Holler…เรียกฉันสิที่รัก (Intro)
I wanna make you holler.
ฉันอยากทำให้คุณตะโกน
And hear you scream my name.
และได้ยินคุณกรีดร้องชื่อของฉัน
เสียงเพลงหนักๆจากที่ไหนสักแห่งกระแทกเข้ายังส่วนประสาทการรับรู้ ดังกึกก้องในหูจนรู้สึกเหมือนกำลังถูกเขย่าตัวก็ไม่ผิด เพราะเหตุนี้เขาจึงไม่ชอบที่จะมาสถานที่อโคจรเช่นนี้ เพราะเสียงเพลงที่ราวกับถูกกระแทกเข้ากับสมอง อึดอัดเหมือนถูกกดให้จมน้ำทั้งที่ไม่เคยโดนกระทำมาก่อน แต่ก็สามารถอุปมาอุปไมยไปได้ ผู้คนเยอะแยะมากมายดิ้นพล่านอย่างสนุกสนาน แต่ในสายตาของเขา คนเหล่านั้นไม่ต่างจากหนอนโดนน้ำร้อนลวกก็ไม่มีผิด ทำไมเขาต้องมาตามคำชวนของพวกรุ่นพี่ในบริษัทที่บอกว่าจะมารับน้องใหม่ที่เพิ่งเข้ามาทำงานอย่างเขา ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่าจะต้องไม่สบายตัวอย่างนี้ แต่ก็ต้องเลยตามเลยมาเพราะพวกรุ่นพี่บอกว่ามาเลี้ยงเขาโดยเฉพาะ
และที่มากไปกว่านั้นคือถูกบังคับให้กินเหล้า รสขมร้อนกรุ่นแม้จะมีส่วนผสมของโซดาเย็นๆกับน้ำแข็งหลายก้อน แต่สำหรับเขามันยังร้อนรุ่มเมื่อไหลผ่านลงคออยู่ดี กินไปแก้วแล้วแก้วเล่า จนรู้สึกว่าความร้อนดั่งกล่าวไหลท้นไปทั่วร่างกายจนกลายเป็นเนื้อเดียวกันแล้ว
“เฮ้ยๆ ไอ้พายเมาไม่รู้เรื่องแล้วโว้ย” เสียงหึ่งๆจับประโยคได้คร่าวๆ ว่าเขากำลังเมาแล้ว
“ยังไม่เมา....” ยืนยันออกไปแบบนั้น ทั้งที่เริ่มโอนเอนหัวหมุนเป็นลูกข่างแล้ว แต่ก็ยังสามารถได้ยินและโต้ตอบคำพูดเหล่านั้นได้ เพียงเท่านั้นก็ได้ยินเสียงหัวเราะโห่ลั่นตอบกลับมาอย่างไม่เชื่อในคำตอบของเขา
พระพาย หรือ พายที่ใครๆเรียกเช่นนั้นได้แต่ขบคิด ใครกันที่พูดว่าคนเมามักจะไม่รู้เรื่อง ตรรกะไหนกันที่โยนกันมาแบบนี้สู่รุ่นต่อรุ่น สำหรับเขาคนเมามีสติเสมอ เพียงแค่ความยับยั้งชั่งใจจะน้อยลงเพียงเท่านั้น อีกทั้งกล้าหาญที่จะทำอะไรลงไปอย่างไม่คิดหน้าคิดหลังเช่นกัน แต่ไม่มีทางตีมึนไม่รู้เรื่องราวทั้งหมดได้หรอก นอกจากคนผู้นั้นตั้งใจที่จะไม่รับรู้สิ่งรอบข้างก็เท่านั้นเอง
“ไปไหนวะไอ้พาย” เสียงถามของรุ่นพี่ผู้ที่อาวุโสที่สุดชื่อพี่กล้วย
“ไปห้องน้ำ” พระพายตอบสั้นๆ ก่อนที่จะลุกขึ้นแล้วเดินคลำทางไปยังห้องน้ำ
มันทั้งมืด ทั้งแสงไฟหลากสีสลับกันไปมา ทั้งเบลอ ทั้งเสียงดัง แม้สายตาพยายามจะจดจ่อมองป้ายไฟสีขาวที่มีสัญลักษณ์บ่งบอกว่าห้องน้ำชายอยู่ตรงนั้น แต่เหมือนระยะทางจากตรงนี้จะไกลเหลือเกินในความคิดของพระพาย ขาแต่ละก้าวก็ไม่ค่อยมั่นคงจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ย่างเท้าแต่ละทีจึงโงนเงนไปทั้งตัว แต่สติก็ยังรับรู้อย่างแน่วแน่ว่าจะต้องไปเข้าห้องน้ำเพื่อปลดเบา
ในที่สุดก็เดินไปถึงห้องน้ำ ปลดปล่อยออกมาอยู่นานตามปริมาณของเหลวที่ดื่มเข้าไป พอได้เอาออกจากร่างกายก็พลันรู้สึกดีขึ้น ดูเหมือนจะสร่างเบาๆ แต่เบามากจริงๆ เพราะยังรู้สึกมึนหัวอยู่ดี เมื่อเสร็จแล้วพระพายไม่ลืมที่จะรูดซิปก่อนที่จะเดินไปล้างมือยังอ่างล้างหน้า ดึงกระดาษแผ่นหนามาเช็ดมือ แล้วเดินกลับไปยังโต๊ะ
ขามาทุลักทุเลอย่างไร ขากลับก็ไม่ต่างกัน เพราะคงยังมืด เสียงดัง และเพิ่มเติมคือแสงสีที่วิบวับจนตาลายมากกว่าเดิม ทำให้มองหาโต๊ะได้ยากขึ้น พระพายเดินคลำทางราวกับคนตาบอด
“โอ๊ย!!” พระพายร้องออกมาเมื่อชนเข้ากับใครไม่รู้อย่างจัง แรงกระแทกทำเอากระเด็นไปยังกลุ่มคนที่นั่งล้อมวงเหล้ากันอยู่ที่โซฟาใกล้ๆกัน
“ขอโทษครับ”
พระพายละล่ำละลักขอโทษ เมื่อเงยหน้ามองคนที่ตนเองล้มใส่ พบว่าเป็นผู้ชายซึ่งหน้าตาราวกับพระเอก ดารา นายแบบ หรืออะไรก็แล้วแต่เท่าที่พระพายพอจะนึกออก และดูเหมือนจะไม่ใช่แค่เขาที่หน้าตาดี แต่เป็นกันยกกลุ่ม แม้จะในผับมืดแค่ไหน แต่การเห็นกันใกล้ในระยะนี้ทำให้พอจะมองเห็นได้ชัด พระพายกลืนน้ำลายลงคอก่อนที่จะพยายามดันตัวเองให้ลุกขึ้นมาจากการล้มทับใส่คนแปลกหน้า
คนในกลุ่มทุกคนต่างพากันเงียบกริบ มีเพียงรอยยิ้มแปลกๆที่ทำเอาพระพายขนลุก ไม่รอช้ารีบดันตัวเองออกไปทั้งๆที่ยังมึนอยู่พร้อมกับเอ่ยคำขอโทษอีกหลายครั้งและรีบจ้ำอ้าวคลำทางเพื่อกลับไปยังโต๊ะของตนเองให้เร็วที่สุดเพื่อกลบเกลื่อนความอายที่ไปล้มใส่คนอื่นเช่นนั้น เมื่อกลับมาถึงโต๊ะ นั่งหายใจหายคอได้ไม่นานนัก ก็ถูกยัดเหยียดแก้วเหล้าใส่มือ พระพายส่ายหน้าทันทีพร้อมผลักแก้วคืนพี่ปี
“ผมพอแล้วพี่ เดี๋ยวกลับห้องไม่ไหว” พระพายบอก
“เอาน่า พรุ่งนี้ก็วันหยุด มึงจะนอนให้อืดถึงเย็นก็ได้ กินๆเข้าไป” พี่กล้วยบอกเช่นนั้น
“พอเหอะพี่กล้วย ไม่ไหวแล้วจริงๆ” พระพายยืนยันเสียงหนักแน่น
“พาย รับไปเถอะ นานๆที นี่งานฉลองของพายนะ ไม่ดื่มก็ไม่ได้สิ” พี่ปี พี่อีกคนที่คะยั้นคะยอพระพายอีกเสียง
ในที่สุดพระพายก็ทัดทานเสียงของพี่ๆในแผนกไม่ได้ จึงจำต้องดื่มเข้าไปอีก ดื่มไปก็มองไปรอบๆผับเรื่อยเปื่อย พบว่ามีสายตาหลายคู่มองมายังโต๊ะของเขา ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นโต๊ะที่เขาเพิ่งไปล้มใส่นั้นเอง
พระพายกระอักกระอ่วนไม่น้อยเมื่อมีสายตาจดจ้องมาเช่นนั้น แม้จะเป็นสายตาธรรมดาแต่รู้สึกแปลกๆ หรือคราวนี้ที่ดื่มไปเริ่มจะหนักขึ้นเพราะเหล้ายิ่งเข้มขึ้นจนเขารู้สึกได้ และเพียงไม่นานนักเสียงหัวเราะรอบข้างเริ่มเลือนราง แสงวิบวับของไฟดิสโก้ทำพระพายเริ่มสูญเสียสติสัมปชัญญะ และนั่นเป็นสิ่งที่พลาดจริงๆที่พระพายยอมดื่มต่อ เพราะหลังจากนี้ไปก็เกิดเรื่องราวอันเลวร้ายมากที่สุดในชีวิตยี่สิบห้าฝนของพระพายก็ว่าได้
...
..
.
“อื้อ...อย่าทำ..!!!” น้ำเสียงแหบแห้งเปล่งออกมา ส่ายหน้าอย่างทรมาน เปลือกตาถูกดทับจากสิ่งที่เรียกว่าผ้าปิดตา แบบนี้ยิ่งอึดอัดจนอยู่ไม่สุข
“ไม่ต้องกลัว...” เสียงทุ้มนั้นเอ่ยขึ้น...ใครกัน เป็นใคร ตอนนี้เกิดอะไรขึ้น
“เจ็บ...อ๊ะ!!” รู้สึกสัมผัสแปลกๆตรงช่องทางด้านหลัง ร่างกายเหมือนถูกกระชากฉีก เนิ่นนานเท่าความรู้สึกที่ถูกกระทำอะไรต่อมิอะไรจากด้านหลังตรงนั้น
“ชอบไหม?” เสียงนั้นถาม ราวกับกำลังปลอบประโลม แรงขยับถาโถมเข้ามาเป็นจังหวะ
“อืม...อื้อ...” แน่นอนว่าทำเอาความรู้สึกระเจิดกระเจิงจนไม่อาจจะโกหกได้ว่า...รู้สึกดี
“ร้องออกมาอีกสิ ร้องออกมา...” เสียงนั้นเร่งเร้ามากขึ้น
“อะ...อื้อ...” พระพายกรีดร้องเสียงกระเส่าตามคำเร้าของคนที่ไม่รู้ว่าใคร
“เรียกชื่อสิ...” เสียงแห่งความต้องการเอ่ยขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
“คุณชื่อ..อะ..อา..อะไร?” เปล่งเสียงถาม ความมึนเมาที่ว่าแน่ของแอลกอฮอล์ ก็ไม่เท่าความรู้สึกที่กำลังก่อเกิดขึ้นตอนนี้
“.......” พูดอะไร ชื่ออะไร พระพาย...ไม่ได้ยินมัน...
To Be Continued.
*Lyrics: Holler by Spice Girl.
++++++++++++++++++++++++++++++
สวัสดีค่ะ มาลงตอนที่ 1 ค่ะ ติชมกันได้นะคะ ชอบไม่ชอบก็บอกกันมาเลยค่ะ ถ้ามีคำผิดหรือข้อผิดพลาด ก็ขออภัย ณ ทีนี้ด้วยค่ะ
+++++++++++++++++++
Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 1 Make you holler.
What we do.
อะไรที่เราทำ...
I won’t tell anyone.
ฉันจะไม่บอกใคร...
พระพายสะดุ้งเฮือกลืมตาขึ้นมาพร้อมเสียงเข็มวินาทีจากนาฬิกาเรือนใหญ่ที่แขวนอยู่ที่ฝาผนัง ไม่รู้ว่าที่นี่ที่ไหน อาการมึนหัวจะการดื่มเหล้าเข้าไปดูเหมือนจะหายเป็นปลิดทิ้ง พระพายกรอกตาไปมาอย่างตั้งใจตั้งสติพลางเอามือทาบทับลงบนพื้นที่ข้างๆ พบแค่ความอุ่นจางๆ ซึ่งบ่งบอกได้ว่ามีคนเพิ่งลุกออกไป จากนั้นก็เหลือบสายตาไปยังส่วนที่ใกล้ที่สุดคือโต๊ะที่ตั้งใกล้หัวเตียง พบว่ามีข้าวของแปลกๆอย่างเช่นผ้าปิดตา กล่องถุงยางอนามัยและหลอดเจลสีใสวางอยู่
เมื่อเห็นของเหล่านั้นแล้วรู้สึกราวกับมีคนสาดน้ำเย็นตั้งแต่หัวจรดเท้า เหมือนตกจากที่สูงก็ไม่ผิดนัก เมื่อคืน..พระพายรู้ตัวชัดเจน แม้จะเมาแต่ก็อย่างที่เคยพูดไว้ คนเมามีสติเสมอ เรื่องราวเมื่อคืนฉายภาพขึ้นมาในหัว แม้จะเลือนรางประติดประต่อยากแต่ความรู้สึกยังคงติดอยู่กับร่างกาย...เมื่อคืนเขาถูกผู้ชายที่ไหนไม่รู้สอดใส่ทางด้านหลังนับครั้งไม่ถ้วน อีกทั้งที่น่าเจ็บใจคือร่างกายกลับอ่อนโอนเต็มใจให้ถูกกระทำไปเสียได้ มองไปรอบๆเป็นห้องนอนที่ดูดีที่สุดเท่าที่พระพายเคยเห็นมา เป็นห้องที่สะอาดตา ตกแต่งด้วยสีโทนเทาขาว มองไปรอบๆพบเครื่องตกแต่งที่ไม่มากชิ้นเกินพอดีดูเรียบหรูบ่งบอกถึงรสนิยมเรียบง่ายแต่แพงหูฉี่ของเจ้าของห้อง
แต่นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมามองการตกแต่งห้องของคนที่ไม่รู้ว่าใคร ในชีวิตไม่เคยคิดจะมีวันไนท์สแตนด์อย่างใครเขาสักครั้ง กับผู้หญิงยังไม่เคยคิดแล้วนี่กับผู้ชายยิ่งเกินกว่าจะคาดถึงไปเสียอีกจึงตั้งรับกับเรื่องนี้ไม่ถูก เมื่อคิดๆดูแล้ว สิ่งแรกที่ต้องทำคืออะไร เผชิญหน้ากับคนๆนั้นหรือจะหนีกลับไปแล้วทิ้งมันไว้เป็นเบื้องหลังเสีย ซึ่งความจริงพระพายไม่พร้อมจะเจอหน้าคนๆนั้นเลยสักนิด ไม่อยากรับรู้ว่าเขาเป็นใครและเหตุใดเมื่อคืนนี้ถึงเกิดเรื่องพวกนั้นได้ ฉะนั้นทางเลือกอย่างที่สองคือสิ่งที่พระพายต้องทำ
พอเริ่มขยับตัวความเจ็บปวดรวดร้าวเล่นไปทั้งกระดูกสันหลัง ช่องทางด้านหลังหน่วงแปลกๆจนถึงขั้นเจ็บแสบเลยทีเดียว พระพายกัดฟันดันตัวเองขึ้นมาจากเตียงนอน ก้มลงมองหน้าท้องของตนที่ตอนนี้มีรอยแดงเป็นจ้ำๆบางรอยถึงกับช้ำม่วงนิดๆ...คนนั้นๆมีรสนิยมทำคู่นอนเจ็บปวดหรืออย่างไรและที่น่าตกใจคือพระพายไม่ได้ต่อต้านเรื่องเมื่อคืนเลย หรือลึกๆแล้วชอบความรุนแรงอย่างที่ไม่เคยรู้ตัวมาก่อนก็ได้
ไม่ทันที่จะนึกอะไรไปมากกว่านั้น พระพายเพิ่งจะได้ยินเสียงน้ำไหลซู่เบาๆมาจากที่ไหนสักแห่ง แน่นอนว่าคนๆนั้นกำลังอาบน้ำอยู่ โอกาสจะหายตัวไปตอนนี้ก็ทำได้ง่าย พระพายจึงรีบหาเสื้อผ้าที่เกลื่อนกลาดอยู่ปลายเตียง สวมใส่อย่างลวกๆทั้งๆที่ร่างกายก็เจ็บปวดไม่น้อย มองหาข้าวของของตนเองที่อาจจะตกหล่นอยู่ และพบว่ากระเป๋าสตางค์กับโทรศัพท์มือถือของตัวเองวางอยู่ใกล้ๆหมอนที่เพิ่งลุกมาเมื่อครู่นี้ จึงรีบจัดการเก็บมันใส่กระเป๋ากางเกงทันทีจากนั้นมองหาประตูทางออก เดินย่องเบาๆแต่รวดเร็วแม้จะติดขัดตรงสะโพกไปหน่อยแต่พระพายก็ยังไหว เมื่ออกมาจากห้องนั้นได้ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกแล้วรีบเดินอย่างเร็วที่สุดออกจากที่นี่ ตรงไปยังลิฟต์ซึ่งเพิ่งจะรู้ว่าชั้นนี้มันคือชั้นบนสุดของตึก
ลิฟต์เลื่อนลงมาจนถึงชั้นล่างสุด ตรงล็อบบี้นั้นมีพนักงานต้อนรับมองหน้าพระพายอย่างสนใจ เมื่อเห็นเช่นนั้นจึงรีบเดินออกจากที่นี่แล้วตรงไปยังด้านหน้าคอนโดหรูแห่งนี้เพื่อเรียกแท็กซี่กลับไปยังหอพักของตนเองซึ่งอยู่ห่างจากที่นี่ไม่มากนัก
ใช้เวลากว่าชั่วโมงเพราะวันหยุดรถราเยอะแยะตามประสาเมืองกรุง เมื่อกลับมาถึงห้องซึ่งตอนนี้ก็เป็นเวลาสิบโมงแล้ว พระพายจึงรีบไปอาบน้ำชำระร่างกายแล้วพลางนึกถึงเรื่องเมื่อคืนที่เกิดขึ้น
พระพายจำไม่ได้จริงๆว่าไปกับคนแปลกหน้าได้อย่างไร แล้วพี่ปีกับพี่กล้วยและคนอื่นๆไม่เห็นเลยหรือว่าเขาหายตัวไปไหน เหมือนช่วงเวลาของเมื่อคืนขาดหายไปเป็นช่วงๆ เหมือนไฟฟ้าตกที่ติดๆดับวับๆแวมๆไม่ต่างกับความทรงจำเมื่อคืน แต่ที่ติดตราตึงใจเหลือเกินคือฉากอย่างว่าที่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่สามารถสะบัดให้หลุดออกจากสมองได้
จำได้ตั้งแต่ถูกพานอนลงบนเตียงนอนนุ่ม หน้าตาของผู้ชายคนนั้นก็เลือนรางเหมือนความฝัน จากนั้นถูกปิดตาลงด้วยผ้าปิดตาอย่างแน่นอนเพราะตื่นเช้ามายังเห็นของชิ้นนั้นวางอยู่ ความมือมิดที่ถูกครอบงำนำพาความตื่นเต้นมากขึ้นเป็นทวีคูณ แม้ทุกอย่างจะเลื่อนลอยดั่งความฝันแต่ความแข็งแกร่งที่สอดแทรกมายังส่วนหลังของร่างกายนั้นเป็นของจริง ถูกโอ้โลมครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งที่ถูกปิดตาแต่กลับนึกภาพจินตนาการออกมาว่าโดนกระทำตรงไหนบ้าง พระพายอาบน้ำไปพลางลูบไล้ยอดอกที่สีแดงก่ำ บ่งบอกว่าเมื่อคืนถูกโลมเลียจุดนี้มากขนาดไหน ทั้งเม้มทั้งทึ้งเสียจนแอ่นอกเข้าหา ยามที่ถูกกระแทกกระทั้นผลักไสความแข็งแกร่งเข้ามาแต่ละครั้ง มันทั้งอึดอัดทั้งสุขสมอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน มันเป็นโลกที่ไม่เคยเอื้อมถึงด้วยตัวเองเพราะที่ผ่านมาเคยแค่กระทำชำเราด้วยฝ่ามือและนิ้วทั้งห้าเท่านั้น มันจึงยังคงความรู้สึกวาบหวามติดอยู่กับร่างกายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เพียงแค่นึกก็เริ่มรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาจนแกนกายทำท่าจะตั้งชัน พระพายจึงรีบอาบน้ำให้รวดเร็วขึ้นทันที เพราะถึงจะรู้สึกดีเท่าไหร่แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าสิ่งที่เพิ่งโดนกระทำไปเป็นสิ่งถูกต้อง ผู้ชายกับผู้ชายมีความสัมพันธ์เช่นนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่คนอย่างพระพายที่มั่นใจในความเป็นชายมาตลอดชีวิตจะพึงรับได้ ยิ่งรู้สึกดีเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกผิดกับตนเองมากขึ้นไปเท่านั้น จิตใจของพระพายตอนนี้ทั้งสับสนระคนรู้สึกผิดก็ไม่ปาน ว่าจะเสียใจที่โดนกระทำเช่นนั้นหรือไม่ แต่หากน้ำตาก็ไม่ได้ไหลสักหยด นั่นแปลว่าไม่ได้รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น หรือเสียดายที่เสียประตูหลังให้คนอื่น หมดแล้วซึ่งความเป็นชายอันน่าภาคภูมิใจของตน แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้คิดเช่นนั้น เพราะการเป็นผู้ชายไม่ได้วัดที่เรื่องเหล่านั้น แต่วัดกันที่ศักดิ์ศรีและความดีมากกว่า เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วพระพายจึงสับสนจนไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนดี
คิดไปก็เท่านั้น ถึงเวลากลับสู่โลกแห่งความเป็นจริง หลังจากอาบน้ำเสร็จ พระพายก็ประแป้งเด็กที่ชอบใช้เพราะราคาถูกและหอมสดชื่น จากนั้นก็สวมเสื้อยืดกางเกงบอลเอวย้วย ก่อนที่จะควานหายาแก้อักเสบยาแก้ปวดหรือยาอะไรที่พอจะบรรเทาความเจ็บปวดที่เต้นตุบๆที่ช่องทางด้านหลัง เมื่อซัดยาเข้าไปแล้วความเหนื่อยล้าบวกกับความเจ็บปวดก็พาให้พระพายล้มตัวลงนอน เข้าสู่นิทราได้อย่างรวดเร็ว...
...
..
.
นานเท่าไหร่ก็ไม่รู้แต่เสียงเพลงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ปลุกให้พระพายลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย พลางหันมองนาฬิกาบนโต๊ะบอกเวลาว่าตอนนี้เป็นเวลาหนึ่งทุ่มแล้ว นี่นอนไปนานขนาดนั้นเลยหรือ พระพายควานหาโทรศัพท์ที่ยังคงแผดเสียงดังลั่นขึ้นมาสไลด์หน้าจอรับสาย
“ฮัลโหล....” พระพายกรอกเสียงแหบของตนเพราะเพิ่งตื่นนอน ต้องขอบคุณยาและความอึดของตนเองที่ตื่นขึ้นมาแล้วไม่เป็นไข้ ทั้งที่หลังจากที่โดนกระทำชำเรามาขนาดนั้นแล้วแท้ๆ
“ไอ้พาย กูเอง” เสียงที่เหมือนจะคุ้นผ่านเข้ามายังโสตประสาทหู
“กูไหน?” พระพายขยี้ตา ก่อนจะดันตัวขึ้นมานั่งพิงหัวเตียง
“เพื่อนมึงไง เก้าอะเก้า”
“อ๋อ...ไอ้เก้า มึงเองเหรอ เปลี่ยนเบอร์ใหม่รึไง กูจำได้ว่าเมมเบอร์มึงไว้แล้วนะ”
“เออๆ กูหนีคนอยู่ว่ะ ช่วงนี้ขอไปพักหอมึงก่อนได้ไหมวะ?”
“หนีใครวะ เจ้าหนี้หรืออะไร?” พระพายตาสว่างขึ้นมาทันที
“เรื่องมันยาว เอาเป็นว่าจะให้กูไปพักกับมึงก่อนได้ไหมวะ เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง ขอร้องเหอะเพื่อน” เก้าพูดเสียงอ่อน ร้อยวันพันปีเก้าไม่เคยรบกวนอะไรพระพายเลย ครั้งนี้คงสาหัสจริงๆ
“เออได้ๆ มาเหอะ แล้วเวลามาก็ดูให้ดีๆล่ะว่าคนที่มึงหนีตามมารึเปล่า เดี๋ยวจะพากูซวยไปด้วย”
“รู้หรอกน่า เดี๋ยวเจอกัน” เก้าว่าแล้วตัดสายทิ้งไป
เก้า เป็นเพื่อนที่สนิทมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยแล้ว แต่มีช่วงหนึ่งเก้าไม่ค่อยติดต่อมา เพราะรายนั้นบอกว่างานยุ่ง จนไม่คิดว่าวันนี้เก้าจะมาขอความช่วยเหลือเขาอย่างนี้ เอาเถอะถึงเก้าจะอารมณ์ร้อนไปบ้างแต่ก็ไม่เคยนอกลู่นอกทาง ครั้งนี้คงจะมีเรื่องมาจริงๆถึงได้ขอความช่วยเหลือกะทันหันแบบนี้
พอตื่นเต็มตาท้องก็เริ่มหิว เพราะวันนี้ทั้งวันยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยนอกจากยาและน้ำเปล่า พระพายบิดตัวช้าๆยังคงรู้สึกเจ็บแต่ไม่มากเท่ากับตอนตื่นนอนเมื่อเช้า ช่องทางด้านหลังยังคงติดขัดอยู่เล็กน้อย คิดว่าต้องลงไปซื้อยาข้างล่างห้องพักซึ่งมีร้านขายยาเสียแล้ว
พระพายเดินช้าๆลงมาจากชั้นบน โชคดีที่ห้องอยู่แค่ชั้นสอง ไม่ต้องเดินขึ้นลงบันไดเยอะ พอลงมาถึงก็ไม่รอช้ารีบเดินไปร้านอาหารตามสั่ง สั่งข้าวผัดสองกล่องกับแกงจืดเต้าหู้หมูสับเผื่อเก้าด้วย ถ้าเจ้าตัวไม่กินก็คงจะแช่ตู้เย็นแล้วค่อยอุ่นกินพรุ่งนี้แทน
พอสั่งป้าเจ้าของร้านเสร็จ ก็เดินไปอีกสองล็อคก็ถึงร้านขายยาแล้ว ยืนชั่งใจอยู่นานว่าจะบอกอาการกับเภสัชกรอย่างไรดี จะบอกว่าถูกข่มขืนคงได้แตกตื่น หรือจะบอกว่ามีอะไรกับแฟนก็อายที่จะบอกเพราะมันไม่ใช่เรื่องจะบอกว่าถูกเสียบมา พระพายลังเลใจอยู่นานกว่าจะนึกเหตุผลดีๆออกคือเข้าท้องผูกและเบ่งจนเลือดออก
เภสัชกรจัดยาให้พระพายอย่างคล่องแคล่ว บอกวิธีการทายาและเขียนระบุเวลาทานยาแบบเม็ดให้เสร็จสรรพ พระพายจ่ายเงินพร้อมรอยยิ้ม ก่อนที่จะเดินออกมาไปยังร้านอาหารตามสั่ง ยืนรออาหารที่สั่งไปเพียงไม่นานนักก็ได้ครบตามที่สั่งไว้ เมื่อได้ข้าวแล้วพระพายจึงเดินกลับห้อง เดินไปได้ไม่กี่ก้าว กลับมีเสียงเรียกขึ้นมาจากด้านหลัง
“ไอ้พาย” เสียงเรียกนั้นทำให้พระพายหันหลังกลับไป
“มาแล้วเหรอมึง” เก้านั่นเอง
“มึงซื้อข้าวเผื่อกูรึเปล่า?” เก้าถาม ก่อนที่จะดึงถุงข้าวไปถือเอง ทั้งที่ตนเองก็สะพายกระเป๋าข้างใบใหญ่มา
“ซื้อสิวะ ว่าแต่นี่มึงขนมาหมดบ้านแล้วรึไง?” พระพายหันไปถามพลางมองกระเป๋าใบนั้น
“ก็น่าจะอยู่หลายวันหน่อย ไม่แน่ก็เป็นเดือน เดี๋ยวช่วยออกค่าน้ำค่าไฟค่าเช่าห้อง ไม่ต้องห่วง” เก้าว่าพลางยิ้มแป้น
“นี่กูถามจริงๆเหอะ มึงหนีอะไรมา” เดินไปพระพายก็ถามไป จนตอนนี้ถึงประตูหน้าห้องแล้ว
“ไว้เล่าหลังกินข้าวเสร็จเถอะมึง เดี๋ยวจะเล่าละเอียดยิบเลย” เก้าว่า ก่อนที่จะโยนกระเป๋าเข้ามุมห้อง แล้วเดินไปยังโต๊ะกินข้าวเล็กๆ
“ห้องมึงยังสวยเหมือนเดิมว่ะ”
“ช่างยอจริงนะ นี่ปากดีเพราะมาอาศัยอยู่กับกูใช่ไหมล่ะ?” พระพายพูด พลางแกะถุงแกงจืดเทใส่ถ้วย
“จริงๆนะ ปากดีแกล้งชมห้องมึงซะที่ไหน”
พระพายได้แต่หัวเราะร่วน อย่างน้อยก็รู้สึกดีขึ้นหลังที่เกิดเรื่องไม่คาดฝันมาเมื่อคืน มีเพื่อนให้พูดคุยให้หัวเราะทำให้ก้อนหนักๆที่ทับความรู้สึกของเขาเบาลงไปทันตา
“เออ มึงชมจริงๆเชื่อแล้ว” พระพายว่าก่อนจะนั่งลงเพื่อทานข้าว
หอพักที่นี่เป็นห้องแอร์ ราคาถือว่าไม่แพงและไม่ถูกเสียทีเดียว ห้องทุกอย่างแบ่งเป็นสัดส่วนทั้งห้องนอน ห้องน้ำ และเคาน์เตอร์ครัวเล็กๆ ถือว่าเหมาะสำหรับการอยู่คนเดียว เพราะทุกอย่างกะทัดรัด ที่นี่พระพายเริ่มเช่ามาตั้งแต่เรียนจบ ป้าซึ่งอยู่ทางภาคเหนือ ที่เลี้ยงพระพายมาตั้งแต่เด็กและเป็นคนส่งเสียพระพายเรียนเลือกห้องแห่งนี้ให้ แต่ท่านเพิ่งเสียไปเมื่อสองปีที่แล้ว ทำให้พระพายไม่คิดจะออกจากห้องนี้ไม่ว่ายังไงก็ตามเพราะเป็นเพียงสิ่งเดียวซึ่งเป็นความหวังดีของป้าผู้มีพระคุณเลือกไว้ให้
“มึงไม่ทำงานเหรอวะ?” พระพายถาม พลางนั่งลงตรงข้ามเก้าแล้วตักข้าวผัดเข้าปาก
“ทำสิ ที่ทำงานกูไม่ไกลจากหอมึงเท่าไหร่หรอก แล้วมึงล่ะ?”
“กูเพิ่งเปลี่ยนงานใหม่ได้สองอาทิตย์แล้ว”
“งานเก่าไม่ดีเหรอวะ?”
“มันไกลจากหอ กูเหนื่อยจะเดินทางอีกอย่างเงินเดือนน้อยแต่ใช้งานซะอ่วมเลย” พระพายได้ทีบ่นให้เก้าฟัง
“ถ้าคับใจก็ไม่ต้องอยู่ แล้วที่ทำงานใหม่มึงโอเคไหมวะ?” เก้าถามก่อนจะซดแกงจืดเสียงดัง
“ดี เพื่อนร่วมงานดี เงินเยอะ ทุกอย่างเป็นระบบ”
“เออดีแล้ว”
“ว่าแต่มึงเหอะ หายหัวไปไหนตั้งหลายเดือน ไม่ติดต่อกูมาเลย โทรไปทีไรก็ไม่รับสายไม่ก็ปิดเครื่อง” พระพายถามบ้าง เพราะนานกว่าสามสี่เดือนแล้วที่เก้าไม่ติดต่อเขาเลย
“ก็...กูยุ่งเรื่องงานนิดหน่อย อีกอย่างมันก็เกี่ยวกับเรื่องที่กูกำลังหนีอยู่ด้วยนี่แหละ”
“เกิดอะไรขึ้น ไหนเล่ามาสิ”
อย่างที่เก้าบอกว่าจะเล่าตอนที่ทานข้าวเสร็จแล้ว เพราะตอนนี้ข้าวผัดและแกงจืดต่างเกลี้ยงไม่เหลือแม้แต่ซากให้เห็นแล้ว พระพายลูบท้องเบาๆก่อนที่จะนั่งยืดขาเพื่อคลายความอึดอัด เช่นเดียวกับเก้าที่เรอออกมาเบาๆและจากนั้นเก้าจึงยอมเปิดปากเล่า
“เรื่องของเรื่องเลย คือกูไปผับ ดันไปเจอผู้หญิงคนนึง สวยมาก”
“นี่มึงไม่เท้าความตั้งแต่เดินเข้าผับมาเลยล่ะเก้า” พระพายพูดอย่างเซ็งๆ เก้าขึ้นชื่อเรื่องกวนโอ๊ยที่สุด
“ฟังกูก่อน นี่กูเล่าเนื้อๆแล้วนะ”
“เล่าต่อๆ” พระพายเร่งให้เก้าเล่าต่อ
“กูก็สอยผู้หญิงคนนั้นได้สำเร็จนั่นแหละ นั่งกินเหล้าไปนัวเนียไป แต่เรื่องมันเกิดหลังจากนี้นี่สิ มีผู้ชายที่ไหนไม่รู้เดินมาต่อยกู บอกว่ากูไปยุ่งเด็กมัน”
“ไงล่ะ โดนเข้าไปเลยมึง กินผู้หญิงไม่ดูหน้าดูหลัง” พระพายซ้ำเติมน้อยๆ เก้าขึ้นชื่อเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว ขนาดอายุเบญจเพสแทนที่จะตั้งใจทำงาน ยังเที่ยวเล่นไปเรื่อยเหมือนเมื่อสมัยเรียนไม่มีผิด
“กูผิดรึไง สาวมาอ่อยกูเอง วินๆกันทั้งคู่ ใครจะรู้ว่ามีผัวล่ะ กูไม่ยอมหรอกกูก็ต่อยกลับ”
“ให้กูเดา....จากนี้มึงโดนรุมสินะ” พระพายทายแม่นเหลือเกิน เพราะเก้าพยักหน้ารับอย่างแกนๆ
“จะเหลือเหรอมึง แม่งโดนรุมตีนสิ หน้าตาพวกมันก็ดีนะมึง แต่ทำไมถึงต้องมาตีกับกูเพราะเรื่องผู้หญิงก็ไม่รู้ ไปหาใหม่ยังจะง่ายกว่า”
“แล้วทำไมมึงต้องหนี?”
“พวกมันกัดไม่ปล่อย กูไปผับตอนไหนก็เจอกูหาเรื่องกูไม่จบ ที่สำคัญ...มันสืบเบอร์โทรกูด้วย แถมจ้างให้คนมากระทืบกูอีกต่างหาก” เก้าเริ่มนิ่วหน้า
“น่ากลัวจะมีอิทธิพล มึงไปแย่งเด็กผิดคนแล้วไอ้เก้า” พระพายเริ่มเครียดไปด้วย เรื่องของเขาที่เจอมาเมื่อคืนน่ากลัวจะเทียบไม่ติดกับของเก้าเลยทีเดียว
“กูหนีมาสองสามเดือนแล้ว แต่โชคยังดีที่มันเริ่มซาๆ จากที่ตามกูอาทิตย์ละสามสี่หน นี่ก็เหลืออาทิตย์ละครั้งแล้ว”
“แล้วมึงจะหนีทำไมวะ?” พระพายไม่เข้าใจ ในเมื่อลดจำนวนการตามหาลงแล้ว ทำไมถึงยังต้องหนี
“ก็คราวนี้มันมาเองเลยนะสิมึง คนที่ต่อยกับกูวันนั้นน่ะ นี่ล่าสุดเลยเมื่อสามวันที่แล้วบุกมาหากูถึงห้องกูเลย ถ้าอย่างนั้นกูไม่หนีหรอก” เก้าว่าพลางทำหน้าขยาด
“มันทำไมกัดมึงไม่ปล่อยแบบนั้นวะ” พระพายถาม ไร้เหตุผลสิ้นดีกับเรื่องเข้าใจผิดเท่านั้น อีกอย่างก็แลกหมัดกันไปแล้วน่าจะจบ
“กูก็ถามมันนะ แต่มันบอกกูว่ากูกล้ายุ่งของๆมันแถมยังกล้าต่อยมันกลับ มันเลยไม่ยอมจะเอาคืนกูให้ได้เลย”
“มึงได้ขอโทษมันไปบ้างรึยัง ตอนเกิดเรื่องน่ะ?” พระพายถาม เก้าเงียบไป
“ไม่อะ กูไม่ได้ผิดซะหน่อย”
“ถ้าอย่างนั้นมึงก็สมควรแล้วล่ะ นี่จะเอายังไง หลบไปตลอดก็ไม่ได้หรอกนะ” ไม่เห็นด้วยเลยที่เก้าจะต้องหนีไปตลอด ทั้งที่เรื่องก็ไม่ได้คอขาดบาดตายขนาดนั้น
“เดี๋ยวกูคงต้องไปเคลียร์กับมันสักวันนึงนั่นแหละ แต่ตอนนี้ขอมาอยู่กับมึงก่อนก็แล้วกัน” เก้าพูดแบบสบายๆ พระพายได้แต่ถอนหายใจออกมา
“มาอยู่กูไม่ว่าหรอก แต่ถ้าสร้างเรื่องให้กูด้วยมึงจะโดนกูจัดการ”
“ครับๆคุณพระพาย ไปๆเดี๋ยวกูล้างจานเอง” เก้าว่า ก่อนที่จะหยิบถ้วยชามช้อนไปล้างที่ให้ พระพายจึงมีหน้าที่เก็บขยะไปทิ้ง
จู่ๆมีเสียงข้อความเข้าในไลน์ พระพายจึงรีบทิ้งขยะแล้วเดินไปเปิดโทรศัพท์มือถือของตนเอง มันขึ้นว่ามีคนส่งรูปมาให้ ซึ่งเป็นรายชื่อเพื่อนที่พระพายไม่คุ้นเลยสักนิด มันมีอยู่สองภาพด้วยกัน แต่ที่แน่ๆพระพายใจแกว่งทันทีที่เห็นภาพ ไม่รอช้ารีบเปิดรูปใหญ่ขึ้นมาดู รอโหลดเพียงสักครู่ก็เห็นภาพเต็มสองตา เป็นภาพที่ตัวเองกำลังนอนเปลือยท่อนบนและมีผู้ชายคนหนึ่งซุกไซร้ที่ซอกคอ และแน่นอนว่าคนถ่ายป้องกันตัวเองน่าดูเพราะไม่แม้แต่จะเห็นใบหน้า นอกจากร่างกายที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อสีขาวผ่องแต่ไม่หนาเท่าที่ควร แต่กับของพระพายใบหน้าของเขาเอียงเข้ากล้องเต็มๆ ส่วนรูปที่สองคือรูปที่เขาถูกผ้าปิดตาอ้าปากเล็กน้อย ดูก็รู้ว่ากำลังมีอารมณ์ร่วมกับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนั้น พระพายชาวูบหัวใจหล่นไปอยู่ตรงปลายเท้าก็ไม่ผิด เพียงครู่เดียวก็มีข้อความขึ้นมาต่อจากภาพสองภาพนั้น
จะไม่บอกใคร ถึงเรื่องของเราเมื่อคืนนี้
แต่จะบอกว่ามีคลิปของเราเก็บไว้ด้วยนะ
อยากเจอกันรึเปล่า?
ให้เวลาถึงวันจันทร์
มาที่ผับที่ไปเมื่อคืนสิ
ไว้เจอกัน.. พระพายจะต้องทำอย่างไร เกิดเรื่องบ้าแบบนี้ได้ยังไง ลืมฉุกคิดไปว่าอาจจะมีเรื่องที่เรียกว่าการแบล็คเมล์อยู่ ที่สำคัญคนๆนี้ต้องการอะไร พระพายมองชื่อในไลน์ของชายคนนั้น มันเขียนเป็นภาษาอังกฤษว่า PHT... ชายคนนี้คือใครกัน...
+++++++++++++++++++++
*Lyrics: Holler by Spice Girl.