ลมหายใจแห่งผืนทราย
บทที่ 13
วิกเตอร์ก้าวไปยังที่ทำการคณะรัฐบาลฮาลียันด้วยอารมณ์กรุ่นโกรธ ข่าวที่ได้รับเป็นการภายในของบรรดาผู้สื่อข่าวต่าง
ประเทศในเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นทำให้เขาเป็นห่วงเพื่อนสนิทเป็นอย่างมาก สำนักข่าวที่เขาทำงานอยู่ส่งผู้สื่อข่าวคนใหม่มาทำงานแทน
กวินท์ที่ผู้จับตัวไปโดยที่ยังไม่รู้ชะตากรรม นักข่าวที่ถูกส่งมาใหม่เป็นรุ่นพี่สาวใหญ่ชื่อแอนนิสซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญการทำงานใน
ตะวันออกกลาง
บ่ายจัดของเมื่อวานนี้ แอนนิสโทรศัพท์สายด่วนหาเขา แล้วแจ้งข่าวให้วิกเตอร์รู้
“ข่าวด่วนวิกเตอร์ มีการต่อสู้และระเบิดเกิดขึ้นที่พื้นที่แห่งหนึ่งกลางทะเลทราย ฝ่ายหนึ่งเป็นกองกำลังของรัฐบาลแต่อีกฝ่าย
หนึ่งไม่รู้ว่าใคร”
วิกเตอร์ตกใจเป็นอย่างมาก เขารีบไปหาแอนนิสทันที ณ จุดรวมของนักข่าวต่างประเทศที่ต่างก็ตรวจเช็คข่าวกันอย่าง
วุ่นวาย
“มีข่าวเพิ่มหรือเปล่าแอน”
แอนนิสคร่ำหวอดในการทำข่าวแถบนี้มานานแล้ว เธอมีแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือมากมาย สีหน้าของเธอคร่ำเคร่งขณะกำลัง
ตรวจสอบที่มาของข่าว
“มีสิ ข่าวทางลับบอกว่า ตรงนั้นเป็นสถานที่สำหรับดูแลผู้ที่ได้รับบาดเจ็บของกลุ่มผู้ไม่ประสงค์ดีกับรัฐบาล”
“ผู้บาดเจ็บงั้นเหรอ รัฐบาลฮาลียันเป็นบ้าอะไร ทำไมต้องโจมตีพวกบาดเจ็บด้วย ไม่แฟร์เลย”
วิกเตอร์กล่าวอย่างแปลกใจกับการกระทำของรัฐบาล แอนนิสยังพูดต่อด้วยข้อมูลที่เธอหามาได้
“เด็ดกว่านั้นอีก มีข่าวลับสุดยอด เขาบอกว่าที่กษัตริย์ราชิดโกรธเกลียดหัวหน้ากองโจรแห่งดาฟาร์และมักจะให้ข่าวใน
ทางร้ายกับพวกนั้นเสมอ เพราะว่าพวกกองโจรน่ะให้การสนับสนุนกลุ่มตรงข้ามกับรัฐบาล พวกนั้นน่ะมีทุน มีสายข่าว และมีผู้คนให้การ
ช่วยเหลือจำนวนมาก”
“ทำไมล่ะ ทำไมคนถึงหันไปช่วยเหลือพวกโจร”
วิกเตอร์ไม่เข้าใจ ดูเหมือนจะมีคนไม่เห็นด้วยกับการมีกษัตริย์ราชิดเป็นประมุขของประเทศ
“ก็เพราะว่าพวกโจรเหล่านั้น บางทีอาจจะเป็นคนจากกษัตริย์พระองค์เดิมที่ถูกชิงอำนาจไปน่ะสิ”
“เฮ้ย นี่มันไม่ใช่เรื่องธรรมดาแล้ว มันเกมการเมืองชิงความเป็นใหญ่ชัดๆ แล้วกวินท์ล่ะ”
วิกเตอร์สบตากับแอนนิส รุ่นพี่ที่ทำงานถอนหายใจออกมา
“บางทีกวินท์อาจจะกลายเป็นเหยื่อทางการเมืองนะ”
ตากล้องหนุ่มไม่นึกแปลกใจอีกแล้วว่าทำไมการตามหาเพื่อนของเขาจึงไม่คืบหน้า คืนนั้นทั้งคืนวิกเตอร์จึงต้องอยู่
ทำงานกับแอนนิส จนกระทั่งตอนเช้าเขาจึงมาสำนักงานรัฐบาลด้วยอารมณ์ไม่ดีนัก
“พวกคุณไม่จริงใจ”
วิกเตอร์โวยวายเมื่อไม่มีใครให้คำตอบกับเขาได้เรื่องการตามหากวินท์
“ผ่านมาตั้งหลายวันแล้ว มันควรจะได้ข่าวอะไรมาบ้าง นี่ผมยังเห็นนั่งสบายไม่เดือดร้อนอะไรเลยที่มีคนต่างชาติถูกจับตัว
ไป”
“มิสเตอร์คอร์นเนอร์ หยุดเดี๋ยวนี้”
เสียงหนึ่งดังขึ้นเพื่อหยุดการโวยวายของเขา วิกเตอร์หันขวับไปมองด้วยสายตาเยาะหยันเมื่อเห็นว่าเป็นใคร คาลีล
เลขานุการของกษัตริย์ราชิดนั่นเอง
“จะใช้สิทธิ์อะไรมาห้าม ผมไม่ใช่คนในประเทศของคุณ ผมไม่ได้อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของคุณ”
วิกเตอร์โวยวายไม่เลิกจนคาลีลหมดความอดทน เขาเอ่ยปากให้พนักงานรักษาความปลอดภัยเข้ามาจับกุมตัววิกเตอร์
และบังคับให้เดินตามคาลีลมาที่ห้องทำงานของเขา
“ไอ้คนบ้าอำนาจ มึงจะทำอย่างนี้ไม่ได้ จับกูมาทำไม”
วิกเตอร์เอะอะตลอดทาง จนกระทั่งถูกผลักเข้ามาในห้อง ประตูปิดลงจนเหลือเพียงเขาและคาลีลเจ้าของห้องที่มองเขา
อย่างรำคาญ
“จะโวยอะไรอีกก็ตามสบาย เอาให้สบายใจ”
คาลีลทิ้งกายนั่งบนเก้าอี้ของเขาด้วย วิกเตอร์มองอิริยาบทของคาลีลแล้วตีความไปว่าอีกฝ่ายไม่ได้สนใจใยดีจุดมุ่งหมาย
ของเขาที่มาที่นี่เลยสักนิด วิกเตอร์ก้าวเข้าไปแล้วกระแทกมือทั้งสองใส่โต๊ะทำงานของคาลีลเสียงดังปัง
“ผมต้องการคำตอบว่าเมื่อไหร่ฮาลียันจะตามตัวกวินท์พบและพากลับมาอย่างปลอดภัย”
“ทางกองทัพทหารของเรากำลังเร่งการค้นหาอยู่”
คาลีลตอบด้วยเสียงเรียบเฉย วิกเตอร์หรี่ตามองด้วยความไม่ไว้ใจ
“พวกคุณเร่งค้นหาด้วยการถล่มที่ตั้งลับของฝ่ายก่อความไม่สงบนี่นะ มั่นใจได้ยังไงว่าที่นั่นไม่มีกวินท์อยู่”
คิ้วโก่งเข้มสีดำสนิทของคาลีลขมวดเข้าหากันทันที เขาลุกขึ้นยืนเผชิญหน้ากับวิกเตอร์
“ที่คุณพูดหมายถึงอะไร ถล่มที่ตั้งของฝ่ายก่อความไม่สงบไปเกี่ยวอะไรกับพวกโจรที่จับเพื่อนของคุณไป แล้วคุณรู้ข่าวนี้
ได้อย่างไร”
วิกเตอร์หัวเราะหยัน คาลีลกำลังแสดงพิรุธบางอย่างออกมาให้เห็น เขาเชื่อว่าคาลีลที่เป็นถึงเลขานุการของกษัตริย์ราชิดจะ
ต้องมีความลับที่ปิดบังไว้อย่างแน่นอน
“พวกคุณปิดข่าวไม่ให้คนนอกประเทศรู้ ว่าแท้ที่จริงแล้วพวกโจรทะเลทรายเหล่านั้นคือพวกเดียวกับพวกก่อความไม่
สงบที่คิดจะโค่นเจ้านายของคุณลงจากบัลลังก์”
“มิสเตอร์คอร์นเนอร์!”
คาลีลกระชากคอเสื้อของวิกเตอร์เข้าหา ดวงตามีแววเกรี้ยวกราดเผยออกมาให้เห็นแม้ว่าจะพยายามควบคุมไว้อย่างเต็มที่
“คำพูดอย่างเมื่อครู่นี้อย่าได้เที่ยวพูดให้ใครได้ยินอีกถ้ายังอยากจะกลับประเทศของคุณอย่างปลอดภัย”
วิกเตอร์เบ้ปาก เขาดึงข้อมือของคาลีลออกพลางมองกลับอย่างไม่นึกกลัว
“คุณกำลังข่มขู่ผมอยู่นะท่านเลขาหน้าห้อง แต่ขอโทษเถอะที่ผมไม่กลัว และถ้าหากผมกับกวินท์เป็นอะไรไปรับรองว่าดัง
ระเบิดไปทั่วโลกแน่ๆ”
วิกเตอร์หมุนกายกลับเดินไปทางประตู ก่อนจะออกจากห้องเขาหันมาเอ่ยทิ้งทวน
“ผมว่าคุณควรจะกราบทูลกษัตริย์ของคุณให้เขาตามหากวินท์ให้กลับมาอย่างปลอดภัยโดยเร็วจะดีกว่า อย่าทำให้เรื่อง
มันวุ่นวายไปกว่านี้เลย”
คาลีลมองตามแผ่นหลังร่างสูงของช่างภาพจากสำนักข่าวต่างประเทศด้วยสายตาเป็นกังวล ความมุทะลุไม่ยั้งคิดของ
วิกเตอร์อาจจะทำให้เรื่องบานปลายมากไปกว่านี้
บางทีคาลีลอาจจะต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อให้วิกเตอร์ไม่สามารถไปพูดจาเช่นนี้ให้ใครได้ยินอีกจนกว่าเรื่องทุกอย่างจะ
จบลง
มีต่ออีกนิด...