คะแนนชื่อชมของท่าน จะเป็นกำลังใจให้ผมนะคร้าบบบบบบบบ
เม้มกันเยอะ ๆ นะครับ
++++++++++++++
การเรียนในครึ่งเข้านี้ ผ่านไปอย่างง่วงเหงาหาวนอน ไอ้ลิงก็โอเคครับ วันนี้มันสงบเสงี่ยมขึ้นเยอะ มันคงอยากจะซน แต่ด้วยสภาพของมันตอนนี้ ทำให้ซนได้ลำบาก
พอถึงช่วงพักเที่ยง ผมหลบไอ้ลิงแว๊บไปหาพี่โมบายครับ ส่วนไอ้ลิงก็นั่งอ่านหนังสือในห้องเรียนรออ๊อดเรียกเข้าห้องในช่วงบ่าย ตอนนี้ผมคิดว่าพี่โมบายน่าจะอยู่ที่ห้องชมรมแน่ ๆ แต่พอเดินเข้าไปในชมรม กลับเจอแต่พี่หนุ่ม
“อ้าว มะขาม มาหาแฟนหรอ”
“บ้านะสิพี่ อายเขา แล้วนี่พี่โมบายไม่อยู่หรอ”
“มันไปกินข้าว เดี๋ยวก็คงมา เออ มะขาม ฝากห้องหน่อยนะ พอดีปวดขี้วะ”
“ยี้ รีบ ๆ ไปเลย เดี๋ยวมาเรี่ยราดแถวนี้” ผมได้ทีแซวพี่หนุ่มครับ
“นี่ เว่อร์ไปแหละ เดี๋ยวจะโดน” พี่หนุ่มพูดจบก็กระโดดผลุงออกจากห้องชมรมวิ่งตรงดิ่งไปห้องน้ำ โดยมีเสียงหัวเราะผมตามหลังไปติด 555
หลังจากที่พี่หนุ่มทิ้งให้ผมอยู่ในห้องคนเดียวแล้ว ความสอดรู้สอดเห็นก็เข้าครอบงำทันที
ผมเลยเดินดูรอบ ๆ ห้อง หยิบนู้นหยิบนี่ขึ้นมาดู ในห้องนี้มีทั้งกล้องวีดีโอเก่า ๆ
ผมยืนดูรูปของคนสี่คนที่แขวนบนผนัง ซึ่งเป็นภาพของสาชิกของชมรมนี้
ใช่ครับ ในภาพนี้มันยังไม่มีผมหรอก ก็มีแค่ พี่หญิง พี่หนุ่ม พี่โมบาย และอีกคนที่หล่อสะดุดตาที่สุดก็คงจะเป็นพี่มาริโอ้ละมั้ง
เห็นไอ้ลิงบอกว่าไม่ค่อยได้มาเรียน เพราะว่าตอนนี้เป็นนายแบบดังไปแล้ว แล้วทำไมกรูไม่รู้จักวะ
ต่อจากนั้นผมก็เดินดูรอบ ๆ ห้อง ก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ มีแค่แผ่นซีดีรายการต่าง ๆ ที่ชมรมนี้ถ่ายทำขึ้น ผมไล่อ่านรายการผ่านซีดีต่าง ๆ อย่างผ่าน ๆ มีทั้งรายการพิเศษ และรายการประจำวัน จนมาสะดุดตากับแผ่นซีดีแผ่นหนึ่งที่ค่อนข้างเก่า
แต่ตัวอักษรที่เขียนบนแผ่นซีดียังปรากฏให้เห็นเด่นชัดเป็นสง่า
“การรวมตัวของสมาชิกชมรม......อืม น่าสนใจดี” ผมคิดว่าการที่ผมจะเป็นสมาชิกในชมรมนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ก็คงที่จะรู้เรื่องอะไรของชมรมบ้าง (อิอิ จริง ๆ แล้ว สอใส่เกือกหละครับ)
“มะขาม”
เสียงเรียกจากข้างหลังผม ทำเอาผมสะดุ้ง รีบซ่อนแผ่นซีดียัดไว้ในเสื้อ หวังว่าจะไม่มีพิรุจน์ ก่อนที่จะหันไปหาต้นเสียง ที่บังอาจมาทำให้ผมต๊กใจ
“อ้าว พี่โมบาย” โล่งอกหน่อยที่ไม่ใช่พี่หญิง เพราะขานั้นตายังกะสัปปะรด
“ทำอะไรอยู่หรอ”
“อ๊ะ อ้อ ไม่มีอะไรหรอกครับ แค่เดินดูอะไรเรื่อยเปื่อย”
“อืม แล้วนี่มาหาพี่หรอ” ดีนะที่พี่โมบายไม่สงสัย
“ใช่แล้ว กะว่าจะมาชวนพี่ไปกินข้าวซะหน่อย”
“เออ พอดีว่าพี่กินแล้วอะ”
“ครับ ไม่เป็นไรครับ” ผมค่อย ๆ เลื่อนตัวอย่างเบา ๆ เพราะกลัวว่าแผ่นซีดีจะหล่น มานั่งที่โซฟา ส่วนพี่โมบายก็ยืนงก ๆ เงิ่น ๆ อยู่บริเวณหน้าประตู
“พี่ไม่มานั่งหรอครับ” ผมถามพี่โมบายอย่างงง ๆ
“อ้อ...เออ จริงด้วย งั้นพี่นั่งละนะ” ตอนนี้ พี่โมบาย ค่อย ๆ ย่างเท้าเข้ามานั่งที่โซฟา ตรงข้ามกับผม ท่าทางของพี่โมบายทำให้ผมสงสัยเพิ่มมากขึ้น แต่คงยังไม่ถึงเวลาที่ผมจะถามอะไรตอนนี้
ตอนนี้ความเงียบเริ่มเข้าควบคุมบรรยากาศในห้องแล้ว ราวกับว่าในห้องนี้มีผู้คุมวิญญาณอยู่ยังไงยังงั้น ดู ๆ แล้วน่าจะมีความสุข แต่มันก็ขัด ๆ
หลังจากที่เมื่อวานเราได้เป็นแฟนกันแล้ว ความสัมพันธ์ก็เหมือนจะถูกสต๊าฟไว้ตรงนั้น บนดาดฟ้า ไม่มีอะไรคืบหน้า ผมนะยังไงก็ได้อยู่แล้ว แต่พี่โมบายนะสิ ดูไม่เหมือนเป็นตัวของตัวเองยังไงก็ไม่รู้
“เมื่อวานนี้ ที่พีกลับไปก่อนนะ เออ...พี่ขอโทษนะ” จู่ ๆ พี่โมบายก็พูดทำลายความเงียบขึ้นมา
“อ้อ ไม่เป็นไรหรอกครับ” ผมตอบไปตามความจริง
“อันที่จริงแล้ว พี่น่าจะอยู่เป็นเพื่อนมะขามนะ พี่มันแย่จริง ๆ “ นี่เมิงรู้ตัวช้ามาก ๆ เลยนะ
“มะขามอย่าเพิ่งเข้าใจพี่ผิดนะ พี่ก็แค่.....”
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”
เสียงกรี๊ดดังขึ้นระงมไปหมดทั้งโรงเรียน ทำเอาผมสะดุ้งและเรื่องที่พี่โมบายจะบอกผมต้องหยุดไว้ชั่วขณะ ก่อนที่เราสองคนจะเดินออกไปหน้าประตูเพื่อดูว่ามันเกิดอะไรขึ้น
“อะแฮ่ม ๆๆ ไม่ได้เจอกันนานมากเลยนะ โมบาย”
เจ้าของเสียงทุ้มนุ่มลึก บาดใจสาว ๆ และหนุ่ม ๆ บางคน เจ้าของส่วนสูง 185 เซนติเมตร ดวงตาและผมสีน้ำตาอ่น ๆ จมูกโด่งได้รูป รับกับริมฝีปากสีชมพูดูอวบอิ่ม โดยมีแบ็คกราวเป็นสาว ๆ ที่คอยตามกรี๊ดเป็นเงาตามตัว ค่อย ๆ สาวเท้าก้าวเข้ามายืนตรงหน้าผมกับพี่โมบาย
“หวัดดี......มาริโอ้” เสียงพี่โมบายที่แสนจะราบเรียบช่างรับกับสีหน้าที่เรียบเฉย มันช่างขัดกับบรรยากาศการพบกันอีกครั้งของเพื่อนเก่า ....เอ๊ะ หรือว่าจะไม่ใช่เพื่อนหว่า
“อะแฮ่ม ๆๆ นายนี่ยังไม่เปลี่ยนเลยนะ” เสียงของพ่อหนุ่มผู้มาใหม่ยังคงเจื้อแจ้วพูดกับพี่โมบายของผมอย่างไม่ลดละ นี่ๆๆๆ กรูยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้ทั้งคน เมิงมองไม่เห็นกันหรอวะ
“นายก็เหมือนกัน....ไม่เคยเปลี่ยน”
“...............................................................”
วินาทีนั้น ผมพยายามขยับตัวให้มากที่สุด เพื่อทำให้สองคนนั้นรู้สึกว่าว่ายังมีสิ่งมีชีวิตตรงนี้อีกคนนึงที่ยืนงงเป็นกระงอกหาโพรงไม่เจออยู่ตรงนี้
“เออ มาริโอ้ นี่มะขาม เป็น....เออ.....เป็น เพื่อนสนิทเรา มะขาม นี่มาริโอ้ หนึ่งในสมาชิกชมรมของเราที่ไปได้ดิบได้ดีเป็นนายแบบอยู่ จึงไม่ค่อยมีเวลามาเรียนนะ” พี่โมบายแนะนำผมให้รู้กับมาริโอ้ หนึ่งในสมาชิกของชมรม ที่ผมพอจะนึกได้คร่าว ๆ แล้ว ว่าไอ้ลิงเคยบอกผมว่ายังนอกจากพี่หญิง พี่หนุ่มพี่โมบายแล้ว ยังมีสมาชิกอีกคนนึง ชื่อว่ามาริโอ้ แต่ชิส์ ตอนนี้เริ่มจะเคืองอีพี่โมบายแล้ว มาบอกว่าเราเป็นแค่เพื่อนสนิท
“อะแฮ่มๆๆ หวัดดี พ่อหนุ่มน้อยร่างแคระ” อ้าวอีนี่ มาถึงก็ปากหมาเลย เมิงต่างหากที่สูงเกินมนุษย์มนา เดี๋ยวกรูเตะตาตุ่มหลุด
“อืม หวัดดี” ผมทักกลับไปอย่างเสียไม่ได้
ไอ้พี่มาริโอ้ ตอนนี้มองผมสองคนด้วยหน้าตาที่หลากหลายมาก ๆ ทั้งกวนตรีน เจ้าเล่ห์ คิ้วเลิ่กขึ้นปนสงสัยนิดๆ รอยยิ้มที่เหมือนจะยิ้มให้ แต่ก็แค่เป็นยิ้มที่กระดกแค่ริมฝีปาก ดูเหมือนเหยียด ๆ ทำเอาผมไม่สบอารมณ์ จึงเดินไปหลบด้านหลังของพี่โมบาย อย่างน้อยถ้าเมิงกระโดดกัดกรู ก็ต้องโดนพี่โมบายก่อนละว้า
“อะแฮ่ม ๆ ท่าทางจะไม่ใช่เพื่อนธรรมดาซะแล้ว หึหึ” ใครก็ได้ถามมันหน่อยว่าอะไรติดคอมันวะ
“ส่วนสาว ๆ ถ้าใครอยากได้ลายเซ็นของพี่มาริโอ้ คงต้องรอหน่อยนะจะ เพราะตอนนี้มือเคล็ด คงยังจะเซ็นต์ให้ไม่ได้ อะแฮ่ม ๆ ” หลังจากทิ้งระเบิดเสร็จแล้ว อีพี่มาริโอ้ก็หันไปพูดกับสาว ๆ แฟนคลับด้วยหน้าตาที่คิดว่าหล่อสุด ๆ ก่อนที่จะหันมาโบกมือให้พี่โมบายและเดินหายลับไป โดยมีบรรดาแฟนคลับตามไปติด ๆ เหมือนผีบ้าได้กลิ่นธูป ก็ไม่ปาน
“ดูพี่สองคนสนิทกันมากเลยนะครับ” ผมถามพี่โมบาย เมื่อพี่มาริโอ้เดินจากไปแล้ว แต่พี่โมบายทำแค่ยักไหล่อย่างไม่แยแสก่อนจะเดินไปนั่งที่โซฟา ผมรีบเดินไปนั่งประกบ เพราะว่าเมื่อกี้พี่โมบายพูดค้างไว้อยู่
“เมื่อกี่ก่อนที่พี่มาริโอ้ จะมาพี่จะพูดอะไรกับผมหรอครับ”
“อ้อ ไม่มีอะไรหรอก อย่าคิดมาก ยังไง พี่ก็อยากให้มะขามรู้ไว้นะว่าพี่รักมะขามมาก และรักเหมือนเดิม” พี่โมบายพูดพร้อมกับเอามือมาเขย่าหัวผมไปมา ถ้าเป็นคนอื่น ผมคงตบไปแล้ว แต่นี่เป็นพี่โมบาย จึงทำให้ผมรู้สึกดีอย่างประหลาด ไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไร
ผมไม่ได้ตอบอะไรพี่เขาไป แต่พี่เขาคงเห็นรอยยิ้มที่ผมส่งไปให้แล้วมั้ง จึงหน้าแดงเป็นมะเขือเทศแบบนี้....
ผมเชื่อใจพี่ครับผม