ตอนที่ 4 เด็กมันอ้อนเก่ง
[พี่ภู ‘s part]
หลังจากที่ผมกลับมาจากสัมมนากับคณะอาจารย์นั้น ถ้าไม่ได้มีธุระที่ต้องเข้าไปที่มหาวิทยาลัยผมก็ไม่ได้ออกไปไหนเลย พักผ่อนอยู่ที่ห้องตลอด แต่เมื่อไม่กี่วันมานี้มีเด็กมาอ้อนให้พาไปเที่ยวหน่อย พอผมทำท่าไม่อยากไปเจ้าเด็กแสบนั่นก็อ้อนไม่เลิกจนผมใจอ่อน พอบอกว่าจะพาไปทะเล แต่เจ้าตัวก็บอกว่าเบื่อทะเลแล้วให้ผมพาไปนอนแพ พร้อมกับเหตุผลดี ๆ ว่า
‘ดื่มด่ำบรรยากาศดี ๆ กันสองต่อสอง ไม่ต้องมีใครมากวนมันไม่ดีเหรอฮะ พี่ภูจะทำอะไรโมสตรงไหนก็ได้ ไม่มีใครมารบกวนแน่นอนฮะ’
ดูเหตุผลเขาสิ ยอมรับว่าน่าสนใจไม่น้อยเลย ผมก็เลยตกลง ถือโอกาสพาเขามาพักผ่อนก่อนที่จะเปิดเรียนด้วย
ผมเลือกจองแพขนาดกลางที่อยู่ห่างออกมาจากหลังอื่น แต่ก็มีแพขนาดเดียวกันอยู่ใกล้ๆ ผมดูแล้วเงียบเชียบไม่น่าจะมีใครอยู่ เท่ากับว่าบริเวณนี้ผมอยู่กับโมสแค่สองคนสินะ ดูเป็นส่วนตัวที่สุด ผมมองไปรอบ ๆ อย่างพึงพอใจ บรรยากาศดีจริง ๆ ด้วย น่านอนอ่านหนังสือ
“พี่ภูเปลี่ยนชุดเร็วๆ สิ โมสอยากเล่นน้ำจะแย่แล้วฮะ”
มาถึงไม่ทันไร โมสก็เร่งผมให้เปลี่ยนเสื้อผ้า ส่วนเจ้าตัวนั้นถอดเสื้อออกเปลี่ยนกางเกงอย่างรวดเร็ว เตรียมวิ่งไปใส่เสื้อชูชีพเพื่อกระโดดน้ำแล้ว ดีที่ผมคว้าตัวมานอนกอดไว้ทัน
“ใจคอจะไม่ให้พี่พักก่อนเลยเหรอ ขับรถมาเหนื่อย ๆ” กอดเอวเล็กไว้แน่นแล้วซุกหน้าลงกับหน้าท้องเนียนนุ่ม อดใจไม่ไหวจนอ้าปากงับเนื้อนิ่มนั่น โมสดันหัวผมออกแล้วบิดตัวหนี จิตใจคงไม่อยู่กับผมแล้วเพราะอยากไปเล่นน้ำจะแย่แล้วล่ะสิเจ้าเด็กดื้อ
“เจอน้ำเย็น ๆ ก็หายเหนื่อยแล้วฮะ ดูสิ ๆ น้ำใสนั่นมันเรียกร้องให้เราไปกระโดดใส่อยู่”
พูดแล้วก็ทำแววตาระยิบระยับแถมหันมาทำท่าจะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ผมด้วย เห็นเด็กอยากเล่นน้ำใจจะขาดแล้วก็เอ็นดู ลุกขึ้นถอดเสื้อเปลี่ยนกางเกงใส่เสื้อชูชีพเพื่อความปลอดภัยแล้วไปเล่นน้ำด้วยกัน
“พี่ภูดูสิ น้ำใสมากเลย เห็นขาผมด้วย”
โมสแหวกว่ายไปมา ก้มดูขาตัวเองในน้ำใสๆ ผมมองแล้วก็ยิ้ม ดึงเขามาเกาะไหล่ไว้แล้วก็พาว่ายไปไกลจากแพที่พัก พาไปตรงส่วนที่เป็นเวิ่งน้ำกว้างๆ เห็นวิวได้รอบทิศทางเลย
“สวยมากเลยเนอะ ” ผมพูดแล้วก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ อากาศดีจริง ๆ เหมาะแก่การผ่อนคลายมาก
“เห็นมั้ยฮะ โมสบอกแล้วว่ามาที่นี่แหละดี” รีบพูดขึ้นมาเชียวนะ เห็นแล้วมันน่าแกล้งจริง ๆ
“เชื่อแล้วว่าดีจริง แต่พี่ขอพิสูจน์อีกอย่างนึงก่อน”
“พิสูจน์อะไรฮะ”
ผมยิ้มอย่างมีเลศนัยแล้วดึงตัวเด็กที่เกาะหลังให้มาอยู่ข้างหน้า จับมือเขาให้โอบคอผมไว้ แล้วผมก็กระชับเอวเขาเข้าหาตัว โมสหน้าตื่นขึ้นมาทันที
“จะไม่มีใครมากวนเราจริง ๆ ใช่มั้ย จะทำตรงไหนก็ได้จริงรึเปล่า”
“พี่ภู ทำไม่ได้ นี่มันในน้ำนะฮะ” ผมยิ้มยั่ว มือที่อยู่ใต้น้ำก็ขยำก้นเขาจนเจ้าตัวนั้นดันอกผมออกทันที
“ทำไมล่ะ ก็โมสบอกพี่เองว่าจะทำตรงไหนก็ได้นี่” ผมทำสีหน้าสงสัยโมสส่ายหน้าหวือ ว่ายน้ำหนีผมที่เตรียมจะยื่นมือไปจับตัวเขา
“โมสหมายถึงบนแพโน่น จะมาทำตรงนี้ได้ไงล่ะฮะ ทำน้ำเขาสกปรกหมด พี่ภูนิสัยไม่ดี”
ผมขำกับท่าทางของเด็กตรงหน้า อธิบายหน้าดำหน้าแดงเชียว พอผมหัวเราะออกไป เด็กดื้อวักน้ำขึ้นมาสาดใส่ผมยกใหญ่เลย
“อาจารย์! อาจารย์ภูคะ”
ทั้งผมทั้งโมสต่างก็ชะงักเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อผม พอเพ่งตามองดี ๆ ก็เห็นผู้หญิง2-3 คนโบกมือพลางกระโดดเรียกผมอยู่บนแพที่ตอนแรกนึกว่าไม่มีคนอยู่นั่นแหละ
“นั่นใครฮะ” โมสถาม ผมก็ส่ายหน้า เพราะไม่แน่ใจว่านั่นคือคนที่ผมรู้จัก พยายามเพ่งตามองแล้วก็รู้สึกว่าคุ้นหน้าเด็กผู้หญิงคนนั้นอยู่
“น่าจะเป็นรุ่นพี่โมสนั่นแหละมั้ง เรียกพี่ว่าอาจารย์ด้วยนี่” ผมมั่นใจนะว่าเธอคนนั้นนั้นต้องเป็นรุ่นพี่ในคณะของโมส เพราะวิชาที่ผมสอนมันไม่ใช่วิชาทั่วไปที่ลงเรียนเป็นตัวนอกได้ เพราะฉะนั้นนักศึกษาที่เรียนกับผมเป็นเด็กในคณะทั้งนั้นแหละ
“ผมไม่คุ้นหน้าเขาเลยนะ น่าจะเป็นรุ่นพี่ที่จบไปแล้วมากกว่านะฮะ พี่น่ะจำหน้าลูกศิษย์ตัวเองไม่ได้รึไง”
“ถ้าไม่ได้โดดเด่นอะไรพี่ก็จำไม่ได้นักหรอก เทอมนึงสอนเป็นร้อยคนนะ”
ระหว่างที่คุยกัน ผู้หญิงคนนั้นและกลุ่มเพื่อนก็พากันเกาะแผ่นโฟมตีขาว่ายเข้ามาหาผม โดยที่พวกเธอไม่ได้ใส่เสื้อชูชีพเลย
“โอโห นั่นบิกินี่เหรอ”
โมสมองพวกเธอที่กำลังว่ายเข้ามาหาแล้วก็พูดถึงชุดว่ายน้ำสองชิ้นเล็กๆ บนตัวพวกเธอ ผมเองก็ขำกับหน้าตาละเหี่ยใจของโมส
“อาจารย์จำพวกหนูได้มั้ยคะ ที่เรียนป.โทกับอาจารย์เทอมที่แล้วไง”
“อ๋อ ครับ” พอพวกเธออธิบายผมก็นึกออกขึ้นมาทันทีเลย เทอมที่แล้วผมไปเป็นผู้ช่วยอาจารย์อาวุโสท่านนึงสอนนักศึกษาป.โท เด็กสาวกลุ่มนี้ก็คงอยู่ในกลุ่มที่ผมเป็นผู้ช่วยนั่นแหละ
“อาจารย์พาน้องชายมาเที่ยวเหรอคะ น่ารักจัง”
“เอ่อ...ครับ” ก่อนตอบผมก็หันไปมองโมสเล็กน้อย คนที่มหาลัยไม่มีใครรู้หรอกว่าผมคบกับใครอยู่ มันดูไม่ดีนะที่อาจารย์จะคบกับลูกศิษย์ในคณะถึงแม้ว่าเราสองคนจะรักกันมาตั้งแต่ก่อนหน้านั้นก็เถอะ
โมสเองก็ยิ้มบาง ๆ ผมรู้ว่าเขาก็อยากให้คนอื่นรู้ว่าเราเป็นอะไรกัน ผมก็อยากบอกใจจะขาด แต่ก็ต้องยอมรับว่าสถานะทางอาชีพของพวกเราไม่เหมะที่จะคบกันเลย
“ปกติเคยเห็นแต่อาจารย์ในลุคเนี้ยบตลอด พอมาเห็นแบบนี้แล้ว อาจารย์ดูหล่อมากเลยนะคะ ดูไม่ผิดเลยที่พวกหนูแอบปลื้ม ทั้งเก่งทั้งหล่อ”
“อ่า ขอบคุณมากครับ” ผมก็ขอบคุณไปตามมารยาทนะ ไม่ได้รู้สึกดีใจกับคำชมของพวกเธอมากนัก แล้วผมก็หลุดยิ้มออกมาตอนที่หันไปเห็นเจ้าเด็กดื้อทำหน้าง้ำหน้างอมองสาวๆ ที่ชมผม คงจะไม่พอใจนั่นแหละ
“อาจารย์ไปนั่งดื่มกับพวกหนูบนแพมั้ยคะ พวกเราเตรียมเครื่องดื่มมาเพียบเลยนะ”
“ไม่เป็นครับ ไม่อยากรบกวนพวกคุณ เดี๋ยวผมเล่นน้ำกับน้องดีกว่า ยังเล่นไม่เต็มอิ่มเลย” ผมบอกปฏิเสธคำชวนอย่างสุภาพ พร้อมทั้งพาโมสว่ายออกมา แต่กลุ่มสาวก็หัวเราะแล้วตามมาไม่ห่าง
“งั้นเดี๋ยวค่อยขึ้นก็ได้ พวกหนูขอเล่นด้วยนะคะ มาแพทั้งทีก็ต้องเล่นน้ำสิเนอะ”
ผมยิ้มให้บาง ๆ ไม่ได้พูดอะไรกลับไป แต่พวกเธอก็ยังไม่หยุด พูดเรื่องนั้นเรื่องนี้ให้ฟัง ซึ่งผมก็ไม่ได้สนใจอีกนั่นแหละ เพราะคนที่ผมสนใจคือเด็กน้อยที่ทำหน้าบึ้งอยู่นี่ตังหาก รู้แหละว่าเขาไม่พอใจแต่ทำอะไรไม่ได้ ผมพยายามพูดเอาใจ พาเขาไปตรงนั้นตรงนี้ เหมือนจะดีนะ แต่กลุ่มสาว ๆ ก็ตามติดเป็นตังเมเลย
รู้ว่าเด็กดื้ออารมณ์ไม่ดี ผมเลยอยากเอาใจมาก ๆ ลงทุนเช่าเรือมาให้เขาพายเล่นอยากให้เขาสนุกที่ได้มาเที่ยว แต่หากยังสาวๆ ตามผมอยู่แบบนี้ ดียังไง สนุกยังไงโมสก็คงจะนอยด์เหมือนเดิมนั่นแหละ ผมเลยตัดสินใจพาโมสขึ้นแพมานอนพัก แต่ถึงอย่างนั้นสาวๆ ก็ยังจะคะยั้นคะยอชวนผมไปดื่มไปสนุกบนแพของเธอ จนผมต้องปฏิเสธเสียงแข็ง ขอความส่วนตัว พวกเธอถึงยอมเลิกตอแยพวกผม
“เป็นอะไรหน้าบึ้งเชียว ก่อนหน้านี้ยังดี๊ด๊าเป็นลิงอยู่เลย” ผมเดินเช็ดผมออกมาจากห้องน้ำ เห็นเด็กนั่งหน้าบูดอยู่บนฟูกนอนก็เลยแหย่เล่น แต่โมสดูไม่มีอารมณ์จะเล่นกับผมเลย
“เสน่ห์แรงจริง ๆ ตกสาวได้เป็นกลุ่มเลยนะฮะ”
โมสค่อนขอดปลายตามองมาที่ผม เห็นหน้าบึ้งกับแก้มป่องแบบนั้นแล้วมันน่ายั่วโมโหเล่นนะครับ
“ก็คนมันหล่อช่วยไม่ได้อ่ะ นี่ถ้าโมสไม่ได้มาด้วยพี่คงจะไปสนุกกับสาวๆแล้วแหละ ดูสิเปิดเพลงน่าสนุกเชียว” ผมมองลอดหน้าต่างมองแพอยู่อยู่บริเวณเดียวกัน ได้ยินเสียงเพลงที่เปิดอย่างสนุกสนานลอยมาเป็นช่วง ๆ ผมยิ้มแล้วก็โยกหัวตามจังหวะเพลงนั้น
โมสกัดริมฝีปากหน้าง้ำหน้างอกว่าเดิม แล้วโวยวายใส่ผมเสียงดังแล้วทิ้งตัวลงฟูกอย่างแรงแล้วมุดหน้าซุกหมอน
“พี่ภู! ไปเลย อยากไปก็ไปเลย แต่คืนนี้ไม่ต้องมานอนกับโมสนะฮะ ไม่ต้องมายุ่งเลย”
ผมแอบตกใจเล็กน้อยตอนที่เขาไล่ให้ผมไปด้วยอาการโมโหขนาดนี้ ผมเพียงแค่แกล้งเล่นแต่ทำไมเขาต้องโวยวายเป็นจริงเป็นจังแบบนี้ด้วย จนประโยคถัดมาที่เขาพูดเสียงอู้อี้นั่นแหละผมถึงได้เข้าใจ
“ถึงพี่จะไปจีบใครคนอื่นก็คงไม่มีใครว่าพี่อยู่แล้ว คนอื่นเขาก็เข้าใจว่าพี่โสดนี่ เวลาใครถามผมมันก็แค่น้องชายอยู่แล้ว”
ดูท่าทางจะน้อยใจจนร้องไห้ไปแล้ว ผมมองคนบนเตียงทั้งเอ็นดูทั้งสงสาร โมสคงคิดมากเรื่องที่เราคบกันอยู่แต่ต้องเก็บเป็นความลับไม่ให้คนในมหา’ลัยรู้ มีแฟนแต่บอกใครไม่ได้ เวลาอยู่ในมหา’ลัยก็ต้องเก็บอาการ รักกันแต่ก็ทำเป็นไม่รู้สึกอะไรต่อกัน เวลาอยู่ในมหาลัยแค่จะยิ้มให้กันยังกังวลว่าคนอื่นจะสังเกตเห็นแล้วจะดูออกเลย
ผมทิ้งตัวลงนอนข้าง ๆ เขา ยกมือขึ้นก่ายหน้าผากตัวเองแล้วถอนหายใจ
“พี่รู้นะครับว่าโมสอึดอัดที่บอกใครไม่ได้ พี่เข้าใจเพราะพี่ก็รู้สึก แต่พี่ไม่อยากให้ใครมองโมสไม่ดี คบกับอาจารย์ก็ว่าแย่แล้ว นี่พี่ดันเป็นอาจารย์ในคณะที่โมสเรียนอีก คนอื่นรู้เขาก็จะหาว่าโมสเป็นเด็กเส้นคบกับพี่เพื่อแลกเกรดนะ เข้าใจรึเปล่าครับ”
“โมสรู้ โมสเข้าใจ แต่...เรารักกันก่อนที่พี่จะเป็นอาจารย์อีกนะ” เด็กน้อยพลิกตัวนอนมองหน้าผม ดวงตาฉ่ำคลอน้ำใส ผมนอนตะแคงหันหน้าเขาหาเขา ยกมือลูบแก้มนุ่มนั้น อยากให้กำลังใจเขา
“เราทั้งสองคนรู้ แต่คนอื่นเขาไม่รู้ด้วยนี่ครับ เขาไม่รู้หรอกว่าเรารักกันมานานขนาดไหน”
“ตอนนั้นผมน่าจะเชื่อพี่ ยอมเข้ามหาลัยอื่นซะก็ดี”
ผมเคยแนะนำว่าเราไม่ควรอยู่มหา’ลัยเดียวกัน แม่ของเขาก็บอก แต่ตอนนั้นโมสดื้อ จะเข้ามหาลัยที่ผมทำงานอยู่ให้ได้เลย แต่ถ้าพูดกันตามความจริง การที่เราได้อยู่ใกล้กันนั้นทำให้ผมมีความสุขมาก ๆ เลย
“แต่พี่มีความสุขมากนะที่เราได้อยู่ใกล้กัน” เด็กน้อยตรงหน้าผมเบะปาก น้ำตาไหลออกมาเป็นเม็ด ผมเลยดึงตัวเขามากอดแล้วหอมหัวไปหลายฟอดเลย
“พี่อย่าไปแพของผู้หญิงกลุ่มนั้นนะฮะ โมสไม่อยากให้ไป”
“พี่ล้อเล่นครับ แค่แหย่เราเล่นไม่ได้คิดจะไปจริง ๆ เสียหน่อย นอนกอดแฟนมีความสุขกว่าตั้งเยอะ” พูดแล้วก็จุ๊บหน้าผากเอาใจเสียหน่อย เด็กน้อยยิ้มออกมาทันที ซุกหน้าเข้ากับไหล่ผมแล้วก็อมยิ้มน่ารัก
นอนมองหน้ากันเงียบอยู่สักพักคนในอ้อมกอดก็เคลิ้มหลับ ผมเองก็ชักจะง่วงๆ เหมือนกัน ถึงแม้ว่านี้จะเป็นเวลาบ่าย แต่วันนี้เราตื่นเช้าขับรถมาก็ไกล แถมยังเล่นน้ำเหนื่อยอีก ไม่แปลกเลยที่เผลอหลับไป
ตื่นมาอีกทีก็ตอนเย็นแล้ว ผมยังงัวเงียอยู่เล็กน้อยเพราะยังเพลียอยู่ แต่เจ้าเด็กดื้อน่ะสิเขย่าตัวผมให้รีบตื่นเร็วเพราะอยากไปนั่งเรือดูพระอาทิตย์ตก
“พี่ภูตื่นเร็ว เดี๋ยวไม่ทันดูนะฮะ”
ผมขยี้ตาตัวเอง บิดขี้เกียจไปมาแล้วก็ลุกเดินตามโมสออกไป ตรงจุดขึ้นเรือมีเจ้าหน้าที่ของที่พักคอยเตรียมเรือไว้ให้ เด็กดื้อก็ตื่นเต้นใหญ่จะได้เจอวิวสวยๆ เช็คกล้อง เช็คโทรศัพท์เตรียมไว้ถ่ายรูปอย่างดี
“พี่ถือกล้องนี้ไว้นะฮะ ไว้ถ่ายตอนผมเผลอ ถ่ายสวยๆนะ” ว่าแล้วก็จัดแจงยื่นกล้องมาคล้องคอผมเสร็จสรรพ จากนั้นก็ไปยืนทำเป็นมองวิว มองน้ำไปเรื่อย ทำเหมือนเผลอแต่มุมปากนี่กลับยิ้มตลอด เจ้าเด็กบ๊อง
“ขอโทษนะครับ นี่รออะไรเหรอ” ผมหันไปถามคนขับเรือ เพราะเราก็นั่งรอมาสักพักนึงแล้วแต่เรือก็ยังไม่ออกเสียที โมสก็เร่งยิก ๆ เพราะกลัวว่าจะไม่ทันดูพระอาทิตย์ตก
“รออีกลูกค้ากลุ่มนึงครับ”
“อาจารย์ขา”
พนักงานพูดยังไม่ทันจบผมก็ได้เสียงแหลมตะโกนมาแต่ไกล เห็นกลุ่มหญิงสาวแต่งกายด้วยเสื้อเกาะอกและกางเกงขาสั้นวิ่งหยองแหยงมาทางนี้ ผมหันไปมองโมสที่ขมวดคิ้วมุ่นหน้างอแก้มพองทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังยิ้มระรื่นอยู่เลย
“นั่นเสื้อเกาะอกเหรอ โมสนึกว่าที่คาดผม ปิดได้แต่หัวนมนะนั่นอ่ะ”
“โมส อย่าสิ...เราไม่ชอบก็ไม่ต้องไปสนใจ” โมสแขวะจนผมต้องหันไปปราม เจ้าตัวยู่ปากใส่ผมแล้วหันไปทางอื่น ส่วนผมก็หันไปมองสาวก่อนจะถอนหายใจออกมา ดูท่าทางจะวุ่นวายน่าดู
พอมาถึงจุดชมวิว เรือก็จอดอยู่นิ่งๆ ให้เราได้ถ่ายรูปอย่างเต็มที่ กล้องที่โมสให้ผมถือไว้เพื่อถ่ายตัวเขาเองนั้นก็ต้องมีกลุ่มสาวๆ ยื่นหน้าเข้ามาร่วมเฟรมเกือบทุกรูป เรื่องนี้อย่าว่าแต่โมสที่เซ็งเลย ผมเองก็เซ็ง
สุดท้ายโมสบอกให้ผมหยุดถ่ายแล้วนั่งดูวิวอย่างเดียว แต่ก็ไม่สงบสุขเท่าไรเพราะพวกเธอแย่งกันพูดตลอด สุดท้ายผมเลยไม่ตอบอะไรเวลาเธอถาม ทำเป็นมองวิวไม่สนใจอย่างอื่น จนกลุ่มสาวๆ เปลี่ยนเป้าหมายจากผมไปคุยโมสแทน จะเรียกว่าคุยก็ไม่ถูกหรอกเพราะพวกเธอถามข้อมูลของผมจากโมสที่พวกเธอคิดว่าเป็นน้องชายนั่นแหละ
“พี่ชายของน้องมีแฟนยังเหรอจ๊ะ”
ถึงตาจะมองวิวพระอาทิตย์ตกน้ำ แต่หูก็ยังคอยฟังสิ่งที่พวกเธอถามโมส คำถามนี้ผมเองก็รอฟังเหมือนกัน อยากรู้ว่าเด็กน้อยจะตอบคำถามนั้นอย่างไร
“จะอยากรู้ไปทำไมฮะ พี่ภูเขาไม่ชอบผู้หญิงแบบพี่หรอก”
“แหมน้องจ๊ะ ถามไปก็ตอบมาเถอะนะ เร็วๆ สิจ๊ะ” หล่อนกระซิบ แต่เรือมันมีอยู่แค่นี้ ยังไงผมก็ต้องได้ยินอยู่แล้ว
“พี่ภูมีแฟนแล้วฮะ แฟนพี่เขาน่ารักมาก แล้วพี่ภูก็หลงแฟนเขามาก ๆ เลยด้วย”
ผมแอบยิ้มกับสิ่งที่ได้ยิน มีการชมตัวเองว่าน่ารักด้วยนะ แต่ผมก็ไม่เถียงเพราะว่าโมสพูดจริงทุกอย่าง เขาน่ารักและผมก็หลงเขามากจริงๆ นั้นแหละ
“จิ๊ แล้วคบกันมานานยัง มีทะเลาะกันหรือแววจะเลิกกันบ้างมั้ย” ผมล่ะอึ้งกับคำถามแบบนี้ ไม่เข้าใจว่ากล้าถามได้ยังไง ยังไม่ทันที่โมสจะตอบอะไรไป ผมก็หันไปยิ้มให้แล้วเป็นคนตอบเอง
“ไม่เลิกกันง่ายๆ หรอกครับ ผมรักของผม แล้วก็มีแพลนไว้ว่า อีก 2-3 ปีข้างหน้าจะชวนเขาไปแต่งงานที่เมืองนอกด้วย” พอผมหันไปพูดผู้หญิงกลุ่มนั้นเงียบไปเลย ส่วนโมสนั้นพอได้ยินคำว่าแต่งงานก็ทำหน้าตาเหลอหลา
“ต...แต่งงาน” โมสพึมพำออกมา ดูท่าทางจะสติหลุดไปแล้ว พอผมยิ้มและยักคิ้วให้เจ้าตัวก็หน้าแดงทำเป็นหันหน้าออกไปมองวิว แต่ผมรู้ว่าเขาหันไปแอบยิ้ม แก้มและหูนี่แดงแจ๋เชียว นี่ถ้าอยู่กันสองคนผมคงแกล้งจนแดงไปทั้งตัวแน่ๆ
หลังจากพอพระอาทิตย์ตกน้ำแล้วคนขับเรือก็พากลับมาที่ที่พัก กลุ่มผู้หญิงกลุ่มนั้นก็แยกย้ายจากไปไม่ได้มาวอแวพวกผมอีกเลย ส่วนผมและโมสก็มานั่งทางข้าวที่ร้านอาหารของแพท ผมตามใจให้โมสเป็นคนเลือกเมนูอาหารที่เขาอยากกินได้เลย โมสสั่งมาไม่เยอะเท่าไรอาจเพราะจิตใจไม่ได้อยู่กับเมนูอาหารแล้ว ผมก็เลยเป็นคนสั่งเอง พอพนักงานรับเมนูอาหารแล้วเดินจากไป เด็กน้อยก็รีบถามผมทันทีเลย
“พี่ภูฮะ เรื่องที่พี่พูดบนเรือนั่น จริงเหรอ”
ผมยิ้มเอนตัวพิงเก้าอี้อย่างสบาย ตาก็มองโมสที่อยากรู้คำตอบจะแย่แล้ว พอผมลีลาไม่ยอมตอบสักที เขาก็เริ่มทำหน้างอ เร่งเอาคำตอบจากผมใหญ่เลย
“ก็รอเด็กแถวนี้เรียนจบ ถ้าสองปีนี้เป็นเด็กดีตั้งใจเรียนจะพาไปแต่งงานที่เมืองนอกเรียน”
“โมสจะเป็นเด็กดีฮะ” เด็กดื้อก็ยิ้มกว้างจนตาหยี ย้ายที่นั่งมานั่งข้างผมแล้วก็คอยตักอาหารให้ เอาอกเอาใจผมสารพัดแทบจะป้อนข้าวให้เลยด้วยซ้ำ ก็ผมไปพูดจาถูกใจเด็กน้อยเข้า เขาก็เลยออยากจะเอาใจผม ทำให้ผมเห็นว่าเขาเป็นเด็กดีอย่างที่พูด
“นี่ หยุดตักให้พี่ได้แล้ว เราน่ะกินเองบ้างเถอะ” ผมบอกเมื่อเขาเอาแต่ตักกับข้าวใส่จานผมไม่มีหยุดเลย โมสหัวเราะเสียงใสแล้วก็ตักข้าวเข้าปากตัวเอง
“อิ่มแล้วฮะ...” ผมเลิกคิ้วขึ้น กำลังจะออกปากดุ โมสเพิ่งจะกินไปไม่กี่คำจะมาอิ่มได้ไง แต่ก่อนที่ผมจะได้พูดอะไรโมสก็พูดต่อ
“อิ่มความสุขที่พี่ภูป้อนให้ ขอบคุณนะฮะ” ผมหัวเราะกับคำพูดคำจาของเด็กน้อย หลังจากทานข้าวเสร็จก็พากันเดินกลับแพที่พักมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อาเตรียมนอน แต่พอออกจากห้องน้ำมาก็เห็นว่าโมสไปยืนมองท้องฟ้าอยู่ด้านนอก ผมเดินออกไปมองตามก็เห็นดาวดวงน้อยพราวระยิบระยับเต็มท้องฟ้า
“ที่นี่เห็นดาวเยอะมากเลย มานอนดูดาวกันมั้ยฮะ”
โมสถาม ผมก็พยักหน้าเห็นด้วย เดินเข้าห้องไปหยิบผ้าห่มมากันน้ำค้างแล้วก็ไปลากฟูกปิคนิคมาปูตรงพื้นหน้าแพแล้วก็ทิ้งตัวลงนอนเล่น ดึงโมสให้นอนหนุนแขนผมไว้ ฟังเขาพูดถึงเรื่องนั้นเรื่องนี้เจื้อยแจ้วไปเรื่อยจนเคลิ้มหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ มารู้สึกตัวตอนที่โดนเด็กน้อยลักหลับ ทั้งหอมแก้มทั้งจุ๊บปากผมซ้ำไปมา
ผมเองก็ไม่ได้ลืมตาขึ้น แกล้งทำเป็นหลับเพราะอยากรู้ว่าเขาจะทำอะไรผมต่อ แต่เด็กน้อยก็ไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่าหอมแก้มและจุ๊บเบาๆ ตามใบหน้าพร้อมกับพูดหงุงหงิงอยู่คนเดียว
“แฟนใครเนี่ย หล่อจัง เรานี่ก็โชคดีนะเนี่ย มีแฟนหล่อ” พูดแล้วก็หัวเราะคิกคักคนเดียว ผมฟังแล้วยังหลุดยิ้มเลยแต่ก็พยายามกลั้นยิ้มไว้ เพราะยังไม่อยากให้เขารู้ว่าผมตื่นแล้ว แต่ก็คิดว่าคงจะไม่ทันแล้วแหละเพราะโมสคงเห็นรอยยิ้มที่มุมปากของผม
“พี่ภูฝันดีเหรอ ทำไมนอนยิ้ม”
ผิดคาดที่โมสยังไม่รู้ว่าผมตื่นแล้ว แถมยังหาว่าผมฝันดีอีก แล้วใจผมก็รู้สึกอุ่นวาบขึ้นมาแล้วก็เต้นแรงกว่าเดิมเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดน่ารักๆ ของเขา
“ฝันถึงโมสรึเปล่า โมสอยากเป็นฝันดีของพี่จัง เพราะพี่คือฝันดีของโมสนะฮะ”
ผมแทบจะกลั้นยิ้มไม่ไหว แอบหลี่ตามองก็เห็นเจ้าตัวเล็กนอนมองฟ้าอยู่ ผมทำเป็นพลิกตัวนอนตะแคงเข้าหาโมส ตวัดแขนโอบเอวเขาไว้แล้วดึงเข้ามากอดแน่น ๆ ปากก็พึมพำชื่อเขาออกไปอย่างแผ่วเบา
“รักโมสนะ...”
พูดออกไปแค่นั้นเด็กน้อยในอ้อมแขนก็เด้งตัวลุกขึ้น เขาเงียบไปซักพักแล้วก็หัวเราะคิกคักทิ้งตัวนอนซุกเข้าอ้อมกอดผม แล้วกอดผมไว้แน่นเลย
“ฝันถึงเราจริง ๆ ด้วย รักพี่ภูเหมือนกันนะฮะ รักมากๆ เลย” พูดไม่พอยังจุ๊บปลายคางผมอีกด้วย
เนี่ย...มีแฟนเด็กแล้วมันดีต่อใจแบบนี้แหละ เด็กมันอ้อนเก่ง
ตอนนี้้หวานๆค่ะ อยากบอกเล่าความน่ารักของโมสในสายตาพี่ภูให้ทุกคนได้รู้ ว่าน้องขี้อ้อนขนาดไหนพี่ภูถึงได้หลง
และสำหรับตอนหน้านั้น เตรียมตัวพบกับ...ชุดนอนไม่ได้นอน!!
เข้าไปดูรูปที่เราวาดไว้ได้ที่แฮชแท็ก
#เจลหล่อลื่นของพี่ภู ใน twitter นะคะ