Ti Voglio {ฉันอยากมีนาย!}
shot.23 ดวงอาทิตย์ลอยเกาะขอบเมฆ แปรเปลี่ยนสีเทาอึมครึมของท้องนภาให้เป็นสีทองระยับจับตา แสงแดดยามเช้าค่อยๆส่องลงมาจากผืนฟ้า เล็ดลอดผ่านรอยแยกเล็กๆของแมกไม้ที่ไร้ซึ่งใบเขียว ก่อนที่มันจะตกลงกระทบกับพื้นหิมะแล้วสร้างแสงสะท้อนเป็นประกายระยิบระยับ สร้างความสุนทรีย์แก่ผู้มองที่เลื่อนบานประตูกระดาษออกมาดูจากภายในห้อง
เจ้าของร่างผอมสูงขยับตัวออกจากช่องว่างของบานประตู ปล่อยให้แสงแดดค่อยๆลบเลือนความมืดในห้องสี่เหลี่ยมที่มีร่างเพียงหนึ่งเดียวนอนหลับสนิทซุกตัวกับฟูกผืนนุ่ม มือสวยยกขึ้นขยับแว่นในมือให้เข้าที่ก่อนจะเดินไปนั่งข้างๆที่นอนนั้นเพราะหวังว่าแค่เพียงแสงอาทิตย์ที่เขาเปิดให้เข้ามาในห้องนี้จะทำให้ร่างที่นอนหลับอยู่นั้นตื่นขึ้นมาได้
ทว่าคนคนนั้นกลับยกผ้าห่มขึ้นมาคลุมหน้าแล้วพลิกตัวหนีหันกลับไปอีกฝั่งแทนเสียอย่างนั้น
ขี้เซาเอาเรื่องนะเนี่ย... “คุณลูน่าครับ”เขาตัดสินใจส่งเสียงเรียก ทว่าคนตรงหน้าก็ยังไร้ปฏิกิริยาตอบสนอง
“คุณลูน่า ตื่นได้แล้วครับ”คราวนี้ใช้มือเอื้อมไปเขย่าตัวอีกฝ่ายเล็กน้อย แต่สิ่งที่รับมาคือเสียงงึมงำพร้อมกับการปัดมือเขาออกไป
ฟราน เวคเตอร์ ยิ้มขรึมกับตัวเองเงียบๆแล้วดันแว่นกรอบสีดำขึ้นอีกครั้ง เขาอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีฟ้าเรียบๆตัวหนึ่งและกางเกงสแล็ค ดูไม่ต่างจากพวกพนักงานกินเงินเดือนทั่วไปถ้าไม่ติดว่าที่สะโพกเล็กๆนั้นจะมีปืนกระบอกน้อยคาดติดเอาไว้ด้วยซองปืนหนังสีดำอีกทีหนึ่ง
“ทำยังไงถึงจะตื่นได้ล่ะเนี่ย?”เขาพึมพำกับตัวเอง ถ้าไม่ติดว่านี่เป็นบ้านของคนอื่น เลขาหนุ่มอาจจะลองยิงปืนขึ้นฟ้าสักนัดเผื่อเสียงดังๆมันจะทำให้คนขี้เซาลุกขึ้นมาได้ แต่ก็ได้แค่คิด สุดท้ายเลขาหนุ่มก็ตัดสินใจเปลี่ยนเสื้อผ้าให้คนตรงหน้าก่อนแล้วค่อยพาไปส่งให้เจ้านายของเขาที่ออกคำสั่งไว้ตั้งแต่เมื่อคืนว่ารัตติกรตื่นเมื่อไหร่ให้พาไปหาเขาที่ห้อง นัยว่าคงอยากเจอกันตั้งแต่เช้านั่นแหละ
ถ้าอยากเจอนัก ทำไมไม่มานอนด้วยกันเสียเลยนะ?
ฟรานเลิกผ้าห่มหนาออกจากตัวรัตติกร มันเป็นเรื่องปกติที่ว่าเวลานอนหากใส่ชุดยูกาตะล่ะก็ เช้ามายังไงก็ไม่แคล้วต้องหลุดลุ่ยเปิดโน่นเปิดนี่ แน่นอนว่าหนุ่มชาวไทยขี้เซาคนนี้ก็ไม่ต่าง
เลขาหนุ่มถอนหายใจแล้วยิ้มน้อยๆ เขาพิจารณารูปร่างของคนตรงหน้า อยากรู้ว่ามีอะไรดีถึงกลายเป็นของโปรดของดอนแห่งปาเลอร์โมได้เสียขนาดนั้น
ผิวของรัตติกรขาวซีดแต่ว่าเนียนละเอียดไปทั่วทั้งตัว มีช่วงไหล่บางกว่าที่เขาเคยคิดเอาไว้ เอวคอดแต่สะโพกเพรียวเข้ารูป...
เหมือนร่างกายของเด็กเสียล่ะมากกว่า เจ้านายของเขาเป็นพวกชอบกินหญ้าอ่อนรึไงนะ?
ฟรานยิ้มแล้วจัดชุดของคนตรงหน้าให้เรียบร้อย ก่อนจะค่อยๆสอดมือเข้าไปใต้ร่างเพรียวบางแล้วยกขึ้นมา
ในเมื่อปลุกไม่ตื่น แล้วเขาก็ขัดคำสั่งดอนไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นก็อุ้มไปหาถึงห้องเลยก็แล้วกันนะ!
น้ำหนักของอีกฝ่ายมีไม่มากอย่างที่คิดทำให้ฟรานไม่ต้องเหนื่อยแรงในการยกอีกฝ่ายมากนัก ห้องของดอนแห่งปาเลอร์โม่ก็อยู่ไม่ห่างกันเท่าไหร่ด้วย เลขาหนุ่มเดินไปหยุดอยู่หน้าประตูห้องแล้วส่งเสียงเรียกใครอีกคนที่เขาลากขึ้นมาจากเตียงเพื่อมาปลุกของเล่นของเจ้านายด้วยกัน
“เปิดประตูให้หน่อยครับ มือผมไม่ว่าง”ฟรานได้ยินเสียงอีกฝ่ายถอนหายใจเฮือกๆแล้วจึงเลื่อนบานประตูเปิดให้เขา สคูร์โด แอนโธจ หัวหน้าบอดี้การ์ดของลาร์เฟียร์ยืนทำหน้าบึ้งรอเขาอยู่ข้างนอก อีกฝ่ายยังใส่ชุดยูกาตะสำหรับใส่นอนอยู่ด้วยเลยซ้ำ
“ผมปลุกเช้าไปเหรอครับ? คุณเลยทำหน้าเหมือนยังนอนไม่เต็มอิ่มแบบนั้น”ฟรานยิ้มให้อีกฝ่ายน้อยๆแล้วออกเดินนำทางไป
“ผมว่าเมื่อคืนเราก็จัดหนักกันเยอะอยู่นะคุณเลขา ไอ้การที่คุณยังตื่นเช้าๆไหวแล้วมายกเจ้านี่ไปหาดอนได้อีกต่างหากที่น่าแปลก”สคูร์โดตอบกลับเสียงขุ่น ดวงตาสีฟ้าตวัดมองคนที่เดินนำหน้าด้วยท่าทางสบายๆแล้วยิ่งหงุดหงิดขึ้นไปอีก
“เลขาของลาร์เฟียร์ เวสเปอร์ต้องตื่นตัวทุกเวลาสิครับ ยิ่งบอดี้การ์ดอย่างคุณน่ะ ต้องตื่นตัวให้มากกว่าผมอีกนะ”อีกฝ่ายหันกลับมายักคิ้วให้เขาเป็นเชิงเตือนแล้วเดินต่อไป สคูร์โดกัดฟันกรอดแล้วเร่งฝีเท้าเดินขึ้นไปขนาบข้างกับฟรานแล้วแย่งรัตติกรมาอุ้มไว้เอง
“ช่วยทำไมครับ ผมอุ้มไหวนะ”ถึงอย่างนั้นฟรานก็ให้อีกฝ่ายอุ้มรัตติกรไปแต่โดยดี ประหยัดแรงเขาไปได้เยอะ จะปฏิเสธทำไมล่ะ?
“กลัวนายสะโพกครากน่ะ”สคูร์โดลอยหน้าลอยตาตอบ นานๆทีถึงจะหาเรื่องเจ้าเลขาน่าหมั่นไส้นี่ได้ เขาไม่ยอมปล่อยโอกาสไปอยู่แล้ว!
“หึ อย่าห่วงเลยครับ...”ฟรานยิ้มให้สคูร์โดแล้วหยุดเดินเมื่อไปถึงหน้าห้องของลาร์เฟียร์แล้ว เจ้าตัวเปิดประตูให้สคูร์โดเดินผ่านเข้าไปข้างใน ถือโอกาสตอนที่บอดี้การ์ดคนเก่งมือไม้ไม่ว่างชะโงกตัวไปกระซิบข้างหูอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงทอดแผ่ว...
“สะโพกผมตอนนี้น่ะ
ขย่ม คุณไปได้อีกทั้งคืน!”
“!!!”
บอดี้การ์ดหนุ่มอ้าปากค้างหน้าแดงเถือก ชะงักนิ่งอยู่กับที่เหมือนถูกสต๊าฟเอาไว้กระทันหัน ฟรานยิ้มสมใจแล้วผลักหลังของอีกฝ่ายเบาๆให้เดินต่อไป
“พาคุณลูน่าไปนอนที่เตียงดอนสิครับ”ดวงตาสีเขียวมะกอกใต้แว่นเลนส์ใสพราวระยับ เลขาหนุ่มยิ้มน้อยๆแล้วเดินกลับไปห้องของตัวเอง ทิ้งให้สคูร์โดมองตามอีกฝ่ายด้วยสายตาอาฆาตก่อนจะรีบพารัตติกรไปโยนส่งๆลงเตียงกว้างที่ไม่มีใครนอนอยู่ แสงไฟจางๆจากใต้ประตูห้องน้ำทำให้เขารู้ว่าลาร์เฟียร์คงกำลังอาบน้ำ
ถ้าอย่างนั้นออกมาเมื่อไหร่ก็จัดการกันเองแล้วกันวะ!
สคูร์โดมองรัตติกรที่กลิ้งไปมาหาที่นอนดีๆแล้วนิ่งไปด้วยความหมั่นไส้ เขาดีดหน้าผากขาวๆนั่นไปทีหนึ่ง ข้อหาทำให้ไม่มีมือว่างไปจัดการไอ้เลขาปากดีที่ทิ้งระเบิดเอาไว้ให้เขาแล้วเดินหนีไปเสียเฉยๆ
กลับไปห้องคืนนี้เมื่อไหร่ นายเจอดีแน่ ฟราน เวคเตอร์!!
_________________________________________________
ไอน้ำสีขาวอ่อนจางลอยฟุ้งเรี่ยพื้นหินขัดสีเข้มภายในห้องน้ำกว้างขวาง อ่างอาบน้ำไม้สนที่มุมหนึ่งของห้องนั้น ขณะนี้กำลังบรรจุน้ำร้อนเต็มระดับขอบยามเมื่อมีร่างอีกร่างทอดกายอยู่ภายใน เส้นผมสีเข้มที่ปกติจะถูกเสยเอาไว้ตอนนี้กลับทิ้งตัวลงปรกหน้าผากกว้าง ขับเน้นดวงตาสีสนิมยาวเรียวให้ยิ่งคมชัด ผิวกายสะอาดตึงแน่นด้วยกล้ามเนื้อจากการออกกำลังโผล่พ้นน้ำขึ้นมาเล็กน้อย เสียงถอนหายใจเบาๆดังก้องห้องน้ำกว้าง ก่อนที่เจ้าของร่างนั้นจะลุกออกจากอ่างไม้
ลาร์เฟียร์ เวสเปอร์เสยผมที่ตกลงมาปรกหน้าผากแล้วคว้าผ้าเช็ดตัวมาพันเอวก่อนจะเดินออกไปจากห้องน้ำ อากาศข้างนอกเย็นกว่าเล็กน้อยแต่ก็ไม่ถึงกับหนาวเพราะในห้องนอนก็มีเครื่องทำความร้อนติดตั้งเอาอยู่ ร่างสูงสะบัดผมให้หยดน้ำที่เกาะพราวกระจายออกไป ทว่าเสียงงึมงำของอะไรบางอย่างที่ได้รับผลกระทบจากการกระทำนั้นกลับทำให้เจ้าพ่อหนุ่มชะงักแล้วหันกลับไปมองบนเตียงของตนเอง
และได้เห็นราชสีห์ตัวหนึ่งนอนแผ่หลาครองเตียงเขาเอาไว้อย่างหมดสิ้นซึ่งการระแวดระวังตัว...
จำได้ว่าเมื่อคืนหลังจากที่เขาเรียกฟรานมาพบเพื่อให้ไปสืบหาต้นตอของสาเหตุที่ทำให้รัตติกรมีอาการแปลกๆแล้วก็ทิ้งท้ายให้เลขาพาเจ้าตัวมาหาเขาในเช้าวันรุ่งขึ้นด้วย แต่ไม่นึกแม้แต่น้อยว่าฟรานจะพารัตติกรมาทั้งที่ยังไม่ตื่นเสียเลยด้วยซ้ำ
จะชมที่ทำตามคำสั่งอย่างเคร่งครัดหรือจะฉุนที่ทำเกินกว่าคำสั่งดีวะเนี่ย...
ลาร์เฟียร์ส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนจะเดินไปแต่งตัว วันนี้เขามีประชุมกับเทย์ริว อาราชิ ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านพักที่เขาอาศัยอยู่ตอนนี้ และคนคนนั้นยังเป็นถึงผู้นำกลุ่มเทย์ริว คนที่ปรากฏอยู่ในภาพถ่ายที่พวกตระกูลฟงใช้มาเป็นหลักฐานเพื่อบอกว่าคนคนนี้ทำการสบคบคิดกับพวกโนวาร์
ในเมื่อไหนๆก็ไม่ได้มาที่ญี่ปุ่นซะนาน ลาร์เฟียร์จึงต่อเครื่องจากประเทศจีนมายังที่นี่เพื่อเคลียร์ทั้งปัญหาเกี่ยวกับพวกโนวาห์และถือโอกาสเรียกประชุมกลุ่มพันธมิตรทั้งหมดที่อยู่ในญี่ปุ่นมาคุยกันด้วยเสียเลย
เหลือบมองไปยังนาฬิกาดิจิตอลไม้ที่วางอยู่ข้างๆหัวเตียงบอกเวลาหกโมงเช้า มาเฟียหนุ่มเป็นคนที่ตื่นเร็วอยู่เสมอ ดังนั้นเวลาประมาณนี้คือช่วงเวลาปกติที่เขาจะตื่นขึ้นมาออกกำลังกายเล็กน้อยแล้วค่อยไปอาบน้ำ จากนั้นก็ค่อยไปทำงานตามแต่ที่วันนั้นจะมีเรื่องอะไรเข้ามาหรือมีสิ่งที่ค้างมาจากเมื่อวาน
หากแต่ว่าตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ที่ห้องทำงานของตัวเอง ดอนแห่งปาเลอร์โม่จึงเลือกที่จะผ่อนคลายมากกว่าจะหาเรื่องมาให้ปวดสมอง ยิ่งวันนี้ช่วงหลังอาหารเช้าจะมีการคุยเรื่องสำคัญ ดังนั้นตอนนี้เขาก็ขอทำหัวให้มันโล่ง หาสิ่งบันเทิงเริงใจมาผ่อนคลายอารมณ์ และเจ้าสิงโตแมวตัวนี้ก็ช่างมาอยู่ที่นี่ได้อย่างถูกที่ถูกเวลาเสียยิ่งกว่าอะไรดี
ขอแกล้งสักหน่อยแล้วกัน!
ลาร์เฟียร์นั่งลงข้างเตียงในฝั่งที่รัตติกรนอนอยู่ ปลายนิ้วปัดไรผมที่ตกลงมาปรกหน้าของอีกฝ่ายให้พ้นออกไปแล้วจับจ้องใบหน้าสวยเฉียบในยามหลับไหล เขาลากนิ้วผ่านหน้าผากมนๆลงมาที่ปลายจมูกโด่งรั้น ก่อนจะวกกลับขึ้นไปเขี่ยแพขนตาสีเข้มให้เจ้าตัวต้องส่งเสียงครางประท้วงแล้วปัดมือเขาออกไป
“
ขี้เซานะเธอน่ะ”เจ้าพ่อหนุ่มเย้าแล้วเลื่อนปลายนิ้วลงมาหาริมฝีปากสีแดงอ่อนที่แห้งเล็กน้อย เขาก้มหน้าลงไปแล้วชิมรสมัน เลียให้ชุ่มชื่นก่อนจะค่อยๆบดแรงลงไปจนอีกฝ่ายต้องเปิดปากรับการรุกรานนั้นอย่างไม่ยินยอมพร้อมใจ
“อะ...อืม”ลาร์เฟียร์ได้ยินเสียงครางอือแผ่วเบายามที่ลิ้นของเขาสอดเข้าประสานกับอีกฝ่าย พัวพันดูดดึงให้คนที่ยังหลับไม่รู้เรื่องต้องคล้อยตามการชักนำที่ไม่ต่างจากฝันอันเลื่อนลอย...
“อา~”
“ทีตอนหลับล่ะว่าง่ายนัก”
เจ้าพ่อหนุ่มพึมพำพร้อมกับหัวเราะในลำคอ ก่อนจะแหวกสาบเสื้อของรัตติกรให้ไปกองอยู่ที่ไหล่ขาวเนียน ริมฝีปากไถลผ่านแก้มหอมลงซุกกับที่ต้นคอเรียวสวย แล้วค่อยๆประทับรอยจูบสีอ่อนไล่ลงมาจนถึงแผ่นอกขาวที่เริ่มขยับแรงขึ้นตามอารมณ์ที่เพิ่มระดับขึ้นทีละเล็กทีละน้อย...
ดอนแห่งปาเลอร์โม่มองรัตติกรที่หน้าแดงก่ำ แถมยังหัวคิ้วขมวดมุ่นเล็กน้อยเหมือนรำคาญใจอะไรสักอย่างแต่ก็ยังไม่ยอมตื่นขึ้นมาเสียที ไอ้ตอนแรกน่ะ เขาคิดว่ารัตติกรจะตื่นตั้งแต่เขาจูบแล้วด้วยซ้ำ นี่ทำมากกว่าจูบไปเยอะแล้วนะ ยังไม่ยอมตื่นอีก!
จากปลุกเฉยๆกลายเป็นปลุกปล้ำซะเลยดีมั้ยเนี่ย?!
ยอดอกสีหวานชูชันอยู่ตรงหน้า แถมคนเป็นเจ้าของยังนอนนิ่งไม่ลุกขึ้นมาขัดขืนสักที เจ้าพ่อหนุ่มเลยถือโอกาส ทำ จนกว่าอีกฝ่ายจะตื่นขึ้นมาห้ามแล้วกัน!
คิดเสร็จก็ก้มลงอีกครั้ง ทว่าเป้าหมายกลับกลายเป็นแผ่นอกที่กำลังสะท้อนขึ้นลงเพราะแรงอารมณ์ที่ถูกเขาปลุกปั่นมันขึ้นมา ลิ้นหนาแลบเลียที่ยอดอกสีชมพูก่อนจะขบกัดเบาๆพอให้คนเป็นเจ้าของต้องสะดุ้งเฮือก
อื้อออ!”รัตติกรครางแผ่ว ในที่สุดก็ดูเหมือนจะเริ่มรู้สึกตัวแล้วสักที เจ้าพ่อหนุ่มจึงเร่งมือขึ้นอีกนิด หวังให้ตอนตื่นขึ้นมาเต็มตาเขาจะได้เห็นหน้าแดงๆของอีกฝ่ายที่เขินอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนีเลยนั่นแหละ!
ปลายลิ้นลากจากแผ่นอกลงไปหาแอ่งสะดือ ทิ้งร่องรอยอันร้อนผ่าวที่แปรเปลี่ยนเป็นความเย็นเฉียบอย่างรวดเร็วเมื่อสัมผัสกับอากาศภายในห้อง รัตติกรยกสะโพกตอบสนองโดยอัตโนมัติอย่างไม่รู้ตัว เจ้าพ่อหนุ่มจึงจับขายาวเรียวขึ้นมาพาดบ่าข้างหนึ่ง ส่งผลให้เอวคอดๆนั้นต้องค้างเติ่งอยู่กลางอากาศ ชายยูกาตะจึงร่นลงมากองอยู่กับเตียง เผยต้นขาขาววับๆแวมๆ ดีที่สายโอบิรัดเอวยังไม่เลื่อนหลุดออก ไม่งั้นคงเห็นไปถึงไหนต่อไหน
ฟันคมๆของเข้าพ่อหนุ่มกัดลงที่ขาอ่อนด้านใน พอดีกับที่เสียงตวาดแหวของคนที่เพิ่งตื่นเต็มตาดังขึ้นมาลั่นห้อง
“ทำบ้าอะไรของคุณ!!”ในเสียงตวาดนั้นแหบเครือเล็กน้อยอย่างเสียงของคนที่เพิ่งตื่นนอน รัตติกรหน้าแดงก่ำและพยายามจะยื้อขาของตนเองออกจากการยึดจับของเจ้าพ่อหนุ่ม แต่วี่แววที่จะหลุดรอดออกจากการยึดกุมครั้งนี้กลับแทบไม่มี!
ความรู้สึกแปลกๆกึ่งฝันกึ่งจริงก่อนหน้านี้ทำให้เขาต้องตื่นขึ้นมาในที่สุดทั้งๆที่ยังนอนได้ไม่ถึงสี่ชั่วโมงดี ใครใช้ให้เมื่อวันก่อนไอ้เจ้าพ่อบ้านี่มาพูดขออะไรแปลกๆกับเขาล่ะ แน่นอนว่าคำตอบของเขาคือไม่ แต่ไม่รู้ทำไมไอ้คนที่อยู่ๆจะมาเอาชีวิตของคนอื่นไปดูแลยังมีหน้ามาวนเวียนอยู่ในความคิดเขาทั้งคืนจนทำเอาหนุ่มชาวไทยถึงกับนอนไม่หลับ!
มันแปลกๆในอก อาการเหมือนมีแมวมากางเล็บข่วนอยู่มั่วซั่ว สร้างทั้งความหงุดหงิดและอาการไม่เข้าใจว่าลาร์เฟียร์ เวสเปอร์เป็นอะไรถึงได้มาพูดจะเอาชีวิต...กับอย่างอื่น ของเขาไปอย่างหน้าด้านๆแบบนั้น!
ของแบบนี้ไม่มีใครที่ไหนเขาให้กันหรอกเว้ย!!
“ปล่อย!!!”รัตติกรตวาดซ้ำอีกรอบ แต่มือหนาที่ยึดจับขาของเขาเอาไว้กลับยิ่งบีบแน่นแล้วลากตัวของเขาให้ขยับเข้าไปใกล้อีกฝ่ายมากขึ้นกว่าเดิม ลาร์เฟียร์ยกขาของคนที่อยู่เบื้องใต้ให้สูงขึ้นแล้วแทรกตัวเข้าไปอยู่ตรงกลาง หนุ่มชาวไทยเบิกตากว้าง รีบตะครุบชายยูกายะของตัวเองให้ปิดส่วนนั้นไว้แทบไม่ทัน
“กว่าจะปลุกเธอได้ยากจะตาย ไม่มีรางวัลให้หน่อยหรือไง?”เจ้าพ่อหนุ่มยิ้มที่มุมปากก่อนที่จะใช้ปลายลิ้นแลบเลียที่รอยกัดตรงขาอ่อนของรัตติกร หนุ่มชาวไทยสะดุ้งเฮือกหลุดเสียงอุทาน ดวงตาเรียวสวยสีน้ำตาลมองกราดคนบุกรุกอย่างอาฆาตแล้วยกขาอีกข้างเตรียมยันหัวหน้าของตัวเองให้ตกเตียงไปซะรู้แล้วรู้รอด!!
แรงคนเพิ่งตื่น แน่นอนว่าสู้แรงของคนที่เตรียมพร้อมมาอย่างดีไม่ได้ ลาร์เฟียร์จับขาข้างที่ยันมาของรัตติกรเอาไว้ขึ้นพาดบ่าของตนแล้วโน้มตัวลงไปคร่อมคนที่อยู่เบื้องล่าง ปลายจมูกของพวกเขาห่างกันไม่ถึงคืบ เจ้าพ่อหนุ่มจึงเห็นร่องรอยแดงซ่านที่พาดผ่านอยู่บนใบหน้าเรียวสวยนั่น
“ปล่อยผม ลาร์เฟียร์!”หนุ่มชาวไทยพูดผ่านไรฟัน ท่าทางในตอนนี้มันน่าอายเกินกว่าจะคิดออกมาเป็นภาพด้วยซ้ำว่าตัวเขาถูกทำอะไรอยู่ ใบหน้าคมแกร่งที่อยู่ห่างกันแค่เพียงฝ่ามือกั้นนั้นยังแตะแต้มไว้ด้วยรอยยิ้มของความขบขันเจือเอ็นดู และมันทำให้เขารู้สึกพ่ายแพ้และตกเป็นรองเสียยิ่งกว่าที่เคยเจอมา!!
“ไม่ปล่อย”เจ้าพ่อหนุ่มว่าเสียงเรียบ ดูเหมือนจากตอนแรกที่แค่คิดจะแกล้งให้รัตติกรอายตอนที่ตื่นมาแล้วถูกเขาลวนลามนิดหน่อยๆ พอเจ้าตัวทำท่าอายขึ้นมาจริงๆสมใจเขาแล้ว ดอนแห่งปาเลอร์โม่กลับหยุดตัวเองไม่ได้
อยากเห็นคนตรงหน้าอายเขาให้มากกว่านี้...
อยากเห็นท่าทางสู้ไม่ถอยแบบที่เขาชอบนักชอบหนานั่น...
เจ้าพระจันทร์เพียงดวงเดียวที่ไม่เคยยอมแพ้ต่ออะไรก็ตามดวงนั้น...
ไม่รู้ทำไม มันทำให้เขาละสายตาไปไหนไม่ได้เลย!
“นี่คุณ! จะเอายังไงกันแน่ฮะ? เมื่อวานผมก็บอกแล้วไงว่าอย่ามายุ่งกับผม หัวหน้ามาเฟียอิตาลี่น่ะฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องรึไง!”รัตติกรว่าเสียงเข้ม สบตากับเจ้าพ่อหนุ่มอย่างไม่กลัวเกรงก่อนจะเพิ่มแรงดิ้นของตัวเองให้รอดพ้นจากการถูกจับให้อยู่ในท่าแบบนี้โดยเร็วที่สุด
“ก็จะเอาเธอนี่ไง ลูน่า ฉันก็บอกไปแล้วนี่ว่าเอามาให้ฉันซะ เธอนั่นแหละพูดไม่รู้เรื่อง”ดอนแห่งปาเลอร์โม่เลิกคิ้วแล้วตอบกลับเจือกระแสขำขัน มือข้างหนึ่งละจากเรียวขาที่พาดอยู่บนบ่าลงมาคว้ามือเล็กสองคู่ที่ต่อยตีเขาเป็นพัลวัล และแน่นอนว่ารัตติกรสู้แรงเขาไม่ได้ เหลือแค่เพียงปากดีๆที่ยังว่าเขาอยู่ปาวๆนี่เท่านั้น
“ไม่ให้เว้ย! แล้วก็ปล่อยผมด้วย!”
“ก็ให้มาก่อนสิแล้วจะปล่อย”
รัตติกรเบิกตากว้างยิ่งกว่าเดิม ไอ้เจ้าพ่อนี่จะให้เขาเอาทั้งชีวิตมาแลกกับอิสรภาพแค่ชั่วครู่ชั่วคราวนี่นะ? ให้ก็โง่แล้ว!!
“ไอ้มาเฟียหื่น! ขืนให้คุณหมดแล้วผมจะเหลืออะไรไม่ทราบ? ไม่ได้โง่นะเว้ย!! ปล่อยผมเดี๋ยวนี้!”ลาร์เฟียร์มองรัตติกรที่ยังไม่ยอมลดละแล้วได้แต่อ่อนใจเล็กน้อย ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยต้องลงทุนมาขออะไรแบบนี้เลยด้วยซ้ำ เขาไม่รู้วิธีเรียกร้องขอสิ่งที่ต้องการมากไปกว่าการออกคำสั่งหรอกนะ
“เหลือฉันนี่ไง ไม่ปล่อยให้อยู่คนเดียวหรอกน่า สัญญาจะรักษาเธออย่างดี โอเคมั้ย?”ว่าจบก็ยกนิ้วก้อยขึ้นมาให้เห็น
“มะ...!!”พูดไม่ทันจบรัตติกรก็ดันต้องหยุดชะงัก สมองเพิ่งประมวลคำพูดของอีกฝ่ายจบริมฝีปากหยักหนาก็โน้มลงมาปิดกั้นคำปฏิเสธของเขาทันควัน หนุ่มชาวไทยหลับตาลงทันควันเมื่อพบว่าดวงตาสีสนิมคู่นั้นยังคงจ้องมองมาที่เขาอย่างแน่วแน่
มุ่งมั่นที่จะเอาชีวิตเขาให้ได้ซะจริงนะ...
“อื้อ...”เรียวลิ้นเชี่ยวชาญชักนำให้รัตติกรต้องหลบหนีไปตามกับดักที่อีกฝ่ายวางเอาไว้ มันอ้อยอิ่งแต่พัวพันไม่ยอมถอยห่าง ยิ่งปฏิเสธมากเท่าไหร่ สัมผัสที่ได้รับก็ยิ่งหวานล้ำจบวูบไหวในอก
จุมพิตแต่ละครั้งเหมือนบ่วงเชือกที่โยนมามัดเขาเอาไว้ให้หนีหายไปไหนไม่ได้
ยิ่งวิ่งหนี ยิ่งรัดแน่นขึ้นทุกที...
จนบางครั้งก็คิดว่าปล่อยให้มันรัดไปอยู่อย่างนี้ ก็ไม่น่าจะเป็นไร...
“ขอโทษที่ขัดจังหวะนะครับ”
“!!”
เสียงราบเรียบของฟราน เวคเตอร์ดังมาจากเบื้องหลังของบานประตู เป็นโชคดีที่อีกฝ่ายไม่เปิดเข้ามา เพราะท่าทางในตอนนี้มันล่อแหลมเสียจนรัตติกรคงไม่มีทางกลับไปมองหน้าฟรานได้อีกแน่ถ้าอีกฝ่ายมาเห็นเขาในสภาพนี้เข้า!
“ดอนครับ คุณชายอาราชิมาถึงที่เรือนใหญ่แล้ว ตอนนี้รออยู่ที่ห้องอาหารครับ”เสียงรายงานยังคงราบเรียบ พอให้รัตติกรโล่งใจได้เปลาะหนึ่งว่าเลขาคนเก่งคงยังไม่เห็นว่าข้างในห้องเกิดอะไรขึ้น
“อืม เดี๋ยวไป”ลาร์เฟียร์ละออกจากร่างของรัตติกรอย่างอ้อยอิ่ง เจ้าพ่อหนุ่มมองคนที่ยังหอบหน้าแดงอยู่บนเตียงแล้วยิ้มออกมาอีกครั้ง
สภาพหลังถูกจูบทีไรน่ากินทุกที...
“คุณลูน่าตื่นรึยังครับ”เงียบไปได้สักพักเลขาประจำตัวก็ส่งเสียงถามขึ้นมาอีกครั้ง
“ตื่นแล้วครับ!”ไม่รอให้ลาร์เฟียร์ได้ตอบรัตติกรก็ชิงส่งเสียงออกไปก่อนแล้วมองอีกฝ่ายอย่างคาดโทษ ลาร์เฟียร์เลิกคิ้วรับเล็กน้อยก่อนจะลุกออกจากเตียงไปในที่สุด
“ผมเอาชุดมาให้เปลี่ยนครับ ตอนที่พาคุณมาที่ห้องของดอนผมลืมหยิบมาด้วย ขอโทษนะครับ”
“ครับ ขอบคุณมากครับ”แต่จะดีกว่านี้ถ้าคุณไม่พาผมมาที่ห้องไอ้เจ้าพ่อนี่นะครับ!
“งั้นผมขออนุญาตเข้าไปนะครับ”
“เข้ามา”เจ้าของห้องส่งเสียงตอบกลับ ลาร์เฟียร์เดินไปหยุดที่ตู้เสื้อผ้าของตนแล้วคว้าสูทสีขาวที่แขวนเอาไว้ขึ้นมาใส่ พอดีกับที่ประตูห้องเลื่อนเปิดออก ฟรานที่แต่งตัวเรียบร้อยแล้วก็ก้าวเข้ามาในห้อง ในมือมีสูทเข้ารูปแบรนด์ดังสีควันบุหรี่อีกตัว และแน่นอนว่าเป็นชุดของรัตติกร
เลขาหนุ่มก้าวเท้ามาทางเตียงหลังกว้าง สูทในมือวางลงที่ปลายเตียงก่อนที่เขาจะใช้ดวงตาสีเขียวที่อยู่หลังกรอบแว่นมองของเล่นของรักของเจ้านายที่ยืนหันหน้าหนีไปทางอื่นอยู่ไม่ห่างเท่าไหร่แล้วได้แต่แอบยิ้มอยู่ในใจ
“ผมว่าผมลืมของอีกอย่างเอาไว้ เดี๋ยวกลับไปเอามาให้นะครับ”
“เอ๋? ก็ครบแล้วนี่ครับ?”รัตติกรเอ่ยแย้งฟรานที่เดินออกไปจากห้อง เลขาหนุ่มเพียงหันกลับมายิ้มกว้างแล้วยกนิ้วมือขึ้นเคาะเบาๆที่ต้นคอของตัวเองให้รัตติกรรู้ว่าเขาจงใจจะสื่อถึงอะไร
“ผมว่าคุณอยากได้ผ้าพันคอดีๆอีกสักผืนนะ”
“อากาศก็ไม่หนาวมากนี่ครับ?”หนุ่มชาวไทยยังคงไม่รู้ว่าเลขาคนเก่งของเวสเปอร์แฟมมิลี่ต้องการจะสื่ออะไร ฟรานแค่เพียงหันกลับมายิ้มให้อีกครั้งแล้วเลื่อนประตูปิด แต่ก่อนไปก็ยังทิ้งอีกประโยคเอาไว้ให้รัตติกรได้คิดทิ้งท้าย
“ลองถามดอนดูสิครับว่าทำไม”
ร่างเพรียวหันขวับกลับมาจ้องเจ้าพ่อหนุ่มที่ยืนกอดอกยิ้มมองเขาจากฝั่งของตู้เสื้อผ้า กระจกบานสูงที่สะท้อนภาพแผ่นหลังกว้างของลาร์เฟียร์ค่อยๆถูกเผยออกมาเมื่อเจ้าของร่างขยับตัวเพื่อหลีกให้คนที่ยืนอยู่ห่างกันได้มองเห็นภาพสะท้อนของตนเอง
“!!”
“พอดีฉันเป็นคนหวงของ...ต้องประทับตราไว้ก่อนว่าคนอื่นน่ะไม่มีสิทธิมายุ่มย่าม”มือแกร่งเคาะที่ต้นคอของตัวเองเลียนแบบท่าของฟราน รัตติกรมองตัวเองที่สะท้อนในกระจกก็ได้แต่ตกตะลึง
เพราะภาพที่สะท้อนคือรอยช้ำสีแดงอ่อนถูกประทับอยู่เต็มต้นคอของเขา!!ไอ้พวกมาเฟียเจ้าเล่ห์เอ๊ย!____________________________________________________
ปล่อยให้ป๋าจีบพระจันทร์ไปอีกตอน ส่วนผมขอไปนอนก่อนครับเดี๋ยวกลับมาเม้า
ตอนนี้พิมพ์ไปแล้วปวดตาจังครับ แบบ เหมือนความดันตาขึ้น เง้อ...
ยังไงก็ราตรีสวัสดิ์นักอ่านที่รักทุกคนนะครับ
Namioto Yo
ปล.ตีสี่ครึ่งแล้วครับพี่น้อง ฮิ้วว