12th Monday - 100%ผมมายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้? ผมยืนมองคนสองคนที่คุยกันอย่างออกรสครับ ผู้หญิงสวยๆที่เดินเข้ามาหาคุณพี่เมฆคือสวยจนผมมองหน้าเขาอย่างเดียวเลยครับ เขายืนยิ้มข้างกันโคตรเหมาะสมกันเลยอะ คล้ายๆกับผมเป็นต้นไม้ในขณะที่เจ้าหญิงกับเจ้าชายเขากำลังคุยกัน
ต้นไม้อาจจะดีไป ก้อนหินละกัน
“เหี้ยเมฆ”
“สัดบิว”
“หน้าหล่อแต่เลวเหมือนเดิม”
“มึงก็ยังปากแดงเหมือนเดิม ไปกินเลือดที่ไหนมา”
“ปากเสีย! นี่ MAC เลยนะ Ruby Woo น่ะมึง หยาบคายมากดูหมิ่นลิปกู มึงแม่งสายตาไม่ได้เรื่อง ตาต่ำจริงๆ พวกตาไม่มาราคา พวกสายตารากหญ้า”
โอเค เขาอาจจะไม่ใช่เจ้าชายเจ้าหญิงขนาดนั้นแล้วแหละครับผมว่า
“อุ้ยตาย! นี่มึงไปหลอกเด็กที่ไหนมาหิ้วด้วยคะเนี่ย”
ในที่สุดเจ้าหญิงกับปากสีแดง MAC อะไรบูๆวูดูสักอย่างหันมาเห็นผมแล้วครับ หลังจากที่ซ้อมเป็นก้อนหินประกอบฉากอยู่สักพัก
ผมยิ้มให้อีกฝ่ายที่ยิ้มกว้างให้ผมครับ ยิ่งมองก็ยิ่งสวย เหมือนกับเห็นพี่แทนรักเลย พูดแล้วก็คิดถึงพี่นะครับ เอาไว้สุดสัปดาห์นี้ผมแวะไปหาพี่แทนรักบ้างดีกว่า
“แทนใจครับ” เป็นคุณพี่เมฆที่พูดขึ้นมา แล้วผายมือไปทางหญิงสาวในส้นสูง ที่ดูสูงพอๆกับผมเลยครับ นี่ผมไม่ได้เตี้ยแต่เขาสูงใช่มั้ย
“นี่คือบิวครับ เพื่อนที่คณะพี่เอง”
“โอโหย มีพูดคงพูดครับ” คุณบิวพูดพร้อมกลอกตาทำหน้าเหม็นเบื่อ คล้ายกับว่าคุณเมฆไม่ได้พูดเพราะอะไร
“สวัสดีครับ”
“สวัสดีจ้าน้องแทนใจ”
พี่ผู้หญิงรับไหว้พอเป็นพิธีพร้อมยิ้มกว้าง ก่อนที่เขาจะไปคุยกับคุณพี่เมฆต่อครับ
“มึงเทนัดพวกกูเพราะมาเดทเหรอ?”
ผมสะดุ้งตาเหลือกเมื่อถูกพาดพิง เฮ้ย อะไรอะ?! นอกจากผมจะแอบชูวับชูวับกับเขาแล้ว ยังเป็นตัวการทำให้ความสัมพันธ์ของเขากับเพื่อนมีรอยร้าวอีกเหรอ?
“นัดอะไรของมึง?”
“รียูเนียนไง รียูเนี่ยนน่ะ” คุณบิวพูดพร้อมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เปิดแอพไลน์โชว์ใส่หน้าผู้ชายข้างๆผม “เนี่ย พวกกูนัดกันไปกินข้าวเย็นนี้เนี่ย ดูสิคะมึง”
“กูไม่เล่นไลน์”
“แล้วมึงสื่อสารกับชาวโลกยังไง โทรเลขเหรอ?”
“พ่อมึง---”
“แทนใจ”
อยู่ดีๆคุณบิวเขาก็หันมาถามผมครับ ซึ่งผมก็เบิกตากว้างเต็มที่เพราะไม่ทันตั้งตัว มันคงูตลกเพราะอีกคนยิ้มกว้างจนเห็นฟันเลย
“ครับ?”
“ไอ้เหี้ยเมฆมันติดต่อหนูยังไงลูก มันใช้โทรเลข หรือโทรจิต?”
“ครับ??????”
งง อะไรอะ? เดี๋ยวนะ แล้วผมควรจะตอบอะไร?
“แทนใจ อย่าไปยุ่งกับมันครับ”
คุณพี่เมฆพูดพร้อมกับเอาผมไปไว้ข้างหลัง เหมือนกับว่าตัวเองเป็นเจ้าชายปกป้องหมาคู่ใจจากมังกรร้ายที่ใช้ลิปบูๆวูๆ
“มึงอันตรายกว่ากูอีก แทนใจ มาหาแม่มา มานี่เร็วลูก โมะๆ”
ผู้หญิงสวยๆ นี่ต้องไม่มีสติเหรอครับ งงใจ ผมเริ่มคิดแล้วนะว่าเวลาพี่แทนรักอยู่กับเพื่อนเขาจะเป็นแบบนี้มั้ย …
“แล้วมึงมาทำอะไรที่สยามเนี่ย?”
คุณพี่เมฆเปลี่ยนเรื่องครับ ผมเลยได้รู้ว่าความจริงแล้ววันนี้เพื่อนสมัยมหาลัยของคุณพี่เมฆเขานัดทานข้าวกันตอนเย็นๆ แต่คุณบิวมาทำธุระที่สยามเลยบังเอิญเจอพวกผมครับ (ซึ่งพอจะรู้ว่าธุระคืออะไร ป้าย Mid Year Sale เต็มห้าง แถมถุงช็อปปิ้งยังเต็มมืออีกต่างหาก)
ผมไม่ได้จะแอบฟังนะ! แต่ก้อนหินประกอบฉากมันขยับไม่ได้ ข้อมูลเลยลอยเข้าหูมาเอง
“มึงเดทเสร็จยัง? ถ้าเสร็จแล้วก็ไปเร็วมึง ไปค่ะ กูบังคับ”
“ไม่ไปได้มั้ย ไม่อยากคุยกับมึง”
“น้องแทนใจคะ?”
คุณบิวหันมาถามผมอีกแล้ว ฮือ
“ครับ?”
“ไม่รำคาญไอ้เหี้ยนี่บ้างเหรอคะ? พี่นี่รำค๊าญรำคาญ คบมันแค่เพราะมันหล่อนี่แหละ แต่หล่อไม่มีประโยชน์เลยตลอดเวลาหลายปีที่รู้จักกันมา”
“...”
“เลิกเลยค่ะ พี่เชียร์”
“ไอ้เหี้ยนี่ กูจีบอยู่”
“ว๊ายยยย เพื่อนหล่อจีบคนเป็นด้วยว่ะ ปกติมีแต่คนมาอ่อยก่อน น้องแทนใจไม่ธรรมดาจริงๆ กูว่ากูต้องเอาไปบอกในกรุ๊ปไลน์รุ่นละ โลกต้องรับรู้เรื่องนี้”
แล้วพวกเขาก็คุยกัน (โอเค ด่ากัน) ต่อเหมือนผมไม่ได้อยู่ตรงนี้ ซึ่งก็ไม่เป็นอะไรเพราะผมไม่ได้รู้สึกเหมือนถูกทิ้งครับ แต่มีสะดุ้งบ้างหลายๆครั้งเมื่อมีชื่อผมผสมอยู่ในการด่ากันของพวกเขา
“แทนใจครับ”
“ครับ?”
ผมกะพริบตาเมื่อทั้งสองคนหันมามองทางผมเป็นตาเดียวครับ ทั้งที่ผมตัวพอๆกับคุณบิวนะ แต่พอมาอยู่แบนนี้แล้วรู้สึกเหมือนตัวเล็กกว่าอีกคนเยอะเลย หรือว่าเป็นเรื่องปกติที่เราจะตัวเท่าผุ้หญิงที่ใส่ส้นสูง? น่าจะแบบนั้นครับ เพราะถ้าซุกซนยืนอยู่ตรงนี้น่าจะเป็นหลุมไร้ก้นไปเลยแน่นอน
“เดี๋ยวพี่ว่าจะไปทานข้าวต่อกับเพื่อน พอดีไม่เจอกันมานานแล้ว…”
ผมรู้สึกเหมือนกับลูกบอลที่พองๆอยู่ในใจตลอดทั้งวันหล่นไปอยู่ตรงเท้า มันก็แปลกๆนิดหน่อยที่มาดูหนังกับคุณพี่เมฆ แต่ตอนกลับจะต้องโหน BTS กลับคนเดียว ผมกลับได้แหละครับไม่ใช่เรื่องแปลก
มันแค่… เหงาๆหน่อยละมั้ง
“แทนใจจะดูอะไรต่ออีกมั้ย?”
ผมส่ายหัวเป็นคำตอบ
“งั้นไปเลยแล้วกัน” เขาพูดกับผม แล้วก็หันไปพยักหน้ากับคุณบิวที่ยืนมองอยู่ โดยที่ฝ่ายนั้นไม่ได้สนใจเท่าไหร่เพราะกำลังเล่นมือถืออยู่ “เดี๋ยวไปเจอกันที่ร้านเลยนะ มึงขับรถมาใช่ป้ะ?”
“ไม่อะ รถกูทำสีอยู่อู่ เอากูไปด้วย”
“ไม่ หาทางไปเอง”
“ไอ้สัด”
“ป้ะครับแทนใจ เราไปกันเถอะ”
อะไรวะ?
สรุปคือผมถูกจูงมาที่รถของคุณพี่เมฆแบบยังงงๆ โดยที่เพื่อนของเขาถูกปล่อยทิ้งไว้ตรงนั้นเหมือนเดิม แต่ดูเพื่อนเขาก็ไม่ได้สนใจอะไร เป็นความสัมพันธ์ที่ต้องช่วยเหลือตัวเองครับเพราะเพื่อนไม่สนใจ ทั้งที่ปกติเขาดูเป็นคนมีน้ำใจมากเลยนะ
ผมควรบอกคุณพี่เมฆให้เขาเอาคุณบิวมาด้วยมั้ยนะ? ความจริงที่ว่างก็ยังเหลืออยู่เยอะ เพราะว่าผมนั่งหน้ากับคุณพี่เมฆ ข้างหลังมันก็ยังว่างๆอยู่ คุณบิวสูงก็จริงแต่ไม่ใช่คนตัวใหญ่แบบต้นไทรสามคนโอบอะไร ยังไงก็ขนไปด้วยกันได้นะ
“คุณพี่เมฆครับ”
“ว่าไง?”
“เราไม่ให้คุณบิวไปด้วยกันเหรอครับ?”
“ไม่ล่ะ พี่รำคาญเสียงมัน”
คุณพี่เมฆตอบยิ้มๆ ซึ่งอันนี้เป็นยิ้มแบบที่เขาพูดเล่นครับ
น่าแปลกเหมือนกัน ผู้ชายคนนี้เป็นประเภทยิ้มตลอดเวลาครับ แต่รอยยิ้มไม่เหมือนกัน ทั้งที่ยิ้มแต่บางทีดูอบอุ่น ดูน่ากลัว ดูใจดี ดูอารมณ์ดี ดูใจเย็น ดูมีอำนาจ ดูขี้แกล้ง และ… เอ่อ …
ดูโคตรเซ็กซี่เลย
ผมไม่ได้พูดนะว่าคิดถึงรอยยิ้มตอนไหนของเขา
“คิดอะไรอยู่เนี่ย”
คุณพี่เมฆทัก ผมถึงได้รู้ตัวว่าเขาอยู่ใกล้ขนาดนี้
เขาหันมามองหน้าผม ผมตกใจจนเผลออุทาน ‘เฮ้ย!’ ออกมาเมื่อเห็นว่าหน้าเขาใกล้มากกกกกก ดีที่ยังขยับมือไม่ไปเพราะไม่งั้นคงโดนข้อหาทำร้ายร่างกายเจ้าของรถที่เคยชูวับชูวับด้วยแน่นอน แต่มันใกล้จริงๆนะ ตกใจหมดเลย
ผมเอาแต่คิดเรื่องนี้ตอนที่คุณพี่เมฆเขายื่นมือมาช่วยคาดเข็มขัดให้ เพราะเห็นว่ามือผมค้างอยู่ที่เดิมไม่ขยับเหมือนคอมพิวเตอร์ผมเวลารีบๆ เนี่ยสมองผมนี่หมุนติ้วๆ
“เราหิวเหรอ? เมื่อกี้ยังทันได้ทานอะไรเลยก็ดันเจอบิวมันก่อน โทษทีนะ”
“ไม่ครับๆ ไม่ได้หิว” ผมรีบปฏิเสธ เมื่อนึกออกลางๆว่าเขาก็ถามผมเรื่องของกินอยู่เหมือนกัน
“หรือเราอยากเข้าห้องน้ำก่อนมั้ย?”
“ไม่เป็นไรครับ” ผมรีบเบรกก่อนที่คุณพี่เมฆจะยกเรื่องอื่นขึ้นมาอีก
“โอเคๆ”
“คุณพี่เมฆจะให้ผมกลับเลยมั้ยครับ? ผมลงข้างหน้านี้ก็ได้นะ แล้วเดี๋ยวเดินไปขึ้น BTS”
ผมเลือกถามคนตัวสูงกว่าที่ยืนเอาตัวบังผมอยู่แทนครับ ก็เขานัดกับเพื่อนเขา ผมไม่รู้ว่าจะต้องไปด้วยมั้ย ว่ากันตามตรงที่นัดกันแค่ดูหนังไงครับ ซึ่งก็ดูหนังจบแล้ว ผมแยกกลับเลยก็ได้เผื่อเขาจะได้มีเวลากับเพื่อนเพิ่มอะไรแบบนี้ ผมเข้าใจนะ เพราะคนเราก็ต้องอยากคุยกับเพื่อนแบบแค่เฉพาะกลุ่มเหมือนกัน
“กลับไปไหน?” คุณพี่เมฆถามผมกลับ “เราไม่อยากไปกับพี่เหรอ?”
“ไม่ใช่ดิ ผมหมายถึง… พี่อยากจะใช้เวลากับเพื่อนหรือเปล่า?”
“ก็อยากนะ ไม่ได้เจอกันนานแล้ว”
“ใช่มั้ยล่ะ”
“แต่พี่อยากใช้เวลากับเราไปด้วยไม่ได้เหรอ?”
คิดว่าผมจะเขินเหรอ?
คิดถูกแล้วล่ะ ไอ้คุณพี่เมฆเว้ย ไอ้บ้าเอ้ย หยอดอยู่ได้!!!
“ตะ.. เอ่อ แต่แบบ--”
“แต่?”
“ตกลงคุณพี่เมฆจะให้ผมไปด้วยเหรอ?”
“ใช่ไงครับ หรือเราไม่อยากไปกับพี่?”
“งั้นหมายความว่าเราอยากไปกับพี่”
“ก็ใช่…” เอ๊ะ เขาไม่ได้หลอกให้ผมพูดอะไรใช่มั้ย เอาเถอะ ตอนนี้งงมากเลย เอาเรื่องคุณพี่เมฆก่อน งงอะ “คุณพี่เมฆนี่เข้าใจยากจัง”
“หือ?”
“เข้าใจยากมากเลยอะ เหมือนโจทย์เลขเลย งงไปหมด”
เขาเงียบไม่ได้ตอบอะไรเพิ่ม เหมือนที่กำลังคิดอะไรอยู่ ซึ่งผมเองก็คิดอยู่เหมือนกันครับ เห็นแบบนี้ผมก็ใช้ความคิดได้นะ!
คุณพี่เมฆเหมือนเป็นโจทย์เลข โจทย์งงๆที่ไม่รู้ว่าต้องใช้สูตรอะไรในการหาคำตอบ นั่งอ่าน นอนอ่าน ตีลังกาอ่านก็ไม่เข้าใจสักทีว่าเขาต้องการอะไร
ผมเหลือบมองคนข้างๆอีกครั้ง ภายใต้ใบหน้าโคตรหล่อที่ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่มันยากจะคาดเดาจริงๆ ให้ตาย ไม่เข้าใจเลยอะ ไม่เข้าใจมากๆ
คุณพี่เมฆคือโจทย์เลขที่ยากที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอเลยล่ะ
เอ๊ะ หรือว่าผมโง่เองวะ?
------- Monday In Love -------
.
.
หลังจากที่จอดรถ ผมก็เดินตามคุณพี่เมฆต้อยๆเข้ามาที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง
.
ร้านนี่คือร้านนั่งชิวที่ผมไม่เคยมา บรรยากาศก็คคล้ายๆร้านนั่งชิวทั่วไปครับ มีเสียงดังๆจากดนตรีสด มีเสียงจ๊อกแจจอแจของบทสนทนาจากผู้คน แล้วก็มืดๆหน่อย การที่ขับรถออกจากสยามตอนเย็นนี่เป็นความคิดที่ผิดมากครับ เพราะพวกผมเสียเวลาส่วนใหญ่บนถนน ออกจากสยามไม่ถึงทุ่ม เจอการจลาจลไทยแลนด์แดนแห่งรอยยิ้มเข้าไป มาถึงที่หมายก็เลยสองทุ่มไปแล้วทั้งที่ไม่ได้ไกลเลย
ยังดีที่คุณพี่เมฆเป็นคนใจเย็น หรืออาจจะไม่ใช่คนหัวร้อนเท่าไหร่ตอนขับรถ เพราะว่ารถมันกระดิ๊บๆ แต่เขาก็ยังหาเรื่องมาคุยกับผมได้ตลอดทางเลยครับ พอหมดเรื่องคุยเขาก็ฮัมเพลงไปเรื่อย มันเลยทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายไปด้วยทั้งที่ใช้เวลากระดึ๊บๆบนถนนโง่ๆอย่างนาน
“เฮ้ย เชี่่ยเมฆ แม่งมาจริงด้วยว่ะ!!”
ผมและคุณพี่เมฆหันตามเสียงทางขวามือ โต๊ะมุมที่ส่งเสียงโหวกเหวกได้ดังมากทั้งที่มีอยู่ไม่กี่คนครับ ไม่บอกก็รู้ว่าเป็นโต๊ะของเพื่อนคุณพี่เมฆเพราะทางนั้นโบกไม้โบกมือให้เต็มที่มากครับ
“กูบอกแล้วว่ามันมาแน่ๆ”
ผู้ชายหน้าตี๋ที่ผมคุ้นหน้าคุ้นตาพูดขึ้นพร้อมกับปรบมือเหมือนถูกใจมากครับ ทำไมคุ้นตาน่ะเหรอ? ก็นี่มันคุณเบิร์ด! หนึ่งในโปรเจคฯเมเนเจอร์ที่คุณพี่เมฆเตะออกจากกรุ๊ปไลน์ วันนี้ที่รอคอย เขาตัดผมใหม่ แถมวันนี้ยังใส่แว่นอีก ดูเป็นผู้เป็นคนมากกว่าที่เจอครั้งที่แล้วเยอะเลย เพิ่งรู้ว่าพวกเขาเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันด้วย
“สวัสดีครับคุณเบิร์ด”
ผมยกมือไหว้เขาเป็นคนแรกตอนที่เข้าไปนั่ง แล้วก็ยกมือไหว้อีกคน แล้วก็คุณบิวเป็นคนสุดท้าย ลิปวูบูของเขายังแดงอยู่เลยครับ
โชคดีที่ตรงนี้มันเป็นมุมชั้นลอยที่ถึงแม้จะมีเสียงรอบข้างดังรบกวนบ้าง แต่ยังถือว่าคุยกันรู้เรื่องอยู่ นอกจากเขาผมก็ยกมือไหว้รอบวง รวมถึงคุณบิวที่ยิ้มกว้างรับไหว้ผมด้วยครับ คิดไว้ก่อนว่าถ้าเขาเป็นรุ่นคุณพี่เมฆแสดงว่าต้องแก่กว่าผมแน่นอน
“น้องแทนใจของพี่ ยังน่ารักเหมือนเดิม ถึงแม้จะมีไอ้เหี้ยเมฆเพิ่มเติมเข้ามา”
“ช่างเครื่องเป่าขวดที่มึงขอยืมตัวจากไซต์กูไปนี่คงไม่เอาแล้วใช่มั้ย ได้นะ กูโทรบอกให้พี่เขากลับปทุมฯตอนนี้ได้นะ”
“ผมล้อเล่นครับคุณเมฆครับ อย่าทำผมเลย เครื่องมันหยุดอยู่นะเว้ย กูคุยกับลูกค้าจนหูจะหลอมติดกับโทรศัพท์แล้ว”
คุณเบิร์ดที่เมื่อกี้หัวเราะเอิ้กอ้ากหน้าหดเหลือสองนิ้ว แล้วยกมือไหว้คุณพี่เมฆปลกๆ เป็นภาพที่ตลกจนผมออดขำออกมาไม่ได้ครับ คือหากไซต์งานของลูกค้าเครื่องหยุดทำงานนั่นถือเป็นปัญหาที่ใหญ่มากๆสำหรับพวกเราทุกแผนก อย่างเช่นของผม ถ้าเกาหลีโทรหานั่นคือสุดๆแล้ว เครื่องจักรไม่หยุดทำงานก็ใกล้จะหยุดเต็มที ส่วนไอ้ที่ ASAP ในเมลธรรมดามันแค่เกิดปัญหานิดหน่อยแต่เกาหลีเล่นใหญ่ใส่ครับ
“ว๊ายยยยยยยยยยยย กากกกกกกกก”
คนเดิมที่เอ่ยทักคุณโปรเจคของผมว่า ‘เชี่ยเมฆ’ พูดขึ้น เขาเป็นผู้ชายที่ให้ลุคสบายๆ ผิวแทนหน่อยๆ ข้างๆเขาคือคุณบิวสวยที่เพิ่งเจอไป (ไหนเขาบอกไม่มีรถ แล้วมาถึงก่อนผมได้ไงวะ หรือว่าคุณพี่เมฆขับอ้อม? หรือว่าประเทศไทยรถติดจนเดินมาเร็วกว่าขับรถ?) ทั้งโต๊ะมีแค่นี้ รวมผมกับคุณพี่เมฆก็เป็นห้าคนครับ
คนน้อยกว่าที่คิด แต่ก็ดี เพราะถ้าเยอะกว่านี้ผมคงทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน
“กากแต่ก็ได้แดกเบียร์ฟรีนะครับ อย่าลืม”
“เออแม่ง เชี่ยเมฆมึงมาทำไมวะเนี่ย?”
“คิดถึงมึงเหมือนกันนะโป้”
“ฮ่าๆ”
รอบนี้ผมหัวเราะออกมาจังๆเลยครับ คุณบิวเล่าให้ผมกับคุณโปรเจคฯฟังว่าสองคนนั้นเขาพนันกันว่าคุณพี่เมฆจะมาหรือไม่มา เพราะเขาเป็นคนที่แทบจะไม่มารียูเนียนกับเพื่อนฝูงเลยครับ ไลน์ก็ไม่อ่าน รู้แค่ว่ายังมีชีวิตอยู่จากเฟสบุ๊คที่นานๆอัพเดตทีนึงเท่านั้น
“นี่เองเหรอเด็กมึงอะเมฆ” คนที่คุยกับคุณโปรเจคเมื่อสักครู่หันมาทางผม ที่รีบปิดปากเพราะหัวเราะดังเกินไป “พี่ชื่อโป้นะครับ เป็นเพื่อนสมัยเรียนของไอ้เมฆ--”
“เราเคยเป็นเพื่อนกันเหรอ? กูว่าไม่นะ” อันนี้เป็นเสียงคุณพี่เมฆที่พูดแทรกขึ้นมา ผมไม่ทันได้ยินว่าคุณโป้สวนอะไรกลับหรือเปล่า เพราะว่าคุณบิวลุกขึ้นยืนเรียกเด็กเสิร์ฟที่กำลังเดินถือแก้วผ่านดังมาก
“น้องคะ น้องเว๊ย น้องงงงงงงงงงงงงงงงง เมนูหน่อยยยยยยยยยย”
“เสียงดังจังวะ”
“ก็แม่งไม่ได้ยินอะ กูต้องขึ้นไปยืนบนโต๊ะมั้ย?”
“ไอ้สัดอย่า!”
พวกผู้ชายทั้งสามคนห้ามคุณบิวอย่างจริงจัง โดยที่ผมได้แต่นั่งขำ เพราะท่าทางคุณพี่แกทำจริงแน่
บทสนทนาต่อจากนั้นเป็นไปด้วยความสนุกครับ กลุ่มของคุณพี่เมฆดูสนิทกันแบบแปลกๆ ผมรู้เพิ่มว่าความจริงแล้วมีอีกสองคนที่สนิทกันครับ คนหนึ่งติดงาน อีกคนแต่งงานแล้วย้ายสำมโนครัวไปอยู่ต่างประเทศเรียบร้อยแล้ว
ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง แต่พวกเขาสามารถทำให้ผมไม่รู้สึกโดดเดี่ยวได้ครับ ไม่ถึงขนาดเข้าใจทุกอย่างที่เขาพูดกัน แต่ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกินในวงนี้ขนาดนั้น (แม้ผมจะนั่งขำ กับนั่งแทะเฟรนช์ฟรายแค่นั้นก็ตาม) หรืออาจจะเพราะเบียร์สดในมือด้วยเลยทำให้ทุกอย่างมันดูสนุกไปหมด
ผมไม่ได้เมานะ คุณพี่เมฆไม่ยอมให้ผมเติมเยอะ ตอนผมยกแก้วนี่มองดุเลยครับ ยิ้มนะแต่ยิ้มแบบดุอะ น่ากลัวมากผมไม่กล้าเสียงกินต่อเลย อีกอย่าง ผมยังเข็ดจากคราวที่แล้วอยู่เลย
“มึงจะไปงานแต่งหวานมั้ย?”
“หวานไหนวะ?”
“หวานไง หวานคณะเราอะ”
“อ๋อ กูก็นึกว่าหวานอักษร”
“หวานนั้นยังไม่แต่งงาน”
“มีความตามข่าวคราวเขาเนอะมึงเนี่ยเชี่ยเมฆ”
ผมนั่งมองคนนั้นทีคนนี้ที ส่วนใหญ่เขาคุยกันเรื่องในอดีตกับอัปเดตข่าวคราวของชีวิตตามภาษาคนไม่ได้เจอกันนานแล้วนัดรียูเนียน ตอนนี้คุณพี่เมฆนั่งจิบเบียร์คุยกับเพื่อน เขาดูผ่อนคลายกว่าที่เห็นในออฟฟิศเยอะเลยครับ
ผมเพิ่งรู้ว่าเขามีมุมแบบนี้ด้วยเหมือนกัน ยังมีอีกกี่ด้านของเขาที่ผมไม่เคยเห็น
“วันก่อนกูเข้าไซต์ลูกค้าที่บางประกง เจอไอ่เล็กด้วย”
“เอ้า มันเปลี่ยนงานแล้วเหรอ? ตอนแรกเห็นอยู่บริษัท....”
“ย้ายไปเป็นผู้จัดการโรงงาน ลูกค้าจ่ายให้มันหนักอยู่ พวกมึงก็รู้มันเทพ”
เหมือนยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกว่าคุณพี่เมฆในตอนนี้ดูกลืนไปกับเพื่อนเขาครับ ดูเป็นกลุ่มเดียวกัน ดูเป็นธรรมชาติ รอยยิ้มของเขาในตอนนี้ก็เป็นยิ้มที่ดูผ่อนคลาย ที่ทำให้ผมเผลอยิ้มตามโดยไม่รู้ตัว ความคิดเดียวในหัวคือเขาดูเป็นตัวของตัวเอง
อีกนัยหนึงก็คือ เขาดูเป็นใครสักคนที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อนเลย
หรือว่าการที่คนเราเจอกันแค่วันจันทร์ มันจะน้อยเกินไปสำหรับการทำความรู้จักใครสักคนกันนะ?
------- TBC -------
อากาศแย่มากเลยตอนนี้
ระวังอย่าป่วยกันนะคะ ไม่งั้นจะเปื่อยไปเลยแบบเรา ฮือ
สามารถคอมเมนต์ที่นี่ หรือที่ #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ในทวิตเตอร์ เหมือนเดิมนะคะ หรือยังไงทักเรามาได้ที่ @babybapho นะคะ ขอบคุณมากค่า XD