Miracle of LOVE ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งรัก
-41-
ขณะนี้เวลาสามทุ่มสิบห้านาที ผมยืนมองแม่ที่กำลังเตรียมตัวกลับบ้าน ด้วยความรู้สึกราวกับเด็กกำลังจะถูกทิ้ง วันนี้เป็นวันที่โหดร้ายที่สุดสำหรับผมเลยก็ว่าได้
“เน.. เกงคิ๊ ด๊ะชิเต๊ะ!” แม่ตบลงบนแผ่นหลังของผมไม่หนักไม่เบาแล้วบอกให้ผมร่าเริงหน่อย!
แม่ครับ ใครจะร่าเริงไหวครับแม่
“โอก้าซางงงงงงงง” น้องไออยากกลับบ้านไปกับแม่ด้วยอะ ฮืออ กระซิกๆ
“ไอจัง... จิบุน โอะ มตโตะ ชินจิโย!” แม่ทำเสียงเข้มและดุบอกผมให้เชื่อในตัวเองมากกว่านี้ แต่แม่ครับ แม่ไม่เข้าใจน้องไอเลย น้องไอแค่อยากจะไปหาพี่เปรมเท่านั้นเอง
ตั้งท่าอ้าปากจะพูดอธิบายแม่ออกไป แต่ก็โดนแม่ขโมยซีนแย่งพูดฝันดีตัดหน้าและตัดบท
“โอยาซึมิ ไอจัง” บอกฝันดีผมเสร็จแม่ก็หันหลังออกจากห้องไปอย่างไว ทิ้งให้ผมยืนอ้าปากเหวอเคว้งคว้างเพียงลำพัง
“โอซากิ นิ ชิทสึเรอิ ชิมาสึ.. โอโจซามะ” คุณลุงนากามุระค้อมศีรษะให้ผมเพื่อขอตัวกลับไปกับแม่ ทำให้ผมต้องรีบดึงสติกลับมาแล้วปรับสีหน้าและท่าทางใหม่ก่อนจะค้อมศีรษะตอบ
บานประตูปิดสนิทลงแล้ว ถ้าหากผมหยิบโทรศัพท์แล้วโทรหาพี่เปรมบอกว่าให้มารับ ผมเชื่อว่าไม่เกินครึ่งชั่วโมงพี่เปรมต้องมารับผมแน่ๆ แต่ผมทำแบบนั้นไม่ได้
“คุณหนู.. พักผ่อนเถอะครับ” เสียงของพี่โทชิโอะทำให้ผมต้องกลืนเอาความรู้สึกที่หม่นหมองทั้งหมดลงในกระเพาะให้น้ำย่อยจัดการย่อยสลายไป
ผมมองไปรอบๆ ภายในห้องพักหรูของโรงแรมระดับห้าดาว ประกอบด้วยห้องนอนสองห้อง คุณยายพักผ่อนอยู่ในห้องนอนใหญ่ ท่านเดินทางมาถึงเมื่อเช้า ซึ่งนั่นเป็นการเจอกันครั้งแรกของผมกับท่าน คุณยายใจดีและเอ็นดูผมมากๆ และท่านก็ไม่ได้แตกต่างไปจากที่ผมคิดไว้มากนัก นั่นคือคุณยายกับคุณแม่ของผมนั้นพิมพ์เดียวกันเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตาและผิวพรรณ และข้อดีเหล่านั้นก็ตกมาถึงผมด้วย แต่ผมดันเป็นผู้ชายและได้ความสูงมาจากพ่อนิดหน่อย ดังนั้นเวลาที่ผมต้องฝืนทนใส่ชุดสตรีเพศมันจึงดูไม่ทุเรศสายตาสักเท่าไหร่ และแม้ทุกคนจะชมไม่ขาดปากว่า
‘คาวาอี้เน’ น่ารักจังเลยนะ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกดีหรือภูมิใจสักนิด เพราะระดับผมต้องชมว่า
‘ขั่กโคอี้เน’ หล่อสุดๆ หรือเท่ห์โคตรๆ ถึงจะเหมาะสมกว่าครับ
“พี่โทชิโอะก็ไปพักผ่อนเถอะ.. วันนี้ขอบคุณมากครับ” ค้อมศีรษะขอบคุณสำหรับการทำงานเพื่อดูแลผมดุจเจ้าหญิงอย่างหนักในวันนี้
“พรุ่งนี้เก้าโมงเช้า โอคามิซังมีนัดกับผู้ร่วมทุนเพื่อไปท่องเที่ยวตามสถานที่สำคัญในกรุงเทพมหานครนะครับ” พี่โทชิโอะและทุกคนเรียกคุณยายว่าโอคามิซังหรือนายหญิงครับ แต่เดี๋ยวนะ?! พรุ่งนี้คุณยายนัดกับคุณตาคุณยายของพี่เปรมด้วยเหรอ? ผมคิดว่าการที่คุณยายให้ผมนอนค้างคืนเป็นเพื่อนที่นี่เพราะพรุ่งนี้จะให้ผมพาเที่ยวกันสองคนซะอีก
แม้ภายในใจจะรู้สึกอ่อนเปรี้ยเพลียแรง แต่ผมก็พยักหน้ารับแบบนิ่งๆ ไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ออกไป จากนั้นผมก็เดินกลับเข้าห้องพักของตัวเอง ก่อนเข้าห้องไปผมแอบสังเกตตรงห้องโถงซึ่งนอกจากจะมีพี่โทชิโอะแล้วยังคนของคุณยายอีกสองคนคอยเป็นเวรยามดูแลความเรียบร้อย ดังนั้นเรื่องที่ผมคิดจะหนีออกไปนอนกอดกับพี่เปรมให้หนำใจในคืนนี้นั้นคงเป็นไม่ได้แน่นอน
หลังจากได้อาบน้ำจนสบายเนื้อสบายตัว แต่หัวใจของผมยังหนักอึ้งเหมือนเดิม ผมถอนหายใจออกมาหนักๆ ในเวลาแบบนี้อย่างน้อยถ้ามีน้องเปี๊ยกอยู่ด้วยก็คงจะดีมาก แต่เคราะห์ซ้ำกรรมซัด คุณยายท่านแพ้ขนน้องเปี๊ยกครับ เป็นเดือดเป็นร้อนให้ไอ้ดีนต้องพาน้องเปี๊ยกกลับไปส่งที่บ้านฝากให้คุณป้าพิมพ์ดูแลไปก่อน ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดวีดิโอคอลหาคนที่คิดถึง เสียงรอสายดังอยู่ไม่นาน ใบหน้าที่แสนคิดถึงก็โผล่มาเต็มจอ
“น้องเปี๊ยกกกกกกกกกกคนดีของพี่ไอ”
“บ๊อกๆ”
“มาให้พี่ไอจุ๊บปลอบขวัญหน่อย จุ๊บๆ” ผมจูบหน้าย่นๆ น่ารักน่าเอ็นดูผ่านหน้าจอโทรศัพท์
ปกติเราไม่เคยอยู่ห่างกันเกินหนึ่งชั่วโมงครับ ตอนที่น้องเปี๊ยกรู้ว่าจะต้องถูกส่งกลับบ้านไปก่อน เด็กน้อยเสียขวัญมากครับและผมเองก็รู้สึกเศร้าใจไม่แพ้กัน
“พ่อเปรมล่ะน้องเปี๊ยก?” แกล้งถามไปครับ เพราะรู้ว่าพี่เปรมกำลังถือโทรศัพท์ส่องหน้าน้องเปี๊ยกอยู่
“บ๊อกๆ บ๊อกๆ” น้องเปี๊ยกได้ทีฟ้องใหญ่เลยว่าพ่อเปรมอารมณ์ไม่ดี หงุดหงิดตั้งแต่กลับมาถึงบ้าน ไม่พูดไม่จา หน้าตายังกับจะฆ่าหั่นศพใครก็ได้ที่เข้ามาคุยด้วย ได้ยินแค่นี้หัวใจของผมก็หดเหลือแค่ไม่กี่มิลลิเมตรแล้วครับ
น้องเปี๊ยกหันไปส่งเสียงเรียกพี่เปรมให้ผม แต่ผ่านไปเกือบนาทีพี่เปรมก็ไม่มีสัญญาณใดๆ ตอบกลับ ผมรู้ครับว่าผมเป็นคนผิดเอง ผมน่าจะบอกเรื่องนี้ให้พี่เปรมรู้ก่อน และทั้งที่คิดเอาไว้ว่าการที่ผมยอมทำตามเงื่อนไขของคุณตาคุณยายยังส่งผลดีไปถึงอีกหลายๆ เรื่องให้บรรลุเป้าหมายได้ง่ายขึ้น ผมกลับทำให้มันยากเพียงเพราะอายและไม่อยากให้พี่เปรมต้องมาเห็นผมในสภาพที่แม้แต่ตัวผมเองยังไม่อยากจะมอง
“พี่เปรม ไอขอโทษ”
เงียบ“พี่เปรมไม่อยากคุยกับไอแล้วเหรอ ไม่อยากเห็นหน้าไอแล้วใช่มั๊ย?”
ยังคงเงียบ“ไอปวดหัว ไอปวดท้อง ไอปวดแขน ปวดขา ไอปวดตรงนี้.. ตรงนี้!” ยกกำปั้นทุบหน้าอกด้านซ้ายสองสามที ขอบตาของผมร้อนผ่าวไปหมด ไม่ได้สำออยนะครับ ผมแค่อยู่ในสภาวะจิตใจที่ต้องการพี่เปรมมาดูแลเท่านั้น
“ไม่สบายก็ไปกินยาแล้วนอน” มาแล้วครับพระเอกของผม
“พี่เปรม ไอขอโทษ ไอมีเหตุผลนะ ไอ.. ไอแค่อายน่ะ ไอไม่อยากให้พี่เปรมเห็นไอในสภาพทุเรศๆ นี่นา” ส่งสายตาละห้อยและทำเสียงอ่อนสำนึกผิดครับ
พี่เปรมยังคงเงียบ ใบหน้าหล่อดุจเทพบุตรของผมยังคงนิ่งเฉยไร้ความรู้สึกหรืออารมณ์ใดๆ แต่มีเหรอที่ผมจะยอมแพ้
“ไอจำเป็นต้องทำ เพราะนี่เป็นวิธีเดียวที่จะทำให้คุณตาคุณยายของไอยอมรับพี่เปรมเข้าตระกูล มันไม่ได้ยากมากมายอะไร แค่ไอหลับหูหลับตาทำๆ ไปแค่นั้นเอง เพราะฉะนั้นพี่เปรมอย่าโกรธไอเลยนะ ไอยอมรับผิด พี่เปรมจะลงโทษไอแบบไหนก็ได้นะ เอสเอ็มก็ได้ไอสู้ตายแค่ให้พี่เปรมหายโกรธ ไอยอมหมดเลยทุกท่า” คนอย่างพบรักพูดจริงทำจริงนะครับ
ในที่สุดพี่เปรมก็กระตุกยิ้มมุมปาก
“ไปนอนได้แล้ว”
“พี่เปรมหายโกรธไอแล้วใช่มั๊ย?”
“ยัง”
อ้าว เวรแล้วไงล่ะครับ อุตส่าห์ยอมให้เล่นท่ายากแล้วนะยังโกรธอยู่อีก
“ไปนอน” พี่เปรมไล่ผมไปนอนเป็นรอบที่สามแล้วครับ และฟังจากน้ำเสียงถ้าหากมีครั้งที่สี่งานนี้คงได้โกรธแบบจริงจังแน่นอน
ผมพยักหน้าด้วยท่าทางหมาหงอย แล้วค่อยๆ เอนตัวลงนอน ผมวางโทรศัพท์พิงไว้กับหมอน กระพริบตาปริบๆ มองพี่เปรม
“หลับตา”เสียงทุ้มออกคำสั่ง ผมก็ทำตามอย่างว่าง่าย ตอนนี้ต่อให้พี่เปรมจะสั่งให้ผมแก้ผ้าเต้นโชว์ก็ยอมหมดแล้วล่ะครับ
เปลือกตาของผมปิดลง แต่หูก็ยังเงี่ยฟังปลายสาย ในความเงียบผมได้ยินเสียงลมหายใจแผ่วๆ ของพี่เปรม มันทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นและผ่อนคลายได้เสมอ และไม่รู้ว่าฟังไปฟังมาอิท่าไหนผมถึงเผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว
.
.
ครืดๆผมกำลังฝันว่ามีใครสักคนกำลังโทรหา เสียงโทรศัพท์สั่นครืดๆ อยู่ใกล้ๆ แต่ผมก็ไม่มีกะจิตกะใจจะรับ ในฝันผมปล่อยให้การสั่นสะเทือนนั้นดังแล้วเงียบไป ดังแล้วเงียบ อีกครั้ง และอีกครั้ง จนผมคิดว่ามันคงจะไม่ใช่ความฝันแล้วล่ะครับ ผมจึงใช้มือควานหาที่มาของเสียงรบกวน และชื่อหน้าจอก็เป็นต้นเหตุทำให้ผมต้องลืมตาตื่นแบบจริงจัง
“พี่เปรม?”
“รออยู่ล็อบบี้”
สั้นๆ ง่ายๆ ได้ใจความตามแบบฉบับเปรมนทีป์ สายถูกตัดไปแล้วแต่ผมยังนั่งตาเหลือกเป็นคนหล่อตาแตกอยู่บนเตียง กว่าจะเข้าใจในความหมายของพี่เปรมก็กินเวลาไปหลายสิบวินาที ผมจึงต้องรีบกระเด้งตัวเข้าห้องน้ำจัดการสภาพง่วงงุนอย่างไว คว้าเสื้อคลุมได้ก็ห่อตัววิ่งออกจากห้องทันที
“คุณหนูจะไปไหนครับ?”
“ล็อบบี้”
“คุณหนูจะไปแบบนี้ไม่ได้นะครับ”
เท้าที่กำลังก้าวชะงักลง ผมหันไปมองพี่โทชิโอะอย่างไม่พอใจ แต่พี่โทชิโอะก็ยังคงนิ่งไม่มีไหวติงหรือเดือดร้อนใดๆ กับการแสดงออกของผม ห่างออกไปไม่ไกลนักคนของคุณยายอีกสองคนก็กำลังมองมาที่ผมด้วยเช่นกัน มันเป็นกระแสความกดดันที่ผมต้องยอมรับโดยไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ ผมหันหลังเดินกลับเข้าห้อง หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความบอกพี่เปรมว่าอีกไม่เกินสิบห้านาทีจะลงไป
ตีสี่ยี่สิบห้านาทีคือเวลาที่ผมลงมาถึงชั้นล็อบบี้ พี่โทชิโอะเดินแยกออกไปดูแลผมอยู่ห่างๆ ผมกวาดตามมองไปรอบๆ พี่เปรมนั่งอยู่ตรงชุดโซฟาข้างเสาด้านในสุด ผมสูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอดเพื่อลดความตื่นเต้นและประหม่า
“บ๊อกๆ” เด็กน้อยส่งเสียงทักทายผมอย่างสดใส
“น้องเปี๊ยกของพี่ไอ คิดถึงจังเลย” ผมนั่งลงบนโซฟาตัวยาวข้างๆ กับพี่เปรม แล้วอุ้มน้องเปี๊ยกขึ้นจุ๊บหน้าผากย่นๆ ไปหนึ่งฟอด จากนั้นก็วางให้น้องเปี๊ยกแทะโลมกับตุ๊กตาน้องเน่าต่อ
ผมหันมองพี่เปรมแบบเกร็งๆ ดวงตาของเราสบกันแบบจังๆ ใบหน้าคมนิ่งเรียบไม่แสดงอารมณ์ใดๆ และผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องเกร็งขนาดนี้ ถ้าไม่นับวิกผมยาวที่ดัดลอนด์ตรงปลาย อย่างอื่นก็แทบเป็นปกติ หน้าตาก็ไม่ได้แต่งแต้มอะไรผมแค่ทาแป้งเด็กบางๆ เท่านั้น เสื้อผ้าก็ออกจะเรียบร้อยเป็นเสื้อแขนยาวตัวยาวปิดคลุมสะโพก ส่วนรองเท้าอาจจะดูสาวไปหน่อย แต่โดยรวมผมคิดว่ามันโอเคกว่าเมื่อวานในงานเลี้ยงนะครับ
เพิ่มความมั่นใจให้ตัวเองด้วยการหันซ้ายแลขวาไปรอบๆ เวลาเช้าขนาดนี้ที่แม้แต่พระก็ยังไม่ออกมาบิณฑบาต ดังนั้นนอกจากพี่โทชิโอะที่นั่งอยู่ไกลๆ แล้วในส่วนล็อบบี้ของโรงแรมก็มีแค่พนักงานที่อยู่ตรงแผนกบริการส่วนหน้าแค่ไม่กี่คนเท่านั้น และไม่มีใครสนใจมาทางนี้สักคน ผมจึงใช้โอกาสนี้ทำลายความกดดันด้วยการจูบหนักๆ ลงบนแก้มขาวๆ ของพี่เปรมไปฟอดใหญ่ให้หายคิดถึง
“หึ” พี่เปรมจุดยิ้มตรงมุมปากพร้อมกับเสียงหัวเราะในลำคอ แค่นี้ก็ทำให้หัวใจผมเต้นระส่ำแล้วครับ
“ไอดูทุเรศมากใช่มั๊ยล่ะ ไอเองก็รำคาญนะ แต่จะทำไงได้ล่ะ” ถึงผมจะเป็นผู้ชายที่มีสามี แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะชอบแต่งตัวเป็นผู้หญิงหรือทำอะไรแบบสาวๆ นะครับ
“ก็น่ารักดี”
“หืม?” หันมองพี่เปรมแบบจริงจัง เอาจริงๆ เมื่อกี้ผมไม่ได้หูฝาดไปใช่มั๊ย
“แค่มึงไม่ตัดไข่กับเสริมนม.. กูก็โอเค”
อื้อหือ ชัดเจนเต็มสองหูเลยครับ แม้จะสตั๊นไปสองวินาที แต่หลังจากนั้นผมก็ยิ้มแป้นเลยทีเดียว
“คุณหมอตรวจดูได้นะว่ายังอยู่ครบรึเปล่า” ยักคิ้วให้คุณหมอสุดหล่อไปหนึ่งทีด้วยความยินดีและเต็มใจ จะตรวจภายนอกหรือตรวจภายใน ผมก็ยินดีทั้งสิ้นครับ
พี่เปรมหัวเราะในลำคอเบาๆ และไม่ได้ตอบอะไร แต่นั่นก็ทำให้ผมมีความสุขและผ่อนคลายลงมาก
“นอน” มือใหญ่ตบลงบนหน้าขาของตัวเอง
ในฐานะภรรยาที่ดีผมก็เอนตัวลงนอนใช้หน้าขาของพี่เปรมแทนหมอนอย่างว่าง่าย แต่ก็แอบขยิบตาให้น้องเปี๊ยกที่แอบมองผมด้วยสายตาหยอกล้อไปทีหนึ่ง พี่เปรมปัดวิกผมที่น่ารำคาญออกจากแก้มและลำคอให้ผม แล้วก็ใช้นิ้วเกลี่ยข้างแก้มของผมเบาๆ สัมผัสเพียงน้อยนิดแต่ทว่าอุ่นซ่านไปทั้งหัวใจ
“กูอยู่กับมึงตรงนี้..” ข้อความสั้นๆ ไม่ได้หวานซึ้ง แต่เหมือนดั่งเวทมนต์ที่ทำให้ความตึงเครียดที่อัดแน่นอยู่เต็มอกของผมมลายหายไปในพริบตา
ผมดึงมือใหญ่มากุมไว้แล้วประสานนิ้วเข้าด้วยกัน จูบประทับลงบนหลังมือของพี่เปรมแทนคำขอบคุณในความรักและความเอาใจใส่ซึ่งกันและกัน ความรักของเราไม่ได้หวานซึ้ง ไม่ได้สวยหรู และไม่ได้หวือหวาแต่อย่างใด มันเป็นความรักแบบเรียบง่าย ตรงไปตรงมา แต่ทว่าลงตัวที่สุด
ในเวลาเช้าตรู่แบบนี้ ถนนด้านนอกและผู้คนในเมืองหลวงเป็นยังไงผมไม่รู้ ผมรู้แค่ว่าในสมองของผมโล่ง และในหัวใจของผมก็รู้สึกสงบ ผมหลับตาลงโดยที่ไม่คิดจะปล่อยมือจากพี่เปรม ไม่ว่าจะวันนี้หรือวันไหนผมจะไม่มีวันปล่อยมือนี้เด็ดขาด และความรู้สึกที่เงียบสงบก็ค่อยๆ พาผมเข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง
.
.
อากาศเมืองไทยว่าร้อนตลอดปีแล้ว ยังสู้ความร้อนผ่าวๆ บนผิวแก้มของผมในเวลานี้ไม่ได้เลยครับ ผมยกมือขึ้นพัดแก้มตัวเองหลายต่อหลายครั้งเมื่อนึกถึงสถานการณ์เมื่อเช้า ซึ่งหลังจากที่ผมปล่อยให้ตัวเองหลับสบายบนหน้าขาของพี่เปรมไปงีบใหญ่ ผมก็ตื่นขึ้นมาท่ามกลางสายตาของผู้ใหญ่ถึงสี่คน ซึ่งดวงตาทั้งสี่คู่แสดงความรู้สึกแตกต่างกัน ของแม่ผมเข้าใจครับว่าแค่หยอกล้อ แต่ของคุณยายนี่ผมมองไม่ออกจริงๆ ในขณะที่คุณตาและคุณยายของพี่เปรมเป็นไปในลักษณะแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นเพื่อรักษามารยาททางสังคม ผมหันไปขอความช่วยเหลือจากพี่เปรม แต่ฝ่ายนั้นทำเพียงยกยิ้มบางๆ แล้วยังช่วยปัดเส้นผมที่ติดอยู่บนแก้มให้ผมอีก งานนี้แทนที่ผมจะได้เป็นพระเอก กลายเป็นว่าถูกพี่เปรมขโมยซีนไปแบบเต็มๆ เลยครับ
“ไอจัง โดอุชิตะ โนะ โยะ, คุราอิ คาโอะ โอ๊ะ ชิเต๊ะ?” แม่เดินเข้ามาหาผมแล้วถามด้วยความเป็นห่วงว่าลูกชายของท่านเป็นอะไรรึเปล่าถึงได้ทำหน้าทำตาเหมือนจะร้องไห้อยู่รอมร่อ
“อะนะ กะ อัตตะระ ไฮริตั้ยยยยย” น้องไออายจนอยากจะมุดหัวลงเดินอยู่แล้วเนี่ย น้องไออยากเป็นพระเอกนะ ลงทุนแต่งหญิงเพื่อจะดัดหลังผู้ใหญ่ใจร้ายสักหน่อย แต่โดนพี่เปรมแย่งบทไปซะงั้น จะโทษใครดีล่ะ? ผู้กำกับหรือคนเขียนเรื่องนี้ดีที่ทำร้ายจิตใจผมได้ลงคอ
แทนที่แม่จะเห็นใจ แม่กลับหัวเราะขบขันชอบใจยกใหญ่ แถมชมลูกเขยว่าฉลาดได้ดั่งใจทุกเรื่องไม่ขาดปาก จากนั้นก็แม่ตบหลังผมไม่หนักไม่เบาแล้วตัดบทลากไปขึ้นรถเพื่อจะไปทานข้าวมื้อเที่ยงกัน
คุณตาคุณยายของพี่เปรมพาพวกเรามาเที่ยววัดพระแก้วและแถวท่าช้างยาวไปถึงท่าพระจันทร์ครับ ผมเดินไปก็เกร็งไปเพราะย่านนี้มันย่านมหาวิทยาลัยของผม กลัวจริงๆ ว่าจะมีรุ่นพี่รุ่นน้องจำได้ อ้อ ลืมบอกไปว่าตอนนี้ผมแต่งตัวยังไง วิกยังเหมือนเดิม แต่เพิ่มเติมคือชุดที่สุดแสนจะไฉไล ผมใส่เดรสยีนส์สีเข้มทรงเอยาวเหนือเข่า แขนยาวพองๆ เหมือนแขนตุ๊กตา และมีลายปักเป็นรูปดอกเดซี่เล็กๆ ใส่คู่กับรองเท้าผ้าใบและหมวก แถมด้วยกระเป๋าสะพายแบรนด์เนมเล็กๆ สีสดใส เอาเป็นว่าใครเห็นผมวันนี้ต้องชมว่าน่ารักทั้งนั้นแหละครับ
ร้านอาหารสำหรับมื้อเที่ยงเป็นร้านชื่อดังริมแม่น้ำเจ้าพระยา เข้ามาในร้านแล้วผมก็รู้สึกดีขึ้นหน่อยที่ได้โดนแอร์เย็นๆ ผมดึงทิชชู่ขึ้นจะเช็ดเหงื่อให้ตัวเอง แต่ไม่ทันแล้วล่ะครับ สุภาพบุรุษสุดที่รักเอาผ้าเช็ดหน้าของตัวเองมาซับเหงื่อบนหน้าผากให้ผมซะก่อน
“น้ำอ้อยหรือน้ำมะพร้าว?” พี่เปรมถามผม ถ้าจะตอบจริงๆ ตอนนี้ผมก็อยากจะซดน้ำมะพร้าวเย็นๆ ซักลูก แต่ติดตรงที่ผมจะต้องมานั่งตักเนื้อมะพร้าวกินอีก เดี๋ยวเสียลุคคุณหนูหมดครับ
“น้ำอ้อย”
ตอบน้ำอ้อย แต่พี่เปรมกลับสั่งน้ำมะพร้าวให้ผมแทน แล้วจะถามผมไปเพื่ออะไร? ช่วยเปลี่ยนจากรู้ใจเป็นโหมดจีบกันสักนิดจะได้มั๊ย เอาให้ผู้ใหญ่ได้ตายใจสักหน่อยว่าเด็กมันจีบกันแล้ว ไม่ใช่สบตากันปุ๊ปก็ตกลงได้เสียเป็นผัวเมียกันเลย นี่มันแผนการเปรมนทีป์สไตล์ชัดๆ รวบรัดและรวดเร็ว ไม่ต้องพูดมาก ไม่ต้องท่าเยอะพิรี้พิไรให้น่ารำคาญ บอกว่าจะเอาเป็นเมียก็คือเอาจริงจัง และคุณหนูไอก็ถูกมองว่าแร่ดแบบแก้สถานการณ์อะไรไม่ทันเสียแล้ว
ระหว่างรออาหารทยอยมาเสิร์ฟคุณยายของพี่เปรมพยายามชวนผมคุยหลายต่อหลายครั้ง แต่ผมเป็นประเภทพูดน้อย ไม่ใช่หยิ่งอะไรหรอก ขี้เกียจดัดเสียงตัวเองต่างหากล่ะครับ
“คุณหนูไอพูดไทยเก่งจังเลยนะคะ และดูคุ้นเคยกับเมืองไทยมากๆ” คุณยายของพี่เปรมไม่ลดความพยายามครับ ไม่ว่าแม่และคุณยายของผมจะเบี่ยงไปเรื่องอื่นแต่สุดท้ายก็กลับมาจนได้ ถึงท่านไม่ได้แสดงออกชัดเจน แต่ประกายในแววตาก็บอกแจ่มแจ้งว่าพออกพอใจกับการกระทำของหลานชายมาก
บทสนทนาถูกแปลอย่างรวดเร็วโดยล่ามส่วนตัวของคุณยาย ซึ่งคนที่ตอบแทนผมก็จะเป็นแม่หรือไม่ก็คุณยายนั่นแหละครับ ผมก็แค่นั่งยิ้มสวยๆ พูดน้อยๆ กินเยอะๆ โดยเฉพาะกุ้งแม่น้ำ ของโปรดเลยล่ะครับ พี่เปรมก็รู้ใจว่าผมเป็นประเภทชอบกินแต่ไม่ชอบแกะ ฝ่ายนั้นก็แกะกุ้งให้ผมโดยไม่ต้องร้องขอแต่อย่างใด
“ทั้งคู่ดูเหมาะสมกันมากเลยนะคะ”
นั่นไง ไม่ทันไรคุณยายของพี่เปรมก็วกกลับมาที่ผมอีกแล้ว ท่านคงจะทนไม่ไหวจริงๆ อยากจะได้ผมเป็นลูกสะใภ้จนแทบจะให้พี่เปรมปล้ำผมตรงนี้ให้รู้แล้วรู้รอด ซึ่งรอบนี้ผมส่งสายตาขออนุญาตคุณยายและแม่เพื่อจะปิดประเด็นเองครับ เมื่อได้รับอนุญาต ผมก็ทำหน้าแบ๊วใสซื่อมองคุณยายและหลายชายสลับกันไปมาอยู่สองสามครั้ง
“คุณเปรมมีคนรักแล้วไม่ใช่เหรอคะ?” ผมเป็นคนลูกกระเดือกเล็ก แค่บีบเสียงลงนิดหน่อยก็ไถไปได้แล้วครับ
พี่เปรมมองหน้าผม กระตุกยิ้มมุมปากเล็กๆ หล่อแบบไม่บันยะบันยัง ผมเองก็ส่งยิ้มกลับแถมยักคิ้วให้ด้วย
“มีครับ รักมากด้วย” พี่เปรมตอบไวและชัดเจนเหมือนเดิม ทำเอาคุณตาและคุณยายของพี่เปรมหน้าถอดสีเป็นไข่ต้มสุก
“รักมาก แสดงว่าต้องน่ารัก?”
“น่ารักเหมือนคุณหนูไอนี่แหละครับ”
“คุณเปรม” เสียงกดต่ำเรียกชื่อหลานชายเบาๆ ฟังแล้วรู้ได้ทันทีว่าคุณตาของพี่เปรมกำลังโกรธมากแค่ไหน ผมแอบเห็นคุณยายของพี่เปรมกำช้อนส้อมแน่นเชียวครับ คงกำลังเก็บอารมณ์อยู่ แต่มีเหรอที่คนอย่างพี่เปรมจะหยุด
ผมอมยิ้มแล้วดูดน้ำมะพร้าวเย็นๆ ให้ชื่นใจอึกใหญ่ ก่อนจะเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงสบายๆ
“แต่ไอไม่อยากแบ่งคนรักกับใครนะ”
“ก็ไม่ต้องแบ่งนี่ครับ”
“หืม?” เอียงคอ กระพริบตาสองที สบตากับผู้ชายตรงหน้าแบบตรงๆ
ใบหน้าคมระบายยิ้มอ่อนโยนให้ผม แล้วหันไปค้อมศีรษะเล็กน้อยให้คุณยายและแม่ของผมคล้ายกับกำลังขออนุญาต จากนั้นก็กลับมาสบตากับผมอีกครั้ง พี่เปรมหยิบกระดาษเล็กๆ มาหนึ่งแผ่น เขียนตัวอักษรภาษาอังกฤษลงไป แล้วใช้สายตาถามผมว่า
‘รู้มั๊ยว่านี่คืออะไร?’“หืม?” รอยหยักในสมองฝ่อชั่วคราวครับ สำหรับผมตอนนี้ท่าทางโง่ๆ และแบ๊วเท่านั้นที่จะครองโลก
สายตาคมที่เต็มไปด้วยเงาสะท้อนของผมจ้องมองมาแบบไม่มีปิดบังทำให้หัวใจของผมเต้นระรัว
“ไอ.. ในภาษาอังกฤษแปลว่าฉัน ไอ.. ในภาษาญี่ปุ่นแปลว่ารัก และ ไอ.. คือเลขหนึ่งของโรมัน.. คุณหนูชื่อไอ คุณหนูจึงเป็นเพียงความรักหนึ่งเดียวของผม.. ไม่ต้องแบ่งกับใครทั้งนั้นครับ” เราจ้องตากันนิ่งๆ ถ้าแค่มองแล้วท้องได้ป่านนี้ผมคงได้ท้องเป็นร้อยโหลแล้วครับ
นี่คงเป็นประโยคยาวๆ และโรแมนติกที่สุดในรอบปีที่ผมได้ยินจากพี่เปรมและมันก็ทำให้หัวใจของผมพองโตเป็นลูกบอลลูนที่ลอยสูงขึ้นในอากาศ หรือถ้าหากตอนนี้เป็นฉากหนึ่งในการ์ตูนของวอลต์ดิสนีย์ จะต้องมีพลุรูปหัวใจเต็มท้องฟ้า ดอกไม้บานเต็มทุ่งหญ้า ผีเสื้อ แมลงปอ นก รวมไปถึงสัตว์น้อยใหญ่ในป่ากำลังเต้นรำด้วยความยินดี ไม่ต่างจากใบหน้าของคุณตาคุณยายของพี่เปรมในตอนนี้ที่บานเบ่งเต็มที่เพราะหลานชายสุดที่รักทำดีได้ถูกใจ และผมเชื่อแล้วล่ะครับว่าผมได้สามีที่นอกจากหล่อแล้วยังฉลาดจริงๆ เพราะฉะนั้นผมยอมให้พี่เปรมเป็นพระเอกก็ได้ครับ
“อะแฮ่ม..” แม่ของผมกลั้นขำจนทนไม่ไหวต้องแกล้งกระแอมออกมา แม่ทำเป็นฟังภาษาไทยเมื่อครู่ไม่เข้าใจ แล้วเปลี่ยนอารมณ์หวานเลี่ยนให้กลับสู่สถานการณ์ปกติโดยการบอกผมให้ทานข้าวเยอะๆ แทน
คุณยายของผมเองก็ขอเปลี่ยนประเด็นเข้าโหมดเรื่องงานครับ ผมเองก็ตั้งใจฟังบทสนทนานั้นด้วยเพราะหลังจากที่ผมเรียนจบผมจะต้องรับงานนี้แทน ในช่วงแรกคุณตาและคุณยายจะให้คนของตระกูลมาช่วยดูแลและสอนงานให้ผมจึงไม่ต้องกังวลสักเท่าไหร่ แม้จะไม่ใช่งานที่ถนัดและงานตามที่ฝันแต่ผมก็จะพยายามทำออกมาให้ดีครับ ส่วนงานเกี่ยวกับมัณฑนศิลป์ผมก็ไม่ได้ทิ้งไปไหน ความฝันที่จะเดินตามรอยพ่อก็ยังมีเหมือนเดิมครับ คุณยายรับปากแล้วว่าผมจะได้ทำงานตามที่รักแน่นอนเพียงแต่ต้องผ่านเรื่องนี้ไปให้ได้ก่อนเท่านั้นเอง
.
.
V
V
V
มีต่อด้านล่างนะคะ