ตอนที่25
เสวี่ยหมิงกับเสี่ยวหลงลอบเข้ามาในจวนของเหลยเฟิงในยามวิกาล สำหรับเสวี่ยหมิงนี่นับเป็นครั้งแรกที่เขาลอบเข้าบ้านคนอื่นเพื่อสืบหาข่าวสาร แต่ถึงแม้ไม่เคยทำมาก่อนเขาเองก็ไม่ได้ตื่นเต้น ทว่าเสี่ยวหลงนี้สิ ทั้งที่คิดว่าน่าจะเป็นครั้งแรกเช่นเดียวกับเขา กระนั้นเด็กน้อยนี่ปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้สอดแนมได้อย่างไม่มีที่ติ
“จวนนี่ใหญ่น่าดูเลยนะพี่ใหญ่” เสี่ยวหลงตั้งข้อสังเกต ดังนั้นเสวี่ยหมิงจึงเกิดความคิดบางอย่างขึ้นมา
“เราแยกกันตามหาดีหรือไม่” เสวี่ยหมิงถาม
“ถ้าพี่ใหญ่ไว้วางใจในตัวข้า ข้าก็ไม่รังเกียจ”
พูดถึงเรื่องไว้ใจเสวี่ยหมิงก็ฉุกคิดขึ้นได้ เขาเป็นห่วงเด็กน้อยกลัวว่าจะถูกจับได้เมื่ออยู่ตามลำพัง ดังนั้นจึงเกิดความลังเลขึ้นมา
“พี่ใหญ่ไม่ต้องห่วงข้าหรอก หากจวนตัวจริงๆข้าจะหนีกลับไปค่ายอาชาโดยไม่สนใจใดใดทั้งสิ้น อีกอย่างถึงข้าถูกจับได้ เชื่อว่าพี่ใหญ่ต้องมาช่วยข้าทันแน่ๆ”
เสวี่ยหมิงครุ่นคิดอยู่อีกชั่วครู่ ตามจริงถ้ามัวแต่เกาะกลุ่มกันอาจจะตามหาตัวเม่ยเหนียงได้ช้า ในเมื่อเสี่ยวหลงมั่นใจถึงเพียงนั้นเขาก็ตัดสินใจว่าจะยอมเชื่อในฝีมือของเด็กน้อยนี่ดู
“ถ้าอย่างนั้นข้าจะไปทางปีกตะวันออก เสี่ยวหลงเจ้าไปทางปีกตะวันตกนะ”
“รับทราบขอรับพี่ใหญ่”
กล่าวจบต่างคนต่างก็พลิ้วกายแยกย้ายกันไป เสวี่ยหมิงย่องเบาผ่านยามดึกเข้าไปอย่างเงียบเฉียบ เขาลอบเข้าห้องโน้นผ่านห้องนี้หลายห้องทว่ากลับเป็นเพียงห้องหับว่างเปล่าเท่านั้น
“คิดว่านายท่านจะอนุญาตให้เราเฉยชมพวกสาวๆเมื่อไหร่”
เสียงคนพูดเข้าลอยลมมา เสวี่ยหมิงรีบแฝงตัวอยู่บนคานจวนขนาดพอเหมาะเงี่ยหูฟังเรื่องราวต่างๆ ที่แท้แล้วผู้พูดก็เป็นหนึ่งในคนเฝ้ายามของเหลยเฟิง พวกมันมากันสองคนและพูดจ้อไม่หยุด
“อย่าโง่ไปหน่อยเลยน่า ผู้หญิงบางส่วนที่ผ่านมือนายท่านแล้วเราก็สามารถนำมาใช้สอยได้ รีบสนุกก่อนที่นายท่านจะนำพวกนางไปขายที่หอนางโลมดีกว่าน่า”
“ฮ่าๆๆๆเห็นด้วย ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวเราเปลี่ยนเวรแล้วก็สนุกกันซักตั้ง ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าพวกก่อนหน้าเราจะไม่สนุกกันไปก่อนแล้ว”
เสวี่ยหมิงฟังแล้วก็ให้เกิดความรังเกียจนัก เขาคาดว่ายังมีผู้หญิงมากมายถูกขังในจวน ถูกย่ำยีและเตรียมถูกขายไปอย่างน่าเวทนา จะปล่อยให้เป็นอย่างนี้หรือ เสวี่ยหมิงกำหมัดแน่น ตามจริงเขาควรจะลอบเข้ามาสืบข่าวของเม่ยเหนียงเพียงอย่างเดียว ทว่าทนไม่ได้จริงๆที่จะปล่อยให้หญิงสาวจำนวนมากต้องมีชะตากรรมเช่นนั้น
เสวี่ยหมิงทั้งที่ยังคิดไม่ถี่ถ้วนเท่าใดนักแต่ร่างกายกลับไปไวกว่าความคิดเสียอีก เขาตามเจ้าคนเฝ้ายามสองคนไปติดๆ เมื่อไปถึงคุกขนาดใหญ่ซึ่งขังหญิงสาวจำนวนมากเขาเว้นระยะห่างเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ
เสียงอิสตรีร้องไห้ทั้งขอความเมตตาระงมไปทั่วทั้งห้องขัง อีกทั้งยังได้ยินเสียงหวีดร้องจากการถูกย่ำยีทางเพศดังมาจากด้านใน เสวี่ยหมิงกัดฟันกรอด
“ฮ่าๆนึกแล้วว่าพวกเจ้าต้องทำเรื่องดีงามกันอยู่” เสียงหยาบช้าดังประสานกับเสียวงหวีดร้องแทบขาดใจของอิสตรีที่ถูกล่วงระเมิด
“แล้วใครเล่าจะไม่คิดทำเรื่องสนุกเช่นนี้ อยากร่วมวงก็เอาเลยยังมีผู้หญิงที่นายท่านไม่เหลียวแลแล้วอีกมาก”
เดรัจฉานที่สอดประสานร่างกายกับหญิงสาวใต้ร่างกล่าวเชิญชวน มันหัวเราะเสียงหยาบกระด้างเมื่อเพื่อนร่วมงานที่มาใหม่อีกสองคนเปิดประตูคุกแล้วย่างสามขุมเข้าไปเลือกเอาสตรีอีกหลายนาง ทว่าไม่คาดว่ามีคนแปลกหน้าโผล่เข้ามา ใบหน้าของคนผู้นี้เต็มไปด้วยความโกรธและชัดเจนว่ากำลังดูหมิ่นเหยียดหยามพวกมัน มันรีบถอนกายจากสตรีที่มันย่ำยีเตรียมรับมือกับคนร้ายที่ลอบเข้ามา
“แกเป็นใครวะ” มันถามพร้อมทั้งรีบสวมกางเกง ตอนนี้เพื่อนร่วมงานของมันที่อยู่ในคุกก็ทยอยออกมาด้านหน้าเตรียมรับมือ
“แกรู้ไหมว่าจวนนี่คือที่ทำการของท่านเหลยเฟิงแห่งพรรคมังกรพิโรธ ลอบเข้ามาอย่างนี้แกไม่ได้ตายดีแน่ๆ”
เสวี่ยหมิงไม่พูดพล่ามทำเพลง เขาออกหมัดเข้าใส่เจ้าสวะที่พูดกับเขาจนอีกฝ่ายกระอักเลือดออกมา พวกผู้หญิงพากันหวีดร้องด้วยความตกใจและคนเฝ้ายามที่เหลือพากันรุมล้อมเข้ามาเล่นงานเขา
เสี่ยวหลงหลังแยกจากเสวี่ยหมิงก็มุ่งหน้าไปยังทิศทางที่กำหนดเอาไว้ เรื่องลอบเข้าจวนผู้อื่นในยามวิกาลสำหรับมันเป็นเรื่องง่าย เพราะงานลักษณะนี้มันผ่านมามากจนคุ้นเคย
“ได้ข่าวว่าโฉมสะคราญที่พามาใหม่ที่อยู่ในห้องด้านในสุดคือว่าที่เจ้าสาวของนายท่าน ข้ายังไม่ได้เห็นหน้าแต่คิดว่าคงงดงามยิ่ง”
เสี่ยวหลงลอบหัวเราะฮิฮิ ดีใจที่ได้รับข่าวสารเกี่ยวกับเม่ยเหนียงจากคนเฝ้ายาม หลังจากฟังจนรู้ที่อยู่ของเม่ยเหนียงแน่ชัดแล้ว มันก็ย่องเงียบไปยังห้องหับที่ขังเม่ยเหนียงเอาไว้
เป็นตามที่คาดมีคนเฝ้ายามเอาไว้ที่ด้านหน้า เสี่ยวหลงครุ่นคิดอยู่เล็กน้อยหากรีบสกัดจุดแล้วบุกซึ่งๆหน้ามันจะเอิกเกริก สู้ขึ้นบนหลังคาเงี่ยหูฟังซักเล็กน้อยให้แน่ใจว่าคือเม่ยเหนียงจริงย่อมน่าจะดีกว่า ดังนั้นมันจึงโดดสู่บนหลังคาแล้วถอดกระเบื้องส่องมองลงไปยังด้านล่าง
เยี่ยม
มันลอบโห่ร้องในใจ เป็นเม่ยเหนียงจริงๆด้วย ดังนั้นมันจึงเริ่มครุนคิดอีกครั้งว่าจะทำอย่างไรดี ขณะที่มีความคิดที่ว่าจะช่วยเหลือตรงๆแบบไม่สนหน้าผู้ใดหรือจัดการอย่างเงียบเฉียบดี เสียงตีฆ้องร้องป่าวจากบ่าวไพร่ของจวนก็ทำให้รู้ว่าพี่ใหญ่ของมันเผยตัวตนเสียแล้ว
“มีผู้บุกรุก”
พวกทหารยามพากันกรูไปยังตึกฝั่งที่พี่ใหญ่ของมันอยู่ เสี่ยวหลงถึงแม้เป็นห่วงอยู่บ้าง แต่ถ้าให้ว่ากันตามจริงด้วยฝีมือของเสวี่ยหมิงที่สำเร็จหนึ่งอสูรพิชิตเทวะแล้วย่อมไม่มีผู้ใดทำร้ายให้บาดเจ็บได้ ดังนั้นจึงดำเนินแผนการณ์ช่วยเหลือเม่ยเหนียงต่อไปเป็นอย่างแรก
ในเมื่อพี่ใหญ่เปิดเผยตัวแล้ว ใยมันต้องอ้อมค้อมด้วยดังนั้นจึงเดินอาดๆไปยังประตูห้องแล้วปะกับคนเฝ้ายามที่ด้านหน้า
“แกเป็นใครวะ” ถูกถามด้วยเสียงหยาบกระด้าง
“มันเป็นคนร้ายเห็นๆยังไปถามมันอีกจับมันสิวะ”
เสี่ยวหลงหัวเราะชอบใจให้กับการเล่นตลกเล็กๆของพวกมัน เมื่อพวกมันกระโจนเข้ามา เสี่ยวหลงย่อมจัดการได้โดยละม่อม เพียงซัดฝ่ามือใส่ไม่กี่ครั้งพวกมันล้วนลงไปนอนหมอบร้องโอดโอยกันถ้วนหน้า
“ใครก็ได้ช่วยที”
คนที่ยังมีแรงร้องขอความช่วยเหลือ เสี่ยวหลงหัวเราะอย่างย่ามใจ ป่านนี้คนส่วนใหญ่คงไปอออยู่ที่พี่ใหญ่หมดแล้วกระมัง มันควรจะรีบช่วยเม่ยเหนียงแล้วตามไปสบทบกับพี่ใหญ่โดยเร็วที่สุด
“เกิดอะไรขึ้นน่ะ” เสียงอึกทึกที่ด้านนอกทำให้เม่ยเหนียงเอ่ยถามเหล่าสตรีทั้งสี่ที่มาเฝ้ายามนางในห้อง
“อย่าได้สนใจไปฮูหยิน แค่มดปลวกลอบเข้ามาเดี๋ยวพวกคนของนายท่านก็จัดการได้แล้ว”
“ช่างตื่นตูมจริง ไร้สง่าราศีแบบนี้ใยนายท่านถึงเมตตาฮูหยินนักนะ”
พวกนางพากันหัวเราะคิกคัก ท่าทางย่ามใจของสตรีเหล่านี้เม่ยเหนียงนึกแช่งชักหักกระดูก หากว่าเรื่องราวลุกลามใหญ่โตจนถึงขั้นเหลยเฟิงตกตายไป นางจะหัวเราะเยาะเย้ยสตรีพวกนี้ให้สาแก่ใจเลยทีเดียว
“แกเป็นใครวะ”
หลังจากพยายามทำตัวให้นิ่งสงบ ไม่นานนักเสียงยามที่หน้าห้องก็ดังขึ้น บทสนทนาข้างนอกดังเข้ามาในห้องชัดเจน เม่ยเหนียงภาวนาให้คนร้ายคือพี่ใหญ่ที่ลอบเข้ามาช่วยนาง
“ยิ้มอะไรฮูหยิน” สตรีที่น่าชังถาม
“ข้าเปล่า” เม่ยเหนียงตอบ พลางหน้าลอยตาจงใจกวนโมโหพวกนาง
“ถึงมีคนมาช่วยฮูหยินแต่อย่าหวังว่าจะผ่านพวกเราไปได้ง่ายๆนะ พวกเราสี่คนฝีมือก็ใช่ว่าจะด้อย ยังไงฮูหยินก็หนีไม่พ้นเงื้อมือนายท่านหรอก”
ตอนนี้พวกนางไม่ได้หัวเราะอีกต่อไปแล้ว พวกนางจดจ้องไปยังเงาที่ด้านนอก เกร็งตัวเตรียมรับมือด้วยสีหน้าเคร่งเครียดกันทุกนาง
“เม่ยเหนียงข้ามาแล้ว”
คนพูดเปิดประตูเข้ามาอย่างผ่าเผย เม่ยเหนียงคราแรกดีใจแต่จำเสียงของเสี่ยวหลงได้ อีกทั้งเมื่อเห็นหน้าก็ทำสีหน้าผิดหวัง
“ใยคนช่วยจึงเป็นเจ้าเล่าเสี่ยวหลง แล้วพี่ใหญ่ล่ะ”
“ฮ่าฮ่า หากไม่ได้พี่ใหญ่ช่วยก่อกวนอีกด้านคิดหรือว่าทุกเรื่องจะง่ายดายเพียงนี้ เร็วเข้าเม่ยเหนียงเราไปกันเถอะไปช่วยพี่ใหญ่อีกแรง”
นางเชื่อว่าการสนทนาข้ามหัวเช่นนี้ย่อมทำให้เหล่าสตรีชั่วช้าไม่พอใจทว่ากลับไม่เป็นดั่งคาด พวกนางส่งสายตาชม้ายมองไปยังเสี่ยวหลง หัวเราะเสียงหวานใสก่อนจะพากันเข้าไปรุมล้อมรอบเสี่ยวหลงประดุจดาวล้อมเดือน
หายไปตั้งเกือบหกวัน 55555 ทำงานพิเศษหนักมาก ปั่นเงิน แถมตอนนี้มาสั้นอีก ขออำภัย
ตอนนี้กับตอนหน้ามันแต่งยากขอเวลากระดืบ แต่ไม่น่าจะเกินสองวันตอนต่อไปจะมาลงนะ5555
เม้นเป็นกำลังใจกันบ้างน้า