แล้วเรื่องที่จอมขวัญไม่อยากให้เป็นจริงก็กลายเป็นจริง
…ทั้งเรือนเหลือแค่เขากับอธิป…อ้อ มีป้าคนครัวอีกคน แต่แกก็อยู่แต่ในครัวจริงๆ แล้วสวนหลังเรือนกับครัวนี่มันใกล้กันซะที่ไหน แถมขึ้นชื่อว่าสวน นอกจากต้นไม้กับแมลงแล้วมันก็ไม่มีใครอื่น ถ้าเกิดมันทำอะไรเขาขึ้นมา ตะโกนขอความช่วยเหลือจะมีใครได้ยินมั้ยเนี่ย!!…
“ร่มรื่นดีนะ” เสียงของคนที่เดินตามมาด้านหลัง ทำเอาจอมขวัญผู้เป็นเจ้าบ้านสะดุ้งเฮือกก่อนจะหันมอง
“ป้อมตำรวจอยู่ตรงนู้น…” เจ้าของบ้านผู้รู้จักที่ทางดีเยี่ยมชี้ไปที่ท้ายสวนซึ่งติดกับถนนใหญ่อีกฝั่ง เขาจำได้ว่าฟากนั้นมีป้อมตำรวจอยู่ แต่ไม่รู้ว่าจะมีตำรวจรึเปล่านี่สิ!!
อธิปทำหน้างงที่อยู่ดีๆ จอมขวัญก็พูดเรื่องป้อมตำรวจขึ้นมา แต่พอเห็นอีกฝ่ายพยายามมองซ้ายมองขวาราวกับกำลังหาทางหนีแล้ว เขาก็ได้แต่กระตุกยิ้มมุมปาก
…ดูเหมือนจอมแสบจะคิดว่าเขาเป็นเกย์อย่างที่เจ้าตัวพูดจริงๆ…
ชายหนุ่มไม่ได้เดือดร้อน อย่างน้อยๆเขาก็ไม่ได้มีคนรักเป็นตัวเป็นตน อธิปเข้ามาช่วยงานของทางบ้านตั้งแต่สมัยยังเรียนมหาวิทยาลัย พอเรียนจบก็มุ่งหน้าเข้าสู่งานสายธุรกิจเพื่อบริษัทของครอบครัวที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ จนกระทั่งตอนนี้ เลยเป็นเหตุให้อธิปไม่ได้คบหาใครอย่างจริงจัง แม้ว่ามารดาจะหาลูกสาวของเพื่อนหลายคนมาให้เขาพบหน้าก็ตามที
…แล้วถ้าเขา…คิดจะแกล้งไอ้จอมแสบตัวร้ายตรงหน้านี่เสียบ้าง…มันก็คงทำให้ชีวิตมีสีสันน่าดู
อธิปตัดสินใจก้าวขาเดินเข้าไปใกล้มากกว่าเดิม จนเจ้าของบ้านที่ยังอยู่ในชุดนอนตาเหลือกรีบขยับหนี
“เข้ามาทำไม?!!”
“จะถามว่า…นั่นต้นอะไร” แล้วอธิปก็ทำทีเป็นชี้ไปที่ต้นไม้สูงตระหง่านด้านหลังจอมขวัญ
“ไม่รู้เว้ย!! ไม่ใช่คนปลูก!!!”
“คุณนี่ท่าทางกลัวผมเอาเรื่องนะ” ร่างสูงเอ่ยปากอย่างที่ทำเอาคนถูกหาว่ากลัวถึงกับถลึงตาใส่
…ไม่ให้ผู้ชายอย่างกูกลัวเกย์อย่างมึง! แล้วให้กูกลัวอะไรวะ?!!!!...
“จะดูแค่นี้ใช่มั้ย งั้นกลับ!” จอมขวัญหาทางเปลี่ยนเรื่องพูด แล้วหมุนตัวจะเดินนำออกจากสวนที่เพิ่งเข้ามา ทว่ามือใหญ่คว้าแขนเขาเอาไว้เสียก่อน คนกำลังจะเดินเลยชะงักกึก
“เฮ้ย! อะไรอีกล่ะ!!”
“เรื่องเมื่อคราวก่อนที่ผมพูด ได้เอากลับไปคิดบ้างรึยัง” อธิปเอ่ยปาก ทำเอาเจ้าของบ้านที่หงุดหงิดอยู่แล้ว ถึงกับตวัดสายตาขุ่นขลั่กมามองหน้าเขาทันที
“กูบอกว่าให้มึงหยุดพูดเรื่องนี้!!” จอมขวัญตวาดลั่น ทว่าอธิปไม่ได้สนใจเสียงนั้นเลย เขาหันมองต้นไม้สูงใหญ่ที่รายล้อมรอบตัว เหมือนไม่รับรู้อารมณ์ใดๆทั้งสิ้นของจอมขวัญ
“ไอ้อธิป!!!”
“รู้ไหมทำไมผมถึงชอบต้นไม้” คนกำลังโมโหถึงกับอ้าปากค้างอย่างไม่เข้าใจ
…นี่มึงคุยภาษาเดียวกับกูรึเปล่าวะ!!! กูกำลังโมโห! เสือกมาสาธยายว่าชอบต้นไม้!! แม่งเอ๊ย!!!...
“เพราะผมสามารถพูดกับต้นไม้ได้โดยที่ไม่ต้องตะโกน”
…อะไรของมึง!!! ติสต์แตกพูดไม่รู้เรื่องไปแล้ว!!!...
จอมขวัญไม่เข้าใจ และกลายเป็นยิ่งหงุดหงิดมากกว่าเดิม เมื่ออธิปเดินเข้ามาหาเขา
“หลับตาลงสิ”
คนถูกสั่งให้หลับตาทั้งๆที่ยังยืนอยู่กลางสวนทำหน้างงหนักกว่าเดิม แต่อธิปไม่ปล่อยให้ถาม เขายกมือขึ้นปิดตาให้
“หลับตาลง แล้วหายใจเข้าลึกๆ หายใจออกยาวๆ”
“หายใจเข้า…”
“หายใจออก…”
เสียงทุ้มดังอยู่ตรงหน้า มืออุ่นวาบทาบอยู่บนเปลือกตาของจอมขวัญ
ชายหนุ่มร่างโปร่งไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงยอมหลับตาตามที่อีกฝ่ายสั่ง ยอมหายใจเข้า หายใจออกตามที่อธิปพูด มือข้างหนึ่งของอธิปดึงมือเขาให้เอื้อมไปแตะกับลำต้นของต้นไม้ เปลือกแข็งหยาบแนบอยู่กับฝ่ามือเขา ในขณะที่ความอุ่นร้อนของฝ่ามือของอธิปวางทาบอยู่บนหลังมือของเขาอีกทีหนึ่ง
“ต้นไม้กำลังฟังคุณ ไม่ต้องตะโกน ไม่ต้องตวาด พูดออกมาด้วยน้ำเสียงปกติ คุณคิดอะไรอยู่ คุณรู้สึกแบบไหน ค่อยๆพูด ค่อยๆเล่า ที่นี่ไม่มีใครสั่งสอนคุณ ไม่มีใครติฉินนินทาคุณ ไม่มีใครเอาเรื่องของคุณไปบอกคนอื่น…ที่นี่แค่รับฟังคุณ ระบายสิ่งที่อยู่ในใจคุณออกมา…ค่อยๆพูด ไม่ต้องตะโกน…”
จอมขวัญยังนิ่ง แต่ไม่มีทีท่าโวยวาย ร่างสูงเลยถือเอาว่าตอนนี้อีกฝ่ายกำลังยอมรับฟังในสิ่งที่เขาจะพูด
“หายใจเข้าลึกๆ อากาศที่นี่ปลอดโปร่ง เย็นสบาย รู้สึกไหม…ในร่างกายคุณตอนนี้กำลังเย็นลง แล้วค่อยๆผ่อนลมหายใจออก ช้าๆ…หายใจเข้าลึกๆ หายใจออกยาวๆ…อย่าคิดถึงใคร อย่าคิดถึงเรื่องอะไร มองลงไปที่หัวใจของตัวเอง…คุณเห็นรึเปล่า หัวใจคุณกำลังบอกอะไร…” อธิปพูดได้แค่นั้นเขาก็เงียบ ฝ่ามือที่ปิดตาจอมขวัญอยู่รู้สึกอุ่นร้อนอย่างประหลาด ชายหนุ่มหันมองแล้วได้แต่นิ่งเมื่อเห็นหยาดน้ำไหลลงกับแก้ม
“ค่อยๆพูดมันออกมา…สิ่งที่คุณเห็น…สิ่งที่หัวใจคุณบอก…ที่นี่มีแค่คุณกับต้นไม้…ไม่มีใคร อย่ากังวล…”
“ผม…ผมไม่เห็นใครเลย…ไม่เห็นอะไรเลย…” จอมขวัญเอ่ยปากเสียงแผ่ว ในใจของเขาดำมืด มันเย็นเยียบ ไม่มีใคร ไม่เสียง ไม่มีแม้แต่แสงสว่าง…แต่…มีแค่เขา…แค่เขาคนเดียวอยู่ในนั้น…เขารู้แค่ว่าเขาอยากออกมา หรืออย่างน้อย แค่มีใครสักคนโผล่หน้าเข้าไปหา เข้าไปเรียกชื่อเขา…แต่…ตลอดเวลาที่ผ่านมา…มันไม่มีเลย…ไม่มีใครเข้าไปหาเขา ไม่มีใครเรียกชื่อเขา…ไม่มี…
“ของขวัญ…” ฝ่ามืออุ่นที่ปิดตาเลื่อนออกไปพร้อมกับเสียงเรียกชื่อเขา…ชื่อ ‘ของขวัญ’ …
จอมขวัญลืมตาขึ้น และเหมือนจะเพิ่งรู้ตัวว่าตนเองกำลังร้องไห้ต่อหน้าอธิป จึงรีบยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตาอย่างรวดเร็ว แต่มือใหญ่ของอธิปดึงแขนเอาไว้เสียก่อน
“ถ้าเช็ด น้ำตาก็หยุด แต่มันจะมีประโยชน์อะไรถ้าปล่อยให้ส่วนที่เหลือตกค้างอยู่ในใจ ปล่อยมันออกมาให้หมด แล้วให้มันแห้งไปเอง…”
“ให้ปล่อยตรงนี้อ่ะนะ?!”
“กลัวอะไร ที่นี่มีแต่ต้นไม้ ไม่มีใครเห็นคุณ” จอมขวัญอยากจะย้อนว่าก็เพราะมีอธิปนั่นล่ะ เขาถึงต้องรีบเช็ด! กระทั่งตอนพ่อแม่เสีย เขายังไม่ร้องไห้ต่อหน้าใคร ตอนที่ทำให้ลุงและป้าเสียใจเพราะเรื่องผู้หญิงคนนั้น เขาก็ยังไม่แม้แต่จะร้องไห้สักนิด
…แต่กับอธิป…
“คุณเคยได้ยินเรื่องอดีตของผมมั้ย” อธิปเอ่ยปากแล้วยิ้มบาง ในขณะที่คนน้ำตากำลังแห้งทำหน้างงอีกรอบ
…นี่สรุปว่าวันนี้มันจะพูดจารู้เรื่องบ้างมั้ยเนี่ย!...
“อดีตของนายอธิปคนนี้คือคนที่ทำให้ธุรกิจของครอบครัวฟื้นตัว และกลับมาประสบความสำเร็จอีกครั้ง คุณได้ยินมาอย่างนั้นใช่มั้ย” จอมขวัญพยักหน้ารับ แต่ยังไม่เข้าใจว่าอธิปต้องการจะพูดเรื่องอะไร
“จริงๆแล้วมันไม่ใช่อย่างนั้น”
“อ้าว!!”
มันจะไม่ใช่ได้ยังไงในเมื่อเขาพูดกันทั้งเมือง!!
“ตอนนั้นเศรษฐกิจไม่ดี พ่อผมบริหารผิดพลาด แล้วก็ถูกโกง วันนั้นผมเพิ่งกลับจากไปเที่ยวกับเพื่อน พ่อเดินมาบอกผมว่าเทอมหน้า ผมคงจะไม่ได้เรียนแล้วเพราะว่าไม่มีเงินค่าเทอม พ่อขอกุญแจรถผมเพื่อเอาไปขาย เอาเงินมาใช้หนี้ คุณรู้มั้ยว่าตอนนั้นผมรู้สึกยังไง…ผมเป็นวัยรุ่น เรียนมหา’ลัย ใช้ชีวิตสุดโต่ง เที่ยวกลางคืน ใช้เงินมือเติบ…แต่แค่เพียงวันเดียว ทุกอย่างหายไปหมด ตอนนั้นเราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าวันพรุ่งนี้จะมีเงินใช้มั้ย ทุกอย่างมืด…มืดมากจริงๆ”
จอมขวัญไม่เคยรู้เรื่องนี้ ข่าวลือที่ได้ยินเกี่ยวกับครอบครัวนี้มา เป็นแค่เรื่องที่อธิปช่วยฉุดกิจการของทางบ้านเท่านั้น ส่วนรายละเอียดอื่น เขาไม่เคยได้ยินใครพูด
“…หลังจากวันนั้นผมหยุดเรียน พ่อแม่เรียกผมและน้องชายไปคุยเรื่องฐานะของพวกเรา ทุกอย่างที่มีถูกเอาไปขายเพื่อหมุนเป็นเงิน ผมดร็อปเรียนสองเทอมเข้าไปช่วยงานพ่อ…จริงๆแล้วเพราะไม่มีค่าเทอมน่ะนะ ผมทำทุกอย่างตั้งแต่ส่งเอกสาร ไปจนถึงตามพ่อไปเจรจาธุรกิจ แต่ตอนนั้น ผมเป็นวัยรุ่นใจร้อน…ผมทำผิดพลาดหลายครั้ง มันเป็นอดีตที่แย่มากๆ จากวัยรุ่นที่ไม่ต้องคิดอะไร มีเงินใช้ไปวันๆ หาความสุขใส่ตัวไปวันๆ พอวันนึงต้องมารับผิดชอบ ต้องมาทำงานโดยมีเดิมพันเป็นเงินที่จะมีใช้หรือไม่มีใช้ มันยากมาก”
“แต่รู้มั้ย…ผมไม่เคยกลัวอดีตพวกนั้นเลย อดีตที่เลวร้ายคือประสบการณ์ที่ดีที่สุดของชีวิต ทุกคนมีอดีตที่อยากลืม…แต่มีแค่บางคนเท่านั้นที่เรียนรู้จากมัน และคนที่เรียนรู้จากมันก็คือคนที่ชนะมัน”
“…และที่สำคัญ…ประวัติศาสตร์อยู่ที่คนเขียน” จอมขวัญยังไม่เข้าใจ เขามองคนพูดด้วยความสงสัย แต่อธิปยังยิ้ม “ที่บริษัทของบ้านผมกลับมายืนได้อีกครั้ง ไม่ใช่เพราะผมคนเดียวแบบที่คุณได้ยินมา แต่เป็นเพราะทั้งพ่อ ทั้งแม่และน้องผมช่วยกัน”
“อ้าว…แล้วที่เขาพูดกัน…” จอมขวัญไม่เข้าใจว่าทำไมเรื่องที่รับรู้กันในสังคมวงกว้างถึงมีแค่อธิปคนเดียวที่เป็นวีรบุรุษ
อธิปยิ้ม
“ตอนนั้นพ่อผมป่วย…พ่อคิดว่าพ่อคงอยู่ได้ไม่นาน แล้วช่วงแรกๆ บริษัทก็ยังไม่เข้าที่ ผมต้องเรียนไปทำงานไปด้วย พอเรียนจบก็เข้ามาช่วยงานเต็มตัว อายุผมยังน้อยถ้าเทียบกับผู้บริหารบริษัทอื่นๆ เพราะงั้นพ่อเลยปล่อยข่าวว่าผมคือคนทำให้ธุรกิจทางบ้านดีขึ้น พ่อคิดว่าถ้าพ่อเป็นอะไรไปตอนนั้น ผมก็ยังเป็นตัวแทนได้ เวลาไปไหนมาไหน อย่างน้อยคนก็เชื่อถือ จะเข้าไปนั่งร่วมประชุมกับใคร ไปเจรจาธุรกิจกับใคร เขาก็ไม่มองว่าเป็นพวกมือใหม่อ่อนหัด แต่ผมก็ต้องทำงานหนักมาก เพื่อให้ตัวเองมีความสามารถเพียงพอกับฐานะ ‘วีรบุรุษ’ ตามข่าวที่พ่อปล่อย…” อธิปไม่ได้ผ่านช่วงเวลานั้นมาอย่างง่ายดายอย่างที่ใครพูดกัน
…เขาผ่านความกดดันมากมาย ต้องแบกรับทั้งความรับผิดชอบและความคาดหวัง…มันเหนื่อยและหนักหนาสาหัส…หลายครั้งที่ผิดพลาด หลายครั้งที่พลาดพลั้ง…แต่มันก็เป็นแค่อดีต อดีตที่กลับไปแก้ไขไม่ได้…
…เหมือนจอมขวัญ เหมือนมนุษย์คนอื่นๆ เรามีอดีตที่อยากกลับไปแก้ไข แต่ไม่ว่ายังไงก็กลับไปไม่ได้…แล้วถ้าอย่างนั้นจะมีประโยชน์อะไรกับการเอาอดีตมาหลอกหลอนซ้ำๆ…
ชายหนุ่มมองคนตรงหน้า ดวงตาของจอมขวัญที่มองมาที่เขาเหมือนกำลังยอมรับในสิ่งที่เขาพูดให้เข้าไปในใจทีละน้อย อธิปยิ้มบางอย่างยินดีที่เวลานี้ คนตรงหน้ารับฟังเขาอย่างเต็มใจ
“ผมไม่ได้แนะนำให้คุณทำเหมือนพ่อผม แต่แค่อยากให้คุณเห็น…ประวัติศาสตร์และอดีตมันเป็นเรื่องที่เกิดมาแล้ว มีกี่คนกันที่รู้ความจริง และมีอีกกี่คนที่เอาไปเล่าเพื่อความสนุกปาก ในเมื่อคุณคือคนที่รู้เห็นอดีตของตัวเอง ก็เอาอดีตมาเป็นบทเรียน และไม่ต้องไปใส่ใจกับคำพูดของคนอื่นที่มาตัดสินอดีตของคุณเพียงเพราะเขาได้ยินต่อๆกันมา…” สองมืออุ่นของชายหนุ่มจับไหล่สองข้างของร่างโปร่งแล้วยืดให้ผึ่งผาย
“ยอมรับอดีตอย่างเต็มใจได้แล้ว เรียนรู้มันแล้วเปลี่ยนมันให้เป็นประสบการณ์ที่ดีของชีวิต ผมอยากเห็นคุณมีความสุข รับปากกับผมได้มั้ยว่าคุณจะพยายาม”
“ครับ” เสียงรับคำนั้นแผ่วเบาจอมขวัญสบตาคนพูด ดวงตาของอธิปเข้มแข็งราวกับเหล็กกล้าที่เข้ามาช่วยพยุงให้เขาหยัดยืน รอยยิ้มบางบนใบหน้าคมเข้มราวกับจะปัดเป่าความทุกข์ในใจเขาให้มลายหายไป และที่สำคัญ…ความอุ่นร้อนของฝ่ามือที่จับไหล่เขานั้นเหมือนจะแผ่ซ่านกระแสความอ่อนโยนเข้ามาในหัวใจที่ดำมืดและเย็บเยียบ
…มัน…อุ่น…
…อุ่นในใจ…
…อุ่นใจ?!!!...
…ไอ้อธิปเนี่ยนะทำให้เขาอุ่นใจ?!!!...
เหมือนจะรู้ตัว จอมขวัญรีบหมุนตัวจะเดินหนีออกจากสวนทันที แต่อธิปคว้าแขนเอาไว้ คิดเอาไว้แล้วว่าพอรู้สึกตัวได้สติ ไอ้คนดื้อร้ายจะต้องทำแบบนี้
…จริงๆเลยเถอะ…ไอ้คนมาดเยอะ!!…ทำตัวน่าสงสารมาตั้งนาน จะมาน่าเตะก็ตอนเดินหนีกันนี่ล่ะ!...
“จะรีบไปไหนล่ะ ยังพาผมดูสวนไม่ทั่วเลย ไหน…ป้อมตำรวจอยู่ไหน” แล้วอธิปก็ดึงแขนเขาให้เดินตามเข้าไปในสวนลึกอย่างที่จอมขวัญได้แต่เงียบ เขาเหลือบตามองแผ่นหลังกว้างของคนที่จูงมือเขาซึ่งเดินนำอยู่เบื้องหน้า ก่อนจะลดสายตาลงมองมือหนาที่ยังดึงแขนเขาอยู่
…อุ่น…
…มือของอธิป…
…อุ่นเหลือเกิน…
แล้วรอยยิ้มบางจุดที่เรียวปาก…รอยยิ้มแรก...ที่จอมขวัญมีให้อธิป แม้อธิปจะไม่เห็นก็ตาม
ติดตามตอนต่อไป (ยังบอกวันไม่ได้ เพราะว่าไม่รู้ว่าอาทิตย์หน้าจะว่างมาลงวันไหนได้มั่ง แต่จะรีบมาลงน้า)
ตอนนี้…สวีท(มั้ง?) ฮ่าฮ่า บอกแล้วว่าเขาวายช้าๆ อย่างมั่นคง อิอิ
พาร์ทนี้เขียนไป รักพี่จักรไป ผู้ชายอะไร้ น่ารักน่าหยิก
แต่ว่าคุณอธิปวันนี้พูดมากกกกกกกกก…พูดเยอะกว่า 7 ตอนแรกรวมกันซะอีกอ่ะ ฮ่าฮ่า
เอาล่ะ ดราม่ามาเล็กน้อย แต่อย่าห่วงไป ตามคอนเซ็ปต์คือ ดราม่ามาเองแล้วมันก็จะไปของมันเอง ฮ่าฮ่า
ป.ล. เนื่องจากเมื่อวันที่ 28 เมษาที่ผ่านมาเพิ่งจะจับมือก็อบน้องถ้วยฟูได้แบบคาหนังคาเขา
(ต้องขอบคุณพี่ๆน้องๆคนอ่านมากๆเลยค่ะ
เพราะพอ คุณพายมัฟฟิน ลงเรื่องถ้วยฟูโดยใส่เป็นนามปากกาของเขาวันที่ 28 ปุ๊บ
ก็ถูกคนอ่านจับได้วันนั้นเลย แจ๊คพ็อตแตกสุดๆ )
เพราะงั้นเลยขอแจ้งอีกครั้งนะคะ บัวลงนิยาย 3 ที่ ที่เล้า ที่นาบู แล้วก็ที่บล็อกของบัวนะจ๊ะ ส่วนที่อื่นไม่มีค่ะ
ถ้าใครเห็นนิยายบัวไปอยู่ที่อื่นและไม่ใช่ชื่อ Dezair รบกวนมาบอกบัวหน่อยนะคะ
บัวไม่ค่อยได้เล่นบอร์ดอื่นๆ หูตาไม่กว้างไกลเท่าไหร่ แหะๆ
ขอบคุณพื้นที่บอร์ด ขอบคุณการติดตาม การอ่าน การเม้นท์ และทุกกำลังใจนะจ๊ะ
แล้วเจอกันอาทิตย์หน้า แต่ยังไม่รู้วันอ่ะ