กลับแล้วไงหนองคาย จะไปนอกแล้วงี้อ่อ” โฟล์คพูดติดตลก

“ก็...ไม่รู้ว่ะ ติดก่อนแล้วค่อยว่ากัน กูแม่งก็ไม่ค่อยได้กลับอยู่แล้ว แต่ถึงยังไง กูก็ไม่กลับแล้วว่ะ มาลุยแล้วก็ลุยยาวเลย” กายว่า “แล้วมึงกะไอ้มอสอ่ะ เอาไงต่อ”

“ก็… กูคงต่อนิเทศไม่ก็อักษรอ่ะ มันเรื่อยๆ กลางๆ ไม่ติดอะไรมาก” โฟล์คว่า

“เออ มึงไม่ต่อดนตรีวะ ก็เห็นติดเพลงตลอด” กายถาม

“ก็ไม่ได้จริงจังขนาดนั้นอ่ะ ก็เดี๋ยวดูอีกที” โฟล์คพูดขณะถ่ายรูปใบสุดท้ายเสร็จ พลางวางมือถือของเบนซ์ลง ก่อนจะมองไปยังงานของกายในคอม มันเป็นรูปชุดออกแบบและมีลายดอกไม้ในนั้น

“เชี่ย ตุ๊ดจังวะ งานมึงอ่อ” โฟล์คออกปากแซว

“ไอ้สัส ไม่ใช่เว่ย นี่มันงานของอีกคนนึง ที่กูว่าน่าจะโคกันได้ แล้วทำให้งานกูดูซอฟต์ลงอ่ะ” กายว่าพลางกดรูปไปเรื่อยๆ “เขาแม่งเจ๋งนะเว่ย รุ่นเดียวกันกับพวกเรานี่แหละ แต่งานเนี๊ยบอ่ะ ดูเผินๆนึกว่าสเก็ตช์ของพวกไสตล์ลิสต์อาชีพเลยอ่ะ เอาดอกไม้ มาประกบกับชุดตุ๊กตา ดูดีเลยแหละ”

โฟล์คหรี่ตามอง เหมือนเขาเคยได้ยินอะไรแบบนี้มาจากที่ไหนซักแห่ง

“เดี๋ยวนะ งานของเด็กคนอื่นในค่ายอ่อ”

“เออ.. กูคุยกับเค้ามาพักนึงละในกรุ๊ปค่ายอ่ะ นี่ก็ว่าจะนัดกินข้าวกันรอบนึงก่อนไปค่ายสามวันนี้ เผื่อว่าจะได้เริ่มอะไรๆก่อนเลย” กายว่า “แล้วอีกอย่าง….”

กายเม้มปากเบาๆ พลางหันมากระซิบกับโฟล์ค

“โคตรน่ารักอ่ะคนนี้”

กายยักคิ้วให้กับโฟล์คที่รู้สึกไม่ดีมากขึ้นทุกที

“ง...งั้นเหรอ...แล้ว...แล้วเด็กไหนวะ” โฟล์คค่อยๆถามอย่างระมัดระวัง พลางรู้สึกกลัวคำตอบชอบกล

“เด็กเซนโย….ชื่อเจน”

…………

“เชี่ยยยยยยยยยยย” เสียงของเบนซ์ร้องดังบนโต๊ะอาหารในโรงอาหารเช้าวันต่อมา

“เชี่ยเบนซ์ เบาๆ” โฟล์คและมอสส่งสัญญาณให้เบนซ์เงียบเสียงลง พลางมองไปรอบๆ เพื่อให้มั่นใจว่าพวกเขาทั้งสามมาเช้ามากพอ ก่อนที่กายและอินจะมาถึงโรงเรียน

เบนซ์หยิบน้ำอัดลมมากินไปอึกหนึ่ง ก่อนจะตั้งสติมองทั้งสองคนอีกครั้ง

“มึงแน่ใจนะ ว่าคนเดียวกันอ่ะ” เบนซ์ถามอีกรอบ

“เออ… กูไปส่องเฟสมาแล้ว คนเดียวกัน” โฟล์คค่อยๆพูดอย่างระมัดระวัง

“ชิบหาย” เบนซ์อุทานออกมา “เชี่ยอินแม่งดวงเป็นเชี่ยอะไรวะ ต้องโดนซ้อนคันตลอดนะแม่ง”

“เดี๋ยวๆๆ มึงอย่าเพิ่งรีบชง มันยังไม่ได้คบซ้อนกันเว่ย” มอสรีบออกตัวเตือนสติ ก่อนจะหันมาหาโฟล์ค “ใช่ป่ะวะ”

“เออ ยัง… แต่ กูว่าเดี๋ยวได้ซ้ำรอยแน่ๆ” โฟล์คตอบ

“อาจจะแค่คนคุยเฉยๆอ้ะป่าว” เบนซ์หรี่ตามอง

“ก็ไม่รู้เว้ย กูถึงมาบอกมึงอยู่นี่ไง” โฟล์คว่า

“แล้วให้กูทำไงอ่ะ” เบนซ์ถาม

โฟล์คเงียบไปพักนึงพลางใช้คววามคิด

“ก็ถ้าไอ้กายไม่จีบ ไม่อะไร มันก็คงไม่มีอะไรล่ะมั้ง” มอสพูดขึ้นมา

“แต่เขากำลังจะไปทำโปรเจ็คด้วยกันใช่ป่ะ” เบนซ์ว่า

“เย็นนี้” โฟล์คพูดต่อ

“หะ” ทั้งมอสและเบนซ์พูดพร้อมกัน

“เออ เมื่อวานเขานัดกันเสร็จแล้วยด้วย” โฟล์คเล่าต่อ พลางเคาะนิ้วอย่างเป็นกังวล “งั้นเอางี้ วันนี้มึงไปกะไอ้กาย แล้วลองดูดิ๊ว่าแม่งเป็นอย่างที่คิดหรือเปล่า ไอ้กายแม่งจะคั่วคนเดียวกันมั้ย”

“จะให้กูออกไปด้วยงี้อ่อ” เบนซ์ถาม

“เออดิ ก็… มึงวาดรูปไม่ใช่อ่อ เจนเค้าก็วาดรูป ก็น่าจะ...แบบว่า…” โฟล์คพูดต่อ

“เดี๋ยวๆ ไอ้สัส สามเศร้าก็พอแล้ว จะให้กูเพิ่มไปเป็นสี่อ่อ ไม่ไหวมั้ง” เบนซ์ว่า

“ห้าอ่ะสิไม่ว่า” มอสพูดสวนทันที

“อะไรนะ” เบนซ์หันไปถามมอส เช่นเดียวกับที่โฟล์คหันไปทำหน้าดุ

“โอ่ย ไม่ต้องไปฟังไอ้มอสมัน เพ้อเจ้อ กู...กูแค่จะให้มึงไปดูลาดเลาเฉยๆ ว่าแม่งจะเป็นการคั่วซ้อนกันจริงอย่างว่าหรือเปล่า” โฟล์คพูดเปลี่ยนเรื่อง “ถ้าแม่งเป็นจริง ก็จะได้แก้ปัญหากันถูก”

“แล้วไอ้อินอ่ะ มึงจะเอาไง” เบนซ์ถามต่อ

“เดี๋ยวเย็นนี้กูพามันไปที่อื่นเอง” โฟล์คพูดขึ้น มอสหันควับมาหาเขาทันที

“อ้อ….” มอสส่งเสียงเบาๆ โฟล์คหันไปมองตาเขียว

“เชี่ยเอ้ย ลำบากกูละไง” เบนซ์ว่าพลางยีหัวตัวเองตามเคย “แต่กูว่า… แม่งไม่มีไรหรอก เจนอาจจะไม่ชอบไอ้กายก็ได้มั้ง อาจจะไม่อยากโคโปรเจ็คด้วยก็ได้ แบบ… แยกกันทำ”

“กูก็อยากให้เป็นงั้น” โฟล์คพูด “เพราะกูไม่อยากให้ไอ้อินมัน…”

“ให้กูทำไม”

เสียงของอินดังขึ้นจากด้านหลังของทั้งสี่ทันที อินวางกระเป๋าลงที่โต๊ะกินข้าวและนั่งลงข้างๆเบนซ์อย่างรวดเร็ว ซึ่งนั่นทำให้พวกเขาทั้งสี่ไม่ทันตั้งตัว ได้แต่มองหน้ากันปริบๆ และทั้งโต๊ะก็เงียบเสียงลงอย่างกับป่าช้า

“เป็นไรกันวะ” อินมองไปรอบๆ ดูอาการนิ่งสนิทของเพื่อนในแกงค์อย่างไม่เข้าใจอะไรนัก “มีเรื่องเชี่ยไรกัน”

“เอ่อ...คือ….” เบนซ์ผู้ที่เก็บอาการพิรุธไว้ได้ยากที่สุด แถมปากเปราะเป็นที่หนึ่งนั้นดูจะส่งสัญญาณที่แย่มากๆออกไป ขณะที่อินขมวดคิ้วมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างสงสัย

“คือไอ้โฟล์คมันเห็นว่ามึงตามถ่ายกรุงเทพสวยๆมาพักนึงแล้ว ก็เลยอยากจะออกไปช่วยมึงอ่ะ” มอสพูดต่อคำเบนซ์ทันที “มันไม่อยากให้มึงส่งงานไม่ทันค่าย”

มอสพูดพลางยิ้มกริ่มและหันมามองโฟล์ค

“งั้นอ่อ…” อินหันไปมองโฟล์คที่ได้แต่ส่งสายตาปริบๆกลับมา “เมื่อกี้คือ คุยกันเรื่องนี้?”

“อ...อ่าหะ” เบนซ์ที่ได้สติแล้ว รีบรับช่วงต่อ “ก็เมื่อวาน มอสมันไปช่วยงานกูกับไอ้กาย ก็เลยคุยกันว่าเพื่อความแฟร์ ไอ้โฟล์คน่าจะช่วยงานมึง...ไง”

“ไม่ต้องอ่ะ กูออกไปถ่ายคนเดียวได้” อินพูดเสียงหงุดหงิด

“ทำไมวะ งานมึงยิ่งเร่งๆอยู่ ก็ไปกับมันนั่นแหละ จะเป็นไรไป” มอสรีบชงต่อ

“กูไม่ต้องให้มันช่วยหรอก กู...”

“อิน” โฟล์คส่งเสียงจริงจังไปให้อินตรงหน้า “ไปกับกู”

โฟล์คส่งสายจริงจังไปให้อินอยู่อย่างนั้น และก็เงียบกันไปพักนึง

“เพื่อ?”

“ไปกะกู กูมีที่ที่มึงต้องชอบ”

มอสหันไปมองหน้าโฟล์คทันที

“เชื่อกูเหอะ ให้กูช่วยมึงนะ”

…………..
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-01-2020 16:56:58 โดย M2M_Jill »

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
บทที่ 5 - Sunset Sky

อินเดินออกจากประตูหน้าโรงเรียนทันทีที่หมดคาบสุดท้าย เมื่อเขาเดินมาถึงหน้าประตูโรงเรียน ก็พบกับโฟล์คที่ยืนรอออยู่ก่อนแล้ว อินเดินเข้าไปหาพลางมองหน้าโฟล์คอย่างสงสัย

“ทำไมไม่เข้าสุชาดา” อินถามทันที

“ก...ก็… ส่งงานแล้วไง ก็เลย…” โฟล์คพูดพร้อมกับยิ้มกว้างให้ ขณะที่อินยังคงหรี่ตามองอยู่เหมือนเดิม

“มึงดูแปลก” อินพูดต่อ

“ป...แปลกยังไง” โฟล์คถามเสียงสั่น

“ช่างมันเถอะ จะไปยังอ่ะ ที่ที่มึงอยากพาไปนักหนาเนี่ย” อินพูดต่อ

“ไป ไปดิ”

โฟล์คยอมรับว่าเขาไม่ได้คิดจริงจังเรื่องนี้เท่าไหร่ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสิ่งที่อิน กาย และเบนซ์กำลังบ้าระห่ำทำกันอยู่ตอนนี้มันคืออะไรกันแน่ เขาไม่มีหัวทางด้านนั้น แต่เท่าที่จับใจความเอาได้จากภาษาเอเลี่ยนของทั้งสาม ก็พอจะเข้าใจได้ว่าอินกำลังตามหาสถานที่ที่เป็นเมือง ตึก สวยๆ ราวๆนั้น ซึ่งเขาก็นึกออกอยู่ที่นึงที่เขาคิดว่าอินน่าจะชอบ

“เดี๋ยว… อายุมึงถึงอ่อ เข้าได้อ่อ” อินร้องถามทันที เมื่อโฟล์คพาเขาเดินจากโรงเรียนมาไกลถึงที่ มันคือร้านอาหารริมแม่น้ำเจ้าพระยาตรงท่าเตียน

“ไม่ถึง” โฟล์คหันมายิ้มให้อิน

“เอ๊าไอ้เวร แล้วจะมาทำเชี่ยอะไร” อินร้องด่า

“กูขึ้นได้น่า” โฟล์คบอกอินที่ยังคงไม่เชื่อนัก

เขาเดินนำอินเข้าไปในร้าน แต่อินก็ยังคงยืนอยู่ที่เดิม พลางมองโฟล์คอย่างไม่ไว้ใจ

“เห้ย ขึ้นได้ ร้านมันปิด แล้วกูรู้จักกับเจ้าของร้าน” โฟล์คยังคงพูดต่อ

“มึงจะรู้จักได้ไง” อินพูดต่อ

“ก็นี่เคยเป็นบ้านกูอ่ะ” โฟล์คยิ้มตอบทันที อินถึงกับเลิกคิ้วเบาๆ ขณะเดียวกับที่พนักงานคนหนึ่งก็เดินมาที่ทางเข้าร้าน

“อ้าวน้องโฟล์ค” เสียงหญิงสาวในชุดสบายๆร้องทักขึ้น

“หวัดดีคับพี่มด” โฟล์คยกมือไหว้ทันที

“สวัสดีจ้ะ นี่มายังไงเนี่ย มากับแม่หรือเปล่า” พี่มดถามไถ่

“อ๋อ...ปล่าวคับ ผมเดินมาจากโรงเรียนอ่ะ คือ...ผมจำได้ว่า ร้านพี่ปิดทุกวันพุธ ผมก็เลยอยากมารบกวนขอขึ้นไปข้างบน” โฟล์คว่า

“ได้เลย ขึ้นไปเลยจ้ะ พี่เพิ่งให้แม่บ้านไปทำความสะอาดให้ แต่...ห้ามไปตอดแอลกอฮอล์พี่บาร์เทนเดอร์เค้าเลยนะ วันนี้ปิดคือปิดโอเค๊” พี่มดพูดกำชับ

“ค้าบ เอ้อพี่มด เพื่อนผมมาด้วยนะพี่ มาถ่ายรูป” โฟล์คแนะนำอิน ที่เดินตามเข้ามาและไหว้ทักทาย “นี่อิน เพื่อนผม”

“สวัสดีคับ” อินกล่าวทัก

“สวัสดีจ้ะ ตามสบายนะ พี่ไปข้างนอกก่อน ไว้เจอกันจ้ะ”

ทั้งคู่เดินเข้าไปในร้านอาหารที่เป็นห้องแถวห้าชั้นริมแม่น้ำเจ้าพระยา ขณะที่อินมองโฟล์คอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเองเท่าไหร่

“กูนึกว่าบ้านมึงอยู่ฝั่งธน” อินร้องถามขณะเดินตามขึ้นบันไดไป

“ใช่… แต่นี่บ้านเก่ากูสมัยเด็กๆอ่ะ ทำเลมันดี แม่กูเลยเซ้งให้ญาติเปิดเป็นโฮสต์เทล เป็นร้านอาหาร แล้วก็เป็นบาร์ข้างบน” โฟล์คเล่า “พี่มดเค้าเป็นลูกพี่ลูกน้องกูเอง เป็นลูกเจ้าของที่นี่”

“ในแกงค์ไม่เห็นมีใครเล่าให้ฟังเลย” อินถาม

“ก็กูไม่เคยบอกใครอ่ะ บอกไปเดี๋ยวพวกมันแห่มาแดกเหล้ากันวุ่นวายอีก ขี้เกียจมีปัญหา” โฟล์คว่า

“แล้วมันไม่ได้อ่อ” อินถามติดตลก

“อายุมึงถึงกันอ่อ อีกอย่าง พวกเราแม่งก็ไปแดกบ้านไอ้มอสอยู่แล้วป่ะวะ” โฟล์คพูดต่อพลางหันไปหาอิน “นี่กูบอกมึงเป็นคนแรกเลยนะ”

“ต้องขอบคุณมึงงั้นดิ” อินส่ายหน้าใส่โฟล์คทันที

เมื่อขึ้นมาถึงชั้นดาดฟ้าที่ปรับให้เป็นบาร์ ฝั่งตรงข้ามทั้งคู่มองเห็นวัดอรุณตั้งตระหง่านพร้อมกับพระอาทิตย์ที่กำลังจะตกดิน เรียงรายไปด้วยเก้าอี้และโต๊ะที่ว่างเปล่า อินมองไปรอบๆด้วยความรู้สึกล่องลอย

“โอเคมั้ย” โฟล์คหันไปมองหน้าอินที่ไม่ได้พูดอะไร ใบหน้าของอินต้องกับแสงอาทิตย์อ่อนๆที่ สายตาของเขามองไปยังแม่น้ำเจ้าพระยาที่มีเสียงเรือและผู้คนแว่วมากับสายลม เดินค่อยๆเดินไปที่ระเบียงของบาร์ และหลับตาลง

“สงบดี”

โฟล์คมองภาพนั้น มันเหมือนกับว่าเขาถูกดึงเข้าไปในห้วงความรู้สึก หากอินกำลังถูกบรรยกาศโดยรอบดึงเข้าไปหา โฟล์คก็คงกำลังถูกอินดึงเข้าไปหาอีกทอดหนึ่ง โฟล์คเดินเข้าไปใกล้ๆอิน มองใบหน้านิ่งๆนั้น เหงื่อเม็ดเล็กๆที่อยู่บนหน้าของอิน กลิ่นเหงื่ออ่อนๆหลังเลิกเรียนของมัน ทำเอาโฟล์ครู้สึกประหลาด

ให้ตายเถอะ…

อินกำลังทำให้เขาใจสั่น….

อินลืมตาขึ้นมา โฟล์คจึงรีบหันไปมองวิวแบบเดียวกับอินต่อ อินเหลือบไปมองโฟล์คเบาๆ

“ก็สวย แต่… มันอาจจะซ้ำ” อินว่าพลางหยิบมือถือขึ้นมาและกดถ่ายวิดีโอตรงหน้าเอาไว้

“ก็อาจจะไม่” โฟล์คสะกิดอินให้เดินไปด้านบาร์ และเมื่อทั้งคู่ก็หันไปมองวิวของกรุงเทพด้านหลัง ที่ต้องแสงอาทิตย์ทั้งหมดที่กำลังตกดิน ซึ่งเป็นมุมมองที่อินไม่เคยเห็นมาก่อน

“โอ้…” อินร้องออกมาเบาๆ พลางหันไปมองโฟล์ค “มาซอกแซกหลังบาร์เค้าบ่อยอ่ะดิ ถึงได้รู้ว่ามีมุมนี้อ่ะ”

“ก็..นะ” โฟล์คยักไหล่ขณะเท้าแขนไปที่ระเบียงสบายๆ “ก็มันเงียบดี เวลาร้านเปิดข้างหน้าคนเต็มบาร์เลย กูเที่ยวไปเดินๆไม่ได้หรอก”

“ก็ดี ก็แปลกดี” อินพูดเบาๆ

“พอจะใช้ได้ป่าว” โฟล์คถามขึ้น

“ไม่รู้อ่ะ ก็คงได้มั้ง ไม่รู้เหมือนกัน” อินตอบเสียงเรียบ

เงียบกันไปพักนึง เหมือนกับว่าคำพูดของอินมันส่งความรู้สึกบางอย่างมาให้โฟล์ครู้สึกได้

“อิน… เรื่องวันนั้น กูขอโทษจริงๆนะเว่ย” โฟล์คพูดขึ้น

“มึงยังไม่เลิกพูดถึงอีกนะ” อินว่ากลับ “ช่างแม่งเหอะ กูไม่ใส่ใจแล้ว”

“อ่านะ… ก็ดี” โฟล์คว่า “มึงไม่คิดมากก็ดีแล้ว”

“เออ ช่วงนี้กูยุ่งๆด้วย ส่วนมึงไม่ต้องพูดถึงมันอีก” อินว่าต่อ

เงียบกันไปอีกรอบ ขณะที่โฟล์คมองไปข้างหน้า

“มึงอยากไปเรียนต่อฝรั่งเศสอ่อ” โฟล์คพูดขึ้นเรียบๆ พยายามคุมไม่ให้น้ำเสียงสั่นจนเกินไป

“มึงรู้เรื่องทุนค่ายนี้กะเค้าด้วยอ่อ” อินว่า

“เออ… กายมันเล่าให้กูฟังอ่ะ” โฟล์คว่า “สามทุนป้ะ ให้โปรเจ็คที่ดีที่สุด”

“ใช่… ก็… ถ้าได้มันก็ดีป่ะวะ… ทุกคนที่ลงค่ายนี้ แม่งก็อยากได้กันทุกคนแหละ” อินพูดตอบ

“แล้วถ้าได้ขึ้นมาจริงๆ… มึงก็จะไปใช่ป่ะ” โฟล์คถามอีก แม้ว่าจะพยายามไม่มองหน้าอิน แต่อินเหลือบมองไปยังโฟล์คครู่หนึ่ง ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาและถ่ายวิวตรงหน้า

“กูก็ยังไม่รู้เลย ว่าจะผ่านหรือเปล่า” อินว่าพลางดูภาพที่อัดอยู่ในมือถือตัวเอง “ก็ได้ก็ได้ ไม่ได้ก็ช่างแม่ง”

“เอ๊า… ในขณะที่ไอ้กายแม่งเอาเป็นเอาตาย มึงสบายๆเนี่ยนะ” โฟล์คพูด

“ไอ้กายแม่งก็เงี้ย ทำเหี้ยอะไรนำหน้าไปทุกอย่าง โปรเจ็คนี้กูแม่งอยู่กับมันแล้วโคตรอึดอัดเลย” อินว่า “บางทีกูก็คิดนะเว่ย ว่าแบบ… ทำไมกูกับมันแม่งต้องทำงานทับไลน์กันด้วยวะ กูถ่ายรูป แม่งก็ต้องเสือกถ่ายรูปเหมือนกูอีก กูเลยต้องหลบมาทำวีดีโออาร์ตเนี่ย”

“แล้วมึงไหวป่าวอ่ะ” โฟล์คหันมามองอิน

“ก็...เรื่อยๆอ่ะ ไม่รู้เหมือนกัน” อินตอบ “แม่ง… ถ่ายเหี้ยอะไรอยู่วะเนี่ย จืดชิบหาย”

อินพูดเสียงหงุดหงิดพลางมองวีดีโอในมือตัวเอง โฟล์คมองภาพอินตรงหน้าอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะคิดอะไรออก

“อ่ะ…”

โฟล์คเสียบหูฟังข้างหนึ่งเข้าหูข้างซ้ายของอิน และเปิดเพลงในโทรศัพท์ของเขาขึ้นมา

“เชี่ยไรเนี่ย” อินร้อง

“ฟัง แล้วดู” โฟล์คชี้ไปตรงหน้าของอิน ขณะค่อยๆเร่งเสียงเพลงช้าๆ มันเป็นเพลงบรรเลงด้วยเปียโน ซึ่งมันทำให้อินมองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกแปลกใหม่

“เพลงไรวะ เพราะดี” อินร้องถาม

“เอ่อ….เพลงบรรเลงจากอนิเมะเรื่องนึงอ่ะ มึงไม่รู้จักหรอก” โฟล์คว่า “ภาพโอเคขึ้นมั้ยอ่ะ

“ดี...ดีเลย มึงนี่ก็ใช้ได้นะ” อินพูด “ไหนไอ้มอสว่ามึงไม่มีหัวเรื่องนี้”

“ไม่มี กูก็แค่กลัวมันเงียบอ่ะ ก็เคยฟังอยู่คนเดียวบนนี้” โฟล์คพูด

“มึงขึ้นมาบนนี้คนเดียวบ่อยอ่อ” อินถาม

“ก็...ทุกวันที่เค้าปิดอ่ะ แล้วให้แม่มารับ” โฟล์คว่า “มันเงียบดี”

“แม่ยังมารับอยู่อีกอ่อมึง” 

อินเหล่มองโฟล์คทันทีอย่างกวนๆ

“ไอ้เวร! แค่อาทิตย์ละครั้งเว่ย” โฟล์คพูดตอบ ก่อนจะยิ้มเบาๆแก้เขิน

“มึงเหอะ… เอาไงอ่ะ หลังจาก ม.6” อินถาม “ยังอยากเข้าอักษรอยู่ป้ะ”

“มึงจำได้ด้วยอ่อ” โฟล์คเลิกคิ้วด้วยความสงสัย

“ก็ไม่ได้จจะจำยากเลยนะ ในคาบแนะแนวมึงตอบเหี้ยอะไรอาจารย์ไม่ได้เลย สุดท้าย อาจารย์เค้าก็บอกว่าคนที่อ่านหนังสือเยอะ จมกับหนังสือได้เป็นชั่วโมงๆอย่างมึงคืออักษร กูก็ว่าแม่งแปลกดี แบบ ง่ายๆงี้เลยอ่อวะ” อินสาธยาย

“ก็กูไม่รู้จริงๆนี่ว่า ว่ากูอยากเป็นอะไรอ่ะ กูแค่ชอบอ่านหนังสือเฉยๆ” โฟล์คตอบ “ก็ถ้ามันต้องเป็นอักษร ก็อักษร”

“มึงนี่พอใจอะไรง่ายดีเนอะ” อินว่า “กูแม่ง เหนื่อยชิบหายเลย ยิ่งมีไอ้เชี่ยกายเป็นมาตรฐานด้วย”

อินถอนหายใจแรง ขณะที่เก็บวิดีโอลงกระเป๋า แต่ยังคงฟังเพลงของโฟล์คต่อไป แม้ว่าเพลงเดิมจะจบไปแล้ว

“เพลย์ลิสต์มึงเพราะนะ” อินว่า “แชร์มาให้กูมั่งดิ เผื่อเอาไปประกอบฟุต”

“อืม เอาดิ” โฟล์คตอบ

“ว่างๆพากูมาอีกได้ป่ะ” อินถาม

“ด...ได้… มึง...ชอบอ่อ” โฟล์คถาม

“อืม… เงียบดีอ่ะ อยู่กับมึงสองคนก็ ไม่วุ่นวายดี อยู่กับพวกแม่งแล้วปวดประสาทอ่ะ บางที” อินพูดขึ้น ซึ่งนั่นทำให้โฟล์คหัวเราะเบาๆ

“อื้อ… ได้ตลอด อยากมาก็บอกละกัน กูก็...อยากให้มึงมาบ่อยๆเหมือนกัน”

ยืนกันอยู่อย่างนั้นพักนึง โดยที่อินไม่รู้ตัวเลยว่า โฟล์คไม่อาจละสายตาไปจากเขาได้เลย

--------------

เดินลงกันมาจากชั้นดาดฟ้า โฟล์คกล่าวลาพี่มด ที่ใจดีเอาขชองกินเล่นในร้านให้โฟล์คติดมือกลับบ้าน ซึ่งเขาก็ไม่รอช้าเดินแกะกินไปมากับอินสองคนขณะเดินกลับโรงเรียน

“มึงลืมอะไรไว้ที่โรงเรียนนะ” โฟล์คเอ่ยขึ้นหลังจากเดินกลับจากท่าเตียนมาได้ครึ่งทาง

“เปล่าอ่ะ จะไปยืมไวไฟใช้อ่ะ” อินว่า

“เอ๊า ไม่บอกวะ จะได้ต่อของที่ร้าน” โฟล์คพูด

“ไม่เอาอ่ะ ของโรงเรียนไวกว่า อีกอย่างเค้าบอกไม่ต้องรีบ เย็นๆค่ำๆค่อยส่งก็ได้ พอดีเค้าอยู่ข้างนอก” อินอธิบาย

“มึงพูดถึงใครเนี่ย” โฟล์คถาม

“อ๋อ...เจนอ่ะ” อินว่า “เค้าอยากให้กูส่งฟุตที่มีดอกไม้เยอะๆให้เค้าหน่อย”

โฟล์คเงียบสนิททันที

“มึง...ชอบเค้าอ่อ” โฟล์คค่อยๆถาม

“เค้าน่ารักนะเว่ย ไม่รู้ดิ ยิ่งอยู่ใกล้ กูยิ่งรู้สึกว่า กูอยากชนะทุนนั่น ถ้าได้ไปด้วยกันกับเขานี่มัน ฝันชัดๆเลยนะเว่ย” อินตอบ “แม่งต้องเจ๋งแน่ๆ”

โฟล์คเงียบสนิท ขณะที่มาหยุดอยู่หน้าโรงเรียนพอดี

“เอ่า...มีไรป่าว” อินถาม

“อ๋อ...ไม่มีไร แล้ว...ยังไง จะให้อยู่เป็นเพื่อนป่าว” โฟล์คถาม

“ไม่ต้องอ่ะ เดี๋ยวกูอัพไฟล์แปปเดียว มึงกลับบ้านเหอะ พรุ่งนี้เจอกัน” อินพูด

“อืม… อยู่โรงเรียนค่ำๆระวังด้วยนะมึง” โฟล์คว่ากวนๆ

“ไอ้สัส มึงกลับไปเลยไป” อินโวยกลับ ขณะที่่ยิ้มให้กันและแยกออกจากันตรงนั้น

โฟล์คหันหลังให้อินและเดินจากมา มันเป็นเย็นที่แปลกประหลาดมากสำหรับเขา มันรู้สึกดีที่เขาและอินเคลียร์เรื่องจูบนั้นกันไปได้ซะที ในขณะเดียวกันเขากลับรู้สึกว่าตัวเขากำลังทำผิดกับอินบางอย่าง กับบางเรื่องที่เขาพยายามทำเพื่ออินในวันนี้

และเช่นกัน เขาก็รู้สึกเศร้ากับสิ่งที่อินต้องเจอ

“เชี่ยโฟล์ค” อินร้องเรียกเขา โฟล์คหันกลับไปมองอิน “ขอบใจนะเว่ย ที่พากูไปที่นั่น”

“อื้อ…”

“กลับบ้านดีดี”

“คับผม… ไว้….เจอกัน”

-----------------

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
บทที่ 6 - Uncomfortable

“เฟสเงียบ ทักไลน์ไม่ตอบ ในกรุ๊ปก็เงียบ” มอสพูดพลางวางมือถือลงและมองหน้าโฟล์คทันที

“ก็… อาจจะเครียดกันเรื่องพรีเซนต์มั้ง ไอ้กายเคยบอกว่าค่ายรอบนี้หนัก เพราะชิงประกาศทุนเลย” โฟล์คพูดขณะนั่งทำการบ้านอยู่ที่โต๊ะม้าหินตัวเดิมของแกงค์หน้าตึกในวันจันทร์

“วันนี้วันที่สามแล้วนะเว่ย มันหายไปค่าย ไม่ได้ไปตาย มันต้องทัก ต้องอะไรมาหากูกะมึงมั่งดิ” มอสว่าพลางมองหน้ามือถือ

“มึงใจเย็น” โฟล์คพูด

“กูมีเซนส์ เวลากลุ่มเราจะมีเรื่องอ่ะ เชื่อกูดิ ตอนรอบมึงกะไอ้เชี่ยอินก็ทีละ” มอสพูดพลางเคาะปากกาอย่างเป็นกังวล

ซึ่งจริงๆแล้วคนที่กังวลกับเรื่องนี้ไม่ได้มีแค่มอส โฟล์คเองก็คิดทบทวนเรื่องนี้มาหลายวันแล้วเหมือนกัน นับตั้งแต่วันที่เขากับอินไปถ่ายรูปที่ดาดฟ้า หลังจากวันนั้นสามตัวของแกงค์ทั้งไอ้กาย ไอ้เบนซ์ และไอ้อิน ก็เก็บกระเป๋าไปเข้าค่ายสามวัน ซึ่งนั่นทำให้วันจันทร์ซึ่งเป็นวันเรียน ทั้งสามก็ไม่ได้เข้าเรียน

และก็ต้องยอมรับว่ามอสก็พูดถูก ที่ความเงียบจากช่องทางสื่อสารเป็นสัญญาณที่ไม่ค่อยดีนัก แต่ด้วยความที่ภาระงานกลุ่มมันมาตกแอ่กอยู่กับโฟล์ค เขาไม่มีเวลาที่จะหัวร้อนไปกับมอสอีกคน ก็ทำได้แค่เคลียร์งานทุกอย่างส่งอาจารย์ไปให้เรียบร้อย

“เชี่ย โฟล์ค นั่นๆ” มอสชี้ไปยังข้างสนามหน้าอาคารเรียน เมื่อรถแทกซี่คันนึงจอดชะลอลง ทั้งเขาและมอสมองตามไป ก่อนจะเห็นเบนซ์ในชุดไปเที่ยวพร้อมกับกระเป๋าเดินทางก้าวลงจากรถ

ซึ่งมีเบนซ์เพียงคนเดียว…

“เอาละไง” มอสพูดพลางลุกขึ้นยืนทันที พลางมองไปที่เบนซ์ที่กำลังสาวเท้าตรงที่โต๊ะม้าหินประจำของพวกเขา ก่อนจะวางกระเป๋าลงข้างๆโต๊ะและมองหน้าโฟล์คกะมอสโดยไม่พูดอะไรซักคำ

“อย่าบอกนะว่า” มอสพยายามพูดอะไรบางอย่าง แต่เบนซ์ส่ายหน้าเป็นคำตอบ “เชี่ย…”

มอสทรุดตัวลงนั่งทันที ขณะที่โฟล์คถอนหายใจ

“แย่แค่ไหน” เขาร้องถาม

“กูก็ต้องกลับมาคนเดียวนี่ไง” เบนซ์ตอบ

“แล้วมันสองตัวอ่ะ” โฟล์คถามต่อ

“พรีเซนต์เสร็จ มันแยกกันกลับคนละคัน พอถึงกรุงเทพ ไอ้กายพาเจนไปกินข้าว ส่วนไอ้อิน หายไปเลย” เบนซ์ยีหัวตัวเองอย่างเป็นกังวล

โฟล์คหลับตาลงพลางส่ายหน้า ขณะที่เบนซ์นั่งลงพลางถอนหายใจด้วยอีกคน

“ไหนมึงบอกว่าวันนั้นมึงพามันไปเก็บฟุตใหม่ไม่ใช่อ่อวะ ” เบนซ์หันมาถามโฟล์ค

“ก็ใช่ ทำไมวะ” โฟล์คว่า

“กูไม่เห็นมันจะใช้เลย ฟุตดาดฟ้าเชี่ยไรของมึงอ่ะ แล้วไอ้กายกับเจนแม่งพรีเซนต์ดีชิบหาย โปรเจ็คสองคนแม่งเหมือนนัดกันมา เข้าขากันไปหมด แล้วความเหี้ยคือ พออินพรีเซนต์ขึ้นของมัน ฟุตมันก็ซ้ำกับรูปของไอ้กายด้วย” เบนซ์เริ่มเล่า “สามวันมานี่ กูทำตัวไม่ถูกสัสๆ อึดอัดชิบหาย”

“แล้วมึงไม่เอาไอ้อินกลับมาด้วยอ่ะ” โฟล์คถาม

“โอ้โห มึงก็กล้าถามเนอะ” เบนซ์หันมาโวย “เป็นมึง มึงจะกล้าเข้าไปคุยกับมันไหมอ่ะ มึงอย่าลืมนะ มึงเป็นคนบอกให้กูออกไปกับไอ้กายวันนั้นอ่ะ เพราะงั้นเวลาอยู่ด้วยกันสามคน เจนเค้าก็สนิทกะกูไปด้วยไง”

“แล้วยัยนั่นไม่รู้สึกอะไรมั่งเลยอ่อวะ ที่ทำงี้กะพวกเราอ่ะ” มอสร้อง “ไหนมึงบอกว่าเด็กเซนโยไม่ได้เป็นอย่างนี้ทุกคนไง”

“กูก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เท่าที่กูเห็นวันนั้นอ่ะ เจนเค้าก็ไม่ได้เป็นแบบนั้น” โฟล์คแก้ตัวแทน

“อันนี้กูเห็นด้วย” เบนซ์ว่า “เจนเค้าเป็นคนที่แฟร์มากนะ ใช่บอกใช่ ไม่ใช่บอกไม่ใช่ แล้ว….”

“ไอ้อินก็คือไม่ใช่...งั้นดิ” โฟล์คพูดต่อคำ เบนซ์ได้แต่ส่ายหน้าและยักไหล่เป็นคำตอบ

และทั้งสามก็เงียบกันไปพักนึง

“มันจะง่ายขึ้นป่ะวะ ถ้าเรานัดมาคุยกันอีกรอบ เหมือนตอนมินนี่” เบนซ์พูดขึ้น “ถ้า...ให้มันสองตัวพูดกันตรงๆ”

“มันต้องคุยกันตรงๆเว่ย กูไม่ยอมหรอก มึงจะแตกกันเพราะเรื่องผู้หญิงอ่อ ไร้สาระ” มอสว่าก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาพิมพ์ทันที

โฟล์คมองพลางถอนหายใจแต่เขาก็มองเห็นเบนซ์ที่เหลือบตามามองเขาอยู่ครู่หนึ่ง

----------------

เช้าวันต่อมา อินไม่มาโรงเรียน ขณะที่กายกลับเป็นขั้วตรงข้าม มาโรงเรียนแต่เช้า เดินเข้าห้องเรียนมาอย่างอารมณ์ดี พร้อมกับเล่าเรื่องราวในค่ายที่สนุกสนาน และโปรเจ็คในค่ายที่เขาสามารถทำมันออกมาได้อย่างเยี่ยมยอด ความประหลาดคือเบนซ์ที่ไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวยังไง ก็ได้แต่เออออไปกับกายเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ในขณะที่มอสและโฟล์คทำได้แค่เป็นผู้ฟัง พลางเว้นระยะห่าง ท่ามกลางสายตาของเบนซ์ที่ส่งมาเป็นระยะ

มันคือหายนะมากสำหรับโฟล์ค เซนส์ของมอสไม่ผิดพลาดเลยแม้แต่น้อย เมื่ออินกลับมาเรียนในวันปลายสัปดาห์ และมันก็กลายเป็นความเงียบที่ชวนอึดอัด เมื่อมาถึงจุดนี้ โฟล์คเริ่มเข้าใจแล้วว่าเบนซ์รู้สึกยังไงในค่ายสามวันนั้น เพราะก้อนความอึดอัด มันซัดตูมเข้ามาในแกงค์ทันที พวกเขาผ่านแต่ละวันไปด้วยความยากลำบาก อินเริ่มมีรัสมีความไม่เข้ากันกับกลุ่มมากขึ้นทุกที จนโฟล์คเริ่มแยกไม่ออกแล้วว่า นี่เป็นความเงียบปกติของอิน หรือมันเกิดจากปัญหาที่ทุกๆคนพยายามไม่พูดถึงมัน

ขึ้นสัปดาห์ต่อมา กายยิ่งแล้วใหญ่ ตกเย็นเริ่มไม่ค่อยอยู่กับแกงค์ ซึ่งเบนซ์ก็มากระซิบภายหลังว่ากายออกไปกับเจน และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็เริ่มชัดเจนขึ้นทุกที ซึ่งนั่นยิ่งเพิ่มแรงกดดันของแกงค์ให้มากขึ้นไปอีก

“กูตัดสินใจละ น้ำชาบ้านกูคืนนี้” มอสพูดเป็นเสียงกระซิบ ขณะที่ทุกคนกำลังเริ่มจัดโต๊ะเรียนสำหรับคาบบ่าย

“มึงจะเมาเชี่ยไรวันกลางสัปดาห์” โฟล์คพูดเตือน

“ไม่เคลียร์วันนี้ มึงจะรอเมื่อไหร่ มึงดูสภาพกลุ่มดิ๊” มอสพูดพลางทำเป็นเหลือบตามองไปรอบๆ “แล้วมึงเป็นเชี่ยอะไรเนี่ย ขัดกูมาสองอาทิตย์ละนะ”

ใช่แล้ว โฟล์คขัดมอสมาตลอด เพราะเขาเองนั่นแหละ ที่ไม่พร้อมจะให้เกิดการเผชิญหน้ากันทั้งกลุ่มตอนนี้ เพราะความจริงก็คือรอบนี้มันไม่เหมือนกันกับคราวเขากับอินและมินนี่ ครั้งนี้พวกเขา 5 คนมีส่วนร่วมกับเหตุการณ์นี้มากเกินไป

มันค่อนข้างจะลำบากอยู่เหมือนกัน กับการแก้ไขสถานการณ์ที่กำลังครุกรุ่นนี้...

“พวกมึง…เย็นนี้ไปน้ำชากัน” เสียงของกายดังขึ้นจากประตูห้อง มันเดินเข้ามากลางวงของโฟล์คและมอสทันที ซึ่งทำเอามอสหันไปทำตาโตใส่

“ม… มึงขอกูหรือยังเนี่ย” มอสร้องถาม

“ทำไมวะ ปกติมึงก็ต้องโอเคอยู่แล้วไม่ใช่อ่อ บ้านมึง ก็เพื่อสิ่งนี้อยู่แล้ว” กายยักคิ้วให้กับมอส

“แล้ว… แล้ว เนื่องในโอกาสไรวะ” มอสถามขณะที่กายนั่งลงที่โต๊ะของตัวเอง

“วันนี้ผลทุนประกาศตอนเที่ยงคืน กูอยากอยู่ลุ้นไปกับพวกมึงให้ครบ”

ทันทีที่กายพูดจบก็เกิดเป็นความเงียบระหว่างกันทันที

“อ้าว ทำไมวะ ไม่ได้อ่อ” กายหันมาพูด

“ด...ได้...ได้ดิ แล้ว… จะให้ชวนทั้ง…” มอสพยายามพูดต่อ

“ชวนดิ กูบอกไอ้เบนซ์แล้วตะกี้ ก็เลยมาขอมึง แล้วมึงก็ไปบอกไอ้อินด้วยอ่ะ” กายพูดต่อ “พักนี้แม่งก็คลุกอยู่แต่ห้องสมุด ทำตัวน่ารำคาญชอบ มึงไปชวนมันด้วยละกัน กูขี้เกียจพูดกับมันหลายรอบ”

โฟล์คลุกขึ้นยืนทันที รู้สึกหัวเสียกับกายขึ้นมาเสียเฉยๆ มอสถึงกับหันควับไปหาโฟล์คที่ยืนมองกายเปิดหนังสือเรียนของตัวเองอย่างไม่สะทกสะท้านอะไรทั้งสิ้น โฟล์คถอนหายใจแรงก่อนจะเดินออกจากห้องไป

“เอ๊า ไปไหนวะ” กายร้องถาม

“ไปห้องสมุด ไปชวนไอ้อินแทนมึงไง”

โฟล์คพูดเสียงเข้ม ทิ้งให้กายและมอสงงอยู่อย่างนั้น

----------------

โฟล์คเดินเข้าไปในห้องสมุดที่เริ่มบางตา เพราะหลายคนก็เตรียมตัวที่จะเข้าเรียนบ่ายกันหมดแล้ว เขาสอดส่ายสายตาหาอินไปตามทางเดินข้างชั้นหนังสือ และเขาก็พบอินนั่งคู้อยู่ในซอกชั้นหนังสือสุดท้ายริมห้อง หัวพิงพนังและดูเหมือนจะกำลังหลับอยู่ โดยมีหนังสือวางอยู่ที่ตัก

โฟล์คถอนหายใจให้กับภาพที่เห็นตรงหน้า ก่อนจะเดินเข้าไปหาและนั่งลงข้างๆอย่างเงียบเชียบ โฟล์คค่อยๆหยิบหนังสือออกจากตักของอินอย่างเบามือ เพื่อจะเอาไปเก็บที่ชั้น และนั่นทำให้ใบหน้าของเขาเข้าใกล้อินมากขึ้นไปอีก

เขามองหน้านั้นอยู่พักนึง กลิ่นอายของเพื่อนรักตรงหน้า มันทำให้เขานึกถึงวันที่เขาคว้าตัวอินมาจูบ และวันที่เขาเห็นใบหน้าแบบนี้บนดาดฟ้าเมื่อหลานอาทิตย์ก่อน ทุกครั้งที่มันอยู่ในความเงียบแบบนี้ อินเหมือนเป็นหลุมดำขนาดใหญ่ ที่พร้อมจะลากดึงคนที่อยู่ข้างๆให้จมลงไปด้วย

“จะจ้องหน้ากูอีกนานมั้ย” อินพูดขึ้น แม้ว่าจะยังไม่ลืมตา ทำเอาโฟล์คสะดุ้งเบาๆ ก่อนจะรีบเอาหนังสือเก็บขึ้นชั้น และรีบกลับไปนั่งอยู่ตรงข้ามอินเหมือนเดิม

“จะโดดอ่อ” โฟล์คร้องถาม

“อืม…” อินขยับตัวเล็กน้อย แต่ยังคงหลับพิงพนังอยู่อย่างนั้น

“ไม่ดีมั้ง…” โฟล์คร้องทักท้วง

“มึงก็ไปเรียนดิ ทิ้งกูไว้นี่แหละ” อินพูดเบาๆ รัสมีความเงียบยังคงแผ่ออกมาจากตัวของอินอย่างรุนแรง

“ถ้ามึงไม่ไป กูก็ไม่ไป” โฟล์คพูด

“มึงเป็นเชี่ยไรเนี่ย” อินถามเสียงหงุดหงิด โฟล์คถอนหายใจขณะพยายามหาคำพูดที่เหมาะสม

“ไปน้ำชาบ้านไอ้มอสกันคืนนี้” โฟล์คพูดเบาๆ

“ไม่ไป… คืนนี้กูจะอยู่รอประกาศผล” อินตอบทันที

“กูรู้… เพราะงั้น ไอ้กายเลยชวนให้ไปฟังพร้อมกัน” เมื่อจบคำของโฟล์ค นั่นทำให้อินค่อยๆลืมตาขึ้นมามองเขา

“มันให้มึงมาชวนอ่อ” อินร้องถาม

“ใช่…” โฟล์คตอบ

“กูไม่ไป” อินตอบห้วนๆ “มึงอยากไปมึงไปเลย กูไม่ไป”

เสียงของอินที่ทุ้มเข้ม ทำเอาโฟล์คทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน ไม่แน่ใจว่ามันเป็นเพราะความงัวเงียตรงหน้า หรือเพราาะเรื่องที่มันเกิดขึ้นอยู่ก่อนแล้ว แต่ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุไหน มันทำให้โฟล์ครู้สึกไม่อยากให้อินอยู่ในสภาพนี้ แม้แต่นาทีเดียว

“งั้นกูก็ไม่ไป” โฟล์คพูดตอบ

“อะไรของมึงเนี่ย” อินถามต่อ

“มึงไม่ไป กูก็ไม่ไป” โฟล์คว่า “ถ้ามึงอึดอัด ก็ไม่ต้องไป กูไม่บังคับมึงหรอก”

“ไอ้กายใช้ให้มึงมามึงก็มา แถมก่อนหน้านี้ มึงทำกับกูเหมือนกูคิดเองไม่เป็นนะ วันนี้เสือกจะมาตามใจกูงี้อ่อ” อินย้อนกลับ

“กูพูดจริงๆนะเว่ย ถ้ามึงไม่อยากไป ก็ไม่ต้องไป กูก็จะไม่ไปด้วย กูอยู่เป็นเพื่อนมึงแทนก็ได้” โฟล์คว่า “กูไม่ได้จะไปไหน”

“มึงจะอยู่ตรงนี้ ไม่เข้าคาบบ่ายด้วย” อินถามต่ออีก

“เออ… นั่งแม่งตรงเนี้ยอ่ะ” โฟล์คตอบ

“ดีงั้นกูไป” อินลุกพรวดพราดขึ้นทันที แต่โฟล์คก็คว้ามืออินไว้โดยไม่ทันตั้งตัว

“เห้ย ไรของมึงวะเนี่ย ไหนบอกจะไม่ไปไง” โฟล์คถาม ขณะที่อินมองมือที่โดนจับเอาไว้อยู่อย่างนั้น

“กูหมายถึงกูจะไปเรียนคาบบ่าย ไอ้สัส” อินตอบ “ปล่อยมือกูได้ละ”

“อ้อ…โทษที” โฟล์คปล่อยมืออินลง พลางเกาจมูกด้วยความเก้อเขิน ขณะที่อินส่ายหน้าเบาๆ

“ไปบ้านกูป่ะล่ะ” อินพูดขึ้น

“ว่าไงนะ”

“อยากอยู่เป็นเพื่อนไม่ใช่ งั้นมึงไปกับกู เจอกันเย็นนี้”

อินเดินออกไปจากชั้นหนังสือ ทิ้งให้โฟล์คทำตัวไม่ถูกอยู่อย่างนั้น

---------------

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
บทที่ 7 - Loving Space

“กลับมาแล้วคับ” อินพูดเสียงดังเมื่อก้าวเท้าเข้ามาในบ้าน ขณะที่โฟล์คมองไปรอบๆบ้านอย่างแปลกตา

บ้านของอินอยู่ในย่านสุขุมวิท ซึ่งนับว่าไกลจากโรงเรียนพอสมควรเลย จนโฟล์ครู้สึกทึ่งว่าอินคงจะต้องทนกับสภาพการจราจรที่ติดขัดเพื่อไปกลับโรงเรียนได้ในทุกๆวัน ซึ่งเป็นอะไรที่ทรหดเอามากๆ แต่เมื่อฝ่ากรุงเทพมาจนถึงบ้านของอินแล้ว เขาก็พบว่าบ้านนี้เป็นบ้านไม้สีขาวที่ตั้งอยู่อย่างเหมาะเจาะ มีต้นไม้ประปรายไม่ครึ้มจนดูเป็นป่า แต่ก็ไม่บางตาจนเต็มไปด้วยปูน มันดูเป็นบ้านของชนชั้นกลางธรรมดาแบบอิน แต่รังสีของความอบอุ่นมันชัดเจนอย่างบอกไม่ถูก

“เข้ามาดิ”

เขาก้าวขาเข้ามาในบ้านพร้อมกับเห็นภาพแม่ของอินที่อยู่ในชุดทำงานกำลังเดินออกมาจากครัวพร้อมกับถุงมือหยิบของร้อน

“ว่าไงตัวแสบ” แม่ของอินตรงเข้ามาหาลูกชาย พลางเอามือยีหัวอินทันที

“โอ๊ย แม่ อย่าดิ” อินทำท่าทีเก้อเขิน พลางหันมามองโฟล์คที่ต้องมาเห็นภาพตัวเขากลายเป็นลูกแหง่ให้กับแม่ตัวเองแทน

“อ้าว วันนี้พาเพื่อนด้วยเหรอหึ” คุณแม่ของอินยิ้มกว้างให้กับโฟล์ค อินได้จังหวะเลยรีบปลีกตัวเองออกมาจากอ้อมแขนของแม่ได้ทัน

“สวัสดีคับ วันนี้ ผมรบกวนด้วยคับ” โฟล์คหันไปยิ้มกับอินที่พยายามทำท่าทางประหลาดอยู่อย่างนั้น

“ตามสบายเลยจ้ะ” คุณแม่ถาม “งั้นเราสองคนรีบไปล้างมือก่อนไป แล้วมาช่วยแม่หน่อย กับข้าวเต็มเลย”

แม่ของอินพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเสียงอบอุ่น ก่อนจะปลีกตัวหายเข้าไปในครัว ขณะที่โฟล์คเหล่มองอินอยู่อย่างนั้น

“มึงไม่ต้องแซวเลย ตามมา” อินออกคำสั่งขณะที่โฟล์คยิ้มกริ่มและเดินตามไปอย่างว่าง่าย แต่ทันใดนั้น เสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น โฟล์คมองเลขหมายในมือ ก็พบว่าเป็นเบอร์ของไอ้มอส เขามองหน้าจออยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเห็นหน้าของอินยืนมองอยู่ที่บันได

“ถ้ามึงรับ มึงกลับไปเลย” อินพูด ก่อนจะเดินหายขึ้นไปชั้นบนของบ้านทันที

โฟล์คถอนหายใจ ก่อนจะกดปิดโทรศัพท์ไปอย่างนั้น

-------------------

เมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าและกลับลงมาที่ครัว โฟล์คพบว่าอาหารที่แม่ของอินเตรียมไว้นั้นคือกับข้าวที่คุณแม่ลงมือทำเองทั้งนั้น แต่ความประหลาดคือคุณแม่ของอิน ไม่ได้มีลุคเป็นแม่บ้านเฝ้าแต่บ้านแต่อย่างใด คุณแม่ของอินยังคงดูเป็นสาวสวยอยู่ในชุดทำงาน เป็นผู้หญิงที่ดูสมัยใหม่เอามากๆ

“แล้วนี่ เหลือกันอยู่แค่สองคนหรือไงเนี่ยหะอิน คนอื่นๆไปไหนหมดล่ะ ” แม่ของอินถามขึ้นกลางโต๊ะ อินเหลือบตาขึ้นมองโฟล์คครั้งหนึ่งก่อน ก่อนจะก้มหน้ากินข้าวต่อ

“ไม่ได้ชวนอ่ะแม่ พอดีผมกับโฟล์คเป็นงานคู่ ที่เหลือก็แยกกันไป” อินตอบ

“แล้วโฟล์คล่ะ บอกที่บ้านแล้วเหรอ ว่าจะมาค้าง” คุณแม่หันมาถาม

“เรียบร้อยแล้วคับ”

“งั้นเดี๋ยวพอแม่ออกไป อินปิดบ้านให้เรียบร้อยด้วยนะ” แม่บอกกับอิน

“คับผม”

หลังจากกินข้าว ช่วยกันล้างจานจนเสร็จ อินก็ทยอยปิดบ้านของเขา โดยมีโฟล์คที่ยืนมองคุณแม่ค่อยๆขับรถออกไปจากบ้าน

“ทำไมแม่มึงยังออกไปทำงานต่ออีกอ่ะ” โฟล์คถามขึ้น

“แม่กูเป็นหัวหน้าทีมการเงินบริษัทอ่ะ ก็จัดการเวลาได้ เค้าจะออกจากงานมาช่วงบ่ายเพื่อมากินข้าวกับกู แล้วค่อยกลับไปทำงานต่อ” อินอธิบาย นั่นทำเอาโฟล์ครู้สึกทึ่งเอามากๆ

“เพราะงี้อ่อ มึงถึงไม่ค่อยอยากอยู่เย็นกะพวกกู” โฟล์คถาม

“ก็นะ… ก็ นี่บ้านเค้า พื้นที่ของเค้า เค้าอยากหาเวลาอยู่กับกูอ่ะ ก็ต้องให้เค้าอ่ะ” อินว่า

“เวลามึงอยู่กับแม่นี่ก็…”

“มึงพูดให้ดีดี” อินหันมาพูดเสียงเขียว

“ก็แปลกดี… น่ารักดี” โฟล์คหันมายักคิ้วให้อิน ที่เหล่มองเขาอย่างไม่ไว้ใจนัก

“ขึ้นไปข้างบนเหอะ รีบทำการบ้าน จะได้รอลุ้นผลกะกู” อินพูดพลางเดินกลับขึ้นไปชั้นสองพร้อมกับโฟล์ค

เมื่อถึงห้อง อินก็โอ้เอ้นั่งอ่านหนังสือการ์ตูนสลับกับฟังเพลงกันไปมา สลับกับที่ไล่โฟล์คไปอาบน้ำขณะที่โฟล์คก็พยายามไม่พูดอะไรให้อินรู้สึกอึดอัด ได้แต่นั่งฟังเพลงไปเรื่อยๆ และหยิบหนังสือเรียนจากกระเป๋าขึ้นมาอ่าน

ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ยังคงแทรกเข้ามาอีก ยังคงเป็นสายของมอสเหมือนเดิม โฟล์คนั่งมองโทรศัพท์ที่สั่นอยู่พลางมองไปที่อินที่ก้มหน้าทำการบ้านอย่างไม่สนใจอะไร

“หิวว่ะ ข้างล่างมีไรกินมั้ย” โฟล์คพูดขึ้น

“เปิดตู้เย็นดู มีช็อคโกแลตมั้ง หยิบกินเลย” อินพูดโดยไม่เงยหน้าขึ้นมอง โฟล์คจึงอาศัยจังหวะ หยิบโทรศัพท์และเดินลงมาด้านล่างทันที

“ฮัลโหล ว่า…”

“ไอ้สัส กว่าจะรับสายนะ มึงสองตัวไปทำเชี่ยไรกันที่ไหน กูอุตส่าห์ขอแม่ได้เนี่ย”

“กูอยู่บ้านมันเนี่ย”

“เอ๊า… แล้วมึงไปบ้านมันทำห่าอะไร ลากมันมาบ้านกูดิ”

“ก็มันไม่ไปไง มันไม่อยากเคลียร์”

“เชี่ยโฟล์ค กูพยายามทำให้กลุ่มไม่แตกอยู่นะเว่ย มึงไม่เข้าใจอ่อวะ”

“ก็ที่กูมากับมัน ก็คือไม่อยากให้กลุ่มแตกป่ะวะ มึงจะให้กูไปกับพวกมึง แล้วทิ้งมันไว้นี่คนเดียวรึไง”

“มันก็บอกมันเลย ว่าเกิดไรขึ้น แล้วมึงก็ลากมันมาไง”

“เชี่ยมอส กูว่าเรื่องนี้แม่งไม่ง่ายงั้นป่ะวะ กูว่า…”

“อ๋อใช่ดิ… มึงชอบมัน เลยไม่อยากเอาตัวเองมาเอี่ยวด้วยใช่ป่ะ กะแยกไปกันสองคนงั้นดิ กูไม่ยอมนะเว่ย”

“ไม่ใช่อย่างนั้นไอ้มอส”

“ถ้ากลุ่มแตก กูโทษมึงนะไอ้เหี้ย”

มอสกดวางสายไปทันที ทิ้งให้โฟล์คกำมือถือด้วยความวิตก เขาหลับตาถอนหายใจพลางคิดทบทวนทุกอย่างในหัว ก่อนจะตั้งสติและเดินกลับขึ้นไปบนห้อง

“ลงไปนานนะ หาตู้เย็นไม่เจอรึไง” อินร้องถาม โฟล์คเงียบสนิทขณะปิดประตู

“กู...เข้าห้องน้ำอ่ะ” โฟล์คตอบ “บ้านมึงกว้างนะ ทำอะไรได้เยอะเลย มีมึงกับแม่สองคน ไม่เหงาอ่อวะ”

“ก็… ตั้งแต่พ่อกูเลิกกับแม่ ก็เลยอยู่กันสองคนอ่ะ” อินตอบ

“เห้ย… โทษที” โฟล์ครีบชิงขอโทษก่อน

“นานแล่ว ช่างมันเหอะ” อินว่าพลางนั่งลงที่โต๊ะทำงานของตัวเอง “แล้วนี่มึงไม่ทำการบ้านรึไง”

“ไม่เป็นไร กูเคลียร์การบ้านกูเสร็จตั้งแต่ที่โรงเรียนแล้ว” โฟล์คตอบ

“อ้าว แล้วไหนมึงบอกแม่มึงว่าจะมาทำการบ้านกะกูไง” อินถาม

“ก็นั่นบอกแม่ แต่กับมึงบอกว่ากูอยากมาอยู่เป็นเพื่อนมึงอ่ะ” โฟล์คพูดพลางมองหน้าอินอยู่อย่างนั้น

ในหัวของโฟล์ค ตีกันไปมาด้วยคำพูดของมอส และเหตุการณ์หลายอย่างๆ

“มึงมีอะไรจะบอกกูหรือเปล่า” อินร้องถาม

“หะ...ไรนะ” โฟล์คส่งเสียงตะกุกตะกัก

เขาไม่รู้อีกแล้วว่ามันจะอะไรยังไง แต่เขาใจไม่แข็งพอที่จะให้อินไปเผชิญหน้ากับกาย ถ้าอินไม่อยากไป เขาก็ขออยู่กับอินตรงนี้ดีกว่า

“ไม่มี จะมีอะไรวะ” โฟล์คพูดต่อ

“มึงแน่ใจนะ” อินถามย้ำอีกครั้ง พลางส่งสายตามาที่เขา

“อ...เออ… แน่ดิวะ มึงเป็นอะไรป่ะเนี่ย”

โฟล์คยิงคำถามกลับไป หวังให้อินรู้สึกเบาใจขึ้น เขาทั้งคู่ยืนจ้องหน้ากันอยู่พักนึง จนโฟล์ครู้สึกว่านี่มันคือการมองตากันที่นานที่สุดเท่าที่เคยจะมองกันได้

มันเหมือนกับว่าแววตาของอิน มันล้วงลึกเข้ามาถึงห้วงสำนึกของเขา ปากของโฟล์คเผยออกและ

“อิน..คือกู…”

ทันใดนั้นเสียงนาฬิกาก็ดังขึ้นบ่งบอกเวลาสี่ทุ่ม อินหันหลังกลับไปที่หน้าคอมทันที ก่อนจะเปิดหน้าเว็บและกดรีเฟรชรัวๆ เพื่อเช็คผลทุนในหน้าเว็บที่เขาเปิดทิ้งไว้ตั้งแต่หัวค่ำ

โฟล์คก้มหน้าลงและเดินเข้าไปใกล้อินมากขึ้น เพื่อเช็คสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า

อินกดคลิ๊กลิงค์ที่อยู่ตรงหน้าและมันก็ปรากฎชื่อให้เขาเห็นสามอันดับบนสุดทันที

กายสิทธิ์

เจนจิรา

.

.

.

อภินันท์

“เชี่ยอิน มึงได้ทุน” โฟล์คพูดขึ้นทันทีเมื่อเห็นรายชื่อ ขณะที่อินมองหน้าจอนั้นอย่างนิ่งสนิทโดยไม่พูดอะไร “อ..อิน”

อินกำหมัดในมือแน่นจนโฟล์คสังเกตได้ ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ของอินก็ดังขึ้น และชื่อที่ปรากฎตรงหน้าจอ คือชื่อของกายนั่นเอง

โฟล์คมองภาพตรงหน้า ก่อนจะเอื้อมมือไปกดปิดทันที

อินหันหน้ามาหาโฟล์ค ดูเหมือนรังสีในตัวอินจะเปลี่ยนไปจนเห็นได้ชัด

“มึงคิดว่ากูไม่รู้ใช่ป่ะ”

คำพูดของอินทำให้โฟล์ครู้เลยว่า หายนะกำลังเกิดขึ้นแล้ว

-------------

“เห้ย เอาน่า ไม่ติดก็ไม่เป็นไร มึงก็ทำเต็มที่แล้ว” กายพูดปลอบใจเบนซ์ที่นั่งทำหน้าเซ็งอยู่ที่ม้าหินประจำของพวกเขาในตอนเช้าของวันรุ่งขึ้น

“กูสเก็ตช์มือหงิกไม่เท่าไหร่ แต่แม่งลอกลายในคอมทั้งคืนคือแม่งทรหดสัสๆ” เบนซ์บ่นอิดออด

“เอาน่ะ แล้วก็แล้วไป” มอสพูดพลางตบไหล่

“แต่กูก็สงสัยนะคือแบบ วันนั้นไอ้อินแม่งโดนกรรมการยำเละเลยนะเว่ย แล้วทำไม….”

“ทำไมวะไอ้กาย มึงคิดว่ากูไม่เหมาะกับทุนงั้นอ่อ” เสียงของอินดังขึ้นทันที นั่นทำให้กายและเบนซ์หันมามองอินที่ปรากฎตัวอยู่ด้านหลัง อินที่มาถึงโรงเรียนพร้อมกับโฟล์คที่ยืนห่างออกไปหนึ่งช่วงตัว

“เชี่ย” มอสร้องขึ้นเบาๆ พลางมองหน้าอินที่กำลังแผ่รังสีน่ากลัวส่งมาให้กับพวกเขา “มึงใจเย็นไอ้อิน กายแม่งไม่ได้หมายความว่างั้นหรอก มัน...พูดเล่นอ่ะ ใช่ป่ะวะ”

กายหันไปมองหน้าอินด้วยสายตาว่างเปล่าก่อนจะลุกขึ้น

“เมื่อวานมึงไปไหนกันมาวะ กูนัดให้ไปดูผลด้วยกันก็ไม่ไป” กายพูดเสียงเข้ม ซึ่งอินไม่ได้ตอบอะไร ได้แต่มองหน้ากายอยู่อย่างนั้น

“กูไปนอนบ้านไอ้อินมาอ่ะ” โฟล์คตอบ “ก็เลยแบบ…”

“มึงไม่ต้องแก้ตัวแทนมันไอ้โฟล์ค กูว่าเข้าประเด็นเลย มึงเป็นเชี่ยไรอิน พักนี้กูโทรหาก็ไม่รับ ทักเหี้ยไรก็ไม่ตอบ” กายหันไปหาอิน

“แล้วมึงพูดว่ากูไม่เหมาะกับทุนคือไร” อินถามต่อ

“มึงไม่ต้องพูดอ้อมก็ได้นะเว่ยอิน ถ้ามึงจะเคลียร์เรื่องเจนอ่ะ มึงพูดออกมาเลย” กายยิงเข้าประเด็นไปตรงๆ และนั่นทำให้พวกเขาที่เงียบเสียงลงทันที

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
บทที่ 8 - Friends Zone

เมื่อเหลือเพียงแค่สงครามสายตาระหว่างกายกับอิน เบนซ์ได้แต่ทำหน้าเลิ่กลั่ก ทำตัวไม่ถูกกับสิ่งที่เกิดขึ้น ในขณะที่มอสกำลังพยายามทำให้ทั้งคู่ใจเย็นลง ก็มีสีหน้าซีดเผือดไปตามๆกัน

“เชี่ยแล้วไง เห้ยพวกมึงใจเย็นก่อน” มอสรีบลุกขึ้นมายืนระหว่างกลางของอินและกายทันที “มึง ค่อยๆคุยกันนะเว่ย คือกูไม่อยากให้มีเรื่อง”

“มีมันก็ต้องมีป่ะวะ” กายว่าต่อ “มึงจะกลัวเหี้ยไร ถ้าจะชนก็ชน ทำไมอ่ะ ดีกว่าไม่ชนอยู่แล้วป่ะวะ เพราะกูก็เห็นมึงเลี่ยงจะชนกูมาตลอดไม่ใช่อ่อ”

อินยังคงเงียบสนิทพลางกำหมัดแน่น โฟล์คมองสถานการณ์ตรงหน้าอย่างกดดันขึ้นทุกที

“งั้นมึงยอมรับใช่ป่ะ ว่ามึงกับเจนคบกันอ่ะ” อินถามตรงๆ

“ใช่...แล้วไง.. มึงก็ไม่ได้ใส่ใจเค้าแต่แรกป่ะวะ” กายถามต่อ

“กูเจอเค้าก่อนมึง คุยเรื่องโปรเจ็คกับเค้าก่อนมึงไอ้กาย” อินว่า

“ไม่ใช่ไอ้อิน กูเจอเค้าก่อนมึง”

“หะ…”

มอสหันไปมองหน้ากายทันทีหลังจากได้ยินคำตอบจากกาย ซึ่งนั่นทำให้โฟล์คถึงกับเดินเข้ามาใกล้ๆกายทันที

“มึงว่าไงนะ” โฟล์คถามทันที

“ไอ้อินมันไม่ได้อยู่ในกรุ๊ปเด็กค่าย” กายว่า “กูคุยกับเจนในนั้นมาตั้งนานแล้ว ไอ้อินต่างหากที่มาทีหลัง”

“มึงถึงไม่ลากมันเข้าไปใช่ป่ะ” เบนซ์ถามขึ้น

“ลากไม่ลากเดี๋ยวมึงก็ต้องตามเข้าไปอยู่ดีป่ะวะ มึงกะไอ้อินก็สมัครค่ายนี้ตามกู ทุกอย่างไอ้อินก็ตามกูหมดอ่ะ งานมันก็ลอกกู ผู้หญิงมันยังใช้คนเดียวกับกูเลย” กายพูดต่อ

“ไอ้กาย มึงพูดดีดี” มอสเริ่มห้ามปราม

“มึงไม่ต้องมาบอกให้กูพูดดีดีไอ้มอส” กายหันไปหามอส “มึงอยากเคลียร์ไม่ใช่อ่อ กูก็จัดให้ละไง กูจะเคลียร์ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ก็มีคนเสือกป๊อดไม่มา เพราะอะไรรู้ป่ะ เพราะมันมีอีกคนพยายามชงให้ไอ้อินได้กับเจนไง”

ถึงตรงนี้กายหันหน้ามาหาโฟล์คทันที

“มึงไปกับไอ้อินใช่ป่ะ ที่สยามวันนั้น ที่มึงไม่ไปบ้านไอ้มอส” กายพูดเสียงดัง

“เชี่ย..ไรอีกวะเนี่ย” เบนซ์ถึงกับร้องออกมาพร้อมกับเอามือยีหัวตัวเอง และนั่นทำให้โฟล์คถึงกับนิ่งสนิท

“ม...ไม่ใช่อย่างนั้น ไอ้กาย มึงมั่วแล้ว” โฟล์คว่า

“เจนเล่าให้กูฟังหมดแล้ว วันนั้นเค้าไม่อยากไปคนเดียว เค้าเลยเอาเพื่อนเค้าไปด้วย แล้วเค้าก็บอกด้วย ว่ามีเพื่อนกูไปอีกคนนึง” กายว่า “แล้วมึงนึกว่ากูไม่รู้งั้นดิ ว่าพวกมึงสี่ตัว รวมหัวกันไม่บอกกู ปิดกูมาเป็นเดือนๆอ่ะเรื่องนี้”

“ไม่ใช่เว่ยไอ้กาย วันนั้น...อินมันก็แค่… ก็แค่…” โฟล์คพยายามพูดอะไรบางอย่าง

“ก็แค่อะไร… อะไร… พูดดิ” กายถามจี้ พลางหันไปหาอิน “ว่าไงเพื่อน… มึงจีบเค้า ใช่ป่าว”

อินยังคงเงียบสนิทไม่พูดอะไร

“เห้ย กูว่าแม่งไปกันใหญ่ละ คือแม่งเข้าใจผิดกันเหี้ยๆเลยอ่ะกูว่า พวกมึงจะพ่นไฟใส่กันเพื่อ” มอสเริ่มพูด “วันนี้มึงสองตัวได้ทุนนะเว่ย มึงจะไปฝรั่งเศสด้วยกันไม่ใช่อ่อวะ มึงคุยกันดีดีดิ แม่งจะตีกันเพราะเรื่องเด็กเซนโยเนี่ยนะ”

“มึงไปถามมันโน่น ว่าจะงี่เง่าเชี่ยไรกับเรื่องกูกับเจน” กายว่า “กูไม่ใช่คนที่มีปัญหา กูก็อยากจะเคลียร์ไม่ต่างจากมึงไอ้มอส กูอยากให้มันอยู่กับกูตอนดูผลมันก็ไม่อยู่ ทีงี้แม่งจะมาโวยกูเรื่องกูบอกว่าแม่งไม่ควรได้ทุน”

“ไม่เลยเว่ย มันไม่ได้เกี่ยวไรกับเด็กเซนโยเว่ยมอส” อินพูดขึ้นหลังจากเงียบไปนาน และนั่นทำให้กายเงียบเสียงไป “มึงอยากให้กูพูดใช่ป่ะไอ้กาย มึงแน่ใจนะ”

เป็นอินที่เดินเข้าไปหากายบ้าง ซึ่งทำให้โฟล์คคว้าแขนของอินไว้ทันที

“มันเป็นเรื่องที่มึงก็อยากพูดไอ้มอส พวกมึงทุกตัวอยากพูด แต่ไม่มีใครกล้าพูดออกมา” อินพูดใส่หน้ากาย “ไม่มีใครพูด งั้นกูพูดเอง เรื่องทั้งหมดไม่ได้เกี่ยวกับที่กูลอกงานมัน แย่งแฟนมัน หรือไอ้โฟล์ครวมหัวกับพวกมึง ปิดเรื่องเจนกับมัน แต่มันคือเรื่องที่เพื่อนมึงคนนี้ แม่งไม่เคยเห็นหัวพวกเราเลยเว่ย”

คำพูดของอินจี้เข้าไปกายอินอีกครั้ง และนั่นทำให้พวกเขาทั้ง 5 เงียบกันไปพักนึง

คำพูดของอิน ที่เหมือนเปิดสวิตช์บางอย่างในหัวของพวกเขา 5 คน

“พวกมึงรู้ดีว่าเรื่องเด็กเซนโยแม่งคือประเด็นรอง คนอย่างมึงอ่ะเหรอ จะมาใส่ใจเรื่องแย่งหญิงกัน ทีตอนเรื่องกูกะไอ้โฟล์ค มึงบอกไร้สาระ วันนี้มึงเสือกคิดเรื่องนี้เป็นจริงเป็นจังอ่อ ไม่ใช่หรอก” อินว่า “มึงอยากรู้ใช่ป่ะ ว่ากูนัดไปกับเจนวันนั้นเพราะอะไร อยากรู้ใช่ป่ะ”

อินสะบัดแขนออกจากโฟล์คและเดินไปหากาย

“ก็เพราะกูไม่เคยรู้เชี่ยไรเกี่ยวกับมึงเลยไงไอ้สัส”

อินผลักอกกายลงไปนั่งกับม้าหิน มอสและเบนซ์ถลาเข้าห้ามทันที

“มึงบอกทุกคนตลอดเวลา ว่าพวกเราแม่งทำตัวไร้สาระไปวันวัน มึงอยากให้พวกเราจริงจัง มึงถามทุกคนตลอดเวลาว่า จบ ม.6 แล้วจะเอาไง มึงกดดันพวกกูตลอด ไอ้มอสมึงถามดิ ว่าใครไม่เคยเจอคำถามนี้จากปากมันมั่ง” อินร้องถาม ก่อนจะหันไปหาเบนซ์ “ว่าไงไอ้เบนซ์ มึงวาดรูปเก่งมาเป็นชาติ คะแนนสุชาดามึงสูงกว่ามันอีก แล้วค่ายนี้มันชวนมึงป้ะ”

เบนซ์ส่งเสียงเงียบเป็นคำตอบ

“มึงด้วยไอ้มอส ไอ้กายแม่งเป็นเด็กหนองคาย ลงมาอยู่กรุงเทพคนเดียว ที่แดกน้ำชาของพวกเราไม่มีที่ไหนเหมาะไปกว่าห้องมันป่ะ แล้วมึงคนไหนเคยได้ไปเหยียบห้องมันบ้าง มันเคยเอ่ยปากซักครั้งป้ะ ว่าไปตั้งตี้ห้องมันอ่ะ ทำไมต้องเป็นบ้านมึง ทำไมมึงต้องเป็นคนขอแม่มึงให้พวกกู” อินถามต่อ “แล้วทุกครั้งที่มันไปบ้านมึง พวกเราไปบ้านมึง ใครขอตัวกลับก่อน ใครบอกตลอดว่าที่ทำอยู่แม่งไร้สาระไอ้มอส มันไง มันมองมึงเป็นพวกติดเพื่อน ไม่มีอนาคตอ่ะมึงรู้ตัวป้ะ”

มอสนิ่งสนิท ไร้คำพูดโต้เถียง ก่อนที่อินจะหันกลับมาหาโฟล์ค

“มึงก็อีกตัว มึงไม่เคยรู้เชี่ยอะไรเลย” อินพูดกับโฟล์คสั้นๆ สายตาที่อินส่งมาหาโฟล์ค มันทำให้เขารู้สึกเจ็บข้างใจอย่างบอกไปถูก โดยเฉพาะนัยน์ตาที่แดงก่ำของมันพร้อมกับสีหน้าที่เหมือนจะระเบิดทุกอย่างออกมา  อินมองหน้าโฟล์คอยู่พักหนึ่งก่อนจะหันกลับไปหากาย ที่ตอนนี้มองหน้าอินโดยไม่พูดอะไรแม้แต้คำเดียว

“พอกูกับไอ้เบนซ์จะลุยค่ายนี้ไปกับมึง มึงช่วยเหี้ยไรบ้าง วันนี้มึงคิดได้แค่ว่ากูลอกมึง ทำอะไรตามหลังมึง กูกะไอ้เบนซ์สมัครตามมึงอ่ะนะ มึงคิดแต่แข่งขันตลอดเวลาอ่ะ” อินว่าต่อ “กูกับเชี่ยเบนซ์เป็นเพื่อนมึงนะเว่ย แทนที่มึงจะช่วยพวกกู มึงเสือกไปช่วยเด็กเซนโย แล้ว… แล้วมึงยังเสือกบอกว่ากู… ไม่เหมาะที่จะได้ทุนนี่”

หน้าของอินแดงก่ำ เสียงที่สั่นเครือของมันทำโฟล์คใจสั่นตามไปด้วยอย่างไม่รู้เหตุผล มือของอินกำแน่นอยู่ข้างตัว

“มึงทิ้งพวกกูทุกตัวไว้ข้างหลัง มึงเห็นเจนเป็นอนาคตของมึง เป็นความฝันของมึงแล้ว มึงก็เตรียมทิ้งพวกกูได้แล้วไม่ใช่อ่อ มึงจะเอาเหี้ยอะไรอีก” อินหายใจหอบถี่ “ใช่… กูจีบเค้า แต่แล้วไงวะ มันก็ไม่ได้เปลี่ยนความจริงที่ว่ามึงไม่เคยเห็นหัวพวกกูป่ะ แล้วเมื่อคืน มึงก็คิดว่าจะเปิดบ้านไอ้มอส เคลียร์กับพวกกูรายตัว บอกลาแล้วไปปารีสอย่างสบายใจกับเค้างั้นดิ… มันจะง่ายไปป่ะวะไอ้กาย”

อินชี้ไปที่หน้าอกของเพื่อนที่อยู่สภาพหน้าแดงก่ำไม่ต่างกัน

“พวกกูเพื่อนมึงนะเว่ย ไม่ใช่แบบในรูปที่มึงถ่าย ที่มึงจะดีไซน์ยังไงก็ได้ตามใจนึกอ่ะ” อินว่า

ติ๊ง!!!

เสียงแจ้งเตือน และโทรศัพท์สั่นดังขึ้น พวกเขาหายใจหอบถี่พลางมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ก่อนที่เบนซ์จะตั้งสติได้ว่าเป็นโทรศัพท์ของเขาเอง

“พ...พวกมึง ใจเย็นนะ เงียบก่อน” เบนซ์หยิบโทรศัพท์ตัวเองเองมารับสาย “คับผม… คับ… ใช่คับ บดินทร์คับ ใช่คับ สิริคมสวัสดิ์คับ คับ… หะ…. อ...อะไรนะคับ… ผมเหรอ... อ้าว…”

เบนซ์หันมามองหน้าอินทันที

“เค้าได้บอกมั้ยคับว่าทำไม” เบนซ์พูดพลางมองหน้าอิน ที่ยังคงมองหน้ากายอยู่อย่างนั้น “ค...คับ ขอบคุณคับ เดี๋ยวยังไง...ผมแจ้งไปในอีเมล์คับ… ขอบคุณคับ”

เบนซ์วางสายลง ก่อนจะมองหน้าอินอยู่อย่างนั้น

“มึงสละสิทธิ์เหรอไอ้อิน”

โฟล์คคิดว่านี่มันเกินจะรับไหวแล้ว นี่เป็นวันสุดสัปดาห์ที่เขาเจอเรื่องหักมุมมากเกินไป เช่นเดียวกับพวกเขาที่เหลือ ที่ช็อคกับสิ่งที่เบนซ์พูดออกมา โดยเฉพาะกายที่ดูเหมือนตอนนี้จะไร้ความรู้สึกใดใดผ่านใบหน้าออกมาแล้ว

“มึงไปปารีสกับเจนให้มีความสุขเหอะ” อินพูดเสียงสั่น “กูขอให้อนาคตของมึงกับเค้าโชคดี ประสบความสำเร็จเป็นที่หนึ่งของวงการได้เลยยิ่งดี”

“อิน...กู…” กายพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง

“แต่...ถ้าวันนึงมึงเจออะไรที่ไม่ได้ดั่งใจมึง มึงออกแบบไม่ได้ มันก็เรื่องของมึงแล้ว จะไม่มีใครสน ไม่มีใครอยู่กับมึงอีก จะเหลือแต่มึง กับเจนนั่นแหละ กูไม่เอาด้วยแล้ว”

อินหันหลังและคว้ากระเป๋าเดินออกไปจากตรงนั้นทันที

“เชี่ยอิน… เดี๋ยว” มอสร้องตะโกนแต่อินก็ไม่ฟัง

ในสายตาของโฟล์ค การมองเห็นอินหันหลังเดินออกไปจากที่ตรงนี้ มันเกินกว่าที่เขาจะรับได้อีก เขาทนเห็นภาพนี้ไม่ได้อีกแม้แต่นาทีเดียว

“เชี่ยโฟล์คมึงไปไหนอีกเนี่ย” มอสร้องขึ้น เมื่อเห็นโฟล์คคว้ากระเป๋าตามอินไปอีกคน

“มึง… จะอยู่กับมันก็อยู่ไป” โฟล์คหันมาตอบ “แต่กูจะไม่เป็นอีกคนที่ทิ้งมัน… โชคดีกับความสำเร็จไอ้กาย”

สิ่งที่มอสกลัวที่สุดได้เกิดขึ้นจริงๆแล้ว

The Zodiac แตกอย่างสมบูรณ์

-------------

โฟล์คไม่แน่ใจว่าอะไรพาเขามาที่นี่ แต่มันเหมือนสัญชาติญาณบางอย่างบอกเขาว่ามันต้องเป็นที่นี่ เหตุผลอาจจะเพราะมันใกล้โรงเรียนที่สุด แต่มันก็เป็นอะไรที่พอจะคาดเดาได้อยู่ เพราะทันทีที่เขาเดินมาถึง พี่มดก็หน้าตาตื่นอยู่ที่ด้านล่าง

“โดดเรียนกันมาหรือเปล่าเนี่ยโฟล์ค” พี่มดร้องถาม

“ม...ไม่เชิงคับ มัน...มันมาใช่มั้ยคับ” โฟล์คตอบกลับเสียงสั่น

“ใช่จ้ะ… ขึ้นไปข้างบนแล้ว มีอะไรกันหรือเปล่าเนี่ย” พี่มดถามทันที

“เปล่าคับ… แค่… มาถ่ายแสงเช้าบ้าง” โฟล์คว่า “ผม… ขึ้นไปนะ”

“จ้ะ.. รีบถ่ายรีบกลับไปเรียนล่ะ”

โฟล์คไม่ทันจะได้รับคำพี่มด เขาสาวเท้าวิ่งขึ้นไปที่ดาดฟ้าทันที เป็นอย่างที่เขาคิด อินมาที่นี่เพราะมันคงเป็นที่ที่สงบพอสำหรับมัน โดยเฉพาะจากเรื่องที่เกิดขึ้น โฟล์คยอมรับว่าเขาไม่รู้มาก่อน ว่าอินต้องแบกความรู้สึกแบบนี้ไว้คนเดียวโดยไม่เคยพูดมันออกมา

คนคนเดียวจะแบกเรื่องพวกนี้ไว้ได้ยังไงกันนะ

ทันทีที่มาถึงชั้นบน เก้าอี้ต่างๆยังระเกะระกะ จากสภาพบาร์เมื่อคืนที่คงปิดดึกและยังเก็บไม่เรียบร้อย อินไม่ได้ยืนอยู่ฝั่งริมแม่น้ำเจ้าพระยา โฟล์คจึงหันหลังไปมองด้านหลังบาร์แล้วก็เป็นตามที่คิด อันยืนอยู่ตรงระเบียงด้านหลัง ยืนมองไปยังกรุงเทพที่กำลังต้องแสงอาทิตย์ตอนเช้า

โฟล์คถอนหายใจช้าๆ ก่อนจะเดินเข้าไปหาอย่างเงียบเชียบ อินมองไปตรงหน้าโดยไม่พูดอะไรซักคำ โฟล์คไม่รู้จะเริ่มต้นพูดยังไง จึงได้แต่ยืนอยู่ข้างๆเงียบๆ

“ขอฟังเพลงหน่อย” อินพูดขึ้น “เพลงที่มึงเอามาใส่หูกูวันนั้นอ่ะ”

โฟล์คหยิบหูฟังคู่ใจขึ้นมา ก่อนจะเปิดเพลงในโทรศัพท์และยัดใส่หูอินข้างนึง อินฟังเพลงนั้นและก้มหน้าลงทันทีโดยไม่พูดอะไรกันแม้แต่คำเดียว ซึ่งมันกลายเป็นความอึดอัดระหว่างเขาและอินอยู่อย่างนั้น

แต่ความเงียบกลับยิ่งทำให้ทุกอย่างแย่ลงไป เขาเกลียดความเงียบจากอินที่สุด

“ทำไมมึงทำงี้อ่ะ” โฟล์คพูดโพล่งออกมา หลังจากเพลงจบลง “มึงทิ้งความฝันมึง กับเรื่องแค่นี้ไม่ได้ป่ะวะ”

“มึงจะทำตัวเป็นพ่อกูอีกละนะ...ไม่ต้องพูดเลย”

อินพูดเสียงราบเรียบ ซึ่งนั่นทำให้โฟล์ครู้สึกแย่ขึ้นไปอีก

“แต่...นั่นทุนฝรั่งเศสนะเว่ย” โฟล์คว่า “มึง… มึงทิ้ง...”

“มึงไม่ต้องห่วงหรอก กูไม่ได้คิดอะไรง่ายๆแบบมัน” อินว่า

“แล้ว… เพราะอะไรอ่ะ… บอกกูได้มั้ย” โฟล์คถามเสียงนิ่ม นั่นทำให้อินหันไปมองโฟล์คทันที

“ถ้ากูบอกมึง มึงจะตอบคำถามกูป่ะ” อินถามทันที

“...ถาม… เรื่อง?” โฟล์คพูดตะกุกตะกัก

“ตอบกูมาก่อน ว่ามึงจะแฟร์ คนละคำถามไง” อินพูดย้ำ

โฟล์คเงียบก่อนจะตัดสินใจ

“ได้… กูจะตอบ” โฟล์คพูด

“ดี… กูทิ้งทุนนั่น เพราะกูไม่อยากทิ้งแม่ไว้คนเเดียว กูต้องดูแลบ้าน” อินตอบ “กูไม่ได้สิ้นคิดขนาดนั้น และความฝันของกู ก็ไม่ได้เหมือนไอ้กาย มึงเข้าใจยัง”

คำตอบของอิน ก็พอจะทำให้โฟล์คเบาใจลงไปได้บ้าง

“โอเค มึงไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”

“ตากูบ้างนะ” อินพูดสวนกลับทันที พลางมองหน้าโฟล์ค

“อ่าหะ” โฟล์คตอบพลางตั้งสติ

“มึงชอบกูใช่ป่ะ”

เป็นอีกครั้งที่อินทำให้เวลาของโฟล์คหยุดลง

-------------------

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
บทที่ 9 - Tear Apart 1

“มึงว่าอะไรนะ” โฟล์คถามกลับเสียงสั่น

“กูถามว่า มึงชอบกูใช่ป่ะ” อินถามอีกครั้งหนึ่ง

และนั่นทำให้เกิดความเงียบระหว่างกันอยู่อย่างนั้น

“คนละคำถาม แฟร์ๆ” อินพูดย้ำอีกครั้ง และนั่นทำให้โฟล์คก้มหน้าลง พลางหลับตาลง เพลงที่เปิดดังก้องอยู่ในหูของทั้งเค้าและอินจบลงไปอีกหนึ่งเพลง พร้อมกับคำถามของอินที่เหลือเพียงสายลมที่เงียบสงบ

“กูถึงมาอยู่ข้างมึงไง”

โฟล์คพูดโดยยังคงหลับตาอยู่อย่างนั้น เขาลืมตาขึ้นเพื่อมองหน้าอินตรงหน้า ใบหน้าของอินที่มองมา เป็นอะไรที่โฟล์คคาดเดาไม่ถูก โฟล์คมองแววตาคู่นั้นอยู่อย่างนั้น ก่อนจะค่อยๆขยับตัวเข้าไปใกล้อินมากขึ้นไปอีก 

“กูตอบคำถามมึงชัดพอมั้ย” โฟล์คยังคงเดินตรงเข้าไปหาอินอีกครั้ง เขาหยิบหูฟังออกจาหูตัวเอง และใส่อีกข้างหนึ่งเข้าไปหาอิน

“อยู่กะกูไหมล่ะ ไม่ต้องสนใจอย่างอื่นแล้ว”

อินหายใจถี่มากขึ้น ก่อนจะหยิบหูฟังของโฟล์คออกจากหู

“มึงเห็นกูอ่อนแอขนาดนั้นเลยอ่อ” อินถามต่อ

“หะ…”

“กูไม่ได้เป็นไอ้ขี้แพ้ ที่มึงต้องมารัก มาสงสารนะ” อินพูดต่อ “ที่มึงจูบกูวันนั้น ก็เพราะแบบนี้ใช่ป่ะ กางแขนปกป้องกูจากมินนี่ ใช่ป่ะ”

โฟล์คหยุดชะงักไปพักนึง

“มึงรู้มั้ย ทำไมกูถึงให้มึงไปกะกูวันที่ไปเจอเจน” อินว่าต่อ “เพราะกูอยากให้มึงรู้ไง ว่ากูไปต่อได้สบายมาก ไม่ต้องให้มึงมาช่วย”

“อิน…”

“มึงพากูมาที่นี่ หาวิธีให้กูถ่ายงาน ไปอยู่เป็นเพื่อนกูที่บ้าน กูไม่ได้โง่เว่ยโฟล์ค กูรู้” อินพูด “แต่กูไม่ได้ใช้ภาพที่นี่ กูไม่อยากใช้ภาพของมึง กูอยู่ได้ โดยไม่มีมึง”

เสียงสั่นเครือของอิน ทำให้โฟล์คใจสั่น เขารู้สึกเหมือนกำลังจะหายใจไม่ออก

“อิน กู… กูไม่ได้…เห็นว่ามึงอ่อนแอเลยนะเว่ย กูขอโทษที่ทำให้มึงรู้สึกอย่างนั้น” โฟล์คพยายามพูดต่อ

“กูขอบใจนะเว่ย ที่มึงปกป้องกู แต่… กูไม่ได้… ชอบมึงว่ะ” อินพูดออกมาในที่สุด “แล้ว… แล้วถ้ามึงยังอยากเป็นเพื่อนกูอยู่ อย่าพยายามปกป้องกูอีก”

“อิน… ฟังกูก่อน”

อินส่ายหน้าให้โฟล์ค

“พอเหอะ… กูเหนื่อยกับพวกมึงมามากแล้วอ่ะ” อินว่า “มึงปล่อยกูไปเหอะ แล้วก็ ไม่ต้องมายุ่งกับกูแล้วนะ กูมานี่ ก็เพื่อจะบอกมึงว่า… กูจะไม่มาให้มึงเจอหน้าอีก ”.

“หมายความว่าไง” โฟล์คร้อง

 อินก้มหน้าลง

“กูจะย้ายโรงเรียน” อินตอบทันที และมันก็เหมือนกับก้อนภูเขาขนาดใหญ่โยนทับใส่เขา

“อ...อะไรนะ” โฟล์คร้อง “อิน… มึง…”

“มึงอย่ามาดราม่า” อินพูด “มึงก็เห็นว่าบ้านกูไกล กูคิดเรื่องนี้มาตลอดปีแล้ว กูสงสารแม่ มึงเข้าใจป้ะ แม่งไม่ใช่แค่เรื่องนี้ โอเคมั้ย กูกลับละนะ”

อินเดินสวยโฟล์คออกไป แต่ทว่าโฟล์คก็คว้าตัวของอินไว้ และสวดกอดอินจากด้านหลังทันที

“กูมาอยู่ข้างมึงแล้วไง… กูขอโทษ” โฟล์คพูดทันที “อย่า… ทิ้งไปเลย”

นิ่งกันอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่อินจะสะบัดตัวเองออกมาจากโฟล์ค

“กูบอกแล้วไง ว่ากูไม่ได้เป็นอะไร อย่าทำแบบนี้” อินหันมาพูดเสียงเข้มใส่ “กูไม่ใช่คนอ่อนแอโฟล์ค”

โฟล์คยังคงนิ่งเงียบ

“อย่าบังคับให้กูเกลียดมึงไปอีกคนนะ กูขอล่ะ”

อินหันหลังและเดินจากโฟล์คไป

เขาเกลียดวินาทีแบบนี้ที่สุด วินาทีที่อินหันหลังให้กับเขา โดยที่เขาม่สามารถยื้ออะไรไว้ได้เลย

มันเหมือนกับว่าอินได้ลากเอาอนาคตทุกอย่างของเขาหายไปด้วย

อนาคตที่เขาไม่รู้ว่ามันจะไปจบยังไง…..

-----------

“เห้ย โอเคป่าว” เสียงของกายปลุกเขาให้ตื่นจากภวังค์ ท่ามกลางเสียงประกาศอันอื้ออึงของสนามบิน

“โอเค… ไม่มีไร” โฟล์คยิ้มตอบ ขณะหันไปมองกายที่อยู่ในชุดเสื้อยืดธรรมดา กายพยักหน้ารับคำอย่างไม่ค่อยเชื่อนัก ขณะที่หันกลับไปมองนัท แฟนของเขา หนุ่มดีไซน์เนอร์คนนั้นกำลังเช็คอินอยู่ที่เคาท์เตอร์ เพื่อโหลดสัมภาระชิ้นใหญ่ ซึ่งเป็นภาพวาดที่ชื่อว่า Loveless Society เขากอดอกมองภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้าอย่างใช้ความคิด

“ของเยอะเหมือนวันนั้นเลยนะ” โฟล์คพูดขึ้น

“วันไหนวะ” กายหันมาถาม

“วันที่มึงไปปารีสกะเจนไง เมื่อตอน ม.6” โฟล์คพูดขึ้นเบาๆ

“อ้อ…” กายรับคำ “วันนั้นไม่มีใครมาส่งกูเลย มีแต่มึงอ่ะ”

“ตอนแรกกูก็นึกว่ามึงกะไอ้เบนซ์จะไปพร้อมกัน” โฟล์คว่า แต่กายส่ายหน้าเบาๆ

“กูทำกลุ่มแตก ไอ้เบนซ์ไม่คุยกับกูเป็นปีปีเลยนะเว่ย เจอกันที่ปารีสมันก็ไม่ทัก” กายพูดพลางเม้มปาก “แม่งเป็นหลายปีที่แย่มากสำหรับกูเลย”

“เกิดไรขึ้นวะ” โฟล์คถามขึ้น

“ก็… แม่กูป่วยอ่ะ ตอนปีสาม กูต้องบินไปกลับปารีส ไทย อุดร แม่งเหนื่อยชิบหาย พ่อกูเค้าก็ ส่งให้แต่เงิน แต่ไม่เคยมาเยี่ยมเลย” กายเริ่มพูด “สุดท้ายพอแม่กูเสีย กูทิ้งทุกอย่างไปปารีส.. แล้ว… กูก็ดันเลิกกับเจนหลังจากนั้น”

“เอ๊า…” โฟล์คอุทานเสียงดัง

“ไอ้อินแม่งพูดถูก กูชอบออกแบบชีวิตคนอื่น เจนเค้าเป็นเครื่องพิสูจน์ได้ดีเลย” กายว่า

“แล้วคนเนี้ยอ่ะ” โฟล์คหยักกเพยิดไปหานัทที่ยังคงวุ่นวายอยู่ที่เคาท์เตอร์

“ข้อยกเว้นว่ะ” กายยิ้มกว้าง “กูยกเว้นเค้าไว้คนเดียว”

โฟล์คยอมรับว่าเขาไม่เคยเห็นรอยยิ้มแบบนี้จากกายมาก่อนตลอดหลายปีที่รู้จักกันมา มันเหมือนกับว่าไอ้กายตัวแสบในแกงค์ของเขาเมื่อก่อน ได้ตายไปแล้วอย่างนั้นแหละ

“เรียบร้อยแล้วนะคุณ” นัทเดินมาหากายและโฟล์คที่ลานกว้างหน้าเกท “นี่บอร์ดดิ้งพาสนะคับ”

นัทยื่นบอร์ดดิ้งพาสมาให้กับโฟล์ค

“เออ ผมว่าจะถามนานแล้ว” โฟล์คพูดขึ้นขณะรับบอร์ดดิ้งพาสมาไว้ในมือ “ผมว่าคุ้นหน้าคุณนะคุณนัท เราเคยเจอกันที่ไหนมาก่อนป่ะคับ”

นัทยิ้มกริ่มขณะที่หันไปมองกาย ที่โอบไหล่เขาไว้

“ก็… ไม่รู้สิคับ” นัทว่า “แล้ว ถ้าเป็นคนนี้อ่ะ คุณโฟล์คพอจะคุ้นไหม”

นัทพูดพลางชี้ไปที่ประตูทางเข้าสนามบิน โฟล์คมองตามไป ก็เห็นชายคนหนึ่งที่หอบของพะรุงพะรังมา พร้อมด้วยการแต่งตัวที่เต็มไปด้วยเสื้อโคล่งๆประหลาด และผมเผ้าที่ดูไม่ค่อยเป็นทรงดีนัก

“เอ๊ะ…” โฟล์คเหล่มองไปเบาๆ

“มิก ทางนี้” นัทโบกมือร้องเรียก ขณะที่มิกเดินตามมาถึงเสียงเรียก

“หวัดดีนัท โทดที รถโคตรติดเลยอ่ะ หาที่จอดไม่ได้ด้วย แกรู้ป่ะ พอกลับจากงานเลี้ยงรุ่นนะ ไอ้สาที่มันยกเลิกไฟล์ทไม่ไปกับเราเพราะอะไร เพราะมันบินไปกับมาร์คแล้วเมื่อวานเว่ย ทุเรศป้ะ” มิกมาถึงก็บ่นอุบอิบกับนัท พลางกล่าวทักทายทุกคน “หวัดดีกาย หวัดดี...เห… ทำไมคุ้นหน้าจัง”

“เหมือนกัน เราเคยเจอกันป้ะคับ” โฟล์คพูดเช่นกัน

“เดี๋ยวนะ… เห้ย จำได้แล้ว...นายเด็กอักษรนี่หว่า… เพื่อนไอ้ฟ้า” มิกร้องพลางชี้หน้าโฟล์คทันที

“อ๋อ… เดี๋ยวนะคับ นี่ มิก… มิกที่อยู่ชมรมวาดภาพอ่ะนะ” โฟล์คถามต่อ พลางมองไปที่นัท “เห้ย ผมจำได้แล้ว พวกคุณเด็กดีไซน์นี่ เพื่อนคุณอีกคนเป็นผู้หญิงป้ะคับ”

“คับ” นัทยิ้มตอบ “ก็ถ้าเอาทั้งคลาสโฆษณาก็… หกคน”

“รวมไอ้อินด้วย” กายพูดต่อคำของแฟนเขา และนั่นทำให้โฟล์คนิ่งสนิท

“อินอ่ะนะ… ใช่ช่างภาพที่ถ่ายรูปงานหมั้นนายกะนัทป่ะ” มิกถามต่อ “เดี๋ยวอะไรกันวะเนี่ย แล้ว… คือยังไง รู้จักกันอ่อ”

“ผมว่า คุณมิกไปเช็คอินก่อน แล้วรีบขึ้นเครื่องดีกว่า คุณมีเวลาถามไถ่เรื่องนี้กันอีกหลายชั่วโมงเลย” กายยิ้มกว้าง “เพราะครั้งเนี้ย ผมอยากให้คุณ พาเพื่อนผมไปปารีส”

“หะ… คนนี้อ่ะนะ ที่จะไปกับผม… แล้วนี่...แกไม่ไปแล้วอ่อนัท” มิกหันไปหาเพื่อน

“เปลี่ยนใจแล้วอ่ะ… พอดี กายเค้าจะย้ายไปอยู่บ้านกูน่ะ” นัทพูดอย่างเก้อเขิน

“อ้อ…” มิกรับคำเบาๆ ก่อนจะยิ้มให้นัท “ก็ดี”

“ไม่ต้องมาทำเสียงงี้เลยมิก ไปปารีสคราวนี้ ก็ต้องเอาเรื่องของแกให้จบได้แล้ว” นัทพูดพลางยื่นซองน้ำตาลซองหนึ่งให้มิก

“อะไรวะ” มิกถามต่อ

กายและนัทมองหน้ากันทันที

"ไปเปิดที่ปารีสก็รู้เองอ่ะ" นัทว่า
“สาขาที่อังกฤษไม่มีช่างภาพ แล้วสาก็ไปเบอร์ลิน เพราะงั้น… ผมเลยให้อิน ช่างภาพเพื่อนผมวันนั้น ไปประจำที่อังกฤษ” สิ่งที่กายพูดทำให้มิกและโฟล์คหันไปมองหน้าเขาพร้อมกัน “ผมคิดว่าเอิร์ธต้องมีคนช่วย รวมถึง อาร์ตไดคนใหม่ด้วย”

มิกนิ่งเงียบพลางมองหน้าโฟล์ค ทั้งสี่เงียบกันไปพักนึง

“ท่านผู้โดยสารที่จะเดินทางไปกับเที่ยวบินที่ TG964….”

เสียงประกาศปลุกสติของโฟล์คและมิกขึ้นมา

“เอ่อ… ไปเช็คอินแปป” มิกหยิบกระเป๋าตัวเองและเดินไปที่เคาท์เตอร์ ท่ามกลางสายตาของกายและนัท ที่มองตามหลังไปอย่างเป็นห่วง

“จะให้กูไปกะมิกเค้าอ่อ” โฟล์คกระซิบถาม

“ใช่.. กูคงต้องรบกวนมึงช่วยหน่อยว่ะ” กายหันมาตอบ

“ช่วยอะไรวะ”

“ช่วยให้มิกเค้าเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง” กายว่า “เหมือนที่มึงเคยช่วยกูวันนั้นไง”

โฟล์คมองหน้ากายพลางคิดทบทวนหลายอย่าง

เริ่มต้นใหม่…

นั่นสิ…

เขาเป็นคนที่เข้าใจความหมายของมันเป็นอย่างดี เพราะเขาเริ่มต้นใหม่กับเรื่องนี้มาหลายต่อหลายครั้งแล้ว การเดินทางที่เหมือนจะจบ แต่ก็ไม่เคยจบจริงๆสำหรับเขา

“ถ้าในหนังสือ Endless Dream มันจะทำให้คนเราเริ่มต้นใหม่ได้ ผมฝากเพื่อนผมอีกคนด้วยคับคุณโฟล์ค” นัทยิ้มให้กับโฟล์คอีกครั้ง

น่าตลกที่ความหวังที่กายและนัทฝากไว้กับเขานั้น เขาเองก็ไม่แน่ใจว่ามันจะเป็นจริงได้ไหม...

------------

“โอ๊ยช่วงหน่อยนะ เราไม่อยากเข้าไปคนเดียวอ่ะ” เสียงใสใสของฟ้า เพื่อนภาคของโฟล์คร้องขึ้นในชุดนักศึกษา เสียงออดอ้อนของเธอทำเอาโฟล์คทำหน้าเซ็ง

“ทำไมวะ เด็กถาปัตย์แม่งน่ากลัวขนาดนั้นเลยไง” โฟล์คถามต่อ

“น้อยไปดิ แกไม่เป็นผู้หญิงแกไม่เข้าใจหรอก ข้างล่างคณะแม่งโคตรแบบ โอ่ยยย” ฟ้าพูดพลางส่ายหน้า

“คือกูก็ไม่ได้รู้จักใครที่นั่นไง แล้วจะให้เดินเข้าไปแล้วยังไง… คลาสโฆษณาอยู่ไหนคับ คนชื่อมิกอยู่ไหม มีคนฝากของมาให้ งี้อ่อวะ” โฟล์คถามต่อ “มึงชอบเค้า มึงก็ไปบอกเค้าเองดิ”

“ก็แค่เดินเข้าไปเป็นเพื่อนไหมล่ะ มาถึงนี่แล้วอ่ะ เดินเข้าไปนิดเดียวเอง ไอ้โฟล์คอย่าเยอะ เร็วๆ” ฟ้ายังคงออดอ้อน และนั่นทำให้โฟล์คถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่าย ก่อนจะเดินตามเข้าไปทันที

คณะสถาปัตย์อยู่แยกออกไปอีกวิทยาเขตนึง มันทำให้ที่นี่ดูมีควาเป็นอาณาจักรที่โดดเดี่ยว เขาเองก็รู้สึกเหมือนกับฟ้า ที่ว่าคนที่นี่ก็จะดูแปลกประหลาดไปหน่อย แต่ในเมื่อฟ้าที่มีฝีมือในการวาดรูป เจียดเวลาตัวเองมาลงวิชาเลือกเป็นวิชา Painting ที่คณะนี้แล้ว แถมดันไปแอบชอบเด็กปีสองคณะนี้อีก เขาก็ไม่มีทางเลือก ก็เลยโดนติดสอยห้อยตามให้มาเป็นเพื่อนอยู่แบบนี้

“เออ ก็แค่นี้แหละ เห็นมะ พอกูมาแกมากะชั้น แม่งก็ไม่มีใครแซวละ ก็แบบเป็นแฟนกันไง” ฟ้าพูดทันทีเมื่อเดินเข้ามาถึงหน้าลิฟต์ ผ่านพวกเด็กที่นั่งรวมตัวกันข้างล่างคณะได้

“เจริญละ แล้วแบบนี้คนนั้นเค้าจะไม่มากระทืบกูทีหลังใช่มะ” โฟล์คพูดแซว

“โอ๊ย ไม่หรอก แกรออยู่นี่แหละ เดี๋ยวลงมา” ฟ้ายักคิ้วให้ก่อนจะกดลิฟท์ทันที

“อีนี่ ทิ้งเพื่อนเลยนะ” โฟล์คแซวอย่างต่อเนื่อง

ติ๊ง!!!

เสียงประตูลิฟต์เปิดออก ขณะที่ฟ้าเดินสวนเข้าไป แต่ทว่านาฬิกาของโฟล์คกลับหยุดนิ่งอีกครั้ง เมื่อร่างในชุดนักศึกษาพร้อมใบหน้าขาวใส กับผมยาวที่รวบผูกไว้บนหัวนั้นเดินสวนฟ้าออกมา ร่างๆนั้นไม่ได้มองหน้าเขา ได้แต่เดินผ่านเขาไปช้าๆ ขณะที่ฟ้าเข้าไปในลิฟต์และประตูปิดลง

โฟล์คเดินตามร่างนั้นไปราวกับว่าตัวเขาควบคุมตัวเองไม่ได้

“อิน”

โฟล์คร้องเรียก ขณะที่อินหยุดนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-01-2020 17:22:28 โดย M2M_Jill »

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
อินเหลียวหน้าหันมา โฟล์คค่อยๆเดินเข้าไปใกล้อีกครั้ง

“นั่นอินป่ะ… อินใช่ป่าว” โฟล์คร้องเรียกอีกครั้ง แต่ทันใดนั้นร่างๆนั้นก็รีบสาวเท้าเดินหายไปจากหน้าลิฟต์ทันที โฟล์ครีบก้าวเท้าเดินตามไป แต่ทันใดนั้น ฝูงนักศึกษาก็กรูกันออกมาจากลิฟต์คณะอย่างมหาศาลพร้อมกับเสียงพูดคุยอื้ออึงปะปนไปยังลานด้านล่างของคณะ

โฟล์คพยายามเบียดเสียดคนเพื่อเดินไปข้างหน้าให้ได้ แต่ทันใดนั้น เขาก็ชนเข้ากับนักศึกษาหญิงคนหนึ่งจนล้มลง ทำเอารูปถ่ายของเธอร่วงกระจัดกระจายเต็มพื้น

“ขอโทษคับขอโทษ เป็นอะไรหรือเปล่าคับ” โฟล์ครีบก้มลงช่วยเก็บรูปที่กระจัดกระจาย ขณะที่ฝูงนักศึกษาต่างแหวกทางให้กับเขาและเธอ

“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่เป็นไร เอ่อ… รูปนั้นด้วยค่ะ” เธอชี้ไปยังอีกทาง ซึ่งเป็นหนังสือภาพถ่ายของเธอเอง โดยที่หน้าปกเขียนชื่อเอาไว้ด้วยลามือน่ารัก

สา...

“เจ็บตรงไหนหรือเปล่าคับ” โฟล์คโกยทุกอย่างกลับมาคืนเธอจนหมด

“ไม่ค่ะ ขอบคุณมาก นายล่ะ…เป็นไรป่าว” เธอกล่าวถาม

“ไม่คับ ขอโทษทีนะคับ” โฟล์คยังคงขอโทษย้ำ

“ค่ะ ช่วงคนเยอะก็อย่างเนี้ยแหละค่ะไม่เป็นไร” เธอยิ้มกว้างให้กับเค้า

“สาเร็ว...หิวแล้ว เดี๋ยวคนเยอะ…เลิกคลาสยังเนี่ย” เสียงของเพื่อนเธอร้องเรียกขึ้นจากลานหน้าคณะ เธอจึงปัดเนื้อตัวและเดินจากไปสมทบกับเพื่อนของเธออีกคน

“ไปไป… เดี๋ยวกูไปเอารูปจากอินด้วย เออ…”

เสียงพูดคุยของเธอกับเพื่อนดึงสติของโฟล์คให้กลับมาอีกครั้ง

เป็นอันว่าเขาเข้าใจไม่ผิด

เขามั่นใจว่าร่างที่เขาเห็นคือคนคนนั้น

เขาไม่มีทางจำผิดอย่างแน่นอน

--------------

อภินันท์ สุรีเรืองชัย

โฟล์คจ้องรายชื่อนักศึกษาที่อยู่ในเว็บรายชื่อนักศึกษาอยู่อย่างนั้น ขณะที่ฟ้านั่งมองเขาจากโต๊ะตรงข้ามพร้อมกับแต้มสีลงในภาพของเธอ

“คือยังไงนะ… เพื่อนมัธยมที่ลาออกไปเหรอ” ฟ้าถามต่อ

“อืม… ไม่เจอกันมาสามปีแล้วอ่ะ” โฟล์คว่าต่อ แม้ว่ายังคงมองชื่อในเว็บ

“แน่ใจนะว่าคนเดียวกันอ่ะ” ฟ้าถามต่อ

“แน่ดิ จำชื่อได้ ไม่เคยลืม” โฟล์คตอบ

“ชื่ออินเหรอ… ไม่เคยได้ยินมิกพูดถึงนะ แต่… ก็คงไม่แปลกเพราะว่ามิกไม่ได้ลงวิชาเดียวกับเพื่อนทุกตัวอ่ะ” ฟ้าตอบ “อาจจะเป็นคนละเอกกับมิกก็ได้”

“แล้ว… รู้จักคนชื่อ… สา...ป้ะ เป็นผู้หญิง” โฟล์คหันมาถาม

“อ๋อ… รู้ ก็เพื่อนมิกนั่นแหละ เจอด้วยเหรอ” ฟ้าถามต่อ

“เจอดิ… วันนี้ชนเค้าด้วยอ่ะ ตอนวิ่งตามมัน” โฟล์คเล่า

“วิ่งตามเหรอ แล้วเค้าวิ่งหนีแกทำไมวะ” ฟ้าร้องถาม

“เอ่อ…” โฟล์คเงียบไปทันที “อาจจะ...จำไม่ได้มั้ง หรืออาจจะไม่ได้ยิน”

“อ่าหะ… แล้วสาเค้าทำไมอ่ะ” ฟ้าถามต่อ

“ก็ เหมือนได้ยินเค้าพูดชื่ออินอ่ะ น่าจะรู้จัก” โฟล์คถาม

“งั้นก็… อาจจะเด็กเอกโฟโต้ ไม่ก็โฆษณาอ่ะ เพราะสองวิชานี้มิกไม่ได้ลง” ฟ้าตอบ

“อ่าหะ” โฟล์คยังไม่อาจละสายตาไปจากชื่อของอินได้เลย

“นี่… รู้จักกันจริงป่ะเนี่ย” ฟ้าถามต่อ

“รู้จักดิ ทำไมวะ” โฟล์คว่า

“ก็...ไม่รู้สิ แกดู กลัวๆกล้าๆแปลกๆ เป็นอะไรอ่ะ” ฟ้าถาม

“เปล่า… ไม่มีไร” โฟล์คพูดตอบแก้เก้อ “เออฟ้า… แกไปสืบๆให้หน่อยดิว่า อินมันเป็นไงบ้าง แล้วพักหอไหน”

“หือ… แปลกๆละ เพื่อนกันไม่ไปถามกันเองอ่ะ” ฟ้าถามต่อ

“เออน่ะ ช่วยเช็คให้หน่อย เดี๋ยวกูเข้าคลาสก่อน มึงไม่เข้าใช่มั้ย” โฟล์คก่อนจะลุกขึ้นจากโต๊ะทันที

“อืม เดี๋ยวต้องเตรียมออกไปราชประสงค์กะมิกอ่ะ ฝากเช็คชื่อด้วย” ฟ้าพูด

“โอเค… แต่ยังไงหาเวลาเข้าบ้างละกัน วิชาปรัชญายากเด้อ” โฟล์คกล่าวเตือน

“จ้า...รู้แล้ว ฝากด้วย”

โฟล์คเดินขึ้นตึกคณะอักษรไปด้วยความรู้สึกในสมองที่ตื้อมึน เขายอมรับเลยว่าตัวเองไม่ได้มีความพร้อมในการเข้าเรียนในวันนี้เลยแม้แต่น้อย แม้ว่าจะรับปากฟ้าไว้แล้วจะจดเลกเชอร์และตามงานให้ แต่จิตใจของเขาตอนนี้มันปั่นป่วนชอบกล

หลังจากที่อินปฏิเสธเขาไป หลังจากนั้นแค่อาทิตย์เดียวก็สอบปลายภาค แล้วมันก็ไม่กลับมาเรียน ม.6 เขาได้ยินข่าวแว่วๆมาว่ามันไปต่อสาธิตซักที่หนึ่ง แต่ก็จำอะไรไม่ได้มาก แล้วการเตรียมตัวสอบก็วุ่นวายเกินกว่าที่เขาจะแวะไปหามันที่บ้าน แน่นอนว่ามันบล็อคเฟส ไลน์ และช่องทางการติดต่อจากเขาทุกทาง ยิ่งกับแกงค์ Zodiac ก็ไม่ต้องพูดถึง แต่ละคนกระจัดกระจาย ไม่มีใครพบกันอีกหลังจากกายไปฝรั่งเศส

เขาไม่รู้มาก่อนเลยว่าอินเรียนที่นี่ อยู่ในรั้วมหาลัยเดียวกับเขา แม้จะคนละพื้นที่ก็เหอะ ตลอดเวลา 2 ปีที่เขาเรียนที่นี่ เขาไม่เคยเจออินเลย แต่ก็อาจจะไม่แปลก เพราะเขาเองก็ไม่ค่อยเจอนักศึกษาคนอื่นๆในชั้นปีเท่าไหร่ อีกอย่างเด็กอักษรมันเป็นพวกปลีกวิเวก แม้จะไม่เท่าสถาปัตย์ แต่การจมอยู่กับกิจกรรมเชียร์บ้าน และนั่งฟาดกับอาจารย์ในวิชาปรัชญามันก็ทำเอาประสาทจะกินพออยู่แล้ว ไม่มีเวลาออกไปเจอหน้าใครที่ไหน

อาจจะมีก็แค่ฟ้า เพื่อนสนิทที่ตัวติดกับเขามาตั้งแต่โดนจับคู่รหัสกันตอนปีหนึ่ง เธอเป็นเหมือนคนที่หลงเข้ามาในดงของเด็กอักษร ฟ้ามีอะไรหลายอย่างที่ไม่ควรจะอยู่ที่คณะนี้ หากแต่ควรตามไปอยู่กับแฟนเธอที่คณะสถาปัตย์มากกว่า เธอเป็นผู้หญิงช่างคิด ช่างจินตนาการ เดี๋ยวอ่อนไหว เดี๋ยวแข็งแกร่ง แถมชอบวาดรูปเป็นชีวิตจิตใจ มีอย่างเดียวที่เธอเหมาะกับคณะนี้ก็คือการที่เธอชอบอ่านหนังสือประวัติศาสตร์การเมืองและศิลปะ ซึ่งเธอใช้มันเป็นแรงบันดาลใจในการเข้าชมรมวาดรูป และออกไปทำกิจกรรมทางศิลปะแนวสร้างสรรค์สังคมข้างนอกอยู่บ่อยๆ

“จะเข้ามั้ยคับ” เสียงของเพื่อนร่วมคลาสทักขึ้น เมื่อโฟล์คเผลอยืนอยู่หน้าห้องนานเกินไป

“โทษทีคับ”

เขาเดินเข้าห้องไปอย่างจิตใจเหม่อลอย

--------------

“มาแล้วค้าบบบบ” โฟล์คกล่าวทักทายเสียงยานคางใส่พี่มด เมื่อเขามาถึงร้านในค่ำของวันนั้น

“เอ๊า… ไหนฟ้าเค้าบอกว่าวันนี้เลิกค่ำไง” พี่มดถามขึ้นทันที

“ผมปิดรายงานเร็วอ่ะพี่” โฟล์คยิ้มกริ่มเป็นคำตอบ

“แหนะ เทพตลอดน้องฉันคนนี้ งั้นขึ้นไปช่วยพี่บอลไป แขกวันนี้เยอะ มีโต๊ะจองด้วย” พี่มดพูดขึ้น

“โอเคพี่ ไว้คุยกัน”

โฟล์คใช้เวลาว่างหลังเลิกเรียนมาทำงานพาร์ทไทม์ที่บาร์แห่งเดินที่ร้านดาดฟ้า แม้ว่าแม่ของเขาจะทัดทาน เพราะอยากให้เขาเพ่งสมาธิกับการเรียน และอยากให้เขาอยู่หอมากกว่าการถ่อมาทำงานที่ร้านที่อยู่คนละโยชน์กับมหาวิทยาลัย แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันเหนื่อยอะไรมากขนาดนั้น

ใช่… พี่บอลเลี้ยงคอกเทลเค้าฟรีด้วย

“หวัดดีพี่” โฟล์คยิ้มให้บอล บาร์เทนเดอร์ที่ประจำอยู่ที่ร้านดาดฟ้า ชายหนุ่มหันหน้ามาส่งเสียงเหนื่อยอ่อน

“โอ่ยยยย ขอบคุณที่มึงมาไอ้โฟล์ค นึกว่ากูจะตายแล้ว มาเร็วๆ ไปรับออร์เดอร์สี่โต๊ะนั้น เป็นโต๊ะจอง เค้ามาปาร์ตี้บริษัท” บอลเริ่มออกคำสั่ง

“ครับผม” โฟล์คคว้าผ้าคลุมมาใส่ ก่อนจะหยิบแท็บเล็ตไปรับออรเดอร์และตรงไปที่โต๊ะริมระเบียง ดูเหมือนว่าพนักงานบริษัทจะมาจัดเลี้ยงปาร์ตี้กันที่นี่ในคืทนวันกลางสัปดาห์ บรรยากาศของร้านดาดฟ้า ก็หรูหราและมีระดับพอจะให้มากันทั้งแผนก เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นนานๆครั้ง และพี่บอลก็มักจะเกลียดวันแบบนี้ เพราะมันจะทำให้ร้านดูแลยากลำบากไปอีก

“รับเครื่องดื่มเพิ่มไหมคับ” โฟล์คถามขึ้น

“อ้าว… โฟล์ค นั่นโฟล์คหรือเปล่า” ผู้หญิงสูงวัยคนหนึ่งร้องเรียกเขาทันทีที่มาถึงโต๊ะ เขามองผู้หญิงคนนั้นอยู่พักหนึ่ง

“เอ่อ...คับผม…” โฟล์ครับคำ

“แม่เอง… จำแม่ไม่ได้แล้วแน่เลย...แม่เองลูก แม่อินจ้ะ” เธอส่งเสียงเรียก ซึ่งนั่นทำให้โฟล์คนิ่งสนิทไปพักหนึ่งทีเดียว

“อ...อ้าว สวัสดีคับ” โฟล์คยกมือไหว้ทันที

“นี่ๆ เพื่อนลูกชายชั้น” เธอส่งเสียงให้กับเพื่อนๆของเธอในแผนก ซึ่งโฟล์คก็ยกมือไหว้ทุกคนทันที “ขยันมากเลย ตายละ แล้วนี่ไม่ได้เจอกันกี่ปีแล้วเนี่ย สามได้มั้ง”

“คับผม เอ่อ… เดี๋ยว แม่สั่งก่อนไหมคับ จะได้ไม่เสียเวลา” โฟล์คถามกลับ

“โอ้ได้เลย นี่จ้ะ” เธอยื่นกระดาษมาให้โฟล์ค เขารับมันมา ก่อนจะกดทุกอย่างลงแท็บเล็ตในมือ

“งั้นรอเครื่องดื่มแปปนะคับ” โฟล์คยิ้มให้กับแม่ “งั้นผมขอตัวนะคับ”

“โอเคจ้ะ เดี๋ยวไว้คุยกัน”

โฟล์คหลับตาลงครั้งหนึ่งก่อนจะเดินจากมา เขาคิดว่านี่มันต้องเป็นเรื่องสุดประหลาดแน่ๆ ที่เกิดอะไรแบบนี้ขึ้นได้ภายในวันเดียว ขณะที่เขาเดินกลับไปที่บาร์ พี่บอลก็ได้แต่เหล่มองเขา

“ทำไม มีเจ๊เปย์อ่อ” พี่บอลออกปากแซว

“เห้ยไม่ใช่พี่ นั่นแม่เพื่อนผม” โฟล์ครีบแก้ตัว

“จริงดิ ยังสาวอยู่เลยนะ แม่เพื่อนจริงป่าว” พี่บอลร้องถามอีก

“ไม่ใช่และ เอาออร์เดอร์ที่แล้วมาก่อนเลยพี่ มัวแต่แซว ก้อนนั้นป้ะ” โฟล์คไม่รอช้า ขณะที่หยิบแก้วขึ้นถาด และยกกลับไปที่โต๊ะริมระเบียงบาร์

“มาแล้วคับผม” โฟล์คค่อยๆวางแก้วลงทีละแก้ว เหล่าพนักงานในแผนกต่างส่งต่อไปให้กันเรื่อยๆ

“ฮัลโหล จ้ะลูก ขึ้นมาเลย ไหน… นี่ไง แม่อยู่นี่” เสียงของแม่อินที่กำลังคุยโทรศัพท์อยู่อีกฝั่งนึงของโต๊ะ กำลังโบกมือไปยังด้านหลังของโฟล์ค

และเมื่อโฟล์คหันไป มันก็คือการยืนยันภาพที่เขาเห็นเมื่อตอนบ่าย

อินกำลังยืนอยู่ตรงนั้น และถือโทรศัพท์หันมามองแม่ของเขา

ซึ่งนั่นทำให้เขาสบตากับโฟล์คเต็มๆ โดยไม่สามารถหลบตาได้อีก

อินยืนนิ่งซักพักก่อนจะเดินมาที่โต๊ะช้าๆ โดยไม่พูดอะไร เช่นเดียวกับโฟล์คที่เหมือนกับว่าทุกก้าวทีอินเดินเข้ามา กำลังทำให้หัวใจของเขาหยุดเต้น อินหยุดช้าๆที่หน้าของโฟล์คทันที

“ได้มาตอนกลางคืนซะทีนะ”

เป็นคำพูดธรรมดา ที่ทำเอาเวลาของโฟล์คเดินต่อได้อีกครั้งในรอบ 3 ปี

-------------
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-01-2020 23:41:04 โดย M2M_Jill »

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
บทที่ 11 - Rooftop

เป็นธรรมชาติของการเหมาโต๊ะเพื่อจัดเลี้ยง บาร์ดาดฟ้ายังคงเปิดเพลงคลอขับกล่อมบรรยากาศของงานเลี้ยงแผนก โฟล์คก็ยอมรับว่าออกจะเอาเรื่องเกินไปหน่อย กับการต้องวิ่งดูแลความเรียบร้อยไปตลอดคืน แต่มันทำให้ความเหนื่อยของเขาหายเป็นปลิดทิ้ง เมื่อเขาเห็นอินอยู่ในงาน

พอถึงจุดหนึ่งของงานเลี้ยง พนักงานอย่างเขาก็ไม่จำเป็นอะไรมากนัก โฟล์คปลีกตัวมาที่หลังร้าน มุมเดิมของเขา นั่งอ่านหนังสือและฟังเพลงไปด้วย ขณะที่ปล่อยให้บาร์ดำเนินไป โดยมีพี่บอลเป็นบาร์เทนเดอร์คอยดูแล

แก้วหนึ่งใบวางลงตรงหน้า เมื่อเขาเงยหน้าขึ้น ก็พบกับพี่บอลที่ส่งยิ้มให้

“ไง… เหนื่อยอ่ะดิ เอาไปซักหนึ่งดริงค์ไป” พี่บอลกล่าวทักทาย

“ไม่เท่าไหร่พี่ แค่มึนๆมากกว่า คนเยอะอ่ะ” โฟล์คยิ้มตอบพลางรับแก้วมาดื่ม “อื้ม...นี่…”

“โคโคนัทคอกเทล แกชอบกลิ่นนี้นี่ ใช่ป่ะ” พี่บอลยิ้มให้

“จำได้เลยอ่อพี่” โฟล์คถาม

“พี่เป็นบาณ์เทนเดอร์น่ะเว่ย อีกอย่าง น้ำมะพร้าวในสต็อคหายเก่ง มีคนแอบมาชงดื่มเองบ่อยแน่ๆตอนเตรียมร้าน” พี่บอลยักคิ้ว ทำเอาโฟล์คยิ้มเก้อเขิน พลางดื่มต่อไป

“หักตังค์ผมก็ได้เหอะ แหม่” โฟล์คว่าต่อ

“ฟ้องพี่มดง่ายกว่าป่ะ” บอลยิ้มกว้างพลางมองหน้าโฟล์ค

“โทษคับ พอดีโต๊ะโน้นจะสั่งเพิ่มคับ” เสียงอันคุ้นหูของอินดังขึ้น บอลและโฟล์คเงยหน้าขึ้น ก็พบว่าอินโผล่หน้าเข้ามาที่หลังบาร์

“โอ้ โทษทีคับ” บอลรีบลุกขึ้นทันที

“มาพี่ เดี๋ยวผมไปช่วย” โฟล์ครีบเก็บของพลางลุกขึ้น

“เห้ยไม่ต้องๆ เดี๋ยวพี่จัดการเอง พักไปก่อน” บอลหันพูด “เพื่อนไม่ใช่อ่อ อยู่คุยกันไปก่อนก็ได้ เดี๋ยวพี่ยกไปเสิร์ฟเอง ตามสบายนะน้อง”

บอลเดินออกไปจากหลังร้าน ทิ้งให้โฟล์คและอินยืนมองตากันอยู่อย่างนั้น อินยิ้มให้โฟล์คพอเป็นพิธีก่อนจะหันหลังกลับ

“เดี๋ยวดิ…” โฟล์คร้องเรียกอินไว้ อินยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น

ปากของโฟล์คไวกว่าความคิด อันที่จริง เขาก็ยังไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกไป มันก็แค่ความรู้สึกที่อยากให้อินยังอยู่ตรงนี้

“มีไร” อินหันกลับมาถามห้วนๆ

“มึง...เอ่อ...อยากดื่มไรป่าว” โฟล์คถาม “เดี๋ยว… กูเลี้ยง”

“กูดื่มไม่ได้ เดี๋ยวกูต้องขับรถให้แม่” อินตอบ

“ม็อคเทลก็ได้ ไม่มีแอลกอฮอล์ พี่บอลทำอร่อยนะ” โฟล์คว่าต่อ แต่อินไม่ฟัง ก่อนจะหันหลังกลับไป แต่คราวนี้โฟล์คไม่ยอมอีกแล้ว เขาเอื้อมมือไปหาอินทันที

“ไรของมึงเนี่ย” อินร้อง พลางมองที่มือของอินที่จับแขนของเขา

“เดี๋ยว… คุยกันก่อนดิ” โฟล์คว่า

“คุยไร” อินถาม ซึ่งก็ถูกของมัน โฟล์คก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าจะคุยอะไร แต่มันเหมือนกับว่ามีเรื่องราวหลายอย่างที่เขาอยากจะถาม

“มึง… เป็นไงบ้าง”

เสียงลุ่มลึกของโฟล์คส่งผ่านออกไป และนั่นทำให้อินนิ่งเงียบไปเบาๆ

“ก็...ไม่ได้เป็นไร” อินตอบ พลางหันกลับมามองโฟล์ค ที่มองตาเขาอยู่อย่างนั้น

“แล้ววันนี้ทักทำไมไม่ตอบ” โฟล์คถามอีก อินถอนหายใจแต่ไม่ได้พูดอะไร

“ก็ไม่มีอะไร” อินพูดเสียงเรียบ

เป็นความเงียบที่กำลังดึงดูดโฟล์คเข้าไปหาอีกแล้ว ภายใตแววตาที่เหมือนมีเบื้องหลังบางอย่างที่ดึงดูดและดึงตัวเขาให้จมลงไป

“อิน...กู… คิดถ…”

“เอ้อโฟล์คพี่จะ…” บอลเดินเข้ามาหลังบาร์ และพบโฟล์คกำลังจับตัวอินอยู่ในระยะประชิด นั่นทำให้เขาทั้งคู่ผละแยกออกจากกันทันที พลางอยู่ในสภาวะทำตัวกันไม่ถูกทั้งสองฝ่าย

“คับ…” โฟล์คได้สติจึงออกตัวพูดก่อน

“อ๋อ… พี่จะถามว่า เพื่อนโฟล์คจะดื่มไรป่าว เดี๋ยวพี่ทำให้” บอลหันมาถามอิน

“ไม่ดีกว่าคับพี่ ผมแพ้แอลกอฮอล์อ่ะ” อินตอบทันที

“โคโคนัทมอกเทลเลยพี่” โฟล์คพูดขึ้นทันที อินถึงกับหันไปมองด้วยสายตาหงุดหงิด โฟล์คเหล่มองกลับด้วยสายตากวนๆ

“ด...ได้” บอลรับคำ ก่อนจะหายไปที่บาร์อีกรอบ

“อะไรของมึงเนี่ย กูบอกแล้วไงว่าไม่กิน” อินหันมาพูด

“กูไม่เจอมึงมาสามปี ดื่มกับกูซักแก้วจะเป็นไรวะ แม่มึงก็อยู่นี่” โฟล์คหันไปพูด ซึ่งอินยังคงเฉยเมยใส่เขาอยู่แบบนั้น “อีกอย่าง มึงผิดคำพูดเอง”

“ผิดคำพูดอะไรวะ” อินร้องถาม

โฟล์คยิ้มกริ่มก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปกระซิบอิน

“มึงจะไม่มาให้กูเห็นหน้าอีกไง”

“ไอ้สัส” อินหลบตาลงพลางเดินออกไปจากตรงนั้นทันที อินพูดพลางเดินออกจากหลังบาร์ไป โฟล์คขำเบาๆให้กับอาการของอินแบบนั้น ก่อนจะเดินตามออกไปที่บาร์

พี่บอลกำลังชงโคโคนัทม็อกเทลอยู่ขณะที่โฟล์คเดินไปเท้าบาร์ตรงนั้น พลางมองอินเดินกลับไปที่เก้าอี้มุมหนึ่งของบาร์เงียบๆ ข้างๆแม่ของเขา อินเหลือบตามองโฟล์คเบาๆ และรีบหลบตาลงทันทีเมื่อพบว่าโฟล์คยังคงมองเขาอยู่

“เห้ย… เป็นไรเนี่ยหะ ยิ้มไม่หยุดเลย” บอลสะกิดโฟล์ค

“อ่อ… ไม่มีไรพี่ แค่ ไม่ได้เจอกันนานอ่ะ” โฟล์คยิ้มตอบ “แก้วนี้ใช่ป่ะ… ผมไปเสิร์ฟเอง”

โฟล์คหยิบแก้วของอินและของตัวเองเดินตรงไปยังเก้าอี้ของอิน เขายื่นม็อกเทลให้อินตรงหน้า อินมองมันอยู่ครู่หนึ่ง

“ไม่มีแอล… สาบาน” โฟล์คพูดย้ำ อินจึงรีบมันไปดื่มโดยพยายามไม่มองหน้าโฟล์คที่จงใจมองหน้าเขาอยู่อย่างนั้น

โฟล์คยอมรับเลยว่าอินดูเปลี่ยนไปมาก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะไฟในบาร์ยามค่ำคืน หรือเพราะตัวเขากำลังตกภวังค์กันแน่ แต่อินในชุดนักศึกษา ผมยาวขึ้นกว่าเดิม รวบผูกเป็นจุกอยู่บนหัว มันทำให้อินดูเป็นอินมากกว่าไอ้ตัวเล็กประจำกลุ่มของเขาซะอีก

“โฟล์ค… ว่างๆมาเที่ยวบ้านแม่อีกสิ แม่ไม่ได้เจอนานเลย” เสียงของแม่อินดังข้ามโต๊ะมา

“อ...อ๋อ… ก็… ไปได้คับ ถ้าลูกแม่เค้า… อนุญาตอ่ะ” โฟล์คเหล่มองไปยังอินที่ขมวดคิ้วใส่เค้า

“เห้ย มาเถอะ แวะมากินข้าวกับแม่ ไม่ก็มาอยู่เป็นเพื่อนอินบ้างก็ดี ทุกวันนี้แม่ให้เพื่อนภาคอินมาอยู่ด้วยนะโฟล์ค เผื่อเวลาแม่ไปต่างจังหวัด อินจะได้ไม่ต้องอยู่คนเดียวไง” แม่ของอินยิ้มกว้างให้โฟล์คที่หันไปหาอินด้วยความสงสัย

“พูดเยอะละแม่ จะกลับหรือยังอ่ะ เดี๋ยวพีทมันเข้าบ้านไม่ได้นะ”

ทันทีที่อินพูดจบ อินก็หันกลับมามองหน้าโฟล์คทันที และคราวนี้ ก็เป็นใบหน้าที่เขาคุ้นเคย ใบหน้าเดียวกับวันนั้น วันที่มันเคยมัดมือชกเขาออกไปสยามวันนั้น

อินยิ้มกว้างให้โฟล์คอยู่อย่างนั้น

------------

“โอ๊ยยย พีทไหนอีก” ฟ้าบ่นอุบทันทีไหนวันรุ่งขึ้น ขณะที่โฟล์คพยายามเซ๊าซี้ถามเธอถึงคนชื่อพีทที่เขาได้ยินจากปากอินและแม่ของเขาเมื่อคืน

“ก็พีทอ่ะ ต้องเป็นคนในภาคมันแน่ๆอ่ะ” โฟล์คถามเสียงร้อนรน

“นี่โฟล์ค เมื่อวานแกให้ฉันถามหาสา วันนี้มาถามหาพีท ฉันก็เด็กอักษรเหมือนแกนะเว่ย ไม่ใช่เด็กถาปัตย์ ฉันจะไปรู้จักทุกคนได้ไง” ฟ้าบ่นอุบ

“เอ๊า… ก็แกเป็นแฟนเด็กเอกจิตรกรรมในคณะนั้น มันก็ต้องรู้เด่ะ” โฟล์คว่าต่อ

“ยังไม่ใช่แฟน เอ๊ะแกนี่ อย่าเที่ยวไปพูดไป เดี๋ยวเค้าอึดอัด” ฟ้าตีเข้าให้ที่แขนโฟล์คหนึ่งที

“ใครจะไปรู้อ่ะ ก็เห็นตัวติดกันตลอด” โฟล์คพูดแซว

“ถ้าใช้โลจิกนั้นนะ ฉันกับแกก็เป็นแฟนกันไปแล้ว ฉันอยู่กับแกบ่อยกว่าอยู่กับมิกอีก” ฟ้าพูดทันที

“จริงๆก็ไม่ติดนะ คบกันเลยป่ะล่ะ” โฟล์คแซวต่อเนื่อง

“โอ๊ยยย อย่าเลยโฟล์ค ถ้าแกชอบผู้หญิง แกมีแฟนไปนานละ” ฟ้าพูดทันที และนั่นทำเอาโฟล์คเงียบสนิท “และอันที่จริง ต่อให้แกเป็นเกย์ มันก็มีคนมาจีบแกอยู่พักนึงไม่ใช่อ่อตอนปีหนึ่ง แกก็ไม่สนใจ แต่พักนี้ ฉันว่าแกหมกหมุ่นกับ ไอ้อินอะไรนั่นมากไปหน่อยนะฉันว่า”

“ไม่ยักรู้ว่าแกลงจิตวิทยาด้วยนะ” โฟล์คว่า

“ไม่ต้องลงก็รู้ป้ะ แกเคยเป็นอย่างนี้ที่ไหน วันวันเอาแค่อ่านหนังสือกับฟังเพลง ฉันชวนออกไปวาดรูปก็ไม่ไป คนเดินผ่านแกก็แทบจะเหยียบแกได้อยู่แล้ว อยู่ดีดีก็มาสนใจคนที่อยู่ห่างไปตั้งอีกวิทยาเขตนึง” ฟ้าพูดต่อ “นี่… แน่ใจนะ ว่าแค่เพื่อนอ่ะ”

โฟล์คหายใจแรง มองไปนัยน์ตาของฟ้าที่มองจ้องมา

“ก็...อืม… ก็ไม่เชิงอ่ะ” โฟล์คพูดต่อ

“นั่นไงล่ะ” ฟ้ายิ้มกริ่ม “เอาล่ะซิ คุณโฟล์คมีความรัก”

“เห้ย มันก็… แค่… รู้สึกดีอ่ะ แล้ว… ไม่ได้เจอกันนาน มีอะไรหลายอย่างที่อยากบอก อยากถาม” โฟล์คว่า

“แล้วทำไมมันยากอ่ะ ต้องอ้อมไปหาคนอื่นทำไม” ฟ้าถาม

“เพราะว่าเราสองคนจากกันไม่ค่อยดีอ่ะ” โฟล์คตอบเธอเสียงเศร้า

“อ๋อ… ที่ว่าเค้าย้ายโรงเรียนไปป้ะ” ฟ้ามองหน้าโฟล์คที่มีสีหน้าเศร้าลงทันที “เอาน่า… อย่างน้อยเมื่อคืนก็ ไม่ได้ถึงกับมองหน้ากันไม่ได้นี่นะ แต่… เรื่องคนชื่อพีท คือไม่รู้เลยอ่ะ ไม่เคยได้ยิน”

“เออ ช่างมันเหอะ เงียบได้แล้วไป อาจารย์มาแล้ว”

 โฟล์คสะกิดฟ้าให้มองไปที่หน้าชั้นเรียน ขณะที่เพื่อนนักศึกษากำลังทยอยกรูกันเข้ามาทันที

“เอาล่ะ วันนี้คลาส Public Speaking มีคนย้ายมาเพิ่มนะนักศึกษา เพราะงั้นงานกลุ่มที่ร่วมกันพรีเซนต์ เดี๋ยวอาจารย์อาจจะให้จัดกลุ่มใหม่ละกัน” อาจารย์โอมพูดขึ้นที่หน้าชั้น ขณะที่โฟล์คมองเห็นนักศึกษากรูกันเข้ามาจากหน้าห้อง

“เด็กสินกำชัวร์ เห็นว่าตกเจนเอ็ด เลยต้องมาลงเลือกตัวนี้เพื่อฉุดเกรดกันเยอะ” ฟ้าหันมากระซิบโฟล์คเสียงร่าเริง

“ว่าไปนั่น” โฟล์คทำเสียงดุใส่เธอ

“เอาล่ะ เดี๋ยวจัดกลุ่มใหม่ เป็นกลุ่มละสามคนนะ พูดเรื่องทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 20 เป็นการพูดกลุ่มสลับหัวข้อกันคนกลุ่มละ 5 นาทีพร้อมพรีเซนเทชั่น เอาล่ะ เอื้อเฟื้อให้เพื่อนต่างคณะด้วยนะนักศึกษา”

“โอมใจดีขึ้นมาซะงั้น” โฟล์คพูดกับฟ้า ที่หันมาตีแขนเขา ก่อนที่เธอจะมองซ้ายมองขวาเพื่อหาคนมาเพิ่ม

“เอ่อ… นาย… นายว่างอยู่ไหม เรามีสองคนแล้วอ่ะ รวมกันป่าว… เด็กสินกำป่ะคะ” ฟ้าส่งเสียงสดใสไปให้กับหนุ่มคนหนึ่งที่นั่งนิ่งวางมดอยู่ข้างหน้าต่าง

“อ๋อได้เลยคับ แต่ผมไม่ใช่เด็กสินดำ ผมเด็กนิเทศน์อ่ะ” เด็กหนุ่มคนนั้นหันมายิ้ม

“โอ้ดีเลย เราฟ้านะ ส่วนนี่โฟล์ค อักษรค่ะ” ฟ้ากล่าวทักทายเสียงชื่นมื่น ขณะที่โฟล์คพยักหน้ารับ

“คับผม...ผมพีทนะ ปีสอง”

เมื่อสิ้นคำทักทาย ฟ้าหันมามองหน้าโฟล์คทันที

-----------------

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
บทที่ 12 - Small World

“ทักษะในศตวรรษที่ 20 มันจะเป็นพวกสกิลที่ต้องครบในตัวเอง พวกทักษะทางภาษา โปรแกรม ดีไซน์ และการจัดการ อะไรพวกนี้คือเราต้องมีครบ ไม่อย่างนั้นจะโดน AI แย่งงาน” พีทพูดสรุปสิ่งที่ต้องพูดอยู่ที่โต๊ะทำงานใต้คณะอักษร ขณะที่ฟ้าและโฟล์คได้แต่มองสิ่งที่พีทกระทำอย่างตื่นตะลึง

“พวกนายฟังอยู่หรือเปล่าคับ” พีทหันมาถามต่อ

“ฟ...ฟัง… ฟังค่ะ นั่นเอ่อ… เยี่ยมมากเลย” ฟ้าพูดต่อเสียงเพ้อฝัน

“โอเคงั้น ถ้าสรุปตามนี้ ผมจะพูดเกริ่นให้ แล้วฟ้าพูดส่วนของ Passive Skills ส่วนนาย พูด Active Skills นะโฟล์ค” พีทว่าต่อ

“โอเค ตามนั้น” โฟล์คพูดตอบ

“งั้นเดี๋ยวเราทำพรีเซนเทชั่น แล้วเรามาซ้อมกันอีกทีนะคับ” พีทพูดต่อ “งั้นวันนี้เรากลับคณะละ มีไรไว้คุยกันในไลน์ละกันนะคับ”

“ได้… ไว้เจอกันนะ” ฟ้าโบกมือลาพีท ที่ลุกขึ้นยิ้มให้กับทั้งคู่ก่อนจะเดินจากไป ฟ้ามองท่าทางของพีทที่ดูดึงดูดอยู่อย่างนั้นโดยไม่ละสายตา

“เอาล่ะ กูว่าเขากับแกมีอะไรเหมือนกันละฟ้า” โฟล์คหันไปพูดกับฟ้า

“อะไร” ฟ้าหันมาตอบ

“เขาไม่เหมาะกับเรียนนิเทศน์ พอพอกับที่แกก็ไม่เหมาะกับการเรียนอักษร” โฟล์คพูดต่อ

“เอ๊า ทำไมอ่ะ” ฟ้าถาม

“ก็แม่งเล่นพูดทุกอย่างเป็นหลักการไปหมด มองอะไรเป็นวิธีการ ผลลัพธ์ แถมคิดอะไรไวด้วย ถ้าบอกว่าเป็นเด็กบริหารธุรกิจก็น่าจะใช่มากกว่า” โฟล์คพูด

“โอ้… วิเคราะห์ขนาดนั้นเชียว” ฟ้าว่า “นี่ใส่ใจเพราะว่าเขาเป็นเพื่อนร่วมงานกลุ่ม หรือว่าเพราะเขารู้จักกับอินกันแน่”

“ใช่พีทเดียวกันหรือเปล่าเหอะ” โฟล์คพูดเสียงเอื่อย

“แต่ตอนนี้ก็คือแน่ใจไปแล้วถูกมะ” ฟ้าร้องถาม

โฟล์คเงียบสนิทพลางหลบสายตาลง พลางทำเป็นเปิดๆหนังสือที่พีทบอกให้เขาอ่าน ในขณะที่ฟ้าถอนหายใจและมองมาที่โฟล์ค

“นี่โฟล์ค เราว่าถ้ามันผ่านตัวกลางมันจะวุ่นวายหรือเปล่า บางที ถ้าได้พูดกันตรงๆ อาจจะทำให้อะไรๆดีขึ้นก็ได้นะ” ฟ้าพูด

“เหรอ… แล้วทำไมไม่ใช้กับมิกเค้าล่ะ มาฝากคนอื่นทำไมล่ะหึ” โฟล์คแซวเธอกลับ

“โอ๊ยนี่ ย้อนเหรอ…” ฟ้าตีเข้าที่แขนของโฟล์คทันที “งั้นไม่ช่วยละนะทีหลังอ่ะ”

“โอ๋ๆๆๆ ทำเป็นงอน ไม่เว่ย ก็… ถ้าเป็นคนที่จะรู้จักกันได้ มันก็ไม่แปลกหรือเปล่า บางทีโลกอาจจะกลมกว่าที่คิด” โฟล์คตอบ

“โฟล์ค โลกอ่ะกลม คนเราเจอกันง่ายก็จริง แต่รักกันยากนะ” ฟ้าพูดตอบ “คนบางคนเดินสวนกันไปมา แต่รักกันตลอดไป แต่กลับ
บางคน ต่อให้อยู่ใกล้กันแค่ไหน มันก็อาจจะไม่มีวันรักกันได้เลยก็มี”

“ต้องการจะสื่อไรป่ะเนี่ย” โฟล์คร้องถาม

“ก็เปล่า… ก็แค่พูดให้ฟัง” ฟ้าว่า “แล้วจะเอาไงต่ออ่ะ”

“ก็ทำตามที่พีทเค้าบอกไง แยกกันคนละส่วน” โฟล์คว่า

“ไม่ใช่… เรื่องของอินอ่ะ” ฟ้าว่า

“ก็…“ โฟล์คว่าพลางนึกทบทวน “เดี๋ยวไว้มีโอกาสค่อยถามอ่ะ”

“โอ๊ยยยย อึดอาด นี่… ไหนๆเราก็ต้องทำงานนี้อยู่แล้ว ทำไมไม่ลองขอพีทไปซ้อมพรีเซนต์ที่บ้านเขาล่ะ” ฟ้าว่า “ไหนว่าเขาอยู่
บ้านเดียวกับอินไม่ใช่เหรอ”

“เห้ย… จะดีเหรอ” โฟล์คถาม

“ไม่เอาน่า… ถ้าไม่ลุย ก็ไม่รู้ มัวแต่มาอ้ำอึ้งๆ ก็ไม่เวิร์คป้ะ อีกอย่าง เท่าที่ดูดู เราว่าเขาก็ไม่น่าจะเป็นนะ แบบว่า… เขาไม่น่าจะแบบดูเป็นคนมีแฟนแล้ว” ฟ้าว่า “ก็อย่างที่แกบอก เขาดูจริงจังกับเรื่องเรียน เพราะงั้น ถ้าเราขอไปทำงานบ้านเขา หรือหอเขา
เขาน่าจะตกลงนะ”

โฟล์คมองฟ้าพลางคิดทบทวนอยู่อย่างนั้น

“ไปคิดต่อเอาเองนะจ้ะ ขอตัวไปวาดรูปต่อแล้ว” ฟ้าพูดกับเขาเสียงสดใส ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ และเก็บข้าวของของเธอจากไปอีกคน

โฟล์คได้แต่คิดทบทวนความเป็นไปได้อยู่อย่างนั้น แม้ว่ามันจะดูสิ้นคิดมากๆก็ตามหากทำตามคำแนะนำของฟ้า แต่สองสามวันมานี้หลังจากเขาและฟ้าได้รู้จักกับพีท มันทำให้เขาสลัดคำพูดของอินและแม่ของอินออกจากหัวไม่ได้เลย

อินมีเพื่อนไปอยู่ที่บ้าน เพื่อนคนนั้นชื่อพีท

เพื่อนที่อยู่เป็นเพื่อนอินในเวลาที่คุณแม่เขาไม่อยู่

ความรู้สึกร้อนๆในตัวมันทำให้โฟล์ครู้สึกไม่สบายตัว มันเป็นความรู้สึกเดียวกับตอนที่เขาเคยเป็นเมื่อตอนสมัยมัธยม ตอนที่เขาเห็นอินนั่งอยู่กับผู้หญิงต่างโรงเรียนตอนนั้น เขารู้สึกเหมือนกับตัวเองกำลังโกรธแต่มันก็ไม่ได้มากพอที่จะโวยวาย มันทำให้เขาเหมือนมีก้อนอะไรแข็งๆมาจุกอยู่ที่ลำคอ หัวใจของเขาเองก็เต้นแรงราวกับจะหลุดออกไปจากตัวทุกครั้งที่เห็นหน้าพีท

แล้วยิ่งพีทดันเป็นอะไรที่เพรียบพร้อมไปซะทุกอย่าง ทั้งคำพูด ท่าทาง ความคิด…..

------------------

“โธ่เว้ย…” โฟล์คสบถกับตัวเองพลางทุบโต๊ะอย่างรุนแรงหลังจากความคิด

“เห้ย เป็นไร” พี่บอลสะกิดไหล่โฟล์คทันที เมื่อเห็นเขาจมอยู่กับความคิดมาตลอดช่วงค่ำที่ทำงานที่บาร์

“เปล่าพี่ โทษที แค่… คิดไรเพลินไปหน่อย” โฟล์คตอบเสียงเฝื่อน ขณะที่บอลยังคงเหล่มองเขาอยู่

“มีอะไรปรึกษาได้นะเว่ย” บอลยังคงถามเขาด้วยความเป็นห่วงเช่นเคย “ระบายกับพี่ได้ พี่ไม่เล่าให้ใครฟังหรอก อย่าเก็บไว้คนเดียว”

“ขอบคุณนะพี่ แต่… ผมก็ไม่รู้จะเล่ายังไงเหมือนกัน ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผมเป็นไร” โฟล์คว่า

“ทำไมอ่ะ หงุดหงิดเรื่องเรียนอ่อ” บอลถาม

“ไม่ใช่อ่ะพี่ หงุดหงิดคนมากกว่า” โฟล์คตอบ

“จริงดิ” บอลพูด

“ก็ไม่ถึงกับโกรธอ่ะพี่ มันแบบ…” โฟล์คพูดพลางเช็ดโต๊ะต่อไป “มันเป็นอารมณ์อึดอัดเวลาที่แบบ เราไม่รู้ว่าเขาคิดอะไร อยากถามก็ถามไม่ได้ อยากรู้เรื่องก็ไม่ได้รู้ แต่พอถามจริงๆ แม่งก็ไม่บอก แล้ว… แถมมีคนอื่นเข้ามาเพิ่มคำถามในหัวเราอีกอ่ะ แม่งแบบ… วัท ดา ฟัค”

“อื้ม… งั้นก็เกมดิ” บอลว่าพลางเช็คแก้วใบสุดท้ายกลับขึ้นไปที่ชั้นวาง “เราหัวอกเดียวกัน”

“หือ ไงนะพี่” โฟล์คหันไปถามบอลทันที “พี่เคยเป็นอ่อ”

“อย่าว่าแต่เคยเลย ตอนนี้ก็เป็นอยู่เนี่ย” บอลว่า “กะเราไง”

“หา… กะผมเนี่ยนะ” โฟล์คร้องถาม

“เอ๊า ก็นี่ไง พี่ก็อึดอัดนะ เวลาที่ไม่รู้ว่าเราคิดอะไร อยากถามก็ถามไม่ได้ อยากรู้เรื่องก็ไม่ได้รู้ แต่พอถามจริงๆแม่งก็ไม่บอก” บอล
ว่า ทำเอาโฟล์คหัวเราะออกมาเบาๆ

“ไม่ใช่แล้วพี่... “

“พี่ว่าใช่นะ แถมพักนี้ เราก็มีคนอื่น เข้ามาเพิ่มคำถามในหัวพี่อีก…” บอลยิ้มให้โฟล์คที่นิ่งสนิท พลางมองหน้าบอลอยู่อย่างนั้น

“เอ่อ… ใครเหรอพี่” โฟล์คถามกลับเสียงสั่น

“ไม่เอาน่าโฟล์ค อยู่ด้วยกันบนนี้แทบทุกคืนเลยน่ะเว่ย 2 ปีเลยนะ” บอลว่า “เราแปลกไปทำไมพี่จะไม่รู้”
โฟล์คยืนนิ่งสนิท ขณะที่ฟังบอลพูด

“คิดมากน่ะพี่...ผมไม่ได้…”

“เอาไง สรุปเป็นหรือไม่เป็นเนี่ยหะ เมื่อกี้ยังบ่นยาวๆให้พี่ฟังอยู่เลย” บอลเก็บผ้าลงไปที่ซิงค์ ก่อนจะหันมาประจันหน้าโฟล์คอย่างจริงจัง

“อ่านะ..” โฟล์คเริ่มทำตัวไม่ถูกเข้าไปทุกที

“ให้พี่เดานะ… เพราะเพื่อนเราวันนั้นหรือเปล่า ที่มากับแม่เค้าอ่ะ” บอลถามขึ้น และนั่นทำเอาโฟล์คนิ่งสนิทไปพักนึง “แบบนี้...ก็
คงใช่แหะ”

โฟล์คยิ้มน้อนๆให้กับบอลเป็นคำตอบว่ามันก็เป็นอะไรที่พูดยาก ก่อนจะก้มหน้าลงพลางทำเป็นเช็ดโต๊ะต่อไป

“ไม่เล่าก็ไม่เป็นไรคับ เอาที่โฟล์คสบายใจละกัน” บอลพูดเสียงอบอุ่น ก่อนจะเดินออกมาจากบาร์ ขณะที่โฟล์คได้แต่หยิบเก้าอี้ขึ้นวางต่อไปโดยไม่พูดอะไร

รู้สึกตัวอีกที บอลก็หยิบหูฟังของโฟล์คออกจากหูอีกข้าง และนั่นทำให้โฟล์คหันหน้าไปประจันกับพี่บอลที่ยืนอยู่ข้างๆ

“ว่าไงพี่” โฟล์คถาม

“ไปกินข้าวต้มกัน” บอลร้องถาม

“เอ่อ…”

“มาน่า เดี๋ยวพี่เลี้ยง…” บอลยิ้มให้โฟล์ค ซึ่งทำเอาปฏิเสธไม่ลง

-------------------

   ร้านข้าวต้มที่ไม่ได้ไกลไปจากท่าเตียนนัก เป็นที่ที่โฟล์คไม่คิดว่าจะมีร้านอร่อยๆตั้งอยู่ในซอยแบบนี้ รสชาติแบบนี้ในเวลาตีสอง มันแทบหาไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

   “ดีโคตรอ่ะพี่” โฟล์คพูดขณะตัดหมูกรอบทอดกระเทียมเข้าปากอีกคำ

   “เออ… กินเข้าไปเยอะๆ จะได้ไม่ต้องคิดมาก” บอลว่า

   “พี่… ผมไม่ได้เป็นไรจริงๆ บอกละไง สบายๆ” โฟล์คยักคิ้วให้กับบอล ที่ได้แต่นั่งมองโฟล์คอยู่อย่างนั้น

   “นี่ โฟล์ค เราน่ะเป็นคนที่อ่านง่ายมากเลยนะรู้ป้ะ วันวันอยู่แต่กับหนังสือ นั่งฟังเพลง รู้สึกอะไรก็แสดงออกมาอย่างนั้น เรา
ไม่เคยบ่น หรือเครียดอะไรให้พี่เห็นเลยนะ จะไม่ให้พี่เป็นห่วงได้ไง” บอลพูด

“โห… ผมดูออกง่ายขนาดนั้นเลยอ่อ” โฟล์คว่า

“จริง… เวลาเราบ่นลูกค้าอ่ะ เราก็บ่นตรงนั้นเลย ไม่สังเกตอ่อ ไม่ต้องให้พี่เคลียร์ คิดอะไร รู้สึกอะไร ก็พุ่งไปตรงๆ แถมเรามันเป็นคนประเภทบิ้วง่ายนะรู้ป่าว” บอลว่าพลางเทน้ำอัดลมเติมให้โฟล์ค “อย่างชวนมานี่ ก็ชวนง่ายดี ตามใจคนอื่นง่าย”
บอลยักคิ้วให้กับโฟล์ค ทำเอาโฟล์คหัวเราะเบาๆ

“เอ๊า ก็พี่บอกจะเลี้ยงอ่ะ” โฟล์คว่า “ของฟรีใครๆก็ต้องกินป่ะ”

“ก็ใช่… แต่… พี่ก็ไม่ค่อยได้ชวนใครมาร้านนี้หรอก ปกติก็ นั่งกินคนเดียวอ่ะ” บอลว่า

“พูดเป็นเล่น” โฟล์คถาม

“จริง… เราอ่ะคนแรกเลย คิดว่าคนทำงานเลิกเวลานี้อย่างเราสองคน จะชวนใครกินข้าวตีสองได้อีกวะหะ” บอลว่า

“อ่านะคับ…ยังไง ก็ขอบคุณนะพี่” โฟล์คว่า

“ไม่เป็นไร เราก็… มีอะไรก็บอกพี่ พูดกับพี่ได้ อย่าเก็บไว้คนเดียว อย่า… ทำเหมือนพี่เป็นคนอื่นเลย” บอลยิ้่มให้โฟล์ค

“คับ… จริงๆ ผมก็ไม่ได้บอกใครเลยนะ ว่าผมกำลังหัวเสียอ่ะ ไอ้ฟ้าก็ไม่รู้หรอก” โฟล์คว่า “พี่ก็ เป็นคนแรกเหมือนกัน ที่รู้เรื่องนี้อ่ะ”

“เรื่องไหนอ่ะ” บอลว่า

“ก็เรื่อง…. เพื่อนผมอ่ะ” โฟล์คตอบพลางวางช้อนและดื่มน้ำที่บอลเพิ่งจะรินให้

“สรุป… เป็นคนนั้นสินะ ที่โฟล์คให้ความสำคัญ” บอลว่า

“คับ… มัน… สำคัญสำหรับผม” โฟล์คยิ้มเฝื่อนๆ

“อืม...ก็ดี” บอลว่า “แล้วยังไงดี…คิดเงินเลยมั้ย กลับเลยมั้ย ให้พี่ไปส่งมั้ย”

“ไม่เป็นไรคับ เดี๋ยวผมกลับเอง” โฟล์คว่า “พี่เหอะ ขับรถกลับดีดีนะคับ ขับมอไซค์คนเดียวอันตราย”

“ทำไม เป็นห่วงอ่อ” บอลว่า

“แหงดิ เลี้ยงผมแล้วอ่ะ ไปเป็นอะไรกลางทางขึ้นมา ผมรู้สึกผิดนา” โฟล์คว่า

“เออ… เป็นห่วงให้ตลอดเหอะ” บอลว่า พลางยกมือเรียกพนักงานคิดเงินทันที

“ขอบคุณนะพี่บอล” โฟล์คยิ้มให้บอลอีกครั้ง

“ไม่เป็นไร ไว้คราวหน้า ชวนเพื่อนมาด้วยดิ พี่จะได้ช่วยคุย” บอลว่า

“คับ… ไว้จะลองชวน”

เสียงของฟ้าดังขึ้นในความคิดของโฟล์คหลังจากที่พี่บอลพูดจบ ที่ว่าโลกมันไม่ได้เชื่อมถึงกันง่ายขนาดนั้น เลยทำให้คำตอบที่เขาพูดกับพี่บอลไป เป็นอะไรที่เขาก็ยังไม่รู้ว่าจะเป็นจริงได้หรือเปล่า

ช่างเป็นหนทางที่มองไม่เห็นตอนจบเลยสำหรับโฟล์ค

-------------------
 

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
แก้ปมนี้เสร็จ..ก็มีปมใหม่ให้ตามแก้กันอีก
ยิ่งอ่านยิ่งลุ้น

ลุ้นให้เค้าสมหวังกันซะที
โฟล์คกับอิน

ขอบคุณฮับ

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
ตอนที่ 13 Home Again   
    “แน่ใจะนะว่า จะใช้วิธีนี้อ่ะ” โฟล์คร้องถาม ขณะที่นั่งอยู่กับฟ้าที่โต๊ะในโรงอาหารของภาพ
    ”ยังไงมันก็ดีกว่าการนั่งดูแกงมพรีเซนต์แล้วใจลอยแน่ๆอ่ะ เคาะไปเลยให้รู้แล้วรู้รอด เอ๊ะ...อันนี้น่ากินอ่ะ ขอชิมนะ” ฟ้าพูดพลางตักอาหารเข้าปา “หืมมม... อันนี้อร่อยอ่ะ ไม่เคยมากินโรงอาหารที่นี่มาก่อนเลย เท่าไหร่อ่ะ”
    “ไม่เป็นไร วันนี้กูเลี้ยง” โฟล์คพูด
    “ว้าว ป๋าโฟล์ค ไม่เคยเห็นแกใจปล้ำขนาดนี้ นี่หมายความแกเอาจริงกะเรื่องนี้เหรอเนี่ย เรื่องพีทกะอินเค้าอ่ะ” ฟ้าว่า
    “เออน่า ช่วยพูดให้สำเร็จละกัน” โฟล์คว่า พลางมองไปทางเข้าโรงอาหาร “โน่น มาโน่นละ พีท ทางนี้”
    พีทเดินขึ้นมา ก่อนจะมองเห็นโฟล์คและฟ้าอยู่ที่โต๊ะหนึ่ง ชายหนุ่มในชุดนักศึกษาเดินมาตามเสียงเรียกก่อนจะนั่งลงทักทายทุกคน
    “ทำไมมากันถึงที่นี่ล่ะคับ” พีทเอ่ยถาม
    “อ๋อคือ เราเตรียมข้อมูลกันเสร็จแล้ว แล้วพอดีเอ่อ เราอยากจะหาที่ทำพรีเซนต์แล้วก็ซ้อมพรีเซนต์ไปด้วยเลยอ่ะ อยากให้มันวันเดียวจบ เพราะว่าเรานัดเจอกันยากใช่ไหมล่ะ” ฟ้าว่า
    “คับ ก็เลยจะเป็นที่คณะผมเหรอ” พีทถาม
    “อ๋อ ไม่ใช่หรอก คือโฟล์คต้องไปทำงานตอนดึกๆอ่ะ ไกลจากนี่อยู่ และเอ่อ เราเลยกะว่าจะถามนายว่า นายมีที่ที่เราสามคนจะไปทำงานด้วยกันได้ไหมหลังจากเลิกเรียนแล้ว”
    “โห ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยเหรอนาย” พีทร้องถาม “เหมือนกันเลย เราก็เริ่มหาเงินเองแล้วเหมือนกัน อนาคตแม่งสำคัญ เก็บเงินไว้ดีกว่าใช่ป่ะล่ะ”
    “ก็ประมาณนั้นอ่ะนะ” โฟล์คหันไปเหล่มองฟ้า ที่เลิกคิ้วขึ้นพลางยิ้มกว้างอย่างทำตัวไม่ถูก ที่พีทเริ่มบทสนทนาจริงจังขึ้นมาอีกเหมือนทุกครั้งที่เคยเป็น
    “แล้ว ให้ไปบ้านโฟล์คเหรอ” พีทถาม
    “อ๋อ...เอ่อ...”
    “ไม่ได้หรอก คือโฟล์คเลยไปทำงานแล้วก็จะกลับบ้านเลยอ่ะ แถมนายสองคนเป็นผู้ชาย ไปห้องเรามันก็ไม่ได้ใช่ไหมล่ะ เราเลยจะถามว่าเอ่อ...” ฟ้าพยายามหาคำพูดที่เหมาะสม
    “จริงๆจะไปห้องผมก็ได้นะ ” พีทยิ้มให้เป็นคำตอบ “แต่ผมไม่ได้อยู่คอนโดนะ ผมอยู่กับเพื่อน ที่บ้านเค้าอ่ะ”
    สิ้นคำของพีท ทั้งโฟล์คและฟ้าเงียบเสียงลงทันที พีทถึงกับมองหน้าทั้งคู่ไปมา
    “เอ่อ.... มีอะไรหรือเปล่า”
    “อ่ออออ... แล้ว...” ฟ้าพยายามพูดก่อน “แล้ว... เพื่อนจะไม่ว่าเหรอ”
    “ไม่หรอก บ้านเพื่อนผมมันเป็นที่ไว้ทำงานอยู่แล้วอ่ะ เพื่อนๆในคลาสโฆษณาก็ไปรวมกันที่นั่นประจำ” พีทว่า “งั้นเดี๋ยวผมบอกเพื่อนผมก่อนละกันว่าดึกๆจะมีเพื่อนไปทำงานที่บ้าน แต่ผมว่าไม่มีปัญหาหรอก เดี๋ยวยังไงหมดวิชาบ่าย แล้วผมบอกไปในไลน์ละกัน
    “อ้อ….ดี ดีเลยค่ะ” ฟ้ายิ้มแห้งให้เป็นคำตอบ ขณะที่โฟล์คเงียบไป
    “แล้ว...เอ่อ… เพื่อนพีทนี่ คณะเดียวกับพีทเหรอ” โฟล์คถามต่อ
    “ใช่คับ เด็กนิเทศน์อ่ะ ชื่ออิน”

………………….

    “โอเค แกไม่ได้เปิดโลเกชั่นมานี่ดูด้วยซ้ำ” ฟ้าว่า “แกเคยมาที่นี่ แล้วสินะ”
    ฟ้าพูดขณะที่ยืนอยู่ที่หน้าบ้านที่โฟล์คคุ้นเคย หลังจากที่พีทส่งโลเกชั่นมาให้ขณะที่เขายังทำงานอยู่ที่บาร์ วินาทีนั้นโฟล์คก็รู้ได้ทันทีเลยว่า พีทคือคนที่อยู่กับอินจริงๆ
    “แล้วเอาไงต่อ” ฟ้าหันไปถาม
    “ก็เข้าไปหาเจ้าของบ้านไง” โฟล์คกดกริ่งที่หน้าบ้านทันที ขณะที่ยืนรอด้วยหัวใจเต้นรัว โฟล์คหายใจหอบแรงจนฟ้าสังเกตได้ เธอจึงเอื้อมมือไปจับมือเพื่อนเอาไว้
    “นี่… เค้าต้องดีใจที่ได้เจอเธอ เชื่อสิ” ฟ้ายิ้มให้ ก่อนที่ประตูบ้านจะเปิดออก
และเวลาของโฟล์คก็หยุดหมุนอีกครั้ง เมื่อคนตรงหน้าก็เป็นใบหน้าที่เขาคาดคิดไว้แล้วว่าจะได้เจออีกครั้ง อิน ในชุดนักศึกษาที่ผมเริ่มยุ่งเหยิง ใบหน้าที่ดูเหนื่อยๆ แต่ก็ยังคงความสดใสไว้เหมือนเดิม
“มึง… มาได้ไง” อินร้องทักก่อน แต่ทว่าโฟล์คก็นิ่งเงียบ ไม่มีแม้แต่เสียงเล็ดลอดออกไป ฟ้าที่อยู่ในภาวะกระอักกระอ่วนแทน เธอจึงรีบส่งเสียงก่อน
“เอ่อ… เรามาหาพีทอ่ะ พอดี เราสองคนทำงานกลุ่มเจนเอ็ดด้วยกับเค้า” ฟ้าพูดก่อน “เอ่อ… เข้าไปได้มั้ยคะ”
อินมองหน้าโฟล์คครั้งนึง ก่อนจะเปิดประตูกว้างให้ทั้งคู่เดินตามเข้าบ้านไป
“เห้ย เค้าน่ารักนะ” ฟ้ามากระซิบโฟล์คทันที โฟล์คหันไปทำหน้าดุใส่ขณะเดินตามเข้าไปในตัวบ้าน
ในความรู้สึกของโฟล์ค บ้านของอิน ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย ทุกอย่างยังคงวางอยู่ตำแหน่งเดิม กลิ่นอายของครัว รถที่จอดอยู่ ทุกอย่างยังเหมือนเดิมเหมือนวันที่เขาเคยมาค้างบ้านของอินในวันนั้น
“นั่งรออยู่นี่ก่อนละกัน เดี๋ยวไปตามพีทให้ ถ้าจะกินไรก็ไปค้นตู้เย็นเอาละกัน” อินพูดกับโฟล์คเสียงเรียบ ก่อนจะหายขึ้นไปบนบ้าน
“โอ้…” ฟ้าหันมาเหล่มองโฟล์คพักนึง “รู้ด้วยว่าอะไรอยู่ตรงไหน”
“หยุดเลย” ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นเดินไปที่ครัว และจัดการหยิบน้ำออกมาเท
“นี่โฟล์ค เค้าก็ไม่เห็นมีอะไรเลย ฉันว่าแกมาเองยังได้เลยอ่ะแบบนี้ ไม่เห็นต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่” ฟ้าว่า
“มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก” โฟล์คว่า “คือจริงๆแล้วอ่ะ เรา….”
“หวัดดีคับผม” พีทเดินลงบันไดมาพลางยิ้มกว้างให้กับโฟล์คและฟ้า “มายากป่ะคับ”
“ไม่ยากหรอกค่ะ” ฟ้ายิ้มกริ่ม “ง่ายมาก ง่ายจนเหลือเชื่อเลยแหละพีท”
โฟล์คยังคงหันไปมองฟ้าและส่ายหน้าให้เธอเบาๆ

ติ๊ง!!!

“เอ๊ะ…” พีทส่งเสียงร้อง ก่อนจะชะเง้อไปหน้าบ้าน “อิน…. อิน…. มีใครมาอ่ะ”
อินเดินลงมาชั้นสองและเดินออกไปหน้าบ้านเพื่อไปรับกลุ่มเพื่อนอีกกลุ่มนึง ที่กำลังเดินตรงเข้ามาในตัวบ้าน และนั่นทำให้โฟล์คเห็นคนอีกสี่คน และคนหนึ่งในนั้นเขาคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดี
“มิก” ฟ้าร้องทัก
“อ้าวฟ้า”
มิก คนที่วาดรูปกับฟ้า มาพร้อมกับเพื่อนอีกสามคนที่เขาเคยเห็นที่คณะสถาปัตย์ วันที่เขาเห็นอินครั้งแรก ฟ้าถึงกับตรงรี่ไปหาทันที
“มาทำไรที่นี่เนี่ย” มิกร้องทำ
“เรามาทำวิชาเจนเอ็ด พอดีเราอยู่กลุ่มเดียวกับพีท” ฟ้าร้อง “แล้วมิกอ่ะ หวัดดีนัท สา มากันครบเลย มีอะไรกัน”
“อ๋อ พอดีงานกลุ่มอ่ะ วิชาโฆษณา” นัทยิ้มตอบ “ก็พีทเค้านัด”
“ช่าย แต่กะว่ารีบทำรีบเสร็จ เพราะจะกลับไปทำงานกันต่อที่บ้านนัทอ่ะ เลยลากมิกมาด้วย”
“หะ เรานัดเหรอ” พีทร้องเสียงดัง “เรานึกว่าสากะนัดมาเพื่อทำโฟโต้กะอิน”
“ใช่ เธอนัด” ผู้หญิงอีกคนเดินตามทั้งสามคนมาร้องขึ้น “ก็เธอบอกเราว่าเธอว่างแค่วันนี้อ่ะ เราก็เลยไปตามพวกถาปัตย์เค้ามาด้วยไง จำไม่ได้เหรอ”
“พริม” พีทร้องเสียงดัง เมื่อเห็นหน้าเธอเดินเข้ามาพร้อมกับอินรั้งท้าย
“อ้าว” ฟ้าหันมามองพีทที่ทำสีหน้าว่างเปล่า ดูตื่นตระหนกที่ตัวเองทำนัดชนกัน
“งั้น เอ่อ…. เชี่ย” พีทเกาหัว
“ไม่เป็นไร งั้นเดี๋ยวเรากลับกันก่อนก็ได้” โฟล์คร้องขึ้น “นายอยู่ทำวิชาอื่นก่อนเหอะ”
“เห้ย ได้ไง อุตส่าห์มาแล้วนี่นา” ฟ้าทำเสียงงอแง ซึ่งโฟล์คก็ดูออกว่าเธอดีใจที่ได้เจอมิกที่นี่ แต่เขาก็ได้แต่ทำสายตาดุใส่เธอเพื่อเตือน
“เดี๋ยววุ่นวายเปล่าๆน่ะฟ้า เรากลับไปทำส่วนของเรา แล้วค่อยส่งให้พีทก็ได้มั้ง” โฟล์คพยายามพู “คนเยอะอ่ะ เกรงใจเจ้าของบ้านเค้า”
โฟล์คส่งสายตาไปอินที่มองไปรอบๆก่อนจะถอนหายใจ
“ไม่เป็นไร บ้านตั้งกว้าง อยู่นี่กันนี่แหละ แยกส่วนกันทำก็ได้ รู้จักกันไว้ก็ดีไม่ใช่อ่อ” อินมองไปยังฟ้าและมิก
“แน่ใจนะว่าจะไม่มึนอ่ะ” นัทส่งเสียงเตือน
“นั่นสิ” พริมพูดเสริม “แล้วพีทเทอมนี้เธอลงเรียนไปกี่ตัวเนี่ยหะ ไปลงเจนเอ็ดเพิ่มอีกเหรอ โทษนะคะ เธอสองคนคณะอะไรอ่ะ”
“อักษรครับ” โฟล์คตอบ
“โอ้… สามคนอยู่ถาปัตย์ สามคนอยู่นิเทศ สองคนอยู่อักษร” มิกพูดทวนอีกครั้ง
“นี่หมายความพีท นายกำลังจะทำสามวิชาในวันนี้เนี่ยนะ” พริมพูดเสริม
“เอ่อ… ก็คงต้องอย่างนั้น เรานัดทุกคนมาแล้วนี่นา” พีทว่า
“มึงเก่งอยู่แล้วไม่ใช่” อินยักคิ้วให้พีท ก่อนจะเดินเข้าบ้านไป ซึ่งนั่นทำให้โฟล์ครู้สึกแปลกๆ
“ก็…. งั้น… แยกกันเป็นสามห้อง เดี๋ยวเราวิ่งวนสามที่เอง สามวิชาใช่มั้ย งั้นโฆษณาอยู่ห้องนั่งเล่น โฟโต้ไปทำที่โต๊ะนอกบ้าน เดี๋ยวลากปลั๊กไปให้ แล้วเจนเอ็ดขึ้นไปห้องเราละกัน” พีทเริ่มไล่ความคิด
“ห้องนายอ่ะนะ รกยังกะอะไรพีท ฟ้ากับโฟล์คอ่ะ ขึ้นไปทำห้องเราแทนดีกว่า” อินพูดขึ้น และนั่นทำให้ทุกอย่างเงียบลง “นายเคยขึ้นไปแล้วนี่น่าจะรู้ว่าอะไรอยู่ตรงไหน”
อินพูดก่อนจะเดินนำขึ้นไปข้างบน ทิ้งเอาไว้เพียงความเงียบของคนทั้ง 8 ในบ้าน
โฟล์ครู้สึกตัวเองเลยว่า เขากำลังตกเป็นเป้าสายตาครั้งใหญ่ในแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในชีวิต
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-03-2020 14:04:24 โดย M2M_Jill »

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
ตอนที่ 14 Not Turning Back

“ผิดคาดเลยใช่มะ” ฟ้าเอ่ยขึ้น ขณะที่โฟล์คกำลังนั่งพิมพ์งานอยู่
“ใช่ ตอนแรกคิดว่าจะนานกว่านี้ แต่พีทมันสรุปรวบไว้ดีแล้ว เหลืออีกสองหน้าก็เสร็จแล้วเนี่ย” โฟล์คตอบ
“ไม่ใช่เรื่องพรีเซนต์ เรื่องที่ว่าจริงๆแล้วอินไม่ใช่เด็กถาปัตย์ แต่เป็นเด็กนิเทศน์ แถมพอแกได้มาเจอเค้า เค้าก็ไม่ได้โกรธอะไรแก แล้วก็ยังให้แกมาอยู่ในห้องเค้า ทำเหมือนว่าที่นี่เป็นบ้านของแกด้วยงั้นแหละ ให้ขึ้นมาห้องเองแบบนี้ มันต้องคนสนิทเท่านั้นเลยนะ” ฟ้ายิ้มกว่างให้โฟล์ค ที่ยังคงถอนหายใจและส่ายหน้าให้กับเธอ “หรือว่าจริงๆแล้ว แกกังวลไปเองหรือเปล่า”
โฟล์คและฟ้า นั่งทำงานอยู่ในห้องนอนของอินที่ชั้นบน ขณะที่พีทแวะเวียนมาทำงานด้วยอยู่เป็นพักๆ ผิดกับเจ้าของห้อง ที่ไม่ได้โผล่เข้ามาดูห้องตัวเองเลยด้วยซ้ำ ปล่อยให้โฟล์คและฟ้าทำงานกันเองอยู่ในห้อง
“มันเป็นคนซับซ้อน มันไม่ได้ง่ายแบบนั้นหรอก” โฟล์คว่า
“แกก็เป็นคนซับซ้อนโฟล์ค กว่าจะมาถึงบ้านเค้า แกอ้อมไปสามโลกนะ” ฟ้าว่า
“ก็ทำตามแกไง ไม่บอกตรงๆ ใช้สัญญะ ใช้ศิลปะ” โฟล์คหันไปยิ้มกริ่ม
“จ้า… อยู่ดีดีก็จะมาเป็นศิลปินตามกันงี้” ฟ้าพูดแซว
“พอพอ เสร็จแล้วเนี่ย แกเอาโพยสคริปต์ลงไปให้พีททีไป บอกเค้าด้วยว่าเรียบร้อยแล้ว เร็วเข้า เดี๋ยวกูต้องไปที่บาร์ต่อ” โฟล์คสั่งฟ้า ที่มองหน้าเขาด้วยรอยยิ้มครั้งหนึ่ง ก่อนที่เธอจะลุกออกไปตามที่เขาบอก
“รู้อะไรมั้ย ต่อให้วาดรูปไปเป็นร้อย แต่สัญญะก็ใช้ไม่ได้ตลอดหรอก สุดท้ายก็ต้องบอกตรงๆ” ฟ้าพูดขณะเปิดประตูห้อง “และชั้นว่าแกน่าจะลองบอกเค้าไปตรงๆอีกครั้งนะ”
“เออน่ะ รู้ดีน่ะฟ้า” โฟล์คว่า
“งั้นเดี๋วถ้าพีทโอแล้วจะมาบอกนะ แต่แกกลับไปก่อนเลย เดี๋ยวฉันจะอยู่กับมิกนะ” ฟ้าว่า
“จ้า แม่คู่รักสีน้ำมัน”
โฟล์คส่งเสียงแซวก่อนเสียงปิดประตูดังขึ้นและเงียบไป ทิ้งให้โฟล์คนั่งนิ่งอยู่ที่จอโน๊ตบุ๊คของฟ้าในห้องนอนที่เขาคุ้นเคย เขามองไปรอบๆก็พบว่ามีอะไรหลายอย่างเปลี่ยนไปเล็กน้อยกับห้องของอิน เหมือนกับว่าไอ้ตัวเล็กของเค้ามันดูตัวใหญ่ขึ้นพิกล มีเลนส์และกล้องสองสามตัวเพิ่มขึ้นมาจากมุมห้อง รูปถ่าย สมุดสเก็ช หลายเล่มกองอยู่ที่โต๊ะทำงาน อินยังคงรักการถ่ายรูปอยู่เหมือนเดิม แม้มันจะไม่ได้ทุนไปเรียนต่อ
เสียงเปิดประตูเปิดเข้ามา
“เรียบร้อยแล้วใช่มั้ย กูจะได้เก็บของแล้วกลับ”
“อยู่อีกแปปดิ แม่มาอ่ะ เค้าอยากเจอมึง” เสียงของอินดังมาจากด้านหลัง โฟล์คหันกลับไปมองทันที ไอ้ตัวเล็กของเขาเดินเข้ามาในห้องก่อนจะไปค้นในลิ้นชักตู้ข้างโต๊ะของเขาเพื่อหาของ และนั่นยิ่งทำให้โฟล์คทำตัวไม่ถูก
“เอ่อ… อยู่นานไม่ได้จริงๆอ่ะ นี่ก็ เข้างานช้าไปชั่วโมงแล้ว” โฟล์คพูดเสียงสั่น เป็นครั้งแรกในรอบหลายปี ที่เขาได้กลับมาคุยกับอินอีกครั้งสองต่อสองแบบนี้
“ก็ลงไปเจอเค้าซะหน่อยละกัน เก็บของลงไปเลยก็ได้ เหมือนพีทมันบอกผ่านแล้วมั้ง งานมึงอ่ะ” อินพูดขณะหยิบเมมโมรี่การ์ดมาได้ และเดินออกไปจากห้อง “จะมามั้ย”
“ไป...ไปดิ”
เขาตอบก่อนที่อินเดินหายไปจากห้อง โฟล์คหายใจไม่ทั่วท้องเอาซะเลย
เมื่อเก็บของเสร็จ โฟล์คเดินลงมาชั้นล่าง ก่อนจะพบว่าทุกๆคนมากองรวมกันอยู่ที่ห้องนั่งเล่นหมดแล้ว และต่างช่วยกันทำงานสองวิชากันอย่างเต็มที่ รวมถึงฟ้า ที่ก็ไปนั่งอยู่ข้างๆมิก เหมือนกำลังจะช่วยกันเสก็ชอะไรกันบางอย่างอยู่ ขณะที่พีท ก็ไปรวมกลุ่มกับพริมและแกงค์เด็กสถาปัตย์เพื่อทำพรีเซนเทชั่นของอีกวิชา
“อ้าว โฟล์ค” เสียงของคุณแม่ของอินดังขึ้นมาจากครัว “วันนี้มาด้วยเหรอเนี่ย ไงเจ้าอิน ลากมันมาหาแม่ได้แล้วงั้นสิ”
อินหันมามองโฟล์คแว้บหนึ่งก่อนที่จะเดินหายเข้าไปในครัว ก่อนที่แม่ของอินจะเกิดเข้ามากอดเขาไว้เป็นพิธี
“นี่แม่รู้จักโฟล์คเค้าด้วยเหรอคับ” พีทส่งเสียงมาจากโต๊ะกลางบ้าน ท่ามกลางสายตาของทุกๆคนอีกครั้ง
“นี่อินไม่ได้เล่าให้ฟังล่ะสิ โฟล์คเนี่ยเพื่อนอินที่โรงเรียนเก่าเลยพีท สนิทกันม….”
“แม่ มันต้องไปทำงานต่อนะ” อินพูดตัดบทขึ้นมา
“อ้าว ไม่อยู่กินข้าวด้วยกันล่ะ นี่แม่ก็กะว่าจะทำเลี้ยงพวกเราทุกคนเลยนะเนี่ย”
“อุ้ยยย ขอบคุณค่ะแม่” เสียงของทุกคนขานรับและพนมมือไหว้ขอบคุณแม่ของอินทันที บรรยากาศอันอบอุ่นของบ้านอินเวลาที่มีคุณแม่ของเขาอยู่ มันดูขยายใหญ่โตขึ้นเมื่อโฟล์คเห็นทุกคนมาอยู่รวมกันที่นี่
“นั่นดิ งั้นอยู่กินข้าวกันก่อนไหมล่ะโฟล์ค” พีทส่งเสียงเรียก เช่นเดียวกับฟ้าที่ยิ้มกริ่มพลางพยักหน้าสนับสนุน
“ไม่ดีกว่าคับแม่ ผมไม่ได้ลางานไว้อ่ะ เดี๋ยวพี่เค้าว่าเอา” โฟล์คตอบพลางมองไปหาอิน “อีกอย่าง ผมว่า ผมมารบกวนมากไปแล้วอ่ะ ผมกลับแล้วดีกว่าคับ”
“รบกวนอะไร โฟล์คเราก็พูดไปนั่นนะ โฟล์คมาได้ตลอดนะสำหรับแม่น่ะ” คุณแม่ยิ้มกว้างให้เขา ขณะที่อินมองเขามาด้วยสายตาครุ่นคิด “งั้นเอางี้ ให้อินเขาไปส่ง บาร์ดาดฟ้าใช่มั้ย”
“เอ่อ...ครับ แต่ ไม่ต้องก็ได้….”
“อิน ไปส่งเพื่อนไป เดี๋ยวกลับมากับข้าวแม่ก็เสร็จพอดีนะ” แม่หันไปบอกอินทันที
“แม่…” อินส่งเสียงมาเป็นสัญญาณว่าเขาไม่ค่อยพอใจนัก แต่ทว่าพีทก็พูดต่อ
“เออ มึงไปส่งเขาแทนกูหน่อย กูไม่ค่อยได้ช่วยงานวิชนั้นเยอะอ่ะ โทษทีนะคับโฟล์ค” พีทว่า
ซึ่งอินถอนหายใจเมื่อพีทพูดจบ
“แต่โฟโต้กูยังไม่เสร็จ” อินว่า
“ไม่เป็นไรๆ แกไปเหอะ เดี๋ยวตรงนี้จัดการเองได้” สา เด็กสถาปัตย์ที่เขาเคยเดินชนวันนั้นพูดแทรกขึ้นมา
“กูเก่งอยู่แล้ว เดี๋ยวตรงนี้กูคุมเอง”
โฟล์คเริ่มรู้สึกแล้วว่า เขาไม่ครอยู่ตรงนี้
“ไม่เป็นไรพีท เดี๋ยวเรากลับเอง” โฟล์คถอนหายใจก่อนจะก้าวขา
“ก็ได้… เดี๋ยวกูไปส่งมึงเอง มึงก็เก่งให้จริงนะพีท ถ้างานไม่เสร็จ มึงซวย” อินว่าพลางหันไปเอากุญแจรถที่แขวนอยู่ข้างประตูบ้าน
“งั้นเดี๋ยวผมมานะแม่”
“จ้ะ ขับดีดีนะ แล้วไว้มาใหม่นะโฟล์คนะ”
“คับผม”
โฟล์คมองการกระทำของอิน และตอนนี้เหมือนเขาจะรู้สึกว่าคำพูดของพีทและอิน มีอิทธิพลต่อกันจนเขาสังเกตเห็น
และนั่นมันทำให้เขารู้สึกเจ็บข้างในแปลกๆ

………

บรรยากาศบนรถเต็มไปด้วยความอึดอัด อินเปิดเพลงขณะที่ขับรถไป ส่วนโฟล์คเองที่เหมือนจะเข้าใจในอะไรบางอย่าง จึงเลี่ยงที่จะไม่พูดอะไรมากนัก ทันทีที่อินเลี้ยวออกจากถนนสุขุมวิท อินจึงเอื้อมมือไปปิดเพลงทันที
“มึงมาทำไม” อินพูดขึ้นทันที โฟล์คหลับตาลงครั้งหนึ่ง คราวนี้เป็นอินที่เริ่มต้นทลายความอึดอัด น้ำเสียงที่จริงจังของอิน มันเหมือนวันที่เขาเคยได้ยินตอนที่อินเป็นฝ่ายบอกลาเขา น้ำเสียงที่เหมือนเป็นมีดที่กรีดใจเขาเบาๆ
“มึงพูดถึงอะไร” โฟล์คตอบเลี่ยงเบาๆ
“มึงเลิกทำเหมือนกูเป็นคนโง่ทีได้ป่ะ มึงหาเรื่องมาบ้านกูทำไม” อินพูดต่อ
โฟล์คยังคงเงียบ
“พีทมันไม่เคยนัดพลาดหรอก มันจัดระเบียบความคิดมันเป๊ะตลอดอ่ะ แต่พอมึงมานัดชน แม่งก็เป๋ป้ะ” อินว่า “มึงก็ต้องจงใจมาทำงานเอาวันนี้ ที่บ้านกูเพื่อ?”
โฟล์คหันไปมองหน้าอิน

เป็นอย่างนี้นี่เอง…

เขาคิดในใจ
“แล้วแม่งก็วุ่นวายไปหมด แทนที่กูจะได้อยู่ช่วยงานเพื่อน กูก็ต้องออกมาส่งมึงอยู่เนี่ย” อินพูด
 
เขากลายเป็นตัวปัญหาขึ้นมาแล้วสินะ…

โฟล์คกำมืดตัวเองไว้จนเจ็บ
“มึงทำไปเพื่ออะไรวะโฟล์ค ขาดไปแล้ว ก็ขาดกันไปเลยดิวะ ทำไมต้อง….”
“ก็กูคิดถึงมึงไง” โฟล์คหันไปพูดเสียงดังทันที “กูอยากเจอมึง มึงเข้าใจป่ะ”
อินเงียบเสียงลงพลางหลับตาลงครั้งหนึ่ง ก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดเพลงให้ดังขึ้นมาอีกครั้ง โฟล์คจึงได้แต่หันหน้ากลับมา และมองออกไปด้านข้างของรถ และไม่พูดอะไรอีกแม้แต่คำเดียว
อาจเพราะความโกรธที่พุ่งพล่านของทั้งคู่ อินเหยียบความเร็วสูงขึ้นอย่างไม่รู้ตัว และนั่นทำให้ทั้งคู่มาถึงบาร์ของโฟล์คได้ในเวลาไม่นาน ทันทีเมื่อรถจอดนิ่งสนิท และเพลงที่ดับลง ก็เกิดเป็นความเงียบที่น่ากลัวขึ้นมาระหว่างกัน
โฟล์คหันไปมองหน้าอินที่จับพวงมาลัยอยู่อย่างนั้นโดยไม่พูดอะไร เขาหายใจเข้าครั้งหนึ่งก่อนจะพยายามพูดอะไรบางอย่างออกมา
“ขาดกันอ่อ… มึงกะกูขาดกันไปแล้วงั้นอ่อ” โฟล์คพูดเสียงสั่น ก่อนจะมองไปตรงหน้า “ถ้ามึงไม่อยากเจอกูขนาดนั้น แล้ววันนั้น มึงมารับแม่มึงที่นี่ทำไมวะ มึงขึ้นไปข้างบนทำไม ถ้าไม่อยากเจอกู”
อินยังเงียบสนิท ขณะที่โฟล์คยังมองหน้าเขา
“กูเจอมึงที่ตึกถาปัตย์ กูเรียกมึง มึงไม่หัน กูก็คิดว่ากูอาจจะคิดไปเอง แต่มึงเป็นฝ่ายมาให่กูเจอนะ แล้วกูผิดเหรอวะ ที่กูอยากกลับไปเป็นเพื่อนมึงอีกอ่ะ” โฟล์คพูดเสียงแข็ง “ถ้ามึงไม่อยากเจอกูขนาดนั้น กูขอโทษละกัน ที่วันนี้กูลองเสี่ยงไปบ้านมึง เพราะคิดว่ามึงจะยังเป็นเพื่อนกู กู…. กูไป...ก็ได้”
โฟล์คเปิดประตูลงทันทีโดยไม่รีรอ อินมองโฟล์คที่เกิดลงไป เขาบีบพวงมาลัยจนเจ็บมือ
“เชี่ยเอ้ย”
อินเปิดประตูตามลงไปทันที
“กูไม่ได้จะไล่มึงนะโฟล์ค” อินพูดไล่หลังโฟล์ค ที่หยุดชะงักอยู่ครู่หนึ่ง อินหลับตาลงพลางมองไปยังหลังของโฟล์คตรงหน้า “แต่กูแค่ แค่ไม่อยากกลับไปเป็น…”
“เป็นเพื่อนกูอ่ะนะ” โฟล์คหันมาพูดเสียงแข็งใส่ “ทำไมอ่ะ ตอนนี้กูไม่สมควรเป็นเพื่อนมึงแล้วอ่อวะ เพราะอะไรอ่ะอิน เพราะกูเคยบอกชอบมึงงั้นอ่อ”
คำพูดของโฟล์คทำอินเงียบเสียงลง
“มึงอย่าพูด…”
“หรือไม่งั้น ก็อาจจะเพราะเพื่อนใหม่ของมึง ที่ไปอยู่บ้านมึงตอนนี้แล้ว” โฟล์คว่า “เพราะดูท่าแล้ว มึงอาจจะไม่เหมือนเดิมจริงๆแล้วก็ได้มั้ง ผู้หญิงแบบเจนคงไม่ใช่แนวมึงอีกแล้วงั้นดิ”
“นี่ไง กูว่าแล้ว ที่กูไม่อยากเจอมึงก็เพราะอย่างงี้ไง” อินพูดสวนขึ้นมาทันที “กูรู้เลยว่ามึงจะลากกูกลับไปหาเรื่องพวกนั้นอีกอ่ะ”
“ไงนะ”
“เรื่องพวกนั้น เรื่องที่พวกแม่งทำกะกูไว้ เรื่องที่กูไม่อยากหันหลังกลับไปหาไง” อินว่า “แล้วกูก้าวมาแล้วไง มึงไม่เข้าใจอ่อวะ ที่บ้านนั่นคือเพื่อนใหม่ของกู สังคมใหม่ของกู กูไม่อยากกลับไปคิดเรื่องพวกนั้นอีก กูผิดเหรอวะ ที่อยากจะเริ่มต้นใหม่อ่ะ”
“งั้นก็คือ กูผิดงั้นดิ” โฟล์คว่า “เพราะงี้ใช่ป่ะ มึงถึงไม่อยากให้กูไปบ้านมึง หรือเจอมึง”
“โฟล์ค กูไม่ได้ไม่อยากเจอมึง แต่กูไม่อยากอึดอัด กูแค่….”
“โอเค ถ้ากูทำให้มึงอึดอัดนัก กูทำอย่างที่มึงต้องการก็ได้ กูจะไม่ไปให้มึงเห็นหน้าอีก” โฟล์คว่า “ขาดกันไปแล้ว ก็ขาดกันไปเลย”
โฟล์คเดินหันหลังจากมา
“โฟล์ค” อินยังคงร้องเรียก
“มึงก็หาวิธีบอกแม่มึงเอาเองเหอะ” โฟล์คไม่สนใจเสียงเรียกของอินอีก อินมองโฟล์คเดินจากไป ขณะที่ยืนกำหมัดอยู่อย่างนั้น ในขณะที่โฟล์คทันทีที่เขาเดินก้าวเข้าร้านมา ชายหนุ่มหันหน้าไปทุบกำแพงอย่างแรงพลางกัดฟันด้วยความเจ็บปวด
มันชัดเจนอยู่แล้ว ตั้งแต่วันที่อินเดินหนีเขาวันนั้น อินไม่อยากจะเจอเขาอีก และเขาก็โง่เอง ที่พยายามจะยื้อก้าวที่ไม่หันหลังกลับของอิน หรือมันอาจจะดีกว่าถ้า…
“โฟล์ค” เสียงของพี่บอลดังขึ้น และเมื่อโฟล์คหันไป ก็เห็นว่าพี่บาร์เทนเดอร์กำลังยืนอยู่ที่บันไดพร้อมกับถุงขยะ โฟล์คมองหน้าบอลด้วยสีหน้าที่ไม่สามารถเก็บอาการย่ำแย่เอาไ้ว้ได้
“โอเคมั้ย” พี่บอลถามด้วยเสียงห่วงใย
“พี่...ได้ยินอ่อ” โฟล์คถามเสียงสั่น
“ก็...นะ” บอลตอบพร้อมด้วยรอยยิ้มเฝื่อนๆ “เราโอเคมั้ย ให้พี่ ไปช่วยพูดมั้ย”
“อย่าเลยพี่ ไม่ต้องหรอก ผม… ผมว่าผม…” โฟล์คเงียบไปพักนึง “ผมไปทำงานละพี่”
โฟล์คเดินสวนบอลขึ้นบันไดไปดาดฟ้าทันที ในขณะที่บอลเดินเอาถุงขยะออกมาทิ้ง และมองรถของอินขับออกไปจาซอยอย่างเร่งร้อ

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
ดูเหมือนหมา วิ่งตามเงา เจ้ากระดูก
จะผิดถูก หรือเลวดี เร่งรี่หา
เที่ยวไต่ถาม ตามให้ทัน มั่นหน้าตา
เสียเวลา เปล่าปลี้ มันหนีไป

หยุดนั่งพัก หักเหนื่อย เรื่อยเรื่อยก่อน
ใช้สติ คิดทวนย้อน ร้อนเย็นไหม
ในเมื่อเขา ไม่กลับหลัง เราบ้าไป
ใครที่เจ็บ ช้ำหัวใจ ก็..ใช่เรา

คลายมือกำ ที่ซ้ำซาก ลำบากทิ้ง
ปล่อยความจริง ให้เปิดออก จากความเขลา
ตั้งแต่นี้ ไม่มีเขา ไม่มีเรา
ไม่มัวเมา ไม่ง้อใคร ใจท้าทาย

แค่นี้ก็ให้เค้าไปมากเกินพอแล้ว..โฟล์ค
กับบางคนถึงจะให้อะไรไปก็สูญเปล่า ถ้าเค้าไม่เห็นค่าอะไรของเรา
อย่ายึดติดเค้าเลย ปล่อยเค้าไปตามทางที่เค้าคิดว่าของเค้าดี

ต่างคนต่างอยู่เหอะ ถ้าเจอคนแบบนี้
ชอบได้ก็เลิกชอบได้เว้ยยยยยย

กอดโฟลค์ปลอบใจ
ไม่ปลื้มเล๊ยยยยยย กับอินคนใจดำ

ไม่เชียร์แล้วอ่ะ
หุหุ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
ตอนที่ 15 Warp

“เห้ย เบาก่อน” บอลคว้าเอาแก้วออกจากมือของโฟล์ค หลังจากที่เขากระดกมันเข้าปากเป็นชอตที่แปดแล้ว หลังจากลูกค้าโต๊ะสุดท้ายออกจากร้านไปตอนเที่ยงคืนครึ่ง เมื่อโฟล์คเก็บทุกอย่างเรียบร้อยแล้วมันก็เหมือนกับว่าเขาฟิวส์ขาด ชายหนุ่มเข้าไปหลังบาร์ ก่อนจะคว้าเอาวอดก้าจากใต้ชั้นมาซดอย่างไม่รีรอ
“ผม.. ไม่… เป็นไร… หรอกพี่” เสียงของโฟล์คเริ่มยานคางขึ้น พร้อมกับใบหน้าที่แดงก่ำ “เดี๋ยว… ผม ทำงาน… ใช้ คืน...ให้”
“เห้ย… ไม่ใช่… แต่เราเมาแล้ว พอ…”
ตอนแรก บอลก็คิดว่าโฟล์คคงแค่จะดื่มแก้เซ็ง แต่พอมาถึงจุดที่โฟล์คเริ่มผิดปกติ มันเป็นอะไรที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
บอลคว้าเอาแก้วออกมาจากมือของโฟล์ค และจับตัวของโฟล์คให้นั่งหลังตรง
“ปล่อย...ผม” โฟล์คพูดเสียงเอื่อย
“โฟล์ค เราไม่เคยเป็นแบบนี้เลยนะเว่ย ใจเย็นดิ” บอลพูด
“พี่ก็เห็นอ่ะ… มันไม่อยากกลับมาเจอผมแล้ว” โฟล์คพูดอย่างไร้สติ “แม่ง… อุตส่าห์ได้เจอกันแล้วอ่ะ… ทำไม...วะ….”
โฟล์คพยายามจะไปคว้าขวดตากิล่าที่อยู่ใกล้มือมาอีก แต่คราวนี้บอลคว้าเอาไว้ทัน
“โฟล์ค หยุดดิวะ” บอลพูดเสียงเข้ม “เมาเกินไปแล้ว กลับบ้าน”
“พี่...กลับไปดิ… ผมอยู่… เอง”
“พี่ไม่ปล่อยให้เราอยู่คนเดียวสภาพนี้หรอก จะบ้าอ่อ” บอลคว้าตัวของโฟล์คมาไว้กับตัวทันที
“ผมแม่ง… เป็นตัวปัญหาอีกแล้วอ่ะ… ผมก็แค่อยาก...ดูแล...มัน…”
“ให้พี่ดูแลเราก่อนมั้ยล่ะ” บอลพูดใส่โฟล์คที่ตอนนี้ได้หลับไปบนไหล่ของเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว บาร์เนเดอร์หนุ่มถอนหายใจ ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาเช็คเวลา มันเป็นเวลาเกือบจะตีสองแล้ว เขามองไปรอบๆบาร์ที่เหลือเพียงเคาท์เตอร์ที่ยังเหลือไฟเปิดอยู่
“แล้วจะให้พี่ทำไงเนี่ยหะ” บอลพูดกระซิบเบาๆ ผ่านใบหน้าของโฟล์คที่แดงก่ำและหลับสนิทอยู่ตรงหน้า เขามองหน้าของโฟล์คอยู่อย่างนั้น “ห่วงเค้าอ่ะ ดูตัวเองบ้างไหมเนี่ยหะ”
บอลมองโฟล์คอยู่พักหนึ่งจะคิดได้ว่าคงไม่มีประโยชน์ ที่จะให้โฟล์คมาหลับอยู่แบบนี้ ก่อนจะพยายามแบกตัวของโฟล์คลุกขึ้นเพื่อพาลงไปชั้นล่าง
“ไอ้โฟล์คเอ้ยยยย” บอลส่งเสียง ขณะพยายามยกตัวโฟล์คขึ้น และพาเดินไปยังบันไดทางลงดาดฟ้า “ไอ้คนที่ทำแกอ่ะ เค้าไม่มาสนด้วยซ้ำมั้ง”
แต่ทันใดนั้นบอลก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อคนที่เดินขึ้นมาจากบันได คือคนที่บอลคิดว่าเป็นคนสุดท้ายที่จะได้เจอในคืนนี้
ก่อนที่เขาจะรู้ตัวว่า เขาจะไม่ยอมให้เรื่องแบบนี้จบลงโดยง่ายแน่ๆ

………….

“โอ๊ย….”
อาการปวดหัวอย่างรุนแรง ฉุดให้โฟล์คตื่นขึ้น เขาจับหัวตัวเองและพยายามปรับสายตาให้คุ้นชินกับภาพตรงหน้า ก่อนที่เขาจะรู้ว่าตัวเองมาอยู่ที่ห้องนอนของใครซักนึง
“เห้ย” โฟล์คสำรวจตัวเอง พลางมองไปรอบๆ เขาอยู่ในชุดเสื้อยืดและบอกเซอร์อย่างง่าย ขณะที่ข้างๆเตียงก็มีของของเขาวางอยู่อย่างครบถ้วน เขาหยิบมือถือขึ้นมาดู ก็พบว่ามันเป็นเวลาเกือบจะเที่ยงแล้ว และเต็มไปด้วยสายที่เขาไม่ได้รับเต็มไปหมดจากฟ้า
“เชี่ยเอ้ย…..” โฟล์คตบหัวตัวเองครั้งหนึ่ง ก่อนจะรีบโทรกลับหาเธอทันที
“ไอ้ คุณ โฟล์ค แก หาย ไป ไหน ทำ ไม ไม่ รับ สาย” ฟ้าตะโกนผ่านสายโทรศัพท์มาทันที
“เห้ย ขอโทษ เมื่อคืนเมาอ่ะ” โฟล์คพูดตอบเธอทันที
“โอ๊ยยย แล้วเป็นอะไรหรือเปล่า รู้ไหมว่าอีกนิดจะไปแจ้งความแล้วเนี่ย” ฟ้าพูดต่อทันที
“ไม่อ่ะ..แต่ ไม่รู้ตอนนี้อยู่ไหนว่ะ มานอนห้องใครก็ไม่รู้” โฟล์คพูดพลางมองไปรอบๆอีกครั้ง
“เอ๊า โฟล์ค… แล้ว เป็นอะไรไหม โดนทำร้ายหรือเปล่า ของอยู่ครบมั้ย” ฟ้าร้องเสียงดัง
“ก็..ครบอยู่แต่…”
เสียงเปิดประตูห้องนอนดังขึ้น และหน้าของพี่บอลก็ทำให้โฟล์คเงียบเสียงลงไปทันที
“เอ่อ…. กูรู้แล้วว่าอยู่ไหน” โฟล์คพูดตัดบทเธอ “เอ่อ… กูไม่เป็นไรแล้วฟ้า”
“แน่ใจนะ ฮัลโหล โฟล์ค”
“แน่...แน่ดิ เดี๋ยวถ้าบ่ายไหว เข้าไปหาที่ ม. ละกัน ขอบใจมาก” โฟล์คกดวางสายไป ขณะที่บอลเดินเข้ามาในห้องแล้วนั่งลงข้างๆพลางยื่นน้ำอุ่นๆที่มีกลิ่นมะนาวเบาๆให้
“ดื่มซะ ปากแห้งไปหมดแล้ว ร่างกายเดรนน่าจะขาดน้ำ” บอลพูด
“พี่ คือผม…”
“ดื่มก่อน เร็ว”
บอลทำเสียงดุ โฟล์คจึงทำได้แต่จิบน้ำทันที และไม่น่าเชื่อว่าน้ำหอมมะนาวอุ่นๆ มันจะทำให้โฟล์ครู้สึกสดชื่น และหายมึนหัวได้ดีขึ้นทันทีอีกด้วย
“โอ้… ดีจังพี่”
“เออ ต้องดีอยู่แล้ว มันเป็นสูตรแก้แฮงค์ พี่ทำบ่อย” บอลว่าพลางมองหน้า “ดื่มเข้าไปให้หมดเลย ยังไม่ต้องพูด”
บอลออกคำสั่งอีกครั้ง ซึ่งโฟล์คก็ได้แต่ทำตามอย่างว่าง่าย เมื่อหมดแก้วแล้ว เขาวางมันลงที่โต๊ะข้างเตียง ก่อนจะหันมามองพี่บอลที่มองเขาด้วยสีหน้าดูนิ่งสนิท โฟล์คยิ้มแหยก่อนจะยกมือขึ้นพนมตรงหน้าทันที
“ผม ขอ โทษ ค้าบบบบบบ” โฟล์คลากเสียงพลางหลับตาปี๋
“ไอ้ตัวแสบเอ้ย เมื่อคืนเราเป็นบ้าอะไรเนี่ยหะ” บอลเอื้อมมือไปลดมือของโฟล์คลง ก่อนจะยีหัวเขาครั้งหนึ่ง โฟล์คมองหน้าพี่บอลอย่างรู้สึกผิด
“ไม่มีคำแก้ตัวคับ ผม… ขอโทษคับพี่” โฟล์คพูดเสียงนิ่ม “นี่ พี่เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ผมด้วยอ่อ”
“เออ… ชุดเราพี่เอาไปซักอยู่อ่ะ อีกพักนึงนะ กว่าจะแห้ง” บอลว่า “แล้วโทรศัพท์แม่งก็ดังทั้งคืนเลย จะรับให้ก็เกรงใจ”
“โหย เชี่ย ผม...ผมขอโทษจริงๆนะพี่ ผมแม่ง ไม่ดีเลยว่ะ” โฟล์คว่า “ผมไม่เคยเมาขนาดนี้เลยอ่ะ ผมแม่งแย่มาก ผมขอโทษจริงๆพี่บอล พี่หักตังค์ผมก็ได้นะ”
“ช่างมันเหอะ เมื่อคืนไม่ได้หมดไปเท่าไหร่หรอก อีกอย่างเมาอยู่กับพี่ที่บาร์ก็ดีแล้ว ดีกว่าไปเมาที่ไหน” บอลว่า
“แต่ผมทำพี่ลำบากอ่ะ” โฟล์คว่า
“งั้นทีหลังก็อย่าทำอย่างนี้อีก เข้าใจมั้ย” บอลพูดเสียงดุ
“ค้าบบบบ” โฟล์คตอบทันที “แล้ว พี่ลากผมมานี่ยังไงวะเนี่ย ผมจำไรไม่ได้เลยอ่ะ”
“ก็… ก็เรียกรถ แล้ว...ก็ให้คนที่ร้านช่วย” บอลตอบ
“พี่ไม่พาผมไปส่งบ้านอ่ะ” โฟล์คถาม
“ก็พี่ไม่รู้ว่าบ้านเราอยู่ไหนอ่ะ พี่มดก็กลับไปแล้วด้วย ก็เลยไม่รู้จะทำไง” บอลว่า “นี่ ไม่ทิ้งไว้ร้านก็บุญแล้ว ยังจะมาบ่นอีก”
“เปล่าพี่ ผมเกรงใจอ่า” โฟล์คพูดต่อ “ผมรู้สึกผิดว่ะ ที่ทำให้พี่เดือดร้อนเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่อง ผมไม่น่าจะไร้ความรับผิดชอบได้ขนาดนั้นเลยอ่ะ”
“จริงๆพี่ว่า เพราะเรารับผิดชอบมามากแล้วมากกว่านะ จากเท่าที่ฟังเราบ่นเมื่อคืน” คำพูดของบอลทำเอาโฟล์คก้มหน้าเงียบเสียงลงไปทันที
“ผม..จำไม่ได้ว่าพูดไรไปบ้างอ่ะดิ” โฟล์คพูดเสียงเขินๆ
“เรื่องเพื่อนเราคนนั้นไง” บอลว่า “พี่คิดว่า พี่เข้าใจนะ”
โฟล์คเงยหน้าขึ้นมามองบอล ก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ
“เรื่องงี่เง่าอ่ะพี่” โฟล์คว่า
“การชอบใครซักคน แล้วทำทุกอย่างเพื่อเขาไม่ใช่เรื่องงี่เง่าหรอกนะโฟล์ค” บอลพูดเสียงจริงจัง
“พี่…”
“แต่ถ้ามันโฟล์คพังขนาดนี้อ่ะ พี่ว่าบางที มันอาจจะไม่ใช่ก็ได้นะ” บอลพูดต่อ “บางที โฟล์คอาจจะต้องเป็นคนก้าวต่อไปบ้าง ในเมื่อ… เขาก็ก้าวไปแล้ว”
“พี่รู้หมดแล้วอ่อ” โฟล์คว่า บอลยักไหล่เบาๆ ก่อนจะหยิบแก้วน้ำคืนมา
“ไม่เป็นไร พี่ให้มันจบไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว” บอลยิ้มให้โฟล์ค ก่อนจะลุกขึ้น “ลุกขึ้นไปอาบน้ำไป เดี๋ยวไปหาไรกินกัน แล้วจะได้ไป ม.”
“คับ… เอ่อ… ผมขอบคุณนะพี่บอล ถ้าจะมีอะไรให้ผมทำเพื่อพี่ บอกผมนะ ผมทำทุกอย่างเลย” โฟล์คว่า
“ให้มันจริงเหอะ” บอลหันมามองหน้าโฟล์คทันที
“จริงดิพี่ ผมเป็นคนพูดคำไหนคำนั้นนะ” โฟล์คว่า
“งั้นติดไว้ก่อน เดี๋ยวถึงเวลาแล้วบอก” บอลพูดพลางเดินออกจากห้องไป ทิ้งให้โฟล์คยังคงติดอยู่ในห้วงความคิดอยู่อย่างนั้น

………

“เออ ไม่ตายก็บุญแล้ว” ฟ้ายังคงบ่นไม่เลิก ขณะที่เดินลงมาจากตึกเรียนพร้อมกับโฟล์ค ที่ก็ยังสดชื่นได้ไม่เต็มที่นัก แต่ก็ยังพอหอบตัวเองมาเรียนคาบบ่ายได้ทันอยู่ ขณะที่ฟ้าก็สวดใส่เขายกใหญ่ทันทีที่เจอหน้าและตลอดคาบวิพากษ์วรรณกรรม
“เข็ดเลยอ่ะ กูสาบานเลยว่าจะไม่ภาพตัดอีกแล้ว แม่งเสียเซลฟ์ชิบหาย ทำงานในบาร์ แต่เสือกวาร์ป” โฟล์คว่า
“แหงสิ แกเคยกินเหล้าหนักที่ไหนล่ะ” ฟ้าว่า “แล้วทีหลังอ่ะ ถ้าแกไม่สบายใจอะไรอ่ะ แกโทรหาชั้นได้นะเว่ยโฟล์ค ฉันเป็นเพื่อนแกนะเว่ย อย่าไปเละเทะแบบนั้นอีก”
“เออ ขอบใจ”
“ชั้นไปวาดรูปที่ชมรมก่อนละ สายละเนี่ย” ฟ้าพูด
“เออๆ ไว้เจอกัน” โฟล์คมองฟ้าเดินจากไป ก่อนนวดขมับตัวเอง ลดความตื้อมึน ยอมรับเลยว่าเป็นวันที่เละเทะมากในชีวิตเขาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ติ๊งๆ

เสียงข้อความมือถือของโฟล์คดังขึ้น เมื่อเขากดดู ก็พบว่าเป็นข้อความจากแอคเคาท์ที่ไม่คุ้นเคย

กูขอโทษนะ

โฟล์คอ่านข้อความ พลางมองไปยังชื่อแอคเคาท์ AP.i ที่ส่งเข้ามา กับรูปโปรไฟล์ที่เป็นภาพแจกันและกล้องถ่ายรูปที่ดูเรียบๆ
โฟล์คมองข้อความนั้นอยู่อย่างนั้น
หรือว่า…..
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-03-2020 00:32:00 โดย M2M_Jill »

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
ปากกับใจ ไม่ตรงกัน มันอันไหน
ให้เชื่อปาก หรือเชื่อใจ ไขว้สับสน
อยู่ต่อหน้า กับลับหลัง คนละคน
อย่าปะปน วนเวียนง่าย หน่ายระอา

พูดอะไรไว้ก่อนหน้านี้
รับผิดชอบคำพูดด้วย

เห๊อะ..มีเพื่อนใหม่แล้ว ก้าวไปข้างหน้าแล้ว
แล้วไงอ่ะ ขอโทษหรอ กลืนน้ำลายตัวเองป่ะ
หุหุ

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
ตอนที่ 16 Tear apart 2

   โฟล์คเดินตรงรี่ไปที่คณะนิเทศ ขณะที่มือถือยังคงถือสายนึงอยู่กับมือเอาไว้
   “ฮัลโหล เราอยู่ที่ใต้ตึกคณะนายแล้วพีท” โฟล์คพูดเสียงเข้ม “โอเค บอกแค่ว่าให้มันลงมาก็พอ”
   โฟล์ควางหูไป ขณะที่ยืนรออยู่ตรงหน้าบันไดคณะด้วยความรู้สึกร้อนผ่าว ข้อความที่เขาได้รับมาจากแอคเคาท์ที่เขาไม่เคยเห็น และรูปภาพที่เรียบง่ายแบบนั้น มันทำให้เขารู้สึกตื้อมึน ยิ่งถ้าเกิดว่าเขารู้ว่าคนที่ส่งมานั้น คือ...
   “อิน”
   โฟล์คร้องเรียกอินที่เดินออกมาจากโถงลิฟท์ อินที่ดูตกใจกับการเห็นโฟล์คที่นี่ ได้แต่ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น ขณะที่โฟล์คเดินเข้าไปหาด้วยความเร็วสูง เมื่ออินเห็นดังนั้น ก็รีบกดปุ่มลิฟท์อีกครั้ง เพื่อกลับขึ้นไปด้านบน
   “เดี๋ยว คุยกันก่อน” โฟล์คคว้าตัวอินเอาไว้ พร้อมกับชูมือถือให้อินดู หน้าต่างข้อความที่เขียนคำว่า ‘ขอโทษนะ’ พร้อกับชื่อแอคเคาท์ที่เขาไม่คุ้นเคย
   “ส่งมาเหรอ”
   โฟล์คถามเสียงเรียบ ขณะที่อินเงียบสนิท และมองหน้าโฟล์คกลับไป กลายเป็นว่าคราวนี้โฟล์คพยายามมองมาที่อินอย่างพยายามหาคำตอบจากใบหน้าที่ว่างเปล่านั้น
   “ว่าไง ส่งมาใช่มั้ย ไอดีมึงใช่ป่ะ”
    อินยังคงเงียบไม่พูดอะไรทั้งนั้น
   “ถ้ามึงไม่พูด กูจะทำลายความเงียบด้วยการลากมึงขึ้นไปถามพีทนะ” โฟล์คพูดต่อ “มันไม่โกหกกูแน่”

   อินหลับตาลงครั้งหนึ่ง ก่อนที่จะลืมตาขึ้นมาแล้วลากตัวโฟล์คเดินออกไปจากตรงนั้น โฟล์คที่ตามไม่ทันกับการกระทำของอิน กลับโดนลากไปจากตรงนั้นด้วยความมึนงงอย่างว่าง่าย อินลากโฟล์คเดินยาวไปจนถึงมุมหนึ่งของหลังตึกคณะที่เงียบสงบและไม่มีผู้คน

   “อะไรของมึงเนี่ย” โฟล์คว่า “ทำไมต้องทำให้ทุกอย่างมัน....
   อินลากตัวโฟล์คมาจูบทันที และนั่นทำให้เวลารอบตัวของเขาหยุดหมุน ความรู้สึกตื้อมึน สับสน โกรธขึ้งที่สะสมมาตั้งแต่วันที่เขาไปบ้านอิน จนเมาไม่ได้สติเมื่อคืนก่อน มันทำให้ทุกอย่างหายไปหมดเลย
   ใช่ มันกลายเป็นความมึนงงมากกว่า
   เขาไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า ไม่เข้าใจมากขึ้นไปทุกที
   อินถอนริมฝีปากออกจากโฟล์ค และนั่น ทำให้โฟล์คตกอยู่ในสภาพนิ่งสนิท
   “ไอ้...อิน”
   อินหายใจหอบถี่ และมองหน้าของโฟล์คอยู่อย่างนั้น โฟล์คยอมรับเลยว่าเขาไม่คิดว่าจะมีวันที่อินเป็นคนดึงเขามาจูบ อย่างน้อยก็ไม่ใช่ในตอที่เขาถ่อมาถึงที่นี่ในวันนี้ แบบนี้มันไกลเกินกว่าที่เขาคิด
   “กู... กูไม่เข้าใจ”
   “มึงไม่เคยเข้าใจอ่ะ มึงไม่เคยเข้าใจอะไรซักอย่าง” อินพูดสวนออกมา และนั่นทำให้โฟล์คถึงกับพ่นลมออกมาด้วยความตื้อมึน
   “หมายความว่าไงวะ”
   “หมายความว่า มึงช้า” อินพูดต่อ
   “อะไรนะ กูช้า.. เหรอ”
   “ใช่ มึงช้า” อินว่า “มึงมาหากูช้าเกินไปเว่ย”
   โฟล์คยังคงไม่เข้าใจในสิ่งที่อินพูด
   “มึงยังเป็นไอ้โฟล์คคนเดิม คนที่พยายามเดินตีนเปล่า จมอยู่กับหนังสือ แล้วก็เพลง แต่มึงไม่เคยมองไปรอบๆเลยอ่ะ” อินพูดต่อ “มึงจมอยู่กับโลกของมึงมาตั้งนาน แล้วมึงก็เพิ่งมาตามหากูเอาตอนนี้เนี่ยนะ”
   “อิน... กูเป็นคนตามหามึงนะ เผื่อมึงจะไม่เห็น กูเป็นคนไปหามึงถึงบ้าน ทั้งๆที่มึงเป็นคนหันหลังใส่กู  มึงปิดประตูใส่กูมาสามปีแล้วนะ มึง...” โฟล์คว่า
   “แต่มึงก็ปิดตัวเองเหมือนกัน เวลามึงอยู่ในโลกของมึง นั่งอ่านหนังสือของมึง คนแทบจะเหยียบมึงอยู่แล้ว ต่อให้กูอยู่ตรงหน้ามึง มึงก็ไม่เห็น” อินพูดเสียงสั่นเครือ และนั่นทำให้โฟล์คมองหน้าอินเหมือนไม่เคยเห็นเขามาก่อน
   “นี่มึงจะบอกอะไรกูเนี่ย” โฟล์คพูด
   “ตอนปีหนึ่ง มึงไม่ได้เข้าเฟรชชี่เกมส์ใช่มั้ย” อินถามขึ้น
   “ก็... น่าจะไม่”
   “มึงไม่ได้เข้า มึงพูดดิ” อินถามต่อ
   “แล้วมันเกี่ยวเหี้ยไรกับเรื่องของเรา...”
   “ก็เพราะว่ามึงกะกูอยู่เซคเดียวกันไง มึงเป็นคู่รหัสบัดดี้กับกูไง” อินพูดเสียงดัง
   โฟล์คถึงกับเงียบเสียงลงทันที
   “เออ... กูผิดเอง ที่กูทิ้งมึงกับ Zodiac มา กูผิดเองที่กูบล็อคพวกมึงทุกคน แต่กับมึง...ถ้ามึงอยากจะเจอกู อยากเริ่มใหม่ ในที่ที่มีแต่มึงกะกู เหมือนที่มึงเคยบอกกูวันนั้น ที่ดาดฟ้าอ่ะ ทำไมมึงไม่เห็นชื่อกูที่บอร์ดปีหนึ่งอ่ะ ทำไมมึงถึงไม่รู้ว่ากูเรียนอยู่นี่ อยู่คณะข้างๆมึงอ่ะโฟล์ค” อินว่า
   “ไอ้อิน”
   “มึงรู้ป้ะ ว่าตอนปีหนึ่ง เด็กอักษรกับนิเทศน์เรียนเจนเอ็ดพร้อมกัน แต่มึงไม่ลงไงโฟล์ค มึงเลือกลงตัวอื่น แล้วกู ที่ต้องมานั่งเห็นมึงนั่งอ่านหนังสืออยู่กับฟ้าทุกวันที่ใต้ตึกคณะมึง มึงคิดว่ากูจะรู้สึกยังไง แล้วพอมึงไม่มา กูก็เลยคิดว่า มึงคงไม่อยากเจอกูแล้ว มันคงผิดเองที่กูเป็นฝ่ายทิ้งมา เพราะงั้น...งั้น” อินหลับตาลงด้วยความเจ็บปวด “กูก็เลยคิดว่า มึงคง...คงลืม...”
   “กูไม่เคยลืมมึงอิน ไม่เคย” โฟล์คว่า พลางพยายามตั้งสติใหม่อีกครั้ง “โอเค มึงฟังกูนะ กูกับฟ้า เราไม่ได้เป็นอะไรกัน มึงก็เห็นคืนนั้น ฟ้ากับมิก เด็กถาปัตย์คนนั้น เค้า... เชี่ยเอ้ย อินกูขอโทษ ตอนปีหนึ่ง กูมัวแต่ทำอย่างอื่น กูขอโทษ...”
   โฟล์คดึงตัวอินเข้ามากอดไว้
   “กูอยู่นี่แล้วไง กูหามึงจนเจอแล้วไง มึงอย่าไล่กูไปอีกเลยนะ กูขอร้อง กูไม่อยากเห็นมึงเดินจากไปอีก” โฟล์คพูดเสียงสั่น “มันก็แค่ เราสองคนเดินไม่เสมอกันอ่ะ เรามาเริ่ม...”
   “ไม่ได้โฟล์ค ไม่ได้แล้ว” ภายใต้อ้อมกอดของโฟล์ค อินกลับยืนนิ่ง เป็นน้ำแข็งอยู่ตรงนั้น “ที่เราพูดกันคืนนั้น กูหมายความตามกูพูดจริงๆ”
   โฟล์คผละตัวเองออกจากอิน และมองอินที่ตาแดงก่ำ
   “ขาดกันไปแล้ว เราก็ขาดกันไปเลย มึงกะกูเราเดินไม่ตรงกันแล้วอ่ะโฟล์ค มึงอย่าพยายามเลย ไม่งั้นกูจะดูเหี้ยไปกว่านี้” อินว่า
   โฟล์คนิ่งสนิท
   “กูอึดอัด กูทำตัวไม่ถูก เวลาที่กูตัดสินใจอะไรไปแล้ว แต่มึงก็กลับเข้ามา มึงชอบทำให้กูดูโลเล เป็นคนตัดสินใจอะไรไม่ได้ กูไม่อยากเป็นไอ้ขี้แพ้ที่ทำอะไรไม่หนักแน่น มึงเข้าใจป้ะ” อินอธิบาย
   “กูไม่เคยมองมึงเป็นแบบนั้น”
   “แต่มึงทำแบบนั้น เพราะมึงชอบกูไม่ใช่อ่อ” อินพูดตรงประเด็นทันที และนั่นทำให้โฟล์คเงียบไป
   “กู... คือกู....”
   “กูรู้สึกดีนะเว่ย ที่มึงปกป้องกูตอนเรื่องไอ้กายอ่ะ แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว มึงก็... มีคนรอบตัวมึง... ที่มึงอาจจะสบายใจกว่า เข้าใจมึงมากกว่ากูแล้วด้วย เพราะงั้นกู....” อินพูดเสียงสั่น
   “กูกับฟ้าไม่ได้เป็นอะไรกันอิน มึงกำลังเข้าใจผิด” โฟล์คร้อง
   “ไม่เป็นไร ถึงมึงกับเค้าจะไม่ได้เป็นอะไรกัน แต่มันก็ไม่ได้เปลี่ยนอะไรนี่ มึงก็เห็น ว่ากูทำให้มึงดูเป็นยังไงที่บ้านคืนนั้น มึงรู้สึกว่ากูทำให้มึงเป็นคนอื่น เป็นส่วนเกินใช่มั้ย” อินพูด และนั่นก็เป็นเหมือนคำพูดที่ยิงตรงเข้าไปหาโฟล์คทันที
   “กู...คือกู....”
   “กูพยายามแล้วเว่ยโฟล์ค ที่จะหาที่ที่เหมาะกับเราสองคนในวันนั้น หรือในตอนนี้ แต่สุดท้าย กูก็เรียนรู้แล้วว่ามันไม่ได้... มันไม่.... มันไม่เสมอกันไปแล้วอ่ะโฟล์ค” อินพูดต่อ
   “ต้องเป็นพีทใช่ป่ะ” โฟล์คพูดขึ้นทันที และนั่นทำให้อินชะงัก “นั่นคือคนที่มึงกำลังจะบอกว่า... เดินตรงกับมึงใช่มั้ย มึงถึงให้เขาไปอยู่บ้านมึง แทนที่จะเป็นกูใช่มั้ย”
   เป็นอินที่เป็นฝ่ายเงียบขึ้นมาบ้าง และคราวนี้โฟล์คก็เริ่มจะเข้าใจอะไรมากขึ้น
   “โฟล์คกู...”
   “มึงถึงส่งข้อความมาว่าขอโทษงั้นดิ” โฟล์คว่าพลางเช็ดน้ำตาที่คลออยู่และเมินหน้าไปทางอื่น
   “กูก็อยากเก็บมึงไว้นะ แต่ถ้ามันจะทำให้เราสองคนอึดอัดทั้งคู่ มันก็ต้อง....”
   “เก็บกูไว้อ่อ... ทั้งหมดนี่ คือการกระทำของคนที่อยากเก็บกูไว้เหรออิน” โฟล์คพูดด้วยเสียงที่เข้มมากขึ้น
   “ถ้ามึงจะโกรธกูก็ได้นะ จะเห็นว่ากูเป็นคนที่โลเลก็ได้ แต่... กูไม่อยากให้มึงรู้สึกเหี้ยเพราะกูอีก” อินพูดพลางเอื้อมมือไปจับโฟล์ค แต่โฟล์คก็เป็นฝ่ายถอยตัวหนีแทน โฟล์คเดินสวนอินออกมาจากตรงนั้นทันที
   “โฟล์ค” อินร้องเรียกโฟล์คไว้ เหมือนกับตอนที่เขาลงจากรถมาเรียกไว้ที่บาร์คืนนั้น “กูไม่ได้จะไล่มึงนะ กูแค่ไม่อยาก...”
   “งั้นมึงตอบกูข้อนึงอิน ตอบกูหน่อย” โฟล์คหันมาถามอินอีกครั้งด้วยเสียงจริงจัง “มึงเคยรู้สึกกับกูบ้างหรือเปล่า รู้สึกเหมือนที่กูรู้สึกกับมึงอ่ะ”
   อินเงียบสนิท ขณะที่มองหน้าโฟล์ค
   “ถ้าทิ้งเรื่องทั้งหมดไป แล้วเริ่มต้นใหม่กับกู ตอนนี้วันนี้เลย ได้มั้ย” โฟล์คถามอีกครั้ง
   และแล้วมันก็กลายเป็นความเงียบ ความเงียบที่มีความหมายมากมายเหลือเกิน

   “กูขอโทษโฟล์ค”

   เวลาของโฟล์คย้อนกลับอีกครั้ง เหมือนกับที่มันเคยเป็น

...............


   “ขอโทษค่ะ ให้ปรับเก้าอี้ให้มั้ยคะ” พนักงานบนเครื่องบิน กล่าวกับโฟล์คเสียงสุภาพ ขณะที่เธอยื่นกาแฟมาให้กับเขาที่ที่นั่งบนเครื่อง
   “ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณมาก” โฟล์คยิ้มให้กับเธอ ขณะรับกาแฟมาไว้ในมือ ก่อนที่เธอจะเดินไปตามทางเดินที่แสงสลัว หลังจากที่ผู้โดยสารทั้งลำเริ่มเข้านอนกันไปหมดแล้ว เหลือเพียงเขาและเพื่อนร่วมทาง ที่ยังคงตาสว่าง หลังจากนั่งฟังเรื่องราวของกันและกันอยู่
   “แล้วก็จบกันแค่นั้นอ่ะเหรอ” มิกถามขึ้นหลังจากที่โฟล์คเงียบไปนาน โฟล์คยิ้มให้มิกเบาๆก่อนจะยกกาแฟขึ้นจิบ
   “ก็... ผมก็ทำตามที่เขานะ ผมก็ไม่ได้หายไป เราแค่...”
   “เว้นระยะกัน” มิกเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาแทน
   “คับ... ประมาณนั้น เราก็ยังเจอกันบ้าง ทักทายกันตามปกติ แล้วผมเองก็...เอ่อ...” โฟล์คพยายามพูดอะไรบางอย่าง
   “คุณมีคนอื่นไปแล้ว” มิกถามกลับ
   “ก็ไม่เชิงคับ ก็แค่... พยายามแล้ว แต่ก็ไม่รอด เพราะผม...” โฟล์คเงียบไปพักหนึ่ง “ผมลืมเค้าไม่ได้น่ะ มันเหมือนเป็นคำถามที่คาอยู่ในหัวผมตลอดเวลา แล้วผมก็ไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไรกันแน่ แต่สำหรับผม มันก็เป็นหลายปีที่อึดอัดเหมือนกัน จนผมก็งงว่า ที่เขาทำเพื่อไม่ให้ต้องอึดอัดกันทั้งสองฝ่ายเนี่ย สรุปมันเวิร์คหรือไม่เวิร์คกันแน่”
   “ผมว่าผมเข้าใจเค้านะ” มิกว่า
   “จริงเหรอ ผมไม่เคยเข้าใจเลยอ่ะ” โฟล์คพูดต่อทันที
   “เพราะมันก็เกิดขึ้นกับผมเหมือนกัน แล้ว ที่ผมที่ต้องมานั่งบนเครื่องกับคุณนี่ก็เพราะว่า สิ่งที่ผมเคยทำ เพื่อเว้นระยะห่างจากคนที่ผมรัก มันก็กำลังย้อนกลับมาทำร้ายผม เหมือนที่อินก็คงกำลังเป็นอยู่เหมือนกันมั้ง” มิกว่า
   “ผมได้ยินมาว่า ฟ้าเค้าแต่งงานแล้ว เมื่อปีก่อน” โฟล์คว่า
   “อ๋อ... คือเอ่อ...ไม่ใช่กับฟ้าหรอกคับ คือเอ่อ สุดท้ายแล้วผมไปไม่รอดกับฟ้านะโฟล์ค แล้วผมเองก็ ไม่ได้คุยกับฟ้ามาเป็นปีปีแล้วเหมือนกัน คือผมน่ะ คือผม...ผมมีแฟนเป็นผู้ชายเหมือนกันน่ะ” มิกว่า
   “อ้อ... คับ” โฟล์ครับคำ “คนที่ กายกับนัทกำลังส่งคุณไปหานี่ใช่มั้ย”
   “คับ เพราะผมก็เพิ่งมารู้เหมือนกัน ว่าเค้าต้องเจออะไรบ้าง คือ ที่ผมบอกว่าผมเข้าใจอินก็เพราะว่า ผมน่ะ ไม่เคยเดินเสมอกับคนที่ผมรักเหมือนกัน” มิกอธิบาย “ผมไม่เคยได้รู้ความจริงอีกด้านของเขาเลย”
   “ความจริงอีกด้านเหรอคับ” โฟล์คร้องถาม
   “ใช่... จริงๆ ผมว่าโฟล์คก็คงไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นคืนนั้นเหมือนกันงั้นดิ” มิกถามกลับ
   “คืนนั้น... คืนไหนคับ” โฟล์คถามกลับ
   “นั่นไง... มิน่าล่ะ กายถึงให้เราสองคนเดินทางด้วยกัน” มิกว่า พลางอมยิ้มให้กับตัวเอง
   “ผม... ผมไม่เข้าใจ”
   “ความจริงอีกด้านไงคับ....” มิกว่า “หลังจากที่อินไปส่งโฟล์คที่บาร์แล้วกลับมา”
   “จริงเหรอคับ” โฟล์คถาม
   “ใช่... พวกเรายังอยู่ที่นั่นกันถึงเช้า” มิกพูดต่อ “นี่อาจจะเป็นมุมมองที่โฟล์คไม่เคยรู้ก็ได้นะ”
   โฟล์คมองหน้ามิกราวกับไม่เคยเห็นเขามาก่อน หรือบางที มันอาจจะมีบางเรื่องที่เขาไม่เคยรู้มาก่อนซ่อนอยู่ในความสัมพันธ์ของเขากับอินกันนะ

...............
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-03-2020 18:49:05 โดย M2M_Jill »

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
เป็นผู้ล่า หรือถูกล่า ฆ่าชีวิต
จะว่าถูก หรือว่าผิด คิดตรงไหน
เป็นคนทิ้ง หรือถูกทิ้ง ต่างยังไง
มันต่างคน ก็ต่างไป ใช่อยู่ดี

แล้วแต่...หุหุ

ขอบคุณฮับ
อ่านหนุกมาก

ช้อบบบบบ..ชอบ

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
ตอนที่ 17 another perspective

   ออฟฟิศเล็กๆในลอนดอน เอิร์ธกำลังบิดขี้เกียจขณะที่อีเมล์เด้งขึ้นมาจากซูเม่ฝรั่งเศส มันแจ้งว่าอาร์ตบุ๊คของเขาไม่ผ่าน และพี่เจน แม่มดตัวร้ายหัวหน้างานของดีไซน์ของเขา สั่งให้แก้มันใหม่ทั้งเล่ม เขาเริ่มรู้สึกกลับมาโมโหเจนอีกครั้งหลังจากความรู้สึกนี้หายไปนาน เป็นได้ไหมนะที่เขาจะกลับมาทำความปราถนาเดิมของพี่ๆสตูดิโอสามแห่ง Lovable Studio กลับมาเป็นจริงอีกครั้งหนึ่ง คือเด็ดหัวเธอมาจิ้มน้ำพริก
   เอิร์ธปิดหน้าจอแมคลงขณะเดินไปที่หน้าต่าง มองไปยังตึกสูงที่อยู่ไม่ไกลจากย่านที่ออฟฟิศของเขาตั้งอยู่ใจกลางลอนดอน เขาคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาตั้งแต่เขาออกเดินทางจากเมืองไทย มันไกลและเนิ่นนานมาก เขาตั้งใจมาเพื่อวิ่งตามใครคนหนึ่ง โดยที่เขาไม่รู้ตัวเลยว่าเขากลางเป็นคนที่วิ่งนำและแซงหน้ามาก่อนแล้ว เขาไม่เคยวิ่งเสมอกับพี่มิกเลยซักครั้ง และมันกลายเป็นว่าวันนี้ เขากำลังกลายเป็นคนที่จะต้องนั่งทำงานเพียงลำพังโดยไม่สนว่าความรักคืออะไร เป็นหนึ่งในคนที่ใช้ชีวิตในสังคมไร้รักอย่างเต็มรูปแบบ เหมือนอย่างที่พี่กายกับพี่เจนเคยเป็น
   แต่ในเมื่อเขาเลือกความทะเยอะทะยานนี้เอง มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะมานั่งเสียใจสินะ
   เขาถอนหายใจ หวังว่าการแก้อาร์ตบุ๊ครอบนี้คงเป็นครั้งสุดท้ายซักที มันมีอะไรในนั้นที่ขาดไปหรือไงกัน พี่เจนถึงยังไม่โอเค หรือบางทีความเป็นครีเอทีฟในตัวของเขายังไม่พอกันนะ
   หากพี่มิกมาอยู่กะเขาที่นี่ด้วยก็คงดี
   ก๊อก ก๊อก!
   เสียงเคาะประตูดังขึ้น
   “เข้ามาได้คับ” เอิร์ธหันไปตอบ ขณะที่ร่างของชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้อง
   “มอนิ่งคับน้องเอิร์ธ” เขากล่าวทักทายขณะที่แขวนโค้ทของเสื้อตัวเองไว้กับที่แขวน
   “มาแต่เช้าเลยพี่ ขอบคุณที่มาคับ นั่งก่อน พี่จะดื่มอะไรมั้ย เดี๋ยวผมให้...”
   “เห้ย ไม่ต้อง สบายๆน้อง” เขายิ้มให้เอิร์ธอย่างอ่อนโยน ก่อนจะนั่งลง “พี่เห็นเมล์แล้วนะ โดนแก้ใช่มั้ย”
   เอิร์ธถอนหายใจก่อนจะลั่งทันที พลางทำหน้าเบื่อหน่ายส่งมา
   “ทำงานกับพี่เจนนะ พี่จะไม่มีทางเบื่อเลย” เอิร์ธว่าพลางเหลือบตาอย่างไม่สบอารมณ์นัก “แต่รอบนี้เอาตรงๆผมก็มึนนะ เพราะไม่รู้จะแก้อะไรแล้วเหมือนกัน ”
   “ทำตามบรีฟเก่าของเค้าแล้วหรือยัง” ชายหนุ่มร้องถาม
   “ทำแล้วพี่ แต่พี่เจนอ่ะ ก็เงี้ย” เอิร์ธยิ้มให้
   “บางทีเอิร์ธอาจจะต้องลงไปเคี่ยวกับส่วนอาร์ตไดเรคชั่นให้ดีกว่านี้มั้ง” เขาเริ่มให้คำแนะนำ “แต่เจนเค้าสนใจเอาท์คัม ไม่ใช่โปรเสด เพราะงั้นพี่อาจจะต้องถ่ายรูปใหม่หมดให้เอิร์ธด้วย”
   “คับ อาจจะต้องรบกวนพี่หน่อย ส่วนเรื่องอาร์ตได ผมมีเพื่อนอยู่ปารีส แต่มันก็ติดทำสาขาที่โน่น ผมก็พยายามที่จะหามาประจำที่นี่อยู่เหมือนกัน แต่รอบนี้เราคงต้องลุยกันไปก่อน” เอิร์ธว่า
   “หรือไม่ รอบนี้พี่ว่าเอิร์ธเดินช้าลงหน่อยดีมั้ย จะคริสต์มาสแล้ว พักบ้างก็ดีนะ”
   “พี่เจนฉีกอกผมแน่อ่ะ” เอิร์ธว่าต่อ
   “ไม่หรอก เดี๋ยวพี่คุยให้เอง” ชายหนุ่มยักคิ้วให้ “พี่ว่า เรานี่ไฟแรงไม่เบาเลยอ่ะ เพลาๆบ้าง แค่นี้แกก็เป็นซีเนียร์ดีไซน์เนอร์ที่อายุน้อยที่สุดที่พี่เคยรู้จักแล้วเนี่ย”
   เอิร์ธมองช่างภาพตรงหน้าตัวเอง ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ
   “ให้ตายเหอะ พี่นี่เหมือนพระเจ้าส่งมาให้ผมเลยนะรู้ตัวป่ะ พี่เป็นคนเดียวเลยอ่ะ ที่รู้ว่าผมเป็นไง แถมพี่กายกับพี่เจนก็ยอมฟังพี่ด้วย” เอิร์ธพูด “ผมกะไอ้วินนะ พูดจนน้ำลายแห้ง ไม่เคยได้ผลอ่ะ”
   “ไม่ขนาดนั้นหรอก พี่ก็แค่ปรับให้งานมันยืดหยุ่นขึ้น กายกับเจนเค้าแค่ ไม่ชอบอะไรชักช้า แต่จริงๆแล้วอ่ะ บางอย่างมัน...รอได้” ชายหนุ่มตอบ “และทั้งคู่ก็น่าจะรู้แล้วว่า ถึงจุดนึง ก็ต้องหัดรอซะบ้าง โลกไม่ได้หมุนรอบเค้าสองคนน่ะ”
   ทั้งคู่หัวเราะกับความจริงข้อนั้นอยู่พักหนึ่ง
   “โอเค พักก็พัก รอก็รอคับผม” เอิร์ธว่าพลางยิ้มอย่างไม่สดชื่นนัก “แต่เอาตรงๆนะ ผมก็ยังไม่เข้าใจ ทำไมพี่เจนถึงส่งมาพี่มาอ่ะ.... พี่ไปรู้จักเค้าตั้งแต่เมื่อไหร่ พี่... มาอยู่กับพวกเราได้ไงอ่ะ.... พี่อิน”
   อินยิ้มกว้างให้เอิร์ธ
   “มาอยู่กับพวกนายได้ไงอ่ะเหรอ จริงๆมันก็เร็วๆนี้เอง พี่เองก็เจอกายเค้าที่งานหมั้นเมื่อปีกลาย แต่ถ้าจะถามว่าพี่รู้จักเค้าสองคนได้ไงนี่มัน.... ยาวมากนะ จะฟังเหรอ” อินพูดต่อ
   “วันนี้เราไม่มีไรทำอยู่แล้วนี่พี่ถ้าพี่ให้ผมรออะ งั้น เราไปหาไรกินกันป่ะ เดี๋ยวผมเลี้ยง” เอิร์ธพูดเสียงใส
   “เจนเตือนมาว่าแกแสบ” อินหรี่ตามองเด็กหนุ่ม “ไม่ใช่ว่าจะหาวิธีล้วงความลับเจนจากพี่หรอกนะ”
   “โห... เจ๊แม่งร้าย ดูออกว่ะ” เอิร์ธร้องทันทีพลางทำตาโตและหัวเราะเสียงดัง “ไม่ใช่นะพี่... โห ผมดูแย่เลยอ่ะ คือ... ผมแค่อยากรู้จักพี่ไงแบบว่า ไหนๆก็ต้องอยู่ที่นี่ด้วยกัน ถ้าพี่รู้จักพวกพี่กายพี่เจนมานาน ผมก็อยากรู้จักพี่มากขึ้นไงคับ”
   “แน่ใจ...” อินยังคงเหล่ตาถาม
   “ค้าบบบ... ผมอยากฟังเรื่องจากปากพี่บ้างไง นะคร้าบ” เอิร์ธส่งเสียงอ้อน อินหัวเราะให้กับท่าทางของเด็กหนุ่มตรงหน้าอยู่อย่างนั้น ก่อนจะถอนหายใจและเงียบเสียงไปพักนึง
   “ฟังแล้วแกอาจจะไม่ชอบพี่เลยก็ได้นะเว่ย”
   อินพูดเสียงเรียบ ขณะที่มองหน้าเอิร์ธอยู่อย่างนั้น เมื่อห้วงเวลาแห่งความทรงจำมันหวนคืนมาหาตัวเค้าเอง

............

   “ไม่ใช่ๆ แกต้องมองอีกมุมนึง” เสียงของสาพูดกับนัท ที่กำลังง่วนอยู่กับภาพในแมคจอใหญ่ในห้องชมรมถ่ายภาพ “โอ๊ยยย นัท ไม่ใช่ ไปกันใหญ่แล้ว อินมันถ่ายแบบทิ้งสเปซไง หมุนสิ แกไม่เข้าใจที่มันสื่อเหรอเนี่ย”
   “โอ๊ยยย เยอะสิ่งมาก เอาใหม่ก่อน เดี๋ยวใจเย็นๆ” นัทพยายามตั้งสติขณะที่หมุนเมาส์ในมือ
   “ไหวไหมเนี่ยเหอะ สองคน” อินขณะเก็บของขณะที่มองเพื่อนร่วมชมรมอย่างไม่รู้จะช่วยอย่างไรดี “ให้อยู่ช่วยก่อนมั้ย”
   “ไม่เป็นไรๆ อินกลับไปคณะเถอะ เดี๋ยวพีทเขาว่าเอา” สาออกตัวพูดก่อน
   “ใช่ เพราะถ้าแกอยู่นะ จะยาวอ่ะ เราจะลากแกมาช่วยทำทีสิสด้วย” นัทหันไปพูดเสียงเข้ม
   “โอ่ยๆๆๆ งั้นพอก่อน นี่ก็มีโปรเจ็คจบที่ต้องทำเหมือนกันคับผม” อินรีบยกมือขึ้นห้าม
   “ดี งั้นรีบไปซะก่อนที่เราจะเอาโซ่ล่ามแกไว้ที่นี่อิน” นัทว่า
   “โอเคๆ ไปละ ไว้เจอกัน ส่วนเรื่องฉลองไว้นัดอีกทีละกันนะ”
   “รอไปก่อนเลยจ้ะ รอฉันกับจากปารีสก่อน” สาพูดแทน
   “ได้ นัดมาละกัน” อินเหวี่ยงกระเป๋าขึ้นไหล่ก่อนจะโบกมือลาทั้งคู่เดินออกมาจากห้องชมรมโฟโต้ ใต้ตึกคณะสถาปัตย์ แม้ว่าชมรมโฟโต้ปีนี้ อาจารย์ไนเจลจะย้ายมาเปิดที่คณะสถาปัตย์ที่อยู่อีกวิทยาเขตนึง แต่อินก็ยังคงตามมาช่วยงานชมรมอยู่ไม่ขาด แม้ว่าในเทอมสุดท้ายของปีสี่ โปรเจ็คจบของเขากำลังจะฆ่าเขาแล้วก็ตามที แต่ก็ด้วยคำขอของสา ที่ดูเหมือนเธอและเพื่อนสนิทของเธออย่างนัท และมิก มีความตั้งใจจะเอางานตัวเองไปจัดแสดงที่แกลอรี่เมืองนอก การทำภาพโมเดลแกลอรี่ให้ออกมาสมบูรณ์ก็เหมือนจะเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเธอ แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจในความละเอียดในทุกกระเบียดของพวกเด็กถาปัตย์ แต่การได้เข้ามาเรียนรู้งานกับพวกเขา มันก็ทำให้เขาเอาไปปรับใช้กับงานนิเทศน์ของเขาได้
   เมื่อเลี้ยวออกจากมุมตึกของคณะเพื่อไปขึ้นรถระหว่างวิทยาเขต เขาก็เจอเข้ากับเพื่อนของนัทและสา ที่เขาไม่ค่อยจะได้เจอมาพักใหญ่แล้ว และเหมือนว่าจะเดินมากับผู้หญิงคนที่เขาคุ้นหน้าเป็นอย่างดี
   “อ้าวเห้ย นั่นเดี๋ยวนะ... อินป้ะ อินนิเทศน์ป้ะ” มิกร้องทัก
   “ใช่คับ... นาย... มิก...ใช่ป่ะ หวัดดีๆ” อินทักตอบ “โห ไม่เจอกันนานเลย”
   “ใช่ นี่อย่าบอกนะ ว่าสามันลากมาช่วยงานชมรมอ่ะ” มิกร้องทัก ขณะที่อินยักไหล่ตอบเบาๆ “เชี่ย ไอ้สาตัวแสบ ปีสี่แล้วยังลากนายมาอีกนะเห้ย เกินไปแล้ว”
   “ไม่ป็นไร ก็พอจะปลีกตัวมาช่วยได้อยู่ นานๆได้กลับชมรมก็ดีเหมือนกัน” อินร้องตอบ “ว่าแต่ ได้ข่าวว่าจะไปจัดแกลทีสิสที่ปารีสกันเหรอ”
   “โอ้ ข่าวไว”
   “เห้ยจริงเหรอมิก ไม่เห็นเล่าให้ฟ้าฟังเลย” ฟ้าส่งเสียงร้องแทรกขึ้นมา
   “ก็นะ...พอ คณะเราจะจัดฟิลด์ทริปให้น้องปีสองไปดูงานที่ลูฟว์ แล้วก็เลยมาถามๆเด็กปีสี่คอมเดสว่าอยากลองท้าทายตัวเอง พ่วงเอางานไปขึ้นแกลที่โน่นเลยไหม” มิกเริ่มเล่า “นัทมันก็เลยตอบตกลง มันแม่งอยากนำเสนองานตัวเองอยู่แล้วด้วย”
   “งานนัทเหรอ... นัทลงมาวาดภาพเป็นทีสิสเหรอ” ฟ้าถาม
   “ภาพสื่อผสมอ่ะ ชื่อ Loveless Society” มิกหันไปตอบ
   “ใช่ เราช่วยออกแบบแกลให้อยู่ตะกี้อ่ะ” อินว่า
   “เนี่ยน้าพวกมันอ่ะ เร่งทำทีสิสให้จบก่อนคนอื่น เพราะอยากเอางานไปแสดงเมืองนอก แล้วก็มาเดือดร้อนคนอื่นเค้าเหอะ” มิกว่า “ไอ้สาอ่ะตัวดี พอมันทำของมันไม่ทัน มันก็เที่ยวขอให้คนอื่นช่วยไปหมดนั่นแหะ”
   “แล้วมิกก็จะไปด้วยใช่ป่ะ” อินถามขึ้น ขณะที่มิกยิ้มตอบรับ “แล้วฟ้าล่ะ อักษรโหดเหรอคับ”
   “กับคนอื่นก็อาจจะไม่ แต่กับเรามันก็นิดหน่อยน่ะ เราอาจจะเหมาะกับอาร์ตมากกว่ามั้ง” ฟ้ายิ้มแห้งๆ “เอ้อ... แต่ตอนนี้ทุกคนๆก็น่าจะปิดโปรเจ็คกันหมดแล้วหรือเปล่า”
   “เหรอ ไม่รู้เลย เราไม่ได้ตามใครเลยช่วงนี้ ทีสิสโหดเหมือนกัน” มิกตอบเธอ “นายอ่ะ”
   “อ๋อ... นิเทศเหลือพรีเซนต์กันรอบสุดท้ายอ่ะ เด็กโฆษณาไม่โหดเท่าพวกเด็กฟิล์มก็จริง แต่ทำการตลาดกันหัวหมุนเลย” อินว่า “นี่ก็กำลังจะไปลุยกับพีทแล้วพริมมันอ่ะ”
   “โอเค งั้นไว้เจอกัน” ฟ้าพูดพลางเดินนำไปที่คณะกับมิก
   “เอ้อมิก... เมื่อกี้ก่อนออกมา เรากับสาแล้วก็นัทคุยกันว่า พวกเราที่เรียนโฆษณาเป็นวิชาเลือกน่าจะไปฉลองไฟนอลพรีเซนต์ด้วยกันอ่ะ” อินว่า “แต่เห็นว่านายสามคนจะไปปารีสกันก่อน ก็เลยคิดว่าเดี๋ยวรอพวกนายกลับมา ก็ฉลองพร้อมกันเลยดีไหม คือนายไม่ได้อยู่ในคลาส แต่ขอก็ชวนไว้ก่อนเลย เพราะเดี๋ยวสากะนัทก็ต้องลากนายไปด้วยอยู่แล้วใช่ไหมล่ะ ก็ไว้ฉลองทีเดียวเลย”
   “อ้าวเหรอ ได้ๆ ร้านไหนอ่ะ” มิกว่า
   “ยังไม่รู้เลย เมื่อกี้ว่าจะไว้กลับมาค่อยคุยกันอ่ะ” อินตอบ
   “อืม... ร้านคอกเทลล์บาร์ดาดฟ้าที่ท่าเตียนก็ดีนะ เรากะฟ้าเคยไปวาดรูปวัดอรุณที่นั่นกันด้วย เครื่องดื่มโคตรดีเลย” มิกพูดขึ้นพลางมองไปหาฟ้า ที่ตอนนี้เธอเลิกคิ้วขึ้นทันที ก่อนจะมองมาหาอิน
   “เอ่อ... โอ้... ใช่เอ่อ... เราเคยไปร้านนั้นกันนี่เนอะ” ฟ้าพูดเสียงสั่น
   “ดีมั้ย เหมือนจำได้ว่า เพื่อนฟ้าก็ทำงานที่นั่นใช่ป่ะ เค้าชื่อไรนะ...เอ่อ...ชื่อเอ่อ....” มิกพูดพลางพยายามนึกชื่อ
   “งั้นเดี๋ยวเราไปก่อน เดี๋ยวไม่ทันรถ... ขอให้ทริปปารีสสนุกนะ” อินยิ้มให้ทั้งคู่ก่อนจะเดินจากมา
   มันจะต้องเป็นอย่างนี้ทุกทีสินะ เวลาที่เขาเข้ามายุ่มย่ามกับแกงค์นี้ มันเหมือนพวกเขาใช้แวดวงศิลปะดึงดูดเขาเข้าไปเจอเรื่องอึดอัดอย่างนั้นแหละ
   เขาไม่อยากจะกลับไปเจอความรู้สึกแบบนั้นอีกแล้ว
   ถึงแม้ว่าเขาจะพยายามไม่คิดถึงแล้วก็ตาม
   โฟล์ค....

...........
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-04-2020 18:01:13 โดย M2M_Jill »

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
สาดแสงเงา เทาทาบ อาบผืนผ้า
วาดไปตาม จินตนา หาความหมาย
กลับหม่นมัว กลั้วภาพ อันตราย
ดูคลับคล้าย กระหายรัก ที่พักกลัว

อยากจะเดินฝ่าสายฝน
..แต่ก็ยังกลัวเปียก..
ป๊อดว่ะ หุหุ

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
ตอนที่ 18 The Corner

“แคมเปญอันนี้ใช้ได้เลย อาจารย์ชอบแน่ อีกอย่างถ้าเราสำรวจกลุ่มลูกค้าดีดี จะเห็นว่าพฤติกรรมการใช้จ่ายเปลี่ยนไปแล้ว ฉะนั้นลงออนไลน์ไปเลย” พีทพูดขณะที่ชี้ไปยังหน้าจอคอมของพริม
   “มันก็ใช่ แต่ว่าพอมันเป็นออนไลน์อ่ะ มีเดียมันก็จะใช้เยอะขึ้น แล้วอาจารย์เค้าก็ดูเอียนๆกะออนไลน์ป้ะ แบบ มันไม่มีอะไรเห็นเป็นรูปธรรม จับต้องได้ไรงี้” พริมเสริมขึ้นมา “หรือว่าไง”
   “ลองโทรถามนัทไหมล่ะ จำได้ว่าตอนคลาสโฆษณาตอนปีสอง นัทมันเก่งเรื่องทำออนไลน์เป็นตัวเลข” พีทพูด
   “ไม่ได้หรอก นัท สา มิกไม่อยู่ ไปจัดแกลที่ปารีสกันอาทิตย์นึง” อินพูดขึ้นขณะนั่งแก้สไลด์ตัวเองอยู่ข้างๆ
   “เอ๊าจริงดิ ไปตั้งแต่เมื่อไหร่” พริมหันมาถาม “สองสามวันก่อนมั้ง ไม่ชัวร์ แต่ยังไม่กลับ”
   “โอ๊ย นี่ว่าจะให้สาเขามาช่วยถ่ายรูปให้หน่อย” พริมว่า
   “เห ได้แบบแล้วอ่อ” พีทหันมาถาม
   “ได้แล้ว มาร์คไง” พริมร้อง
   “มาร์ค... ที่เรียนสื่อสารการแสดงอ่ะนะ” พีทถาม
   “ใช่ เค้าดูดูกันอยู่นะรู้ป่าว มาร์คกะสาอ่ะ” พริมพูดขำขำ ขณะที่เริ่มเขียนผังการทำงานลงไปใหม่ “งั้นอิน แกถ่ายแทนได้ป่ะ”
   “เหย...” อินส่งเสียงมาทันที
   “นะนะ ไม่งั้นงานนี้ไม่เสร็จซะทีอ่ะ มาร์คมันก็คิวได้แค่ช่วงนี้ด้วยอ่ะ” พริมหันไปพูด
   “โหย... รอแฟนเค้ามาถ่ายเองไม่ดีกว่าเหรอ รู้งานกันอยู่แล้วอ่ะ” อินว่า
   “มันไม่ทันไงคะ ไม่ได้ยินที่พูดเหรอเนี่ย” พริมว่า
   “คือ... กูกลัวไปทำโจทย์เค้าเสียไง แบบ ถ้ามึงรอ....”
   “อิน... หยุดเลย ห้ามปฏิเสธ” พริมหันมาพูดใส่ “ฝีมือแกโอเค โจทย์ไม่เสียหรอกน่า พูดไปนั่น พีทจัดการเพื่อนเธอทีสิ เดี๋ยวมา ขอไปเอาเมมการ์ดก่อน”
   พริมมองค้อนอินแว้บหนึ่งที่ได้นั่งน้ำท่วมปาก ขณะที่เธอเดินออกไปจากโต๊ะใต้คณะ อินถอนหายใจคณะที่มองเธอเดินจากไป พลางเหลือบมองโจทย์ในคอมของสาที่เธอทิ้งไว้
   ทันใดนั้นพีทก็เอามือมาแตะไหล่ของอินไว้ทันที
   “เมื่อไหร่มึงจะเลิกทำตัวเล็กๆซะทีหะ” พีทพูดขึ้น
   “อะไรวะ” อินหันไปมองพีท
   “ก็มึงอ่ะ ชอบทำเหมือนว่าตัวเองไม่เก่ง แม่งไม่จริงเลยนะเว่ย มึงอ่ะ มีศักยภาพนะ แต่มึงชอบหลบอ่ะ หลบโน่นหลบนี่ แล้วก็เชี่ยไรไม่เสร็จซะที” พีทพูดต่อ
   “มึงจำอาจารย์มาพูดป่ะเนี่ยหะ” อินพูดแซว แต่พีทก็โอบไหล่ของอินมาแน่นขึ้น
   “กูอยู่บ้านมึงมาสองปี กูรู้ว่ามึงนิสัยยังไง” พีทว่า “กู อยากให้มึง ดึงของออกมาใช้ได้แล้ว งานสุดท้ายแล้วนะเว่ย ปล่อยของดิ”
   “นี่มันงานพริมมั้ย กูไม่อยากทำงานเค้าพัง” อินพูด
   “ไม่ทำพังหรอก กูเชื่อใจมึงน่า” พีทบีบไหล่ของอินไว้แน่น และมองเข้ามาในตาของเขาอยู่อย่างนั้น
   “ขนาดนั้นเลย” อินพูดเสียงสั่น
   “กูเคยบอกมึงแล้วนะ กูไม่เคยเห็นมึงกระจอกหรืออ่อนเลยนะอิน มึงเป็นตัวของตัวเองได้แล้ว”
   อินฟังคำพูดของพีทและมองหน้าของเขาอยู่อย่างนั้น
   เขาไม่ใช่คนอ่อนแอ... ใช่ เขาไม่ใช่คนแบบนั้น
   และก็เป็นพีททุกครั้ง ที่พูดกับเขาแบบนี้
   “ยังไงคะ สองหนุ่ม” พริมเดิมกลับมาอีกครั้ง ขณะที่พีทตบไหล่อินสองที และลุกขึ้นให้พริมนั่งที่เดิมของเธอ “ยังไงคะคุณอิน สรุปจะช่วยมั้ย”
   “เออ... ก็ได้” อินพูดพลางเหล่มองพีทแว้บนึง “ส่งบรีฟมาละกัน”
   “ก็แค่เนี้ย”

...............

   อินเดินมาถึงร้านกาแฟที่หัวมุมถนนหน้ามหาวิทยาลัย เขาถอนหายใจหนึ่งครั้ง ก่อนจะเดินไปในร้านและเริ่มสั่งกาแฟ
   “คาปูชิโน่ร้อนคับ หวานปกติ” อินยิ้มให้กับพนักงานก่อนจะไปหาเก้าอี้นั่งลงเงียบๆอยู่มุมหนึ่ง เขามองออกไปนอกร้านดูผู้คนที่เดินไปมาอยู่พักนึง และปล่อยให้จิตใจล่องลอยออกไป ก่อนที่ไม่นานแก้วกาแฟจะถูกวางลงตรงหน้าเขา
   “ขอบคุณคับ” เขาเอ่ยขึ้น พร้อมกับมองคนที่เอากาแฟมาให้เขามานั่งลงตรงข้ามเขา เขามองหน้าเธออย่างว่างเปล่าอยู่ครั้งหนึ่ง เลิกคิ้วยิ้มให้พอเป็นพิธีก่อนจะยกกาแฟขึ้นจิบ
   “เป็นไร หน้าเป็นตูด” เธอส่งเสียงมา
   “มาถึงก็คอมเมนต์เลยนะฟ้า” อินว่าเสียงเรียบ “ก็ยิ้มให้แล้วไง”
   “เห้อ เธอกับมันนี่ต้องเหมือนกันไปทุกอย่างหรือไงนะ” ฟ้านั่งพิงพนักเก้าอี้พลางถอนหายใจ
   “นัดมามีอะไร” อินถามเข้าประเด็นทันที
   “โห... ไม่ต้องทำเย็นชาขนาดนั้นก็ได้ นี่เราเองไม่ใช่มัน” ฟ้ารีบออกตัวก่อน
   “เปล่า ไม่ได้อะไร แต่ ไม่ทำโปรเจ็คหรือไงเล่า” อินว่า
   “ทำน่ะมันทำแหละ แต่... อีกสองวันพวกมิกเค้าจะกลับมาแล้ว” ฟ้าพูดต่อ
   “อ่าหะ แล้วไง” อินถาม
   “แล้วไง?... ก็เรื่องฉลองไง” ฟ้าว่า
   “โอ่ย อีกสองวันทางนิเทศน์ก็ต้องพรีเซนต์เหมือนกัน ให้ผ่านไปก่อนได้ไหมล่ะ” อินว่า
   “รู้แล้ว แต่มันก็หมายความว่า หมดวันศุกร์นี้ทุกคนก็ถือว่าจบหมดแล้วป้ะ” ฟ้าว่า
   “อ่าหะ ก็ใช่...” อินว่า
   “แล้วถ้าจะเป็นร้านนั้น เธอจะยังโอเคอยู่ไหม” ฟ้าถามขึ้น และนั่นทำอินกลับมารู้สึกอึดอัดอีกครั้ง
   “ม...ไม่รู้” อินส่ายหน้า พลางมองออกไปนอกร้าน และนั่นทำให้ฟ้ามองเขาด้วยสายตาห่วงใย
   “ยังไม่หายโกรธมันอีกเหรอ” ฟ้าพูด
   “เปล่า ไม่ได้โกรธ” อินว่า “ก็แค่ไม่ได้เจอกันบ่อยตั้งแต่ตอนนั้น ก็เลยไม่รู้ว่า จะต้องทำตัวไงถ้าต้องกลับมาเจอกัน แล้วนี่รวมกันกี่คนนะ แปดป้ะ เดี๋ยวก็เป็นเรื่องอีกอ่ะ”
   อินหันกลับมาพูด แม้ว่าจะพยายามปรับเสียงให้ดูปกติมากที่สุด
   “วันนั้นมันไม่มีใครมีเรื่องเลยเว่ยอิน เธอนั่นแหละที่คิดมาก” ฟ้าพูด “และถ้าเราไม่ช่วยพูดให้เธอกลับไปที่....”
   “ฟ้า...มันเริ่มต้นใหม่ไปแล้ว” อินพูดตัดบทเธอขึ้นมา
   ฟ้าเงียบเสียงลงทันที ทั้งคู่ได้แต่มองหน้ากันอยู่อย่างนั้น ขณะที่นั่งมองตากัน อินก้มหน้าลงและจับแก้วกาแฟของตัวเองด้วยมือที่เย็นเฉียบ
   “เราไม่อยากพูดถึงเรื่องนั้นอีกอ่ะ เราต่างคนต่างไปแล้วฟ้า” อินพูดต่อ
   ฟ้าหายใจเข้าลึก พยายามหาคำพูดที่เหมาะสม
   “ที่เราจะพยายามจะพูดนะอิน คือ... เราไม่อยากให้เธอต้องลำบากใจ เพราะเรารู้ว่าโฟล์ค เค้าไม่เคยอยากให้เธอรู้สึกแบบนั้น” ฟ้าว่า “ที่เราพยายามมาเจอเธออยู่เรื่อยๆ คือเราแค่อยากช่วย แล้วก็ ไม่อยากต้องลำบากใจกันทั้งสองฝ่าย”
   อินยิ้มให้เธอ
   “ขอบใจฟ้า เราไม่ว่าอะไรเธอนะ เราแค่...เราแค่พยายามใช้ชีวิตต่อ” อินพูด “เราต่างก็ต้องไปต่อไม่ใช่อ่อ แล้วก็ดูดิ สองปีแล้วมั้ง ก็อยู่กันได้นี่ สบาย”
   ฟ้าเหล่ตามองอินอย่างไม่เชื่อนัก
   “ก็ถึงมาถามนี่ไงว่า ถ้าจะต้องเจอกันที่นั่นอีก จะโอเคมั้ย” ฟ้าถาม
   “ไม่โอมันก็ต้องโอป้ะ มันก็ต้องเป็นงั้น ไม่ต้องห่วง จัดการได้น่า” อินยิ้มให้เธอ
   “เธอสองคนเหมือนกันมาก” ฟ้าว่า “เหมือนกันมากจริงๆ”
   “เธอพูดตั้งแต่คืนนั้นแล้ว”

..............

   อินปิดประตูรถลงมาและเดินกลับเข้าบ้านมาอย่างหัวเสีย โฟล์คไม่เข้าใจอะไรทั้งนั้น มันไม่เคยเข้าใจสิ่งที่เขารู้สึก และพยายามทำเหมือนว่าเขาเป็นคนอ่อนแอ ดูแลตัวเองไม่ได้ ซึ่งมันไม่จริง เขารู้ไม่ใช่ไอ้ตัวรั้งท้ายของ Zodiac อีกแล้ว และมันก็หมดเวลาที่เขาทั้งสองคนจะต้องกลับไปเล่นบทนั้นกันอีก มันไม่ใช่
   “โอ๊ะ...”
   อินเดินชนเข้ากับเพื่อนของโฟล์คที่กำลังเดินออกมาจากบ้านพอดี
   “โอ๊ะ ขอโทษๆ เอ่อ... เป็นไรมั้ย” อินประคองตัวเธอไว้
   “ไม่เป็นไรๆ โอเคค่ะ...เอ่อ...อิน ใช่มั้ย” ฟ้าร้องทัก “เมื่อกี้ขับไปส่งโฟล์คที่ร้านเรียร้อยดีนะ”
   “คับ... เรียบร้อยดี... แล้วเอ่อ... จะกลับแล้วเหรอคับ ไม่อยู่กินข้าวด้วยกันก่อนเหรอ แม่จะทำข้าวต้มให้นะ” อินถาม
   “ไม่ได้อ่ะค่ะ เดี๋ยวหอปิด” ฟ้ายิ้มให้
   “งั้นให้ผมไปส่ง” อินถาม
   “อ๋อไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวมิกไปส่ง เขาเข้าห้องน้ำอยู่” ฟ้ายิ้มให้ แต่เธอก็สังเกตเห็นรังสีผิดปกติออกมาจากหน้าของอิน มันคุ้นตาเธอชอบกล
   “มีอะไรกันหรือเปล่าคะ กับโฟล์คน่ะ” ฟ้าถามขึ้นทันที
   “เปล่าคับ ไม่มี” อินยิ้มให้เธอ
   “ว่าแล้วเชียว” ฟ้าพูดทันที
   “คับ?” อินร้องถาม
   “ก็ โฟล์คก็ชอบพูดแบบนี้อ่ะ เวลาพูดถึงอิน” ฟ้ายิ้มให้อิน
   “พูด...ถึงผมเหรอ” อินส่งเสียงด้วยความสงสัย
   “เอ่อ” ฟ้าหันหลังกลับเข้าไปมองในบ้าน เห็นว่ามิกกำลังกล่าวร่ำลากับเพื่อนๆของเขา รวมถึงคุณแม่ของอินด้วย “ฟ้าว่ามันคงจะซับซ้อนขึ้นไปอีก ถ้าต้องพูดอ้อม เพราะหลายวันที่ผ่านมานี้ ทุกอย่างมันอ้อมไปอ้อมมาไปหมด งั้นฟ้าขอพูดกับอินตรงๆนะ”
   อินเงียบสนิททันที
   “อินน่าจะรู้อยู่แล้วว่า การมาทำงานที่บ้านอินวันนี้มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ รู้ใช่มั้ย” ฟ้าพูดอย่างตรงไปตรงมาทันที
   อินหลบสายตาลง ก่อนจะพยักหน้า
   “ฟ้าไม่ได้ตั้งใจจะวุ่นวายเรื่องส่วนตัวของอินหรือของโฟล์คแต่... ฟ้าขอพูดตามความรู้สึกนะคะ เราว่า โฟล์คมันชอบอินจริงๆล่ะ” ฟ้าพูดทันที และนั่นทำให้อินหลับตาลงสนิท “เราไม่รู้ว่าสมัยก่อน เธอสองคนทะเลาะอะไรกันแต่... เราว่าบางที มาถึงวันนี้ ก็น่าจะคุยกันดีดีนะ เพราะโฟล์คเค้าก็ รอเวลาที่จะได้เจออินมาตลอดอ่ะ”
   “เหรอคับ... เค้าเนี่ยนะ” อินร้องถาม
   “ใช่ค่ะ พอเค้าเจอเธอที่คณะถาปัตย์ เค้าก็มาจี้เอากับเรา ช่วยกันสืบเสาะ จนมาผ่านพีทนี่แหละ” ฟ้าว่า “ก็เลยมาเป็นวันนี้นี่แหละ ฟังดูเป็นสโตกเกอร์เนอะ แต่... วุ่นวายกันมาหลายอาทิตย์แล้วแหละ เพราะฉะนั้น อย่าไล่มันเลย คุยกันดีดีเถอะ”
   “ผมก็แค่...ทำตัวไม่ถูกอ่ะ ไม่รู้ว่ามันจะต้องเป็นไง” อินว่า “ไม่รู้สึกแปลกๆกันเหรอ คนสามคณะมาอยู่รวมกัน มัน... ดูไม่เข้ากันหรือเปล่า”
   “เราว่าไม่นะ ดูเรากับมิกสิ” ฟ้าพูดขณะที่มิกเดินออกมาจากบ้านพอดี
   “อ้าว กลับมาแล้วเหรอ” มิกร้องทัก “เราจะไปส่งฟ้าพอดีอ่ะ”
   อินไม่ได้ตอบอะไรได้แต่ยิ้มแห้งๆให้เธอ
   “ฟ้าไปยัง” มิกเดินไปยังไอ้เต่าทองของเขาที่จอดอยู่ถัดไป
   “ได้ๆ” ฟ้าร้องตอบ ก่อนจะหันกลับมามองอินอีกครั้ง “เราว่าเธอสองคนเข้ากันได้ดีอยู่นะ... ไม่ได้ตัดขาดออกจากกันหรอก ออกจะเหมือนกันมากๆด้วยซ้ำ ไว้เจอกันนะคะอิน”
   เธอเดินไปยังรถสีแดงของมิก ขณะที่ทิ้งก้อนบางอย่างไว้ในหัวของเขาอยู่อย่างนั้น

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
อลวนอลเวงครื้นเครงบุรี..ชิ้บ
ปิดเปิดเปิดปิดเดี๋ยวห่างเดี๋ยวชิดผลุบโผล่..หาย
หุหุ

ตามลุ้นตามติด เป็นสโตกเกอร์เรื่องนี้เลย
อิอิ

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
ตอนที่ 19 Past Calling

“อิน อิน... ฟังอยู่ไหม” ฟ้าร้องเรียกเขา ขณะที่เขาเงียบไปนาน
   “อ๋อ...ฟัง” อินหันกลับมาหาเธอ
   “งั้นถ้าพวกมิกเลือกร้านนั้น ก็คือตามนั้นนะ” ฟ้าพูด
   “อื้อ... ได้..” อินตอบ
   “แต่เธอจะไม่เทใช่มั้ย” ฟ้าถาม
   “ยังไงก็ต้องไปกับพีทอยู่แล้ว” อินว่า “ขอบใจมากนะ ที่มาบอกอ่ะ”
   “อื้อ... งั้นเรากลับละ บายนะ” ฟ้าโบกมือลา ก่อนจะเดินออกจากร้านกาแฟไป อินยิ้มส่งลาเธอ ก่อนจะหันกลับมาจมกับตัวเอง
   เขาไม่ชอบเลยจริงๆ กับอะไรแบบนี้ ฟ้าเป็นคนน่ารัก และเขาก็ไม่แปลกใจเลยที่โฟล์ครู้สึกสบายใจและมีเธอเป็นเพื่อนตลอดหลายปีที่ผ่านมา เธอมักจะมีคำพูดชวนให้ฟุ้งฝันและอ่อนโยน แต่ก็มีโลกส่วนตัวที่เธอชอบหายไปหายมา ไม่ได้รุกล้ำความคิดของคนอื่นเข้ามาจนเขาลำบากใจ
   และเพราะเธอเป็นแบบนี้ เขาจึงไม่อยากจะปฏิเสธเธอในเรื่องต่างๆ หลังจากที่พีทฝากพรีเซนต์มาให้เธอตอนนั้น จนถึงปีสี่ เขาก็ออกมาพบเธออยู่บ่อยครั้งเวลาเธอนัดมากินกาแฟที่นี่ เขาก็ปฏิเสธเธอไม่ลง
   การกลับไปร้านบาร์ดาดฟ้าอีกครั้ง คงเป็นอีกเรื่อง ที่เขาไม่กล้าที่จะปฏิเสธเธอ
   เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เมื่ออินหยิบมาดูก็ปรากฎเบอร์ที่ไม่คุ้นเคย
   “ฮัลโหลคับ”
   “ฮัลโหลๆ นั่นอินป่าว” เสียงอันคุ้นหูดังมาจากปลายสาย
   “อ่าา ใช่คับ” อินตอบ
   “เช้ดโด้ว เจอตัวแล้วว่ะ เฮ้ยอิน เป็นไงบ้าง สบายดีป่าว” เสียงนั้นยังคงทักทายหาเขาไม่หยุด
   “เอ่อ... โทษทีคับ นั่นใครอ่ะ” อินร้องถาม
   “เอ๊าไอ้นี่ จำเพื่อนไม่ได้ว่ะ กูเอง มอสไง”
   เสียงของมอสทำเอาเขาตาลุกโพลง ถึงกับหยิบโทรศัพท์มาดูหน้าจออีกครั้ง
   “มอส.... เชี่ยมอสอ่ะนะ....” อินร้องเสียงดัง
   “ใช่แล้วคับผม ผมมอสสุดหล่อแห่ง Zodiac เองฮว๊าฟ” เสียงของมอสที่เหมือนหลุดออกมาจากอดีต ลอยผ่านโทรศัพท์มา
   อินพ่นลมออกมาจากปากครั้งหนึ่ง
   “โห เอ่อ..หวัดดี” อินพูดเสียงตะกุกตะกัก “เอ่อ...เป็นไงมาไงเนี่ย”
   “ก็คิดถึงดิวะสัส กว่าจะล่าเบอร์มึงมาได้นี่ยากชิบหาย แล้วมึงอยู่ไหนเนี่ย พวกกูอยากเจอมึง” มอสร้องถามมา
   “พ...พวกกู” อินทวนคำอีกครั้ง
   “เบนซ์มันกลับมาจากฝรั่งเศสแล้ว แล้วมันอยากเจอพวกเรา อยากเจอมึง” มอสพูด
   “งั้นอ่อ...” อินถาม
   “นี่เบอร์มึงผูกกับไลน์ไว้หรือเปล่า กูแอดไว้นะ เดี๋ยวทักไปอีกที” มอสพูด “ดีใจที่มึงรับสายกูนะเว่ย เดี๋ยวไว้คุยกัน”
   “เอ่อ... เดี๋ยว คือเดี๋ยว...”
   เสียงตัดสายเงียบสนิทไป อินมองโทรศัพท์อย่างงงงวย มันดูเหมือนว่าบ่ายที่ไม่มีเรียนของเขาในวันนี้ เต็มไปด้วยเสียงเรียกจากเรื่องที่เขาอากจะลืมอยู่นั่น
   แต่เดี๋ยวก่อน ไอ้มอสจะหาเบอร์เขามาได้ยังไง ในเมื่อเขาตัดการติดต่อกับ Zodiac ไปหลายปีแล้ว

   ติ๊ง!!!

   เสียงข้อความดังขึ้น อินหยิบมือถือขึ้นมาดูอีกครั้ง

   -MOSS- กูเองนะ พรุ่งนี้เย็นๆว่างป่าว มาเจอกันหน่อยดิ

   อินถอนหายใจ พยายามคิดหาคำพูดที่เหมาะสม

   AP.i เดี๋ยวกูบอกอีกทีละกัน

   เขาพิมพ์ตอบไป ก่อนที่ข้อความจะขึ้น Read และเงียบไปพักหนึ่ง

   -MOSS- มีแค่กู กะเชี่ยเบนซ์ มึงไม่ต้องคิดเยอะสัส เดี๋ยวกูส่งโลเกชั่นให้

   เขามองข้อความนั้นก่อนจะถอนหายใจ

...............

   หลังจากการคิดอยู่หลายตลบตลอดคืน อินก็คิดได้ว่า การออกไปเจอมอสและเบนซ์แค่สองคน มันก็ไม่ได้มีอะไรเสียหาย กินข้าวแค่มื้อเดียว ทักทายกันเล็กน้อย มันก็ไม่น่าจะมีอะไรผิดแปลก แต่ทว่าในเย็นของวันรุ่งขึ้น กลับกลายเป็นวันสายฝนที่โหมกกระหน่ำอย่างหนัก เหมือนเป็นสัญญาณว่ากำลังจะเข้าสู่ช่วงกลางปี
   อินลงจากรถวิ่งเข้าบ้านของมอส รังของ Zodiac ที่เขาเกือบจะจำทางเข้าบ้านของมันไม่ได้แล้ว เมื่อเข้ามาถึงชั้นล่าง มันก็น่าแปลกใจตรงที่ ชั้นล่างนั้นโล่งสนิท ของทุกอย่างที่เขาเคยจำได้ลางๆว่าวางอยู่ตรงไหนนั้น มันหายเกลี้ยงไปหมด ความโล่งนี้ มันทำเอาเขาแปลกประหลาดใจ
   “เห้ยยยยย เค้ามาแล้วว่ะ ไอ้ตูดของกู” มอสเดินลงบันไดมาพร้อมร้องเสียงดัง
   “ว่าไงมึง” อินร้องทักไปยังมอส ที่ดูตัวสูงขึ้นและดูอ้วนขึ้นกว่าเดิม มันเดินตรงมาหาเขาและอ้าแขนทันที
   “คิดถึงมึงโคตรอ่ะ” มอสว่า
   “หยุดๆ มึงไม่ต้องมาดราม่า” อินร้อง
   “อะไรวะ เพื่อนฝูง กูอยากเจอมึงที่สุดเลยรู้ป่าว” มอสไม่สนใจคว้าตัวอินมากอดไว้ อินส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะกอดมอสกลับเป็นพิธี ขณะที่ได้ยินเสียงลงบันไดมา และคนตรงหน้านั้นคือเบนซ์ ที่ตอนนี้อยู่ในชุดที่ดูดี รูปร่างหน้าตาทรงผม ทุกอย่างที่เขาเห็นตรงบันไดนั้น ดูเป็นคนละคนกับเบนซ์ที่เขาเคยรู้จัก
   “ไงมึง” อินส่งเสียงเรียบๆไปหา แต่เบนซ์ไม่รีรอ มันลงบันไดมาอย่างว่องไว และคว้าตัวอินมากอดไว้อีกคน เบนซ์กอดอินไว้แน่นเอามากๆ จนเขารู้สึกได้
   “มึงหายไปไอ้สัด ไม่อยู่ให้กูขอบคุณเลย” เบนซ์พูดในอ้อมกอดของอิน
   “ขอบคุณเรื่องไรวะ” อินร้องถาม พลางตบไหล่เพื่อนเบาๆ ก่อนที่เบนซ์จะผละออกมา
   “มึงทำให้กูได้ไปไง” เบนซ์พูดเสียงเรียบ ขณะที่อินยิ้มให้เบนซ์อย่างรู้สึกแปลบเบาๆข้างใน เรื่องราวในวันนั้นแทบจะหายไปจากความทรงจำของเขาแล้ว
   “เออ... กราบกูด้วยดิ” อินพูดขำขำ
   “ไอ้เวร” เบนซ์ต่อยเข้าให้ที่ไหล่ของอินเบาๆ
   “แล้วไงเนี่ย จบแล้วอ่อ” อินถาม
   “เออ กูกลับมาแล้ว วีซ่าหมดอ่ะ ไม่ได้ต่อเวิร์คเพอมิต ก็เลยว่ากลับไทยก็ได้วะ” เบนซ์ตอบ “มึงเปลี่ยนชีวิตกูเลยนะเว่ยอิน”
   และก็เข้าสู่ความเงียบอีกครั้ง อินได้แต่มองหน้าเบนซ์อยู่ย่างนั้น เขาเองก็จินตนาการไม่ออกเหมือนกันว่า ถ้าเขาไม่สละสิทธิ์ทุนนั้น ชีวิตของเขากับเบนซ์อาจจะสลับขั้วกันก็ได้
   “มามา ขึ้นไปดื่มคับผม” มอสรีบออกตัวชวนทันที ซึ่งนั่นทำให้อินหัวเราะเบาเบา ไอ้มอสยังคงเป็นสายปาร์ตี้ตามเดิมไม่มีเปลี่ยน และเมื่อขึ้นไปถึงห้องเดิมของมอส อินก็ต้องชะงักงัน เมื่อคนที่นั่งอยู่บนโซฟาในห้องของมอส คือคนที่เขาไม่คิดว่าจะได้เจอ
   “เป็นไงไอ้โฟล์ค มึงซัดไปคนเดียวหมดป่ะเนี่ย” มอสเอ่ยทักโฟล์คที่หันมาชูนิ้วกลางใส่มอส เบนซ์เดินไปนั่งข้างๆโฟล์ค ขณะที่มอสเดินไปที่ตู้เย็นและหยิบเบียร์มาเพิ่ม
   อินมองไปยังโฟล์คที่หันมามองหน้าเขาและยิ้มให้เบาๆครั้งหนึ่งก่อนจะหันคุยกับเบนซ์
   “เอ๊า มึงจะยืนทำแป๊ะอะไร นั่งดิ มา แดกคับ” มอสยื่นขวดให้อิน ที่รับขวดมาก่อนจะนั่งลงรงหน้าหม้อชาบูที่อยู่กับพื้น
   “นี่มึงแดกกันแต่หัววันเลยงั้นดิ” อินพูดณะที่ยกขึ้นดื่ม
   “จะรออะไรวะ นานๆทีเจอกัน” มอสว่า
   “เออว่าจะถาม ทำไมบ้านมึงโล่งๆวะ ของเก็บไปไหนหมดอ่ะ” เบนซ์ถามขึ้น
   “อ๋อ ป๊ากูเข้าจะย้ายบ้าน” มอสตอบ
   “อ้าว มึงจะไม่อยู่นี่แล้วอ่อ” เบนซ์ร้องถาม
   “จริงๆกูก็ไม่ได้อยู่เท่าไหร่แล้วว่ะ ตั้งแต่ไปเรียนเชียงใหม่ กูก็ไปอยู่ที่นั่นยาวเลย แล้วป๊ากูก็ไม่รู้ขึ้นไปหากูบ่อยหรือไง ดันดีลกับซัพพลายเออร์ที่นั่นได้ แม่งก็ยาวเลยอ่ะ” มอสเริ่มเล่า “มึงถามมันสองตัวดิ ตั้งแต่แยกกัน นี่ก็เพิ่งกลับมาเจอกันเนี่ย ใช่ป่ะ”
   “อ่านะ” อินตอบอ้ำอึ้งพลางทำเป็นใช้ตะเกียบคีบหมูจากหม้อเข้าปาก “แล้วมึงไปหาเบอร์กูมาได้ไง”
   “กูเอาให้มันเองอ่ะ” โฟล์คตอบเรียบๆ พลางหยิบหมูลงใส่หม้อ อินเงียบเสียงไปพักหนึ่ง โดยไม่รู้ตัวเลยว่าเขาค้างมือที่จับตะเกียบไว้อยู่อย่างนั้น และพยายามห้ามตัวเองอย่างยิ่ง ที่จะไม่หันไปมองเข้าของคำพูด
   “เออ มึงสองตัว อยู่ ม.เดียวกัน ได้เจอกันมั้งป่ะ” เบนซ์หันมาถามเขา
   “อ๋อ...ก็”
   “ไม่ค่อยอ่ะ กูไม่ค่อยว่าง” โฟล์คชิงตอบก่อน แม้จะไม่มองหน้าอิน “กูทำงานด้วย ก็เลยไม่ค่อยได้เข้ากิจกรรม”
   “อ่อ...” เบนซ์ตอบ “มึงอ่ะอิน”
   “กูก็เรื่อยๆอ่ะ เวลากูไม่ตรงกับมัน เจอกันยาก” อินตอบเสียงเรียบเช่นกัน
   “มึงเหอะ อยู่นั่นเจอไอ้กายมั่งป่ะ”
   ประโยคของโฟล์ค ทำเอาทั้งวงเงียบเสียงลงทันที มอสถึงกับสำลักเบียร์ที่กำลังกระดกเข้าคอ ก่อนจะมองไปรอบๆวง ที่อยู่ในภาวะกระอักกระอ่วนกันหมด
   “มึงเปิดได้ดีนะไอ้เชี่ยโฟล์ค” มอสวางขวดลงพลางเช็ดปาก
   “กูไม่ได้เจอ” เบนซ์พูดทันที “เห็นมันครั้งสุดท้ายตอนไปรายงานผลทุน จำได้ว่าสายวิชาที่มันลงก็แปลก เดี๋ยวอาร์ต เดี๋ยวดีไซน์ แม่งเก็บทุกตัวในสายงาน มันก็เลยต้องทำงานหนักที่นั่น”
   มอสเหล่ตามองเบนซ์อยู่อย่างนั้น
   “เอาความจริงไอ้สัส”
   เบนซ์เลิกคิ้วก่อนจะหยิบหมูมากินบ้าง
   “เออ... กูไม่อยากเจอมันด้วยแหละ” เบนซ์ตอบ “เห็นมันแล้วกูรู้สึกเหี้ยที่ได้ทุน เหมือนกู....”
   “ไอ้เบนซ์ กูสละสิทธิ์เอง มึงไม่ต้องคิดเรื่องนั้นแล้ว” อินพูดขึ้นแทรก
   “แต่กลุ่มแตกนะเว่ย มึงจะให้กูรู้สึกไง” เบนซ์ตอบ
   “ถ้าจะมีคนรู้สึกผิดอ่ะ ต้องเป็นคนที่หายไปจากกลุ่มเองป่ะวะ ไม่น่าจะใช่มึงอ่ะ” โฟล์คพูดขึ้น พลางกระดกเบียร์ขึ้นจิบ และนั่นทำให้อินถึงกับหน้าร้อนผ่าว และหันไปมองหน้าโฟล์คอยู่แว้บหนึ่ง
   “เออ... นั่นแหละที่กูจะบอก มึงไม่ต้องไปไรกับมันหรอก มึงมาลงที่กูดีกว่า” อินพูด
   “เห้ยๆๆๆ พอพอ กูไม่ได้นัดพวกมึงมาขุดเรื่องเก่าๆมาตีกันอีก” มอสว่า “กูนัดพวกมึงมาอ่ะ กูอยากให้พวกเราแม่งกลับมาคุยกัน”
   “หึ” เบนซ์หัวเราะเบาๆ “ก็ไม่เห็นสำเร็จนี่มึง ทำไมมึงไม่ชวนมันมาด้วยอ่ะ”
   “ชวนแล้ว มันบอกมันมาไม่ได้” มอสว่า
   “เห็นป่ะ มันทิ้งพวกเราแล้ว มันก็ทิ้งเลย มันกลับไทยมาพักนึงแล้วรู้ป้ะ” เบนซ์ตอบ “ถ้าแม่งจะมา แม่งก็มาได้เว่ย มึงไม่ต้องพยายามหรอกไอ้มอส ไอ้กายอ่ะ มัน...”
   “ไอ้เบนซ์ แม่ไอ้กายเสียเมื่อวาน” มอสพูดขึ้นเสียงดัง เบนซ์ถึงกับหยุดชะงัก ทั้งวงกลับมาเงียบสนิท อินถึงกับถอนหายใจ และวางตะเกียบลงทันที
   “อ้อ” เบนซ์พ่นลมออกมาเบาๆ
   “กูรู้แล้วว่ามันกลับไปมาไทยช่วงปีที่ผ่านมาอ่ะ เพราะแม่งต้องบินไปหนองคายไปดูแม่มัน” มอสพูดต่อ “กูเจอมันที่สนามบิน ช่วงที่กูก็บินไปเรียนเชียงใหม่”
   “มึงติดต่อกับมันอยู่ตลอดอ่อวะ” โฟล์คถาม
   “ก็เออดิวะ” มอสว่า “กูรู้นะว่าพวกมึงสามตัวโกรธมันอ่ะ โดยเฉพาะมึงไอ้อิน แต่ที่กูเรียกพวกมึงมาเจอกันอ่ะ คือกูจะชวนพวกมึงไปงานศพแม่มันที่หนองคาย อย่างน้อยก็ไปเผาวันพฤหัสนี้”
   เบนซ์เป็นอีกคนที่วางขวดลง ทั้งวงยังคงเงียบสนิท
   “เห้ยไม่เอาดิวะ กลับไปเจอกัน คุยกันให้รู้เรื่อง โตโตกันแล้วนะเว่ย จะโกรธเชี่ยไรกันวะ” มอสว่า “ไอ้เบนซ์ มึงก็ควรไปป่ะวะ มึงไปเรียนกะมันมานะเว่ย มึงจะทำเป็นไม่รู้เรื่องนี้ไม่ได้”
   เบนซ์ถอนหายใจครังหนึ่ง
   “เออ...” เบนซ์ว่า “กูก็นึกแล้วเชียว ว่าทำไมแม่งโทรมชิบ ตอนที่เจอวันรายงานทุน”
   “แล้วมึงไม่เสือกเข้าไปถามไถ่เพื่อนมึงเนอะ ไอ้เวร” มอสว่า “มึงอ่ะโฟล์ค”
   “ก็ได้ เดี๋ยวกูลางานที่ร้านให้” โฟล์คพูดขึ้น “อีกอย่าง กูไม่ใช่คนที่มีปัญหา”
   “มึงอ่ะอิน” มอสหันมาถามเขา
   นี่มันมากไปแล้ว เขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อต้องมาตัดสินใจอะไรแบบนี้
   “กู... คือกู....”
   “หึ” โฟล์คหัวเราะเบาๆในลำคอ พลางยกเบียร์ขึ้นดื่มอีกครั้ง โฟล์ครู้สึกหน้าร้อนขึ้นมากกว่าเดิม
   “เห้ย... ไม่เอาดิ” มอสพูดต่อ “เพื่อนกันนะเว่ย”
   “มันไม่อยากไป มึงก็ไม่ต้องไปบังคับมันไอ้มอส” โฟล์คพูดต่อ “มันเริ่มต้นใหม่ไปแล้ว มึงลากมันมานั่งอยู่นี่ได้ มึงต้องขอบคุณมันด้วยซ้ำมั้ง”
   อินเหลือบตาไปมองโฟล์คที่ไม่แม้แต่จะมองหน้าเขาอีกครั้ง
   “เอ๊า ก็กูอยาก....”
   “เออ...กูจะไป” อินว่า “ถ้าพวกมึงอยากให้กูเคลียร์ เดี๋ยวกูจัดให้ พอใจพวกมึงแล้วช้ะ”
   อินคว้าขวดเบียร์มา แล้วยกขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด
...............
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-04-2020 14:40:23 โดย M2M_Jill »

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
ตอนที่ 20 Swap

อินเดินลงมาจากชั้นสอง หลังจากที่ปาร์ตี้เล็กๆของ Zodiac จบลงแล้ว แต่ทว่าฝนก็ยังตกอยู่ มอสเดินมาเปิดประตูหน้าบ้านของตัวเองออก ขณะที่พวกเขาที่เหลือเดินตามออกมา
   “เชี่ยอิน กูขอบคุณมากนะเว่ย ที่มึงยอมออกมาเจอกู แล้วก็ ยอมไปงาน” มอสว่า
   อินหันหลังกลับมา มองไปยังโฟล์คที่กำลังคุยอยู่กับเบนซ์
   “เออ อย่าลืมส่งทุกอย่างมาละกัน” อินว่า
   “ได้ ไว้ทักไป” มอสพูด “เบนซ์มึงขับรถมาช้ะ”
   “ใช่ๆ เดี๋ยวกูไปก่อน กูมีงานต้องไปเคลียร์ว่ะ” เบนซ์พูด
   “อ่าๆ เจอกันมึง” มอสกล่าวลาเบนซ์ที่ไม่รีรอ วิ่งฝ่าสายฝนออกจากประตูบ้านมอสไปยังฝั่งตรงข้ามที่รถจอดอยู่
   “แม่งพอเรียนจบก่อนคนอื่น ก็ทำงานก่อนเลยว่ะ ไอ้นี่” มอสบ่นขณะมองเบนซ์ขับรถออกไป “ฝนยังตกอยู่เลย อินมึงก็เอารถมานี่ มึงกลับทางไหนวะ ไม่เอาไอ้โฟล์คติดไปด้วยอ่ะ”
   “อ่าหะ....”
   “ไม่ต้องอ่ะ” โฟล์ครีบพูดทันที “มันอยู่คนละทางกะกูแล้ว”
   “เอ๊า นึกว่ามึงจะกลับ ม. มึงกัน” มอสว่า
   “เปล่าอ่ะ เดี๋ยวแฟนกูมารับ” โฟล์คพูดพลางยิ้มให้มอสทันที “อ้ะ... นั่นไง”
   รถคันหนึ่งจอดเทียบที่หน้าบ้านห้องแถวของมอสชิดอยู่กับประตูทันที เมื่อกระจกเปิดออก ใบหน้าของคนที่อินเคยเจอในคืนนั้นปรากฎอยู่ที่เบาะคนขับ
   “โฟล์ค ไปกันยัง”
   “คับพี่บอล” โฟล์ครับคำ “ไว้เจอกันพวกมึง”
   โฟล์คบอกลาทุกคนและเดินตัดผ่านประตูบ้านไป อินหลบสายตาลงขณะที่โฟล์คเดินผ่านเขาไปขึ้นรถคันนั้นก่อนที่มันจะแล่นจากไป
   อินมองสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าอย่างชินชา โดยไม่ทันสังเกตว่ามอสเองกำลังตกใจกับสิ่งที่เพิ่งเห็นเหมือนกัน
   “เชี่ย” มอสพูดกับตัวเอง ก่อนจะหันมามองอิน ที่ยิ้มให้มอส
   “กู...กลับละ” อินว่าก่อนจะหันหลังเดินออกจากบ้านไป
   “กูว่าไม่ใช่” มอสพูดเสียงดัง “ไม่ใช่แน่ๆ”
   อินหันหลังกลับมามองเพื่อน
   “อะไรไม่ใช่”
   “มันจะมีคนอื่นได้ไง ก็มันชอบมึงอยู่คนเดียว” มอสว่า อินขมวดคิ้วทันที
   “หะ มึง...”
   “เออ กูรู้ ตั้งแต่แรกด้วย” มอสบอกทันที “มันไม่ได้บอกกู แต่กูรู้ กูดูแม่งออกตั้งแต่ที่มันคว้ามึงมาจูบแล้ว ตอน ม.5 มึงจำได้ป่าว”
   อินเงียบสนิททันที พลางเมินหน้าไปทางอื่น
   “อ่อ... นี่คือ ที่มึงอ้ำอึ้งๆกันสองคนตะกี้” มอสเดินมาใกล้อินมากขึ้น “มึงสองตัวคงไม่ได้ยุ่งจนไม่ได้เจอกันจริงๆหรอกมั้งกูว่า”
   มอสมองหน้าอินที่หายใจถี่พลางมองหน้าอินอยู่อย่างนั้น ก่อนจะเงียบกันไปพักหนึ่ง
   “อะไร” อินพูดเสียงสั่น
   “กูจำสายตาแบบนี้ได้” มอสว่า “กูเคยเห็นคนที่มีอาการแบบนี้ ที่นี่แหละ เมื่อตอน ม.5 วันที่มึงไปต่อกับเด็กเซนโย แล้วไม่มาบ้านกู”
   อินหลบสายตาลง
   “นี่มึง...ปฏิเสธมัน...” มอสพูดพลางหรี่ตา “ไม่ไม่ไม่ ไม่ง่ายอย่างนั้น มึงมันไอ้ตัวซับซ้อน เชี่ยอิน”
   มอสยังคงมองหน้าอินและประเมิณอะไรบางอย่าง
   “อ่อ... มึงปอด” มอสพูดต่อ
   “มึงว่าไงนะ” อินร้อง
   “มึงไม่กล้าจะเก็บมันไว้” มอสพูด “กูไม่รู้ว่าทำไม แต่มึงกลัว และกูก็ไม่รู้ว่ามึงกลัวเชี่ยไร”
   “มึง...มั่วละ” อินว่า
   “เชี่ยอิน กูรู้สันดานพวกมึงทุกตัว” มอสว่า “กูรู้ว่าต้องดีลกับพวกมึงยังไง ถึงจะกลับมาคุยกันได้ ไม่งั้นกูลากพวกมึงไปจเอไอ้กายที่งานศพเลยก็ได้ แต่กูเอามึงมาเจอกะกูก่อน เพราะกูอยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง ช่วงที่กูไปเรียนเชียงใหม่ และตอนนี้กูรู้แล้วว่าไอ้โฟล์คคิดผิด”
   มอสเงียบไปพักหนึ่ง
   “มันคงไม่รู้ว่า มันไม่ได้หมดหวังซะทีเดียวแล้วละมั้ง” มอสว่า
   “กูไม่ได้คิด....”
   “มึงไม่ต้องพูดไอ้อิน มึงกลับไปคิดทบทวนดีดี” มอสว่า “กูบอกมึงได้แค่ว่า ที่ไอ้โฟล์คมันทำ ที่มึงทำ เล่นเหี้ยไรใส่กันตอนนี้ พวกมึงหลอกตัวเองกันก็ได้ แต่มึงหลอกเทพมอสไม่ได้คับผม”
   มอสยิ้มกริ่มใส่อิน
   “กลับบ้านดีดีเพื่อน”
.............

   “เสร็จแล้วอาจารย์ก็ถามคำถามผม ตอนแรกผมก็กังวลนะคับ แต่กลายเป็นว่าคำถามอาจารย์เค้าคือว่า โมเดลนี้มีคนสนใจดีลไปหรือยัง ถ้าไม่มีอาจารย์เขาจะขอให้ผมลองไปคุยกับทางลูกค้าที่เขารู้จักดู” เสียงของพีทดังขึ้นที่โต๊ะอาหารกลางบ้าน
   “จริงเหรอ ไม่ใช่ว่ามึงโชว์พราวเองก่อนตอนแรกไม่ใช่อ่อ” อินพูดขณะที่กำลังกดแก้รูปสุดท้ายบนโต๊ะกินข้าว
   “อิจฉาเหรอคับมึง” พีทยักคิ้วให้อินที่ส่ายหน้าให้เขาอย่างเบื่อหน่าย
   “งี้ก็หมายความว่าถ้าพีทเรียนจบ ก็คงได้ไปช่วยงานคุณพ่อแล้วมั้งเนี่ย” แม่ของอินยิ้มกว้างให้ ก่อนจะวางกับข้าวอีกสองจานลงที่โต๊ะ
   “ผมบอกคุณพ่อแล้ว ว่าผมขอไปลุยเรื่องลงทุนดีกว่าน่ะคับ” พีทยิ้มกริ่ม
   “แม่ สรุปนี่พีทมันลูกเพื่อนแม่ หรือลูกแม่กันแน่อ่ะ” อินพูดใส่แม่ของเขา
   “เอ๊า ก็เพื่อนแม่เค้าฝากพีทไว้กับแม่ แม่ก็ต้องดูแลสิ และที่สำคัญ พีทเค้าก็เก่งจะตาย” แม่อินเดินไปโอบตัวพีทเอาไว้ ขณะที่เจ้าตัวหันมายักคิ้วใส่อินด้วยสีหน้ากวน “เราเหอะ พรีเซนต์ไฟนอลเป็นไงบ้าง”
   “โอเคคับ ก็... ดีสำหรับการอดนอนมาสี่วันอ่ะแม่” อินว่า
   “เห้อ ลูกแม่สองคนจะเรียนจบซะที” แม่ของอินนั่งลงและเอื้อมมือมาจับพีทและอินไว้ “มาจ้ะ รีบกิน เดี๋ยวจะเย็น”
   “วันนี้แม่จะออกไปอีกป่ะ” อินถาม
   “อ๋อไปสิ... แม่มีงานต้องไปเคลียร์รอบดึก แต่คงไม่ดึกมากเท่าไหร่หรอก ไม่เกินเที่ยงคืนแม่ก็คงกลับแล้ว” แม่อินว่า “ทำไม จะเอารถไปไหน”
   “เปล่า น้ำมันจะหมดแล้ว แม่อย่าลืมเติมนะ”
   ทั้งคู่ตักอาหารทานกัน ขณะที่เสียงโทรศัพท์ของพีทดังขึ้น เขากดรับทันที
   “ว่าไงพริม” พีทถามขณะที่ฟังพริม เขาหันมาอินครั้งหนึ่ง “อ้อเหรอ... เอ้อ... เหรอ.... ก็...ก็ได้แหละ ไม่ได้ซีเรียส แต่... มันไม่เห็นบอกเลย..... อ่า....อ่า ได้ได้... งั้นไว้เสาร์หน้า โอเค บายคับผม”
   พีทกดวางโทรศัพท์ไป พลางหันมาหาอิน
   “มึงกะเด็กอักษรจะไปหนองคายอ่อ” พีทถามขึ้นทันที อินถึงกับสำลักน้ำเบาๆ
   “หืม... มึงรู้ได้ไง” อินถามต่อ
   “พริมโทรมาบอก ว่าทางเด็กถาปัตย์เขาขอเลื่อนปาร์ตี้ออกไป เพราะเพื่อนฟ้าเค้าไม่ว่าง ต้องไปหนองคายกะมึงอ่ะ” พีทว่า
   “อ้าว อินจะไปหนองคายกะโฟล์คเหรอ” แม่ร้องถาม
   “อ๋อ... เอ่อ... คับแม่ คือ... แม่จำไอ้กายได้ไหม” อินตอบเสียงเรียบ “คือ... แม่มันเสียแล้ว”
   “ตายจริง” แม่อินส่งเสียงเศร้า “แล้ว...สวดกี่วันล่ะเนี่ย”
   “ก็...ผมไม่ชัวร์อ่ะ แต่ ผมกับเพื่อนๆโรงเรียนเก่า จะไปงานเผาเลย ที่หนองคาย บ้านไอ้กายอ่ะแม่” อินว่าก่อนจะหันไปหาพีท “โทษทีที่มันชนปาร์ตี้ แต่เลื่อนไปก่อนก็ทันมั้ง”
   “เออ... ไม่เป็นไรหรอก มึงก็แทนที่จะบอกกูนะ” พีทว่า
   “ก็มัวแต่ยุ่งพรีเซนต์ไง กูก็ลืม” อินตอบ
   “แล้วจองตั๋วอะไรเรียบร้อยหรือยังลูก” แม่ถาม
   “คับ มอสมันจัดการอ่ะแม่ เดี๋ยวมันบอกวันนี้” อินตอบ
   “จะไปแล้วบอกแม่ด้วยนะ แม่อยากฝากเงินช่วยทำบุญ” อินตอบรับขณะที่ตัดข้าวกินต่อ “แล้วพีทล่ะ ได้คุยกับพ่อบ้างหรือเปล่าหึเรา”
   “ก็... คุยคับ พ่อจะกลับจากฝรั่งเศสแล้วคับ หมดโปรเจ็คกับลูกค่าที่โน่นแล้ว เดือนหน้าพ่อก็จะกลับมาดูแลสตูดิโอโฆษณาเค้าที่นี่เหมือนเดิมแล้ว” พีทยิ้มกว้าง
   “เอ๊า งี้พีทก็ต้องไปแล้วสิ” แม่ของอินพูดเสียงเศร้า
   “ก็... อาจจะไม่มั้งคับ” พีทพูดเสียงกวนๆ พลางเหล่มองมาทางอิน “ถ้าแม่ให้ผมอยู่ ผมก็อยากอยู่นะ”
   “โอ๊ย แม่น่ะ ยินดีให้พีทอยู่ได้เสมออยู่แล้ว พ่อเรานั่นแหละ สรุปจะเอายังไงเนี่ย แม่ก็ยังไม่รู้เลย” เธอกล่าว
   “แล้ว...แม่ได้คุยกับคุณพ่อบ้างหรือเปล่าคับ” พีทร้องถาม
   “ก็... ไม่ได้คุยหลายเดือนแล้วจ้ะ ต่างคนต่างยุ่งอ่ะ แต่พัฒน์เค้าก็ฝากให้แม่ดูแลเราดีดีนั่นแหละ” เธอยิ้มให้พีท ขณะที่ยกน้ำขึ้นมาจิบ “แต่จริงๆ ทั้งพีททั้งอิน ถ้าจบสายงานนี้กันทั้งคู่ เรียนจบแล้วก็น่าจะไปทำงานที่เอเจนซี่ของพัฒน์เค้านะ มันชื่อเอ่อ...อะไรนะพีท”
   “Lovable Studio คับ” พีทตอบ
   “นั่นแหละ แม่ว่าพัฒน์เค้าน่าจะอยากได้ทีมโฆษณาดีดีอยู่นะ ว่าไงล่ะอิน” เธอยังคงถามต่อ
   “เอ่อ...ใจเย็นก่อนไหมแม่ ให้พ่อพีทเค้ากลับมาก่อนแล้วค่อยว่ากัน” อินยิ้มเฝื่อนๆ
   “ถ้ามึงจะทำอ่ะ กูช่วยพูดกับพ่อกูได้นะ” พีทหันมาพูดพร้อมรอยยิ้ม
   “อื้อ...ขอบใจ”

..........
   มื้ออาหารเย็นเป็นไปอย่างราบรื่น หลังจากที่แม่ของอินขับรถออกไปเคลียร์งานกะดึกเหมือนอย่างที่ทำประจำแล้ว อินและพีทก็กำลังช่วยกันล้างจานเหมือนทุกครั้งที่ได้กินอาหารร่วมกัน อินมองจากหน้าต่างครัวออกไป ขณะที่รถของแม่เขาแล่นออกจากบ้าน
   ทันใดนั้นพีทก็กระโจนเข้ามาโอบไหล่เขาไว้จากด้านหลัง
   “เหม่อไรวะมึง” พีทพูดพลางมองตามอินออกไป แม้ว่าใบหน้าของเขาจะใกล้อินมากขึ้นทุกที
   “เปล่า...” อินตัดบท พลางล้านจานต่อ
   “อยากดูแลแม่อ่อ” พีทพูดเหมือนอ่านใจเขาได้เหมือนทุกที อินหันไปมองหน้าพีทที่ยังคงมองตามอินออกไปยังหน้าบ้านที่ว่างเปล่า
   “ก็...นะ” อินพูด​ “มึงก็เห็นอ่ะ แม่กูเค้าสายพลัง เว้นกะเย็นเข้ามาดูแลกูกะมึง แล้วก็ออกไปอีก ทำแบบนี้มา จะสิบปีแล้วอ่ะ”
   “มึงก็จะเรียนจบแล้วไง ทำงานกะพ่อกู มีกูอยู่ด้วย ช่วยมึงดูแลแม่ เจ๋งป่ะ” พีทพูดต่อ
   “ต้องมีมึงด้วยอ่อ” อินหันไปถามเสียงสูง
   “แหงดิ แม่มึงดูแลกูมาตั้งหลายปี ระหว่างที่พ่อกูไปดีลงานที่ฝรั่งเศส แม่มึงก็เหมือนแม่กูคนนึงนะเว่ย” พีทว่า
   “อ่านะ” อินว่า
   “ก็กูไม่มีแม่นี่หว่า มีแม่อย่างแม่มึงก็น่ารักดีนะ” พีทยิ้มกริ่มขณะที่หันมาหาอิน “เอาไง ทำมั้ย เอเจนซี่พ่อกู
   “ยังไม่รู้ว่ะ เหนื่อย อยากพัก” อินพูดจากใจจริง “ยังไม่อยากคิดไรตอนนี้อ่ะ อยากนอน ดูหนัง เหมือนคนพึ่งเรียนจบใหม่เค้าทำกันอ่ะ”
   “โห... แต่อนาคตมันสำคัญน่ะเว่ย เตรียมพร้อมไว้ก็ดี” พีทยังคงพูดจริงจังเหมือนทุกครั้ง
   “เออ อย่าให้เห็นนะว่ามึงลั่นล้าหลังเรียนจบอ่ะ” อินว่าต่อ
   “แล้วคุณอินจะทำไมเหรอคร๊าบ” พีทหันมาทำเสียงล้อเลียน อินส่ายหน้าให้สิ่งนั้นเบาเบา “ก็ถ้ากูจะพักอ่ะ กูก็พักกะมึงนี่แหละ สบายใจสุดละ”
   “ไอ้เวร” อินหัวเราะในลำคอเบาเบา
   “เห้ย... อิน... ถ้ามีอะไรให้กูช่วยมึง ช่วยแม่มึง หรือดูแลที่นี่ มึงบอกกูได้นะเว่ย” พีทพูดเสียงจริงจัง พลางเปลี่ยนมายืนพิงซิงค์ล้างจาน ก่อนจะมองหน้าอินอยู่อย่างนั้น “มึงไม่ต้องแบกทุกอย่างไว้คนเดียว บอกกู เดี๋ยวกูจัดการให้ มึงก็รู้ว่ากูเทพ”
   “จริงจังอะไรนักหนาเนี่ยหะ” อินว่า
   “กูจริงจัง กะมึง กะแม่มึง กะที่นี่ กูจริงจังตลอดอ่ะ” พีทว่า “มึงต้องสัญญามา มีอะไรมึงต้องบอกกู โอเคนะ”
   อินมองพีทที่ยิ้มให้เค้าอยู่อย่างนั้น...

   ติ๊ง!!

   เสียงข้อความมือถือดังขึ้น ดึงให้ทั้งคู่มีสติกลับมาอีกครั้ง หลังจากที่เงียบกันไปอยู่นาน อินหยิบมือถือขึ้นมาดูเพื่ออ่านข้อความ

   -MOSS- สรุปที่ไปมี กู มึง แล้วก็เบนซ์กะโบว์น้องสาวมันอยากไปเที่ยวด้วยอ่ะ กูก็เลยจองเพิ่ม แล้วก็เหมือนเชี่ยโฟล์ค แม่งก็เอาแฟนไปด้วยอีก สรุปเป็น 6 ที่นะ

   อินอ่านข้อความพลางถอนหายใจ ก่อนจะหลบตาขึ้นมา เรื่องพวกนี้ชอบทำให้เขารู้สึกอึดอัดทุกทีเลย ให้ตายสิ
   “มีไรวะ” พีทร้องถามขึ้น
   “ช่างเหอะ ก็แค่เรื่อง...” อินหันมาตอบพีท ก่อนจะนึกอะไรบางอย่างออก
   จริงสิ...
   “ถ้ามึงจะพัก มึงจะพักกะกูใช่ป่ะ” อินถาม
   “แหงดิ ให้กูไปพักไหนอ่ะ” พีทว่า
   “ไปเที่ยวหนองคายกัน”
   “หืมมมมม”

............
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-04-2020 23:07:46 โดย M2M_Jill »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด