"รัก........เชิญครับ" จบแล้วค่ะ ย้ายได้เลย >>> รายละเอียดเปิดจองหนังสือ {20/7/55} ByAeaw
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: "รัก........เชิญครับ" จบแล้วค่ะ ย้ายได้เลย >>> รายละเอียดเปิดจองหนังสือ {20/7/55} ByAeaw  (อ่าน 512098 ครั้ง)

ออฟไลน์ TheWanFah

  • ความใกล้ชิด บางครั้ง ทำให้เราเผลอคิดไปเอง
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
ยินดีต้อนรับพี่หมอสัตว์ค่ะ
 :call: :call:

little_nok

  • บุคคลทั่วไป
พูดน้อยต่อยหนัก
แล้วจะจีบกันยังไง
คาดว่าคงจะใช้ภาษากาย
มาอีกแล้ว พระเอกมาดนุ่ม ลุ่มลึก
นายเอกผู้อ่อนโยน อ่อนไหว
อยากอ่านต่อเยอะๆ แล้วค่ะ :o8:

ออฟไลน์ nutjung19

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 154
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
พี่หมอ จะเจอเนื้อคู้แล้ว เย้ๆ



Y2Y

  • บุคคลทั่วไป
รัก...เชิญครับ 2


เช้านี้....

ผมตื่นขึ้นมาด้วยเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นแต่เช้ามืด ตีสี่ ได้มั้ง

“081-xxxxxxx”

ไม่มีชื่อ ระบุว่าเป็นเบอร์ของใครคนไหนที่ผมบันทึกเอาไว้ในเครื่อง ทว่าผมก็รู้ว่าหมายเลขที่คุ้นตา
จำขึ้นใจ ว่าเป็นของใคร

‘น้องลม’

และนี่คือเหตุผลที่ทำให้ผมมายืนอยู่หน้าร้าน  “เชิญครับ”  พร้อมกับกาแฟปั่นแก้วใหญ่
 ที่ผมเข้าใจว่าตัวเองสั่งแก้วเล็กและจ่ายไปในราคาแก้วเล็กเช่นกัน แล้วทักเจ้าของร้านไปด้วยคำถามที่ว่า

“เมื่อคืนร้องไห้มาหรือครับ?  ตาบวมเชียว”

ผมถาม เสียงหัวเราะดังขึ้นมาทันทีลูกน้องคนสนิท ชื่อว่าแดน ส่วนคนที่ผมเอ่ยทัก ก็อ้าปากค้าง มือคลำหน้าตัวเองไปด้วย ก่อนจะหันไปทำหน้ายักษ์ใส่คนที่หัวเราะตัวเอง

“ไปทำงานได้แล้ว”

“ครับบอสสสส”

ที่ผมเห็นคือบอสของเด็กแดนทำหน้าโหดใส่   ที่ดูแล้วไม่น่ากลัวเลยในสายตาผม รวมถึงเด็กแดนด้วย เพราะผมเห็นว่ายังยิ้มร่าได้อยู่  ก่อนจะถอยหลังเดินกลับเข้าไปในร้าน ตอนนี้เหลือผมกับเจ้าของร้านแค่สองคน ผมรู้สึกผิด ผมไม่น่าถามคำถามที่ทำให้อีกฝ่ายอาย ดูหน้าก็รู้ว่า  “คุณฟ้า”  อายที่ถูกผมถาม แต่มองตากลมๆ  นั้นก็ทำให้ผมรู้เหมือนกันว่า  “ไม่ได้โกรธ”  ที่ถูกทัก

จากการเป็นลูกค้าประจำของร้านเชิญครับมากว่าหกเดือน ทำให้พอรู้ว่าเจ้าของร้านว่าเป็นชายหนุ่มที่...

‘ใจดี’ เป็นสิ่งที่เห็นอยู่บนหน้า

‘ใจเย็น’ เป็นสิ่งรู้ เมื่อได้คุยกัน (แม้จะนับครั้งได้ที่พูดคุยกัน แล้วก็คุยกันแบบลูกค้ากับเจ้าของร้านเท่านั้น)

ความจริงผมไม่ได้ตั้งใจถาม แต่ปากมันดันไวเกินไป รู้ว่ามันไม่สมควร หากก็แก้ไขอะไรไม่ได้

เหมือนเหตุการณ์ เมื่อวาน ตอนกลางวัน ตรงหน้าร้าน  “เชิญครับ”  ที่ผมบังเอิญอยากจิบกาแฟร้อนสักแก้วให้หายง่วง
แล้วก็บังเอิญเจอเจ้าของร้านยืนน้ำตาไหลอาบหน้า อยู่ตรงหน้าผู้ชายคนหนึ่ง คุ้นหน้าอยู่บ้าง ที่ผมพอจะเดาได้ถึงความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่และเรื่องอะไรที่ทำให้ใบหน้าขาวขึ้นสีช้ำ  เต็มไปด้วยน้ำตา ขณะที่อีกคนยืนเอามือล้วงกระเป๋าแล้วหันหน้าหนี แต่หน้าที่หันนั้นมองมาทางผม ก่อนจะหันกลับอีกครั้ง พูดอะไรกับคุณฟ้าที่ผมได้ยินไม่ค่อยชัด หากก็จับบางคำพูดแล้วเดาเป็นเนื้อความได้ว่า

“ผมขอโทษ”

“ขอบคุณที่รักกัน”

“ผมมันเลว”

“ส่วนคุณมันดีเกินไป”

“ลืมผมเถอะนะฟ้า”

“สักวันจะมีคนที่ดีกว่าผม เดินเข้ามาในชีวิตของฟ้า”

“เขาจะรักฟ้า มากกว่าที่ผมรัก”

“เขาจะไม่ทำให้ฟ้าเสียใจ เหมือนที่ผมทำให้ฟ้าเสียน้ำตาในวันนี้”

ส่วนคนที่ถูกวางฐานะว่าดีเกินไป และขอให้ลืมคนเลวๆ คนหนึ่งไปจากชีวิต ยืนมองหน้าคนพูด พร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบหน้า ปากขยับจะพูดแต่ก็ไม่เคยมีคำพูดใดหลุดออกมา

“ผมขอโทษ”

เหตุการณ์ต่อจากคำพูดพวกนี้ ผมก็ไม่รู้แล้วว่าเป็นยังไง เพราะผมก็ยังเป็นคุณหมอสัตว์ที่มีมารยาทพอ ที่จะไม่ยืนฟังคนรักเค้าบอกเลิกกัน

ผมเดินเข้าไปในร้านที่เต็มไปด้วยลูกค้า  มีหลายคนและหลายกลุ่มที่นั่งอยู่ริมกระจกใส  ด้านที่คนทั้งสองคนยืนอยู่  ถึงจะมีกระถางต้นไม้ตั้งเป็นแนวตามความยาวของผนังกระจก แต่มันก็สูงแค่อกของคนที่นั่งอยู่ในร้าน  ภาพเหตุการณ์นั้นจึงเป็นที่สนใจของลูกค้าที่สายตามองไปเห็น  หรือแม้แต่จะยืดคอมองก็ตาม แต่ก็คงได้แต่ภาพที่ไร้เสียง  ส่วนผมคงได้แต่ห้ามความอยากรู้ของตัวเองเอาไว้ เลือกที่จะนั่งไปอีกมุมหนึ่งที่ไม่มีทางได้เห็นเหตุการณ์ผ่านกระจกใส   เมื่อกาแฟร้อนแก้วเล็ก (ตามที่ผมสั่ง) ถูกส่งจากมือของเด็กแดน  ที่ใบหน้าบอกอาการอย่างมากว่า ‘อยากไปกระชากตัวแฟนหนุ่มของเจ้านายมากระทืบใจจะขาด’

ถ้าผมดูไม่ผิด สายตาของเด็กแดนที่มองเจ้านายหนุ่มในทุกครั้งที่ผมเห็น (และบังเอิญว่าผมเห็นบ่อยมาก เรียกว่าทุกครั้งที่มาที่นี่)  มันมีความหมายมากกว่าสิ่งที่เจ้านายหนุ่มอย่างคุณฟ้ารู้

รึว่ารู้?  แต่แกล้งไม่รู้  อันนี้ผมก็ไม่แน่ใจ


“ครับ.....ร้องจนถึงเช้าเลยครับ”

ก่อนที่ผมจะนึกย้อนไปไกลถึงเหตุการณ์ที่คุณฟ้าเดินกลับเข้ามาในร้าน  ในสภาพที่เรียกสายตาลูกค้าทุกคนในร้าน ไม่เว้นแม้แต่ผม พร้อมกับการโอ๋ของลูกน้องทั้งสองคน เสียงตอบแบบเบาๆ  ก็เรียกความคิดผมให้กลับคืนมา

นอกจากจะใจดี ใจเย็นแล้ว คุณฟ้าก็ยังคงเป็นคนที่ตอบทุกคำถาม  แม้คำตอบจะทำให้ความอายผุดอยู่ใบหน้าเนียนๆ นั้น   ตากลมบวมช้ำแต่ก็ยังดูมีชีวิตชีวา และเต็มไปด้วยความเป็นมิตรกับผม ตามนิสัยที่เป็น

ยินดีที่จะทักทายกับใครทุกคน

“ไปเที่ยวทะเลกันไหมครับ”

ตาบวมๆ ทำให้ผมเอ่ยชวนออกมาอย่างที่ใจคิด  คนอกหัก อะไรจะดีไปกว่าการไปเที่ยวทะเล (มีคนบอกผมมาอย่างนี้)

“หาาาา ? “   ตากลมๆ เบิกกว้าง ดูแปลกใจกับคำชวนของผม   เป็นใครก็ต้องเป็นล่ะ จู่ๆ มีคนมาชวนไปเที่ยว   ทั้งที่ไม่ได้สนิทชิดเชื้อพอที่จะไปไหนด้วยกันได้เลย

“คุณหมอชวนผมไปทะเล?”

“ครับ”

ผมคิดว่าคุณฟ้าคงแปลกใจไม่น้อย  ที่ผมชวนไปเที่ยวทะเลด้วยกัน  มันก็คงแน่ล่ะ  ก็ผมกับคุณฟ้าไม่ได้สนิทกันถึงขนาดจะชวนกันไปเที่ยวไหนกันได้   เราสองคนก็แค่ลูกค้าคนหนึ่งกับเจ้าของร้านคนหนึ่ง  ที่เห็นกันก็ยิ้มทัก  พูดก็ก็ด้วยเรื่องของลูกค้าที่สั่งกาแฟหรือไม่ก็จ่ายเงิน นอกเหนือจากนั้นไม่มีครับ

คุณฟ้าพูดน้อย  ส่วนผมก็พูดน้อยกว่าคุณฟ้าไปนิด

“ครับ ไปไหมครับ?”

ผมถามย้ำเอาคำตอบ ไม่ได้หวังว่าคุณฟ้าจะตอบตกลง แต่ผมก็ไม่อยากได้คำปฏิเสธ  เมื่อผมคิดได้ว่า ถ้าจะมีใครสักคนไปด้วยกับผม  ตากลมหรี่ลงเหมือนใช้ความคิดอยู่สักพัก  เป็นพักที่นานเหมือนกัน แล้วผมก็ได้คำตอบที่พอใจจากคนตรงหน้า เจ้าของดวงตากลมเป็นประกายใสเหมือนดาวที่พราวระยิบบนท้องฟ้า

โลกจะสดใสครับ  ถ้าใครได้สบตาเป็นประกายของคุณฟ้า 

“ครับ”

“ครับ นี่แปลว่า ตกลงจะไปด้วยกันใช่ไหมครับ”

“ครับ”

รู้สึกดีครับ ที่ไม่ถูกปฏิเสธ แอบแปลกใจนิดหน่อยที่คุณฟ้าตอบตกลงง่ายๆ (แต่ก็ใช้เวลาคิด)  ไม่ถามหรือสงสัยเลยว่าทำไมผมถึงเอ่ยปากชวน แล้วไปทะเลที่ไหน ไปยังไง พักที่ไหน และที่สำคัญมีใครไปบ้าง

“แล้วจะไปวันไหนครับ ผมจะได้เตรียมตัวได้ทัน”

นึกว่าจะไม่ถามซะแล้วครับ

“วันนี้ครับ”

“หาาา! วันนี้!!”

เอาอีกแล้วครับ ตากลมเบิกกว้าง ไม่ใช่แปลกใจนะครับ แต่ตกใจมากครับ คงคิดแค่ว่าผมชวนไปทะเล แต่คงไม่คิดว่าจะชวนวันนี้ แล้วต้องไปวันนี้เลย เลยตอบตกลง  ผมยกข้อมือขึ้นมาดูนาฬิกา อีกไม่ถึง 20 นาทีก็ถึงเวลาที่น้องลมจะมารับผมแล้ว

“ครับ  วันนี้ แล้วก็อีก 30 นาทีออกเดินทาง คุณฟ้าว่าไงครับ สะดวกไหมครับ”

“หืออออออ  สะดวกไม่สะดวก ก็รับปากแล้วนี่ครับ”

คราวนี้คุณฟ้าลากเสียยาวเลยครับ  คงเหนื่อยกับคำบอกของผม หรือไม่ก็ไว้อาลัยให้กับความไม่คิดของตัวเอง  ที่ตกปากรับคำแบบไม่ถามรายละเอียดอะไรเลย ว่าจะไปที่ไหน ไปยังไง ไปกับใคร ไปวันไหน ไปตอนไหน  ถ้าถาม ผมก็พร้อมจะบอก ไม่ปล่อยให้ตกใจหลายๆ รอบแบบนี้หรอกครับ

“ถือว่าพักผ่อนครับ”

“ครับ ว่าแต่เราจะไปที่ไหนครับ แล้วไปกี่วัน ”

สงสัยคุณฟ้าคงคิดได้ว่าควรจะถาม  ถึงแม้จะเป็นคำถามตามมาหลังคำตอบตกลงไปแล้วก็ตาม ไม่ว่ากันครับ ถามมาก็ตอบไป

“  ทะเลจันครับ  ถ้านับรวมวันนี้ก็คง 3 วัน 2 คืน มีเพื่อนของผมไปด้วย 4 คนครับ แต่อีก 2 คนจะตามไปพรุ่งนี้ครับ”


“ไปเยอะเหมือนกันนะครับ แล้วถ้าผมไปด้วย มันจะดีเหรอครับ”

“ไม่หรอกครับ”

“แต่ผมเกรงใจน่ะครับ  ที่รับปากไปตอนแรกก็นึกว่าคุณหมอไม่มีเพื่อนไปด้วย  เลยเชิญผมไปด้วยกัน จะได้ไม่เหงา  แต่พอรู้ว่าคุณหมอมีเพื่อนไปด้วย  แถมยังเยอะขนาดนี้ด้วย ผมเกรงใจน่ะครับ”

คุณฟ้าย้ำคำว่า “เกรงใจ”  ถึงสองหน  ประมาณว่าเกรงใจสุดๆ  แล้วสีหน้าก็บ่งบอกว่าเกรงใจสุดๆ เช่นกัน

“ไม่เป็นไรครับ ไปด้วยกัน ถือเสียว่าได้พักผ่อนไงครับ  หกเดือนมาเนี้ย เห็นยีนบอกว่าคุณไม่เคยพักเลยสักวัน”

เรื่องนี้น้องยีนเป็นคนบอกผมเองครับ มีหลายเรื่องเกี่ยวกับคุณฟ้าที่ผมได้ยินจากปากของน้องยีน ทั้งที่ผมไม่ได้อยากรู้เลย แต่ก็กลับเป็นเรื่องที่ผม “ต้องรู้” มาตลอดหกเดือนที่เป็นลูกค้าประจำของร้านเชิญครับ

“แต่.....”

“รับปากผมแล้วนะครับ”

ต้องรีบดักทางไว้ก่อนครับ ดูจากหน้าที่เริ่มคิดมากนั่นแล้ว กลัวจะเปลี่ยนใจ  คุณฟ้าเบือนหน้าหนีเหมือนกำลังหลบสายตาแกมบังคับของผม  เพื่อจะได้ใช้ความคิดว่าควรเอายังไงกับตัวเองดี  ผมเลยได้มองหน้าคุณฟ้าแบบชัดๆ และนานๆ  (แม้นาทีเดียวก็เอาครับ)  แบบไม่ต้องเกรงอกเกรงใจใคร เพราะถือว่าผมมองแบบรอคำตอบละกันครับ 

ใบหน้าที่ผมและใครอีกหลายคน หรืออาจจะทุกคนก็ได้ครับ  ที่ได้เจอคุณฟ้า ได้มอง คิ้วเล็กๆ ขนตายาวๆ ตากลมๆ  จมูกรั้นๆ กับปากบางๆ ที่วางอยู่บนโครงหน้าได้รูป
 คงปฏิเสธไม่ได้ว่า “น่ารัก”  พอๆ กับคำว่า “น่ามอง”

ไม่ว่าหญิงหรือชายก็ต้องหันกลับมามองครับ ดูอย่างเมื่อครู่สิครับ  ตั้งแต่ตอนที่ผมยืนคุยกับคุณฟ้าอยู่เยื้องๆ หน้าร้าน ลูกค้าประจำร้าน  “เชิญครับ”  ที่เดินผ่านเข้าไปในร้านและเดินผ่านออกมาจากร้าน ก็ทำท่าเหมือนจะเข้ามาคุยด้วยเสียทุกคน  แต่ยังคงมีมารยาทพอที่จะแค่อยาก แล้วทำได้แค่พยักหน้าทักทาย (ทั้งหญิงทั้งชายครับ)  ส่วนคุณฟ้าก็ยิ้มรับ บางครั้งก็ยิ้มทักทายก่อนด้วยซ้ำ ตามมารยาทของเจ้าของร้านที่ดี แต่ให้ผมคิดมากกว่านี้  ลูกค้าที่เดินผ่านไปผ่านมา ดูเหมือนจะมีอะไรมากกว่าการทักทายธรรมดา เหตุผลก็คงมาจากเหตุการณ์เมื่อวาน

เหตุการณ์ที่ทำให้ “คุณฟ้าเป็นโสด”

ดอกไม้พันธ์ไหนที่ได้รับยกย่องว่ามีกลิ่นหอมที่สุดในโลก คงหอมสู้คุณฟ้าตอน “โสด” ไม่ได้อีกแล้ว

แล้วตอนนี้ “ดอกฟ้ากลิ่นหอม” ก็หันกลับมาให้คำตอบที่ใช้เวลาคิดเกือบนาทีแน่ะครับ ไม่น่าจะใช่คำตอบด้วยซ้ำ เรียกว่าคำซ้ำๆ แบบเดิมๆ มากกว่า

“แต่ว่าเพื่อนคุณหมอจะไม่ลำบากใจหรือครับ  ที่คุณหมอพาผมไปด้วย  คนไม่รู้จักกัน ไปด้วยกัน งานจะกร่อยเอานะครับ  แล้วผมก็ไม่ใช่คนพูดเก่ง เดี๋ยวจะทำให้หมดสนุกไปซะเปล่าๆ ”


“เหลืออีกไม่ถึง  20  นาทีแล้วนะครับคุณฟ้า”  ไม่ไหวครับ ปล่อยให้คุณฟ้าพูด  ก็คงวนเวียนอยู่กับแค่คำว่า “เกรงใจ”  ไม่ได้อยากบังคับให้ต้องไปด้วยกัน  แต่เมื่อชวนไปแล้ว แล้วคุณฟ้าก็ตอบตกลงไปแล้วในตอนแรก มันเลยทำให้ผมอยากให้คุณฟ้าไปด้วยกัน

มันดีต่อคนถูกชวน ที่จะได้พักผ่อนบ้าง

แล้วมันก็ดีต่อคนชวนอย่างผม อย่างน้อย ผมก็ยังมีคนที่พอจะช่วยให้สามวันกับสองคืนของผมไม่ทรมานเกินไป

“แต่......”

ทำเหมือนจะแย้งครับ แต่ก็หยุด

“ครับ” คำตอบที่ผมพอใจถูกส่งมาพร้อมกับยิ้มแห้งๆ ของคุณฟ้าครับ น่ามองไปอีกแบบ ทุกทีเห็นแต่ยิ้มหวานหรือไม่ก็ยิ้มที่ทำให้โลกของคนมองสดใส

“ดีครับ” พูดง่ายๆ หน่อย ให้เหมือนกับตอนที่รับปากกับผมตอนแรก   ไม่เห็นจะคิดอะไรมากเลย แสดงว่าถ้าไปกับผมแค่สองคนคงไม่มีปัญหาอะไร  นึกขอบคุณความใจดีของคุณฟ้าไม่ได้ ถ้าเหตุผลที่ตอบตกลงไปเที่ยวกับผม เพราะคิดว่าผมไปคนเดียว กลัวผมเหงา เลยยอมไปเป็นเพื่อน

“งั้นผมขอตัวเข้าไปในร้านก่อนนะครับ ต้องบอกแดนกับยีน ไม่รู้จะโดนบ่นหรือเปล่า”

ประโยคหลังดูจะพูดกับตัวเองมากกว่า กลัวโดนลูกน้องบ่น  มีเจ้านายที่ไหนเป็นแบบนี้บ้าง ผมว่าเด็กสองคนนั้นคงจะดีใจมากกว่า   รู้ๆ กันอยู่ว่าเจ้านายของตัวเอง ไม่เคยได้หยุดพักแม้แต่วันเดียว แม้แต่ตอนป่วยยังหอบสังขารมาให้ลูกน้องอย่างน้องยีนบ่น  ที่ผมรู้เพราะวันนั้นผมอยู่ในเหตุการณ์พอดีครับ เห็นน้องยีนบ่นเจ้านายไม่หยุด  ฝ่ายเจ้านายก็ทำหน้าเหมือนเด็กห้าขวบโดนแม่ดุ อดคิดไม่ได้ว่าใครเป็นเจ้านายใครเป็นลูกน้องกันแน่ ส่วนเด็กแดนก็ค่อยประคบประหงมไม่ยอมห่าง  งานการแทบไม่ทำ โดนน้องยีนบ่นเป็นรายที่สอง ผมได้แต่นั่งขำ  วันนั้นร้านทั้งร้านวุ่นวายไปหมด ขาดคนทำงานไปถึงสองคน จนผมต้องสวมบทบาทเป็นพนักงานจำเป็นช่วยเสิร์ฟ ช่วยเช็ด และจบลงด้วยช่วยล้าง

“ ครับ เดี๋ยวผมไปเอารถมาก่อนนะครับ จะได้พาคุณฟ้าไปเก็บกระเป๋าที่คอนโด”

“แต่.....”

“  ‘แต่’ เยอะเกินไปแล้วนะครับคุณฟ้า อีก 15 นาทีครับ”

“ครับๆ” ทำหน้ายุ่งครับ ครั้งแรกที่ผมเห็นคุณฟ้าทำหน้ายุ่ง เหมือนเด็กโดนขัดใจ 


คุณเดินหายเข้าไปในร้านแล้วครับ ผมเลยหันหลังกลับ ข้ามถนนที่กั้นระหว่างคลินิกสัตว์กับร้านกาแฟ คลินิกยังไม่เปิดแต่ผมก็ฝากงานไว้กับเพื่อนหมออีกสองคนเรียบร้อยแล้ว  หลังจากที่วางสายจากน้องลม พร้อมกับรับปากว่าจะไปเที่ยวด้วยกัน

หวังว่าสามวันกับสองคืนบนเกาะมันนอก คงผ่านไปได้ด้วยดี .....

ความรู้สึกเดิมๆ จะถูกทดสอบอีกครั้ง ว่ามันแค่ “หลงลืม” หรือ “จางหาย”

ตั้งแต่เหตุการณ์วันนั้น หน้าห้องในคอนโดหรู  ผมก็ไม่ได้เจอหน้าน้องลมอีกเลย มีเพียงเสียงที่ส่งมาทักทายเป็นบางครั้ง
.
.
.
.
.



ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
เห้อ....พี่หมอ
เอาล่ะ งานนี้คนอกหักสองคน มาอยู่ด้วย คงจะเห็นใจกันดีอะนะ
อยากให้พี่หมอกับคุณน้ำฟ้า ได้แชร์โมเม้นท์ด้วยกันจังเลย

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16

WhatLoveIs

  • บุคคลทั่วไป
เย้ พี่หมดจะมีคู่แล้ว

รอติดตามนะคะ

ออฟไลน์ nongrak

  • ยังไงก็รักคาเมะจังที่สุด
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +912/-14
คู่ของพี่หมอนี่พูดน้อยและเกรงใจจนพี่หมอต้องพูดเหมือนบังคับเลย

ออฟไลน์ i_ang

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 566
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-0
    • เพจนิยาย
เค้าจิ้มบวกได้แย้วววว ดีใจจจจ วันนี้ที่รอคอยยยยย
แต่ว่า  :sad4: เค้าจิ้มให้ได้แค่ 2 คนเท่านั้นนนนนน ใช่ไหม? จิ้มอีกทีเออเร่อไปแระ
อยากจิ้มให้ทุกคนเน้ๆๆๆๆๆ

แต่จะมาจิ้มให้ทุกวันแระกันนะคะ ขอบคุณที่ยังติดตามคุณหมอกับน้ำฟ้านะคะ 
ปล.ไปจิ้มอีกเรื่องดีกว่า อันนี้จิ้มได้ไม่มีลิมิตใช่ไหม อิอิ ดีจายยจิ้มได้แย้ววว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-06-2011 20:47:43 โดย i_ang »

Y2Y

  • บุคคลทั่วไป
เค้าจิ้มบวกได้แย้วววว ดีใจจจจ วันนี้ที่รอคอยยยยย
แต่ว่า  :sad4: เค้าจิ้มให้ได้แค่ 2 คนเท่านั้นนนนนน ใช่ไหม? จิ้มอีกทีเออเร่อไปแระ
อยากจิ้มให้ทุกคนเน้ๆๆๆๆๆ

แต่จะมาจิ้มให้ทุกวันแระกันนะคะ ขอบคุณที่ยังติดตามคุณหมอกับน้ำฟ้านะคะ 
ปล.ไปจิ้มอีกเรื่องดีกว่า อันนี้จิ้มได้ไม่มีลิมิตใช่ไหม อิอิ ดีจายยจิ้มได้แย้ววว

ดีใจด้วยนะ  แล้วจะไปรอบวกจากทะเลหวาน  แต่ตอนนี้เอาบวก 1 จากพี่ไปก่อนนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






Margarin_Butter

  • บุคคลทั่วไป
คนอกหัก 2 คนมาเจ๊อะกัน
จะเป็นยังไงต่อไป

 :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ mascot

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1499
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +123/-10
พี่หมอรุกก่อนนี่เอง ถึงจะพูดน้อยกว่าแต่ก็ชวนไปแล้ว
คู่อกหักมาเจอกัน

snice_cz

  • บุคคลทั่วไป
เย้ พี่หมอมีคู่ละ พูดน้อยมาเจอกันจะเป็นไงนะ ?? รอต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ nongrak

  • ยังไงก็รักคาเมะจังที่สุด
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +912/-14
รออ่านอยู่นะค่ะ มาต่อด่วนด้วยจ้า  อิอิ

ออฟไลน์ PEENAT1972

  • Red Rhino
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +563/-106

Y2Y

  • บุคคลทั่วไป
รัก...เชิญครับ 3

เรื่อยๆ มาเรียงๆ เดินเคียงๆ ไปด้วยกัน

“ได้ไงครับบอส จะหนีงานไปเที่ยว ผมไม่ยอม พวกผมก็เหนื่อยแย่สิครับบอส ไม่เอา ไม่ยอม ถ้าบอสอยากเที่ยวทะเล เอาไว้วันหยุดยาว เราค่อยไปกันนะครับ”

แดนโวยวายเสียงดังจนลูกค้าในร้านที่มีอยู่ประมาณสิบคนหันมามองเป็นตาเดียวกัน หลังจากที่ผมบอกว่าจะไปเที่ยวทะเลกับคุณหมอสัตว์ ก่อนจะโดนมืออูมๆ
ของยีนโบกท้ายทอยไปหนึ่งที พร้อมคำสวดเล็กๆ

“จะโวยวายทำไมห๊ะ พี่ฟ้าเจ้าของร้านนะคะคุณแดน ไม่ใช่ลูกน้อง แล้วตั้งแต่เปิดร้านมา คุณแดนเคยเห็นพี่ฟ้าได้พักบ้างไหม ทั้งที่คุณแดนก็หนีงานเป็นว่าเล่น”

“ฉันหนีงานคนเดียวที่ไหน คุณยีนก็เหมือนกันนั่นแหละ”

“ก็ใช่ ไม่ได้เถียงนิ”

ยีนยักไหล่ไม่สนใจ รายนี้เค้าไม่เคยแคร์อะไรอยู่แล้ว  

“ไปเถอะค่ะพี่ฟ้า ไม่ต้องห่วงนะคะ ยีนจะดูแลร้านเหมือนเป็นร้านของตัวเองค่ะ จะไม่คิดเงินผิด จะไม่ทอนเงินเกิน จะเปิดร้านแปดโมงตรง ปิดสองทุ่มเป๊ะ รับรองด้วยเกียรติสาวสวยแห่งร้านเชิญครับเลยค่ะ “

“ขอบใจมากนะยีน พี่ฝากร้านด้วย แล้วจะรีบกลับมา” ยีนทำให้ผมอุ่นใจ ไม่รู้สึกผิดที่หนีงานไปเที่ยว ตั้งแต่เปิดร้านมา ไม่เคยมีสักวันที่ผมจะไม่มาทำงาน ครั้งนี้ครั้งแรก
 ใจมันเลยรู้สึกหายๆ เหมือนต้องจากกันไปไกล

“บอสครับ ไม่ไปไม่ได้เหรอครับ”

แดนพูด ไม่โวยวายแล้ว หันเอาเหตุผลเข้าว่า

“บอสไม่อยู่ พวกเราก็เหนื่อยนะครับ จากสามคนเหลือสองคน ขนาดสามคนยังเหนื่อยสุดๆ แล้วเหลือสองคน เห้ออออ ไม่อยากจะคิด”

พูดอย่างนี้ ผมก็รู้สึกผิดสิครับ เกือบจะใจอ่อน เดินออกไปบอกคุณหมอที่เลี้ยวรถมาจอดรอผมอยู่ข้างร้านแล้ว ถ้ามืออูมๆ ของยีนจะไม่โบกกะโหลกแดนอีกครั้ง ไม่อยากจะคิดนะครับว่า ตอนผมไม่อยู่สองคนนี้จะทำร้านพังหรือเปล่า (แดนกับยีนเป็นลูกพี่ลูกน้องกันครับ เถียงกับทะเลาะกันได้ทุกวัน มีผมเป็นกรรมการห้ามตลอด)

“นี่ยังจะไม่จบใช่ไหม โน้น เห็นมะ ลูกค้าเรียกแล้ว ไป ไปหาลูกค้าเดี๋ยวนี้เลย”  

“คุณยีนครับ กรุณารักษามารยาทด้วยนะครับ ไม่เห็นเหรอครับว่าผมกำลังคุยกะบอส คุณยีนยืนว่างๆ ก็ไปสิครับ” หันไปว่ายีน

“จะไปหรือไม่ไป หรือจะให้ฉันบอกพี่ฟ้าว่านายกำลังคิดมะ....”

“ไปๆๆๆ ไปแล้ว”

ยังพูดไม่จบครับ ก็โดนแดนตะครุบปากเอาไว้ให้ให้พูด เป็นแบบนี้มาหลายหนแล้ว ที่ยีนพูดแบบนี้ แล้วเอาแดนอยู่ทุกครั้ง อยากรู้ครับว่ามันคืออะไร เพราะอย่างน้อยก็มีผมอยู่ในเนื้อหาขู่นั่นด้วย เคยถามยีนแต่ยีนไม่ยอมบอก เอาแต่ยิ้ม บอกแต่ว่าอีกหน่อยผมก็จะรู้เอง เพราะความลับไม่มีในโลก โดยเฉพาะความลับของนายแดนชัย

อีกหน่อยเนี้ย มันกินเวลามาเกือบห้าเดือนแล้ว ผมเลยเลิกอยากรู้ ปล่อยให้เป็นเรื่องของเด็กๆ แล้วกัน ดีเหมือนกันเพราะมันทำให้ยีนเอาแดนอยู่

“งั้นก็ไปสิคร้าคุณแดน ลูกค้ารอนานแล้ว”

“อย่าให้ฉันรู้ความลับของเธอบ้างละกัน ยีน!” แดนอาฆาตครับ ก่อนจะเดินกระแทกเท้าหน้ายุ่งออกไปหาลูกค้า ผมละกลัวว่าลูกค้าจะตกใจกับหน้าบึ้ง พาลจะไม่กล้าสั่งอะไร มองตามไปก็เห็นว่าแดนปั้นหน้ายิ้มแย้มที่ทำเอาลูกค้าในชุดพยาบาลสีขาวจิกทึ้งตัวเองไปหลายที

ผมบอกไปแล้วใช่ไหมครับว่า แดนเสน่ห์แรงมาก มีสาวสวยหลายรายมาตบกันเพื่อแย่งแดนถึงหน้าร้าน

“แต่บอสคะ คิดยังไงถึงไปกับคุณหมอได้คะ” ยีนถาม ท่าทางอยากรู้ ตามประสา ไม่มีอะไรที่เธอไม่อยากรู้ นอกจากเรื่องเวลาเข้างาน สายประจำ

“คุณหมอชวน”

“แค่เนี้ย” ถามเหมือนไม่เชื่อ “นึกว่าอกหักเลยอยากพักใจ”

“อืมม ก็นิดหน่อย” บอกไปตามตรง ไม่คิดจะเปิด

“ให้คุณหมอรักษาให้ไหมค่ะ รักษาหมายังหายเลย รักษาคนอกหักคงสบายๆ” ว่าแล้วก็หัวเราะคิกคัก สายตานี้เปี่ยมสุขสุดๆ ผมพอจะรู้ ไม่ใช่สิ ต้องบอกว่าเลยล่ะว่า สาวยีน
 ลูกน้องคนเก่งของผมเป็นสาววาย (สนับสนุนให้ผู้ชายรักกัน) และตอนนี้คงกำลังคิดจะจับคู่ผมกับคุณหมอพิษณุ ตอนแรกผมไม่รู้จักครับว่า “สาววาย” คืออะไร ตอนที่ยีนบอกผมว่าเธอเป็นสาววาย ผมก็งงๆ ไม่เข้าใจ ว่าสาววายคืออะไร เจ้าตัวก็บอกให้ผมไปถามลุงกูล (กลูเกิล) เอาเอง ผมเลยได้คำตอบ แต่อดแปลกใจไม่ได้ครับว่า เมื่อยีนเป็นสาววาย สนับสนุนให้ผู้ชายรักกัน แล้วทำไมถึงไม่สนับสนุนให้ผมคบกับนนท์

แต่ช่างมันเถอะ เรื่องมันผ่านไปแล้ว มันผ่านเมื่อวานมาแล้ว ตอนนี้ผมไม่มีนนท์อีกแล้ว

“คิดเงิน โต๊ะสาม  เบื่อคนหนีไปมีความสุข ทิ้งให้ลูกน้องเหนื่อยแทน” แนเดินกลับมาที่เคาน์เตอร์ หน้ายิ้มที่มีให้ลูกค้าเมื่อครู่ กลับมาบึ้ง แบบนี้งอนผมชัวร์ ไม่บ่อยครับที่แดนจะงอนผม นอกจากเวลาที่ผมออกไปข้างนอกกับนนท์ คงไม่ชอบให้ผมทิ้งงาน เพราะขาดผมคนหนึ่ง ก็เท่ากับยีนกับแดนต้องวุ่นและเหนื่อยขึ้นอีก เคยคิดจะจ้างคนเพิ่ม แต่ทั้งแดนทั้งยีนก็บอกว่าไม่ต้อง

“130” แดนรับบิลที่ยีนยื่นให้ แล้วเดินกลับไปหาลูกค้า

“ยีนว่า พี่ฟ้ารีบไปเถอะค่ะ คุณหมอรอนานแล้ว ยีนขอให้พี่ฟ้าเที่ยวให้สนุกนะคะ” ยีนพูด ยัดกาแฟปั่นแก้วกลางที่เธอปั่นไปด้วยคุยกับผมไปด้วยใส่มือผม (ผมจะกินกาแฟปั่นทุกเช้า)

“ไปค่ะ” ยีนว่า เดินนำผมออกจากร้าน แดนมองตาม หน้ากลับมายุ่งอีกครั้ง  ผมปล่อยให้ยีนเดินออกจากร้านไปก่อน แล้วเดินไปหาแดนที่เก็บแก้วกาแฟหลังจากที่ลูกค้าลุกออกไปแล้ว

“อย่างอนสิ พี่จะรีบกลับ แล้วสิ้นเดือนพี่จะเพิ่มเงินให้” ง้อหน่อยจะได้เลิกทำหน้าเป็นหางเป็ดแบบนี้ แล้วก็รู้สึกผิดด้วยครับ หนีเที่ยว ทิ้งงานให้ลูกน้องต้องเหนื่อยเพิ่ม อีกอย่างก็คือ ผมจะเพิ่มเงินเดือนให้ทั้งสองคนอยู่แล้ว

“ไม่ต้องครับ” พูดเสียงนิ่ง ไม่มองหน้าผม เอาแต่ก้มเช็ดโต๊ะ

“พี่ฟ้าค่ะ คุณหมอรอนานแล้วนะคะ” ยีนเดินกลับเข้ามาตาม ลากผมออกไป แดนเดินตามทั้งที่เมื่อกี้ยังไม่ยอมมองหน้าผมเลย

“เอาตัวบอสแสนดีของยีนมาส่งให้คุณหมอแล้วนะคะ ช่วยรักบอสของยีนให้มากๆ นะคะ คนเพิ่งอกหัก ต้องการคนดามใจ ถ้าเป็นคุณหมอแล้วล่ะก็ ยีนสนับสนุนเต็มที่ค่ะ”

“ยีน!”

“ยีน!!”

เสียงแรกของผมครับ ดังในระดับที่ผมจะดังได้ แต่เสียงที่สองเนี้ย ของแดนครับ ดังมาก จนยีนต้องเอามืออุดหู แต่ไม่วายทำหน้ายั่วคู่กัด (ที่มีฐานะเป็นลูกพี่ลูกน้อง) ส่วนคนที่อยู่ในรถ ได้แต่ยิ้มๆ ไม่พูดว่าอะไร  

“ทำไมย่ะ ฉันพูดอะไรผิดหรออ คุณแดน ไม่กล้าเองนี่น่า ช่วยไม่ได้ ”

แดนไม่ตอบ ทำหน้าบึ้งหนักกว่าเดิม หันหลังเดินกลับเข้าไปในร้าน

“พี่ฝากร้านด้วยนะ กลับมาจะเพิ่มเงินเดือนให้”

“จริงนะคะพี่ฟ้า”

“อืม”

“เย้ๆๆ”

กระโดดตัวลอยเลยครับ พอรู้ว่าผมจะเพิ่มเงินเดือนให้

“รักพี่ฟ้าที่สุดเลยคร้าาา  คุณหมอคะ ยีนฝากรักษาแผลใจให้บอสของยีนด้วยนะคะ”

ยีนก้มหน้าไปพูดกับคุณหมออีกครั้ง ผมก็จนปัญญาจะห้าม รู้อยู่ว่ายีนเป็นยังไง ช่างพูด ช่างคิด ผมเลยไม่อยากต่อความให้ยาวไปกว่านี้ เดี๋ยวจะไม่จบ กลัวอยู่อย่างเดียวคือกลัวจะมองหน้าคุณหมอไม่ติด จะตะขิดตะขวางใจกับผมหรือเปล่า เพราะว่า คุณหมอรู้และเห็นมาตลอดว่าผมคบกับนนท์ (ผู้ชาย) ยิ่งยีนมาพูดแบบนี้อีก

“ครับ”  คุณหมอรับปาก ยิ้มเหมือนเคย ผมเลยทำหน้าไม่ถูก  เปิดประตูเข้าไปนั่งในรถโฟร์วิลล์แล้วปิด เลื่อนกระจกขึ้น ก่อนที่จะมีคำฝากฝั่งที่ส่อไปในทางจับคู่ผมกับคุณหมอมากกว่านี้  ยีนโบกมือผ่านกระจกมาให้

“ยีนก็พูดไปเรื่อยเปื่อยน่ะครับ  อย่าคิดมากนะครับ”

“ครับ”

แล้วในรถก็เงียบ เพราะผมหาคำพูดตัวเองไม่เจอ ไม่รู้จะพูดอะไรกับคุณหมอ ส่วนคุณหมอก็คงเหมือนกัน

คนพูดน้อยสองคนมาเจอกัน นั่งรถคันเดียวกัน บรรยากาศมันก็ไม่ชวนให้อึดอัดเท่าไหร่....
 
รถแล่นเข้ามาในซอยที่กั้นระหว่างร้านของผมกับคลินิกของคุณหมอ  นึกขึ้นมาได้ว่าผมโดดงาน คุณหมอก็โดดงานเหมือนกัน แต่คลินิกคงไม่ยุ่งเท่าไหร่  เพราะจากที่ฟังรายงานของยีน ผมเลยรู้ว่าที่คลินิกมีหมอหกคน (รวมคุณหมอด้วย) และผู้ช่วยอีก 10 คน ส่วนร้านของผมนี่สิ คิดๆ แล้วก็อยากบอกให้คุณหมอเลี้ยวรถกลับ ไม่ทงไม่เที่ยวมันแล้วห่วงร้าน กลัวยีนกับแดนเหนื่อยเพราะขาดผม

“จะเปลี่ยนใจหรือครับ”

แน่ะ ถามเหมือนรู้

“ได้ไหมครับ?” ผมย้อนถาม คุณหมอหันมามอง แล้วหันกลับ หน้านิ่งมาก มากกว่าเมื่อกี้ซะอีก  ถอนหายเบาๆ แต่ผมก็ได้ยินชัดเจน คิดจะเปลี่ยนใจก็ผิดอีกแล้ว

ผมไม่อยากทำให้ยีนกับแดนลำบากกาย (เหนื่อย) ขณะเดียวก็ไม่อยากให้คุณหมอลำบากใจ (เซ็ง) เพราะเสี้ยวหน้าคมที่ผมเห็นบอกกับผมอย่างนั้น

ล้อรถหมุนช้าลง คุณหมอตบไฟเลี้ยว รอจังหวะที่รถขาดช่วง (รถอีกเลนยังติดเป็นแถวยาวอยู่ ถึงจะเป็นซอยแต่ก็เป็นซอยที่กว้างมาก)

“แค่ถามนะครับ ไม่ได้บอกว่าจะไม่ไปสักหน่อย” ผมบอกเสียงเบา คุณหมอหันกลับมามองผม คิ้วเข้มคลายตัวจากที่เคยขมวดแทบเป็นปม กลับมาเป็นคุณหมอหมาใจดี (ตามคำชื่นชมของสาวยีน) เหมือนเดิม ล้อรถหมุนอีกครั้ง มุ่งหน้าสู่คอนโดของผม

แค่ห้าร้อยเมตรเกือบหกร้อยเมตร จากร้านเชิญครับมาถึงคอนโดของผมที่อยู่ ผมจำได้ว่าไม่เคยบอกว่าคอนโดของผมอยู่ที่ไหน อย่างที่เคยบอกไป  ผมกับคุณหมอมีโอกาสพูดคุยกันน้อยมาก แล้วโอกาสที่ได้คุยกันก็ในฐานะเจ้าของร้านกับลูกค้าเท่านั้น เรื่องส่วนตัวไม่เคยคุยกันเลย แต่คุณหมอก็ขับรถพาผมมาได้ถูกต้อง โดยที่ไม่ต้องถามผมหรือให้ผมบอก

รถของคุณหมอจอดอยู่ข้างทาง ต่อท้ายรถเก๋งอีกคัน ไม่ขวางทางอะไรมาก เพราะตรงนี้ก็มีรถจอดตลอดแนว

ผมลงจากรถ คุณหมอยังคงนั่งอยู่ในรถ  จนผมต้องเปิดประตูรถอีกครั้ง ชะโงกหน้าเข้าไปถาม (ชวน)

“ไม่ขึ้นไปด้วยกันหรือครับ”

ไม่อยากให้คุณหมอนั่งรออยู่ในรถคนเดียว เกรงใจ เหมือนเสียมารยาท อีกอย่างถ้าคุณหมอตามขึ้นไปด้วย ผมจะได้รีบเก็บข้าวของได้เร็วขึ้น อารมณ์มันจะประมาณว่าเหมือนมีคนมาเร่งให้เราทำอะไรสักอย่าง มันจะเร็วขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่รู้ว่าคนอื่นๆ เป็นเหมือนผมหรือเปล่า แต่ผมนี้ต้องมีคนมากระตุ้นครับ เพราะผมเป็นคนทำอะไรช้ามาก (ยีนบ่นตลอด แต่เฉพาะเรื่องส่วนตัวนะครับ แต่เรื่องงาน ผมไม่เคยทำงานช้าเลย ยืนยันด้วยเกียรติของเจ้าของร้านเชิญครับ เลยล่ะครับ)

“จะดีหรือครับ” คุณหมอถาม คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน ไม่เข้าใจที่คุณหมอถาม มันจะไม่ดีตรงไหน?  คุณหมอคงเห็น เลยไม่เอาคำตอบอะไรจากผม เปิดและปิดประตู เดินตามผมขึ้นไปห้องชุดที่ผมอยู่มาตลอดหกเดือนที่ผ่านมา

ตั้งแต่เปิดร้านเชิญครับ ผมก็ย้ายมาอยู่ที่คอนโดนี้ เพราะมันใกล้ร้าน เดินไม่ทันเหนื่อยก็ถึงร้าน ไม่ต้องใช้รถให้เปลืองน้ำมัน (ช่วยชาติ) ไม่ต้องฝ่ารถติด (บ้านผมไกลจากที่นี้มาก ต่างมุมเมืองเลยครับ) แล้วบ้านที่ผมอยู่ตั้งแต่เกิดหลังนั้น ก็อยากให้เป็นบ้านของพี่สาวกับครอบครัวเสีย

“ห้องรกหน่อยนะครับ” ผมรีบบอกไว้ก่อน กลัวเสียภาพพจน์ ห้องของผมรกจริงจังครับ แต่ก็ไม่ถึงกับรกเรี่ยราด เสื้อไปทาง กางเกงไปทาง (ห้องนนท์เป็นแบบนั้นครับ) ส่วนมากจะรกเพราะหนังสือ หรือไม่ก็ข้าวของเครื่องใช้ที่ผมหยิบออกมาใช้แล้วไม่ได้เก็บเข้าที่

ผมเปิดประตู เบี่ยงตัวให้คุณหมอเดินเข้ามาก่อน

“ก็พอดูได้ครับ”

ผิดหวังนิดๆ ครับ นึกว่าคุณหมอจะบอกว่า  “ไม่เห็นรกเลย”  พูดโกหกให้รู้สึกดีหน่อยก็ไม่ได้ แบบนี้รู้สึกเสียหน้ายังไงไม่รู้ รู้งี้ไม่น่าชวนขึ้นมาด้วยเลย
 คนเป็นหมอเจ้าระเบียบอยู่แล้ว...มั้ง

“เมื่อคืนดื่มเยอะเลยนะครับ”

เฮ้ยยยย!! ขวดเหล้าเปล่ายี่ห้อดังบินมาไกลจากต่างประเทศ วางอยู่บนโต๊ะกระจกใส ด้านหน้าโซฟาตัวที่คุณหมอกำลังเดินเข้าไปนั่ง เมื่อคืนเก็บแต่แก้ว ลืมเก็บขวดทิ้ง

“ก็นิดหน่อยครับ” ผมได้ยินเสียงตัวเองตอบไปแบบเบามาก  อายครับ อายมาก  เมื่อคืนผมดื่มไปเยอะมาก ดื่มไปด้วย ร้องไห้ไปด้วย  เดินไปหยิบขวดเปล่าขึ้นมา เอาไปทิ้งในถึงขยะในห้องครัวที่อยู่ฟากตรงข้าม เปิดตู้เย็น หยิบขวดน้ำ เทน้ำใส่แก้วให้คุณหมอ   พอหันหลังกลับก็เห็นคุณหมอเดินสำรวจห้องนั่งเล่น (แบ่งเป็นโซนห้องนั่งเล่นกับห้องครัว มองเห็นกันได้)  พอผมเดินเข้าไปใกล้ก็เป็นจังหวะที่คุณหมอหยิบรูปที่ผมถ่ายคู่กับนนท์ขึ้นมาดู

ผมว่าคุณหมอเป็นคนใจดี แต่เหมือนจะมีมารยาทน้อยไปนิดหนึ่ง

“น้ำครับ” ผมวางแก้วน้ำไว้บนโต๊ะ คุณหมอวางกรอบรูปลง เดินกลับมานั่งที่เดิม

“ขอบคุณครับ” แล้วยกน้ำขึ้นจิบ

“ผมไปเก็บกระเป๋าก่อนนะครับ”

คุณหมอบอกว่ายี่สิบนาทีเพื่อนจะมารับ แต่ผมดูเวลาแล้ว ตอนนี้มันเกินยี่สิบนาทีแล้วแน่ๆ แต่ไม่พูดครับ เนียนๆ ไป เนื่องจากที่มันเกินไปก็เพราะตัวผมเอง  แล้วก็ไม่ยังไม่เห็นเพื่อนของคุณหมอจะโทรมาตามอะไรเลย

“Rrrrrrrr”

นั่นไง กำลังคิดอยู่เชียว โทรศัพท์คุณหมอก็ดังขึ้นมาทันที ผมเลยรีบหนีความผิดตัวเอง เข้าไปในห้องนอนที่อยู่ฝั่งซ้ายมือของตัวเอง คอนโดของผมมีสองห้องนอน ผมอยู่ห้องฝั่งซ้าย อีกห้องเป็นของห้องว่าง (แต่เครื่องเรือนครบนะครับ)  ยกให้ห้องของพี่น้ำฝนที่วันไหนทะเลาะกับสามี ก็จะหนีมานอนกับผม แต่ก็ไม่เคยได้นอนจริงๆ หรอกครับ            พอสามีมาง้อก็หายงอน ทิ้งผมนอนคนเดียวอีกตามเคย

ห้องนอนผมไม่ได้กว้างมากนัก  เพราะผมไม่ชอบห้องกว้างๆ มันทำให้ว้าเหว่ง่ายครับ ห้องเล็กๆ มันทำให้รู้สึกอบอุ่นมากกว่า  เลยเลือกห้องนี้ที่เล็กกว่าห้องฝั่งขวามือไปเล็กน้อย (แต่มีห้องน้ำทั้งสองห้อง)

เสียเวลาหากระเป๋าอยู่นานกว่าจะนึกขึ้นได้ว่าเก็บมันไว้ที่ลิ้นชักในตู้เสื้อผ้า   ที่เสียเวลาหานานก็เพราะผมไม่ค่อยจะได้ไปไหน เพราะผมเป็นคนมีเพื่อนน้อย นับนิ้วมือก็คงได้แค่นิ้วโป้ง นิ้วชี้ กับนิ้วกลางของมือข้างซ้าย แล้วหนึ่งในสามนิ้วนั้นก็กลายมาเป็นอดีตแฟนของผมในตอนนี้

ครับ...นนท์คือเพื่อนที่คบกันมาตั้งแต่ประถม  ขยับมาเป็นแฟนก็ตอนเรียนปีสอง (เราอยู่มหาลัยเดียวกันแต่คนละคณะ) ไม่รู้ว่าผมกับนนท์  เราสองคนรักกันตอนไหน ผมไม่รู้เลย คิดว่าคงเป็นเหมือนความเคยชินที่ต้องมีกันและกัน กลายเป็นว่าเรารักกัน แม้ว่านนท์จะเจ้าชู้แต่สุดท้ายคนที่นนท์เลือกก็คือผม ถึงตอนนี้มันจะไม่ใช่ก็ตาม

ตั้งแต่ก่อนคบกันและหลังคบกัน นนท์เจ้าชู้ให้ผมเห็นต่อหน้าและลับหลังเสมอ มีคนหวังดีมาบอกผมตลอด รวมถึงคนที่ได้ชื่อว่าเป็นกิ๊กของนนท์ด้วย (ต้องเรียกว่ากิ๊กเพราะผมเป็นแฟนนนท์) ผมเชื่อคำบอกเหล่านั้นที่บอกว่านนท์ไม่ได้ซื่อสัตย์กับผมเลย   ผมเชื่อเพราะผมก็เคยเห็นนนท์เดินควงกับคนอื่นบ่อยครั้ง เจอจังๆ ยังมีเลย อย่างที่บอกสุดท้ายนนท์ก็เลือกผมเสมอ  ผมไม่เคยยื่นคำขาดให้นนท์ต้องเลือกผม แต่นนท์ก็เฝ้าบอกผมเสมอ ว่าผมคือคนที่นนท์รักและอยากใช้ทุกวันไปพร้อมๆ กับผม ผมเลยให้อภัยนนท์ทุกครั้ง

ไม่ใช่สิ... มันไม่ใช่การให้อภัย เพราะผมไม่เคยโกรธ เกลียด เสียใจ หรือเสียน้ำตากับสิ่งที่นนท์ทำหรือสิ่งที่นนท์เป็น เพราะระหว่างผมกับนนท์ เราคบกันในฐานะเพื่อนและแฟนไปพร้อมกัน มันทำให้ผมไม่เคยรู้สึกหึงหวงหรือโกรธเกลียดอะไรนนท์เลย

หรืออาจเป็นเพราะผมมั่นใจในตัวนนท์ เชื่อในคำบอกรักของนนท์   ใครที่ผ่านเข้ามาในชีวิตนนท์ อาจเป็นใครสักคนที่ผ่านเข้ามาแล้วผ่านออกไป สุดท้ายนนท์กับผม เราสองคนก็คือคนรักกัน เราคุยกันเหมือนเพื่อน มีกุ๊กกิ๊กกันตามประสาคนรักกัน  จูงมือกันเดินในเวลาที่หันมามองหน้ากันแล้วนึกอยากประกาศให้คนที่เดินสวนกันไปมารู้ ว่าเราสองคน “รัก” กัน

ผมไม่รู้ตัวเองหรอกว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมทำผิดไปหรือเปล่า ผิดที่ไม่เคยหึงหวงนนท์ ไม่เคยโกรธ ไม่เคยงอน ถึงทำให้นนท์ทิ้งผมไปได้ง่ายๆ ด้วยเหตุผลที่ว่า “ดีเกินไป”

คงจะจริง ผม  “ดีเกินไป”  นั่นแหละ ดีถึงขั้นที่ว่า เปิดประตูเข้าไปเจอนนท์นอนกับคนอื่น (ทั้งหญิง ทั้งชาย) กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ผมก็ไม่เคยโวยวาย ไม่เคยโกรธ ไม่เคยลั่นคำว่าเลิกกันออกจากปาก   มีแต่นนท์ที่เฝ้าขอโทษผม สัญญาว่าจะไม่ทำมันอีก ทั้งที่นนท์ไม่ต้องขอโทษ ไม่ต้องสัญญาด้วยซ้ำ เพราะผมยังคงรู้สึกกับนนท์เหมือนเดิมไม่เปลี่ยน นนท์คือเพื่อนและคนที่ผมจะใช้ชีวิตด้วยไปตลอด

เมื่อวานเป็นครั้งแรกที่ผมเสียน้ำตาเพราะนนท์

มันจบแล้วครับ เรื่องราวความรักและความเป็นเพื่อนระหว่างผมกับนนท์ ผมไล่ความคิดที่ทำให้ขอบตามันร้อน ก่อนจะหยิบกระเป๋าเป้ในลิ้นชักออกมา  ปัดฝุ่นที่ดูแล้วไม่น่าจะมีแต่ก็ปัดตามความเคยชิน หยิบเสื้อยืดที่พับเก็บไว้มาห้าตัว กางเกงขาสั้นจำนวนเท่ากัน เอาไปเผื่อไว้ครับ เผื่อได้เล่นน้ำ (ผมว่ายน้ำไม่เป็น เล่นได้แค่น้ำตื้นๆ เลยไม่มีกางเกงว่ายน้ำกับเขา) หยิบโน่นยัด หยิบนี่ยัด จนแน่นกระเป๋าก็พอดีกับที่ของทุกอย่างครบ เดินออกมาก็เป็นจังหวะที่คุณหมอคุยเสร็จพอดี

“ เพื่อนคุณหมอมาถึงแล้วหรือครับ”  ผมแบกเป้ขึ้นหลัง ถามคุณหมอที่นั่งทำหน้าขรึม คล้ายๆ มีเรื่องให้ต้องคิด ต่างจากตอนที่รับโทรศัพท์เมื่อครู่ริบลับครับ

“ใกล้ถึงแล้วครับ”

ใกล้ถึงแล้ว ก็แปลว่ายังไม่ถึง ดีหน่อย ไม่งั้นคงรู้สึกผิดที่ทำให้ฝั่งเพื่อนคุณหมอรอ กำลังโล่งอกไม่ถึงครึ่งวิด้วยซ้ำ ต้องเปลี่ยนมาแปลกใจแทน เมื่อคุณหมอพูดต่อ (ทำไมไม่พูดให้จบในประโยคเดียวก็ไม่รู้)

“ใกล้ถึงจันแล้วครับ”

“ห๊า!~ ใกล้ถึงจันแล้ว อย่าบอกนะว่า ผมกับคุณหมอถูกทิ้ง” ความจริงแล้ว ผมว่าคุณหมอโดนทิ้งคนเดียวมากกว่า เพราะเพื่อนคุณหมอไม่รู้นี่น่าว่าผมจะไปด้วย

เอ๊ะ!! รึว่ารู้ ว่าผมจะไปด้วย เลยชิงซิ่งไปกันเอง โดยไม่เอาคุณหมอไปด้วย แต่ไม่มั้ง....คิดคำนวณเวลาตั้งแต่ที่ผมกับคุณหมอเจอหน้ากัน มันไม่น่าจะถึงชั่วโมง
ถ้าจงใจจะทิ้งคุณหมอกับผม ก็ไม่น่าจะขับรถไปถึงจันได้ในเวลาไม่ถึงชั่วโมง

มันแปลได้ว่า...เพื่อนคุณหมอจงใจจะซิ่งหนีคุณหมอมากกว่า

“เสียดายหรือครับที่ไม่ได้ไป?” แน่ะ มีถาม ถามทำไมครับคุณหมอ ไปหรือไม่ไป มันก็มีค่าเท่ากัน เพราะไปเที่ยว ผมก็ได้พักผ่อน แต่ถ้าไม่ไป ผมก็ได้อยู่ร้านช่วยแบ่งเบาภาระของสองลูกน้อยคนสนิท

“เปล่าครับ” ผมตอบ วางกระเป๋าลง แล้วทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา ส่วนคุณหมอก็คว้ากระเป๋าเป้ผมขึ้นมา ฟาดไว้บนไหล่หนา (หนากว่าผมเยอะ) ผมมองตาม ไม่เข้าใจ คุณหมอส่งยิ้มมาให้ รู้สึกดีครับ บอกไม่ถูกว่าทำไมถึงรู้สึกดีกับยิ้มของคุณหมอ แล้วรู้ว่าตัวเองเผยยิ้มตอบแบบไม่มีเหตุผลเช่นกัน

“ไปกันครับ”

“..............”

คุณหมอชวน ก่อนบอกต่อ เมื่อผมมองอย่างสงสัย แล้วเข้าใจในในวินาทีต่อมา เมื่อคุณหมอพูด (นั่นแหละ ทำไมไม่พูดให้จบในประโยคเดียว จะทิ้งช่วงไว้ให้ผมรู้สึกไม่ครบความอย่างนี้ไปทำไม)

“เราสองคนไม่ต้องรถใครแล้วนี่ครับ ก็ไปกันได้ ไปรถผม”

“ครับ”

ลืมไปครับ คุณหมอก็มีรถ เพื่อนทิ้ง ก็ขับตามเพื่อนไปได้ ไม่เห็นยาก มันจะยากก็ตอนที่ผมลืมคิดไปเนี้ยล่ะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-06-2011 21:49:34 โดย Aphrodite »

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
กว่าคุณหมอจะได้มาพาคุณฟ้าไปทะเล ก็นานหลายวันเลยนะคะ(แซวคนเขียนหน่อย อิ อิ)
ตอนขับรถนั่งรถไปจันทน์กันน่ะ คุยกันมั่งนะคะคุณหมอ คุณฟ้า จะได้ไม่เหงา

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
พี่หมอสัตว์ พลาดลมไป ได้ฟ้าแทน ดีพอกัน จัดเล่ยๆๆ o18

ปล...โพสแรกหลังจากเล้าเปลี่ยนโฉม อิอิ ตื่นเต้น กดไม่ถูก 55+

ออฟไลน์ i_ang

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 566
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-0
    • เพจนิยาย
^
^
เม้นแรกเหมือนก๊านนนนเลย ตื่นเต้น แปลกตาไปเยอะเลย สวย

เลยกดบวกให้ซะหน่อย

Y2Y

  • บุคคลทั่วไป
ฉลองโฉมใหม่   ด้วย บวก 1 ให้ ทั้ง สามคนนะค่ะข้างบนนะค่ะ   o13 o13

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ i_ang

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 566
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-0
    • เพจนิยาย
เค้ากดให้พี่เอ๋แล้วน้าาาาาาา

Y2Y

  • บุคคลทั่วไป
เค้ากดให้พี่เอ๋แล้วน้าาาาาาา

Thank  you  จ้า  เป็นเหมือนกันมั้ยค่ะที่แรกๆ งง ว่าต้องกดบวกอันไหนระหว่างทางซ้ายกะทางขวาหรือ ตรงใต้ชื่อ login  ตอนนี้คล่องแระ อยาก กดบวกให้คนอ่านที่รักทุกๆคนเยอะๆจัง   

Margarin_Butter

  • บุคคลทั่วไป
ดูท่าคุณหมอจะเจอคู่แข่ง
เค้าว่าฟ้ากับนนท์คงเป็นเพื่อนที่ผูกพันกันมากๆมากกว่า
แหนะ เหมือนว่าลมกับตินจะเปิดทางให้เนอะ

ออฟไลน์ nongrak

  • ยังไงก็รักคาเมะจังที่สุด
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +912/-14
คุณหมอพูดน้อยจัง นั่งรถไปกันคุยกันบ้างนะเดี๋ยวหลับ  :laugh:
แดนถ้าจะชอบฟ้าถึงรมณ์บ่จอยที่ฟ้าจะไปเที่ยว

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
หุหุ
เงียบกันทั้งคู่ กว่าจะถึงเมืองจันท์จะไม่หลับไปก่อนหรือคะ 555

Y2Y

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 4 ระหว่างทาง ระหว่างใจ

ผมคิดว่า คุณฟ้านอกจากเป็นคนใจดี ใจเย็นแล้ว ยังเป็นชายหนุ่ม  “ใจง่าย”  ด้วยครับ

ไม่ได้หมายถึง “ใจง่าย” แบบนั้นนะครับ ที่ว่าใจง่ายคือ ไม่คิดอะไรมาก ใครชวนทำอะไร ชวนไปไหน คุณฟ้าตกปากรับคำไปหมด เห็นได้ชัดตอนที่ผมชวนไปเที่ยวทะเลด้วยกัน   เจ้าตัวรับปากทันที แม้ตอนท้ายๆ จะออกอาการงอแงให้ปวดหัวนิดหน่อยก็ตาม แม้แต่ตอนที่ผมคิดจะนั่งรอคุณฟ้าเก็บกระเป๋าอยู่ด้านล่างหน้าคอนโดที่ไม่ได้หรูมากแต่ก็น่าอยู่ไม่น้อย คุณฟ้ากลับชวนผมขึ้นไปบนห้อง โดยไม่คิดอะไร เป็นผมซะเองที่คิด

หรือว่าคุณฟ้าจะไม่รู้ว่าผมเป็น.....

อืม...น่าจะใช่  เพราะผมไม่เคยควงผู้ชายคนไหนให้คุณฟ้าเห็น  ไม่เหมือนผมที่เห็นออกบ่อยที่อดีตแฟนคุณฟ้ามานั่งเฝ้าหรือไม่ก็ทำสวีทหวานให้คนอิจฉา  เคยเจอจังๆ ตอนที่เขากำลังจูบกันก็ยังมีเลยครับ อย่าคิดว่าผมเป็นพวกถ้ำมองนะครับ  มันบังเอิญมากกว่า แต่ก็แค่ครั้งเดียว แถมคุณฟ้ากับอดีตแฟนยังเห็นผมอีกด้วย ตอนนั้นทำหน้าไม่ถูกครับ   ได้แต่เกาหัว ก้มหน้าขอโทษ แล้วเดินเข้าร้านของคุณฟ้าไป

จะว่าไป....ผมก็ไม่ได้เป็นเกย์เต็มขั้น (หรือเปล่า?)  เพราะผมยังไม่เคยมีอะไรกับผู้ชายคนไหน ส่วนกับผู้หญิง  มันเป็นของธรรมดาของผู้ชายครับ แล้วผู้ชายที่ผมรู้สึกดีๆ ด้วยในช่วงเวลาที่ผ่านมามีแค่คนเดียวคือ ”น้องลม”  ซึ่งตอนนี้ กลายเป็นของคนอื่นไปแล้ว   แล้วเจ้าของก็หวงแบบไม่คิดจะฟังอะไรเลย ทุกวันนี้ยังหึงยังหวงผมกับน้องลมอยู่ครับ   

อย่างเรื่องวันนี้ ที่ผมโดนทิ้ง เหตุผลเพราะเจ้าของน้องลมไม่อยากให้ผมไปด้วย  ทั้งที่ผมก็อยู่เฉยๆ เลิกติดต่อน้องลมไปด้วยซ้ำ ฝ่ายน้องลมเองซะมากกว่าที่เป็นห่วงความรู้สึกของผม  เลยโทรมาคุย ชวนไปทานข้าว  ทำทุกอย่างเหมือนปกติ ส่วนผมเองอันไหนเลี่ยงได้ ผมก็พยายามเลี่ยง  อันไหนที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ก็ต้องไปด้วย

แล้วไปทะเลครั้งนี้ น้องลมก็โทรมาชวนเอง แล้วเป็นไง เอาเข้าจริง ผมก็โดนทิ้ง

น้อยใจ...แต่พูดไปก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง น้องลมก็ยังคงเป็นคนของติน  ส่วนผมก็ยังคงเป็นคนไม่มีใครเหมือนเดิม

ตอนที่น้องลมโทรมาบอกให้ผมขับรถตามไป เพราะน้องลมใกล้ถึงจันทร์แล้ว น้ำเสียงที่ผมได้ยินมาตามสายรู้สึกผิดอยู่ไม่น้อย  ขอโทษผมยกใหญ่ ให้ผมขับรถตามมา ผมเกือบจะหลุดปากออกไปแล้วว่า ไม่เป็นไร ผมไม่ไปดีกว่า ขอให้น้องลมเที่ยวกับคนรักให้สนุก แต่ก็นึกถึงเจ้าของห้องที่ผมกำลังนั่งรอเขาเก็บประเป๋าอยู่ ว่าได้ออกปากชวนไปแล้ว  ให้บอกยกเลิกทั้งที่เก็บกระเป๋าไปแล้ว มันคงไม่ดี แม้เจ้าตัวจะมีท่าทีตอนท้ายว่าไม่อยากไปเที่ยวเพราะห่วงงานก็ตาม

ถึงจะไม่สนิทสนมกันมาก แต่ผมก็อยากให้คุณฟ้าได้พักผ่อนบ้าง ตั้งแต่ร้านเชิญครับเปิดกิจการ และจำได้ว่าผมเป็นลูกค้าคนแรกของร้าน   ผมไม่เห็นจะมีวันไหนที่คุณฟ้าไม่มาทำงาน ถึงผมจะไม่ได้มาทำงานทุกวันก็ตาม แต่ก็พอรู้จากปากคำให้การของยีน พนักงานสาวของร้าน

สุดท้ายก็ต้องรับปากน้องลมไปว่าจะขับรถตามไป แต่ยังไม่ได้บอกว่าจะมีคนตามไปด้วย ไม่อยากถูกซักจากน้องลม แล้วยิ่งบอกว่าคนไปด้วยเป็นผู้ชาย  เจ้าตัวคงซักไม่หยุด เพราะกำลังลุ้นให้ผมมีคนดามอก แถมยังหมั่นหาคนมาดามใจให้ผมอีกด้วย  นี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่น้องลมโทรมาชวนผมไปทานข้าวด้วย เพราะอยากนัดบอดผมกับเพื่อนของตัวเอง  แล้วเพื่อนแต่ละคนก็ผู้ชายทั้งนั้น (น้องลมคงอยากให้ผมเดินทางนี้เต็มขั้น)

ก่อนยืนยันหนักแน่นกับน้องลมว่าจะขับรถตามไป เพราะน้องลมไม่ค่อยจะเชื่อผมเท่าไหร่คงกลัวว่าจะไม่ตามไป  น้องลมคิดถูกครับ ผมกะจะไม่ไปแล้วถ้าไม่มีคุณฟ้า ก่อนวางสายผมแว่วได้ยินเสียงคนขับรถของน้องลมก็นายตินนั่นแหละครับ กระชากเสียงไม่ค่อยจะพอใจมาให้ได้ยิน แว่วๆ ว่า

“ไม่มาก็ไม่เห็นเป็นไร เราเที่ยวสองคนก็ได้   มาทำไม อยากเป็นก้างนักหรือไง”

ขนาดได้ยินแว่วๆ นะครับ ยังเต็มสองหูของผม ก่อนจะได้ยินเสียงน้องลมดุคนพูดทันควัน แล้วกลับมาขอโทษผมยกใหญ่ ผมจะว่าอะไรได้ นอกจากบอกว่า “ไม่เป็นไร”  เข้าใจอารมณ์คนหึงครับ รักมากเลยหึงมาก ประวัติของผมก็คือคนที่ตามจีบน้องลม แล้วเกือบจะได้เป็นเจ้าของน้องลมด้วยซ้ำ   ตินก็คงไม่ยอมญาติดีกับผมง่าย

ช่างเถอะครับ สักวันหรือวันไหนที่ผมมีคนของผม ฝ่ายนั้นก็คงเลิกหึงไปเอง แต่ว่าเมื่อไหร่ล่ะ เมื่อไหร่ที่ผมจะหาคนๆ นั้นเจอ คนที่จะจับมือเดินไปกับผม คนที่ผมจะกอดได้โดยไม่ต้องระแวงว่าจะเป็นคนที่มีเจ้าของแต่แรกแล้ว ก่อนจะมาเจอผม

เหมือนกรณีน้องลม....

ผมไม่รู้จริงๆ ว่าน้องลมมีเจ้าของ มีคนที่น้องลมรักและเขาก็รักน้องลม

ถ้ารู้....

ผมคงไม่กลายเป็นคนที่คิดจะแย่งของของคนอื่น

แย่งโดนไม่รู้ตัว....


“น้ำไหมครับ” เสียงเล็กๆ ที่ไม่ได้ห้าวเหมือนผู้ชายทั่วไป ที่เอ่ยถาม เรียกผมให้หลุดออกมาจากความคิดซ้ำซาก แต่ก็อดไม่ได้

ขวดน้ำที่ถูกเปิดฝา มีหลอดเสียบ อำนวยความสะดวกเต็มที่ให้กับคนขับรถอย่างผม แต่จะให้ดีและให้สะดวกกว่านี้ คงต้องเอามาจ่อใกล้ๆ ปากผมดีกว่า นี่มันแค่อยู่ในมือคุณฟ้าสูงเหนือตักไปเท่านั้นเอง

“มันไม่สะดวกน่ะครับ”  ผมบอก แต่สมองกำลังคิดไปไกลครับ ผมไม่รู้ว่าคนอกหักคนไหนเป็นแบบผมหรือเปล่า ที่อยากมีคนมาเอาใจ สนใจและให้ความสำคัญ  หลังจากเป็นคนที่ไม่ถูกเลือก เพราะตอนนี้ผมต้องการให้คุณฟ้าทำแบบนั้นกับผม

อย่างน้อย...

น้ำขวดนี้ก็น่าจะถูกส่งมาใกล้ปากผม เพื่อเอาใจ

“หรือครับ” คุณฟ้าพูด แต่ดูเหมือนพูดกับตัวเองมากกว่าจะพูดกับผม เสียงเบามาก แต่ผมก็ได้ยินชัด

“....................”

เป็นไปอย่างที่คิดครับ คุณฟ้ายืนขวดน้ำมาใกล้ พร้อมจับหลอดดูให้ตรงปากผม สำเร็จครับ ผมได้ดื่มน้ำจากหลอดดูที่คุณฟ้าจับไม่ยอมปล่อย จนผมถอนปากออก

“พอแล้วหรือครับ”  คุณฟ้าถาม ขณะปิดขวดน้ำแล้วเอาเก็บไว้

“ครับ”

แล้วความเงียบก็เริ่มทำงาน เหมือนตอนที่รถแล่นออกจากคอนโดคุณฟ้า จนถึงตอนที่คุณฟ้าถามผมว่าจะดื่มน้ำไหม

คุณฟ้ามองออกไปนอกรถ

ผมก็ตั้งหน้าพาคุณฟ้าไปยังจุดหมาย

รถแล่นออกมาไกลมากแล้ว น่าจะใกล้ถึงจันทร์แล้ว อีกไม่ห้ากิโล ล้อรถคงได้เหยียบถิ่นเมืองจันทร์ แล้วไม่นานก็ถึงโรงแรมที่พัก

แต่ผมกับคุณฟ้าก็ยังคงไม่มีบทสนทนาอะไรเกิดขึ้น  ถึงจะเงียบแต่ก็ไม่ชวนอึดอัด ความรู้สึกคล้ายๆ ผมนั่งมาคนเดียว ต่างแค่รู้สึกไม่โดดเดี่ยวเท่านั้นเอง

“หิวหรือครับ”

 ผมเป็นฝ่ายทำลายความเงียบ  ถึงแม้ความเงียบระหว่างการเดินทางของผมกับคุณฟ้าจะไม่ชวนให้อึดอัดก็ตาม  แต่มันจะดีกว่าถ้าเราคุยกันมากกว่านี้ บวกกับที่ผมเห็นคุณฟ้ามองถุงขนมที่วางอยู่บนตักบ่อยครั้ง (ผมเห็นก็เพราะผมแอบมองคุณฟ้าบ่อยๆ น่ะครับ  แต่เจ้าตัวไม่รู้)  คงอยากกินแต่ไม่กล้าแล้วก็เกรงใจ จากที่เห็นตอนจอดรถลงไปซื้อขนมตรงปั้มน้ำมันก่อนออกจากกรุงเทพ   ของกินที่คุณฟ้าซื้อมาก็มีแค่น้ำเปล่าสองขวดกับปลาแผ่นพิซโซรสสไปซ์มิกซ์  สองซอง  คิดว่าคงเป็นของผมซองหนึ่งเหมือนกัน

“เปล่าครับ” ปากบอกว่าเปล่า แต่หน้าตาไม่ใช่เลยครับ ดูหิวๆ ตาก็ละห้อย มองถุงขนมบนตัก  แล้วก็หันกลับไปมองข้างทางเหมือนเดิม   แต่ไม่ลืมที่จะหยิบขวดน้ำที่เหลือเกินครึ่ง ขึ้นมาดื่ม (ผ่านหลอด) ที่สำคัญขวดนั้นของผมด้วยครับ ส่วนขวดของคุณฟ้าหมดไปแล้วครับ

จู่ๆ ผมก็อยากยิ้มครับ คิดไปไกลอีกแล้ว แค่คุณฟ้ากินน้ำขวดเดียวกับผม จากหลอดเดียวกัน โดยไม่คิดอะไร ไม่รังเกียจ

เหมือนจูบทางอ้อม...

ความคิดแบบเด็กๆ ของผมกระโดดออกมาเต้นครับ  ไม่ได้คิดอะไรกับคุณฟ้าเลยนะครับ ผมสาบานได้ แต่หัวใจมันก็เต้นเป็นจังหวะที่ฟังสบายครับ  อารมณ์ดีจนเผลอผิวปาก จากหางตาของผม เห็นคุณฟ้าหันมามองก่อนจะหันกลับ


คิดว่าคงสงสัยว่าทำไมจู่ๆ ผมผิวปากอารมณ์ดี แต่ก็ไม่เปิดปากถามอะไร

ผมปล่อยให้ความเงียบเข้ามาเป็นมือที่สามอีกครั้ง จนรถวิ่งเข้ามาในตัวเมือง ผ่านร้านอาหารหลายร้าน แต่ไม่คิดอยากจอด ผมเลือกที่จะทำอะไรบางอย่างที่ง่ายกว่านั้น

“แต่ผมหิวนะครับ” ผมบอก คุณฟ้าหันกลับมามองหน้าผม ผมก็เลยมองไปที่ถุงบนตักของคุณฟ้า บอกเป็นนัยๆ ว่าอยากกินปลาแผ่นที่คุณฟ้าซื้อมาแต่ไม่ยอมแกะกินสักที

“....................” คุณฟ้ามองตามสายตาของผม แต่ยังลังเล ผมเลยย้ำไปอีกว่า

“หิวครับ แต่ยังไม่อยากกินอะไรหนักๆ ขอขนมได้ไหมครับ”

“แต่มันมีกลิ่นนะครับ เดี๋ยวเหม็นติดรถ”  อีกครั้งครับที่ปากถาม แต่มือแกะถุงขนมไปเรียบร้อยแล้ว

“ไม่เป็นไรครับ” ผมไม่เรื่องมากอยู่แล้ว กลิ่นติดรถ เดี๋ยวก็หาย 

“นี่ครับ”

จากประสบการณ์เรื่องน้ำที่ผ่านมา ทำให้คุณฟ้ารู้งานครับ ไม่ยื่นทั้งถุงมาให้ผม แต่หยิบปลาแผ่นรสเผ็ดในความคิดของผม ถึงคนอื่นจะคิดว่ามันไม่เผ็ดมาก โดยเฉพาะคุณฟ้า คนที่เลือกซื้อรสนี้มาเอง คุณฟ้าชอบกินเผ็ดครับ ไม่ต้องถามว่าผมรู้ได้ยังไง ผมรู้เรื่องของคุณฟ้าเยอะครับ จากปากของสาวยีนที่เล่าเรื่องของคุณฟ้าให้ผมฟังได้ทุกครั้งที่เจอกัน

“..................” ลังเลอยู่ชั่ววินาทีครับ ว่าจะอ้าปากรับปลาแผ่นที่ยื่นมาถึงปากดีหรือไม่ดี มันเผ็ด ผมไม่ชอบ แต่ดันบอกว่าจะกินไปแล้วนี่ครับ บอกว่าจะกินก็เพราะคุณฟ้าจะได้กินตาม

“ขอบคุณครับ” ผมบอก แล้วอ้าปากรับปลาแผ่นชิ้นพอดีคำเข้าไป ความเผ็ดแผ่ซ่านครับ ต้องเคี้ยวแล้วกลืน ไม่ต้องรอให้มันละเอียดแล้วละครับงานนี้ ลิ้นและโพรงปากจะไม่ต้องสัมผัสกับความรสชาติเผ็ดมาก กลัวน้ำตาไหลครับ

“...............”

ผมมองปากแผ่นในมือเล็กของที่กำลังเคี้ยวตุ้ยอยู่ในปาก แล้วชวนให้สยอง พอยื่นคำแรกให้ผมไปแล้ว เจ้าตัวก็จัดแผ่นใหญ่ใส่ปากตัวเอง ตามมาด้วยฉีกชิ้นปลาขนาดพอดีจ่อที่ปากผมอีกครั้ง

“...................”

เฮ้อออ....ผมมองปลาแผ่นในมือเล็กใกล้ปาก สลับกับมองหน้าคนที่เคี้ยวตุ้ยๆ ดูมีความสุขกับรสชาติที่ผมไม่โปรดเลยสักนิด แล้วก็ปลง คุณฟ้าไม่รู้ว่าผมไม่ชอบกินเผ็ด คนมีน้ำใจจะทำให้เสียน้ำใจก็ไม่กล้าครับ เลยต้องอ้าปากรับความเผ็ดร้อนเข้าปาก เหมือนเคยครับ รีบเคี้ยว รีบกลืน

“.........................”

หือ... ไม่ทันไร วินาทีเดียวที่ผมหยุดเคี้ยว แล้วกลืนลงคอ ปลาเจ้ากรรมก็มาจ่อที่ปากอีกแล้ว ขืนไม่บอก มีหวังผมแย่แน่ๆ

“พอแล้วครับ” ผมบอก คนฟังเหมือนไม่เข้าใจ ปลาเลยจอค้างอยู่ที่ปากของผมต่อ ทำเอาเสียว กลัวต้องกิน

“อิ่มแล้วหรือครับ”

คงไม่อิ่มหรอกครับ สองชิ้น แต่มันเผ็ด กินต่อไม่ได้ต่างหาก ผมตอบคำถามในใจ ก่อนจะตอบออกจากปาก

“มันเผ็ดน่ะครับ  ผมไม่ชอบกินเผ็ด”

“อ้าวววววว  ทำไมไม่บอกละครับว่ากินเผ็ดไม่ได้ แล้วทำไมตอนแรกถึงบอกว่าอยากกิน”  เจ้าตัวทำหน้ายุ่ง ยิงสองคำถามให้ผมต้องตอบ

“เห็นคุณฟ้าอยากกิน”

“.....?”

หน้าหว๋อเลยครับ ไม่คิดว่าจะโดนจับได้

“กินเถอะครับ ผมไม่หิวเท่าไหร่”

“หรือครับ”

เอาอีกแล้วครับ เหมือนจะย้อนถามผม แต่ไม่ใช่ครับ น่าจะพึมพำกับตัวเองมากกว่า คิดว่าน่าจะเป็นคำพูดติดปากของคุณฟ้าด้วย

แล้วคุณฟ้าก็ยังคงเป็นคุณฟ้าครับ ไม่คิดอะไรมาก ไม่ถามเซ้าซี้ต่อให้มากความ จัดการกับปลาชิ้นนั้นแทนผม พร้อมกับแกะอีกซองที่เหลืออย่างรวดเร็ว ท่าทางมีความสุข

แอบเศร้านิดๆ ครับ ว่าทำไมคุณฟ้าถึงไม่อยากรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับผมเลย อย่างเรื่องที่ผมกินเผ็ดไม่ได้ น่าจะมีถามต่ออีกนิดให้ผมได้ตอบ หรือให้เราสองคนมีอะไรคุยกันมากกว่านี้ แต่ก็ไม่

หวังอะไรมาก ผมพูดน้อย คุณฟ้าก็พูดน้อย ระหว่างเราจึงมีแต่ความเงียบ แต่ก็ยังยืนยันว่าเป็นความเงียบที่ไม่รู้สึกอึดอัดอะไรเลย

“เดี๋ยวนะครับ เดี๋ยวผมทำให้”

ทันทีที่ผมเอื้อมมือจะหยิบขวดน้ำที่เหลือแค่นิ้วเดียวจากก้นขวดขึ้นมาดื่มดับความเผ็ดร้อนในปาก   คนที่กำลังมีความสุขกับการกินก็รีบบอกเสียงหลง  ปลาแผ่นยังเต็มปากอยู่เลย ผมต้องดึงมือกลับ เมื่อคุณฟ้าอยากบริการ ผมก็ไม่อยากขัดศรัทธา

คุณฟ้ารีบดึงทิซซู่ขึ้นมาเช็ดมือ  ก่อนจะหยิบขวดน้ำ เปิดฝา จับหลอดดูจ่อปากผม

ผมยิ้มครับ แต่คิดว่าคุณฟ้าคงไม่เห็น

“ขอบคุณครับ” ผมบอก เมื่อน้ำหมดขวด

“ไม่เป็นไรครับ”

พูดเสร็จก็หันไปกินปลาแผ่นต่อ มันเป็นชิ้นสุดท้ายแล้ว คนชอบกินทำหน้ายุ่งครับ ขัดใจมั้งที่ของโปรดหมด

“แวะซื้อไหมครับ”  ผมทำแบบคุณฟ้าบ้าง ที่ปากถามแต่การกระทำไปก่อนคำตอบแล้ว ผมชะลอรถแล้วจอดที่หน้าร้านสะดวกซื้อที่เห็นเมื่อหลายวินาทีก่อน

คุณฟ้าก็ไม่ได้ตอบคำถามผมครับ น่าจะรู้ว่าคำตอบไม่มีใดๆ  ผมกำลังจะเปิดประตูรถ คุณฟ้ารีบห้าม ดึงแขนผมไว้ด้วย

“ไม่ต้องครับ เดี๋ยวผมลงไปซื้อแป๊บเดียว” ว่าแล้วก็ลงจากรถอย่างรวดเร็ว

“ก๊อกๆ” เสียงแคะกระจกรถฝั่งผมครับ

“ครับ” ผมลดกระจกลง ใบหน้าน่ารักยื่นเข้ามาใกล้ แล้วถาม คงนึกได้ว่าลืมถามว่าผมอยากได้อะไรบ้าง เจ้าตัวถึงได้มาเคาะประตูเรียกเพื่อจะถาม

“คุณหมออยากได้อะไรครับ”

“ไม่ดีกว่าครับ ผมไม่ชอบขนมครับ” บอกให้รู้ จะได้รู้รายละเอียดของชีวิตผมขึ้นอีกนิด เรียกว่ายัดเยียดอย่างเนียนๆ ครับ แต่แล้วจู่ๆ ผมก็เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ในชั่ววินาทีนั้น   มันเป็นความคิดที่ไม่เลวนัก แต่ถ้าถูกจับได้ก็ไม่น่าชื่นชมเท่าไหร่

เหมือนเจ้าเล่ห์ครับ

แต่ทำไงได้...

ผมแค่อยากให้มีคนมาเอาใจ

สักนิดก็ยังดี...

“ขอไอสกรีมรสสตอเบอร์รี่ครับ”

ผู้ชายหน้าเข้มกินไอศกรีมรสสตอเบอร์รี่   ไม่ผิดใช่ไหมครับ  เพราะไม่เห็นคุณฟ้าจะทำหน้าแปลกใจอะไรเลย พอผมบอก ร่างเพรียวก็วิ่งเร็วๆ เข้าไปในร้าน   ผมมองตาม แต่จู่ๆ ก็มีรถเลขทะเบียนที่จำได้ดี ปาดเข้ามาจอดตรงหน้า ประตูฝั่งคนขับเปิดออกแค่พอที่คนขับจะโผล่หน้ามาให้เห็น

อชิตะ ....

เดาว่าคนที่นั่งมาด้วยน่าจะเป็นคณิต คู่ซี้เจ้านายกับลูกน้อง ไหนบอกว่าจะมาพรุ่งนี้

“ปรี๊นน ปรี๊นนนน” เสียงแตรดังทักทายสองครั้ง แล้วเจ้าของเสียงแตรก็ผลุบเข้าไปในรถ แล้วขับออกไป ทันทีที่รถของอชิตะวิ่งออกไป คนที่วิ่งหายเข้าไปเมื่อกี้ก็วิ่งออกมาจากในร้าน เปิดประตูเข้ามานั่ง

“จะกินยังไงครับ" คุณฟ้าถามผม เมื่อผมออกรถ

“ป้อนครับ” บอกไป เจ้าตัวก็ไม่ปฏิเสธ  เปิดฝาไอสกรีมรสโปรดของผม ช้อนเล็กตักเนื้อนิ่มและเย็น ก่อนจะส่งมันเข้าปากผมที่อ้ารอท่าอยู่แล้ว

อร่อยครับ

คุณฟ้าก็ป้อนไม่หยุด

เสียดายที่มันกล่องเล็ก ไม่กี่คำก็หมดครับ พอทำหน้าที่ของตัวเองเสร็จ (คือป้อนไอกรีมผม) เจ้าตัวก็หันไปแกะขนมกิน เหมือนเด็กเลยครับ เผลอมองเพลิน (แต่ไม่ลืมมองทางนะครับ) ผมก็ถึงที่หมาย

รีสอร์ทสวย บรรยากาศเงียบสงบ ติดทะเล ห่างไกลความวุ่นวาย  มีบ้านพักแค่ 10 หลัง หลังละ 1 ห้องนอน ซึ่งตอนนี้เต็มทุกหลังแล้ว  นี่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญที่ผมลืมบอกคุณฟ้า ประเด็นสำคัญคือผมให้น้องลมจองห้องพักสำหรับคนเดียวไว้น่ะครับ แน่นอนว่าน้องลมต้องนอนกับติน อชิตะก็คงเลือกนอนกับคณิต อันนี้ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทำไม แทนที่เพื่อนผมจะนอนกับผม กลับไปนอนกับลูกน้องคนสนิทซะได้ ทิ้งให้ผมต้องนอนคนเดียว หรือผมเป็นคนที่ไม่มีใครต้องการ อย่าเชื่อผมมากนะครับ ผมแค่ล้อเล่น ผมชอบนอนคนเดียวครับ เลยเลือกหลังที่เล็กที่สุด

คุณฟ้าจะยอมไหม จะยอมนอนกับผม ผู้ชายที่รู้จักกันแค่ผิวเผิน

ผมเป็นคนคิดมากครับ กลัวคุณฟ้าลำบากใจ

แต่ทำไมผมถึงยิ้ม....

จบตอน



ปล.มาแก้ไขเนื้อหาบางส่วนตามประสงค์คนแต่ง    :mc4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-11-2011 22:05:33 โดย Aphrodite »

ออฟไลน์ badcow

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-10

ออฟไลน์ k00_eng^^

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 647
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-2

hahn

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ nongrak

  • ยังไงก็รักคาเมะจังที่สุด
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +912/-14
คุณฟ้าชักจะน่ารักขึ้นมาแล้ว
คุณหมอสัตว์คงไม่เหงาแล้ว
คิดถึงตินกับลมเหมือนกันนะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด