กัดครั้งที่
- 36 -
Part จบ
“แล้วมึงก็เลยหลบหน้าพี่เขาเป็นอาทิตย์เนี่ยนะ” นาวถามพีทเสียงสูงและมองพีทเหมือนตัวประหลาด
“เออ” พีทตอบรับด้วยใบหน้าหงึกงอ เมื่อเห็นว่านาวกำลังส่งสายตามามองอย่างตำหนิ หลังจากที่เขาเล่าเรื่องทั้งหมดให้อีกฝ่ายฟัง แต่ถึงจะบอกว่าทั้งหมดมันก็แค่เรื่องความสัมพันธ์ของไอ้พี่อาร์ตกับพี่ปิงล่ะนะ เรื่องอื่นนอกจากนั้นเขาไม่ได้เล่า เพราะเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคนอื่นจะมองครรักของเขายังไงถ้ารู้เรื่องแบบนั้น
“มึงนี่ปัญญาอ่อนเนาะ” นาวว่าและส่ายหัวอย่างอ่อนใจ ทำเอาใบหน้าของพีทงอง้ำลงยิ่งกว่าเก่า
“กูปัญญาอ่อนตรงไหน เขาเคยเป็นแฟนกัน แถมทุกวันนี้แม่งก็สนิทกันฉิบหายเลยเหอะ” พีทว่าออกมาอย่างอึดอัด
“แล้ว” แต่นาวกับทำหน้าไม่เฉยๆ เหมือนไม่ใช่เรื่องแปลก แถมยังถามกลับด้วยน้ำเสียงสบายๆ ติดไปทางกวนประสาทกลับมา ทำเอาพีทอยากจะพ่นไฟใสหน้าเพื่อนเหมือนตัวเองเป็นก็อตซิลล่าซะเดี๋ยวนั้น
“แล้วเหรอ ก็เขาเป็นแฟนกันไง มึงเข้าใจกูป่ะเนี่ย และพี่มันก็ดูมีเยื่อมีใย มีลับลมคมในกันอ่ะ แถมแม่งวันนั้นที่ผับมันทิ้งกู แล้วแบกแฟนเก่าไปส่งที่ห้อง ไอ้พี่เหี้ย” พีทเบะปากและบ่นออกมาอย่างไม่สบอารมณ์
“ก็เขาเพื่อนกัน แล้วเขาเมาไหมมึง ก็ต้องไปส่งป่ะวะ” นาวตอบอย่างใจเย็น
“แต่กูเป็นแฟน ทำไมมันทิ้งกูล่ะ” พีทแย้งออกมาอีกอย่างไม่ยอมแพ้
“เขาก็ให้พี่ฝุ่นไปส่งมึงไง” นาวยังคงตอบคำถามเรื่อยๆ ไม่ได้มีอารมณ์ร่มกับพีทแต่อย่างใด
“แล้วทำไมพี่มันไม่ให้พี่ฝุ่นไปส่งพี่ปิงล่ะ” พีทยังคงหาคำมาเถียงแย้งความใจเย็นของนาวได้เรื่อยๆ จนสุดนาวต้องถอนหายใจออกมาเสียงดังด้วยความเบื่อหน่าย
“ก็นั่นน่ะสิ มึงสงสัยขนาดนี้แทนที่จะมาบ่นมาถามกับกู ทำไมมึงไม่ถามพี่เขาไป บ่นกับกูน่ะบ่นได้กับเขาทำไมไม่พูดไม่ถามไปให้จบๆ ปากมึงอมอะไรไว้” นาวยื่นมือมาบีบปากของพีทแรงๆ แล้วบิดไปมา พร้อมกับส่งสายตาเอือมระอาไปให้
“ก็กูไม่กล้านี่หว่า กลัวพี่มันหาว่ากูงี่เง่า คิดเล็กคิดน้อยอ่ะ” พีทหน้าหมองลงและพูดออกมาด้วยท่าทางหงอยๆ
“ตอนมึงอยู่กับเขามึงไม่เคยงี่เง่าเลยว่างั้น” นาวย้อนถามกลับทันควันพร้อมยิ้มขำ ทำเอาพีทมองค้อนด้วยความเคืองที่โดนว่า
“กูไม่ชอบที่ตัวเองเป็นแบบนี้เลยแม่ง อะไรก็ไม่รู้ กูไม่ใช่ไม่เชื่อใจนะเว้ย แต่มึงเข้าใจกูป่ะว่ากูรู้สึกไม่ดีเวลาที่เขาอยู่ด้วยกัน ยิ่งมารู้ว่าเขาคบกันมาก่อนกูยิ่งคิด” พีทฟุบหน้าลงไปกับโต๊ะอย่างหมดแรงก่อนจะบ่นงึมงำออกมาอีกครั้ง
“แล้วมึงดูนะพี่ปิงแม่งดีกว่ากูทุกอย่างเลยนะเว้ย แถมใครๆ ก็บอกว่าเขาเหมาะกัน ขนาดนั้นไอ้พี่อาร์ตมันยังทิ้งเลยแล้วมึงดูกูดิ เหี้ย!! แม่ง!! เข้าใจกูไหมเนี่ย” พีทโวยวายเสียงดังและเงยหน้าขึ้นมามองนาวอย่างหงุดหงิด
“กูไม่เข้าใจมึงหรอก” แต่สิ่งที่นาวตอบรับกลับมา คือใบหน้าเรียบเฉยและคำพูดที่ไม่ได้ช่วยอะไรเลย เล่นเอาพีทอยากจะร้องไห้ออกมาเป็นสายเลือด ที่เขาบ่นเป็นคุ้งเป็นแควนี่เพื่ออะไร
“ขอบใจ” พีทว่าแล้วฟุบลงกับโต๊ะอย่างอ่อนแรง
“ที่กูบอกว่าไม่เข้าใจเพราะกูไม่ใช่มึงไง แต่ว่านะเว้ยกูแค่จะบอกมึงในฐานะที่กูเป็นเพื่อน มึงอย่ารักคนๆ นึงเพราะคำพูดของเขา และอย่าเลิกรักเขาเพราะคำพูดของคนอื่น” นาวว่าและส่งยิ้มให้พีท
“ก่อนที่มึงจะโกรธ จะเกลียด ไม่เชื่อใจ หรือคิดเหี้ยอะไรก็ช่าง มึงถามตัวเองก่อนว่าวันนั้น วันที่มึงตัดสินใจที่จะรัก มึงรักเขาเพราะอะไร” คำพูดต่อมาของนาวทำให้พีทคิดตามและมองย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ทุกๆ อย่างที่เกิดขึ้นระหว่างตัวเองกับใครอีกคน เขากำลังเป็นอย่างที่นาวว่าไม่มีผิด เขากำลังคิดตามคำพูดของคนรอบข้างมากเกินไป จนมันทำร้ายตัวเองกับคนที่ตัวเองรัก
“กู....” พีทพูดไม่ออกได้แต่นั่งซึมและหลุบตามองพื้น
“และที่สำคัญนะพี่ปิงเขาน่ะแฟนเก่า แต่ตอนนี้ วินาทีนี้ มึงคือแฟนพี่อาร์ต มึงมีสิทธิ์ที่จะระแวง สงสัย และมีสิทธิ์ที่จะถาม ถ้าเขารักมึงเขาต้องตอบมึงได้” นาวพูดต่อเรื่อยๆ พร้อมกับพีทที่พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ
“อีกอย่างเพื่อนกูที่ชื่อพีทเนี่ย มันเป็นคนปากหมา เก็บความสงสัยอะไรได้ไม่นาน มีอะไรมันก็พูดตรงๆ คิดแบบไหนพูดแบบนั้น มึงเป็นคนแบบนั้น ถ้าเกลียดตัวเองที่เป็นตอนนี้มึงก็กลับไปเป็นแบบเดิมที่มึงเคยเป็น” นาวว่าแล้วยื่นมื่อไปตบลงบนหัวพีทเบาๆ
“แต่ก็นั้นแหละ มันก็แค่คำแนะนำจากคนโสดที่ไม่เคยมีแฟนอย่างกูล่ะนะ อาจจะไม่ถูกก็ได้” นาวยิ้มขำออกมาและส่ายหัวเล็กน้อยแล้วลุกขึ้นยืน ก่อนจะต้องเซเกือบล้มเมื่อมีแรงหนักๆ ปะทะใส่ตัว พร้อมกับแรงกอดรัดแน่นๆ
“อะไรของมึงเนีย” นาวมองพีทที่วิ่งมากอดเหมือนลูกลิงด้วยความขำ
“ขอบใจมึงนะเว้ย” พีทงึมงำในลำคอและเอาหน้าซุกกลับไหล่นาวอยู่แบบนั้น
“เออ!!! กูก็นึกว่ามีเหี้ยอะไรใหญ่โต กลับไปหาพี่เขาได้แล้ว เคลียร์ให้จบๆ งอนเกินงามคราวนี้ผัวมึงทิ้งแน่ๆ” นาวอดที่จะว่าด้วยความหมั่นไส้ออกมาไม่ได้
“ปากหมาละมึง” พีทว่าหน้าหงึกแยกเขี้ยวใส่นาว
“แล้วไม่ใช่หมาแบบกูเหรอที่นั่งฟังมึงบ่นเนี่ย” นาวเอานิ้วจิ้มหน้าผากเพื่อนแรงๆ อย่างเหลืออด
“และก็ปล่อยกูได้แล้ว กอดทำเหี้ยอะไร ขนลุก” นาวว่าพร้อมกับดิ้นขยุกขยิกไปมา ทำท่าทางขนลุกอย่างที่ปากว่าจริงๆ
“มึงควรจะดีใจนะที่คนหน้าตาดีระดับกูกอดมึงเนี่ย” พีทยอมปล่อยนาวและยืนกอดอกมองนาวอย่างเหนือกว่า
ผัวะ!!!
“สบายใจแล้วก็ปากดีทันที มึงนี่มัน” นาวว่าและตบหัวพีทเต้มแรงอย่างเหลืออด
“โอ๊ย!!! นาวแม่ง!!! ป๊ากูยังไม่เคยตบเลยนะ” พีทโวยวายลั่นยกมือลูบหัวตัวเองไปมา ก่อนจะเหลือบตามองค้อนนาวที่เดินหายเข้าไปในครัว
“ก็กูไม่ใช่ป๊ามึงไง พูดมากกลับบ้านไปหาผัวเลยไป” นาวตะโกนตอบโต้ออกมาจากในครัวเสียงดัง
“กูไปแน่ มึงไม่ต้องไล่หรอก” พีทเองก็ตะดกนเถียงกลับอย่างไม่ยอมแพ้
และหลังจากนั้นก็เกิดสงครามน้ำลายขึ้นระหว่างนาวกับพีทลั่นบ้าน พร้อมๆ กับที่พีทตั้งมั่นในใจแล้วว่า พรุ่งนี้เขาจะกลับไปหาอาร์ต กลับไปถามในสิ่งที่ตัวเองสงสัย และเลิกงี่เง่าเรื่องไม่เป็นเรื่องอย่างที่นาวว่าสักที
...
...
“อ้าว...พี่ฝุ่นมาทำอะไรอ่ะ” พีทถามขึ้นด้วยความแปลกใจ เมื่อเห็นว่าฝุ่นมายืนเก้ๆ กังๆ อยู่หน้าหอพักของอาร์ตตั้งแต่เช้าตรู่
“เอ่อ...คือพี่” ฝุ่นที่โดนทักกะทันหันเกิดอาการตกใจอย่างเห็นได้ชัด จนพีทถึงกับงงและไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายจะตกใจทำไม
“หรือพี่มีธุระอะไรกับพี่อาร์ตป่ะครับ” พีทถามต่อในสิ่งที่คิดขึ้นมาได้ เพราะถ้าเด็กวิศวะมาโผล่แถวนี้ คงไม่พ้นมาหาไอ้พี่อาร์ตนั่นแหละ
“อะ...เออ ใช่ๆ” ฝุ่นพยักหน้ารับหงึกงักแข็งขัน
“อ้อ...ผมก็กำลังจะไปหาพี่อาร์ตเหมือนกัน ไปพร้อมผมก็ได้นะพี่” พีทว่าพร้อมกับเอ่ยปากชวนอีกฝ่ายอย่างไม่คิดอะไร ก่อนจะเดินนำเข้าไปข้างใน
พีทกับฝุ่นเดินมุ่นหน้าไปทางห้องพีกของอาร์ตเรื่อยๆ โดยที่ไม่ได้คุยอะไรกัน แต่ตลอดเวลาที่เดินด้วยกันพีทสังเกตเห็นท่าทีลุกลี้ลุกลนจากฝุ่นได้ตลอดเวลา รวมถึงความตึงเครียดที่เจ้าตัวแผ่ออกมาจนสัมผัสได้
“ใจเย็นนะพี่ ผมเปิดประตูแป๊บ” พีทบอกฝุ่นและล้วงกุญแจออกมาเปิดประตูห้อง
แกร่ก...
และทันทีที่ประตูห้องเปิดออก ใจของพีทก็แทบจะร่วงลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม ใบหูอื้ออึงไม่ได้ยินเสียงรอบข้าง กระบอกตาร้อนผ่าวขึ้นมาในทันที สมองมึนงงเหมือนมีใครเอาของแข็งมาฟาดลงหนักๆ ที่หัว
“เพราะแบบนี้ใช่ไหมพี่ถึงไม่รับโทรศัพท์ผม” เสียงของฝุ่นดังขึ้นอย่างเจ็บปวด ก่อนที่เจ้าตัวเดินหนีไปในทันที ทิ้งให้พีทยืนนิ่งตะลึงงันอยู่หน้าห้องพักเพียงคนเดียว ขาสองข้างมันแข็งและอ่อนแรงจนไม่สามารถก้าวขาออกไปจากตรงนั้นได้ พร้อมกับหัวใจที่เต้นรัวแรงอย่างเจ็บปวด
ภาพของปิงที่ยืนอยู่กลางห้องในสภาพนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียว แผ่นอกกว้างมีรอยแดงเป็นจ้ำที่พีทรู้ดีว่าคือรอยอะไรกระจายอยู่ทั่ว สภาพเตียงนอนที่เละเทะไปหมด และเสี้ยวหน้าของอาร์ตที่นอนหลับตากพริ้มจมหายไปกับหมอนใบโต ในสภาพเปลือยเปล่ามีผ้าห่มปิดช่วงล่างหมิ่นเหม่
พีทหันกลับมาเผชิญหน้ากับปิงอย่างขอคำตอบ แต่สิ่งที่ได้จากอีกฝ่ายคือใบหน้าเรียบเฉยไม่แสดงอะไร และนั้นยิ่งทำให้พีทอยากจะหายไปจากตรงนั้นให้เร็วที่สุด
2 Be Con...
++++++++++++++++++++
เหอ เหอ
ไม่มีอะไรจะพูด
รักและขอบคุณคนอ่านจ้า ^^